Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore powepoint MG

powepoint MG

Published by kanthikasaeng2561, 2018-11-20 09:19:34

Description: powepoint MG

Search

Read the Text Version

ในการสรรหาบคุ คลภายนอก ผูบ้ รหิ ารจะตอ้ งพจิ ารณาลกั ษณะของตลาดแรงงานเป็ นปัจจยั ในประเด็นต่างๆดงั นี้ 1. ขอบเขตของตลาดแรงงาน 2. แรงงานทมี่ อี ยแู่ ละหาได ้ 3. เงอื่ นไขทางเศรษฐกจิ 4. ความน่าสนใจขององคก์ าร 5. แรงงานใหม่ทเี่ พงิ่ จบการศกึ ษาและเพงิ่ ทางานครง้ั แรก มกั จะเปลยี่ นงานบ่อย 6. บคุ คลทมี่ งี านอย่แู ลว้ และไม่พอใจในงานของตน มีต่อหนา้ ถดั ไป 7. การสรรหาบคุ คลโดยอาศยั หน่วยงานหรอื บ

วธิ กี ารสรรหาหรอื การแสวงหาบุคคล1. ประกาศหรอื โฆษณา เมอื่ มตี าแหน่งวา่ งก็อาจทาได ้โดยการประกาศหรอื โฆษณาทางวทิ ยโุ ทรทศั น์หนังสอื พมิ พ ์ และอาจจะปิ ดประกาศตามสถานทตี่ า่ งๆ2. การตดิ ตอ่ โดยตรง ทาไดโ้ ดยสง่ คนขององคก์ ารเขา้ไปตดิ ตอ่ โดยตรงตามแหลง่ ตา่ งๆ3. ใชว้ ธิ ใี หพ้ นักงานทที่ างานอยใู่ นองคก์ ารเป็ นผู ้แนะนาให ้ เพราะพนักงานในองคก์ ารยอ่ มมอี ยู่เป็ นจานวนมาก4. ตดิ ตอ่ องคก์ ารธรุ กจิ ทที่ าหนา้ ทใี่ นกมาีตร่อจหนดั า้ หถดั าไคป นใหแ้ ก่องคก์ ารตา่ งๆ

กระบวนการสรรหาบุคคลเขา้ ทางาน กระบวนการสรรหาบคุ คลเขา้ ทางานมี 9 ขน้ั ตอน1. องคก์ ารจะตอ้ งสรา้ งภาพลกั ษณท์ ดี่ ตี อ่ สาธารณชน2. องคก์ ารจะตอ้ งพจิ ารณาจากใบคาขอเพมิ่ พนักงาน3. การพจิ ารณาจากใบคาขอเพมิ่ พนักงาน4. การประกาศรบั สมคั รตามสอื่ ๆตา่ งๆ5. การรบั สมคั ร6. การคดั เลอื ก7. การตรวจสอบรายละเอยี ดของผสู ้ มคั รอกี ครง้ั หนึ่ง8. การตดั สนิ คดั เลอื ก มีต่อหนา้ ถดั ไป9. การรบั เขา้ ทางาน

การคดั เลอื กบุคคลเขา้ ทางานกระบวนการทผี่ ูบ้ รหิ ารใชศ้ ลิ ปะและกลยทุ ธต์ า่ งๆพจิ ารณาบคุ คลทอี่ ย่ใู นสงั คมเพอื่ ดาเนินการคดั เลอื กและบรรจบุ คุ คลทมี่ คี ณุ สมบตั เิ หมาะสมเขา้ อยใู่ นองคก์ ารและขณะทบี่ คุ คลเขา้ มาปฏบิ ตั งิ านในองคก์ ารไดม้ กี ารจดั กจิ กรรมพฒั นาธารงรกั ษาใหบ้ คุ คลทคี่ ดั เลอื กเขา้ มาเพมิ่ พนูความรคู ้ วามสามารถ มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

1.สมั ภาษณข์ น้ั ตน้2.การตรวจใบสมคั ร3.การสอบถามหวั หนา้ งานเดมิ หรอื บคุ คลอา้ งองิ4.การทดสอบทางจติ วทิ ยา5.การทดสอบความรคู ้ วามสามารถ ซงึ่ อาจจะมกี ารทดสอบ ไดด้ งั นี้ 5.1.การทดสอบความฉลาด 5.2.การทดสอบความถนัดและเชาวป์ ัญญา 5.3.การทดสอบทางอาชพี 5.4.การทดสอบทางบคุ ลกิ ภาพ มีตอ่ หนา้ ถดั ไป6.การสอบขอ้ เขยี นและการสมั ภาษณ์

การบรรจแุ ละการฝึ กอบรมพฒั นาบคุ ลากรการบรรจุ ในองคก์ ารธรุ กจิ สว่ นมาก เมอื่ ผูส้ มคั รผ่านการคดั เลอื กแลว้ ก็ยงั ไม่ไดเ้ ป็ นพนักงานอย่างสมบรู ณ์จนกวา่ จะไดร้ บั การทดลองและความสามารถปัญหาการบรรจชุ ว่ั คราว เมอื่ ไม่มตี าแหน่งทวี่ า่ งทเี่ หมาะแกผูส้ มคั รทมี่ คี ณุ สมบตั ิ บางองคก์ ารใชว้ ธิ กี ารรบั สมคั รใหท้ างานในตาแหน่งใดตาแหน่งหนึ่งเป็ นการชว่ั คราวการตดิ ตามผลหลงั จากการบรรจุ ความดคี วามชอบการรว่ มมอื ปรกึ ษาหารอื ระหวา่ งผบู้ งั คบั บญั ชา ของผูท้ ี่ไดร้ บั การบรรจุ การสมั ภาษณผ์ ทู ้ ไี่ ดร้ บั บรรจเุ พอื่ ดผู ลในระยะตอ่ มา

การฝึ กอบรมและการพฒั นาบคุ ลากร1.การฝึ กอบรม เป็ นการใหค้ วามรแู ้ กพ่ นักงาน2.การใหก้ ารศกึ ษา การเนน้ การเรยี นรเู ้ กยี่ วกบั เรอื่ งงานในอนาคต3.การใหก้ ารพฒั นา เป็ นการใหค้ วามรใู ้ นเรอื่ งทว่ั ไปแก่พนักงาน

การเปลยี่ นแปลงโยกยา้ ยตาแหน่ง วตั ถปุ ระสงคก์ ารโยกยา้ ยตาแหน่ง1.เพอื่ ปรบั ปรงุ โครงสรา้ งขององคก์ ารใหด้ ขี นึ้2.เพอื่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าของพนักงานใหส้ งู ขนึ้3.เพอื่ สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บขอ้ บงั คบั ขององค ์การมากขนึ ้4.เพอื่ ปรบั ปรงุ การปฏบิ ตั งิ านใหเ้ หมาะสมกบัสภาพการณ์

การเลอื่ นตาแหน่งงาน1.1 ประเภทของการเลอื่ นตาแหน่ง 1.1.1.การเลอื่ นตาแหน่งในงานอาชพี เดมิ 1.1.2.การเลอื่ นตาแหน่งขา้ มสายอาชพี 1.1.3.การเลอื่ นสตู่ าแหน่งบรกิ าร 1.1.4.การเลอื่ นตาแหน่งโดยการปรบั เงนิ เดอื น1.2.การวางแผนสาหรบั การเลอื่ นตาแหน่ง 1.2.1.นโยบาย 1.2.2.ลทู่ างในการเลอื่ นตาแหน่ง

1.2.3.การคดั เลอื กและการพจิ ารณา 1.2.4.การฝึ กอบรมและการพฒั นา 1.2.5.วธิ กี ารคดั เลอื ก1.3.หลกั เกณฑใ์ นการเลอื่ นตาแหน่ง 1.3.1.หลกั คณุ วฒุ ิ 1.3.2.หลกั อาวโุ สและประสบการณ์ 1.3.3.หลกั ระบบอปุ ถมั ภ ์2.การโยกยา้ ยตาแหน่ง3.การลดขน้ั ตาแหน่ง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

4.การจา้ งชว่ั คราว5.การใหพ้ น้ จากงาน 5.1 กระบวนการใหพ้ น้ จากงาน 5.2.การตอบแทนบคุ คลเมอื่ พน้ จากงาน

คา่ จา้ งและเงนิ เดอื น• ความสาคญั ของคา่ จา้ งและเงนิ เดอื น 1.มคี วามสาคญั ตอ่ ผูป้ ฏบิ ตั งิ าน 2.ความสาคญั ตอ่ องคก์ ร 3.ความสาคญั ตอ่ สงั คม• วตั ถปุ ระสงคข์ องการกาหนดอตั ราคา่ จา้ งและ เงนิ เดอื น 1.เพอื่ สรรหาบคุ คลเขา้ มาทางานกบั องคก์ าร 2.เพอื่ สรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั พมีตนอ่ หักนงา้ าถดันไป

