Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มหาสติปัฏฐานสูตรบาลี-ไทย ฉบับสาธยายธรรม

มหาสติปัฏฐานสูตรบาลี-ไทย ฉบับสาธยายธรรม

Published by jariya5828.jp, 2022-07-21 04:50:29

Description: มหาสติปัฏฐานสูตรบาลี-ไทย ฉบับสาธยายธรรม (โดย) สุภีร์ ทุมทอง ❝แบ่งปันโดย [email protected]

Search

Read the Text Version

มหาสติปฏั ฐานสูตร บาล-ี ไทย ฉบบั สาธยายธรรม สภุ รี  ทมุ ทอง



มหาสตปิ ัฏฐานสตู ร บาล-ี ไทย สุภีร์ ทุมทอง

มหาสติปฏั ฐานสตู ร บาล-ี ไทย สภุ รี ์ ทุมทอง www.ajsupee.com พมิ พค์ รั้งที่ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ จ�ำนวน ๕,๐๐๐ เลม่ ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๖๕-๒๒๒-๓ ภาพประกอบ มนต์ชยั ขาวสำ� อางค์ แบบปก / รปู เลม่ ภาพพิมพ์

พมิ พท์ ี่ บริษทั ภาพพิมพ์ จำ� กัด ๔๕/๑๒-๑๔, ๓๓ หมู่ ๔ ถ.บางกรวย-จงถนอม ต�ำบลบางขนุน อ�ำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบรุ ี โทรศัพท์ ๐-๒๘๗๙-๙๑๕๔-๖ โทรสาร ๐-๒๘๗๙-๙๑๕๓ แจกเป็นธรรมทาน หา้ มจ�ำหน่าย

คำ� นำ� หนงั สอื “มหาสตปิ ฏั ฐานสตู ร บาล-ี ไทย” น้ี แปลและ เรียบเรียงจาก พระไตรปิฎกบาลี ฉบับมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลยั ทฆี นกิ าย มหาวารวรรค เลม่ ที่ ๑๐ ข้อ ๓๗๒ ถึงข้อ ๔๐๕ โดยแปลทีละประโยคไปตามล�ำดับ เพ่ือให้ เหมาะตอ่ การสวดสาธยายทบทวนเนอื้ หาหลกั ธรรม มหาสตปิ ัฏฐานสูตรน้ี มีเนอ้ื หาทีล่ ะเอียดสขุ มุ ลมุ่ ลกึ พระพทุ ธองคท์ รงแสดงขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั เปน็ มรรคเบอื้ งตน้ เปน็ ทางดำ� เนนิ ใหถ้ งึ นพิ พาน ทรงแสดงกรรมฐานเพอื่ บรรลถุ งึ ความเปน็ พระอรหนั ตจ์ ำ� นวน ๒๑ หมวดในพระสตู รเดยี ว ไดแ้ ก่ (๑) กายานปุ สั สนา ๑๔ หมวด (๒) เวทนานปุ สั สนา ๑ หมวด (๓) จติ ตานปุ สั สนา ๑ หมวด (๔) ธมั มานปุ สั สนา ๕ หมวด ขออนโุ มทนาผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งในการทำ� หนงั สอื เลม่ นี้ และ ขอขอบคณุ ญาตธิ รรมทงั้ หลายทม่ี เี มตตาตอ่ ผแู้ ปลเสมอมา หากมีความผิดพลาดประการใด อนั เกิดจากความด้อยสติ ปญั ญาของผแู้ ปล กข็ อขมาตอ่ พระรตั นตรยั และครบู าอาจารย์ ทงั้ หลาย และขออโหสิกรรมจากท่านผ้อู ่านไว้ ณ ท่ีนีด้ ว้ ย สุภรี ์ ทุมทอง ผู้แปลและเรยี บเรียง ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๖๒

สารบญั (๗) (๙) ก. นทิ านะกะถา (๑๒) ข. อทุ เทสะ (๑๒) ค. นทิ เทสะ (๑๒) ๑. กายานปุ สั สะนา (๑๗) ๑.๑ อานาปานะปัพพะ (๒๐) ๑.๒ อิริยาปะถะปัพพะ (๒๓) ๑.๓ สัมปะชานะปัพพะ (๓๐) ๑.๔ ปฏิกลู ะมะนะสกิ าระปัพพะ (๓๔) ๑.๕ ธาตมุ ะนะสิการะปพั พะ (๓๗) ๑.๖ ปะฐะมะสีวะถิกะปพั พะ (๔๐) ๑.๗ ทุติยะสวี ะถิกะปพั พะ (๔๓) ๑.๘ ตะตยิ ะสีวะถกิ ะปัพพะ (๔๖) ๑.๙ จะตตุ ถะสีวะถิกะปพั พะ (๔๙) ๑.๑๐ ปญั จะมะสวี ะถิกะปพั พะ (๕๓) ๑.๑๑ ฉัฏฐะสีวะถกิ ะปัพพะ (๕๖) ๑.๑๒ สัตตะมะสวี ะถกิ ะปัพพะ (๕๙) ๑.๑๓ อัฏฐะมะสวี ะถกิ ะปพั พะ (๖๓) ๑.๑๔ นะวะมะสีวะถกิ ะปพั พะ (๖๘) ๒. เวทะนานุปสั สะนา ๓. จิตตานปุ ัสสะนา

๔. ธัมมานุปัสสะนา (๗๓) ๔.๑ นวี ะระณะปัพพะ (๗๓) ๔.๒ ขันธะปัพพะ (๘๑) ๕.๓ อายะตะนะปพั พะ (๘๕) ๔.๔ โพชฌงั คะปพั พะ (๙๔) ๔.๕ สัจจะปัพพะ (๑๐๓) ง. อานิสังสะกะถา (๑๖๕) จ. นคิ ะมะนะกะถา (๑๗๖)

นทิ านะกะถา มหาสติปัฏฐานสตู ร บาลี–ไทย ก. นิทานะกะถา เอวัมเม สุตงั ข้าพเจา้ ได้สดับจดจำ� มาแลว้ อย่างน้ี เอกัง สะมะยัง ภะคะวา กุรูสุ วิหะระติ กัมมาสะธัมมัง นาม กรุ ูนงั นคิ ะโม. ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ท่ีนิคมของ ชาวกรุ ชุ ื่อกมั มาสธัมมะ ในแควน้ กรุ ุ ตตั ๎ระ โข ภะคะวา ภิกขู อามนั เตสิ ภิกขะโวติ. ณ ทนี่ น้ั แล พระผมู้ พี ระภาคตรสั เรยี กภกิ ษทุ งั้ หลายวา่ “ดกู ่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย” ภะทนั เตติ เต ภกิ ขู ภะคะวะโต ปัจจัสโสสงุ . ภิกษุท้ังหลายเหล่าน้ันทูลรับแล้ว ซ่ึงพระด�ำรัสของ พระผู้มพี ระภาควา่ “พระเจ้าขา้ ” ภะคะวา เอตะทะโวจะ. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสแล้วซ่ึงมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ ดังตอ่ ไปน้ี สภุ ีร์ ทมุ ทอง | 7



อทุ เทสะ ข. อุทเทสะ เอกายะโน อะยัง ภกิ ขะเว มคั โค. ดกู ่อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ทางนเ้ี ปน็ ทางเดียว สัตตานงั วสิ ทุ ธิยา, เพ่ือความบริสทุ ธข์ิ องสตั ว์ทง้ั หลาย โสกะปะริเทวานัง สะมะตกิ กะมายะ, เพอ่ื ความก้าวล่วงซึง่ โสกะและปริเทวะทงั้ หลาย ทุกขะโทมะนัสสานัง อัตถงั คะมายะ, เพอื่ ความดับไปแห่งทุกข์และโทมนสั ทง้ั หลาย ญายสั สะ อะธิคะมายะ, เพ่ือการบรรลุถึงซึ่งอรยิ มรรค นิพพานัสสะ สจั ฉิกริ ยิ ายะ, เพือ่ การกระทำ� ใหแ้ จ้งซึง่ พระนิพพาน ยะทิทัง จตั ตาโร สะตปิ ัฏฐานา. ทางน้ี คือ สตปิ ฏั ฐานทงั้ หลาย ๔ ประการ สุภีร์ ทมุ ทอง | 9

มหาสติปัฏฐานสตู ร บาล–ี ไทย กะตะเม จตั ตาโร. สติปัฏฐานทัง้ หลาย ๔ ประการ มอี ะไรบ้าง อิธะ ภิกขะเว ภกิ ขุ, ดูกอ่ นภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุในพระศาสนานี้ กาเย กายานปุ สั สี วิหะระติ, เป็นผูต้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซึ่งกายในกายอยู่ อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา, มีความเพยี รเผากิเลส มสี มั ปชญั ญะ มีสติ วิเนยยะ โลเก อะภิชฌาโทมะนสั สัง, กำ� จัดแล้วซึง่ อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลก เวทะนาสุ เวทะนานปุ สั สี วิหะระต,ิ เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ เวทนาในเวทนาทงั้ หลายอยู่ อาตาปี สัมปะชาโน สะตมิ า, มคี วามเพยี รเผากเิ ลส มีสัมปชัญญะ มีสติ วเิ นยยะ โลเก อภิชฌาโทมะนสั สัง, กำ� จัดแล้วซ่ึงอภิชฌาและโทมนสั ในโลก จิตเต จิตตานุปสั สี วหิ ะระติ, เป็นผ้ตู ามเห็นเนือง ๆ ซึง่ จิตในจติ อยู่ อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา, มีความเพียรเผากิเลส มสี มั ปชญั ญะ มีสติ วิเนยยะ โลเก อภชิ ฌาโทมะนัสสัง, ก�ำจดั แล้วซง่ึ อภิชฌาและโทมนัสในโลก 10 | สภุ ีร์ ทุมทอง

อทุ เทสะ ธัมเมสุ ธมั มานุปสั สี วหิ ะระติ, เป็นผตู้ ามเห็นเนอื ง ๆ ซง่ึ ธรรมในธรรมท้งั หลายอยู่ อาตาปี สมั ปะชาโน สะติมา, มคี วามเพยี รเผากเิ ลส มสี ัมปชญั ญะ มสี ติ วเิ นยยะ โลเก อภชิ ฌาโทมะนสั สัง. กำ� จัดแล้วซ่งึ อภิชฌาและโทมนัสในโลก อทุ เทโส นฏิ ฐิโต. อุทเทส จบแลว้ สุภรี ์ ทุมทอง | 11

มหาสติปฏั ฐานสตู ร บาลี–ไทย ค. นทิ เทสะ ๑. กายานุปัสสะนา ๑.๑ อานาปานะปัพพะ กะถัญจะ ภกิ ขะเว ภิกขุ กาเย กายานุปสั สี วหิ ะระติ. ดูกอ่ นภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุเป็นผ้ตู ามเหน็ เนือง ๆ ซ่งึ กายในกายอยู่ อยา่ งไรเล่า อิธะ ภกิ ขะเว ภกิ ข,ุ ดูก่อนภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษใุ นพระศาสนานี้ อรัญญะคะโต วา, เปน็ ผู้ไปแลว้ สปู่ ่าก็ดี รุกขะมลู ะคะโต วา, เป็นผไู้ ปแล้วสโู่ คนไม้ก็ดี สญุ ญาคาระคะโต วา, เปน็ ผ้ไู ปแลว้ สู่ที่ว่างจากเรอื นก็ดี นสิ ที ะติ ปัลลังกัง อาภุชิตว๎ า, ยอ่ มนง่ั พบั ขาทั้งสองขา้ งให้เปน็ บลั ลังก์ อชุ ุง กายงั ปณิธายะ, ตัง้ แล้วซง่ึ กายใหต้ รง 12 | สภุ ีร์ ทมุ ทอง

นิทเทสะ ปะริมขุ ัง สะติง อุปัฏฐะเปตว๎ า, ดำ� รงไว้แลว้ ซ่งึ สตมิ ่งุ ตรงต่อกัมมัฏฐาน โส สะโต วะ อสั สะสะติ, เธอเป็นผมู้ ีสตอิ ยนู่ นั่ เทียวยอ่ มหายใจเขา้ สะโต ปสั สะสะติ, เปน็ ผู้มสี ติอยู่นัน่ เทียวยอ่ มหายใจออก ทีฆัง วา อสั สะสันโต ‘ทฆี งั อัสสะสามี’ติ ปะชานาต,ิ เมอื่ หายใจเขา้ ยาว ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจเขา้ ยาว ทีฆงั วา ปัสสะสันโต ‘ทฆี งั ปสั สะสาม’ี ติ ปะชานาติ, เมอ่ื หายใจออกยาว ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจออกยาว รสั สงั วา อัสสะสนั โต ‘รสั สัง อสั สะสามี’ติ ปะชานาติ, เมอ่ื หายใจเขา้ สน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจเขา้ สน้ั รัสสัง วา ปสั สะสนั โต ‘รสั สัง ปสั สะสามี’ติ ปะชานาติ, เมอื่ หายใจออกสน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจออกสน้ั ‘สพั พะกายะปฏสิ ังเวที อัสสะสิสสามี’ติ สิกขะต,ิ ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราเปน็ ผรู้ ชู้ ดั ตลอดทว่ั ถงึ ซง่ึ กายทง้ั ปวง จกั หายใจเขา้ ‘สัพพะกายะปฏสิ ังเวที ปสั สะสสิ สามี’ติ สิกขะติ, ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราเปน็ ผรู้ ชู้ ดั ตลอดทว่ั ถงึ ซงึ่ กายทงั้ ปวง จกั หายใจออก สุภรี ์ ทุมทอง | 13

มหาสติปัฏฐานสตู ร บาล–ี ไทย ‘ปสั สัมภะยงั กายะสังขารงั อัสสะสิสสาม’ี ติ สิกขะต,ิ ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราระงบั อยซู่ ง่ึ กายสงั ขาร จกั หายใจเขา้ ‘ปสั สมั ภะยงั กายะสังขารงั ปัสสะสสิ สามี’ติ สิกขะติ. ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราระงบั อยซู่ งึ่ กายสงั ขาร จกั หายใจออก เสยยะถาปิ ภิกขะเว ทกั โข ภะมะกาโร วา ภะมะการนั เตวาสี วา, ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย อุปมาเหมือนว่า นายช่างกลึง หรอื ลูกมอื ของนายช่างกลึงผู้มคี วามชำ� นาญ ทีฆงั วา อญั ฉนั โต ‘ทฆี งั อญั ฉามี’ติ ปะชานาต,ิ เมือ่ ชักเชอื กยาว ย่อมรชู้ ัดวา่ เรากำ� ลงั ชักเชือกยาว รสั สัง วา อัญฉนั โต ‘รสั สงั อญั ฉามี’ติ ปะชานาต,ิ เม่อื ชักเชือกสนั้ ยอ่ มรู้ชดั ว่า เรากำ� ลงั ชักเชือกสัน้ เอวะเมวะ โข ภิกขะเว, ดกู อ่ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ฉนั นัน้ เหมือนกนั แล ทีฆงั วา อัสสะสันโต ‘ทฆี ัง อัสสะสามี’ติ ปะชานาต,ิ เมอ่ื หายใจเขา้ ยาว ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจเขา้ ยาว ทฆี ัง วา ปสั สะสันโต ‘ทฆี งั ปัสสะสาม’ี ติ ปะชานาต,ิ เมอ่ื หายใจออกยาว ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจออกยาว รัสสัง วา อัสสะสันโต ‘รัสสงั อสั สะสาม’ี ติ ปะชานาติ, เมอ่ื หายใจเขา้ สน้ั ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจเขา้ สน้ั รัสสัง วา ปสั สะสันโต ‘รัสสงั ปัสสะสาม’ี ติ ปะชานาต,ิ เมอ่ื หายใจออกสนั้ ยอ่ มรชู้ ดั วา่ เรากำ� ลงั หายใจออกสน้ั 14 | สภุ รี ์ ทมุ ทอง

นทิ เทสะ ‘สัพพะกายะปฏสิ งั เวที อัสสะสสิ สาม’ี ติ สกิ ขะติ, ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราเปน็ ผรู้ ชู้ ดั ตลอดทวั่ ถงึ ซง่ึ กายทงั้ ปวง จกั หายใจเขา้ ‘สพั พะกายะปฏิสังเวที ปัสสะสสิ สามี’ติ สกิ ขะต,ิ ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราเปน็ ผรู้ ชู้ ดั ตลอดทวั่ ถงึ ซง่ึ กายทงั้ ปวง จักหายใจออก ‘ปสั สัมภะยัง กายะสังขารงั อัสสะสสิ สาม’ี ติ สกิ ขะติ, ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราระงบั อยซู่ ง่ึ กายสงั ขาร จกั หายใจเขา้ ‘ปสั สมั ภะยัง กายะสังขารงั ปสั สะสิสสาม’ี ติ สิกขะติ. ยอ่ มศกึ ษาวา่ เราระงบั อยซู่ ง่ึ กายสงั ขาร จกั หายใจออก อติ ิ ดว้ ยวิธีการดงั ที่ได้กลา่ วมาแลว้ น้ี อัชฌตั ตัง วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌตั ตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานุปัสสี วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายทั้งภายในและ ภายนอกอยู่บา้ ง สะมุทะยะธัมมานปุ สั สี วา กายสั ๎มงิ วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยู่บ้าง สภุ รี ์ ทุมทอง | 15

มหาสติปฏั ฐานสูตร บาล–ี ไทย วะยะธมั มานุปัสสี วา กายสั ๎มงิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยู่บ้าง สะมุทะยะวะยะธมั มานปุ ัสสี วา กายัส๎มิง วหิ ะระต,ิ เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตดุ บั ในกายอยบู่ ้าง ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนัสสะ สะติ ปัจจปุ ฏั ฐิตา โหต,ิ อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ น้ั เปน็ สภาวะทต่ี ง้ั ขนึ้ เฉพาะหนา้ วา่ กายเทา่ นั้นมอี ยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏสิ สะติมตั ตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญข้ึนแห่งญาณและเพื่อความ เจรญิ ข้ึนแหง่ สตเิ ทา่ น้ัน อะนสิ สโิ ต จะ วิหะระติ, เธอเป็นผู้อันตณั หาและทฏิ ฐไิ ม่อาศัยแลว้ อยู่ นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะต.ิ และย่อมไมย่ ดึ มนั่ ถอื มั่นซึง่ อะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภกิ ขะเว ภิกขุ กาเย กายานปุ สั สี วิหะระต.ิ ดูกอ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษุเป็นผู้ตามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายอยู่ แม้อยา่ งน้ี อานาปานะปัพพงั นิฏฐติ ัง. หมวดลมหายใจเขา้ และลมหายใจออก จบแลว้ 16 | สภุ รี ์ ทุมทอง

นิทเทสะ ๑.๒ อริ ิยาปะถะปัพพะ ปนุ ะ จะปะรงั ภิกขะเว, ดกู อ่ นภกิ ษุทง้ั หลาย วิธกี ารอ่นื ยังมอี ยอู่ กี ภิกขุ คัจฉนั โต วา ‘คัจฉาม’ี ติ ปะชานาต,ิ ภกิ ษุเมือ่ เดินอยู่ ยอ่ มร้ชู ัดวา่ เราเดินอยู่ ฐโิ ต วา ‘ฐิโตมห๎ ี’ติ ปะชานาติ, เมื่อยืนอยู่ ย่อมรชู้ ดั ว่า เรายนื อยู่ นสิ ินโน วา ‘นิสินโนม๎หี’ติ ปะชานาต,ิ เมื่อนงั่ อยู่ ยอ่ มร้ชู ดั วา่ เรานั่งอยู่ สะยาโน วา ‘สะยาโนม๎ห’ี ติ ปะชานาติ, เมอื่ นอนอยู่ ยอ่ มรูช้ ัดว่า เรานอนอยู่ ยะถา ยะถา วา ปะนัสสะ กาโย ปะณหิ ิโต โหติ, กห็ รอื วา่ กายของเธอเปน็ กายทตี่ งั้ อยโู่ ดยอาการใด ๆ ตะถา ตะถา นัมปะชานาต.ิ เธอยอ่ มร้ชู ัดซง่ึ กายนน้ั โดยอาการนน้ั ๆ อติ ิ ด้วยวิธกี ารดังท่ไี ดก้ ลา่ วมาแลว้ นี้ อัชฌัตตัง วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระต,ิ ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหทิ ธา วา กาเย กายานปุ สั สี วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง สภุ ีร์ ทมุ ทอง | 17

มหาสตปิ ัฏฐานสูตร บาล–ี ไทย อัชฌัตตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานุปสั สี วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงกายในกายทั้งภายในและ ภายนอกอยบู่ ้าง สะมทุ ะยะธัมมานุปสั สี วา กายสั ๎มงิ วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยบู่ ้าง วะยะธมั มานุปสั สี วา กายสั ๎มงิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อย่บู า้ ง สะมทุ ะยะวะยะธมั มานปุ สั สี วา กายสั ๎มิง วิหะระติ. เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เปน็ เหตดุ บั ในกายอยบู่ ้าง ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนสั สะ สะติ ปจั จปุ ัฏฐิตา โหติ, อนงึ่ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทต่ี งั้ ขน้ึ เฉพาะหนา้ วา่ กายเทา่ นัน้ มอี ยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏสิ สะติมตั ตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญขึ้นแห่งญาณและเพ่ือความ เจริญขึ้นแหง่ สติเท่าน้ัน อะนสิ สิโต จะ วิหะระต,ิ เธอเปน็ ผอู้ นั ตัณหาและทฏิ ฐไิ มอ่ าศยั แลว้ อยู่ 18 | สภุ รี ์ ทุมทอง

นิทเทสะ นะ จะ กิญจิ โลเก อปุ าทิยะต.ิ และยอ่ มไม่ยดึ ม่นั ถือม่ันซ่ึงอะไร ๆ ในโลก เอวัมปิ ภิกขะเว ภิกขุ กาเย กายานุปสั สี วหิ ะระต.ิ ดกู ่อนภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุเป็นผตู้ ามเหน็ เนือง ๆ ซึง่ กายในกายอยู่ แมอ้ ย่างนี้ อิริยาปะถะปัพพงั นิฏฐิตัง. หมวดอริ ิยาบถ จบแล้ว สุภีร์ ทมุ ทอง | 19

มหาสติปฏั ฐานสูตร บาล–ี ไทย ๑.๓ สัมปะชานะปัพพะ ปนุ ะ จะปะรัง ภิกขะเว, ดกู อ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย วิธกี ารอ่นื ยังมอี ย่อู กี ภิกขุ อะภิกกนั เต ปะฏกิ กันเต สัมปะชานะการี โหต,ิ ภกิ ษุเป็นผู้มปี กติกระทำ� สัมปชัญญะ ในการไปขา้ งหนา้ และในการกลบั หลงั อาโลกิเต วโิ ลกเิ ต สมั ปะชานะการี โหต,ิ เป็นผู้มปี กตกิ ระทำ� สมั ปชัญญะ ในการแลดแู ละในการเหลียวดู สัมมิญชิเต ปะสารเิ ต สมั ปะชานะการี โหต,ิ เป็นผ้มู ปี กติกระทำ� สัมปชญั ญะ ในการค้เู ข้าและในการเหยยี ดออก สงั ฆาฏิปัตตะจวี ะระธารเณ สมั ปะชานะการี โหต,ิ เปน็ ผูม้ ีปกติกระทำ� สัมปชญั ญะ ในการใช้สอยสังฆาฏิ บาตรและจีวร อะสเิ ต ปเี ต ขายิเต สายิเต สัมปะชานะการี โหต,ิ เป็นผมู้ ปี กตกิ ระท�ำสัมปชญั ญะ ในการฉัน ในการดม่ื ในการเคีย้ ว และในการล้มิ อจุ จาระปัสสาวะกัมเม สมั ปะชานะการี โหต,ิ เป็นผมู้ ปี กตกิ ระท�ำสมั ปชัญญะ ในการถา่ ยอจุ จาระและการถา่ ยปัสสาวะ 20 | สุภีร์ ทุมทอง

นทิ เทสะ คะเต ฐิเต นิสินเน สุตเต ชาคะริเต ภาสิเต ตุณ๎หีภาเว สัมปะชานะการี โหต.ิ เป็นผู้มีปกติกระทำ� สมั ปชัญญะ ในการเดนิ ในการยนื ในการนง่ั ในการนอน ในการตน่ื ในการพูด และในการนิ่ง อิติ ดว้ ยวธิ ีการดงั ท่ีได้กล่าวมาแลว้ น้ี อชั ฌัตตัง วา กาเย กายานุปัสสี วหิ ะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานุปสั สี วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อชั ฌตั ตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานุปสั สี วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงกายในกายท้ังภายในและ ภายนอกอยู่บา้ ง สะมทุ ะยะธัมมานปุ ัสสี วา กายัสม๎ ิง วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยบู่ ้าง วะยะธัมมานุปัสสี วา กายัส๎มิง วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยูบ่ า้ ง สะมุทะยะวะยะธมั มานุปสั สี วา กายสั ม๎ ิง วหิ ะระติ. เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตุดับในกายอยูบ่ า้ ง สภุ ีร์ ทมุ ทอง | 21

มหาสตปิ ัฏฐานสตู ร บาลี–ไทย ‘อตั ถิ กาโย’ติ วา ปะนัสสะ สะติ ปจั จุปฏั ฐิตา โหติ, อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทตี่ ง้ั ขนึ้ เฉพาะหนา้ วา่ กายเทา่ นนั้ มีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมตั ตายะ ปฏสิ สะติมตั ตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญขึ้นแห่งญาณและเพื่อความ เจรญิ ขนึ้ แห่งสตเิ ทา่ นัน้ อะนสิ สิโต จะ วหิ ะระติ, เธอเปน็ ผูอ้ ันตณั หาและทฏิ ฐิไมอ่ าศยั แล้วอยู่ นะ จะ กญิ จิ โลเก อปุ าทิยะต.ิ และยอ่ มไม่ยดึ มน่ั ถือม่ันซึง่ อะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภกิ ขะเว ภิกขุ กาเย กายานปุ สั สี วิหะระติ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงกายในกายอยู่ แม้อยา่ งนี้ สมั ปะชานะปพั พัง นฏิ ฐิตัง. หมวดสัมปชัญญะ จบแล้ว 22 | สุภรี ์ ทุมทอง

นทิ เทสะ ๑.๔ ปฏิกูละมะนะสิการะปัพพะ ปนุ ะ จะปะรงั ภกิ ขะเว, ดูกอ่ นภกิ ษทุ ้ังหลาย วิธกี ารอน่ื ยังมอี ยู่อีก ภิกขุ อิมะเมวะ กายงั อุทธัง ปาทะตะลา อะโธ เกสะมตั ถะกา ตะจะปะริยันตงั ปูรันนานปั ปะการสั สะ อะสุจโิ น ปจั จะเวกขะติ, ภกิ ษยุ อ่ มพจิ ารณาซง่ึ กายนน้ี น่ั เทยี ว ตงั้ แตฝ่ า่ เทา้ ขน้ึ ไป เบ้ืองบน ต้ังแต่ปลายผมลงมาเบ้ืองล่าง ที่มีหนังหุ้ม อยโู่ ดยรอบ อนั เตม็ ดว้ ยสงิ่ ไมส่ ะอาดมปี ระการตา่ ง ๆ อิติ ดงั นว้ี า่ อตั ถิ อิมัสม๎ ึ กาเย, ในกายน้ี มแี ตส่ ่งิ ปฏกิ ูลคอื เกสา ผมท้งั หลาย โลมา ขนท้งั หลาย นะขา เล็บท้ังหลาย ทันตา ฟันท้งั หลาย ตะโจ หนัง มังสงั เนือ้ น๎หารู เอ็นทั้งหลาย สภุ ีร์ ทมุ ทอง | 23

มหาสติปัฏฐานสตู ร บาลี–ไทย อฏั ฐี กระดูกทงั้ หลาย อัฏฐมิ ิญชงั เย่ือในกระดูก วักกัง ไต หะทะยงั หวั ใจ ยะกะนัง ตับ กโิ ลมะกงั พังผืด ปิหะกงั มา้ ม ปัปผาสงั ปอด อนั ตงั ล�ำไส้ใหญ่ อนั ตะคุณัง ล�ำไส้นอ้ ย อทุ ะรยิ งั อาหารใหม่ กะรีสงั อาหารเก่า ปติ ตัง ดี เสม๎หงั เสลด ปพุ โพ หนอง โลหิตัง เลอื ด เสโท เหงือ่ เมโท มนั ข้น อสั สุ นำ้� ตา วะสา เปลวมัน เขโฬ นำ�้ ลาย สิงฆาณิกา น้ำ� มกู 24 | สภุ รี ์ ทมุ ทอง

นิทเทสะ ละสกิ า ไขขอ้ มตุ ตัง มตู ร เสยยะถาปิ ภกิ ขะเว, ดกู ่อนภิกษทุ ั้งหลาย อุปมาเหมือนวา่ อภุ ะโตมขุ า มโู ตฬี ปูรา นานาวหิ ิตสั สะ ธญั ญสั สะ, ถงุ ทมี่ ปี ากสองขา้ ง อนั เตม็ แลว้ ดว้ ยธญั พชื ชนดิ ตา่ ง ๆ เสยยะถที ัง, ได้แก่ สาลีนัง วีหีนัง มุคคานัง มาสานัง ติลานัง ตณั ฑุลานงั , ข้าวสาลี ขา้ วเปลือก ถ่วั เขียว ถวั่ เหลอื ง งา ข้าวสาร ตะเมนงั จักขุมา ปรุ โิ ส มญุ จติ ๎วา ปัจจะเวกเขยยะ, บรุ ุษผมู้ ีตาดีเปดิ ออกแลว้ ซงึ่ ถงุ น้นั พึงพิจารณาเห็น อิติ, ดังน้ีวา่ อเิ ม สาลี, เหล่าน้ขี ้าวสาลี อเิ ม วีหี, เหล่าน้ขี ้าวเปลือก อเิ ม มุคคา, เหล่านถ้ี วั่ เขียว อิเม มาสา, เหล่าน้ีถว่ั เหลอื ง สภุ รี ์ ทมุ ทอง | 25

มหาสติปัฏฐานสตู ร บาล–ี ไทย อเิ ม ติลา, เหล่านง้ี า อเิ ม ตณั ฑลุ า, เหลา่ นขี้ า้ วสาร เอวะเมวะ โข ภกิ ขะเว, ดูกอ่ นภิกษุท้ังหลาย ฉันน้นั เหมอื นกันแล ภกิ ขุ อิมะเมวะ กายงั อทุ ธงั ปาทะตะลา อะโธ เกสะมัตถะกา ตะจะปะริยนั ตัง ปรู ันนานัปปะการสั สะ อะสุจโิ น ปัจจะเวกขะต,ิ ภกิ ษยุ อ่ มพจิ ารณาซงึ่ กายนนี้ นั่ เทยี ว ตงั้ แตฝ่ า่ เทา้ ขน้ึ ไป เบ้ืองบน ต้ังแต่ปลายผมลงมาเบ้ืองล่าง ที่มีหนังหุ้ม อยโู่ ดยรอบ อนั เตม็ ดว้ ยสง่ิ ไมส่ ะอาดมปี ระการตา่ ง ๆ อิติ, ดังน้วี ่า อตั ถิ อิมัสม๎ ึ กาเย, ในกายนี้ มีแต่สิ่งปฏกิ ูลคอื เกสา ผมท้งั หลาย โลมา ขนทงั้ หลาย นะขา เลบ็ ท้ังหลาย ทันตา ฟันทัง้ หลาย ตะโจ หนงั มังสัง เน้อื 26 | สุภรี ์ ทมุ ทอง

นห๎ ารู เอน็ ทงั้ หลาย นิทเทสะ อฏั ฐี กระดูกทัง้ หลาย อฏั ฐิมิญชงั เยื่อในกระดกู สภุ รี ์ ทุมทอง | 27 วกั กงั ไต หะทะยงั หวั ใจ ยะกะนงั ตับ กิโลมะกงั พงั ผดื ปหิ ะกงั มา้ ม ปปั ผาสัง ปอด อนั ตัง ล�ำไส้ใหญ่ อนั ตะคณุ ัง ล�ำไส้นอ้ ย อทุ ะริยงั อาหารใหม่ กะรสี งั อาหารเกา่ ปิตตงั ดี เสม๎หงั เสลด ปุพโพ หนอง โลหิตงั เลือด เสโท เหงื่อ เมโท มันข้น อสั สุ น้�ำตา วะสา เปลวมัน เขโฬ น้�ำลาย

มหาสตปิ ฏั ฐานสตู ร บาลี–ไทย สงิ ฆาณกิ า นำ้� มกู ละสิกา ไขข้อ มตุ ตงั มูตร อติ ิ ดว้ ยวธิ ีการดงั ทีไ่ ดก้ ล่าวมาแล้วน้ี อัชฌัตตัง วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระต,ิ ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌตั ตะพะหิทธา วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายท้ังภายในและ ภายนอกอย่บู ้าง สะมทุ ะยะธมั มานุปสั สี วา กายสั ม๎ งิ วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยูบ่ ้าง วะยะธมั มานปุ สั สี วา กายัส๎มงิ วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยบู่ ้าง สะมทุ ะยะวะยะธัมมานุปัสสี วา กายัส๎มงิ วหิ ะระติ. เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เปน็ เหตดุ ับในกายอย่บู ้าง 28 | สภุ รี ์ ทมุ ทอง

นิทเทสะ ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนัสสะ สะติ ปจั จปุ ัฏฐิตา โหต,ิ อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทตี่ งั้ ขน้ึ เฉพาะหนา้ วา่ กายเทา่ นั้นมีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏสิ สะติมัตตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญขึ้นแห่งญาณและเพื่อความ เจรญิ ขนึ้ แหง่ สตเิ ท่าน้นั อะนิสสโิ ต จะ วิหะระต,ิ เธอเป็นผูอ้ ันตณั หาและทฏิ ฐไิ ม่อาศยั แลว้ อยู่ นะ จะ กญิ จิ โลเก อปุ าทยิ ะติ. และยอ่ มไม่ยึดม่ันถอื ม่ันซ่ึงอะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภิกขะเว ภกิ ขุ กาเย กายานปุ ัสสี วหิ ะระติ. ดกู ่อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซึง่ กายในกายอยู่ แมอ้ ยา่ งน้ี ปฏิกลู ะมะนะสกิ าระปัพพัง นิฏฐติ ัง. หมวดการใสใ่ จสง่ิ ปฏกิ ลู จบแลว้ สภุ รี ์ ทุมทอง | 29

มหาสตปิ ัฏฐานสตู ร บาลี–ไทย ๑.๕ ธาตุมะนะสิการะปัพพะ ปุนะ จะปะรงั ภกิ ขะเว, ดกู ่อนภกิ ษุทงั้ หลาย วธิ กี ารอ่ืนยังมีอยอู่ กี ภกิ ขุ อิมะเมวะ กายงั ยะถาฐติ ัง ยะถาปะณิหติ ัง ธาตุโส ปัจจะเวกขะต,ิ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นซ่งึ กายน้นี ัน่ เทยี ว ตามอาการ ทีต่ ้ังอยู่ ตามอาการที่ด�ำรงอยู่ โดยความเป็นธาตุ อติ ิ, ดังน้วี า่ อัตถิ อมิ ัส๎มึ กาเย, ในกายน้ี มีแตธ่ าตุคือ ปะฐวีธาต,ุ ธาตดุ ิน อาโปธาตุ, ธาตนุ ้ำ� เตโชธาต,ุ ธาตไุ ฟ วาโยธาตุ, ธาตลุ ม 30 | สภุ รี ์ ทุมทอง

นทิ เทสะ เสยยะถาปิ ภกิ ขะเว ทกั โข โคฆาตโก วา โคฆาตะกนั เตวาสี วา, ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย อปุ มาเหมอื นวา่ คนฆ่าโค หรือลูกมือของคนฆา่ โคผ้มู คี วามชำ� นาญ คาวงิ วธติ ว๎ า, ฆา่ แล้วซ่งึ แมโ่ ค จะตมุ ะหาปะเถ วิละโส ปฏิวภิ ะชติ ๎วา นิสินโน อัสสะ, แบง่ อวยั วะออกแลว้ แยกเปน็ สว่ น ๆ เปน็ ผนู้ ง่ั เฝา้ อยทู่ ี่ หนทางใหญ่ ๔ แพรง่ เอวะเมวะ โข ภกิ ขะเว, ดูกอ่ นภิกษทุ ั้งหลาย ฉันนน้ั เหมอื นกันแล ภกิ ขุ อิมะเมวะ กายัง ยะถาฐิตัง ยะถาปะณิหิตัง ธาตุโส ปัจจะเวกขะติ, ภิกษยุ อ่ มพจิ ารณาเห็นซ่ึงกายนน้ี ่ันเทียว ตามอาการ ทีต่ ้ังอยู่ ตามอาการที่ดำ� รงอยู่ โดยความเปน็ ธาตุ อิติ, ดังน้วี า่ อตั ถิ อมิ ัสม๎ ึ กาเย, ในกายน้ี มีแตธ่ าตุคอื ปะฐวีธาต,ุ ธาตุดิน สุภีร์ ทุมทอง | 31

มหาสตปิ ัฏฐานสตู ร บาลี–ไทย อาโปธาต,ุ ธาตุน�้ำ เตโชธาตุ, ธาตุไฟ วาโยธาตุ, ธาตลุ ม อติ ิ, ดว้ ยวิธกี ารดังทไ่ี ดก้ ล่าวมาแล้วน้ี อัชฌัตตัง วา กาเย กายานุปสั สี วิหะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌัตตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานุปสั สี วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงกายในกายท้ังภายในและ ภายนอกอยูบ่ ้าง สะมทุ ะยะธัมมานุปัสสี วา กายสั ๎มงิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยู่บา้ ง วะยะธมั มานปุ สั สี วา กายสั ม๎ ิง วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยบู่ ้าง 32 | สภุ รี ์ ทุมทอง

นิทเทสะ สะมุทะยะวะยะธัมมานุปัสสี วา กายสั ๎มิง วหิ ะระต.ิ เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เปน็ เหตุดบั ในกายอยบู่ า้ ง ‘อตั ถิ กาโย’ติ วา ปะนสั สะ สะติ ปัจจุปฏั ฐิตา โหติ, อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทต่ี ง้ั ขน้ึ เฉพาะหนา้ วา่ กายเท่านนั้ มีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏิสสะติมัตตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญขึ้นแห่งญาณและเพื่อความ เจรญิ ขึน้ แหง่ สติเท่านน้ั อะนิสสิโต จะ วิหะระต,ิ เธอเปน็ ผ้อู นั ตณั หาและทิฏฐไิ ม่อาศยั แลว้ อยู่ นะ จะ กิญจิ โลเก อปุ าทิยะต.ิ และย่อมไม่ยึดม่นั ถอื มั่นซง่ึ อะไร ๆ ในโลก เอวัมปิ ภิกขะเว ภกิ ขุ กาเย กายานุปสั สี วิหะระติ. ดกู อ่ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษุเป็นผตู้ ามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายอยู่ แม้อยา่ งนี้ ธาตมุ ะนะสกิ าระปัพพัง นิฏฐิตงั . หมวดการใสใ่ จธาตุ จบแล้ว สภุ รี ์ ทมุ ทอง | 33

มหาสติปฏั ฐานสูตร บาลี–ไทย ๑.๖ ปะฐะมะสีวะถิกะปพั พะ ปุนะ จะปะรงั ภิกขะเว, ดกู ่อนภกิ ษทุ ้ังหลาย วิธกี ารอน่ื ยังมอี ย่อู กี ภกิ ขุ เสยยะถาปิ ปสั เสยยะ สะรรี งั สวี ะถกิ ายะ ฉฑั ฑติ งั , อปุ มาเหมอื นวา่ ภกิ ษพุ งึ เหน็ ซง่ึ ซากศพทเี่ ขาทงิ้ ไวแ้ ลว้ ในป่าช้า เอกาหะมะตงั วา, ทีต่ ายแล้ว ๑ วนั กต็ าม ทว๎ ีหะมะตงั วา, ทตี่ ายแล้ว ๒ วันก็ตาม ตหี ะมะตงั วา, ที่ตายแล้ว ๓ วันกต็ าม อุทธมุ าตะกัง, ที่พองข้นึ อดื วนิ ีละกงั , ท่ีมสี เี ขียวคล้ำ� วิปพุ พะกะชาตัง, ทม่ี ีน�ำ้ เหลอื งเยมิ้ โส อิมะเมวะ กายงั อุปะสังหะระต,ิ เธอย่อมพิจารณาเปรียบเทียบซึ่งกายนี้น่ันเทียวกับ ซากศพนนั้ 34 | สุภรี ์ ทุมทอง

นทิ เทสะ อิต,ิ ดงั นี้ว่า อะยมั ปิ โข กาโย, กายแมน้ ี้แล เอวงั ธัมโม, ก็มคี วามเปน็ อยา่ งน้เี ป็นธรรมดา เอวังภาว,ี มลี กั ษณะเปน็ อย่างนี้ เอวงั อะนะตีโต, ไมล่ ่วงพน้ ความเปน็ อย่างนี้ไปได้ อติ ,ิ ด้วยวธิ ีการดังทไ่ี ดก้ ล่าวมาแล้วน้ี อชั ฌตั ตงั วา กาเย กายานปุ ัสสี วหิ ะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหทิ ธา วา กาเย กายานปุ ัสสี วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌัตตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระต.ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงกายในกายท้ังภายในและ ภายนอกอยูบ่ า้ ง สะมุทะยะธมั มานุปสั สี วา กายัสม๎ งิ วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยบู่ า้ ง สภุ ีร์ ทมุ ทอง | 35

มหาสตปิ ัฏฐานสูตร บาล–ี ไทย วะยะธัมมานุปสั สี วา กายสั ม๎ งิ วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยบู่ า้ ง สะมุทะยะวะยะธัมมานปุ สั สี วา กายสั ๎มิง วหิ ะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตดุ บั ในกายอยู่บ้าง ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนสั สะ สะติ ปัจจปุ ัฏฐิตา โหติ, อนงึ่ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทต่ี งั้ ขน้ึ เฉพาะหนา้ วา่ กายเทา่ นนั้ มีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมตั ตายะ ปฏิสสะตมิ ตั ตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญข้ึนแห่งญาณและเพ่ือความ เจริญขน้ึ แห่งสติเทา่ น้นั อะนสิ สโิ ต จะ วิหะระติ, เธอเปน็ ผู้อันตณั หาและทิฏฐไิ ม่อาศัยแล้วอยู่ นะ จะ กญิ จิ โลเก อปุ าทิยะต.ิ และยอ่ มไม่ยึดมน่ั ถอื มัน่ ซง่ึ อะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภกิ ขะเว ภิกขุ กาเย กายานปุ ัสสี วหิ ะระติ. ดูก่อนภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษเุ ป็นผู้ตามเห็นเนอื ง ๆ ซ่งึ กายในกายอยู่ แมอ้ ย่างนี้ 36 | สภุ ีร์ ทุมทอง

นทิ เทสะ ๑.๗ ทตุ ยิ ะสวี ะถกิ ะปพั พะ ปนุ ะ จะปะรัง ภกิ ขะเว, ดกู ่อนภิกษุทัง้ หลาย วธิ ีการอนื่ ยังมีอย่อู ีก ภกิ ขุ เสยยะถาปิ ปสั เสยยะ สะรรี งั สวี ะถกิ ายะ ฉฑั ฑติ งั , อปุ มาเหมอื นวา่ ภกิ ษพุ งึ เหน็ ซงึ่ ซากศพทเี่ ขาทง้ิ ไวแ้ ลว้ ในปา่ ชา้ กาเกหิ วา ขชั ชะมานงั , อนั กาทัง้ หลายจิกกนิ อยูบ่ ้าง คิชเฌหิ วา ขัชชะมานงั , อนั แรง้ ท้ังหลายจิกกนิ อย่บู ้าง กลุ ะเลหิ วา ขชั ชะมานงั , อนั เหยีย่ วทัง้ หลายจิกกินอยู่บ้าง สุวาเณหิ วา ขัชชะมานงั , อนั สุนขั ทงั้ หลายกัดอยู่กินอยูบ่ ้าง สงิ คาเลหิ วา ขชั ชะมานัง, อันสนุ ัขจิง้ จอกทง้ั หลายกัดกินอยู่บา้ ง วิวิเธหิ วา ปาณะกะชาเตหิ ขัชชะมานงั , อันสัตวท์ ้งั หลายชนิดต่าง ๆ กัดกนิ อย่บู ้าง โส อิมะเมวะ กายัง อปุ ะสงั หะระต,ิ เธอย่อมพิจารณาเปรียบเทียบซ่ึงกายน้ีน่ันเทียวกับ ซากศพน้นั สุภีร์ ทุมทอง | 37

มหาสติปฏั ฐานสูตร บาลี–ไทย อติ ิ, ดงั นว้ี า่ อะยมั ปิ โข กาโย, กายแม้น้แี ล เอวงั ธมั โม, กม็ ีความเปน็ อยา่ งนเ้ี ป็นธรรมดา เอวงั ภาว,ี มลี ักษณะเปน็ อย่างนี้ เอวังอะนะตีโต, ไม่ล่วงพน้ ความเป็นอยา่ งน้ไี ปได้ อติ ิ, ด้วยวิธกี ารดงั ท่ีไดก้ ลา่ วมาแลว้ น้ี อชั ฌตั ตงั วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระต,ิ ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระต,ิ เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌตั ตะพะหิทธา วา กาเย กายานปุ สั สี วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายทั้งภายในและ ภายนอกอยูบ่ ้าง สะมทุ ะยะธมั มานุปัสสี วา กายสั ม๎ งิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อย่บู า้ ง 38 | สภุ ีร์ ทุมทอง

นิทเทสะ วะยะธมั มานปุ ัสสี วา กายสั ม๎ ิง วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยู่บา้ ง สะมทุ ะยะวะยะธัมมานุปัสสี วา กายสั ม๎ งิ วิหะระต.ิ เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตดุ บั ในกายอยบู่ ้าง ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนสั สะ สะติ ปัจจปุ ัฏฐิตา โหติ, อนงึ่ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทต่ี ง้ั ขนึ้ เฉพาะหนา้ วา่ กายเทา่ นน้ั มอี ยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏสิ สะติมัตตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญข้ึนแห่งญาณและเพื่อความ เจริญขน้ึ แห่งสตเิ ท่านนั้ อะนสิ สิโต จะ วหิ ะระต,ิ เธอเป็นผู้อนั ตัณหาและทฏิ ฐิไม่อาศัยแล้วอยู่ นะ จะ กญิ จิ โลเก อุปาทิยะต.ิ และยอ่ มไม่ยึดมั่นถอื มน่ั ซึง่ อะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภิกขะเว ภิกขุ กาเย กายานปุ ัสสี วิหะระต.ิ ดกู ่อนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษเุ ปน็ ผู้ตามเหน็ เนือง ๆ ซึง่ กายในกายอยู่ แม้อย่างน้ี สุภรี ์ ทมุ ทอง | 39

มหาสตปิ ฏั ฐานสตู ร บาลี–ไทย ๑.๘ ตะติยะสวี ะถกิ ะปพั พะ ปุนะ จะปะรงั ภกิ ขะเว, ดกู อ่ นภิกษทุ ัง้ หลาย วิธีการอ่นื ยงั มอี ยอู่ กี ภกิ ขุ เสยยะถาปิ ปสั เสยยะ สะรรี งั สวี ะถกิ ายะ ฉฑั ฑติ งั , อปุ มาเหมอื นวา่ ภกิ ษพุ งึ เหน็ ซง่ึ ซากศพทเ่ี ขาทง้ิ ไวแ้ ลว้ ในป่าช้า อัฏฐสิ งั ขะลกิ งั , ทเ่ี ปน็ โครงกระดูก สะมงั สะโลหิตัง, ทย่ี ังมเี นอ้ื และเลอื ดติดอยู่ น๎หารสุ ัมพนั ธัง, ทยี่ งั มเี อ็นรึงรัดอยู่ โส อมิ ะเมวะ กายงั อุปะสงั หะระต,ิ เธอย่อมพิจารณาเปรียบเทียบซ่ึงกายน้ีน่ันเทียวกับ ซากศพนนั้ อิต,ิ ดังนวี้ า่ อะยัมปิ โข กาโย, กายแม้นีแ้ ล เอวงั ธมั โม, ก็มีความเป็นอยา่ งนีเ้ ป็นธรรมดา 40 | สุภรี ์ ทมุ ทอง

นทิ เทสะ เอวงั ภาว,ี มีลักษณะเป็นอย่างนี้ เอวังอะนะตโี ต, ไมล่ ว่ งพน้ ความเปน็ อยา่ งนีไ้ ปได้ อิต,ิ ด้วยวิธีการดงั ทีไ่ ด้กลา่ วมาแลว้ นี้ อัชฌตั ตงั วา กาเย กายานปุ สั สี วหิ ะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌัตตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานปุ สั สี วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายท้ังภายในและ ภายนอกอยูบ่ า้ ง สะมทุ ะยะธมั มานปุ สั สี วา กายัสม๎ งิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยูบ่ า้ ง วะยะธมั มานปุ สั สี วา กายัสม๎ งิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อย่บู า้ ง สะมุทะยะวะยะธัมมานปุ สั สี วา กายสั ๎มงิ วิหะระติ. เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตดุ ับในกายอยบู่ ้าง สภุ รี ์ ทมุ ทอง | 41

มหาสตปิ ฏั ฐานสูตร บาล–ี ไทย ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนัสสะ สะติ ปัจจปุ ฏั ฐติ า โหติ, อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ น้ั เปน็ สภาวะทตี่ งั้ ขน้ึ เฉพาะหนา้ วา่ กายเท่านน้ั มีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏสิ สะตมิ ัตตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญขึ้นแห่งญาณและเพ่ือความ เจริญข้ึนแห่งสติเท่านั้น อะนสิ สโิ ต จะ วิหะระติ, เธอเป็นผอู้ ันตัณหาและทฏิ ฐิไมอ่ าศัยแลว้ อยู่ นะ จะ กิญจิ โลเก อปุ าทิยะติ. และยอ่ มไม่ยึดมน่ั ถอื มน่ั ซ่ึงอะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภกิ ขะเว ภิกขุ กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ. ดูก่อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษุเปน็ ผตู้ ามเห็นเนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายอยู่ แม้อย่างนี้ 42 | สุภรี ์ ทุมทอง

นทิ เทสะ ๑.๙ จะตุตถะสีวะถิกะปัพพะ ปนุ ะ จะปะรัง ภิกขะเว, ดูก่อนภกิ ษทุ งั้ หลาย วิธีการอ่ืนยงั มอี ย่อู ีก ภกิ ขุ เสยยะถาปิ ปสั เสยยะ สะรรี งั สวี ะถกิ ายะ ฉฑั ฑติ งั , อปุ มาเหมอื นวา่ ภกิ ษพุ งึ เหน็ ซงึ่ ซากศพทเ่ี ขาทง้ิ ไวแ้ ลว้ ในปา่ ชา้ อฏั ฐสิ งั ขะลกิ งั , ท่เี ป็นโครงกระดูก นิมมังสะโลหิตะมกั ขิตงั , ทไี่ มม่ ีเน้อื แต่ยังมเี ลือดเปอื้ นอยู่ น๎หารสุ ัมพนั ธงั , ทย่ี ังมเี อ็นรึงรดั อยู่ โส อิมะเมวะ กายัง อุปะสังหะระต,ิ เธอย่อมพิจารณาเปรียบเทียบซ่ึงกายนี้น่ันเทียวกับ ซากศพนนั้ อติ ,ิ ดงั นวี้ า่ อะยมั ปิ โข กาโย, กายแม้นแ้ี ล เอวงั ธัมโม, ก็มคี วามเปน็ อยา่ งน้เี ปน็ ธรรมดา สุภีร์ ทุมทอง | 43

มหาสติปัฏฐานสูตร บาล–ี ไทย เอวงั ภาว,ี มลี กั ษณะเป็นอย่างนี้ เอวังอะนะตโี ต, ไม่ลว่ งพ้นความเปน็ อยา่ งนไี้ ปได้ อิติ, ด้วยวธิ ีการดงั ท่ไี ด้กล่าวมาแล้วนี้ อชั ฌตั ตงั วา กาเย กายานปุ ัสสี วหิ ะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหทิ ธา วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌตั ตะพะหิทธา วา กาเย กายานปุ ัสสี วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายท้ังภายในและ ภายนอกอยู่บ้าง สะมทุ ะยะธมั มานปุ ัสสี วา กายัส๎มิง วิหะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยบู่ า้ ง วะยะธมั มานุปสั สี วา กายัส๎มงิ วหิ ะระติ, เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อยู่บ้าง สะมทุ ะยะวะยะธมั มานุปสั สี วา กายสั ๎มงิ วิหะระติ. เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซงึ่ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตุดบั ในกายอยู่บ้าง 44 | สุภีร์ ทมุ ทอง

นิทเทสะ ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนสั สะ สะติ ปจั จปุ ฏั ฐติ า โหติ, อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ นั้ เปน็ สภาวะทต่ี ง้ั ขนึ้ เฉพาะหนา้ วา่ กายเท่านัน้ มีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมตั ตายะ ปฏสิ สะติมัตตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญข้ึนแห่งญาณและเพื่อความ เจรญิ ขึ้นแห่งสตเิ ทา่ นัน้ อะนิสสิโต จะ วหิ ะระต,ิ เธอเป็นผู้อันตณั หาและทิฏฐไิ มอ่ าศัยแล้วอยู่ นะ จะ กญิ จิ โลเก อุปาทยิ ะต.ิ และยอ่ มไมย่ ดึ มัน่ ถอื มั่นซง่ึ อะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภกิ ขะเว ภกิ ขุ กาเย กายานปุ สั สี วิหะระติ. ดกู ่อนภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษุเปน็ ผู้ตามเห็นเนอื ง ๆ ซ่ึงกายในกายอยู่ แมอ้ ยา่ งนี้ สภุ รี ์ ทมุ ทอง | 45

มหาสติปฏั ฐานสูตร บาลี–ไทย ๑.๑๐ ปัญจะมะสีวะถกิ ะปพั พะ ปุนะ จะปะรงั ภกิ ขะเว, ดกู ่อนภิกษุท้งั หลาย วธิ ีการอื่นยงั มีอยู่อีก ภกิ ขุ เสยยะถาปิ ปสั เสยยะ สะรรี งั สวี ะถกิ ายะ ฉฑั ฑติ งั , อปุ มาเหมอื นวา่ ภกิ ษพุ งึ เหน็ ซง่ึ ซากศพทเี่ ขาทงิ้ ไวแ้ ลว้ ในปา่ ช้า อัฏฐิสังขะลิกัง, ท่ีเปน็ โครงกระดกู อะปะคะตะมังสะโลหติ งั , ทปี่ ราศจากเน้ือและเลอื ดแลว้ น๎หารสุ มั พันธงั , ทย่ี งั มเี อน็ รึงรดั อยู่ โส อมิ ะเมวะ กายงั อุปะสังหะระต,ิ เธอย่อมพิจารณาเปรียบเทียบซ่ึงกายน้ีน่ันเทียวกับ ซากศพนน้ั อิต,ิ ดังน้ีวา่ อะยมั ปิ โข กาโย, กายแม้นแ้ี ล เอวงั ธัมโม, ก็มีความเป็นอยา่ งน้ีเป็นธรรมดา 46 | สภุ ีร์ ทุมทอง

นิทเทสะ เอวงั ภาว,ี มีลักษณะเป็นอย่างนี้ เอวังอะนะตโี ต, ไมล่ ว่ งพน้ ความเปน็ อยา่ งนีไ้ ปได้ อิต,ิ ด้วยวิธีการดงั ทีไ่ ด้กลา่ วมาแลว้ นี้ อัชฌตั ตงั วา กาเย กายานปุ สั สี วหิ ะระติ, ภกิ ษเุ ปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายในอยบู่ า้ ง พะหิทธา วา กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ, เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ กายในกายภายนอกอยบู่ า้ ง อัชฌัตตะพะหทิ ธา วา กาเย กายานปุ สั สี วิหะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งกายในกายทั้งภายในและ ภายนอกอยูบ่ า้ ง สะมทุ ะยะธมั มานปุ สั สี วา กายัสม๎ งิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซึ่งธรรมเป็นเหตุเกิดในกาย อยูบ่ า้ ง วะยะธมั มานปุ สั สี วา กายัสม๎ งิ วหิ ะระต,ิ เป็นผู้ตามเห็นเนือง ๆ ซ่ึงธรรมเป็นเหตุดับในกาย อย่บู า้ ง สะมุทะยะวะยะธัมมานปุ สั สี วา กายสั ๎มงิ วหิ ะระติ. เปน็ ผตู้ ามเหน็ เนอื ง ๆ ซง่ึ ธรรมเปน็ เหตเุ กดิ และธรรม เป็นเหตดุ ับในกายอยบู่ ้าง สภุ รี ์ ทมุ ทอง | 47

มหาสตปิ ฏั ฐานสูตร บาล–ี ไทย ‘อัตถิ กาโย’ติ วา ปะนัสสะ สะติ ปัจจปุ ฏั ฐติ า โหติ, อนง่ึ สตขิ องภกิ ษนุ น้ั เปน็ สภาวะทตี่ งั้ ขน้ึ เฉพาะหนา้ วา่ กายเท่านั้นมีอยู่ ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ ปฏสิ สะตมิ ัตตายะ, ก็เพียงเพ่ือความเจริญขึ้นแห่งญาณและเพ่ือความ เจรญิ ขน้ึ แห่งสติเท่านั้น อะนสิ สโิ ต จะ วิหะระติ, เธอเป็นผอู้ ันตัณหาและทฏิ ฐิไมอ่ าศัยแลว้ อยู่ นะ จะ กิญจิ โลเก อปุ าทิยะติ. และยอ่ มไม่ยึดมน่ั ถอื มน่ั ซ่ึงอะไร ๆ ในโลก เอวมั ปิ ภิกขะเว ภิกขุ กาเย กายานุปัสสี วิหะระติ. ดกู ่อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษุเปน็ ผตู้ ามเห็นเนอื ง ๆ ซ่ึงกายในกายอยู่ แม้อย่างนี้ 48 | สุภีร์ ทุมทอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook