135 (ก) (ข) ภาพท่ี 56 ก า ร เ ก็ บ เ กี่ ย วโ ด ย ใ ช๎ ค น ง า น หั ก แ ล ะ ขน ข้ึ น ร ถบ ร ร ทุ ก ( ก ) และการเก็บเกีย่ วของบรษิ ทั (ข) 2) การเกบ็ เกย่ี วสับปะรดเพอ่ื จาหน่ายผลสด 2.1) ตลาดภายในประเทศ สับปะรดผลสดที่ใช๎บริโภคภายใน ประเทศควรเก็บเกีย่ วเมอ่ื ผลสับปะรดมีความสกุ ตาเหลอื งไมํน๎อยกวํา 55 เปอร์เซ็นต์ (เบอร์ 4 - 5) การเก็บเก่ียวต๎องทาด๎วยความระมัดระวังไมํให๎ผลชอกช้า การตัด ต๎องใช๎มีดคมตัดให๎เหลือก๎านยาวติดผลประมาณ 10.0 เซนติเมตร ข้ึนไป ไมํต๎องหัก จุกออก หลังจากตัดผลสับปะรดแล๎วใสํภาชนะบรรจุ ลาเลียงใสํรถบรรทุกขนสํง การจัดเรยี งบนรถบรรทุกขนสงํ ใหเ๎ รยี งผลสบั ปะรด ให๎เปน็ ระเบียบ โดยเอาสวํ นจุกลง ดา๎ นลาํ ง และวางซอ๎ นขนึ้ มาเปน็ ช้ันๆ ขอ๎ ควรระวังในการเกบ็ เกย่ี วสับปะรดบรโิ ภคสด - ไมคํ วรวางผลสบั ปะรดตากแดดในแปลง - ผลท่สี กุ มากไมํควรวางอยชํู ัน้ ลาํ ง เพราะจะชอกช้าเสยี หายได๎งําย
136 2.2) ตลาดต่างประเทศ การเก็บเกี่ยวสับปะรดเพ่ือสํงจาหนําย ตํางประเทศ ผลสับปะรดควรมีอายุการเก็บเก่ียวใกล๎เคียงกัน สํวนใหญํจะ เกบ็ ผลแกํเขยี ว (เบอร์ 0) ตาทุกตามสี ีเขียวไมํมีสีเหลือง ซึ่งอาจดูได๎จากการลอยน้า ผลจะลอยขนานกับนา้ และผลสับปะรดจะต๎องมีน้าหนักตามที่ตลาดรับซื้อต๎องการ จุกตรง ไมํมีโรคแมลงติดไปกับผล การขนสํงสับปะรดมายังโรงคัดบรรจุ จะต๎อง ระมดั ระวงั ไมํใหผ๎ ลชอกช้า และไมํเรียงซ๎อนทับกันมากช้ันเกินไป ควรมีไม๎แบํงแยก ชั้นบ๎างเพื่อไมํให๎ผลด๎านลํางรับน้าหนักมากเกินไป การจัดเรียงจะเรียงตามนอน และสลบั ทา๎ ยผลและจุกเป็นชนั้ ๆ (ภาพที่ 57) ภาพที่ 57 การจัดเรียงสับปะรดผลสดในรถบรรทุกเล็กขนสํงมายังโรงคัดบรรจุ เพื่อการสงํ ออก 5.3 ขั้นตอนการผลติ สับปะรดสดส่งตลาดตา่ งประเทศ สับปะรดบริโภคสดที่สํงจาหนํายภายในประเทศสํวนใหญํ จะไมํมี การทาความสะอาด หรือตัดแตํงผล เพียงแคํคัดแยกผลที่เสียหาย เชํน แดดเผา
137 ผลแกนชอกช้า หรือสุกเกินไปออก แตํสาหรับสับปะรดผลสดเพ่ือสํงจาหนําย ตาํ งประเทศ จะมขี น้ั ตอนตํางๆ ดงั นี้ (ภาพที่ 58) 1) การทาความสะอาด หลังจากตัดสับปะรด แล๎วขนสํงมายัง โรงคดั บรรจแุ ลว๎ จะทาการตัดก๎านผลให๎เหลือความยาวก๎านประมาณ 2.0 เซนติเมตร ขึ้นกับประเทศคํูค๎า แล๎วใช๎น้าล๎างทาความสะอาดน้าที่ใช๎ผสมสารฆําเชื้อโร ค เชํน คลอรีน ความเข๎มข๎น 100 - 200 ppm การใช๎สารฆําเชื้อโรคน้ีต๎องรักษา ความเข๎มข๎นของสารให๎สม่าเสมอ โดยการเปลี่ยนน้ายาบํอยๆ เม่ือสังเกตวําน้าเร่ิม สกปรก เพราะถ๎าความเข๎มข๎นของคลอรีนลดลง จะทาให๎ประสิทธิภาพในการ ฆําจลุ นิ ทรีย์ลดลงไปดว๎ ย ระหวาํ งท่ีผลสับปะรดลอยอยูํในน้า จะทาการคัดเลือกผล ที่สุกเกินไปออก โดยสังเกตจากลักษณะการลอยน้า ผลท่ีลอยเฉียงหรือต้ังฉาก (45 และ 90 องศา) ใหค๎ ัดออก เลือกเฉพาะผลทลี่ อยขนานกับนา้ 2) การคดั เลอื ก ทาการคดั เลอื กผลทมี่ ตี าหนิ ชอกชา้ บอํ ยๆ ออกอกี ครงั้ หน่ึง เม่ือพบเห็นหลังการล๎างทาความสะอาด และการใช๎ลมเปุาท่ีผลอีกครั้งหนึ่ง ให๎น้าท่ตี ิดเปลอื กผลออก 3) การคดั ขนาดผล เพอื่ ใหไ๎ ดผ๎ ลที่มขี นาดสมา่ เสมอ ได๎น้าหนักตามที่ ตลาดปลายทางต๎องการ 4) การเคลอื บผิว ใชส๎ ารเคลือบผิวประเภท paraffinpolyethylene เชํน Sta-Fresh 7055 อัตรา 1 : 7 ถึง 1 : 9 ผสมกับสารปูองกันกาจัดเช้ือรา หลังการ เคลอื บผิวแลว๎ จะตอ๎ งทาใหแ๎ ห๎ง โดยอาจใชร๎ ะบบผาํ นลมรอ๎ น 5) การบรรจุ การบรรจุผลสับปะรดในภาชนะบรรจุ ซึ่งจะใช๎เป็น กลํองกระดาษมีท้ังกลํองแบบตั้งและแบบนอน กลํองแบบนอนจะใสํผลสับปะรด ได๎ประมาณ 6 ผล น้าหนักรวม 10 - 12 กโิ ลกรัม 6) การลดอุณหภูมิก่อนการเก็บรักษา (precooling) อาจทาการ ลดอุณหภูมิของผลสับปะรดกํอนจะนาเข๎าตู๎คอนเทรนเนอร์ เพ่ือให๎สามารถ ลดอณุ หภูมขิ องผลติ ผลลงมาใกล๎เคียงกับอุณหภมู ทิ ่ีจะใช๎ขนสํง
138 7) การเก็บรักษา สับปะรดบริโภคสดท่ีสํงจาหนํายตํางประเทศ จะขนสงํ โดยใชต๎ ค๎ู อนเทรนเนอร์ทส่ี ามารถปรับอณุ หภูมไิ ด๎ อณุ หภมู ทิ ่ใี ช๎ 10 องศาเซลเซียส การจดั เรียงกลํองภายในต๎ูคอนเทรนเนอร์ควรจะจัดเรียงให๎ดี เพื่อให๎การไหลเวียน ของอากาศภายในต๎ูเปน็ ไปอยํางทวั่ ถงึ 8) การขนสง่ การขนสงํ สับปะรดสวํ นใหญํใชก๎ ารขนสงํ ทางเรือ เก็บเก่ียว (Harvesting) โรงคดั บรรจุ (Packing house) การทาความสะอาด (Cleaning) สารเคมีฆาํ เช้ือจลุ ินทรยี ์ การคัดเลือก (Sorting) เปาุ ลมทาความสะอาดอีกคร้ัง การคัดขนาด (Sizing) Grading) สารเคลือบผิว+สารเคมีปูองกันเชื้อรา เปุาลมร๎อนใหผ๎ ิวแหง๎ การจัดมาตรฐาน (Grading) การบรรจุหีบหํอ (Packaging) การลดอณุ หภมู ิ (pre-cooling) การเกบ็ รักษา (Storage) การขนสํง (Transportation) ภาพที่ 58 ขนั้ ตอนการจดั การหลงั การเกบ็ เกย่ี วสับปะรดผลสดเพื่อสงํ ตํางประเทศ
139 5.4 การขนสง่ สับปะรดบริโภคสด กรณีขนสํงภายในประเทศ สํวนใหญํใช๎รถบรรทุก 4 ล๎อ หรือ 6 ล๎อ การบรรทุกมีการจัดเรียงผลเป็นช้ันๆ โดยให๎สํวนจุกอยํูด๎านลําง สํวนก๎านผลอยํูด๎านบนเพ่ือให๎สํวนจุกรองรับน้าหนักผล สํวนสับปะรดบริโภคสด สํงตํางประเทศหลังจากจัดการหลังการเก็บเกี่ยวเรียบร๎อยแล๎วจะบรรจุใสํ ก ลํ อ ง ก ร ะ ดา ษ แ ล๎ ว ข น สํ ง โ ด ยใ ช๎ ต๎ู คอ น เ ท ร น เ น อ ร์ ท่ี ส า ม าร ถ ป รั บ อุ ณ ห ภู มิ ไ ด๎ ใชอ๎ ุณหภมู ิ 10 องศาเซลเซียส สบั ปะรดโรงงาน การขนสงํ สับปะรดเพ่ือสงํ โรงงานสํวนใหญํใช๎รถบรรทุก มที งั้ รถ 4 ลอ๎ 6 ลอ๎ และ 10 ลอ๎ การบรรทุกควรให๎มีน้าหนักพอเหมาะและเรียงผล ให๎เรยี บร๎อยเพ่ือการถํายน้าหนักไดด๎ ี 5.5 การเก็บรักษา สับปะรดโรงงาน เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล๎วขนสํงไปโรงงาน ท่ีรับซ้ือโดยตรง หรือขายให๎ผ๎ูรวบรวมเพื่อนาสํงโรงงานตํอไป โรงงานจะไมํมี หอ๎ งควบคุมอณุ หภมู ใิ นการเกบ็ รักษาเชํนกัน จะนาผลผลิตไปแปรรูปเลย สับปะรดบริโภคสด ภายในประเทศเมื่อไปถึงตลาดจะขนลงแผง และขายให๎ผูซ๎ ื้อ ไมํมกี ารเก็บรักษาในห๎องควบคุมอุณหภูมิ สํวนบริษัทฯ ที่จาหนําย ผลผลติ สดไปยังห๎างสรรพสนิ ค๎าในประเทศจะมหี อ๎ งควบคมุ อณุ หภูมิในการเก็บรกั ษา เพื่อใหผ๎ ลผลติ คงความสด อุณหภมู ิท่ใี ช๎ประมาณ 13 - 15 องศาเซลเซียส สํวนกรณี ขนสงํ ตลาดตํางประเทศใช๎ต๎ูคอนเทรนเนอร์ควบคุมอณุ หภมู ิและใชอ๎ ุณหภมู ิประมาณ 10 องศาเซลเซียส อยํางไรก็ตามสับปะรดสดที่เก็บรักษาในสภาพอุณหภูมิดังกลําว เปน็ เวลานานจะเกิดอาการไส๎สีน้าตาล เป็นอุปสรรคสาคัญในการสํงออกสับปะรด ผลสดของไทย โดยเฉพาะสับปะรดในกลุํม Queen เชํน พันธุ์ตราดสีทอง พันธ์ุสวี และพันธ์ุภูเก็ต และจากการเปรียบเทียบพันธ์ุกับการเกิดอาการไส๎สีน้าตาล ของสับปะรดในกลํุม Queen พันธ์ุตราดสที อง สวี และภเู กต็ พบวํา สบั ปะรดพันธสุ์ วี และภูเก็ต จะเกิดอาการไส๎สีน้าตาลน๎อยกวําสับปะรดตราดสีทองภายหลัง
140 การเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่า (ทวีศักดิ์ และคณะ, 2544) แตํอยํางไรก็ตาม ปัจจุบัน มีการใช๎พันธ์ุ MD2 ซ่ึงเป็นพันธ์ุที่ได๎รับการพัฒนาท่ีฮาวายต้ังแตํปี 1972 และ มีการปลูกแพรํหลายในหลายประเทศสํวนมากจะเน๎นเป็นพันธุ์สับปะรดผลสด ซ่ึงมีลักษณะเดํนหลายประการ เชํน เน้ือเหลืองสม่าเสมอ หนามน๎อย อายุการให๎ ผลผลิตเร็ว วิตามินซีสูงกวําพันธุ์ท่ัวไป 4 เทํา อายุการเก็บรักษานาน และรสชาติ หวานกวาํ S. cayenne ก๎านผลส้นั รูปทรงผล square shape (เปรม, 2554 ; Pip, 2011) และจากการทดลองเก็บรักษาพบวํา สามารถเก็บรักษานาน 5 สัปดาห์ (ภาพท่ี 59) โดยไมํเกดิ อาการไสส๎ นี ้าตาล (วรางคณา และคณะ, 2557) ภาพที่ 59 ผลสบั ปะรดพันธ์ุ MD2 เกบ็ รักษา 5 สปั ดาห์ ท่ี 13 องศาเซลเซยี ส
141 เอกสารอ้างองิ ทวีศักดิ์ แสงอุดม จงวัฒนา พุํมหิรัญ สมเกียรติ นวลละออง บุญเก้ือ ทองแท๎ ไพรัตน์ ชวํ ยเต็ม และเบญจมาศ รนั ตนชนิ กร. 2544. การเปรยี บเทียบพันธุ์ การใช๎แคลเซียมโบรอน ทม่ี ตี ํอคุณภาพและการเกิดไสส๎ ีนา้ ตาลของสบั ปะรด พันธุ์ตราดสีทอง สวี และภูเก็ต. รายงานผลงานวิจั ยประจาปี 2544 ศนู ย์วจิ ัยพชื สวนชมุ พร สถาบนั วิจัยพืชสวน กรมวชิ าการเกษตร. บริษัทโดลไทยแลนด์ จากัด. ไมํปรากฏปีท่ีพิมพ์ คูํมือการปลูกสับปะรด โรงพิมพ์ นสพ. หัวหินสาร ประจวบคีรีขนั ธ์ 36 หน๎า. เปรม ณ สงขลา 2554. สับปะรด พืชทองของโลก. ในสาระและสรุปการสัมมนา ประเทศไทยจะเป็นผู๎นาในการสํงออกสับปะรดโลกได๎อยํางไร.โดยมูลนิธิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. รวบรวม สรุปและจัดรปู เลมํ โดยเคหการเกษตร. น.12-19. วรางคณา มากกาไร ทวีศักด์ิ แสงอุดม และมัลลิกา นวลแก๎ว. 2557. พันธ์ุและ การจดั การหลงั การเก็บเกย่ี วที่มีตอํ คณุ ภาพและอายุการเก็บรักษาสับปะรด ผลสดเพ่อื การสงํ ออก (พันธุ์ MD2 และพันธ์ุสวี). รายงานผลงานวิจัยเร่ืองเต็ม กรมวชิ าการเกษตร, กรุงเทพฯ Dull, G.G., Young, R.E. and Biale, J.B..1967. Respiratory patterns in fruit of pineapple, Ananas comosus, detached at different stages of development. Physiologia Plantarum. 20:1059-1065. Paull, R.E. 1997. Pineapple, in Mitra S.K. Postharvest hysiology and storage of tropical and subtropical fruits. 123-143. Pip. 2011. Crop production protocol pineapple MD2. [online] available http://pp.coleacp.org/Pip.
142 บทท่ี 6 มาตรฐานสบั ปะรด ปัจจุบันการผลิตสินค๎าเกษตรต๎องคานึงถึงคุณภาพสินค๎าเป็นสาคัญ โดยผลิตผลต๎องมีคุณภาพได๎มาตรฐานตรงตามความต๎องการของตลาด รวมทั้ง มีความปลอดภัยตํอผู๎บริโภค ซ่ึงประเทศไทยได๎คานึงถึงปัญหาคุณภาพสินค๎า และความปลอดภัยแกํผ๎ูบริโภคตลอดมา โดยในปี 2547 ได๎กาหนดให๎เป็น ปีแหํงความปลอดภัยด๎านอาหาร (Food safety) มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ การผลติ สินค๎าเกษตรใหไ๎ ด๎มาตรฐานคุณภาพและมีความปลอดภัย สนับสนุนผู๎ผลิต เข๎าสรํู ะบบมาตรฐานเพื่อสร๎างความม่ันใจในมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค๎า เกษตรแกํผู๎บริโภคทั้งในและตํางประเทศ และในปี พ.ศ. 2551 ได๎มีการตรา พระราชบัญญัติมาตรฐานสนิ คา๎ เกษตร พ.ศ. 2551 ขน้ึ และมีผลใชบ๎ ังคับเม่อื วนั ท่ี 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551 และได๎มีการแก๎ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2556 การกาหนดมาตรฐาน สินคา๎ เกษตร มีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื เปน็ เครอื่ งมอื ในการควบคมุ และสงํ เสริมสินค๎าเกษตร ใหม๎ คี ุณภาพเปน็ ไปตามมาตรฐานเพอ่ื ความปลอดภัยและคุ๎มครองผู๎บริโภค ปูองกัน ความเสียหายที่อาจเกิดแกํเกษตรกรหรือกิจการการค๎าสินค๎าเกษตรหรือเศรษฐกิจ ของประเทศและเพอื่ ให๎สอดคล๎องกับพันธกรณีระหวาํ งประเทศ (สานักงานมาตรฐาน สนิ คา๎ เกษตรและอาหารแหํงชาติ, 2557) ความหมายของมาตรฐานสนิ ค้าเกษตร “มาตรฐาน”หมายถึง ข๎อกาหนด ทางวิชาการในรูปของเอกสารวัตถุท่ีแพรํหลายแกํบุคคลท่ัวไป กาหนดข้ึนโดย ความรํวมมือ การยอมรับรํวมกันของผู๎มีสํวนได๎เสีย และผ๎ูมีประโยชน์เก่ียวข๎อง ซง่ึ เป็นผลจากการพิจารณารํวมกัน สํวน “สินค๎าเกษตร” หมายถึง ผลิตผลหรือ ผลิตภัณฑ์อันเกิดจากการกสิกรรม การประมง การปศุสัตว์ หรือการปุาไม๎ และผลพลอยได๎ของผลติ ผลหรอื ผลติ ภณั ฑ์ดงั กลาํ ว
143 มาตรฐานสินค้าเกษตร แบ่งตาม พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ได๎เปน็ 2 ประเภท 1. มาตรฐานบังคับ คือ มาตรฐานท่ีมีกฎกระทรวงกาหนดให๎ สนิ ค๎าเกษตรต๎องเป็นไปตามมาตรฐาน 2. มาตรฐานท่ัวไป คือ มาตรฐานท่ีมีประกาศกาหนดเพ่ือสํงเสริม สินคา๎ เกษตรใหไ๎ ดม๎ าตรฐาน มาตรฐานสนิ คา้ เกษตร แบ่งเป็นประเภทตามวัตถุประสงค์การนาไปใช้ ไดเ๎ ปน็ 3 ประเภท 1. มาตรฐานสินค๎า เป็นมาตรฐานที่กาหนดคุณลักษณะของ สินค๎าเกษตรที่เป็นผลผลิต ใช๎เป็นเกณฑ์ในการผลิต การค๎าและ การตรวจรับรองทค่ี รอบคลุมความปลอดภัยและคณุ ภาพ 2. มาตรฐานระบบการผลิต เป็นมาตรฐานที่กาหนดเกณฑ์ปฏิบัติที่ดี ในระบบการผลติ และการตรวจรบั รองระบบการผลิตในระดบั ฟาร์ม จุดรวบรวมผลผลติ หรือโรงงานแปรรปู 3. มาตรฐานข๎อกาหนดทั่วไป เป็นมาตรฐานท่ีกาหนดเกณฑ์ท่ัวไป ตาํ งๆ ท่เี กีย่ วขอ๎ งกับความปลอดภัยและสขุ อนามัย 6.1 การผลิตสบั ปะรดตามหลักการปฏิบตั ิทางการเกษตรท่ดี ี ดา๎ นการผลิตสินคา๎ ให๎มีคณุ ภาพได๎มาตรฐาน กรมวิชาการเกษตรได๎จัดทา คํมู อื เกษตรดที เ่ี หมาะสมสาหรับสบั ปะรด (2545) เพื่อใหเ๎ กษตรกรใช๎เป็นแนวทางใน การผลิตสบั ปะรดทม่ี คี ณุ ภาพตามมาตรฐานและมคี วามปลอดภยั ตํอผู๎บริโภค มีระบบ การบันทึกข๎อมูลซึ่งจะนาไปสํูกระบวนการตรวจสอบเพ่ือรับประกันคุณภาพตํอไป ขบวนการผลติ ทดี่ ียอํ มเปน็ เครอ่ื งรับประกันวําสินค๎าท่ีผลิตได๎ยํอมมีคุณภาพที่ดีและ สม่าเสมอตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว๎ รวมทั้งจะต๎องปลอดภัยตํอเกษตรกรและ
144 ผ๎ูบรโิ ภค มีการใช๎ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุด เกิดความยั่งยืนทางเกษตรกรรม และ ไมํ ทาใ ห๎เ กิดม ลพิ ษตํ อส่ิง แวดล๎อ ม โดย คํูมื อดั งกลํ าวมีข๎อ แน ะน า เร่ืองสภาพพืน้ ทีป่ ลูกท่ีเหมาะสม พันธุ์ปลูก การปลูกและการดูแลรักษา สุขลักษณะ และความสะอาด ศตั รขู องสับปะรดและการปูองกันกาจัด การใช๎สารปูองกันกาจัด ศัตรูพืชอยํางถูกต๎องและเหมาะสม การเก็บเก่ียว วิทยาการหลังการเก็บเ กี่ยว และการบันทึกข๎อมูล ตํอมาในปี 2557 สานักงานมาตรฐานสินค๎าเกษตร และอาหารแหงํ ชาติได๎จดั ทามาตรฐานสนิ คา๎ เกษตรเรื่อง \"การปฏิบัติทางการเกษตร ทีด่ สี าหรับสับปะรด\" โดยใช๎เอกสาร มกษ. 9001 - 2556 มาตรฐานสนิ คา๎ เกษตร เรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับพืชอาหาร (สานักงานมาตรฐานสินค๎า เกษตรและอาหารแหํงชาติ, 2556) เอกสารระบบการจัดการคุณภาพ : GAP พืช สับปะรดบริโภคสดและสบั ปะรดโรงงาน (กรมวิชาการเกษตร, 2551) โดยประกาศ ให๎ใชต๎ ั้งแตํ 17 ตลุ าคม 2557 ซ่งึ ภายใต๎มาตรฐานสินค๎าเกษตร มกษ. 2508 - 2557 การปฏิบัติทางการเกษตรทดี่ สี าหรบั สับปะรด (สานักงานมาตรฐานสนิ คา๎ เกษตรและ อาหารแหงํ ชาติ, 2557) ประกอบดว๎ ย 1. ขอบข่าย มาตรฐานสินค๎าเกษตรนี้ครอบคลุมข๎อกาหนดการปฏิบัติ ทางการเกษตรท่ีดีสาหรับการผลิตสับปะรดในทุกข้ันตอน เพื่อให๎ได๎ผลผลิต ท่ีปลอดภัยมีคุณภาพเหมาะสมในการบริโภคสดและแปรรูปในอุตสาหกรรม โดยคานึงถงึ ส่งิ แวดล๎อมและสุขภาพ ความปลอดภยั และสวสั ดิภาพของผป๎ู ฏิบตั งิ าน 2. นิยาม ความหมายของคาท่ีใช๎ในมาตรฐานสินค๎าเกษตรน้ีให๎ เป็นไปตาม มกษ. 9001 มาตรฐานสินค๎าเกษตร เร่ือง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี สาหรบั พืชอาหาร ดงั ตํอไปนี้ คอื 2.1) น้าสะอาด (clean water) หมายถึง น้าที่ไมํมีการปนเปื้อน ของอันตรายในระดบั ท่ที าให๎อาหารไมปํ ลอดภัยตามวัตถุประสงค์ ของการใช๎นา้ น้นั
145 2.2) หนํอพันธุ์/จุก (sucker/crown) หมายถึง สํวนของต๎นพืช ทส่ี ามารถนามาขยายพนั ธ์ไุ ด๎ 2.3) ผลสับปะรดที่มีความแกํ (maturity) หมายถึงผลสับปะรดที่มี อายุเก็บเก่ียวเหมาะสมสาหรับการบริโภคและหรือการแปรรูป โดยนับอายุ การเก็บเกี่ยวหลังวันบังคับดอก หรือสังเกตการณ์เปลี่ยนสีเปลือกซ่ึงอาจพิจารณา รํวมกับสีเนื้อ กรณีสับปะรดโรงงานสีเนื้อจะมีสีเหลืองไมํน๎อยกวํา 25 เปอร์เซ็นต์ และไมํเกิน 75 เปอรเ์ ซน็ ต์ของท้ังผล กรณีสบั ปะรดสดเพือ่ การสํงออก สีเนื้อมีสีเหลือง ระหวาํ ง 10 - 20 เปอร์เซ็นต์ของท้ังผล กรณีผลสดเพื่อการบริโภคในประเทศ สีเน้ือ สับปะรดจะมสี ีเหลอื งไมนํ อ๎ ยกวํา 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ของทัง้ ผล 2.4) การไวห๎ นํอ (ratoon crop) หมายถงึ การจดั การและบารงุ รกั ษา ใหม๎ ีการแตกหนํอสบั ปะรดรนํุ ที่ 1 จากต๎นสับปะรดรนํุ แรก (plant crop) 3. ข้อกาหนด ข๎อกาหนดการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับสับปะรด มี 8 ข๎อ คอื 3.1) น้าทีใ่ ชใ๎ นแปลงปลกู ต๎องมาจากแหลํงน้าที่ไมํอยใํู นสภาพแวดล๎อม ที่ปนเปื้อนที่เป็นอันตรายตํอผลผลิตซึ่งกระทบตํอความปลอดภัยของผ๎ูบริโภค สํวนน้าทีใ่ ช๎ในการจัดการหลังการเกบ็ เก่ียวต๎องใช๎น้าสะอาด 3.2) พนื้ ทีป่ ลูก ต๎องไมํอยูํในสภาพแวดล๎อมซึ่งกํอให๎เกิดการปนเปื้อน วัตถุหรอื สงิ่ ทเ่ี ปน็ อันตรายตอํ ผลผลติ ท่ีกระทบตอํ ความปลอดภัยของผ๎ูบริโภค มีการ เก็บตัวอยาํ งดินวิเคราะหก์ ารปนเปอื้ น มีการดูแลรักษาปูองกนั การเสื่อมโทรมของดิน 3.3) วัตถุอันตรายทางการเกษตร ต๎องใช๎สารเคมีท่ีมีการข้ึนทะเบียน กบั กรมวชิ าการเกษตรและใช๎ตามคาแนะนาอยาํ งเครงํ ครัด 3.4) การจัดการคณุ ภาพในกระบวนการผลติ กํอนการเกบ็ เกย่ี ว แผนควบคุมการผลิต ต๎องมีแผนควบคุมคุณภาพการผลิตเพ่ือให๎ ได๎ผลิตผลตรงตามวัตถุประสงค์โดยใช๎หลักการปฏิบัติทางการเกษตรท่ีดี จัดทา
146 รายการและบันทึกข๎อมูลปัจจัยการผลิต แหลํงท่ีมารายละเอียดเฉพาะของปัจจัย การผลิตที่สาคัญ เชํน หนํอพันธุ์ ปุ๋ย วัตถุอันตรายทางการเกษตร มีการบันทึก วนั เดือน ปี ที่จดั ซ้ือ มีการจดั การในข้นั ตอนการผลิตอยํางเหมาะสม 3.5) การเก็บเกีย่ วและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เก็บเก่ียวผลท่ีมี ความแกํเหมาะสมตามข๎อกาหนดของคํูค๎า การเก็บเก่ียวต๎องปฏิบัติอยําง ถกู สุขลักษณะ คดั แยกสับปะรดทไ่ี มไํ ดค๎ ุณภาพออกจากสบั ปะรดคณุ ภาพ 3.6) การพักผลิตผล การขนย๎ายในแปลงปลูก การเก็บรักษาและ การขนสงํ ต๎องมีการจัดการอยํางถูกสุขลักษณะ ปูองกันการปนเปื้อนจากอันตราย และสิ่งแปลกปลอมทีม่ ีผลตํอความปลอดภยั ในการบรโิ ภคและคณุ ภาพผลผลติ 3.7) สุขลักษณะสํวนบุคคล ผู๎ปฏิบัติงานต๎องเข๎าใจสุขลักษณะ สํวนบุคคลและมีวิธีการปูองกันไมํให๎เกิดการปนเปื้อนสํูผลิตผล มีส่ิงอานวย ความสะดวกพ้ืนฐานท่ีเหมาะสม มกี ารอบรมให๎ความร๎อู ยํางเหมาะสม 3.8) บันทึกข๎อมลู และการตามสอบ ในขบวนการผลิตจะตอ๎ งมกี ารบันทึกขอ๎ มูลด๎านตาํ งๆ ท้ังแหลํงน้า พ้นื ทปี่ ลูก การใช๎วัตถอุ นั ตรายทางการเกษตร ข๎อมลู รหัสแปลงปลูก แหลํงหนํอพันธุ์ การใชป๎ ุ๋ย การใช๎วัตถุอันตรายทางการเกษตร ท้ังชนิด อัตรา และระยะเวลาการใช๎ การปลูก รหัสแปลงปลูก การบังคับดอก การปฏิบัติกํอนและหลังการเก็บเก่ียว การบันทึกข๎อมูลการใชพ๎ าหนะขนสงํ และการบันทึกข๎อมลู การตามสอบ เชํน ข๎อมูล แหลํงผลิต แหลํงจาหนาํ ยและปรมิ าณท่ีมีการจาหนําย การตามสอบและการทบทวนวธิ ีปฏิบตั ิ ต๎องมีการบันทึกเพื่อให๎ สามารถตรวจสอบท่ีมาของผลิตผลได๎ กรณีพบปัญหาต๎องแยกผลิตผลและปูองกัน ไมํให๎มีการนาไปจาหนําย เมื่อพบปญั หาต๎องสืบหาสาเหตุและหาแนวทางแก๎ไขและ มีการทบทวนการปฏิบัติงานด๎านการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีหรือทบทวนบันทึก ข๎อมูลอยํางน๎อยปีละครั้ง เพ่ือให๎ม่ันใจในขบวนการผลิตและปรับปรุงข้ันตอน การปฏิบัติงานให๎เปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์
147 6.2 มาตรฐานสับปะรดโรงงาน มาตรฐานสับปะรดโรงงาน มีข๎อกาหนดสาคัญในเรื่องคุณภาพขั้นต่า คือ เป็นสับปะรดสดท้ังผล ไมํมีจุกและก๎าน ผลสด ไมํมีรอยช้าและไมํเนําเสีย ปลอดจากศตั รพู ืช ไมํมตี าหนิท่ีเดํนชัดและบาดแผล สะอาดปราศจากส่ิงแปลกปลอม และทุกชั้นคุณภาพ เน้ือสับปะรดจะต๎องมีลักษณะปกติ มีความสุกไมํน๎อยกวํา รอ๎ ยละ 2 และมีไนเตรทในเนอ้ื สับปะรดไมเํ กนิ 15 มลิ ลกิ รมั /กิโลกรมั สาหรบั ปัญหา ไนเตรทในผลสับปะรดทีม่ ากเกินกวาํ ระดับมาตรฐานนับเป็นปัญหาสาคัญอยํางหน่ึง ในอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋อง รวมท้ังมีผลตํอเกษตรกรและผ๎ูประกอบการ และยังมีผลตํอราคาผลผลิตอีกด๎วย ด๎านการตกค๎างของไนเตรทในปริมาณสูง เม่ือนาไปบรรจุกระปอ๋ งแลว๎ ไนเตรทในเนอื้ ผลจะทาปฏกิ ริ ยิ ากับดีบกุ ทีเ่ คลือบสงั กะสี ที่ใช๎ทากระป๋อง ทาให๎ผิวด๎านในของกระป๋องเปลี่ยนเป็นสีดา และหลุดรํวงลงใน น้าเช่ือม (เดช, 2536) การแบ่งช้ันคณุ ภาพ แบํงเป็น 2 ช้ัน ชั้น 1 ผลมีคุณภาพดี ปลอดจากตาหนิ ยกเว๎นตาหนิเล็กน๎อย ไมํเกิน 4 เปอร์เซ็นต์ ของพ้ืนที่ผวิ ชัน้ 2 ผลสับปะรดที่ไมํเข๎าชั้นท่ี 1 แตํอยูํในคุณภาพข้ันต่า มีตาหนิ ไมเํ กิน 8 เปอร์เซน็ ต์ ของพ้นื ทผ่ี วิ ขอ้ กาหนดเรื่องขนาด แบํงเป็น 2 รหสั ขนาด คือ รหสั ขนาด 1 เสน๎ ผาํ ศนู ย์กลางผล 10.5 - 15.5 เซนตเิ มตร รหสั ขนาด 2 เสน๎ ผําศูนยก์ ลางผล 9.0 - 10.4 เซนติเมตร
148 ตา ม ม า ต ร ฐ า น สั บ ป ะ ร ด โ ร ง ง า น ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ที่ มี ข๎ อ ก า ห น ด ใ น เร่อื งขนาดโดยแบํงเป็น 2 รหัสขนาด ทวีศักด์ิ และคณะ (2550) ได๎ศึกษาดัชนีช้ีวัด คุณลักษณะสาคัญที่ใช๎เป็นเกณฑ์ในการบํงชี้คุณภาพ การแบํงช้ันคุณภาพ และการกาหนดรหัสของสับปะรดโรงงาน โดยสํุมเก็บตัวอยํางจากแปลง เกษตรกรและแผงรับซื้อผลผลิตสับปะรดจากจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง ชลบุรี ตราด และฉะเชิงเทรา พบวํา ผลสับปะรดสํวนใหญํอยํูในรหัสขนาด ทก่ี าหนด มขี นาดเสน๎ ผําศูนยก์ ลาง ต้งั แตํ 9.0 เซนติเมตร ข้ึนไป ยกเว๎นแปลงที่เป็น รุํนหนํอ ต๎นไมํสมบูรณ์ และประสบภาวะแล๎งในชํวงการเจริญของต๎น และผล จากขอ๎ มลู การสํมุ เกบ็ ตวั อยาํ งผลผลติ สบั ปะรดทัง้ หมด 2,106 ผล และนามา จัดกลํมุ ตามขนาดเสน๎ ผาํ ศนู ยก์ ลางเป็นชํวงๆ ขนาดเล็กสุดท่ีเส๎นผําศูนย์กลางต่ากวํา มาตรฐานท่ีกาหนด มีเส๎นผําศูนย์กลาง 7.9 – 8.9 เซนติเมตร ร๎อยละ 2.7 ขนาด เสน๎ ผําศูนย์กลางรหัสขนาด 2 (9.0 – 10.4 เซนติเมตร) ร๎อยละ 16.7 สํวนท่ีเหลือ ร๎อยละ 80.6 อยํูในรหัสขนาด 1 โดยผลสับปะรดทมี่ เี ส๎นผําศูนย์กลาง 10.5 – 11.0 เซนตเิ มตร ร๎อยละ 23.5 เส๎นผําศูนย์กลาง 11.1 – 12.0 เซนติเมตร ร๎อยละ 35.2 เสน๎ ผําศูนย์กลาง 12.1 – 13.0 เซนติเมตร ร๎อยละ 18.6 สํวนผลสับปะรดท่ีมี เส๎นผําศูนย์กลางใหญํสุดต้ังแตํ 13.1- 15.0 เซนติเมตร มีเพียงร๎อยละ 3.3 เทําน้ัน (ตารางท่ี 21) ตารางที่ 21 แสดงรอ๎ ยละของผลผลติ ที่มขี นาดเส๎นผําศนู ยก์ ลางตาํ งๆ ขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลางผล ร้อยละของผลผลติ ทสี่ มุ่ ตวั อยา่ ง ต่ากวาํ มาตรฐาน (7.9 - 8.9 เซนติเมตร) (จานวน 2,106 ผล) รหสั ขนาด 2 (9.0 - 10.4 เซนติเมตร) รหสั ขนาด 1 (10.5 - 11.0 เซนตเิ มตร) 2.7 รหสั ขนาด 1 (11.1 - 12.0 เซนตเิ มตร) 16.7 รหสั ขนาด 1 (12.1 - 13.0 เซนตเิ มตร) รหสั ขนาด 1 (13.1 - 15.0 เซนตเิ มตร) 23.5 35.2 18.6 3.3
149 สํวนด๎านน้าหนักผลตามขนาดของเส๎นผําศูนย์กลางผล พบวํา ผลที่มี เสน๎ ผาํ ศนู ยก์ ลางตา่ กวํามาตรฐานทกี่ าหนด (7.9 - 8.9 เซนติเมตร) น้าหนักผลสํวนใหญํ หนัก 400 กรัม น้าหนักผลมากสุด 800 กรัม น้าหนักผลต่าสุด 300 กรัม และ น้าหนักเฉล่ีย 448.8 กรัม (ภาพท่ี 60) รหัสขนาด 2 (9.0 - 10.4 เซนติเมตร) น้าหนักผลสวํ นใหญํหนัก 700 กรมั นา้ หนกั ผลมากสุด 1,480 กรมั น้าหนักผลต่าสุด 400 กรัม และมีน้าหนักเฉล่ีย 800.5 กรัม (ภาพที่ 61) สํวนผลสับปะรดท่ีมี เส๎นผําศูนย์กลางผลต้ังแตํ รหัสขนาด 1 น้ัน ผลสับปะรดที่มีเส๎นผําศูนย์กลาง 10.5 – 11.0 เซนติเมตร น้าหนักผลสํวนใหญํหนัก 900 กรัม น้าหนักผลมากสุด 2,200 กรัม นา้ หนักผลต่าสุด 490 กรัม และน้าหนักเฉลี่ย 971.6 กรัม (ภาพที่ 62) ผลสับปะรดท่ีมีเส๎นผําศนู ย์กลาง 11.1 – 12.0 เซนติเมตร น้าหนักผลสํวนใหญํหนัก 1,000 กรมั น้าหนกั ผลมากสดุ 1,960 กรมั นา้ หนักผลตา่ สดุ 630 กรัม และน้าหนัก เฉล่ีย 1,162.5 กรัม (ภาพท่ี 63) ผลสับปะรดที่มีเส๎นผําศูนย์กลาง 12.1 – 13.0 เซนติเมตร น้าหนักผลสํวนใหญํหนัก 1,300 กรัม น้าหนักผลมากสุด 2,300 กรัม นา้ หนกั ผลต่าสุด 800 กรัม และมีน้าหนักเฉล่ีย 1,454.7 กรัม (ภาพท่ี 64) สํวนผล สับปะรดท่ีมเี ส๎นผําศนู ย์กลางใหญสํ ุด 13.1 – 15.0 เซนติเมตร น้าหนักผลสํวนใหญํ หนัก 1,500 กรัม น้าหนักผลมากสุด 2,320 กรัม น้าหนักผลต่าสุด 1,020 กรัม และนา้ หนักเฉล่ีย 1,524.7 กรมั (ภาพท่ี 65)
150 กราฟแสดงน้าหนกั ผลสบั ปะรดที่ขนาดเสน้ ผ่าศูนย์กลางตา่ งๆ ผ ศู ์ ผ 7.9-8.9 ซ . ห( ) 1000 ชุ ขอมูล1 800 600 400 200 0 1 5 9 13 17 21 25 29 33 37 41 45 49 53 57 ผ ภาพที่ 60 แสดงน้าหนกั ผลท่ีขนาดเส๎นผาํ ศูนยก์ ลาง 7.9 - 8.9 เซนตเิ มตร Mode 400 กรัม Maximum 800 กรัม Average 448.8 กรัม Minimum 300 กรมั ผ ศู ์ 9.0-10.4 ซ . ห( ) 2000 ชุ ขอมูล1 1500 1000 500 0 1 28 55 82 109 136 163 190 217 244 271 298 325 352 ผ ภาพที่ 61 แสดงน้าหนกั ผลทข่ี นาดเสน๎ ผาํ ศนู ยก์ ลาง 9.0 - 10.4 เซนติเมตร Mode 700 กรัม Maximum 1,480 กรัม Average 800.5 กรัม Minimum 400 กรมั
151 ผ ศู ์ 10.5-11.0 ซ . ห( ) 2500 ชุ ขอมูล1 2000 1500 1000 500 0 1 39 77 115 153 191 229 267 305 343 381 419 457 495 ผ ภาพท่ี 62 แสดงนา้ หนกั ผลที่ขนาดเสน๎ ผาํ ศนู ยก์ ลาง 10.5 - 11.0 เซนติเมตร Mode 900 กรัม Maximum 2,200 กรัม Average 971.6 กรัม Minimum 490 กรัม ผ ศู ์ 11.1-12.0 ซ . ห( ) 2500 ชุ ขอมูล1 2000 1500 1000 500 0 1 58 115 172 229 286 343 400 457 514 571 628 685 742 ผ ภาพที่ 63 แสดงน้าหนกั ผลทขี่ นาดเส๎นผําศูนยก์ ลาง 11.1 – 12.0. เซนตเิ มตร Mode 1,000 กรัม Maximum 1,960 กรมั Average 1,162.5 กรัม Minimum 630 กรัม
ห( ) ผ ศู ์ 12.1-13.0 ซ . 152 2500 ชุ ขอมูล1 2000 1500 1000 500 0 1 31 61 91 121 151 181 211 241 271 301 331 361 391 ผ ภาพท่ี 64 แสดงนา้ หนกั ผลที่ขนาดเส๎นผาํ ศนู ยก์ ลาง 12.1 - 13.0 เซนติเมตร Mode 1,300 กรมั Maximum 2,300 กรัม Average 1,454.7 กรมั Minimum 800 กรัม ผ ศู ์ 13.1-15.0 ซ . ห( ) 2500 ชุ ขอมูล1 2000 1500 1000 500 0 1 5 9 13 17 21 25 29 33 37 41 45 49 53 57 61 65 69 ผ ภาพที่ 65 แสดงน้าหนกั ผลท่ีขนาดเส๎นผําศนู ย์กลาง 13.1 – 15.0 เซนติเมตร Mode 1,500 กรมั Maximum 2,320 กรัม Average 1,524.7 กรัม Minimum 1,020 กรัม
153 6.3 มาตรฐานสับปะรดสาหรบั บรโิ ภคสด สาหรับมาตรฐานสับปะรดบริโภคสด มีข๎อกาหนดเร่ืองคุณภาพข้ันต่า ดังนี้ เปน็ สบั ปะรดทั้งผล ผลมีความสด ไมมํ ีรอยชา้ ไมํมลี กั ษณะของแดดเผา ผลแกน สะอาดปราศจากสิง่ แปลกปลอมท่มี องเห็นได๎ ปราศจากไส๎สีนา้ ตาล ไมํมีศัตรพู ืช ไมํมี ตาหนิท่ีเห็นเดํนชัด ปลอดจากความเสียหายอันเน่ืองมาจากอุณหภูมิต่า และอุณหภูมิสูง ปลอดจากความชื้นท่ีผิดปกติจากภายนอกทั้งนี้ไมํรวมถึงหยดน้า ทเ่ี กิดหลงั การนาออกจากห๎องเย็น ปลอดจากกล่ินและรสชาติแปลกปลอม การแบํงชั้นคุณภาพ แบํงเป็น 3 ชั้นคุณภาพ คือ ชั้นพิเศษ ชั้นหนึ่ง และชน้ั สอง โดยช้ันพเิ ศษ ผลสับปะรดในช้นั น้ตี ๎องมคี ุณภาพดสี ดุ มีลกั ษณะรปู ทรง สี และกลน่ิ รส ปกตติ รงตามพันธ์ุ ผลปลอดจากตาหนิ หากสับปะรดมจี กุ ติดอยํู จุกต๎อง เปน็ จุกเดีย่ ว ตรง ไมํมีแขนง และมีความยาวระหวําง 0.5 – 1.5 เทาํ ของความยาวผล สํวนขอ๎ กาหนดเรอื่ งขนาด จะพจิ ารณาจากนา้ หนกั เฉลย่ี ของแตลํ ะผล หรือ นา้ หนกั เฉล่ีย ของผลสับปะรดท้ังหมดในแตํละภาชนะบรรจุ ซ่ึงอนุญาตให๎มีน้าหนักมากกวํา หรอื น๎อยกวําน้าหนักของผลแตํละขนาดไมํเกินร๎อยละ 12 ทั้งน้ีต๎องมีน้าหนักเฉลี่ย ไมํน๎อยกวํา 330 กรัม ยกเว๎นสับปะรดพันธ์ุท่ีมีผลขนาดเล็ก ซ่ึงยอมให๎มีน้าหนัก เฉลี่ยไมํนอ๎ ยกวาํ 250 กรัม (ตารางท่ี 22)
154 ตารางท่ี 22 ขอ๎ กาหนดเรอื่ งขนาดของผลสบั ปะรด รหสั ขนาด มีจกุ ไมม่ จี กุ นา้ หนกั ผลเฉลี่ย คา่ (± รอ้ ยละ 12) นา้ หนักผลเฉลย่ี ค่า (± รอ้ ยละ 12) 1 2 (กรมั ) ของน้าหนักผลเฉลี่ย (กรมั ) ของน้าหนกั ผลเฉล่ยี 3 2,700 2,420 - 3,080 2,280 2,006 - 2,554 4 2,300 2,024 - 2,576 1,910 1,681 - 2,139 5 1,900 1,672 - 2,128 1,580 1,390 - 1,770 6 1,600 1,408 - 1,792 1,330 1,170 - 1,490 7 1,400 1,232 - 1,566 1,160 1,021 - 1,299 8 1,200 1,056 - 1,344 1,000 880 - 1,120 9 1,000 880 - 1,120 10 830 730 - 930 800 704 - 896 660 581 - 739 600 528 - 672 500 440 - 560 400 352 - 448 330 290 - 370 ที่มา: มกอช.2546 (มกอช. 4-2546) เอกสารอ้างองิ กรมวิชาการเกษตร. 2545. เกษตรดีท่ีเหมาะสมสาหรับสับปะรด. โรงพิมพ์ชุมชน สหกรณ์แหํงประเทศไทย จากัด. กรุงเทพฯ. 30 หนา๎ . เดช อยํูชา. 2536. สารไนเตรทในสับปะรด หนังสือความร๎ู การปลูกสับปะรด , เนื่องในโอกาสนิทรรศการสับปะรดไทยคร้ังท่ี 7 วันท่ี 27-28 สิงหาคม 2536. น. 11-15 จดั โดยบริษัทสบั ปะรดไทยจากัดมหาชน.
155 ทวีศักด์ิ แสงอุดม ประภาศรี จงประดิษฐนันท์ ประเทือง ลักษณะวิมล สมพร เหรียญรุํงเรือง วิทย์ นามเรืองศรี เกษมศักด์ิ ผลากร บุญเกื้อ ทองแท๎ อานาจ รุํงจรูญ นกุ ลู ฉุนราชา. 2550. การศกึ ษาดัชนชี ้วี ัดคุณลักษณะสาคัญที่ใช๎เป็นเกณฑ์ ในการบํงชี้คณุ ภาพ การแบํงช้ันคุณภาพและการกาหนดรหัสของสับปะรด โรงงาน. ในโครงการการศึกษาดัชนีช้ีวัดคุณลักษณะสาคัญที่ใช๎เป็นเกณฑ์ ในการบํงชี้คุณภาพ การแบํงช้ันคุณภาพและการกาหนดรหัสขนาดพืช. กรมวชิ าการเกษตร. น. 225 - 240. สานกั งานมาตรฐานสนิ ค๎าเกษตรและอาหารแหํงชาติ. 2546. มาตรฐานสินค๎าเกษตร และอาหารแหํงชาตสิ ับปะรดบรโิ ภคสด. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 6 น. สานกั งานมาตรฐานสนิ ค๎าเกษตรและอาหารแหํงชาติ. 2556. พระราชบัญญัติมาตรฐาน สินคา๎ เกษตร พ.ศ. 2551 แก๎ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค๎า เ ก ษต ร (ฉ บับ ที่2 ) พ . ศ .2 5 5 6 . โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แหํงประเทศไทย จากัด. จตจุ ักร กรงุ เทพฯ. 38 น. Tisdale, S.L., W.L. Nelson and J.D. Beaton. 1985. Soil Fertility and Fertilizers. Macmillan Publishing Company.
156 บทที่ 7 การจดั การคณุ ภาพในโซ่อปุ ทานสบั ปะรด สับปะรดเปน็ พชื ทมี่ คี วามสาคัญตอํ เศรษฐกจิ การเกษตรทง้ั ในระดบั มหภาค และระดบั ไรนํ า ดงั นัน้ การพฒั นาและบริหารจัดการการผลิตสับปะรดทั้งระบบให๎มี ประสิทธิภาพจะสํงผลดีตํอประเทศ เกษตรกรและผู๎ประกอบการเป็นจานวนมาก การจัดการเพิ่มประสิทธิภาพดังกลําวต๎องดาเนินการทุกภาคสํวนท่ีเกี่ยวข๎อง ตลอดหวํ งโซอํ ปุ ทานของสบั ปะรดตัง้ แตํตน๎ น้า กลางน้าและปลายน้า ซึ่งความหมาย ของหํวงโซํอุปทานเป็นเร่ืองของการเคล่ือนย๎ายและเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ต้ังแตํ จุดเร่มิ ต๎นจนถึงปลายทางผบู๎ ริโภค ดังนนั้ การจดั การหํวงโซํอุปทานจึงเปน็ การบริหาร การทางานรํวมกันระหวํางกิจการท่ีอยูํในสายการผลิตตลอดสาย ต้ังแตํกระบวน การผลิตไปจนกระบวนการถงึ ผ๎ูบริโภค โดยผเู๎ กย่ี วข๎องทุกภาคสํวนต๎องมีการแบํงปัน ข๎อมูลขําวสารที่จาเป็นและใช๎ทรัพยากรที่มีอยํูอยํางจากัดรํวมกัน เพื่อให๎บรรลุ วัตถปุ ระสงค์ คือ ผลติ ผลมีคณุ ภาพไดม๎ าตรฐาน ลดต๎นทุนใหต๎ า่ ที่สุด และตอบสนอง ตํอความต๎องการของผ๎ูบริโภคได๎สูงสุด ผลที่ได๎จะทาให๎ผู๎เก่ียวข๎องตลอดหํวงโซํ ดังกลําวสามารถใชป๎ ระโยชน์จากทรัพยากรของตนไดอ๎ ยํางมปี ระสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และไดร๎ บั ผลตอบแทนจากการดาเนินงานดีข้ึน ชํวยให๎สามารถแขํงขันในตลาดได๎ดีขึ้น (ทวีศักดิ์, 2554) 7.1 การจัดการคุณภาพในโซ่อปุ ทานสับปะรดโรงงาน การจัดการคุณภาพในโซํอุปทานสับปะรดโรงงาน ต๎องมีรูปแบบ การบริหารจัดการด๎านคุณภาพท่ีดี ซึ่งประกอบด๎วยเกษตรดีท่ีเหมาะสมสาหรับ สับปะรด (GAP) มาตรฐานสินค๎าเกษตร การปฏิบัติทางการเกษตรท่ีดีสาหรับ สับปะรด ในสํวนของอุตสาหกรรมแปรรูปสับปะรดมีแนวทางการบริหารจัดการ ด๎านคุณภาพ คือ หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) รวมถึงวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช๎ในการผลิต การเก็บรักษาอาหาร การวิเคราะห์อันตราย และจุดวิกฤตที่ต๎องควบคุม (HACCP) นอกจากน้ีการจัดการด๎านโลจิสติกส์
157 เป็นสํวนหนึ่งของระบบบริหารโซํอุปทาน ซึ่งโลจิสติกส์หมายรวมถึงการรวบรวม จัดเก็บ และการกระจายสินค๎าจากแหลํงผลิตไปยังผู๎บริโภคให๎เกิดประสิทธิภาพ มากสุด ประกอบด๎วยกระบวนการวางแผน การนาไปปฏิบัติและการควบคุม กระบวนการขนสํงสินค๎าและบริการไปยังลูกค๎า กระบวนการรับคืนสินค๎า กระบวนการจดั เก็บสินค๎า กระบวนการเชือ่ มโยงขอ๎ มูล ตั้งแตํจดุ เริ่มตน๎ จนถึงจุดของ การบริโภคอยํางมปี ระสทิ ธผิ ลเพอื่ สนองความต๎องการของลกู คา๎ ดงั นั้นหํวงโซํอุปทาน ของอุตสาหกรรมสับปะรดคือกระบวนการต้ังแตํการเตรียมผลิตวัตถุดิบในแปลง ผํานขั้นตอนตํางๆ ตั้งแตํในแปลงมาจนถึงได๎ผลผลิต และผลผลิตสํงถึงโรงงาน แปรรปู จนได๎เป็นผลิตภัณฑ์สงํ ถงึ มอื ผบู๎ รโิ ภค ซง่ึ ภาคอุตสาหกรรมสบั ปะรดกระป๋อง จะมีความเชื่อมโยงระหวํางภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยโครงสร๎าง อตุ สาหกรรมสับปะรด ประกอบด๎วย 3 สวํ น ตามทีก่ ลาํ วมาแล๎ว ไดแ๎ กํ 1) สํวนต๎นน้า ได๎แกํ เกษตรกรผ๎ูปลูกสับปะรด 2) สํวนกลางน้า ได๎แกํ อุตสาหกรรมแปรรูปและ ผ๎ูประกอบการ และ 3) สวํ นปลายน้า ไดแ๎ กํ ตลาดสงํ ออกและตลาดภายในประเทศ การจัดการคุณภาพในส่วนของต้นน้า การผลิตสบั ปะรดโรงงานให๎ได๎มาตรฐานตรงตามความตอ๎ งการของโรงงาน และปลอดภยั ตํอผ๎ูบริโภค เกษตรกรควรผลิตตามหลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) มีการควบคุมการผลิตเพื่อให๎ได๎ผลผลิตคุณภาพ รวมท้ังมีการจัดการ สุขลักษณะของสวน เคร่ืองมือ อุปกรณ์ทางการเกษตร และปัจจัยการผลิต มกี ารบันทกึ ขอ๎ มลู และการควบคมุ เอกสาร โดยปฏบิ ัตติ ามข๎อกาหนดมาตรฐานสินค๎า เกษตรเร่ืองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับพืชอาหาร (มกษ. 9001 - 2552) ตามท่ีกลําวมาแล๎ว นอกจากน้ีเพ่ือให๎การผลิตสับปะรดโรงงานตามหลักการปฏิบัติ ทางการเกษตรท่ีดีเป็นไปอยํางมีประสิทธิภาพ และได๎ผลผลิตสับปะรดโรงงาน ที่มีคุณภาพและได๎มาตรฐานเปน็ ท่ีพึงพอใจของคูํค๎าและผ๎ูบริโภค ซึ่งภายใต๎ “ระบบการจัดการคุณภาพ: GAP สับปะรดโรงงาน” ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดก๎ าหนดวตั ถปุ ระสงค์คุณภาพ ดังน้ี
158 1. ผลิตสับปะรดท่ีมีเส๎นผําศูนย์กลางและความยาวผลไมํน๎อยกวํา 9.0 เซนติเมตร และไมํเกิน 15.5 เซนติเมตร และมีความสุกแกํ ไมํน๎อยกวาํ รอ๎ ยละ 25 ของทัง้ ผล (สับปะรดสุกปาดเหลอื ง) 2. ผลิตสับปะรดท่ีมีสารไนเตรทในผลไมํเกิน 15 มิลลิกรัม/น้าหนักผล 1 กิโลกรมั 3. ผลิตสบั ปะรดท่ีปลอดภัยจากสารพษิ ตกค๎าง 4. ผลติ สับปะรดที่ปลอดจากศัตรูพชื และเพ่ือให๎บรรลุวัตถุประสงค์คุณภาพ เกษตรกรควรปฏิบัติตามแผน ควบคุมการผลิต ซึ่งมขี ้ันตอนการผลิต อันตรายท่จี ะเกดิ ขนึ้ ในแตลํ ะข้ันตอนการผลิต มาตรการควบคุม จุดวิกฤต/จุดวิกฤตท่ีต๎องควบคุม (CP/CCP) คําควบคุม การเฝูาระวัง การแก๎ไขปัญหาและสิ่งที่ต๎องบันทึก โดยมีรายละเอียดของแตํละ ขั้นตอนการผลิตตามแผนควบคุมการผลติ สับปะรดโรงงาน (ตารางท่ี 23) ดังนี้
ตารางที่ 23 แผนควบคุมการผลติ สบั ปะรดโรงงาน No. ขั้นตอน อันตราย มาตรการ CP/ ค่าควบคุม การผลิต ควบคุม CCP การจดั การ 1. เพ่ือให้สบั ปะรด มกี ารเจรญิ เติบโตสมา่ เสมอ 1.1 การคดั ต๎นและ แยกปลูก CCP ในแปลง ค ขนาดหนํอ ผลผลิต ตามขนาด เดียวกันมีหนํอ ป พนั ธุ์ ในแปลง ของหนํอ ท่ตี ํางขนาด ห เดยี วกนั พนั ธ์ุ และ คละปน ไมํเกิน ม ไมํสม่าเสมอ แปลงหนอํ 10 เปอร์เซ็นต์ ไ พนั ธ์ุตอ๎ งไมํ ห มีการแพรํ น ระบาดของ แ โรคเหย่ี ว ห ม ไ
การเฝา้ การแกไ้ ข 159 ระวัง ปญั หา ส่ิงท่ีตอ้ ง บนั ทกึ คั ด ข น า ด ห นํ อ พั น ธ์ุ กํ อ น - คัดเลือกและคัดแยกหนํอพันธ์ุ - ขนาดและจานวน ปลูกในแตํละแปลง ดงั น้ี แตลํ ะขนาดไว๎เปน็ หมวดหมูํ หนํอพนั ธุท์ ีใ่ ช๎ปลกู หนอ่ ขนาดใหญ่ : นา้ หนกั มากกวํา 700 กรมั แตํ - ปลูกหนอํ พนั ธ์ุทมี่ ีขนาดสมา่ เสมอ ในแตํละแปลง ไมํเกนิ 900 กรัม กันในแปลงเดยี วกัน - ชนิดและปรมิ าณ หนอ่ ขนาดกลาง : - ในแปลงท่ีมีพาหะของโรคเหี่ยว สารเคมที ่ใี ช๎ น้าหนกั มากกวํา 500 กรัม แตํไมเํ กนิ 700 กรมั (เพล้ียแปูง) ควรจํุมหนํอพันธ์ุ หน่อขนาดเล็ก : น้าหนัก ด๎วยสารไธอะมีโทแซม 25 %WG มากกวํา 300 กรัม แตํ อัตรา 4 กรัม/น้า 20 ลิตร หรือ ไมเํ กนิ 500 กรมั อิมิดาโคลพริด 70 %WG อัตรา 4 ก รัม / น้า 2 0 ลิต ร ห รือ ไดโนทีฟแู รน 10 %WP อัต รา 50 กรัม/น้า 20 ลติ ร
ตารางท่ี 23 แผนควบคมุ การผลิตสับปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ข้ันตอน อันตราย มาตรการ CP/ คา่ ควบคมุ การผลติ ควบคมุ CCP 1.2 การจดั การ ขนาดผล ใช๎ระยะปลูก CP ปลูกแบบแถวคูํ เ ระยะปลูก ไมํได๎ ตามคาแนะนา ระยะ25x 50x พ มาตรฐาน 100 เซนตเิ มตร หรอื 30x50x80 เซนติเมตร. หรือปลูกจานวน 7,500 - 8,000 หนอํ /ไรํ แตไํ มํ ควรปลกู เกิน 12,000 ตน๎ /ไรํ 1.3 การ เป็นพาหะ สารวจมด CCP ไมพํ บมดและ ห จดั การศัตรพู ืช โรคเห่ยี ว และเพลี้ย เพลีย้ แปูง ม มดและเพลีย้ แปงู แปงู
160 การเฝ้า การแก้ไข สง่ิ ท่ตี ้อง ระวงั ปญั หา บันทกึ เตรียมหนํอให๎เพียงพอกับ เลอื กระยะปลูกทเ่ี หมาะสมใหม๎ ี อัตราปลกู /ไรํ พ้นื ที่ปลูก จานวนต๎น/ไรํ ระหวาํ ง 7,500- 8,000 ตน๎ แตํไมเํ กนิ 12,000 ต๎น/ไรํ หลังปลูก 1 เดือน สารวจ ถ๎าพบมดและเพลี้ย ให๎พํนสาร วั น เ ดื อ น ปี มดและเพลี้ยแปูง ชนิดใดชนิดหน่ึงตาม คาแนะนา ที่สา รวจ แ ล ะ เชํน ไทอะมีโทแซม 2 5 %WG ปริมาณสารเคมี ที่ใช๎ หรือ อิมิดาโคลพริด 10 % หรือ ไดโนทีฟูแรน 10 %WP อัตรา2 กรัม/นา้ 20 ลิตร หรือ 20 กรัม/ น้า 20 ลิตร ตามลาดับโดยพํน เฉพาะแนวขอบแปลงท่ีตดิ กบั
ตารางท่ี 23 แผนควบคุมการผลิตสบั ปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ข้ันตอน อนั ตราย มาตรการ CP/ คา่ ควบคมุ การผลิต ควบคุม CCP 2. การจดั การเพ่อื ใหอ้ อกดอกและ ผลผลติ มคี ณุ ภาพ ได้มาตรฐาน 2.1 การใสปํ ยุ๋ ต๎นไมํ ใสปํ ุ๋ยให๎ CCP ต๎นมีความ ต สมบรู ณ์ สอดคล๎องกับ สมบูรณไ์ มํ นอ๎ ยกวาํ 90% และผลิตผล คําวเิ คราะห์ ด๎อยคณุ ภาพ ดนิ หรอื ใสํ ปยุ๋ ตาม คาแนะนา
161 การเฝ้า การแก้ไข สิง่ ทต่ี ้อง ระวัง ปญั หา บันทกึ แปลงข๎างเคียงหรือเฉพาะจุดที่ พบเพล้ียแปงู เปน็ รัศมีโดยรอบ ต๎นแคระแกร็น - ใ สํปุ๋ ย ใ ห๎ สอ ด ค ล๎ อง กับ คํ า วัน เวลา ชนิด วิเค รา ะห์ท้ัง ปุ๋ยอินท รีย์และ แ ล ะ วิ ธี ก า ร ใ สํ ปุย๋ เคมตี ามความตอ๎ งการของพืช ป๋ยุ หรอื - ใ สํปุ๋ ย เ ค มี ท่ีมี สัด สํว นข อ ง ธาตุไนโตรเจน : ฟอสฟอรัส : โพแทสเซียม 2:1:3 เชํน 12-6-18 อัตรา 50 กรัม/ต๎น/ฤดู แบํงใสํ 2 ครั้ง ครั้งแรกหลังปลูก 1-3 เดอื น หรือหลังฝนตก และใสํคร้ัง ท่ี 2 หลังให๎ปุ๋ยครั้งแรก 2-3 เดือน ใสบํ รเิ วณกาบใบลํางของต๎น
ตารางที่ 23 แผนควบคุมการผลติ สับปะรดโรงงาน (ตํอ) No. ขนั้ ตอน อนั ตราย มาตรการ CP/ ค่าควบคุม การผลติ ควบคุม CCP 2.2 การให๎น้า ต๎นไมํ มีการจดั การ CCP ตน๎ มคี วาม - สมบูรณ์ นา้ ตาม สมบรู ณ์ไมํนอ๎ ย ต และผลติ ผล คาแนะนา กวํา 90% เ ดอ๎ ยคณุ ภาพ ก แ โ ข 2.3 การ ไนเตรท จัดการป๋ยุ CCP ไมมํ ผี ล - ปอู งกนั การ ตกคา๎ งใน น้า และเขต สบั ปะรดทม่ี ี ค ตกคา๎ งของ ผลเกินคาํ กรรมตาม ไนเตรท มาตรฐาน คาแนะนา ไนเตรทตกคา๎ ง แ ท่ีกาหนด ในผลเกิน 15 ส มลิ ลิกรัม/น้า หนกั ผล 1 กิโลกรัม
162 การเฝ้า การแกไ้ ข สง่ิ ทตี่ ้อง ระวัง - ประเมินอาการขาดน้า ปญั หา บันทกึ ต้ังแตํเร่ิมปลูก ชํวงการ เจริญ เติบโตของต๎น ชํวง - ชํวง 1 - 5 เดือนหลังปลูกให๎น้า - ชวํ งเวลา อตั รา กา ร พั ฒ น า ก า ร ข อ ง ด อ ก และผล กํอนเก็บเกี่ย ว 2,000 ลิตร/ไร/ํ สัปดาห์ และปริมาณนา้ โดยสังเกตความสมบูรณ์ ของตน๎ - ชํวง 5 เดือนหลังปลูกถึงกํอน ทใ่ี ห๎ - จัดการน้าและปุ๋ยตาม เก็บเกี่ยว ให๎น้า 2,000 - 3,000 คาแนะนาอยํางเครํงครัด และ ต๎อง ไมํท าลา ยจุก ลิตร/ไรํ/สปั ดาห์ สับปะรด - หลังการใสํปุ๋ยครั้งสุดท๎ายต๎อง ใหน๎ ้าเตม็ ที่ เพ่อื ใหป๎ ุ๋ยละลายจนหมด - ห ยุ ด ใ ห๎ น้ า กํ อ น เ ก็ บ เ ก่ี ย ว 15 - 30 วัน - ในแหลํงปลูกท่ีเคยพบไนเตรท - ชนิด อัตราและ ตกค๎างในผลสูงกวํา 15 มิลลิกรัม/ ปรมิ าณปยุ๋ ที่ให๎ น้าหนักผล 1 กิโลกรัม ต๎องเก็บ - ปริมาณและชํวง ตัวอยํางใ บ ในระยะบังคับดอก เวลาที่ให๎น้า วิเคราะห์ปริมาณธาตุโมลิบดินัม หากพบความเข๎มข๎นของธาตุต่ากวํา 1 ppm พนํ ธาตุโมลิบดินัม อัตรา 5 มิลลิกรมั /ตน๎ ผสมนา้ 75 มลิ ลิลติ ร ในระยะดอกแดง หรอื โพแทสเซยี ม
ตารางที่ 23 แผนควบคุมการผลติ สับปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ขน้ั ตอน อนั ตราย มาตรการ CP/ คา่ ควบคุม การผลิต ควบคมุ CCP 2.4 การกาจดั ตน๎ ไมํ มีการ CP แปลงสะอาด - วชั พชื สมบูรณ์ ควบคมุ ไมมํ ีวชั พืช และผลติ ผล วัชพืชตาม ด๎อยคุณภาพ คาแนะนา
163 การเฝ้า การแกไ้ ข ส่ิงท่ีตอ้ ง ระวัง ปญั หา บนั ทกึ - ตรวจประเมนิ และ คลอไรด์ อั ตรา 8 กรั ม/ต๎ น ควบคุมกาจัดวัชพชื หลั งบั งคั บดอกแล๎ ว 7 5 วั น โดยผสมน้า 75 มิลลลิ ิตร - หลังจากบังคับดอกไมํควรให๎ ปุ๋ยไนโตรเจน - หลังการใสํปุ๋ยครั้งสุดท๎าย ต๎อง ใ ห๎ น้ า เ ต็ ม ท่ี เ พ่ื อ ใ ห๎ ปุ๋ ย ล ะ ล า ย จนหมด - วัชพืชฤดูเดียว ใช๎พาราควอท 27.6 %SL อัตรา 300 - 600 มิลลิลิตร กํอนเตรียมดินหรือ หรอื กํอนปลกู สบั ปะรด 5 - 7 วัน หรือสารโบรมาซิล 80 %WP อัตรา 500 - 600 กรัม หรือ สารไดยูรอน 80 %WP อัตรา 500 - 600 กรัม/ไรํ หลังปลูก กอํ นวชั พืชงอก หรือวัชพืชมี 4-6 ใบ ขณะดินมีความช้ืนหรือสาร โบร-มาซิล 80 %WP + สารอา
ตารางที่ 23 แผนควบคุมการผลติ สับปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ขัน้ ตอน อนั ตราย มาตรการ CP/ ค่าควบคุม การผลิต ควบคุม CCP 2.5 การจัดการ การออก ใชส๎ ารบังคบั CCP ในแปลงเดียวกัน ส เพ่อื ให๎ออกดอก ดอกไมํ ดอกตาม มกี ารออกดอก บ พร๎อมกัน คาแนะนา ไมํน๎อยกวํา 90%
164 การเฝา้ การแก้ไข ส่ิงท่ีตอ้ ง ระวัง ปญั หา บันทกึ สมุํ ชง่ั น้าหนกั ตน๎ กํอน มีทรีน 80 %WP อัตราสํวน 1:1 บังคบั ดอก อัต รา 400 - 600 กรัม/ ไ รํ พํ น ห ลั ง ป ลู ก ต้ั ง แ ตํ วั ช พื ช ง อ ก จนถึงออกดอกเมื่อดนิ มีความชืน้ - ใช๎สารเอทธิฟอน 48 %SL - สารเคมหี รือวิธี อตั รา 6 มิลลิลิตร ผสมกับปุ๋ยเคมี ปฏบิ ตั ิเพอ่ื บังคับ สตู ร 46-0-0 อัตรา 300 กรัม/น้า ดอก - วัน เวลา 20 ลิตร ตักหยอดหรือพํนต๎นละ ทบี่ ังคับดอก 60 มิลลิลิตร หรือใช๎ถํานแก๏ส (แคลเซียมคาร์ไบด์) อัตรา 1 - 2 กรัม/ต๎น โดยแบํง ใสํ 2 คร้ัง ในขณะท่ีมีนา้ อยํใู นยอด - บังคบั ในชํวงเย็นหรือกลางคืน หากมีฝนตกภายในเวลา 2 ช่ัวโมง หลงั จากหยอดสาร ต๎องหยอดสาร ซ้าภายใน 2 - 3 วนั หลงั ฝนตก
ตารางท่ี 23 แผนควบคมุ การผลิตสบั ปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ขน้ั ตอน อันตราย มาตรการ CP/ คา่ ควบคุม การผลิต ควบคุม CCP 3. การจัดการเพ่ือ ผลิตผลไมํ ใช๎สา รเค มี CP ปรมิ าณ ใ ผลิตสับปะรดท่ี ปลอด ภั ย ตา มท่ีระ บุ สารพิษตกค๎าง ปลอดภัยจา ก ตํอผ๎บู รโิ ภค ในการแก๎ไข ไมํเกินคํา สารพษิ ตกคา้ ง ปั ญ ห า ใ น มาตรฐานท่ี แผนควบคุม กาหนด การผลิต 4. การจดั การเพ่ือ ผ ลิ ต สั บ ป ะ ร ด โรงงานที่ปลอด จากศัตรพู ชื 4.1 การปูองกนั ผ ลิ ต ผ ล สารวจชนิด CP พบเพล้ียแปูง ส กาจัดแมลงศตั รู เ สี ย ห า ย และปริมาณ มากกวําหรือ เ หรือไมํได๎ แ ม ลง ศัต รู เ ทํ า กั บ 1 0 1 ผลผลิต สั บ ป ะ ร ด ตัว/ต๎น จ ทุกเดือน
165 การเฝ้า การแก้ไข ส่งิ ทีต่ ้อง ระวงั ปญั หา บันทกึ ใช๎สารเคมี ตามคาแนะนา - วิเคราะห์สาเหตุ - ชนิด อตั รา เวลา - ชะลอการเกบ็ เกีย่ วผลติ ผล และปริมาณ สารเคมีทใี่ ช๎ - วธิ ปี ฏบิ ัติอืน่ นอกเหนือจาก การใชส๎ ารเคมี สารวจชนิด และปริมาณ เพล้ียแป้ง : ปูองกันกาจัดเพลี้ย เ พ ล้ี ย แ ปู ง แ ล ะ ม ด ทุ ก แ ปูง โ ด ย พํนไธ อะ มีโ ท แ ซม 1 เดือน ตั้งแตํเร่ิมปลูก 25 %WG อัตรา 2 กรัม หรือ จนถึงเก็บเกีย่ ว อิมิดาโคลพริด 10 %SL อัตรา 20 มิลลิกรัม หรือ ไดโนทีฟูแรน 10 %WP อัตรา 20 กรัม หรือ อะเซททามิพริด 20 %SP อัตรา 10 กรัม/น้า 20 ลติ ร
ตารางที่ 23 แผนควบคมุ การผลิตสับปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ขัน้ ตอน อันตราย มาตรการ CP/ คา่ ควบคมุ การผลิต ควบคุม CCP 4.2 การ ผลผลิตลดลง สารวจชนิด CP ไมพํ บตน๎ ที่ ส ข ปอู งกันกาจัด และด๎อย และปริมาณ เปน็ โรค โรค คุณภาพ ก า ร แ พ รํ ระบาดของ โรคทกุ เดือน
166 การเฝา้ การแกไ้ ข สิง่ ทีต่ ้อง ระวงั ปญั หา บนั ทกึ สารวจการแพรรํ ะบาด ของโรค เ ฉ พ า ะ บ ริ เ ว ณ ที่ พ บ เ พ ลี้ ย แ ปู ง ร ะ บา ด แ ล ะ ง ด พํ น ใ น ร ะ ย ะ ใ ก ล๎ เก็บเกีย่ ว มด : ปูองกันกาจัดมด ซึ่งเป็น พาหะในการแพรกํ ระจายเพลย้ี แปูง ไปตามสํวนตํางๆ ของสับปะรด ดว๎ ยวิธที างเขตกรรม หรือใช๎เหยื่อ พิษไฮดราเมทลิ นอน 0.73 %G อัตรา 275 กรัม/ไรํ โรยหรือหวํานใน แ ป ล ง สั บ ป ะ ร ด กํ อ น ป ลู ก แ ล ะ หลังปลกู 6 เดอื น โรคเห่ียว : - ชนดิ อัตรา - กาจดั ต๎นท่เี ป็นโรคทงิ้ ปรมิ าณการใช๎ - ใช๎หนํอพันธ์ุจากแหลํงที่ไมํมี สารเคมี การแพรรํ ะบาดของโรคเห่ยี ว - วธิ ีปฏบิ ัติอื่นๆ - ปูองกันกาจัดมดและเพลี้ยแปูง ตามคาแนะนาข๎างต๎น - ดูแลแปลงให๎สะอาดปราศจาก วชั พชื
ตารางที่ 23 แผนควบคมุ การผลิตสับปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ขน้ั ตอน อันตราย มาตรการ CP/ ค่าควบคมุ การผลติ ควบคุม CCP 4.2 การ ผลผลติ ลดลง สารวจชนิด CP ไมพํ บตน๎ ท่ี ส ข ปูองกันกาจัด และดอ๎ ย และปริมาณ เปน็ โรค โรค คุณภาพ ก า ร แ พ รํ ระบาดของ โรคทุกเดอื น 5. การเก็บเกี่ยว และการปฏิบัติ ห ลั ง ก า ร เ ก็ บ เกย่ี ว 5.1 อายุการ ผลผลติ ดอ๎ ย เก็บเกี่ยวเม่ือ CCP มีผลสับปะรดที่ ป เกบ็ เก่ียว คุณภาพ มคี วามสุกแกํ สุ ก แ กํ ไ มํ ไ ด๎ ว ไ มํ น๎ อ ย ก วํ า มาตรฐานคละ ด ร๎อยละ 25 ปนไมํเกิน 5 % เ ข อ ง ท้ั ง ผ ล ข อ ง ผ ลิ ต ผ ล (สับปะรดสุก ท้ังหมด ปาดเหลอื ง)
167 การเฝ้า การแก้ไข สิง่ ทตี่ อ้ ง ระวัง ปญั หา บันทกึ สารวจการแพรํระบาด ของโรค โรครากเน่าหรือต้นเน่า : เก็บต๎น - ชนิด อัตรา สับปะรดที่เป็นโรคเผาทาลาย ปรมิ าณการใช๎ ใช๎สารเมตาแลกซิล 25 %WP สารเคมี อตั รา 20-40 กรมั หรอื สารฟอส- - วิธีปฏบิ ตั ิอ่นื ๆ เอทิลอลมู เิ นียม 80 %WP อัตรา 80-100 กรมั หรือสารฟอสฟอรัส แอซิค 40 % ประเมินอายุของผลหลัง - สํุมปาดดูเนื้อผลกํอนการเก็บ -วั น เ ดื อ น ปี วนั บงั คับดอกหรือสํุมปาด เก่ียว และเก็บเก่ียวผลท่ีสุกแกํ ที่บังคับดอก และ ดูเนื้อ ผลกํอนการเก็บ เกย่ี ว ไดท๎ ่ี เกบ็ เกยี่ ว - ชะลอการเก็บเกี่ยว เมื่อความ - ปรมิ าณผลผลติ ท่ี สกุ แกํยังไมไํ ดท๎ ี่ เก็บเกยี่ วในแตํละ รํุน
ตารางท่ี 23 แผนควบคุมการผลิตสบั ปะรดโรงงาน (ตอํ ) No. ข้นั ตอน อนั ตราย มาตรการ CP/ คา่ ควบคุม การผลติ ควบคุม CCP 5.2 วิธกี ารเกบ็ ผ ลิ ต ผ ล เกบ็ เก่ียวและ CP ผลผลิตเสียหาย ใ เก่ียวและการ ช อ ก ช้ า ขนย๎ายดว๎ ย จากการเก็บเกี่ยว อ ขนยา๎ ย เสียหาย ความระมัด และการขนย๎าย ใ ระวัง ไมํเกิน 5% ของ อ ผลผลิตทงั้ หมด 5.3 การปฏบิ ตั ิ หลังการเกบ็ เก่ยี ว 5.3.1 การคัด ผลติ ผลด๎อย ต ร ว จ ส อ บ CP มกี ารคละปน ต ของผลติ ผล ส แยกผลติ ผลท่ีมี คุณภาพ และคดั แยกผล ดอ๎ ยคุณภาพ ศ ศตั รูพชื สั บ ป ะ ร ด ท่ี มี ไมเํ กิน 5 % ต รํ อ ง ร อ ย ก า ร เข๎าทาลายของ ศัตรูพืชหรือมี ศัตรูพืชอยํูบน ผลออกจาก ผลิตผลคุณภาพ
168 การเฝ้า การแกไ้ ข สง่ิ ทต่ี อ้ ง ระวงั ปญั หา บันทกึ ใช๎แรงงานท่มี คี วามชานาญ จัดอบรมให๎ความร๎ูในวิธีการ - จานวนผลติ ผลที่ อุปกรณ์อยํูในสภาพพร๎อม เกบ็ เกีย่ วทถ่ี ูกต๎องใหแ๎ กํแรงงานที่ เก็บเกี่ยว ใช๎งาน และขนย๎ายผลติ ผล จะทาการเก็บเกี่ยว - จานวนผลติ ผล อยาํ งเหมาะสม ท่เี สยี หายจากการ เกบ็ เก่ียวและการ ขนย๎าย - จานวนผลิตผล คุณภาพ ตรวจสอบและคัดแยกผล ตรวจสอบและคัดแยกผลผลิตท่ีมี ปรมิ าณผลผลติ ที่ สับปะรดที่ถูกทาลายจาก ศตั รูพชื ด๎อยคณุ ภาพ ศัตรูพืชและหรือพบศัตรูพืช ติดอยบูํ นผล
ตารางที่ 23 แผนควบคุมการผลิตสับปะรดโรงงาน (ตํอ) No. ขั้นตอน อันตราย มาตรการ CP/ ค่าควบคมุ การผลิต ควบคุม CCP 5.3.2 การคัด มีกา รค ละ คัดแยกผลิต- CP มีก า ร ค ล ะ ป น ต ขนาด ปนของผลิต ผลตรงตามชน้ั ของผลตํางช้ัน จ ผลตําง ชั้น ขนาด ขนาดไมํเกิน 10 % ขนาด ของผลิตผลใน ชน้ั ขนาดน้นั ๆ
169 การเฝา้ การแกไ้ ข ส่ิงทต่ี อ้ ง ระวงั ปญั หา บันทกึ ตรวจสอบความถูกต๎อง จากการคัดขนาด คัดแยกผลที่ไมํอยํูในช้ันขนาด ผลการคัดแยก เดยี วกันออก และเปอร์เซ็นต์ ผ ลิ ต ผ ล ท่ี มี ก า ร คละปน
170 สว่ นกลางน้า ไดแ๎ กํ อุตสาหกรรมแปรรปู และผูป๎ ระกอบการ จากการศึกษาของ ธนัญญา และคณะ (2550) พบวํา ระบบโซํอุปทาน ของโรงงานขนาดเลก็ มกั ไมํมีการวางแผนใชอ๎ ปุ ทาน (supply chain planning) ไมํมี การพยากรณ์ยอดขาย และไมํมีเกษตรกรท่ีทาสัญญารํวมกัน (contact farming) การจดั หาผลผลิตจะตกลงกับแผงปอกทต่ี ิดตํอกันเป็นประจาและแจ๎งความต๎องการ ลํวงหน๎าในแตํละวัน ด๎านการผลิตได๎รับการรับรองระบบ GMP และ HACCP แตํขบวนการปอกและห่ันช้นิ ของแผงบางแหํงอาจไมถํ กู สุขลักษณะ และการรวบรวม ผลิตผลจากหลายๆ แผงทาใหไ๎ มํสามารถทาระบบตรวจสอบย๎อนกลบั ได๎ สํวนโรงงาน อุตสาหกรรมสับปะรดขนาดใหญํจะมีระบบการทางานท่ีดี เริ่มต้ังแตํมีคาส่ังซื้อ จากลูกค๎าลํวงหน๎า หลังจากน้ันโรงงานจะมีการวางแผนย๎อนกลับไปถึง ปริมาณผลผลิตที่ต๎องใช๎วําปริมาณเทําไรและชํวงเวลาใด มีการรํวมวางแผน การผลิตกับเกษตรกรท่ีทาสัญญารํวมกัน (contract farming) เกษตรกรอิสระ รวมถึงพอํ คา๎ คนกลาง เพือ่ ท่ีจะได๎สบั ปะรดตามจานวนท่ตี อ๎ งการ โดย 60 เปอร์เซ็นต์ ของสับปะรดทเี่ ข๎าสํูระบบการผลติ มาจากเกษตรกรทที่ าสัญญารวํ มกนั 10 - 15 เปอรเ์ ซ็นต์ เป็นสับปะรดจากเกษตรกรอสิ ระ และ 25 - 30 เปอร์เซ็นต์ ได๎จาก การรวบรวมของพํอค๎าคนกลาง ซึ่งการวางแผนฯ ท่ีดีของโรงงานขนาดใหญํทาให๎ บริษัทสามารถผลิตสินค๎าตอบสนองความต๎องการของลูกค๎าได๎สอดคล๎องกับกาลัง การผลิตของบริษัท แตํอยํางไรก็ตามการพยากรณ์ปริมาณผลผลิตสับปะรดสด ลํวงหน๎าบางครั้งอาจไมํถูกต๎อง เน่ืองจากระบบการปลูกสับปะรดของไทยเป็ น เกษตรกรรายยํอย และอาศัยน้าฝน ปัจจัยสภาพแวดล๎อมโดยเฉพาะปริมาณน้าฝน และอุณหภูมิ รวมถงึ ราคาผลผลิตจะเข๎ามาเก่ียวข๎องทาให๎ปริมาณและคุณภาพของ สับปะรดไมํตรงกับท่ีพยากรณ์ ซึ่งหากโรงงานสามารถทาสัญญารํวมกันเกษตรกร (contract farming) ได๎ 100 เปอร์เซ็นต์ จะทาให๎สามารถวางแผนและจัดการ ไดอ๎ ยาํ งมีประสทิ ธิภาพ ซงึ่ เป็นส่งิ ท่ีภาครัฐให๎การสนบั สนุนเพ่ือแก๎ไขปัญหาสับปะรด ท้งั ระบบ
171 สว่ นปลายนา้ ได๎แกํ ตลาดสํงออกและตลาดภายในประเทศ ด๎านตลาดสํงออกสินค๎าสับปะรดกระป๋องท่ีสาคัญ ได๎แกํ สหรัฐอเมริกา เยอรมนั และรัสเซยี สวํ นนา้ สบั ปะรด ได๎แกํ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และสเปน ซึ่งประเทศไทยมีสํวนแบํงการตลาดสูง ดังนั้นการพัฒนาด๎านการตลาด จะต๎อง สํงเสริมการเจรจาการค๎าเพื่อรักษาตลาดเดิมและขยายตลาดใหมํ รณรงค์สํงเสริม การบริโภคสับปะรดและผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ สํงเสริมการสร๎างตราสินค๎า สับปะรดไทยให๎เป็นท่ียอมรับของตลาด รวมท้ังมีการบริหารจัดการด๎านโลจิสติกส์ อยาํ งมีประสทิ ธิภาพ ซง่ึ จะชวํ ยเพ่ิมขีดความสามารถในการสํงออกสับปะรดกระป๋อง ของไทย ดังนั้ นก ารจั ดก ารคุ ณภาพ ในโ ซํอุ ปทา นข องสั บป ะร ดโ ร งง านจ ะต๎ อง มี การบรหิ ารจดั การทัง้ ระบบ โดยมรี ูปแบบการการจัดการท่ีมีประสิทธิภาพ (ภาพที่ 66) ซึ่งผ๎ูเกี่ยวข๎องทุกฝุายต๎องรํวมมือกันอยํางจริงจังท้ังเกษตรกรผ๎ูผลิ ต ผู๎รวบรวม และหรือโรงงานแปรรูป ภาครัฐให๎การสนับสนุนรวมทั้งรํวมศึกษาวิจัยพัฒนา ทั้งด๎านพนั ธ์ุ การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหมํๆ การพัฒนา คุณภาพสินค๎า การเพิ่มมูลคําสินค๎า การลดต๎นทุนการผลิต การจัดหาแหลํงน้า การอานวยความสะดวกในขั้นตอนการสํงออก การสํงเสริมด๎านการตลาด รวมท้ัง การสนับสนุนและสํงเสริมให๎เกษตรกรมีการรวมกลุํม สร๎างความเข๎มแข็งของกลํุม มีการวางแผนการผลิต การสนับสนุนให๎มีการทาสัญญาซื้อขายลํวงหน๎า นอกจากนี้ ทุกภาคสํวนในหํวงโซํการผลิตจะต๎องมีความจริงใจและความซื่อสัตย์ตํอกัน เพื่อให๎ สามารถบริหารการผลติ และการตลาดได๎อยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ รวมท้ังมีการให๎ข๎อมูล ขาํ วสารอยํางท่วั ถึงกบั ผ๎ูเก่ียวข๎องทุกฝุายทั้งข๎อมูลด๎านวิชาการ เทคโนโลยีการผลิต การเพม่ิ คณุ ภาพผลผลติ รวมท้งั ข๎อมูลด๎านการตลาด
172 ปัจจัยหลกั ท่ตี อ้ งดาเนินการ สาหรบั เกษตรกร 1. การเข๎าสูํระบบการผลิตอยํางเหมาะสม (GAP) โดยผลิตตาม แนวทางการผลิตที่ถูกต๎องเพ่ือให๎ได๎ผลผลิตที่มีคุณภาพ และ มีความปลอดภยั ตรงตามความต๎องการของโรงงาน 2. การวางแผนการผลิต นับเป็นสิ่งจาเป็นท่ีสุดในระบบการผลิต ทั้งน้ี เพื่อให๎สามารถมีผลผลิตสอดคล๎องกับความต๎องการของโรงงาน มีการกระจายการผลติ เพ่ือไมํให๎ผลผลิตกระจุกตัวและราคาตกต่า 3. การใช๎เทคโนโลยีการผลิตท่ีเหมาะสมเพื่อให๎ได๎ผลผลิตท่ีมีคุณภาพ มีความปลอดภัยทางอาหาร ไมํมีการตกค๎างของสารไนเตรท เกินคําที่กาหนด รวมท้ังผลผลิตมีการกระจายตัวสอดคล๎องกับ ความตอ๎ งการของตลาด 4. การเก็บเก่ียวท่ีความสุกแกํเหมาะสม เพื่อให๎ได๎ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ตรงตามความตอ๎ งการของโรงงาน 5. การพัฒนาการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว นับเป็นส่ิงจาเป็นอยํางมาก ท่เี กษตรกรต๎องให๎ความสาคัญ ทั้งการคัดแยกผลผลิตท่ีไมํได๎คุณภาพ การบรรจุและการขนสํงไปให๎ผ๎ูรวบรวมหรือบริษัทฯ จะต๎องทาด๎วย ความระมัดระวัง ปอู งกันการชอกช้าของผลิตผล 6. การจดบันทึก นับเป็นสิ่งจาเป็นมากในระบบ GAP ท้ังน้ีเพื่อให๎ทราบ ขอ๎ มูลการจดั การการผลติ และเป็นข๎อมูลสาคัญในระบบการตรวจสอบ ย๎อนกลับจากจุดกาเนดิ ของสนิ คา๎
173 สาหรบั ผรู้ วบรวมและหรือผูป้ ระกอบการ (โรงงาน) 1. การวางแผน ถือเป็นหัวใจของการดาเนินการธุรกิจให๎ประสบ ความสาเร็จ ผ๎ูรวบรวมและหรือผ๎ูประกอบการ (โรงงาน) จะต๎อง มีการวางแผนการผลิต วําจะจัดหาวัตถุดิบท่ีไหน แหลํงใด ให๎ได๎ทั้ง ปริมาณ คุณภาพ และชํวงเวลาที่ต๎องการ เพื่อให๎สามารถบริหาร จัดการท้ังแรงงาน ระยะเวลาและปริมาณได๎อยํางมีประสิทธิภาพ และลดต๎นทนุ คาํ ใชจ๎ ํายในการดาเนินการ 2. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวท่ีถูกต๎องและมีการบริหารจัดการท่ีดี ปอู งการผลผลติ เสียหายในระหวํางรอการผลิต 3. การพฒั นาโรงงาน เพื่อใหเ๎ กดิ ประสิทธภิ าพ ลดความสูญเสียตํางๆ ท่ีจะ เกิดข้ึนในขบวนการผลิต และมีการใช๎ประโยชน์จากของเหลือใช๎ และเพิม่ มูลคํา ปัจจัยสนับสนุนท่ีควรดาเนินการ สาหรบั เกษตรกร 1. การรวมกลํุม เกษตรกรผ๎ูผลิตสับปะรดในบริเวณใกล๎เคี ยงกัน ควรมีการรวมกลุํมการผลิต (แปลงใหญํ) ท้ังน้ีเพื่อให๎การผลิตเป็นไป ในแนวทางเดยี วกัน ผลผลิตได๎คุณภาพสม่าเสมอ และยังเป็นการเพิ่ม อานาจในการตํอรอง 2. การทาสญั ญาซ้ือขายลํวงหน๎า เป็นปัจจัยสนับสนุนอยํางหนึ่งท่ีจะชํวย ให๎เกษตรกรผูผ๎ ลิตเกิดความมัน่ ใจในราคาสนิ คา๎ ที่จะได๎ ผ๎ูรวบรวมหรือ ผ๎ูสํงออกกจ็ ะม่นั ใจไดว๎ าํ มีสินคา๎ ตอบสนองความต๎องการของตลาดได๎ 3. การเรียนรู๎และนาเทคโนโลยีมาพัฒนาเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิต โดยภาครัฐให๎การสนับสนุนในทุกๆ สํวนท่ีเก่ียวข๎องทั้งการฝึกอบรม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211