3.เพอื่ จงู ใจใหพ้ นักงานปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ 4.เพอื่ ควบคมุ คา่ ใชจ้ า่ ย• หลกั ในการกาหนดอตั ราเงนิ เดอื น 1.ระดบั อตั ราเงนิ เดอื น 2.โครงสรา้ งของคา่ จา้ ง 3.การประเมนิ ผลและการปฏบิ ตั งิ าน 4.การกาหนดอตั ราจา้ งเงนิ เดอื น 5.ปัญหาพเิ ศษ 6.ผลประโยชนเ์ กอื้ กลู 7.การควบคมุ การจา่ มยีต่อคหา่ นจา้ ถา้ดั งไปและเงนิ เดอื น

การธารงรกั ษาพนักงาน• ปัจจยั ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ ความพงึ พอใจของพนกั งาน ซงึ่ จะสง่ ผลตอ่ ไปถงึ ประสทิ ธภิ าพการทางาน สามารถ สรปุ ไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1.ความมน่ั คงปลอดภยั 2.โอกาสกา้ วหนา้ ในการทางาน 3.องคก์ ารทที่ างานอยแู่ ละการจดั การ 4.คา่ จา้ ง 5.ความคาดหวงั ภายในทมี่ ตี อ่ งามนีต่อหนา้ ถดั ไป 6.การควบคมุ ดแู ล

7.ความคาดหวงั ทางสงั คมทมี่ ใี นงาน 8.การตดิ ตอ่ สอื่ สาร 9.สภาพการทางาน 10.ผลประโยชนเ์ กอื้ กลู ตา่ งๆ

การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน คอื ระบบทจี่ ดั ทาขนึ้ เพอื่หาคณุ คา่ ของบคุ คลในแง่ของการปฏบิ ตั งิ านใหไ้ ดผ้ ลประโยชนส์ งู หรอื ตา่ กวา่ เงนิ ทจี่ า่ ยตอบแทนสาหรบั การทางานรวมทงั้ สมรรถภาพในการพฒั นาตนเองหรอืประเมนิ คณุ คา่ การทางานของบุคคล เป็ นวธิ กี ารที่ผูบ้ งั คบั บญั ชาบนั ทกึ และลงความเห็นเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั งิ านในระยะเวลาทกี่ าหนดไว ้

วตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ ผลการ ปฏบิ ตั งิ าน1. เพอื่ พจิ ารณาความเหมาะสมดา้ นเงนิ เดอื น2. เมอื่ เกดิ ขอ้ ขดั แยง้ ถงึ ความเหมาะสมพนักงาน3. เพอื่ เป็ นในการเลอื่ นตาแหน่ง4. เพอื่ ใหร้ วู ้ า่ พนักงานแตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร5. เพอื่ วดั คา่ ของการปฏบิ ตั งิ าน6. เพอื่ หาจดุ เดน่ จดุ ดอ้ ยของพนักงาน

วธิ กี ารในการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน1. การจดั เรยี งลาดบั (Ranking)2. ใชม้ าตรวดั แบบกราฟ (Graphic Scale)3. แบบตรวจรายงาน (Checklist)4. การเปรยี บเทยี บบคุ คล (Person-To-PersonComparison)5. แบบเรยี งความ (Essay Description)6. เหตกุ ารณว์ กิ ฤติ (Critical lncidents)

การแรงงานสมั พนั ธ ์ประเทศไทยไดม้ กี ารกอ่ ตงั้ สมาคมลกู จา้ งขนึ้ มาตง้ั แตย่ คุหลงั สงครามโลกครงั้ ที่ 2 หรอื ประมาณ พ.ศ. 2487เป็ นสมาคมทกี่ อ่ ตงั้ ขนึ้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย ์ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ในระหวา่ งมวล มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การแรงงานสมั พนั ธ ์ความสมั พนั ธด์ า้ นการจา้ งงานระหวา่ งผบู้ หิ ารกบัพนักงานรวมทงั้ เรอื่ งผลประโยชนต์ อบแทนทลี่ กู จา้ งจะไดร้ บั เชน่การบรรจคุ า่ จา้ งเงนิ เดอื นการกั ษาพยาบาลเมอื่ เกดิ การเจ็บป่ วย การวา่ งงานตลอดจนถงึกระบวนการเจราตอ่ รอง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

