กระบวนการสรรหาบุคคลเขา้ ทางาน กระบวนการสรรหาบคุ คลเขา้ ทางานมี 9 ขน้ั ตอน1. องคก์ ารจะตอ้ งสรา้ งภาพลกั ษณท์ ดี่ ตี อ่ สาธารณชน2. องคก์ ารจะตอ้ งพจิ ารณาจากใบคาขอเพ่ิมพนกั งาน3. การพิจารณาจากใบคาขอเพิ่มพนกั งาน4. การประกาศรบั สมคั รตามส่ือๆตา่ งๆ5. การรบั สมคั ร6. การคดั เลอื ก7. การตรวจสอบรายละเอียดของผสู้ มคั รอีกครงั้ หนงึ่8. การตดั สินคดั เลอื ก มีต่อหนา้ ถดั ไป9. การรบั เขา้ ทางาน
การคดั เลอื กบุคคลเขา้ ทางาน กระบวนการที่ผูบ้ ริหารใชศ้ ิลปะและกลยุทธ์ต่างๆพจิ ารณาบคุ คลทอ่ี ย่ใู นสงั คมเพื่อดาเนนิ การคดั เลือกและบรรจุบุคคลที่มีคณุ สมบัติเหมาะสมเขา้ อย่ใู นองค์การและขณะที่บคุ คลเขา้ มาปฏิบตั งิ านในองคก์ ารไดม้ ีการจดั กิจกรรมพฒั นาธารงรักษาให้บุคคลท่ีคัดเลือกเข้ามาเพิ่มพูนความ รู้ความสามารถ มีต่อหนา้ ถดั ไป
1.สมั ภาษณข์ น้ั ตน้2.การตรวจใบสมคั ร3.การสอบถามหวั หนา้ งานเดมิ หรือบคุ คลอา้ งองิ4.การทดสอบทางจิตวิทยา5.การทดสอบความรคู้ วามสามารถ ซึ่งอาจจะมกี ารทดสอบ ไดด้ งั นี้5.1.การทดสอบความฉลาด5.2.การทดสอบความถนดั และเชาวป์ ัญญา5.3.การทดสอบทางอาชพี5.4.การทดสอบทางบคุ ลกิ ภาพ6.การสอบขอ้ เขยี นและการสมั ภาษณ์ มีต่อหนา้ ถดั ไป7.การตรวจสขุ ภาพ
การบรรจแุ ละการฝึ กอบรมพฒั นาบคุ ลากรการบรรจุ ในองคก์ ารธรุ กจิ ส่วนมาก เมอ่ื ผสู้ มคั รผา่ นการคดั เลือกแลว้ ก็ยงัไมไ่ ดเ้ ป็ นพนกั งานอยา่ งสมบรู ณ์ จนกวา่ จะไดร้ บั การทดลองและความสามารถปัญหาการบรรจชุ วั่ คราว เมอ่ื ไมม่ ตี าแหนง่ ที่วา่ งที่เหมาะแกผสู้ มคั รทมี่ ีคณุ สมบตั ิ บางองคก์ ารใชว้ ิธีการรบั สมคั รใหท้ างานในตาแหน่งใดตาแหนง่หนงึ่ เป็ นการชวั่ คราวการตดิ ตามผลหลงั จากการบรรจุ ความดคี วามชอบ การรว่ มมอืปรึกษาหารือระหว่างผบู้ งั คบั บญั ชา ของผทู้ ่ีไดร้ บั การบรรจุ การสมั ภาษณผ์ ทู้ ่ีไดร้ บั บรรจเุ พื่อดผู ลในระยะตอ่ มา
การฝึ กอบรมและการพฒั นาบคุ ลากร1.การฝึ กอบรม เป็ นการใหค้ วามรแู้ กพ่ นกั งาน2.การใหก้ ารศึกษา การเนน้ การเรียนรเู้ กีย่ วกบั เร่ืองงานในอนาคต3.การใหก้ ารพฒั นา เป็ นการใหค้ วามรใู้ นเร่ืองทวั่ ไปแกพ่ นกั งาน
การเปลยี่ นแปลงโยกยา้ ยตาแหน่ง วตั ถปุ ระสงคก์ ารโยกยา้ ยตาแหนง่1.เพื่อปรบั ปรงุ โครงสรา้ งขององคก์ ารใหด้ ขี น้ึ2.เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาของพนกั งานใหส้ งู ขน้ึ3.เพื่อสง่ เสริมใหม้ กี ารปฏิบตั ติ ามระเบียบขอ้ บงั คบั ขององค์การมากขน้ึ4.เพื่อปรบั ปรงุ การปฏิบตั งิ านใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการณ์
