Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายอาญา 1

กฎหมายอาญา 1

Published by phenix stock, 2021-03-28 03:19:57

Description: กฎหมายอาญา 1

Search

Read the Text Version

๑๔๒ ไดค วามวา จรงิ ๆ แลว ใบอนุญาตขับรถของจําเลยไมหาย หากแตถูกเจา พนักงานตาํ รวจยดึ ไวกอนแลว การกระทําของจาํ เลยผดิ ฐานแจง ความเท็จ เพราะทาํ ใหเจา พนกั งานตาํ รวจไดร ับความเสียหายทีไ่ มไ ด จบั กุมผูกระทาํ ความผดิ มาลงโทษ ®Õ¡Ò·èÕ òõðñ/òõò÷ สมุดเช็คของจําเลยมิไดหายไป จําเลยกลับไปแจงความ แกพนักงานสอบสวนวา สมดุ เช็คของจําเลยหายไป ซ่ึงอาจทําใหผ เู สยี หายและพนักงานสอบสวนไดรบั ความเสยี หาย จาํ เลยมีความผดิ ฐานแจงความเท็จตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๗ ®¡Õ Ò·Õè ôðôø/òõòø การที่จําเลยซึ่งถูกจับกุมในขอหาวาเปนคนญวนอพยพหนี จากเขตควบคุม ใหการปฏิเสธพรอมท้ังแสดงบัตรประจําตัวประชาชนใหตํารวจดูน้ัน เปนการปฏิเสธ ในฐานะผตู อ งหา แมขอความน้นั จะเปน เทจ็ ก็ไมเปนความผิดฐานแจง ความเทจ็ ตามมาตรา ๑๓๗ ®¡Õ Ò·èÕ ñôøù/òõóð ผูกาํ กบั การตํารวจภธู รจงั หวัด ผบู ังคับการตํารวจภูธรและ ผูบัญชาการตํารวจภูธรตางมีฐานะเปนเจาพนักงานมีอํานาจหนาที่ที่จะดําเนินการทางวินัยตอโจทก ซึ่งเปนผูอยูใตบังคับบัญชา ฉะน้ัน หากขอความในหนังสือท่ีจําเลยรองเรียนตอผูบังคับบัญชา ของโจทกดงั กลา วเปน เท็จ จาํ เลยยอมมคี วามผิดฐานแจงความเทจ็ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๗ ®Õ¡Ò·èÕ õøò/òõóò จําเลยนําบานของผูอื่นมาขายใหโจทก โดยอางวาเปนของ จาํ เลย โจทกจงึ ไปแจงความตอ พนักงานสอบสวน มีสาระสําคัญวา สญั ญาซ้อื ขายบา นดงั กลา วลม เลกิ และจําเลยจะคืนเงินคาซื้อบานใหแกโจทก ตอมาจําเลยไปแจงความตอพนักงานสอบสวนวาโจทก แจง ความเทจ็ กลา วหาวา จาํ เลยฉอ โกงโจทก ซงึ่ ขอ สาระสาํ คญั ไมต รงกบั ขอ ความทโ่ี จทกแ จง ไวเ ปน เหตุ ใหโจทกถูกจบั กมุ ดําเนนิ คดี ดังน้ี จาํ เลยมคี วามผิดฐานแจงความเท็จ ®¡Õ Ò·Õè òöôñ/òõóò แจงตอผูใหญบานวาบุตรเกิดที่รอยเอ็ด ความจริงเกิดที่ พระนครศรีอยธุ ยา เปนแจง ความเทจ็ ®Õ¡Ò·Õè ÷óô/òõóó จาํ เลยที่ ๑ เปน ชาวญวนอพยพ ไมม สี ญั ชาตไิ ทยและไมเ คย มีบัตรประจําตัวประชาชน ไดแจงความเท็จตอพนักงานสอบสวนวาบัตรประจําตัวประชาชนหาย แลวนําหลักฐานท่ีพนักงานสอบสวนออกใหไปยื่นคําขอมีบัตรประจําตัวประชาชน โดยแจงขอความเท็จ ตอเจาพนักงานเขตบางกอกนอยวาตนมีสัญชาติไทย และแจงใหเจาพนักงานจดขอความอันเปนเท็จ ลงในบัตรประจําตวั ประชาชนอันเปน เอกสารราชการ เพ่ือใชเปน พยานหลกั ฐานในการแสดงตวั บคุ คล ซ่ึงเปนการกระทําในวันเดียวกัน เวลาตอเนื่องกัน โดยมีเจตนาเดียวกันเพื่อใหทางราชการออก บัตรประจําตัวประชาชนให ถือไดวาเปนการกระทํากรรมเดียวผิดตอประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๒๖๗ และพระราชบญั ญัติบัตรประจาํ ตวั ประชาชน พ.ศ.๒๕๒๖ มาตรา ๑๔ ตอ งลงโทษ ตามพระราชบญั ญตั บิ ตั รประจาํ ตวั ประชาชนฯ ซงึ่ เปน บทหนกั ทส่ี ดุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ®¡Õ Ò·Õè ñòó÷/òõôô ขณะจําเลยจดทะเบียนสมรสกับ ส. จําเลยไมมีคูสมรส เพราะจาํ เลยจดทะเบยี นหยา กบั ค. กอ นหนา นน้ั การจดทะเบยี นสมรสของจาํ เลยกบั ส. จงึ ไมเ ปน การ ฝาฝนเงื่อนไขการสมรส ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๒๕ แมจําเลยจะแจงตอนายทะเบียนวาจําเลย

๑๔๓ เคยสมรสแตไ มไ ดจ ดทะเบียนสมรส ทัง้ ๆ ทค่ี วามจรงิ เคยจดทะเบยี นสมรสกบั ค. กม็ ีผลอยางเดยี วกนั วาจําเลยไมมีคูสมรส ในขณะจดทะเบียนสมรสกับ ส.นั่นเอง การที่นายทะเบียนจดทะเบียนสมรสให โดยเช่ือวาจําเลยไมเ คยจดทะเบยี นสมรสมากอ น จึงไมอ าจทําใหผอู ่ืนหรอื ประชาชนเสียหาย และนา จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู น่ื หรอื ประชาชน การกระทาํ ของจาํ เลยจงึ ไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๓๗ ®¡Õ Ò·Õè öðõ/òõôö จําเลยแจงความอันเปนเท็จแก ว.เจาพนักงานผูมีอํานาจ หนาที่ในการออกบัตรประจําตัวประชาชน โดยกรอกขอความเท็จในแบบคําขอมีบัตรประจําตัว ประชาชน และเสนอ ส. พนกั งานเจา หนา ทท่ี ร่ี บั ผดิ ชอบเพอื่ ใหด าํ เนนิ การออกบตั รประจาํ ตวั ประชาชน อนั เปน เอกสารราชการใหแ ก ง. และ ก. โดยประการที่นาจะเกิดการเสียหายแก ว. และ ส. ซงึ่ เปน พนักงานเจาหนาที่ผูอ่ืน และประชาชน เปนการกระทําผิดโดยมีเจตนาชวยเหลือบุคคลสองคนให ไดรับบัตรประจําตัวประชาชน แมจะกระทําในวันเดียวกัน สถานท่ีเดียวกัน แตเจตนาในการกระทําผิด เปนคนละสวนแยกตางหากออกจากกัน การกระทําของจําเลยจึงเปนความผิดหลายกรรมตางกัน มีความผิดฐานแจงความเทจ็ แจง ใหเจาพนกั งานจดขอความอนั เปน เท็จ ผิดตามมาตรา ๑๓๗ ®Õ¡Ò·èÕ õøö/òõðô คณะกรรมการของมัสยิดซึ่งเปนนิติบุคคล ไดประชุมลงมติ ใหจําเลย ซึ่งเปนกรรมการผูหน่ึงไปแจงตออําเภอวา เปนเจาของครอบครองท่ีดินและสิ่งปลูกสราง ของมัสยิดเปนการชว่ั คราว เพอื่ ความสะดวกที่จะใหเ ชาและกนั คนอืน่ ถือสิทธติ อ ไป จําเลยกน็ ําความ ไปแจงตอปลัดก่ิงอําเภอวา จําเลยเปนเจาของ การแจงของจําเลยเชนนี้ไมมีเจตนาทุจริตคิดจะเอาที่พิพาท หรือผลประโยชนอันเกิดจากท่ีพิพาทเปนของตน หากแตเปนการกระทําท่ีรูกันระหวางจําเลยกับ คณะกรรมการมัสยดิ มัสยิดและผูใดไมไ ดเสยี หายหรอื อาจเสยี หายแตป ระการใด ไมผิดฐานแจงความเทจ็ ®Õ¡Ò·Õè ññòô/òõð÷ ก. นําขอความเท็จไปรองเรียนตอปลัดกระทรวงยุติธรรมวา ข. ซึง่ เปนผูพพิ ากษาไปรว มรับประทานเลยี้ งกับ ค. ซง่ึ ข. ตัดสินใหช นะคดีท่ีรานขางศาลในตอนเยน็ วันตัดสินนั้น และไดไปยืนยันใหถอยคําตออธิบดีผูพิพากษาภาคซ่ึงเปนผูบังคับบัญชาโดยตรงของ ข. ในการสอบสวน เพื่อดําเนินการทางวินัยแก ข. เชนนี้ การกระทําของ ก. เปนการแจงขอความเท็จ ซ่งึ อาจทําให ข. เสยี หาย เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๓๗ ®¡Õ Ò·èÕ òñôñ/òõóò จําเลยท้ังส่ียื่นคํารองตอเจาพนักงานท่ีดินขอรับมรดกท่ีดิน มีโฉนดแลว จําเลยท้ังส่ีใหถอยคําและยืนยันรับรองบัญชีเครือญาติตอเจาหนาที่ท่ีดินท่ีสอบสวนที่ดิน มรดกวา ผูตายมีทายาทเพียง ๔ คน คอื จาํ เลยทงั้ สี่ อนั เปนเทจ็ ซงึ่ ความจริงจําเลยทั้งสต่ี า งทราบดี อยูแลววาผูตายยังมีบุตรสาวอีก ๒ คน เปนทายาทโดยธรรม เจาพนักงานท่ีดินจดทะเบียนโอน กรรมสิทธิ์ท่ีดินใหแกจําเลยท่ี ๒ ถึงที่ ๔ ตามคําขอของจําเลยทั้งส่ีทําใหกรมท่ีดินและบุตรสาวอีก ๒ คน ของผตู ายเสยี หาย จาํ เลยทงั้ สย่ี อ มมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๗ และกรณเี ชน นถ้ี อื วา เปน ความผดิ สาํ เรจ็ ในวันท่กี ระทําความผิดนน้ั เอง à¨μ¹Ò เจตนาในการกระทําความผิดตามมาตรานี้ คือ เจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ รวมทั้งผูกระทําจะตองรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙

๑๔๔ วรรค ๓ ดวย คือ ตองรวู าขอความท่ีตนแจง นน้ั เปน ขอความอันเปนเทจ็ และตองรวู าผูท ่ีตนแจงนัน้ เปน เจา พนกั งาน ถา ไมร ขู อ ความทแี่ จง เปน เทจ็ หรอื รวู า เปน ความเทจ็ แตไ มร วู า ผทู ตี่ นแจง เปน เจา พนกั งาน ก็ไมผ ดิ ตามมาตรานี้ ®Õ¡Ò·èÕ ñóø/òõñõ นายจางแจงนายอําเภอวาลูกจางหนี เพราะลูกจางไมมา ทาํ งาน ไปตามก็ไมม า เปนการแจงตามทเ่ี ชอื่ วาเปนความจรงิ ไมผ ิดตามมาตรา ๑๓๗ ®¡Õ Ò·èÕ òöôñ/òõóò จําเลยแจงขอความตอ บ. ผูใหญบานซ่ึงเปนผูชวย นายทะเบียนตําบลวาเด็กหญิง ธ. เปนบุตรของตนเกิดท่ีจังหวัดรอยเอ็ด อันเปนความเท็จ เพราะ เดก็ หญงิ ธ. เกดิ ทจ่ี งั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา จาํ เลยกรอกขอ ความดงั กลา วในแบบฟอรม ใบรบั แจง ความ การเกดิ เอง โดย บ. มไิ ดแ นะนาํ ขณะเกดิ เหตจุ าํ เลยเปน อาจารยใ หญย อ มทราบดวี า การกระทาํ ดงั กลา ว เปน การแจงขอความอันเปน เทจ็ จําเลยจงึ มเี จตนาแจงขอความอนั เปนเท็จตอ เจาพนักงาน ó. μÍ‹ ÊÙ¢Œ ´Ñ ¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁÒμÃÒ ñóø ¼ãÙŒ ´μÍ‹ ʌ٠ËÃÍ× ¢´Ñ ¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ËÃÍ× ¼«ÙŒ §èÖ μÍŒ §ªÇ‹ Âà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ μÒÁ¡®ËÁÒÂ㹡Òû¯ºÔ μÑ μÔ ÒÁ˹Ҍ ·èÕ μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤¡Ø äÁà‹ ¡¹Ô ˹§èÖ »Ë‚ ÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô Êͧ¾¹Ñ ºÒ· ËÃÍ× ·é§Ñ จํา·Ñé§»ÃѺ ¶ŒÒ¡ÒÃμÍ‹ ÊÙËŒ ÃÍ× ¢Ñ´¢ÇÒ§¹¹Ñé ä´¡Œ ÃÐทาํ â´Â㪡Œ íÒÅ§Ñ »ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  ËÃÍ× ¢Ù‹à¢Þç ÇÒ‹ ¨Ð㪌 กําÅѧ»ÃзØÉÌҠ¼ŒÙ¡ÃÐทําμŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁ‹à¡Ô¹Êͧ»‚ ËÃ×Í»ÃѺäÁ‹à¡Ô¹ÊèվѹºÒ· ËÃ×Í·éѧจํา ·§éÑ »ÃѺ วรรคแรกของมาตราน้ีบัญญัติการกระทําอันถือวาเปนความผิดฐานตอสูขัดขวาง เจา พนกั งานหรอื ผูซ ่ึงตอ งชว ยเจา พนักงาน สว นวรรคทายเปน เหตุท่ีทําใหรับโทษหนกั ข้นึ ความผิดตามวรรคแรก มีองคป ระกอบของความผดิ ดังน้ี ๑. ตอ สหู รือขัดขวาง ๒. เจาพนักงานหรือผูซ่ึงตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการ ตามหนาท่ี ๓. เจตนา คาํ ͸ԺÒ μÍ‹ ÊÙŒËÃÍ× ¢´Ñ ¢ÇÒ§ μ‹ÍÊÙŒ ในท่ีน้ีหมายถึง การกระทําใดๆ อันเปนการขัดขืนหรือโตแยงอํานาจของ เจา พนกั งาน แตไ มถ งึ กบั ลงไมล งมอื กบั เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจเขา จบั กมุ กส็ ะบดั หรอื ดน้ิ ไมย อมใหจ บั แตไมชกหรือทาํ รายตํารวจ การตอสูจะตองไมถึงกับทาํ รายหรือใชกําลังประทุษราย เพราะถาใชกาํ ลัง ประทุษรายก็เปนความผิดตามวรรคทายไป แตตองเปนการกระทาํ ท่ีแสดงออกมาไมใชน่ิงเฉยๆ เชน ตํารวจจับกุมจะพาไปสถานีตาํ รวจแตไมยอมไปน่ังเฉยหรือนอนเสีย ตาํ รวจตองยกใสรถไป อยางนี้ ไมใชก ารตอสู เพราะมิไดกระทําการใดๆ อนั เปน การขดั ขนื อาํ นาจของตํารวจ ¢Ñ´¢ÇÒ§ หมายถึง การกระทําที่กอใหเกิดอุปสรรคหรือความยากลําบากในการปฏิบัติ หนาที่ของเจาพนักงาน แตไมถึงกับขัดขืนไมใหบรรลุผลเสียทีเดียวเพียงทําใหการปฏิบัติหนาที่ของ

๑๔๕ เจาพนักงานลาํ บากข้ึน เชน ตาํ รวจไลจับ พอตนเองว่ิงขามสะพานไปแลว ก็ดึงไมกระดานทอดสะพาน ออกไมใหตํารวจขาม หรือยิงปนขึ้นฟาขูมิใหไลจับกุมตอไป ถือเปนการขัดขวางเจาหนาที่ การขัดขวางน้ี อาจเปนการกระทาํ ของผูอ่ืนที่สอดแทรกเขามาก็ได เชน ตํารวจไลจับแดง เขียวกั้นกลางมิใหตํารวจจับแดงได หรือเขียวดงึ สะพานออกไมใ หต ํารวจขาม เปนตน ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ËÃÍ× ¼«ŒÙ èÖ§μÍŒ §ªÇ‹ Â਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹μÒÁ¡®ËÁÒÂ㹡Òû¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ ก็หมายถึง บุคคลท่ีกฎหมายบัญญัติไวโดยเฉพาะวาเปนเจาพนักงาน และบคุ คลทไี่ ดร บั แตง ตงั้ ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทร่ี าชการไมว า เปน ประจาํ หรอื ชวั่ คราว และไมว า จะไดร บั ประโยชน ตอบแทนจากรฐั หรอื ไม ¼ÙŒμŒÍ§ª‹ÇÂ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹μÒÁ¡®ËÁÒ หมายถึง ตองมีกฎหมายบัญญัติใหบุคคลนั้นๆ มีหนาท่ีตองชวยเจาพนักงาน เชน สารวัตรกาํ นัน ซึ่งเปนผูชวยกํานัน กฎหมายบัญญัติใหมีหนาท่ี ตองชวยกํานัน ฉะนั้น ถาสารวัตรกํานันเขาทําการจับกุมหากผูถูกจับกุมตอสูขัดขวางสารวัตรกํานัน ก็ถือวา เปน การตอ สูข ัดขวางผูตอ งชว ยเจา พนักงานตามกฎหมาย หากไมมีกฎหมายบัญญตั ิใหม หี นาที่ ตอ งชว ยเจา พนักงาน แตเ ปนการเขา ชว ยเจา พนักงานโดยสมัครใจเอง กม็ ใิ ชผูซ ึ่งตอ งชวยเจาพนักงาน ตามกฎหมาย เชน ตํารวจขอแรงไก ราษฎรใหชว ยตดิ ตามขัน ถอื วา ไกเขา ชว ยเจาพนักงานโดยสมคั รใจ ถาขันตอสูขัดขวางมิใหไกจับกุมตัว ขันไมผิดฐานตอสูขัดขวางผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมาย เพราะในกรณนี ี้ไมม กี ฎหมายบญั ญตั ิใหราษฎรมหี นาทีต่ อ งชว ยเจา พนกั งานแตอยา งใด การตอสูหรือขัดขวางอันจะเปนความผิดตามมาตราน้ี จะตองเปนการตอสูขัดขวาง เจาพนักงานในการปฏิบัติการตามหนาท่ี หรือตอสูขัดขวางผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมาย ในการปฏิบตั กิ ารตามหนาท่ี และการปฏิบัติหนาทีน่ น้ั กต็ องเปน การปฏบิ ัตหิ นา ทีโ่ ดยชอบดวยกฎหมายดว ย ®Õ¡Ò·èÕ óñù-óòð/òõòñ นายสิบตาํ รวจจับผูท่ีกาํ ลังยิงคน ผูน้ันไมยอมใหจับ เกิดปลาํ้ กนั เปน กรณีจบั ผกู ระทําผดิ ซึง่ หนา ไมตอ งมีหมายจบั และไมตอ งแจง วาจะจับ ตาม ป.ว.อ. มาตรา ๗๘ และมาตรา ๘๓ การตอ สจู ึงเปนความผิด ®Õ¡Ò·Õè ó÷ôó/òõòù เจาพนักงานสรรพสามิตและตํารวจคนพบของกลางซึ่งเปน ภาชนะเคร่ืองกล่ันสําหรับทาํ สุราที่บริเวณบานจาํ เลย และสอบถามแลวจาํ เลยรับวาเปนของตน ดังนี้ ไมใ ชค วามผดิ ซง่ึ เจา พนกั งานเหน็ จําเลยกําลงั กระทําหรอื พบในอาการซงึ่ แทบจะไมม คี วามสงสยั เลยวา จาํ เลย กระทําผดิ มาแลว สดๆ จงึ ไมใ ชค วามผดิ ซงึ่ หนา ทพ่ี นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจจะจบั เลยไดโ ดยไมม ี หมายจับ แมจําเลยจะตอ สขู ัดขวางการจบั กุมก็ไมม ีความผิด ®¡Õ Ò·èÕ òñòø/òõóó การท่ีจาํ เลยทั้งสามรวมกันเพ่ือความประสงคแหงการคา หรือโดยการคา ทาํ ใหแพรหลายดวยการฉายภาพยนตรท่ีแสดงความสัมพันธทางเพศอันเปนภาพ ลามกอนาจาร เปนความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๗(๑) และการทจ่ี ําเลยทงั้ สามขดั ขวางมิใหเจาพนักงาน ตาํ รวจงัดกุญแจเขาไปตรวจคนภายในหองซึ่งจําเลยนําเอาเคร่ืองฉายภาพยนตรและฟลมเก็บไว การกระทําของจาํ เลยท้ังสามดังกลาวแสดงใหเห็นเจตนาวาประสงคมิใหการปฏิบัติหนาท่ีของ

๑๔๖ เจาพนักงานในการตรวจคน จับกุมลุลวงไปโดยสะดวก ถือไดวาเปนการขัดขวางเจาพนักงาน ในการปฏิบัติตามหนา ทตี่ าม ป.อ. มาตรา ๑๓๘ ®Õ¡Ò·èÕ øóðø/òõôô จาํ เลยที่ ๑ และที่ ๓ ดิ้นรนขัดขืนไมยอมใหเ จาพนักงาน ตํารวจจับกมุ แตโดยดี จําเลยที่ ๒ ไมไ ดข ดั ขวางการจับกุม ฮ. แตเพยี งผเู ดยี ว ทาํ รายสิบตํารวจเอก อ. ตามพฤติการณเปนการตัดสินใจกระทาํ ไปตามลําพังของจําเลยแตละคน โดยมิไดคบคิดกัน จึงถือ ไมไ ดว า เปน ตวั การรว มกนั กระทาํ ความผดิ จาํ เลยที่ ๑ และท่ี ๓ มคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน ซงึ่ กระทําการตามหนา ท่ตี ามมาตรา ๑๓๘ วรรค ๒ แตห ากการปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องเจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานนนั้ เปน การ ปฏบิ ตั ิหนา ท่ีอนั ไมช อบดวยกฎหมาย แมจะมีการตอสขู ดั ขวางก็ไมผ ิดตามมาตราน้ี ®¡Õ Ò·èÕ ÷ñù/òõðñ ตาํ รวจสงสัยวาจาํ เลยจะกนิ สรุ าเถอ่ื น จงึ เขา ไปจับ ไมเ รียกวา เปนความผิดซ่ึงหนาและไมเปนกรณีฉุกเฉินอยางย่ิง ตํารวจตามเขาไปจับบนเรือนในที่รโหฐาน ในเวลากลางคนื โดยไมม หี มายคน ไมไ ด จาํ เลยใชส ากกะเบอื ตตี าํ รวจ ไมเ ปน การตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน ผูกระทาํ การตามหนา ท่ี ®¡Õ Ò·Õè ñðôñ/òõðö การท่ีเจาพนักงานตํารวจเขาจับกุมจําเลยโดยไมมีหมายจับ และกรณไี มเขาขอ ยกเวน ตาม ป.ว.อ. มาตรา ๗๘ นน้ั เปนการจับกุมโดยไมม อี าํ นาจ แมจาํ เลยตอสู ขัดขวางการจบั กมุ กไ็ มมคี วามผิด ®¡Õ Ò·èÕ ñðòõ/òõñø ผใู หญบ า นและผชู ว ยผใู หญบ า นจบั จาํ เลยผตู อ งหาวา ทาํ รา ย รางกายที่ใตถุนบาน ท. อนั เปน ที่รโหฐานโดยไมม ีหมายจับและหมายคน เปนการจับโดยไมชอบดว ย กฎหมาย จําเลยตอ สูไ มเ ปน ความผิดตามมาตรา ๑๓๘ การตอสูขัดขวางเจาพนักงานไมจําเปนตองเปนเร่ืองจับกุมเสมอไป อาจเปนเรื่อง อ่ืนก็ได เชน ขัดขวางการรือ้ รวั้ ไซมานใน ฎ. ๖๑๘/๒๕๐๔ ทีก่ ลา วมาแลว à¨μ¹Ò การตอ สขู ัดขวางเจา พนักงานหรือผซู ง่ึ ตองชวยเจา พนักงาน ตามกฎหมาย ผกู ระทาํ จะตอ งกระทาํ โดยเจตนา และจะตอ งรดู ว ยวา ผทู ต่ี นตอ สขู ดั ขวางนน้ั เปน เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชวยเจา พนกั งานตามกฎหมาย หากผูก ระทําไมร ูขอ เท็จจรงิ น้ี กไ็ มถอื วามเี จตนา ®¡Õ Ò·Õè ñôø/òõñó ตาํ รวจเขาคน ตัวจําเลยในทีเ่ ปลีย่ ว โดยไมไดแ ตง เคร่อื งแบบ หรอื แสดงหลักฐานวา เปน ตํารวจกระทาํ การตามหนาท่ี และตา งฝา ยตา งกไ็ มรูจกั กัน แมจาํ เลยจะตอสู ชกตอ ยขดั ขวางไมใ หต าํ รวจคน เอาเงนิ หรอื ทรพั ยส นิ ของจาํ เลยไป กไ็ มผ ดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน ®¡Õ Ò·èÕ òòðò/òõòò นายตํารวจกลับจากงานแตงงานเกิดโตเถียงและชกตอย กับจําเลยไมไ ดท าํ การตามหนาทแ่ี ละไมไดแสดงบัตรใหจ าํ เลยดู จาํ เลยไมร ูวา เปน ตํารวจ ไมเปน การตอ สู ขัดขวางเจาพนักงาน ®¡Õ Ò·Õè óòó/òõóñ เจา พนกั งานตาํ รวจขอตรวจคน รถของจาํ เลย ครงั้ แรกจาํ เลย ไมย อมใหค น เนอ่ื งจากเกรงวา ตาํ รวจจะกลน่ั แกลง เพราะเหตทุ เ่ี คยมสี าเหตกุ บั ตาํ รวจนนั้ มากอ น ในทส่ี ดุ

๑๔๗ จาํ เลยยอมใหค น ดงั น้ี เหน็ ไดว า จาํ เลยขาดเจตนาตอ สหู รอื ขดั ขวางเจา พนกั งาน การกระทาํ ของจาํ เลย จงึ ไมเ ปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๘ ®¡Õ Ò·Õè òðöø/òõóõ เจา พนกั งานตาํ รวจไมไ ดแ ตง เครอื่ งแบบ และไมไ ดแ สดงตน วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจเขา จบั กมุ กลมุ เดก็ วยั รนุ โดยไมแ จง ขอ หาแกเ ดก็ วยั รนุ คนใดวา เปน ผดู หู มน่ิ ตน และจะตองถูกจับ กลับสั่งใหคนขับรถท่ีเด็กวัยรุนโดยสารมาขับรถไปสถานีตํารวจ จึงถือไมไดมีการ จับกุมในขอหาดูหมิ่นเจาพนักงานโดยชอบ ผูตอสูขัดขวางมิใหจับกุมไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวาง เจาพนกั งาน ซ่ึงกระทาํ ตามหนา ท่ี ®¡Õ Ò·èÕ ñùõô/òõôö ผเู สยี หายท่ี ๑ สวมกางเกงขายาวสกี ากี สวมเสอ้ื ยดื คอกลม สขี าวเขา ไปขอตรวจคน ตวั จาํ เลยโดยแจง วา เปน เจา พนกั งานตาํ รวจ แตไ มไ ดแ ตง เครอ่ื งแบบตาํ รวจ หรอื แสดงหลักฐานใหเห็นวาตนเปนเจาพนักงานตํารวจผูทําการตามหนาที่ กรณีอาจทําใหจําเลยเขาใจผิดไปได แมจ าํ เลยจะตอ สูชกตอ ยหรือใชมดี แทง ผูเสียหายท่ี ๑ เพอ่ื ขดั ขวางไมใหผูเสียหายที่ ๑ ตรวจคน และ จบั กมุ จาํ เลยกห็ ามคี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ทแ่ี ละพยายามฆา เจาพนกั งาน ซ่งึ กระทาํ การตามหนา ท่ีไม สาํ ËÃºÑ ÇÃä·ÒŒ  เปน ลกั ษณะฉกรรจข องการกระทาํ ความผดิ ในวรรคแรก กลา วคอื ถา การตอ สหู รอื ขดั ขวางนนั้ ไดก ระทาํ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ยกต็ อ ง รบั โทษหนักข้นึ 㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠคือ การประทุษรายแกกายหรือจิตใจของบุคคลไมวาจะทํา ดว ยแรงกายภาพ หรอื ดว ยวธิ อี นื่ ใด และใหห มายความรวมถงึ การกระทาํ ใดๆ ซง่ึ เปน เหตใุ หบ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใดอยูในภาวะทไี่ มสามารถขดั ขืนได ไมวา จะโดยใชยาทําใหมนึ เมา สะกดจติ หรอื ใชว ธิ ีอ่นื ใด อนั คลายคลึงกัน ตามบทนยิ ามในมาตรา ๑ (๖) คําๆ นี้มีความหมายกวางกวา การทํารา ย การกระทาํ อะไรเลก็ ๆ นอ ยๆ กอ็ ยูในความหมายของการใชก ําลังประทุษรายแลว เชน กอด จับ ผลกั ดงึ ขว น หยกิ เปน ตน คอื ไมถึงขัน้ ทํารายรา งกาย แตก ารทาํ รายก็อยูใ นความหมายของประทุษรา ยเหมือนกัน และถา ตอ สขู ดั ขวางถงึ ขน้ั ทํารายก็ยอ มผิดฐานทํารา ยรา งกายเจา พนกั งานอกี สวนหนง่ึ ดวย กฎหมาย ถือเปนเหตุฉกรรจ ไมเฉพาะการใชก าํ ลังประทุษรา ยเทานั้น แมเ พยี งขเู ขญ็ จะใชก าํ ลงั ประทุษรา ยกเ็ ปน เหตุฉกรรจแ ลว เหมอื นกัน ®¡Õ Ò·èÕ òñøö/òõñø จาสิบตํารวจเขาในบาน บ. เพื่อคนจับ ล. ผูตองหา กรรโชกทรัพย โดย บ. ยอมใหคน จําเลยขัดขวางกั้นไมใหตํารวจขึ้นบันได ดึงแขนและกัดมือตํารวจ เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๘ วรรคทา ย ®Õ¡Ò·èÕ òóóõ/òõñø นายรอ ยตาํ รวจทาํ หนา ทน่ี ายรอ ยเวรสอบสวนไปนง่ั ในรา น อาหาร ยงั มอี าํ นาจจบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา การชกตอ ยนายตาํ รวจไมย อมใหจ บั เปน การตอ สขู ดั ขวาง เจา พนักงานโดยใชก าํ ลังประทษุ ราย ®Õ¡Ò·Õè õò/òõòó การทจ่ี ําเลยที่ ๑ กอดเอว และจําเลยท่ี ๒ ดึงเสอื้ เจาพนกั งาน ตํารวจไวเ พ่ือมใิ หจ ับกมุ ญาตขิ องตน เปน การตอ สขู ัดขวางเจาพนักงานโดยใชกาํ ลังประทุษรา ย

๑๔๘ ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÒμÃÒ ñóù ¼ÙŒã´¢‹Á¢×¹ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ãËŒ»¯ÔºÑμÔ¡ÒÃÍѹÁԪͺ´ŒÇÂ˹ŒÒ·èÕËÃ×Í ãËŒÅÐàÇŒ¹¡Òû¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁ˹ŒÒ·Õè â´Â㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠËÃ×Í¢Ù‹à¢çÞNjҨÐ㪌กําÅѧ»ÃзØÉÌҠμÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø äÁ‹à¡¹Ô ÊÕ»è ‚ ËÃ×Í»ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô á»´ËÁ¹è× ºÒ· ËÃ×ͷѧé จาํ ·Ñé§»ÃѺ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé ๑. ขม ขืนใจ โดยใชกาํ ลังประทษุ รา ย หรือขูเขญ็ วา จะใชก ําลังประทษุ ราย ๒. เจา พนักงาน ๓. ใหป ฏบิ ตั ิการอนั มชิ อบดวยหนาที่ หรอื ใหล ะเวน การปฏบิ ัตกิ ารตามหนาท่ี ๔. เจตนา คํา͸ºÔ Ò ¢Á‹ ¢¹× ã¨â´Â㪌¡Òí Åѧ»ÃÐ·ÉØ ÃÒŒ  ËÃÍ× ¢à‹Ù ¢Þç ÇÒ‹ ¨ÐãªกŒ าํ Å§Ñ »ÃзØÉÃÒŒ  ¢Á‹ ¢¹× 㨠คอื การบงั คบั ทกี่ ระทาํ ตอ จติ ใจของผอู นื่ เพอื่ ใหก ระทาํ การอยา งใดอยา งหนง่ึ ตามที่ผูขมขืนใจตองการ แตการขมขืนใจนี้ตองกระทําโดยใชกําลังประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใช กาํ ลังประทษุ รา ย เชน บีบคอ หรือใชอ าวธุ จ้บี ังคับใหแ กไขหลกั ฐานในโฉนดท่ีดิน เปนตน ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ กฎหมายกาํ หนดตัวผูถูกขนื ใจวา จะตองเปนเจา พนักงาน ถาในขณะ ขมขืนใจ ผนู ้นั ไมไดเ ปน เจาพนกั งาน กไ็ มเ ขาตามมาตรานี้ ãË»Œ ¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ Â˹Ҍ ·Õè ËÃÍ× ãËÅŒ ÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè การขม ขนื ใจ ดังกลาวตองมีผลเกิดขึ้นคือ ทําใหเจาพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาที่ เชน บังคับใหตํารวจ จับกุมผูท่ีไมไดกระทําความผิด และตํารวจก็จับผูน้ัน หรือทําใหเจาพนักงานละเวนการปฏิบัติการ ตามหนาที่ เชน ตํารวจจะจับคนราย ก็ขูบังคับมิใหตํารวจจับและตํารวจก็ไมกลาติดตามจับผูนั้น ËÒ¡¡Òâ‹Á¢¹× ã¨äÁ¡‹ ‹ÍãËŒà¡Ô´¼Å¢Öé¹ ¡àç »¹š ¡ÒþÂÒÂÒÁ¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ เชน บงั คบั ใหตาํ รวจจับกมุ ผทู ไี่ มไดกระทําความผิด และตํารวจก็จบั ผนู ั้น หรอื ทําใหเ จา พนกั งานละเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี เชน ตํารวจจะจบั คนราย กข็ ูบ ังคบั มิใหต ํารวจจับและตาํ รวจก็ไมกลาตดิ ตามจบั ผนู นั้ กฎหมายจาํ กดั วา การขม ขนื ใจนน้ั จะตอ งขม ขนื ใจใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาท่ี ฉะน้ัน ถาบังคับใหปฏิบัติการอันชอบดวยหนาท่ี หรือใหละเวน การปฏิบตั อิ ันมชิ อบดว ยหนา ที่ ก็ไมม ีความผิดในฐานนี้ แตอาจเปน ความผดิ ตอ เสรภี าพ à¨μ¹Ò ผูกระทาํ จะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบดวยจะตองรู ขอเท็จจริง อันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดวย คือ ตองรูวาผูท่ีตน ขมขืนใจนั้นเปนเจาพนักงาน จึงจะลงโทษตามมาตรานี้ได ถาผูกระทําไมรูขอเท็จจริงนี้ ก็อาจเปน ความผิดตอ เสรภี าพ การขม ขืนใจเจาพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ น้ี ก็เปนการตอสขู ดั ขวางเจาพนกั งาน อยางหน่ึงเหมือนกัน แตมาตรา ๑๓๙ มีอัตราโทษสูงกวามาตรา ๑๓๘ ความผิดในสองมาตราน้ี

๑๔๙ มคี วามแตกตา งทส่ี าํ คญั ประการหนง่ึ คอื มาตรา ๑๓๘ เปน การตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งาน ซงึ่ ปฏบิ ตั กิ าร ตามหนาที่โดยชอบดวยกฎหมาย แตมาตรา ๑๓๙ เปนการบังคับขมขืนใจเจาพนักงานใหปฏิบัติการ อนั มชิ อบดวยหนาที่ หรือใหล ะเวนการปฏิบตั กิ ารตามหนาท่ี โปรดพจิ ารณาตวั อยา งตอไปนี้ ตาํ รวจจะจบั ผรู า ยตามหนา ที่ แตม ผี ทู าํ รา ยรา งกายตาํ รวจเปน เหตใุ หผ รู า ยหลบหนไี ป ตํารวจจบั ไมท ันกด็ ี หรอื ตาํ รวจยังติดตามจับจนไดก็ดี เปนการขดั ขวางเจาพนกั งานตามมาตรา ๑๓๘ วรรค ๒ ถาบังคับตํารวจไมใหจับผูราย ถาขืนจับจะทําราย จนตํารวจไมกลาจับเปนความผิดตาม มาตรา ๑๓๙ น้ี ถา ทาํ รายและขบู งั คบั ไมใ หต ํารวจจบั แตตาํ รวจไมก ลวั ขนื จบั จนได หรือตํารวจไมก ลวั แตจับไมได เพราะผูรายหนีไดทัน เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๙ นี้ และเปนความผิดสําเร็จตาม มาตรา ๑๓๘ ในกรรมเดียวกัน ตามมาตรา ๙๐ หรือบังคับใหตํารวจจับผูท่ีไมไดกระทําความผิด ก็เปนความผิดตามมาตรา ๑๓๙ น้ีเชนเดียวกัน แตถาตํารวจไมจับผูกระทําความผิดเปนการไมชอบ ดว ยหนา ท่ี การบงั คบั ใหต าํ รวจจบั ตามหนา ทไ่ี มเ ปน ความผดิ ตามมาตราน้ี อาจเปน ความผดิ ตอ เสรภี าพ เพราะไมมีอํานาจใชกําลังประทุษรายหรือขูเข็ญตํารวจ หรือกรณีตํารวจจะแกลงจับผูไมไดกระทํา ความผิด และมผี ูบ งั คับไมใหต ํารวจจบั การกระทาํ ดงั กลา วไมเปนความผิดตามมาตราน้ี ®¡Õ Ò·Õè ùòð/òõðø เมอื่ พนกั งานสอบสวนไมย อมสงั่ อนญุ าตใหจ าํ เลยประกนั ตวั ผูต อ งหาเพราะผิดระเบยี บ จาํ เลยพดู ขูเขญ็ วา ถาไมส ่ังใหป ระกันจําเลย จะจดั การใหพ นกั งานสอบสวน ถูกยายไปท่ีอ่ืนเชนที่เคยกระทําไดผลมาแลวแกผูบังคับกองคนหนึ่ง แตโดยท่ีเร่ืองยายไมแนถาไมให ประกันจะตองเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝงศพเสีย เชนน้ีการกระทําของจําเลยเปนการขมขืนใจ ขูเข็ญเจาพนักงานใหถึงแกชีวิตดวยการใชกําลังประทุษรายตามความหมายของถอยคําเพื่อให เจาพนักงานปฏิบัติการส่ังประกันเสียเองอันมิชอบดวยหนาที่ การกระทาํ ของจําเลยเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๙ ®¡Õ Ò·èÕ ñòöö/òõóð ตํารวจจะเขาทาํ การจับกุมเจาของรถเข็นในขอหานาํ รถที่ ไมไ ดเ สยี ภาษมี าใชใ นทางและกดี ขวางการจราจร จําเลยพดู วา “ถา จบั มเี รอ่ื งแน” พรอ มกบั ชม้ี อื ในลกั ษณะ ของการขมขแู ละพวกของจําเลยประมาณ ๓๐-๔๐ คน ไดเดินเขา ไปหาตาํ รวจ ทาํ ใหตาํ รวจกลวั จาํ เลย และพวกจะทาํ รา ยจงึ พากนั ถอยออกไป การกระทาํ ของจาํ เลยกบั พวกดงั กลา ว แสดงใหเ หน็ วา มเี จตนา ท่ีจะขมขืนใจไมใหเจาพนักงานปฏิบัติการตามหนาที่หรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาที่ จําเลยจึงมี ความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๙ ®¡Õ Ò·èÕ óõóö/òõóõ บงั คับใหร อยตาํ รวจโท พ. กับพวกคืนอาวธุ ปน ซึ่งเปน การ บังคับใหรอยตํารวจโท พ. ปฏิบัติการอันมิชอบดวยหนาท่ีหรือละเวนการปฏิบัติการตามหนาที่ แตร อ ยตาํ รวจโท พ. กบั พวกไมย นิ ยอมปฏบิ ตั ติ ามโดยไมย อมคนื อาวธุ ปน ใหแ ละยดึ เอาไวเ ปน ของกลาง จงึ ถอื ไมไ ดว า เปน การปฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ละเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามคาํ บงั คบั ของจาํ เลย ที่ ๑ จึงเปนความผดิ ขน้ั ¾ÂÒÂÒÁ เทา น้ัน

๑๕๐ õ. àÃÂÕ ¡·ÃѾÂʏ ¹Ô à¾Íè× ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÒμÃÒ ñôó ¼ÙŒã´àÃÕ¡ ÃѺËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè׹㴠สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼٌÍ×è¹ à»š¹¡ÒÃμͺ᷹㹡Ò÷Õè¨Ð¨Ù§ã¨ËÃ×Íä´Œ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅâ´ÂÇ¸Ô ÍÕ ¹Ñ ·¨Ø ÃμÔ ËÃÍ× ¼´Ô ¡®ËÁÒ ËÃÍ× â´ÂÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§μ¹ãËŒ¡ÃÐทํา¡Òà ËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹ໚¹¤Ø³ËÃ×Í໚¹â·Éá¡‹ºØ¤¤Åã´ μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁà‹ ¡Ô¹ËÒŒ »‚ ËÃ×Í»ÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹§Öè áʹºÒ· ËÃ×Í·Ñé§จํา·é§Ñ »ÃѺ มาตราน้ีเปนตัวอยางหน่ึงแสดงวา กฎหมายไมถือวาสมาชิกสภานิติบัญญัติ แหง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั สมาชกิ สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจา พนกั งาน เพราะหากสมาชกิ เหลา นเี้ ปน เจา พนกั งานดวยแลว กฎหมายกใ็ ชแ ตคาํ วา เจา พนักงาน คาํ เดยี วกพ็ อ ไมจําเปนตอ งแยกบญั ญตั ถิ งึ สมาชกิ เหลา นไ้ี วต า งหากอกี ความผดิ ตามมาตรานเี้ ปน ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งาน กระทําเพราะกฎหมายใชค าํ วา “ผใู ด” ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹éÕ ๑. เรียก รบั หรือยอมจะรบั ทรัพยสินหรือประโยชนอ ่ืนใด ๒. สาํ หรับตนเองหรือผูอน่ื ๓. เปน การตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหงรัฐ สมาชิกสภาเจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภา เทศบาล ๔. โดยวธิ ีอนั ทจุ ริตหรือผดิ กฎหมายหรอื โดยอิทธพิ ลของตน ๕. ใหกระทาํ การหรอื ไมก ระทาํ การในหนา ทอี่ นั เปนคุณหรอื เปน โทษแกบ ุคคลใด ๖. เจตนา คาํ ͸ԺÒ àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´ ¡ÒÃàÃÕ¡ หมายถึง การกระทาํ ใดๆ อนั เปน การเรยี กรอ งใหผ อู นื่ ใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชน สว นเขาจะยอมใหห รอื ไมใ หไ มส าํ คญั คอื เพยี งแคเ รยี กกเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว เชน เรยี กทรพั ยผ ตู อ งหาอา งวา จะเอาไปใหพ นกั งานสอบสวน เพอื่ ชว ยใหพน คดี แมผถู ูกเรียกไมย อมใหเ งนิ ก็ผิด ¡ÒÃÃºÑ หมายถงึ ผอู นื่ เสนอใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนแ ลว รบั เอาหรอื อาจเปน ตนเอง เรยี กแลว รบั เอาทรพั ยหรอื ประโยชนต ามท่ีเรียกนนั้ สว น ¡ÒÃÂÍÁ¨ÐÃºÑ หมายถงึ ผอู นื่ เสนอใหท รพั ยส นิ หรอื ประโยชนแ ละยอมจะรบั เอง แตยงั ไมไดรับคือเพียงยอมจะรบั เทาน้นั กผ็ ิดสาํ เร็จแลว เหมือนกนั ส่ิงที่เรียก รับหรือยอมจะรับน้ันตองเปนทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด ·ÃѾÊÔ¹ หมายถงึ วัตถุมีรปู รางหรือส่ิงท่ไี มม รี ูปรา งซง่ึ อาจมีราคาได และถอื เอาได »ÃÐ⪹ หมายถงึ สง่ิ อื่น ท่ีมิใชทรัพยสิน แตเปนคุณแกผูรับ เชน ใหอยูบานโดยไมตองเสียคาเชา ใหบริการโดยไมคิดเงินทอง ใหโดยสารรถ เรอื หรือเครื่องบนิ โดยไมตองเสียเงิน เปนตน

๑๕๑ สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼŒÙÍè×¹ การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสิน หรือประโยชน ดังกลาวจะกระทาํ เพื่อตนเองหรือผูอ่ืนก็ได ผูอ่ืนจะเปนใครก็ได และในขณะท่ีเรียกน้ีจะต้ังใจเอาไปให ผอู ื่นจริงหรอื ไม ไมส าํ คญั เปนความผิดแลว ®¡Õ Ò·Õè óñó/òôùð การอา งวา จะพดู กบั ภรยิ าหวั หนา ศาลใหช ว ยพดู กบั หวั หนา ศาลนนั้ จะเห็นวาภริยาหัวหนาศาลไมใชเ จา พนกั งาน จงึ ไมม คี วามผดิ ตามมาตรา ๑๔๓ ®¡Õ Ò·èÕ õø÷/òõòó เรยี กทรพั ยว า จะเอาไปใหผ พู พิ ากษาตดั สนิ ยกฟอ ง แมผ เู รยี ก จะมิไดต ง้ั ใจเอาทรัพยท ่เี รียกไปใหผพู ิพากษาเลย ก็เปน ความผิด ®Õ¡Ò·Õè óóô/òõòö การท่ีจําเลยเรียกเงินจากผูมีช่ือโดยอางวาจะนาํ ไปให ผูพิพากษาเพื่อใหพิพากษายกฟองปลอยตัวจาํ เลยในคดีอาญา และตอมาจาํ เลยไดรับเงินดังกลาว จากผมู ชี อื่ ดงั นี้ จาํ เลยมเี จตนาทจ่ี ะเรยี กและรบั เงนิ จากผมู ชี อื่ เพอื่ จงู ใจผพู พิ ากษา ซงึ่ เปน เจตนาอนั เดยี วกนั มาแตแ รกและเปน การกระทําตอ เนือ่ งในคราวเดยี วกนั ถือไดวาเปน การกระทาํ กรรมเดยี วกัน ໚¹¡ÒÃμͺ᷹㹡Ò÷èըШ٧ã¨ËÃ×Íä´Œ¨Ù§ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ ¹ÔμÔºÑÞÞÑμÔáË‹§ÃѰ ÊÁÒªÔ¡¨Ñ§ËÇÑ´ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ การเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดนั้น ตองเปนการกระทําเพ่ือตอบแทนการท่ีจะจูงใจหรือไดจูงใจเจาพนักงาน สมาชกิ สภานติ บิ ัญญตั ิ สมาชกิ สภาจังหวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล ¡Òè٧㨠หมายถึง การเกลี้ยกลอมหรือโนมนาวจิตใจใหกระทําหรือละเวน กระทาํ การอยา งใดอยา งหนงึ่ กฎหมายใชค าํ วา จะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ จะจงู ใจคอื ยงั มไิ ดจ งู ใจ แตจ ะทําการ จงู ใจในอนาคต เปน ลกั ษณะใหค าํ มนั่ วา จะกระทํา สว นไดจ งู ใจนน้ั กห็ มายความวา ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน มาแลวในอดีตกอนจะมาเรียกทรัพยสินจากผูใชทรัพยสิน ในกรณีจะจูงใจนั้น แมภายหลังจะมิไดมี การจูงใจ ก็เปนความผิดสาํ เร็จ คือ แมจะเปนอุบายเท็จหลอกเรียกทรัพย ความจริงผูเรียกไมต้ังใจ ท่ีจะจูงใจเจาพนักงานเลย กฎหมายก็เอาผิด ขอใหเปรียบเทียบกับ ฎ.๕๘๗/๒๕๒๓ ท่ีกลาวมาแลว และในกรณีไดจูงใจน้ัน แมจะไดจูงใจกันแลวแตเจาพนักงานไมกระทําตามนั้นไมวาดวยเหตุใดๆ กฎหมายก็ถือเปนความผิดเชนกัน เพราะกฎหมายตองการปราบปราม การว่ิงเตนกับเจาพนักงาน จะไดม กี ารไปจูงใจกันจริงๆ หรอื การจูงใจจะไดผ ลหรอื ไมม ิใชขอ สาํ คญั ฉะนั้น ความผิดตามมาตรานี้ ก็เปนความผิดสําเร็จตั้งแตเมื่อไดกระทาํ การเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด สําหรับตนเองหรือผูอ่ืน เชน ฎ.๒๕๓๔/๒๕๒๒ เรียกและรับเงินจากผูตองหา อางวาจะเอาไปให เจาพนกั งานสอบสวนเพอื่ ชว ยใหพ นคดีท่ตี อ งหาผิดตามมาตรานี้ มาตราน้ีบัญญัติถึงบุคคลที่จะจูงใจหรือไดถูกจูงใจไวโดยเฉพาะ คือ ตองเปน เจาพนกั งาน สมาชิกสภาเทศบาลจึงไมรวมถงึ สมาชิกสภาตําบล หรือสมาชิกสุขาภิบาล และไมร วมถึง บุคคลธรรมดา เชน บิดามารดา หรือภริยาของเจาพนักงาน เปนตน ฉะนั้น ถาเรียกเงินเพ่ือจะจูงใจ ใหภริยาของผูพิพากษาพูดกับผูพิพากษาใหตัดสินยกฟองคดีไมเปนความผิดตามมาตรานี้ และแม ภริยาผูพิพากษาก็ไมผิดตามมาตราน้ีเชนกัน เพราะมิใชผูเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสิน จึงขาด องคประกอบของความผดิ ไป

๑๕๒ â´ÂÇÔ¸ÕÍѹ·Ø¨ÃÔμËÃ×ͼԴ¡®ËÁÒÂËÃ×Íâ´ÂÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§μ¹ การจะจูงใจหรือได จงู ใจ เจา พนักงานดังกลาวจะตองกระทําโดยวธิ ที ่กี ําหนดน้ี คอื โดยวธิ ีอนั ทจุ รติ โดยวิธอี นั ผดิ กฎหมาย หรอื โดยอทิ ธิพลของตน (๑) โดยวิธีอันทุจริต คือเพ่ือแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย สาํ หรบั ตนเองหรือผูอื่น เชน เอาเงนิ ท่ีเรียกไดมาแบงใหเจาพนกั งาน หรือใหป ระโยชนอนื่ ใดอันมิควร ไดแก เจา พนกั งาน เปน ตน (๒) โดยวธิ อี นั ผดิ กฎหมาย อาจจะเปน การขเู ขญ็ บงั คบั หลอกลวงกไ็ ดแ ตไ มจ าํ ตอ ง ถึงข้ันเปนความผดิ อาญากไ็ ด (๓) โดยอิทธิพลของตนในทางหนึ่งทางใดบีบบังคับผูถูกจูงใจ เชน อาจจะเปน อิทธพิ ลของการเปน ภรรยา อิทธพิ ลของการเปน เจา หนี้ เปน ตน ความมอี ทิ ธพิ ล หมายถงึ ความมอี าํ นาจในทางราชการ สงั คม หรอื ในทางครอบครวั ตอ อกี บคุ คลหนงึ่ ซงึ่ จะทาํ ใหบ คุ คลนมี้ คี วามเกรงกลวั เชน เพราะเปน บดิ ามารดาของเจา พนกั งานทาํ ให เจา พนกั งานตองเกรงใจ ãËŒ¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃã¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹ໚¹¤Ø³ËÃ×Í໚¹â·Éá¡‹ºØ¤¤Åã´ การจูงใจหรือไดจูงใจบุคคลท่ีกลาวมานั้น ตองเพื่อวัตถุประสงคอยางใดอยางหนึ่ง คือ ใหผูถูกจูงใจ หรือจะถูกจูงใจกระทําการในหนาที่อันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หรือใหไมกระทําการในหนาท่ี อันเปน คณุ หรอื เปนโทษแกบ ุคคลใด แตไมจ าํ เปนวา ผูถูกจงู ใจจะไดทําตามท่ถี กู จูงใจนน้ั (๑) ใหก ระทาํ การในหนา ทอ่ี นั เปน คณุ หรอื เปน โทษแกบ คุ คลใด หมายถงึ ใหป ฏบิ ตั ิ หนา ทโ่ี ดยไมถ กู ไมค วรหรอื ปฏบิ ตั โิ ดยมชิ อบดว ยหนา ที่ แตไ มห มายถงึ การจงู ใจหรอื จะจงู ใจใหป ฏบิ ตั กิ าร โดยชอบดวยอํานาจหนาท่ีของเจาพนักงานหรือสมาชิกประเภทน้ันๆ เชน การจูงใจใหเจาพนักงาน จับกุมผกู ระทาํ ความผดิ ยอมไมเ ปนความผิด การกระทําในหนาที่น้ีจะตองเปนหนาท่ีโดยตรงของเจาพนักงานหรือสมาชิกน้ันๆ ถาจงู ใจหรอื จะจูงใจใหเ ขากระทําการในสิ่งซ่งึ มิใชหนาทโ่ี ดยตรงของเขา กไ็ มผดิ ®Õ¡Ò·èÕ õññ/òõñö การท่ีเจาพนักงานตํารวจผูจับกุมผูกระทําความผิด มีหนาท่ี ตองเบิกความตอศาลตามความสัตยจริงในฐานะเปนพยานในคดีท่ีผูกระทําความผิดถูกฟองน้ัน เปนหนาที่อยางเดียวกับประชาชนท่ัวๆ ไป หาใชเปนหนาท่ีโดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการที่เปน เจาพนักงานผูจับกุมผูกระทําความผิดไม แมจําเลยจะเรียกและรับเงินจากผูอื่นเพื่อจูงใจเจาพนักงาน ดงั กลาวใหเบิกความผดิ ไปจากความจรงิ กไ็ มผ ดิ ตามมาตรา ๑๔๓ (๒) ใหไมกระทําการในหนาท่ีอันเปนคุณหรือโทษแกบุคคลใด หมายถึง จูงใจ หรือจะจูงใจใหไมปฏิบัติหนาท่ีตามที่ถูกท่ีควร หนาท่ีน้ีก็ตองเปนหนาที่โดยตรงของเจาพนักงานหรือ สมาชกิ นน้ั ๆ ดว ย ถา เขาไมม หี นา ทโี่ ดยตรงเชน นนั้ ไปจงู ใจหรอื จะจงู ใจใหเ ขาไมป ฏบิ ตั กิ ไ็ มผ ดิ หมอื นกนั

๑๕๓ ®Õ¡Ò·èÕ ôòó/òõòò จําเลยเรียกเงินจากรานคาท่ีจําเลยรับจางทาํ บัญชี อางวา จะเอาไปให ป. ผูชว ยสรรพากรไมใ หมาตรวจบญั ชที ที่ าํ ผดิ แต ป. ทาํ หนา ทีธ่ ุรการไมม หี นาท่ีตรวจสอบ บญั ชี การกระทําของจาํ เลยไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๓ à¨μ¹Ò ผูก ระทําจะตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ในการเรียก รบั หรอื ยอม จะรบั ทรัพยสินหรอื ประโยชนอ่นื ใดสําหรบั ตนเองหรอื ผอู ื่น และสําหรับการรับทรพั ยสินหรอื ประโยชน กต็ อ งรับโดยรดู ว ยวาเขาไดใ หเ ปนการตอบแทนในการท่ีตนจะจูงใจหรือไดจูงใจเจา พนักงาน ö. ãËŒÊ¹Ô º¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÒμÃÒ ñôô ¼ŒÙã´ãËŒ ¢ÍãËŒËÃ×ÍÃѺNjҨÐãËŒ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´á¡‹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞÑμÔáË‹§Ã°Ñ ÊÁÒªÔ¡ÊÀҨѧËÇ´Ñ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ à¾×Íè ¨Ù§ã¨ ãËŒ¡ÃÐทาํ ¡Òà äÁ¡‹ ÃÐทาํ ¡ÒÃËÃÍ× »ÃÐÇ§Ô ¡ÒáÃÐทําÍ¹Ñ ÁªÔ ͺ´ÇŒ Â˹Ҍ ·èÕ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô ËÒŒ »‚ ËÃÍ× »ÃѺäÁà‹ ¡Ô¹Ë¹§èÖ áʹºÒ· ËÃÍ× ·§Ñé จาํ ·é§Ñ »ÃѺ มาตรานเ้ี ปนเร่อื งบคุ คลในฐานะราษฎรใหส นิ บนเจาพนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒ ซ่งึ เปนกรณีบุคคลธรรมดาเรียกทรพั ยสนิ จากบคุ คลธรรมดาดวยกัน ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô Á´Õ ѧ¹Õé ๑. ให ขอให หรือรบั วา จะให ทรัพยส ินหรือประโยชนอืน่ ใด ๒. แกเจา พนักงาน สมาชิกสภานติ ิบัญญตั แิ หงรฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล ๓. เจตนา ๔. เพอ่ื จงู ใจใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การ หรอื ประวงิ การกระทําอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี คาํ ͸ºÔ Ò คาํ วา “ãËŒ” นั้นหมายความวาใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดซึ่งเจาพนักงาน หรือสมาชิกสภาประเภทตางๆ ไดรับเอาไวแลว ซึ่งอาจจะเน่ืองมาจากเจาพนักงานฯ นั้นเรียกเอา ผูถูกเรียกจึงไดใหไป หรือบุคคลผูไปหาเจาพนักงานนั้นใหเองโดยไมไดเรียกก็ได แตสาระสาํ คัญของ คําวา ใหตองเปนเรือ่ งเจา พนักงานรับเอามาเปนของตนแลว คําวา “¢ÍãËŒ” หมายความวาบคุ คลผูไ ปติดตอ กับเจา พนักงานฯ ขอใหทรัพยสิน หรือประโยชนอ่ืนใดแกเจาพนักงานฯ เม่ือเอยปากขอใหแลวถือวาเปนการกระทาํ ในการขอใหสําเร็จ ทันที เจาพนักงานจะไดตกปากลงคาํ วาจะรับหรือไมก็เปนการกระทาํ สําเร็จ แมเจาพนักงานจะ ตอบปฏิเสธ ไมย อมรับตามท่ขี อให กถ็ อื วา เปนการขอใหตามความหมายดงั กลา วแลว คําวา “ÃѺÇÒ‹ ¨ÐãË”Œ หมายความวา ผูไปตดิ ตอกับเจาพนกั งานน้ันตกลงรับวาจะให ทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดแลว การท่ีตกลงรับวาจะใหนี้เปนผลมาจากทางเจาพนักงานเปนฝาย เรยี กรอ งหรอื รอ งขอจากผมู าตดิ ตอ หรอื โดยการจงู ใจ ดว ยประการอนื่ ใดจากผมู าตดิ ตอ และผตู ดิ ตอ นน้ั ตกลงรับปากกับเจาพนักงานแลววาจะให การกระทําก็ถือวาสาํ เร็จแลว สวนทรัพยสินหรือประโยชน จะไดเม่ือไรหรือไมไดเลยตามที่รับปากไว ก็ไมใชสาระสาํ คัญ แตถาบุคคลท่ีมาติดตอนั้นน่ิงเฉยเสีย หรือปฏเิ สธเสยี เมื่อถูกเรยี กรอง กรณีเชนนไ้ี มถ ือวาเปนการรบั วาจะให ไมเปนความผิด

๑๕๔ คาํ วา “·Ã¾Ñ Âʏ ¹Ô ËÃÍ× »ÃÐ⪹͏ ¹×è ã´” นน้ั มคี วามหมายเชน เดยี วกนั กบั ทก่ี ลา วมาแลว ในมาตรา ๑๔๓ เพียงแตการกระทําตามมาตรานี้แตกตางกับการกระทําในมาตรา ๑๔๓ ก็คือ เร่ืองการกระทําตามมาตรา ๑๔๓ เปนการกระทําตอบุคคลธรรมดาท่ัวไปเพื่อไปจูงใจเจาพนักงานฯ สวนการกระทําในมาตรา ๑๔๔ เปนการกระทําในการให ขอให หรือรับวาจะใหของบุคคลอ่ืนตอ เจาพนักงาน และสมาชิกสภาหรือท่ีเรียกวาเปนการให ขอใหหรือรับวาจะใหสินบนแกเจาพนักงาน หรือสมาชิกสภาน้นั โดยตรง สําหรับประโยชนน้ันนอกจากท่ีกลาวมาแลวในมาตรา ๑๔๓ อาจจะมีกรณีอื่นๆ อกี เชน ใหย มื รถยนตไ ปใชโ ดยไมต อ งเสยี คา เชา ใหอ ยบู า นโดยไมต อ งเสยี คา เชา ใหโ ดยสารรถหรอื เรอื โดยไมต อ งเสียคา โดยสาร เปน ตน สาํ หรับบุคคลทใ่ี ห ขอให หรอื รับจะให คือ เปน การกระทาํ ตอ เจาพนักงาน สมาชิก สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล และหนา ทตี่ า งๆ นนั้ กม็ คี วามหมาย อยางเดยี วกนั กับท่ีกลาวมาแลวในมาตรา ๑๔๓ จึงไมนาํ มากลาวซํา้ อีก à¨μ¹Ò มาตรา ๑๔๔ นี้ ผกู ระทาํ มเี จตนาพเิ ศษ กลา วคอื กระทาํ โดยรสู าํ นกึ ในการให ขอให หรือรับวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดนั้นแกเจาพนักงานและสมาชิกสภาฯ โดยมีเหตุ จงู ใจประสงคต อ ผลเปน พเิ ศษ คอื เพอื่ ใหก ระทาํ การ ไมก ระทาํ การหรอื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ย หนาที่ ฉะน้นั ถา การกระทําดังกลา วเพอ่ื ใหเ จาพนกั งาน หรอื สมาชิกสภาฯ กระทาํ การ ไมก ระทําการ หรือประวิงการกระทํา อันชอบดวยหนาท่ีนอกเหนือหนาที่หรือเพราะไมมีหนาท่ีแลว การใหหรือขอ ให หรือรับวาจะใหทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดน้ันก็ไมเปนความผิดตามมาตรา ๑๔๔ น้ี แตอาจมี ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๓ ไดใ นเมอื่ การกระทําน้นั เขาองคป ระกอบความผดิ ของมาตรา ๑๔๓ ดังไดกลาวแลววา มูลเหตุชักจูงใจน้ันตองเพ่ืออันมิชอบดวยหนาท่ี ฉะน้ัน ถามี มลู เหตุชกั จงู ใจเพอ่ื การอนั ชอบดว ยหนาที่ ก็ยอ มไมเปน ความผดิ (๑) ใหส นิ บนแกต าํ รวจเพอื่ ใหจ บั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ตามอาํ นาจหนา ทย่ี อ มไมเ ปน ความผิด (๒) ฎีกาที่ ๓๗๐๐/๒๕๒๙ บิดาของผูตองหาคดีการพนันขอใหจําเลยชวยเหลือ จาํ เลยเขยี นจดหมายถงึ ร.ต.ท. บ. พนักงานสอบสวน วา คดกี ารพนันน้าํ เตาปูปลาถงึ แมจะเสียทีศ่ าล หรอื เสยี ทโี่ รงพกั กม็ คี า เทา กนั คนละไมก รี่ อ ยบาท จงึ ขอความกรณุ าใชด ลุ พนิ จิ แบบปรชั ญาทางเศรษฐกจิ เพือ่ ไมใ หเสยี เวลาท้งั สองฝาย ทงั้ หมด ๖ คน คนละ ๓๐๐=๒,๐๐๐ บาท เปนคา บํารุงโรงพักฯ ดงั น้ีเปน เพียงขอรองใหชวยเหลือเปรียบเทียบปรับใหคดีเสร็จไปในชั้นสถานีตํารวจ โดยไมตองใหคดีถึงศาล เทานนั้ จําเลยไมม ีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๔, ๑๖๗ อนง่ึ การใหส นิ บนเจา พนกั งานน้ี กฎหมายเอาผดิ ทงั้ แกผ ใู หแ ละผรู บั คอื ผใู หจ ะผดิ ตามมาตรา ๑๔๔ สว นเจาพนกั งานผรู บั ผิดตามมาตรา ๑๔๙ และเม่อื ผูใหผิดตามมาตรา ๑๔๔ แลว กไ็ มผ ดิ ฐานสนับสนนุ เจาพนกั งานกระทาํ ผดิ อกี

๑๕๕ ®¡Õ Ò·èÕ ôóõ/òõòð ราษฎรใหสินบนเจาพนักงานเพื่อการอันมิชอบดวยหนาท่ี เจาพนักงานรับไว ราษฎรผิดตามมาตรา ๑๔๔ เจาพนักงานผิดตามมาตรา ๑๔๙ และราษฎรไมผิด ฐานสนับสนนุ เจา พนกั งานอีก แตถามิใชหนาที่หรือเปนการนอกเหนือหนาที่หรือพนหนาท่ีของเจาพนักงาน หรือสมาชิกดังกลา วก็ไมผ ดิ ฐานใหสินบนเจาพนกั งาน ®Õ¡Ò·èÕ óôò/òõðö กํานันรายงานกลาวโทษจาํ เลยไปอาํ เภอ และอาํ เภอเรียก พยานทําการสอบสวนไปแลวพนอาํ นาจหนาท่ีของกาํ นันแลว จาํ เลยจึงใหเงินแกกาํ นันเพ่ือใหชวยไป ติดตอ กบั เจาพนกั งานอาํ เภอ หรอื เจาพนักงานสอบสวนใหก ระทําใหคดีเสร็จไปในช้นั อําเภออยาใหถงึ ฟองศาล ไมเปนการใหส ินบนตามมาตรา ๑๔๔ ฉะนนั้ สาระสาํ คญั ของมาตรานี้ จึงอยทู ่ีหนา ท่ี ซึง่ จะตองพจิ ารณาถึงวาหนา ทขี่ อง เจาพนกั งานหรือสมาชิกสภาประเภทตางๆ นัน้ มหี นาที่ในการกระทาํ ตามตาํ แหนงของตนอยา งไรบาง เวนแตเจาพนักงานบางตําแหนงซึ่งมีหนาท่ีเก่ียวกับการรักษาความสงบเรียบรอยของบานเมือง เชน เจาพนักงานฝายตํารวจซึ่งมีหนาท่ีจับกุมผูกระทําความผิดตอกฎหมายในทางอาญาท่ัวไป เปนตน มูลเหตจุ ูงใจตามมาตรา ๑๔๔ พอจะแยกออกพิจารณาไดดงั นี้ ๑. เพ่ือใหก ระทําการอันมิชอบดว ยหนา ท่ี เชน เจา พนกั งานตํารวจจบั กมุ ผูก ระทาํ ความผดิ แลว ขอใหเ งิน เพือ่ ใหป ลอยผูกระทําความผิดนั้น ๒. เพ่ือไมกระทําการอันมิชอบดวยหนาท่ี เชน เจาพนักงานตํารวจจะจับกุม ผูกระทําความผดิ จงึ ขอใหเ งินแกเจา พนกั งานตาํ รวจนนั้ เพอ่ื ละเวน ไมกระทาํ การจับกุมตามหนาท่ี ๓. เพอ่ื ประวงิ การกระทาํ อนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี เชน ใหท รพั ยส นิ แกพ นกั งานสอบสวน ใหระงับการสอบสวนไว หรือเม่อื สอบสวนเสรจ็ แลว ใหระงับการสง สาํ นวนการสอบสวน เปนตน ®¡Õ Ò·Õè òòòñ/òõñù ใหเงินนายกเทศมนตรีจูงใจใหอนุญาตกอสรางโดยเร็ว โดยหลกั ฐานไมเ รยี บรอ ย เปน การไมช อบดว ยอาํ นาจหนา ทขี่ องนายกเทศมนตรี ผดิ ป.อาญา มาตรา ๑๔๔ ÷. ¡ÒÃáÊ´§μ¹áÅСÃзíÒ¡ÒÃ໚¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁÒμÃÒ ñôõ ¼ÙŒã´áÊ´§μ¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅСÃÐทํา¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ â´Âμ¹àͧÁÔ䴌໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·èÕÁÕอํา¹Ò¨¡ÃÐทํา¡ÒùÑé¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁ‹à¡Ô¹Ë¹Öè§»‚ ËÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô ÊͧËÁ×蹺ҷ ËÃ×Í·éѧจํา·é§Ñ »ÃѺ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼ãŒÙ ´ä´ÃŒ ºÑ คาํ ʧÑè ÁãÔ Ë»Œ ¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·μèÕ Í‹ ä»áÅÇŒ 处 ½Ò† ½¹„ ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃã´æ ã¹ตาํ á˹‹§Ë¹ŒÒ·Õè¹é¹Ñ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·ÉμÒÁ·èÕ¡íÒ˹´äÇŒã¹ÇÃäáá´Ø¨¡¹Ñ มาตรานี้บัญญัติการกระทําอันเปนความผิด ๒ ความผิด คือ วรรคแรกบัญญัติ ลกั ษณะการกระทาํ อนั เปน ความผดิ ฐานแสดงตนและกระทาํ การเปน เจา พนกั งาน วรรคทา ยเปน กรณที ี่ เจาพนกั งานไดรบั คาํ สัง่ มใิ หป ฏิบตั ิการในตําแหนงแลว ยงั ฝาฝน คาํ สงั่ อีก

๑๕๖ ¤ÇÒÁ¼Ô´μÒÁÇÃäáá มอี งคประกอบของความผิดดงั น้ี ๑. แสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทําการเปน เจา พนกั งาน ๒. โดยตนเองมไิ ดเปนเจา พนกั งานท่ีมอี ํานาจกระทาํ น้นั ๓. เจตนา คาํ ͸ºÔ Ò áÊ´§μ¹à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅСÃÐทํา¡ÒÃ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ การแสดงตนเปน เจาพนักงาน คือ กระทําใหปรากฏดวยประการใดๆ วาตนเปนเจาพนักงานอาจจะโดยวาจา เชน อางวา เปนตํารวจ ทหาร ปลัดอําเภอ เปนตน หรือแตงเคร่ืองแบบเจาพนักงาน หรือแสดงกิริยา ทาทางใหผูอ่ืนเขาใจวาตนเปนเจาพนักงาน เชน เขาทําการจับกุมและขอตรวจคน แมจะมิไดพูดอาง วา ตวั เองเปน เจา พนกั งาน แตก ารกระทาํ ดงั กลา วกย็ อ มทาํ ใหเ ขา ใจไดว า ผนู นั้ เปน เจา พนกั งาน นอกจาก จะแสดงตนเปนเจาพนักงานแลว ความผิดตามมาตรานี้จะตองไดกระทําการเปนเจาพนักงานดวย คอื ¨ÐμÍŒ §Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ·§éÑ ò Å¡Ñ É³Ð ·§éÑ áÊ´§μ¹à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹áÅСÃÐทาํ ¡ÒÃ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ®¡Õ Ò·èÕ ñð÷÷/òõðõ ป. และ ส. ไปหลอกลวงผูเสียหายวาเปนเจาพนักงาน ขอคนบาน และคนไดแปงเช้ือสุรา แลวคุมตัวผูเสียหายไปมอบให ค. ค.แสดงตนเปนเจาพนักงาน สรรพสามติ บอกใหผ เู สยี หายเสยี คา ปรบั ถา ไมเ สยี จะจบั สง อาํ เภอ ดงั นี้ ป. ส. และ ค. ผดิ ฐานแสดงตนเปน เจา พนกั งาน ®¡Õ Ò·èÕ ñòðø/òõðø จําเลยมิไดเปนตํารวจ แตแสดงตนเปนตํารวจและจับกุม ควบคุมผเู สยี หายไป ผดิ ฐานแสดงตนเปนเจาพนกั งาน ®Õ¡Ò·Õè òðùù/òõò÷ จําเลยแตงกายดังที่ตํารวจนอกเครื่องแบบแตงกันตาม ปกติ โดยนงุ กางเกงสกี ากี สวมเสื้อคอกลมขาว คาดเข็มขัดหนังยนื ใหส ญั ญาณรถยนตบ รรทุกที่ผานไป มาใหหยุดรถ เพ่ือตรวจตรงจุดที่รถยนตตํารวจทางหลวงจอดอยู มีตํารวจแตงเครื่องแบบนั่งอยูในรถ ดงั น้ี จาํ เลยไดแ สดงตนและกระทาํ การเปน เจา พนกั งานตาํ รวจทางหลวงในการเรยี กตรวจรถทผี่ า นไปมา โดยไมไ ดเปน เจาพนกั งานจรงิ มคี วามผิด ป.อ. มาตรา ๑๔๕ หากมแี ตก ารแสดงเปน เจา พนกั งานอยา งเดยี วไมไ ดก ระทาํ การเปน เจา พนกั งานดว ย กไ็ มผ ิดฐานนี้ ®¡Õ Ò·èÕ ñòñù/òõðõ จําเลยกับพวกแจงกับเจาทรัพยวาเปนเจาพนักงานจะคน ของเถื่อน ครั้นเจาทรัพยไมยอมใหคน จําเลยกับพวกก็ปลนทรัพยของเจาทรัพยยังไมผิดฐานแสดง ตนเปนเจาพนักงาน เพราะมิไดกระทําการเปนเจาพนักงาน เพียงแตแสดงตนเปนเจาพนักงาน เพือ่ ปลน ทรพั ย ®¡Õ Ò·Õè óøò/òõðø จําเลยมิไดเปนตํารวจสันติบาลไดแสดงตัวเปนตํารวจ สันติบาล ถามถึงเร่ืองคนรายแลวจดชื่อลงในสมุดพก โดยมิไดเจตนาสอบสวนจริงจัง ยังไมถือวาได กระทาํ การเปน เจาพนกั งานไมผ ิดตามมาตรา ๑๔๕

๑๕๗ ®Õ¡Ò·Õè ôðö/òõòð จําเลยพดู วา “อว๊ั เปน นายรอยตํารวจตรี คน ไมได” ไมยอม ใหต าํ รวจคนรถที่จาํ เลยขบั มา แมจ าํ เลยมิไดเปนเจาพนกั งาน กย็ งั ไมผิดตามมาตรา ๑๔๕ ®¡Õ Ò·Õè øñð/òõòð อางวาเปนตํารวจขอคนบานพอเขาไปแลวกลับขูเอาทรัพย ไปไมเ ปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๕ â´Âμ¹àͧÁÔ䴌໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹·èÕÁÕอํา¹Ò¨¡ÃÐทํา¡ÒùÑé¹ การแสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจา พนกั งาน ผแู สดงตนจะตอ งไมเ ปน เจา พนกั งาน ผมู อี าํ นาจกระทาํ การนนั้ เพราะหากเปนเจาพนักงาน ซ่ึงมีอํานาจกระทําการนั้นจริงๆ แลว ก็ยอมไมเปนความผิด เชน เจาพนกั งานตาํ รวจไปแสดงตนเปน ตํารวจจับกมุ ผูกระทําความผิดตามหนาที่ สาระสําคัญของความผิดฐานแสดงตนเปนเจาพนักงาน คือ มิไดเปนเจาพนักงาน ทมี่ อี าํ นาจกระทําการน้ันดวยเหตุนี้ แมผูแ สดงตนจะเปนเจา พนักงานจริงๆ แตไมม อี ํานาจกระทาํ การ ตามตําแหนงที่แสดงตนนั้นก็ผิดฐานแสดงตนเปนเจาพนักงาน ความผิดฐานน้ีจึงไมจําเปนวาจะตอง เปนราษฎรแสดงตนเปนเจาพนักงานเสมอไป แมเจาพนักงานแสดงตนเปนเจาพนักงานก็ผิดได เหมือนกัน เชน เปนเจาพนักงานศุลกากร หรือเจาพนักงานสรรพากรไปแสดงตนเปนตํารวจจับกุม ผลู ักลอบเลนการพนนั เปน ตน ®¡Õ Ò·èÕ ñóùô/òõñô จําเลยเปนพนักงานตีตราไมซ่ึงมิใชเปนเจาพนักงานปาไม ผูมีอํานาจจับกุมผูกระทําผิดพระราชบัญญัติปาไม แตจําเลยไดแสดงตัววาเปนเจาพนักงานปาไม เขาซักถาม และบันทึกจับกุมผูเสียหายวากระทําผิดพระราชบัญญัติปาไม จําเลยยอมมีความผิดฐาน แสดงตนเปน เจาพนกั งานตามมาตรา ๑๔๕ à¨μ¹Ò ความผิดฐานนี้ผูกระทําผิดจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๖ วรรค ๒ คือ ประสงคต อ ผลหรอื ยอ มเลง็ เหน็ ผลในการแสดงตนเปน เจา พนกั งาน และกระทาํ การเปน เจา พนกั งานนน้ั ¤ÇÒÁ¼´Ô μÒÁÇÃä·ÒŒ  มอี งคป ระกอบของความผิดดงั นี้ ๑. เปน เจา พนักงาน ๒. ไดร บั คําสั่งมิใหป ฏิบัตกิ ารตามตําแหนง หนา ทต่ี อ ไปแลว ๓. ยงั ฝาฝนกระทําการใดในตําแหนง หนา ทนี่ นั้ ๔. เจตนา คาํ ͸ºÔ Ò ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ความผิดตามวรรคทายนี้กฎหมายจํากัดตัวผูกระทําความผิดไว โดยเฉพาะวา ตอ งเปน เจา พนกั งานเทา นนั้ คอื ในขณะกระทาํ ความผดิ ตอ งมฐี านะเปน เจา พนกั งานอยู และแมในกรณีลาหรือหนีราชการก็ถือวายังไมพนจากหนาที่ราชการ แตถาถูกไลออก ปลดออก หรือใหออกเสียกอนกระทําความผิดก็ถือวาหมดสภาพการเปนเจาพนักงาน ไมอาจกระทําผิดตาม วรรคทายน้ีได แตอ าจเปนความผิดตามวรรคแรก

๑๕๘ ä´ŒÃѺคําÊèѧÁÔãËŒ»¯ÔºÑμÔ¡ÒÃμÒÁตําá˹‹§Ë¹ŒÒ·èÕμ‹Íä»áÅŒÇ หมายความวา เดิม เจาพนักงานผูน้ันมีอํานาจปฏิบัติการตามตําแหนงหนาที่นั้นอยู แตตอมาถูกส่ังมิใหกระทําการตาม ตาํ แหนง หนา ทน่ี น้ั เชน ถกู ส่งั ใหพ ักราชการระหวา งสอบสวนทางวินยั 处 ½Ò† ½¹„ ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃã´ã¹ตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¹èÕ ¹Ñé หมายความวา เจา พนกั งานผนู นั้ ยงั คง กระทําการในตาํ แหนง หนาที่โดยฝาฝน ตอคําส่งั ท่มี ิใหปฏิบตั ิการในหนา ท่ีน้นั เชน สรรพสามิตจังหวดั ถกู สงั่ พักราชการ แตร ะหวา งนน้ั ก็ยังจบั ผตู มกลนั่ สรุ าเถ่อื นอยูตอ ไป ผิดตามวรรคนี้ à¨μ¹Ò ความผิดในวรรคทาย ผูกระทําจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบกับตองรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดวย คือ ตอ งรูถงึ คําสงั่ ทีม่ ิใหป ฏิบัติการตามตําแหนงหนา ทีต่ อไปน้นั ถาไมรกู ไ็ มถือวามีเจตนากระทาํ ความผิด ®Õ¡Ò·èÕ øðô/òôøö จําเลยเปนตํารวจประจําการไดห นีราชการไป ทางราชการมี คําสั่งไลจําเลยออกแลว แตจําเลยมิไดทราบคําสั่งไลออกของทางราชการ จําเลยไดแตงเคร่ืองแบบ ตํารวจไปจับกุมผูกระทําความผิดกฎหมาย ดังนี้จําเลยเชื่อโดยบริสุทธ์ิใจวามีสิทธิแตงเครื่องแบบตํารวจ ได เพราะจําเลยมไิ ดรับหรอื ทราบคาํ สง่ั ไลอ อก การกระทําของจาํ เลยจึงขาดเจตนายงั ไมเ ปน ความผิด ø. áμ§‹ à¤ÃÍè× §áººâ´ÂäÁÁ‹ ÕÊÔ·¸Ô ÁÒμÃÒ ñôö ¼ÙŒã´äÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô·Õè¨ÐÊÇÁà¤Ã×èͧẺ ËÃ×Í»ÃдѺà¤Ãè×ͧËÁÒ¢ͧ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅËÃÍ× äÁÁ‹ ÊÕ ·Ô ¸Ô 㪌ÂÈ ตาํ á˹‹§ à¤ÃÍ×è §ÃÒªÍÊÔ ÃÂÔ ÒÀó ËÃÍ× Ê§Ôè ·ÕèËÁÒ¶֧à¤Ã×Íè §ÃÒªÍÊÔ ÃÂÔ ÒÀó ¡ÃÐทาํ ¡ÒÃઋ¹¹éÕ à¾Íè× ã˺Œ ¤Ø ¤Å͹è× àªÍ×è ÇÒ‹ μ¹ÁÊÕ ·Ô ¸μÔ ÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจาํ ¤¡Ø äÁà‹ ¡¹Ô ˹§èÖ »Ë‚ ÃÍ× »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô ÊͧËÁ¹è× ºÒ· ËÃÍ× ·Ñé§จาํ ·§Ñé »ÃºÑ มาตรานมี้ คี วามผดิ ๒ ฐานความผดิ ดว ยกนั คอื ฐานแรกแตง เครอ่ื งแบบโดยไมม สี ทิ ธิ และฐานทส่ี องใชย ศ ตาํ แหนง เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณโ ดยไมม สี ทิ ธิ ซง่ึ จะแยกอธบิ ายแตล ะฐานความผดิ ไป ¤ÇÒÁ¼´Ô áá มอี งคประกอบของความผดิ ดังนี้ ๑. สวมเครอื่ งแบบหรอื ประดบั เครอื่ งหมายของเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหงรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล ๒. โดยไมม ีสทิ ธิ ๓. เจตนา ๔. เพอื่ ใหบุคคลอื่นเช่ือวาตนมีสทิ ธิ คํา͸ԺÒ ÊÇÁà¤Ãè×ͧẺËÃ×Í»ÃдºÑ à¤Ã×Íè §ËÁÒ¢ͧà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÊÁÒªÔ¡ÊÀÒ¹ÔμÔºÑÞÞÑμÔ á˧‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒà·ÈºÒÅ เครอื่ งแบบและเครอื่ งหมายนี้ ตอ งเปน เครอื่ งแบบ และเครอื่ งหมายทก่ี ฎหมายกาํ หนดขนึ้ แตกตา งกนั ไปตามประเภทของขา ราชการ หรอื สมาชกิ ดงั กลา ว เครื่องแบบอาจมีหลายชนิด เชน เคร่อื งแบบปกติ เคร่ืองแบบตรวจการ เครือ่ งแบบเตม็ ยศ เปนตน

๑๕๙ ÊÇÁà¤Ãè×ͧẺ หมายถึง แตงกายดวยเคร่ืองแบบของเจาพนักงาน สมาชิกสภา นติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล แมจ ะสวมไมค รบทกุ ชนิ้ ของเครอ่ื งแบบ ทกี่ ฎหมายกําหนดไวก ็นา จะเปน ความผดิ แลว »ÃдºÑ à¤ÃÍ×è §ËÁÒ คอื ใชเ ครอื่ งหมายทแี่ สดงถงึ การเปน เจา พนกั งานสมาชกิ สภา นติ บิ ญั ญตั ิแหงรฐั สมาชิกสภาจงั หวัด หรอื สมาชิกสภาเทศบาล การสวมเครอ่ื งแบบและประดบั เครอ่ื งหมายอนั จะเปน ความผดิ ตามมาตรานี้ กฎหมาย จํากัดเฉพาะเคร่ืองแบบและเคร่ืองหมายของบุคคลที่กําหนดไว ๔ ประเภทเทานั้น ไมหมายความถึง เครื่องแบบและเครื่องหมายของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหรือสมาชิกสมาคมหรือครุยปริญญาตางๆ แตการใชเคร่ืองแบบและเครื่องหมายของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย หรือใชครุยปริญญาอาจเปน ความผดิ ตามกฎหมายเฉพาะของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เชน ผิดตามพระราชบัญญัติมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัย ธรรมาธิราช มาตรา ๓๗ เปน ตน แตไ มผดิ ตามมาตรา ๑๔๖ น้ี â´ÂäÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô การสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายดังกลาวน้ัน ผูกระทํา จะตองไมมีสิทธิท่ีจะสวมหรือประดับได คือ ไมมีสิทธิสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายที่ตน เอามาใช เชน เปนตํารวจแตไ ปสวมเครอ่ื งแบบหรือเครอ่ื งหมายของพนกั งานอัยการ หรือของสมาชกิ สภานิตบิ ัญญตั ยิ อ มผิดตามมาตราน้ี à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ ประกอบกบั ตอ งรขู อ เทจ็ จรงิ อนั เปน องคประกอบของความผิดตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ ดว ย คือ รูว า ตนไมม สี ิทธสิ วมเครือ่ งแบบ หรือประดบั เคร่ืองหมายนนั้ ๆ ได à¾è×ÍãËŒºØ¤¤ÅÍ×è¹àªè×ÍÇ‹Òμ¹ÁÕÊÔ·¸Ô เปนมูลเหตุชักจูงใจหรือเจตนาพิเศษในการ กระทาํ คอื นอกจากจะมเี จตนาดงั ทกี่ ลา วมาแลว ผกู ระทาํ จะตอ งมมี ลู เหตจุ งู ใจหรอื ความมงุ หมายทจี่ ะให บุคคลอื่นเชอ่ื วาตนมสี ทิ ธโิ ดยชอบท่จี ะแตงเครอ่ื งแบบหรือประดบั เครอ่ื งหมายนน้ั ๆ ดวย เม่อื กระทํา โดยมเี จตนาพเิ ศษนี้แลว เปนความผดิ สําเร็จ ไมตอ งปรากฏวามีผูอื่นเชือ่ เชน น้นั ®Õ¡Ò·èÕ ö÷ð/òõòñ จําเลยเปนพลตํารวจประดับเครื่องหมายยศสิบตํารวจโท เพื่อใหบ ุคคลอืน่ เชือ่ วาตนมสี ทิ ธใิ ชย ศสบิ ตํารวจโทเปน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๖ ¤ÇÒÁ¼Ô´·ÕèÊͧ ใชยศ ตําแหนง เครื่องราชอิสริยาภรณโดยไมมีสิทธิ ความผิดนี้ มอี งคป ระกอบของความผิดดังน้ี ๑. ใชยศ ยศ หมายถึง ยศที่มีกฎหมายบัญญัติไว ซึ่งปจจุบันก็มียศทหารและ ยศตาํ รวจเทานนั้ ยศนี้เริ่มแตนายสบิ ไปจนถึงนายรอ ย นายพนั นายพล และจอมพล การใชย ศคอื แสดงใหป รากฏวา มยี ศ อาจจะโดยการพดู เขยี นหรอื พมิ พเ ปน ลายลกั ษณอ กั ษรกไ็ ด เชน พมิ พน ามบตั ร บอกวาตนเองมียศเปน รอ ยเอก ๒. ใชต าํ แหนง ตาํ แหนง หมายถงึ ตาํ แหนง ตามทม่ี กี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว เชน รฐั มนตรี ปลดั กระทรวง รองปลดั กระทรวง อธบิ ดี ผอู าํ นวยการกอง หวั หนา กอง กาํ นัน ผใู หญบาน เปน ตน

๑๖๐ สวนตาํ แหนง ในราชการทหารและตาํ รวจ ก็มีกฎหมายกาํ หนดไวตา งหาก เชน ผบู ัญชาการทหารสงู สดุ ผูบัญชาการทหารบก เปนตน การใชตําแหนงก็หมายถึงการกระทําท่ีแสดงใหปรากฏวาตนมีตําแหนง อยางใดอยางหนึง่ เชน พดู วาเปน ผใู หญบาน ๓. ใชเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ เครือ่ งราชอิสริยาภรณ หมายถงึ เหรียญตราตางๆ ทก่ี าํ หนดขน้ึ ตามกฎหมาย วา ดว ยเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ ซงึ่ พระมหากษตั รยิ ท รงพระราชทานแกบ คุ คล เพอ่ื เปน ความหมายแสดงเกยี รตยิ ศและบาํ เหนจ็ ความดคี วามชอบ เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณม ชี อื่ ตา งๆ กนั เชน เบญจมาภรณมงกุฎไทย เบญจมาภรณชางเผือก เปนตน การใชเครื่องราชอิสริยาภรณ เชน นําเอาเครือ่ งอิสริยาภรณม าประดบั ท่ีเครื่องแตงกาย ๔. ใชสิ่งท่ีหมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ ส่ิงที่หมายถึงเคร่ืองราชอิสริยาภรณ เชน แพรแถบ หรอื อกั ษรยอ ของเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ การใชส ง่ิ ทหี่ มายถงึ เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ เชน ประดบั แพรแถบเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณท อ่ี กเสอ้ื หรอื ใชอ กั ษรยอ ของเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณต ามหลงั ชอื่ เปน ตน การใชย ศ ใชต าํ แหนง เพียงใชอยา งใดอยางหน่ึงกผ็ ดิ แลว แตยศหรือตําแหนง นน้ั ตองเปนยศหรือตําแหนงที่มีกฎหมายกําหนดไว หากมิใชยศหรือตําแหนงตามกฎหมายแลว ผูใชยอม ไมผิด ®¡Õ Ò·Õè ñòò÷/òô÷ù จําเลยพูดแกคนท่ัวไปวา เปนพนักงานตํารวจสันติบาล คําวา ตาํ รวจสันติบาลไมใ ชย ศหรอื ตาํ แหนง จึงไมใชก ารใชย ศ หรอื ตาํ แหนง ไมเปนความผดิ â´ÂäÁÁ‹ ÕÊÔ·¸Ô หมายความวา การใชย ศ ตาํ แหนง เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ หรอื สงิ่ ท่ี หมายถงึ เครื่องราชอิสรยิ าภรณ ผูใ ชต อ งไมมีสิทธโิ ดยชอบทจ่ี ะใชได เชน ถูกไลออกหรือปลดออกจาก ราชการไปแลว แตถาเกี่ยวกับยศทหาร หรือตํารวจ จะตองมีการถอดยศดวย ถายังไมมีการถอดยศ แมจะถกู ไลอ อกจากราชการ ก็ยังมสี ิทธิใชย ศไดอ ยู ®Õ¡Ò·èÕ øùù/òôùø นายสิบตํารวจถูกปลดออกจากราชการ แตไมมีคําสั่งให ถอดยศดว ย ใชน ามตําแหนงยศน้ันวาเปน นายสบิ ตํารวจสันติบาล ไมเ ปน ความผดิ ®Õ¡Ò·èÕ ñðòò/òõòõ ตาํ รวจซ่งึ หนีจากราชการไป แตย งั ไมมีคําสงั่ ปลดออกจาก ราชการ ยงั ไมพ น จากตาํ แหนง จึงมสี ทิ ธจิ ะใชนามตาํ แหนง และเคร่ืองแบบตํารวจได สาํ หรับองคประกอบภายใน คือ เจตนาและมลู เหตุชกั จูงใจ เพ่อื ใหบุคคลอ่นื เช่ือวา ตนมีสิทธินั้น มีความหมายเชนเดียวกับที่อธิบายมาแลวในความผิดฐานแรกจึงขอใหเปรียบเทียบ จากท่อี ธิบายมาแลว

๑๖๑ ¤ÇÒÁ¼´Ô μÍ‹ ตาํ á˹§‹ ˹Ҍ ·ÃèÕ Òª¡Òà ñ. ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ÂÑ¡ÂÍ¡ ÁÒμÃÒ ñô÷ ¼ãŒÙ ´à»š¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·Õè«é×Í ทาํ ¨Ñ´¡Òà ËÃÍ× Ã¡Ñ ÉÒ·Ã¾Ñ Âã´ àºÂÕ ´º§Ñ ·Ã¾Ñ ¹ ¹Ñé ໹š ¢Í§μ¹ ËÃÍ× à»¹š ¢Í§¼ÍŒÙ ¹×è â´Â·¨Ø ÃμÔ ËÃÍ× â´Â·¨Ø ÃμÔ ÂÍÁã˼Œ ÍÙŒ ¹è× àÍÒ·Ã¾Ñ Â¹ ¹éÑ àÊÂÕ μÍŒ §ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø μ§éÑ áμË‹ ÒŒ »¶‚ §Ö ÂÊÕè ºÔ »‚ ËÃÍ× จํา¤¡Ø μÅÍ´ªÇÕ μÔ áÅÐ»ÃºÑ μ§Ñé áμË‹ ¹§Öè áʹºÒ·¶§Ö ÊáÕè ʹºÒ· ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Áմѧ¹éÕ ๑. เปน เจา พนกั งาน ๒. มีหนาทซ่ี อื้ ทํา จดั การ หรอื รักษาทรพั ยใด ๓. เบียดบังเอาทรัพยสินนั้นเปนของตน หรือเปนของผูอื่นหรือยอมใหผูอ่ืน เอาทรัพยนนั้ เสีย ๔. เจตนา ๕. โดยทุจรติ คํา͸ԺÒ ໚¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ตามความหมายของบทนิยาม มาตรา ๑ (๑๖) “เจาพนักงาน” หมายถงึ (๑) ผูท่ีมีกฎหมายบัญญัติไวใหเปนเจาพนักงาน เชน พ.ร.บ.คณะสงฆบัญญัติให ไวยาวจั กรเปน เจา พนกั งาน หรือ (๒) ผูทีไ่ ดรบั แตงต้ังตามกฎหมายใหปฏิบัตหิ นาท่รี าชการ ไมวา มหี นาที่ประจาํ หรอื ชวั่ คราวและไมว า จะไดร บั คา ตอบแทนหรือไม ÁÕ˹ŒÒ·Õè«é×Í ทาํ ¨Ñ´¡Òà ËÃ×ÍÃÑ¡ÉÒ·ÃѾ㴠แมผูกระทาํ ผิดจะเปนเจาพนักงาน แตจะผิดตามมาตรานี้ได ผูกระทาํ ผิดจะตองมีหนาที่ทาํ อยางใดอยางหน่ึงดังตอไปน้ี (๑) หนาที่ซ้ือ (๒) หนาที่ทาํ (๓) หนาที่จัดการ หรือ (๔) หนาที่รักษาทรัพย หากไมมีหนาท่ีดังกลาว ก็ไมผิดตาม มาตรา ๑๔๗ ®¡Õ Ò·èÕ òòø/òõóô ความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ผูกระทําผิดตองมีหนาท่ี จดั การหรอื รกั ษาทรพั ยแ ลว เบยี ดบงั เอาทรพั ยน นั้ โดยทจุ รติ จาํ เลยท่ี ๑ เปน เจา พนกั งานตาํ รวจตาํ แหนง เจาหนาท่ีสายตรวจ มิไดมีหนาที่จัดการหรือรักษาเล่ือยยนตของกลางซึ่งนายดาบตํารวจ ส. เปน ผูเก็บรกั ษา การทีจ่ ําเลยท่ี ๑ ลกั เลอ่ื ยยนตดังกลาวไปจึงไมมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ®Õ¡Ò·èÕ ùõø/òõóô จําเลยมีหนาที่รับเงินจากลูกจางช่ัวคราวที่ทาํ หนาท่ีรับเงิน คา ภาษีบํารุงทอ งท่ี เม่ือจําเลยรบั เงนิ แลว ตองมหี นาทีล่ งบญั ชดี ว ย ยอมถอื ไดวา จําเลยมีหนาที่จัดการ หรือรักษาทรัพยต าม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ แลว เมอ่ื จาํ เลยมีเจตนาเบยี ดบงั ยกั ยอกเอาเงินคา ภาษีบาํ รุง ทอ งทไ่ี วเ ปน ประโยชนข องจาํ เลยแลว แมต อ มาจําเลยจะนําเงนิ มาลงบญั ชแี ละฝากธนาคารจนครบถว น ตามระเบียบกไ็ มทําใหการกระทาํ ของจาํ เลยทีเ่ ปน ความผิดแลวกลบั ไมเปนความผดิ

๑๖๒ หนาทน่ี ี้อาจเปน หนา ทีท่ ีก่ ฎหมายกาํ หนดไว หรือโดยคําสั่งหรอื การมอบหมายของ ผซู ง่ึ มอี าํ นาจสง่ั หรอื มอบหมายหนา ทเ่ี ชน นน้ั ได เชน ปลดั กง่ิ อาํ เภอสงั่ ใหพ นกั งานบญั ชปี ระจาํ กง่ิ อาํ เภอ รับผิดชอบจัดเก็บภาษีบํารุงทองที่ นายอําเภอมอบหมายใหปลัดอําเภอเปนเจาหนาท่ีแผนกทะเบียน อาวุธปน อาจารยใหญมอบหมายใหอาจารยท่ีทําหนาท่ีสอนหนังสือ ทําหนาท่ีหัวหนาแผนกการเงิน ผูบังคับการตํารวจภูธรเขตมีคําส่ังใหตํารวจประจํากองกํากับการ ตํารวจภูธรจังหวัดทําหนาท่ีผูชวย เสมียนทะเบียนยานพาหนะ เมื่อรับเงินภาษีหรือคาธรรมเนียมหรือเงินคาจําหนายผลิตผลหรือเงิน คาภาษรี ถยนตและยานพาหนะ แลวยักยอกเสยี ก็ผิดตามมาตรานี้ ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ μŒÍ§à»š¹¡ÒáÃÐทาํ ã¹Ë¹ÒŒ ·èÕÃÒª¡Òà หากเปน กิจการ สวนตัวหรอื กิจการอน่ื อนั ไมเ กี่ยวกับหนาที่ราชการแลว ก็ไมเขาตามมาตราน้ี ®Õ¡Ò·Õè òó÷ø/òõòò เจา พนกั งานรบั ฝากเงนิ จากผอู นื่ ไวเ ปน การสว นตวั มไิ ดร บั ไว เน่ืองในการปฏิบัติหนาท่ีราชการ เงินดังกลาวจึงมิใชทรัพยที่เจาพนักงานผูนั้นมีหนาที่ตองจัดการ หรอื รกั ษาตามความหมายของมาตรา ๑๔๗ ®Õ¡Ò·èÕ óðóñ/òõñ÷ เจาพนักงานรักษาเงินที่เทศบาลมอบใหเพื่อจัดเปนเงิน สวสั ดกิ ารใหข า ราชการกยู มื ถอื วา เปน กจิ การสว นตวั ไมเ กยี่ วกบั ราชการเชน กนั การทเ่ี จา พนกั งานผนู น้ั ไดรับแตงต้ังใหรักษาเงินดังกลาวจึงไมเปนการปฏิบัติราชการตามตําแหนงหนาที่ หากยักยอกเงินน้ัน กไ็ มผ ิดตามมาตรา ๑๔๗ คงผดิ ฐานยักยอกตามมาตรา ๓๕๒ ®Õ¡Ò·Õè ò÷òù/òõóò เจา พนกั งานตาํ รวจประจาํ กองกาํ กบั การตาํ รวจภธู รจงั หวดั ตาํ แหนง หวั หนา เสมยี นคดมี หี นา ทเี่ กบ็ รกั ษาของกลาง ไดต รวจรบั กญั ชาของกลางและลงลายมอื ชอื่ ใน สาํ เนาบัญชีของกลางกับสําเนานาํ สงของกลางของสถานีตํารวจภธู รอําเภอ แตไ มลงบญั ชขี องกลางใน คดีอาญาของกองกํากับการ เพ่ือเปนหลักฐานวามีการรับกัญชาของกลางรายน้ีแลวเมื่อเบียดบังเอา กญั ชาน้ันเปนของตนหรือผอู ่ืนโดยทจุ ริตยอมมีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ «Íé× หมายถงึ ซอื้ เพอื่ ใชใ นทางราชการ เชน ซอ้ื เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช เครอ่ื งเขยี น หรอื อปุ กรณต า งๆ สาํ หรบั ใชใ นหนว ยราชการ ซงึ่ เมอ่ื ซอื้ แลว กต็ อ งดแู ลรกั ษาและเบกิ จา ยแกผ ขู อเบกิ ตอ ไป ˹Ҍ ·ãèÕ ¹¡ÒÃทาํ อาจจะทาํ ขนึ้ ใหมท งั้ ชนิ้ รวมทง้ั ซอ มแซม เปลย่ี นแปลงแกไ ขดว ย เชน ทาํ เครอ่ื งยนตข นึ้ ใหม หรอื ซอมแซมเครื่องยนต เครือ่ งพิมพท ี่ชาํ รดุ เปนตน ทรัพยซ่ึงอยูในหนาท่ีของเจาพนักงานนี้ จะเปนทรัพยของเอกชนหรือของราชการ กไ็ ด เชน ของกลางท่ีเจา พนกั งานยดึ มาจากเอกชนเพือ่ เปนหลักฐานในคดี สวนทรัพยข องทางราชการ อาจเปน ทรพั ยท่ีไดจากการขายสิ่งของหรือเกบ็ คา ธรรมเนยี ม คา ภาษี ซ่ึงจะตอ งสงคลงั ตอ ไป เชน เงิน ทไี่ ดจ ากการขายสกุ รซงึ่ นกั โทษในเรอื นจาํ เลย้ี ง เงนิ คา ธรรมเนยี มรถเรว็ ทพี่ นกั งานหา มลอ ของการรถไฟ ไดจ ากการขายตว๋ั แกผ โู ดยสาร แมจ ะมกี ารขดู ลบตว๋ั คา ธรรมเนยี มซงึ่ มเี ครอื่ งหมายแสดงวา ใชไ มไ ดแ ลว เพอื่ ใหใ ชไ ดอ กี กต็ าม และจะเปน เงนิ ในงบประมาณแผน ดนิ หรอื นอกงบประมาณกไ็ ด เชน เงนิ ศาสนสมบตั ิ แมจ ะนอกงบประมาณแผน ดิน ถา เบิกมาตามหนา ที่แลว ยกั ยอกเสยี กผ็ ดิ ตามมาตรานี้

๑๖๓ ®¡Õ Ò·Õè óòòô, óòòõ/òõò÷ จําเลยมีหนาท่ีรับคําขอจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายท่ีดิน เก็บเงินคาธรรมเนียมและรวบรวมสงมอบให เจาหนาท่ีการเงินของสํานักงานท่ีดิน การท่ีจําเลยรับเงินคาธรรมเนียมไวแลวไมรวบรวมสงมอบแก เจา หนา ทกี่ ารเงนิ แตก ลบั เบยี ดบงั เอาไวเ ปน ของตน จงึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗ ซงึ่ เอาผดิ แก เจา พนกั งานทเ่ี บยี ดบงั เอาทรพั ยท ต่ี นไดม าหรอื ถอื ไวเ พอื่ จดั การตามหนา ท่ี ไมใ ชเ อาผดิ เฉพาะวา ทรพั ยน นั้ จะตองเปนกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐ การที่จําเลยปลอมเอกสารและใชเอกสารปลอม ก็โดยมีเจตนาท่ีจะใชเปนหลักฐานในการเบียดบังยักยอกเงินคาธรรมเนียม การกระทําของจําเลย จงึ เปน กรรมเดยี วเปน ความผดิ ตอ กฎหมายหลายบทตอ งลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๗ ซง่ึ เปน บทหนกั ทสี่ ดุ àºÂÕ ´ºÑ§àÍÒ·ÃѾ¹¹éÑ à»¹š ¢Í§μ¹ËÃÍ× à»¹š ¢Í§¼ÙŒÍ¹è× ËÃ×ÍÂÍÁãËŒ¼ÙŒÍ×è¹àÍÒ·ÃѾ¹éѹàÊÂÕ ทีจ่ ะเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ เจาพนกั งานผูมหี นา ทดี่ งั กลา วมาแลว จะตองกระทําการอยางใด อยางหน่ึง คือ (๑) เบียดบังเอาทรัพยนั้นเปนของตนหรือเปนของผูอื่น หรือ (๒) ยอมใหผูอื่น เอาทรพั ยน นั้ เสีย (๑) เบยี ดบงั เอาทรพั ยน น้ั เปน ของตนหรอื เปน ของผอู น่ื เบยี ดบงั แสดงวา ผกู ระทาํ ตอ งครอบครองทรพั ยน น้ั อยู แลว เอาทรพั ยน น้ั เปน ของตนเสยี เชน เอาไปใชส อย ขายหรอื จาํ นาํ เปน ตน พลตํารวจรับมอบปน และกระสนุ ปน ไปปฏบิ ตั ิราชการ ถือวามหี นาทีต่ อ งรักษาส่ิงเหลา น้นั เมื่อเอาไป จํานําเสีย ก็เปนการเบียดบังเอาทรัพยนัน้ เปน ของตน การเบยี ดบงั กฎหมายมไิ ดจ าํ กดั วา จะตอ งเบยี ดบงั เพอื่ ตนเทา นน้ั แมจ ะเบยี ดบงั เปนของผูอื่นก็ผิด เชน เจาพนักงานตํารวจไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหใชและรักษาปน และกระสุนปน แลวเบียดบงั เอาปน และกระสุนปน นน้ั ไปใหผ อู ืน่ เสีย มาตรา ๑๔๗ แหง ประมวลกฎหมายอาญามขี อ ความวา àºÂÕ ´º§Ñ ·Ã¾Ñ ¹ ¹Ñé ໹š ¢Í§μ¹ËÃÍ× ¢Í§¼ÍŒÙ ¹è× ไมใ ชแ ตเ พยี งเอาทรพั ยน น้ั เปน ประโยชนช วั่ คราวแลว คนื ให เชน เอาทรพั ยข องคนอน่ื ไปจํานําแลวไถคืนมาไมเปนยักยอก แตถาเปนการเอาเงินที่ตนมีหนาที่รักษาไวไปใหผูอ่ืนยืม เปนความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ เพราะกรณีนี้เปนโภคยทรัพยคือเอาเงินไปใหคนอ่ืนยืมเปนการโอน กรรมสทิ ธิ์ จึงเปน การเอาเปน ของตนและของผอู นื่ ไมใ ชเอาไปเปน ประโยชนชวั่ คราว จึงเปนยักยอกได (๒) ยอมใหผ ูอื่นเอาทรัพยน ั้นเสยี มาตรา ๑๔๗ นี้ ยังขยายกวางไปถึงการยอมให ผูอ่ืนเอาทรัพยท ต่ี นมีหนา ทซ่ี ื้อ ทํา จดั การ หรือรกั ษานน้ั ไปดว ย ®¡Õ Ò·èÕ óôñ/òõñò จําเลยเปนพลทหารเรือประจําการมีหนาที่ขับรถยนตของ ราชการทหารเรอื จงึ เปน เจา พนกั งานมหี นา ทจ่ี ดั การ ใชแ ละรกั ษานาํ้ มนั รถทจี่ าํ เลยทาํ หนา ทข่ี บั นนั้ ดว ย การทจ่ี ําเลยยอมใหบ คุ คลอืน่ ดดู เอานา้ํ มนั รถไป เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ กรณีน้ีถา จาํ เลยดดู เอาน้ํามนั รถเปน ของตนเสีย ก็เปน การเบียดบงั เอาเปน ของตน ผดิ ฐานเจา พนักงานยักยอกนเ้ี ชนกัน

๑๖๔ à¨μ¹Ò การเบยี ดบงั ทรัพยห รือยอมใหผ อู น่ื เอาทรพั ยเปนของตน ผกู ระทาํ จะตอง กระทําโดยเจตนา คือเจตนาธรรมดาตามมาตรา ๕๙ â´Â·¨Ø ÃμÔ ความผดิ ฐานเจา พนกั งานยกั ยอกทรพั ย นอกจากผกู ระทาํ จะตอ งมเี จตนา ธรรมดาตามมาตรา ๕๙ แลว จะตอ งมีเจตนาพเิ ศษโดยทจุ ริตดว ย หากผูก ระทําไมม เี จตนาทจุ ริตแลว กไ็ มผดิ ฐานนี้ ®¡Õ Ò·èÕ ñøôõ/òõñ÷ จําเลยเปนเสมียนศาล ไดรับคําสั่งใหทําหนาที่ปลดเผา สํานวน จําเลยเอาแสตมปฤชากรเกาทใ่ี ชแลวซึง่ จะตอ งเผาไปเปนจํานวนมาก แตไ มป รากฏวา จาํ เลยมี เจตนาทุจริต ไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ แตผดิ ตามมาตรา ๑๕๘ ®¡Õ Ò·Õè ô÷ó/òõò÷ สารวตั รใหญสง่ั ใหจ าํ เลยทําหนา ท่ีเกบ็ รักษาเงินประกันตวั ผูตองหาของสถานีตาํ รวจ การที่จําเลยนําเงินดังกลาวไปฝากพี่สาว มิไดนาํ มาเก็บไวในตูนิรภัยของ ทางราชการ หรือหากไมมีตูนิรภัย ควรจะเก็บเงินอยางใด จําเลยก็จะตองขอคาํ สั่งจากผูบังคับบัญชา พฤติการณแสดงวาจาํ เลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเงินน้ันเปนของตนหรือเปนของผูอ่ืน แมจาํ เลยจะนาํ เงินมาคืนในภายหลัง ก็มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๗ ®¡Õ Ò·èÕ òñ÷õ/òõòù จาํ เลยเปน ตาํ รวจ มคี าํ สง่ั กองกาํ กบั การตาํ รวจภธู รทจ่ี าํ เลย สงั กดั กาํ หนดใหจ าํ เลยเปน เจา หนา ทคี่ วบคมุ การกอ สรา งซอ มแซมสถานทรี่ าชการและมหี นา ทจี่ าํ หนา ย แบบแปลนการกอ สรา ง เขยี นใบเสรจ็ รบั เงนิ เสนอรองผกู าํ กบั การตาํ รวจภธู รตน สงั กดั ลงชอื่ เปน ผรู บั เงนิ และนาํ เงนิ ทจ่ี าํ หนา ยแบบแปลนกอ สรา งไดส ง มอบแกส มหุ บ ญั ชกี องกาํ กบั การฯ เพอ่ื สง เปน รายไดข อง แผนดินตอไป จําเลยมิไดนําเงินท่ีจําหนายแบบแปลนการกอสรางไดสงมอบเปนรายไดของแผนดิน ตามระเบียบจนพนักงานตรวจเงินแผนดินตรวจสอบพบและแนะนําใหจําเลยนําเงินดังกลาวสงคลัง จําเลยจงึ ปฏิบัติตาม ดังน้ี ถือไดวาจําเลยละเวน การปฏบิ ตั หิ นาที่และเบยี ดบงั เอาทรัพยด งั กลา วเปนของตน โดยทจุ รติ มีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๗, ๑๕๗, ๑๕๘ แตเมอ่ื การกระทาํ ของจาํ เลยเปน ความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ ซ่ึงเปนบทเฉพาะของมาตรา ๑๕๗ แลว การกระทําน้ันก็ไมเปนความผิดตาม มาตรา ๑๕๗ ซ่งึ เปน บททว่ั ไปอกี กอนจะจบการอธิบายความผิดฐานเจาพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗ ก็มี ขอ สงั เกตอยบู างประการเพราะความผดิ ตามมาตรานใ้ี กลเ คยี งกบั ความผดิ ในมาตราอนื่ ๆ อกี บางมาตรา (๑) ความผดิ ฐานเจา พนกั งานยกั ยอก สว นหนง่ึ เปน การกระทาํ ความผดิ ฐานยกั ยอก ตามมาตรา ๓๕๒ นน่ั เอง ตา งกนั เฉพาะตวั ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ ผกู ระทาํ ผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ จาํ กดั วา จะตอ ง เปน เจาพนกั งานซงึ่ มีหนาทซี่ ้ือ ทํา จัดการหรือรักษาทรพั ยใ ด ฉะน้นั ถา การกระทําไมผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ กอ็ าจผดิ ฐานยักยอกธรรมดาตามมาตรา ๓๕๒ (๒) มาตรา ๑๔๗ กับมาตรา ๑๕๑ เปนกรณีเจาพนกั งานผูมหี นา ทีซ่ ้อื ทาํ จัดการ หรอื รกั ษาทรพั ยใ ด กระทาํ ผดิ ตอ หนา ทท่ี งั้ สองมาตรา แตม ลี กั ษณะตา งกนั คอื ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ เปนเร่ืองเบียดบังตัวทรัพยท่ีอยูในหนาที่ หรืออีกนัยหน่ึงเอาตัวทรัพยท่ีอยูในความครอบครอง

๑๖๕ ไปเปนประโยชน สวนความผิดตามมาตรา ๑๕๑ ผูกระทํามิไดเอาตัวทรัพยที่อยูในหนาที่ไว เปนประโยชนหรือเอาตัวทรัพยนั้นเสีย หากแตอาศัยหนาที่ท่ีตนมีเกี่ยวกับทรัพยอันใดอันหนึ่ง หาประโยชนอ น่ื นอกเหนอื จากการเอาทรัพยนนั้ ไป (๓) การที่เจาพนักงานเบียดบังทรัพยในหนาท่ีโดยทุจริต อันเปนความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ นี้ ก็ถือไดวาเปนกรณีท่ีเจาพนักงานปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ อันเปนความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ดวย แตมาตรา ๑๕๗ น้ี เปนบทท่ัวไป สวนมาตรา ๑๔๗ เปน บทเฉพาะ หากการกระทําเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๗ ซึง่ เปนบทเฉพาะแลว กจ็ ะไมเ ปน ความผิด ตามมาตรา ๑๕๗ ซ่งึ เปน บทท่วั ไปอีก (๔) ระหวา งมาตรา ๑๔๗ กบั มาตรา ๑๕๘ ขอแตกตา งไมไ ดอ ยูทห่ี นา ทีป่ กครอง ดูแลรักษาทรัพย เพราะทั้งสองมาตราน้ี เปนกรณีเจาพนักงานมีหนาท่ีรักษาทรัพย ขอแตกตางคงอยู ท่ีการเบียดบังตามมาตรา ๑๔๗ มีลักษณะเปนการตัดกรรมสิทธิ์ ไมใชเอาไปเสียชั่วคราว แตการเอา ไปเสยี ตามมาตรา ๑๕๘ จะเปน การเอาไปชว่ั คราวหรอื เอาไปเลยกไ็ ด ถา เอาไปเลยกม็ าปรบั เขา ลกั ษณะ เปน การเบยี ดบงั ตามมาตรา ๑๔๗ ซงึ่ เปน บทเฉพาะ นอกจากนนั้ ตามมาตรา ๑๔๗ ตอ งเปน การกระทาํ โดยทุจริต แตม าตรา ๑๕๘ ไมจาํ เปนตองมกี ารกระทาํ โดยทุจรติ ò. 㪌อาํ ¹Ò¨ã¹ตาํ á˹§‹ ¢Á‹ ¢¹× ã¨àÍÒ·ÃѾ ÁÒμÃÒ ñôø “¼ãÙŒ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ãªŒอาํ ¹Ò¨ã¹ตําá˹§‹ â´ÂÁªÔ ͺ ¢‹Á¢×¹ã¨ ËÃÍ× ¨Ù§ã¨à¾×èÍãËŒº¤Ø ¤Åã´ÁͺãËŒ ËÃÍ× ËÒÁÒãË«Œ è§Ö ·Ã¾Ñ ÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´á¡‹μ¹àͧËÃÍ× ¼ÍŒÙ ×è¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μéѧáμ‹ËŒÒ»‚¶Ö§ÂÕèÊÔº»‚ ËÃ×Íจํา¤Ø¡μÅÍ´ªÕÇÔμ áÅлÃѺμéѧáμ‹Ë¹èÖ§áʹºÒ· ¶§Ö ÊáÕè ʹºÒ· ËÃÍ× »ÃÐËÒêÇÕ μÔ ” ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô ÁÕ´§Ñ ¹Õé ๑. เปน เจา พนกั งาน ๒. ใชอ าํ นาจในตําแหนง โดยมิชอบ ๓. ขม ขนื ใจหรือจงู ใจผอู ื่น ๔. เจตนา ๕. เพื่อใหบุคคลใดมอบใหหรือหามาใหซ่ึงทรัพยสิน หรือประโยชนอื่นใดสําหรับ ตนเองหรือผอู ่นื คาํ ͸ԺÒ ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ เจา พนกั งานมคี วามหมายอยา งไรนนั้ ไดอ ธบิ ายไวโ ดยละเอยี ดแลว ฉะนนั้ สาํ หรบั องคประกอบขอน้ีจะไมก ลาวซ้าํ อกี 㪌อํา¹Ò¨ã¹ตําá˹‹§â´ÂÁԪͺ เจาพนักงานก็ยอมมีตําแหนงตางๆ แลวแต กฎหมายจะกําหนดเรยี กช่อื ตําแหนง นน้ั ๆ เชน ผูใ หญบาน กาํ นนั ปลัดอาํ เภอ นายอําเภอ ศกึ ษาธกิ าร หัวหนาฝาย หัวหนากอง เปนตน และแตละตําแหนงก็ยอมมีอํานาจแตกตางกันไปตามประเภทของ

๑๖๖ เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจมีอาํ นาจในการจับกมุ สืบสวน สอบสวนความผดิ อาญา เจาพนักงานศลุ กากร มีอํานาจตรวจคนจับกุมของหนีภาษี เจาพนักงานสรรพากรมีอํานาจตรวจสอบภาษีตามรานคา เจา พนกั งานสรรพสามติ มอี ํานาจตรวจจับสุราเถ่ือนได การใชอ าํ นาจตอ งเปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง ของเจา พนกั งานผนู น้ั เชน ตาํ รวจใช อํานาจในการจับกุม เจาพนักงานสรรพากรใชอํานาจตรวจสอบภาษีรานคา ถาเปนการใชอํานาจ นอกตาํ แหนง หรอื มใิ ชเ ปน การใชอ าํ นาจในตําแหนงของตนแลว กไ็ มผ ิดตามมาตราน้ี เชน ตาํ รวจไป ใชอํานาจตรวจสอบภาษีตามรานคาหรือเจาพนักงานสรรพสามิตจับกุมผูเลนการพนัน เหลาน้ีเปน เร่ืองนอกอํานาจของตํารวจและเจาพนกั งานสรรพสามติ ®Õ¡Ò·èÕ ññù-ñòð/òõñø ล. เปนเลขานุการแขวงมีหนาที่ตรวจสอบภาษี บาํ รงุ ทองที่ วา รายการถกู ตอ งหรือไม แตไมมอี ํานาจเรียกเกบ็ ภาษี ล. พูดจงู ใจใหผ เู สยี ภาษี เสยี ภาษี เกนิ กวา จํานวนท่ตี องเสีย แลวเอาเงนิ สวนเกนิ ไปไว มิใชเ ปน การใชอาํ นาจในตาํ แหนง ®¡Õ Ò·èÕ òöôõ/òõò÷ จําเลยเปนเจาพนักงานพัฒนาชุมชนประจําอําเภอ เปนผูวางโครงการจัดสรางทํานบฝายน้ําลนตามความตองการของราษฎร เพื่อเสนอให พ. สมาชิก สภาผูแทนราษฎรนําไปชี้แจงขอรับเงินจัดสรรจากรัฐบาล การที่จําเลยหลอกลวงเอาเงินราษฎรท่ีเขา รวมประชมุ อา งวา เพ่อื จะนาํ ไปมอบให พ. เปน คา ใชจ ายในการวง่ิ เตน ขอจดั สรรเงินจากทางราชการ และเอาเงินนั้นไวเปนของตน จึงเปนการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗ แตก ารกระทาํ ของจาํ เลยดงั กลา วมไิ ดใ ชอ าํ นาจในตาํ แหนง โดยมชิ อบแมจ ะเปน การจงู ใจใหร าษฎร ทป่ี ระชมุ มอบเงินหรอื ทรพั ยส นิ ใหแ กจ าํ เลย กไ็ มเ ปนความผดิ ตามมาตรา ๑๔๘ ความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ข้ันตนจะตองเปนการใชอํานาจในตําแหนงกอน เม่ือ เปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง แลว ตอ งเปน การใชโ ดยมชิ อบดว ย กลา วอกี นยั หนงึ่ คอื เปน การใชอ าํ นาจ ในขอบเขตตาํ แหนง ของตน แตใ ชโ ดยมชิ อบ หรอื ใชไ ปในทางทผ่ี ดิ เชน ตาํ รวจยอ มมอี าํ นาจโดยตาํ แหนง ทจ่ี ะจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ การจบั กมุ จงึ เปน การใชอ าํ นาจในตาํ แหนง แตถ า แกลง จบั ผทู ม่ี ไิ ดก ระทาํ ผดิ ก็เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ตัวอยางตํารวจจับกุมผูอ่ืนในขอหาขายสลากกินรวบ โดยปราศจากหลักฐานหรือเหตุผลท่ีควรจับได หรือแกลงจับเขาหาวาเลนสลากกินรวบ หรือจับแร ทมี่ ผี ขู นมาโดยชอบดวยกฎหมายมหี นงั สอื กํากับนาํ แรเคลอ่ื นทมี่ าดวย เหลา นถี้ อื วา เปน การใชอ ํานาจ ในตําแหนงโดยมิชอบท่ตี ํารวจมีอยใู นการจบั กุม ®¡Õ Ò·èÕ óøöñ/òõòø มผี ไู ปแจง วา ผเู สยี หายลกั โค สารวตั รใหญใ หจ าํ เลยซง่ึ เปน ตาํ รวจไปจบั ผเู สยี หาย ผเู สยี หายวา ซอ้ื มา เอาสญั ญาซอื้ ขายใหด ู จาํ เลยไมย อมดพู ดู วา โคอยทู ใ่ี ครกจ็ ะ จบั คนนน้ั ถา ไมใ หจ บั ตอ งเอาเงนิ มาให ผเู สยี หายกลวั จงึ มอบเงนิ ใหจ าํ เลยไป ดงั น้ี เปน การใชอ าํ นาจใน ตาํ แหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหผ เู สยี หายยอมมอบใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ โดยขเู ขญ็ วา จะจบั กมุ ผเู สยี หายฐานลกั ทรพั ย หรือรับของโจร อันไมเปนความจริง และผูเสียหายเกรงกลัวยอมมอบทรัพยใหจําเลยตามท่ีเรียกรอง จาํ เลยมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘, ๓๓๗ ลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ อันเปนบทหนัก

๑๖๗ ®Õ¡Ò·èÕ óö÷ù/òõòù นายตรวจสรรพสามติ เมอ่ื ไดร บั คาํ สง่ั ใหไ ปตรวจเขตหนง่ึ แลว แมไ ปตรวจอกี เขตหนงึ่ กเ็ ปน การปฏบิ ตั ริ าชการเชน กนั เพยี งแตเ ปน การปฏบิ ตั นิ อกเหนอื คาํ สง่ั การตรวจ รานคาสุรามิใชการปฏิบัติหนาที่ในสถานที่ราชการซึ่งโดยปกติจะกระทําในระหวางเวลาราชการ ทงั้ ไมป รากฏวา มขี อ จาํ กดั วา จะตอ งปฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี ฉพาะในเวลาราชการเทา นน้ั เมอ่ื ไปตรวจทร่ี า นคา ของ ผเู สยี หาย เวลา ๑๗.๐๐ น. และเรียกผเู สียหายไปบอกวาสรุ าของผเู สียหายไมคอ ยดี ซ่งึ หมายความวา ไมถ กู ตอ งตามกฎหมาย และจะจบั สรุ าไปนน้ั กต็ อ งถอื วา เปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั ิ หนา ที่ และเมอ่ื เรยี กรอ งใหผ เู สยี หายจา ยเงนิ เปน คา ตอบแทนเพอ่ื จะไมจ บั ทงั้ ทไี่ มป รากฏวา ผเู สยี หาย ทําผิดกฎหมายอยางไร จึงเปนการใชอํานาจในตําแหนงหนาที่โดยมิชอบ อันเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘ สว นจําเลยอน่ื ซึง่ มไิ ดเปน เจา พนักงาน เปน เพียงพนักงานของบรษิ ัทสุราแตไ ดรว ม ในการกระทาํ ดงั กลา ว มคี วามผดิ ฐานเปน ผสู นบั สนุนอนั เปน ความผิดตามมาตรา ๑๔๘ ประกอบดว ย มาตรา ๘๖ การท่ีผูเสียหายซึ่งเปนเจาของรานคาสุราใหเงินแกพวกจําเลยก็ดวยความกลัวที่เกิดจาก การถกู พวกจาํ เลยขเู ขญ็ วา จะจบั สรุ า การกระทาํ ของพวกจาํ เลยจงึ เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๓๓๗ ดว ย ตองลงโทษตามมาตรา ๑๔๘ ซึ่งเปน บทหนกั ทีส่ ดุ แตถาตํารวจจับกุมผูท่ีกระทําผิดจริงๆ ก็เปนการใชอํานาจในตําแหนงโดยชอบ มใิ ชโ ดยมชิ อบ แมภ ายหลงั จะเรยี กเงนิ ทองกไ็ มผ ดิ ตามมาตราน้ี แตอ าจจะผดิ ฐานอน่ื เชน ตาํ รวจจราจร จับกุมผูขับรถยนตฝาฝนกฎจราจรแลวเรียกเอาเงิน ไมผิดตามมาตรา ๑๔๘ เพราะมิไดใชอํานาจใน ตําแหนง โดยมชิ อบ แตจ ะผดิ ตามมาตรา ๑๔๙ ฐานเจา พนกั งานเรียกสินบน ¢‹Á¢×¹ã¨ËÃ×ͨ٧㨼ٌÍè×¹ การท่ีเจาพนักงานใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ดังกลาวมาแลว จะตองเปน การใชโดยมิชอบขม ขืนใจหรอื จูงใจผอู น่ื ¢Á‹ ¢×¹ã¨ กค็ ือบงั คับใหเขากระทาํ อยางใดอยา งหนง่ึ โดยเขาไมเตม็ ใจ สว น ¨§Ù 㨠ก็เปนการโนม นา วหรือชกั นาํ ใหเ ขากระทําการขมขืนใจ หรือจูงใจตองกระทําเพื่อใหบรรลุตามมูลเหตุชักจูงใจของผูขมขืน คือ เพ่ือใหยอมใหหรือหามาให ซึ่งทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใด ความผิดตามมาตรานี้ มิใชวาจะตองมีการขมขืนใจแตประการเดียว เพยี งแตม กี ารจงู ใจกเ็ ปน ความผดิ เหมอื นกนั และ ໹š ¤ÇÒÁ¼´Ô สาํ àèç àÁÍ×è ä´ทŒ าํ ¡ÒâÁ‹ ¢¹× ã¨ËÃÍ× ¨§Ù 㨠ไมจ าํ เปน วาผถู ูกขม ขนื ใจหรือจงู ใจจะมอบใหห รอื หาประโยชนม าใหแ ลว à¨μ¹Ò การใชอํานาจในตําแหนงโดยมิชอบ ขมขืนใจหรือจูงใจผูอื่นน้ันผูกระทํา จะตอ งมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ à¾×èÍãËŒºØ¤¤Åã´ÁͺãËŒËÃ×ÍËÒÁÒãËŒ«Öè§·ÃѾÊÔ¹ ËÃ×Í»ÃÐ⪹Í×è¹ã´สําËÃѺ μ¹àͧËÃÍ× ¼ŒÍÙ ¹×è นอกจากจะมีเจตนาแลว ผกู ระทาํ ยังตองมมี ลู เหตชุ กั จูงใจ คอื เพือ่ ใหบุคคลมอบให หรอื หามาใหซ งึ่ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใดสาํ หรบั ตนเองหรอื ผอู นื่ มลู เหตชุ กั จงู ใจในการกระทาํ มไิ ด จาํ กดั เฉพาะทรพั ยส นิ เงนิ ทอง แตร วมถงึ ประโยชนอ น่ื ๆ ทม่ี ใิ ชท รพั ยส นิ ดว ย เชน ใหโ ดยสารรถประจาํ ทาง โดยไมตองเสียคาโดยสาร ใหใชหองพักโรงแรมโดยไมเสียคาเชา เปนตน และการเรียกทรัพยสินหรือ ประโยชนน จ้ี ะเรยี กเพอื่ ตนเองหรอื เรยี กเพอื่ ผอู นื่ กไ็ ด เพยี งแตผ กู ระทาํ ผดิ มมี ลู เหตชุ กั จงู ใจตามทก่ี ลา วนี้ กเ็ ปน ความผดิ สาํ เรจ็ แลว จะเกดิ ผลขนึ้ ตามมลู เหตชุ กั จงู ใจหรอื ไมไ มส าํ คญั แมผ ถู กู ขม ขนื ใจหรอื ถกู จงู ใจ จะไมย อมตามน้นั หรอื ยงั มิไดมอบทรพั ยใ หก ต็ าม

๑๖๘ ®Õ¡Ò·èÕ ò÷øö/òõòù ฟองโจทกบรรยายวา จําเลยกับพวกไดบังอาจรวมกัน ใชอํานาจในตําแหนงหนาที่โดยมิชอบ ขมขืนใจ กรรโชก ใหผูเสียหายมอบเน้ือกระบือชําแหละแลว ๑๔๐ กก. ใหแกจําเลยกับพวก มิฉะน้ันจําเลยกับพวกจะยึดเน้ือกระบือชําแหละแลว ๕๐๐ กก. ไปตรวจสอบอันจะเปนเหตุใหเน้ือเสียหายและจะจับกุมผูเสียหายกับพวกทําใหปราศจากเสรีภาพ ผูเสยี หายกับพวกจงึ ไดย อมมอบเน้อื ๑๔๐ กก. ใหจ ําเลยกบั พวกไป ดงั นี้ ฟองไดบรรยายขอเท็จจรงิ ท่ี เปนการกระทําของจําเลยตอผูเสียหายครบถวนในลักษณะความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๘ และ มาตรา ๓๓๗ ทีข่ อใหลงโทษแลวท้ังบทบัญญตั ิ ๒ มาตราดังกลา วก็ไมไ ดร ะบุองคป ระกอบความผดิ วา ผกู ระทําตองมีเจตนาทุจรติ ฟอ งชอบดว ยกฎหมาย ®Õ¡Ò·Õè óùõó/òõóð จําเลยเปนขาราชการพลเรือนสังกัดมหาวิทยาลัย ร. มีหนาท่ี ปฏิบัติงานชางเขียนแบบและปฏิบัติหนาท่ีอ่ืนตามท่ีไดรับมอบหมาย จําเลยไดรับแตงต้ังจาก มหาวทิ ยาลยั ใหม หี นา ทค่ี วบคมุ และตรวจงานกอ สรา งทพี่ กั สาํ หรบั นกั ศกึ ษา แลว รายงานผลใหป ระธาน กรรมการตรวจการจางทราบ ซ่ึงจําเลยอาจรายงานในทางใหคุณหรือใหโทษ โดยเก่ียงงอนวางาน งวดสุดทายที่จําเลยเรียกรองเงินจาก พ . ตัวแทนของผูรับจางในการที่จําเลยจะลงนามตรวจผาน ใหนน้ั ยังไมแลวเสร็จบรบิ ูรณตามสัญญาจา งได จงึ ถือไดวา จําเลยใชอาํ นาจในตําแหนง โดยมชิ อบ จูงใจเพื่อให พ. ใหเงินดังกลาวแกจําเลย อันเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๘ แลว แมจําเลย จะอางวาเรียกรองใหผูอ่ืนและไดมีการสงมอบเงินใหจําเลยหลังจากที่คณะกรรมการตรวจการจาง ตรวจรับงานไวแลว กต็ าม ®Õ¡Ò·èÕ ñðøô/òõóö จาํ เลยเปน เจา พนกั งานยศสบิ ตาํ รวจเอกไดพ ดู กบั โจทกร ว มวา รานของโจทกรวมเปนเจามือหวยเถ่ือน อยางน้ีตองมีผลประโยชนและใหเอาเงินใสซองมาใหบาง ถา ไมใ หจ ะตาม สวป.มาดาํ เนนิ การจบั กมุ เมอ่ื โจทกร ว มไมใ หเ งนิ จาํ เลยจงึ ไปแจง เหตตุ อ สารวตั รปกครอง และปอ งกนั วา พวกในตลาดกาํ ลงั เลน การพนนั สลากกนิ รวบขอใหไ ปทาํ การจบั กมุ ตามทจ่ี าํ เลยขโู จทกร ว ม แตปรากฏวาไมมีการเลนแตอยางใดถือไดวาจําเลยมีเจตนาจูงใจเพ่ือใหโจทกรวมจายเงินให โดยใช อํานาจในตําแหนง โดยมชิ อบ มีความผดิ ตาม ป.อ. ม.๑๔๘ ®Õ¡Ò·èÕ ñöö/òõô÷ เม่อื ผลการตรวจคน ตัว ว. ไมพบสิง่ ของผดิ กฎหมาย จึงไมมี เหตอุ นั ควรสงสัยวา ว. ไดก ระทําความผดิ ฐานมียาเสพติดใหโทษไวในครอบครองตอไปอกี จําเลยที่ ๑ ซ่ึงเปนเจาพนักงานตํารวจไมมีอํานาจจับกุม ว. สมควรท่ีจําเลยที่ ๑ จะตองปลอยตัว ว. ไป การที่ จาํ เลยท่ี ๑ ยงั จบั กมุ ว. จากศาลาทา นา้ํ นาํ ตวั ไปไวท ส่ี ะพานขา มคลองแสนแสบจงึ เปน การปฏบิ ตั หิ นา ที่ โดยมิชอบ ó. àÃÕ¡ ÃѺ ËÃÍ× ÂÍÁÃºÑ ¨ÐÃºÑ ÊÔ¹º¹ ÁÒμÃÒ ñôù ¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ºÔ ÞÑ ÞμÑ áÔ Ë§‹ Ã°Ñ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¨§Ñ ËÇ´Ñ ËÃ×ÍÊÁÒªÔ¡ÊÀÒà·ÈºÒÅ àÃÂÕ ¡ ÃºÑ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ ËÃÍ× »ÃÐ⪹͏ è¹× ã´สาํ ËÃѺμ¹àͧËÃ×Í ¼ÙŒÍ×è¹â´ÂÁԪͺ à¾×èÍ¡ÃÐทํา¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧã´ã¹ตําá˹‹§äÁ‹Ç‹Ò¡ÒùÑ鹨ЪͺËÃ×Í

๑๖๙ ÁԪͺ´ŒÇÂ˹ŒÒ·Õè μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡μéѧáμ‹ËŒÒ»‚¶Ö§ÂèÕÊÔº»‚ ËÃ×Íจํา¤Ø¡μÅÍ´ªÕÇÔμáÅлÃѺμéѧáμ‹ Ë¹èÖ§áʹºÒ·¶§Ö ÊÕèáʹºÒ· ËÃÍ× »ÃÐËÒêÇÕ Ôμ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé ๑. เปน เจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล ๒. เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอื่นใดสําหรับตนเองหรือผูอ่ืน โดยมิชอบ ๓. เจตนา เพ่ือกระทําการหรือไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการนั้นจะชอบ หรือไมช อบดวยหนาที่ คาํ ͸ºÔ Ò ໹š ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ ÊÁÒª¡Ô ÊÀÒ¹μÔ ÔºÑÞÞÑμáÔ Ë‹§Ã°Ñ ÊÁÒªÔ¡ÊÀҨѧËÇ´Ñ ËÃÍ× ÊÁÒªÔ¡ ÊÀÒà·ÈºÒÅ มาตรานบี้ ญั ญตั เิ พิม่ ตัวบคุ คลผกู ระทาํ ผดิ นอกเหนอื จากเจา พนักงานคอื รวมถึง สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจงั หวดั และสมาชกิ สภาเทศบาลดว ย ความจรงิ บคุ คลในตาํ แหนง ดงั กลา ว ไมมฐี านะเปนเจาพนกั งาน แตโ ดยเหตุทบ่ี ุคคลเหลา น้อี ยใู นตาํ แหนง สาํ คญั เปน ผูท ํางานเพ่อื สว นรวม หากรับสินบนก็ยอมกอใหเกิดความเสียหายตอสาธารณะไดเชนเดียวกับเจาพนักงาน กฎหมายจึง บัญญัติเอาผิดดวย แตไมขยายไปถึงสมาชิกสุขาภิบาล หรือสมาชิกสภาตําบลเพราะกฎหมายจํากัด เฉพาะสมาชิก ๓ ประเภทเทาน้ัน ®¡Õ Ò·èÕ òòòø/òõóð จาํ เลยเปน พนกั งานเทศบาลตาํ แหนง หวั หนา ฝา ยการศกึ ษา มหี นาทเ่ี กย่ี วกับการบริหารงานบคุ คล เชน การสอบบรรจุ แตงตัง้ เลอ่ื นชั้นครูและนักการภารโรงของ โรงเรียนในสังกัดเทศบาล มีฐานะเปนเจาพนักงานตามความหมายแหงประมวลกฎหมายอาญา ดงั บญั ญตั ไิ วใ นพระราชบญั ญตั เิ ทศบาล พ.ศ.๒๔๙๖ มาตรา ๔๔ เมอ่ื นายกเทศมนตรแี ตง ตงั้ จาํ เลยเปน กรรมการและเลขานกุ ารดาํ เนนิ การคดั เลอื กนกั การภารโรง เปน การแตง ตง้ั จาํ เลยซง่ึ เปน เจา พนกั งานอยแู ลว ใหปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยท่ีวางไวอีกช้ันหนึ่ง หาไดหมายความวากอนหนานั้น จาํ เลยไมไ ดม ฐี านะเปน เจา พนกั งานไม เมอ่ื จาํ เลยเรยี กเงนิ จากผเู สยี หายเพอ่ื จะไดใ ชอ าํ นาจหนา ทชี่ ว ยให ผเู สยี หายไดร บั บรรจุเขาทํางานตาํ แหนงนกั การภารโรง จึงมคี วามผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙ ความผดิ ฐานเปนเจาพนักงานเรยี กและรับทรพั ยส นิ โดยไมช อบตามมาตรา ๑๔๙ แหง ประมวลกฎหมายอาญา มใิ ชค วามผิดอนั ยอมความได แมไ มมีคาํ รอ งทุกข พนกั งานสอบสวนก็มีอาํ นาจสอบสวน และพนักงาน อยั การกม็ อี ํานาจฟองคดีได àÃÕ¡ ÃѺ ËÃ×ÍÂÍÁ¨ÐÃѺ·ÃѾÊÔ¹ËÃ×Í»ÃÐ⪹Íè×¹ã´สําËÃѺμ¹àͧËÃ×ͼٌÍè×¹ â´ÂÁªÔ ͺ องคป ระกอบขอนเี้ ปนองคป ระกอบสว นการกระทาํ (๑) เรยี ก หมายถึง เรยี กเอาทรัพยส นิ หรือประโยชนอ่นื ใด “ทรัพยส นิ ” อาจจะเปน เงินทอง สวน “ประโยชน” หมายรวมถึงประโยชนทุกชนิดจะเปนประโยชนในทางทรัพยสินหรือมิใช

๑๗๐ ทรัพยสินก็ได เชน รับทํางานให หรือยอมใหรวมประเวณี เปนตน การเรียกทรัพยสินหรือประโยชน อาจจะทาํ โดยวาจา หรอื วธิ อี น่ื เชน สมาชกิ สภาเทศบาลเขยี นจดหมายถงึ บ.ใหช ว ยปลดเปลอ้ื งหนส้ี นิ ให ก็เปนการเรียกทรัพยสินเหมือนกัน และเพียงแตเรียกแมจะยังไมไดทรัพยหรือประโยชนตามที่เรียก กเ็ ปน ความผดิ สําเร็จแลว (๒) รบั หมายถึง เอาไวซ ่ึงทรัพยสนิ หรอื ประโยชนอ่นื ใดที่ผูอืน่ มอบหรือยอมให (๓) ยอมจะรบั หมายถงึ ตกลงทจี่ ะเอาไวห รอื รบั ไวซ ง่ึ ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนอ น่ื ใด ในอนาคต การเรียก รับ หรือยอมจะรับนี้ จะตองเปนการกระทําโดยมิชอบ คือไมมีอํานาจ โดยชอบดว ยกฎหมาย กฎ ขอ บงั คบั หรอื ระเบยี บแบบแผน ทจ่ี ะเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชนเ ชน นนั้ ได และการเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั นี้ จะกระทาํ สาํ หรบั ตนเองหรอื สาํ หรบั ผอู นื่ กผ็ ดิ ทง้ั สน้ิ à¨μ¹Ò การเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสินหรือประโยชนอ่ืนใด ผูกระทําตอง กระทําโดยเจตนาตามมาตรา ๕๙ à¾×èÍ¡ÃзíÒ¡ÒÃËÃ×ÍäÁ‹¡ÃÐทํา¡ÒÃÍ‹ҧã´ã¹ตําá˹‹§äÁ‹Ç‹Ò¡Òùéѹ¨ÐªÍºËÃ×Í äÁ‹ªÍº´ŒÇÂ˹ŒÒ·Õè องคประกอบน้ีเปนมูลเหตุชักจูงใจหรือเจตนาพิเศษของการกระทํา คือนอกจาก ผกู ระทาํ ผดิ จะตอ งมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ แลว กจ็ ะตอ งมเี จตนาพเิ ศษขอ นด้ี ว ย จงึ จะผดิ ตามมาตราน้ี และเม่ือองคประกอบนีเ้ ปน เพยี งมูลเหตชุ ักจูงใจก็ไมจ าํ เปน วา จะไดม กี ารกระทําหรือไม กระทําการใน ตาํ แหนง ตามมลู เหตชุ กั จงู ใจนนั้ หรอื ไม มลู เหตชุ กั จงู ใจนอี้ าจแยกไดเ ปน ๒ ประการ คอื (๑) เพอ่ื กระทาํ การอยา งใดในตาํ แหนง ไมว า การนนั้ จะชอบหรอื ไมช อบดว ยหนา ท่ี หรอื (๒) เพอื่ ไมก ระทาํ การอยา งใด ในตาํ แหนงไมว า การนัน้ จะชอบหรอื ไมชอบดวยหนา ที่ (๑) เพอื่ กระทาํ การอยา งใดในตาํ แหนง ไมว า การนน้ั จะชอบหรอื ไมช อบดว ยหนา ท่ี คือ ผูก ระทํามคี วามมงุ หมายหรือตงั้ ใจจะกระทําการอยา งใดในตําแหนง หนา ทข่ี องตน สวนการทีต่ ้งั ใจ กระทาํ นัน้ จะชอบหรอื ไมชอบดวยหนาท่ี ไมใ ชขอสาํ คญั เชน เจา อาวาสเรยี กเงนิ สินบนในการใหเชา ทีข่ องวัด แตถ า ผกู ระทาํ ไมม คี วามมงุ หมายเชน นี้ หรอื เปน การกระทาํ ทอ่ี ยนู อกขอบเขตอาํ นาจ หนาที่ กไ็ มผดิ ตามมาตรานี้ ®¡Õ Ò·Õè ñöõñ/òõóò จําเลยไดน ําหนงั สอื มอบอํานาจของผชู ว ยหวั หนา เขตซงึ่ มถี งึ สารวตั รใหญส ถานตี าํ รวจนครบาลขอใหด ําเนนิ คดแี ก ม. ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๗๐ ไปแจง ความและมอบหนงั สอื มอบอาํ นาจใหแ กพ นกั งานสอบสวนแลว จําเลยยอ มหมดหนา ท่ี การที่จําเลยเรียกและรับเงินจาก ม. และแกไขเอกสารดังกลาวในภายหลังเปนการกระทํานอก ตําแหนงหนาท่ีราชการ มิใชในฐานะเปนเจาพนักงาน มีหนาท่ีตองปฏิบัติหรือละเวนหนาที่โดยมิชอบ จําเลยจึงไมมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙ (๒) เพื่อไมกระทําการอยางใดในตําแหนงไมวาการน้ันจะชอบหรือไมชอบดวย หนา ที่ มลู เหตชุ กั จงู ใจนเ้ี ปน เรอ่ื งละเวน ไมก ระทาํ การในตําแหนง เชน ถา บคุ คลทถ่ี กู จบั ไดก ระทาํ ผดิ และ

๑๗๑ เจา พนกั งานไดจ บั กมุ โดยชอบตามอํานาจหนา ทใ่ี นตําแหนง แลว เรยี กหรอื รบั เงนิ จากผนู น้ั แลว ปลอ ยตวั ไป หรือตํารวจพบกัญชาที่ ว. แตเรียกเอาเงินจาก ว. เพ่ือไมจับดําเนินคดี หรือตาํ รวจจราจรมีหนาที่ ตรวจรถบรรทกุ วา บรรทกุ นา้ํ หนกั เกนิ หรอื ไม แตก ลบั เรยี กเอาเงนิ จากคนขบั รถ เพอื่ ไมต รวจรถตามหนา ท่ี ถือวาเปนความผิดตามมาตรา ๑๔๙ และเม่ือเปนความผิดสาํ เร็จแลว แมจะมีการกลับกระทาํ การ โดยชอบดว ยหนาทีใ่ นภายหลงั กไ็ มเ ปน การพยายามกระทาํ ความผดิ ®Õ¡Ò·Õè ñòöó/òõóò กรงุ เทพมหานครไดม คี าํ สง่ั แตง ตงั้ ใหเ จา พนกั งานจดั เกบ็ รายได ระดับ ๓ ขึ้นไปและเจาหนาที่จัดเก็บรายไดระดับ ๔ ขึ้นไป เปนพนักงานเจาหนาท่ีและพนักงานเก็บ ภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและท่ีดินฯ จําเลยเปนขาราชการตําแหนงเจาหนาที่จัดเก็บรายได ๓ งานรายได โดยมหี นา ท่รี ับแบบตรวจสอบรายการสถานที่ กําหนดคา รายปเสนอหวั หนา งาน พจิ ารณา สง่ั การตามคําสง่ั หวั หนา เขต จาํ เลยจงึ เปน เจา พนกั งานมหี นา ทด่ี ําเนนิ การจดั เกบ็ ภาษโี รงเรอื น และทด่ี นิ จําเลยจะเปนพนักงานเจาหนาท่ีเพ่ือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ ตามคําส่ัง กรงุ เทพมหานครหรอื ไมม ใิ ชส าระสาํ คญั การทจี่ ําเลยเรยี กเงนิ จากผเู สยี หายเพอื่ จะทําใหผ เู สยี หายเสยี ภาษี โรงเรือนและท่ีดินนอยกวาท่ีควรจะตองเสีย จึงเปนการกระทําเพื่อกระทําการหรือไมกระทาํ การ อยา งใดในตําแหนง อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๔๙ สําหรบั ความผดิ ตามมาตรา ๑๔๙ นี้ มขี อ สังเกตคือความผดิ ฐานนี้บางทกี เ็ รียกวา ฐานรบั สนิ บน หรอื เจา พนกั งานรบั สนิ บน ถา ราษฎรใหส นิ บนเจา พนกั งานเพอื่ ทําการอนั มชิ อบดว ยหนา ท่ี ผูใหสินบนมีความผิดตามมาตรา ๑๔๔ เจาพนักงานผิดตามมาตรา ๑๔๙ และราษฎรไมมีความผิด ฐานสนับสนนุ เจาพนักงานอีก ô. »¯ÔºμÑ ÔËÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ ÑμÔ˹Ҍ ·Õâè ´ÂÁªÔ ͺËÃ×Íâ´Â·¨Ø ÃÔμ ÁÒμÃÒ ñõ÷ ¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ »¯ºÔ μÑ ËÔ ÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ËÔ ¹ÒŒ ·âÕè ´ÂÁªÔ ͺ à¾Íè× ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ٌ˹èÖ§¼ŒÙã´ ËÃ×Í»¯ÔºÑμËÔ Ã×ÍÅÐàǹŒ ¡Òû¯ÔºμÑ ËÔ ¹ÒŒ ·èâÕ ´Â·Ø¨ÃμÔ μÍŒ §ÃÐÇÒ§ â·Éจาํ ¤Ø¡ μѧé áμË‹ ¹§èÖ »¶‚ Ö§ÊÔº»‚ ËÃ×Í»ÃѺμé§Ñ áμÊ‹ ͧËÁè¹× ºÒ·¶§Ö ÊͧáʹºÒ· ËÃÍ× ·éѧจํา·éѧ»ÃѺ มาตรานบ้ี ัญญัตกิ ารกระทําอนั เปน ความผดิ ๒ ความผดิ คือ ความผดิ แรกเปนเรอื่ ง การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ และความผิดท่ีสองเปนเร่ืองการปฏิบัติหรือละเวน การปฏบิ ตั ิหนาท่ีโดยทุจริต ¤ÇÒÁ¼Ô´áá มอี งคประกอบของความผิดดงั น้ี ๑. เปนเจา พนักงาน ๒. ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏิบตั ิหนาท่โี ดยมิชอบ ๓. เจตนา ๔. เพอื่ ใหเ กิดความเสยี หายแกผ หู น่งึ ผูใด คาํ ͸ºÔ Ò ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ความผดิ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ หรือโดยทจุ รติ เพ่อื ใหเ กิดความเสยี หายแกผ หู นงึ่ ผูใ ด ผกู ระทําจะตองมฐี านะเปนเจา พนกั งาน

๑๗๒ »¯ºÔ μÑ ËÔ ÃÍ× ÅÐàǹŒ ¡Òû¯ºÔ μÑ ËÔ ¹ÒŒ ·âÕè ´ÂÁªÔ ͺ บทบญั ญตั ใิ นมาตรานเ้ี ปน การควบคมุ ทวั่ ไป หรอื เรยี กวา บททวั่ ไป คอื เอาผดิ แกเ จา พนกั งานทกุ คนทกุ ประเภท และไมจ าํ กดั วา จะตอ งมหี นา ท่ี โดยเฉพาะเจาะจงแตป ระการใด ฉะนน้ั หากเปน เจา พนกั งาน เมอื่ การกระทาํ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั หนา ทไี่ มเ ปน ความผิดตามมาตราตางๆ ที่เปนบทเฉพาะซึ่งระบุหนาที่ของเจาพนักงานโดยเฉพาะเจาะจงแลว กอ็ าจผดิ ตามมาตรานซ้ี ง่ึ เปน บททวั่ ไปได แตถ า การกระทาํ เปน ความผดิ ตามบทเฉพาะแลว กไ็ มผ ดิ ตาม บทท่ัวไปในมาตรา ๑๕๗ น้อี ีก สาํ หรบั ลกั ษณะของการกระทาํ อนั เปน ความผดิ กฎหมายกม็ ไิ ดบ ญั ญตั ไิ วโ ดยเฉพาะ เจาะจง ฉะนั้น จะปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาท่ีประการใดก็อาจเปนความผิดได แตการปฏิบัติ หรือละเวนการปฏิบัตินั้นจะตองอยูในหนาที่ ซึ่งหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นตองเปนหนาที่โดยตรง ตามที่กฎหมายบัญญัติไวหรือไดรับมอบหมายใหมีหนาที่นั้นๆ เทาน้ันและตองเปนการปฏิบัติหรือ ละเวนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบ ถาการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติดังกลาวไมอยูในหนาท่ีโดยตรง แมจะปฏิบัติโดยมิชอบก็ไมผิด เชน ตํารวจจับเจามือสลากกินรวบ แลวกระทํามิดีมิรายตอผูตองหา ทางชูสาว หรือจับผูตองหาฐานมีของผิดกฎหมายไวในครอบครอง แลวทํารายผูตองหาภายหลัง เจา พนกั งานตาํ รวจเบกิ ความ เปน พยาน การทาํ มดิ มี ริ า ยทางชสู าวหรอื การทาํ รา ยผตู อ งหาหรอื การเบกิ ความ ของเจา พนกั งานตาํ รวจทั้งสามกรณี ถอื วา ไมอ ยใู นหนาทข่ี องเจาพนักงาน จึงไมผ ิดตามมาตรา ๑๕๗ แมการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัตินั้นจะอยูในหนาที่ แตไดกระทําไปโดยชอบ หรือโดยสุจริตก็ไมผิด เชน นายอําเภอสั่งปลัดอําเภอจับผูอื่นหาวากระทําผิด แตส่ังเพราะสาเหตุ โกรธเคอื งกนั เปน สว นตวั ปลดั อาํ เภอไมท ราบเหตสุ ว นตวั ของนายอาํ เภอจงึ จบั ผนู น้ั ตามคาํ สง่ั โดยสจุ รติ ไมผ ดิ ตามมาตราน้ี หรอื ตาํ รวจจบั คนเมาสรุ าเอะอะอาละวาดขงั ไว ๑ คนื เพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย และทรัพยส ินของทางราชการ ไมเ ปนการปฏบิ ตั หิ นาทีโ่ ดยมิชอบ การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบนี้ หมายความวา มชิ อบดว ยหนา ที่ ของเจาพนักงานผูน้ันไมถึงกับผิดกฎหมาย และไมจําเปนตองเปนเรื่องกลั่นแกลง เชน จับเจามือ สลากกินรวบเปนผูหญิง แลวใสกุญแจมือเพ่ือใหเกิดความอับอายและปรามผูอ่ืน ละเวนไมจับ คนรา ยลกั ทรพั ย และขพู ยานไมใ หย นื ยนั วา รเู หน็ เหตกุ ารณ เจา พนกั งานซง่ึ ไดร บั แตง ตง้ั เปน ผตู รวจงาน ทาํ บนั ทกึ รบั งานวา ถกู ตอ ง ซงึ่ ความจรงิ ใชเ หลก็ ไมถ กู ตอ ง เจา พนกั งานไดร บั แตง ตงั้ เปน กรรมการตรวจ การจางการกอสรางบานพักครูทําหลักฐานใบตรวจรับงานจางเหมาแจงวาไดกอสรางบานพักครู แลว เสรจ็ ตามสญั ญาจา งทง้ั ๆ ทเ่ี ปน ความเทจ็ โดยงานยงั ไมแ ลว เสรจ็ เปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๖๒ (๔) และ เปนเหตุใหมีการเบิกจายเงินคาจางเหมากอสรางไปจึงเปนการปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบเปนเหตุให องคการบรหิ ารสวนจังหวัดไดรบั ความเสยี หายมคี วามผดิ ตามมาตรา ๑๕๗ ดวย ตํารวจควบคมุ ผูตอ ง กกั ขงั ตามคาํ สง่ั นายตาํ รวจปลอ ยผตู อ งกกั ขงั และเปลยี่ นตวั ผอู น่ื แทน เจา พนกั งานทดี่ นิ บนั ทกึ ในคาํ ขอ รับรองการทําประโยชนวาลักษณะของดินเหมาะแกการทํานาปลูกขาวซ่ึงไมเปนความจริง พนักงาน สอบสวนหนวงเหนี่ยวการประกันตัวผูตองหาใหดําเนินไปอยางเชื่องชา เหลาน้ีถือเปนความผิดตาม

๑๗๓ มาตรา ๑๕๗ แตการที่เจาอาวาสทําการสอบสวนพระภิกษุซึ่งถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัย โดยไม ปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ งตามพระธรรมวนิ ยั ระเบยี บขอ บงั คบั และกฎของมหาเถรสมาคมยงั ไมเ ปน ความผดิ ตาม มาตรานี้ à¨μ¹Ò เจา พนกั งานซง่ึ ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบนนั้ ตอ งมเี จตนา ตามมาตรา ๕๙ ®Õ¡Ò·Õè óöô/òõóñ ปกติการทํารายรางกายไมเก่ียวกับตําแหนงหนาท่ีของ เจาหนาท่ีตํารวจ การท่ีจําเลยเปนเจาพนักงานตํารวจจับโจทกขอหาวิ่งราวทรัพย แลวทํารายรางกายโจทก โดยเจตนาทาํ รา ยธรรมดา มใิ ชเ พอื่ ประสงคจ ะใหเ กดิ ผลอนั ใดในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี เพราะจาํ เลย จับโจทกไดแลว และจําเลยมิใชพนักงานสอบสวนท่ีทํารายโจทกเพ่ือประสงคจะใหโจทกรับสารภาพ กรณีจึงมิใชเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบเพ่ือใหเกิดความเสียหายแกโจทกตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ เมือ่ โจทกไดร บั อนั ตรายแกกายจากการกระทําของจําเลย จําเลยมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๙๕ à¾×Íè ãËàŒ ¡´Ô ¤ÇÒÁàÊÕÂËÒÂ᡼‹ ÙËŒ ¹èÖ§¼Ù㌠´ เปน มูลเหตชุ กั จงู ใจในการกระทํา คือตอง กระทาํ โดยมงุ หมายทจ่ี ะใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ ถา เปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบแตม ไิ ด กระทาํ เพือ่ ใหเกดิ ความเสียหายแกผ หู นง่ึ ผใู ดก็ไมเปน ความผดิ ตามมาตรา ๑๕๗ Í·Ø ÒËó ®Õ¡Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงตั้งใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน มีอํานาจหนา ทีเ่ กย่ี วกับการรับแจง การยา ยเขา ไดก รอกขอความเพ่ิมชอ่ื ศ. ลงในสาํ เนาทะเบยี นบานฉบับ เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอ่ื การ เพ่มิ เตมิ ทะเบียนบานดงั กลา ว จําเลยมไิ ดก ระทําเพ่ือใหเ กิดความเสียหายแกผ หู น่งึ ผูใด ทง้ั ไมไ ดความ วาจาํ เลยกระทาํ ไปโดยทุจริต การกระทาํ ของจาํ เลยจึงไมเ ปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ แตก ารทจ่ี าํ เลยเพม่ิ ชอื่ ศ. ลงในทะเบยี นบา นดงั กลา ว โดยระบวุ า ยา ยมาจากบา นเลขท่ี ๒๐/๑ เขตปอ มปราบศตั รูพา ย และลงช่อื รบั รองไว ซ่ึงเปน ความเทจ็ การกระทําของจาํ เลยจึงเปนการ รับรองเปนหลักฐานวาไดมีการแจงชื่อขอความอันมิไดมีการแจงดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๒) แหง ประมวลกฎหมายอาญา และการทจ่ี าํ เลยเพมิ่ ชอ่ื ศ. เขา ในทะเบยี นบา นดงั กลา วโดยลงชอื่ กาํ กบั ไว เปนการรับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของ จําเลยจึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จ ดังบัญญัติไวในมาตรา ๑๖๒ (๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเกิดความเสยี หาย ก็เปนความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๒) (๔) ความเสยี หายในทนี่ ไี้ มจ ํากดั เฉพาะความเสยี หายในทางทรพั ยส นิ เทา นน้ั แตร วมถงึ ความเสยี หายทุกทาง เชน ความเสียหายตอชีวิต รางกาย ชอื่ เสยี ง เสรภี าพ เปนตน และจะเปนความ เสยี หายแกใ ครก็ได เชน ตาํ รวจจับหญงิ โสเภณี แลวมอบหญงิ เหลา นน้ั ใหพ วกของตนไป โดยไมด ําเนนิ คดตี ามกฎหมาย เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยมชิ อบ ทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกร าชการกรมตํารวจ

๑๗๔ ทัง้ ไมจ าํ เปน ตองเกดิ ความเสียหายขนึ้ จริงๆ เพียงแตไ ดกระทาํ ไปโดยมคี วามมุงหมายเชน น้นั กผ็ ดิ แลว เชน เจา พนกั งานไดร บั แตง ตงั้ เปน กรรมการตรวจรบั งาน ไดล งชอื่ ตรวจรบั งานวา ถกู ตอ งทง้ั ทไี่ มไ ดท ํางานเลย และแมย ังมไิ ดจ า ยเงินก็ผิดตามมาตรา ๑๕๗ นี้ ¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕÊͧ ปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต มีองคประกอบของ ความผิด ดงั น้ี ๑. เปน เจาพนกั งาน ๒. ปฏบิ ัตหิ รอื ละเวนการปฏบิ ัติหนาที่ ๓. เจตนา ๔. โดยทจุ ริต คาํ ͸ºÔ Ò ความผิดที่สองนี้แตกตางกับความผิดแรกในเร่ืองของการกระทําอันเปนความผิด และมูลเหตุชักจูงใจกลาวคือ เพียงการปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่ ก็อาจเปนความผิดไดแลว ไมว า จะเปน การกระทาํ โดยชอบหรอื โดยมชิ อบดว ยหนา ทก่ี ต็ าม ตา งกบั ความผดิ แรกทตี่ อ งกระทาํ โดยมชิ อบ ดวยหนาทเ่ี ทา นั้น การปฏิบัติหรือละเวนการปฏิบัติหนาที่เปนความผิดตอเม่ือมีมูลเหตุชักจูงใจ โดยทุจริต คือ เพื่อแสวงหาประโยชนท่ีมิควรได โดยไมคํานึงวาจะทําใหผูอ่ืนเสียหายหรือไม เชน เจาพนักงานซ่ึงไมมีหนาที่รับเงิน พูดจูงใจใหผูเสียภาษีมอบเงินคาภาษีใหเกินจํานวนที่ตองเสีย แลว เอาเงินสวนเกินไวเสียเอง เปนการปฏิบัติหนาที่โดยทุจริต เจาพนักงานที่ดินรับเงินคาธรรมเนียมและ คาพาหนะในการรังวัดแลว มิไดนําเงินลงบัญชีทั้งมิไดดําเนินเรื่องให เปนการละเวนการปฏิบัติหนาท่ี โดยทจุ รติ ผใู หญบานจดบญั ชีสัตวพ าหนะเท็จตามคาํ ขอรองของลกู บาน แมจะไมไดรบั สินจางรางวลั แตท าํ ใหล กู บา นไดร บั ประโยชนน าํ ไปใชอ า งกบั ตาํ รวจทย่ี ดึ โคนน้ั กเ็ ปน การแสวงหาประโยชนส าํ หรบั ผอู นื่ ถือไดวาปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต พนักงานเทศบาลซึ่งมีหนาท่ีเก็บเงินของเทศบาลลักใบเสร็จรับเงิน คา กระแสไฟฟา แลว นาํ ไปเกบ็ เงนิ คา กระแสไฟฟา เปน ประโยชนส ว นตน เปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโี่ ดยทจุ รติ อีกประการหน่ึง ®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบไม ในท่ีดนิ น.ส.๓ เปนการละเวน การปฏิบัติหนา ทีโ่ ดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เน่ืองกับการท่ี จําเลยลงลายมอื ช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรบั รองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเทจ็ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) โดยจําเลยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชนที่มิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย ในคราวเดียวกนั ดงั น้นั เปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗ อันเปน กฎหมายบททม่ี ีโทษท่หี นกั ท่ีสุด ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ ®Õ¡Ò·Õè òòø/òõóô จาํ เลยที่ ๑ ไดร บั คาํ สง่ั ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทเ่ี วรยามและสายตรวจ มีหนาที่ดูแลรักษาส่ิงของตางๆ ในบริเวณสถานีตํารวจ ถือวาจําเลยท่ี ๑ ไดรับคําส่ังโดยชอบใหดูแล รักษาทรัพยของกลางที่สถานีตํารวจดวย การท่ีจําเลยท่ี ๑ อาศัยโอกาสดังกลาวลักเล่ือยยนต ของกลางไปขายเพอื่ ประโยชนส วนตวั จึงเปนการปฏบิ ตั ิหนาท่ีโดยทุจริตตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗

๑๗๕ ®¡Õ Ò·Õè ÷ùù/òõóõ จําเลยเปนเจาพนักงานผูออกตรวจสถานประกอบการคา มีอํานาจหนาที่เสนอตอผูบังคับบัญชาใหออกหรือไมใหออกใบอนุญาตใหแกผูประกอบการคา ถือได วาจําเลยเปนเจาพนักงานผูมีหนาที่เกี่ยวของโดยตรงในการพิจารณาออกใบอนุญาต จําเลยเรียกรอง เงินเปนการตอบแทนการออกใบอนุญาต จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริต เปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ®¡Õ Ò·Õè ñððõ/òõôù ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ จะตอ งเปน การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน ปฏบิ ตั หิ นา ทซี่ งึ่ อยใู นหนา ทขี่ องเจา พนกั งานนน้ั เองโดยมชิ อบเพอื่ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ หู นงึ่ ผูใดหรือโดยทุจริต ถาไมเกี่ยวกับหนาท่ีของเจาพนักงานผูนั้นโดยตรงแลวยอมไมเปนความผิดตาม มาตรานี้ เมือ่ ขณะที่จาํ เลยท้งั สองมาเอารถยนตแ ทก็ ซี่จากโจทกไ ป จําเลยที่ ๒ แตง เคร่ืองแบบตาํ รวจ เทา น้ัน ทัง้ ตามฎกี าโจทกยังยอมรับดว ยวาจาํ เลยที่ ๒ กระทําไปโดยไมม ีกฎหมายรองรับ ไมม อี าํ นาจ หนาท่ีจะตองทําแสดงวาการไปเอารถยนตแท็กซี่จากโจทกน้ัน มิใชการกระทําท่ีเก่ียวกับหนาที่ของ จาํ เลยท่ี ๒ ฟอ งโจทกเ กย่ี วกบั จาํ เลยที่ ๒ จงึ ไมม มี ลู เปน ความผดิ ฐานเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน การปฏิบัตหิ นาทีโ่ ดยมิชอบ õ. »ÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·ÕÁè Õ˹ŒÒ·èÕ ÁÒμÃÒ ñöñ “¼ãŒÙ ´à»¹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทÕè าํ àÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà ËÃ×Í´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà ¡ÃÐทํา¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÑÂâÍ¡ÒÊ·Õèμ¹ÁÕ˹ŒÒ·Õè¹Ñé¹ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·É จาํ ¤Ø¡äÁà‹ ¡¹Ô ÊÔº»‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹ÊͧáʹºÒ·” ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Á´Õ ѧ¹Õé ๑. เปนเจาพนกั งาน ๒. มหี นาท่ีทําเอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสารหรอื ดูแลรักษาเอกสาร ๓. กระทําการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสท่ตี นมหี นาทนี่ ้นั ๔. เจตนา คาํ ͸ԺÒ ໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ การปลอมเอกสารทจ่ี ะมีความผดิ ตามมาตราน้ี ผกู ระทําจะตอ ง เปนเจา พนกั งานซึ่งมีหนาทท่ี ํา กรอกขอความ หรือดแู ลรกั ษาเอกสารน้นั ÁËÕ ¹ÒŒ ·èทÕ ําàÍ¡ÊÒà ¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃËÃÍ× ´ÙáÅÃÑ¡ÉÒàÍ¡ÊÒà หมายความวา เจาพนักงานซึ่งจะกระทําความผิดตามมาตราน้ีจะตองเปนผูมีหนาท่ีทําเอกสาร กรอกขอความลงใน เอกสาร หรอื ดูแลรักษาเอกสาร àÍ¡ÊÒà มคี วามหมายตามบทนยิ ามในมาตรา ๑(๗) หมายถงึ กระดาษหรอื วตั ถอุ น่ื ใด ซึ่งไดทําใหปรากฏความหมายดวยตัวอักษร ตัวเลข ผังหรือแผนแบบอยางอื่นจะเปนโดยวิธีพิมพ ถา ยภาพ หรือวิธอี ่ืนใดอันเปนหลกั ฐานแหง ความหมายน้ัน

๑๗๖ หนา ทขี่ องเจา พนกั งานตามมาตรานี้ แยกไดเ ปน ๓ ประการคอื (๑) หนา ทที่ าํ เอกสาร (๒) หนา ท่ีกรอกขอ ความลงในเอกสาร (๓) หนาท่ีดูแลรกั ษาเอกสาร (๑) หนาที่ทาํ เอกสาร หมายถึง ทาํ เอกสารนี้ทั้งฉบับ หรือแตบางสวน หรือ ลงลายมือช่ือในการออกเอกสาร สว นใครจะเขียนข้นึ ไมส ําคญั (๒) หนาที่กรอกขอความลงในเอกสาร เชน กรอกขอความลงในแบบพิมพตางๆ ของทางราชการในบญั ชีใบเสรจ็ รบั เงิน ทะเบียนทดี่ ิน ทะเบยี นบา น เปนตน (๓) หนาท่ีดูแลรักษาเอกสาร ซ่ึงหมายถึง ดูแลรักษาเอกสารท่ีทําสมบูรณแลว และเอกสารแบบพิมพต างๆ เพื่อกรอกขอ ความดวย ขอ สําคญั คอื เจา พนกั งานผนู น้ั จะตอ งมหี นา ทโ่ี ดยตรงในการทาํ กรอก หรอื ดแู ลรกั ษา เอกสารนั้น หากมิใชหนาท่ีโดยตรงแลว ก็ไมผิดตามมาตรา ๑๖๑ แตอาจผิดฐานปลอมเอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ ®¡Õ Ò·èÕ òóñö/òõòù จําเลยเปนเจาหนาที่บริหารงานทั่วไปประจําสาํ นักงาน สาธารณสุขจังหวัด มีหนาที่ดูแลรักษาเอกสาร ทาํ คําส่ังจังหวัดเรื่องแตงตั้งขาราชการโดยไมมีอาํ นาจ แลว ตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชอ่ื ของผูวา ราชการจังหวัด ซึ่งลงนามไวใ นคาํ ส่งั ฉบบั อืน่ มาตดิ ไวทาย คําสง่ั ทจ่ี าํ เลยทาํ ขนึ้ และจําเลยโรเนยี วคาํ สง่ั นอี้ อกมาเพอ่ื แสดงใหบ คุ คลอน่ื หลงเชอ่ื วา เปน คําสงั่ ทแี่ ทจ รงิ ดังนี้ เปนการทําเอกสารปลอมขนึ้ ท้ังฉบับมคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ และ มาตรา ๒๖๕ ¡ÃÐทาํ ¡ÒûÅÍÁàÍ¡ÊÒÃâ´ÂÍÒÈÂÑ âÍ¡ÒÊ·μÕè ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·¹èÕ ¹éÑ การกระทาํ อนั เปน ความผดิ ตามมาตราน้ี คือ “ปลอมเอกสาร” ซึ่งหมายถึง การปลอมในความผิดฐานปลอมเอกสารตาม มาตรา ๒๖๔ กลาวคือ ทําเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือแตสวนหนึ่งสวนใด เติมหรือตัดทอนขอความ หรอื แกไขดวยประการใดๆ ในเอกสารทแี่ ทจริงประทับตราปลอม หรือลงลายมอื ช่ือปลอมในเอกสาร โดยประการทน่ี า จะเกดิ ความเสยี หายแกผ อู นื่ หรอื ประชาชนและทาํ เพอ่ื ใหผ อู น่ื หลงเชอื่ วา เปน เอกสาร ท่ีแทจริง รวมท้ังการกรอกขอความลงในแผนกระดาษหรือวัตถุอ่ืนใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผูอื่น โดยไมไดรับความยินยอมหรือโดยฝาฝนคําส่ังของผูอ่ืนนั้น เหตุนี้ความผิดตามมาตรา ๑๖๑ จึงเปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๖๔ ดวย การปลอมดงั กลาว จะตองกระทําปลอมโดยอาศัยโอกาสทผ่ี ปู ลอมมหี นาทนี่ ้นั คอื จะตองปลอมในระหวางที่เจาพนักงานมีหนาท่ีอยางใดอยางหนึ่งใน ๓ ประการ ที่กลาวมาแลว เชน ตาํ รวจไดรับแตงตั้งใหทาํ หนาที่เสมียนเปรียบเทียบ แกหรือลงจาํ นวนเงินในสําเนาใบเสร็จใหนอยกวา ตนฉบับ ผูชว ยนายทะเบยี น จดลงในทะเบียนบา นและลงลายมอื ชื่อรบั รองวา ด. ยา ยเขา บา นนนั้ จาก ตางจังหวัดอันเปน เทจ็ พศั ดแี ละผูคุมปลอมใบสุทธทิ ่เี รอื นจําออกใหแกผ ูพนโทษ โดยพมิ พล ายนว้ิ มอื ปลอมเปน ผูพ น โทษ ปลัดอาํ เภอมีหนาที่ทําตวั๋ รูปพรรณสตั ว ลงลายมือชื่อในต๋วั รปู พรรณทีร่ วู าปลอม ลายพมิ พนว้ิ มือ เจาของสตั วเหลา น้ีลว นเปนความผดิ ตามมาตรา ๑๖๑

๑๗๗ ®¡Õ Ò·èÕ óóò/òõò÷ จาํ เลยเปน พนกั งานพสิ จู น มหี นา ทใ่ี นการพสิ จู นก ารครอบครอง ท่ีดินแลวกรอกขอความในแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจนการทําประโยชนเพื่อออก หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน เอกสารดงั กลา วจงึ อยใู นความดแู ลครอบครองของจําเลยกอ นสง ไปยงั ศนู ยห รอื ผคู วบคมุ สาย เมอ่ื เอกสารนถี้ กู ปลอมลายมอื ชอ่ื ของ จ. ผมู หี นา ทป่ี กครองทอ งทแ่ี ละระวงั แนวเขต โดยจําเลยมีโอกาสกระทําเองหรือรวมกับจาํ เลยอ่ืนกระทําข้ึน จาํ เลยจึงมีความผิดฐานปลอม เอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหนาท่ีน้ันตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๑ ประมวลกฎหมายท่ีดินมาตรา ๕๘ บัญญัติใหนายอาํ เภอมีอาํ นาจแตงตั้งใหผูซ่ึงไดรับการอบรมเปนเจาหนาที่ออกไปพิสูจนสอบสวน การทําประโยชนแ ทนตนในการเดนิ สาํ รวจเพอ่ื ออกหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนแ ละในการปฏบิ ตั หิ นา ท่ี ดังกลาว ใหเจาหนาท่ีเปนเจาพนักงาน จาํ เลยเปนผูไดรับคาํ ส่ังจากนายอําเภอใหเปนพนักงานพิสูจน จึงเปนเจา พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา แตเ จา พนกั งานซงึ่ ไมม หี นา ทอ่ี ยา งใดอยา งหนง่ึ ใน ๓ ประการนน้ั แลว กไ็ มอ าจทาํ ผดิ มาตรา ๑๖๑ ได อกี ประการหนงึ่ ในกรณที เี่ จา พนกั งานมอี ํานาจออกเอกสารไดต ามหนา ที่ แมจ ะลง ขอ ความไมตรงกับความจริง กเ็ ปน เอกสารทแ่ี ทจ รงิ มใิ ชเอกสารปลอม เชน นายทะเบยี นตําบลออก ใบมรณบตั รมขี อ ความแสดงวา ท. ราษฎรในตําบลนน้ั ตายแลว ซงึ่ เปน ความเทจ็ หรอื ปลดั อาํ เภอมอี าํ นาจ หนา ทอี่ อกใบสําคญั ประจําตวั คนตา งดา ว ออกใบตา งดา วลงลายมอื ชอ่ื ปลดั อําเภอเองใหแ กค นตา งดา ว ที่ไดรับอนุญาตใหอยูชั่วคราวเปนการผิดระเบียบ ทั้งสองกรณีนี้ไมเปนการปลอมเอกสารเพราะ เจาพนักงานผูกระทํามีอํานาจโดยตาํ แหนงท่ีจะลงชื่อทาํ เอกสารน้ันได จึงเปนเพียงเอกสารเท็จตาม มาตรา ๑๖๒ มใิ ชเ อกสารปลอมตามมาตรา ๑๖๑ แตถาตนไมมีอาํ นาจโดยตําแหนงท่ีจะลงลายมือชื่อออกเอกสารนั้น กลับไปลง ลายมือช่ือ ในตําแหนงที่ตนไมมีอํานาจท่ีจะลงลายมือช่ือได แมจะเปนลายมือตัวเองจริงก็เปนการ ปลอมตวั บุคคลในตําแหนง น้นั เปน การปลอมเอกสาร ถา เปน เจา พนกั งานผมู หี นา ทท่ี ําเอกสารและอาศยั โอกาสทต่ี นมหี นา ทน่ี นั้ ทาํ เอกสาร ขึ้นฉบับหนึ่ง ดวยความมุงหมายใหเขาใจวาเปนเอกสารอีกฉบับหน่ึงอันเปนการปลอมเอกสารขึ้น ทงั้ ฉบบั แมจ ะลงลายมอื ชื่อของตนเองไมไดป ลอมชือ่ ของผูอืน่ กอ็ าจมีมูลความผิดตามมาตรา ๑๖๑ ®Õ¡Ò·èÕ öóõ/òõñ÷ จําเลยเปน ปลดั อําเภอ ไดร บั มอบหมายจากนายอําเภอใหเ ปน เจาหนาที่แผนกทะเบียนอาวุธปน มีหนาท่ีรับคาํ ขอและสอบสวนเร่ืองราวเก่ียวกับ การขออนุญาตมี และใชอาวุธปน แลวเสนอนายอําเภอซ่ึงเปนนายทะเบียนลงลายมือช่ือออกใบอนุญาต จําเลยไมมี อาํ นาจลงลายมือชื่อในตําแหนงนายทะเบียนได แตจําเลยกลับลงลายมือชื่อตนเองเปนนายทะเบียน ออกใบอนุญาตใหแกผูยื่นคาํ ขอไป แมจําเลยจะลงลายมือช่ือจําเลยเองในเอกสารนั้น แตจาํ เลยก็ได ปลอมตนวาเปนเจาพนักงานผูมีอํานาจลงนามในเอกสารน้ันในฐานะนายทะเบียนผูออกใบอนุญาต แลวประทบั ตราลงไป เอกสารน้จี งึ ไมใ ชเอกสารท่ีแทจ รงิ เพราะมไิ ดลงนามเจา พนักงานผูมอี าํ นาจออก ใบอนุญาต เปน การปลอมเอกสารตามมาตรา ๑๖๑

๑๗๘ à¨μ¹Ò เจาพนักงานผูทําปลอมเอกสารซึ่งตนมีหนาท่ีทํา กรอกขอความหรือดูแล รักษาจะตองมีเจตนาตามมาตรา ๕๙ ö. ÃºÑ ÃͧËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒÃÍ¹Ñ à»š¹à·ç¨ ÁÒμÃÒ ñöò ¼ÙŒã´à»š¹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ ÁÕ˹ŒÒ·ÕèทําàÍ¡ÊÒà ÃѺàÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡ ¢ŒÍ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒáÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹ãÕé ¹¡Òû¯ÔºÑμ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·èÕ (ñ) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹ÇÒ‹ μ¹ä´¡Œ ÃÐทาํ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´¢¹Öé ËÃÍ× ÇÒ‹ ¡ÒÃÍÂÒ‹ §ã´ä´Œ ¡ÃÐทาํ μÍ‹ ˹ŒÒμ¹Í¹Ñ ໚¹¤ÇÒÁà·ç¨ (ò) ÃѺÃͧ໚¹ËÅÑ¡°Ò¹Ç‹Ò ä´ÁŒ ¡Õ ÒÃᨧŒ «è§Ö ¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ¹Ñ ÁäÔ ´ÁŒ Õ¡ÒÃᨧŒ (ó) ÅÐàǹŒ äÁ¨‹ ´¢ÍŒ ¤ÇÒÁ«§Öè μ¹ÁËÕ ¹ÒŒ ·μèÕ ÍŒ §ÃºÑ ¨´ËÃÍ× ¨´à»ÅÂèÕ ¹á»Å§¢ÍŒ ¤ÇÒÁ ઋ¹Ç‹Ò¹¹Ñé ËÃÍ× (ô) ÃºÑ Ãͧ໹š ËÅ¡Ñ °Ò¹«§èÖ ¢ÍŒ à·¨ç ¨Ã§Ô Í¹Ñ àÍ¡ÊÒù¹Ñé Á§‹Ø ¾ÊÔ ¨Ù ¹¤ ÇÒÁ¨Ã§Ô Í¹Ñ à»¹š ¤ÇÒÁà·ç¨ μŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤¡Ø äÁ‹à¡Ô¹à¨´ç »‚ áÅлÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹Öè§áʹÊÕËè Á¹è× ºÒ· ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ Áմѧ¹éÕ ๑. เปนเจาพนกั งาน ๒. มหี นา ทีท่ าํ เอกสาร รับเอกสารหรอื กรอกขอความลงในเอกสาร ๓. กระทําการดงั ตอ ไปนี้ ในการปฏิบตั กิ ารตามหนา ที่ (๑) รับรองเปนหลกั ฐานวา ตนไดก ระทําการอยางใดข้ึน หรือวา การอยางใด ไดก ระทาํ ตอ หนาตนอนั เปนความเทจ็ (๒) รบั รองเปนหลักฐานวา ไดม กี ารแจงขอความอนั มิไดม ีการแจง (๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลง ขอความเชน วานัน้ หรอื (๔) รับรองเปนหลักฐานซึ่งขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริง อันเปน ความเท็จ ๔. เจตนา คํา͸ԺÒ ໹š à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ การทาํ เอกสาร รบั เอกสาร กรอกขอ ความลงในเอกสาร หรอื รบั รอง เอกสารอนั เปน เทจ็ ตามมาตราน้ี ผูกระทาํ จะตอ งมีฐานะเปนเจาพนกั งาน ÁËÕ ¹ÒŒ ·ทÕè าํ àÍ¡ÊÒÃ ÃºÑ àÍ¡ÊÒÃËÃ×Í¡ÃÍ¡¢ÍŒ ¤ÇÒÁŧã¹àÍ¡ÊÒà เจา พนักงานซึ่งจะ กระทาํ ผดิ ตามมาตราน้ี ตองเปน เจา พนักงานซง่ึ มหี นา ทีอ่ ยางหนึ่งอยา งใด คือ ทาํ เอกสาร รบั เอกสาร หรอื กรอกขอ ความลงในเอกสาร

๑๗๙ (๑) หนา ทท่ี าํ เอกสาร หมายความวา ทาํ เอกสารขน้ึ ทงั้ ฉบบั แสดงขอ ความใหเ หน็ วา เปน เอกสารของตน เชน ทาํ บนั ทกึ ความเหน็ เสนอผบู งั คบั บญั ชา หรอื อาจทาํ เพยี งบางสว นของเอกสาร ก็ได เชน บนั ทึกตอทา ยลงในหนังสอื ท่มี าถงึ หรอื อาจจะเพยี งลงช่ือในเอกสารที่มีผทู าํ มาแลวกไ็ ด ®Õ¡Ò·Õè ôùðð/òõòø ป. เจา ของเดิมไดย กทด่ี นิ พิพาทใหเ ปน ทสี่ าธารณะไปแลว กอ นจะตกเปน กรรมสทิ ธข์ิ องโจทก การท่จี ําเลยท่ี ๓ นายอาํ เภอทอ งท่ี รวมกบั จําเลยที่ ๑ กาํ นันและ จาํ เลยที่ ๒ อดตี กาํ นนั ทาํ เอกสารบนั ทกึ ถอ ยคาํ ให ป. ลงลายมอื ชอื่ แสดงวา ป. ยกทดี่ นิ ของตนใหเ ปน ท่ีสาธารณะ แมเปนการทําบันทึกภายหลัง เม่ือที่ดินแปลงนั้นตกเปนกรรมสิทธิ์ของโจทกผูรับโอน แลว กต็ าม การกระทาํ นนั้ กเ็ พอ่ื ยนื ยนั ความจรงิ ที่ ป. ไดอ ทุ ศิ ทด่ี นิ ใหเ ปน ทส่ี าธารณะแกท างราชการไวใ ห ปรากฏเปน หลกั ฐานอกี ชน้ั หนง่ึ จงึ หาเปน ความเทจ็ ไม ทงั้ ไมท าํ ใหเ กดิ ความเสยี หายแกโ จทก เพราะทดี่ นิ สวนน้ันไดตกเปนที่สาธารณะไปแลวกอนโจทกจะจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินมา จําเลยท้ังสาม จึงไมมีความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗, ๑๖๒ (๒) หนา ทรี่ บั เอกสาร หมายถงึ การรบั เอกสารทม่ี ผี อู น่ื นาํ มาสง หรอื นาํ มายนื่ แกต น เพอื่ ตนจะไดดําเนินการตอ ไป หรอื เสนอใหเ จาพนักงานอ่นื ดําเนนิ การ (๓) หนาที่กรอกขอความลงในเอกสาร หมายถึง กรอกขอความ รายการหรือ รายละเอียดลงในแบบพิมพสมดุ บัญชี หรอื ทะเบียนตา งๆ แตถึงแมจะเปนเจาพนักงาน ถาไมมีหนาท่ีกระทําการอยางหนึ่งอยางใดดังกลาว ก็ไมผ ิดตามมาตราน้ี ®Õ¡Ò·Õè ñð÷ô/òõóò จําเลยไดรับคําส่ังแตงตั้งใหมีอํานาจหนาที่ปฏิบัติงาน ดานธรุ การ ไมมีอาํ นาจหนาทีเ่ กี่ยวกับงานทะเบียนราษฎรและงานบัตรประจําตัวประชาชน เม่ือโจทก ฟอ งและนาํ สบื วา จาํ เลยกระทาํ มชิ อบเกยี่ วกบั งานดา นทะเบยี นราษฎรแ ละงานบตั รประจาํ ตวั ประชาชน ตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗ และ ๑๖๒ จําเลยจงึ ไมอ าจกระทําความผดิ ตามบทกฎหมายมาตรา ดงั กลาวได ¡ÃÐทาํ ¡Òô§Ñ μÍ‹ 仹éÕ ã¹¡Òû¯ºÔ μÑ ¡Ô ÒÃμÒÁ˹Ҍ ·Õè หมายความวา การกระทาํ ทจ่ี ะ เปนความผิดตามมาตราน้ี ตองเปนการกระทําในการปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานผูนั้น ถามิใชการ ปฏบิ ัติการตามหนาท่แี ตเ ปนเร่อื งสวนตวั ยอ มไมผิด การกระทาํ อนั เปน ความผิด ไดแ ก (๑) รับรองเปนหลักฐานวา ตนไดกระทําการอยางใดขึ้น หรือวาการอยางใดได กระทําตอหนาตนอนั เปนความเท็จ คือ ทําเปน หนังสือรบั รองวาตนไดทําการอยางใดข้นึ แมความจรงิ จะมไิ ดก ระทาํ การนนั้ เชน ทาํ หนงั สอื รบั รองวา ไดต รวจงานแลว ทงั้ ทคี่ วามจรงิ ยงั มไิ ดต รวจ จดบนั ทกึ วา ไดทําการสอบสวน ก. แลวความจริงยังมิไดสอบสวน ก. เลย รับรองวานักโทษท่ีจะไดรับอภัยโทษ ตองขังอยู แตความจริงหลบหนีไปแลว พนักงานปาไม ไมไดตรวจสอบไม แตรับรองวาไมถูกตอง ลงลายมอื ชื่อใหผ านได

๑๘๐ ®¡Õ Ò·Õè ñññö-ñññø/òõñ÷ จาํ เลยเปน เจา พนกั งาน มหี นา ทเ่ี ปน กรรมการตรวจรบั รถยนตซ่ึงเทศบาลซื้อไดลงช่ือในใบตรวจรับพัสดุซ่ึงมีขอความวาคณะกรรมการไดตรวจรับรถยนต แลวเห็นวามีปริมาณและคุณภาพถูกตองครบถวน ทั้งราคาก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและได สงมอบใหแกเจาหนาท่ีแผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลว ซึ่งความจริงไมมีการกระทําดังกลาวเลย เพราะผขู ายยงั ไมไ ดน าํ รถยนตม าสง มอบ การทจ่ี าํ เลยยงั ไมไ ดต รวจรบั และสง มอบ แตล งชอ่ื รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดก ระทาํ การดงั กลา ว จงึ เปน การรบั รองเทจ็ อนั เปน ความผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒ (๑) และ การทจ่ี าํ เลยรบั รองเปน หลกั ฐานวา รถยนตท ตี่ รวจรบั มอบนม้ี ปี รมิ าณคณุ ภาพถกู ตอ งครบถว น ทงั้ ราคา ก็เปนไปตามราคาในทองตลาดและไดสงมอบใหแกเจาหนาที่แผนกชางรับไวเปนการถูกตองแลวน้ัน เปนการรับรองเปน หลักฐานซง่ึ ขอเท็จจริงอนั เอกสารนน้ั มุงพิสจู นความจริงอันเปนเทจ็ ดงั ท่บี ัญญัติไว ในมาตรา ๑๖๒(๔) ดว ย แมก ารรบั รองเปน หลกั ฐานเชน นี้ จาํ เลยจะกระทาํ ไปโดยไมท จุ รติ ไมเ กดิ ความ เสยี หาย ก็เปนความผดิ ตามมาตราดังกลา ว ®¡Õ Ò·Õè ôóùò-ôóùó/òõóñ จาํ เลยเปน เจา พนกั งานทดี่ นิ ไมอ อกไปตรวจสอบ ไมใ นทดี่ นิ น.ส.๓ เปน การละเวน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยทจุ รติ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ ซง่ึ ตอ เนอื่ งกบั การที่ จําเลยลงลายมือช่ือในบันทึกการตรวจสอบไมรับรองวาตนไดไปตรวจสอบแลว อันเปนความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๑) โดยจําเลยมเี จตนา เพือ่ แสวงหาประโยชนท ่มี ิควรไดโ ดยชอบดว ยกฎหมาย ในคราวเดียวกัน ดังนี้เปนกรรมเดียวผิดตอกฎหมายหลายบท ตองลงโทษตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ อนั เปน กฎหมายบททมี่ โี ทษทหี่ นักที่สดุ ตาม ป.อ.มาตรา ๙๐ การทําหนังสือรับรองเท็จนี้ ถารับรองวาการใดไดทําตอหนาตน ความจริงมิไดทํา ตอหนาตน กผ็ ิดเหมือนกนั เชน เจาพนักงานลงช่อื รับรองวา คูส มรสไดจ ดทะเบยี นสมรสตอหนาตน หรือสามีภริยาไดจดทะเบียนหยาตอหนาตน ซึ่งเปนความเท็จ เพราะจริงๆ แลวการจดทะเบียนมิได ทาํ ตอหนา ตน (๒) รบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ซงึ่ ขอ ความอนั มไิ ดม กี ารแจง หมายความวา ความจรงิ มไิ ดม กี ารแจง ขอ ความนนั้ เลย แตเ จา พนกั งานรบั รองเปน หลกั ฐานวา ไดม กี ารแจง ขอ ความนน้ั เชน พลตํารวจมหี นา ทจ่ี ดคาํ ใหก ารผขู อหนงั สอื เดนิ ทาง แตจ ดคาํ ใหก ารเปน เทจ็ โดยผใู หถ อ ยคาํ มไิ ดม า ใหถอ ยคํา ผิดตามมาตรา ๑๖๒(๑) และ (๒) ®Õ¡Ò·èÕ öñøõ/òõóñ จําเลยไดรับแตงต้ังใหเปนผูชวยนายทะเบียนทองถ่ิน มีอํานาจหนา ทเี่ กี่ยวกบั การรับแจง การยายเขา ไดก รอกขอ ความเพ่มิ ช่อื ศ. ลงในสําเนาทะเบยี นบา น ฉบบั เจา บา นโดยไมม ใี บแจง การยา ยออกถอื ไดว า จาํ เลยเปน เจา พนกั งานปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบ แตเ มอื่ การเพิ่มเติมทะเบียนบานดังกลาว จําเลยมิไดกระทําเพื่อใหเกิดความเสียหายแกผูหนึ่งผูใด ทั้งไมได ความวาจําเลยกระทําไปโดยทุจริต การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๕๗ แตก ารทจ่ี าํ เลยเพ่มิ ช่ือ ศ. ลงในสําเนาทะเบยี นบานดังกลาว โดยระบุวายายมาจากบา นเลขที่ ๒๐/๑ เขตปอมปราบศัตรูพายและลงช่ือรับรองไว ซ่ึงเปนความเท็จ การกระทําของจําเลยจึงเปนการรับรอง

๑๘๑ เปนหลักฐานวาไดม กี ารแจง ซ่งึ ขอความอนั มิไดม กี ารแจงดังบัญญัตไิ วในมาตรา ๑๖๒(๒) แหง ประมวล กฎหมายอาญาและการท่ีจําเลยเพ่ิมช่ือ ศ. เขาในทะเบียนบานดังกลาวโดยลงช่ือกํากับไว เปนการ รับรองขอเท็จจริงในเอกสารน้ันวาเปนความจริงตามที่จําเลยระบุเพ่ิมเติมไว การกระทําของจําเลย จึงเปนการรับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุงพิสูจนความจริงอันเปนเท็จดังบัญญัติไว ในมาตรา ๑๖๒(๔) แหงประมวลกฎหมายอาญาดวย แมจําเลยจะกระทําไปโดยไมทุจริต และไมเกิด ความเสยี หาย ก็เปนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒(๒) (๔) (๓) ละเวนไมจดขอความซ่ึงตนมีหนาที่ตองรับจด หรือจดเปล่ียนแปลงขอความ เชน วา นนั้ หมายความวา มกี ารแจง ใหจ ดขอ ความ แตเ จา พนกั งานไมจ ดหรอื จดเปลยี่ นแปลงขอ ความผดิ ไป จากทแี่ จง เชน เจา ทกุ ขม าแจง ความตอ ตาํ รวจซง่ึ ตาํ รวจมหี นา ทตี่ อ งจดขอ ความทม่ี าแจง ถา ตาํ รวจไมร บั แจง ผิดตามขอ นี้ (๔) รับรองเปนหลักฐานซ่ึงขอเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงอันเปน ความเทจ็ หมายความวา รบั รองขอ เทจ็ จรงิ ทแ่ี สดงในเอกสารวา ถกู ตอ งดงั ทเี่ ขยี นไว แตค วามจรงิ ขอ เทจ็ จรงิ น้ันไมถูกตอง คือ เปนเรื่องเจาพนักงานทําเอกสารเท็จนั่นเอง เชน เจาพนักงานตรวจรับงานวา ใชวัสดุอุปกรณถูกตองตามสัญญา แตความจริงใชเหล็กไมถูกตอง พนักงานเทศบาลทําคํารับรองวา ไดต รวจรบั รถยนตไ วถ กู ตอ งแลว แตค วามจรงิ ยงั ไมม รี ถ ครใู หญโ รงเรยี นรฐั บาลออกใบสทุ ธอิ นั เปน เทจ็ ใหน กั เรยี นทสี่ อบไลไ ด ม.ศ.๓ แตอ อกใบสทุ ธใิ หว า จบ ม.ศ.๕ เจา พนกั งานทาํ ใบสาํ คญั เทจ็ วา ไดจ า ยเงนิ คา ซอมแซมเหมืองฝายไปตามใบสําคัญน้ันแลว เปนความผดิ ตามมาตรา ๑๖๔(๔) นี้ ®¡Õ Ò·èÕ ôöôù/òõóó จาํ เลยเปน เจา พนกั งานตาํ แหนง เจา หนา ทก่ี ารเงนิ และบญั ชี มีหนา ทที่ าํ เอกสาร รบั เอกสาร รบั รองเอกสารแบบใบขอเบิกเงนิ คา เชา บาน เม่ือไดร ับอนุมตั ใิ หม สี ทิ ธิ เบกิ คา เชา บา นแลว จงึ ลงนามรบั รองเปน หลกั ฐานในเอกสารแบบใบขอเบกิ คา เชา บา นของจาํ เลยเองวา ตรวจสอบถูกตองแลว ขอจายถูกตามระเบียบเห็นควรอนุมัติ การท่ีจําเลยรับรองตามที่ขออนุมัติและ ไดรับอนุมัติแลวเชนนี้จะถือวาเปนการรับรองขอความอันเปนเท็จท่ีเอกสารน้ันมุงพิสูจนความจริงมิได สวนการที่ผูอนุมัติไดอนุมัติไปแลวนั้นจะถูกตองหรือไมเปนเรื่องของการแปลความในกฎหมาย การแปลความไปในทางใดนัน้ จะถอื วา เปนเทจ็ มไิ ดอีกเชน กนั à¨μ¹Ò ผกู ระทาํ ตองมเี จตนาตามมาตรา ๕๙ ในการกระทําการอยา งใดอยา งหน่งึ ตามทกี่ ฎหมายบัญญัตไิ วน นั้ ®Õ¡Ò·èÕ óõ÷ò/òõòù นายอําเภอแตงตั้งปาไมอําเภอและที่ดินอําเภอเปน กรรมการตรวจสอบการนําไมชนิดอ่ืน นอกจากไมสักและไมยางท่ีนําออกจากปาไมในที่ดินกรรมสิทธ์ิ เคลอื่ นยา ยไปใชป ระโยชน โดยใหป า ไมอ าํ เภอเปน เลขานกุ ารคณะกรรมการดว ย มไิ ดแ ตง ตง้ั จาํ เลยที่ ๑ และท่ี ๓ เปนกรรมการ แตจําเลยที่ ๑ เปนผูชวยปาไมอําเภอไดลงช่ือในเอกสารในฐานะกรรมการ และเลขานุการ จําเลยท่ี ๓ ผูชวยพนักงานที่ดินอําเภอลงชื่อในฐานะกรรมการ และนายอําเภอยึดถือเอา เอกสารนเ้ี ปน หลกั ในการพจิ ารณาออกหนงั สอื รบั รองการนาํ ไมต ลอดมาจาํ เลยที่ ๑ ท่ี ๓ จะอา งวา ลงชอื่

๑๘๒ ไปโดยขาดเจตนากระทาํ ผดิ ไมไ ด สว นจาํ เลยที่ ๒ ซง่ึ เปน ประธานกรรมการ เปน ปลดั อาํ เภอรบั ราชการ มานาน ยอ มทราบวา งานเกย่ี วกบั ปา ไมม ผี ปู ระสงคแ สวงหาประโยชนอ ยมู าก ตอ งอาศยั การตรวจสอบ ท่ลี ะเอียดถถี่ ว น การทีจ่ ําเลยที่ ๒ มงี านอ่นื มาก เม่ือลงชอ่ื รบั รองการตรวจสอบ จึงไมเ ปนเหตุใหฟง วา ไมม เี จตนากระทาํ ผดิ เมอื่ บนั ทกึ การตรวจสอบไมเ ปน เทจ็ จาํ เลยทงั้ สามจงึ มคี วามผดิ ตาม ป.อ.มาตรา ๑๖๒, ๘๓ ÁÒμÃÒ òðô ความผิดฐาน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ทําãËŒ¼ÙŒμŒÍ§¢Ñ§ ËÅ´Ø ¾Œ¹¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢Ñ§” ÁÒμÃÒ òðô ผูใดเปนเจาพนักงานมีตําแหนงหนาท่ีควบคุม ดูแลผูตองขัง ตามอํานาจของศาล ของพนักงานสอบสวนหรือของเจาพนักงานผูมีอํานาจสืบสวนคดีอาญา กระทํา ดวยประการใด ๆ ใหผูที่อยูในระหวางคุมขังน้ันหลุดพนจากการคุมขังไป ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต หน่งึ ปถ งึ เจด็ ป และปรับตัง้ แตสองหมืน่ บาทถงึ หนึง่ แสนสห่ี มืน่ บาท ถา ผทู ห่ี ลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปนน้ั เปน บคุ คลทตี่ อ งคาํ พพิ ากษาของศาลหนงึ่ ศาลใด ใหลงโทษประหารชีวิต จาํ คุกตอดชีวิตหรอื จําคกุ ตง้ั แตส บิ หา ปขนึ้ ไป หรือมจี ํานวนตัง้ แตสามคนขึ้นไป ผกู ระทําตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตง้ั แตส องปถึงสิบป และปรับตง้ั แตส่ีหมนื่ บาทถึงสองแสนบาท องคประกอบภายนอก (ñ) à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÁตÕ าํ á˹§‹ ˹Ҍ ·¤èÕ Çº¤ÁØ ´á٠ż·ÙŒ μèÕ ÍŒ §¤ÁØ ¢§Ñ μÒÁอํา¹Ò¨¢Í§ÈÒÅ ¢Í§¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹËÃÍ× ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹¼ŒÙÁอÕ าํ ¹Ò¨Ê׺Êǹ¤´ÕÍÒÞÒ (ò) ¡ÃÐทาํ ´ŒÇ»ÃСÒÃã´æ ãËÁŒ Õ¡ÒÃËÅØ´¾¹Œ ¨Ò¡¡Òö١¤ÁØ ¢§Ñ (ó) «Ö§è ¼·ÙŒ ÕÍè ÂÙã‹ ¹ÃÐËÇÒ‹ §¤ØÁ¢Ñ§ องคป ระกอบภายใน à¨μ¹Ò¸ÃÃÁ´Ò เหตฉุ กรรจต ามวรรคสอง ¼·ÙŒ ËèÕ Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ 仹¹Ñé à»¹š º¤Ø ¤Å·μèÕ ÍŒ §คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ ¢Í§ÈÒÅ˹§Öè ÈÒÅã´ãˌŧâ·É (¡) »ÃÐËÒêÇÕ μÔ ËÃÍ× (¢) จาํ ¤¡Ø μÅÍ´ªÇÕ Ôμ ËÃÍ× (¤) จํา¤¡Ø μÑé§áμÊ‹ Ժˌһ‚¢Öé¹ä» ËÃÍ× (§) ÁÕจาํ ¹Ç¹μé§Ñ áμ‹ÊÒÁ¤¹¢¹Öé ä» ÁÒμÃÒ òðõ ความผดิ ฐาน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ÙŒ Ǻ¤ÁØ ¼μÙŒ ÍŒ §¢§Ñ ทําã˼Œ μŒÙ ÍŒ §¢§Ñ ËÅ´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡ÒäÁØ ¢§Ñ â´Â»ÃÐÁÒ·” ÁÒμÃÒ òðõ ถา การกระทาํ ดงั กลา วในมาตรา ๒๐๔ เปนการกระทาํ โดยประมาท ผกู ระทําตอ งระวางโทษจําคกุ ไมเกนิ สองป หรอื ปรับไมเกนิ ส่หี มื่นบาท หรือทัง้ จําทั้งปรบั

๑๘๓ ถาผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังไปดวยการกระทําโดยประมาทน้ัน เปนบุคคลท่ีตอง คําพิพากษาของศาลหนงึ่ ศาลใดใหล งโทษประหารชวี ติ จาํ คุกตลอดชวี ติ หรอื จาํ คกุ ต้ังแตส ิบหาปข ึ้นไป หรอื มจี าํ นวนตง้ั แตส ามคนขน้ึ ไป ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หกหมนื่ บาท หรอื ทง้ั จําท้ังปรบั ถาผูกระทําผิดจัดใหไดตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังคืนมาภายในสามเดือนใหงด การลงโทษแกผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั องคป ระกอบภายนอก (เหมือนมาตรา ๒๐๔) องคป ระกอบภายใน »ÃÐÁÒ· เหตุฉกรรจตามวรรคสอง (àËÁÍ× ¹àËμ©Ø ¡ÃÃ¨μ ÒÁÇÃäÊͧ¢Í§ÁÒμÃÒ òðô) วรรคสาม àËμ§Ø ´¡ÒÃŧâ·É ¤Í× ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¨´Ñ ãËäŒ ´μŒ ÇÑ ¼·ŒÙ ËèÕ Å´Ø ¾¹Œ ¨Ò¡¡Òà ¤ÁØ ¢§Ñ ¤×¹ÁÒÀÒÂã¹ÊÒÁà´×͹ ¶ÒÁ ตํารวจอยูเวรรักษาการณอยูท่ีสถานีตํารวจไดพาผูตองขังไปเสียจากที่คุมขัง บนสถานตี าํ รวจ โดยไปเทย่ี วหาความสาํ ราญในตลาด โดยตาํ รวจไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย ตาํ รวจผดิ มาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ แมต าํ รวจจะไปกบั ผตู อ งขงั ดว ย กไ็ มถ อื วา เปน การควบคมุ แตถ อื ไดว า ตาํ รวจได กระทาํ ใหผ ตู อ งขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไปแลว เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ (ฎกี าท่ี ๒/๒๕๐๓ น.๑๑) ¶ÒÁ พนกั งานสอบสวนควบคมุ ผตู อ งหาไวใ นหอ งขงั ทสี่ ถานตี าํ รวจเกนิ ระยะเวลาที่ กฎหมายใหอํานาจในการควบคุมไวได จ.ส.ต.ขาว ซ่ึงทําหนาท่ีเปนสิบเวรสถานีตํารวจนั้นมีหนาที่ ควบคมุ ดแู ลผตู อ งขงั ในหอ งขงั ของสถานตี าํ รวจนนั้ ไดป ลอ ยใหผ ตู อ งหาหลบหนไี ปจะเปน ความผดิ ตาม มาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารทปี่ ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญามาตรา ๘๗ กําหนดไว คือ หากตองการควบคุมเกินกําหนดจะตองย่ืนคํารองตอศาล ขอใหศาลออกหมายขังผูตองหานั้นไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิด กฎหมาย แตการควบคุมน้ันก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ดว ยเหตุนี้ การที่ จ.ส.ต.ขาวผูมีหนา ที่ควบคุมดูแลผูตองขงั ตามอํานาจของพนักงานสอบสวนปลอ ยตัว ผตู อ งหาไป จงึ เปน การทาํ ใหผ ทู อี่ ยใู นระหวา งคมุ ขงั นนั้ หลดุ พน จากการคมุ ขงั ไป (ฎกี าท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑ น. ๒๒๖๔) ¢ŒÍÊѧà¡μ (๑) พนักงานสอบสวนผูควบคุมตัวผูตองหาเกินกําหนดมีความผิดตาม มาตรา ๑๕๗ หากเปน การปฏบิ ตั หิ นา ทโ่ี ดยมชิ อบเพอ่ื ใหเ กดิ ความเสยี หายแกผ ตู อ งหา และนอกจากนนั้ ยงั ผดิ ฐานหนว งเหนย่ี วกกั ขงั ผอู นื่ ตามมาตรา ๓๑๐ (หากเจตนา) หรอื มาตรา ๓๑๑ (หากประมาท) ดว ย (๒) การควบคมุ ของพนกั งานสอบสวนดงั กลา ว เปน การผดิ กฎหมาย แตใ นแงข อง ¼ÙŒμŒÍ§ËÒ การหลบหนีจากที่คุมขังไประหวางท่ีถูกควบคุมอยูโดยผิดกฎหมายนั้น อาจไมเปนความผิด

๑๘๔ ตามมาตรา ๑๙๐ (ฎกี าที่ ๑๐๐๘/๒๔๙๙ น.๘๖๔ และฎกี าที่ ๒๒๔๓/๒๕๓๑ ฎ.ส.ล. ๙, น. ๗๐) ดจุ เดยี ว กบั กรณที ตี่ าํ รวจจบั โดยไมช อบ เชน ไมม หี มายจบั ในกรณที ต่ี อ งมหี มายจบั ซง่ึ ถอื วา เปน การกระทําโดย ไมมีอาํ นาจ ผูถูกจับไมจําตองยอมรับการกระทําอันปราศจากอาํ นาจของเจาพนักงาน การตอสูหรือ ขัดขวางกไ็ มผดิ มาตรา ๑๓๘ (๓) อยา งไรกต็ าม การควบคมุ โดยไมช อบดว ยกฎหมายนนั้ มองในแงข องเจา พนกั งาน ก็ยังตองถือวา การควบคุมน้ันก็ยังคงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครอง หรอื ตํารวจอยนู น่ั เอง แมจ ะเปน อํานาจโดยมชิ อบกต็ าม ã¹á§¢‹ ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ หากปลอ ยผถู กู คมุ ขงั ไป ก็เปนความผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ ได๒ ๑ (๔) หากเจาพนักงานผูปลอย รูวาผูถูกปลอยตองคําพิพากษาของศาลหน่ึงศาลใด ลงโทษตามท่ีระบไุ วในวรรคสอง เจาพนกั งานกผ็ ดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง (๕) หากปลอ ยผูถูกคมุ ขังสามคนขน้ึ ไปกผ็ ดิ มาตรา ๒๐๔ วรรคสอง เชน กัน ¶ÒÁ เจาหนาท่ีราชทัณฑอยูเวรควบคุมผูตองขังซึ่งออกมารักษาตัวท่ีโรงพยาบาล แตมิไดปฏิบัติตามระเบียบของกรมราชทัณฑ ที่ใหลามโซผูตองขังไวกับเตียงในตอนกลางคืน และ ยงั นง่ั หลบั อยทู รี่ ะเบยี ง นอกหอ งคมุ ขงั ดว ย เปน เหตใุ หผ ตู อ งขงั หลบหนไี ปจะผดิ มาตรา ๒๐๕ วรรคแรก หรือไม μͺ ถอื วา เปน การกระทาํ โดยประมาท ตามมาตรา ๕๙ วรรคสี่ และเปน เหตใุ หผ ถู กู คุมขังหลดุ พน จากการคมุ ขัง จึงมีความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕) หากโจทกฟ อ งเจา หนา ทรี่ าชทณั ฑด งั กลา ว วา กระทาํ ผดิ โดยเจตนา แตท างพจิ ารณา ของศาลไดค วามวา กระทาํ โดยประมาท และจาํ เลยมไิ ดหลงตอ สู ศาลลงโทษจําเลยตามมาตรา ๒๐๕ ไดต ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม (ฎกี าที่ ๑๓/๒๕๒๕ น. ๑๘๕) ¶ÒÁ หากเจาหนาที่ราชทัณฑพานักโทษไปนอกเรือนจําและปลอยตัวนักโทษไป โดยนกั โทษไมไดมเี จตนาจะหลบหนีดวย เจาหนาที่จะมคี วามผดิ ตามมาตรา ๒๐๔ หรือไม μͺ เจา หนา ทรี่ าชทณั ฑผ ดิ มาตรา ๒๐๔ แมน กั โทษไมม เี จตนาหลบหนดี ว ยกต็ าม ¶ÒÁ หากเจา พนกั งานกระทําโดยประมาทเปน เหตใุ หผ ตู อ งคมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอมาผูตองคุมขังกลับมาเอง หรือเจาพนักงานอื่นจับตัวกลับมา เจาพนักงานที่กระทําโดยประมาท จะไดรบั การยกเวนโทษตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามหรอื ไม μͺ มาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ตอ งเปน กรณี ผทู ก่ี ระทําความผดิ โดยประมาทเปน เหตุ ใหผ ูถกู คุมขงั หลุดพน จากการคุมขัง “¨´Ñ ãËŒä´μŒ ÇÑ ” ผูท่หี ลดุ พน จากการคมุ ขงั กลับมาภายในสามเดอื น หากผถู กู คุมขงั กลับมาเอง หรอื เจาพนกั งานอื่นจบั มา กไ็ มเ ขา กรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ๒๑ ดหู มายเหตุทา ยคาํ พิพากษาฎีกาท่ี ๓๕๙๘/๒๕๓๑ โดย ศาสตราจารยจ ติ ติ ติงศภทั ิย

๑๘๕ ¢ÍŒ 椄 à¡μ หากเจาพนกั งาน “เจตนา” ทําใหผูถกู คุมขงั หลดุ พนอนั เปนความผดิ ตาม มาตรา ๒๐๔ แมจ ะจัดใหไดตัวมาภายในสามเดือน กไ็ มใ ชก รณีตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม ซึง่ จะตอ ง เปน เรอ่ื งทําใหหลดุ พนโดยประมาทตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก เทา นนั้ ¶ÒÁ หากเจา พนกั งานประมาททาํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั สามคนหลดุ พน จากการคมุ ขงั ตอ มา เจาพนกั งานผูนั้นไปจดั การจบั ตวั ผหู ลบหนมี าไดส องคน จะเขากรณีมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรอื ไม μͺ หากกระทาํ โดยประมาทใหห ลดุ พน ไปสามคน อนั เปน ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสอง ก็จะตองจัดใหไดตัวกลับคืนมาภายใน ๓ เดือน ทั้งสามคน หากจับตัวกลับมาไดสองคน กไ็ มเ ขากรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม หรือจบั มาไดสองคน ภายใน ๓ เดือน แตจ ับคนทีเ่ หลอื คนื มา ไดเ กิน ๓ เดือน ก็ไมเ ขากรณมี าตรา ๒๐๕ วรรคสาม เชน เดยี วกัน (เทยี บฎีกาที่ ๓๓/๒๔๖๔) ¶ÒÁ กรณตี ามมาตรา ๒๐๕ วรรคสาม นน้ั เจา พนกั งานผทู ท่ี าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จะตอ งเปน ผไู ปจับตวั กลบั มาดวยตนเองหรอื ไม μͺ ไมจําตองไปจับตัวกลับมาเอง เพราะตัวบทใชคําวา “¨Ñ´ãˌ䴌μÑÇ...¤×¹ÁÒ” ซงึ่ อาจจะจา งใหค นไปจบั มากไ็ ด กลา วคอื ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ (ฎกี าท่ี ๑๑๑๖/๒๕๐๘ น.๑๗๔๑) แตม ใิ ช วา อยูเ ฉยๆ ไมท าํ อะไรเลย แลว นกั โทษหลบหนกี ลับมาเองหรอื เจาพนกั งานอ่นื จบั มาไดเสยี กอน ¶ÒÁ ถา เจา พนกั งานผทู ที่ าํ ใหผ ถู กู คมุ ขงั หลดุ พน จากการคมุ ขงั โดยประมาทไปตดิ ตาม จับตัวผูหลบหนี นักโทษใชอาวุธตอ สู à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹¼¹ŒÙ ¹Ñé ยิงนักโทษตาย จะถือวา ไดต ัวคนื มา หรอื ไม μͺ นา จะตอ งถอื วา ไดต วั คนื มาดว ย แมจ ะเสยี ชวี ติ กต็ าม ขอ สาํ คญั นา จะอยตู รงทว่ี า เจาพนักงานผูน้ันขวนขวายนําตัวผูหลบหนีกลับคืนมาหรือไม และในที่สุดไดตัวกลับคืนมาหรือไม หากไดตัวกลับคืนมาแมจะเสียชีวิตแลว ก็นาจะอนุโลมยกเวนโทษใหเจาพนักงานตามมาตรา ๒๐๕ วรรคสามได (เทียบฎีกาท่ี ๔๓๒/๒๔๗๘)๒๒ การตีความเชนนี้คงไมเปนการสงเสริมใหเจาพนักงาน ไปยิงทิ้งผหู ลบหนี เพราะหากกระทําเชน น้นั เจา พนักงานกม็ ีความผดิ ฐานฆา คนตายโดยเจตนาอยูแลว ซึ่งเปนคนละกรณีกับการไดต ัวกลับมา ¶ÒÁ §´Å§â·É หมายความวาอยา งไร μͺ หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก (ผทู ก่ี ระทาํ โดยประมาทให ผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ยังไมถูกจับกุม แตขวนขวายนําตัวผูที่หลุดพนจากการคุมขังคืนมาได ภายในสามเดือน นับแตวันที่หลุดพนจากการคุมขัง เชนน้ีก็มีผลเปนการ “ยกเวนโทษ” ใหแก ผูก ระทําความผิดตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก หากผกู ระทาํ ความผดิ ตามมาตรา ๒๐๕ วรรคแรก ถกู จบั กมุ และถกู ดาํ เนนิ คดแี ละถกู ลงโทษแลว แตในระหวางน้ันขวนขวายนําตัวผูท่ีหลุดพนจากการคุมขังกลับคืนมาไดภายในสามเดือน กม็ ผี ลเปน การงดการลงโทษ ซงึ่ หมายความวา ลงโทษแลว เทา ใดกใ็ หง ดไมล งโทษอกี ตอ ไป หากยงั ไมถ กู ลงโทษ เชน อยูระหวางดาํ เนินคดใี นชน้ั สอบสวน หรือในช้นั ฟอ งรอง หากนําตวั กลับคนื มาไดภายใน กาํ หนด การดาํ เนนิ คดีตา งๆ ก็ตองยุติลงเพราะลงโทษไมไ ดแลว๒๓ ๒๒ จติ ติ ติงศภัทยิ , กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๑ หวั ขอ ๗๕๖ ๒๓ จติ ติ ติงศภัทิย. กฎหมายอาญา ภาค ๒ ตอน ๑, น.๔๕๐ หัวขอ ๗๕๖

๑๘๖ ®Õ¡Ò·èÕ ñññö/òõðø น.๑๗๔๑ วนิ จิ ฉยั วา มาตรา ๒๐๕ วรรคทาย เปนเรือ่ งใหง ด การลงโทษผูกระทําผิด (ผูที่กระทําโดยประมาทใหผูตองขังหลุดพนจากการคุมขัง) ในเมื่อผูกระทําผิด สามารถจดั ใหไ ดต วั ผทู หี่ ลดุ พน กลบั คนื มาภายใน ๓ เดอื น ¨Ð¨´Ñ â´ÂÇ¸Ô ãÕ ´¡äç ´Œ แตก Á็ äÔ ´ËŒ ÁÒ¤ÇÒÁวา จะตอ งใหโ อกาสผกู ระทาํ ผดิ ไปตดิ ตามผทู หี่ ลดุ พน จากการคมุ ขงั เสยี กอ น จงึ จะสอบสวนฟอ งรอ งลงโทษ ผกู ระทําผดิ ได

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § μÒÃÒ§ÊÃ»Ø ·ŒÒº·àÃÕ¹ ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ฎกี า ๑๕๑๙/๒๕๐๐ ¤íÒ͸ԺÒ ฎกี า ๑๗๓๕/๒๕๐๖ - ความผดิ ตอเจาพนกั งาน ฎกี า ๒๒๔๖/๒๕๑๕ ¤ÇÒÁ¼´Ô à¡èÂÕ Ç¡ºÑ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๖ ฎีกา ๓๑๖/๒๕๑๗ ñ. ´ËÙ ÁÔè¹à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ ฎีกา ๑๕๔๑/๒๕๒๒ มาตรา ๑๓๖ ผใู ดดหู มนิ่ เจา พนกั งาน ซงึ่ กระทาํ การ ฎีกา ๔๑๕/๒๕๒๘ ตามหนา ที่ หรอื เพราะไดก ระทาํ การ ตามหนา ทตี่ อ งระวางโทษ จําคุกไมเกินหนึ่งป หรือปรับไมเกินสองพันบาท ฎีกา ๑๑๒๔/๒๕๐๗ หรอื ทั้งจาํ ทง้ั ปรับ ฎกี า ๒๑๔๑/๒๕๓๒ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี ังนี้ ฎกี า ๑๓๘/๒๕๑๕ ๑. ดูหมิ่น ๒. เจาพนักงานซ่ึงกระทําการตามหนาท่ี หรือ เพราะไดก ระทาํ ตามหนาที่ ๓. เจตนา ò. ᨧŒ ¤ÇÒÁà·ç¨μ‹Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ มาตรา ๑๓๗ ผูใดแจงขอความอันเปนเท็จแก ม.๑๓๗ เจาพนักงาน ซึ่งอาจทําใหผูอื่นหรือประชาชนเสียหาย ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหกเดือน หรือปรับไมเกิน หน่งึ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาํ ทั้งปรบั มาตรานเี้ ปน เรอ่ื งการแจง ความเทจ็ ตอ เจา พนกั งาน เปนการแจงเท็จในเรื่องทั่วๆ ไป ไมวาจะเก่ียวกับเร่ือง ทางแพง อาญา ครอบครัว ที่ดิน หรือเร่ืองเกี่ยวกับวินัย ขา ราชการ เชน แจง กบั เจา หนา ทว่ี า เปน โสด ทงั้ ทแี่ ตง งานแลว เพ่ือจดทะเบียนสมรสใหม หรือแจงวาคูสมรสเปนคนไทย แตค วามจรงิ เปน คนตา งดา วเพอื่ รบั โอนทดี่ นิ เปน ตน มาตราน้ี จงึ เปนบททว่ั ไป การแจง ขอ ความเทจ็ ยงั เปนความผิดตาม บทเฉพาะอกี ได เชน ถา เกยี่ วกบั คดอี าญากผ็ ดิ ตามมาตรา ๑๗๒ หรือมาตรา ๑๗๓ ฟอ งคดอี าญาอนั เปน เท็จ เบกิ ความเท็จ ทําหลักฐานเท็จ นําสืบพยานเท็จ หรือแมแตการบอก ช่อื เท็จเหลานี้ กฎหมายบญั ญตั ิใหเ ปน ความผดิ โดยเฉพาะ ซ่ึงศาลฎีกาถือวาเม่ือการแจงขอความเท็จน้ันผิดตามบท เฉพาะแลว กไ็ มผ ิดตามบททั่วไปคอื มาตรา ๑๓๗ อีก ๑๘๗

ÅíҴѺ àÃ×èͧ ¤íÒ͸ԺÒ ÁÒμÃÒ·àÕè ¡ÂÕè Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ ๑๘๘ บทท่ี ๗ ความผดิ เกี่ยวกับการปกครอง ฎีกา ๒๑๘๖/๒๕๑๘ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ฎีกา ๒๓๓๕/๒๕๑๘ - ความผดิ ตอเจา พนกั งาน ๑. แจง ขอความอันเปนเทจ็ ฎกี า ๕๒/๒๕๒๓ ๒. แกเจาพนกั งาน ฎีกา ๑๙๕๔/๒๕๔๖ ๓. ซงึ่ อาจทาํ ใหผูอ่นื หรอื ประชาชนเสยี หาย ๔. เจตนา ó. μÍ‹ ÊÙŒ¢Ñ´¢ÇÒ§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ มาตรา ๑๓๘ ผใู ดตอสู หรอื ขัดขวางเจาพนักงาน ม.๑๓๘ หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติ ตามหนาที่ ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหน่ึงปหรือปรับ ไมเกนิ สองพันบาท หรอื ทง้ั จําทงั้ ปรับ ถา การตอสูหรอื ขัดขวางนนั้ ไดก ระทําโดยใชก ําลงั ประทุษราย หรือขูเข็ญวาจะใชกําลังประทุษราย ผูกระทํา ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ปรบั ไมเ กนิ สพี่ นั บาท หรอื ทัง้ จาํ ทั้งปรบั วรรคแรกของมาตรานี้บญั ญัติการกระทําอันถือวา เปน ความผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานหรอื ผซู งึ่ ตอ งชว ย เจาพนักงาน สวนวรรคทายเปนเหตทุ ที่ ําใหร บั โทษหนักขน้ึ ความผิดตามวรรคแรก มีองคประกอบของ ความผดิ ดังน้ี ๑. ตอสูห รอื ขดั ขวาง ๒. เจา พนกั งานหรอื ผซู ง่ึ ตอ งชว ยเจา พนกั งานตาม กฎหมายในการปฏบิ ตั กิ ารตามหนาท่ี ๓. เจตนา สําหรับวรรคทาย เปนลักษณะฉกรรจของการ กระทําความผิดในวรรคแรก กลาวคือ ถาการตอสูหรือ ขดั ขวางนนั้ ไดกระทาํ โดยใชกาํ ลังประทุษรา ย หรอื ขูเ ขญ็ วา จะใชกาํ ลงั ประทุษรา ยกต็ อ งรับโทษหนกั ขนึ้

ÅíÒ´ºÑ àÃÍè× § ¤Òí ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÂèÕ Ç¢ŒÍ§ ËÁÒÂàËμØ บทท่ี ๗ ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ô. ¢‹Á¢¹× ã¨à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ม.๑๓๙ - ความผิดตอ เจา พนักงาน มาตรา ๑๓๙ ผใู ด ขม ขนื ใจเจา พนกั งานใหป ฏบิ ตั กิ าร อนั มชิ อบดว ยหนา ทห่ี รอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั กิ ารตามหนา ท่ี โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย ตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ สป่ี  หรอื ปรบั ไมเ กนิ แปดหมน่ื บาท หรือทง้ั จําท้งั ปรบั ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มดี งั น้ี ๑. ขม ขนื ใจ โดยใชก าํ ลงั ประทษุ รา ย หรอื ขเู ขญ็ วา จะใชก าํ ลังประทุษรา ย ๒. เจา พนกั งาน ๓. ใหป ฏบิ ตั กิ ารอนั มชิ อบดว ยหนา ที่ หรอื ใหล ะเวน การปฏบิ ตั ิการตามหนาที่ ๔. เจตนา ¤Òí ͸ԺÒ μÍ‹ ÊŒËÙ ÃÍ× ¢Ñ´¢ÇÒ§ ตอ สู ในท่ีน้หี มายถงึ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการ ขดั ขนื หรอื โตแ ยง อาํ นาจของเจา พนกั งาน แตไ มถ งึ กบั ลงไม ลงมอื กบั เจา พนกั งาน เชน ตาํ รวจเขา จบั กมุ กส็ ะบดั หรอื ดน้ิ ไมยอมใหจับแตไมชกหรือทํารายตํารวจ การตอสูจะตอง ไมถึงกับทํารายหรือใชกําลังประทุษราย เพราะถาใชกําลัง ประทษุ รา ยกเ็ ปน ความผดิ ตามวรรคทา ยไป แตต อ งเปน การ กระทาํ ทแี่ สดงออกมาไมใ ชน ง่ิ เฉยๆ เชน ตาํ รวจจบั กมุ จะพาไป สถานีตํารวจแตไมย อมไปนง่ั เฉยหรอื นอนเสีย ตาํ รวจตอง ยกใสร ถไป อยา งนไี้ มใ ชก ารตอ สู เพราะมไิ ดก ระทาํ การใดๆ อันเปน การขดั ขืนอํานาจของตาํ รวจ ๑๘๙

ÅíҴѺ àÃÍè× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·èàÕ ¡ÕèÂǢ͌ § ËÁÒÂàËμØ ๑๙๐ บทท่ี ๗ ความผดิ เกยี่ วกบั การปกครอง ฎกี า ๔๒๓/๒๕๒๒ ขัดขวาง หมายถึง การกระทําทกี่ อ ใหเ กดิ อุปสรรค - ความผิดตอเจา พนกั งาน หรอื ความยากลาํ บากในการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องเจา พนกั งาน แตไมถึงกับขัดขืนไมใหบรรลุผลเสียทีเดียวเพียงทําให การปฏิบัติหนาที่ของเจาพนักงานลําบากขึ้น เชน ตํารวจ ไลจับ พอตนเองวิ่งขามสะพานไปแลว ก็ดึงไมกระดาน ทอดสะพานออกไมใหตํารวจขาม หรือยิงปนขึ้นฟาขู มใิ หไ ลจ บั กมุ ตอ ไป ถอื เปน การขดั ขวางเจา หนา ท่ี การขดั ขวาง น้ีอาจเปนการกระทําของผูอ่ืนท่ีสอดแทรกเขามาก็ได เชน ตํารวจไลจับแดง เขียวก้ันกลางมิใหตํารวจจับแดงได หรอื เขียวดึงสะพานออกไมใหตาํ รวจขาม เปนตน õ. àÃÂÕ ¡·ÃÑ¾ÂÊ¹Ô à¾Íè× ¨§Ù ã¨à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ มาตรา ๑๔๓ ผใู ดเรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ ม.๑๔๓ หรือประโยชนอ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผูอื่น เปนการ ตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิก สภาเทศบาลโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดย อิทธิพลของตนใหกระทําการ หรือไมกระทําการในหนาที่ อันเปนคุณหรือเปนโทษแกบุคคลใดตองระวางโทษจําคุก ไมเ กนิ หา ป หรอื ปรบั ไมเ กนิ หนงึ่ แสนบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั มาตรานเี้ ปน ตวั อยา งหนงึ่ แสดงวา กฎหมายไมถ อื วา สมาชกิ สภานิตบิ ญั ญัติแหงรฐั สมาชกิ สภาจังหวดั สมาชกิ สภาเทศบาล มฐี านะเปน เจาพนกั งาน เพราะหากสมาชิก เหลานี้เปนเจาพนักงานดวยแลว กฎหมายก็ใชแตคําวา เจาพนักงาน คําเดียวก็พอ ไมจําเปนตองแยกบัญญัติถึง สมาชิกเหลาน้ีไวตางหากอีก ความผิดตามมาตรานี้เปน ความผดิ ทบี่ คุ คลทวั่ ไปกระทาํ มใิ ชเ จา พนกั งานกระทาํ เพราะ กฎหมายใชคําวา “ผูใด”

ÅÒí ´Ñº àÃèÍ× § ¤íÒ͸ºÔ Ò ÁÒμÃÒ·àèÕ ¡ÕÂè Ǣ͌ § ËÁÒÂàËμØ บทที่ ๗ ความผดิ เก่ยี วกบั การปกครอง ฎฎีกีกาา ๒๔๒๓๒๕๑/๒/๒๕๕๒๑๑๙ ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼Ô´ มีดังนี้ ฎีกา ๓๗๐๐/๒๕๒๙ - ความผิดตอเจา พนักงาน อ่ืนใด ๑. เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส นิ หรอื ประโยชน ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง ๒. สําหรับตนเองหรือผูอืน่ - ความผิดตอ เจาพนักงาน ๓. เปน การตอบแทนในการทจี่ ะจงู ใจหรอื ไดจ งู ใจ เจาพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแหงรัฐ สมาชิก สภาเจา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภา จงั หวดั หรอื สมาชกิ สภาเทศบาล ๔. โดยวธิ อี นั ทจุ รติ หรอื ผดิ กฎหมายหรอื โดยอทิ ธพิ ล ของตน ๕. ใหกระทําการหรือไมกระทําการในหนาที่ อันเปนคณุ หรือเปนโทษแกบุคคลใด ๖. เจตนา ö. ãËŒÊÔ¹º¹à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ ๑๙๑ หรอื ประมโยาตชนราอ ๑น่ื ๔ใด๔แกผเใู จดาใพหนขกัองใาหนห รสอื มราบั ชวกิ า สจภะาใหนทติ บิรพั ญั ยญส นิตั ิ ม.๑๔๔ แเพหอื่ งจรงู ัฐใจใสหมก าระชทิกาํ สกภาารจไมังหก รวะัดทหาํ กรือารสหมราอื ชปิกระสวภงิ ากเาทรกศรบะาทลาํ อปนัรบัมไชิ มอเ กบินดหว ยนห่ึงแนสา นทบี่ ตาอ ทงรหะรวือาทงโง้ั ทจษาํ ทจาํ้ังคปกุรบัไมเ กนิ หา ป หรอื มาตราน้ีเปนเร่ืองบุคคลในฐานะราษฎรใหสินบน เจา พนกั งาน ตา งกบั มาตรา ๑๔๒ ซง่ึ เปน กรณบี คุ คลธรรมดา เรียกทรพั ยสินจากบุคคลธรรมดาดวยกนั ͧ¤» ÃСͺ¢Í§¤ÇÒÁ¼´Ô มีดงั น้ี ๑. ให ขอให หรือรับวาจะให ทรัพยสินหรือ ประโยชนอ ื่นใด ๒. แกเ จา พนกั งาน สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง รฐั สมาชกิ สภาจังหวัดหรือสมาชกิ สภาเทศบาล ๓. เจตนา ๔. เพื่อจูงใจใหกระทําการ ไมกระทําการ หรือ ประวงิ การกระทําอันมิชอบดว ยหนาที่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook