พวกหนูไมอ ยากใหไล แตส งสารอา ยเลก็ มันตาแดง เพลยี เดินยงั กับจะปลิวลม เมื่อตอนที่เล็กเขา หลบั ไปแลว ตนื่ ข้นึ เลา วา มที างรก ทางเตียน มคี นใสช ดุ ขาวมาจูงใหไ ปทางเตยี น แลว ก็เดนิ ไปเจอ คนเยอะแยะ แตท างรกมคี นเยอะกวา พวกทเ่ี ขาพาไป ใสเ สอื้ ขาว รปู รางใหญ พอไปถงึ เขาบอกวา อยากกลบั บา นหรอื ยัง เลก็ ก็บอกวา อยากกลับบา น และเขากพ็ ามาสง ยังไมไปถึงไหน พอมาถงึ ทางแยก ตอนแรกจะเขาไปทางรก เขา ไมไ ด เพราะวา เขาไมไ ดเอารองเทา ไป ทท่ี างรกนห้ี นาม เยอะแยะจงั เลย พอคนใสช ดุ ขาวทม่ี าสง เขาบอกใหไ ปทางนแี้ หละ แลวเล็กก็ตน่ื น่ีเลก็ เขาเลา นะ ไมใ ชจาํ เรยี งเลา โมห รือเปลา ก็ไมรู ยงั ไมแ นนอนตอนน้ี ตอนนั้นเขาหลบั ไปและตอน ทพ่ี ่จี ําเรยี งเขา เลก็ ไมร เู รอื่ งเลย และกไ็ มไ ดส งั่ วาคดิ ถึงใครอะไรเลย. หมายเหตขุ องผรู วบรวม จุดสาํ คญั ในเรื่องน้คี อื น.ส.เลก็ (คนทรง) ไมรเู ร่ืองเกี่ยวกบั ความตายของจาํ เรียง เพระเพิง่ ไปอยู บานและเปน คนตา งถ่นิ ถาหากจะรบู า งจากคาํ บอกเลา ก็นา จะไมร ูรายละเอยี ด เชน วา ถกู ยิงทีห่ ลงั กอน แลวจึงยงิ ซ้ําท่ศี ีรษะ ฯลฯ นอกจากนน้ั กเ็ กี่ยวกับการรจู ักช่ือและบอกความสมั พนั ธของญาตบิ างคน ซึ่ง เล็ก” ไมเคยพบมา กอน เสียงทเ่ี ปล่ียนไปเหมอื นเสยี งจาํ เรยี งกน็ า สนใจ เพราะ “เลก็ ” ไมเคยพบจาํ เรียง ไมน า จะ สามารถทาํ เลียนได การเลา เรอื่ งความหลังเกยี่ วกบั ที่ไปผา ตัด ซึ่งเกิดกอ น “เล็ก” มาอยูบ า นหลาย ป ก็นาท่ึงมาก เพราะไมใชเ รื่องสลักสําคัญ คงไมมใี ครเลาใหเ ล็กฟงมากอ น ถาจะวา “เล็ก” แกลง ทาํ ก็ไมเหน็ วาจะไดป ระโยชนอ ะไร มิหนาํ ซ้าํ บางครงั้ ยงั พดู ใหเกดิ ผลรายกบั ตวั “เล็ก” เสียดวย เชน ทวงเสอื้ และหามไมใ หใสต อไป เปนตน โดยทว่ั ไป เร่ืองน้ีก็มเี คาโครงแบบเรือ่ ง “ผเี ขา ” ท่วั ๆ ไป มที น่ี า แปลกใจ (สําหรบั ผรู วบรวม) ทบ่ี อก วา มาไดแตเ วลากลางวนั พอพระอาทติ ยตกดนิ กต็ อ งกลับ ท่บี อกวา “เขาปลอย” ในวันพระน้นั ตรง กบั ในเรอ่ื งท่ี ๖ (“วญิ ญาณวนเวยี น”) .......................................... 101
เรอื่ งที่ ๑๓ ผเี ขา หรอื เหลา ทาํ โดย ชาญ วงษโ พธ์ิ (นายชาญ วงษโพธ์ิ เปนบตุ รของนายสาย วงศโพธ์ิ ซึ่งทํางานกับผรู วบรวมมาเปนเวลากวา ยสี่ บิ แลว และผรู วบรวมไดร จู กั นายชาญมาตงั้ แตเ ด็ก ๆ จนกระท่งั เดยี๋ วนอี้ ายุ ๒๖ ป สงั เกตวาเปน คนฉลาด มี ความรูดีพอใช และมนี สิ ยั เชอื่ ถอื ได ขณะทไ่ี ดประสบเรอ่ื งท่เี ลาน้ี นายชาญกาํ ลังทาํ งานอยกู บั ผู รวบรวม นอ งสาวคนหน่ึงของนายชาญก็อยูกบั ผรู วบรวมตง้ั แตเลก็ ๆ เชื่อวาเรือ่ งท่ีเกดิ ขน้ึ นี้ เปน ไป ตามทน่ี ายชาญไดบนั ทึกใหเ อง ตัวนายชาญไดเ ลาเรยี นจนถึงชนั้ ม.ศ. ๕ มคี วามรทู างวทิ ยาศาสตร เหมอื นเดก็ สมยั ใหมท ่วั ไป ตาํ บลบา นของนายชาญ วงษโพธ์ิ ในปจจบุ ันคอื รานแจม เจรญิ ๔๙๑/๑ ใกลวดั เพลง ตําบลบางขุนศรี อําเภอบางกอกนอ ย ธนบุร)ี ประวตั ขิ องผทู ถ่ี กู เขา สงิ เปน ชาย อายปุ ระมาณ ๓๕ ปช ่อื ทองเติม บรสิ ุทธ์ิ รางกายสูงใหญ แข็งแรง ดืม่ สุราเปน ครง้ั คราว ไมกลัวผี เม่อื กอ นเปนผไู มเชอ่ื ในเรือ่ งนใ้ี จแข็งแกรง แตไมคอยเยน็ นกั ประวตั ขิ องผตู าย เปนหญงิ อายุ ๘๑ ป ชื่อ จาํ เรญิ เดชารกั ษ ชอบทาํ บุญ เปน ปาของนายทองเติม แตไมช อบกนั นัก เคยสง่ั ไมใ หข นึ้ บา น เหตกุ ารณห ลังจากทา นเสีย เสียเมอื่ วันเสารที่ ๒๑ พ.ค. ๒๕๐๙ เวลา ๑๗.๓๔ น. หลงั จากนนั้ เวลา กลางคืน มักมีสนุ ขั หอนมาแตไ กล ๆ จนถงึ บานบอ ย ๆ บางคนวา ไดกลน่ิ ศพบาง กล่นิ ธปู บา ง วนั เกิด เหตเุ ปนวนั สวดมนตเยน็ กอนทําบญุ เจ็ดวนั เปนวนั พฤหัสฯ ที่ ๒๖ พ.ค. พ.ศ. ๒๕๐๙ พท่ี องเตมิ ทราบดวี าเปน วนั สวดมนตเ ยน็ พอ ๑๕ น. กวาเล็กนอย กต็ รงไปยงั บานงาน ตามปรกติจะตองดมื่ เหลา ทปี่ ากตรอก แตค ราวนีไ้ มด มื่ เมอ่ื ถึงทางแยกจะตองผานตน ละมดุ สดี า ไดยนิ เสยี งขขู องงเู หาตาลานตวั ใหญท น่ี อนขวางทางอยู พรอ มกบั ชคู อขนึ้ พท่ี องเตมิ กส็ ะดงุ ขนลกุ ซูทงั้ ตวั แลว เตะงกู ระเดน็ ไปพรอ มกบั ดา สาปแชงตาง ๆ พอนกึ ถงึ ตนละมดุ สดี าขน้ึ ได กไ็ ดยกมือไหวข อโทษทไี่ ดกลาวคาํ หยาบ (ทุกครั้งท่ผี านตนไมตน นี้ ตองยกมอื ไหวเ สมอ) เขาบอกวา ตัง้ แตเ จองแู ลว จติ ใจเล่ือนลอย คลายกับวา มอี ีกจิตหนึ่งมาบงั คบั อยู บางครงั้ จติ ใจลอย บางครั้งกค็ มุ อยู แมเดนิ ถงึ ประตรู วั้ สวนกย็ ังเดนิ เลยไป จนกระทงั่ ไดย นิ เสยี งดงั มาจากบานจงึ รูว า เดนิ เลยไป และตองยอนกลบั มาใหม เมื่อเดนิ ถงึ บา น มหี ญงิ คนหนง่ึ อาบนาํ้ อยู อีกคนนัง่ ทห่ี วั บันได คนหลังไดทกั ขึ้นวา “แหม วนั นเ้ี มาจน เดนิ เซมาเทยี วนะ” 102
พเี่ ตมิ โมโหมาก (เพราะไมไดด ่มื ) แตก ็ไมไ ดพดู อะไร ขน้ึ ไปบนเรือน ก็ถกู เพ่ือนผชู ายย่ัวโมโหอีก เมือ่ มคี นมาดงึ ไปฟง พระสวดมนต ก็น่ังอยหู า ง ๆ เพราะรูส กึ วา ใจคอหงุดหงิดมาก พระพระสวดปดรงั ควานผี (นกั ขัตตะยกั ขะ ภตู านงั ) พีเ่ ติมกร็ ูส กึ กระสบั กระสาย อยากจะออกไปใหพน ออกมาแลว อยากจะลงบนั ได แตก า วขาไมอ อก พอพระสวดเสรจ็ แลว กเ็ ขา วงดม่ื เหลา กบั เขา ถึงประมาณ ๒๑ น. กม็ อี าการมนึ เมามากแลว ลกุ เดนิ ไปโนน มานอี่ ยตู ลอดเวลา จนกระทัง่ ญาติตองพาไปนอนทหี่ อ งพระ แตก็ยงั ลกุ ๆ นง่ั ๆ อยูอกี กระผมกบั พ่บี า ย (ลกู ผูน อ งของพเี่ ตมิ ) ตองเขามาปลอบโยนใหน อนเพราะเมามาก แตก น็ อนไม หลับ เห็นบอกวา จติ ใจมันหงุดหงดิ อีกสักครกู ล็ กุ ขน้ึ วาจะจดุ ธปู เทียนบชู าพระ (เปน ทีน่ า สังเกตอยู ขอ หนึ่งคอื ตามธรรมดา คนเมาถาลงนอนแลว สักครูเดยี วก็จะหลบั เลย ถึงแมตวั พ่เี ตมิ เองกต็ าม โดยปกติ เมือ่ เมามาทบ่ี า นแลว ถา ลงนอนแลว สักครูเดยี วก็หลับ แตคราวนี้ไมห ลบั ) เมื่อกระผมจุดธูปเทยี นใหแ ลว กใ็ หพ ีเ่ ตมิ บชู าพระและใหบอกเลาใหคณุ ยายไมใหมารบกวนเวลา นอนหลบั ตอนนพ้ี ่ีเตมิ เรมิ่ พูดมากและนงั่ กระสบั กระสา ย แลว ก็เริม่ รอ งไห พดู วา “อา ยบา ย กูเปน บาแลว นะ อายบา ย กูบา กูอยากตาย วันน้กี ตู ายแน” แลวกร็ องไหสะอึกสะอนื้ เปน การใหญ จนคนมามงุ ดนู กึ วา เปนบา จริง ๆ บางคนกค็ ดิ วา แกลง ทํา กระผมและพบ่ี า ยชว ยกันปลอบโยน และใหตง้ั นะโม ๓ จบ เพื่อจะสวดมนตตอไป พเี่ ตมิ พยายามทํา ใจใหสงบ แตส วดไมไ ด ก็รอ งไหอ ีก พรอ มกับพูดวา “กูทอ งนะโมไมไ ด ความจาํ กเู สื่อม กปู วดหวั กเู ปน บา แลว นะ อายบา ยนะ กูอยากตาย คนทนี่ ีเ่ ขาไม รักกู เขาเกลยี ดกู กอู ยากตายเหลือเกนิ วนั น้กี ตู ายแน แลว เอง็ เอากเู ผาพรอ มกับยายดว ยนะ” แลว ก็รอ งไหใ หญ กระผมกบั พีบ่ ายกช็ วยกนั ปลอบ พี่บา ยสอนใหท องนะโม พี่เติมก็พดู ตาม ตอไดส องสามคาํ กว็ า ทอ ง ไมไ ดอ ีกแลว กร็ องไห และพดู เหมอื นอยางเดิม แลวก็ไมพ ดู อะไร ไดแตน ่งั น่งิ มองกระผมและพ่ี บา ย มอื พนมดอกไมธ ปู เทียนอยเู ชน น้นั นยั นต าน้ันเศราหงอย ๆ อยา งไรชอบกล เมอ่ื เหน็ น่ังน่ิง ๆ กระผมกส็ ะกดิ พบี่ า ยใหออกมาเสีย จะไดไมร บกวน แตพ อจะลกุ ข้ึน พเี่ ติมกฟ็ บุ ลงทนั ที ทําให กระผมใจเสยี นกึ วา ตายจริง ๆ กจ็ บั มาหนนุ นอนตักกระผม จบั ชพี จรดู แลว ตบที่แกม เขยาตามตัว สักครูกร็ ูสึกตวั แตต อนนีไ้ มใชพ เ่ี ตมิ กลบั กลายเปน ยายทเ่ี สยี แลว มาเขา สิงอยู สงั เกตจากกิริยา อาการและเสียงทีพ่ ูด 103
แตมลี ูกหลานหลายคนท่ไี มเชื่อ ไดไปหาหมอผี (หมอไสยศาสตร) มาทดลองวา เปนจริง หรอื แสรง ทํา แตยายในรา งของพ่ีเตมิ กร็ ูว า คนนเี้ ปนหมอ คนนัน้ เปน ลูกนอ งหมอ ยาย (ในรางพเี่ ติม) มองดู หมอและหมอกจ็ องดยู ายเชน เดียวกนั สักครูยายจงึ เบือนหนาหนีพรอมกบั รอ งไห แลวบอกวา คนน้ี เปนหมอผี ใหไ ลไ ปใหพน ถงึ แมล ูกหลานจะหลอกวา ไมใช ยายก็ไมเช่ือ แลวตอวาหลานตา ง ๆ นานา หาวา ไปสมคบรเู หน็ เปน ใจกบั พเ่ี ขยของกระผม ไปหาหมอมากาํ จัดออกไปจากบาน ตอง ปลอบโยนกันอยนู าน จงึ เชอื่ ทมี่ าเขา รา งพี่ทองเตมิ น้ี เขา ๆ ออก ๆ รวมสี่ครั้ง เมือ่ เขามาอยูใ นรางของพีท่ องเตมิ ก็ขอหมากขอพลู (ธรรมดาพ่เี ตมิ ไมเ ค้ยี วหมาก) ขอยาสบู (ใบ จากกบั ยาต้งั ) อยูตลอดเวลา หมากคาํ หนง่ึ เคี้ยวประมาณสองทีกข็ อใหมอ กี เรอ่ื ย ๆ ใหเ อาหมาก สองคํามารวมเปน คําเดยี วก็บอย ระหวา งเขาสิงอยูกร็ องหม รอ งไห บอกวาคดิ ถงึ ลกู หลาน อยากจะ มาหา แตก็มาไมไ ด เขามัดไว เขาไมปลอ ยใหมาเลย (“เขา” ในทน่ี ้ีใครก็ไมร ู เพราะไมม ใี ครถาม) ตอวา ลกู หลานวา ทาํ บญุ แลว กรวดนาํ้ ผิด ๆ ถกู ๆ จงึ ไมถ งึ ทุกวนั นล้ี าํ บากมาก ถูกเขาสาดนา้ํ กรด เขาตาทง้ั สองขา ง ถกู ใชง านตลอดทงั้ วนั ทงั้ คนื ไมมเี วลาพกั ผอน และบอกวา ยังเหลืออกี ชนั้ เดียวก็ จะไดข ึ้นสวรรค เมอื่ มีผูถามถึงลูกหลานท่ไี ดส น้ิ ชวี ิตไปแลว ก็สามารถบอกไดวา คนนส้ี บายดี อวนทว น หรือวาคน โนนตกทุกขไ ดย ากลาํ บากอยางไร ๆ บอกไดเ ทาทต่ี ัวเองไปถึง เม่อื เวลาจะมาเยี่ยมลูกหลานกถ็ กู คุณ ตาทเ่ี สยี ไปกอนแลวคอยขดั ขวางไมใ หม า เพราะเกรงจะรบกวน เม่ือถงึ บา นก็ตอ งขออนญุ าตเจาของ บาน (ผบี า น) อีก และมเี วลาจํากัด การออกทา ทาง การเรยี กลกู หลานและอาการที่กินอาหารกต็ าม เหมอื นกบั เมอ่ื ครั้งมีชีวติ อยูไ มม ผี ดิ กอ นท่จี ะกลบั ไป ไดข ออาหาร หมากพลแู ละยาสบู เมือ่ อมิ่ ดแี ลว ไดส ั่งเสียลกู หลานและฝากฝง ทุก คนเปน ทเี่ รียบรอย แลวกส็ งั่ ใหทําบุญกรวดน้ําไปใหบ าง เมอ่ื ถงึ ๘ ค่าํ ๑๕ คํ่า และบอกวา ตอไปนี้จะ ไมม ารบกวนลกู หลานอีกเลย แตกวา จะไปได รอ งหมรองไหส่งั เสยี กนั อยูน าน เวลาจะกลบั ไป ลง นอนหงาย งอขาเขา ตวั แลวฟาดกบั พน้ื อยสู ักครูก อ็ อก จนกระทั่งบดั น้กี ็ไมป รากฏอะไรอกี เลย ฝายพี่ ทองเตมิ กห็ ายเมา และไมร เู รอื่ งอะไรเลย ซึง่ บางคร้งั กท็ าํ ใหชวนโมโหและอดขันไมได ตอ ไปน้ี เปน คาํ บอกเลาของพ่ีทองเติม บริสุทธ์ิ เมื่อคืนวนั อาทติ ยที่ ๒๖ ม.ิ ย. ๒๕๐๙ เวลา ๒๐ น. วนั ทีค่ ณุ ยายเสยี พที่ องเตมิ ไดม านง่ั เฝาดคู ณุ ยายจนกระทง่ั ส้ินลมหายใจ แลวก็เรม่ิ ปวดศีรษะตง้ั แต วนั นั้นมา จนกระทัง่ หลังจากวันทีค่ ณุ ยายเขาสิงจงึ หาย กอนที่จะเขาสงิ รูสึกปวดศรี ษะมาก ความจํา เสื่อมและจิตใจไมเปน ของตวั เอง คอื เปน ไปตามอํานาจของจติ ใจทม่ี าบงั คบั อยู ตอ มามอี าการหนา มดื ตาลาย เหน็ หนา คนใหญเ ปน หา เทา หกเทา กลัวตะลีตะลานจะหนี เพราะคดิ วา เขาจะมากนิ เลือด กนิ เนื้อของตัว อยากจะหนีแตกท็ าํ ไมไ ด เพราะมอื เทา ศรี ษะและลาํ ตวั หนัก มอื เทา อยากจะปอ ง ปด ก็ทาํ ไมไ ด หายใจไมสะดวก อดึ อดั คลายจะเปน ลม ใจหววิ ๆ แลว หัวใจคอ ย ๆ หรท่ี ลี ะนอ ย ๆ จนกระท่งั ดับวบู ลงไปทนั ที แลวก็สนิ้ ความรูส กึ ไป มีความรสู กึ อีกที ตอ เมื่อคุณยายไดอ อกไปแลว 104
แลวก็ความความรูสกึ เบาเหมือนคนธรรมดา จติ ใจกเ็ หมอื นปกติ หายจากการปวดศรี ษะ ลาํ ตวั มือ เทา เบา หายใจกส็ ะดวก แตเหน่ือย อยากจะพกั ผอ นและกระหายน้ํา (ซ่ึงเขาเปรยี บเหมือนคนดาํ น้าํ ลึก ๆ) เกย่ี วกบั เหตุการณในวันทาํ บญุ เจด็ วนั คณุ ยาย ก็คลา ยกบั ทบี่ นั ทกึ ไวในตอนตน พีเ่ ตมิ บอกวา จิตใจ เลอื่ นลอย คมุ สติไมค อ ยอยู แมแ ตอยากนงั่ ฟงพระสวดมนตใหใ กล ๆ กท็ ําไมไ ด จิตใจรอ นรน กระสบั กระสายท่ีสดุ จนตองลุกออกมาขางนอก เมอ่ื พระสวดเสรจ็ แลวจึงรวมวงดื่มสรุ ากับเขา คน ประมาณ หกเจ็ดคน เหลาประมาณ ๒ ขวด แตพ ท่ี องเตมิ บอกวายงั ไมเมา ตามปกติ คนเดียวตอ ง ขวดเตม็ ๆ จงึ จะเมา พอมาจดุ ธปู เทยี นบชู าพระแลวก็เรม่ิ ถกู สิง. ชาญ วงษโ พธ์ิ (หลาน) ผเู ขยี น วันศุกรท ่ี ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๙ หมายเหตขุ องผรู วบรวม เรือ่ งนเี้ ปน จาํ พวก “ผีเขา ” เหมอื นเรื่องท่ี ๑๒ และมีลักษณะแบบเดียวกบั ผเี ขา ทว่ั ไป เชน เสียงและ อากัปกิริยาเปลย่ี นแปลง ไปเหมอื นกับผูต าย ในเรอื่ งนอ้ี า งถึงอาหารฬีร่ บั ประทานและการเรียก หมากเอาไปเคยี้ วอยา งถี่ ๆ เหมอื นอยางกระหายมาก นายทองเตมิ เองไมเ ค้ียวหมาก ( ตามคาํ บอก เลา ของนอง ) แตสูบบุหรี่ ผตู ายก็สูบบุหร่เี หมือนกนั เรอื่ งนี้เสียนํ้าหนักไปมากตรงทผ่ี ูถกู เขาเปน คนด่ืมเหลาและในวนั น้ันก็ไดด ่ืมคอ นขา งมาก มีอาการ คลายมนึ เมา ทําใหสงสยั วาจะแสดงอาการตาง ๆ เพราะความเมาหรือเพราะความต้งั ใจจะหลอก คนอ่นื หรอื มใิ ช ไมท ราบวา หลักฐานทางชวนเชอ่ื กบั ชวนไมเชือ่ ผา ยไหนจะหนกั กวา กัน อยา งไรก็ดี การบรรยายโดยละเอียดเกี่ยวกบั อาการกริ ยิ าตลอดจนความรสู ึกของผทู ่ถี ูกเขา อาจชว ยเพ่มิ คณุ คา ขนึ้ ไดม าก .......................................... 105
เรอื่ งที่ ๑๔ วญิ ญาณตอ นรบั โดย จนั ทร ตจู นิ ดา (คณุ จนั ทร ตูจ นิ ดา เปนสภุ าพสตรใี นตระกลู ผูพ ิพากษาชน้ั พระยา มีการศกึ ษาดี ทนั สมัย มฐี านะม่งั คงั่ และมนี สิ ยั ดี เปน ทีน่ บั ถือของคนจํานวนมาก สามเี ปน นายแพทยและศาสตราจารย ในปจ จบุ นั น้ี คณุ จนั ทรมอี าย ๔๐ ปเ ศษ อยบู านเลขท่ี ๙๖๐ ซอยวดั แค ถนนนครชัยศรี พระนคร) เมอื่ วนั ที่ ๕ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๐๐ ไดอ อกจากบานเวลาประมาณ ๘ โมงเชา ไปรับคุณหญงิ สาคร ภรรยาคุณหลวงจํารญู เนตศิ าสตร เพอ่ื จะวานทานทาํ ดอกไมส าํ หรบั งานเจด็ วนั ศพของคณุ แดง เรอื งวเิ ศษ โดยทด่ี ิฉนั ชอบพอกบั ผตู ายมาก จงึ รบั จัดดอกไมงานศพใหตลอดงาน เม่ือไปถึงบานคุณแดงกเ็ ปลยี่ นดอกไมเกาจนเสรจ็ แลว น่งั คยุ กันบนเกาอ้ี ซ่งึ อยหู นาทต่ี ง้ั ศพ มี คณุ หญงิ นัง่ เกา อต้ี ัวรมิ คอื จากคุณหญงิ กด็ ิฉัน และตอ จากดิฉันกค็ ณุ นายเยื้อน แมย ายคุณแดง ตอไปกภ็ รรยานอยคณุ แดง ขณะนน้ั คณุ หญงิ หนั ไปดทู ปี่ ระตูหอ งนอนคุณแดงซงึ่ อยขู าง ๆ ท่ีตง้ั ศพ หา งไปประมาณหนง่ึ วา แลว คณุ หญิงกห็ นั มากระตกุ มอื ดฉิ นั ใหม องไปทปี่ ระตบู า ง ดฉิ ันมองตามไปกเ็ หน็ วา ท่ีกระจกประตหู องนนั้ เปน ภาพของคณุ แดงดูเหมือนกบั ยืนอยใู นกระจก ยนื หวั เราะ ผกู เน็คไทสแี ดง เราน่ังอยดู วยกนั สค่ี น ทกุ คนเหน็ เหมือนกันหมด คณุ นายเยื้อนเปน คนรอง ขน้ึ วา “คณุ แดง” แลวก็รองไหโ ฮ ภาพน้นั กห็ ายไป คุณนายเยือ้ นลุกขนึ้ วิ่งเขาไปเปดประตูหอ ง ภายในหองวา งเปลาไมม คี นเลย ทุกคนจงึ ตนื่ เตน สงสัย วา เราไดเ หน็ อะไรกนั แน ทุกคนคงลงความเหน็ วา คณุ แดงตองการจะมาขอบคณุ ดิฉนั และคณุ หญิง ในการท่ีไดจัดดอกไมห นา ศพของเธอใหอยา งสวยงามทกุ ๆ วนั . หมายเหตขุ องผรู วบรวม จดุ สาํ คัญของเรอ่ื งนอี้ ยูท ่ี “อยูดวยกันสค่ี น ทุกคนเห็นเหมอื นกนั หมด” ซึ่งตัดปญ หาเรือ่ งตาฝาดหรือ เหน็ ไปเอง ถาหากไดเ หน็ เพียงคนเดยี ว นอกจากนน้ั การทคี่ ณุ นายเยื้อนไดว ิ่งไปเปด ประตูหองดู และพบวาภายในนนั้ ไมม ใี ครกช็ ว ยตัดปญหาเร่ืองที่อาจจะมคี นแกลงลอ เลน ท่ีนา ท่งึ อีกขอ หน่งึ คอื ไดเ หน็ ภาพนี้ในเวลากลางวนั แสก ๆ คุณจนั ทร เขยี นตอ ทายจดหมายท่ีนําสง เรือ่ งขา งตน นมี้ าวา “ขอยืนยนั วาเร่อื งทเี่ ขียนน้เี ปน เรอื่ งจริง และเห็นเหมอื นกันหมดท้งั สีค่ น” .......................................... 106
เรอื่ งที่ ๑๕ ไปแลว กลบั โดย สวุ รรณ แจง มงคล (เจา คุณพระธรรมจินดาภรณ วัดราชบพิธ ทราบวา ผรู วบรวมมคี วามประสงคจะพมิ พห นังสือ “ภพอื่น” ดวยความมุง หมายที่จะสง เสริมความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา ก็ไดม เี มตตาเลาเรอ่ื งของ คณุ สุวรรณ แจง มงคล ใหฟง ผรู วบรวมเห็นวา เร่อื งนีน้ าจะมีคา มากสําหรบั หนังสอื จึงไดขอความ กรุณาทาน ชว ยขอใหค ณุ สวุ รรณเขยี นให และทา นก็อนเุ คราะหจ นสําเร็จความประสงค คณุ สวุ รรณ ไดแนะนาํ ตวั เองไวใ นเรือ่ งของเธอแลว ตาํ บลที่จะตดิ ตอไดคือ วชริ ภาณุเวช ใกลว ชริ พยาบาล ถนน สามเสน พระนคร โทรศัพท ๘๑๔๙๐๐) ขา พเจา เกดิ ทจ่ี งั หวดั โคราช สาํ เรจ็ พยาบาล ตอมากไ็ ดตัง้ รา นขายยาประเภท ก สามเี ปน ทันตแพทย ชอื่ ราน “วชิรภาณเุ วช” ใกลวชริ พยาบาล กรงุ เทพฯ เมื่ออายขุ า พเจา ๓๐ ป ขาพเจา ปวย ดว ยโรคตบั อักเสบ เปน อยูประมาณเจด็ แปดเดอื น จนกระทั่งเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๐๐ คนื วนั หนึ่ง ขาพเจา รูสึกหนา มืดหมดสตไิ ป ในขณะน้ันรูสึกตวั เหมือนหลบั ไป พอรูส กึ ตวั อีกคร้งั กร็ ูส กึ วา ตวั เบามาก มชี ายสองคน แตงตวั เหมอื นขาราชการ คอื นุง กางเกงใสเ สอ้ื สกี ากี เนือ้ ผาหยาบ ๆ เหมือนกระสอบปาน มาพาขาพเจาไป เขาจับแขนขาพเจา ไว คนละขาง พาเดนิ ไปเร็วมากราวกับวงิ่ ตวั เบาปลวิ ตามเขาไป ในความรสู ึกขณะนนั้ วา ไมมที างจะขัดขนื เขาไดเลย คลายเปนนักโทษถกู จบั ตัวไป หรือเหมอื นกับ ผูใหญม กี าํ ลังแข็งแรง ห้ิวแขนเดก็ เลก็ ๆ แลวพาหิว้ ไป จนไปถึงสถานรี ถไฟแหง หน่ึง มรี ถไฟจอดรอ อยู เขาพาขา พเจา ข้นึ รถไฟ พอขน้ึ รถก็ออกวงิ่ ในขบวนรถไฟนนั้ มผี โู ดยสารแบบเดียวกบั ขาพเจา กลายคน แตไ มม คี นรูจักกนั เลย เหมอื นตา งคน ตางไป แตส ภาพพวกเราทกุ คนเหมอื นหรอื คลา ยกบั เปน นักโทษถกู จบั ตัวไป รถออกวง่ิ ไปไกลมาก ภูมิประเทศสองขา งทางทรี่ ถไฟวิ่ง ขา พเจาไมเคยเหน็ เลยในชวี ติ จนกระท่งั ถึงสถานแี หงหนง่ึ รถไฟ ชะลอเพื่อจะรบั ผูโดยสารอยางเดียวกบั พวกเรา เมือ่ รถไฟหยดุ รบั คน ขาพเจา จึงพบคนหนงึ่ ซึง่ รจู ัก กันดี ขาพเจาเคยเรยี กเขาพ่ี เขาชื่อทเุ รียน คุน เคยกนั มากสมัยทข่ี า พเจา อยทู ่บี านหม่ี จงั หวดั ลพบรุ ี พีท่ เุ รียนแสดงความดีใจ วิ่งตรงมาหาขาพเจา แลว ถามวา “คณุ หมอกม็ าเหมอื นกนั หรอื ” ขาพเจา เรียนพยาบาล เคยฉีดยาใหยารักษาโรค คนจงึ มกั เรยี กขาพเจาวา คุณหมอ 107
ขา พเจาตอบวา “ใช” เพราะในเวลานัน้ ยังไมร สู กึ ตวั วาตาย และจะไปไหน (ท้ังสาํ คัญวา พี่ทุเรยี นก็ คงเปน พ่ที ุเรียน ยังไมร วู า ตายไปแลว มารูเม่ือภายหลังขา พเจาหายจากสลบไดส องสามวนั ) ขาพเจาจงึ ยอ นถามพท่ี เุ รียนวา “มาทําอะไรทนี่ ”ี่ เขาตอบวา “มาไดส องสามวนั แลว” เราไมมเี วลาคยุ กันมาก เพราะรถไฟรบี ออกวง่ิ ตอไปอีก ไปไหนก็ไมร ู ในท่ีสดุ กม็ าถงึ สถานีแหง หนงึ่ คลา ยจุดหมายปลายทาง เขาพาขาพเจา ลงจากรถไฟไป คอื ชายสอง คนแรกน้นั แลวจูงใหเ ดนิ เขาไปในสถานที่แหง หน่ึง เปนหองโถงใหญโ ตมาก มีคนอยูกอ นขา พเจา มากมาย ขา พเจา รูสกึ งงงนั ไปหมด ยนื เควง อยู ตอ มามคี นยกเกาอ้ีมาใหขาพเจา นง่ั เปน เกาอ้ีไมย าว ๆ บอกขาพเจาวา “เจา นั่งเสยี บนน”ี้ ขาพเจาจึงนงั่ พกั เหน่ือย เพราะรสู ึกออ นเพลียในการเดนิ ทางมากบั ชายสองคนนน้ั พอน่ังพกั สกั ประเดยี๋ ว จึงมองไปรอบ ๆ ตวั ก็มองเหน็ เพือ่ นนักเรยี นคนหนง่ึ เมอื่ สมยั เปน นกั เรยี นรวมเรียนกัน มา คร้งั ยงั เล็ก ๆ อายุประมาณสงิ สองสบิ สามป แตเ พ่อื คนนีเ้ ขาตายไปกอ นประมาณสบิ หา ปแ ลว พอเขาเหน็ ขา พเจา เขารีบเดนิ ตรงเขามาหาแลว พดู วา “เธอมาอยา งไร” ขาพเจาตอบวา “ไมท ราบ เขาไปจับเอาตวั มา” คนอนื่ ๆ ก็พากนั มาดขู า พเจา เต็มไปหมด บางคนกแ็ ตงตัวดี บางคนก็ไมม เี สอื้ ผา ใส ถูกขังรวมกนั ไว สว นมากนัง่ อยกู บั พ้นื ดนิ มีเกา อใ้ี หน งั่ อยา งขาพเจาไมก ี่คน เพอื่ นสมัยเลก็ ๆ ของขาพเจา คนนช้ี อื่ “อื้อลง้ั ” เขากน็ ง่ั กบั พนื้ ดนิ สักประเดี๋ยวขาพเจารูส กึ ปวดปสสาวะ จึงลกุ เดนิ ออกประตูไป แตพ อออกเดนิ ก็มคี นว่งิ ตามมาจบั ตวั ไว แลว ถามวา “จะไปไหน” ขาพเจาบอกวา “ไปปสสาวะ” เขาพูดวา “อยูทน่ี ี่ จะไปไหนจะตองขออนญุ าตกอ น จะทาํ อะไรตามใจชอบไมได” พูดแลวเขาก็คมุ ขา พเจาไป ขณะเดนิ ไปนน้ั ขาพเจาเหน็ คนอยสู องขา งทาง โดนขงั อยูใ นคอกคลายสมุ ลกั ษณะเหมอื นสมุ ไก แตใ หญโ ต มคี นอยูมากมาย พอปส สาวะเสรจ็ ขา พเจาก็เดนิ กลบั ไปทพี่ ักคร้ัง แรก พอประเด๋ียวกม็ คี นหาขาหากับ พรอมท้ังขนั ใสน าํ้ มาใหแ ลว บอกวา “กนิ เสีย” ขาพเจา มองดสู ํารบั กบั ขาว แลว ถามเขาวา “ไมม ชี อนมาใหด วยหรือ” 108
ชายคนยกอาหารมาให เขาหันมาตวาดขาพเจา วา “ไมท ํามาน่ี แลว จะไปเอาชอนทไ่ี หนมาตกั กิน” พอเขาพดู เชน นน้ั ทาํ ใหข าพเจานกึ ขน้ึ ไดทนั ทีวา ขา พเจา ทาํ บญุ ถวายสังฆทานวนั เกดิ ของขา พเจา ตั้ง หลายครง้ั ไมเคยเอาชอ นถวายพระทา นเลย นอกจากชอ นขา พเจา ไดเ คยทําถวายหมดทุกอยา ง มี กระท่งั กระโถน แกว ขนั นาํ้ ลืมอยางเดียวคือชอ น ความรูสึกในขณะนั้นรูต วั วา เราทาจะตายมาแลว รูสึกเสยี ดายวาทําบญุ ไวน อยมาก แตก ท็ ําอะไร ไมไดเสียแลว ในเวลานนั้ ชายสองคนท่ีพาขาพเจา มาหายหนา ไปไหนก็ไมรู ขาพเจาจึงรบี ลงมอื รับประทานขาโดยใชม อื เปบ เพ่ือและคนเหลานัน้ กน็ ่ังดขู า พเจา เปนแถว ความรสู ึกเสยี ใจ ทําให ขาพเจา ตน้ื ตนั ใจ เลยรบั ประทานขา วไมลง ไดยกขันน้ําขน้ึ ดมื่ เพื่อน ๆ และคนเหลานน้ั มาขอ รบั ประทานบา ง ขาพเจา ก็อนญุ าต แตพอเขาจบั ขันนํา้ จะดมื่ กต็ องรบี วางวา รอ น รบั ประทานไมไ ด วารอนราวกบั ไฟ ชายคนนน้ั ก็บอกวา “กนิ กนั ไมได ของใครของมัน” เขายงั พดู ตอไปอกี วา “ของเธอ ทาํ มาแลว อีกอยางหนงึ่ ดเู สยี ” เขาช้ไี ปทางหนึ่ง ขา พเจา มองไปตามทเี่ ขาชนี้ น้ั เหน็ กองขเี้ ถา เผากอง อยเู ปน หยอม ๆ กร็ ูสกึ ขนึ้ ไดใ นขณะน้นั วา เราไดเคยเอากระดาษทองกระดาษเงิน เผาใหเตีย่ และแม เวลาตรุษจนี สารทจนี พอน่ังนึกอะไรตออะไรสกั ประเดี๋ยว ชายคนเดมิ ก็มาหา วา จะพาไปดูอะไร แลว เขาก็พาขาพเจาเดนิ ไปดูบรเิ วณทค่ี มุ ขังแหงหนึ่ง มรี ว้ั ลอ มรอบปอ งกนั ไวแขง็ แรง แตไมมหี ลงั คามุง มคี นนงั่ ตากแดด ตากฝน บางพวกชกตอ ยกนั เตม็ ไปหมด ตา งหนาตาแตกยับเยนิ เลือดไหลโทรมใบหนาและไหลไป ตามตัว เขาบอกกบั ขาพเจาวา “นแี่ หละ บาปชนไกละ พอตายลง กต็ องมาตอ ยกนั อยตู ลอดเวลา” พดู แลวเขาก็พาเดนิ ตอไปอีก ผา นอุโมงคม ดื มาก มืดจนนากลวั ไดย ินแตเ สียงคนรอ งโหยหวนครวญ คราง มองไมเ ห็นใคร ๆ ขาพเจา หยุดบอกเขาวา “ไมเขา ไปละ” เพราะรสู ึกกลัวมาก เขาจงึ บอกวา “นี่แหละ บาปเพราะฉอ ราษฎรบงั หลวง มกี รรมหนักมาก เพราะเทากับโกงคนทั้งประเทศ” เขาถามขาพเจาวาอยากดอู ะไรอกี บา ง ขา พเจาบอกวา ไมอยากดแู ลว เขาบอกขา พเจาวา “ดีละ ฉันจะพากลับไป ถาไปอยูเ มอื งมนุษยแลว จงทําบุญใหมาก ๆ และจงทําแตความดี เวลาตาย จะไดไ มมาลาํ บาก จงทําดี ๆ อกี ๒๙ ป ฉนั จะกลบั มารบั อกี ครงั้ ” เขาพูดดังนั้นแลว เขากพ็ าขาพเจากลบั เดนิ มาตามทาง พบคนอยสู องขา งทางเตม็ ไปหมด ลว นแต หนาเศรา ๆ เนื้อตวั ขะมุกขะมอม ตางมหี นาน่ิวคิ้วขมวด ไมมบี า นชองจะอยู น่งั บา ง นอนบา ง ตาก แดด ไมม ีรมไมเปน ทีก่ ําบังเลย ชายคนหนง่ึ จงึ พดู กบั ขา พเจา วา 109
“พวกน้ี เวลาอยเู มอื งมนุษย ไมช อบทาํ บญุ ใหท านเลย พอตายมาแลว กต็ อ งทกุ ขย ากลําบากอยา งที่ เธอเหน็ นน้ั เปน ชั้นแรกกอน ตอ ไปชนั้ ทสี่ อง ตอ งไปรบั กรรมหนักกวา นอ้ี กี “ ในใจขาพเจาเวลานน้ั รสู ึกวา ใจคอหอ เหี่ยว มอื เทาออ นเพลยี ไมม ีแรงจะเดนิ ตอ ไป คดิ เสยี ดายวา เราทาํ บุญมานอยนัก เงนิ ทองทมี่ ีขา งหลงั ชวยอะไรเราไมไ ดเลย ถึงจะมีใครทาํ บญุ อะไรใหเ รา กไ็ ม เหมือนกบั ทเี่ ราทําดว ยมือเอง ชายสองคนนน้ั ดเู หมอื นระรถู ึงความคิดของขาพเจา ได จึงบอกวา “เอาละ กลบั ได” แลวเขาก็พา ขา พเจา วิ่งมาขน้ึ รถไฟ นํามาสง จนถงึ บา น พอถึงบา นเขาจบั ขา พเจาเหวยี่ งขน้ึ บนเตยี ง พอดขี า พเจาลมื ตาขน้ึ ก็ยังมองเห็นชายคนน้นั ยนื อยขู า ง ๆ เวลาลมื ตาขึ้นนน้ั เวลาประมาณตีหา คือ สบิ เอด็ ทมุ จวนสวา ง ชายคนนนั้ บอกวา “เราไปกนั เถอะ จะสวา งแลว เดีย๋ วคนอนื่ จะเหน็ ” แลวหันมาพูดกบั ขา พเจาวา “อยา ลมื ทส่ี งั่ ไวนะ จงทาํ บุญใหดี ๆ อีก ๒๙ ปจะมารบั ใหม” ขาพเจา ยงั บอกคนทอ่ี ยูใ กล ๆ ตัว ในขณะนัน้ ใหดชู ายสองคนนน้ั แตร สู ึกวา ไมม ใี ครเหน็ พอขา พเจาฟนจากความเจ็บไขต บั อักเสบคราวน้นั แลว อาการเจบ็ ปว ยคอ ยทเุ ลาข้ึนรวดเรว็ ประมาณสามวนั ตอ มา คณุ จรญู สามีพท่ี เุ รียนทขี่ า พเจาไปพบมาน้ัน มาบอกวา พี่ทุเรียน ภรรยา ของเขาตายเสยี แลว เมือ่ หา หกวนั มานเ้ี อง ตายที่จังหวดั สงิ หบ รุ ี กต็ รงกบั ท่ีขา พเจา ไปพบมาพอดี และยังมีเร่ืองตอ ไปอกี ในระหวา งทีพ่ บพท่ี เุ รียนน้ัน พ่ีทุเรยี นสง่ั วา ขอใหไปบอกพี่จรญู สามขี องเขา ดวย “ใหร ะวงั รกั ษาตวั ใหด ี จะตายโหง” และวา “คณุ หมอทําบญุ ไดบ ุญทุกอยาง ฉนั ซิ ทําบญุ อะไรไดผ ลนดิ หนอ ย ไมเหมอื นคณุ หมอเลย เพราะ...” (ขาพเจา ไมประสงคเปด เผยผลกรรม) ขาพเจาพบสามพี ที่ เุ รียน กบ็ อกตามทีพ่ ่ที ุเรียนสง่ั นายจรญู ยังพดู ทีเลน ทีจริงวา “ฉันไมเ ช่อื ฉนั ยังแข็งแรง ยงั ไมต าย นท่ี ุเรยี นตายแลว ยงั จะมาหงึ หวงอะไรอกี ” (เวลานนั้ คณุ จรูญมภี รรยานอ ยคนหน่งึ ) ภายหลังทราบวา ในงานเลีย้ งกนั ณ สถานที่แหงหนงึ่ คณุ จรญู ขับรถไปควา่ํ กอ นรถจะควาํ่ มีคน หนง่ึ ขอลงในระหวางทาง วา ขัยรถอะไรอยา งนี้ เด๋ยี วพากนั ตายหมด เขาจงึ ลงไปขน้ึ คนั อนื่ ที่ตาม ๆ 110
มา ไมนานรถท่ีคุณจรญู ขบั ควาํ่ ตัวคณุ จรญู ศรี ษะขาด หวั ไปตกอยทู างหนึง่ เปน ทนี่ า หวาดเสยี ว มาก เรื่องท่ขี า พเจาเลามานี้ ไดล ว งเลยมาเปน เวลานานแลว ประมาณ ๑๒ ป เวลานน้ั ขาพเจา อายุ ๓๐ ป เวลาน้ีอายุได ๔๒ ป ยังอกี ๑๗ ป เทา นน้ั ขา พเจาก็คงตอ งจากโลกนีไ้ ปตามทเ่ี ขาวา อีก ๒๙ ป จะมา รับขาพเจา ใหมหลงั จากนน้ั ขา พเจากม็ ุง ทําแตความดี ไรเปน บญุ เปน กศุ ล เปน ความดี ขา พเจาเต็มใจ ทําเตม็ ความสามารถ เพราะขาพเจาเชือ่ วา ความดเี ปนท่ีพึ่งของขา พเจาไดเ ต็มรอยเปอรเ ซน็ ต ขาพเจา เช่อื วา นรกสวรรคม จี รงิ ๆ เรามีบญุ เกา อยบู า ง จงึ ไดไปเห็นมา หากทานผใู ดยงั ลังเลสงสัย อยู ขาพเจา ขอบอกกลา ววา “อยา สงสยั เลย จงละช่วั กระทําแตค วามดี ทาํ จิตใจใหผ อ งใส บรสิ ทุ ธ์ิ สะอาด จะเปนที่พ่ึงของตนไดแทจรงิ ” ขา พเจา ขอยนื ยันวา เร่ืองท่ีขาพเจาเลามานี้ ตรงความจริงท่ีขาพเจา ไปพบเหน็ มา ไมไ ดตกเตมิ ใหเ กนิ ความจรงิ แมจรงิ ขา พเจานึกอะไรไดห ลายอยา งในระหวา งนน้ั แตเ วลาลว งเลยมานานกจ็ าํ ไม แมน ยํา จงึ เลา เทา ทีจ่ ําไวไ ด และเคยเลา ถวายทา นเจาคณุ ธรรมจนิ ดาภรณ วัดราชบพธิ และพระ เถระอนื่ ๆ ตลอดถงึ เพื่อน ๆ ไปวดั ดว ยกนั ฟง พอดที า นเจาคุณธรรมจนิ ดาภรณ ขอใหข าพเจาจด บันทึกไวและขอสําเนาไปใหค ณุ หมอ ศาสตราจารยอวย เกตสุ ิงห พมิ พใ นงานหกสบิ ปภรรยา คอื ม.ร.ว. สงศรี เกตุสงิ ห ขาพเจาจงึ บนั ทึกถวายทานเจา คณุ ตามประสงค ขาดตกบกพรองอยา งไร ขาพเจา ขออภัยดว ย ใครจะเหน็ วาเปน เร่ืองเหลวไหลไมน า เชือ่ หรอื เหน็ วาเปน เรือ่ งจรงิ ๆ ก็สุดแต อธั ยาศัย จะคดิ กนั ไป เห็นกนั ไป แตส าํ หรบั ขาพเจา ๆ เชอื่ แนร อ ยเปอรเซน็ ต เพราะไดไปประสบ ดวยตนเอง. หมายเหตขุ องผรู วบรวม สาํ หรบั เรอ่ื งคน “ตายแลว” กลับฟน ข้ึนมาเลาอะไรตอ อะไรนัน้ ทง วชิ าแพทยม ขี อแยงไดเสมอวา คนนน้ั เพยี งแตสลบไป และระหวา งนนั้ สมองซึง่ ขาดออกซเิ จน ทําใหเ กิด “ความรูสึก” เปน เรอ่ื งราว ไปตามประสบการณห รอื อุปาทานซึ่งมีอยู ลกั ษณะของ “ยมทูต” “เมอื งผี และ “ยมบาล” ตลอดจน “การสอบสวนประวัต”ิ ฯลฯ ในปรโลกซ่ึงมผี ูเ ลาคลา ย ๆ กัน อาจจะอาวงหกั ลา งได (ถงึ แมผูกลับฟน ขึ้นมา จะยนื ยันอยางสจุ ริตใจวา ไดเห็นจรงิ ๆ) วา เปน เพราะเคยไดย นิ เรอื่ งเลาตอๆ กันมา และเรอ่ื ง เหลานน้ั บนั ทกึ ไวใ นความจําสว นลกึ เรื่อง “ไปแลว กลบั ” นี้ เคาโครงเร่ืองเปน ทํานองเดยี วกบั เรอื่ งที่เคยไดฟ งมาแตกอน เกี่ยวกับคนท่ี ตายไปแลวกลบั ฟน ขน้ึ มา แตม ที ี่นบั วาเปน ลกั ษณะเฉพาะอยูบา ง คือ (๑) การเดนิ ทางไปโดยรถไฟ ซงึ่ นับวา แปลกท่สี ดุ (เปรยี บกบั เร่ืองท่ีสอง “สามเณรระลกึ ชาต”ิ ซ่ึง ผตู ายเดินไปเอง 111
(๒) เครื่องแตงตัวของ “ยมทตู ” ซ่ึงวา คลายกบั เครอื่ งแบบขาราชการ (ในเรื่องอน่ื ๆ โดยมาก แตงตัวแบบคนโบราณ) (๓) ไมมกี าร “ไตสวน” หรอื สอบประวตั ิเชน เร่ืองอนื่ ๆ เปรียบกับเรอื่ งที่สอง) (อาจจะเปนไดว า ลง ไปยงั ไมถ ึงเขตท่ีมีการไตส วนกก็ ลบั ขน้ึ มาเสยี กอน) ท่ีเหมอื นกบั เรอ่ื งอื่น ๆ คือการทผ่ี ูทไ่ี มไ ดท ําบญุ ไว จะกนิ อาหารของผอู น่ื ไมได และไมม ชี อ นจะใช เพราะไมเ คยทําบญุ ดวยชอ น การถกู ควบคมุ ความทกุ ขยากของผไู มไ ดทาํ บญุ ไว ฯลฯ ท่นี า สนใจ คอื การทนี่ างทุเรียนไดต าย สมกบั ทไ่ี ดเหน็ เดนิ ทางไปดวยกนั และสามนี างทุเรยี นก็ตาย ดว ยอุบัตเิ หตุ ตรงกบั ท่ีนางทเุ รียนสง่ั มาเตอื น หลักฐานท่ียงั ไมม ใี นเวลาน้ี แตถาเกิดขน้ึ ตรงตามในเรอ่ื ง จะเปน ขอที่มนี ํา้ หนกั ท่สี ดุ คอื ถา คณุ สุวรรณหมดชวี ิตลงใน พ.ศ. ๒๕๒๙ จริง ๆ เรอื่ งนท้ี านเจา ตวั เชื่อแนอ ยา งไมม ขี อ สงสยั ผรู วบรวมขอ อภยั ตอ คณุ สวุ รรณ กอนทจี่ ะเสนอวา โดยทผี่ รู วบรวมเอง อาจจะเปลย่ี นภพไปกอนกําหนดนน้ั หาก ทา นผูใดทไี่ ดอ า นเรื่องน้ี อยใู นฐานะทจี่ ะสอบสวนได ขอใหเ อาใจใสค อยฟง ขาวเมอ่ื ถงึ เวลาดังกลา ว และชวยแพรข า วใหรูกนั ทวั่ ๆ ไปดว ยวา เรือ่ งของคณุ สุวรรณลงเอยอยา งไร .......................................... 112
เรอื่ งท่ี ๑๖ ภาพหลอนกลางแดด โดย ทองรกั ลรี พนั ธุ (คุณหมอทองรกั ลรี พนั ธุ สาํ เรจ็ วชิ าแพทยจากคณะแพทยศาสตรศ ิรริ าชพยาบาล มหาวิทยาลยั แพทยศาสตร (มหดิ ล) แลว ไปศึกษาเพม่ิ เตมิ ในสหรฐั อเมริกา กลบั มาประกอบวชิ าชีพอยู ณ เมอื ง บา นเกดิ คือ นครเชยี งใหม เปน ผทู ี่มีกิจกรรมคึกคักในดา นสังคม และมีชื่อเสียงในการพดู จรงิ ทาํ จริง และมอี ารมณขนั เคยเปน ประธานลกู เสือชาวบาน และนายกสมาคมไลออ นนครพงิ ค ฯลฯ) คลนี คิ แพทยท อง, ๔๘ ชา งคลาน, เชยี งใหม วันที่ ๑๔ มนี าคม พ.ศ.๒๕๒๐ กราบเรยี น อาจารยท เ่ี คารพอยา งสงู นับต้ังแตไ ดคยุ กบั อาจารยท ่อี ําเภอสารภเี ม่ือ ๖ กุมภาพันธ พ.ศ.๒๕๒๐ เรอื่ งวญิ ญาณหรือ จิตตานุภาพ ซ่งึ อาจารยไ ดก รณุ ายกตัวอยางจากประสบการณข องอาจารย ผมพอใจทมี่ ีความเห็น ตรงกบั อาจารย ในทํานองการยอมรับของแพทยหรอื นักวิทยาศาสตรท ปี่ ราศจากความงมงาย สีลัพตปรามาส ท้ังอาจารยและผมไดผ านการบวชเรียนมาแลวมคี วามเห็นตรงกันวา ปรากฏการณ แหง “วิญญาณ” มีในโลกนจ้ี รงิ เชน เดยี วกับการปรากฏการณต า ง ๆ ของธรรมชาตซิ ่งึ เกดิ ขึน้ ตัง้ อยู และดบั ไปเปน ธรรมดา เรือ่ งหน่งึ ซ่ึงตดิ อยูในความทรงจําและเปนความในใจของผมต้ังแตอายุ ๑๕ จนบดั น้ีอายุ ๔๓ ผมยนิ ดี ท่จี ะเลาใหอาจารยฟ ง โดยถือวาเปนปรากฏการณธ รรมชาติอยา งหนงึ่ แตถ า เลาใหช าวบานฟง เขาก็ อาจจะขนลุกวา ไดฟ งเรือ่ ง “ผหี ลอก” หรอื หากจะเลาใหผ มู ีความรูเชน หมอหนมุ ๆ ฟง เขาก็จะวา “โบราณงมงาย” เขา ทาํ นองเตาลา นปด ังนน้ั ผมจงึ ขอเลา ใหอาจารยร วบรวมไวเ ผยแพรพรอ มกบั ประสบการณข องผอู ีน่ ใหผรู ทู ั้งหลายพิจารณาสบื ไป เมอื่ ๒๘ ปมาแลวผมยงั เปนนักเรยี นอายุ ๑๕ นงุ กางเกงขาส้ัน ผมเกรยี นกําลงั เรยี นรเู รอ่ื งตา ง ๆ เชียงใหมบ า นเกดิ ของผมยังไมเจรญิ นกั ถนนหนทางอําเภอรอบนอกขรขุ ระและเตม็ ไปดว ยฝนุ รถ ประจาํ ทางหรอื รถติดแอรไ มต องพดู ถงึ เพราะไมม ี การไปเท่ียวไกล ๆ ตอ งจางรถบรรทกุ แบบกระบะ น่งั เบยี ดกนั กราํ แดดและสูดฝนุ ไป อยา งนน้ี บั วา ดหี นักหนา ฉะน้นั ในเดอื นเมษายน วันที่ ๑๕ ป ๒๔๙๑ ผมไดไ ปเท่ียวกับคณะสงกรานตซงึ่ เปนเพอื่ นกับนาชาย ผม เขาชวนไปเทย่ี วนาํ้ ตกแมก ลาง อําเภอจอมทอง สมยั นัน้ เวลาปดเทอมผมไปชวยรบั ใชน า ชาย 113
ขายจกั รยาน ไมคอยไดไ ปเท่ียวไหน จึงมีความตนื่ เตน เตรยี มตวั หวิ้ กระปอ งและกระบอกฉดี น้าํ เพือ่ เดนิ ทางไกลเลน สงกรานตใหส นุก การเดนิ ทางเรม่ิ แตเ ชา หลงั อาหาร นงั่ รถบรรทุกเบยี ดกบั ผอู ืน่ ทผ่ี มไมร จู กั ไปตลอดทาง ความตน่ื ตา ต่นื ใจมมี ากเพราะไมเ คยเห็นไมเ คยไป อากาศรอนฝนุ ตลบ ในทอ งฟามีเมฆขาว นกกาบินไปมา ถกู จดจาํ ไวทุกอยางตามประสาเด็กไมเ คยเท่ยี ว ผมสามารถนงั่ เปน เบอ้ื ไมต องคยุ กบั ใคร ๆ เปนชว่ั โมง ๆ ไดแตม องซายมองขวาเคลม้ิ ฝน ไปตามเรือ่ ง หนทางถงึ แมกลางประมาณ ๘๗ กโิ ลเมตร พอดีได เวลาอาหารเทย่ี ง ฟาเริม่ ครม้ึ และฝนเริ่มปรอย คนทไ่ี ปถงึ กอนเรานัง่ พักกันเปน กลุม ๆ คณะเราลงจากรถซึง่ จอดไว นอกบริเวณแลว ผมก็ถือกระปองกบั กระบอกฉีดน้าํ เดินตามนาผชู ายเขาไปในบรเิ วณนํ้าตก สมัยนนั้ น้าํ ตกมปี รมิ าณมากกวาสมัยน้ีมากมาย เสียงดังกระห่ึมกลบเสยี งคยุ ละอองน้ําตกปลิวไปตามลม ผสมกบั ละอองฝนทําใหเ ยน็ พอสบาย ผมเดินตามนาชาย ไตขา มสะพานไมไ ผช ว่ั คราวซ่งึ เพียงแตเอาไมพาดขา มลาํ ธารใหเ ดนิ ไปสูก อนหิน ใหญภ ายใตนํา้ ตก คณะเราแบงเปน พวก ๆ นั่งลอ มวงลงมือรบั ประทานอาหาร บางพวกมขี วดนํ้า และแกวนา้ํ กน รปู ดาว ผาปพู ลาสติกสตี าง ๆ อนั เปนผลติ ภณั ฑแ สนใหม ทําใหคณะเราดทู นั สมยั ไม ยอ ยเลย ผมกินๆ ดๆู ไปทวั่ บริเวณ ยงั ไมท นั จะอิ่มรสู ึกวา ฝนเรมิ่ ความหนักขนึ้ นํา้ บริเวณนํ้าตกเร่ิม มสี ขี นุ แดง สักประเดย๋ี วมีเสยี งคนตะโกนกลบเสียงน้ําตกวา สะพานลอยแลว ผมเหน็ สะพานไมไผล อยไปตามนาํ้ ท่ีสงู ขน้ึ มา พวกนกั ทอ งเที่ยวเฮฮาปรบมอี ชอบใจเสมอื นวาสะพานขาดลอยนาํ้ ไปนัน้ เปน เกมสนกุ ขณะนที้ ุกคนในบรเิ วณนา้ํ ตกยงั สนุกสนานกันเตม็ ที่ ท่ดี ื่มสรุ ายาเมากค็ งมี แตผมไมไดส นใจเพราะ ยงั เปนเด็กไมประสาประสี ไมช า ฝนหนักขน้ึ อกี เราไมส ามารถกลบั สูฝง ธารไดแ มแตค นเดียวเพราะสะพานขาดไปแลว ตางหาท่ี หลบฝนกนั อยางตัวใครตัวมนั ผมสังเกตเหน็ คนทอี่ ม่ิ อาหารกอ นเราไปหลบฝนอยใู ตชะงอนหนิ ทฝี่ ง ตรงขามซงึ่ ยังมที ีว่ างอีกมาก สาํ หรบั ผมไมมหี วงอะไรนอกจากกระปอ งนา้ํ กบั กระบอกฉดี ก็พาตัว หลบเขา ใตช ะงอ นหนิ ไปเบยี ดกับคนอน่ื ๆ สายตาของพวกเราทุกคูจอ งไปที่กอ นหนิ ใหญซ ่ึงอาศยั นง่ั อยแู ตเ ดมิ ยังมผี าพลาสติก อาหาร ขวดน้าํ แกวน้ําและรอยเทาตางๆ วางทิง้ อยู และนํา้ สแี ดงขนุ กําลงั ตกปนมากบั น้ําตกและทวมบริเวณรอบๆ กอ นหนิ อยา งรวดเร็ว ของทว่ี างทง้ิ อยกู เ็ ร่ิมลอยไปตามน้าํ ทว มทีละชน้ิ สองช้ิน 114
ทนั ใดเรากม็ องเหน็ ผูชายสองคน คนหนง่ึ ลา่ํ คนหนง่ึ ผอม ใสเสือ้ สขี าว คนหน่ึงสฟี าคนหนง่ึ กระโดดไป จากชะงอ นผาที่หลบฝนอยู วง่ิ ไปเกบ็ ของมรี องเทา ผา พลาสติก และแกวน้าํ อันเปน ของทนั สมัยนา เสียดายอยู อนิจจา ชว่ั พรบิ ตาทมี่ องอยนู น้ั น้ํากท็ วมถงึ บรเิ วณทเ่ี ขายนื อยูบ นกอนหนิ อยา งรวดเร็ว ผมเหน็ วา เขา ทั้งสองตกใจ ทิง้ ของท่ีถือหมดแลวทาํ ทา ลยุ ขามนํา้ ทีก่ ําลงั ทว มจะกลบั ไปยังชะงอนผาทเี่ ขากระโดด ออกไป ขาเขาส่นั เพราะกระแสนํ้าพัดแรง ผมเห็นภรรยาเขาย่ืนมือออกไปจะรับเขา ชะงอนผา เขาก็ เออื้ มมอื ไปหา ตางคนตา งยื่นแตกไ็ มถ งึ ผมเหน็ เขาตดั สินใจกลับไปยืนกรําฝนบนกอ นหนิ ใหญทั้งสองคน ทุกคนในบริเวณนาํ้ ตกและทุกคนบน ฝงจองมองไปยงั เขาทงั้ สองเปนตาเดยี วกนั นา้ํ สงู ขึน้ อยา งรวดเรว็ และเรม่ิ ทวมสวนยอดของกอนหนิ ใหญท เ่ี ขายนื อยู เขาทั้งสองเปลยี่ นจากทายืนเปน ทาน่งั เอามอื ตะกายหนิ ทา ทางตกใจมาก ในช่ัวพรบิ ตาเดียวนาํ้ กเ็ ทลงจากฝงทเ่ี ราหลบอยใู ตช ะวอนผา ชะเขาท้งั สองลอยไปตามนา้ํ เหมือนมด เหมือนปลวก ผมยนื อยทู ส่ี ูงกวา เพอ่ื นจงึ มองเหน็ ชดั เจน ใครคนหนึ่งท่ียนื อยขู างผมถงึ กบั อุทานวา “เหมือนถายหนัง” ผมเหน็ เขาทั้งสองจมหายไปในกระแสนํ้าปา ทเ่ี ชยี่ วกราก มคี นบนฝง ตรงขา มพยายามชวยโดยเอาไม ไผยาว ๆ ยืน่ ออกไป แตก ไ็ มท นั การณ นั้นคือภาพสดุ ทา ยทผ่ี มเหน็ ขณะนน้ั เราเรม่ิ ไมสบายใจเพราะนํา้ เทผา นชะงอ นหนิ ท่ีเราหลบอยู ทกุ คนมีสามญั สํานกึ ถงึ มหนั ตภยั ธรรมชาติคอื นา้ํ ปา ที่กาํ ลงั เออ้ื มมือมาใกลชวี ติ ของเราทุกคน ตางตะโกนบอกกนั ใหร ีบหนขี ้นึ ทสี่ งู เดชะบญุ ทุกคนหนไี ดห มด รวมทงั้ ผหู ญงิ และเด็กทเ่ี ปน ครอบครัวของผูถูกนาํ้ พดั ทัง้ สอง ผมเลยไดร ู จากที่เขาพดู กนั วาคนหน่ึงชือ่ สมาน คนหนง่ึ ชื่อสมั พันธ มาจากพิษณโุ ลก คนหนง่ึ เปน รอ ยโททหาร อกี คนหนงึ่ เหน็ นายสถานรี ถไฟ บรรดาผูใ กลช ดิ ครอบครัวของผูเ คราะหร ายพากนั ปลอบโยนภรรยาของคนทงั้ สองวาไมเ ปน ไร คง วายไปข้ึนฝงโนน แลว และพูดปลอบใจตา ง ๆ ขณะนน้ั ฝนกห็ ยดุ ตกอยา งกะทนั หนั ตอนนั้นเราอยูบน ท่สี ูง มองลงไปยงั บริเวณท่เี ราเคยหลบฝนทใี่ ตชะงอ นผา เห็นนา้ํ ทวมจนมดิ แลว กใ็ จหาย ทางฝง ตรง ขามมีคนมากมายมองมาทางเรา แตตะโกนกนั ไมไ ดย นิ เพราะน้าํ ปา ไหลแรงเสยี งดงั สนนั่ เราไมม หี วังขามกลับทางท่เี ราขา มมาเพราะน้ําทวมหมดแลว ผคู นออกความเห็นใหเดนิ เลาะฝง ไป ตามน้ําเพื่อหาทางขาม โดยทอี่ าจจะมหี ว ยทีแ่ คบ ๆ หรอื อยางนอ ยกเ็ ปน การตามหาคนทั้งสองไป ดวย คือคุณสมาน และคณุ สมั พนั ธซ่งึ อาจจะไปข้ึนฝง ณ ทสี่ ดุ ทหี่ น่ึง 115
เม่ือไมม ที างอนื่ พวกเราทงั้ คณะกเ็ ดนิ ตามกนั ไป ตอนนน้ั ผมจึงรูวามแี ตพ วกเราเทานนั้ ทีเ่ คราะหร าย เพราะไมร รู สนา้ํ ปา ทนี เ้ี ราไดบ ทเรยี นทนี่ า จดจําท่ีสดุ สภาพน้ําปาในลําหวยขา งหนาเรานั้นดเู หมอื นสตั วร ายทบี่ า คล่ัง กาํ ลังแลน โจนทะยานเปน ลาํ คลนื่ สูง แคหัวแคอ ก เสียงดงั สนนั่ กลบเสยี งพดู สแี ดงขนุ คลก่ั ตน ไมท ัง้ ตน กอไผเปน กอ ๆ หลุดลอยไปตาม กระแสนาํ้ เหมอื นเศษฟาง เราเดินกนั ไปในปา เวลานัน้ ประมาณบา ยสองโมง ตะวนั กลบั จา แผดเผาเพราะฝนหยุดตกแลว รอ งรอยของน้ําปาทีเ่ หน็ อยคู ือตน ไม กอไผท ลี่ ม ระเนระนาดและคราบโคลนที่น้าํ ลดไปใหม ๆ เรา เดินตามปา ขา มลําหว ยลงไปนานพอสมควรจนถึงทร่ี าบ ผมเหน็ ผใู หญป รึกษากันแลว วาไมส ามารถ จะขามได ขณะนน้ั นาํ้ แหง ลงไปมากแลว จากทเ่ี ราหยุดอยูม องเหน็ บานคนบนฝง ตรงขาม นาํ้ ในลาํ ธารยงั มสี ขี ุนและคลนื่ สูงประมาณหัวเขา ชาวบานพยายามจะชว ยเราโดยเอาเกวียนลุยนาํ้ มารบั แตตอ งเลิกเพราะสกู ระแสนาํ้ ไมไ หว ดังนนั้ พวกผใู หญจ งึ ชวยกนั ทาํ ทบี่ ังแดดใหผ หู ญงิ และเดก็ พกั รวมทัง้ บตุ รภรรยาของคณุ สมาน คณุ สมั พนั ธ ดวย พวกผูช ายรวมทงั้ ผมนับตัวได ๑๔ คน คดิ กนั จะเดนิ ยอนเลียบลําหวยขน้ึ ไป ระยะทางไกลพอใช เรา เดินเรียงหนึ่งตามกนั ไป ผมอยูตอนกลางคอนขางทาย คราวน้เี ดินเลยี บลําหว ยจริง ๆ เพราะไมต อง หว งผหู ญงิ และเด็ก และนํ้าปา ก็งวดเหลืออยแู ตใ นลําหว ย เราหวงั วาจะไดพ บคณุ สมาน คณุ สมั พนั ธ ซ่งึ เราเปน หวงอยา งสดุ ประมาณ เราเดนิ ตามกนั ดวยความระมัดระวังเพราะกลัวหลง ผมหาไมเ ทาไดเ หมาะมอื ก็ถอื ไปดว ย คดิ วา อยางนอ ยก็จะไดใชต ีงู เราทั้ง ๑๔ คนมคี วามคลองตัวมากและไมแ สดงอาการเหนด็ เหนอื่ ยเลย ถงึ แมวาจะเปนทางสูงขน้ึ เรอื่ ย ๆ ทันใดนน้ั ผมกไ็ ดยนิ เสยี งคนขา งหนาบอกตอ ๆ กนั มาวา “พบแลว พบแลว” และสงเสยี ง วู วู เรยี ก คนอยขู า งหนาผมกช็ ะโงกไปที่รมิ ฝง และมองไปท่ีลาํ หวยแลว เรียก วู วู แลวเดนิ ออ มตนไมแ ละกอไผ ตอไป คนขา งหลงั กท็ ําอยางเดียวกัน ทุกคนมีสหี นา สดใสแสดงความดีใจ เม่ือมาถงึ ตาผม ผมกเ็ ดนิ ไปชะโงกทรี่ มิ ฝง มองไปขางฯนา ทามกลางแสงแดดเปร้ยี งจา บนกอ นหนิ ใหญบ นฝง ที่เราอยผู มเหน็ ชายสองคนทีน่ ํ้าปา พดั จมหายไป คนหนึ่งลา่ํ คนหนึง่ ผอม คนหนงึ่ ใสเ ส้อื สี ฟา คนหนึ่งใสเ ส้ือสขี าว น่งั ชันเขา หนั หนาเขา หากนั หนา กม นดิ ๆ มอื กอดเขา นั่งน่ิงไมไ หวติง เหมอื นคอยพวกเราอยู 116
ผมเหน็ แลว กม็ ีความดใี จ เอามอื ปองสงเสียง วู วู ดังจนกลบเสยี งนา้ํ ในลาํ ธารซึ่งยงั ดังสนนั่ อยู ระยะ ที่เหน็ เขาท้ังสองนง่ั อยหู างจากผมประมาณ ๑๕ หรอื ๒๐ เมตร แตผ มไมเห็นเขาแสดงอาการใด ๆ วา ไดย นิ เราเลย ผมก็ออ มตน ไมกอไผเ ดนิ ตามคนอนื่ ๆ เขาไปเพอ่ื ไปพบเขาท้ังสองบนกอ นหิน ขางหนา เมอ่ื ผมไปถึงทน่ี ้ัน ผมเหน็ คนท่ีไปถงึ กอ นทุกคนทาํ หนาเสยี แลวหนั หลังกลับจากกอ นหนิ นน้ั ผมมอง ไปทนี่ นั้ กไ็ มเ หน็ คณุ สมาน คณุ สมั พนั ธ เหน็ แตก อนหินทีว่ า งเปลา ทีนที้ กุ คนกร็ ดู วยสญั ชาตญาณวาภาพของคณุ สมาน คณุ สมั พันธท เี่ ราไดเ หน็ น่ังอยบู นกอ นหนิ นนั้ คอื ภาพวิญญาณของคนทงั้ สองท่ีมารอคอยบอกเราทัง้ ๑๔ คนวาเขาท้ังสองไดตายไปแลว ผมขนลุก และรูส กึ วงั เวงอยา งบอกไมถกู ไมม ใี ครพดู อะไรเปน พักใหญ และทุกคนก็คอ ย ๆ เขา มารวมอยูใกล กันโดยอัตโนมตั ิ หลงั จากเหตุการณน นั้ พวกผใู หญก ็เปลี่ยนแผนเปนตามหาศพ ใหค นเอาไมไผแ ยงลงไปตามซอกหนิ และตาํ แหนง ตา ง ๆ ทนี่ า สงสยั แลวเราก็ไดไ ปจนถึงบรเิ วณน้าํ ตกซงึ่ สภาพนํา้ ทวมหายไปเกือบ หมดแลว เมอ่ื เรากลบั ลงไปรบั ผหู ญงิ และเด็ก ผใู หญ เขากช็ วยกนั ปลอบภรรยาผตู ายตา ง ๆ เราเดิน ขามลาํ ธารกลบั ไดใ นตอนคาํ่ เพราะนํ้าปาแหง แลว ผมไดย นิ ผูใหญเขาตง้ั รางวัลไวกบั ชาวบา นวาถา หาพบจะใหศ พละหนง่ึ พนั บาทซง่ึ ในสมยั นนั้ เปน เงินโขอยู อีกสองวนั ตอ มา ชาวบา นพบศพแรกทใ่ี นลาํ ธารไกลออกไป มที รายกลบฝง ท้ังตัว โผลอ ยแู ตมอื ระยะนนั้ เรอ่ื งของผูตายทั้งสองกเ็ ปน ขา วใหญไ ปทั่วเมอื ง ผมยังเปน เด็กกค็ อยเงี่ยหูพังอยกู ับบาน ตอ มาอกี สองวนั เขาจงึ พบศพท่ีสอง ผมจาํ ไมไ ดว าพบศพใครกอ น ศพใครทีหลัง เร่ืองท้งั หลายก็ไมค อ ยกลา จะเลา ใหใ ครฟง คดิ จะเขยี นเลา ตงั้ แตอายุ ๑๕ ปเพงิ่ มาเขยี นครงั้ นี้ ภายหลัง ๒๗ ปแ ลว แตมนั เปน อบุ ตั ิการณที่ผมจําไดตดิ ตาติดใจ ผมขอกราบเรยี นอาจารยดว ยความเคารพวาผมยินดที ่จี ะเลาใหอ าจารยฟ ง เพอื่ รวบรวมไวเ ผยแพร ตามโอกาส โดยที่อาจารยและผมมคี วามเหน็ ตรงกนั วา เรอ่ื งทผ่ี านไปนน้ั เปน ปรากฏการณตาม ธรรมชาติในโลกน้ี เปนธรรมดาเหมือนสงิ่ อนื่ ซึง่ เกิดขนึ้ ตง้ั อยูแ ละดบั ไปเชน เดียวกัน ไมค วรยึดมนั่ ถอื ม่นั ในส่งิ ใด. เคารพอยางสูง ทองรกั ลรี พนั ธุ 117
หมายเหตขุ องผรู วบรวม จดุ วิกฤตขิ องเร่ืองน้ีอยูทคี่ นทง้ั ๑๔ คนไดเ หน็ ผูเคราะหร ายทง้ั สองคนปรากฏอยูบนกอ นหนิ อยาง ชัดเจนจนจําไดอ ยา งแนใ จ ในระยะไมเกิน ๒๐ เมตรซง่ึ นบั วา ใกลมาก ทนี่ ้ใี นทามกลางแสงแดดท่ี แผดกลา ในเวลาประมาณบายสองโมง ไมนาสงสยั วา จะจาํ คนผิด แตแ ลว อีกประเดี๋ยวเดยี วคนทง้ั สองกห็ ายไปอยา งไมมรี อ งรอย ทาํ ใหท ุกคนลงความเหน็ โดยไมต องปรึกษากนั วา ภาพที่เห็นนน้ั เปน ภาพวญิ ญาณของคนทั้งสองซึ่งความจรงิ ไดตายไปแลว ชาวบา นทย่ี ังเชอ่ื เรอื่ งผี ถอื วา “ผหี ลอกกลางวนั ” เปน เพราะผทู ีถ่ กู หลอกน้ันกาํ ลงั มีเคราะหร า ย อยางหนกั หรอื ไมกเ็ พราะผนี ้ันดมุ าก ในเรอ่ื งที่คณุ หมอทองรกั เลา นี้ คนท้งั ๑๔ ไดเหน็ “ผ”ี กลาง แดดเปร้ยี ง ตน เหตุอาจจะเปน ไดท ้งั สองอยางที่กลา ว คือคนท้งั ๑๔ กําลงั เคราะหร ายมาก ตอ งผจญ ภยั อยา งนา ตกอกตกใจมากเฉียด ๆ กบั ความตาย และตอ งเปน ประจกั ษพยานของเหตุการณท น่ี า กลัวและนาสลดใจอยา งยง่ิ จติ ใจอยูใ นสภาพออ นเปล้ียจงึ ถกู “หลอก” ไดแมใ นเวลากลางวนั แสกๆ ในอกี ดานหนง่ึ คนทัง้ สองผเู คราะหร า ยนนั้ ไดตายไปอยางปจ จบุ ันทนั ดว นโดยเหตุทน่ี า ตกใจและตอง รบั การทรมานทง้ั ทางกายและทางใจอยางรนุ แรง พดู อยางชาวบานวา “ตายโหง” และตายอยาง ทรมานเพราะตอ งจมนาํ้ และจติ ใจตอ งวา วุน อยางหนักกอนจะดบั จติ ดงั นน้ั จงึ เปน ผปี ระเภท “ผีดุ” สามารถแสดงตนใหค นเหน็ ไดใ นแสงแดดจา พวกที่เดินทางไปในทะเลทรายบางครั้งประสบกบั “ภาพหลอน” ซึ่งเรยี กทางวชิ าการวา “มรี าจ” คือ เห็นภาพสะทอนของสง่ิ ซ่งึ อยไู กลมากๆ ซง่ึ ตามธรรมดามองเหน็ ไมถึง ทําใหดูคลา ยกบั อยใู กล โดยมากปรากฏแกผทู ี่กระหายนํา้ เดินทางอยูก ลางทะเลทรายในแสงแดดที่จดั มกั เหน็ เปน ผนื นํ้า ภาพทป่ี รากฏแกคุณหมอทองรักและคณะในวนั ที่นาเศราสลดนน้ั คงจะไมใ ช “มรี าจ” เปนแน เหตผุ ล ประการหนงึ่ คอื “มรี าจ” ปรากฏในอากาศแหง เชน ในทะเลทราย อกี อยา งหน่ึง ภาพทปี่ รากฏมัก เปน ภมู ิประเทศ ไมใ ชค น ในประการทส่ี าม ภาพมักปรากฏแกบ คุ คลคนเดียว ๆ ไมป รากฏแกค นทง้ั หมู ท้ังสามขอ นตี้ รงขามกับภาวการณใ นกรณขี องคณุ หมอทองรกั นอกจากนน้ั ระยะทางระหวางผูเหน็ กบั ภาพทปี่ รากฏนนั้ เพยี ง ๑๕ ถงึ ๒๐ เมตร ใกลเ กนิ ไปกวาจะ เปน “มรี าจ” ซง่ึ มักแสดงภาพของสิ่งทอ่ี ยไู กลออกไปเปน รอ ย ๆ กิโลเมตร .......................................... 118
เรอื่ งท่ี ๑๗ ฝน แมน โดย สมาน ศลิ ปวเิ ศษกลุ (คุณนายสมาน ศลิ ปวิเศษกลุ เหน็ เพือ่ นรวมศึกษาธรรมะกบั ผเู ขยี นและภรรยาซง่ึ ไดร ูจักกนั มา ตง้ั แตเดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๐๑ โดยไดร ว ม “ธรรมทศั นาจร” ไปนมสั การลงั เวชนยี สถานที่ ประเทศอนิ เดียและเนปาลดว ยกนั หลงั จากนน้ั ก็ไดเ ดนิ ทางไปตามวัดกมั มฏั ฐานดว ยกนั และทาํ บุญ ตา ง ๆ ดวยกันปล ะหลาย ๆ ครงั้ ตลอดเวลาย่สี บิ ปท ี่ผา นมา คณุ สมานเครงครดั ในการปฏบิ ตั ธิ รรม มากจนไดเ คยบวชเปนชี เคยถือมงั สวริ ัติและถอื ศลี แปดแบบอบุ าสกิ าอยบู า น เปนผทู ําอะไรจรงิ จัง และมีวาจาเปนทเ่ี ชอ่ื ถือได คณุ นายสมานไดถ งึ แกก รรมเมอื่ พ.ศ.๒๕๒๐ กอนหนา นน้ั ประมาณสอง ปไ ดเ ขียนเร่ืองตอ ไปนี้มอบไวแ กผ รู วบรวมเพอ่ื นาํ ลงพิมพเ ผยแพรใ นหนงั สือ “ภพอน่ื ” เลม ท่สี องนี้ บญุ กศุ ลใด ๆ ที่เกิดจากการตีพมิ พบ ทความนี้ขออทุ ิศใหแกค ณุ นายสมานโดยเฉพาะ) ในตอนกลางคนื ของวนั ท่ี ๕ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๑๕ คุณประทีป ส. ไดฝ นวาลงอาบนาํ้ ใน คลอง ในฝน ไมท ราบวาคลองอะไร มองขนึ้ ไปบนตลง่ิ เหน็ เศียรพระพทุ ธรูปอยใู กลต น ตาล มีจอม ปลวกอยูใกล ๆ คณุ ประทปี ขึ้นไปบนตล่งิ เหน็ มีพระบรมธาตอุ ยูในจอมปลวกเปนจํานวนมาก ไดเอา มอื กอบข้นึ มาเลน ได แตไมไ ดน าํ ติดมอื กลบั มา เห็นมปี ายบอกชือ่ “วดั อนิ ทโมล”ี เมอื่ ตนื่ ขนึ้ มาแลว กไ็ มไ ดบ อกใครเพราะเห็นวาเปน แตเ รอ่ื งฝน ตอมาอีกสองสามวันมหี มอนวดผหู ญิงมาหาทบ่ี า น เปน คนรจู ักกนั และเคยไปมาบอย ๆ หมอนวด พดู วา มที วี่ างอยูแหง หนง่ึ มเี ศยี รพระตงั้ อยบู นพืน้ ดนิ และผูค นจํานวนมากเอาพวงมาลยั มาบชู า ไม ทราบวา เศยี รพระนน้ั มดี อี ยางไร คุณประทปี ไดย ินก็ถามทนั ทีวาอยูที่ไหน หมอนวดท่ีชอื่ แมสงวนกบ็ อกวา อยทู างทศิ ใตข องวัด... คณุ ประทปี ถามวา มีตน ตาลและจอมปลวกอยใู กล ๆ ดวยหรือเปลา หมอนวดสงวนบอกวามี คุณ ประทปี ขอใหห มอนวดพาไปดูในวนั นน้ั เลยทเี ดยี ว แตห มอนวดขอผัดไปหลงั วนั พระ เพราะวนั นนั้ มี คนนัดไวจ ะตอ งไปนวด และตอ งทําของไปทําบุญในวนั พระดวย กอนที่จะถึงวันพระ มที านพระครรู ปู หนึง่ เดนิ ทางมาหาจากเมืองกําแพงเพชรนํารถสองแถวขนาด เลก็ มาดวยหนงึ่ คัน หลงั จากพูดเร่อื งธรุ ะเสรจ็ แลว ก็นงั่ คยุ ตอไปกบั คุณพอ คณุ แมข องคณุ ประทีป ทา นพระครูเลา วา ไดฝน เหน็ พระพุทธรปู จมอยูในนาํ้ มาขอใหชว ยจดั การเอาข้ึนเสียที เพราะจมอยู นานแลว ทา นจําไมไ ดว า อยูใ นคลองหลวงหรอื คลองบางหลวง 119
เม่ือคณุ ประทีปไดยินทา นพระครเู ลา ความฝน กเ็ ลาเร่ืองของเธอบางและนิมนตใหท า นรวมไปดเู ศียร พระพุทธรปู ตามที่หมอนวดนัดไว โดยขอใหท านพระครูเอารถของทานไป ทา นพระครตู กลง จึงพา กันออกเดนิ ทาง โดยมเี พอ่ื นบา นและญาตขิ องคณุ ประทปี อกี หลายคนอาศยั น่ังไปดว ย ระหวางเดินทาง คณุ ประทปี ก็เลาเรอ่ื งความฝน ใหค นอนื่ ๆ ฟง ตอ งแวะถามทางไปเรือ่ ย ๆ จนไปถงึ ตาํ บลทตี่ รงกบั หมอนวดบอก ก็ไดเ ห็นเศียรพระอยใู กลตนตาลและจอมปลวกตรงกบั ในฝน ทกุ ประการ เวน แตป า ยชื่อวดั ไมม ี ชาวบานในบริเวณใกลเ คยี งไดพ ากันออกมาเพราะเหน็ มรี ถมาและ คนหลายคนมาดูเศยี รพระ พวกนน้ั เลา ใหฟ ง เพ่ิมเตมิ วาเคยมีคนถกู เกณฑท หารมาบนทเี่ ศยี รพระน้ี ขอใหไ มตอ งเปน ถา พน เกณฑจะถวายหวั หมบู ายศรีคูหนง่ึ เมือ่ คดั เลือกทหารแลวชายนน้ั ไมถกู จึงมาแกบ น โดยเอาบายศรี เลก็ กบั หวั หมูหนง่ึ หวั มาถวาย มีกลองยาวและมีคนราํ ดวย แตม าถึงเอาตอนบาย พอมาถึงท่ี คนราํ กลองยาวเกิดพูดภาษามอญ ทําใหพ วกทมี่ าดวยตกใจเพราะฟงไมร ูเรือ่ ง ประเดีย๋ ว ก็พดู ไทยวา “มาบายกกู ินไมไ ด กูเชญิ เพ่ือนมาสามคนตองผดิ หวงั หมด” พวกทไี่ ปดวยกันนน้ั ตกใจ กลัวมาก วนั รุงขน้ึ จึงพากนั ไปใหม นาํ หวั หมูไปสองหวั และไปถึงกอนเพล หลังจากนนั้ พวกทท่ี ราบ เรื่องกไ็ ปดูกันหลายครงั้ จนเกิดศรทั ธารวมใจกนั บรจิ าคเงนิ สรา งองคพระใหส มสวนกบั เศยี ร แลวก็ มีคณะศรทั ธาตา ง ๆ ติดตามกนั ออกไปนมสั การและทาํ บญุ ชวยกันทําการกอสราง จนไดร บั อนญุ าตต้ังเปน วดั ขนึ้ ในปจ จบุ ันนีม้ ีชอ่ื วา “วัดสาระโดต” เนื้อท่ีวัด ๖ ไรเศษ. หมายเหตขุ องผรู วบรวม จดุ สาํ คัญของเร่อื งนอ้ี ยทู คี่ วามฝนของคณุ ประทปี ซ่งึ จะเกดิ จากเหตใุ ดกต็ าม แตเ ปน การฝน ทแ่ี มน ยํา มาก ขอ สําคญั อกี ประการหน่งึ ก็คือการที่สามารถตดิ ตามจนไดพ บเศียรพระตรงกบั ท่ฝี น ซ่ึงตางกบั การฝน ของคนอืน่ เปน จาํ นวนมาก ซง่ึ ฝน เหน็ สงิ่ ของหรือสถานที่ตา ง ๆ อยา งชดั เจน แตไมสามารถ จะสบื ทราบไดว า เปน อะไรอยทู ไ่ี หน กญุ แจสาํ คญั คอื การเลาของนางสงวน หมอนวด ซ่งึ จําเพาะมาเลา ใหค ณุ ประทปี ฟง หลังจากทฝ่ี น ไป แลวไมน าน ยงั จาํ รายละเอียดได จะเปน ดว ยเหตุบงั เอญิ อกี ประการหนงึ่ คอื การทที่ า นพระครูไปแวะ ท่บี า นของคุณประทปี พรอ มดวยรถ ซึง่ ชว ยใหสามารถพากนั ไปเสาะหาตาํ แหนง ทีต่ ัง้ ของเศียร พระพทุ ธรปู จนพบ และในทส่ี ดุ ไดเกิดเปน วดั ขน้ึ ณ ทน่ี นั้ ถา จะพูดอยา งคนท่ีเชอ่ื ในเรือ่ งความ ศักด์สิ ิทธ์ติ า งๆ กอ็ าจจะอา งไดว าเปน เพราะเทวดาบนั ดาล .......................................... 120
เรอ่ื งที่ ๑๘ พระภมู ทิ บี่ า นเสรมิ ศรี โดย เสรมิ ศรี เกษมศรี (ม.ร.ว.เสรมิ ศรี เกษมศรี เปนนอ งสาวของ ม.ร.ว.สง ศรี เกตุสงิ ห ศึกษาสําเรจ็ ธรรมศาสตร บัณฑิตยในรนุ แรก ๆ และไดเปน “ผูนํา” คนหนึ่งในวงการสตรขี องประเทศไทย มีความรูก วางขวาง ในหลายดาน โดยเฉพาะมีความเช่ียวชาญเรอื่ งเยาวชนและการศกึ ษาพเิ ศษสาํ หรบั คนตาบอดและหู หนวก เคยเปน นกั พูดวิทยุ นักปาฐกถาและนกั วิชาการทมี่ ผี นู ยิ มนบั ถือมาก เคยดาํ รงตําแหนง สําคญั ๆ หลายตาํ แหนง ในราชการและสงั คม รวมทงั้ เคยเปน ประธานสภาสตรีแหงชาติดวย ใน ปจ จบุ ันอทุ ิศตัวใหแ กการพระพทุ ธศาสนาโดยเฉพาะ) เสรมิ ศรไี ปรบั ราชการที่ ศ.อ.ศ.อ. (ศูนยอบรมมลู สารศกึ ษาอบุ ลราชธานี หรอื Thailand-UNESCO Fundamental Education Centre ซึ่งประเทศไทยรว มมือกบั องคการศกึ ษาสหประชาชาติ ตง้ั ศูนยฝ ก วิชาพัฒนาชมุ ชน) ตัง้ แต พ.ศ.๒๔๙๘ จน ๒๕๐๘ ตอนแรก ในระยะ พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๐๐ ยงั ตองดูแลโรงเรียนสอนคนหหู นวกอยดู ว ย จึงไปเปน ครั้งคราว แต พอคณุ หญิงกมลา ไกรฤกษ มารบั ตาํ แหนง อาจารยใ หญโรงเรยี นสอนคนหหู นวกแลว เสรมิ ศรีกถ็ ูก โอนไปประจาํ ที่ ศ.อ.ศ.อ. ตอมาเสริมศรไี ดซือ้ ที่ดนิ ไมไ กลจาก ศ.อ.ศ.อ. นกั เจา ของทเี่ หน็ คนรจู ัก ชอบพอกนั และอยูบานใกลก ันดว ย ไดข อใหอาจารยทางสถาปต ยกรรม ที่ ศ.อ.ศ.อ. ชว ยออกแบบบานทรงไทยให วาจาง ผรู บั เหมากอสรา งแลว มเี งนิ อยใู นธนาคารพอจะทาํ ฐานกอ สรา งไดแ ลว แตปญ หามวี า เจา ของทด่ี นิ คือเสรมิ ศรตี องไปประชมุ ในตางประเทศบอย ๆ จงึ ไดขอความรวมมือกบั ผจู ดั การธนาคารกรุงเทพฯ ทาํ หนงั สอื มอบอาํ นาจใหทา นชวยพจิ ารณาการเบิกเงนิ คากอ สรา งในยามทเี่ สรมิ ศรีไปราชการ ตา งประเทศใหด วย แมกระนน้ั บา นหลังน้ันก็สรางอยางชา มาก เพราะผรู บั เหมามีปญ หาขลกุ ขลกั ของเขาเอง เสรมิ ศรียังพกั อยใู นบานอาจารยข อง ศ.อ.ศ.อ. กไ็ มค อยเดือดรอนนัก วนั หนงึ่ เพื่อนขาราชการกระทรวงมหาดไทย ทา นหนง่ึ ไดพ บเสรมิ ศรตี อนทีเ่ ขาไปติดตอ ราชการท่ี กรุงเทพ ฯ เพอื่ นสตรผี นู น้ั เลา วา กําลังจะไปหาคณุ ประสทิ ธ์ิ เสรมิ ศรีกร็ จู ักสรรพคณุ ของคณุ ประสทิ ธ์ิ ดีมาก จงึ ขอติดตามเพอื่ นคนนน้ั ไปดวยเพ่ือนมสั การ “พอปขู องคณุ ประสทิ ธ”ิ์ ขณะท่ีเพอ่ื นกาํ ลงั สนทนากับคณุ ประสิทธ์ิ เสริมศรกี ค็ ิดปญ หาข้นึ มาไดว า ตนควรจะเรียนถาม เรอ่ื ง ทําไมบานทอี่ บุ ลสรา งตัง้ ๓ ปยังไมเ สร็จ เพราะอะไร จะแกไ ขอยา งไรดี ครนั้ เพอ่ื นเสร็จธรุ ะของเขาแลว เสรมิ ศรีก็เรียนถามข้ึนดงั กลาว 121
“พอ ป”ู ทานบอกวา “ทดี่ ินรายน้ีมวี ญิ ญาณสงิ อยู คือคนญวน ๒ คนทะเลาะกนั และตอสูกนั จนตาย ไปขา งหนง่ึ อกี คนหนึง่ จงึ ฝง ศพคนนัน้ ไวใ นคเู กา ๆ ซง่ึ บดั น้ีตื้นเขนิ จนเหน็ เปน แองลาํ ราง อยขู างร้ัว ของเพ่อื นบาน มตี นไมใ หญค ือมะมว งอยใู กล ๆ วญิ ญาณของญวนทตี่ ายน้ันเปน วิญญาณท่ดี ี ใหห า หมอตั้งศาลพระภูมทิ ีเ่ ปน คนญวนมาทาํ พธิ ตี งั้ ศาลอยางพธิ ญี วน แลว วิญญาณนจ้ี ะชวยรักษาบา น และความปลอดภัยของผอู ยอู าศยั ในนั้น พอกลบั ไปถึงอุบลเท่ียวนี้จะมผี มู าอาสาหาหมอญวนใหเอง เสรมิ ศรยี งั มรี าชการตดิ ตอกบั กรม ฯ อยู จึงเขียนจดหมายส้นั ๆ ถึงอาจารยสมนึก ที่ ศ.อ.ศ.อ. ขอใหช วยสบื ถามหาหมอตง้ั ศาลพระภมู ใิ ห เพราะคราวน้อี ยากจะตงั้ ศาลพระภมู ลิ ะ ถึงบา นยังสรา ง ไมเสรจ็ กต็ าม เสริมศรกี ลบั ไป ศ.อ.ศ.อ. ครั้งนนั้ พอเกบ็ ของเสรจ็ กข็ บั รถยนตท่สี ําหรบั ใชร าชการ ศ.อ.ศ.อ. เขา ไปในเมอื ง รถแลน ออกประตู ศ.อ.ศ.อ. ไปไดห นอ ยกต็ ิด แลน ไปไมไ ด เพราะตรงสามแยกทจี่ ะไป ทางวิทยาลยั ครอู บุ ลราชธานี มอี ุบตั เิ หตรุ ถชนกนั เสรมิ ศรีรออยบู นถนนชยางกรู สว นคณุ จนิ ดารัตน ซงึ่ เปน เพอ่ื นและเปน ผขู ายที่ดนิ ใหเ สรมิ ศรี ก็ตอ ง รออยใู นซอยจินดารตั น ยังขบั ขน้ึ มาบนถนนมิได คณุ จนิ ดารัตนจงึ ลงจากรถของเธอเดนิ ขึน้ มาบน ถนนชยางกรู มาหาเสรมิ ศรที ร่ี ถและพดู วา “อาจารยสมนึกบอกวาหมอมตอ งการหมอตั้งศาลพระภมู ิใชไหม” เสรมิ ศรกี ็รบั วาจรงิ คณุ จนิ ดารัตนจึงพดู ตอ ไปวา “แตห มอคนทดี่ ิฉนั รจู ักนน้ั เปน คนญวนนะ จะเอาไหม เขาเปนคนแกแลวและขลังอย”ู เสริมศรีจงึ ขอใหคณุ จินดารตั นชว ยนาํ หมอญวนของเธอมาใหเสรมิ ศรีซกั ถามอะไรกอ น จะตกลงกนั ไดหรอื ไมจะทราบภายหลังนนั้ รุงขนึ้ จาํ ไดว าเปนวนั เสาร เพราะที่ ศ.อ.ศ.อ. นน้ั มกี ารประชมุ คณะกรรมการเจาหนาท่แี ละอาจารย ทั้งฝรง่ั และไทยในวนั เสารค ร่ึงวันเชา ตอนบายเราจงึ วางกัน บายวันนนั้ คณุ จินดารตั นน าํ ชายแก ๑ หนุม ๑ มาหาเสรมิ ศรี ชายแกน น้ั พดู และฟงภาษาไทยไมได เลย ตองใหคนหนุมซึง่ เปนลูกชายแก พูด ฟง แลวแปลเปน ภาษาญวนใหฟ ง อกี ที ไดค วามวา วิธีและ หลกั การของเขามวี า (๑) เขาตอ งจดั พธิ ีสังเวยวญิ ญาณอาจารยเ ขากอนทจี่ ะเชญิ ใครมาเปน พระภมู ิ จะทราบไดโดยการ เขาทรง เพื่อซักถามวาจะใหจ ัดพธิ อี ยางไร จะตอ งเตรียมอะไรบาง แลว เขาจึงจะบอกไดวาจะควรทาํ พธิ เี ม่ือใด สรางศาลพระภูมอิ ยางไร 122
(๒) ทาํ พธิ ตี ้งั ศาลพระภูมิ สาํ หรบั กิจกรรมทัง้ หมดน้ีเขาคิดคากาํ นล (คาบชู าครูเขา) ๙๐๐ บาท ตอนนบ้ี านหลังทก่ี ลาวถึงน้สี รา งหองรบั แขกโถงชน้ั บนเสรจ็ แลว มีบนั ไดข้นึ ไปไดแ ลว แตอีก ๒ หอ ง ยงั ไมเสรจ็ ร้วั บานยงั ไมไดท าํ เลย เสริมศรจี ึงตกลงเรอ่ื งคาจา งหรอื คา กํานัลนนั้ และขอวนั นดั มาประชมุ เชญิ อาจารยของหมอมา เขาทรง เขานัดตอนคาํ่ ของวนั ถดั ไปอีก ๓ วนั มีเวลาพอทเี่ สริมศรีจะเชญิ มติ รสหายทรี่ ูจ ักในอบุ ล ฯ มารวมดูการเขา ทรงครง้ั น้ดี วย ระยะนนั้ ทางราชการกวดขันเรอื่ งการชุมนมุ เกี่ยวกบั คนญวน จึงตองเชิญมิตรสหายทเ่ี ปน ภริยา นายตาํ รวจ กบั คนท่พี ดู ภาษาญวนได ของธนาคารกรุงเทพ ฯ มารว มฟงดว ย ไฟฟากย็ งั ไมไดต ดิ ท่ี บา นน้ี จึงตอ งใชต ะเกยี งและเทียนกนั ดนู าตนื่ เตน ดีมาก พธิ กี ารเร่มิ ดว ยหมอญวนแกจุดธปู เทยี น สวดภาษาญวน สวนหลานชายนนั้ แตง ตัวเกอื บเหมอื นงว้ิ ตวั บู ๆ คนู อ้ี ยูก ลางวงของพวกเราทั้งหมด หมอสวดสักครูใหญห ลานชายกม็ ีอาการตัวสนั่ แลว ลกุ ข้นึ ยืน หมอแกขอใหผชู ายท่ีมา ๒ คนเขาจบั ผาคาดเอวของหลานชาย ซ่ึงเอาชายผาไวข างหลงั ใหจ ับ คนละชายและเดนิ ตามไปดวยไมวา ทไ่ี หน (อาจารยข อง ศ.อ.ศ.อ. ๒ ทา นเขาชวยทาํ หนาทน่ี )้ี หลานชายหมอรบี เดินออกจากวงลอม ลงบนั ไดบา นดา นหลังไปขา งลา ง พวกทน่ี ่ังประชุมดูอยูก ็พา กนั ตามลงไปดวย หลานชายเรียกธปู มาจากหมอญวนนน้ั ถอื เดินไปทางคูเกา ๆ ตนื้ ๆ ทมี่ ีตน มะมว ง แลว กระเถบิ ขึ้นมาทางพนื้ ดนิ ทถี่ มไวจะเปน สนามหลงั บา น เอาธปู นน้ั ปก ลงท่ดี นิ ซึง่ อยูริมคเู กา ๆ นนั่ แหละพดู ภาษาญวนบอกหมอวา “ตรงนี้เปนท่ีฝง ศพซ่ึงวญิ ญาณเปน วญิ ญาณท่ดี ี แตถกู เขาฆา ตาย ใหเชญิ วิญญาณเปนพระภูมริ ักษา บานน้ี บา นนีจ้ ะปลอดภัย มคี วามสขุ ความเจรญิ ” บอกใหเขยี นชอ่ื เขาลงในกระดาน แลวเชญิ ขน้ึ ศาลน้ี ต้งั เปน พระภมู ิเจา ที่ เสริมศรจี ําชอื่ น้ไี ดเพราะ มกั เรยี กวา “เฮยี เทียนจ”่ี ต้ังแตตงั้ ศาลมา ก็มีความสขุ สบายปลอดภยั แมแ ตจะมีคนอยใู นบานเพียง ๒ คน คอื แมบ า นชอ่ื แม ชะอมุ กบั เสริมศรี และมสี ุนขั ช่ือ “ไอต มุ ” อกี ๑ ตัว 123
วันตงั้ ศาลพระภมู นิ น้ั เสรมิ ศรีไดเตรียมปา ยกระดานยาว ๙ นวิ้ ฟตุ กวาง๔ นว้ิ ฟุต ซงึ่ ทาสแี ดง มรี ูป หรอื เขียนสที องซงึ่ ไดชอ้ื มาจากไซง อ นเมื่อตอนทไ่ี ปประชมุ เรื่องการศกึ ษาผูใหญ นํามาใหห มอญวนผู น้ันเขียนชือ่ “เทียนจ”ี่ ใสกระดาษยนั ตป ด ไวท ขี่ า งหลัง มเี ครือ่ งอาหารผลไม ธูปเทียน เซน บอกกลา ว ไมไ ดใชร ปู พระภมู อิ ยา งทเ่ี คยเห็นของคนอื่น ๆ นา อัศจรรยท วี่ า ทําไมวญิ ญาณอาจารยข องหมอญวนแกจ งึ พดู อยางเดยี วกับ“พอ ป”ู ทกี่ รุงเทพฯ เสริมศรีมิไดเ คยปรปิ ากหรอื เขยี นจดหมายเลา กบั ใครเลย เปนแตเขยี นสน้ั ๆ ถึงอาจารยสมนึกขอให สบื หาผทู ี่ตง้ั ศาลพระภูมใิ หเทานนั้ ตั้งศาลพระภูมิแลว ก็ไดผรู บั เหมาคนใหมม าสรางเรือนตอ ไปจนสาํ เร็จ เสรมิ ศรีก็ยายออกมาอยทู ่ี บา นของตนในซอยจนิ ดารตั น ทงั้ ๆ ท่มี รี วั้ อยูแ ตเ พยี งรัว้ ของเจาของทีด่ นิ หนาทด่ี นิ ของเสรมิ ศรี เทานน้ั รถยนตประจําตวั กจ็ อดอยูใตเ รือน ตอมาจงึ ลอ มรวั้ รอบท่ีดิน และสรางเรือน ๒ ชัน้ อีก ๑ หลังเลก็ ๆ ในท่ดี นิ น้ี อยมู าวันหนึง่ มีพอแมลกู สาว รวม ๓ คนมาขอพบเสรมิ ศรที บ่ี าน โดยท่ีไมเ คยรูจกั กนั มากอ นเลย แมช ะอมุ กไ็ มเ คยรจู ัก มาถงึ ผเู ปน พอ จึงปรารภวาจะขออนญุ าตมาเซน ศาลพระภมู ทิ ีบ่ านนไี้ ดไหม เสริมศรกี ็ถามวา ทาํ ไมเธอจึงจะมาเซนศาลพระภมู ทิ บี่ านฉนั เลา พอ แมเ ดก็ สาวคนนน้ั ชวยกนั ช้แี จงไดค วามวา ลกู สาวเขาทาํ งานอยใู กล ๆ บานนี้ เวลาหยุดพกั เท่ียง พากันมาน่ังรับประทานอาหารท่ใี กล ๆ หลงั บา นเสรมิ ศรี พูดลอ กนั หัวเราะกนั ทร่ี ว้ั บานน้ี เปน เซงิ ไม เคารพตอ ศาลพระภูมิ คนหนึง่ กเ็ กดิ อาการเจบ็ ไขข นึ้ มา พอ แมพ าไปรักษาที่โรงพยาบาลอบุ ลอยู ๒ - ๓ วันก็ไมห าย ครน้ั นํากลบั มาบา น เวลาเดก็ คนนี้เพอ ออกมา จงึ จบั ไดวา “ลูกสาวเขาไปผดิ ศาล พระภูมทิ บ่ี า นน”ี้ ดว ยความไมป ระสปี ระสากบั เรื่องน้ี เสรมิ ศรีถามเขาวา “ผดิ ศาลพระภูมิคือทําอยา งไร” เขาก็ตอบวา คือพดู หรอื แสดงอาการไมเ คารพศาลพระภมู ิ พระภมู จิ งึ ทาํ ใหเ จบ็ ตอ งมาขอขมาดวย เครอื่ งเซน สรวงตามสมควร เสริมศรไี ดอ นญุ าตใหเ ขานาํ เครื่องเซน มดี อกไมธ ปู เทียนมาเลนทศี่ าลนไี้ ด เม่อื เขาเซนสรวงแลว ตงั้ แตน นั้ ก็ไมเห็นมาอีก อยูม านานสกั หนอ ย เสรมิ ศรเี ลาเร่อื งที่ พอปขู องคณุ ประสิทธ์ิ กับ คําที่คนทรงอาจารยข องหมอ ญวนบอกเรอื่ งวญิ ญาณทอ่ี ยใู นทีด่ นิ นแ้ี ลว ควรเชญิ มาเปนพระภมู ิ ซงึ่ ตรงกนั อยา งนาประหลาด ให 124
เพื่อนฝูงและนกั ศกึ ษา ศ.อ.ศ.อ. ท่ีมาเย่ียมท่ีบานฟง เพอื่ นฝูงก็แนะนาํ วานาจะลองขุดดทู ่ีตรงคน ทรงอาจารยข องผตู ้ังศาลพระภูมบิ อกวา มีกระดกู ฝง อยูวา มีจรงิ หรือไม เสรมิ ศรถี ามเขาวา “ทําเชน นนั้ เพือ่ ประโยชนอ ันใด” ผูนนั้ ก็ตอบวา “จะไดท ราบแนว ามกี ระดูกจรงิ ไหม” เสรมิ ศรีเลาใหเ ขาฟง วา “มหี รือไมม ี ก็มีพอแมพ าลกู สาวมาเซน สรวงศาลพระภมู นิ ้ี เพราะเดก็ นนั้ มาพูดและหวั เราะแสดงไมเ คารพศาลพระภูมิ เลยเจ็บไปหลายวัน สงไปรกั ษาทโี่ รงพยาบาลก็ยงั ไม หาย เขาตอ งบนและแกบ นทีศ่ าลพระภมู นิ จี้ งึ ไดหายเจบ็ ดงั นนั้ ขอใหช ว ยกันเลา ขอนใ้ี หสวู งกวา ง ออกไปเถิด บา นฉนั จะไดป ลอดภัย ตลอดไป” ในราว พ.ศ.๒๕๐๗ ซ่ึงเปนระยะเวลาท่ใี กลจ ะถกู ยา ยเขามารบั ราชการในกระทรวงศกึ ษาธกิ ารแลว คืนวนั น้ัน ณ ทีบ่ า นอบุ ลนน้ั เสริมศรีฝนไปวา มชี ายผูหนง่ึ แตง ตัวอยางสุภาพบรุ ษุ จนี ในงว้ิ มายนื คาํ นับท่ีหนาเตยี งและพดู วา “ถึงกาํ หนดที่ผมจะตองไปเกดิ แลว ผมจึงมาขอลาคณุ หญงิ ไป” เสรมิ ศรีเชื่อแนวานนั่ คือพระภูมบิ านนัน้ มาขอลาไป จึงตน่ื ขน้ึ สวดมนต และสวดบทกรวดน้าํ อทุ ิศ กุศลใหไ ปดวย ตอ มา ตน พ.ศ.๒๕๐๘ ทา นอธบิ ดกี รมสามญั ศกึ ษาเวลาน้ัน ไดยายเสรมิ ศรเี ขามาทํา ราชการในกรุงเทพ ฯ บดั นบ้ี า นหลงั น้นั เสริมศรีกไ็ ดข ายใหอ าจารย ศ.อ.ศ.อ. ทานหนึ่งไปแลว เปน อันจบเรอ่ื ง. หมายเหตขุ องผรู วบรวม จุดสําคัญของเรอ่ื งนี่อยูท ก่ี าร “ทาํ นาย” ของ “พอป”ู และของ “หมอญวน” นั้น ตรงกนั อยางนา พิศวง กบั ความศกั ดสิ์ ทิ ธข์ิ องพระภมู ิซง่ึ ทําใหม ีคนนอกบานเกรงกลวั ผลดขี องการทีม่ ีพระภมู ทิ ีด่ ีก็ ไดป รากฏแก ม.ร.ว.เสรมิ ศรี ในการทบ่ี า นของเธอปลอดภัยตลอดเวลา ไมทราบวาตอนน้ีพระภูมิ องคเกา “ไปเกิด” เสียแลว จะมใี ครคุมครองบานน้นั ไดด ีแคไ หน .......................................... 125
เรอ่ื ง ๑๙ พอ หว งลกู โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห (ผเู ขียนเร่ืองนีค้ อื ผรู วบรวมหนังสอื น้ี สาํ หรบั ผูท่ยี ังไมรูจกั ขอเรียนวา ผูเขยี นนี้สาํ เร็จวชิ าแพทยใ น ประเทศไทยและวชิ าเคมีในประเทศเยอรมนั เปนอาจารยส อนอยูในคณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณแ ละแพทยศาสตร (ปจ จุบนั นีค้ อื มหาวิทยาลัยมหดิ ล) โดยลําดบั จน เกษียณอายุใน พ.ศ.๒๕๑๑ ในขณะนที้ าํ งานเบ็ดเตล็ดหลายอยาง สวนใหญเก่ยี วกับกีฬาเวชศาสตร ตาํ บลตดิ ตอ คอื บา นเลขท่ี ๑๖ ซอยราชครู ถนนพหลโยธนิ กทม. ๔) เมอื่ เดอื นกนั ยายน พ.ศ.๒๕๑๑ ผเู ขยี นอายุครบหารอบ ไดกําหนดไปทําบญุ ที่วดั ถ้าํ กลอง เพล อําเภอหนองบัวลําภู อดุ รธานี โดยนมิ นตพระอาจารยท างฝายกัมมัฏฐานจากสํานักตา ง ๆ ใน แควน อสี านไปรว มงาน ในวันเดนิ ทางจากกรุงเทพ ฯ โดยรถยนตม ญี าตมิ ติ รรว มไปดวยหลายหมู ผูเขยี นและครอบครัวตรง ไปพกั ทว่ี ดั ถ้ํากลองเพล หมูของหมอ มราชวงศ จ.ก. ญาตสิ นทิ ทางฝา ยภรรยาไดพ ักอยทู ่ีโรงแรมใน ตวั จงั หวดั โดยกะวา ถงึ วันงานจงึ จะเดนิ ทางไปสมทบทว่ี ัด กอนวันงานประมาณสองสปั ดาห ระหวางเตรยี มงาน พระอาจารยท วี่ ดั ถ้ํากลองเพลไดใชล กู ศษิ ยคน หนึ่งไปขอยมื ของใช มเี สอื่ จานชามหมอหุงตม เปน ตน จากวดั ปาสาละวันซึ่งอยูใกล ๆ กัน พระ อาจารยบ ญุ มา สมภาร ไดส งั่ ไปถึงพระอาจารยทว่ี ดั ถา้ํ กลองเพลวา ทานไดน มิ ิตวา ที่วดั ถํา้ กลอง เพลนน้ั มกี ระบือตัวหนง่ึ ใหญม าก เขากางเตม็ ถ้ํา ไดมาลม อยูท ่ีปากถํา้ มเี ลอื ดแดงไหลไปทว่ั บรเิ วณ ทา นเกรงวา ระหวางทม่ี ีงานทาํ บญุ นน้ั อาจจะเกดิ เหตรุ ายแรงอะไรเกีย่ วกบั คนสาํ คัญ ขอใหหาทาง ปองกันไวก อ น สมยั นัน้ พวกกอ การรายกําลังคกึ คกั มากในอาํ เภอหนองบัวลาํ ภู ลูกศิษยของพระอาจารยบ างคนคาด วาอาจจะมกี ารประทษุ รา ยแขกผหู ลกั ผูใหญท จ่ี ะไปในงาน ถงึ กับคดิ จะขอการอารักขาจากทาง บานเมอื ง แตผ เู ขียนบอกวาไมไดเ ชญิ ใคร มีแตญ าติมิตร ไมมแี ขกผใู หญท ไ่ี หน เหน็ วา ไมจ ําเปน จะตอ งไปรบกวนเจา หนาท่ี ขอเอาบารมีพระอาจารยคมุ ครองก็พอแลว ดว ยเหตุนี้เม่ือวนั งานใกลเ ขา มา ผทู ีเ่ กย่ี วขอ งบางคนก็รสู ึกเปนหวงใยอยูบ างเก่ียวกบั ความปลอดภัย วันท่ี ๓ กนั ยายนเปน กาํ หนดงาน ในวันท่ี ๒ ผเู ขียนและครอบครัวไปเตรยี มพรอมอยทู ีว่ ดั แลว แต หมขู องคณุ ชาย จ.ก. ยังพักอยทู ีโ่ รงแรม และไดพากนั ไปทศั นาจรเมอื งเวยี งจนั ทนต้ังแตเชา โดยกะ วาวันท่ี ๓ จงึ จะเดนิ ทางไปวดั ซึ่งเสียเวลาเดนิ ทางประมาณหนึ่งชัว่ โมง 126
ค่ําวนั ท่ี ๒ กนั ยายนผเู ขียนเตรียมการอยูจนสี่ทมุ เศษจึงเขานอน ยงั ไมทนั หลบั กไ็ ดย นิ เสยี งคนมา เรยี ก บอกวาทใ่ี นเมืองใหค นมาสงขาววาคุณชาย จ.ก. ปว ยหนกั ดวยโรคหัวใจ ผเู ขยี นทราบวา เธอ เปนโรคเบาหวานและความดนั เลอื ดสูงอยนู านแลว ไดข า วเชนนั้นก็เปนหว งมาก รบี ขับรถเขา ไปใน เมอื งโดยทนั ที พอไปถึงโรงพยาบาลอดุ ร ฯ ก็พบกับครอบครวั ของคณุ ชาย บอกวาคุฯง ชายสนิ้ เสยี แลว หลงั จากสง คนไปตามเพยี งเลก็ นอย ผเู ขยี นไดเขาไปเยีย่ มศพ อธษิ ฐานอโหสกิ รรมและแผสวนกุศลใหด วยความเศรา ใจอยา งยิง่ เพราะ คณุ ชายเปน ท่รี ักใครช อบพอกนั มาก เพราะเหตนุ ั้นเธอจึงอตุ สาหร วมเดนิ ทางไปจนถงึ อดุ รธานี ซ่งึ เปนระยะทางไกลมากสาํ หรับเธอ เพ่อื จะไดทาํ บญุ ดว ยกนั แตย ังไมท ันไดเ ขา วัดเธอกม็ ีอนั เปน ไป เสียกอ น เปนเรือ่ งของอนจิ จงั โดยแท ผเู ขียนขับรถกลับวดั ดวยความเศราสลด ถงึ ท่ีวดั เอาสองยามเศษ ไมไ ดบ อกขาวแกใ ครนอกจากคณุ พห่ี ญิงของคณุ ชาย (ซึ่งอยทู ว่ี ดั แลว) ไมไ ดแพรง พรายแกค นอื่นเพราะกลัวจะตนื่ เตน เกินควร ผเู ขยี น ราํ พงึ ถงึ นมิ ติ ของทานอาจารยบญุ มา กม็ องเหน็ วา ทานเห็นแมนจรงิ ๆ ควายเขาใหญก ็คอื คุณชายซ่ึง นอกจากเปน เชอื้ พระวงศแ ลว ยังเคยรบั ราชการในหนา ทส่ี าํ คญั มากอ นอกี ดว ย ควายมาลมทป่ี ากถํ้า ยังไมท ันเขา ถ้ํา กค็ อื คณุ ชายมาสน้ิ บญุ เสียกอ นที่จะไดเขาวัด อยหู า งเพยี งสส่ี ิบ กิโลเมตรเทานน้ั หลังจากท่เี ดนิ ทางไปแลวเกอื บเจด็ รอ ยกโิ ลเมตร ผเู ขียนเหน็ วา เหตุการณรายที่ ทา นอาจารยบ ญุ มามนี ิมติ เหน็ นน้ั ก็คอื เรอื่ งคณุ ชายนีเ้ อง ตอ ไปคงจะไมม ีอะไรอีก เรื่องก็เปนไปจรงิ ตามคาด งานทีก่ าํ หนดไว (ซงึ่ มแี ตพ ธิ สี งฆ) รวมทงั้ พธิ ีพทุ ธาภิเษก “พระพทุ ธ บณั ฑรนิมิต” ซง่ึ ผูเ ขียนไดสลกั ไวท ห่ี นิ กอนใหญใ นบริเวณวดั ไดผา นไปโดยเรยี บรอ ย เวน แตในตอน เยน็ ของวนั งานฝนไดต กลงมาอยางหนัก จนดูจะเกนิ กวา “ฤกษเ ยน็ ” หรือ “เทวดาพรมนาํ้ มนต” แต นอกจากทาํ ใหพ นื้ ทเ่ี ปยกและปะรําหลงั คาหลดุ ไปบาง กไ็ มไ ดร บกวนการดําเนินของงานแตอยางใด ครอบครวั ของคณุ ชาย จ.ก. ไดนําศพกลบั มาทาํ บญุ และตอ มาของพระราชทานเพลงิ ทีก่ รุงเทพ ฯ เปนที่เรียบรอ ย คณุ ชายมที ายาทเปน บุตรชายหน่งึ บุตรหญงิ สอง ทงั้ สามทา นแรกสําเรจ็ การศึกษา และมคี รอบครัวของตนเองแลว หลังจากการสิ้นชพี ของคณุ ชาย การไปมาหาสรู ะหวางครอบครัว ของผเู ขียนกบั ครอบครวั ของคณุ ชายก็ยงั คงดาํ เนินอยตู อ ไป เวน แตจะเหนิ หา งไปบา ง เนอ่ื งดวยขาด คณุ ชายซ่ึงเปนตัวจกั รสาํ คญั ไป ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๑๒ ผูเขียนและภรรยาพรอ มดวยญาตมิ ติ รอีกสคี่ นเดนิ ทางไปนมสั การ พระอาจารยแ ละพกั ฝกภาวนาตามวดั กมั มัฏฐานบางแหงในจงั หวดั สกลนครและอุดรธานี ตามท่ี เคยกระทาํ อยเู สมอ ๆ สถานท่สี ดุ ทายคอื วดั ถํา้ กลองเพล 127
ในวนั เดนิ ทางกลับกรงุ เทพ ฯ เราออกจากวัดเวลาเชา ถงึ อดุ รฯ แวะเติมนํา้ มันทปี่ ม ตรงตน ทางออก จากจงั หวดั ในรถนอกจากผูเ ขียนและภรรยา ก็มนี อ งของเธอ กบั คณุ วารณุ ี อ. และเพื่อนอีกสองคน คณุ วารณุ มี ีคณุ สมบตั พิ ิเศษอยางหนึง่ คอื มี “ทิพยจกั ษ”ุ สามารถเหน็ สิง่ ละเอียดประณตี ทีค่ น ธรรมดาไมอ าจเหน็ ได เราไดพสิ จู นความสามารถของเธอมาหลายครั้งแลว การเตมิ นํ้ามันเสยี เวลาประมาณหา นาที พอจะออกรถคณุ วารณุ ีกพ็ ูดกับภรรยาผเู ขยี นวา “พี่หญิงมญี าติทร่ี ูปรา งเหมือนเถาแกบางหรอื เปลา ” ภรรยาผเู ขยี นยังไมทนั ตอบ นอ งสาวของเธอกช็ ิงตอบวา “มซี ิ พี่ จ. อยา งไรละ ” คณุ วารณุ พี ูดตอ ไปวา “เม่ือกนี้ ้ีเขามายืนอยทู ข่ี า งรถ ใสเสื้อคอกลมสขี าว นงุ กางเกงแพรขาว บอกวา เขาเปน ญาตขิ องพห่ี ญงิ มาตายทอ่ี ุดร ฯ น่ีเมอ่ื ปกลาย ยังอยูท ่นี ไี่ มไดไ ปไหน เขาขอใหพ ี่หญงิ ไปบอก ลกู ชายเขาวา ถงึ แมวาเขาจะไดท าํ บญุ สรา งพระประธานองคใ หญใ หว ัดในตา งจงั หวัดไปองคห นึ่งแลว บญุ ก็ยังไมพอเพียงทจ่ี ะใหไ ปเกดิ ในท่ดี ี ขอใหลกู ชายบวชใหเ ขา จะไดไปเกดิ ในสุคต”ิ ถา เราไมรจู ัก คุณวารณุ มี ากอ นเราก็คงสงสยั วา เธอรไู ดอยา งไรวา คณุ ชาย จ. ( ซึ่งรูปรางอว นและหนาตาคลายคน เชอื้ จนี และในวนั ท่ถี งึ แกกรรมนนั้ แตงตวั อยางที่คณุ วารุณเี หน็ โดยทีก่ ําลังพักผอ นหลังจากเดนิ ทาง กลบั มาจากเวียงจนั ทน ) มาตายที่อดุ ร ฯ และรไู ดอ ยา งไรวา มีลูกชาย และไดสรา งพระประธาน ใหญไ ปแลวหนงึ่ องค แตเ รารจู ักคณุ วารณุ ดี ี เราจงึ ไมส งสยั เลยวา คณุ ชาย จ. ไดม าปรากฏกายแกคณุ วารณุ ีจรงิ ๆ เพื่อขอ ความชวยเหลอื พอเดนิ ทางกลบั ถึงกรุงเทพ ฯไดส องสามวนั ภรรยาผูเ ขียนและนอ งสาว (ซงึ่ อยใู นรถ ดว ย) กไ็ ดไปหาภรรยาของคุณชาย จ. ทบี่ าน เลาเรือ่ งใหฟ งและขยนั้ ขะยอใหลูกชายบวชใหพ อ ภรรยานนั้ พอจะเชอื่ บา ง แตบ ุตรชายไมยอมเชื่อและพดู เบยี่ งบา ยตา ง ๆ เปน อนั วาคาํ ขอรอ งของ คณุ ชายนั้นไมไ ดผล หลังจากนนั้ ไมน านภรรยาของคณุ ชาย จ. ไปชวยงานทําบญุ วันเกดิ ของพี่สาว ทก่ี ระทําทว่ี ัดแหง หน่งึ ซ่ึงมีชื่อในทางปฏบิ ตั วิ ปิ สสนามาก ขณะอยูท วี่ ัด คุณพอของภรรยาคณุ ชาย จ. ไดข อใหแมช ีคนหนงึ่ ซงึ่ มชี ือ่ วา สามารถในทางวปิ ส สนาชว ยทํานายทายทักให เสร็จแลว ภรรยาคุณชาย จ. จึงเลา เรอ่ื งให ฟงบาง แมช ผี ูนนั้ น่ังสงบอยรู ะยะหนง่ึ แลว บอกวาทีค่ ณุ ชายมาขอใหล ูกชายบวชนนั้ ทจ่ี รงิ ไมใ ชเ พราะ ตวั เองแตอ ยางเดียว แตเพื่อลกู ชายเองดวย เนอื่ งจากลูกชายกาํ ลังเคราะหร ายมาก หากไดบ วชก็ อาจจะแกไขได ภรรยาคณุ ชาย จ. ไดน าํ เรอ่ื งไปเลา ใหล กู ชายทราบ แตเขาก็ยังไมศ รทั ธาอยูนนั่ เอง ปรากฏวา หลงั จากนน้ั ไมน านก็ประสบอุบตั ิเหตุ รถยนตถกู ชนและเบียด ตวั บาดเจ็บเลก็ นอ ย แตร ถ เสียหาย ตอ งเสียเงินซอมแซมเปน จาํ นวนมาก 128
สําหรบั คณุ ชาย จ. นน้ั ภายหลงั ญาตผิ หู นึ่งไดจ ัดการบวชเณรใหท ี่วดั มีชอื่ แหงหน่ึงและไดร บั แจง จาก อาจารยท วี่ ัดนั้นวาไดม คี วามสขุ ดขี น้ึ เพราะอานสิ งสข องการบวชเณรนนั้ . หมายเหตขุ องผรู วบรวม เร่ืองน้ีมขี อ ชวนคิดหลายประการ (๑) นมิ ติ ของทานพระอาจารยบ ญุ มา ซงึ่ แจง ลวงหนาถึงเหตุการสนิ้ ชีพของ ม.ร.ว. จ.ก. ไดอยา ง ถูกตอง เวน แตผ ูแปลไมอ าจแปลไดตรงกบั เหตกุ ารณ จงึ กรง่ิ เกรงไปในทางอนื่ (๒) การเหน็ ของคณุ วารณุ ที น่ี า พศิ วงมาก เธอบรรยายรูปรา งลกั ษณะของคณุ ชาย จ.ก. ตลอดจน เครอ่ื งแตง กาย (ในวันสนิ้ ชพี ) ไดแ มน ยํา ทราบวาคุณชายมีลกู ชาย และทราบวา คุณชายไดเ คย สรา งพระพุทธรปู องคใหญใ หเปน พระประธาน ทง้ั นี้โดยไมท ราบเร่ืองทเี่ กี่ยวขอ งมากอนเลย (๓) การเหน็ ของแมช ี ท่ีบอกวา ลกู ชายคุณชาย จ. กําลังเคราะหราย ไดร บั การยนื ยนั โดยอุบัตเิ หตทุ ่ี เกดิ ขนึ้ หลงั จากน้ันไมช า .......................................... 129
เรอื่ งที่ ๒๐ แพทยน อกบญั ชี โดย ม.ล.จติ รภาณี เกษมศรี (ม.ล. จิตรภาณี เกษมศรี กศ.บ. เปน หลานของ ม.ร.ว.สง ศรี เกษมศรี ขณะนที้ ํางานเปน ครูใหญ โรงเรยี นสวนบวั ซอยพระราชครู ถนนพหลโยธนิ กทม. ๔ เมอื่ ทราบวา ผรู วบรวมกําลงั จัดทําหนังสือ เก่ียวกับเรอื่ งวญิ ญาณ ไดไปขอเรื่องจากคณุ อไุ รวรรณ บนุ นาค ผเู ปน นาสาวและเคยเลา เร่อื งใหเธอ ฟงมากอน เปน เรอ่ื งทค่ี ณุ อุไรวรรณไดป ระสบระหวา งเขารกั ษาตัวอยทู ีโ่ รงพยาบาลศริ ิราช) เมอ่ื เดอื นกมุ ภาพนั ธ พ.ศ.๒๕๐๓ คณุ นาอไุ รวรรณปว ยเปน โรคนวิ่ ในไต ตองไปให ศาสตราจารย นายแพทยอุดม โปษกฤษณะ ทําการผา ตดั ทโี่ รงพยาบาลศริ ริ าช พํานกั อยใู นหอง “....” ตึกวบิ ุลลกั สมณ อยูในความดแู ลของคณุ หมอ พ.ต. และ คณุ หมอปรชี า (เขา ใจวานามสกลุ ตาปสนนั ท แตไมแ น) เปน แพทยป ระจาํ บาน ระหวา งทีค่ อยผาตัดอยนู นั้ คืนหนง่ึ เวลาประมาณตสี าม คณุ หมอปรชี าไดเปดประตหู องเขา ไปพรอ ม กบั นายแพทยฝรั่งคนหนึ่ง รูปรา งสูง มีเคราแบบคางแพะสขี าว สวมเสอ้ื เช้ติ ลาย ๆ คอตัง้ ไมม ีปก คอเช้ติ คลายกบั ท่ีพวกนกั บวชใช นุงกางเกงลาย ขาคอ นขา งแคบ ดอู อกจะเปนแบบโบราณ คณุ นา ไมไ ดรสู ึกแปลกใจอะไรเพราะคณุ หมอปรชี าเปน หมอประจาํ อยู คณุ หมอพาแพทยฝร่งั ไปทขี่ างเตยี งบอกวา “ขอตรวจหนอ ย” แลวแพทยน ั้นก็ควักเอาเครอ่ื งตรวจ ออกมาฟง คณุ นา รูส กึ แปลกที่สังเกตเหน็ วาปากกระบอกของเครอื่ งฟงนน้ั เปนรปู ส่เี หลีย่ มแทนทจ่ี ะ กลม หมอฝรง่ั ตรวจแลวไมพดู กระไร พยักหนาใหค ณุ หมอปรชี าเดนิ ตามออกไปจากหอ ง อกี คร้งั หนงึ่ ตอนที่คณุ นานอนอยบู นรถเขน็ กําลงั รอจะเขา หอ งผา ตัด ก็เหน็ แพทยฝ ร่ังผนู ้ันมาหา คณุ นา เคยทราบวาคนทท่ี ําผาตัดแลว มกั จะกระหายน้ํามาก จงึ บนคอ นขา งดังวากลัวจะกระหายนํ้า คณุ นาเหน็ แพทยฝรัง่ ผนู นั้ ยม้ิ แลวกส็ ่นั ศีรษะเปนเชงิ ปลอบใจ แลว กอ็ อกไปจากหอ ง ปรากฏวาหลังจาก ผา ตดั แลวคณุ นาไมม ีอาการกระหายน้ําเลย คร้งั ทสี่ ามเปนคนื สุดทายท่ีอยใู นโรงพยาบาล คือคืนกอนจะกลบั บา น เวลาประมาณตีสามเชนคร้งั แรก คณุ หมอปรีชากับหมอฝรัง่ คนนนั้ กเ็ ขาไปอกี และหมอฝรัง่ กท็ ําการตรวจเชน เดียวกับครั้งแรก เสร็จแลวพยกั หนาและกลบั ออกไปพรอมกัน คณุ นาวาหนอฝรง่ั น้ันแตงตวั เหมอื นกนั ทกุ ครง้ั วันรุงขนึ้ ตอนใกลจ ะกลบั บา น คณุ หมอ พ.ต. เขา ไปเยีย่ ม คุณนาจงึ ถามถงึ แพทยฝรงั่ คนนนั้ วา เปน ใครมาแตไ หน คณุ หมอ พ.ต. ทาํ ทา งงแลวบอกวา จะตองถามคุณหมอปรชี าดกู อน แตวาตอนนน้ั คณุ หมอปรชี าออกเวรไปแลว และเลยไปเขา หองผา ตัด จงึ เปน อนั วา ไมไดพ บตวั 130
หลงั จากกลบั ไปอยบู านแลว ระยะหนึ่งคณุ หมอ พ.ต. ไปเยยี่ มคณุ นาทีบ่ านแลว บอกวาหมอฝรง่ั ทคี่ ณุ นาเหน็ นน้ั ทีจ่ ริงเปนหมอสอนศาสนา ไปตายดวยโรคเลือดทโี่ รงพยาบาลศิรริ าช หลงั จากนน้ั กม็ ี แพทยห ลายคนไดท ราบวาไปแสดงตวั แกคนไข โดยมากมักเปนคนท่มี ีโรคเก่ยี วกบั เลือด ครงั้ หน่ึงมคี นไขหนัก ตอ งการถายเลอื ด นางพยาบาลไปเอาเลือดมาจากหองเลอื ด มผิ ูเห็นหมอฝร่ัง คนนน้ั เดนิ ตามหลังนางพยาบาลออกมาจากหองเลอื ด ทคี่ ุณหมอ พ.ต. ไมไดเลาเรือ่ งใหค ณุ นา ฟง ทีโ่ รงพยาบาลกเ็ พราะเกรงวาจะหวาดกลวั จึงตามมาเลา ทีบ่ า น สาํ หรบั คณุ หมอปรีชานน้ั ไดถ ามแลว ไมร ูเรื่องเลย ตามเวลาทค่ี ณุ นา เห็นเขา ไปในหอ งพรอ ม กบั แพทยฝ รัง่ คณุ หมอปรชี านอนหลบั เปน ปกติอยทู ห่ี อพกั แพทย. หมายเหตขุ องผรู วบรวม โรงพยาบาลศริ ิราชมเี รอื่ งทํานองนี้บอ ย ๆ เขาใจวา โรงพยาบาลอื่นกค็ งคลา ย ๆ กนั การท่นี าํ เร่ืองน้ี ออกเผยแพรค งจะไมทาํ ใหคนไขไมกลา ไปโรงพยาบาลศริ ริ าช เพราะเร่อื งเชน นม้ี เี ลา กันเสมอ ๆ (ใน หนังสอื “ภพอนื่ ฯ” เลม แรกก็มีเรื่อง “พระเมตตาของทนู กระหมอม” เปนเรอ่ื งประเดมิ ) แตเรอ่ื งนมี้ ี พสิ ดารอยูหลายประการ คือ (๑) หมอฝรงั่ ลึกลบั ผนู ้นั สาํ แดงตัวบอย ๆ กบั คนไขห ลายคนและแกแพทยพ ยาบาลดวย (๒) กับคุณอุไรวรรณในเรอ่ื งขางตนนีก้ ส็ าํ แดงกายใหเหน็ ถงึ ๓ ครง้ั รวมทัง้ เวลากลางวนั หนึ่งครง้ั (ที่ หอ งผาตดั ) เขาใจวาคงมีคุณอไุ รวรรณคนเดียวไดเ ห็น (๓) เคร่อื งแตงกายแสดงชัดเจนวาเปน “หมอสอนศาสนา” หรอื มชิ ชนั นารี (๔) ทีป่ ระหลาดมากคอื การทมี่ ี “คณุ หมอปรชี า” ตดิ ตามไปดวย ทั้ง ๆ ทเ่ี จา ตัวนอนหลบั ไมรนู อนคู ไมเหน็ อยทู หี่ อพกั .......................................... 131
เรอ่ื งท่ี ๒๑ พอ กลบั มาเปน ลกู โดย อนงค ตงสริ ิ (คณุ อนงค ตงสริ ิ เปนภรรยาเจาของหางหนุ สวนจาํ กัด ศิรยิ นตว ฒั นา ถนนเจรญิ เมือง จังหวัด สกลนคร คนุ เคยกบั ม.ร.ว.สง ศรี เกตสุ งิ ห และผรู วบรวม เพราะเปน หลานของคุณโหมด โมราราช แหง บา นพรรณา อาํ เภอพรรณานคิ ม สกลนคร ซง่ึ เปน หลานของทา นพระอาจารยฝน อาจาโร ซง่ึ เราทั้งสองเคารพนบั ถอื อยา งสูง) หา งหนุ สว นจาํ กดั ศริ ยิ นตว ฒั นา ๔๗๑ ถนนเจรญิ เมอื ง อ. เมอื ง สกลนคร ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๑๗ เรยี น คณุ หญงิ (๑) ทเ่ี คารพ พรอมกันน้ีดิฉันไดเขยี นบนั ทกึ เรื่องระลกึ ชาตขิ องบตุ รชายดฉิ นั ตามทีค่ ณุ หมอ (๒) ไดขอไว แตบางขอ กจ็ าํ ไมไ ด เอาเทาท่ีจาํ ได ดิฉนั คลอดบุตรคนท่ีแปด เมอื่ วันที่ ๓ สิงหาคม ๐๖ ตรงกับวันเสาร ขน้ึ ๑๓ ค่ํา เดอื น ๙ เวลา ๖.๒๐ น. เปน บตุ รชาย เมอ่ื โตมาไดป ระมาณ ๑ ขวบ เดนิ ไดยังไมแข็งแรงนัก ไดใ หลกู สาวคน โตพาไปเย่ียมคุณยายท่อี าํ เภอพรรณานคิ ม ในตอนกลางวนั แกนอนหลับ คณุ ยายจงึ หนไี ปทํางานท่ี สวน พอแกตน่ื ขน้ึ แกก็เท่ยี วมองหาดูตามหองโนน หอ งนี้ พีส่ ะใภข องดิฉนั เปน ผดู แู ลอยู จงึ ถามแกวา หาใคร หาคณุ ยายหรอื คณุ ยายไปสวนแลว พอแกไดย นิ เทานน้ั แกก็รองไห พ่ีสะใภจ งึ ตองใหพี่สาวอมุ พาเดนิ ไป พอไปถงึ ทางแยก แกก็ชม้ี ือให ไปทางนั้น ๆ กอ นท่พี สี่ าวจะเลี้ยว ท้ัง ๆ ทีแ่ กไมเ คยไปมากอนเลย พี่สาวก็สงสัยวา ทาํ ไมแกจึงรูทาง แตพอไปไดถ ึงกลางทางแกกห็ ลบั พี่สาวจึงพากลับ แตต อนนนั้ ดิฉันและคนอนื่ ๆ ก็ยังไมไ ดคดิ อะไร มาก ตอมาพอพูดไดช ดั แลว วนั หนง่ึ แมครวั ซ้อื ปลาไหลท่ียงั เปน ๆ อยมู าใสไวใ นชามกาละมงั พอแกไป เห็นเขา กท็ าํ ทา ตกใจ ช้ีมอื รอ งวา งู งู พสี่ าวถามวา เคยเห็นงหู รอื จงึ บอกวางู? แกตอบวา เคยเหน็ 132
ถามวา เห็นที่ไหน? แกบอกวา เหน็ ทสี่ วนอยรู ิมสระนา “มนั เกอื บกัดตายแนะ” (“ตา ย” เปน ชอ่ื เลนของเดก็ ) พีเ่ ราก็ถามตอไปวา สวนอยทู ี่ไหน? ตอบวา ทพี่ รรณา (อาํ เภอพรรณานคิ ม) พี่สาวถามวา มีสระน้าํ ดว ยหรอื ? แกกต็ อบวา มี (ท่จี รงิ กม็ ี) พ่ีสาวถามตอ ไปวา ถา อยา งนนั้ ตายกเ็ ปน คณุ ตาออ นใชไ หม? แกก็ตอบวา “ใชช ”ิ เขาก็ถามอีกวา ทาํ ไมตาจงึ ตายละ ? แกตอบวา มนั เจบ็ ขา กต็ ายซิ ถามวา ขาเปน อะไร? ตอบวา ขาถูกตดั ตัดแลว กย็ งั เจ็บอยู ถามอีกวา ตัดตรงไหน ขางไหน ชี้ใหด ูซ?ิ แกกช็ ี้ขาขา งขวา ตรงคร่งึ หนาแขง ตรงกับท่คี ณุ พอ ออ นเคยถูกตดั เพราะเปน มะเรง็ ทเี่ ทา ตง้ั แตน นั้ มาก็พากันคอยสังเกตดูและเปรียบเทียบนสิ ัยใจคอของแกตง้ั แตเกิดมา เหมือนกับคณุ พอ ทุกอยา ง แลวคณุ แมส ังเกตดบู างก็ยนื ยนั วาตอ งใชแ นน อน ตอมาแกถามคณุ ยาย (แมข องผูเ ขยี นจดหมาย) ถงึ สวนที่คุณตา (พอ ของผูเขียน ซงึ่ ตายไปแลว ) เคยปลกู ตน ไมไ ว ยงั มีอะไรบา ง ตน นน้ั ๆ ตายหรอื ยัง ตน สะทอ นมลี ูกตดิ มากไหม หวานไหม ตน มะไฟหวานยังอยหู รอื เปลา และตน ไมอนื่ ๆ ทคี่ ณุ ตาปลกู ไวแ กกถ็ ามถูกหมด ตรงนแ้ี หละทีท่ ําใหค ณุ แมมน่ั ใจวา ใชคุณพอมาเกิดแน กอ นทคี่ ณุ พอจะเสยี ดฉิ นั กําลังแพท องได เดอื นเศษ ๆ เทา ท่ีจําไดก็มีเทา น.้ี ขอแสดงความเคารพ อนงค ตงสริ ิ ก 133
หมายเหตขุ องผรู วบรวม คณุ อนงคใ หขอ ความเพ่มิ เตมิ ดวยวาจาวา ด.ช.ดํารัส ตงสริ ิ เกดิ วนั เสาร ท่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๐๖ ตรง กับปเถาะ เดอื น ๙ ขน้ึ ๑๓ คํา่ เวลา ๙.๑๐ น. สว นตัวคุณอนงคเ องเกดิ วนั ท่ี ๑๐ กุมภาพันธ ๒๔๗๓ ตรงกบั วนั พฤหัสฯ เดอื น ๓ ปมะเมีย เวลา ๖ น. เมอื่ คลอดบุตรคนทร่ี ะลกึ ชาติไดนน้ั เธออายุได ๓๓ ป (๑) ม.ร.ว. สงศรี เกตุสิงห (๒) อวย เกตสุ ิงห .......................................... 134
เรอื่ งท่ี ๒๒ ผเี รอื น โดย ประชมุ อนิ ทรมั พรรย (คุณหมอประชุม อนิ ทรมั พรรย เปน แพทยศาสตรบณั ฑติ สาํ เรจ็ จากคณะแพทยศาสตร (ศริ ริ าช) จุฬาลงกรณม หาวทิ ยาลยั เมือ่ พ.ศ.๒๔๗๓ รบั ราชการในกรมสาธารณสขุ (ซ่ึงตอมาสถาปนาเปน กระทรวงสาธารณสุข) ต้งั แตต น จนครบเกษยี ณอายุ ตําแหนง สุดทา ยเปน รองอธบิ ดีกรมอนามัย) เรอ่ื งทขี่ า พเจา จะเลา ตอ ไปนี้ ขอรบั รองวาเปนเรอื่ งจริง มผี ูอยใู นเหตกุ ารณร เู หน็ เปน พยาน ถึง ๑๐ คน ตามปรกติพวกเราท้ังหมดนั้นเปนผทู ี่กลัวผีอยา งข้ึนสมอง แตค รัง้ นน้ั กลบั กลายเปน คน “กลา ” และไดเหน็ ภาพทป่ี รากฏดวยความปรดี าปราโมทยอ ยางไมสะทกสะทา นเลย เร่ืองน้เี กิดขนึ้ เมอ่ื หกสบิ ปม าแลว (พ.ศ.๒๔๖๔ ตอ ๒๔๖๕) เมือ่ ครง้ั ขาพเจา อายุ ๑๔ ป เรียนหนงั สอื อยูทโี่ รงเรยี นมธั ยมวดั เทพศริ นิ ทร ในสมยั นนั้ พอโรงเรยี นปดเทอมใหญ (หลงั สอบไล) ขา พเจาก็ เดินทางกลับบา นทหี่ มบู า นหลงั วัดกลางวรวิหาร ตาํ บลบางเมอื ง อําเภอเมอื ง จงั หวัดสมทุ รปราการ ชาวจงั หวดั นน้ั นยิ มสง บตุ รหลานไปเรียนทบี่ างกอก (คอื กรงุ เทพฯ ในปจ จบุ นั ) ขาพเจาก็ถูกสง ใน ทํานองเดียวกัน การเดินทางในสมัยโนน มีทางรถไฟสายปากนา้ํ ทางเดยี ว ถนนรถยนตยังไมม ี ระยะทางจากสถานี รถไฟทป่ี ากนาํ้ (สมทุ รปราการ) ถึงสถานบี างกอก (หวั ลําโพง) ยาวเพยี ง ๒๒ กม. เพราะเปน ทางลัด ตรง สน้ั กวาถนนสขุ มุ วทิ ในปจ จบุ นั เราใชเ วลาเดนิ ทางกวา ๑ ชว่ั โมง ที่ปากน้ํายงั ไมมไี ฟฟาใช เวลาค่ํามกี ารตามโคมไฟในถนนบรเิ วณชุมชนและบรเิ วณตลาดโดยใช ตะเกียงนาํ้ มนั กา ด การเดินทางในเวลากลางคนื ตองใชไ ตห รือตะเกียงร้วั ใหแ สงสวา งนาํ ทาง ตอ มา เมื่อการไฟฟาขยายไปถงึ ปากนํ้า การรถไฟก็เลกิ ใชร ถจักรไอนาํ้ และเปลี่ยนเปนรถรางใชไฟฟา คอื ถนนสขุ ุมวิทสรา งไปถึงปากนํา้ กจิ การรถรางไฟฟาก็ไดย ุบตวั ลงไป บรเิ วณทางรถราง (รถไฟเดมิ ) ก็ ไดถ กู ปรบั ปรงุ เปนถนนลาดยางเชื่อมจังหวดั สมุทรปราการกบั กรงุ เทพ ฯ อกี ทางหนง่ึ ควบคไู ปกบั ถนนสขุ มุ วิท ในสมัยที่กลา วถงึ ถนนเขา สหู มูบ านของขาพเจา ทุกสายเปน เพียงทางเดนิ แคบ ๆ บนพน้ื ดนิ มี เสนทางจากวัดกลางวรวหิ ารเสน เดยี วที่เปน ถนนปูดวยกระเบือ้ ง (แผน ใหญ กวา งประมาณ ๑ เมตร ยาวประมาณ ๖๐เมตร) ทางเดนิ ทุกสายมหี ญาขนึ้ รกเปนพงทง้ั สองขาง หมูบา นหลงั วดั กลางของขา พเจา ตงั้ อยตู ดิ กบั ปาชา ของวัด เราสามารถมองเห็นการเผาศพสด ๆ จากดานหลงั ของหมบู า น บา นทข่ี า พเจา อยนู ั้นเปนของบิดามารดา เปน เรอื นไมส ักแบบโบราณยก 135
พนื้ สงู คนเดนิ ลอดได หนาบานมชี านเรอื นตดิ ตอ กับชานเรอื นของคณุ นาและของคณุ ยายอกี สอง บา น สรปุ วาเปน บา นสามหลังสรา งหนั หนา หากนั และตดิ ตอ กนั ดว ยนอกชาน เปนท่กี วางขวาง พอควร เวลากลางคนื ใชเปน ทเ่ี ลนของเดก็ ๆ บานทั้งสามหลงั นม้ี ปี ระวัติวา เดมิ เปน เรอื นหอของคณุ ยา ทวด พ่ีนอ งทองเดยี วกนั สามคน ๆ ละหลงั เม่อื ครงั้ ขา พเจา ยังเปนเด็กเล็กแตพ อจําความได ยังเคยเห็นคณุ ยา ทวดของขาพเจาคนเดียวทยี่ ังมี ชวี ติ อยูในตอนน้ัน ทานเคยเลย้ี งขาพเจาและพาไปกลอ มใหน อนกบั ทานทุกคนื จนทานถงึ กาละไป เม่ืออายุได ๙๔ หมูบา นหลงั วัดกลางเปนหมูใหญม ีบา นหลายสบิ หลงั คาเรอื น คนในหมบู านมคี วามสมั พนั ธเ ปน พ่ี นองสนทิ กนั ทงั้ หมด เดก็ ๆ ก็เกี่ยวพนั เปน เครือญาตกิ ัน พวกน้ีจะอยพู รอ มหนาพรอ มตากันกแ็ ตใ น ตอนหยุดเทอมใหญห ลังสอบไล ปลายเดอื นมนี าคมถงึ กลางเดือนพฤษภาคม ในโอกาสน้ันขา พเจา ก็ ไดพ บเพ่อื นบานที่เปน ญาตริ ุน เดยี วกนั ไดเ ลน สนกุ สนานตามภาษาเด็ก เพม่ิ ความสนทิ สนมกลม เกลยี วกันรกั ใครและใกลชดิ กันยง่ิ ขน้ึ พวกเดก็ ๆ ชอบมาเลน กนั บนชานเรอื นของขา พเจา ในเวลา กลางคนื และเปลยี่ นหนากันมาเสมอ ๆ โดยเฉล่ียมักจะมานอนกนั ประมาณสบิ คนทุกคนื ทั้งนี้โดย ความยนิ ยอมของผปู กครองเนอ่ื งดวยเปน ญาติกนั ทง้ั นน้ั เม่ือขาพเจา กลบั ไปถงึ บา นหลงั จากโรงเรยี นปด เทอมใหญใ น พ.ศ.๒๔๖๔ - ๖๕ นนั้ (*สมยั นนั้ ขนึ้ ป ใหมวันท่ี ๑ เมษายน โรงเรียนหยุดเทอมกลางเดือนมนี าคม ถึง กลางเดอื นพฤษภาคม คาบเกี่ยว ระหวา ง พ.ศ.๒๔๖๔ และ ๒๔๖๕) ขา พเจาไดป ระสบเหตกุ ารณผดิ แปลกกวา ท่ีเคยเหน็ และยงั ฝง อยู ในหวงลึกแหงจติ ใจของขาพเจาจนบดั นี้ กลาวคอื สภาพทว่ั ไปของหมบู านอยูในความเงยี บเหงาไมค กึ คักเหมือนในปก อ น ๆ พวกผูใหญพากนั นอนกลางวนั พอตกเยน็ ก็มาประชุมกนั แลวแยกยา ยกนั ไปพรอมดว ยอาวุธครบมอื มที ง้ั ปน สน ปน ยาว มีดดาบและหอก ผลดั เปลี่ยนเวรยามกนั ตลอดคนื รอบบริเวณและเตรียมพรอ มอยู ณ จดุ สาํ คญั ๆ รอบหมบู า น ในท่สี ดุ ขา พเจา ก็ไดร บั ทราบจากคณุ พอ วา มีโจรกลมุ ใหญกําลงั วางแผนจะมาปลน หมบู านของเรา โดยเชอื่ วา เรารวย มีเศรษฐอี ยมู ากเพราะเปน หมบู านชางทองมชี อ่ื ในสมัยนน้ั เราจะอาศยั ตาํ รวจก็ ไมไ ดเ พราะกําลังตาํ รวจมนี อ ย ตองแยกกันออกตรวจทองที่ทห่ี า งไกลในฤดนู ี้ซง่ึ เกีย่ วขาวแลวและมี โจรชุกชมุ โดยท่ัวไป จงึ จาํ เปน ทเ่ี ราตองชวยตวั เอง ดงั นั้นพวกเดก็ ๆ ท่กี ลบั มาบา นโดยหวังวา จะได เลน กันสนุกในตอนคํา่ กต็ อ งยุติ พอคํ่ากต็ องขน้ึ บา นหมด ในตอนนนั้ ขาพเจา เปน เดก็ โตที่สดุ ในบาน รวมทัง้ อีกสองบา นที่มนี อกชานเรอื นแลนถึงกนั มเี ด็กรวม ๑๐ คน อายไุ ลเลี่ยกนั ตง้ั แต ๑๐ ถงึ ๑๔ ป เด็กทกุ คนไดร ับแจกพระเครอ่ื ง ลกู อม ตะกรดุ เครื่องราง ของขลงั ตา ง ๆ หอยคอ ทาํ ใหท กุ คนฮกึ เหมิ ในใจ อยากจะชว ยผใู หญต อ สูก ับโจรบางตามโอกาส พวก 136
ผใู หญไ ดสนองตอบดวยดแี ละไดท ําหอกใหป ระจําตัวทุกคนไวปอ งกันตวั และใหน อนทหี่ นา ระเบยี ง เรือนรวมกนั เปน แถวพรอ มกบั ใหเตรยี มเอาหอกประจาํ ตัวไวใ กลม ือ อยางไรก็ดี พวกโจรไดส ง สายเขา มาสืบการปอ งกันหมูบานของเรา ความพรอมเพรยี งสามคั คีของ พวกเราทําใหพวกโจรไมก ลา เสย่ี งเขามาในเวลาวิกาล เพราะเราไดป ระกาศวา หลังเวลาเขาไตเ ขาไฟ แลว จะไมร บั รองชวี ิตของผทู ่รี กุ ล้ําเขามาในเขตหมบู าน เรามีญาติสนทิ ทรี่ บั ราชการเปน นายสบิ ตาํ รวจเอกประจาํ สถานตี ํารวจภูธรจังหวัด ญาตผิ นู น้ั จะนาํ ตาํ รวจลูกแถวมาเยี่ยมหมบู า นและใหกาํ ลงั ใจพวกเราทกุ คนื ระหวางสองทุมถึงสามทมุ ถาคืนใดไม ตอ งเขา เวรตรวจกม็ ารวมรกั ษาหมูบานดวย พวกโจรไดถอื โอกาสสองคร้งั ในเวลาดกึ สงัดหางกัน ๒๐ วนั ลอบเขามาทางดา นปา ชาซึง่ มปี า ไผเ ปน เขตแดนกน้ั หมบู าน จดุ ประทดั ดอกใหญโ ดด ๆ และชนดิ ดอกเล็กเปน ตบั โยนเขา มาในเขตหมบู าน เสยี งประทัดแตกดงั สนน่ั แตพ วกเรากไ็ มหวน่ั ไหวเพราะแยกเสยี งประทดั กบั เสยี งปน ได ท้งั ผูใหญและเดก็ ในหมูบานไดต น่ื ขนึ้ หมดแลวเตรียมพรอ มอยูดวยความสงบ ไมมีการส่งั ใหยงิ ปน โดยไมจําเปน พวกเด็ก ๆ ก็ไมกลัวภัยอะไรเลยเพราะเชอ่ื มน่ั ในความพรอมของผใู หญ ประกอบกับ พวกเราไดร บั กาํ ลังใจในความอารกั ขาของ “ผเี รอื น” ซึ่งขาพเจาจะไดกลา วเขา เรือ่ งตอ ไป ในการทีพ่ วกเดก็ ๑๐ คนไดม านอนรวมกนั เปน แถวท่รี ะเบียงหนาเรอื นขาพเจาพรอมดวยหอกคมู อื ทกุ คนนน้ั กอนลงนอนขา พเจาไดน ําใหน อ ง ๆ สวดมนต มี นะโม ๓ จบ สวดไตรสรณคมณ และ อติ ิปโ ส ทกุ คนื เพราะวาขา พเจาไดฝก สวดมนตม าจากโรงเรยี นทุก ๆ เชา กอ นเขาช้ันเรยี น เด็กโต ๆ ๔ คนไดผลดั กนั อยยู ามคนละ ๒ ชัว่ โมงตั้งแตส ามทมุ เปนตนไป เดก็ เล็ก ๆ ไมต องอยยู าม ถา ยามคนใดเหน็ หรือไดยินอะไรผดิ ปรกตหิ รือผดิ สงั เกต กใ็ หรบี ปลุกทกุ คนตืน่ ขน้ึ และเตรียมหอกไว พรอมโดยไมใหมเี สยี งเอะอะ ในคนื ขางแรมวนั หนง่ึ ตอนตนเดอื นเมษายน เวลาดกึ มากแลว ทองฟา แจมใสปราศจากเมฆ เหน็ ดาว ชัดเจนเตม็ ทองฟา ลมกลางดึกพดั โชยมาพอสบาย ๆ ขาพเจา ถกู ปลกุ ใหตน่ื ขนึ้ โดยยามซึง่ ไดก ระซิบ บอกวา “พี่ ๆ ผูคนเดนิ มาจากทางหนา บา นคณุ นา ผา นไปทางหนา บานของคณุ ยาย หายไปในมมุ มดื สักครู ใหญ แลวก็เหน็ เดนิ ยอนกลบั ไปทางบา นคณุ นาแลว หายเงียบไป” ขา พเจาบอกใหยามรบี ปลุกเดก็ ตนื่ ขน้ึ ทุกคน แลว ใหเ ฝา สงั เกตดวยหูและตาใหด ีและไมใหม เี สียงดงั 137
อีกประมาณอึดใจใหญ ๆ ขา พเจากไ็ ดเ หน็ ภาพอยางทีย่ ามไดบอกไวดว ยสายตาของขา พเจาเอง และ เดก็ อนื่ ๆ กใ็ หเห็นเหมอื นกนั ทกุ คน ในแสงดาวขา งแรมนนั้ ดว ยสายตาทช่ี นิ ตอความมดื เราไดเ ห็นภาพของคน ๆ หนงึ่ เคล่อื นที่ไปอยาง ชา ๆ เนบิ ๆ จากมุมมดื ของบานคุณนา ผา นไปทางหนา บา นของคณุ ยายแลวหายไปในมมุ มดื ลกั ษณะของการเคลือ่ นไหวเห็นไดช ดั ในทอ นบนของรางกายมากกวา ในทอนลาง คือ ในทอ นบนมี การโบกสะบัดชายสะใบสขี าวอยางชา ๆ ดว ยมือทั้งสองขา งพรอ มกับอาการเดนิ ไป เสมือนวาเปน การโบกผากระพือลมเพอ่ื ระงบั ความรอนของอากาศ เสียงทเ่ี ทาไมไ ดย นิ เลย เงียบกรบิ จรงิ ๆ ทง้ั ๆ ท่พี ้ืนกระดานนอกชานนั้นมอี ายรุ ว มรอ ยปแลว แมแมวเดนิ ผานชาๆ กย็ ังมีเสียงดัง ถา เปนการเดนิ ของคนโดยแทแ ลว ก็จะตอ งมเี สยี งดังมาก และยงั เปน การเดินในกลางดึกอนั เงียบสงดั เชน นนั้ เสยี งดงั ยอ มจะตอ งมากย่ิงขนึ้ อีก ลกั ษณะของภาพและการเคลอ่ื นไหวดเู หมือนลอยไปบนผิวกระดานโดยปราศจากเสยี งใดๆ ของพ้นื ลกั ษณะดงั กลาวทาํ ใหข า พเจา ปก ใจเช่ือวา ภาพท่ีไดเ หน็ น้นั ไมใชข องคนทมี่ ชี วี ิต แตต องเปน ปรากฏการณข อง “ผเี รือน” ท่พี วกเราเชอื่ วาเปน วิญญาณของบรรพบรุ ุษมาปรากฏตวั ใหห ลานเหลน ไดเหน็ ในภาวะคบั ขนั ขาพเจา บอกนอ ง ๆ ทุกคนวา “ไมตองกลัวทานบรรพบรุ ษุ ของเราซง่ึ ตามลกั ษณะตอ งเปน ผหู ญงิ นมี้ า ชวยคมุ ครองพวกเราแลว เปน ที่นา ยนิ ดีที่เด็ก ๆ ทุกคนรูวาอะไรควรอะไรไมควร ทกุ คนเหน็ พอ งกบั ขาพเจาและตางไดยกมอื ประนมขนึ้ กราบไหวโดยทัว่ กนั อกี สกั ครหู นึง่ เรากไ็ ดเหน็ ภาพเดมิ นัน้ เคล่ือนกลับออกมาและผา น หนาเราแลว หายไปในมุมมดื แหง เดมิ หลังจากนน้ั อีกพักใหญ พวกเรากไ็ ดยนิ เสยี งประทดั ที่พวกโจรจุดและโยนเขา มาในบรเิ วณหมบู า น หลายแหง ดวยกนั แตพ วกเราไมร สู ึกตกใจหรือหวาดกลวั อะไรเลย ตา งเตรียมพรอ มอยใู นความสงบ เปน ทพ่ี อใจของพวกผใู หญท ีป่ อ งกนั อยขู างลา ง ท้งั น้เี พราะเราทกุ คนอนุ ใจทีร่ ูวา “ผีเรือน” คอย คุมครองอยขู า งบนบานอีกทา นหนง่ึ ในวนั รงุ ขน้ึ พวกผใู หญไดร บั ทราบจากพวกเราถงึ ปรากฏการณข อง “ผเี รอื น” โดยละเอียด เราได รับคาํ ชมเชยวาเกงมาก มีสตสิ มั ปชญั ญะมัน่ คง เราไดร บั ทราบเพิ่มเติมวาในสมยั ท่ีทานผใู หญ ๆ นนั้ เปน เดก็ มีโจรชุกชมุ มากกวา คร้ังนี้ ผเี รือนก็ ไดม าปรากฏใหเหน็ บอย ๆ เปน การเตือนใหร ะวงั ตัว ไมใ หป ระมาท มาในครงั้ น้กี ไ็ ดแสดงตัวใหพ วก เราเหน็ อีก 138
หลังจากคนื ท่โี จรลอบจดุ ประทดั โยนเขา มาในเขตหมบู านคร้งั แรกไดประมาณยสี่ บิ วัน พวกมนั กไ็ ด ลอบโยนประทดั เขา มาอีก แตไ มรนุ แรงเหมือนครงั้ แรก แตใ นครง้ั นี้ “ผีเรอื น” ไมไดม าปรากฏตวั ท้ัง ๆ ท่พี วกเราคอยเฝา ดูอยตู ลอดเวลา ท้ังนอี้ าจจะเปน เพราะแผนการปลน ของพวกโจรไมมีพษิ สง แลว และอาจจะประกอบกบั เปนเวลาขา งขนึ้ แลว แสงจนั ทรสวา งมากเกินไปกไ็ ด ความพยายามของพวกโจรท่ีจะเขาปลน หมบู า นเราคอ ย ๆ ซาลงไปและเงียบหายไปกอ นถึงเวลาเปด เทอมใหม พวกเราเดก็ ๆ กเ็ ตรียมตัวกลบั ไปเรียนตอทบ่ี างกอก ถงึ แมวาเรื่องโจรจะยตุ ลิ งไปแลว แตประสบการณเ รอ่ื ง “ผีเรอื น” ของขา พเจา มไิ ดเ งียบไปดว ย พอนกึ ถงึ เมื่อใดกห็ ลับตาเห็นภาพเม่อื น้นั ตราบจนกระท่งั ทกุ วนั น.้ี หมายเหตขุ องผรู วบรวม “ผีบาน ผเี รือน” เปน เรอื่ งทคี่ นไทยเรานับถอื มาแตด ้งั เดิม เชื่อกันวา ถา ผอู าศัยทําดเี ปน ที่ถูกใจ พวก นอ้ี าจจะใหค ณุ เชน ชวยคมุ ครองหรอื ชชี้ องแหง โชคลาภให แตถ าทาํ ไมถูกใจ โดยเฉพาะถากระทํา เหยยี ดหยามลว งเกนิ กอ็ าจใหผ ลรายไดอ ยา งหนกั เรอื่ งของคุณหมอประชมุ นี้เปนตัวอยางประเภท แรก ลกู หลานทาํ ดี มสี ามคั คีกนั รวมกนั ปอ งกนั บานเรอื นและทรพั ยส ิน ก็มาใหรางวัลดวยการ ชวยเหลือและใหก าํ ลังใจ ผอู า นจะคดิ อยา งไร จะเช่อื หรอื ไมก ต็ ามแตส งั เกตจากการเขยี นของทาน ผูเขยี นไดช ดั เจนวา ทานและนอ ง ๆ อีก ๙ คนน้ันเชอื่ แน ผูทไี่ มเชือ่ อาจจะสงสยั วา มใี ครคนหนึง่ มา “หลอก” เด็กเพื่อใหเกิดความเชือ่ มั่นในความชว ยเหลอื ของบรรพบรุ ุษจะได ไมห วาดเกรงพวกโจร เร่อื งเชน นน้ั อาจจะเปนได แตไมน าจะเปน ในกรณีที่คณุ หมอเลา เหตุผลประการหนงึ่ คือการที่ ภาพเลื่อนลอยผา นไปมาโดยไมมเี สียง แสดงวา ไมไ ดเ หยียบ พนื้ หรอื ไมมนี า้ํ หนกั คนธรรมดาไมน า จะสามารถทาํ เชน น้นั ได ประการทสี่ อง พวก “เด็ก” ท้ัง ๑๐ คนนั้นมใิ ชเด็กมาก อยา งนอ ยอายุ ๑๐ ป อยา งมากถึง ๑๔ ป นบั วา รนุ หนุมแลว และทกุ คนก็ไดเ ลา เรยี นหนังสือมีความรพู อสมควร คงจะสามารถแยกระหวา ง ผี กับคนได โดยเฉพาะเมอ่ื ไดเหน็ ถงึ สองสามตลบ ประการทสี่ าม ถา จะมีใครคดิ จะหลอกเด็กพวกนนั้ จรงิ กจ็ ะตองรตู ัววาเสี่ยงอนั ตรายมาก เพราะเด็ก เหลานน้ั มหี อกเปน อาวธุ ประจาํ ตวั คงจะไดร บั การฝก ฝนเร่ืองการใชมาแลว ทกุ คนมคี วามฮกึ เหมิ เตรียมพรอ มทจี่ ะสกู บั พวกโจร ถา หาก “ผีปลอม” แสดงตวั ใหเ หน็ แลว พวกนน้ั ไมคดิ วา เปน “ผ”ี แต คิดวาเปน โจร กอ็ าจจะตอ งตอ สกู ับหอกถึง ๑๐ เลม ผเู ขยี นคดิ วาคงหายากทจ่ี ะมคี นคดิ จะเส่ียงภยั เชนนัน้ เพียงเพอ่ื ใหเ ดก็ ๆ เกดิ กาํ ลงั ใจ คณุ หมอประชมุ ไดว าดภาพภาวการณในชนบทใกล ๆ กรงุ เทพ ฯ ในสมยั หกสบิ ปก อนใหเหน็ อยา งละเอียดลออและชัดเจน ผเู ขยี นเหน็ สมควรเกบ็ ไวเ ห็น ภาพประกอบประวตั ิศาสตรช น้ิ หน่งึ จึงนําลงพมิ พอ ยา งเตม็ ที่ .......................................... 139
เรอื่ งท่ี ๒๓ พลบั พลา โดย ขวญั ใจ สมรรคกาญจน (คุณขวญั ใจ สมรรคกาญจน เปน นอ งภรรยาของคุณวรณุ สมบรู ณส นิ เพ่อื นสนิทของผรู วบรวม หนงั สอื น้ี อาชพี เดมิ เปน ครู ในปจ จบุ นั น้ีทําหนา ทผี่ ปู กครองบานและเปนนักเขยี นอดเิ รกประจาํ หนงั สอื สตรีสาร ตาํ บลบา นคอื ๑๙๑/๓๑ ถนนสขุ าภบิ าล ๑ บางกะป กรงุ เทพฯ) เมอื่ พ.ศ.๒๔๗๒ คุณพอของขาพเจา ไดร ับคาํ ส่ังยา ยมาเปนผูพิพากษายังจงั หวดั พษิ ณโุ ลก ซงึ่ ขณะนนั้ ยงั เปน ท่ีตง้ั มณฑลพษิ ณุโลกอยู พวกขาพเจา ผูเหน็ ลูก ๆ อยใู นวยั เยาวดวยกนั ท้งั สนิ้ แตก็ ยังพอจะทราบเร่ืองจากคณุ แมทานวา เรายงั เขาบานพกั ของหลวงไมได เพราะอยูในระหวาง ซอ มแซม จาํ เปน จะตอ งรอประมาณเกอื บเดือนจงึ จะเสรจ็ ฉะนั้นพวกครอบครัวเราจงึ จาํ เปนตอ งเขา อยูทพ่ี ลับพลากอน “พลบั พลา” หลงั นีอ้ ยตู ดิ กับโรงเรยี นสตรีประจําจงั หวดั “เฉลมิ ขวัญสตร”ี เวลานจ้ี ะร้ือหรือสรางเปน โรงเรยี นกันอยา งไร ขาพเจาไมท ราบ ครั้งนนั้ พวกเราทราบกนั วา “พลบั พลา” คอื เรอื นรบั รองของ จังหวัด แตค ร้ังกอน ๆ คงจะเห็นท่ีประทบั ของในหลวงและเจา นายกระมงั จึงเรียกวา “พลบั พลา” จนกระท่งั พวกขา พเจาไดเ ขาไปอยู วันทีค่ ณุ พอ พาครอบครวั มาถึงจังหวัดพิษณโุ ลก รถไฟเขา เทียบชานชาลาพษิ ณโุ ลกเวลา ๑๘.๐๐ น. จวนจะมดื อยูแลว นอง ๆ ขา พเจา เรม่ิ กระจองอแง ทเี่ ปน ชายสองคนก็เรม่ิ ซน นองเลก็ ที่สดุ เวลานน้ั ก็เริ่มหงุดหงดิ รอ งไหโ ยเย แกมอี ายุได ๗ เดือนเทาน้นั พอเราถึงท่ีพกั ผคู นกาํ ลังชลุ มนุ รนเขา รอง คณุ พอก็กําลังอยูในระหวางสนทนากบั ขาราชการทมี่ ารบั นองคนเลก็ กย็ ่งิ รอ ง ดอู ลหมา นสน้ิ ดี ขณะนั้นสาวใชค ณุ แมเ อามาเรยี นทา นวา หอ งพักคนรบั ใชข าง หลงั มีสามหอง แตห องหน่งึ ยังมีคนอยเู ปน ผูหญงิ อายุมากแลว คณุ แมท า นออกคําสงั่ วาไมใหร บกวน ทําเสียงดัง และใหข นของเขา พกั ในหอ งวางกันกอ น รงุ ขนึ้ คอ ยจดั กนั ใหม นอ งคนเลก็ ยงั รอ งไมห ยุด ดจู ะทวีขน้ึ อีก คุณแมจ งึ จดุ ธปู ขอใหเ จาทเ่ี จาทางทา นชวยเมตตา และ ขอใหค รอบครัวเราไดร บั ความรม เยน็ เปน สขุ ดวย เพียงช่ัวเด๋ยี วเดียวนอ งก็หยดุ รอ งไหและหลับไป พอรุงขนึ้ คณุ แมใ หค นครงั้ นาํ อาหารไปใหห ญงิ ชราท่อี ยหู องใกล ๆ นน้ั ดวย แตพ อเปดเขาไป ทกุ คน ตกตะลึง ไมมีใครอยใู นหองนอนเลย ขา วของอะไร ๆ กไ็ มม ีสกั อยาง ไมแ สดงใหเ หน็ รองรอยวาผูคน อยูเสยี ดวย ท้ัง ๆ ทตี่ อนกลางคนื เหน็ กนั ทกุ คน 140
ในระยะท่ีเราอาศยั อยทู ่พี ลบั พลาก็เรยี กไดว า อยูเ ยน็ เปน สขุ ทุกคน ขา พเจา คดิ วาคงเปนเพราะคุณ แมเปน คนออ นนอ มมีเมตตาคารวะตอ ทกุ สถานทท่ี ี่ทานอาศยั ส่ิงศักดสิ์ ิทธทิ์ า นจึงสนองตอบให ครอบครัวของเราอยูดวยความสขุ ตลอดมา. หมายเหตขุ องผรู วบรวม คนไทยเราแตกอนเชอ่ื วาเด็กเล็ก ๆ มีปฏกิ ริ ิยาตอภูตผบี ิศาจไดง ายและหนกั หนวงกวาผใู หญ เพราะฉะนั้นเม่อื ใดเดก็ งอแงรอ งไหผดิ ปรกติ หรอื นอนไมห ลับ หรอื แสดงอาการสะดงุ กลวั ผใู หญ มักสงสัยวามีภูตผปี ศาจมาอยูใ กลห รอื แสดงอิทธพิ ลใหป รากฏ โดยมากมกั จะแกด ว ยการขอรอง หรือบนบานศาลกลา วไปตามเรอื่ ง คุณแมข องคณุ ขวญั ใจก็คงคิดเชน น้ี จงึ ไดจดุ ธปู และขอรอ งตอ เจาท่เี จา ทาง ซง่ึ อาจจะเปน เหตใุ หล กู คนเล็กเลกิ รอ งไหและสงบไป การที่หญิงแกห ายตัวไปจากหอ งในชั่วคืนเดยี ว ทา นทไี่ มเชอื่ อาจคานวา อาจจะเปน เพราะยายหนไี ปในตอนกลางคนื ก็ได แตในเรอื่ งวาเปน ผหู ญงิ แกม ากแลว จะขนของหนี ไปในกลางคนื คงทําไดยาก คงจะตอ งมีใครมาชว ย เขา ใจวา บานพกั ทานผูพิพากษานาจะมีการดแู ล เกี่ยวกบั ความปลอดภัย โดยเฉพาะในคนื แรกทีย่ า ยเขา มา ถามกี ารขนของในกลางดกึ คงจะมีคน สังเกตเหน็ บาง ดังนนี้ า จะตองคดิ วา หญงิ แกนน้ั หายตัวไปไดใ นชั่วเวลาค่ําถึงสวา ง .......................................... 141
เรอื่ งที่ ๒๔ บรุ ษุ ลกึ ลบั แหง วดั บวรนเิ วศฯ โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห (เรือ่ งนคี้ รง้ั แรกสมเด็จพระญาณสงั วร เจา อาวาสวัดบวรนิเวศวหิ าร กทม. ไดเลา ใหผ ูเขยี นฟง ผเู ขยี นไดกราบเรียนขอใหท า นสง่ั ใหพ ระภกิ ษธุ ัมมราโมซ่ึงเปน “ตัวการ” ในเรอ่ื ง บันทึกไวเปน ลาย ลกั ษณอ ักษรเพอ่ื จะไดร วบรวมพมิ พในหนงั สอื “ภพอื่น ฯ” เลม ๒ พระธัมมราโมเขียนแลว ไดมอบไวก บั เลขานุการของสมเดจ็ ฯ ซึ่งตอมาไดไ ปเรียนเพม่ิ เติมใน ตา งประเทศเปน เวลาสามป เม่อื กลบั มาผเู ขยี นไดไ ปขอตน ฉบับของพระธัมมราโม ไดร บั แจง วา หาย หาไมพ บ ในตอนนนั้ พระธัมมราโมไดลาสิกขาบทไปแลว และไปประกอบอาชพี ในตา งจังหวัด ไม สามารถจะตดิ ตอ ไดอกี เรื่องทปี่ รากฏตอไปนไี้ ดจ ากบนั ทึกสั้น ๆ ทผ่ี เู ขยี นไดจ ดไวห ลงั จากไดฟง สมเดจ็ ฯ เลา ไดแตข อความสาํ คัญ ๆ รายละเอียดตกหลน ไปมาก) เมอื่ ประมาณกลาง พ.ศ.๒๕๑๐ มสิ เตอร ด.จ. หนมุ ชาวอเมรกิ นั ไดเดนิ ทางทศั นาจรมาถงึ กรุงเทพ ฯ และพกั ทโ่ี รงแรมใหญแหง หน่ึง เขาเคยทราบวา ในเมืองไทยนน้ั ในเวลาเชาตรูมพี ระภิกษุ ออกเดนิ บิณฑบาตไปตามถนนใหผคู นใสบ าตร เปน ภาพทนี่ า ประทับใจมาก จึงไดแ จง ความประสงค แกพนักงานของโรงแรมใหช วยจัดการใหไดไ ปดใู นวนั รงุ ขน้ึ เชา วนั ตอมาพนักงานของโรงแรมไดป ลุก มร.ด.จ. ขึน้ ตงั้ แตย ังไมตีหา แลวจดั แท็กซีใ่ หพ าไปสงที่วัด บวรนเิ วศฯ เมอ่ื ไปถงึ นั้นยงั มดื อยู คนขบั รถปลอ ยใหลงทห่ี นาประตวู ดั ตรงหนา โบสถ (ประตทู ม่ี ี เสย้ี วกาง) ริมถนนพระสุเมรแุ ลวบอกใหค อยอยแู ถวนนั้ มร.ด.จ. ยนื อยอู ยางโดดเดี่ยว ตอนนน้ั ยังไมส วา ง ถนนไมม ีรถหรอื คนเลย มร.ด.จ. เดนิ ไปมาอยู สักครูก็มองเหน็ ประตเู หลก็ ยืดทปี่ ระตูวดั ตรงหนาโบสถน ้นั เปด ออก มชี ายวยั กลางคน ๆ หนึ่งเดนิ ออกมาแลว ทกั เขาดว ยภาษาอังกฤษทชี่ ดั เจนและสาํ เนียงไมแ ปรง เลย มร.ด.จ. สงั เกตวา ชายน้นั คอ นขา งสูงสาํ หรบั คนไทย สวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงขายาวสขี าว ผิว คอนขา งคล้าํ จน มร.ด.จ. คิดวาเปน แขกอนิ เดยี เขาถาม มร.ด.จ.วา มาทําไม? เมอื่ มร.ด.จ. แจง ใหท ราบ ชายนน้ั กก็ ลาววายังอีกนานกวา พระจะ ออกบิณฑบาต ระหวา งนเ้ี ขาไปดอู ะไร ๆ ขา งในวัดเสียกอ นจะดีกวา ยืนคอยเฉย ๆ มร.ด.จ.ตอบตกลง ชายนั้นก็เดนิ นาํ หนาเขา ไปขางในวดั ชนั้ แรกพาไปท่ีโบสถ เปดประตหู นาพาเขา ไปขางในซึ่งเปดไฟสวาง แลว ชใี้ หดูพระประธานทง้ั สององคและรปู ปนของอดตี สมเด็จเจา อาวาสท้ัง 142
สามพระองค บอกพระนามและเลาประวตั ขิ องพระพทุ ธรปู และสมเด็จ ฯ ทุกองคใหท ราบ ตลอดจน เลาความหมายของภาพเขียนบนผนังใหฟงดวย ออกจากโบสถก ็พาเขาไปชมพระพทุ ธรปู ที่ตง้ั อยูในวหิ ารพระศรีศาสดาและพระเจดยี แลว พาเดนิ ผา นกุฏแิ ละอาคารตา งๆ ไปจนถึงวดั รังษี ฯ นําใหช มตึกมหาวทิ ยาลัยสงฆข องมหามกฎุ ราชวทิ ยาลัย จนทั่ว ตลอดทางไดบอกชอื่ และความสําคญั ของอาคารตา งๆ ใหท ราบไปดว ย เสรจ็ แลวจึงพากลบั ไป สงทนี่ อกประตูวัดดงั เดิม บอกวาคอยอยูทนี่ แี่ หละ ประเดยี๋ วจะมคี นมา แลว ชายนนั้ ก็กลับเขาไปขา ง ใน ปด ประตเู รยี บรอ ยแลวก็เดนิ ลบั หายไป มร.ด.จ. คอยอยอู ีกครหู น่ึงก็มพี ระออกบิณฑบาตเดนิ ผานมาจรงิ ๆ มร.ด.จ. ไดเ ขา ไปทักทายและ สนทนาดวย เปน ทรี่ ูจ ักกนั แลวจงึ ลากลับไปโรงแรม หลงั จากนน้ั ไมน าน มร.ด.จ. ตดั สนิ ใจทจี่ ะอปุ สมบทเปน พระภิกษุ จึงไดไปนมสั การสมเดจ็ ฯ ทวี่ ดั บวรนเิ วศ ฯ และไดรบั อนญุ าตใหบรรพชาเปน สามเณรเพ่ือทดลองดูกอ น หลังจากเขา ไปอยูในวัดแลว สามเณรธัมมราโม (มร.ดจ.) ไดพ ยายามสอดสองหาตวั ชายแขกคนที่ ไดพบเมื่อเชา มืดวนั นน้ั อยูเสมอ ก็ไมเ จอะเลย วนั หนง่ึ จงึ ถามพระและเณรวา แขกอนิ เดยี ทอ่ี ยูในวดั นนั้ หายไปไหน ผูฟง ไมร เู รอื่ ง ไดช ักไซไ ปมา จงึ ปรากฏขน้ึ มาวา เณรธมั มราโมหรือ มร.ด.จ. ได ประสบกบั บคุ คลที่ไมเคยมใี ครเหน็ มากอนเลย แมพ ระเณรและคฤหัสถท อ่ี ยูใ นวดั มาเปน สบิ ๆ ป แลว กไ็ มมใี ครนึกออกวา ชายท่มี ีลกั ษณะเชน ที่เณรธัมมราโมเลานน้ั เคยอยใู นวดั มากอน หรืออาจจะ เปน ใครไดบ าง ความลึกลับยิง่ เพิ่มมากขน้ึ เมือ่ ทราบวา ชายคนน้นั มีลูกกญุ แจไขประตูตา ง ๆ ไดท ัว่ หมด เพราะลูก กญุ แจเหลา นนั้ มคี นถือจาํ เพาะเปน ประตู ๆ ตามทมี่ ีหนา ทเ่ี ปดปด ไมม ใี ครคนใดคนหนงึ่ ถอื กญุ แจ หลายลกู เชน ชายคนนน้ั เลย ชายคนนน้ั ไปเอากญุ แจมาแตไหนจงึ เปด ไดท ุกประตูและเปด อยาง คลอ งแคลวคลายกับเปดอยทู ุก ๆ วัน นอกจากนยี้ ังพูดภาษาองั กฤษไดด ีมาก ผดิ กบั ลูกศษิ ยวัด ธรรมดา เณรธมั มราโมเห็นวาชายนั้นมคี วามรเู กยี่ วกบั พทุ ธศาสนาดมี าก และไดอ ธบิ ายและตอบ ปญหาตาง ๆ ใหเ ขาเขา ใจเรือ่ งและเหตผุ ลจนเขาเกดิ ศรทั ธาและไปขอบวชกบั สมเด็จ ฯ ตอ มาสามเณรธมั มราโมไดอ ปุ สมบทเปนพระภิกษุอยนู านกวา สบิ ป ระหวา งนัน้ ไดจารกิ ไปปฏิบัตจิ ติ ภาวนาตามวดั ปา ในจงั หวดั ตาง ๆ หลายแหง และบางครัง้ ก็ไดป ระสบกับปรากฏการณใ นทํานอง “วญิ ญาณ” จากภพอืน่ อยหู ลายครั้ง ตอ มาไดล าสกิ ขาบทแลวเขา ทาํ งานดานการคา อยกู บั บรษิ ทั ตา งประเทศบริษทั หนึ่งในประเทศไทย โดยเปน ตัวแทนอยูในตา งจังหวดั . ก 143
หมายเหตขุ องผรู วบรวม ขอ ท่ีพงึ ไตรตรองเก่ียวกบั “บุรษุ ลกึ ลบั ” ในเร่ืองน้ี คอื (๑) เขาพูดภาษาองั กฤษไดดมี าก ทําความเขาใจกบั ชาวอเมริกนั ไดโดยสะดวก (๒) เขารธู รรมะดีพอที่จะอธบิ ายเหตผุ ลใหช าวตา งชาตติ า งศาสนาเกิดศรัทธาถึงกบั เขามาบวช (๓) เขารปู ระวัตแิ ละเรอื่ งราวอ่นื ๆ ของวดั บวรนิเวศฯไดม าก สามารถทาํ หนาทีม่ คั คุเทศกไ ดอ ยา งดี (๔) เขาสามารถเปดประตอู าคารทส่ี าํ คญั ๆ แมกระท่งั โบสถไ ดอยา งคลอ งแคลว ทั้ง ๆ ทลี่ ูกกุญแจ อยูใ นความดแู ลของบคุ คลอนื่ หลายคน และทกุ ๆ คนไดรกั ษากุญแจไวก บั ตัว (๕) ไมม ีใครในวดั บวรนเิ วศฯ ท้ังพระ เณร คฤหัสถ เคยเห็น รจู กั หรอื รเู ร่อื งเกย่ี วกับบคุ คลท่ีมี ลักษณะคลา ยกับบรุ ษุ ที่ไดไ ปตอนรบั อาคันตุกะชาวอเมรกิ ันในเชามดื วนั นั้นเลย .......................................... 144
เรอ่ื งท่ี ๒๕ คณุ ยายมาเตอื น โดย ทมนี มหานนท (มหาเปารยะ) (คณุ ทมนี มหานนท เปน ภรรยาของ น.ท.ศริ ิ มหานนท เพ่อื นนักศึกษาแพทยร นุ เดยี วกับผรู วบรวม หนงั สอื นี้ รจู ักคนุ เคยกับผูเ ขียนมาเกอื บหาสิบปแลว นอกจากเปน แมบ า นชน้ั ยอด เธอยงั เปน นกั เขียนมีชื่อในดานบทความ เขยี นประจาํ หนังสอื สตรีสาร ตาํ บลทอ่ี ยู - ๑๖ ซอยโสภณ ถนน สุขมุ วิท กรุงเทพฯ) คณุ ยายดฉิ นั เปน ชาวเพชรบรุ ี ทานอายุยนื มาก เม่ือสนิ้ ชีวติ อายุเกือบรอย เวลาดิฉนั ไปเที่ยว เมอื งเพชรมักจะตามคณุ ยายไปฟง เทศนกลางคนื เปน ประจาํ (วดั ตามหัวเมืองมักจะเทศนก นั ตอน กลางคนื ) พอคํ่าลงคณุ ยายกจ็ ะออกจากบา น ผา นบานคนแถวนนั้ จะมสี ภุ าพสตรีชรานงุ ดาํ ใสข าว ออกมาสมทบทีละคนสองคน จนมคี นเกอื บ ๒๐ ตามไปฟง เทศนด ว ยกันทกุ วนั เมือ่ คุณยายสน้ิ ชีวติ ไปแลว ดฉิ นั กไ็ มเคยฝน เหน็ ทานเลยเพราะดฉิ ันเปน คนที่เวลานอนจะทาํ ใจให เปน สมาธิ ทําใหไ มค อ ยจะฝน แตคนื หนงึ่ ดฉิ ันฝน เหน็ คณุ ยายอยทู ีว่ ดั แหง หน่งึ มคี นนุงดาํ ใสข าว หลายคน สาละวนชว ยกันทาํ ของเล้ียงพระ พอคณุ ยายหนั มาเหน็ ดฉิ นั ก็บอกวา -ใหแ มน ีกับแมพศิ (ลกู สาวคนหนึ่งของคณุ ยาย) ไปทาํ บญุ ที่ เพชร ใหแมนที าํ ขนมจนี นํา้ พริกไปดวย ดิฉนั เหน็ แปลกเพราะคุณยายไมเคยมาเขา ฝน เลย แลว ลกู หลานคณุ ยายกม็ ีมากทําไมจะมาเจาะจง ใหทําเพียงแตส องคนลกู กับหลาน เมอื่ บอกเรือ่ งไปยังคณุ นาพศิ คุณนา ก็ตกลงจะมารบั ดิฉันไป ทาํ บญุ ทเี่ พชร ดิฉันเตรียมเครอื่ งนํา้ พริกเสรจ็ แลว พอจะกาวข้นึ รถลกู สาวคนโตกว็ ิ่งออกมาหา ถือกระโถนปส สาวะ ทีถ่ ายเปน เลือดสดี าํ มาใหดู ดิฉันตกใจมากรบี พาไปโรงพยาบาล ก็เปน อนั ไปเมอื งเพชรไมไ ด ตอ งงด เม่อื คณุ นา พศิ เขามาจากเมืองเพชร มาเยีย่ มหลานท่โี รงพยาบาล ดิฉนั กช็ วนไปทําบุญทว่ี ดั ใน กรุงเทพ ฯ เมอ่ื เสรจ็ เลย้ี งพระ แลวดฉิ นั กช็ วนคุณนา ไปกรวดนาํ้ ใหค ณุ ยาย คุณนา บอกวา “แกกรวด เถอะ นา ไมต องก็ได” ตอมาอีกสองสามวันลูกสาวดิฉันกห็ ายกลบั บา นได แตเพยี ง ๒ อาทิตยห ลงั จากนน้ั ลูกชายคนเดียวของคณุ นา กข็ บั รถจากเพชร มาชนรถบรรทกุ ท่ีจอด โดยไมเปด ไฟอยรู ิมถนน ถึงแกความตายกลางดึก 145
ดฉิ ันนกึ ถึงเรือ่ งนอี้ ยูเสมอและนกึ อยใู นใจวา ถาวนั นนั้ คณุ นา ไปกรวดนาํ้ กับดิฉนั เสยี หนอ ย จะเปน ไป ไดหรอื ไมท เ่ี หตุการณร า ยเชน นจ้ี ะไมเ กดิ ขน้ึ หรอื ถงึ เกดิ กอ็ าจทุเลาเบาบางลงไดบา ง แตดฉิ นั กไ็ ม อาจใหค าํ ตอบกับตวั เอง หรอื หาคําตอบในเรอื่ งนี้จากที่ไหนได. หมายเหตขุ องผรู วบรวม เรอื่ งญาตผิ ใู หญม าเขา ฝน บอกเหตุการณล ว งหนา เราไดร บั รกู ันบอย ๆ บางเรื่องก็ตคี วามหมายได ยาก เร่อื ง “คุณยายมาเตอื น” นี้มขี อ สําคญั ทคี่ ณุ ยายมาสง่ั จาํ เพาะสองคนใหท ําบุญ แลว ทงั้ สองคน กป็ ระสบเหตุ คนหนง่ึ ลงเอยดวยดี อกี คนไมดี คนแรกทาํ บุญแลวกรวดนาํ้ ใหคณุ ยาย คนหลงั ไมได กรวด แมจะทําบญุ เหมือนกนั เหตุรา ยทีเ่ กดิ แกค นท่สี องคงไมใ ชเพราะคณุ ยายโกรธวาไมกรวดนํา้ ให เพราะคณุ ยายคงไมค ดิ ทาํ รายหลาน ทจ่ี รงิ การทาํ บญุ อุทศิ แกผใู ดกต็ าม บญุ มไิ ดห มดไปอยทู ี่ผรู บั อุทศิ แตผ ูทําเองก็ไดบ ญุ ตอคําถามใน ตอนทายเร่ืองผเู ขียนนี้คิดวาถงึ แม “คุณนา ” จะกรวดนา้ํ ก็คงจะไมช ว ยลกู ได เพราะกรรมทมี่ าถึง เขาในตอนนน้ั หนักมาก กรรมของลกู สาวคณุ ทมนนี ้นั กห็ นกั แตย งั ไมถ งึ กบั เด็ดขาด การทาํ บญุ ชว ย ผอ นหนักใหเปน เบา โรคจงึ หายได สวนลูกชายคณุ นา นนั้ อาจจะไดร บั ผลบญุ บา งแตไมถ งึ กบั รอดชีวติ อาจจะเพียงไมตอ งทรมานกไ็ ด .......................................... 146
เรอื่ งที่ ๒๖ รกั -ยมทาํ พษิ โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห เมอื่ เดอื นกนั ยายน พ.ศ.๒๕๒๓ ผเู ขยี นมโี อกาสไดตอ นรบั แพทยห ญงิ (นาง) ฮ.ว. จาก สถาบนั วทิ ยาการแหงหนง่ึ ในเมอื ง ไฮเดลเบอรก ประเทศเยอรมนั ตะวนั ตก ซง่ึ สหายเกา ผหู น่งึ ศจ. เฮลมูธ ยซู ัทส สงมาดูงานเกย่ี วกับโรคไขเ ลอื ดออก โดยทค่ี าํ นึงถึงมติ รภาพและน้ําใจอนั ดีงามของ สหายผนู นั้ ผเู ขียนจงึ ไดร บั ภาระพา ดร. ว. ไปเยีย่ มโรงพยาบาลหลายแหงทง้ั ในกรงุ เทพ ฯ และ ตา งจงั หวดั ในอนั ดบั สดุ ทายไดพาไปท่ีคณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลยั เชียงใหม พอดีตรงกบั วนั มหดิ ล คณะแพทยศาสตรจ ัดว่ิงการกุศล ผเู ขียนจงึ ไดว่ิงดวย ดร. ว. ไดแสดงน้าํ ใจดี ลงทุนซอื้ กางเกงขาสนั้ เขา รวมการวงิ่ และบรจิ าคเงินสมทบทนุ เปน สวนตวั ถงึ ๓๐๐ บาท บา ยวัน นั่นเองเราก็ขนึ้ เครอ่ื งบินกลบั กรงุ เทพฯ พอตกกลางคนื ดร. ว. ก็ขน้ึ เครอ่ื งบนิ ลฟุ ทฮ นั ซาบนิ กลบั บาน ตอนบา ยของวนั กอ นกลบั จากเชยี งใหมเปน เวลาวาง ผเู ขยี นพา ดร. ว. ไปหาซ้อื ของทร่ี ะลกึ แถว ประตเู ชยี งใหม เขาไปในรานศลิ ปวตั ถุรานหนงึ่ มรี ปู ไมสลกั และรปู หลอ จาํ นวนมาก ผเู ขยี นเดินไปถึง ตูกระจกตหู น่งึ มรี ปู หลอ ดวยโลหะต้ังอยหู ลายรปู ทสี่ ะดุดตาทีส่ ดุ เปน รปู เดก็ ผชู ายไวจ กุ เปลอื ยกาย สูงประมาณ ๑๕ ชม จากฝมอื ของการปน และสีเขียวดาํ เปน มนั ของโลหะ แสดงใหเ หน็ วา เปน ของเกา จรงิ และเปน ผลงานของชา งชนั้ ดมี าก รปู รา งของเดก็ ไดสดั สว น หนาตาดี ทําทา ทะเลน นดิ หนอ ยนา เอ็นดู ผเู ขยี นรสู ึกสนใจมาก แตพอหยบิ ขน้ึ มาพจิ ารณาก็มีความรสู กึ กระเทอื นในใจวา รูปนน้ั มอี าํ นาจลกึ ลบั บางอยาง และนา จะ เปน ไปในทางใหโ ทษมากกวาใหคณุ ผขู ายบอกวาเปนรูป “รกั -ยม” ของเกา มาก เหลอื อยแู ต รกั รปู เดียว ตง้ั ราคา ๑,๒๐๐ บาท พอดี ดร. ว. เดนิ ตามไปถงึ ผเู ขยี นจึงชี้ใหดู เธอชอบใจในทันทแี ละ ถามผเู ขยี นวาคดิ จะซ้ือหรอื เปลา ? ผูเ ขยี นตอบสนั้ ๆ วา “ผมกลัว” ดร. ว. ถามวากลวั อะไร? ผเู ขยี นจงึ เลาเรอ่ื งใหฟ ง วา “รกั -ยม” เปน ของขลังซง่ึ มีคนชอบสรา งขนึ้ เพอ่ื เรียกรองความรกั ความ นยิ มจากผูอน่ื แตปรากฏบอย ๆ วามี “วิญญาณ” ของเด็กซกุ ซนเขาไปอยใู นรูป และทาํ ใหผ ูคนตกใจ กลัวดวยการหลอกลอ และกลอบุ ายตา ง ๆ ดร. ว. บอกวา “ถาทานไมส นใจ ดฉิ นั กอ็ ยากจะซ้อื ” 147
ผเู ขยี นถามอยา งเนน วา “คุณไมก ลัวหรอื ท่ีเลาน้ันผมพดู จรงิ ๆ นะ?” เธอตอบอยางหนักแนน วา ไมกลัว ผูเ ขียนทวงตอไปวา “คณุ เปนผหู ญิงอยูคนเดยี วในบา น ถา หาก “รัก-ยม” ปรากฏตัวขน้ึ มาจริง ๆ คุณจะทําอยา งไร” เธอตอบอยางขนั ๆ วา “ไมเ ปนไร ดฉิ นั จะเอาไปเปน ของขวญั เพื่อนผูช ายคนหนง่ึ นะ ” ผูเ ขียนเห็นเธอตัดสินใจแนวแนเ ชนนั้น ก็พูดเปน เชิงปลอบใจวา “เอาเถอะ ผมจะบอกคาถาใหไ ว ถา หาก ‘รกั ’ ซุกชนมาก กท็ อ งคาถานนั้ ชา ๆ แลวเขากจ็ ะกลัวและสงบไปเอง” ดร. ว. ถามวา “คาถานัน้ วาอยา งไร” ผูเขยี นบอกใหท อ ง “พุทโธ ธัมโม สงั โฆ” ซํา้ ไปเรอื่ ย ๆ จนกวาจะไดผล ตอ จากนั้นก็ไดเ จรจากบั ผขู าย ตกลงซ้ือไดใ นราคา ๖๐๐ บาท โดยเราทง้ั สองตอ งซอ้ื รูปลิงอีกคนละ รูป รูปละ ๓๐๐ บาท (ซ้ือที่อน่ื คงไมถึง ๒๐๐ บาท) ดร. ว. มีความพอใจมาก พอกลบั ถงึ โรงแรมก็ จดั การหอรปู และบรรจเุ ขา กระเปาเดินทางอยา งเรยี บรอย พรอ มทจี่ ะออกเดนิ ทางในวนั รงุ ขนึ้ หลังจากเดนิ ทางกลบั ไปแลว ดร. ว. ก็เงยี บหายไปเกอื บ ๓ สัปดาห แลวจึงมจี ดหมายสั้น ๆ มาฉบบั หนึง่ เลา วา พอเครอ่ื งบนิ ออกจากกรงุ เทพ ฯ เธอกเ็ รม่ิ จบั ไขแ ละอาการมากข้ึนเรื่อย พอถึงบา นก็ตอ ง เขาโรงพยาบาล ปรากฏวาเปน โรคท่ีเกิดจากเช้ือชนิดเดยี วกับโรคทเี่ ธอเดนิ ทางมาดทู เ่ี มอื งไทย นน่ั เอง ไมท ราบวารบั เชื้อเขา ไปอยางไร ปวยอยสู องสัปดาหเ ศษจึงไปทาํ งานได ปลายป ๒๕๒๓ ดร. ว. มจี ดหมายมาจากประเทศศรลี งั กา แจงวามาดูงานอีกอยา งหนึ่ง อยากจะ ตอ มาประเทศไทย แตไ มม โี อกาสเลย ลงทา ยจดหมายดวยประโยควา “คาถาทท่ี านบอกนน้ั วา อยา งไรนะ ดฉิ นั ลมื เสียแลว” ประโยคสดุ ทา ยน้ีทําใหผ เู ขียนเอะใจ สงสยั วา พอ “รัก-ยม” คงทาํ พิษข้ึนมาแลวกระมัง ดร. ว. จึง นึกถงึ คาถาขึ้นมา ตงั้ ใจจะขอใหเธอเลา เรอ่ื งใหฟ งอยางละเอียดเผอ่ื จะเหมาะสําหรบั หนงั สอื “ภพอนื่ ๒” แตในเดือน กุมภาพนั ธ ๒๕๒๔ ผเู ขยี นมีงานเต็มมอื ไมไ ดเขียนจดหมาย จนตน เดอื นมนี าคม จงึ สง จดหมายไป ถงึ เธอและขอใหตอบโดยดว น เธอไดส ง ขาวมาอยางรวดเรว็ ทนั เวลาทจ่ี ะรวมเขาเปน เรอื่ งหน่ึงใน หนังสอื น้ี จดหมายนั้นมีขอ ความดังตอ ไปน้ี 148
ทานศาสตราจารยท ี่นบั ถอื ขอบคุณอยา งยง่ิ สาํ หรบั จดหมายของทา น ตอไปนี้คอื เรือ่ งซ่งึ ดิฉันเองกไ็ มท ราบวาจะเกิดจากรปู ปน นน้ั หรอื เปลา ดิฉันเขาใจวา ตามธรรมดานน้ั เขามกั จะทําเหตอุ ยา งอื่น ดิฉันเคยเลา ใหท า นฟง ถงึ เรอื่ งผชู ายทีเ่ ปน “รักคร้ังแรก” ของดิฉันและเราไดห มน้ั กันในตอนที่ดิฉนั เปน นกั ศกึ ษาแพทยและอายุ ๒๒ จนถึง ๒๖ ป เมอ่ื หนึ่งปท ่ีแลวมา ดิฉันไดพ บชายผูนอ้ี ีกและเราทง้ั สองแนใ จวาเราตางเปนของกนั และกนั ในวันหลงั จากทีด่ ฉิ นั กลบั มาจากกรุงเทพ ฯ เราไดคยุ กนั ทาง โทรศพั ทและตา งกม็ ีความยนิ ดีมาก ในวันตอ ไปดฉิ ันไดเ อารูปปน นั้นออกจากหอมาตงั้ ไวเพื่อจะได จดั สงไปใหเขาในวนั หลังจากวนั รุงขนึ้ แตว นั นนั้ ไมไดม าถึง โดยทนั ทที นั ใดอะไร ๆ กผ็ ิดไปหมด เขา ไมต องการเห็นหนาดิฉันอีกตอ ไปโดยไมยอมบอกเหตผุ ลใด ๆ ทง้ั สน้ิ เขาไดแ ตพ ดู โกหกพกลมไป อยา งนาหวั เราะ ดิฉันได “นายรกั ” (นเี่ ปน ชื่อของเขา ใชไ หม ) ตวั นอ ย ๆ น้ันมาตง้ั แตป ลายเดอื นกนั ยายน ในเดือน ธันวาคมดฉิ นั เดนิ ทางไปศรลี ังกาและไดรจู กั กบั ผชู ายอกี คนหนงึ่ ซ่งึ ถกู ใจดิฉันมาก แตพอดีฉนั กลบั มาถึงบา น เขาก็ไมไดเ ขยี นจดหมายมาเลย ตอนนดี้ ฉิ ันชักสงสัยนายรักเสียแลว อีกสามสปั ดาหห ลงั จากน้นั ดิฉนั จึงเอารูปนนั้ ออกจากบา น ไปตงั้ ไวทหี่ อ งทําบานของดิฉนั ท่ีสถาบนั ในวันตอ ไปนนั้ เองจดหมายทร่ี อคอยอยูนานแลวก็มาถึง ดิฉันเลาเรอ่ื งใหเ พือ่ นผหู ญงิ คนหน่ึงฟง เธอเปน นกั สะสมพระพทุ ธรปู และเทวรูปตาง ๆ เธอแนะนาํ ดิฉนั ใหเอารปู นน้ั ใหเ ธอไปเพื่อจะไดท ดลองดู ดิฉนั จึงไดมอบรปู นนั้ ใหเ ธอ ในคืนนั้นเองสามขี องเธอก็ เกดิ โรคกระเพาะปส สาวะอักเสบข้ึนมา ในตอนน้เี พอ่ื นหญงิ ของดิฉนั ไดเ ขยี นจดุ สีแดงไวบ นหนา ผาก ของนายรกั และเอารปู ปน สแี ดงตงั้ ไวเ คียงขา ง (ดิฉนั จาํ ไดวา “ยม” นน้ั เปน สีขาว) แลวเอา พระพุทธรปู ท้งั หมดทีเ่ ธอมตี ัง้ ลอ มไวโดยรอบ ตงั้ แตน น้ั (ปลายเดอื นมกราคม) ก็ไมม ีอะไรเกิดขนึ้ อีกทา นมคี วามเหน็ อยางไรในเรอื่ งนี้ ความเหน็ ของทา นจะเปน ท่สี นใจของดฉิ นั มากทเี ดียว ขอสงความปรารถนาดสี ําหรบั ภรรยาของทา น ในวาระอายคุ รบเจด็ สบิ สองปด วยโดยความนบั ถือ. หมายเหตขุ องผรู วบรวม ถาจะพจิ ารณาตามหลักวทิ ยาศาสตร เรอ่ื งนก้ี ห็ ลกั ฐานออ นมาก “เพื่อนชาย” ของ ดร. ว. อาจหาง เหินไปดวยเหตผุ ลสวนตัวหรือเหตปุ ระจวบอยางอืน่ กไ็ ด แตบงั เอญิ เหตทุ ่ีไมไดคาดคิดเกิดขนึ้ แก ดร. ว. ถึงสองคร้งั และโรคแบบ “ลมเพลมพัด” กเ็ กดิ ข้ึนกบั สามขี องเพื่อนผรู บั ทอดรปู พอรักไป อยา ง กะทนั หนั ทงั้ หมดนีจ้ ึงชวนใหส งสัยมาก จนกระทงั่ ตัว ดร. ว.ซ่ึงเดมิ ไมเ ชือ่ เลยกช็ ักสงสยั ขึน้ มา ถงึ กับใหร ปู ปน ไปเสียใหพ นและถามหา “คาถา” สาํ หรบั บังคบั วิญญาณของพอรัก เสียดายทีเ่ ราไมม ี 149
เวลาจะรอฟง ขา ววา คาถาทบี่ อกไปนน้ั ใชไดผลบางหรือเปลา แตวิธีแกของเพือ่ นหญงิ ของ ดร. ว. ก็ ดูคลาย ๆ จะไดผ ลดอี ยู ไมท ราบวาผลจะดีอยตู ลอดไปหรอื ไม ทา นผูอานจะนกึ อยางไรก็ตาม ผรู วบรวมอา นจดหมายของ ดร. ว. ทวนกลบั ไปกลบั มาหลาย ๆ คร้งั แลวกเ็ ลยชักสงสยั วา ท่ี ดร. ว. เปน ไขก ลบั ไปจากเมอื งไทยนน้ั “เปนเอง” เพราะไดร บั เชือ้ โดย บงั เอญิ (ท้ัง ๆ ทผี่ รู วบรวมไปดวยทุก ๆ แหง แตไ มเ ปน ) หรือเปน เพราะ อทิ ธิฤทธ์ิ ของพอรัก - ยม ท่ีไมอ ยากไปจากเมืองไทย และการท่ีเขาทําใหเธอตอ ง “พลดั พราก” จาก ผูชายถึงสองคน จะเปน วิธีแกแ คนของเขาสาํ หรบั การที่ ดร. ว.ไดท ําใหเขาตองพลดั พรากไปจากเมอื งไทย ไดหรอื ไม .......................................... 150
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261