การเลอื่ นตาแหน่งงาน1.1 ประเภทของการเล่อื นตาแหนง่ 1.1.1.การเลื่อนตาแหนง่ ในงานอาชพี เดมิ 1.1.2.การเล่ือนตาแหนง่ ขา้ มสายอาชพี 1.1.3.การเลื่อนสตู่ าแหนง่ บริการ 1.1.4.การเลอ่ื นตาแหนง่ โดยการปรบั เงนิ เดอื น1.2 การวางแผนสาหรบั การเล่อื นตาแหนง่ 1.2.1.นโยบาย 1.2.2.ลทู่ างในการเลือ่ นตาแหนง่
1.2.3.การคดั เลือกและการพิจารณา มีตอ่ หนา้ ถดั ไป 1.2.4.การฝึ กอบรมและการพฒั นา 1.2.5.วิธีการคดั เลือก1.3.หลกั เกณฑใ์ นการเลื่อนตาแหนง่ 1.3.1.หลกั คณุ วฒุ ิ 1.3.2.หลกั อาวโุ สและประสบการณ์ 1.3.3.หลกั ระบบอปุ ถมั ภ์2.การโยกยา้ ยตาแหนง่3.การลดขน้ั ตาแหนง่4.การจา้ งชวั่ คราว5.การใหพ้ น้ จากงาน
คา่ จา้ งและเงนิ เดอื น• ความสาคญั ของค่าจา้ งและเงนิ เดือน 1. มคี วามสาคญั ตอ่ ผปู้ ฏิบตั งิ าน 2. ความสาคญั ตอ่ องคก์ ร 3. ความสาคญั ตอ่ สงั คม• วตั ถปุ ระสงคข์ องการกาหนดอตั ราคา่ จา้ งและเงนิ เดอื น 1. เพ่ือสรรหาบคุ คลเขา้ มาทางานกบั องคก์ าร 2. เพื่อสรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั พนกั งาน มีต่อหนา้ ถดั ไป
3.เพื่อจงู ใจใหพ้ นกั งานปฏิบตั หิ นา้ ทอี่ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4.เพื่อควบคมุ ค่าใชจ้ า่ ย• หลกั ในการกาหนดอตั ราเงนิ เดอื น 1.ระดบั อตั ราเงนิ เดอื น 2.โครงสรา้ งของคา่ จา้ ง 3.การประเมินผลและการปฏิบตั งิ าน 4.การกาหนดอตั ราจา้ งเงนิ เดอื น 5.ปัญหาพิเศษ 6.ผลประโยชนเ์ กื้อกลู 7.การควบคมุ การจ่ายค่าจา้ งและเงนิ เดอื น มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
การธารงรกั ษาพนักงาน• ปัจจยั ท่ีมผี ลกระทบตอ่ ความพึงพอใจของพนกั งาน ซ่ึงจะสง่ ผลตอ่ ไปถึง ประสิทธิภาพการทางาน สามารถสรปุ ไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1.ความมนั่ คงปลอดภยั 2.โอกาสกา้ วหนา้ ในการทางาน 3.องคก์ ารที่ทางานอยแู่ ละการจดั การ 4.ค่าจา้ ง 5.ความคาดหวงั ภายในที่มตี อ่ งาน 6.การควบคมุ ดแู ล มีต่อหนา้ ถดั ไป 7.ความคาดหวงั ทางสงั คมทีม่ ใี นงาน
8.การตดิ ตอ่ สอื่ สาร9.สภาพการทางาน10.ผลประโยชนเ์ กอื้ กลู ตา่ งๆ
การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านการประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน คือ ระบบที่จดั ทาขน้ึ เพ่ือหาคณุ ค่าของบคุ คลในแงข่ องการปฏิบตั งิ านใหไ้ ดผ้ ลประโยชนส์ งู หรือตา่ กว่าเงนิ ทจ่ี า่ ยตอบแทนสาหรบั การทางานรวมทงั้ สมรรถภาพในการพฒั นาตนเองหรือประเมนิคณุ ค่าการทางานของบคุ คล เป็ นวิธีการท่ีผบู้ งั คบั บญั ชาบนั ทึก และลงความเห็นเกี่ยวกบั การปฏิบตั งิ านในระยะเวลาท่ีกาหนดไว้
วตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ ผลการ ปฏบิ ตั งิ าน1. เพ่ือพิจารณาความเหมาะสมดา้ นเงนิ เดอื น2. เมอ่ื เกดิ ขอ้ ขดั แยง้ ถึงความเหมาะสมพนกั งาน3. เพื่อเป็ นในการเลือ่ นตาแหนง่4. เพื่อใหร้ วู้ ่าพนกั งานแตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งไร5. เพื่อวดั คา่ ของการปฏิบตั งิ าน6. เพื่อหาจดุ เดน่ จดุ ดอ้ ยของพนกั งาน
วธิ กี ารในการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน1. การจดั เรียงลาดบั (Ranking)2. ใชม้ าตรวดั แบบกราฟ (Graphic Scale)3. แบบตรวจรายงาน (Checklist)4. การเปรียบเทียบบคุ คล (Person-To-Person Comparison)5. แบบเรียงความ (Essay Description)6. เหตกุ ารณว์ ิกฤติ (Critical lncidents)
การแรงงานสมั พนั ธ ์ ประเทศไทยไดม้ กี ารกอ่ ตงั้ สมาคมลกู จา้ งขน้ึ มาตง้ั แตย่ คุ หลงัสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 หรือ ประมาณ พ.ศ. 2487 เป็ นสมาคมที่กอ่ ตง้ัขนึ้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ซ่ึงกนั และกนัในระหว่างมวล มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
การแรงงานสมั พนั ธ ์ความสมั พนั ธด์ า้ นการจา้ งงานระหว่างผบู้ ิหารกบั พนกั งานรวมทั้งเรื่องผลประโยชนต์ อบแทนท่ลี กู จา้ งจะไดร้ บั เชน่การบรรจคุ ่าจา้ งเงนิ เดอื นการกั ษาพยาบาลเมอ่ื เกิดการเจ็บป่ วย การว่างงานตลอดจนถึงกระบวนการเจราตอ่ รอง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
กลมุ่ คนทมี่ ปี ัญหาแรงงานนายจา้ งกบั ลกู จา้ ง มีตอ่ หนา้ ถดั ไปนายจา้ งกบั สหภาพแรงงานนายจา้ งกบั คณะกรรมการลกู จา้ งนายจา้ งกบั รฐั บาลสมาคมนายจา้ งกบั สหภาพแรงงานลกู จา้ งกบั ลกู จา้ งลกู จา้ งกบั สภาพแรงงานลกู จา้ งกบั รฐั บาล
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งทงั้ สองฝ่ ายจะตอ้ งอาศยั หลกั การ ท่ีสาคญั 4 ประการ1.กฎหมายแรงงาน2.สญั ญาการจา้ งงาน3.ขอ้ บงั คบั เกีย่ วกบั การทางาน4.การปฏิบตั ทิ ี่เป็ นประเพณี มีต่อหนา้ ถดั ไป
วตั ถปุ ระสงคข์ องแรงงานสมั พนั ธ ์1. เพื่อเป็ นการสง่ เสริมใหน้ ายจา้ งและลกู จา้ งมคี วามเขา้ ใจอนั ดตี ่อกนั2. เพ่ือชว่ ยสง่ เสริมใหล้ กู จา้ งหรือพนกั งานมคี วามรสู้ ึกอนั ดตี ่อองคก์ าร3. เพื่อทาใหล้ กู จา้ งหรือพนกั งานมคี วามรสู้ กึ วา่ ไดร้ บั ความยตุ ธิ รรม4. เพื่อเป็ นแนวทางในการป้ องกนั และระงบั ขอ้ พิพาทระหว่างนายจา้ งและ ลกู จา้ ง5. เพื่อเป็ นการลดอตั ราการลาออกของพนกั งาน6. เพื่อเป็ นการลดอตั ราการนดั หยดุ งาน และการปิ ดงานงดจา้ งใหน้ อ้ ยลง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
องคก์ ารของลกู จา้ ง สหภาพแรงงานคณะกรรมการปรึกษาหารือร่วม สหพนั ธแ์ รงงาน สภาองคล์ กู จา้ ง มีต่อหนา้ ถดั ไป
องคก์ รนายจา้ งสมาคมนายจา้ ง สหพนั ธน์ ายจา้ ง สภาองคก์ ารนายจา้ ง มีต่อหนา้ ถดั ไป
องคก์ ารของรฐั บาลคณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์ คณะกรรมการกองทนุ เงนิ ทดแทน คณะกรรมการประกนั สงั คม ศาลแรงงาน คณะกรรมการเปรียบเทียบ คณะกรรมการสอบสวนขอ้ เท็จจริง มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
การประกนั สงั คม เป็ นโครงการท่ีรฐั บาลจดั ตง้ั ขน้ึ เพอ่ื บริการทางสงั คมในการให้ความคมุ้ ครองประชาชนผมู้ รี ายไดแ้ ตล่ ะคนที่มสี ว่ นชว่ ยเหลอื ตนเองและครอบครวั มีต่อหนา้ ถดั ไป
กองทนุ ประกนั สงั คมการประกนั อบุ ตั เิ หตุ และโรคอนั เกดิ จากการทางานการประกนั การเจ็บป่ วยการประกนั คลอดบตุ รการประกนั ทพุ พลภาพการประกนั การเสยี ชวี ิตการประกนั ชราภาพการประกนั สงเคราะหค์ รอบครวัการประกนั การว่างงาน มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
การบรกิ ารทางแพทยท์ ผี่ ูป้ ระกนั ตนจะไดร้ บั ไดร้ บั การตรวจวินจิ ฉยั โรคแลการบาบดั ทางการแพทย์ ไดร้ บั บริการการกนิ อย่แู ละการรกั ษาพยาบาล ไดร้ บั ยาและเวชภณั ฑท์ ีม่ มี าตรฐาน ไดร้ บั การจดั สง่ ตอ่ เพอ่ื การรกั ษาระหว่างสถานพยาบาล ไดร้ บั การสง่ เสริมสขุ ภาพและป้ องกนั โรค
บทที่ 6 การอานวยการ (Directing)
ความหมายของการอานวยการ➢การอานวยการ (Directing) หมายถงึ การกาหนด สง่ั หรือชีแ้ นะงานให้ผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชาปฏิบตั ิ เพอ่ื ให้การดาเนนิ งานขององค์การสามารถบรรลุเปา้ หมายได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพตามวตั ถปุ ระสงค์ขององค์การ มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
การอานวยการการอานวยการ สามารถแบง่ ได้ 6 ประเดน็1. การวินิจฉยั สง่ั การ2. การสงั่ การหรือการสง่ั งาน3. การจงู ใจ4. การเป็นผ้นู าหรือภาวะผ้นู า5. การตดิ ตอ่ สื่อสาร6. การประสานงาน
รูปแบบของการวนิ ิจฉัยส่ังการ❖ รูปแบบของการวินิจฉยั สงั่ การ โดยทวั่ ไปมี 2 แบบ 1.การวนิ จิ ฉยั สงั่ การโดยใช้สามญั สานกั 2.การวินิจฉยั สง่ั การโดยใช้เหตผุ ลไตร่ตรอง มีต่อหนา้ ถดั ไป
ประเภทของการวนิ ิจฉัยส่ังการ❖ ประเภทของการวนิ ิจฉยั สงั่ การ แยกได้ 2 ประเภท 1. การวินจิ ฉยั สง่ั การในปัญหาประจา 2. การวนิ ิจฉยั สง่ั การในปัญหาหลกั มีต่อหนา้ ถดั ไป
กระบวนการวินิจฉัยส่ังการ• กระบวนการวินิจฉยั สงั่ การ สามารถสรุปได้ 7 ขนั้ ตอน 1. การวิเคราะห์และการระบปุ ัญหา 2. การรวบรวมและการวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริงท่ีเกี่ยวข้อง 3. กาหนดทางเลอื ก 4. การประเมินทางเลอื ก 5. การเลือกทางเลอื กท่ีดีที่สดุ 6. การวิเคราะห์ผลที่คาดวา่ จะเกิดขนึ ้ 7. การปรับปรุงข้อบกพร่องเพ่ือดาเนินการวินิจฉยั สงั่ การ มีต่อหนา้ ถดั ไป
อปุ สรรคของการวนิ ิจฉัยสง่ั การ• อปุ สรรคของการวินิจฉยั สง่ั การ อาจแยกพจิ ารณาได้ในประเดน็ สาคญั 2 ประการ 1. ปัญหาข้องขดั เก่ียวกบั การวนิ ิจฉยั สง่ั การ 2. สาเหตทุ ี่ทาให้การวินิจฉยั สงั่ การผดิ พลาด มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
ข้อควรคานึงในการวนิ ิจฉัยส่ังการ1. พยายามวินิจฉยั สง่ั การให้เกิดคณุ ประโยชน์แกส่ ว่ นรวมท่ีสดุ2. พยายามวินจิ ฉยั สงั่ การให้มีลกั ษณะเป็นไปในทางกระจายอานาจแก่ หน่วยงานในองค์การให้มากที่สดุ3. พยายามวนิ ิจฉยั สงั่ การให้สามารถนาไปปฏิบตั ิได้จริงไมข่ ดั ตอ่ กฎหมาย ระเบยี บแบบแผน และสภาพแวดล้อม4. พยายามจดั วางแผนในการดาเนนิ งานไว้ลว่ งหน้าจะทาให้การวินิจฉยั สง่ั การดาเนินไปด้ วยความเรียบร้ อย
การสง่ั การ ความหมายของการสงั่ การ การสง่ั การ หมายถึงการชงั่ ใจ การไตร่ตรอง หาเหตผุ ล และตดั สนิ ใจเลอื กทางปฏิบตั ทิ ่เี ห็นวา่ ดีทสี่ ดุ จากหลายๆ ทางเลือกเพื่อให้การดาเนินงานบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ที่ตงั้ ไว้ มีต่อหนา้ ถดั ไป
แบบของการส่ังการ • สามารถแยกได้ 4 แบบ ได้แก่1.แบบออกคาสง่ั (Command)2.แบบขอร้อง (Request)3.แบบเสนอแนะหรือให้คาแนะนา (Suggested)4.แบบอาสาสมคั ร ( Volunteer) มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
วิธีส่ังการ• วิธีสงั่ การ แตล่ ะวธิ ีควรเลือกใช้ให้เหมาะสม สามารถแยกได้ 2 แบบ ดงั นี ้ 1.การสงั่ การด้วยวาจา 2.การสง่ั การเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
หลักปฏบิ ัตใิ นการส่ังการ• ผ้สู ง่ั การควรยดึ หลกั ของการสง่ั การดงั ตอ่ ไปนี ้ 1. จะต้องสงั่ การให้ชดั เจน (Clear) 2. คาสง่ั ต้องสมบรู ณ์ (Conclusive) 3. คาสง่ั ต้องถกู ต้อง (Correct) 4. คาสงั่ ควรกะทดั รัด(Concise) 5. ต้องสง่ั ให้ตรงประเดน็ (Pin – Point) 6. ควรสง่ั ด้วยคาพดู สภุ าพ (Polite) มีต่อหนา้ ถดั ไป
หลักปฏบิ ตั ใิ นการส่ังการ7. ต้องสง่ั การให้อยใู่ นวิสยั ที่จะปฏิบตั ิได้ (Practical)8. ต้องสงั่ การให้ทนั เวลา (Timing)9. ต้องมอบอานาจหน้าท่ีจาเป็น10. เมื่อสง่ั ไปแล้วควรติดตามผล11. ผ้สู ง่ั ต้องกล้ารับผดิ ชอบ ถ้างานไมบ่ งั เกิดผล
การจูงใจ • ความหมายของการจงู ใจ การจงู ใจ คอื การท่ีผ้บู ริหารพยายามดาเนนิ การให้ พนกั งานเกิดความต้องการจะทางาน และพนกั งานให้ความร่วมมอื ร่วมใจกนั ทางานให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ขององค์การ มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
ทฤษฏกี ารจงู ใจในการปฏบิ ตั งิ านของมาสโลว์ มีต่อหนา้ ถดั ไป
ทฤษฏกี ารจงู ใจแบบสองปัจจยั ของเฮอร์เบริ ์ก มีต่อหนา้ ถดั ไป
ทฤษฏกี ารจงู ใจของแมคเกรเกอร์ มีต่อหนา้ ถดั ไป
ทฤษฏจี ูงใจใฝ่ สัมฤทธ์ขิ องแมค เคลแลนด์มนษุ ย์มีระดบั ความต้องการทางด้านความสาเร็จตา่ งกนั สง่ิ ท่ีบอก คอื สงิ่จงู ในในด้านความสาเร็ว 1.กล้าเสีย่ งพอประมาณ 2.ต้องได้รับขา่ วสารย้อนกลบั ทนั ทีทนั ใด 3.การประสบความสาเร็จ 4.หมกมนุ่ กลบั เร่ืองของงาน มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
ทฤษฏจี ูงใจ ERG ของอลั เดอเฟอร์เป็นทฤษฎีความต้องการซงึ่ กาหนดลาดบั ขนั้ ตอนความต้องการไว้3 ขนั้ ตอน ดงั นี ้ 1. ความต้องการท่ีจะอยรู่ อด 2. ความต้องการความสมั พนั ธ์ 3. ความต้องการความเจริญก้าวหน้า มีต่อหนา้ ถดั ไป
ทฤษฏีจูงใจฝ่ ายความเป็ นธรรม ทฤษฏีจงู ใจใฝ่ความเป็นธรรมหรือทฤษฏีความยตุ ธิ รรม ทฤษฏีนี ้ชีใ้ ห้เหน็ วา่ ทกุ คนต้องการได้รับการปฏบิ ตั ติ นด้วยดี ด้วยความยตุ ธิ รรม(…to be treated fairly) และหวงั วา่ จะได้รับคา่ แรงคา่ จ้างรางวบั ท่ีเป็นธรรมเหมาะสมกบั ความรู้ความสามารถท่ีได้ท่มุ เทให้กบั งาน มีตอ่ หนา้ ถดั ไป
ทฤษฏคี วามคาดหวังและเส้นทางสู่เป้าหมาย มีต่อหนา้ ถดั ไป
มีต่อหนา้ ถดั ไป
ทฤษฏีการจงู ใจด้วยการใช้การบริหารงานโดยมีเป้าหมาย กระบวนการบริหารงานโดยมีเปา้ หมายหรือวตั ถุ มีลกั ษณะดงั นี ้ 1. กาหนดโดยผ้บู ริหารระดบั สงู ขององค์การ 2. ในทางปฏิบตั ิหรือการลงมือทาตามแผน 3. การติดตามผลงาน วดั ผลเป็นระยะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237