กลมุ่ คนทมี่ ปี ัญหาแรงงาน นายจา้ งกบั ลกู จา้ ง นายจา้ งกบั สหภาพแรงงาน นายจา้ งกบั คณะกรรมการลกู จา้ ง นายจา้ งกบั รฐั บาล สมาคมนายจา้ งกบั สหภาพแรงงาน ลกู จา้ งกบั ลกู จา้ ง ลกู จา้ งกบั สภาพแรงงาน ลกู จา้ งกบั รฐั บาล มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งทงั้ สองฝ่ ายจะตอ้ ง อาศยั หลกั การทสี่ าคญั 4 ประการ1.กฎหมายแรงงาน2.สญั ญาการจา้ งงาน3.ขอ้ บงั คบั เกยี่ วกบั การทางาน4.การปฏบิ ตั ทิ เี่ ป็ นประเพณี มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

วตั ถปุ ระสงคข์ องแรงงานสมั พนั ธ ์1 เพอื่ เป็ นการสง่ เสรมิ ใหน้ ายจา้ งและลกู จา้ งมคี วามเขา้ ใจอนั ดตี อ่ กนั2 เพอื่ ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหล้ กู จา้ งหรอื พนักงานมคี วามรสู ้ กึอนั ดตี อ่ องคก์ าร3 เพอื่ ทาใหล้ กู จา้ งหรอื พนักงานมคี วามรสู ้ กึ วา่ ไดร้ บัความยตุ ธิ รรม4 เพอื่ เป็ นแนวทางในการป้ องกนั และระงบั ขอ้ พพิ าทระหวา่ งนายจา้ งและลกู จา้ ง5. เพอื่ เป็ นการลดอตั ราการลาออกขมอีตงอ่ พหนนา้ ถักดั ไงปาน ่

องคก์ ารของลกู จา้ ง สหภาพแรงงานคณะกรรมการปรกึ ษาหารอื รว่ ม สหพนั ธแ์ รงงาน สภาองคล์ กู จา้ ง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

องคก์ รนายจา้ งสมาคมนายจา้ ง สหพนั ธน์ ายจา้ ง สภาองคก์ ารนายจา้ ง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

องคก์ ารของรฐั บาลคณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ ์ คณะกรรมการกองทนุ เงนิ ทดแทน คณะกรรมการประกนั สงั คม ศาลแรงงาน คณะกรรมการเปรยี บเทยี บ คณะกรรมการสอบสวนขอ้ เท็จจรงิ มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การประกนั สงั คมเป็ นโครงการทรี่ ฐั บาลจดั ตงั้ ขนึ้ เพอื่ บรกิ ารทางสงั คมในการใหค้ วามคมุ ้ ครองประชาชนผูม้ รี ายไดแ้ ตล่ ะคนทมี่ ีสว่ นชว่ ยเหลอื ตนเอง และครอบครวั มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

กองทนุ ประกนั สงั คมการประกนั อบุ ตั เิ หตุ และโรคอนั เกดิ จากการทางานการประกนั การเจ็บป่ วยการประกนั คลอดบตุ รการประกนั ทพุ พลภาพการประกนั การเสยี ชวี ติการประกนั ชราภาพการประกนั สงเคราะหค์ รอบครวัการประกนั การวา่ งงาน มีต่อหนา้ ถดั ไป

การบรกิ ารทางแพทยท์ ผี่ ูป้ ระกนั ตนจะ ไดร้ บัไดร้ บั การตรวจวนิ ิจฉัยโรคแลการบาบดั ทางการแพทย ์ ไดร้ บั บรกิ ารการกนิ อย่แู ละการรกั ษาพยาบาล ไดร้ บั ยาและเวชภณั ฑท์ มี่ มี าตรฐานไดร้ บั การจดั สง่ ตอ่ เพอื่ การรกั ษาระหวา่ งสถานพยาบาล ไดร้ บั การสง่ เสรมิ สขุ ภาพและป้ องกนั โรค

บทที่ 6 การอานวยการ (Directing)



ความหมายของการอานวยการ• การอานวยการ (Directing) หมายถงึ การกาหนด สง่ั หรอื ชแี้ นะงานใหผ้ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาปฏบิ ตั ิ เพอื่ ให ้ การดาเนินงานขององคก์ ารสามารถบรรลเุ ป้ าหมาย ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพตามวตั ถปุ ระสงคข์ ององคก์ าร มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การอานวยการการอานวยการ สามารถแบ่งได ้ 6 ประเด็น 1. การวนิ ิจฉัยสง่ั การ 2. การสง่ั การหรอื การสง่ั งาน 3. การจงู ใจ 4. การเป็ นผูน้ าหรอื ภาวะผูน้ า 5. การตดิ ตอ่ สอื่ สาร 6. การประสานงาน

การวนิ ิจฉัยสง่ั การ• รปู แบบของการวนิ ิจฉัยสง่ั การ โดยทว่ั ไปมี 2 แบบ 1.การวนิ ิจฉัยสง่ั การโดยใช ้ สามญั สานัก 2.การวนิ ิจฉัยสง่ั การโดยใช ้ เหตผุ ลไตรต่ รอง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การวนิ ิจฉัยสง่ั การ• ประเภทของการวนิ ิจฉัยสง่ั การ แยกได ้ 2 ประเภท 1. การวนิ ิจฉัยสง่ั การในปัญหาประจา 2. การวนิ ิจฉัยสง่ั การในปัญหาหลกั มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การวนิ ิจฉัยสง่ั การ • กระบวนการวนิ ิจฉัยสง่ั การ สามารถสรปุ ได ้ 7 ขนั้ ตอน 1.การวเิ คราะหแ์ ละการระบุปัญหา2.การรวบรวมและการวเิ คราะหข์ อ้ เท็จจรงิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 3.กาหนดทางเลอื ก 4.การประเมนิ ทางเลอื ก 5.การเลอื กทางเลอื กทดี่ ที สี่ ดุ 6.การวเิ คราะหผ์ ลทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้7.การปรบั ปรงุ ขอ้ บกพมีตร่ออห่ นงา้เถพดั ไอื่ ปดาเนินการวนิ ิจฉัยสง่ั การ

การวนิ ิจฉัยสง่ั การ• อปุ สรรคของการวนิ ิจฉัยสง่ั การ อาจแยกพจิ ารณาได ้ ในประเด็นสาคญั 2 ประการ 1. ปัญหาขอ้ งขดั เกยี่ วกบั การวนิ ิจฉัยสง่ั การ 2. สาเหตทุ ที่ าใหก้ ารวนิ ิจฉัยสง่ั การผดิ พลาด มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การวนิ ิจฉัยสง่ั การ • ขอ้ ควรคานึงในการวนิ ิจฉัยสง่ั การ 1. พยายามวนิ ิจฉัยสง่ั การใหเ้ กดิ คณุ ประโยชนแ์ ก่ สว่ นรวมทสี่ ดุ 2. พยายามวนิ ิจฉัยสง่ั การใหม้ ลี กั ษณะเป็ นไปในทางกระจายอานาจแกห่ น่วยงานในองคก์ ารใหม้ าก ทสี่ ดุ 3. พยายามวนิ ิจฉัยสง่ั การใหส้ ามารถนาไปปฏบิ ตั ิ ไดจ้ รงิ ไม่ขดั ตอ่ กฎหมาย ระเบยี บแบบแผน และ สภาพแวดลอ้ ม 4. พยายามจดั วางแผนในการดาเนินงานไว ้

การสง่ั การ • ความหมายของการสง่ั การการสง่ั การ (Order) หมายถงึ การทหี วั หนา้ งานหรอืผูบ้ งั คบั บญั ชามอบหมายใหผ้ ูบ้ งั คบั บญั ชาหรอืผูร้ ว่ มงาน ปฏบิ ตั จิ ดั ทา โดยอาจแนะนาวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ หด้ ว้ ย มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การสง่ั การ• แบบของการสง่ั การ สามารถแยกได ้ 4 แบบ ไดแ้ ก่ 1.แบบออกคาสง่ั (Command) 2.แบบขอรอ้ ง (Request) 3.แบบเสนอแนะหรอื ใหค้ าแนะนา 4.แบบอาสาสมคั ร ( Volunteer) มีต่อหนา้ ถดั ไป

การสง่ั การ• วธิ สี ง่ั การ แตล่ ะวธิ คี วรเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสม สามารถ แยกได ้ 2 แบบ ดงั นี้ 1.การสง่ั การดว้ ยวาจา 2.การสง่ั การเป็ นลายลกั ษณอ์ กั ษร มีต่อหนา้ ถดั ไป

การสง่ั การ• หลกั ปฏบิ ตั ใิ นการสง่ั การ ผูส้ ง่ั การควรยดึ หลกั ของ การสง่ั การดงั ตอ่ ไปนี้ 1. จะตอ้ งสง่ั การใหช้ ดั เจน (Clear) 2. คาสง่ั ตอ้ งสมบรู ณ์ (Conclusive) 3. คาสง่ั ตอ้ งถกู ตอ้ ง (Correct) 4. คาสง่ั ควรกะทดั รดั (Concise) 5. ตอ้ งสง่ั ใหต้ รงประเด็น (Pin – Point) 6. ควรสง่ั ดว้ ยคาพดู สภุ าพ (Polite) มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การสง่ั การ7. ตอ้ งสง่ั การใหอ้ ย่ใู นวสิ ยั ทจี่ ะปฏบิ ตั ไิ ด ้ (Practical) 8. ตอ้ งสง่ั การใหท้ นั เวลา (Timing) 9. ตอ้ งมอบอานาจหนา้ ทจี่ าเป็ น 10. เมอื่ สง่ั ไปแลว้ ควรตดิ ตามผล 11. ผูส้ ง่ั ตอ้ งกลา้ รบั ผดิ ชอบ ถา้ งานไม่บงั เกดิ ผล

การจงู ใจ • ความหมายของการจงู ใจการจงู ใจ คอื การทผี่ ูบ้ รหิ ารพยายามดาเนินการให ้พนักงานเกดิ ความตอ้ งการจะทางาน และพนักงานให ้ความรว่ มมอื รว่ มใจกนั ทางานใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค ์ ขององคก์ าร มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การจงู ใจ• ทฤษฏกี ารจงู ใจในการปฏบิ ตั งิ านของมาสโลว ์ มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การจงู ใจ• ทฤษฏกี ารจงู ใจแบบสองปัจจยั มีต่อหนา้ ถดั ไป

การจงู ใจ• ทฤษฏกี ารจงู ใจของ MeGregor มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การจงู ใจ • ทฤษฏจี งู ใจสมั ฤทธขิ ์ องแมค เคลแลนด ์มนุษยม์ รี ะดบั ความตอ้ งการทางดา้ นความสาเรจ็ ตา่ งกนัสงิ่ ทบี่ อก คอื สงิ่ จงู ในในดา้ นความสาเรว็ 1.กลา้ เสยี่ งพอประมาณ 2.ตอ้ งไดร้ บั ขา่ วสารยอ้ นกลบั ทนั ทที นั ใด 3.การประสบความสาเรจ็ 4.หมกมุ่นกลบั เรอื่ งของงาน มีตอ่ หนา้ ถดั ไป

การจงู ใจ • ทฤษฏจี งู ใจ ERG ของอลั เดอเฟอร ์เป็ นทฤษฎคี วามตอ้ งการซงึ่ กาหนดลาดบั ขนั้ ตอนความตอ้ งการไว ้ 3 ขน้ั ตอน ดงั นี้ 1. ความตอ้ งการทจี่ ะอย่รู อด 2. ความตอ้ งการความสมั พนั ธ ์ 3. ความตอ้ งการความเจรญิ กา้ วหนา้ มีต่อหนา้ ถดั ไป

การจงู ใจ • ทฤษฏจี งู ใจฝ่ ายความเป็ นธรรมทฤษฏจี งู ใจใฝ่ ความเป็ นธรรมหรอื ทฤษฏคี วามยุตธิ รรมทฤษฏนี ีช้ ใี้ หเ้ ห็นวา่ ทกุ คนตอ้ งการไดร้ บั การปฏบิ ตั ติ นดว้ ยดี ดว้ ยความยตุ ธิ รรม (…to be treated fairly) และหวงั วา่ จะไดร้ บั คา่ แรงคา่ จา้ งรางวบั ทเี่ ป็ นธรรมเหมาะสมกบั ความรคู ้ วามสามารถทไี่ ดท้ มุ่ เทใหก้ บั งาน มีตอ่ หนา้ ถดั ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook