แผนการจัดประสบการณ์ “รายวิชาเพิม่ เติม การปอ้ งกันการทจุ รติ ” ระดับปฐมวยั ชดุ หลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti - Corruption Education) สานกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ รว่ มกบั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2561
ก คานา ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได้กาหนดยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต อันมีกลยุทธ์ว่าด้วยเร่ืองของการปรับฐานความคิดทุก ช่วงวัยต้ังแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบ และกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพ่ือต้านทุจริต ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือ ต้านทุจริต เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงได้มีคาส่ังแต่งต้ัง คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต ข้ึน เพอื่ ศึกษา วิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูล กาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทาหลักสูตร ยกร่างและจัดทา เน้ือหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ พิจารณาให้ความเห็นเพ่ิมเติม กาหนดแผนหรือ แนวทางการนาหลักสูตรไปใช้ในหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง และดาเนินการอ่ืนๆ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการ ทุจริตได้ร่วมกันสร้างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดงั น้ี ๑. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัย ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตารวจ ๔. หลักสูตรสรา้ งวทิ ยากรผูน้ าการเปลยี่ นแปลงสูส่ ังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพ่ือการรู้คิด ต้านทุจรติ หลักสตู รดังกล่าวไดผ้ า่ นกระบวนการนาไปทดลองใช้ เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ สาหรับการใช้ ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากน้ี คณะอนุกรรมการจัดทาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการ เรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตยังได้คัดเลือกส่ือการเรียนรู้ จากแหล่งต่างๆ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประกอบการเรียนการสอนต่อไป สานักงาน ป.ป.ช. หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education จะ สร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะให้แก่ผู้เรียนหรือผู้ผ่านการอบรมในเร่ือง การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียง ตา้ นทุจรติ และพลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม เพอ่ื ร่วมกันปอ้ งกนั หรือต่อต้านการทุจริต มิให้มีการทุจริต เกิดข้ึนในสงั คมไทย รว่ มสร้างสังคมไทยที่ไม่ทนตอ่ การทุจริตต่อไป พลตารวจเอก (วัชรพล ประสารราชกิจ) ประธานกรรมการ ป.ป.ช. 14 มนี าคม ๒๕๖๑
สารบัญ หน้า โครงสร้างรายวิชา 1 หนว่ ยที่ 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม 2 หนว่ ยท่ี 2 ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต 75 หน่วยท่ี 3 STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ 134 หน่วยที่ 4 พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อสังคม 173 ภาคผนวก 198 คาส่งั แตง่ ตั้งคณะอนุกรรมการจดั ทาหลกั สตู รหรอื ชุดการเรียนรแู้ ละ 199 สื่อประกอบการเรยี นรู้ ด้านการปอ้ งกนั การทุจริต สานกั งาน ป.ป.ช. รายชื่อคณะทางานจดั ทาหลักสตู รหรือชดุ การเรียนรแู้ ละส่ือประกอบการเรียนรู้ 202 ดา้ นการป้องกันการทุจรติ กลุ่มการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน รายชื่อคณะบรรณาธกิ ารกิจหลกั สูตรหรือชดุ การเรยี นรแู้ ละส่อื ประกอบการเรียนรู้ 205 ด้านการปอ้ งกนั การทุจรติ กลุ่มการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายชื่อคณะผปู้ ระสานงานการจดั ทาหลักสูตรหรือชดุ การเรียนรูแ้ ละส่อื ประกอบการเรียนรู้ 207 ด้านการปอ้ งกันการทจุ รติ กลุ่มการศึกษาขั้นพื้นฐาน สานักงาน ป.ป.ช.
โครงสร้างรายวชิ า ระดบั ปฐมวัย ลาดับ หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง รวมช่ัวโมง - การคดิ แยกแยะ 14 1. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ - ระบบคิดฐาน 2 สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม - ของเลน่ 12 9 - การรบั ประทานอาหาร - การเข้าแถว 5 - การเก็บของใชส้ ่วนตัว 40 - ทางานที่ได้รับมอบหมาย - การแบ่งปัน - การแต่งกาย - การทากิจวัตรประจาวัน (การใช้น้า ไฟฟ้า กระดาษ การท้ิงขยะ) 2. ความละอายและความไม่ทนต่อการ - ของเลน่ ทุจรติ - การรับประทานอาหาร - การเข้าแถว - การเก็บของใชส้ ว่ นตัว - ทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย - การแบ่งปัน - การแต่งกาย - การทากจิ วัตรประจาวัน 3. STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการ STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต ทุจรติ - ความพอเพียง - ความโปรง่ ใส - ความตืน่ รู้ / ความรู้ - ตา้ นทุจริต - ม่งุ ไปข้างหน้า - ความเอื้ออาทร - การรบั ประทานอาหาร - การช่วยเหลือเพ่ือน - การใช้กระดาษ 4. พลเมืองกับความรับผดิ ชอบต่อสังคม - ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง - ความรับผดิ ชอบต่อผอู้ ่ืน - การตรงต่อเวลา - การทาความสะอาดห้องเรียน - การช่วยเหลือตนเอง รวม * หมายเหตุ การจดั ประสบการณ์แต่ละกจิ กรรมจะใชเ้ วลาประมาณ 20 นาที
-2- หนว่ ยที่ 1 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม
-3- แผนการจัดประสบการณ์ หน่วยที่ 1 ช่ือหนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ช้นั ปฐมวัย แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 1 เรอื่ ง การคิดแยกแยะ (1) เวลา 1 ชัว่ โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ เด็กสามารถบอกความหมายของ ของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวมได้ ๒.๒ เด็กสามารถคิดแยกแยะระหว่างของใช้ส่วนตนและของใชส้ ่วนรวมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ ของใช้สว่ นตวั คอื ของใชท้ ่ีมีเจา้ ของเฉพาะ แต่สว่ นของใช้ส่วนรวม ไดแ้ ก่ ของใชท้ ี่ทุกคนเปน็ เจ้าของร่วมกนั ทกุ คนมีสทิ ธใ์ิ ช้ ทกุ คนต้องชว่ ยกนั รักษา 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกดิ ) 1) ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรอ่ื งให้ผู้อืน่ เข้าใจ) ๒) ความสามารถในการคิดเชงิ เหตผุ ลโดยอธิบายเชือ่ มโยงสาเหตุและผลท่เี กดิ ข้ึนในเหตุการณ์ หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ / ค่านิยม ๑) การปฏิบตั ติ นเบ้ืองตน้ ในการเปน็ สมาชกิ ท่ีดขี องสังคม ๒) การมีวินยั ในตนเอง 4. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ขั้นตอนการจัดประสบการณ์ ๑) เด็กและครูร่วมกนั ร้องเพลง “ของใช้” และสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกบั ของใช้ส่วนตัวและสว่ นรวม ๒) ให้เด็กสารวจส่ิงของเครื่องใช้ที่เป็นของใช้ส่วนตัวและของใช้ส่วนรวม ภายในและภายนอก ห้องเรยี น ๓) ให้เด็กวาดภาพจากการสารวจ จานวน 2 ภาพ ได้แก่ ภาพของใช้ส่วนตัวและภาพของใช้ ส่วนรวม ๔) ขออาสาสมคั รเด็กออกมานาเสนอภาพวาดจากการสารวจ โดยให้เด็กบอกว่า สิ่งที่วาด อะไรคือ ของใชส้ ว่ นตัวและอะไรคือของใช้ส่วนรวม ๕) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเก่ียวกับความหมายของของใช้ส่วนตัว กับของใช้ส่วนรวม โดยครูใช้ คาถาม ๕.๑ เด็กคิดว่า ของใช้ส่วนตัวกับของใช้ส่วนรวม มันเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (ของส่วนตัว คือ ของท่ีมีเจ้าของเฉพาะ แต่ส่วนของที่เป็นส่วนรวม ได้แก่ ของที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ ทกุ คนตอ้ งชว่ ยกันรกั ษา) ๖) เด็กและครรู ว่ มกนั อภิปรายสรปุ ถึงความแตกต่างระหว่างของใช้สว่ นตวั กบั ของใช้สว่ นรวม
-4- 4.2 ส่อื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลง “ของใช้” ๒) ของใช้ส่วนตวั และของใชส้ ว่ นรวม ๓) กระดาษ / ดินสอ / สี ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธีการประเมิน สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นการประเมิน แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมิน เด็กผ่านการประเมิน ระดับ 2 ข้ึนไปถือว่าผ่าน ๖. บนั ทึกหลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................................... ............................... ............................................................................................................................................... ............................... .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)
-5- 7. ภาคผนวก เพลงของใช้ (ฐะปะนีย์ นาครทรรพ) ฉันมีชามข้าวใบใหญ่ ช้อนซ้อมใหม่ใหม่ ถ้วยแก้วกม็ ี ตง้ั ไวบ้ นโตะ๊ ตัวน้ี แล้วน่ังเกา้ อี้ กินข้าวได้เลย -----------------------------------------------------------------
-6- แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก หน่วยที่ 1 ชอื่ หน่วย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 1 เรือ่ ง การคิดแยกแยะ (๑) วนั ที่.............เดอื น...........................................พ.ศ. ........................... คาชแ้ี จง : ให้ผู้ประเมนิ ทาเครื่องหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทีป่ ระเมนิ บอกความหมายของ ของใช้ คดิ แยกแยะระหว่างของใช้ ท่ี ช่ือ-สกุล ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม ส่วนตนและของใช้สว่ นรวม ได้ ได้ 3 2 13 21 รวม เฉลี่ย ลงชื่อ...........................................................ผู้ประเมิน (...........................................................) บอกความหมายของ ของใชส้ ่วนตนและของใชส้ ว่ นรวมได้ ระดบั 3 : บอกความหมายของ ของใชส้ ่วนตนและของใชส้ ว่ นรวมไดด้ ว้ ยตนเอง ระดับ 2 : บอกความหมายของ ของใชส้ ่วนตนและของใช้สว่ นรวมไดเ้ มือ่ มีผชู้ ีแ้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกความหมายของ ของใช้ส่วนตนและของใช้ส่วนรวมได้ คดิ แยกแยะระหว่างของใชส้ ่วนตนและของใช้สว่ นรวมได้ ระดับ 3 : สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งของใช้สว่ นตนและของใช้สว่ นรวมไดด้ ้วยตนเอง ระดบั 2 : สามารถคิดแยกแยะระหว่างของใช้ส่วนตนและของใชส้ ่วนรวมได้เมื่อมผี ชู้ แี้ นะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถคิดแยกแยะระหว่างของใชส้ ว่ นตนและของใชส้ ว่ นรวมได้
-7- แผนการจดั ประสบการณ์ หน่วยที่ 1 ชอื่ หน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชั้นปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ที่ 2 เรื่อง การคดิ แยกแยะ (๒) เวลา 1 ชวั่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒.๑ เด็กสามารถบอกวธิ กี ารใช้ของใชส้ ว่ นตนและการใชข้ องใช้ส่วนรวมได้ ๒.๒ เด็กสามารถปฏบิ ัติตนในการใชข้ องใช้ส่วนตนและการใช้ของใช้ส่วนรวมได้ถกู ต้อง ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ ๑) วิธกี ารใช้ของใชส้ ่วนรวม คือ ต้องใชด้ ว้ ยความระมดั ระวงั , ตอ้ งแบ่งปันกันใช้ ไม่เก็บไปครองเป็น ของตนเอง, ใช้ให้ถูกต้องกับงาน เช่น กรรไกมีไว้ตัดกระดาษ ไม่ใช่มีไว้ใช้เคาะจังหวะ, เมื่อใช้เสร็จแล้วต้องเก็บ เขา้ ทใี ห้เรยี บร้อย, ไม่นาของใช้สว่ นรวมกลับไปใช้ท่บี า้ น ๒) วธิ ีการใช้ของใช้ส่วนตัว คือ ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง, ใช้ให้ถูกต้องกับงาน, เมื่อใช้เสร็จแล้ว ต้องเกบ็ เข้าทใี ห้เรยี บร้อย เพราะถ้าเราจะใช้ภายหลัง จะได้มีใช้และง่ายตอ่ การหยิบจบั 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด) 1) ความสามารถในการส่ือสาร (สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรอื่ งใหผ้ ูอ้ ่นื เข้าใจ) 2) ความสามารถในการคิดเชงิ เหตผุ ลโดยอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือ การกระทาดว้ ยตนเอง 3.3 คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) การปฏิบตั ติ นเบอ้ื งตน้ ในการเป็นสมาชกิ ทีด่ ีของสงั คม ๒) การมีวนิ ยั ในตนเอง 4. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ขัน้ ตอนการจัดประสบการณ์ 1) เด็กและครูร่วมกนั ร้องเพลง “ส่วนรวมต้องมาก่อน” 2) เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนากันถึงเน้ือหาในเพลง “ส่วนรวมต้องมาก่อน” เด็กคิดว่า เพลงท่ีเราร่วมร้อง เป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร (เก่ียวกับส่ิงของส่วนรวม, เราต้องให้ ความสาคญั และตระหนกั ว่าสว่ นรวมต้องมาก่อน) ๓) เด็กและครรู ่วมกันสนทนาทบทวนเกีย่ วกบั เรอ่ื ง ของใช้สว่ นตัวกบั ของใชส้ ่วนรวม ๔) เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนา ถึงวธิ กี ารใช้ของใชส้ ว่ นตัวและของใชส้ ่วนรวม โดยครูใชค้ าถาม ๔.๑ เด็กคดิ วา่ การใชข้ องใช้ส่วนรวม เราจะมีวธิ กี ารใชแ้ ละดูแลรกั ษาอย่างไร (ตอ้ งใช้ด้วย ความระมัดระวงั , ตอ้ งแบ่งปนั กนั ใช้ ไมเ่ ก็บไปครองเป็นของตนเอง, ใช้ให้ถกู ต้องกับงาน เช่น กรรไกมีไว้ตัด กระดาษ ไม่ใช่มไี ว้ใช้เคาะจงั หวะ, เมอื่ ใชเ้ สร็จแล้วต้องทาความสะอาดและเกบ็ เขา้ ทใี ห้เรยี บรอ้ ย, ไม่นาของใช้ สว่ นรวมกลับไปใชท้ ่ีบา้ น)
-8- ๔.๒ แลว้ การใชข้ องใช้สว่ นตวั เราจะมวี ิธีการใชแ้ ละดูแลรกั ษาอยา่ งไร (เราก็ตอ้ งใช้ด้วยความ ระมดั ระวัง, ใชใ้ หถ้ ูกต้องกบั งาน, เม่อื ใชเ้ สร็จแล้วตอ้ งทาความสะอาดและเกบ็ เขา้ ทใี หเ้ รยี บร้อย เพราะถ้าเรา จะใช้ภายหลัง จะได้มใี ช้ และง่ายตอ่ การหยิบจับ) ๕) ให้เด็กชว่ ยกันพิจารณาว่า สถานการณต์ ่อไปน้ี ข้อใดควรปฏบิ ัตแิ ละข้อใดไม่ควรปฏิบตั ิ เพราะเหตใุ ด ๕.๑ หยิบของเลน่ ใน หองเรียนกลับไปเลน่ ทบ่ี ้านโดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตจากครู (ไม่ควรปฏบิ ตั ิ เพราะของเล่นเป็นของสว่ นรวมถา้ เรานาไปท่บี า้ นเพ่ือนคนอื่นๆ ก็จะไมม่ เี ลน่ ) ๕.๒ เล่นของเล่นแล้วไม่เก็บเข้าที่ (ไม่ควรปฏบิ ตั ิ เพราะถา้ เราไม่เกบ็ ของเลน่ เขา้ ที่ ของเลน่ อาจจะหาย หรือเพื่อนอาจจะหาของเลน่ ไม่เจอ แลว้ ก็ไม่มีของเลน่ เลน่ ) ๕.๓ ขดี เขยี นตามฝาผนงั ในห้องเรียน (ไมค่ วรปฏิบัติ เพราะจะทาให้ฝาผนังเกดิ ความสกปรก ทาใหเ้ พื่อนๆ ต้องอยู่ในหอ้ งเรียนทสี่ กปรกไปด้วย) ๕.๔ ปดิ นา้ ทกุ ครัง้ หลงั เลกิ ใช้ (ควรปฏิบตั ิ เพราะจะได้ ช่วยกันประหยัดน้า) ๕.๕ เมอ่ื เข้าหอ้ งสว้ มแล้วไม่ราดน้า (ไมค่ วรปฏิบัติ เพราะจะทาให้เกดิ ความสกปรก ทาให้ เพอื่ นท่มี าเขา้ หอ้ งน้าคนต่อไปได้เขา้ ห้องน้าที่ไมส่ ะอาด เพื่อนๆ ก็เดือดร้อน) ๖) ครูใหเ้ ด็กจดั เก็บเครื่องใช้สว่ นตวั และชว่ ยกนั จัดเกบ็ เครื่องใช้สว่ นตวั ให้เรยี บร้อย ๗) เด็กและครรู ว่ มกันอภปิ รายสรุป ถึงวธิ กี ารใช้ของใชส้ ว่ นตวั และของใช้ส่วนรวม และวิธีการดแู ล รกั ษาของใช้สว่ นตวั และของใชส้ ่วนรวม 4.2 สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) เพลง “สว่ นรวมตอ้ งมาก่อน” ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วิธกี ารประเมิน ๑) สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๒) สงั เกตการปฏบิ ตั ติ นในการใช้และจัดเกบ็ เครอื่ งใชส้ ่วนตัวและเคร่ืองใชส้ ่วนรวม ๕.๒ เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการประเมิน แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมิน เด็กผา่ นการประเมนิ ระดับ 2 ขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน ๖. บนั ทึกหลงั การจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................... ............................................................................................. ....................... ลงช่ือ ................................................ ครผู ้สู อน (.................................................)
-9- 7. ภาคผนวก เพลง สว่ นรวมตอ้ งมาก่อน ไมท่ ราบนามผแู้ ตง่ * ให้มีจิตสาธารณะ ขอให้จาไวว้ า่ สว่ นรวมตอ้ งมาก่อน ขอใหจ้ ดจาไวเ้ ปน็ คาสอน หม่นั ฝกึ ไว้อยา่ ขาดตอน โตมาจะได้เป็นคนดี* กม็ คี นตั้งเยอะ อยู่รวมกันตัง้ แยะ เราก็ต้องเผอ่ื แผ่ ช่วยเหลือกนั ไป อะไรทเ่ี ปน็ สว่ นรวม เรากต็ อ้ งใส่ใจ ไมท่ าอะไรให้คนอ่ืนเดือดรอ้ น (*ซา้ อีกรอบ) -----------------------------------------------------------------
- 10 - แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก หน่วยท่ี 1 ช่ือหน่วย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 2 เรอื่ ง การคิดแยกแยะ (๒) วันที่.............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาชี้แจง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเครอื่ งหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทปี่ ระเมนิ บอกวิธีการใชข้ องใชส้ ว่ น การปฏิบตั ติ นในการใช้ ท่ี ช่ือ-สกุล ตนและการใช้ของใช้ ของใชส้ ่วนตนและการใช้ ส่วนรวมได้ ของใชส้ ว่ นรวมได้ถูกต้อง 3 213 21 รวม เฉลยี่ ลงชอื่ ...........................................................ผปู้ ระเมิน (...........................................................) บอกวิธกี ารใช้ของใช้สว่ นตนและการใชข้ องใช้สว่ นรวมได้ ระดบั 3 : บอกวธิ ีการใช้ของใช้สว่ นตนและการใช้ของใชส้ ว่ นรวมไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกวิธกี ารใชข้ องใช้ส่วนตนและการใชข้ องใช้สว่ นรวมไดเ้ มื่อมีผู้ชี้แนะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถบอกวิธีการใชข้ องใชส้ ว่ นตนและการใช้ของใช้ส่วนรวมได้ การปฏบิ ัตติ นในการใชข้ องใช้สว่ นตนและการใช้ของใช้สว่ นรวมไดถ้ กู ต้อง ระดบั 3 : ปฏบิ ตั ติ นในการใช้ของใชส้ ว่ นตนและการใชข้ องใช้ส่วนรวมได้ถกู ต้องดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : ปฏบิ ตั ิตนในการใช้ของใชส้ ่วนตนและการใชข้ องใชส้ ่วนรวมไดถ้ กู ต้องเมื่อมผี ู้ชี้แนะ ระดับ 1 : ไมส่ ามารถปฏบิ ัติตนในการใชข้ องใช้ส่วนตนและการใชข้ องใชส้ ่วนรวมที่ถกู ต้องได้
- 11 - แผนการจัดประสบการณ์ หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชน้ั ปฐมวยั แผนการจดั ประสบการณ์ที่ ๓ เร่ือง ระบบคดิ ฐาน 2 เวลา 1 ช่วั โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับระบบคิดฐาน 2 ๒.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งระบบคิดฐาน 2 และระบบคิดฐาน ๑๐ ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ๑) ระบบคิดฐาน 2 หมายถึง ระบบการคิดที่สามารถแยกเรื่องตาแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วนตนออก จากกัน แยกออกอย่างชัดเจนว่าส่ิงไหนถูกส่ิงไหนผิด ส่ิงไหนท่ีทาได้สิ่งไหนที่ทาไม่ได้ สิ่งไหนคือประโยชน์ส่วน ตนสิ่งไหนคือประโยชน์ส่วนรวม ไม่นามาปะปนกัน ไม่นาบุคลากรหรือทรัพย์สินของทางราชการมาใช้เพื่อ ประโยชน์ส่วนตน ไม่เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมหรือของหน่วยงานเหนือกว่าประโยชน์ของ ตนเอง เครือญาติ และพวกพอ้ ง ไมแ่ สวงหาประโยชนจ์ ากตาแหน่งหน้าท่ีราชการ ไมร่ บั ทรัพย์สินหรือประโยชน์ อ่ืนใด จากการปฏิบัติหน้าท่ี กรณีเกิดการขัดแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม จะยึด ประโยชนส์ ่วนรวม เปน็ หลัก ๒) ระบบคดิ ฐาน ๑๐ หมายถึง ระบบการคิดที่ยังแยกเร่ืองตาแหน่งหน้าที่กับเร่ืองส่วนตนออกจาก กันไม่ได้ นาประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกันไปหมด แยกแยะไม่ออกว่าส่ิงไหนคือ ประโยชน์สว่ นตน ส่ิงไหนคือประโยชน์ส่วนรวม นาบุคลากรหรือทรัพย์สินของราชการมาใช้เพ่ือประโยชน์ส่วน ตน เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เครือญาติหรือพวกพ้อง เหนือกว่าประโยชน์ของส่วนรวมหรือ ของหน่วยงาน จะคอยแสวงหาประโยชน์จากตาแหน่งหน้าท่ีราชการ กรณีเกิดความขัดแย้งระหว่างประโยชน์ ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม จะยึดประโยชน์ส่วนตนเปน็ หลกั 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กิด) 1) ความสามารถในการสื่อสารโดยการสนทนาโต้ตอบและเลา่ เรอ่ื งให้ผูอ้ ่นื เข้าใจ ๒) ความสามารถในการเขยี นภาพและสัญลักษณ์ ๓) ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลท่ีเกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือ การกระทาดว้ ยตนเอง 3.3 คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ / ค่านิยม ๑) การปฏบิ ตั ติ นเบ้อื งต้นในการเปน็ สมาชกิ ทดี่ ีของสังคม ๒) การมวี ินยั ในตนเอง 4. การจัดประสบการณ์ 4.1 ข้นั ตอนการจัดประสบการณ์
- 12 - 1) ครูนาแผ่นภาพข้อความ ๒ ข้อความ มาอ่านให้เด็กฟงั (การใช้นา้ ประปาของโรงเรียนมาล้างรถ ส่วนตวั , การใช้รถยนต์ของโรงเรยี นไปใช้ส่วนตัว) จากนั้นเดก็ และครรู ว่ มกันสนทนาเกยี่ วกับข้อความทค่ี รูอ่าน ใหฟ้ งั ๑.๑ เด็กคิดว่าข้อความทั้ง ๒ ข้อความ เป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร (เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คนเอาของ หลวง หรอื ทรัพยส์ นิ ของทางราชการไปใช้ส่วนตัว) ๑.๒ เด็กคิดว่าพฤติกรรมท้ัง ๒ ท่ีครูอ่านให้ฟังน้ันเป็นการกระทาที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุ ใด (ไม่ถูกต้อง เพราะ การนาทรัพย์สินของหลวงหรือราชการมาใช้ส่วนตัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราจะนาเอา ของหลวงมาใช้เปน็ ของตนเองไมไ่ ด้) ๒) ครูนาแผ่นภาพข้อความอีก ๒ ข้อความ มาอ่านให้เด็กฟัง (การไม่ใช้โทรศัพท์โรงเรียนคุยธุระ ส่วนตัว, การไม่นาของใช้ของโรงเรียน เช่น พัดลม หรือคอมพิวเตอร์ ไปใช้ท่ีบ้าน) จากน้ันเด็กและครูร่วมกัน สนทนาเกี่ยวกับข้อความท่คี รอู า่ นใหฟ้ งั ๒.๑ เด็กคิดว่าข้อความทั้ง ๒ ข้อความ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร (เป็นเรื่องเก่ียวกับ คนไม่เอา ของหลวง หรือทรพั ยส์ นิ ของทางราชการไปใชส้ ว่ นตัว) ๒.๒ เด็กคิดว่าพฤติกรรมท้ัง ๒ ท่ีครูอ่านให้ฟังน้ันเป็นการกระทาที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุ ใด (ถูกต้อง เพราะเราจะนาเอาของหลวงมาใช้เป็นของตนเองไม่ได้) ๓) เด็กและครรู ่วมกันสนทนา เก่ยี วกับเรือ่ งระบบคดิ ฐาน 2 และระบบคิดฐาน ๑๐ ๔) ให้เด็กเลน่ เกมระบบคิดฐาน 2 และระบบคิดฐาน ๑๐ โดยให้เด็กแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม จากน้ัน ครูช้ีแจงวิธีการเล่นเกมว่า ครูจะอ่านข้อความให้เด็กฟังทีละข้อความ จากน้ันให้แต่ละกลุ่มช่วยกันตอบว่า ข้อความทีค่ รอู า่ นใหฟ้ ังเปน็ การคิดฐาน 2 หรอื คดิ ฐาน ๑๐ ๔.๑ การนาเอาของ ของราชการไปใช้ทีบ่ ้าน ๔.๒ การไมร่ ับของขวัญจากคนที่มาติดตอ่ ราชการ ๔.๓ การไม่นาโทรศัพท์สว่ นตวั มาชารด์ ที่โรงเรยี น ๔.๔ การเอารถโรงเรียนไปซ้ือของส่วนตัว ๔.๕ การไม่เอานา้ ประปาโรงเรียนมาลา้ งรถสว่ นตวั ๔.๖ การเอาอปุ กรณไ์ ฟฟ้าส่วนตวั มาชารด์ ท่ที างาน ๕) เด็กและครรู ว่ มกนั สรปุ ถึง การคิดฐาน 2 และการคดิ ฐาน ๑๐ 4.2 ส่ือการเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ แผน่ ภาพขอ้ ความ 5. การประเมินผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมิน สังเกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการประเมนิ แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมิน เด็กผา่ นการประเมิน ระดับ 2 ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน
- 13 - ๖. บนั ทกึ หลงั การจดั ประสบการณ์ ...................................................................................................................... ........................................................ .................................................................................. ............................................................................................ ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................ .................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ ................................................ ครผู ู้สอน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 14 - แผน่ ภาพข้อความ การใช้นา้ ประปาของโรงเรยี นมาลา้ งรถสว่ นตัว การใชร้ ถยนตข์ องโรงเรยี นไปใชส้ ว่ นตวั การไม่ใชโ้ ทรศัพทโ์ รงเรียนคุยธุระส่วนตัว การไม่นาของใชข้ องโรงเรียน เชน่ พัดลม หรือคอมพิวเตอร์ ไปใชท้ ี่บา้ น การนาเอาของ ของราชการไปใช้ท่ีบา้ น การไมร่ บั ของขวัญจากคนที่มาตดิ ต่อราชการ การเอารถโรงเรยี นไปซื้อของส่วนตวั การไมน่ าโทรศพั ทส์ ่วนตัวมาชารด์ ทโ่ี รงเรยี น การไมเ่ อานา้ ประปาโรงเรยี นมาลา้ งรถส่วนตวั
- 15 - แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็ หน่วยท่ี 1 ชอื่ หน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจัดประสบการณ์ที่ ๓ เรอ่ื ง ระบบคิดฐาน 2 วนั ท่ี.............เดือน.............................พ.ศ............................ คาชีแ้ จง : ใหผ้ ปู้ ระเมินทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นท่ีประเมนิ บอกความหมายของการคิด คิดแยกแยะพฤติกรรม ที่ ช่อื -สกลุ ฐาน ๒ และการคิดฐาน ๑๐ ระหว่างการคิดฐาน ๒ ได้ และการคิดฐาน ๑๐ ได้ 3 2 1 3 21 รวม เฉล่ยี ลงช่อื ...........................................................ผ้ปู ระเมนิ (...........................................................) บอกความหมายของการคดิ ฐาน ๒ และการคดิ ฐาน ๑๐ ระดับ 3 : บอกความหมายของการคดิ ฐาน ๒ และการคิดฐาน ๑๐ ได้ด้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกความหมายของการคดิ ฐาน ๒ และการคดิ ฐาน ๑๐ ไดเ้ มอ่ื มีผชู้ แี้ นะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถบอกความหมายของการคิดฐาน ๒ และการคดิ ฐาน ๑๐ ได้ การคดิ แยกแยะพฤติกรรมระหว่างการคิดฐาน ๒ และการคิดฐาน ๑๐ ระดับ 3 : สามารถคดิ แยกแยะพฤตกิ รรมระหวา่ งการคิดฐาน ๒ และการคดิ ฐาน ๑๐ ไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : สามารถคดิ แยกแยะพฤตกิ รรมระหว่างการคิดฐาน ๒ และการคดิ ฐาน ๑๐ ได้เม่ือมีผชู้ ้แี นะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถคดิ แยกแยะพฤตกิ รรมระหวา่ งการคดิ ฐาน ๒ และการคิดฐาน ๑๐ ได้
- 16 - แผนการจดั ประสบการณ์ หน่วยที่ 1 ช่ือหนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ชน้ั ปฐมวยั แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 4 เรือ่ ง ของเลน่ เวลา 1 ชั่วโมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับของเลน่ ส่วนตวั กับของเล่นส่วนรวม ๒.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งของเล่นส่วนตัว กับของเลน่ ส่วนรวม ๒.๓ บอกวธิ ีการปฏิบตั ติ นในการเล่นของเลน่ ส่วนตวั กับของเลน่ ส่วนรวม 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ๑) ของเลน่ คือ ของสาหรับเดก็ เล่น เพือ่ ให้สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ๒) ของเล่นสว่ นตัว คอื ของสาหรับเด็กเล่น เพื่อให้สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ และมบี คุ คลที่เปน็ เจา้ ของ เฉพาะ ๓) ของเล่นส่วนรวม คอื ของสาหรับเด็กเลน่ เพ่ือให้สนุกสนานเพลดิ เพลนิ โดยทกุ คนเป็นเจ้าของ รว่ มกนั ทกุ คนมสี ิทธ์เิ ล่น และทุกคนต้องร่วมกนั ดูแลรักษา 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด) 1) ความสามารถในการส่ือสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเลา่ เรือ่ งใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ 2) ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์หรือ การกระทาดว้ ยตนเอง 3.3 คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ / ค่านิยม ๑) การปฏิบัติตนเบ้อื งต้นในการเป็นสมาชิกทีด่ ีของสงั คม ๒) การมวี นิ ยั ในตนเอง ๔. การจัดประสบการณ์ 4.1 ข้ันตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) ครูนาภาพของเล่นให้เด็กดู แล้วร่วมกนั สนทนา โดยครใู ช้คาถาม ๑.๑ เด็กคดิ ว่าภาพที่ครูนามาให้เด็กดูเป็นภาพเกีย่ วกบั อะไร (ภาพของเลน่ ) ๑.๒ เด็กคิดว่าของเล่นท่ีเราเล่นกันอยู่ทุกวันน้ี แบ่งเป็นประเภทได้กี่ประเภท อะไรบ้าง (มี ๒ ประเภท คือ ของเลน่ ส่วนตวั กบั ของเลน่ ส่วนรวม) ๒) ให้เด็กชว่ ยกนั ยกตวั อย่าง ของเล่นส่วนตัว กับของเลน่ ส่วนรวม ๓) เด็กและครูร่วมกันสนทนาถึงความหมายของคาว่า ของเล่นส่วนตัว กับของเล่นส่วนรวม (ของ เล่นส่วนตัว คือ ของสาหรับเด็กเล่น เพื่อให้สนุกสนานเพลิดเพลินและมีบุคคลท่ีเป็นเจ้าของเฉพาะ ของเล่น สว่ นรวม คอื ของสาหรับเด็กเล่น เพื่อให้สนุกสนานเพลิดเพลิน โดยทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ทุกคนมีสิทธ์ิเล่น และทุกคนต้องร่วมกนั ดูแลรักษา) ๔) เด็กและครูรว่ มกันสนทนาเก่ียวกบั วิธีการเล่นของเล่นสว่ นตวั กบั ของเล่นสว่ นรวม
- 17 - ๔.๑ เด็กคิดว่าเราควรจะปฏิบัติตนอย่างไรในการเล่นของเล่นท่ีเป็นส่วนรวม (ต้องแบ่งปันกัน เล่น, เล่นดว้ ยความระมัดระวัง ไมใ่ ช้ความรุนแรง, ใช้แล้วต้องเก็บเข้าท่ีให้เรียบร้อย, เราทุกคนต้องช่วยกันดูแล รกั ษาของเล่น) ๔.๒ เด็กคิดว่าเราควรจะปฏิบัติตนอย่างไรในการเล่นของเล่นที่เป็นของส่วนตัวเรา (ต้องเล่น อย่างถูกต้อง ถูกวธิ ี, ตอ้ งดแู ล รกั ษา, เล่นแล้วกต็ ้องเกบ็ เข้าทใ่ี หเ้ รียบร้อยเหมอื นกัน) ๕) เด็กและครูร่วมกันสรปุ เร่ืองของเล่นสว่ นตวั กบั ของเล่นสว่ นรวม ๖) เด็กและครูรว่ มกันร้องเพลง “เลน่ แล้วเก็บ” 4.2 สื่อการเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) เพลง “เล่นแลว้ เกบ็ ” ๒) ภาพของเลน่ ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ 5.1 วิธกี ารประเมิน สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการประเมิน แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมิน เด็กผา่ นการประเมนิ ระดบั 2 ขน้ึ ไปถือว่าผา่ น ๖. บนั ทึกหลังการจัดประสบการณ์ ............................................................................................................................................... ............................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื ................................................ ครูผ้สู อน (.................................................)
- 18 - 7. ภาคผนวก เพลง เลน่ แลว้ เกบ็ เนอื้ ร้อง/ทานอง ศรีนวล รตั นสวุ รรณ เลน่ กนั เล่นกันดดี ี ตอ้ งสามัคคีเราเป็นเพื่อนกัน ของเลน่ เราเล่นด้วยกนั เมอื่ เลิกเล่นพลนั ชว่ ยกนั เกบ็ เอย -----------------------------------------------------------------
- 19 - ภาพของเลน่
- 20 - แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก หนว่ ยที่ 1 ช่ือหนว่ ย การคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 4 เร่ือง ของเล่น (๑) วันที่.............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาช้แี จง : ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ทาเครือ่ งหมาย ในช่องระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทปี่ ระเมิน ท่ี ชอื่ -สกุล บอกความหมาย คดิ แยกแยะ บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ระหวา่ งของเลน่ ระหว่างของเล่น ตนในการเลน่ ของ สว่ นตวั กบั ของเลน่ สว่ นตัวกับของเล่น เล่นส่วนตวั กบั ของ ส่วนรวม สว่ นรวม เลน่ สว่ นรวม 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉลย่ี ลงชอ่ื ...........................................................ผ้ปู ระเมนิ (...........................................................)
- 21 - บอกความหมายระหว่างของเลน่ ส่วนตวั กบั ของเลน่ สว่ นรวม ระดับ 3 : บอกความหมายระหวา่ งของเลน่ ส่วนตวั กับของเล่นส่วนรวมไดด้ ว้ ยตนเอง ระดบั 2 : บอกความหมายระหว่างของเลน่ สว่ นตวั กับของเล่นสว่ นรวมได้เม่ือมีผชู้ ้ีแนะ ระดบั 1 : ไมส่ ามารถบอกความหมายระหวา่ งของเล่นส่วนตวั กบั ของเล่นส่วนรวมได้ คดิ แยกแยะระหวา่ งของเลน่ ส่วนตวั กบั ของเลน่ ส่วนรวม ระดับ 3 : สามารถคดิ แยกแยะระหว่างของเล่นสว่ นตัวกบั ของเลน่ ส่วนรวมได้ดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : สามารถคิดแยกแยะระหว่างของเล่นสว่ นตัวกับของเล่นสว่ นรวมได้เมื่อมผี ชู้ ีแ้ นะ ระดับ 1 : ไมส่ ามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งของเล่นสว่ นตัวกบั ของเลน่ สว่ นรวมได้ บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิตนในการเล่นของเลน่ ส่วนตัวกับของเล่นส่วนรวม ระดับ 3 : บอกวิธีการปฏบิ ตั ิตนในการเล่นของเล่นสว่ นตวั กับของเลน่ ส่วนรวมไดด้ ้วยตนเอง ระดบั 2 : บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ิตนในการเล่นของเล่นสว่ นตวั กบั ของเลน่ สว่ นรวมไดเ้ มื่อมีผู้ช้แี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกวิธีการปฏบิ ตั ติ นในการเลน่ ของเลน่ ส่วนตวั กบั ของเล่นส่วนรวมได้
- 22 - แผนการจดั ประสบการณ์ หนว่ ยท่ี 1 ชอ่ื หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ช้นั ปฐมวยั แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 5 เร่ือง การรับประทานอาหาร เวลา 1 ชว่ั โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับประโยชน์ของการรบั ประทานอาหารโดยแยกแยะระหวา่ งประโยชน์ สว่ นตน กบั ประโยชนส์ ว่ นรวม ๒.๒ สามารถคดิ แยกแยะประโยชน์ของการรบั ประทานอาหารระหว่างประโยชน์สว่ นตน กับสว่ นรวมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ การรบั ประทานอาหาร เป็นการนาอาหารเข้าสู่ร่างกาย ทาใหร้ ่างกายเจรญิ เตบิ โตและมีพลังงาน 3.2 ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กิด) 1) ความสามารถในการสื่อสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเล่าเรอื่ งให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจ 2) ความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลโดยอธิบายเชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละผลทเ่ี กดิ ขึ้นในเหตุการณห์ รอื การกระทาดว้ ยตนเอง ๓) การรับประทานอาหารดว้ ยตนเองอย่างถูกวธิ ี 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ / คา่ นิยม ๑) การปฏบิ ตั ติ นเบอื้ งตน้ ในการเป็นสมาชิกท่ดี ขี องสังคม ๒) การมีวินยั ในตนเอง ๓) การช่วยเหลือตนเองในการปฏบิ ัติกิจวตั รประจาวนั ๔. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ขน้ั ตอนการจัดประสบการณ์ ๑) ให้เด็กดคู ลิปวดี ีโอ เรื่อง ไมท่ านอาหารเชา้ มีผลขนาดน้เี ชยี ว ๒) เด็กสนทนาเก่ียวกับวีดโี อท่ดี ู โดยครูใชค้ าถาม ๒.๑ เด็กคิดว่าวีดีโอท่ีเราได้ดูนั้น เป็นเรื่องเก่ียวกับอะไร (เก่ียวกับการไม่รับประทานอาหาร เชา้ , โทษของการไม่รบั ประทานอาหารเช้า) ๒.๒ เด็กคิดว่าถ้าเราไม่รับประทานอาหารเช้า ใครจะได้รับผลกระทบต่อการปฏิบัติน้ัน (๑. ตัวของเด็กเอง จะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ๒. คุณพ่อคุณแม่ ก็จะต้องเสียเงินพาเราไปหาหมอ, ต้องขาดงาน เพราะจะต้องมาดูแลเราถา้ เราไม่สบาย, ถา้ เราไมส่ บายคณุ พ่อคุณแมก่ ็จะไมส่ บายใจ ทุกขใ์ จ) ๒.๓ ถ้าเรารับประทานอาหารทุกม้ือ แล้วเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เด็กคิดว่าใครจะ ไดร้ ับผลกระทบตอ่ การกระทาน้ี เพราะเหตใุ ด (๑. ตัวเราเอง เพราะจะทาให้เรามีสุขภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่ มีโรคภยั ไขเ้ จบ็ ๒. คณุ พอ่ คุณแม่ เพราะท่านจะได้ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา เสียงานเสียการ ท่ีจะต้องพาเราไป หาหมอ ไม่ต้องคอยมาดูแลเราตอนเราเจ็บปว่ ย) ๓) เด็กและครรู ว่ มกนั สรปุ ถงึ ประโยชน์ของการรบั ประทานอาหารทมี่ ีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน
- 23 - ๔) เด็กและครรู ่วมกนั ร่วมกันรอ้ งเพลง อาหารเชา้ มีประโยชน์ 4.2 สือ่ การเรยี นรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) คลิปวดี โี อ เร่ือง ไมท่ านอาหารเชา้ มผี ลขนาดนี้เชียว ๒) เพลง อาหารเชา้ มีประโยชน์ ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ 5.1 วิธีการประเมิน สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการประเมิน แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมิน เด็กผา่ นการประเมนิ ระดับ 2 ขนึ้ ไปถือว่าผา่ น ๖. บนั ทึกหลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ................................................ ครผู ้สู อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 24 - คลิปวีดโี อ เรอ่ื ง ไมท่ านอาหารเช้ามผี ลขนาดน้เี ชยี ว https://www.youtube.com/watch?v=ArL3xqdSDAU เพลงอาหารเช้ามปี ระโยชน์ https://www.youtube.com/watch?v=fh1AWYLeARo
- 25 - แบบสังเกตการตอบคาถามของเดก็ หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 5 เร่ือง การรับประทานอาหาร วันท.ี่ ............เดือน.............................พ.ศ............................ คาชี้แจง : ใหผ้ ูป้ ระเมนิ ทาเครื่องหมาย ในชอ่ งระดบั คุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทีป่ ระเมนิ บอกถงึ ประโยชน์ของการ คดิ แยกแยะประโยชน์ของ รบั ประทานอาหารโดยแยกแยะ การรับประทานอาหาร ที่ ช่อื -สกุล ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตน กบั ระหว่างประโยชน์สว่ นตน ประโยชนส์ ่วนรวมได้ กบั สว่ นรวมได้ 3 2 1 32 1 รวม เฉลี่ย ลงชือ่ ...........................................................ผ้ปู ระเมิน (...........................................................)
- 26 - บอกถงึ ประโยชน์ของการรบั ประทานอาหารโดยแยกแยะระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตน กบั ประโยชนส์ ่วนรวมได้ ระดับ 3 : บอกถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหารโดยแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับ ประโยชนส์ ว่ นรวมได้ด้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหารโดยแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับ ประโยชนส์ ว่ นรวมได้เมอื่ มีผชู้ แ้ี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหารโดยแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตน กบั ประโยชนส์ ว่ นรวมได้ คิดแยกแยะประโยชนข์ องการรับประทานอาหารระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนกับส่วนรวมได้ ระดบั 3 : สามารถคิดแยกแยะประโยชนข์ องการรับประทานอาหารระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม ไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการรับประทานอาหารระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม ไดเ้ มอ่ื มผี ูช้ แ้ี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถคิดแยกแยะประโยชน์ของการรับประทานอาหารระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับ ส่วนรวมได้
- 27 - แผนการจดั ประสบการณ์ หนว่ ยท่ี 1 ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชน้ั ปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ที่ 6 เร่ือง การเขา้ แถว เวลา 1 ชว่ั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ บอกผลดี ของการเขา้ แถวทม่ี ีตอ่ ตนเองและผู้อื่น ๒.๒ บอกผลเสีย ของการไมเ่ ข้าแถวที่มีต่อตนเองและผอู้ ืน่ ๒.๓ สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเขา้ แถวและไมเ่ ขา้ แถวทมี่ ตี ่อตนเองและผู้อ่ืน ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ การเข้าแถวใหเ้ ปน็ ระเบียบทาให้ฝกึ ความตรงต่อเวลารู้จักหนา้ ท่ีของตนเองมีความเรียบร้อยสวยงาม มีความสามัคคใี นคณะและชว่ ยทาให้ฝึกความมรี ะเบียบวินัยในตนเอง 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กิด) 1) ความสามารถในการส่ือสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเลา่ เร่ืองใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจ 2) ความสามารถในการคดิ เชงิ เหตุผลโดยอธบิ ายเชอื่ มโยงสาเหตุและผลที่เกดิ ขึน้ ใน เหตุการณ์หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ / ค่านิยม ๑) การปฏิบตั ิตนเบือ้ งต้นในการเปน็ สมาชิกทด่ี ีของสงั คม ๒) การมีวนิ ัยในตนเอง ๔. การจดั ประสบการณ์ 4.1 ข้นั ตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) เด็กและครูร่วมรอ้ งเพลง “เขา้ แถว” ๒) นาภาพการเข้าแถวให้เด็กดู เช่น ภาพการเข้าแถวรับประทานอาหารกลางวัน การเข้าแถวซื้อ ของ การเข้าแถวเคารพธงชาติ การเข้าแถวขึ้นรถประจาทาง เป็นต้น แล้วสนทนาเก่ียวกับภาพโดยใช้คาถาม ดังน้ี ๒.๑ ถ้าเด็กไปรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ ในห้องหลายๆ คน เด็กจะทาอย่างไรถึง จะไม่วุ่นวาย (เดนิ เป็นแถว) ๒.๒ เด็กคิดว่าการเข้าแถวเป็นระเบียบส่งผลดีกับตัวเด็กและเพื่อนคนอ่ืนอย่างไร (ไม่วุน่ วาย เป็นระเบียบรอ้ ยรอ้ ย) ๒.๓ เด็กรู้สกึ อย่างไร เมื่อเด็กยนื เข้าแถวรอซื้อของแล้วมีเพ่ือนมาแทรกข้างหน้าโดยไม่ต่อท้าย แถวและจะแกไ้ ขอยา่ งไร (ไม่พอใจ แกไ้ ขโดยบอกให้เพือ่ นเข้าแถว) ๓) เด็กดคู ลิปนิทานเรอ่ื ง ช้างนอ้ ยเข้าแถว จากนน้ั ร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกับเนอื้ เรือ่ ง โดยใชค้ าถาม ๓.๑ เด็กคดิ ว่าทาไมชา้ งนอ้ ยถงึ ตอ้ งเจบ็ ตวั (เพราะช้างน้อยไม่เข้าแถว ไม่มีวินยั ในตนเอง)
- 28 - ๓.๒ เด็กคิดว่าจากเหตุการณ์ท่ีช้างน้อยไม่เข้าแถว แล้วถูกนายพรานยิงจนบาดเจ็บน้ัน จะ สง่ ผลเสยี ตอ่ ใครบา้ ง เพราะเหตใุ ด (๑. ต่อตัวช้างน้อยเอง เพราะช้างน้อยต้องได้รับบาดเจ็บ, ต้องขาดเรียน ทา ให้เรียนไม่ทันเพ่ือน ๒. ต่อพ่อแม่ของช้างน้อย เพราะต้องเสียเวลามาดูแลช้างน้อย ต้องเสียเงินพาช้างน้อยไป หาหมอ ตอ้ งขาดงานเพอื่ มาดูแลช้างนอ้ ย) ๔) เดก็ และครูร่วมกันสรุปถึงการปฏิบัติตนในการเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวเด็ก และคนอ่นื ๆ คือ ไม่เกดิ ความวุ่นวาย 4.2 สอื่ การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ ๑) เพลง เข้าแถว ๒) ภาพการเข้าแถวรบั ประทานอาหารกลางวัน การเข้าแถวซอื้ ของ การเข้าแถวเคารพธงชาติ การ เข้าแถวข้นึ รถประจาทาง เป็นตน้ ๓) คลิปนิทานเรือ่ ง ชา้ งน้อยเข้าแถว ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5.1 วธิ ีการประเมิน สังเกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการประเมิน แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมนิ เด็กผา่ นการประเมนิ ระดบั 2 ขึ้นไปถือวา่ ผา่ น ๖. บนั ทึกหลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ ................................................ ครูผูส้ อน (.................................................)
- 29 - 7. ภาคผนวก เข้าแถว เขา้ แถว เพลง เข้าแถว อย่า มัวแชเชอื น ระวัง เดนิ ชนกัน ผูแ้ ต่ง เตอื นใจ ศรีมารตุ เขา้ แถว เขา้ แถว อยา่ มัวแชเชือน อยา่ ลา้ แนว ยนื เรียงกัน ระวัง เดินชนกนั เดินตาม เพอื่ นให้ทัน เขา้ แถวกนั วอ่ งไว อย่าลา้ แนว ยืนเรียงกัน เดนิ ตาม เพอ่ื นให้ทัน เข้าแถวกัน วอ่ งไว คลปิ นทิ านเร่อื ง ชา้ งนอ้ ยเขา้ แถว https://www.youtube.com/watch?v=8kvbO0y-qho&t=8s
- 30 - ภาพการเขา้ แถว
- 31 - แบบสังเกตการตอบคาถามของเดก็ หนว่ ยท่ี 1 ชือ่ หน่วย การคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 6 เร่ือง การเข้าแถว วนั ท.่ี ............เดือน.............................พ.ศ............................ คาชีแ้ จง : ให้ผู้ประเมินทาเคร่อื งหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทีป่ ระเมนิ บอกผลดี ของการเขา้ บอกผลเสีย ของ สามารถคดิ แยกแยะ แถวที่มีต่อตนเองและ การไมเ่ ขา้ แถวที่มี ผลดี และผลเสยี ที่ ชือ่ -สกลุ ผู้อ่ืน ตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ของการเขา้ แถวและ ไมเ่ ขา้ แถวที่มีต่อ ตนเองและผู้อ่นื 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉลยี่ ลงช่ือ...........................................................ผปู้ ระเมนิ (...........................................................)
- 32 - บอกผลดี ของการเข้าแถวท่มี ีตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ระดับ 3 : บอกผลดี ของการเขา้ แถวท่ีมตี อ่ ตนเองและผอู้ ื่นไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลดี ของการเข้าแถวที่มีตอ่ ตนเองและผอู้ ื่นไดเ้ ม่ือมผี ู้ชี้แนะ ระดับ 1 : ไมส่ ามารถบอกผลดี ของการเข้าแถวท่ีมตี ่อตนเองและผู้อน่ื ได้ บอกผลเสยี ของการไมเ่ ข้าแถวท่มี ตี ่อตนเองและผอู้ ่นื ระดบั 3 : บอกผลเสยี ของการไม่เข้าแถวท่ีมตี ่อตนเองและผู้อืน่ ไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลเสีย ของการไม่เข้าแถวท่ีมตี อ่ ตนเองและผ้อู ่ืนได้เม่ือมีผชู้ ีแ้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถบอกผลเสยี ของการไมเ่ ขา้ แถวที่มีต่อตนเองและผอู้ ่ืนได้ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเขา้ แถวและไม่เข้าแถวทมี่ ีต่อตนเองและผู้อ่ืน ระดับ 3 : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเข้าแถวและไม่เข้าแถวท่ีมีต่อตนเอง และผู้อื่นได้ ด้วยตนเอง ระดับ 2 : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเข้าแถวและไม่เข้าแถวท่ีมีต่อตนเอง และผู้อื่นได้ เมอ่ื มีผ้ชู ้แี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถสามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเข้าแถวและไม่เข้าแถวที่ มีต่อตนเอง และผอู้ น่ื ได้
- 33 - แผนการจัดประสบการณ์ หน่วยท่ี 1 ชือ่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม ช้นั ปฐมวัย แผนการจดั ประสบการณ์ท่ี 7 เร่อื ง การเกบ็ ของใชส้ ่วนตัว (๑) เวลา 1 ชัว่ โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒.๑ บอกผลดี ของการเก็บของใช้สว่ นตัวให้เป็นระเบยี บทมี่ ตี ่อตนเองและผู้อื่น ๒.๒ บอกผลเสีย ของการไม่เก็บของใชส้ ่วนตัวใหเ้ ปน็ ระเบียบท่ีมีต่อตนเองและผู้อน่ื ๒.๓ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสยี ของการเก็บของและไม่เกบ็ ของท่ีมตี ่อตนเองและผู้อ่ืน ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ของใช้ส่วนตวั คือ ส่ิงของท่ีเราตอ้ งใชเ้ ป็นของเฉพาะบุคคล และเมื่อใชเ้ สรจ็ แล้ว ต้องดูแลรักษา เก็บ เข้าทใี่ ห้เป็นระเบียบเรยี บร้อย 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กดิ ) 1) ความสามารถในการส่ือสารโดยการสนทนาโต้ตอบและเล่าเรือ่ งให้ผ้อู น่ื เข้าใจ 2) ความสามารถในการคดิ เชิงเหตผุ ลโดยอธิบายเช่อื มโยงสาเหตุและผลทีเ่ กิดขน้ึ ใน เหตุการณ์หรือ การกระทาด้วยตนเอง 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) การปฏบิ ัติตนเบอ้ื งต้นในการเปน็ สมาชิกทีด่ ขี องสังคม ๒) การมีวินยั ในตนเอง ๔. การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ขัน้ ตอนการจัดประสบการณ ๑) ให้เด็กตอบปริศนาคาทายเก่ยี วกับของใช้ ดังนี้ ๑.๑ อะไรเอ่ย กลางวันใชก้ ันไปทกุ มุมหอ้ ง กลางคนื เชิญน้องไปไว้มมุ (ไมก้ วาด) ๑.๒ อะไรเอ่ย ตัวเป็นไม้ ไส้เป็นดนิ หวั เป็นยาง (ดนิ สอ) ๒) ให้เด็กดูของใช้ต่างๆ ท่ีครูนามา เช่น แก้วน้า จาน แปรงสีฟัน ช้อน ส้อม เป็นต้น แล้วครู สนทนากบั เด็กโดยใช้คาถามดังน้ี ๒.๑ ของใช้เหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร (เอาไว้ใส่น้าด่ืม, เอาไว้ใส่อาหาร, เอาไว้ตัดกระดาษ, เอาไวต้ ักอาหาร) ๒.๒ สิง่ ของท้ังหมดนี้ เราเรยี กรวมกนั วา่ อะไร (ของใช้สว่ นตวั ) ๒.๓ ของใช้เหลา่ นี้จะมวี ิธเี กบ็ อยา่ งไร (เก็บให้เรยี บร้อยเปน็ ระเบยี บ) ๓) ครูนาภาพการไม่เกบ็ ของใชห้ ลงั การใช้งานแลว้ มาใหเ้ ด็กดู แล้วร่วมกันสนทนาซักถาม ๓.๑ เด็กดูภาพแล้ว คิดว่าเป็นภาพเกี่ยวกับอะไร (ภาพการไม่เก็บของ, ภาพของใช้ที่เก็บไม่ เป็นระเบยี บ)
- 34 - ๓.๒ เด็กคดิ วา่ ถา้ เราใช้ของใชแ้ ล้ว ไม่เก็บให้เรียบร้อย ปล่อยให้วางเกะกะตามที่ต่างๆ เด็กคิด วา่ จะเกดิ ผลกระทบกบั ใครบ้าง เพราะเหตุใด (๑. เกดิ ผลกระทบกับตวั เรา จะทาให้เราไม่มีของใช้ใช้ในภายหลัง เพราะมันอาจจะหาย หรอื พงั เสยี หาย เพราะว่าเราใช้แล้วไม่เก็บ ๒. เกิดผลกระทบผู้อ่ืน เช่น ถ้าเราไม่เก็บของ จะทาให้ห้องเรียนสกปรก ไม่เป็นระเบียบ เพื่อนๆ ในห้องเรียนก็จะต้องเดือดร้อน ต้องเรียนในห้องเรียนที่ สกปรก ไมม่ ีระเบยี บ) ๓.๓ ถา้ หากเด็กวางรองเท้าที่ช้ันไมเ่ รียบร้อย จะทาให้เพื่อนๆ ที่มาวางท่ีหลัง ได้รับผลอย่างไร (ทาใหเ้ พอื่ นไมม่ ีท่ีวางรองเท้า เพราะว่าเราวางรองเท้าไว้เกะกะเต็มไปหมด, ทาให้เพื่อนเราเดือดร้อน จากการ กระทาของเรา) ๔) เด็กและครูรว่ มกันสรุปถึงการเกบ็ ของใชส้ ว่ นตวั อยา่ งเปน็ ระเบยี บโดยไม่ใหผ้ ู้อื่น เดือดร้อน 4.2 สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) ปริศนาคาทาย ๒) ของใช้ตา่ ง ๆ เช่น แกว้ น้า จาน กรรไกร ชอ้ น สอ้ ม เปน็ ต้น ๓) ภาพการไมเ่ ก็บของใช้หลังการใช้งาน ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ ีการประเมนิ สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมนิ เด็กผา่ นการประเมนิ ระดับ 2 ขึน้ ไปถือว่าผ่าน ๖. บันทึกหลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ................................................ ครผู ้สู อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 35 - ภาพการไมเ่ กบ็ ของใหเ้ ปน็ ระเบยี บ
- 36 - แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก หน่วยท่ี 1 ช่อื หนว่ ย การคิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม แผนการจัดประสบการณ์ท่ี 7 เร่อื ง การเก็บของใชส้ ่วนตวั วันท.่ี ............เดือน.............................พ.ศ............................ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ู้ประเมินทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทีป่ ระเมิน บอกผลดี ของการ บอกผลเสีย ของ สามารถคิดแยกแยะ เกบ็ ของใช้สว่ นตวั ให้ การเก็บของใช้ ผลดี และผลเสีย ที่ ชอ่ื -สกลุ เป็นระเบียบทม่ี ตี ่อ ส่วนตวั ใหเ้ ป็น ของการเกบ็ ของและ ตนเองและผู้อื่น ระเบียบทีม่ ีต่อ ไม่เก็บของทม่ี ตี ่อ ตนเองและผู้อน่ื ตนเองและผู้อ่นื 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉลยี่ ลงชอ่ื ...........................................................ผู้ประเมิน (...........................................................)
- 37 - บอกผลดี ของการเก็บของใช้สว่ นตัวให้เป็นระเบยี บทม่ี ตี ่อตนเองและผูอ้ นื่ ระดบั 3 : บอกผลดี ของการเก็บของใชส้ ่วนตวั ให้เปน็ ระเบยี บทีม่ ีต่อตนเองและผู้อนื่ ไดด้ ้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลดี ของการเก็บของใช้ส่วนตวั ให้เปน็ ระเบียบทม่ี ีต่อตนเองและผูอ้ ืน่ ได้เม่ือมผี ้ชู ้แี นะ ระดบั 1 : ไม่สามารถบอกผลดี ของการเก็บของใชส้ ่วนตวั ให้เป็นระเบียบที่มตี ่อตนเองและผอู้ ืน่ ได้ บอกผลเสยี ของการเก็บของใชส้ ่วนตัวใหเ้ ป็นระเบยี บท่ีมีตอ่ ตนเองและผ้อู ่นื ระดบั 3 : บอกผลเสยี ของการเกบ็ ของใช้สว่ นตวั ให้เป็นระเบียบทีม่ ีต่อตนเองและผูอ้ ่ืนได้ด้วยตนเอง ระดับ 2 : บอกผลเสยี ของการเกบ็ ของใช้สว่ นตวั ให้เป็นระเบยี บท่มี ีต่อตนเองและผ้อู ่ืนไดเ้ มื่อมผี ชู้ ีแ้ นะ ระดับ 1 : ไมส่ ามารถบอกผลเสยี ของการเก็บของใชส้ ่วนตวั ใหเ้ ป็นระเบียบที่มีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืนได้ สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เกบ็ ของที่มีต่อตนเองและผู้อนื่ ระดับ 3 : สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เก็บของท่ีมีต่อตนเองและ ผู้อื่นได้ ด้วยตนเอง ระดบั 2 : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เก็บของท่ีมีต่อตนเองและ ผู้อื่นได้ เมื่อมีผูช้ แ้ี นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถคดิ แยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เก็บของท่ีมีต่อตนเองและ ผู้อ่ืน ได้เม่อื มผี ชู้ ี้แนะ
- 38 - แผนการจดั ประสบการณ์ หน่วยที่ 1 ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชัน้ ปฐมวยั แผนการจัดประสบการณ์ที่ 8 เร่อื ง การเก็บของใช้ส่วนตัว (๒) เวลา 1 ชว่ั โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ จาแนก ระหวา่ งของใช้ส่วนตวั กบั ของใช้ส่วนรวมได้ ๒.๒ บอกวิธกี ารเกบ็ รกั ษาของใชส้ ่วนตนกับของใชส้ ว่ นรวมได้ ๒.๓ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เกบ็ ของที่มตี ่อตนเองและผู้อ่ืน ๓. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ความรู้ ของใช้ส่วนตวั คือ ส่งิ ของทีเ่ ราตอ้ งใช้เป็นของเฉพาะบุคคล และเม่ือใช้เสร็จแล้ว ต้องดูแลรักษา ของใช้ ส่วนรวม คอื ส่งิ ของทเ่ี ราใช้รว่ มกนั และเมื่อใชเ้ สร็จแล้ว ต้องดแู ลรักษา 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด) 1) ความสามารถในการส่ือสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเลา่ เรื่องให้ผอู้ นื่ เขา้ ใจ 2) ความสามารถในการคดิ เชงิ เหตุผลโดยอธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผลท่ีเกิดข้ึนในเหตุการณ์หรือ การกระทาดว้ ยตนเอง 3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) การปฏบิ ตั ิตนเบ้ืองตน้ ในการเปน็ สมาชกิ ท่ดี ีของสงั คม ๒) การมวี ินยั ในตนเอง ๔. การจดั ประสบการณ์ ๔.๑ ขนั้ ตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) เด็กและครรู ว่ มกนั ร้องเพลง“เกบ็ ของใช้” 2) เด็กและครรู ่วมกนั สนทนาถึงเนื้อหาของเพลงเกบ็ ของ โดยครูใช้คาถาม ๒.๑ เด็กคิดว่าเพลงที่เราร่วมร้องเม่ือสักครู่นี้ เป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร (เก่ียวกับเรื่อง การเก็บ ของใช้ เมื่อใชเ้ สร็จแล้วทุกคนต้องช่วยกนั เกบ็ เข้าท่ใี หถ้ กู ต้อง เปน็ ระเบยี บ) ๒.๒ เด็กลองคิดซวิ า่ ถ้าเราใชข้ องใชแ้ ล้วไมว่ ่าจะเป็นของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ส่วนรวมแล้วไม่ เก็บเข้าท่ีให้เรียบร้อยน้ัน จะเกิดอะไรข้ึน ใครจะได้รับผลกระทบจากการกระทานั้น (๑. เกิดผลต่อตนเอง เพราะจะทาให้ตนเองไม่มีของใช้ใช้ในภายหลัง เพราะใช้แล้วไม่เก็บ ๒. เกิดผลกระทบต่อเพื่อนๆ ในห้อง หรือ อาจจะเปน็ คณุ ครู เพราะจะทาให้บุคคลเหล่าน้ันไม่มขี องใช้ (กรณีการใช้ของใช้ส่วนรวม), หาของใช้ไม่พบ หรือ ของใชน้ ้นั อาจจะสญู หายหรอื ชารดุ จากการที่เราใชข้ องใชแ้ ล้วไม่เกบ็ เข้าท)ี่ ๓) แบ่งเด็กเป็น ๒ กลุ่ม จากนน้ั ครูนาบัตรภาพของใช้ส่วนตัว กับของใช้ส่วนรวมมาวางรวมกัน ครู ช้ีแจงกติกาในการเล่นเกมว่าให้เด็กแต่ละกลุ่มคัดแยกบัตรภาพออกเป็น ๒ กลุ่ม คือกลุ่มของใช้ส่วนตนกับของ ใชส้ ว่ นรวม
- 39 - ๔) เด็กและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการใช้และการเก็บรักษาของใช้ส่วนตนและของใช้ ส่วนรวม อันจะเปน็ ประโยชนต์ ่อตนเองและไม่ทาให้ผอู้ ื่นเดือดร้อน 4.2 สอื่ การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ ๑) เพลง“เก็บของใช้” ๒) ภาพของใชส้ ว่ นตัวและของใช้ส่วนรวม ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมิน สังเกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ แบบสังเกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑ์การประเมนิ เด็กผ่านการประเมิน ระดบั 2 ขึ้นไปถือว่าผา่ น ๖. บันทกึ หลังการจดั ประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ................................................ ครูผู้สอน (.................................................)
- 40 - 7. ภาคผนวก เพลง“เก็บของใช้” ไม่ทราบนามผู้แต่ง ของใช้เกบ็ เปน็ ระเบยี บ จะเรยี บรอ้ ยโดยฉบั พลนั พวกเราจะตอ้ งช่วยกนั ทกุ วันเก็บของใชใ้ ห้ดี (ซา้ ) -----------------------------------------------------------------
- 41 - ภาพของใช้ส่วนตวั
- 42 - ภาพของใช้ส่วนรวม
- 43 - แบบสงั เกตการตอบคาถามของเดก็ หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื หนว่ ย การคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม แผนการจัดประสบการณ์ที่ 8 เรอ่ื ง การเกบ็ ของใชส้ ว่ นตัว วันท่.ี ............เดอื น.............................พ.ศ............................ คาชแ้ี จง : ให้ผูป้ ระเมนิ ทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งระดับคุณภาพของเด็กในแตล่ ะประเด็นทป่ี ระเมิน จาแนก ระหวา่ งของ บอกวิธกี ารเกบ็ สามารถคดิ แยกแยะ ใชส้ ว่ นตวั กับของใช้ รกั ษาของใช้สว่ น ผลดี และผลเสยี ที่ ช่อื -สกุล สว่ นรวมได้ ตนกบั ของใช้ ของการเก็บของและ สว่ นรวมได้ ไม่เก็บของทีม่ ตี ่อ ตนเองและผอู้ ื่น 3 2 13 2 13 2 1 รวม เฉล่ีย ลงชอ่ื ...........................................................ผปู้ ระเมิน (...........................................................)
- 44 - จาแนก ระหว่างของใชส้ ่วนตัวกับของใชส้ ่วนรวมได้ ระดับ 3 : จาแนก ระหวา่ งของใช้ส่วนตัวกับของใช้สว่ นรวมได้ดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : จาแนก ระหว่างของใชส้ ่วนตวั กับของใช้ส่วนรวมได้เม่ือมผี ้ชู ีแ้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถจาแนก ระหว่างของใช้สว่ นตัวกับของใช้สว่ นรวมได้ บอกวิธกี ารเก็บรกั ษาของใชส้ ่วนตนกับของใชส้ ่วนรวมได้ ระดบั 3 : บอกวิธกี ารเก็บรักษาของใช้ส่วนตนกบั ของใช้สว่ นรวมได้ดว้ ยตนเอง ระดบั 2 : บอกวิธกี ารเกบ็ รักษาของใช้ส่วนตนกับของใช้ส่วนรวมเม่ือมีผู้ชแ้ี นะ ระดบั 1 : ไม่สามารถบอกวธิ ีการเกบ็ รักษาของใชส้ ว่ นตนกบั ของใชส้ ว่ นรวมได้ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสยี ของการเกบ็ ของและไมเ่ กบ็ ของที่มีต่อตนเองและผู้อื่น ระดับ 3 : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เก็บของท่ีมีต่อตนเองและผู้อื่นได้ ดว้ ยตนเอง ระดับ 2 : สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เก็บของที่มีต่อตนเองและผู้อ่ืนได้ เมื่อมผี ู้ชแี้ นะ ระดับ 1 : ไม่สามารถสามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการเก็บของและไม่เก็บของที่มีต่อตนเอง และผอู้ ่นื ได้
- 45 - แผนการจัดประสบการณ์ หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ช้นั ปฐมวยั แผนการจดั ประสบการณ์ที่ 9 เรื่อง การทางานที่ได้รับมอบหมาย เวลา 1 ชัว่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เด็กสามารถ ๒.๑ บอกผลดี ของการมคี วามรบั ผดิ ชอบในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ทม่ี ีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืน ๒.๒ บอกผลเสยี ของการไม่มีความรับผิดชอบในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย ทมี่ ีตอ่ ตนเองและผู้อน่ื ๒.๓ สามารถคิดแยกแยะผลดี และผลเสีย ของการมีความรับผิดชอบในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย ที่มี ตอ่ ตนเองและผอู้ ืน่ ๓. สาระการเรียนรู้ 3.1 ความรู้ การทางานท่ีได้รับมอบหมาย คอื การทบ่ี ุคคลหน่ึงไดร้ บั มอบหมายให้ทาการส่ิงใด ต้องรับผิดชอบ ทางานนัน้ ให้บรรลุตามเปา้ หมายและสาเร็จตามเวลาท่ีกาหนด 3.2 ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด) 1) ความสามารถในการสื่อสารโดยการสนทนาโตต้ อบและเลา่ เรอื่ งให้ผู้อน่ื เข้าใจ 2) ความสามารถในการคิดเชิงเหตผุ ลโดยอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผลที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์หรือ การกระทาดว้ ยตนเอง 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ / คา่ นิยม ๑) การปฏิบัตติ นเบอ้ื งต้นในการเป็นสมาชกิ ทด่ี ขี องสงั คม ๒) การมีวนิ ยั ในตนเอง ๔. การจดั ประสบการณ์ ๔.๑ ข้ันตอนการจัดประสบการณ์ ๑) ให้เด็กดคู ลิปวดี โี อ เรื่องทาไมไมส่ ่งการบา้ น จากนนั้ เด็กและครรู ว่ มกนั สนทนา เกย่ี วกบั เน้ือหา ในเร่ือง โดยครูใชค้ าถาม ๑.๑ เด็กคิดว่าจากเนอื้ เร่ืองเป็นเรื่องเกี่ยวกบั อะไร (เด็กไมส่ ง่ การบ้าน) ๑.๒ เด็กในเรอื่ ง ขาดคุณธรรมข้อใด (ความรับผดิ ชอบ) ๑.๓ ถ้าเด็กเป็นเด็กเด็กคนในคลิปท่ีดู เด็กจะทาอย่างไร (จะรับผิดชอบทาการบ้านที่ครูสั่ง แล้วเอาสง่ ครูตามเวลาท่ีครนู ดั หมาย) ๒) เด็กและครูร่วมกนั สนทนาถึงกจิ กรรมหรืองานที่เด็กไดร้ ับมอบหมายใหท้ าท่ีบ้าน และที่โรงเรยี น โดยใชค้ าถาม ดังนี้ ๒.๑ งานบ้านที่เด็กไดร้ บั มอบหมายให้ทามีอะไรบ้าง และเด็กได้ทาอย่างไรกับงานบ้านที่ได้รับ มอบหมาย (๑. กวาดบ้าน ถูบ้าน เลี้ยงน้อง รดน้าต้นไม้ ๒. รับผิดชอบทางานที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จ เรียบรอ้ ยโดยไม่ตอ้ งรอใหใ้ ครมาบอก)
- 46 - ๒.๒ กจิ กรรมหรอื งานท่ีโรงเรียนเด็กได้รับมอบหมายให้ทาอะไรบ้าง และเด็กได้ทาอย่างไรกับ กิจกรรมหรืองานท่ีได้รับมอบหมาย (๑. เก็บขยะรอบๆ ห้องเรียน กวาดห้อง ถูห้อง ๒. รับผิดชอบทางานที่ ได้รบั มอบหมายจนเสร็จเรยี บร้อยโดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก) ๒.๓ ถ้าเด็กไมท่ ากิจกรรมหรืองานทไ่ี ด้รบั มอบหมายให้เสร็จจะเกิดอะไรข้ึน (๑. เราจะเป็นคน ไมร่ ับผดิ ชอบ เพื่อนๆ คุณครู กจ็ ะดูวา่ เราขาดความรบั ผดิ ชอบ ไม่ไดร้ ับการยอมรบั ) ๓) ให้เด็กดูนิทาน เรอื่ ง น้องไข่เจยี ว เด็กดีช่วยพอ่ แมท่ างานบา้ น ๔) เด็กและครรู ว่ มกันสนทนากันถงึ เนอ้ื หาในนิทาน โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี ๔.๑ น้องไข่เจียว ช่วยพ่อแม่ทางานบ้านอะไรบ้าง (กวาดบ้าน ถูบ้าน ซัดเส้ือผ้า รดน้าต้นไม้ เช็ดโต๊ะอาหาร) ๔.๒ เด็กคิดวา่ การทเี่ ราช่วยเหลอื ทางานบ้าน ช่วยเหลืองานคุณครู และตั้งใจเรียนน้ัน จะเกิด มผี ลดอี ยา่ งไร กับใครบา้ ง (๑. เกิดผลดกี ับตัวเราเอง เพราะถา้ เราตัง้ ใจเรียนเราก็จะเรียนหนังสือเก่ง ถ้าเราช่วย คณุ พอ่ คณุ แม่ ทางานบ้านเราก็จะไดม้ โี อกาสไดอ้ อกกาลังกายทาให้ร่างกายเราแข็งแรง และจะทาให้เราทางาน เปน็ ไปทไี่ หนกจ็ ะสามารถชว่ ยเหลอื ตนเองได้ ๒. เกิดผลดีกับผู้อน่ื เชน่ คณุ พ่อคุณแม่ และคุณครู เพราะท่านจะ ได้มีภาระในการทางานลดนอ้ ยลง ทาให้ท่านเหนือ่ ยน้อยลง) ๕) เด็กและครูร่วมกันสรปุ ถึงผลของความรับผดิ ชอบการทางานท่ไี ด้รับมอบหมายที่มีต่อตนเองและ ผู้อ่ืน 4.2 สอื่ การเรียนรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑) คลปิ วีดีโอ เรอื่ ง ทาไมไมส่ ่งการบา้ น ๒) คลปิ วีดีโอนิทาน เร่อื ง น้องไขเ่ จยี ว เดก็ ดีชว่ ยพ่อแม่ทางานบ้าน ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 5.1 วธิ กี ารประเมนิ สงั เกตการตอบคาถามของเด็ก ๕.๒ เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการประเมิน แบบสงั เกตการตอบคาถามของเด็ก 5.3 เกณฑก์ ารประเมนิ เด็กผ่านการประเมิน ระดบั 2 ขึ้นไปถือว่าผ่าน ๖. บันทกึ หลังการจัดประสบการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ................................................ ครผู ูส้ อน (.................................................)
7. ภาคผนวก - 47 - วิดีทัศน์ เรอ่ื ง ทาไมไมส่ ง่ การบ้าน http://youtube.com/watch?v=aoYtKGX1rIY น้องไขเ่ จียว เด็กดีช่วยพอ่ แม่ทางานบ้าน http://youtube.com/watch?v=W8VFhqG8Nv0
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211