Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรมะและวิญญาณ

ธรรมะและวิญญาณ

Published by Dharma Online, 2021-01-15 06:08:40

Description: ธรรมะและวิญญาณ

Search

Read the Text Version

เรอื่ งที่ ๒๗ วญิ ญาณนายอาํ เภอเมอื งอบุ ล โดย ม.ร.ว.เสรมิ ศรี เกษมศรี (คําชแี้ จงเกี่ยวกบั ผเู ขียนเรื่องน้ี ปรากฏอยูในเร่อื งท่ี ๑๘) ตอนทเี่ สรมิ ศรสี รา งเรอื นไทยเสรจ็ ใหม ๆ และออกไปอยทู น่ี น้ั แทนที่จะอยูในท่ีพักสําหรับ อาจารย ศ.อ.ศ.อ. ตอ ไปนนั้ คณะกรรมการยุวพทุ ธกิ สมาคมอบุ ล ซ่ึงตอไปจะเรียกวา “ยพส.อบ.” ไดร วมมอื กบั สถานีวทิ ยุ วปถ.๖ ของกรมผสมท่ี ๖ ทอ่ี าํ เภอวารนิ ชําราบ จดั คณะอภปิ รายธรรมทาง วิทยุ เปนเรอื่ งตอ เนอื่ งกนั จนกวาจะจบธรรมบทหน่ึง ๆ คณะผูอภปิ รายทางวทิ ยุ วปถ.๖ นี้ ประกอบดว ย :- ๑) ผูจดั การธนาคารกรุงเทพ ฯ จาํ กัดในยุคนั้น ๒) นายอําเภอเมอื งอุบลราชธานี ๓) อนุสาสนาจารยกรมผสมที่ ๖ ๔) หวั หนาสถานวี ทิ ยุและโทรเลขจงั หวัดอบุ ล ๕) ม.ร.ว.เสรมิ ศรี เกษมศรี ขณะนไ้ี ดไปพบกันปรกึ ษาวา วนั อาทิตยต อ ไปจะอภปิ รายกนั ในเรื่องธรรมใด ปรึกษากนั ยังไมเ ขาใจ ตรงไหน ก็กราบเรยี นปรกึ ษาทานเจา คณุ เจา อาวาสวดั สปุ ฏ นารามวรวหิ ารได ตกลงอยางใดแลว วัน อาทติ ยต อ ไปเปน วนั พดู ทางวทิ ยุ วปถ.๖ ดงั นั้นในยุคน้ันเสรมิ ศรีจึงรจู กั นายอาํ เภอเมอื งอบุ ล ฯ ทาน นนั้ อยา งดี ทานเปนผทู ี่นา เคารพนบั ถอื ทานสนใจตดิ ตอกบั ประชาชน เยย่ี มเยียนราษฎรดว ยความ เอาใจใส ชว งหนง่ึ ของระยะเวลาที่ไดร ูจ ักคนุ เคยกบั ทานนายอําเภอเมอื ง ฯ ผนู ผ้ี านไป มเี อกอคั รราชทูต เวียดนามบนิ มาเยย่ี มพวกญวนอพยพทอี่ บุ ลราชธานี ทางบานเมอื งขอใหข าราชการระดบั หัวหนา งานตา ง ๆ ในอบุ ลไปตอ นรบั ณ สนามบนิ อบุ ล ฯ วนั นนั้ เสรมิ ศรีจึงไดไปทสี่ นามบนิ นนั้ ดวย ในขณะทพ่ี วกที่สนามบินรอทานทตู อยูนนั้ เรากต็ องสลดใจเปน อยา งยิ่ง แลวตอ งกดอดั เก็บไวกอน จนกวา จะตอ นรับทานทตู เสรจ็ ไป เร่อื งมดี งั ตอไปนี้ ทานนายอําเภอเมืองอุบลขบั รถจปี๊ ประจําตาํ แหนง ของทา น กาํ ลังจะไปตอ นรบั ทานทตู ดว ย แตเกิด อุบตั ิเหตุ คือ ถูกรถเมลข องบรษิ ทั หนงึ่ ในจงั หวัดอบุ ลชน จนถงั น้ํามนั รถจปี๊ ของทานระเบดิ และไฟ ไหม ทา นขบั รถไปแตผูเดยี วจงึ ถึงแกก รรมไปในซากรถจปี๊ นน้ั ดว ย 151

เร่อื งนเี้ ซง็ แชกนั ทว่ั ทั้งเมอื งอบุ ล ฯ เพราะทา นเปน นายอําเภอทสี่ นใจในประชาชนมาก จงึ ไดรบั ความ รักความนบั ถอื จากประชาชนทว่ั ไป ยงิ่ กวา นน้ั ผทู ร่ี ูจ กั หรอื เพื่อนฝงู ของทานยังทราบวา ตวั นายอาํ เภอเมอื งเองกาํ ลงั มีเร่อื งเศรามากอยู คือ ภริยาทานเพงิ่ ถงึ แกก รรมและไดป ระชุมเพลงิ ไป แลว ลกู สาวทา นทล่ี าโรงเรยี นในกรุงเทพ ฯ มาทํางานศพคณุ แมกเ็ พ่งิ กลบั ไป ทบ่ี านทานเหลอื แต เดก็ ผูชายรนุ หนมุ คนหนึ่ง ซ่งึ ทานรบั มาจากทองท่ใี หม าอยกู ับทาน เพอื่ จะไดเ รยี นหนงั สอื ชนั้ มธั ยม สูงขน้ึ ตอ ไปเทา นนั้ พอเสรจ็ พธิ ตี อ นรบั ทานทูตเวียดนามแลว หวั หนา หนวยราชการของจงั หวัด ตลอดจนผทู ่คี นุ เคย เคารพนบั ถอื ทา นนายอาํ เภอ ไดปรกึ ษาชวยกันจดั งานศพทา น ตัง้ ไว ณ วดั สปุ ฏนารามวรวหิ าร สวด มนตและทําพธิ ีศพตามธรรมเนียมตาง ๆ ดว ยความรวมมอื กันอยา งจรงิ จังและจรงิ ใจ ไดส ง วทิ ยุโทร เลขไปตามธดิ าของทา นท่โี รงเรียนในกรุงเทพ ฯ ใหไ ปงานศพคณุ พอท่ีวดั สุปฏ นาราม ฯ รมิ แมน ้ํามูล กําหนดงานพระราชทานเพลิงจะจดั เมอ่ื ธดิ าและมารดาของทา นนายอาํ เภอไปถึงแลว รงุ ขนึ้ จากวันทีส่ งวทิ ยุโทรเลขไป ธิดากบั มารดาของทานนายอาํ เภอเมอื งฯ ก็มาถงึ อุบลราชธานี โดย มอี าจารยผชู ว ยอาจารยใ หญข องโรงเรยี นซ่ึงธิดาของทานกาํ ลงั ศึกษาอยูนนั้ เปน เพื่อนมาดว ย เสรมิ ศรีคุนเคยนบั ถอื อาจารยผ ูนน้ั อยู จงึ ไดข อเชญิ ทานผนู นั้ ไปรบั ประทานอาหารกลางวนั ณ รา นอาหาร ในเมืองอุบล ฯ ในวันทีส่ องของวนั ทที่ านมาถึง จงึ ไดท ราบเร่ืองตอ ไปนี้ :- ขอสมมตุ ิชื่ออาจารยผนู ัน้ วา “อาจารย ท.” อาจารย ท. “วันแรกท่ีมาถึงอบุ ลเพราะเรอ่ื งน้ี ไดพากนั ไปเคารพศพทา นนายอาํ เภอทีศ่ าลา แลวก็ ชวนลกู สาวของทา นไปเดนิ ท่รี มิ แมน ้าํ มลู หนา วัดสปุ ฏ ฯ ดฉิ ันเกดิ รสู ึกใจหวิว ๆ ขนึ้ มา นกึ วาเพราะ เม่ือคนื น้ไี มไ ดนอน คือนอนไมห ลบั ในรถไฟ คงจะเปน ลม รบี ชวนลกู สาวทา นกลบั ไปบานพัก นายอําเภอเมอื งดว ยคิดวา ไดอาบนาํ้ แลวคงจะหาย (ตอนนน้ั บานพกั นายอําเภอเมอื งอบุ ลอยรู มิ ถนนใหญซงึ่ ไมไ กลจากวัดสปุ ฏ ฯ นกั ศพของทานกป็ ระดษิ ฐานไว ณ วดั น้ันดวย) ดิฉนั คิดวาจะไป อาบน้ําทีบ่ านพกั พอไปถึงจงึ ถอดสายสรอ ยหอ ยพระทม่ี ปี ระจําตวั น้นั ออกเก็บ แตยังไมท นั เตรียม ตัวเขาหอ งนํ้าดิฉนั หมดความรสู กึ ตวั ตอ มาจึงรูวา ดิฉันนงั่ อยูก ลางวงญาตมิ ิตร ธิดาและมารดาของ ทานนายอําเภอ ปรากฏวาไดเ อาพินยั กรรมมาจากไหนไมท ราบ เอามาอานใหผทู ่ีน่งั อยูฟ งอธิบายวา อะไรจะยกใหลกู สาว อะไรจะยกใหค ุณแมและคนอื่น ๆ” (เสริมศรีทราบวาอาจารย ท. นาน ๆ จงึ จะไดพ บทา นนายอาํ เภอสกั ที ทําไมจงึ รไู ดว า มพี นิ ัยกรรม เอาไวท ่ีไหน เมอ่ื เสรจ็ งานพระราชทานเพลงิ ทานนายอาํ เภอแลว ทานกพ็ าธิดาและทา นมารดากลบั กรงุ เทพฯ ) หลงั จากเหตใุ หญน ีไ้ มถึงเดอื น บังเกดิ เหดอุ ศั จรรยอีกเรอ่ื งหนง่ึ คือ :- 152

เด็กชายรนุ หนมุ ทนี่ ายอาํ เภอเมืองรบั ใหมาเรียนชนั้ สงู ขนึ้ ทใ่ี นเมืองอุบล และใหอ ยกู ินที่บานของทาน นน้ั เมอ่ื นายอาํ เภอส้ินชีวิตและพระราชทานเพลิงแลว กค็ ดิ กลับบา นของตน ไดนาํ กระถางกุหลาบ ซึ่งกําลังออกดอกหนึง่ กระถางไปดว ย เขาไปขนึ้ รถเมลท จี่ ะไปถงึ ทอ งทนี่ อกเมอื ง คอื ที่หมูบานของตน เขาขน้ึ ไปนงั่ มานง่ั ทอี่ ยูท า ยรถ มีกระถางกหุ ลาบวางทพ่ี นื้ รถ กอ นทรี่ ถจะออกจากสถานมี ชี ายคน หนง่ึ ซึง่ คนทอี่ ยใู กล ๆ บอกวามีกลนิ่ เหลา เมาเหลา ขน้ึ มาบนรถเมลคนั เดียวกบั ทเี่ ดก็ ของ นายอาํ เภอขน้ึ พอรถคนั นัน้ แลน ออกถนนใหญ ชายข้ีเมาผนู นั้ คงจะเหลอื อดเหลือทน ราํ คาญกระถาง กุหลาบของเดก็ จงึ ยกกระถางน้ันขึ้นยนื่ ออกไปจะทิง้ บนถนน หรือจะเพยี งตองการกาํ จัดออกจากรถ กไ็ มท ราบ แตบ งั เกิดผลเปน อศั จรรย จนโจษจนั เซง็ แซกันทงั้ เมืองอยรู ะยะหนึ่งวา “ทานเฮ้ยี นมาก” ผลจริง ๆ ปรากฏวา กระถางกหุ ลาบของนายอําเภอเมอื ง ปลิวออกจากทายรถบสั คนั ทเ่ี ดก็ ของ นายอําเภอนงั่ จะกลบั บา น ไปเขา หนา ตา งรถบัสของบรษิ ทั เดียวกบั คนั ทช่ี นรถนายอาํ เภอจนไฟไหม คนในรถคนั นนั้ เลาใหฟ งวา คนขบั รถถกู กระถางที่ลอดหนาตา งเขา มา ทตี่ น คอ เขามสี ติดีพอจะ เบรกรถใหห ยดุ อยรู มิ ทาง แลว เขากข็ าดใจตายคาพวงมาลยั ภายหลังงานศพทา นนายอําเภอราว ๒ ป เสรมิ ศรีไปประชมุ ในตางประเทศหลายวัน พอกลบั ถึง เมอื งไทยกข็ นึ้ รถไฟไปอบุ ลเพอื่ ทํางานตอไป ในรถไฟคนื นนั้ ไดฝ น เหน็ ทา นนายอําเภอมาคาํ นบั บอก วา “มาขอบคุณท่เี พอื่ นขาราชการรวมทงั้ คณุ หญงิ ไดแ สดงเมตตาผม บดั นผ้ี มมาลาไป ผมจะไปอยู กับเจาคณุ สีหพงศเ พญ็ ภาค” พอเสรมิ ศรีถงึ อบุ ลกไ็ ดเ ลา ใหเพือ่ นในคณะอภปิ รายทางวทิ ยแุ ละเพือ่ น ท่ี ศ.อ.ศ.อ. ฟง นอกจากนีย้ ังมเี รือ่ ง “ปดกนั แซด” วา บา นพักนายอาํ เภอหลังนน้ั มีผสี งิ มเี สาตะเคียนตกนํา้ มนั และ อะไรตา ง ๆ ขอ เทจ็ จรงิ ปรากฏวา ตอมาทางราชการไดใ หน ายอาํ เภอเมอื งคนตอ ไปพกั บา นหลังใหม ไมมีหรือมอี ะไรเสริมศรีก็จบเกมที่จงั หวัดอบุ ลราชธานีแลว . หมายเหตขุ องผรู วบรวม เร่อื งน้ีมีจุดเดน ๓ จดุ คอื (๑) การทอ่ี าจารย ท. สามารถคน เอาพนิ ยั กรรมของทา นนายอําเภอ ออกมาอา นใหคนท้ังหลายฟง หลงั จากทเ่ี ตรียมตัวอาบนาํ้ โดยถอดพระเคร่อื งออกจากคอ แลวหมด ความรูส กึ ตอ ไป (๒) การท่ีกระถางกุหลาบของชายหนมุ ในอุปการะของทา นนายอาํ เภอ ลอยไปฆา คนของบริษทั รถเมลท เ่ี ปน เหตุใหท านถึงแกก รรม และ (๓) การที่ทา นนายอาํ เภอไปอาํ ลาคุณหญิง เสริมศรีในรถไฟ ท่ีเดน ทส่ี ุดนา จะเปน การทอี่ าจารย ท. “สิน้ สติแลว คน เอาพนิ ยั กรรมมาอา น” ในทนั ทที ่ีเอาพวงพระเครอ่ื งออกจากคอ ซ่งึ หมายความวาหมดเครอื่ งปอ งกนั จากการแทรกแซงทาง จิต .......................................... 153

เรอื่ งท่ี ๒๘ สวดหนา ศพ โดย ไขศรี สมบรู ณส นิ (คณุ ไขศรี สมบรู ณส ิน เปน คหปตานี ภริยาของนายวรณุ สมบรู ณส นิ ซ่ึงเปน เพื่อนรักและเกาแกของ ผูรวบรวมหนังสอื น้ี เธอเหน็ ผมู กี ารศกึ ษาดแี ละมีลักษณะทกุ ประการทีแ่ สดงวา เปน ผเู ชื่อถอื ได ตาํ บลบาน ๑๒๓/๑ ซอย ๙ อนิ ทามระ ถนนสทุ ธิสาร กทม.) ขา พเจา มพี ส่ี าวคนหนง่ึ เธอเปน บตุ รคนโตของลงุ ขา พเจา ตงั้ แตขาพเจาเปนเด็ก เคยเหน็ เธอ เปนอยางไรกเ็ ปนอยา งนน้ั รปู รางเธอเลก็ ๆ ผิวขาวสวย เธอครองตวั เปน โสดจนอายยุ า งเขา วัยชรา เธอกเ็ ร่มิ เจบ็ ออดแอด จนกระท่งั ตองเขารบั การรักษาอยใู นโรงพยาบาล เธอเขา ออกโรงพยาบาลมา เปน เวลาแรมเดือน เขา ออกอยปู ระมาณสองสามปกส็ ิ้นชีวิตลง ญาตพิ นี่ องของเธอไดต ้งั ศพเธอสวด ทีว่ ดั ธาตุทอง ขาพเจา ก็ไปในวันสวดนน้ั ดวย ในขณะทแ่ี ขกเหรอ่ื กาํ ลังทยอยกันมา ญาติพนี่ อ งทีม่ ากอ นก็นง่ั สนทนา กนั พระทานก็เดนิ มานงั่ บนอาสนสงฆแ ละกาํ ลังจะใหศีล ขณะท่ขี าพเจากําลงั นั่งเหมอมองไปทางทศิ หบี ศพที่ต้ังประดบั ดอกไมส วยงามนนั้ ก็มีความรูสกึ แปลกอยา งทไี่ มเคยมากอ นเลย คอ ยมี ความรูส ึกวาเธอซ่งึ เปน ศพนนั้ ออกจากหบี และมานง่ั พบั เพยี บฟงพระสวดทห่ี นาหบี ศพของเธอเอง ในระหวา งทมี่ ีความรสู กึ อยูนน้ั ก็นกึ วาตัวเองในใจวาเรานอ่ี อกจะเลอะเลอื นใหญแ ลว ก็พอดนี องสาว คนสดุ ทองของเธอซ่ึงตัง้ อยขู า งขาพเจาไดช ะโงกหนา ขามมาถามพีส่ าวซงึ่ น่ังขนาบขา งขา พเจา อีกขา ง หน่งึ วา “เจ เห็นเจเ น่อื ง ออกมาน่ังทห่ี นาหบี ไหม” เลยทาํ ใหค อยสบายใจวาเราคงไมเลอะเลือนแน แตท ําไมจงึ รูสึกเหมอื นอยางกบั เหน็ ดวยตาก็ไมส ามารถจะอธบิ ายได เรอื่ งของวิญญาณนบั วาเปน สิง่ ทล่ี กึ ลับและแปลกประหลาดมาก ไมสามารถจะพสิ ูจนก นั ใหเ หน็ ได นอกเสยี จากบคุ คลใดจะไดป ระสบเหตกุ ารณดว ยตวั เอง อยา งขาพเจา . หมายเหตเุ พม่ิ เตมิ เม่อื วันที่ ๓๐ มนี าคม ๒๕๒๔ ผูรวบรวมไดตดิ ตอกบั คณุ ไขศรที างโทรศัพทเพ่อื เรยี นถามวาเมอื่ “คุณ นอ ง” ถาม “เจ” วาไดเหน็ ผตู ายออกมานง่ั อยหู นา หบี ศพหรอื เปลานน้ั “เจ” ไดต อบวา อยางไร คณุ ไขศรตี อบมาวา “เขาบอกวา เหน็ เหน็ นานแลว แตไมไ ดพ ดู เพราะเกรงวาจะกลวั กนั ” จากคําตอบน้ี เราควรยดึ ถอื ไดว า อยางนอ ยมีคนสามคนไดเหน็ ผูตาย ออกมาน่งั ฟงพระสวดอยหู นาหีบศพของ ตนเอง .......................................... 154

เรอ่ื งท่ี ๒๙ บา นหลงั นน้ั โดย ขวญั ใจ สมคั รกาญจน (ผเู ลา เรือ่ งนีเ้ ปนคนเดยี วกับผเู ลาเรอ่ื งท่ี ๒๓ “พลับพลา”) สถานลี าํ ปลายมาศเปน สถานรี ถไฟสถานหี นงึ่ ทขี่ ้ึนอยูก บั จงั หวัดบรุ รี มั ย ความจริงสถานนี ้ี ไมไ ดมีอะไรพิสดารอยางอืน่ นอกจากวาเผอญิ ครัง้ หนึง่ ซ่ึงเปนเวลาทผี่ านไปหลายปล วงมาแลว ได เคยสรา งความอศั จรรยและแปลกประหลาดใหกบั ครอบครัวของเพอ่ื นขาพเจาคนหนงึ่ เปน อยา ง มาก ดงั ทข่ี า พเจาไดร ับฟงมาจากเธอดังนี้ หลังจากภาวะสงครามคร้งั ทส่ี องเสร็จสิ้นไปไดประมาณสักส่หี าป สามขี องเธอไดร บั คําสงั่ ใหย า ยไป เปนผชู ว ยนายสถานลี าํ ปลายมาศ เวลาท่เี ขาเดนิ ทาง เขาไดพ าครอบครวั ไปดวย คอื เพื่อนขา พเจา พรอ มกับบตุ รเลก็ ๆ อกี สองคนบานพักของผชู ว ยนายสถานีอยบู รเิ วณหลังสถานนี ่นั เอง หางจาก บา นนายสถานไี มม ากเทาไรนัก เธอเลาวาพอมองเห็นบานคร้ังแรกก็รสู กึ วา ดนู า อยเู หลอื เกนิ เพราะ บานยังอยูใ นสภาพใหมและแลดสู ะอาดเรยี บรอ ย แสดงใหท ราบวา ยังไมม ใี ครเขา มาอยอู าศัยมาก นกั อยางนอย ๆ ครอบครัวของเธอกค็ งจะเปน ครอบครวั ทสี่ องทเี่ ขามาอยูเหน็ จะได บา นหลังนเ้ี ปน เรอื นใตถ นุ สูง มหี อ งนอนอยหู นึง่ หอ งถดั ไปเปน หอ งรบั แขกซ่ึงติดตอ กบั ระเบียงเลก็ ๆ ท่จี ะลงบนั ไดทางหนา บา น ขางหลงั หองนี้ออกไปเปน เฉลยี งยื่นอยดู า นหลงั แลว ก็มหี อ งครัวและ หอ งน้ําตามลําดบั ตรงทตี่ ดิ กบั หอ งรบั แขกนน้ั มหี อ งเล็ก ๆ ตอ ขาง ๆ อกี หอ งหน่งึ เพอื่ นขา พเจา เธอทราบจากทมี่ คี นบอกใหว า หองเล็กนน้ั เปนหอ งพกั ของเสมยี นหนมุ ท่ที ําการใน สถาน เขายังเปน โสดจงึ ปรากฏวาไมคอยจะมตี วั เขาอยใู นหอ งนน้ั ประตหู นาหองถูกคลอ งดว ย กุญแจแทบตลอดเวลา แมแ ตใ นเวลากลางคนื เสมียนนนั้ กม็ ักจะไมกลบั มาหลับนอน ไดค วามวาแก มกั จะไปอาศัยเพ่อื นนอนทใี่ นตลาด วันหนงึ่ เพ่ือนขาพเจาเธอมโี อกาสไปสนทนากบั คณุ นายนาย สถานี คุณนายจึงเลา ใหฟ งวา การทีเ่ สมยี นหนมุ คนนนั้ แกไมคอยกลบั มานอน ก็เพราะวา แกมกั จะ หวาดเกรงสง่ิ อะไรไมร ภู ายในหองนนั้ จนทุกคนลงความเหน็ วาหองนั้นมผี ดี ุ เย็นวนั นนั้ เพื่อนขาพเจา จึงนาํ เรื่องท่ีคุณนายเลา มาเลาใหส ามีเธอฟง สามเี ขาไมเชื่อ หาวา เธอตาขาว ขี้ขลาดไมเ ปน เร่อื ง แลว ไมใ ชจ ะเพยี งวา เธอเทาน้นั ยงั บงั อาจวาอะไรตอมิอะไรเรอื่ ยเปอ ย เปน ทาํ นองไมเ ชอ่ื ถือและทาทายไปในตัว เธอบอกวา เธอโกรธสามมี ากทท่ี าํ ปากพลอย ๆ และคิดวาเธอ ควรจะกนั ไวด ีกวาแก ดังนน้ั เธอจรจดุ ธปู เทียนสกั การบชู าทุกคืน และบอกกลาววิงวอนวาเธอเคารพ นับถอื อยาทําอันตรายตอครอบครวั เธอเลย หากวาจะมอี ะไรจรงิ 155

แตอ ยูมาวันหนงึ่ สงิ่ ทนี่ าแปลกประหลาดก็เกดิ ข้ึนเปน ครั้งแรก ในเมอื่ ครอบครัวไดพ ักอาศัยประมาณ สักสามเดือนลวงมาแลว คือ ลูกชายคนเล็กของเธอเกดิ ตวั รอ นจดั เวลานนั้ เปนเวลาจวน ๖ โมงเยน็ แลว เธอจงึ ใหล ูกชายนอนพักอยบู นเตียงคนเดยี วหลงั จากกนิ ยาแลว แลวกร็ บี ไปทาํ กบั ขา วตอ ใน ครวั ฝา ยสามเี ธอก็เพิ่งมเี วลาพักกลบั มาจากสถานี มาน่งั อานหนงั สืออยทู หี่ อ งรบั แขก ทนั ใดน้นั เธอ ไดยนิ เสยี งลูกชายทน่ี อนเจบ็ อยรู องกร๊ดี เตม็ เสยี ง สาํ เนยี งของแกบง วาแกกําลังตกใจมากเหลือเกนิ ทาํ ใหค ณุ พอขอลูกชายรบี วิง่ เขา ไปในหอ งเร็วไปกวา เธอเสยี อกี พบลูกชายกาํ ลงั นอนตาลกุ โพลง ชโ้ี บ ชีเ้ บใ หดบู นเพดาน เธอและสามกี พ็ ากันแหงนดูไปตามมอื ลูก เธอบอกวาหวั ใจของเธอเวลานนั้ แทบ จะหยดุ เตนเพราะสายตาของเธอประสานเขากับตกุ แกตวั หนง่ึ เธอบอกวาเธอไมไ ดโ ปป ดมดเท็จเลย จริง ๆ ตุกแกตัวนนั้ มีสสี นั ผดิ แผกแตกตา งไปจากตุก แกที่มอี ยูท่ัวไปในโลกกว็ า ได เนอื้ ตวั ของมันเตม็ ไปดว ยตะปมุ ตะปา แลว เจาตะปมุ ตะปา นนั้ ยังเต็มไปดว ยสแี ดงสดไปทั่ว ยังกับมีใครเอาหมกึ แดงไป วาดระบายเอาไว มีหนําซาํ้ ลูกตาโปน ๆ ของมนั กจ็ อ งจบั มองลงมาทห่ี นาของทกุ คนท่ีอยขู างลา ง ยัง กับมีความอาฆาตมาดรายโกรธเคอื งเสยี จรงิ ๆ ระหวางทต่ี วั เธอเองมวั ตกตะลงึ อยูนน้ั สามขี องเธอไมฟง อรี า อีรมควา ไมต ะพดที่พงิ อยูใ กลเ ตยี งนอน ตรงรข่ี น้ึ ฟาดตุกแกตวั นนั้ ทาทขี องมนั กห็ าไดก ลัวเกรงเขาไม กลบั ยน่ื ลําตัวข้ึนสูกบั ไมตะพดอยา ง ทรหด ทอนหวั ของมันไขวควา ไมต ะพดเปน พลั วนั เธอบอกวา เธอสงเสยี งหา มสามีเทา ไร เขากไ็ มเชอื่ เธอ เมอ่ื ตีมันไมไ ด นานเขาเขากเ็ หน่ือยและยอม พกั รบกับตกุ แกตวั นนั้ เปน การชว่ั คราว บอกวาขอพักสกั ครู เด๋ียวเถอะจะใชเชอื กคลอ งจบั ใหไ ด ขณะท่ีเขาเดนิ งุนงา นหาเชอื กอยนู นั้ ลกู ชายกร็ องขน้ึ วามนั หายไปแลว จรงิ ๆ เสยี ดว ย เธอบอกวา เผลอเดี๋ยวเดยี วไมร ูมนั ไปไหน หายไปอยางปราศจากรอ งรอยเสียดว ย สามเี ธอพยายามหาอยสู ัก พัก ก็ลงความเหน็ วามนั หนหี ลบเขาไปในหองเสมียนนน้ั เสยี แลว จึงเลกิ ติดใจท่จี ะจบั มนั ตอ ไป คืนนนั้ ทั้งคนื เรียกไดว าแทบตลอดคนื จรงิ ๆ ทุกคนในบา นนอนกันไมหลบั ตา งก็ไดยนิ เสยี งเหมือน คนมาหักไมอยใู กล ๆ ฟงอยนู าน ก็จบั ไดว า คลายมคี นอยใู นหอ งเสมียน สามีเธออตุ สาหเปดประตู ไปดูทห่ี นาบา น ก็มองเหน็ ประตหู องปดมีลกู กญุ แจคลอ งไว แสดงวา แกยงั ไมกลบั มา เมอ่ื เหตุการณเ ปน เชน นนั้ เธอกร็ บี ไปจดุ ธปู แสดงการเคารพบูชาตอเจาทีเ่ จา ทางเจาของบานเจาของ เรอื น เธอบอกวา เธอขอใหท านเหลานน้ั ปกปก รักษาครอบครัวของเธอใหไ ดอาศยั รม ไมช ายคาของ ทานดว ยความอยเู ยน็ เปน สขุ ดว ย เธอบอกวา เหตกุ ารณดสู งบไปหลายวนั ไมม ีอะไรมา กระโตกกระตากอีก ลกู ชายก็คอ ยยงั ช่วั เธอและสามจี ึงมาปรึกษากนั วา นาทเี่ ธอและสามีควรจะ ทาํ บญุ ทําทานกันเสยี บา ง จะไดอ ุทิศสวนกุศลไปใหส่งิ เหลานนั้ เพอื่ ความรม เยน็ เปน สขุ ของ ครอบครวั ของเธอเอง ในระยะนนั้ เสมียนหนมุ หองใกลเ คียงรขู าวของบานเธอกห็ าโอกาสไปคยุ กับเธอ บอกวาเขากลวั เสีย จนไมก ลา นอน เพราะเขาโดนยิง่ ไปกวาเธอเสยี อีก เขาเลา วาเวลานอนพอเคลมิ้ ๆ เขารูสึกคลา ยกับ 156

วามผี หู ญงิ มานอนอยขู า ง ๆ จนเขารสู ึกวาทนความหวาดกลัวไมไหว จงึ พาเพอ่ื นมานอนดว ย โดย ไมไดเ ลาเรอ่ื งราวใหเพ่ือนรเู รอื่ งเลย แตแ ลว เพือ่ นเขาเองกลบั มาเลาใหเ ขาฟง วา โดนผูหญิงมาปลกุ และมีลกั ษณะเหมือนอยางทเ่ี ขาเคยเหน็ พอเขารวู า เธอจะทําบญุ บาน ใจเขาก็ดชู ้นื ข้นึ และมาปรึกษาวา เขาควรจะอยูอกี หรอื ไปหาเชาบา นใน ตลาด เพอื่ นขาพเจาเธอก็ปลอบวาอยาไปเลยอยเู ปนเพอ่ื นกันเถอะ เม่ือไดพ ระทา นมาปด เปา และ พรมน้ํามนตใหเ กดิ ความสิริมงคลแลว ก็คงดขี น้ึ เอง เมอื่ คิดดแู ลว จงึ เหน็ วาทีเ่ พ่อื นของขา พเจา เธอเลาและไดก ระทาํ ไปนัน้ ถูกตอ งเพราะเธอเปนผูทใ่ี ห ความเคารพสกั การะตอสถานที่และสงิ่ ที่เธอคดิ วาเธอควรเคารพจงึ ทาํ ใหม ไิ ดรบั อนั ตรายจากสิ่งล้ี ลบั นน้ั เธอรอดพนจากอันตรายพรอมท้ังมคี วามสวสั ดมิ งคล หากถาเธอทาํ ใจใหเ ปน หัวสมยั ใหม คลอ ยตามสามีและกระทาํ อะไรรุนแรงใครจะรูวา เธอและครอบครวั ของเธอจะเกดิ อันตรายมาก นอ ยประการใด จากส่งิ ลึกลับทีม่ ีอยใู นบานนน้ั (คุณขวญั ใจไดจ ดชอื่ เพอ่ื นผูเลาเรอ่ื งและชอ่ื สามีของเพ่อื นผนู าํ ใหด ว ย แตเ น่ืองจากผรู วบรวมยังไมได รับอนญุ าตจากทา นทั้งสองใหเ ผยแพรช อื่ ของทา น จึงตดั ชอ่ื ทั้งสองทา นออกเสยี ผทู สี่ นใจอาจตดิ ตอ ถามไดจากคณุ ขวญั ใจเปน สว นตวั ). หมายเหตขุ องผรู วบรวม เรือ่ งทเี่ พอื่ นหญงิ ของคณุ ขวัญใจเลาน้นั มลี กั ษณะนากลวั ตอนทต่ี อ สกู ับตุก แก ทจ่ี ะบง ถงึ “วญิ ญาณ” ดูไมคอยมีอะไรและอาจจะมีความหมายนอ ยมากถา ไมไดร บั การสนบั สนนุ จากเร่ืองของ “เสมียน หนุม” ของสถานี .......................................... 157

เรอื่ งท่ี ๓๐ วญิ ญาณตอ นรบั โดย ทมนี มหานนท (มหาเปารยะ) เมอื่ คณุ พอ ของดฉิ นั จะตอ งออกไปรบั ราชการจังหวัดเพชรบรุ ีในสมยั ร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ. ๒๔๔๒) ทา นไดไปกราบลาทา นเจา อาวาสวัดสระเกศ อาจารยของทา น ถาจําไมผิดทา นคือสมเด็จ พระวันรัตน (แดง) ทา นไดต รวจดวงชะตาใหคณุ พอ แลว วา “เจาจะตองไปผจญกับผรู ายมากนัก จะ ทาํ ของศกั ด์ิสทิ ธ์ใิ หไ ปคมุ ตัว” แลวทานก็ไดท าํ พธิ เี สกตะกรุดและผาประเจียดใหคณุ พอ คณุ พอ เลา วาเคยถกู คนรา ยลอบยงิ หลายหน แตบ งั เอญิ ใหแ คลวคลาดไดทกุ ที ตอนทีค่ ุณพอ ออกไปเปน ปลดั จงั หวัดเพชรบรุ นี น้ั ทานมบี รรดาศักดเิ์ ปน ทีพ่ ระเพชรพสิ ยั เพื่อนรัก ของคณุ พอ สามคนตามไปสง ดวย ทา นผูหน่งึ เปนเพือ่ นสนทิ มาก ซงึ่ ภายหลังไดเปนเจาเมอื งหลาย จงั หวัด ครัง้ สุดทายทา นมีบรรดาศกั ดว์ิ า พระยาแกวโกรภ (ทองสกุ ผลพนั ธิน) อกี คนชอ่ื คุณหลวง มณี ฯ อกี ทา นจําช่ือไมไ ด คุณพอจดในสมุดบนั ทึกวา - “ยายไปอยูบา นหลงจกู ั่ว วนั ท่ี ๓ พฤศจกิ ายน ร.ศ. ๑๑๗” เร่อื งตอไปนเ้ี ปน เรือ่ งทคี่ ณุ พอเลาใหล ูกฟง บอ ย ๆ จนพวกลกู ๆ จํากนั ไดท ุกคน เพราะเปน เรือ่ ง แปลกประหลาดมหศั จรรย คุณพอเลา วา คนื นน้ั คณุ พอ เขา นอนแตห วั คํา่ หลงั จากเขา หองปด ประตใู สก ลอนแลว ไมช า คณุ พอก็ หลับ เพียงชว่ั ครูเดยี วคณุ พอก็รูสกึ วา ทองของทา นถกู กดจนรอ นวาบ เมื่อลมื ตาขน้ึ ก็เหน็ ผหู ญิงคน หนง่ึ หนาตาสวยงาม นงุ ผา ลายหม ผาจบี กาํ ลงั เอามอื กดทอ งของทา นอยู ทานจงึ รองเอะอะขนึ้ แลว ออกมาเลา ใหพ วกเพ่อื น ๆทน่ี อนอีกหองหนงึ่ ฟง เพ่อื นทง้ั สามจึงชวนกนั ไปนอนเปน เพ่ือนในหองทา น หลังจากปด ประตใู สก ลอนแลวคณุ พอ กห็ ลับไป กอ นเพื่อน เพราะทานเปนคนหลับงาย เพียงประเดี๋ยวเดยี วเรอ่ื งแบบเดมิ ก็เกดิ ขนึ้ อีก คุณพอ รูสกึ รอ นวาบทที่ อง เมอื่ ลมื ตาขึ้นกเ็ หน็ ผหู ญงิ คนเดิมกําลงั ผละไป พวกเพ่อื นทง้ั สามยงั ไมไ ดหลบั จงึ เหน็ ดวยอยา งเตม็ ตา พากันรอ งวา “หายออกไปทางประตเู ด๋ยี วนี้เองครบั ” พอถงึ ตอนเชามืด เพอื่ นของคณุ พอ ออกมาจากหอง ก็เหน็ เจก หางเปย ยาวกาํ ลงั นงั่ ยอง ๆ พัดไฟอยู พอคนออกมากห็ ายไป ตอนสาย ๆ พวกขาราชการทมี่ าหาคณุ พอเมอื่ ตอนกลางคนื พากนั มารับ คณุ พอ ไปทาํ งาน ถามวา “ลกู ทา นไปไหนละครับ” คุณพอ บอกวา “ลูกผมยงั ไมมี ผมยังไมม ีเมีย” ทุกคนพดู เปน เสียงเดียวกนั วา “เม่ือคนื น้เี หน็ นง่ั อยขู า งทานตลอดเวลา หางเปย ยาวเชียวครบั ” 158

เมอ่ื เกิดเรอ่ื งสามเร่ืองในเวลาติด ๆ กนั เชนนนั้ คุณพอกป็ ระหลาดใจมาก นกึ ในใจวา จะตองไปหา ความรูจากผูหลักผใู หญในเมอื งนี้ คณุ พอเปน ลูกศิษยข องสมเดจ็ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ ซ่ึง ตอนนน้ั ทานเปนเสนาบดมี หาดไทย ทานรบั ส่ังวา ถา มเี รอ่ื งอะไรสงสัย กใ็ หไปถามพระสัตยาภรณ พมิ ล (พร้ิม มหานนท) เพราะเปน คนเกาคนแกใ นจังหวดั เพชรบรุ ี เม่อื คณุ พอ ไดไปเลาเรอื่ งใหค ุณพระ (ซ่งึ ตอ มาทา นไดเ ปน คณุ ตาของดฉิ ัน) ฟง ทา นกบ็ อกไดทนั ทวี า คนหางเปยยาวนน้ั ชอ่ื “หลงจกู วั่ ” คนสาวนน้ั เปน เมียชอื่ “ยายจาํ ปา” เปนหมอนวด และมลี กู ชาย คนหนง่ึ ทั้งสามคนเปนโรคปจ จุบนั ตาย ถา ดูลักษณะการมาปรากฏตวั ของวญิ ญาณทั้งสามแลว เหน็ วา เขาไมไดต ัง้ ใจมาหลอกหลอนใหต กใจ หากเปน การมาตอ นรบั มานวดให มาตม นํา้ ให คณุ พอ ยงั เพง่ิ มาถงึ ใหม ๆ พวกชาวเมอื งเพชร ตลอดจนพวกขา ราชการยงั ไมป ระจักษในความสามารถ แตว ิญญาณทง้ั สามรแู ลว วา ทา นผนู จ้ี ะมา ชว ยปราบปรามผรู า ยเมอื งเพชร ซงึ่ มมี ากมายเทา ๆ หรือมากกวาสมัยนี้ เพียงหา หกปคณุ พอก็ ปราบปรามไดร าบคาบ บางครัง้ ดวยพระเดช บางคร้ังดว ยพระคณุ ความเหลา น้ไี ดท ราบถงึ พระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู ัวรชั กาลทหี่ า เมอื ง เพชรเปนเมอื งท่ที า นเสด็จประพาสอยบู อ ย ๆ คร้งั หนึง่ เมอื่ ไมเหน็ คณุ พอไปเฝา จงึ มพี ระราชดาํ รัส ถามวา ปลัดจังหวดั ไปไหน มผี ทู ลู วาไปจบั ผรู า ยแลวปว ยอยูทคี่ ลองแหงหนงึ่ มรี ับสงั่ โปรดเกลา ฯ ใหน าํ เรือหลวงไปรบั มาทนั ที เมื่อคณุ พอ ออกจากราชการโดยเกษียณอายนุ นั้ ทานมบี รรดาศักด์ิเปน พระยาศริ ิธรรมบรริ ักษ (ทับ มหาเปารยะ) เรือ่ งเหลา นท้ี านเลา ใหลูกฟง เสมอเพราะเปน ประสบการณท ีแ่ ปลกประหลาดมาก เจา คุณแกวโกรภ เพอ่ื นรักของคณุ พอ ซ่งึ ไปมาหาสกู ับคุณพอ ทกุ วันเมอื่ ทานทง้ั สองยังมชี วี ิตอยู กไ็ ดเลา เรอ่ื งนใ้ี หพ วกเราฟงตอ มาเสมอ ๆ. หมายเหตขุ องผรู วบรวม นาํ้ หนักของเร่ืองนอ้ี ยทู เี่ หน็ พรอมกันหลายคน ท้ังกรณี “แมจําปา” “หลงจูก่วั ” และลกู ชาย ประกอบกบั คณุ พระสตั ยาภรณพมิ ลทราบเร่ืองเบือ้ งหลังและใหค าํ อธบิ ายไดอ ยา งนา เช่ือถือ เรอื่ ง ทํานองนค้ี งจะเปน “เรือ่ งธรรมดา ๆ” สําหรบั สมัยโนน จงึ ดูทกุ ๆ คนยอมรบั โดยไมมีความตน่ื เตน หรอื รูสกึ ประหลาดใจอะไรมากนัก เร่อื งท่ีเหน็ ควรแทรกคอื การท่ีสมเดจ็ กรมพระยาดาํ รง ฯทานสงั่ เสียลูกศษิ ยห รือลูกนองของทานใหไ ปหาผใู ดเมอื่ มบี ญั ชา แลวก็ไดผลในเชงิ แกปญ หาจริง ๆ เรอื่ งนี้ แสดงวาสมเดจ็ ฯ ทา นรจู ักคนของทา นและสภาพของบา นเมอื งท่ีทา นดูแลอยู ไมไดห ลบั ตาสง คน ออกไปตามเร่อื ง .......................................... 159

เรอ่ื งท่ี ๓๑ ผกี บั พระของนายอาํ เภอ โดย มร.ว.เสรมิ ศรี เกษมศรี ในยคุ ทกี่ ระทรวงมหาดไทย เรม่ิ สนใจในการพัฒนาชนบท จนกระท่งั มแี ผนแหง ชาติทจ่ี ะ พฒั นาชนบทโดยรวมมอื กันระหวา งกระทรวงศกึ ษาธิการและกระทรวงมหาดไทย คอื ศ.อ.ศ.อ. ของกระทรวงศกึ ษาธิการ รบั ทําหนา ท่ีฝกพัฒนากรและพฒั นานิเทศก สําหรบั ไปทาํ งานรวมกบั ชาว ชนบท กระทรวงมหาดไทยสรา งแผนพัฒนาการแหง ชาตริ ับ งานมาถึงตอนทีก่ ระทรวงมหาดไทย เชิญประชมุ ผูวา ราชการจงั หวัดและนายอาํ เภอ รวมตลอดท้งั พฒั นากรและพัฒนานเิ ทศกเ ปน ภาค ๆ ไป ทจี่ ะมเี รือ่ งนก้ี ็คือ ครง้ั นน้ั มกี ารประชมุ ใหญห ลายจงั หวดั ในภาคอสี าน ท่ีจงั หวัดอดุ รธานี นายอาํ เภอ มาหมด ผวู าราชการจงั หวดั ตา ง ๆ พัฒนากร พฒั นานเิ ทศกของแตละจังหวดั ในภาคนมี้ าประชมุ รว มกนั นบั เปน ประวตั ิการณทมี่ กี ารประชนุ ตั้งแตช น้ั พิเศษจนถึงชัน้ ตรพี รอ มกนั ผเู ปน เจา ของงาน คือกระทรวงมหาดไทยรว มกบั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารก็จริง แตขาราชการกระทรวงศึกษาธกิ ารทไี่ ดร ับ เชญิ ไปจากกรุงเทพ ฯ มี - ๑) คณุ อภยั จนั ทวิมล อธบิ ดีกรมสามญั ศกึ ษาและผอู าํ นวยการ ศ.อ.ศ.อ. กบั ๒) ม.ร.ว. หญิง เสริมศรี เกษมศรี เลขานุการ ศ.อ.ศ.อ. และอาจารยประจําคงู านของผเู ช่ียวชาญที่ องคก ารชํานัญพิเศษแหงสหประชาชาตสิ ง มาทาํ หนา ทเี่ ปน ผูฝกงานใหแกน กั ศึกษา เร่อื งทีก่ ลา วมานที้ าํ ใหเสรมิ ศรจี าํ การประชุมนน้ั ไดด ี เพราะวา ตามโปรแกรมเสรมิ ศรีตอ งบรรยาย เร่อื งการพัฒนาชนบทและเทคนคิ ทนี่ าสนใจบางประการ จาํ ไดวา ไดเ ลาอะไรหลายอยาง มอี ยูตอนหนงึ่ ไดเลาถึงวิธีการทชี่ าวอเมริกนั คอย ๆ อบรมใหค วามรแู กช าวอินเดียนแดง ซ่งึ ในยุคนนั้ ยงั ไมรจู ักรักษาโรคดวยยา ถา ชาวอินเดยี นแดงเจ็บไข จะเชิญหมอผมี ารกั ษาดว ยวิธีวาคาถา รอง ดวย เตน ไปดว ย ฝา ยอเมริกนั จึงสง คนไปแทรกทําความรูจกั คนุ เคยกับหวั หนาพวกอินเดียนแดง อาสาจะชวยรกั ษาโรคให ขอใหทางฝายอินเดยี นแดงตกลงวาถา มคี นเจ็บที่จะใหห มอผไี ปรักษาทไี่ หน เมื่อไร ขอใหเอาหมอฝร่งั ไปดวย ในทํานองเดียวกัน ถา หมอฝรง่ั ถกู ตามไปรักษาท่ไี หน กจ็ ะขอหมอผี ของอนิ เดียนแดงไปดวยเหมือนกนั ขอ เทจ็ จรงิ ปรากฏวา “หมอผีของอินเดียนแดงมจี ํากดั ” แตห มออเมรกิ นั มจี าํ นวนไมจ าํ กัด ในยคุ นนั้ พอเรม่ิ ทาํ ตามขอ ตกลงนเี้ ขา จรงิ เม่ือคนอนิ เดียนแดงเจบ็ หมอผไี ปเปาเสก รอ ง เตน ตามวิถีของเขา หมออเมรกิ นั ก็ไปตรวจอาการ แลว กใ็ หย ากนิ แกโรคนน้ั ๆ ทาํ ดังนี้สักระยะหนึ่ง หมอผีกห็ มด 160

ความสําคญั ไปในสายตาของชาวประชาอนิ เดียนแดงนนั้ เอง เพราะ (๑) หมอผนี นั้ มีตวั จํากดั (๒) ตามตวั ยาก๓) รกั ษาไมห ายเสมอไป (๔) ยาทหี่ มอฝรงั่ ใหกนิ แลว หายเร็วดี ทบ่ี รรยายนี้เพียงเพอ่ื เปนจดุ เรมิ่ ตน ของการทไี่ ดท ราบเรือ่ ง “ผีและพระของนายอาํ เภอทานหน่งึ ” ในคา่ํ วันทป่ี ด ประชุมภาคคราวนนั้ ทางจังหวัดอุดรธานีไดจ ดั เลีย้ งผเู ขาประชมุ ท้ังหมด เสริมศรไี ดรบั เชิญใหน ง่ั โตะ ซงึ่ มนี ายอําเภอตาง ๆ ทัง้ โตะ ทา นเหลานนั้ เชอื่ วา ในปจ จบุ นั นที้ านยอมเปน ผวู าราชการ จงั หวัด หรือตําแหนัง่ สงู อ่นื ๆ ไปแลว อยา งไรกด็ ี เสริมศรกี ็ยงั ภมู ใิ จวา อยางนอ ย ๆ เรอื่ งหมอผชี าวอินเดยี นแดงนนั้ ก็พอประทบั ใจทา น นายอาํ เภอดี เพราะวา เมอื่ รบั ประทานอาหารเสรจ็ แลวนายอําเภอทานหนึง่ กลาวชมเชยเรื่องหมอผี ของอนิ เดียนแดง แลว กเ็ ลยถามเสริมศรีวา เคยเหน็ ผไี หม ? เมือ่ ไดร ับคําตอบวา ไมเ คยเห็น ทา น นายอาํ เภอผูถ ามก็เลา เรือ่ งของทา นใหเสริมศรีกับนายอําเภอท่โี ตะ นน้ั ฟง ดังตอ ไปน้ี ขอสมมุตินามทา นนายอาํ เภอวา “คุณ ก.” ทานไดถกู แตง ตั้งเปน นายอําเภออําเภอหน่ึงในภาค อสี าน ทา นไดเทีย่ วเยีย่ มเยียนหมบู านตาง ๆ จนมาถึงหมบู านหน่ึงมหี นองนํา้ ทต่ี น้ื เขนิ แลว ทา นได ถามชาวบานวา “ทาํ ไมไมช ว ยกนั ขดุ ลอกหนองนาํ้ นีจ้ ะไดม นี ํ้าดี ๆ อดุ มขน้ึ ?” ชาวบา นตอบวา “พวกเราเคยชว ยกันลอกหนองนี้ แตพ อตกกลางคนเขาผทู ล่ี งขดุ หนองตอนกลางวัน รอ งเอะอะ เชาขึ้นปรากฏวา ผนู ั้นอาเจียนเปนโลหิตตาย” นายอาํ เภอผนู ั้นกเ็ ดนิ ไปทั่วหมูบาน แวะสนทนากบั ผูเฒาผแู ก ไดพ บชายชราคนหนง่ึ อายุเกอื บ ๙๐ ปใ นหมบู าน เม่อื สนทนาดว ยก็รสู กึ กวา ผเู ฒา ยงั ไมห ลง นายอาํ เภอกล็ ากลับไป อกี ๔ - ๕ วนั ตอ มา นายอาํ เภอ ก. กม็ ายังหมบู า นทมี่ หี นองนา้ํ ตน้ื เขินนี้อกี ไดไ ปสนทนากบั ผูเฒา คนนน้ั และไดช กั ชวนชาวบา นชายที่ยังกาํ ลงั แข็งแรงใหช วยกันขดุ ลอกหนองน้ํานัน้ อกี ชาวบา นก็เรยี น ตามตรงวา “กลวั จะตายอยางสามคนท่ีกระอกั เลอื ดตายมาแลว” มคี นหนุมอกี กลุม หน่งึ เรียนทาน วา “ถานายอําเภอยอมสัญญาวาจะมารวมขุดลอกหนองนา้ํ ดว ยก็จะยอมชวยขดุ ” ในระหวา งนน้ั ชายชราอายุเกอื บ ๙๐ ผนู ้นั ก็เขามารวมกลมุ ดว ย และใหค วามเหน็ แนะนํานายอําเภอ ใหต ัง้ พธิ บี วงสรวงผปี ตู าและเจาที่เจาทาง ทําบุญเลย้ี งพระดวย จะชวยไมใหม คี นตายละคราวนี้ คน หนุม ๆ ในหมบู านนัน้ และนายอาํ เภอกเ็ หน็ ดว ยกับทา นผเู ฒาของหมูบ านนนั้ นดั วนั ทาํ พิธีเล้ียงพระ ต้ังศาลเพยี งตาสงั เวยผปี ตู าและเจาทเ่ี จา ทาง นายอําเภอเองเชญิ พระบรมรปู พระบาทสมเดจ็ พระ เจา อยหู ัวในรชั กาลปจ จบุ ันมาประดษิ ฐานในปะราํ พิธดี ว ย 161

ครน้ั ถึงวนั นดั ชาวบานกช็ ว ยในการเลี้ยงพระและพิธีบวงสรวงเต็มที่ นายอําเภอก็มีสนุ ทรพจนป ลุก ใจประชาชนใหน กึ ถึงการเสียสละแรงงานของตนเพ่ือคุณประโยชนสว นรวมของหมบู า น และนึกวา นอมเกลา ฯ ถวายแดพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู ัว ครั้นพิธดี งั กลาวเสรจ็ ไปแลว ถงึ ตอนจะระดมกาํ ลงั กนั ลงขดุ ดนิ ในหนองน้นั ชาวบา นทง้ั หลายกย็ งั ไม มีใครเตรียมตัวลงขุด นายอําเภอไปเปลีย่ นเสอื้ ผา มาเตรยี มจะลงขุดหนองแลว ชาวบานก็เชยี รให นายอาํ เภอลงมือขุดดนิ ในหนองกอนเปน ปฐมฤกษ แตเ มอื่ นายอาํ เภอขดุ ดนิ แลว คนอน่ื ก็ยงั ไม เตรียมตวั ลงไปชว ยนายอาํ เภอจึงมมุ านะขดุ ไปตามกําลังของตนในชวงระยะเวลาหน่งึ และตกลงกบั เจาของบา น ขอคา งทบี่ านกํานนั ตําบลนั้นเอง เพอื่ วาพรงุ นจ้ี ะไดช วยลงมอื ขุดหนองอีก คนื วนั น้ันนายอาํ เภอขอกางมุง นอนทนี่ อกชานหนา บา นของกํานัน ซงึ่ เปน เรอื นแบบโบราณทม่ี ชี าน หนา หอนั่งหอนอนกวา งยาว มรี ว้ั รอบชานนนั้ มปี ระตูและบนั ไดท่ีจะขน้ึ มาตรงกลางของรวั้ ดา นหนา ของเรอื นนน้ั กอนนอนกส็ วดมนตตอนหวั คํา่ หลับไดเรว็ เพราะเหน่อื ยมาแตตอนกลางวนั ตกดกึ ต่ืนขน้ึ มาเพราะมเี สียงประตูทีม่ บี นั ไดขน้ึ เรือนนนั้ เปด จงึ พลกิ ตนมาดู คนื นัน้ บงั เอญิ พระจนั ทร สองพอเหน็ ได ตาจอ งจบั อยทู ี่ประตเู หนือบนั ไดขึน้ นน้ั ไดเ ห็นชายแกค นหนึง่ โผลข นึ้ มาจากบนั ได พอ ยืนเต็มตวั บนชานเรือนแลว ก็กลายเปน ตมุ ใบใหญก ล้งิ มาหามงุ ทีน่ ายอําเภอนอนอยนู นั้ ทา น นายอําเภอรบั วา ทานกก็ ลัวอยางสดุ ขีดเหมือนกนั ไดแตน กึ ถงึ พระพุทธรปู ทที่ านนาํ มาดว ย มอื ทา น กก็ ุมพระเคร่อื งในสายสรอ ยนนั้ พรอมกับสวดขอความพทิ ักษรกั ษา สวนใจนน้ั เตน ระทกึ ตามองดู ตุมกล้งิ มาหามงุ ทท่ี า นนอนอยู แตพ อมาถงึ ขา งมงุ ตุม กก็ ลิ้งกลบั ไปทางทมี่ า แลวกก็ ล้ิงมาขางมงุ ใหม เปน ครง้ั ท่ี ๒ และที่ ๓ ทุกครั้งมาถงึ แคช ายมงุ เทา นนั้ ทาํ อยา งนค้ี รบ ๓ ครง้ั แลว ตุมนนั้ ก็หายไป เชาวันรงุ ขน้ึ มชี าวบานท้ังหนมุ สาวเฒาแกช ายหญิงมารอพบนายอําเภอทห่ี นาเรอื นทานกํานันเตม็ ไป หมด นายอําเภอกต็ ื่นขนึ้ แตง ตวั ทํางานออกมาตอนรับชาวบา นท้งั หมบู านนัน้ เมอ่ื ชาวบา นเหน็ นายอาํ เภอไมต ายแลว จงึ ลงมอื ชวยขุดลอกหนองนํ้านั้นจนสาํ เรจ็ โดยไมม ีใครตาย เสริมศรีเรียนถามทานผเู ลา นน้ั วา “คณุ มวี ิธที าํ คนแกใหกลายเปน โองใบใหญไ ปไดอยางไรคะ ?” นายอําเภอย้มิ พลางตอบวา “ผมไมไดท ํา ตาแกหายไป มโี องกลิ้งมาแทน โอง จะมาทบั ผม ผมจงึ ได เขาใจวา ทําไมชาย ๓ คนท่ีอาสาขดุ ลอกหนองน้ําจึงตอ งรอ งเอะอะแลว อาเจียนเปน โลหติ ตาย คืนนัน้ ผมเองกลัวแทบจะเปน ไขต าย บญุ ของผมทห่ี ลวงพอ องคนที้ านเมตตาชวยคมุ เกรงรกั ษาผมไว” แลว ทานก็เชิญพระเครอื่ งทหี่ อ ยคอทา นออกมาใหไดนมัสการกัน เสรมิ ศรไี ดส ารภาพผดิ วา “เพราะ ฟง คุณเลาวาในหมบู านมีคนแกอายุราว ๙๐ คณุ ไปหาคนแกน ้ัน แลว ตอนทปี่ ระตหู นา เรอื นเปด คณุ ก็เหน็ คนแกขน้ึ มา” ก 162

เสริมศรีเลยไดส าํ นกึ ในนิสยั ไมส ดู ขี องตน คอื ฝกตนใหค ดิ ตามเรอ่ื งทไ่ี ดร ไู ดย นิ ไดฟ ง แลวพยายาม คิดสาวไปวาเหตุการณอยา งนน้ั อาจเกิดข้ึนไดเพราะใครทําอยางไร รสู กึ ละอายใจทตี่ ง้ั คาํ ถามเชน นนั้ ออกไป พอดที า นนายอําเภอบอกขึ้นมาวา “ในคืนวนั นน้ั ผมเองก็เพ่งิ เชื่อวา ผมี ีจรงิ ” คราวนน้ั เสรมิ ศรจี ึงไดศิลปศาสตร ในการรูจ ักอานภุ าพของพระเครอ่ิ งเพิ่มข้นึ อีก โดยขอให นายอําเภอทา นนนั้ ถอดสายสรอ ยทม่ี พี ระพุทธรปู ของทานมาใหเสรมิ ศรีจบั หนอย ทา นก็กรณุ าปลด สายสรอยใหเ สรมิ ศรมี าพรอ มทง้ั พระเครื่ององคน ้ันดว ย ปรากฏวา พระของทา นมีกระแส “ไฟฟา” แรงมาก และมใิ ชขน้ึ ท่มี อื จับเทานน้ั แตกระแส “ไฟฟา ” ไปขน้ึ ทีส่ ว นอนื่ เชน ทีห่ นา ผากและสันหลงั ดว ย ทําใหไดค วามรเู พมิ่ เตมิ เรอื่ งสรรพานภุ าพของพระเคร่ืองขน้ึ อกี . หมายเหตขุ องผรู วบรวม จุดสําคญั ขอ หน่งึ ในเรอื่ งนี้ คือ เมอื่ ตอนทา นนายอาํ เภอเหน็ คนแกกลายเปน ตมุ จะมาทับนนั้ ทาน หลับหรอื ตื่น ถา ทานหลับเรอื่ งทัง้ หมดกเ็ ปน แตเพียง “การฝน รา ย” ถา ทานต่ืน ตามทท่ี า นเลา วา ตกใจต่ืนจากเสียงประตูเปด เร่อื งกอ็ าจเปน ไดว าทานไดเห็นภาพแปลกประหลาดนน้ั จริง ๆ จดุ สําคัญอกี ขอหนึ่งคือความคมุ ครองที่เกดิ จากพระเครื่องทที่ า นนายอาํ เภอหอ ยคออยู ซงึ่ ทา นเชื่อ วา เปนปจ จยั สําคญั ทช่ี ว ยใหท านรอดชีวิตอยูและไดตอ สูก ับ “ตุมผ”ี จนตุม พา ยแพแ ละหนีไปในทส่ี ดุ ถาจะแปลเร่อื งนีต้ ามหลักธรรมะก็ตองวา ทานนายอาํ เภอเปนคนดมี ศี ีลธรรม ปฏบิ ัตหิ นา ท่ีดวย ความเขมแขง็ และซ่อื สตั ยส จุ รติ ธรรมะจงึ คมุ ครองในยามทีภ่ ัยอันตรายมาคุกคาม .......................................... 163

เรอื่ งท่ี ๓๒ คณุ ผหู ญงิ มเี มตตา โดย ขวญั ใจ สมรรคกาญจน เมอื่ ประมาณ พ.ศ.๒๕๒๑ ลกู ชายของดิฉนั ไดยา ยบานมาอยทู ซี่ อยมสี ุวรรณ ๓ สขุ มุ วทิ ๗๑ บานหลังนมี้ องดนู าอยมู าก แลว ครอบครวั ของเราก็อยูมาอยางเปน สขุ จริง ๆ สาํ หรบั ดิฉนั นน้ั นอกจากวนั หน่งึ ๆ จะชว ยลูกสะใภด ูแลหลานสองคนแลว ส่ิงทดี่ ิฉนั ชอบทําเปน ประจาํ กค็ ือลุกขนึ้ หุง ขา วใสบาตร แตใ นซอยมีสุวรรณ ๓ นน้ั ไมมีพระเขา ไปรบั บาตรเลย ดฉิ ันจึงมกั จะน่งั รถออกไปถึง ตลาดพระโขนงหรือไมก ็เลยไปใสบ าตรถงึ วดั ธาตทุ อง เพราะทวี่ ดั ธาตทุ องนน้ั มีพระทานออกมา บิณฑบาตจํานวนมาก หลังจากดิฉนั ทาํ บญุ ตกั บาตรแลว ดิฉันกจ็ ะกรวดน้ําตอนกลางคนื อทุ ศิ สว น กุศลใหก ับบรรพบุรษุ ตลอดจนสงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธิท์ ัง้ หลาย เจากรรมนายเวรและทานเจาที่เจา ทางทท่ี านให ความรม เยน็ เปน สขุ ทุกคนื หลังจากลกู หลานเขาหอ งนอนกนั แลว กจ็ ะเปน เวลาทด่ี ิฉนั สวดมนตแ ละปฏบิ ตั ิธรรมเขา กรรมฐาน เพราะตอนหัวคาํ่ คนยงั จอแจ ไมสะดวก ดฉิ ันจะปฏบิ ตั เิ ชน น้ที กุ วนั ในเวลากลางคืน คิดวา การท่เี ราปฏบิ ตั กิ รรมฐานคนื ละ ๒๐-๓๐ นาทเี พ่ือทําจติ ใจของตนเองใหวา งเปลาเพียงวันละแคน ี้ ก็ ยังดกี วา ทีจ่ ะไมป ฏบิ ัติเสยี เลย คนื หน่ึง หลงั จากท่ดี ฉิ นั กระทาํ กิจวตั รประจาํ วนั เสร็จเรยี บรอยแลว ก็ลมตวั ลงนอน ในคนื นนั้ เอง ดฉิ นั ไดฝน ไปวา บริเวณหลงั บา นที่ดฉิ นั อยูนน้ั เคยมสี นามหญาและขา ง ๆ ร้ัวมรี าวตากผา แตเ มอื่ ดิฉนั เดินไปเพือ่ จะเอาผาไปตาก กลบั มองเหน็ วามีเรือนใตถ ุนสงู หลงั เล็ก ๆ แอบอยตู รงบรเิ วณนัน้ ในฝน นน้ั ดฉิ ันกไ็ มไ ดตกใจอะไรคงยนื ดูคนสองคน แกค นหนึ่งหนมุ คนหนึง่ แตงกายอยา งพวก อิสลาม คอื นงุ โสรงใสห มวกหนบี กําลังยกแครค ลายคานหามลงมา พอเขาสองคนลงมาถงึ พน้ื ดิน ดิฉนั จงึ มองเหน็ วาภายในแครน ั้นมหี ญิงนอนอยู นอนแบบคนเจบ็ เนอื้ ตวั ผอมลบี แทบจะวาเหลือแต โครงกระดกู คะเนอายุวา อยรู าว ๆ ๔๐-๕๐ คลายหลอ นจะรวู า มดี ฉิ นั ยนื อยู หลอนคอ ย ๆ หนั ศรี ษะเอยี งมาดูดิฉัน นัยนต าของหลอนชางมีแวว เมตตาปรานีเสียจนดฉิ นั ซงึ่ เปน คนแก และแกกวาหลอ นมาก ยังตองยกมือขนึ้ ไหว เหน็ หนาชดั ๆ ดฉิ ันรวู าหนา ของหลอ นผดั ดวยแปง เสยี ขาวเปนนวล ดผู ดิ กับสังขารทผ่ี า ยผอมมาก กอ นท่ดี ิฉนั จะทนั นึกอะไร หลอ นกห็ ยบิ ไมข ดี โยนมาใหดิฉนั ๔ กลักแลวย้มิ ใหอีก พอดีดฉิ ันตกใจตื่นมาดนู าฬกิ า จึงทราบวาเปนเวลาตี ๔ พอดี ดิฉันลกุ ขนึ้ ลางหนา และมาสวดมนต แผส ว นกศุ ลตอ อกี ยงั จาํ หนาของหลอ นไดชดั เจนจนบัดนี้ 164

รงุ ขนึ้ ตอนเชา ดฉิ นั นัง่ รถออกไปสง หลานคนโตไปโรงเรียนพรวิทยา ทตี่ รงขา มโรงหนังเอเซยี รามาท่ี พระโขนง สง หลานเสรจ็ ก็ใหร ถมาสง ท่หี นา โรงหนงั เพือ่ ซ้ือของเขาบา น ขณะน้นั แมค าลอ็ ตเตอรท่ี กั ดิฉันวา วนั นห้ี วยออก ไมซื้อหรือคะ ดฉิ นั เลยแวะซื้อ ๑ ใบ บอกเขาวาใหเลอื กขา งหลังใหม เี ลข ๔ ก็ แลวกนั เขากเ็ ลือกให หยบิ มาเปน เลข ๖๐๔ อยขู า งหลัง แปลกแท ๆ ท่ีวนั นัน้ ดฉิ นั ถกู ล็อตเตอร่เี ลข ทาย ๓ ตวั คอื ๖๐๔ และเปนเลข ๓ ตวั แรกเสยี ดวย ไดร บั เงินหา รอ ยบาท ดฉิ นั คิดวาทห่ี ลอ นในทน่ี ้ี ไดเ มตตาใหไ มข ีด ๔ กลักกค็ งหมายวา เลข ๔ น้นั เองดฉิ นั ไดท าํ สังฆทานอทุ ศิ สว นกศุ ลใหห ลอน ลกู ของดิฉนั เขาพากันแปลกใจมาก อกี ๒-๓ วันตอมา เขามาบอกวาเขาทราบจากเพอ่ื นบา นใกลเ คยี ง มาวา ทด่ี นิ ท่ีเราอาศยั อยนู น้ั เปน ของชาวไทยอิสลามและลกู หลานไดขายใหค นอน่ื มาหลายปแลว ถาจะมีใครมาถามดิฉันวา ในโลกนมี้ ผี ีจรงิ หรือไม ดฉิ นั คงจะตอบไมถ ูก แตถา ถามวา วิญญาณนน้ั มี จริงหรือเปลา ถงึ ดฉิ นั จะไมร ูความอะไรนัก ก็ยังอยากจะยนื ยันวา เรอ่ื งวญิ ญาณน้ีเหน็ จะมจี ริงแท แนนอน คดิ วา ท่กี ลา วมานเี้ หน็ จะไมผิด ดังเรอ่ื งทด่ี ิฉันไดป ระสบมากบั ตนเอง. หมายเหตขุ องผรู วบรวม โดยลาํ พัง เรอ่ื งน้ีก็เปน เรื่องความฝน ซง่ึ มคี วามสําคญั นอ ย แตบ งั เอญิ คณุ ขวญั ใจเอา “ไมข ดี ๔ กลกั ” ไปแปลเปนเลขทายล็อตเตอรแี่ ละถูก ไดร างวัลถงึ ๕๐๐ บาท ซ้าํ ยงั เพมิ่ เตมิ คาํ บอกเลา ของ เพอ่ื นบา นเกย่ี วกับ “เจาของท”ี่ อีก ก็นา จะทําใหคณุ ขวญั ใจลงความเหน็ ดังท่เี ธอเขยี นไวน ัน้ .......................................... ก 165

เรอื่ งที่ ๓๓ คณุ พอ ชว ยชวี ติ โดย ทมนี มหานนท (มหาเปารยะ) ตงั้ แตค ณุ พอ ของดฉิ นั ถงึ แกก รรมไปนานป ดฉิ นั ก็ไมเคยฝน เหน็ ทา นเลย แมจ ะคิดถงึ และแผ สว นกุศลไปใหท านทกุ คนื เวลาสวดมนต คนื วนั หน่งึ เวลาประมาณ ๔ ทมุ ดิฉันยังไมไ ดน อนหลับ กําลงั อา นหนังสือออยอู ยา งเพลดิ เพลนิ ขณะนน้ั ไดกลน่ิ ยาเสนซ่ึงคณุ พอ สบู อยเู ปน ประจาํ และลกู ๆ ทกุ คนจํากลน่ิ นน้ั ไดด ี กลนิ่ นนั้ ฟุง ตลบไปหมดทงั้ หองทั้ง ๆ ทปี่ ดประตูหนา ตางหมดเพราะเปน หนา หนาว ดฉิ นั ท้งั ตกใจทงั้ ดใี จ จงึ ลกุ ขน้ึ กราบลงไปบนหมอนแลวพูดดงั ๆ วา “คณุ พอมาทําไมคะ ลกู ดี ใจมาก” กลน่ิ นน้ั อบอวลอยพู ักหน่ึง เมอื่ จางหายไปดฉิ นั กล็ ุกขึ้นไปบอกสามที ี่เปน หมอและนอนอยหู อ งถดั ไป วา “คณุ พอ มาทาํ ไมไมรู ไดกลนิ่ ยา จาํ ไดด”ี สามดี ฉิ นั ถามวา “แลว เราเปน อะไรไปหรอื เปลา เลา ” ดิฉนั ตอบวา “ก็ไมเ หน็ เปน อะไร นอกจากมีประจาํ เดือนแลว มนั ยงั ไมค อ ยหยุด มีออกมาวนั ละนดิ วนั ละหนอย” คืนนั้นคณุ หมอของดิฉนั กฝ็ น วา คณุ ยายของเธอมาหาและทําทา อาเจยี นใหดู เมอ่ื ต่ืนข้นึ คุณหมอก็บอกดิฉนั ใหเตรยี มตัวไปโรงพยาบาลทันที ดฉิ นั ยงั อดิ ออดไมย อมไป เธอจงึ บอกวาสงสัย วาจะเปน ทองนอกมดลูกซงึ่ เปน อนั ตรายมาก ถา ทอ รงั ไขท เี่ ด็กเขาไปอยูแตกแลวจะชวยไมท ัน เมอื่ เราไปถงึ โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ซงึ่ คณุ หมอผอง (หรอื พันเอกผอ ง มคี ณุ เอย่ี ม ในขณะนนั้ ) เปน หัวหนา ตกึ สูตกิ รรมอยู และเปน ผเู ช่ยี วชาญทางสตู ิกรรมมากทา นตรวจภายในเสรจ็ ก็มที าตกใจ รบี เอาปส สาวะไปหองทดลอง เม่ือไดผ ลวาตง้ั ครรภนอกมดลกู จริง ๆ จงึ รบี จดั การผาตัดใหดิฉนั ในวนั น้นั เลย คุณหมอพูดใหแพทยอนิ เทอรน ฟง วาเปนรายทร่ี ตู วั เร็วที่สดุ เรอ่ื งนีถ้ าบรรพบรุ ษุ ทัง้ สองทานไมม าเตือน เราจะไมม วี นั รูเลย เพราะดฉิ ันกค็ งไมไดบ อกอาการท่ี เกดิ ขน้ึ เพยี งเลก็ นอยใหสามฟี ง ทั้ง ๆ ท่ีเราเปน หมอ เพราะเหน็ วา เปน เรอ่ื งเลก็ นอ ย ถา สามไี มไดฟง เร่อื งจากดิฉนั กอน ถึงเขาจะฝน เหน็ คณุ ยายมาทาํ ทา อาเจยี นใหด เู ขากค็ งไมเ ขา ใจความหมาย ตคี วามไมอ อก เพราะไมร เู รือ่ งอะไรเปนพน้ื ฐานอยูกอ น. หมายเหตขุ องผรู วบรวม ถา จะแปลความตามท่ี “คนแตกอ น” เช่อื กัน คณุ ทมนี ตอ งเปน ลูกหลานที่ดมี าก จงึ เปน ทรี่ ักมากทง้ั ของคณุ พอ และคณุ ยาย ทาํ ใหท ัง้ สองทา นมีความหว งใย มาแสดงลางบอกเหตุใหท ราบ ความดีอีก ประการหนง่ึ ของคณุ ทมนีคอื ความทม่ี ีสามเี ปน หมอดีและสามที ่ีดี เปน หวงใยภรรยาและรูจ กั ปะตดิ ปะตอ “นมิ ติ ” ท้งั สองตอนมารวมกันและตคี วามหมายไดถกู ตอ ง .......................................... 166

เรอื่ งที่ ๓๔ พระในพระ โดย ปรดี า ลว นปรดี า (คุณหมอปรีดา ลวนปรีดา เปน นักเรียนสวนกหุ ลาบ ฯ และนกั ศึกษาแพทยรนุ เดยี วกับผรู วบรวม หนงั สอื น้ี เม่ือจบการศึกษาแลวไดเขารบั ราชการในกองทพั เรือและไดผ าภัยสงครามถึงสองครั้ง คือ กรณีพิพาทอินโดจนี กับสงครามมหาเอเชียบูรพา คณุ หมอเปน คนเปด เผย คยุ สนกุ มีอารมณข นั เปน ทีช่ อบพอของเพื่อนทกุ คน ในปจจบุ ันประกอบอาชีพสว นตวั เร่ืองที่เสนอนีไ้ ดจ ากการสมั ภาษณท าง โทรศัพท) ผมเปน ชาวปากนาํ้ เม่ือเด็ก ๆ คอ นขา งซกุ ซนและไมคอ ยรเู ร่อื งอะไรๆ ตอนอายปุ ระมาณ สิบขวบ วนั หน่งึ เวลาจดุ ไต ไดออกไปเทีย่ วหลงั บานคนเดยี ว ไปพบคน ๆ หนึง่ เปน ชายแปลกหนา มา เลนอยู มไี หกระเทยี มหาใบซอ นกันข้ึนไปสูงแลวคน ๆ นน้ั กไ็ ตข ึน้ ไตล งอยูกับไหทง้ั หาน้ัน ขน้ึ ๆ ลง ๆ ไมรวู าขน้ึ ไปไดย ังไง ตอนนน้ั เราไมไดค ิดวาเปน อะไร ก็กลบั เขาบาน คืนนน้ั ก็ฝน เหน็ คนนน้ั มาแสดงใหด อู ีก แตไ มไ ดท ํา อะไรเรา เราตกใจตื่นขึน้ จงึ เรม่ิ สงสยั วาคนน้นั เปน ใครหรืออะไรแน เราไมรจู ะตอบตัวเองวาอยา งไร แตค วามคดิ น้นั ยงั ตดิ อยใู นใจจนกระท่งั บัดน้ี ตอ มาก็ไดเ ขา มาเรียนหนงั สือท่โี รงเรียนสวนกหุ ลาบ ฯ แตเ ราไมต ้งั ใจเรียนเลย หนโี รงเรียนไปเทยี่ ว แทบทุกวัน วนั หนงึ่ หนีเขาไปในวัดเลียบแลวกเ็ ลยนอนหลบั อยูหนา โบสถ ไมร วู า นานสักเทา ใด ตนื่ ขึน้ มาตกบา ยแลว ลมื ตาขน้ึ กเ็ หน็ พระองคใ หญน ่งั อยูห วั นอน หายตกใจแลว จึงเหน็ วา เปน พระสังข จายนเขาตง้ั ไวท ่หี นาโบสถ ลกุ ขนึ้ เดนิ ดรู อบ ๆ แลว ลงทายกเ็ อามอื ไปลบู ทท่ี อ งของทา น ทนั ใดนั้นก็ เกิดความคดิ แวบขน้ึ มาวา เอะ นีเ่ รามาจากบา นนอกเพอ่ื มาเรยี นหนงั สอื นนี่ า ทําไมหนมี าเทีย่ วเสยี ละมาเท่ียวทําไม ต้ังแตนนั้ ก็สตดิ ีและตงั้ ใจเลาเรียนเลกิ หนเี ที่ยว จนกระทงั่ เรียนจบ แตเ รือ่ งทเ่ี กดิ ข้นึ น้นั ผมไมสามารถจะลืมไดเลย เพราะเทา กบั หลวงพอ สังขจายนไดใหส ตแิ กผมจนกลบั ตวั ได หลังจากนนั้ ก็ไดเ ขาเรยี นแพทย พอกลบั ไปบา นพวกนอ ง ๆ ก็มารุมถามวา เรยี นแพทยน ากลวั ผไี หม เรากโ็ มวา ไมกลวั หรอก จะตอ งกลวั ทําไม ผีไมม ี แลวก็พดู อยา งคุณพระมนตรี ฯ (พระมนตรพี จนกิจ ม.ร.ว.ชาย ชมุ แสง อาจารยส อนพฤกษศาสตร) ทานเคยสอนวา ถา พบผีกไ็ มต องกลัว ใหถ ามวามา จากไหน มาอยางไรมาทําไม มีอะไรดี ถา เขาชอบใจเขาอาจจะบอกขมุ ทรัพยใ หกไ็ ด พอตกดึกคืนน้ันเองก็มาทีเดียว ตวั เบอเรอ มาน่งั ทบั เลน เอาเหงอ่ื แตก ตอ งวง่ิ ไปนอนแอบปลายเทา แม 167

แมถามวา กลวั อะไร บอกวา กลัวผี พอรุงเชามานง่ั นกึ ดูวาเม่อื คนื นีต้ อนทนี่ อนอยูนน้ั ลมมันพัดโกรก อยขู างเดียว อีกขา งหนงึ่ ไมถ กู ลมเลย คงจะเรือ่ งน้ีเองทที่ ําใหมคี วามรูสึกวา ผอี ํา คงจะไมใ ชผ สี าง อะไรดอก พอคนื ทส่ี องกล็ องไปนอนอกี ตสี องมาอีกแลว ตวั ใหญเ บอ เรอ จะมานั่งทบั ผมเหน็ ทา จะ ไมไดเ รอ่ื งเสียแลว และเร่ิมคิดวา เหน็ จะอา ยนี่เองที่เขาเรียกวา ผี ๆ ชักจะเชอ่ื นิดหนอ ยแลว แตย ังไม เช่อื มากหรอก ตอ จากนน้ั ก็เรยี นแพทยไ ปอีกนาน แลว ก็ไปเปนทหารเรอื พอเกิดสงครามอินโดจนี กต็ อ งไปอยู ประจําเรอื แมกลอง ออกไปอยูด านเมอื งตราด เฝาคอยทอี ยู กลางวนั ๆ หนง่ึ วา งงานกเ็ ลยลงนอน คดิ วาวันนน้ี อนใหเตม็ ที่ คืนน้คี งจะไมไ ดน อนแลวพรุง นี้กค็ ง จะตองรบกนั เราอาจจะไมไ ดน อนอีกเลยก็ได ตอนนกี้ น็ ึกไดถ ึงท่พี อเคยสอนไวว า “อา ยหนเู อย เอง็ จะตายละกอ ไหวพระเสียหนอ ยนะ เราถามวาพระองคไ หน? พอบอกวา “อาว กห็ ลวงพอ บา นแหลมไงเลา ทสี่ มทุ รสงครามนะ” ทั้งนเ้ี มอื่ พอเปน เดก็ นนั้ แกเปน ลูกศษิ ยวดั อยทู น่ี น้ั เขาเปน ฝด าษกนั หมดท้ังเมอื ง พอ แกไปขอยา หลวงพอ เอาน้วิ จิ้มลงไปทขี่ ้ีธปู แลวกก็ ินเขาไป ตวั แกไมเปน ฝด าษ แตใ คร ๆ เขาเปน กันทง้ั นั้น ตอมา แกกม็ าไดแมท ่ีปากนํ้า แลวก็เกิดผมน่ีแหละ สมยั นน้ั ผมมนั ไมค อ ยไหวพ ระ เชือ่ บา งไมเ ชอ่ื บาง ทนี่ ี้พอจะออกสงครามแกกบ็ อกวา “อา ยหนูมึง ไหวพระเสียบางซีวะ” ผมถามวา พระที่ไหนละ ? แกบอกวา “กห็ ลวงพอบานแหลมท่ีสมทุ รสงครามไงละ ” วันนัน้ พอผมกนิ ขา วเสรจ็ เขานอนพกั กลางวนั พอเอนตวั ลงนอนเหลอื บเหน็ พระองคห น่งึ มาตั้งอยทู ี่ หัวนอน ผมกไ็ มร วู า องคไ หน จะหลวงพอบานแหลมหรือเปลา กไ็ มรู เพราะยังไมเคยเขา ไปดขู า งใน โบสถเ ลย ผมยกมือขน้ึ ไหวบ อกวา “หลวงพอ ผมถวายชวี ติ ละ ถา ผมถงึ ที่ตายกข็ อใหไ ปเถอะ ไมต อ ง กระดุกกระดิกละ ถาจะมชี ีวิตอยูกข็ อใหร า งกายผมสมบรู ณ เพราะผมมนั คนจน จะตองไปทํามาหา กนิ ” แลวกน็ อนหลบั ไป พอหลบั กม็ าบอกท่หี เู ลย “มึงไมตองกลัว เขาเลกิ รบกนั แลว ” 168

เอ! ผมกม็ องดู ใครจะมาพูดทห่ี ูเรานะ ประเดี๋ยวเดยี ว ทหารก็เอาโทรเลขมา ใหยกกองกลับได เพราะญป่ี นุ เขามาหามทพั อยูท่แี หลมญวนแลว ตอนน้นั ใจเรามันคดิ อะไรไมถูก มนั งง ๆ แมก ลับถึง กรงุ เทพ ฯ แลว กย็ งั งง ๆ อยู มนั อะไรกนั แน ตอมาถึงสมัยเลน พระกนั ผมอยแู ถวเทเวศร ก็ไปเท่ียวนง่ั ดู ๆ เขา แลว กม็ าสงสยั วา เอ! เขาเลน กนั ทาํ ไม มนั สนกุ อยางไรก็เลยลองเลน บาง ตอนแรกๆ ก็ถกู ตมเสยี เรื่อย อยา งทีช่ าวบา นเขาวาถูกแหก ตานะ แหละ เปนอยา งนัน้ อยูลกั สามปกม็ านึกดวู า ทาํ ไมคนอน่ื เขาไมถกู ตม ทําไมถูกแตเ รา วนั หนึง่ ไปเหน็ ทรี่ าน เจก แหง หนึ่งมีพระสมเดจ็ อยู กเ็ ขาไปถาม เจก บอกวา คนเลนพระสมเดจ็ เขาตอ งอยตู ึกใหญ ๆ น่ังรถ เกงคันโต ๆ อยา งลอ้ื เดนิ มานอ่ี ยา เลนเลย ผมก็เสยี ใจ นอ ยใจ กลบั ไปถงึ บา นกจ็ ุดธปู ไหวหลวงพอโต บอกวาหลวงพอ เขาวา ผมอยางนี้แหละ ผมอยากไดห ลวงพอ จริง ๆ สักองคห นงึ่ แลว ผมก็ไปสนามหลวง บังเอญิ วนั นน้ั เขามขี ายอยูองคห นงึ่ ราคา ๑๕ บาทเทานนั้ คนขายเขาวา ที่ ขาย ๑๕ บาทกเ็ พราะ อายคนมันขโมยเขามา ทจ่ี รงิ เขาใสก รอบทอง แตก รอบมนั ขายไปแลว ก็เลย ตอ เขาวา ๑๐ บาทไดไ หม เขาวาได กเ็ ลยเอามา มาถงึ บานก็บอกวาหลวงพอ พรงุ น้ีผมจะเอาไปให พวกเซยี นเขาดูวา หลวงพอ ใชแนหรือไมแ น พอตกคนื นน้ั หลวงพอ ก็ทําฉายหนังใหด เู ลย เหน็ หมดวธิ ี ทําตั้งแตตน จนจบ เรากไ็ ดร ูว า ออ! วิธที ําพระนน้ั เขาทาํ อยา งน้ัน ๆ ฝน นะ แหละเหมือนกับดทู วี เี ลย ทีเดยี ว หลงั จากนน้ั ก็ชักจะเชอื่ แตยงั ไมเ ตม็ ทีท่ เี ดยี ว หลังจากนน้ั มีคนเขามาจา งใหไ ปนง่ั เฝา รา น แตเ ขาใหเ ดือนละ ๕๐ บาทเทา นน้ั เรากม็ าน่ังนอ ยใจวา น่ังเฝาวันละตั้งสองชั่วโมง ไดเพียง ๕๐ บาทเทา นนั้ ก็เทีย่ วสบื ถามวาที่ไหนเขาสรา งพระบาง จะเอา เงินนนั้ ไปรวมสราง กพ็ อดที ราบวาคุณแมบ ญุ เรอื งทา นสรา งพระ จงึ เอาเงินไปเขา รวมทนุ ดว ย หลงั จากนน้ั ไมเ ทาไรก็ไปพบพระสมเดจ็ อกี องคห นงึ่ เขาวา ราคา ๑๐ บาท กบ็ อกเขาวาเรามีอยู ๑๐ บาทพอดี ขอตอ ๗ บาท จะไดเ หลือเงินไวกลบั บา น ๓ บาท เขากใ็ ห พอไปถงึ บานก็ถามอกี วา นห่ี ลวง พอใชห รอื ไมใ ช คนื นนั้ ทานกม็ าบอกวาใชซิ นแี่ หละพอ โตนะ โต โตที่นกี้ เ็ ชอ่ื แน หลังจากนั้นกเ็ ริม่ เกบ็ พระ ไมว า อะไร ชอ่ื “โต” ละเปนเอาทงั่ นัน้ ออกเกบ็ ใหญเ ลย ทนี อ้ี ะไร ๆ มนั ก็คอ ย ๆ เล็กลงเร่อื ย สถานการณข องเราเองนะ มันเลก็ ลงไป ๆ หลกั ทรพั ยก ็เล็กลง ทนี ้กี ็มาถงึ ตอนหนง่ึ ลกู ก็ไมสบายตวั ก็ไมมงี านทาํ เงนิ ก็ไมม ีใช กบ็ งั เอญิ ทีเ่ มืองเพชรเขาโทรศพั ทมา ใหไ ปเฝาบา นเขาตัวเขาจะไปเมอื งนอก เขาใหเ ดือนละ ๘,๐๐๐ บาท เรากไ็ ปอยเู มอื งเพชร กม็ าคิดดู วาเมอื งนีเ้ ปนเมอื งเกา แก เมืองหนา ดาน คงจะตองมอี ะไรดอี ยู 169

วันหนง่ึ หมดเวลาแลวกอ็ อกทอ งเที่ยวดเู พ่ือหาครบู าอาจารยที่ดี ๆ กไ็ ปถงึ วัดใหญสุวรรณาราม มี พระเจา เจด็ แสนมหาราชเปน พระพทุ ธรูปใหญอ ยทู นี่ นั้ ก็เขาไปกราบแลว กถ็ ามวาทําไมผมเลนพระ ถงึ ไดตกต่ําอยางน้ี ตวั เองก็ยากจน ลกู ก็ตาย ตอ งจากบา น ไมมีเงนิ ใช ผมอยากอยากพบพระที่ดจี รงิ ๆ สักที พอตกกลางคืนกฝ็ น วา ไปอยใู นโบสถว ัดนนั้ อกี แลว ก็เหน็ วาภายในพระพทุ ธรปู ใหญน นั้ ยังมีพระอยู อกี องคหนึง่ แตเ ปน พระคน ในพระพุทธรปู องคอน่ื ๆ ทตี่ ้งั เรยี งรายอยนู ้ันกเ็ หมอื นกนั พอราว ๆ ตี หา พระขางในแตล ะองคกอ็ อกมาและจัดเตรียมตวั ไปบณิ ฑบาต ในจาํ นวนนนั้ มพี ระองคหนึ่งที่เขา เอามาถวายวดั เอาไวท่บี านเจา ของไมไ ด ตอ งยา ยมาหลายบานแลว ลงทา ยตองเอามาไววดั องคน ้ี แหละกวกั มือมาทผี่ มใหเขา ไปทาํ บุญ ตั้งแตน นั้ มาผมก็ไปที่วัดนน้ั เสมอ ๆ แลวก็มีพระสงฆอ งคห นง่ึ ช่ือพระวิเชยี ร ทา นมาจากเขมร เปน ชาวเขมร ผมก็ไปฝากตวั เปน ศษิ ย แลว ก็ถามวา เร่อื งของพระนี่นะ เปน อยางไรกัน ทานก็บอกวาพวก เรายังเขา ใจไมถ กู เปน สวนมาก หัศเดมิ เร่มิ แรกนนั้ โลกของเรานพี้ ระศรีอารยท านจองไวใ หเ ราได อาศัยอยกู นั นับวาทา นมบี ุญคณุ แกพ วกเรามาก อกี ทา นหน่ึงที่เราเปน หนบี้ ุญคณุ มากคอื พระพุทธเจาสมณโคดมน่ีแหละ ซ่งึ สง่ั สอนเราใหรจู ักศีลและธรรม มิฉะนนั้ โลกจะแยย ่งิ กวานี้ แม กระนนั้ กวาจะถึงสมยั พระศรอี ารยนน้ั โลกก็จะตองปนปว นจนแทบ ๆ จะแตกทเี ดียว แลวทา นวิเชียร ทานกส็ ง่ั สอนในเรอื่ งการการปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับการอบรมจติ ใจและอนื่ ๆ นับตั้งแตไดไปศกึ ษาท่ีวดั ใหญส ุวรรณารามนน้ั ภาวการณข องผมก็คอ ยๆ ดขี น้ึ เปน ลาํ ดบั ในปจจบุ นั นีก้ ็นับวาอยใู นขน้ั ปานกลาง ไมถงึ กบั เลิศลอยแตไมล าํ บากอะไร แตเ วลานนั้ ใจแลววา ในชีวิตตน เทา ท่ไี ดพ บพระมากเ็ ปน ท่ีพอใจแลว ผมพอใจทีส่ ุด และขอบใจเพ่ือนมากทส่ี ดุ ท่สี นใจ ถาหากเหน็ วา เรอ่ื งของผมจะเปน ประโยชนแ กค นอนื่ ๆ ก็ยนิ ดีใหเ อาไปเผยแพรได และบญุ กุศลใด ๆ ทอ่ี าจเกิดขนึ้ ก็ขอแบง ใหแ กเ พอื่ นทัว่ ๆ กนั . หมายเหตขุ องผรู วบรวม เร่อื งของคณุ หมอปรีดาสวนมากเปน เรอ่ื งของความฝน อาศัยเหตุสนับสนนุ ทําใหม คี วามหมายไป ตามแนวของหนงั สอื น้ี เชน เรื่องหลวงพอบานแหลมเปน ตน นา สงั เกตวา คณุ หมอปรดี าคงจะมี บารมี อยมู ากในการตดิ ตอกบั “หลวงพอ” ตาง ๆ ทา นจึงยินดีตอบสนองความตอ งการหรอื คาํ ถามของ คุณหมอปรีดาอยเู สมอ ๆ เรื่องที่คณุ หมอเห็นมี “พระคน” อยูภายในพระพทุ ธรปู อกี ชนั้ หนง่ึ คงจะ ตรงกบั ที่เช่อื กนั อยวู า อภนิ ิหารของพระพุทธรปู ตา ง ๆ นน้ั ไมไดอ ยทู ร่ี ปู หลอ แตอาศยั อภนิ หิ ารของ เทพยดาหรือผทู รงอิทธิฤทธ์ิอนื่ ๆ ทส่ี งิ หรอื รกั ษารปู น้นั ๆ อยู .......................................... 170

บทสง ทา ย ผูรวบรวมหวังวาเร่ืองท้งั หลายในหนงั สอื น้จี ะชวนใหทา นผูอ า นคิดคํานงึ ในปญหาเร่อื งสภาพ ภายหลังตาย มากพอสมควร สวนทา นผใู ดจะลงความเหน็ อยา งใดนนั้ ขอใหเ ปน เรอ่ื งของแตละทา น ความเชอื่ หรอื ไมเชอ่ื ในเรอื่ งที่พิสจู นไ มไดดวยวิธธี รรมดา และไมอ าจทําใหเกดิ ซ้าํ ไดตามวถิ ีของ วิทยาศาสตร ยอ มเปน เร่ืองของแตล ะบุคคล ใครคนหน่งึ ไมอาจบบี บังคับผอู ื่นใหเชอ่ื ตามไปได หรอื อยางมากกไ็ ดเ พียงชั่วคราว เมอ่ื เขาไดค ดิ ขึ้นกอ็ าจเหน็ เปน อยา งอ่ืนไป ทางทด่ี ีทส่ี ุด คือปลอ ยใหคดิ จนเหน็ เองและเชอ่ื เอง ตามวิธที พ่ี ระพทุ ธเจา ทรงแนะนาํ ผรู วบรวมเช่ือวา ยงั มีเรอ่ื งทาํ นองที่ตพี ิมพใ นหนังสือนอี้ ีกเปน จาํ นวนมากและจะขอบคณุ มากถาผูใ ด แนะใหท ราบถงึ เรื่องทเี่ หมาะ โดยเฉพาะทม่ี หี ลกั ฐานยนื ยนั หรอื อา งอิงอยางมีนา้ํ หนกั เพอื่ รวบรวม ไวต พี ิมพเ ปน ชดุ ตอไป ขอย้าํ อกี ครั้งวา ความเชอื่ วา ตายแลวตอ งเกดิ อกี จนกวา จะไดบรรลุพระอรหตั ตผลเปน หลักสาํ คญั ใน พระพุทธศาสนาคไู ปกบั หลกั เรือ่ งกรรม ถา ไมเช่ือวา จะตองเกิดอีกก็แปลวาไมเ ชอื่ กฎแหง กรรม เพราะวาถา ตายแลวสญู สน้ิ ก็ไมต อ งใชก รรมทย่ี งั ไมไ ดสง ผลในชาตนิ ี้ คอื ถา ใครหนีกรรมทที่ าํ ไวใน ระหวางทม่ี ชี ีวติ ได พอตายลงกรรมทยี่ งั คางอยูก็เปนอนั ตกไป ซึง่ ไมต รงกบั ที่พระพทุ ธองคท รงสอน ไววา ใครทาํ กรรมใด ๆ ไวจ ะตอ งรบั ผลของกรรมนน้ั ๆ จนกวาจะไดส ําเร็จเหน็ พระอรหนั ตจ ึงจะหนี กรรมพน ความเชอ่ื วา ตายแลว ตอ งเกดิ อีกเปน การสงเสริมความเช่อื เรื่องกฎแหงกรรมและเพมิ่ ความเชอื่ มัน่ ในการละบาปบาํ เพญ็ บญุ อนั จะใหผลดที ง้ั ในปจ จบุ ันและอนาคตทา นผหู วงั ดีตอ ตนเองพงึ หาทาง สรางและเสริมความเชือ่ ในเรอื่ งปรภพ - คือโลกอ่ืนนอกจากโลกมนุษยเพอ่ื เปน กําลงั สงใหปฏบิ ตั ิ โดยทางกศุ ลดว ยความหนักแนนย่งิ ข้ึน คดั จาก “ภพอื่น - เรอ่ื งควรคํานงึ ” (ชดุ ท่ี ๑ ) พ.ศ.๒๕๑๒ โรงพมิ พม หามกุฎราชวทิ ยาลยั กทม. กศุ ลใด ๆ ที่เกดิ จากการรวบรวมและจัดพมิ พเร่ืองเหลา น้ี ขออุทศิ ใหแ กส รรพสตั วทรี่ ว มวฏั ฏะทงั้ มวล โดยเฉพาะทานผูใหเรอ่ื ง และผมู ีบทบาทอยูในเรอ่ื ง ซ่ึงไดผ า นไปสปู รภพแลว พงึ งดเวน การทาํ บาปทงั้ ปวง พงึ ยงั กศุ ลใหถ งึ พรอ ม พงึ ชาํ ระจติ ใจใหบ รสิ ทุ ธ์ิ นค่ี อื คาํ สอนของพระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย .......................................... 171

อนจิ จงั ตามความรทู างวทิ ยาศาสตร โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห เมอื่ หลายปม าแลว ขาพเจา ไดม โี อกาสสนทนากับนกั ปราชญช าวเยอรมนั ผหู นง่ึ ซ่ึงเปน ศาสตราจารยใ นวชิ าชีวเคมี เมื่อทา นทราบวา ขา พเจา เปนพุทธศาสนิก ทานกไ็ ดก ลา ววาทานมคี วาม สนใจในพระพทุ ธศาสนามาก เพราะเหน็ วา พระพทุ ธศาสนามีหลกั การใกลเ คียงกับทางวทิ ยาศาสตร ในตอนนน้ั แมข า พเจาจะเปน พุทธศาสนกิ แตก ย็ งั ไมอ าจเขา ใจไดว า ทที่ า นศาสตราจารยกลาววา พระพุทธศาสนาใกลเคยี งกบั วทิ ยาศาสตรมากนน้ั เพราะเหตุผลขอใด ตอ มาขา พเจา ไดบ วชเปน พระภิกษแุ ละไดเ ลา เรยี นตามการสงั่ สอนอบรมของสมเด็จพระอปุ ช ฌายและทา นอาจารยท ี่ทรง วทิ ยาคุณตาง ๆ แหง สํานักวัดบวรนเิ วศ ฯ หลายทาน พอมคี วามรใู นทางพระพทุ ธศาสนาขน้ึ บา ง เมื่อไดน าํ เอาความรเู ล็ก ๆ นอ ย ๆ นน้ั มาเปรยี บเทยี บกับความรูท างวทิ ยาศาสตร โดยเฉพาะอยา ง ย่ิงในสาขาที่เกี่ยวกับรางกาย ซึ่งเปน วิชาการทขี่ าพเจา ไดศกึ ษาและอบรมสัง่ สมมาพอสมควรแลว ก็ บังเกดิ ความรูส กึ วา ทที่ า นศาสตราจารยเ คยกลาวไวน น้ั เปน ความจรงิ วทิ ยาศาสตรน ้นั ทาํ การศึกษาธรรมชาติ พยายามคน ควาหาความจรงิ และหาเหตผุ ลที่จะอธบิ าย ปรากฏการณตา ง ๆ ในธรรมชาติ วา เปน มาอยางไร ทางวิทยาศาสตรจ ะเชื่อหรือรบั รองขอเทจ็ จรงิ ใด ๆ ก็ตอ เมอื่ ไดมกี ารพสิ จู นท ดลองใหเหน็ จรงิ ดว ยประการตา ง ๆ เทาที่กลา วมานี้เปน หลักการ อยา งเดยี วกับพระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธองคท รงศกึ ษาคน ควา อยูถ งึ ๖ ป ก็เพ่อื จะใหไ ดค วามรู เกี่ยวกบั ธรรมชาตขิ องมนษุ ย ทรงพยายามท่จี ะคน ใหพ บตน เหตแุ หง ความทุกขข องสัตวโ ลกทงั้ หลาย เม่ือทรงพบแลวกไ็ ดทรงคน ควา หาทางทจ่ี ะทําใหพน จากทุกขน น้ั ๆ ในปท ี่ ๗ จึงไดท รงตรสั รู จตุราริยสจั จอ นั นบั วาเปน แกน แหง อนตุ ตรสัมมาสมั โพธญิ าณ เมอ่ื พระบรมศาสดาทรงแสดงสจั ธรรมดังกลาวน้แี กสตั บรุ ษุ ทัง้ หลายก็ทรงยนื ยนั วา เปน ความจริงซ่ึง ทกุ ๆ คนอาจพสิ จู นไดด วยตนเองโดยปฏบิ ตั ติ ามหลักคําสอนของพระองค พระองคทรงแนะนําวา อยา เชอื่ จนกวา จะไดเห็นความจรงิ แลว ทง้ั นีเ้ ปน การทรงใชห ลักอยางเดียวกับนักวทิ ยาศาสตรท ัว่ ไป ถา หากจะสมมติวา พระบรมศาสดาทรงเปน นกั วทิ ยาศาสตรดวย ก็คงไมผ ดิ ความจรงิ นัก แตท วา พระองคทรงเปนนักวิทยาศาสตรชนั้ สงู เหนือนกั วทิ ยาศาสตรอ่ืน ๆ ทงั้ หลาย นักวิทยาศาสตรท ่วั ไปศึกษาคน ควา อยูแตใ นเรื่องซ่งึ เม่อื เปรยี บเทยี บกบั พระพุทธศาสนาแลว กเ็ ปน เพยี งของตน้ื ๆ เชน การท่ีจะทาํ ใหมนษุ ยม ชี วี ติ ยนื ยาว ซึง่ ความจรงิ มนั ก็เปน การอยูเพอื่ ทนทุกข เทานนั้ แตพ ระพทุ ธองคท รงคนควาถงึ การทจี่ ะมชี ีวติ อยเู พ่ือทําใหสนิ้ ทกุ ข ซึ่งเปน การศึกษาถึงแกน ของธรรมชาตโิ ดยแทจรงิ คนทไ่ี มไดศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาพอสมควรมักจะหลงผิด เหน็ ไปวา พระพุทธศาสนาเปน ของเกาแกบรุ มบรุ าณ มคี าํ สงั่ สอนท่ีไมทนั สมัยใชการไมไ ด สมยั นี้ตอ ง วิทยาศาสตรจงึ จะใหค วามรูท่ีถกู ตองและเปน ประโยชน การทห่ี ลงเขา ใจผิดไปเชนนัน้ กเ็ พราะไมร วู า พระพุทธศาสนาแทจ รงิ เปนอยางไรน่ันเอง 172

ขา พเจาเปน เพยี งผูเริม่ ศกึ ษาในพระพทุ ธศาสนา มคี วามรูเพยี งขน้ั ตาํ่ ๆ แตก็ยงั พอมองเหน็ ไดว า คํา สอนของพระบรมศาสดานนั้ เปน สัจจะอยางแทจ รงิ คําสอนเหลา นพี้ ระองคไ ดป ระทานไวกวาสองพนั ปมาแลว ในสมัยซ่งึ กลา วไดว า วิทยาศาสตรย งั หายาก พระพทุ ธองคม ไิ ดม ีอปุ กรณว ิทยาศาสตรแ ต อยา งหนึ่งอยา งใด ทรงใชแ ตพระปญ ญาคุณอันลึกซงึ้ และแหลมคมเทา นนั้ กท็ รงสามารถแสดง ธรรมไวมากมาย ซ่ึงเปน ขอ ความทไี่ มอ าจปฏิเสธหรอื คัดคา นได ในโอกาสนขี้ า พเจา ใครจ ะนําความรู ทางวทิ ยาศาสตรแหง รา งกายมาเปรยี บเทยี บกับคําสอนของพระพทุ ธเจา เพ่อื ใหเ ห็นวา ทไ่ี ดท รง กลาวไวนั้นถกู ตอ งตรงกับวทิ ยาศาสตรเพียงใด โดยทขี่ า พเจา เปนผมู คี วามรนู อ ย จึงขอยกขน้ึ เปรยี บเทยี บเฉพาะธรรมะที่งา ย ๆ และทคี่ นท่ัวไปรจู กั และเขาใจไดดอี ยูแ ลว คอื ในหัวขอ วา ดวยไตร ลกั ษณ อนิจจัง เปน ลกั ษณะหนง่ึ ในไตรลักษณะ ผทู ่ไี มม วั เมาจนเผลอสติยอมมองเหน็ ไดจ ากการสงั เกต โดยรอบ ๆ ตัว หรือแมในตนของตนเองการเปล่ยี นแปลงของรา งกายไปตามวยั เปนขอหนงึ่ ทเี่ หน็ ได โดยงา ย ผมทห่ี งอกและลวงหลดุ ไป ผวิ หนงั ท่ตี กกระและเหย่ี วยน นยั นต าที่มัวและฝาฟาง ฟน ทโ่ี ยก คลอนและรว งหลดุ เหลา นีเ้ ปน ประจกั ษพ ยานของอนิจจัง ถา ผูใดมีโอกาสไดส งั เกตรางกายของคนท่ี ตายแลวเปนระยะ ๆ ความไมเ ทย่ี งแทก็ยิ่งปรากฏชดั เจนข้ึนอีกจนไมน าจะมขี อ สงสัยตอไป เมอ่ื ลม หายใจหยดุ ลงไมถ งึ ช่วั โมง รา งกายทเี่ คยออ นไหวกเ็ ริ่มแขง็ กระดางเปนลกั ษณะท่ีทกุ ๆ คนรดู ีวานนั่ หมายถึงการทชี่ ีวติ ไดส ดุ สน้ิ ลงไปแลว เหตหุ นง่ึ แหง ความแขง็ ของรางกายคือการทม่ี ีกรดเกดิ ขน้ึ ภายใน เมอื่ ขาดอากาศหายใจ กรดน้ีทําให เนอื้ แข็งกระดางเชน เดียวกบั น้าํ สม ทําใหเ นอื้ ดิบทจี่ ุมลงไปกลายเปนเน้อื สุก อาการแขง็ นี้เร่มิ ตนที่ หนาและขากรรไกรกอน แลว จึงผานไปถึงคอ แขน ลาํ ตัว และถึงขาในทสี่ ดุ ลกั ษณะแข็งของรางกายนี้จะคงอยูจนถงึ ประมาณ ๑๘ ช่วั โมงหลังจากตาย เมอ่ื พน ระยะนน้ั ไปแลว รางจะกลบั ออนลงอีก โดยเรม่ิ จากเบอื้ งบนไปสูเบอื้ งลางตามลําดับเดียวกับท่เี กดิ อาการแขง็ การที่ เนอ้ื กลบั ออ นในตอนน้ี กเ็ น่ืองจากการกระทําของนาํ้ ยอ ย ซ่งึ มีอยูในกลามเนือ้ เอง และยอ ย กลามเน้ือจากแขง็ ใหเ ปน ออนแลวก็เปลยี่ นเปนยุย จนในทสี่ ดุ เหลว นอกจากนนั้ พวกเชื้อโรคท่อี ยภู ายในและภายนอกรา งกายก็มสี วนรว มในการทําใหเ ปอ ยยุยนดี้ วย ดงั นัน้ รา งกายของคนท่ตี ายจึงแสดงอาการเนา เกดิ ขน้ึ ภายหลังเวลาประมาณ ๒๔ ชวั่ โมง และคอ ย ๆ เปอยหลุดลยุ ไปเปน ลาํ ดบั สว นเน้ือละลายกลายเปน น้ําเหลอื ง ในท่ีสดุ กเ็ หลอื แตก ระดูกซง่ึ เนาและ ยอ ยชา กวา สวนอื่น ๆ เพราะมีธาตปุ นู ประกอบอยูด วยเปน สว นมาก แตแมกระดูกก็เปอ ยพงั ไปใน ทีส่ ดุ ลงทา ยธาตุใหญท ง้ั สก่ี ็กลบั ไปสูธ รรมชาติเดมิ คือความไมมรี ูป ที่กลาวมานี้เปนความเปลย่ี นแปลงทเี่ หน็ ไดด วยตาเปลา ทกุ คนมองเหน็ วา คนแก ผมหงอก ฟนหกั ตาฟาง หรือหตู ึง ทุกคนรวู า คนตายแลวตอ งเนาเปอ ย การเปลีย่ นแปลงเหลา น้ีเปน พยานของอนิจจงั 173

ซ่งึ แสดงใหเ หน็ เสมอ ๆ ตามความเปนจริงนั้น การเปล่ียนแปลงตามลกั ษณะอนจิ จงั มไิ ดเกดิ ขน้ึ แต เฉพาะเมอ่ื คนแกหรอื ตาย หากเกิดและดําเนนิ อยทู กุ ขณะจิต แตค วามเปลย่ี นแปลงเหลา นน้ั สงั เกต ไมไ ดดว ยตาเปลา ตอ งอาศัยวิธีวิทยาศาสตรเ ขาชวย เชน การดูดวยกลองจลุ ทรรศนและการ ทดลองวิเคราะหตามหลกั วชิ าเคมีเปนตน โดยอาศัยวธิ เี หลานนี้ กั วทิ ยาศาสตรส ามารถแสดงไดวา รา งกายของเรามิใชส ิง่ คงทนถาวรแตอยา งใด หากแตท ุก ๆ สวนมีการเปลีย่ นแปลงดําเนนิ อยูเรอ่ื ย ๆ กลา วไดว าไมม สี วนใดท่ีตงั้ ตวั นงิ่ อยูไ ด นก่ี เ็ ปน อกี ลักษณะหน่งึ ที่ทา นเรียกวาทุกขงั พระพทุ ธองคท รงทราบการเปลย่ี นแปลงเหลา นไี้ ดด ว ยญาณวิเศษของพระองค จึงไดท รงกลา วยืนยัน ไวว า สงั ขารท้ังหลายไมเ ท่ียงไมค งทน เพอื่ ใหเ หน็ วา พระองคมิไดทรงกลา วไปโดยลอย ๆ ขาพเจา ขอ ยกขอ เทจ็ จรงิ บางประการเก่ยี วกับรา งกายในสว นละเอียดขน้ึ เปน ขอ อางดังตอ ไปน้ี กอ นอ่นื ควรทราบวา รา งกายของเราประกอบดว ยหนว ยเลก็ ๆ รวมกนั อยูเปน กลมุ ๆ หรือเปน สว น ๆ เปรียบไดก บั กอ นอฐิ ซ่ึงประกอบเปน กาํ แพงหรือเปน บา นเปน ตึก หนว ยเหลานเี้ รยี กตามภาษา วทิ ยาศาสตรว า เซลล (cell) นบั วาเปน สวนเล็กทีส่ ดุ ทแ่ี สดงลกั ษณะของสง่ิ ทมี่ ชี ีวิต เซลลเหลานม้ี ี ชวี ติ ตอ งการอาหารและส่ิงหลอเลยี้ งอน่ื ๆ อยูต ลอดเวลา ถา หากขาดอาหารหรอื ส่งิ หลอเลีย้ ง เซลลก ็ไมส บาย ทาํ การงานไมไดต ามปกติ หรอื ในท่ีสดุ อาจจะถงึ ตาย ถา เซลลต ายหมดหรอื ตาย มาก ๆ รางกายกอ็ ยไู มไ ด แตม กี ายสวนหน่ึงซ่ึงอาศยั เซลลท หี่ ายแลว เปนสว นประกอบสาํ คญั คือ ผวิ หนงั ผวิ หนงั ประกอบขน้ึ ดวยชัน้ หลายชนั้ แตละชน้ั มเี ซลลเรยี งกนั อยเู ปน พดื เซลลซงึ่ อยชู นั้ บนทสี่ ดุ คอื เซลลท ปี่ ระกอบขึน้ เปน สว นทเ่ี ราเรียกกันวาหนงั กําพรา เซลลเ หลานีเ้ ปน เซลลท ีต่ ายแลวและหลุดออกไปเรอ่ื ย ๆ หลุด ออกไปเองบาง โดยการเชด็ ถบู างและประกอบเปน สว นของขไี้ คล เมอื่ เซลลช ้นั บนนห้ี ลุดออกไปชนั้ ลางตอ ไปกเ็ ล่อื นขน้ึ มาแทนทอี่ กี เปน ตัวตายตัวแทนกนั เรอื่ ย ๆ ดวยเหตุนี้ ผวิ หนังทหี่ มุ รางกายเราอยูจ งึ มใิ ชข องถาวรหรอื คงที่ตลอดไป หากแตม กี ารเปล่ียนแปลง อยเู ร่ือย ๆ ของเกา รว งหลดุ ไป ของใหมขนึ้ มาแทนแลว ก็เล่ือนหลุดไปตามลําดบั เปนเชน น้ีอยู ตลอดเวลา ยงั ไมมใี ครพิสจู นไ ดแ นน อนวา กนิ เวลากวี่ นั ผิวหนังจงึ จะลอกหลดุ ไปหมดตวั แตเ คยมีผู สังเกตไวว า กวา เซลลทีอ่ ยชู น้ั ลา งทีส่ ดุ ของผิวหนงั จะเลอื่ นข้ึนไปถึงชนั้ บนทสี่ ุดนนั้ กนิ เวลาประมาณ ๑๗ วนั เพราะฉะนน้ั ถา จะกลาวครา ว ๆ วาผวิ หนงั ของเราเปลี่ยนใหมท กุ ๆ ๑๗ วัน กค็ งจะไมเกนิ ความจรงิ มากนัก ขนและผมมีกาํ เนิดมาจากผวิ หนงั โดยงอกขนึ้ มาจากขมุ ขนหรอื ขมุ ผม ขนและผมก็มีการแกแ ลวเนา หลุดไปอยตู ลอดเวลา เมอื่ เสน หนงึ่ หลดุ ไปแลว เสน ใหมก ง็ อกขึ้นมาแทนทจี่ ากขมุ ขนอนั เดยี วกัน เปนตัวตายตัวแทนเชน เดยี วกับเซลลของผิวหนัง แตผมและขนมีการเปลยี่ นแปลงชา กวาเซลลของ ผิวหนัง มผี ตู รวจพบวา เสน ผมมีอายุยนื ยาวทสี่ ดุ ในจาํ นวนผมและขน คืออาจอยไู ด ๒ ป ถึง ๕ ป ขน คิ้วอยไู ดน านเปน ท่ีสอง คือประมาณสามถงึ หา เดือน นอกจากน้มี ีอายุสน้ั กวาทง้ั นนั้ 174

เลอื ดเปน ของสําคญั เพยี งใดยอ มทราบกนั ดอี ยู ทุกคนทราบวา ถาคนเสยี เลอื ดมาก ๆ จะตอ งตาย เพราะเลอื ดทาํ หนาทสี่ ําคญั ในการหลอ เลย้ี งสว นตา ง ๆ ของรา งกาย มนั ไหลเวียนไปตามหลอด เลอื ดทั่วทุก ๆ สวน นําอาหารและเครอ่ื งหลอเลย้ี งอ่ืน ๆ ไปใหอ วัยวะทุก ๆ ชิน้ แลวขนเอาสิ่งปฏิกูล ตาง ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ ในอวยั วะเหลานนั้ ไปถายทง้ิ ทไี่ ต ตบั ปอด ลําไสแ ละตอ มเหงื่อ เมือ่ ขาดเลอื ด อวยั วะตา ง ๆ ก็ไมมอี าหารและไมม ีเครื่องหลอ เลย้ี ง ส่งิ ปฏกิ ลู ทเี่ กิดข้ึนเสมอ ๆ นน้ั จะเขา สะสมอยู ภายใน เกดิ เปน พษิ ขนึ้ ทําใหเ กิดความพิการและอาจถงึ ตายไดในทส่ี ุด เลือดน้ี ประกอบข้ึนดวยสองสวน คอื สวนนา้ํ และสว นเนอื้ หรอื เมด็ สวนเม็ดยังแยกออกเปนสวน ใหญ ๆ สามพวก คือ เม็ดเลือดแดง เมด็ เลือดขาวและเกลด็ เลือด เมด็ เลือดแดงมีหนา ทขี่ นสงแกส ออกซิเจน ซึ่งเปน เคร่อื งหลอเลี้ยงที่จําเปนของรางกาย เมด็ เลอื ดขาวมีหนาทเ่ี ปน ประหนึ่งทหารยาม ทําการปองกนั และตอสกู บั เชอื้ โรคตา ง ๆ สว นเกลด็ เลอื ดมีหนา ท่สี ําคญั ในการชวยใหเ ลือดแขง็ เปน ลม่ิ เวลาเลือดออก ปองกนั มิใหเ สยี เลอื ดมาก เมด็ เลอื ดทง้ั สามชนดิ นม้ี จี ํานวนแตกตา งกัน ในคนขนาดปานกลางมีเมด็ เลือดแดงอยูท งั้ หมดมากกวา หา ลา นเมด็ มีเม็ดเลือดขาวประมาณสี่ หมืน่ ลา นเมด็ และมเี กลด็ เลอื ดประมาณแปดแสนลา นเกลด็ จาํ นวนดงั กลา วเปน เพียงจาํ นวนครา ว ๆ เพราะการเปลีย่ นแปลงเกดิ ขน้ึ อยเู สมอ มีการยา ยทข่ี องเลือดจากสวนหนง่ึ ไปอยใู นสวนหน่ึง กลบั ไปกลบั มา ตามความตอ งการของรางกาย นอกจากนนั้ เมด็ เลือดแตละเม็ดมอี ายุขยั จาํ กัด เมอื่ ไหลเวียนอยใู นหลอดเลอื ด มนั คอย ๆ เส่ือมสภาพลง จนถงึ ขดี หมดอายุ มนั กส็ ลายหรือถูกทําลายไป แลว รา งกายก็สรางเมด็ เลือดใหม ขน้ึ มาแทนที่ การสรา งและการทาํ ลายดําเนนิ ไปอยตู ลอดเวลา เมด็ เลอื ดแดงมีอายขุ ยั เฉล่ีย ประมาณหนง่ึ รอยย่สี บิ วัน เม่อื ครบกาํ หนดน้ี มันหมดฤทธิ์ แลวก็ถกู ทําลายไปโดยอวัยวะทมี่ หี นา ท่ี พเิ ศษ เชน มา ม เปน ตน ทงั้ นหี้ มายความวาเม็ดเลอื ดแดงของเรามีการเปลย่ี นใหมท กุ ๆ ๑๒๐ วนั เพราะฉะนัน้ ตั้งแตคนปฏสิ นธขิ นึ้ ในครรภแ ละเจรญิ ถงึ ขีดท่ีมีเลอื ดแลว จนกระทงั ถึงอายขุ ัย เม็ด เลือดทท่ี าํ หนา ท่อี ยใู นรางของเราน้ันเปลยี่ นใหมห ลายสบิ ครง้ั เมด็ เลอื ดขาว ยิง่ มอี ายสุ นั้ กวา เมด็ เลือดแดงหลายเทา เมด็ เลอื ดขาวบางชนดิ มีอายอุ ยไู ด ๘ ถึง ๑๒ วนั บางชนดิ อยไู ดสองหรือสามวนั และบางชนิดอยูไดเ พียงวนั เดียวเทา นนั้ เพราะฉะนั้นเมด็ เลอื ดขาวจงึ มกี ารเปลย่ี นบอ ยกวา เมด็ เลอื ด แดงขน้ึ ไปอีก พากเกลด็ เลือดกม็ ีอายสุ นั้ อยางมากอยไู ดเพยี งหา วนั รางกายคนขนาดปานกลาง มีเลอื ดทั้งสนิ้ ประมาณหาลติ รเศษ เปนสวนเมด็ เสียประมาณสองลิตร เศษ ทเ่ี หลือประมาณสามลิตรเปน สว นนํ้า นาํ้ นมี้ ไิ ดใ สเหมอื นน้ําฝน แตม ขี องหลายอยางละลายอยู บางสว นกเ็ ปน อาหารหรอื เครอ่ื งหลอเล้ยี งรางกายหรอื เปน ส่งิ ปฏิกลู บางสวนกเ็ ปน องคป ระกอบซ่งึ มี หนา ท่จี าํ เพาะ สว นนาํ้ นไี้ หลไปตามหลอดเลือดพรอมกบั สว นเมด็ เลอื ด แตม นั กม็ ใิ ชอ ยคู งท่ี เหมือนกัน มนั เขา ๆ ออก ๆ อยูเสมอ ในบางแหง นํ้าในหลอดเลือดซึมออกไปสูภายนอกหลอดเลอื ด ในท่ีอน่ื น้ํานอกหลอดเลือดกลบั ซมึ เขามาสหู ลอดเลอื ด ทีเ่ ปน ไดเชน นี้กเ็ พราะผนงั หลอดเลอื ดมิได ทึบตนั ไปหมดเหมอื นผนงั ของทอ นา้ํ แตค วามจรงิ มชี องปรเุ ปน รลู ะเอยี ด ดดู ว ยตาเปลา ไมเ ห็น ตอง 175

สอ งดวยกลอ งจลุ ทรรศน รูเหลา นลี้ ะเอยี ดมาก โดยปกตเิ ม็ดเลอื ดลอดผา นไมไ ด แตน ํ้าเขา ออกได บางขณะนา้ํ ในหลอดเลอื ดก็ไหลกลบั ออกไปจากหลอดเลือด ทําใหเลอื ดทอี่ ยใู นหลอดน้ันมีปรมิ าณ นอ ยลง บางครง้ั กต็ รงกนั ขา ม นํา้ กลบั ไหลเขาสหู ลอดเลอื ดจากเน้ือรอบ ๆ ทาํ ใหปรมิ าณของเลอื ดมี มากข้ึน ดงั นน้ั เหน็ ไดวานอกจากจาํ นวนเมด็ เลอื ดจะเปลยี่ นแปลงและเปลยี่ นใหมอยเู สมอ ๆ แลว แมส ว นน้ําซึ่งประกอบขนึ้ เปน เลอื ดก็เปล่ยี นเชน เดยี วกนั และเปลี่ยนบอ ยกวา เสียอกี เพราะการ เปล่ียนแปลงน้นั ดําเนนิ ไปอยตู ลอดเวลา สวนใหญข องรา งกายประกอบข้ึนดวยกลา มเน้อื ซง่ึ คิดนาํ้ หนกั แลว มมี ากกวาหา สิบเปอรเซน็ ตข อง รางกาย คนโดยมากทราบวา เวลาเราอดอาหารหรือไมส บายมาก ๆ เชน เปนไข รางกายซูบผอมลง เหตุหนึง่ ของการซบู ผอมนกี้ ค็ ือกลา มเนอื้ มนี อ ยลงไป การมนี อ ยไปนกี้ ็เกิดจากการที่กลามเน้อื ถูก ทาํ ลาย เชนเอาไปใชเปนอาหารเมอื่ เวลาอด หรอื ถกู เผาผลาญไปเนอ่ื งจากการเปน โรค แตแมใ นคน ปกติ กลา มเนือ้ กม็ ไิ ดอยูค งท่ี มีการบบุ สลายรอ ยหรอลงไปเรอ่ื ย ๆ ขอน้ีวทิ ยาศาสตรช วยใหทราบ ไดโดยการตรวจพบสารบางอยางในปส สาวะ ซงึ่ รูแนวาเกิดจากการสลายของกลามเนอื้ เมอ่ื คนเปน ไข สารเหลา น้มี มี ากขน้ึ ในปส สาวะ เปน พยานวากลา มเนอ้ื ถกู ทาํ ลายมากข้นึ แมแ ตคนปกติกถ็ าย สารเหลา น้ีออกมาในปส สาวะทกุ ๆ วนั จากการวเิ คราะหป ริมาณสารท่อี อกมาในปส สาวะน้ี นกั วิทยาศาสตรท ราบไดวา คนขนาดธรรมดามกี ารทําลายของกลา มเน้ือของรางกายประมาณ ๕๐ - ๖๐ กรมั ทกุ ๆ วนั เพราะเหตนุ ้ันคนจึงจําตองกนิ โปรเทอีนหรอื อาหารประเภทเนอ้ื หรอื ถ่ัวเขาไป เสมอ ๆ เพื่อทดแทนความสกึ หรอทเี่ กดิ ขน้ึ นนั้ ถา หากวา ไมกิน เน้อื ของรา งกายก็จะลดนอยลงไป รา งกายซบู ผอมไมแ ขง็ แรงและอาจเกิดเปน โรคจนถงึ แกค วามตายได ทง้ั น้ีก็เพราะวา เนื้อของ รา งกายเรามิไดอ ยูคงที่ แตมกี ารเปลยี่ น มกี ารเล่อื มและสลายอยเู สมอ ๆ สวนหนึง่ ของรางกายซงึ่ คนโดยมากเหน็ วาเปน สว นที่แข็งแรงและคงทนที่สดุ คือกระดกู เพราะมี ความแข็งมากกวา อวัยวะอนื่ ๆ แมเ ม่ือคนตายแลว กระดูกก็เปน สว นที่อยคู งทนมากกวา สวนอื่น ของรางกาย แตต ามความจริงซึง่ ทางวิทยาศาสตรพ ิสูจนไ ดนนั้ กระดกู เปน สวนหนง่ึ ซึง่ เปล่ียนได โดยงา ยและเปลี่ยนไปมาอยูเสมอ ภายในกระดกู มีเซลลเ ล็ก ๆ อยสู องชนดิ ชนดิ หนง่ึ ทาํ หนา ท่ีสรางกระดูกขน้ึ ใหม อีกชนดิ หนึง่ ทาํ หนา ท่ีทาํ ลายกระดกู เซลลท ้งั สองพวกนที้ าํ งานกลับกนั ไปกลับกนั มาอยเู สมอ สารสาํ คญั ที่ทําให กระดกู มลี กั ษณะแขง็ กค็ ือธาตุหนิ ปนู ซึ่งแทรกซึมอยูร ะหวางเสนใยเหนียวอนั ประกอบเปน สวนโครง ของกระดูก กระดกู กม็ เี ลอื ดหลอ เล้ยี งเชนเดียวกบั อวัยวะอืน่ ๆ ของรา งกาย การเปลยี่ นแปลง บางอยางในเลือดแมเ พียงเล็กนอ ย เชนความเปน กรดของเลอื ด จะทําใหธ าตหุ นิ ปนู ละลายออกมา จากกระดกู เขา ไปอยูใ นเลอื ดและบางสว นกถ็ กู ขบั ถายออกไปทางปส สาวะ การเปลี่ยนแปลงอยางอน่ื เชน การเปลยี่ นไปในทางดาง ทาํ ใหเ กิดผลตรงกนั ขา ม ธาตหุ ินปนู ในเลอื ดกลายเปน ตะกอนจบั ตาม ชอ งระหวางเสนใยโครงของกระดกู การเปลี่ยนแปลงอยางแรกทําใหเ ลอื ดมธี าตปุ นู มากขึ้น อยาง หลงั ทาํ ใหเ ลอื ดมีธาตปุ ูนนอยลง วทิ ยาศาสตรพบวา ปรมิ าณของธาตปุ นู ในเลือดขนึ้ ๆ ลง ๆ อยู 176

ตลอดเวลา ซงึ่ หมายความวา กระดูกมีการเปลี่ยนแปลงไปตามนน้ั ดว ย กลาวคอื มีการสลายบา ง มี การสรา งขึ้นใหมบ า งกลบั กนั ไปกลบั กนั มา เทาทีไ่ ดอ างตัวอยา งมาเพยี งเลก็ นอยก็เพ่อื ใหเ หน็ วาแมใ นคนปกตสิ ว นตา ง ๆ ของรา งกายก็มิไดอ ยู น่งิ แตมกี ารเปลย่ี นแปลงไปมาและเสมอ สว นตา ง ๆ ของรา งกายเรามีการสลายมกี ารสรางอยู เรอ่ื ย ๆ รางกายเปรียบไดกบั นาฬกิ าทป่ี ระณตี มีตัวจักรประกอบกันจํานวนมากมาย ตวั จกั รแตล ะ ตวั มหี นาท่ีสําคญั จาํ เพาะอยา งในการทาํ งาน ถา ตวั จกั รตัวใดตวั หน่งึ เกดิ การบกพรอ งขน้ึ ก็ยอ มทาํ ใหตัวจกั รอนื่ ๆ พลอยทําหนาทบ่ี กพรอ งตามไปดวย ถาความบกพรองน้ีมมี าก นาฬกิ ากอ็ าจจะหยุด เดนิ รางกายเราก็เชน เดยี วกนั อวยั วะหลายอยา งชว ยกนั ทํางานแตล ะอยา งมหี นา ทจ่ี ําเพาะและมีการ ควบคมุ เกีย่ วโยงกนั ไปมาทัว่ รางกายกลไกท่ีควบคุมการทํางานของอวัยวะเหลานี้ ลวนแตป ระณตี อยา งย่งิ ถา ภาวะแวดลอ มหรอื สง่ิ แปลกที่เขา ไปทําใหเกิดความพกิ ารขึ้นในสว นใดสวนหนึง่ ก็ทาํ ให สวนอื่น ๆ พลอยพกิ ารไปดว ยไมมากก็นอ ย การทีร่ างกายทํางานอยไู ดเปน ปกตแิ ละเรามชี วี ติ อยูได นัน้ จงึ เปน เรือ่ งทน่ี า พศิ วงอยา งยงิ่ เรามกั ไดยนิ คนพดู กนั บอย ๆ วา คนน้ันคนนีช้ างตายงายเสยี เหลอื เกนิ ทจ่ี รงิ นน้ั ควรจะพูดตรงกันขาม ควรจะพดู วา คนเรานี้ชางตายยากเสียเหลอื เกนิ ท้งั น้ี เพราะวา เหตทุ ี่จะทําใหตายนั้นมมี ากมาย แมมีการบกพรอ งอะไรเพยี งเล็กนอยในรางกาย กอ็ าจจะ ทาํ ใหก ารดําเนนิ ชีวิตหยุดชะงกั ได แตก ารที่เรายงั มชี ีวิตอยูทกวนั นี้ กเ็ นือ่ งจากการทร่ี า งกายมกี ลไกคอยแกค วามพิกลพิการเหลานอ้ี ยู อยา งละเอยี ดลออ กลไกเหลาน้ลี ว นแตเ ปน สง่ิ ซึ่งออ นไหว ถาถกู กระทบกระเทอื นรนุ แรงก็จะเสีย การเสยี งานไปได การทรงชวี ิตของเราจงึ เปรยี บเหมอื นกบั การทรงตวั อยบู นยอดใบหญา ไมท ราบวา ใบหญา นน้ั จะพับงอลงไปเม่ือใด เพราะฉะนัน้ ทกุ ๆ คนจึงควรยดึ มนั่ และปฏบิ ตั ติ ามคาํ สงั่ สอนของพระบรมศาสดา ซึง่ ทรงเปน ผรู ู แจง เหน็ จรงิ ในสิง่ ลึกลบั ของชีวติ มนษุ ยแ ละสตั ว และไดท รงแสดงสัจธรรมทีถ่ ูกตองแทจ ริงและเปน จรงิ อยูเสมอ ไมร เู ปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลา ไมม เี กาพน สมัย ไมมลี า สมยั เมือ่ เราสํานกึ ในความ ไมเทีย่ งแทของสงั ขาร ดงั ไดพ ยายามทจี่ ะแสดงใหเหน็ โดยการบรรยายนแ้ี ลว กเ็ ปน การสมควรอยาง ยงิ่ ทีจ่ ะยดึ ภาษติ ซึ่งพระพทุ ธองคไ ดท รงประทานไวเปน ปจ ฉมิ วาทะวา “อปปฺ มาเทน สมปฺ าเทถ” แปลความวา “จงไมประมาทในการทจ่ี ะยงั กจิ ทัง้ ปวง ทัง้ สวนตนทง้ั สว นทานใหส าํ เร็จลลุ วง” ความ ไมป ระมาทนจ้ี ักสอนเราใหเ ตรยี มตวั ไวดว ยกรรมอนั ดที ง้ั มวล เพื่อจกั สามารถผจญกบั ขณะสดุ ทาย ของชีวติ ไดโดยไมมคี วามประหวนั่ พร่นั พรึงใด ๆ. ........................................ 177

ทกุ ขสจั จใ นแงข องสรรี วทิ ยา โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห พระสมั มาสมั พทุ ธเจา พระบรมศาสดาของเราทง้ั หลาย ทรงเปน พระสัพพญั รู ลู ะเอียดใน ทกุ ๆ สงิ่ ทรงสงั่ สอนลว นแตค วามสัจจรงิ ซึ่งเปนอยูชั่วนริ ันดร ไมแปรเปลย่ี นและไมม ผี ใู ดคัดคานได รากฐานแหงคาํ สอนของพระองคค อื อรยิ สจั จ ไดแ กทกุ ข เหตุแหง ทกุ ข ความพน ทุกขแ ละทางนําไปสู ความพนทุกข ทรงมงุ สอนใหคนเหน็ ทกุ ขแ ละใหพยายามปลดเปลื้องคนออกจากทุกข คนสว นมาก ซง่ึ ยงั มัวเมาเพลิดเพลนิ อยูใ นส่งิ ทล่ี อ ลวงใหเหน็ วาสขุ ไมอ าจจะเหน็ ตามไปไดว าชีวติ น้ีเปน ทกุ ข “ทกุ ขนน้ั แล ยอ มเกิดขนึ้ ทุกขย อ มตง้ั อยูดวย ยอมเสอ่ื มส้ินไปดว ย นอกจากทุกข หาอะไรเกิดมไิ ด นอกจากทุกขห าอะไรดบั มไิ ด” แทที่จรงิ นน้ั ไมม ีใครเลยที่จะไมม ที กุ ข ทกุ คนลอมรอบไปดวยเหตุ ทุกขและถกู รมุ อยตู ลอดเวลา เวน แตว า สว นมากหลงผดิ ไปและมวั เมาดวยเครื่องพราง จนไมร ู หรอื ไมอ าจสงั เกตไดวา ภาวะนน้ั ๆ เปน ทุกข ในพระบาลี แยกทกุ ขแ หง สงั ขารออกเปน ๑๐ หมวด คือ (๑ ) สภาวทกุ ข ทกุ ขป ระจําสงั ขาร คอื ความเกิด ความแก ความตาย (๒) ปกณิ ณกทกุ ขห รอื ทกุ ขจ ร คอื ความเศรา โศกเสยี ใจและความคบั แคนใจเนอื่ งดว ยเหตตุ าง ๆ ที่ เกดิ ขนึ้ เปนครง้ั คราว (๓) นพิ ทั ธทกุ ข ทกุ ขเ นืองนติ ย ไดแกทุกขท เี่ กิดจากความหนาว ความรอ น หวิ กระหาย ปวดอจุ าระ ปวดปสสาวะ (๔) พยาธทิ กุ ข คอื ทกุ ขท ี่ เกิดจากโรค (๕) สนั ตาปทกุ ข ทุกขร อน ไดแ กค วามกระวนกระวายใจ เนอ่ื งจากกิเลส มี โลภ โกรธ หลง เปน ตน (๖) วปิ ากทกุ ข ทุกขอ นั เกิดจากผลกรรม ไดแ กความรอนใจและการตอ งรับโทษแหงกรรมของตนเอง เปนตน (๗) สหคตทกุ ข ทุกขท ไี่ ปกนั กบั สขุ ไดแก ทุกขท ่เี กดิ เมื่อไดลาภแลว เสอื่ มลาภ ไดยศแลว เสอ่ื มยศ เปน ตน (๘) อาหารปรเิ ยฏฐทิ กุ ข อาชวี ทุกข ได แกทกุ ขในการทาํ มาหากิน 178

(๙) ววิ าทมลู กทกุ ข ทกุ ขท ม่ี กี ารววิ าทเปนมลู ไดแ กค วามหวนั่ หวาด ความกลวั แพ เปน ตน (๑๐) ทกุ ขขนั ธ ทุกขร วบยอด ไดแ กท ุกขอนั ก่ยี วเนอื่ งดว ยปญ จขนั ธ เหน็ ไดโ ดยงายวา สภาวะทุกข และ นิพทั ธทกุ ข สองหมวดน้เี ปนทกุ ขท ม่ี อี ยูแกท กุ คนในทุกเวลา แมวา คนโดยมากเปนทกุ ขในเรอ่ื งแกแ ละเรอื่ งตาย แตมนี อยคนที่จะสาํ นึกวา ความรอ นและความ หนาว หิวกระหายหรอื การปวดอจุ าระปสสาวะเปน ความทกุ ข ทง้ั นก้ี เ็ พราะเหน็ เปน เรือ่ งธรรมดา และโดยปกตไิ มคอ ยเดอื ดรอ นมาก แตใ นภาวะผดิ ปกติ เหตุเหลาน้ันกอ็ าจกอ ความทกุ ขไ ดอยาง หนกั แมกระทงั่ ทาํ ใหต าย จึงเปนเหตทุ ่ีสําคัญไมน อ ยทวาเหตใุ นหมวดอนื่ ๆ และเหตทุ ี่มนุษยไ มอาจ บงั คบั หรอื แมห ลกี เล่ยี งได เพราะยอมเกดิ ข้ึนโดยธรรมชาติ เปน กฎตายตัว การเกดิ เปน ทุกข คําวา “เกดิ ” ในทนี่ อ้ี าจจะหมายความถงึ “การเขาสภู พ” หรอื การคลอดกไ็ ด เม่อื หมายถึงการเขาสูภพ กต็ องเหน็ วาเปน ทกุ ข เพราะการเริม่ เขาสยู คุ แหงทกุ ขต า ง ๆ และตรงกนั ขาม กบั “การไมเ กดิ ” ซึง่ เปนทางหมดทุกข เมอ่ื หมายถงึ การคลอด กไ็ มม ปี ญหาเลยวา ทําไมจึงเปนทกุ ข ในระหวา งทีเ่ จรญิ อยใู นครรภม ารดานนั้ เดก็ กม็ คี วามสบายพอสมควร เชน ไมตอ งหายใจ ไมต อ ง กลนื กินอาหาร ไมตองถา ยอุจจาระ ปสสาวะ เพราะไดร ับแกสออกซิเจนและอาหารท่ยี อ ยสําเรจ็ แลวผานเขามาทางรก ขบั ถายคารบอนไดออกไซดและปฏกิ ูลบางอยา งกลบั ออกไปทางนน้ั ทงั้ ตัวก็ ลอยอยูอยางสบายในถุงน้าํ คร่าํ ไมไ ดร บั การกระทบกระเทอื นใด ๆ ครั้นถึงวาระท่จี ะคลอด กเ็ รมิ่ มคี วามเดอื ดรอ นตาง ๆ มกี ารเอาหวั ลง และเล่ือนเขาไปสอู งุ เชงิ กราน เปนการเตรียมพรอ ม เมอ่ื มารดาเรม่ิ เจบ็ ทอง มดลกู ก็เรมิ่ หดบีบรดั ลงบนตวั ของเด็กโดยรอบ และ ดันใหศ รี ษะเขา ไปสคู อมดลูก ซ่งึ ตามปกตมิ ีชองแคบกวาศรี ษะเด็กหลายเทา แตใ นขณะคลอดมกี าร เปลยี่ นแปลงเกิดขน้ึ ทําใหเ น้อื ของสว นนย้ี ดื ออกไดม ากมาย พรอ มกับเย่ือพังผดื ท่ยี ดึ โครงของ กระดูกเชงิ กรานกห็ ยอนยานไดเกนิ ธรรมดา การหดตวั อยา งแรงของผนงั มดลกู ท้งั ดนั และคลงึ ใหศ รี ษะของเดก็ (ซึง่ กระดกู ยงั ตดิ กนั ไมสนทิ ) เลก็ ลงโดยยืดยาวออกไป จนกระท่งั ลอดผา นคอมดลูกออกไปได แตแลวก็ตอ งเถลอื กไถลผา นชอ ง คลอดตอไปอีก โดยชอ งคลอดจะตอ งถูกดันใหข ยายตวั ออกไปไมน อยกวาสามสี่เทา การดนั และบบี เคนทเี่ ด็กตอ งไดรบั กอนทจ่ี ะเคลือ่ นลงมาถึงปากทางอาจกินเวลาหลายชว่ั โมงหรอื แมนบั วัน เดก็ บางคนตายเสียแตใ นระยะน้เี อง เพราะสมองถูกกดหรอื เพราะอบุ ัตเิ หตุอนื่ ๆ เมือ่ ศรี ษะลงมาจน สดุ ชอ งคลอดแลว กย็ ังจะตอ งผา นประตูสดุ ทา ยคือปากชองคลอดซ่งึ จะตอ งถกู ดนั ใหข ยายออกไปจน กวางพอท่ีศีรษะจะผา นได ตอนนกี้ ็เปน ตอนท่ีเสยี่ งภยั มากอกี ตอนหนึ่ง 179

เมื่อคลอดพน ครรโภทรออกมาแลว ก็เรมิ่ มที กุ ขอน่ื ตอ ไป คอื ทกุ ขข องการหวิ การกระหาย ความ รอ น ความหนาว และการขบั ถา ย ทบ่ี รรยายมานเ้ี ปน การคลอดโดยปกติ ในรายที่ผดิ ปกติยอมมีท้งั ทกุ ขแ ละภัยมากกวานอี้ ีกหลายเทา เดก็ บางคนตอ งตายเสยี กอ นไดล มื ตาดโู ลก เพราะอบุ ัติเหตใุ นระหวา งคลอด บางคนตองถูกฆา ให ตายเสยี ดว ยการเจาะสมองหรอื แมตัดคอตดั แขนเพอ่ื รกั ษาชวี ติ ของแมเอาไว ดังนนั้ “การเกดิ เปน ทุกข” นีจ้ งึ เปน ความจริงแท ทกุ ขป ระการแรกทีเ่ ดก็ เกิดใหมไ ดรบั ก็คอื ทุกขท ่ีตองหายใจ และทราบกันทกุ คนวา เราตอ งหายใจไป จนตลอดชีวติ ธรรมชาติมีกลไกบังคบั เรอ่ื งนี้ไวอ ยางหลกี เลย่ี งไมได การหายใจเกดิ ขน้ึ โดยการหดตวั ของกลา มเนอ้ื ทเี่ รียกวา “กลามเนื้อของการหายใจ” ท่ีทาํ หนาท่ีเปนประจาํ ไดแกกลามเน้อื กระบงั ลม และกลา มเนอื้ ระหวา งช่โี ครง การหดตวั ทําใหทรวงอกขยายโตข้ึน ความดันภายในปอดลดลง อากาศภายนอกจงึ ดนั เขาไปในปอด เปน การหายใจเขา เมอื่ หยุดหายใจเขา กลา มเนอ้ื ที่กลา วแลว เลิกหดตัว ทรวงอกหดเล็กลงเพราะความยืดหยนุ ของผนงั บบี อากาศออกจากปอด เปน การหายใจ ออก แลวกลา มเนือ้ ของการหายใจกห็ ดตัว ทําใหห ายใจเขาใหม เวียนไปเชนน้ตี ลอดเวลา การที่กลา มเนือ้ ของการหายใจหดตัว กเ็ พราะไดร บั พลงั ประสาท หรอื คาํ สัง่ จากเซลลป ระสาทใน สว นทา ยของสมอง (เมดัลลา โอบลองกาตา) ซึง่ รวมกนั เปน กลมุ เรียกวา “ศนู ยหายใจ” ศูนยน้ี บงั คับกลามเนอ้ื ของการหายใจใหท าํ งานเปนจงั หวะเรอ่ื ยไปตามความตอ งการของรางกาย โดยมี การตดิ ตอ ทง้ั ทางประสาทและทางเคมกี ับสว นอนื่ ๆ ของสมองและรางกาย เราจงึ หายใจมากขึ้นเมอ่ื ทาํ งานหนัก หรอื หายใจนอ ยลงเมอื่ พักผอน ทัง้ นีโ้ ดยอตั โนมตั ิ ไมต อ งไปนงั่ คดิ วาตอนนี้จะตอง หายใจมาก ตอนนจี้ ะตองหายใจนอ ย สงั เกตวา เราอาจจะบงั คบั การหายใจใหช า หรอื ใหเ ร็วหรือแมก ล้นั หายใจก็ได แตไดช ว่ั ระยะ ไมได ตลอดไป เรามอิ าจจะกล้ันใจตายได เพราะเมอื่ กลน้ั ไปถงึ ระยะหนงึ่ ศนู ยห ายใจกจ็ ะหนอี อกจากการ บงั คับของจติ ใจ และทาํ งานตอไปโดยอสิ ระ สงิ่ สําคัญท่ีทาํ ใหศูนยห ายใจทําเชน นี้ และทํางานเปน จงั หวะตามปกตคิ อื แกส คารบอนไดออกไซด ทม่ี อี ยูในเลอื ดและเปน ตวั กระตนุ ใหศ ูนยห ายใจสง่ั กลามเนอ้ื หายใจใหท าํ งาน เวลากลนั้ หายใจ แกสน้ี (ซง่ึ มเี กิดขน้ึ ในรางกายตลอดเวลา) สะสม เพม่ิ ขึ้นเปน ลาํ ดบั ในเลอื ด และกระตนุ ศูนยห ายใจมากขนึ้ เรือ่ ย ๆ จนกระทงั่ ศูนยน นั้ ตองเอาชนะการ หา มของจิตใจไปจนได เด็กที่อยูในครรภม ารดาไมต อ งหายใจดังกลาวแลวในตอนตน แตพ อคลอด รกหลดุ ออกจากผนงั มดลูก ออกซิเจนทเี่ คยไดรบั กห็ ยดุ คารบอนไดออกไซดท ี่เคยผานออกไปทางรกก็ผานไมได จงึ คงอยู ในเลอื ดและทาํ การกระตน ศนู ยห ายใจแรงขนึ้ ๆ จนกระทั่งศูนยนนั้ เรมิ่ ทํางาน เดก็ ก็เร่ิมหายใจ 180

ตามขอเท็จจรงิ วา ศูนยห ายใจทาํ ใหห ายใจเขา การหายใจครั้งแรกของคนเรา (อัสสาสะ) จงึ เปน การ หายใจเขา เมื่อเรมิ่ หายใจแลวกห็ ายใจเรอ่ื ยไป เพราะคารบ อนไดออกไซดเกิดขนึ้ ในรางกาย ตลอดเวลา เราจงึ ถกู บงั คับโดยธรรมชาตใิ หต องหายใจอยตู ลอดเวลาเหมอื นกนั หนีอยางไรกไ็ มพน นับเปนทุกขป ระจําทส่ี าํ คญั อยา งหนงึ่ ทุกขนจ้ี ะเห็นไดช ัดเจนในเวลาทผี่ ิดปกตบิ างอยาง เชน หอบหืด ในเวลาเชน นน้ั จะเขาใจไดดที เี ดียววาเหตไุ รทา นจึงนบั วา “การหายใจเปนทกุ ข” พอคลอดออกมา เดก็ ก็รูจ ักดม่ื นมแลว เปน การยากทจ่ี ะบอกวา เด็กมคี วามหิวหรอื ความกระหาย กอนกนั แตถาคิดตามเหตผุ ล ก็นาจะลงความเหน็ วา ความกระหายคงจะเกิดขนึ้ กอ น ความหวิ เกิด เมื่อตองการอาหาร ระหวา งอยูในครรภเ ดก็ ไดร บั อาหารเพยี งพอ และคงจะมสี าํ รองอยบู าง เมอ่ื คลอดออกมาใหม ๆ จึงไมน าจะหวิ ในอีกทางหนงึ่ เดก็ เกดิ ใหมมคี วามตองการน้าํ มาก เพราะ รางกายจะตอ ง “พอง” ขนึ้ เนือ่ งดวยภายหลังคลอด รา งกายของเดก็ ตองรับความกด (หรอื บบี รัด) นอ ยกวาขณะอยูในครรภ ชาวบา นมกั กลา ววา เดก็ เกิดใหมนัน้ “พองลม” เพราะตวั โตขนึ้ อยา ง รวดเร็วภายหลงั คลอด แตท ีจ่ ริงรา งกายจะ “พอง” ไดน้นั ตอ งอาศยั นาํ้ เพราะฉะนนั้ นาจะลง ความเหน็ วา เด็กเกดิ ใหมค งจะมีความกระหายกอนมคี วามหิว เพราะตองการน้าํ มาก ตามหลกั สรรี วทิ ยาความหิวกบั ความกระหายเปน เรอ่ื งที่สลับซับซอนมาก ความกระหายเกดิ ขึน้ เม่อื รา งกายขาดนาํ้ ไมวาจะดวยเหตุใด อาจเปน เพราะอดนํ้า เพราะกินอาหารรสจดั หรือเพราะเหตุอนื่ ตามธรรมดาปากแหง และคอแหงมักเปน เหตใุ หรูสึกกระหายนาํ้ นักวิทยาศาสตรพ บวา มีศนู ยป ระสาทอยูโ ดยเฉพาะทท่ี าํ ใหเกดิ อาการนี้ อยูในสว นกลางของสมองที่ เรียกวา “ฮยั โปธาลามัส” ถา กระตุน สวนนี้โดยวธิ ที ี่เหมาะ จะทําใหสัตวท ดลองดมื่ นํา้ ในปรมิ าณมาก จึงเขาใจกนั วา ตรงนนั้ เปน ทต่ี ัง้ ของ “ศนู ยก ระหายน้าํ ” ในบริเวณใกลก นั น้นั เอง ยงั มศี นู ยประสาทเกยี่ วกบั ความหวิ อยูอ ีก แตม วี ธิ ที ํางานตางจากศนู ย กระหายน้ํา กลาวคอื ถาถูกกระตนุ ทําใหเ บือ่ อาหาร หรือหยุดกนิ อาหาร แตถ า ถูกทาํ ลาย กลับทํา ใหกนิ อาหารมาก เชือ่ กนั วาศูนยน เ้ี ปน “ศูนยอม่ิ ” เม่ือถูกกระตนุ จึงทําใหห ายหิว เขาใจวามันทาํ หนาที่กดหรอื เหนย่ี วร้ังศนู ยป ระสาทอกี ศูนยห นึ่งอยใู กล ๆ กัน ซง่ึ ทําใหส ตั วก นิ อาหารเมอ่ื ถูกกระตุน เรียกกนั วา “ศูนยก นิ ” ตามธรรมดาเม่อื กระเพาะอาหารเตม็ “ศูนยอม่ิ ” ถูก กระตนุ ก็กด “ศูนยกิน” สัตวจึงหยุดกนิ อาหาร พอกระเพาะอาหารวาง มนั เริม่ ทาํ การบบี ตัว ทาํ ให “ศนู ยอ่มิ ” ถูกกดหรอื เหน่ียวรง้ั “ศูนยกิน” จงึ เร่ิมทาํ งาน ความรูสึกหวิ เปน คนละอยา งกบั “ความอยากกนิ ” บางทไี มห วิ แลว แตย งั อยาก บางทหี ิวแตไม อยาก เขาใจวา ความอยากเปน ผลของเหตหุ ลายอยา งรว มกนั 181

สําหรบั ศนู ยป ระสาทท้ังสามอยางที่กลาวแลว นี้ ทาํ งานโดยเสรี ไมขน้ึ กับความคดิ นกึ ถามีเหตุ ก็เรม่ิ ทํางาน ถาหมดเหตุ กห็ ยุดทํางานความหิวหรอื กระหายเพยี งเล็กนอ ยชวนใหใ จหงดุ หงดิ หรอื ปน ปว น ถาหิวมาก กระหายมาก ก็เปนทุกขห นกั ถึงแมวา ผทู ่ีฝก หดั ดแี ลว อาจขม ความเดอื ดรอ นเชนน้ีได แต ก็เปนการช่ัวคราว ในท่ีสดุ จะตองยอมแพโดยกินหรือดม่ื เพอื่ ใหส น้ิ เหตุ สวนคนทวั่ ไปนน้ั เมื่อหวิ หรอื กระหายกด็ บั เสยี ดวยการกนิ หรือดืม่ ทําใหไมคอยรสู ึกวาเปน ทุกข แต ถา เม่ือใดไมอาจจะสนองความเรียกรอ งได เมอื่ นนั้ จงึ ไดส ํานกึ วาทั้งสองอยา งนก้ี ็เปน ทุกขห นกั หรอื แมห นักที่สดุ ไดเหมอื นกนั ความรอ นและหนาวของอากาศรอบตวั เราทาํ ใหเกดิ ผลแกร างกายสองอยาง คือทเี่ รารสู กึ กบั ทเี่ รา ไมร ูสึก ความรสู กึ เกิดจากการกระตนุ ปลายประสาทรบั ความรอนและความเยน็ ซ่งึ มอี ยูในผวิ หนงั ทัว่ รางกาย ทําใหม ีพลงั ประสาทแลนข้ึนไปตามไขสนั หลงั จนถึงเปลอื กสมองใหญใ นสวนรบั การกระตนุ เกดิ ความรสู กึ รอ นหรอื เย็นขึ้น แลวแตวา ปลายประสาทชนดิ ใดถกู กระตนุ ความรสู ึกน้กี เ็ ปน ไปทาํ นองเดยี วกับความรสู ึกหิวหรอื กระหาย คือบางคนอาจจะระงบั หรือผอน คลายความกระวนกระวายทีเ่ กิดจากการกระตนุ ดังกลาวนไ้ี ด แตกเ็ ชนเดยี วกันกับในเรื่องกอ น คือมี ขอบเขตจํากัด ถา หากรอ นหรือเยน็ จดั มาก ก็ไมอาจระงบั เพราะความรอ นอาจทาํ ใหพ องไหมห รือ ความเยน็ ทําใหห นาวชาจนกระทัง่ ถงึ ตาย ลงทายการกระตนุ ของธรรมชาตยิ อมเอาชนะจนได แตจ ะ เปนผมู ีอํานาจจติ หรอื ไมมกี ็ตาม การกระทบกบั ความรอ นและความเย็นยอมทาํ ใหเกิดการ เปล่ียนแปลงขึ้นในรา งกายชนดิ ทีเ่ ราไมร ูส ึกอกี ดว ย สว นใหญเ ปน การเปลี่ยนแปลงเก่ยี วกับหลอด เลอื ดและการไหลเวยี นของเลือด กลาวโดยสรุป ความรอ นทาํ ใหหลอดเลอื ดของผวิ หนังขยายตวั สวนความเย็นในขน้ั แรกทําใหห ลอด เลอื ดบบี ตวั แลว ในตอนหลังกลบั ขยาย ทงั้ สองอยางทําใหห วั ใจและอวยั วะอืน่ บางอยางทํางานมาก ขนึ้ เปน ปฏิกริ ยิ าของรางกาย ทพ่ี ยายามจะรกั ษาอณุ หภมู ิของรา งกายใหอ ยคู งที่ โดยเฉพาะความ รอน อาจทาํ ใหเ กิดการหลง่ั เหงอื่ ซ่ึงเปน กลไกเพอื่ รักษาอณุ หภมู เิ หมอื นกนั ทัง้ หมดน้เี ปน ไปตามกฎ ธรรมชาตแิ ละคนธรรมดาไมอ าจหลบเล่ยี งได ความรอ นความเย็นจึงทําใหเ กดิ ความไมสะดวกและ ไมส บาย นบั เนอ่ื งเปน ทกุ ขท หี่ ลีกเลย่ี งไมไ ดแ ละมอี ยูเ ปนนติ ย ความปวดอจุ าระและปสสาวะเปน ทุกขอ กี สองอยางทีท่ ุกคนตองประสบอยเู สมอ แมในภาวะปกติ บางครง้ั กอ็ าจจะทนไดยาก ย่ิงในภาวะทผี่ ดิ ปกติ เชน เปน บิดหรือเปน นิ่ว ทกุ ขท งั้ สองนี้กอ็ าจถงึ ขนั้ ปวดรา วแทบจะทาํ ใหข าดใจตายลงไปได ความปวดท้งั สองอยางเกิดข้นึ จากการที่ผนังอวยั วะถูกดัน จากขางใน ความรูส กึ ปวดปสสาวะเกดิ ขนึ้ เมื่อมีปส สาวะไหลจากไตเขาไปรวมอยูในกระเพาะเบา มากพอทจี่ ะทาํ ใหผ นงั ตงึ 182

ผนังจะตอ งตงึ เพยี งใดจึงจะเกดิ ความรูสกึ ปวดขน้ึ นน้ั เปนเรอ่ื งแตกตา งไปตามบคุ คลและความเคย ชิน บางคนพอมปี ส สาวะเพยี งเลก็ นอ ยกป็ วดและตอ งรบี ไปถา ยแลว บางคนอาจกล้ันไวไดม ากกวา หลายเทา คนทเ่ี ปน “โรคเสน ประสาท” มักปวดปส สาวะงายและตอ งถายบอ ย คนท่ีกระเพาะ ปสสาวะอักเสบก็เชน เดียวกนั เพราะการอกั เสบรบกวน ทาํ ใหป ฏิกริ ยิ าไวข้นึ คนทก่ี ล้ันปสสาวะไว นานมาก ๆ ในทส่ี ดุ กจ็ ะกลนั้ ไมอ ยู จนเกิดปส สาวะราด ทง้ั น้ีเน่ืองดว ยการบบี ตวั ของกระเพาะปส สาวะมรี ะบบประสาทเสรคี วบคมุ ไมอ ยใู นอํานาจของจิตใจ เม่อื ผนงั กระเพาะตึง ประสาทเสรีกส็ ั่งใหท ําการบีบ ทําใหเกดิ ความรูสกึ “ปวด” ตอนนี้เปนเรอ่ื ง นอกเหนอื จิตใจ จิตใจควบคุมแตก ารหดตวั ของ “กลามเนอื้ หรู ดู ” ซึง่ ปด เปด กระเพาะปส สาวะ เรา อาจบีบกลา มเนอ้ื หรู ูดใหปดเพอ่ื กลั้นปสสาวะ หรือคลายกลา มเน้อื นนั้ เพือ่ ใหป ส สาวะไหลออกได ตามตอ งการ หมายความวา เราบงั คบั ไดแ ตป ลายเหตุเทา นัน้ เพราะตน เหตคุ ือการบบี คนั้ ของ กระเพาะปสสาวะนน้ั เราบังคบั ไมไ ด นอกจากนน้ั แมก ลามเน้ือหูรดู กอ็ ยใู นบงั คบั ของจติ ใจเพียงบางสว น เพราะฉะนน้ั บางคราวในเวลามี ความต่นื เตน เราอยากถา ยปสสาวะก็ถา ยไมออก หรือในเวลาตกใจมาก ๆ ก็อาจถา ยปสสาวะ ออกมาโดยกล้ันไมอ ยกู ็มี การปวดอจุ จาระและถายอุจจาระกม็ ีกลไกทาํ นองเดียวกันนี้ ในคนธรรมดาความรูส ึกปวดอจุ จาระ เกิดขึ้นเมือ่ มีกากอาหาร (“อาหารเกา”) เคล่อื นเขาไปสูลาํ ไสใหญส ว นคคเคย้ี วซึง่ อยเู หนอื ข้นึ ไปจาก สวงทวารหนัก ทําใหมีการบบี ตัวของสวนนน้ั การบบี ตวั นอ้ี ยใู นความควบคมุ ของระบบประสาทเสรี ถาเรายังไมอ ยากถาย เราก็อาจกลนั้ เอาไวก อนได โดยบบี กลามเนอ้ื หรู ูด (ซึ่งมีสองชนั้ ) ทํานอง เดยี วกับกลั้นปสสาวะ แตก ารกลน้ั นีก้ อ็ ยูใ นบังคับของจิตใจเพียงบางสว นหรอื บางระยะ เม่อื การ กระตนุ จากสวงทวารหนกั มมี ากขน้ึ ๆ ในที่สดุ ระบบประสาทเสรกี จ็ ะเอาชนะการหา มของจิตใจและ สัง่ หูรดู เปด ใหอ จุ จาระออกไปได การปวดปส สาวะและอจุ จาระและการถายปส สาวะและอุจจาระจงึ เปน เรอื่ งทเ่ี ราตอ งทน แตก ็ทนอยู ไมได คอื เปน ทกุ ข ทกุ ขอีกอยา งหน่ึงทีท่ ุกคนหนไี มพน กค็ อื ทุกขแหง ความชรา ในพระคมั ภรี ทานแจงชราทกุ ขไวเ จด็ ประการ คือผิวพรรณไมงาม กาํ ลงั กายทราม รางกายทรดุ โทรม การเคล่ือนไหวงกงนั ฟน หกั นัยนตาฝา ฟาง และหเู ชอื นหรอื หูตึง มสี ภุ าษติ กลา ววา “ความแกเร่มิ ต้ังแตป ฏสิ นธ”ิ ซ่งึ เปน การ ถกู ตอง รา งกายประกอบดว ยหนว ยเล็ก ๆ ท่เี รียกวา “เซลล” (ตรงกับกลละ) รางกายแกก็เพราะเซลล ทัง้ หลายแก การปฏิสนธกิ ค็ อื “เซลลไ ข” ของแมร วมกบั “เซลลเชอ้ื ” ของพอ กลายเปน เซลลล ูก เซลลล กู นีแ้ กข น้ึ แลว ก็แยกออกเปน สองเซลล สองเซลลน แ้ี กข้ึนแลว ก็แยกตอไปอีกเรอ่ื ย ๆ หนึ่ง 183

เซลลก ลายเปนสองเซลลท กุ ครัง้ จากกลุมเซลลกลายเปน กอ นเซลลซ ่ึงโตข้นึ ๆ ขนึ้ กลายเปน รา งกาย ประกอบดว ยเซลลหลายชนดิ ซง่ึ ตา งกม็ ีลกั ษณะจําเพาะ เชน เซลลก ระดกู ทําหนาที่สรา งกระดูก เซลลก ลา มเนอื้ ทาํ หนา ทหี่ ดตัว เซลลค อมทําหนาที่หลงั่ นํา้ หลั่ง ฯลฯ เซลลแ ตล ะประเภทตางก็แกแ ละตายไป แลว กม็ เี ซลลใ หมเ กิดขน้ึ มาแทน (โปรดอานเรื่อง “อนจิ จัง ตามความรทู างวทิ ยาศาสตร” ) เรายังไมมวี ธิ ที จ่ี ะพสิ ูจนวา เซลลทเ่ี กิดขนึ้ มาแทนทเ่ี ซลลเกา น้นั มี ลักษณะเหมอื นกับเซลลเ ดิมทุก ๆ อยา ง หรอื มีอะไรดอ ยลงไป แตเรารวู า เมอื่ อายุกา วไปถึงขีดหนง่ึ เซลลท ่ีเกดิ ขน้ึ มาทหี ลังนน้ั มลี กั ษณะบางอยา งตกตํา่ ลงไปและตกตํา่ ลงไปโดยลาํ ดบั ในที่สดุ รา งกาย โดยสวนรวมจงึ แสดงลกั ษณะและอาการของชราภาพใหเหน็ แทท จ่ี ริงนนั้ ลักษณะและอาการเหลานเี้ รมิ่ แสดงตวั ในระยะตาง ๆ กันและกอ นหนาทจ่ี ะเหน็ วา รา งกายแก แตเราสงั เกตไดช ดั เจนเฉพาะบางอยา ง ยกตวั อยางเชนอตั ราการเติบโตของรางกายเร่ิม ลดนอยลงต้งั แตอายหุ กเจด็ ขวบ ถงึ แมวาการเพ่มิ ความสงู ของรางกายยังดําเนนิ ตอ ไปอกี จนอายุ ยส่ี ิบปห รือกวานนั้ เลก็ นอ ย สมรรถภาพทางกายทอี่ าจเพิ่มพนู ขนึ้ ไดดวยการฝกซอม จะขนึ้ ถงึ ระดบั สูงสดุ ในประมาณอายยุ ี่สบิ หา ป หลงั จากนนั้ ไปความสงู อาจเพิม่ พูนไดก ็ลดนอ ยลงเปน ลําดบั ท้งั สอง อยา งทกี่ ลา วน้อี าจถอื ไดวา เปนอาการแสดงของความแก ในแงของการเตบิ โตและในแงข องการ เพม่ิ สมรรถภาพ ในปจ จบุ นั นย้ี งั ไมสามารถชล่ี งไปอยา งแนชดั วาอะไรเปน เหตุของความแก รแู ตว า เซลลมกี ารเส่ือม เกิดขึ้น และการเสื่อมของเซลลต า ง ๆ นาํ มาซึ่งลักษณาการของความแก ในทนี ้จี ะกลาวโดยสรปุ ถงึ การเปลี่ยนแปลงสําคัญ ๆ ทางกายและทางสรีรวทิ ยาท่เี กดิ ขน้ึ เมือ่ คน เปลย่ี นจากหนมุ เปน แก ขอ แรกคอื เนอ้ื ชนิดตาง ๆ มนี า้ํ เปน องคป ระกอบนอยลงไป ทาํ ใหสว นนนั้ ๆ มีลกั ษณะแหง เหี่ยวและ กระดา ง ขอ นเ้ี หน็ ชดั ท่ผี ิวหนงั ขอทส่ี อง สารประเภทอนิ ทรยี ในอวัยวะบางอยางลดนอยลงไป สารประเภทอนนิ ทรยี เ พมิ่ มากขนึ้ โดยเปรยี บเทียบ ทาํ ใหมคี วามยดื หยุน นอยลงมคี วามเปราะมากขึน้ ตวั อยา งทเ่ี ห็นเสมอ ๆ คอื ความมักงายของกระดูกในคนแก ขอทสี่ าม เนอ้ื ยดื เสรมิ ท่ปี ระกอบดวยเสน ใยเหนยี ว มเี พิม่ มากขนึ้ ในอวัยวะตา ง ๆ ทําใหเนอ้ื แทข อง อวยั วะนน้ั ๆ มนี อ ยลง และการทาํ งานมสี มรรถภาพตา่ํ ลง การเปล่ียนแปลงนเ้ี กิดขนึ้ ในอวยั วะ ภายในโดยทัว่ ไปในผทู ่ีสงู อายมุ าก ๆ 184

ขอทสี่ ่ี อวยั วะสวนมากมธี าตหุ ินปูน (แคลเซียม) ไปเกาะ ทําใหกระดา งและยดื หยนุ นอย การ ทํางานผิดแผกไปจากปกติ ตัวอยางที่ทราบกนั โดยแพรห ลายคือสภาพหลอดเลอื ดแขง็ ซึง่ เปน สาเหตขุ องโรคคนแกห ลายอยา ง เชน ความดนั เลอื ดสงู ไตพกิ าร ความคิดอานเช่อื งชามนึ ซมึ อาการ หตู งึ และหหู นวกในคนแก สว นมากเกิดจากหนิ ปนู ไปจบั ที่กระดกู เยอ่ื หูทาํ ใหตดิ กนั แนน จนถา ยทอด คลืน่ เสยี งไมไดดี อาการขอ ตึงและเจบ็ มกั เกดิ จากหินปูนไปเกาะหรอื จบั เปน กอนทรี่ อบ ๆ หรือ ภายในขอ ขอ ทหี่ า การหลอเลย้ี งอวยั วะตา ง ๆ ลดตํา่ ลงไป เปนเหตุใหสมรรถภาพตกตาํ่ ตามไปดว ย การหลอ เลีย้ งทีส่ ําคญั กวา อ่นื คอื เลือด ในคนแก ปรมิ าณเลอื ดทีไ่ หลผา นอวัยวะมนี อ ยลงและปริมาณ ออกซิเจนย่ิงนอยมากลงไปอีก ปรมิ าณเลอื ดไหลผา นลดลง เพราะเหตุหลายอยาง ที่สําคญั คือ หลอดเลอื ดมรี ูเล็กลง เน่อื งจากการตีบบาง จากการทผี่ นงั แขง็ กระดางบาง จากการหดเกร็งบา ง สว นการทีก่ ารหลอ เล้ียงดว ยออกซิเจนลดลงนน้ั นอกจากเพราะเลือดไหลนอยแลว ยังเก่ียวกบั การที่ เลือดจางลงเพราะการสรา งเลอื ดเช่อื งชา และเพราะขาดอาหาร กลา วไดว า ความบกพรองในระบบไหลเวียนเลอื ดเปน เหตสุ าํ คญั ท่ีสดุ เหตุหนึง่ ของความเส่ือมในคน แก นอกจากนีก้ ม็ ีเหตทุ างความบกพรอ งอ่ืน ๆ เชนการกนิ และการยอยอาหาร การขับถาย การ ทํางานของตอมไรท อ เปนตน การเปลย่ี นแปลงไปในทางไมด ีเหลา น้ี เปน เรอื่ งทีเ่ ราบังคบั ไมได เพราะเปน ไปตามหลกั ไตรลกั ษณ ผลของการเปลยี่ นแปลงคอื ทุกขต าง ๆ ในวยั ชรา ดังท่อี า งในตอนตน และทําใหเกดิ ทุกขท างใจตอ ไป อกี ดังท่ีมีผสู รปุ ไววา ตวั เกลยี ดตนเอง คนอื่นรงั เกยี จ มีความเบ่อื หนายสง่ิ ทง้ั ปวง และมีความ ลําบากใจในเร่ืองทั้งหลาย ยง่ิ แกมาก ทกุ ขเ หลา นีก้ ็ยง่ิ มากขน้ึ เวน เสยี แตจ ะรทู นั และปลงตกวา ทกุ ข เหลานีเ้ ปน เรอ่ื งที่เปนไปตามเหตุ ไมไดเ กีย่ วอะไรกบั ตวั เราโดยตรง ทกุ ขสดุ ทายทท่ี ุกคนตอ งเผชญิ ในภพนคี้ ือความตาย ทุกขใ นตอนนแี้ ยกไดเปน ทกุ ขใจและทกุ ขกาย สาํ หรบั คนสว นมากทกุ ขใจเปน ผลของความหวงหลงั บวกกบั ความกลัว ความหวงหลังไดแ กหวง ทรพั ยสมบตั ิและหว งครอบครวั สวนความกลัวนน้ั เกิดจากการทีไ่ มท ราบวาตายแลวจะเปน อยา งไร ตอไป ถาแนใ จวา ตายแลวจะไปดี ความกลัวกค็ งจะไมมี คงจะเหลือแตค วามหวงใย ถาตดั ใจไดเสีย อีกวา ทรพั ยส มบัติไมใ ชเ ปน ของเรา และวงศาคณาญาติทง้ั หลายยอมเปน ไปตามกรรมของเขา ความหว งกค็ งจะหมดไปได ทนี ีก้ ็เหลอื แตท กุ ขกาย ผทู ่ีตายอยา งปจจุบนั คงจะมที ุกขในตอนนนี้ อ ยกวาผทู เ่ี จ็บเรอื้ รงั เราถือกนั วา ตายอยา งน้ันมบี ญุ กน็ า จะถูกตอง บางคนตายชา แตในตอนทายหมดความรูสกึ ไปกอ น กค็ งจะไมม ี ทกุ ขมากนกั ผทู มี่ ที ุกขม ากไดแกผ ทู ่ีคอ ย ๆ ตาย และตายดวยเหตทุ ที่ าํ ใหเ กดิ ทุกข เขนมคี วาม เจบ็ ปวดมกี ารหอบเหน่ือยเปน ตน ในตอนทา ยกค็ งจะเหมือน ๆ กนั ทกุ คน คอื สมองไดร บั ออกชิเจน เลย้ี งไมพอ ทําใหห นามดื วาบหววิ ตามวั จนมดื หดู ับ รูส ึกเพลยี จนหมดแรง ในทสี่ ดุ หมดความรสู กึ 185

และผานพนไปจากภพน้ี สําหรบั คนทมี่ ีความกลัว ในตอนทา ยนีก้ ็คงจะตกใจและไดร บั ทุกขอยางมาก เพราะรวู ากําลังจะตาย ผูท มี่ สี ติและระงบั ความกลัวไดค งจะเคลอ่ื นทไ่ี ปอยางสงบ และบางคนซึ่ง เปน โรคทท่ี าํ ใหเ ดือดรอน อาจจะกลบั รูสกึ วา ตอนตายน้สี บาย เพราะความเดอื ดรอนทีม่ อี ยนู น้ั หาย หมดไป เนื่องจากสมองหยดุ ทาํ งาน ตองขอเรยี นวา ทเ่ี ขยี นนี้เขยี นตามหลกั วชิ า เพราะผูเขยี นจาํ ไมไ ดว า เม่อื ตายครัง้ กอน ๆ น้นั มคี วาม เปน ไปอยางไรบาง พระอาจารยฝ น อาจาโร วัดอุดมสมพร จังหวดั สกลนคร เวลาสอนกัมมฏั ฐาน ทา นเนน เสมอวา ทุก คนจะตอ งผา นมหายทุ ธสงครามคอื การตาย ทา นใหฝกตายเอาไว คือหดั ทาํ สมาธจิ นสามารถทําจติ แนวแนไ ดใ นยามวิกฤติตา ง ๆ อยางคลองแคลว เมอ่ื ถงึ คราวจะตายจะไดส ามารถกมุ สติ และ สามารถต้งั ความรูไ ดว าความตายเปนเร่อื งธรรมดา เปน เพยี งการเปลีย่ นภพ เหมือนกบั การยา ย บา น ไมมีอะไรนา กลวั ทห่ี นากลัวคอื ภพตอไปจะเปน อยางไร ในขอนท้ี านกใ็ หห ลักไวอีกวา “ไมต อ งไปหว งอนาคต ไมต อ งไปหว งอดตี ทาํ ปจ จบุ นั ใหด ไี ว แลว ทกุ ๆ อยา งกด็ ที งั้ นนั้ ” ถา ทําไดตามทท่ี านสอนน้ี แมความตายซึ่งทุก ๆ คนถอื วา เปนทุกขห นักท่ีสดุ กด็ ไู มค อ ยนา กลัว เทาไรนกั ถงึ ทกุ ขอ ืน่ ๆ กเ็ หมือนกนั ถาเช่ือและปฏบิ ัตติ ามคําสอนของพระสัมมาสัมพทุ ธเจา ศกึ ษา อบรมตนเองใหเหน็ แจง ถอ งแทว า ทุกขก ็เปน แตท กุ ข มีเกดิ กต็ องมีดบั เกิดขึ้นก็เพราะมเี หตุ หมด เหตกุ ็ดบั ไป ไมไดต ดิ อยทู เ่ี รา ไมไ ดเ ปนสวนหนึง่ สว นใดของเรา เชน น้ีเมอ่ื ทกุ ขเ กดิ ขน้ึ ก็จะสามารถ ระงบั หรือบรรเทาไดด ว ยความรทู นั จติ ใจไมเดอื ดรอ นตามไปดวย พระบรมศาสดาของเราทัง้ หลาย ทรงสอนลวนความจริงแทและทรงชีท้ างปฏิบตั ิลว นไดผ ลแนน อน พงึ ปฏบิ ตั ิตามโดยเต็มใจและเต็มกําลังเพอื่ ความหลุดพนแหงตนเอง. .................................. 186

อนตั ตา - พจิ ารณาทกี่ าย โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห พระพทุ ธศาสนามลี กั ษณะพเิ ศษหลายประการ เชนความมีเหตุผล และความทนตอ การ พิจารณาแยกแยะดว ยความรู ในสมยั ทคี่ วามเจรญิ ทางวิทยาศาสตร และการผนั แปรของ แนวความคิดไปในเชงิ วทิ ยาศาสตร ไดท ําใหศาสนาหลายศาสนาเกิดความปนปวนในดาน เสถยี รภาพ ศาสนาพุทธกลบั ไดร บั ความสนใจจากผมู ีความรูสูงมากข้นึ และไดร บั การยกยอ งโดย แพรห ลายวาเขา กันไดอ ยา งดีกบั วิทยาศาสตร ทงั้ นีก้ เ็ พราะพระบรมศาสดาของเรานน้ั ทรงเปน พระ สัพพญั ู และคาํ สอนของพระองคเปน สจั จะความจรงิ แท จะขุดคุยสักเทา ไรกไ็ มพ บความบกพรอง โดยเนื้อแทนนั้ ไมมขี อใดจะขดั ขวางกบั ความเจรญิ ในทางวทิ ยาการทนั สมัย ผูทม่ี คี วามสงลยั ในพทุ ธศาสนานน้ั สว นมากเปน เพราะไมไ ดพจิ ารณา หรอื ไมส ามารถจะพจิ ารณา ขอธรรมตา ง ๆ ใหละเอยี ดลกึ ซ้งึ ลงไปจริง ๆ ยกตัวอยางเชน คําสอนเรอื่ ง “อนตั ตา” ซ่งึ คนสวนมาก ยอ มไมอ าจจะเขา ใจไดถาฟงแตเพยี งเผนิ ๆ เพราะเน้อื ความขัดกับความรสู ึกโดยธรรมดา แตถา พจิ ารณาใหรอบคอบโดยนัยแหงเหตผุ ลทที่ รงแสดงไวกค็ งจะรบั ได และถาหากนําความรทู าง วิทยาศาสตรเ ขามาประกอบดว ย ก็จะยง่ิ เหน็ จรงิ และเขา ใจแจมแจง ยิ่งข้ึน. คําสอนเรอ่ื ง “อนัตตา” ปรากฏในอนัตตลักขณสตู ร ซง่ึ ทรงแสดงโปรดพระปญ จวัคคียท ี่ปา อสิ ปิ ตน มฤคทายวนั ใกลเมืองพาราณสี ในพระสตู รนที้ รงแสดงวาขันธห าเปน อนตั ตา คอื เปน ไปเพอ่ื ความ ลําบาก เราไมสามารถจะเลือกใหไ ดถ ูกใจ และไมส ามารถจะบังคับใหเ ปน ไปงามความตอ งการ ทงั้ ยังไมเ ที่ยงและเปน ทุกขอีกดวย เราจึงไมค วรจะยดึ วาเปน ตัวตนของเราหรอื เปน ของ ๆ เรา ควรจะ เห็นวาเปนของนา เบ่ือหนายและควรตัดความกาํ หนดั ยนิ ดใี นขนั ธห า เสีย จะไดบรรลุถึงความหลดุ พน เมอ่ื พระปญ จวคั คียไ ดสดบั พระธรรมเทศนานแ้ี ลว จิตของทานกเ็ ลิกยดึ ม่ันในขนั ธ หมดความ กําหนดั ยินดี และไดบ รรลุอรหตั ผล นบั วา พระสูตรนม้ี ีอานสิ งสม ากโดยแท. พิจารณาโดยเนอื้ หา เหน็ ไดวา ทรงแสดงเหตุผลสําคญั สามประการ ที่เราไมส มควรจะยดึ ถอื ขนั ธหา เปนตัวตนหรือเปน ของของเรา คือ ประการทห่ี น่ึง เราไมส ามารถจะเลือกเอาตามความพอใจได ประการทส่ี อง เราไมสามารถจะบงั คับใหเ ปน ไปตามทเ่ี ราอยากใหเ ปน และ 187

ประการทส่ี าม “เปนไปเพื่ออาพาธ” ถา หากเปน สิง่ อนื่ ไมใ ชขนั ธห า “ของเราเอง” เรากค็ งจะพอรบั เหตผุ ลนีไ้ ดโดยไมยาก เชน ถา เรามสี ุนขั อยูต วั หนึง่ เขา มาอาศัยอยกู ับเราโดยเราไมไ ดเ สาะหา ซํ้า เมื่อมาอยูกบั เราแลว ยังดอื้ ดานและขีโ้ รค ทําความลําบากตา ง ๆ นานา เชน น้ี เราคงไมย อมรับวา เปนสนุ ขั ของเราและคงจะรีบจดั การเอาไปปลอ ยเสยี ในโอกาสแรกทจ่ี ะทาํ ได แตเมอื่ เปนเรอ่ื งเก่ยี วกบั “ตวั ของเราเอง” กเ็ ปนการยากมากท่จี ะรับเหตุผลทที่ รงแสดงไว โดยเฉพาะอยา งยงิ่ จะตองถอื วา “รูป” กายนีเ้ ปน ของเรามาแตเกิด และเรากใ็ ชใหท ําการงานอะไรๆ ได แลวไฉนจะวาไมใชข องเรา และเราบังคบั ไมไ ด แทจรงิ นนั้ เราบังคบั รางกายของเราได กแ็ ตเฉพาะในบางเร่อื งเทา น้ัน คือเรอื่ งการกระทําหรอื ประกอบ “กรรม” ตา ง ๆ สว นการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดขนึ้ ตามกฎเกณฑข องธรรมชาติ เชน การเตบิ โต และการแกไ ปตามวนั เวลา เราไมมที างบงั คับหรอื ขัดขวางไดเลย พูดตามเหตผุ ลธรรมดา รปู กายท่ีเรามีมาตงั้ แตเ กดิ เราก็ไมไ ดเปน ผูเลอื ก เราไดมาจากบดิ ามารดา แตท านท้งั สองก็ไมไดเ ลอื กใหเ รา เพราะทานไมส ามารถจะเลือกได มิฉะน้ันคงจะไมมเี ดก็ เกดิ มาวิกล วกิ าร ทกุ ขณะทีเ่ รามชี วี ติ อยู รา งกายเปลยี่ นไปเรือ่ ย ๆ (โปรดอานเรอ่ื ง “อนจิ จงั ตามความรทู าง วทิ ยาศาสตร ในหนงั สอื ธรรมจกั ษุ พ.ศ.๒๕๐๒) โดยอาศยั วัตถุทเ่ี ราไดม าจากอาหาร ซึง่ มาจากคน อ่ืน จากสัตว และจากพชื วัตถุเหลา นี้ไมไดอ ยูต ลอดกาลในรางกายของเรา แตถกู ทาํ ลายและถายเท ออกไป แลว ก็เวยี นกลบั เขา มาใหม ท่กี ลา วนีก้ ลา วตามความรูซึ่งเปน รากฐานของวิชาแพทยแผน ปจจบุ ัน เพอื่ ความเขาใจโดยแจม แจง ยิง่ ขนึ้ จะไดข ยายความในหัวขอ ตา ง ๆ ตามลําดบั . ในชน้ั ตน ควรทราบวา รปู กายเกดิ ขน้ึ ไดอ ยา งไร ทางพระพุทธศาสนากลาววา สตั วบังเกิดไดดวยองคส าม คือบิดามารดาอยูรว มกนั มารดามรี ะดู และ “ปฏิสนธจิ ติ ” เขา มาสมทบ หากมีครบเชนนี้ รปู กายกเ็ จริญไปโดยลาํ ดบั คาํ บรรยายความ คลีค่ ลายของรปู ท่ีเกดิ อยใู นครรภของมารดาตามทป่ี รากฏในพระคัมภรี นน้ั ละเอียดลออ และตรงกบั ความรูท างวทิ ยาศาสตรอ ยา งนาพศิ วง แตในดานวทิ ยาศาสตรไ มม คี วามรเู กย่ี วกบั ปฏสิ นธิจติ มคี วามรแู ตเรอ่ื งกาย คือรูวา ลกู เกิดจากการ ผสมของไขท ่ไี ดมาจากมารดา กบั ตัวเชอ้ื ทไี่ ดจ ากบิดา เซลลหรอื หนว ยชีพทเี่ กิดจากการผสมน้ีโตข้นึ และแยกตวั ออกเปน สองเซลล แตละเซลลโตและแยกออกเปนสองตอ ไปอกี แลว กต็ อไปอกี โดย ลําดบั เซลลร วมกนั เปน กลุม กอ น กลายเปน สวนตา ง ๆ และอวยั วะตา ง ๆ อยา งมรี ะเบยี บและตาม กฎเกณฑแ นน อน 188

ในสปั ดาหท ่ีสี่หลงั จากการผสมเชอื้ มปี มุ งอกออกมาหา ปมุ ซงึ่ ตอมาเจริญขน้ึ เปน ศีรษะและแขนขา ในสว นลําตัวเกิดเปน อวยั วะตาง ๆ ขนึ้ มรี ะบบประสาท หัวใจและหลอดเลอื ด ปอด กระเพาะอาหาร และลาํ ไส ตับ มาม ไต อวยั วะสบื พันธุ นัยนต า หู จมกู ลนิ้ ฯลฯ ในปจจุบนั วิทยาศาสตรย งั ไมท ราบชดั วา พลังอะไรเปนตัวบงั คับการงอกของสว นตา ง ๆ เหลา น้ี แต เขา ใจวา เก่ียวของกบั สวนประกอบของ “เมด็ ใน” (นเู คลยี ส) ของเซลลท ่ีเรยี กวา “โครโมโซม” ซึง่ รู แนว า เปน ตัวกําหนดเพศของลกู และเปนตัวนําลักษณะตา ง ๆ จากพอ แมไปยังลูก โดยการทดลองใน พืชและสัตว เราทราบวาลักษณะทางกายของลกู ขึ้นอยกู บั ลักษณะทางกายของพอและของแม แต เปน ท่ปี รากฏเพียงบางสวน ไมใ ชท ั้งหมด ผลของการผสมโครโมโซมของพอกับของแม ไมใชเปน เร่อื ง ตรงไปตรงมาเสมอไป อาจมที แี่ ตกตา งความคาดคะเนก็ได เชน พอ เต้ยี แมเ ตีย้ แตลกู สงู ขอ นี้ วิทยาศาสตรอ ธบิ ายวา ในโครโมโซมของแตล ะคนมีสวนประกอบทเี่ รียกวา “ยนี ” อยูมากมาย ซ่ึง เปน ตวั ตน เหตขุ องลักษณะตา ง ๆ ยนี อยางหนง่ึ กเ็ ปน ตน เหตขุ องลักษณะอยางหน่งึ บางอยางกเ็ ปน ตนเหตขุ องโรคกรรมพนั ธุ. ยีนท้ังหมดแบงออกไดเปน ลองพวก พวกหน่งึ เห็นพวกทแี่ สดงผลใหป รากฏ เรยี กวา “พวกเดน” อีก พวกหนึง่ ไมแ สดงผลใหป รากฏในปจ จบุ นั แตอ าจแสดงผลในอนาคต คือในชน้ั ลูกหรอื หลานเหลน พวกหลงั น้ีเรยี กวา “พวกดอย” ยนี พวกน้ีกอ็ ยใู นโครโมโซมนน่ั เอง ไมไ ดห ายไปไหน แตไ มแ สดงผลในชน้ั ปจ จบุ นั เมือ่ บุคคลผทู ่ี กลาวถึงนี้ไปแตง งานกบั คนทมี่ ี “ยีนดอย” แบบเดียวทนั ยีนดอ ยจากพอและจากแมรว มกัน อาจ กลายเปน “ยนี เดน ” และแสดงผลใหป รากฏได ดงั นนั้ ในตวั อยางทพ่ี อ เตีย้ แมเ ตยี้ แตล ูกสงู ก็ อธบิ ายไดวาทง้ั พอ และแมมี “ยีนสงู ” อยูในตวั แตเ ปน “พวกดอย” จึงไมแสดงผล คร้นั ยนี ดอยทง้ั สองมารว มกนั เขา ในลกู กลายเปน “เดน” ข้ึนมา ลกู จงึ สูง ลักษณะทางใจอธบิ ายเชน เดียวกัน ถา พอ ฉลาด แมฉลาด ลูกกน็ า จะฉลาด แตก ็อาจจะปานกลางหรือโงก็ได ตรงกนั ขาม พอแมท ่สี มองทบึ อาจมีลกู ทส่ี มองปราดเปรยี วกไ็ ด. มผี เู ชื่อวา ยนี เก่ียวขอ งกบั การเจริญของรา งกายขณะลูกอยูในครรภดวย เพราะมคี วามพิการทาง รปู รา งบางอยางท่เี ปน กรรมพนั ธุ คือถา ยทอดไปไดในทางยนี ถาหากทุก ๆ อยางดําเนนิ ไปโดย เรยี บรอยและถกู ตอ ง ลกู ก็คลอดออกมาดวยรปู รา งปกติ ถามีอะไรผิดแผกไปแมเ พยี งเล็กนอ ยใน ตอนใดตอนหน่ึง ลูกกม็ รี างกายพิกลพิการไปตามเหตุ เชน ปากแหวง เพดานโหว ผนงั กนั้ หอ งหวั ใจมรี ู ทะลุ ไมม ีแขนขาหรอื มือเทา ไมม ตี า ไมม ศี รี ษะ ฯลฯ นอกจากนล้ี กั ษณะจาํ เพาะบางอยา งของบคุ คล เชน ความแขง็ แรง ความอดทน ความออนแอ ความขโ้ี รค ตลอดจนโรคบางอยางท่ีเกิดมาพรอ มกับ ตัว ก็เปนเรือ่ งท่ีเกี่ยวกับยนี สรุปวา ในทางวิทยาศาสตร รปู รางและลักษณะบางประการเก่ียวกบั “สงั ขาร” (หมายความถึง ลักษณะของรา งกายทง้ั ในทางรปู และทางหนาท่)ี เปนเร่อื งที่กําหนดมาตงั้ แตก ารปฏสิ นธิ คือการ 189

ผสมระหวา งเชือ้ ของบดิ า กบั ไขของมารดา เพราะฉะน้ันบคุ คลท่ีเกิดขนึ้ ใหม คอื ลูก นนั้ ยอ มไมมี โอกาสที่แกไขดดั แปลงได ดวยความต้งั ใจ หรือปรารถนา อยางใดทง้ั นนั้ สวนความพิการหรอื โรคท่ี เปน มาแตกําเนิดนน้ั ตามธรรมดา อธบิ ายวาเปนเพราะการบังเอญิ เชน ถาสวนที่จะประกอบเปน ปาก มาประสานกันไมดี ก็มลี ักษณะปากแหวง หรอื ถาเนื้อสวนใดงอกนอยไปก็เกดิ เปน ชอ งโหวข น้ึ วทิ ยาศาสตรก าํ ลงั เสาะหาคาํ อธบิ ายสาํ หรบั เหตุของการบงั เอิญเหลา น้ี ในฝายพระพุทธศาสนาถอื วา กรรมยอ มจําแนกสตั วใหเ ห็นไป ผทู ที่ ํากรรมดีไวม าก ยอ มไปเกดิ ในทด่ี ี ซงึ่ หมายความรวมถงึ การมรี ปู รางดี สวยงามและสมบูรณเ ปน ปกติ ผทู ที่ าํ กรรมไมด ไี วม าก ยอ มไปเกดิ ในท่ไี มด ี ซ่ึง หมายความถึงการมรี ูปรางพกิ ลพิการหรอื ผดิ ปกตดิ วย โดยหลักนี้ อธิบายไดวา ผูทท่ี าํ บาปกรรมไว ซงึ่ จะนําใหปากแหวง กรรมกจ็ ะสง ใหไปจตุ ใิ นครรภ ซึง่ มไี ขแ ละตัวเชอ้ื ซ่ึงผสมกันเขา แลว จะไดลกู ซ่ึง มีปากแหวง หรอื วา กรรมนนั้ ๆ ไปขดั ขวางการเจรญิ ของเนือ้ สว นรมิ ฝป ากบน ทาํ ใหป ากแหวง เพราะฉะน้ันตามความเขา ใจในฝายพระพทุ ธศาสนา ความพิการแตกําเนดิ มไิ ดเกิดจากการบงั เอิญ หรืออุบัติเหตุ แตเ กดิ จากกรรม ใครจะยดึ ถืออยางไหนก็ตาม ยอ มจะเหน็ ไดวาลกู ทเี่ กดิ ขนึ้ มานั้นไมมที างทจ่ี ะเลอื กรปู กายใหได ตามใจ ตามความรทู างวทิ ยาศาสตร. ความพกิ ารหรือไมพ ิการเกิดข้นึ เสยี กอนท่คี วามรูสกึ นกึ คิดจะ เกดิ ในฝายพระพทุ ธศาสนา บุคคลจะไดร ปู อยางใดกแ็ ลวแตกรรม ไมมที างเลอื กเหมือนกัน นอกจากจะทําความดีไวมากพอ จึงจะหวงั ไดว าจะไปเกดิ ในรูปกายท่ดี ี เปน ผลของอดตี ไมใ ชป จ จบุ ัน นค้ี ือ “รูปเลอื กไมได” วิทยาศาสตรเ ชอื่ วา รางกายทคี่ ลอดออกมาแลวน้ัน เตบิ ใหญต อไปดว ยอาํ นาจของน้ําเล้ยี งภายใน เรียกวา “ฮอรโ มน” ซึ่งมตี อ มจําพวกทเี่ รยี กวา “ตอมไรท อ ” เปน สว นทาํ หนา ท่ผี ลติ ฮอรโ มน แตล ะ อยางมหี นา ท่จี ําเพาะ เกย่ี วกบั รูปรา งกม็ ี เก่ยี วกบั งานของอวัยวะก็มี ฮอรโมนอยา งหนงึ่ มหี นาท่ี เก่ยี วกบั ความยาวหรอื ความสูงของรา งกาย ถา มมี ากไปกอ็ าจทําใหร า งใหญเ ปน ยกั ษ ถามีนอ ยไป ก็ ทําใหต วั เตีย้ เล็กเปน คนแคระ ฮอรโมนอีกอยางหนง่ึ มหี นา ท่ีเรงการเผาผลาญและการใชพลังงาน ของรา งกาย ถามมี ากเกินไป กท็ ําใหผ ายผอม ตวั รอ นอยเู สมอ ประสาทต่นื เตน ขี้กลวั ขี้โกรธขต้ี กใจ ถา มีนอ ยไป รางกายอว นฉุ ผวิ หนังหนาแขง็ ตวั เยน็ ทาํ อะไรยดื ยาด ความคดิ อา นเชอื่ งชา ฮอรโ มน อยางอ่นื กท็ าํ หนาท่ีอยางอืน่ เชนควบคุมการหลง่ั นาํ้ ยอยอาหาร การหลง่ั ปส สาวะ การใชน าํ้ ตาลใน รางกาย ความเจรญิ ของรางกายเกีย่ วกบั เพศและการทําหนา ทเ่ี กย่ี วกับเพศ เปน ตน ถาตอมที่ผลติ ฮอรโมนทาํ หนาทผ่ี ิดไป รา งกายก็ผิดปกติตามไปดวย ในทางรูปรางหรอื ในทางการ งานกแ็ ลว แต การทาํ งานของตอ มไรท อนไี้ มอยใู นอํานาจของจติ ใจ หมายความวาบุคคลไมส ามารถ จะบงั คับควบคมุ ได ตอ มทาํ งานไปตามเหตกุ ระตนุ หรือเหตุยบั ยง้ั โดยกฎของธรรมชาติ ถา มีเหตุ กระตนุ กท็ าํ งานมาก ถามเี หตรุ ั้งก็ทํางานนอ ย รางกายก็ผันแปรตามไป จิตใจไมส ามารถจะหกั หาม หรอื เรง เราอยางไรได 190

นอกจากน้ี สว นประกอบของอาหาร ก็มสี วนสําคญั ในการงอกงามของรางกาย โดยเฉพาะอาหาร ประเภท “ธาตเุ นอื้ ” (โปรเทอนี หรือโปรทนี ) เปนตัวท่ีใชสรา งเซลล ถามไี มพอเพยี งก็ยังผลให รา งกายแคระแกรน ไมเตบิ โตอยา งคนปกติ วิตามนิ ซ่ึงมอี ยใู นอาหารตามธรรมชาติ กม็ หี ลายอยาง ที่มีอทิ ธพิ ลถงึ รปู ราง โดยเฉพาะวิตามนิ “เอ” เปน สารกระตุนการเตบิ โตของรางกาย ถา ขาดไป การ เจรญิ ทางรปู กช็ ะงกั .วิตามนิ “ดี” เก่ียวกับการเกาะของหนิ ปนู ทก่ี ระดูก ถาขาดไปก็เกิดโรคกระดูก ออน โครงรา งโคง คด วิตามิน “ซี” มีหนาทเ่ี กยี่ วกบั การเผาผลาญ ถาไดร ับไมพ อ รา งกายกเ็ กิดการ วปิ รติ ในการทาํ งานโดยทั่วไป ท้ังยังเปนเหตุใหเกดิ โรคลักกะปดลกั กะเปด อกี ดว ย ถาพจิ ารณาตามหลักวิชาวทิ ยาศาสตรด งั แสดงมานี้ ยอ มเห็นไดวา รางกายทเ่ี รารบั มาโดยเลอื กเอง ไมไดนน้ั ยอ มเปน ไปตามกฎเกณฑข องธรรมชาติ คอื ตามการทาํ งานของตอมไรท อ ทีผ่ ลิตฮอรโมน รวมกับการหลอ เล้ียงดวยอาหารและวิตามนิ .ทง้ั หมดนี้จติ ใจไมส ามารจะแสดงอทิ ธพิ ลใด ๆ ใหเ ปน ตามท่ตี อ งการ เวน แตใ นการคัดเลอื กอาหาร แทจ รงิ นน้ั จติ เปนเพียงผอู าศยั เทาน้ัน นค้ี ือ “รปู บังคบั ไมไ ด” ความเปนไปของรา งกายของเรานน้ั ตอ งอาศยั การทาํ งานและการรว มงานของอวยั วะใหญนอ ยทม่ี ี อยู อวัยวะแตล ะอยางยอมมีการติดตอ เกี่ยวพนั ไปถงึ อวยั วะอืน่ ๆ ท่ัวรางกาย ไมท างตรงก็ทางออ ม เม่ืออยางใดอยางหนึ่งทาํ งานผิดปกตไิ ป อยางอนื่ ๆ กพ็ ลอยถูกกระทบกระเทือน ถาจะเปรยี บ รา งกายเหมอื นกบั นาฬิกาเรอื นใหญก พ็ อจะได ตัวจกั รแตล ะตัวมหี นาท่ีจาํ เพาะและมบี ทบาทในการ เดินของนาฬิกา ถาตัวหน่งึ หกั ไป ตวั อื่น ๆ ก็พลอยทาํ งานผดิ ปกติไปดวย บางทนี าฬิการางกายมกี ลไกสลบั ซับซอนและพสิ ดารสาํ หรบั ควบคมุ งานไปตามหนา ที่ และรักษาดลุ ตาง ๆ ใหร า งกายสามารถทรงความเปน อยอู ยา งปกตไิ ปไดเ รอ่ื ย ๆ แตดลุ เหลา น้ีกท็ าํ งานไดใ น ขอบเขตจาํ กัด ถา ความผดิ ปกตทิ ่ีเกดิ ขน้ึ นนั้ มากนัก ดลุ ท่กี ลาวนก้ี ็อาจกวดั แกวง มากเกินไปจนไมค นื กลบั การทาํ งานของอวัยวะทเี่ กี่ยวของตอ งหยดุ ชะงกั ชีวติ ก็อาจถงึ ทส่ี ดุ ดลุ เชน นที้ ี่เหน็ ไดง า ยทส่ี ดุ คือ “ดุลความรอ น” ภายในรา งกายมีการเผาผลาญอยูตลอดเวลา เพราะอวยั วะตอ งทํางาน และ การทํางานนีต้ องใชพลงั งาน ซึง่ ไดจากการเผา (ออกซิไดซห รือเตมิ ออกซิเจน) ธาตอุ าหาร ดงั นนั้ ใน รา งกายจงึ มีการกอ ความรอ นอยตู ลอดเวลา คลา ยกบั โรงงานใหญ ๆ ปริมาณความรอนทเ่ี กดิ ขน้ึ นี้ ระหวางท่ีพักอยเู ฉย ๆ คํานวณไดใกลเคียงกบั ความรอนทอ่ี อกมาจากหลอดไฟฟา ๑๐๐ วตั ต ถา มี การทํางาน ความรอ นกม็ ากขนึ้ ไปตามปริมาณงานที่ทาํ รางกายตอ งกาํ จัดความรอนนออกไป มฉิ ะนน้ั ไมช า ตัวก็จะรอ นมากจนกระทัง่ ชีวิตอยไู มไ ด การกาํ จัดความรอนนอ้ี าศยั กระแสเลอื ด นําความรอ นจากภายใน ออกมาที่ผวิ หนงั แลวปลอ ย ออกไปทางนนั้ ดว ยวิธีตาง ๆ การหลัง่ เหง่ือเปน วธิ ีการสาํ คัญทชี่ ว ยระบายความรอน เพราะการ ระเหยของเหงอ่ื ใชความรอ นมาก ดังนน้ั เวลาอากาศรอ นหรอื เวลาเราทําการงาน จึงมกี ารหลั่งเหง่ือ เกดิ ขึ้นและมากนอ ยไปตามปรมิ าณงานทีท่ ําหรอื ความงอนของอากาศ ถาในรางกายมกี ารกอความ รอ นมาก ก็มกี ารกาํ จดั ความรอ นออกไปมาก ถา มกี ารกอ ความรอ นนอย การกําจดั ความรอ นก็ 191

นอยลง นีค้ อื “ดลุ ความรอน” ซ่ึงในเวลาปกตริ า งกายรักษาไวไดอ ยางดี ในเวลาผดิ ปกติเชน มีเชอื้ หนองเขา ไปในรางกาย ทําใหเ ปนผี พษิ ของเชอื้ โรคไปรบกวน “ศูนยความรอน” ในสมองซงึ่ ทําหนาท่ี ควบคุมดลุ น้ี ทาํ ใหการรักษาดลุ เสียไป การกําจัดความรอ นนอ ยลง ไมไ ดส วนกับการกอ ความรอน รา งกายก็รอ นขึน้ ไปเรื่อย ๆ เกดิ เปน “ไข” ถาจัดการเอาเชอื้ โรคออกเสยี เชน โดยผาฝเ อาหนองออก ไขก ล็ ดเพราะ “ศนู ยค วามรอ น” กลับทํางานไดโดยปกติ ในรางกายยังมดี ลุ อ่นื ๆ อกี หลายอยาง เชนดลุ กรด ดาง ดลุ น้ํา ดลุ ไนโตรเจน ซึง่ รา งกายตองรกั ษา ไวเ สมอ ถา ดลุ ใดดุลหนง่ึ กวัดแกวง เกินขีดปกตไิ ป ก็เกดิ อาการของความผิดปกติหรือโรค.ทง้ั น้ี นอกเหนอื ไปจากโรคอน่ื ๆ ทเ่ี กิดจากเหตแุ ตกตา งออกไป เชน มีการติดเชอื้ หรอื มีการสลาย หรือ อนั ตรายเกิดขึน้ แกอวัยวะ ในพระคมั ภรี ท านจงึ กลา วไววา “เรือนกายเปน รงั โรค” นอกจากน้ียังมีการเปลยี่ นแปลงเน่อื งจากการดําเนนิ ของวัย คือความชรา ซึ่งเร่ิมตงั้ แตป ฏิสนธิและ ดําเนนิ เรื่อยไปจนกระทง่ั ทส่ี ดุ แหงชีวติ (ดเู รอ่ื ง “ทุกขสจั จในแงข องสรรี วทิ ยา”) การเปล่ยี นแปลง เหลานที้ ําใหเ กิดอาการแปรปรวนตาง ๆซง่ึ นบั เนอ่ื งเขา เปน อาการของ “โรคชรา” และเปน การ เปลีย่ นแปลงซงึ่ ทกุ ๆ คนจะตองผา น รางกายของเราเปน ของละเอยี ดออ น ขณะเดียวกนั ก็มกี ลไกสลับซบั ชอน เปนนาฬกิ าท่มี ีตวั จักร มากมาย แตละชนิ้ แบบบางและเปราะ ถกู กระทบกระเทือนหนกั เขา ก็คอยแตจ ะหักบน่ิ หรอื บิดเบ้ียว รา งกายของเรากค็ อยแตจ ะเจบ็ ไข มีแตจ ะเสอ่ื มโทรม ตอ งระวังรกั ษากนั อยตู ลอดเวลา พระบรม ศาสดาจึงทรงสอนใหพ ิจารณาเพ่ือเห็นความจรงิ วา “รูปเปน ไปเพอื่ อาพาธ” เมอ่ื รปู เลือกไมไ ด บังคบั ไมได แลวยังเปน ไปเพอื่ อาพาธอกี เชนนจ้ี ะยึดถือวา เปน ของเราไดอ ยา งไร ถายึด เรากจ็ ะตอ งเปล่ียนแปลงแปรปรวนไปกบั รปู เมอื่ รปู เปล่ยี นแปลงแปรปรวน เมือ่ รปู อาพาธ เราก็อาพาธไปดวย เกิดเปน ความเดอื ดรอ น ถา หากถือไดตามทที่ านสอน นกึ เสยี วา รปู กกายเปน เพยี งทพ่ี ึง่ อาศัย เมอ่ื เกิดการเสอ่ื มโทรมหรอื วิการ ความวนุ วายทางจิตก็จะไมม ี หรอื มีแตนอย. ในฐานะผอู าศัย เรามีสว นไดเ สยี กบั รูปกายก็แตใ นการอาศยั ทาํ การงาน คือประกอบกรรมตา ง ๆ ถึงแมว าดูเผนิ ๆ คลา ยกบั วา เราบังคบั รา งกายใหท าํ อะไร ๆ ไดท ั้งนนั้ แตความจรงิ เราสง่ั ไดแ ต เพียงสวนนอย คอื สวนทเ่ี กย่ี วกบั กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมเทานนั้ สวนการดาํ เนนิ กระบวนการตาง ๆ ท่เี กีย่ วกบั การครองชวี ติ ในสวนลึก เชน การยอ ยอาหาร การดดู ซึมอาหารเขาสู รา งกาย การสบู ฉดี เลอื ดของหัวใจ การไหลของเลือด การหายใจ การหลง่ั ปส สาวะ การแปรสารใน รา งกาย การใชพ ลงั งาน การสรางเน้อื การซอมแซมสว นสกึ หรอ ฯลฯ พดู งาย ๆ วาการการทาํ งาน ของอวัยวะภายในทงั้ หมด เราไมสามารถบงั คบั ไดเลย เราจะเปน หรอื จะตาย จะเปนโรคหรือไมเ ปน โรค ขนึ้ อยกู ับการทาํ งานสวนน้ที ้งั ส้นิ . 192

มีหลกั ฐานควรเชือ่ ไดว า บคุ คลบางจําพวก เชน โยคีซึ่งฝก จิตจนมีพลงั กลา แข็ง สามารถบงั คบั การ ทาํ งานของอวัยวะภายในบางอยา งได เชน อาจสงั่ ใหห วั ใจเตน ชา หรือหยุดเตนช่ัวคราว หรอื บงั คบั การเผาผลาญในกายใหล ดลงจนถงึ ขดี ตาํ่ สดุ แตอํานาจของเขานนั้ กเ็ ปน การไมส มบรู ณ เพราะ เปนอยชู ่ัวระยะเวลา ถึงอยา งไรเขาก็หามการแกและการตายไมไ ด ทงั้ ๆ ที่ไดพยายามกันมานบั เปน พนั ๆ ปแ ลว ปจ จบุ ันวิทยาศาสตรกพ็ ยายามในแนวเดยี วกนั แตก ็ยังไมไ ดผล เราอาจทายไดว า เปน การพยายาม ที่เสียเปลา เพราะการแกก ารตายเปนเรื่องของไตรลักษณ เปน การคลีค่ ลายของสังขารไปตาม ธรรมชาติ ดงั พระพทุ ธภาษิตวา “ส่งิ ใดสง่ิ หน่ึงมคี วามเกดิ ขน้ึ เปนธรรมดา สิ่งนนั้ ทั้งหมดมคี วามดบั ไปเปน ธรรมดา”. ถา จะมบี างทา นเหน็ วา ในปจจบุ นั น้ี เราสามารถปองกันโรคบางอยางได เชน ดว ยการฉีดวคั ชนี เชนนี้ จะเปน การบังคบั รา งกายและเปน ขอคา นเรือ่ งอนัตตาได กอ็ าจตอบไดว า การฉดี วัคซนี เปน เรอื่ งของ กรรม คือการกระทํา ตามหลักพระพุทธศาสนา บคุ คลยอมเปน ผรู บั ผลของกรรมของตน ผทู ีย่ อมรบั การฉดี วัคซนี ตอ ง นับวา ไดท ํากรรมดี จึงไดร บั ผล คอื ไมเปนโรค ถาเพียงแตจ ะนงั่ นกึ บงั คับตวั ไมใหเปน โรค คงจะไม สาํ เร็จเปนแน. รปู กายไมไ ดอ ยใู นบงั คบั ของเรา แตเ หน็ ไปตามเหตุทางธรรมชาต.ิ สว นการกระทําตา ง ๆ ซ่ึงเรากอ ข้ึนโดยอาศัยรางกาย เปน เรื่องทเ่ี ราบงั คบั ได เราจงึ ตอ งรบั ผดิ ชอบสาํ หรบั กรรมท้ังหลาย และตอง เสวยผลของกรรมอยางหลีกเลยี่ งไมไ ด เราไมตองรบั ผดิ ชอบสําหรับรูป นอกเหนือไปจากการ บํารุงรักษา เพอ่ื จะไดอาศยั ไดโดยเนิ่นนานและโดยสะดวก แตเ ราไมไ ดเปน เจา ของ เพราะเราเลือก ไมไ ด บังคบั ไมได แมเลอื ดเนื้อซ่งึ รวมเขา เปน ตวั ของเรากไ็ มใชข องเรา เพราะไมไดอยกู ับท่ี คือไมไ ด อยทู ต่ี ัวเราตลอดไป หากแตว นเวียนไปมาในตวั ของคนอน่ื สัตวอน่ื ตนไม หรอื แมพน้ื ดนิ (ดเู รอ่ื ง “ธาตุวภิ งั คแ ผนใหม. ”) ขนั ธอนื่ ๆ ในขนั ธห า ก็เปน เชนน้ี เราเลอื กไมได บงั คบั ไมไ ด ไมใชเ ปน เร่อื งของเราโดยเฉพาะ เรา อยากใหเปน อยา งหน่ึง ก็อาจเปน ไปอีกอยา งหนง่ึ เราก็แกไ ขอะไรไมไ ด พระพุทธองคท รงพิจารณา เห็นความจริงขอ น้ี ทรงเห็นวาขนั ธเปนตน เหตุแหงทุกข จึงทรงสอนใหเ หน็ วาขนั ธไมใชเรา ไมใชข อง เรา ไมค วรจะยึดถือ. หลักอนตั ตา เปนลกั ษณะท่ีเดน ยิ่งขอ หนง่ึ ของพระพทุ ธศาสนา และแสดงถงึ ความลํ้าเลศิ แหง พระ ปญญาคณุ ของพระบรมศาสดาของเรา ศาสนาพราหมณไ ดส อนมากอนหนา นบั พัน ๆ ปวาคนเรามี อัตตาเปน สวนสําคัญยอดเยี่ยม และสอนใหบ าํ เพญ็ ตบะเพอื่ บรรลอุ มตธรรมคอื ความไมต าย แต พระพุทธเจากลบั ทรงสอนในทางไมเ กดิ เพราะทรงเหน็ ลกึ ซงึ้ กวาและถูกตองวา ตัวตนไมสาํ คญั 193

สาํ คญั ทจี่ ิต แทจ รงิ ตัวตนกลบั เปน เครอ่ื งหนวงเหนยี่ ว เปน เหตุแหงทกุ ข ทรงสอนในทางตรงกนั ขา ม กับศาสนาพราหมณ คือทรงสอนใหส ละรางกาย ใหเ หน็ วาไมใ ชเรา ไมใ ชของเรา ทง้ั ทรงสอนวาการ เกดิ เปน ตน เหตแุ หง ทกุ ข การมชี วี ิตอยเู ปน การทนทกุ ข ถาจะหลกี ใหพ น ทุกขตองปฏบิ ตั ไิ มใ หเกิด โดยการปฏบิ ตั นิ พี้ ระพทุ ธองคไ ดท รงหลุดพนจากทุกขไ ปแลว และผูอ น่ื ทป่ี ฏิบตั ติ าม กไ็ ดห ลดุ พน ตามไปดวยเปน จาํ นวนมาก. พระสมั มาสัมพทุ ธเจา ทรงส่ังสอนดว ยพระเมตตา ทรงสอนลว นความสจั จรงิ ที่เปน อยูตลอดกาล และทรงสอนใหปฏบิ ัตติ ามได ผูป ฏบิ ัตติ ามนนั้ ยอ มไดผ ลโดยควรแกก ารปฏิบตั ิ มคี วามหลดุ พนเปน ยอดแหง ผล จึงสมควรอยางย่งิ ทเ่ี ปนพระบรมศาสดาหาผเู สมอมิไดใ นโลก. .................................... 194

ธาตวุ ภิ งั คแ ผนใหม โดย ศจ.นพ.อวย เกตสุ งิ ห (บรรยายที่พุทธสมาคมแหงประเทศไทย พ.ศ.๒๕๐๙) พระธรรมอนั พระสมั มาสมั พทุ ธเจา ไดท รงตรสั ไวด แี ลว เปน สจั จะความจริงแท และ เปนอกาลกิ ะ ไมเ ปลีย่ นแปรไปตามกาลสมยั แมเวลาจะลว งเลยไปสักเทาใด ๆ แตความคดิ เห็นและ ความเขาใจของมนุษยน ้ันข้ึนอยกู บั กาลเวลา ยอ มผนั แปรไปตามวยั บา ง ตามสมัยบา ง ไมม หี ยดุ นง่ิ แนนอน ดังนนั้ จงึ ปรากฏอยูเ สมอวามีการขัดแยงโตเ ถียงกนั เกย่ี วกบั ความหมายของพระธรรมบาง ขอ ซึ่งตา งคนตา งแปลไปตามความเห็นแหง ตน หรอื แหงอาจารยข องตน บางครงั้ ก็ลงทายดวยการ เกดิ ความสงสัยขนึ้ มาวา พระธรรมน้ัน ๆ อาจจะผดิ เพ้ยี นไป หรอื เกา เกนิ สมยั เสยี แลว ขอ สงสัยเชนนี้ เปนการหลงผิด เกดิ จากความท่ยี งั ไมท ราบถอ งแทถ งึ คณุ แหง พรธรรม และอาจจะแกไขไดด วย การศึกษา โดยเฉพาะอยางย่ิงในดา นปฏบิ ัต.ิ ในกระบวนพระธรรมของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา มขี อหน่งึ ซ่ึงพทุ ธฮาสนิกสมยั ใหมม กั จะต้ังขอสงสัย อยเู นือง ๆ คอื คาํ สอนวา ดว ยธาตุในรา งกาย ท้ังน้ี เพราะไดค วามรูจากวิทยาศาสตรว า ในโลกนมี้ ี ธาตตุ า ง ๆ มากมายหลายสบิ อยา ง ซงึ่ ไดมีการพสิ ูจนแลว แนน อน แตป รากฏวาพระสมั มาลัมพทุ ธ เจาตรสั ไวเพยี ง ธาตดุ ิน ธาตนุ ํ้า ธาตลุ ม และธาตไุ ฟ ส่อี ยา งเทานนั้ บุคคลนอกศาสนาบางพวกก็ถือเอาขอ นเ้ี ปน เหตุโจมตีวา พระบรมศาสดา ไมไ ดทรงมีพระลัพพญั ตุ ญาณอยา งแทจริงจึงรไู มห มดสนิ้ หรอื รไู มถกู ตอง ขอกลาวหานผ้ี ทู ม่ี คี วามรอู ยกู ็สามารถจะตอบโตอยางถูกตอ งและไดผ ล แตผ ทู ีไ่ มม คี วามรอู าจนํามา เปน เหตแุ หง ความสงสยั หรอื แมพ ลอยเชอ่ื ตามไปดวย อนั เปนความผดิ ทอี่ าจสง ผลกระทบกระเทอื น ความศรทั ธาซ่ึงมีอยตู อ ความตรสั รขู องพระตถาคต. ขอนี้เปน เรื่องทร่ี ายแรงมาก จงึ เปน การสมควรอยา งยง่ิ ท่เี ราจะเสาะหาความรูแ ละความเขาใจใน เรือ่ งธาตสุ ่นี ไ้ี วอยางถกู ตอ ง โดยนําความรทู างวทิ ยาศาสตรม าประยกุ ตร วมกับความรใู นพระธรรม. ตน เหตุประการหนงึ่ ของความเขาใจผดิ น้ีคือการนํามาใชโดยไมถ กู ตอ ง คาํ พูดเปน เรอ่ื งสมมุติ คอื การทําความตกลงกนั วา จะใชค าํ นี้ใหม คี วามหมายถึงสง่ิ นี้ ๆ เชนใชค าํ วา “ปาก” สาํ หรบั ชองที่เปด ปด ได สําหรบั ใหอ าหารผานเขา สรู า งกาย หรอื สาํ หรบั พดู ตอ มามีสงิ่ อะไรทม่ี ลี ักษณะคลา ยกัน กน็ าํ คาํ นัน้ ไปใชอ กี เชน ใชว า ปากประตู ปากหบี ปากชอ ง เปนตน การยดึ ความหมายของคําเชนน้ี บางคร้ังกน็ ําใหเ กิดความเขา ใจผิด โดยเฉพาะอยางย่ิงเม่อื กาลสมยั ผานไปนาน ๆ และความเขาใจ ของตนไดเปลย่ี นแปลงไปมากแลว ดวย ดงั ในกรณีของคาํ “ธาต”ุ น.ี้ 195

คาํ วา “ธาต”ุ โดยทวั่ ไปมีความหมายวา “ตน เดิม” หรอื “มูลเดมิ ” ปรากฏในพระบาลใี น ความหมายตา ง ๆ กัน ไมเฉพาะแตป ฐวธี าตุ อาโปธาตุ แตม ีอยา งอนื่ อีก เชน อินทรียธาตุ จกั ขุธาตุ เปนตน . ในภาษาไทยเราใชใ นความหมายอนื่ ก็มี เชน สวนของกระดกู ท่ีเหลอื จากการเผาศพ พระเจดยี ท ี่ บรรจกุ ระดกู เปน ตน ตอ มาเมอ่ื ทางวทิ ยาศาสตรตอ งการคําลําหรบั ใชแ ทนคาํ วา “เอเลเมน็ ต” ใน ภาษาอังกฤษ ซึง่ มคี วามหมายวา “สงิ่ ซงึ่ ประกอบขน้ึ เปน สารตาง ๆ และมลี ักษณะจําเพาะ อันจะ เปล่ยี นแปลงตอ ไปไมได” จึงไดม ผี นู าํ คํา “ธาต”ุ นมี้ าใช แต “เอเลเมน็ ต” ท่รี ูจกั กนั อยูในเวลานม้ี ี มากกวารอ ยอยาง ผทู ่ีใชคาํ ธาตแุ ทน “เอเลเมน็ ต” จงึ เกิดความสงสยั ขน้ึ ดังกลาวแลว ถา หากใชค าํ อน่ื ไมใ ชค ํา “ธาตุ” ความฉงนอาจจะมีนอยกวานี้ แตกค็ งไมหมดสน้ิ ทเี ดียว เพราะในพระบาลมี ี ขอ ความปรากฏอยู ซึ่งชวนใหส งสยั เชนท่ีกลาววา “ฉธาตุโร ปรโิ ส” (บรุ ษุ มธี าตหุ ก) เปน ตน ผูไดฟง ยอมมคี วามรสู กึ โนมเอียงไปในทางท่วี า พระพุทธองคท รงทราบไมครบถว น. ขอ ทน่ี า ทึง่ กค็ อื ในภาษาแหง ชาวตะวนั ตก ท้งั อังกฤษ เยอรมนั ฝรั่งเศส และอ่นื ๆ ซึง่ ใชคาํ วา “เอเล เมน็ ต” ในความหมายดงั กลาวขางตน นน้ั กม็ ีความสบั สนทาํ นองเดยี วกัน คือคาํ วา “เอเลเมนต” นี้มี ตน ตอมาจากนักปราชญชาวกรีกผมู ีชอ่ื วา เอ็มเปโดเคลสซง่ึ เกดิ ภายหลังพระสมั มาสมั พทุ ธเจา ๑๓๓ ป และเปน คนแรกทแ่ี ถลงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เร่อื งธาตุสี่นี้ ในทํานองเดียวกับทป่ี รากฏในพระ คมั ภรี  เขากลาววา บรรดาสรรพสิ่งทง้ั หลายท่มี ีอยูในโลกน้ี ประกอบขน้ึ ดวย “เอเลเมน็ ต” สีอ่ ยางคอื เอเล เม็นตแหง ดนิ เอเลเมน็ ตแหง นํ้า เอเลเมน็ ตแ หง ลม และเอเลเมน็ ตแ หงไฟ เอเลเมน็ ต ทง้ั สนี่ เ้ี ปน รากเงา แหง สงิ่ ท้ังหลายทงั้ ปวง และเปน สงิ่ ทคี่ งสภาพอยางถาวรไมมเี ปลยี่ นแปร เห็นไดวาความคดิ นค้ี งไดไปจากทางตะวนั ออก เพราะมีจํานวนสอ่ี ยางเทา กนั ใชช อื่ วา ดนิ น้ํา ลม ไฟ เหมือนกนั และสมยั ของ เอม็ เปโดเคลส นน้ั ตามหลงั สมยั ของพระบรมศาสดา ความคดิ เหน็ เรื่องธาตสุ น่ี ้ีมมี ากอ นสมัยของพระพทุ ธเจา แลว คอื มอี ยูในศาสนาพราหมณ ในสว นตวั ผูบรรยายคดิ วา เอม็ เปโดเคลส นาจะไดความคดิ ไปจากฝา ยพราหมณ เพราะกาํ หนดวาธาตทุ ง้ั สี่ เปนสงิ่ ท่ีคงทนถาวรเหมือนในศาสนาพราหมณ สวนในทางศาสนาพทุ ธนั้นบงไวช ดั เจนวา แมธาตทุ ้ังสี่กเ็ ปน ไปตามไตรลกั ษณ คอื เปน อนิจจัง ทกุ ขงั อนตั ตา ซึ่งจะไดแ สดงในตอนหลงั . ดังไดกลา วแลว พระสมั มาสมั พทุ ธเจาไดท รงแสดงเกี่ยวกบั ธาตใุ นทต่ี า ง ๆ กนั หลายแหง แตมี ขอ ความละเอียดเกย่ี วกบั เรือ่ งน้ีมากทสี่ ุดในธาตุวิภังคสตู ร ซง่ึ อยูในมชั ฌมิ นิกายแหง พระ สุตตนั ตปฎก 196

เร่อื งนี้พระบรมศาสดาทรงแสดงโปรดพระปุกกสุ าติ ซง่ึ มีศรัทธาบวชอทุ ศิ ถวายพระองคโดยมไิ ดเ คย พบเหน็ เลย เพียงแตท ราบกติ ตศิ ัพทเ ทา น้ัน และเมอื่ พบพระองคใ นระหวา งทอ่ี าศัยแรมคืนรว มกนั อยูใ นโรงของชา งปน หมอ กม็ ไิ ดท ราบวาเปน พระสมณโคดม ตอ เมอ่ื ไดฟง พระธรรมเทศนาจงึ รไู ด โดยทนั ทีวา เปนพระสัมมาลมั พทุ ธเขา และไดท ูลขออปุ สมบท.ระหวา งทอี่ อกไปเสาะหาเครอ่ื ง อฐั บริขารนน้ั เองกไ็ ดถ กู แมโ คชนถึงแกช วี ิต เรอื่ งพระปกุ กสาตนิ เ้ี ปน ตน ความคดิ ของเรื่องกามนติ และวาสิฏฐีซึ่งเปน ทรี่ ูจักกันแพรหลายอยแู ลว . พระธรรมเทศนาซง่ึ ทรงแสดงโปรดพระปุกกสุ าติเฉพาะทเี่ กี่ยวกับเรอื่ งธาตมุ เี นอ้ื ความสําคญั วา คนเรามธี าตุหก คอื ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ อากาศธาตุ และวญิ ญาณธาตุ ไดแ ก ธาตแุ หง ดนิ ธาตแุ หงนา้ํ ธาตุแหงไฟ ธาตแุ หง ลม ธาตแุ หงทวี่ า ง และธาตุแหงความรู ตามลําดบั ธาตหุ า อยา งทีก่ ลา วกอ น มที งั้ ทอี่ ยภู ายในและภายนอกกาย ธาตุแหงดนิ ทเี่ ปน ภายในไดแกส ิง่ ท่ีแขน แข็ง เชน ผม ขน เลบ็ ฟน หนงั เนอื้ เอน็ กระดูก มา ม หวั ใจ ตบั ปอด เปน ตน ธาตแุ หงนาํ้ ทีเ่ ปนภายในไดแ ก สง่ิ ทเ่ี อบิ อาบชมึ ซาบไปได เชน นํ้าดี เสมหะ นํ้าเหลอื ง เลือด เหงื่อ มัน ขน เปลวมนั นํ้าตา น้าํ ลาย น้าํ มูก มูตร เปน ตน ธาตุแหง ไฟทเ่ี ปน ภายในไดแก สิง่ ท่ีอบอนุ และทําใหเ กิดความรอ น เชน ทําใหร างกายทรดุ โทรม กระวนกระวาย เปนเหตใุ หมีการยอ ยของอาหาร เปน ตน ธาตุแหง ลมทีเ่ ปนภายในไดแ ก ส่ิงท่ีพดั ผนั ไป เชนลมในทอง ลมในลําไส ลมแลนไปตามอวยั วะนอ ย ใหญ ลมหายใจเขาออกเปน ตน ธาตุแหง ท่วี างทเี่ ปนภายในไดแ ก สว นทว่ี า งปรโุ ปรง เชนชอ งหู ชอ งจมกู ชองปาก เปน ตน ธาตุแหง ความรูนนั้ มอี ยเู ฉพาะภายในกาย เปนสง่ิ ซึง่ ทําใหร ูสัมผสั ตาง และมคี วามทุกข ความสขุ หรือความไมท กุ ขไมส ขุ . ถา จะกลาวตามความรใู นสมยั นี้ ก็ตีความหมายของปฐวีธาตหุ รอื ธาตแุ หง ดินไดวาเปน สว นทมี่ ี ลักษณะเปน ของแขง็ หรือมที รวดทรงเปน รปู เปน ราง เชน หนัง กลามเนอื้ กระดูกและอวัยวะภายใน ตาง ๆ สว นอาโปธาตหุ รอื ธาตแุ หงน้ําไดแกส ว นท่ีเปน ของเหลว เชน เลือด น้าํ เหลือง นาํ้ ลาย ปสสาวะ เตโชธาตุหรอื ธาตแุ หงไฟ คอื ความรอ นหรอื พลังงานซ่งึ เกิดขึ้นจากการเผาอาหารภายใน กายซึง่ เปน เหตุใหร างกายเคล่อื นไหว หล่ังนา้ํ หลั่งหรือยอ ยอาหารได และทําใหร างกายมคี วาม อบอนุ เปน ปกติ วาโยธาตหุ รือธาตแุ หง ลม ไดแ กแ กส หรอื กา ซตาง ๆ เชน ทปี่ ระกอบเปน อากาศอยู 197

รอบ ๆ ตวั เรา และเราหายใจเขาไปหรอื หายใจออกมา หรอื แกสท่ีเกิดจากการหมักหรอื สลายของ อาหารในกระเพาะและลําไล ซ่ึงทาํ ใหเรามีอาการทองอืดเฟอ หรือทเ่ี ราเรอหรือผายออกมาและ เรยี กกันวา ลม ขอทช่ี วนใหเ กิดศรัทธาอยางย่ิงในพระปญ ญาคณุ ของพระบรมศาสดา คือที่ทรงกลา วถงึ วาโยธาตุ “ซึ่งแลนไปตามอวยั วะนอ ยใหญ” สวนมากของคนสมัยน้คี งจะไมสามารถเขา ใจขอ นไ้ี ดแ ละอาจจะ เหน็ วาเปนการเหลวไหลที่กลา ววา มี “ลมแลนไปตามอวยั วะนอยใหญ” ภายในรางกาย ลมอะไรจะ เขาไปพัดอยูขา งในนน้ั ขอน้ผี ทู ีม่ คี วามรทู างแพทยห รอื ชีววิทยาจะชแ้ี จงไดวา แทจ รงิ นนั้ เปนการถกู ตอ ง แตจะตองแปลคาํ วา “วาโยธาต”ุ อยา งอืน่ ไมใ ชคําวา ลม (ซ่งึ ใชต ามธรรมดา เปน คําแสดงภาพ หรอื คาํ เปรยี บเทียบ เทา นนั้ ) แตใ ชค าํ วา “แกส ” ดังนี้ ถา กลาววา “แกสซ่งึ ไหลไปตามอวยั วะนอยใหญ ผทู ่ีความรู เก่ียวกบั วิทยาศาสตรแ หงรา งกายยอมจะเขาใจไดวา หมายความถึงแกสสามอยาง (หรอื บางคร้งั มากกวา สามอยาง) ซึง่ กระแสเลอื ดนาํ ไปถงึ ทวั่ ทกุ สว นของรา งกาย คือออกซิเจน คารบ อนไดออกไซด และไนโตรเจน ออกซเิ จนนนั้ เปนสิ่งจาํ เปน สําหรบั ชวี ติ เพราะเปนตวั ทาํ ใหเกิดการเผาไหมข องอาหาร และส่ิงอน่ื ภายในกาย กา ซคารบ อนไดออกไซด เปนปฏิกลู ซ่งึ เกดิ จากการเผาไหมด ังกลา วนี้ และรา งกาย จาํ ตองขบั ออกท้งิ เสีย สวนไนโตรเจนนนั้ เปนแกส ทปี่ ระกอบเปน สว นใหญข องอากาศท่อี ยรู อบ ๆ ตัว เรา และเขา ไปในเลือดระหวา งการหายใจเขาออกโดยไมม หี นา ที่บทบาทจาํ เพาะอยางไรไนรา งกาย. จากทไ่ี ดบ รรยายมาแลว นี้ พงึ สงั เกตไดวา ในพระบาลีนนั้ คาํ วา “ธาตุ” มีความหมายถงึ “ประเภท” หรือสภาพของสง่ิ ของมากกวา “ตวั สิง่ ของ” ถา จะกลาววา ปฐวคี ือส่งิ ของประเภทหนิ หรอื มสี ภาพ เชน ดนิ อาโปธาตุ คือสิง่ ของประเภทนาํ้ หรอื มีสภาพเชนนาํ้ เตโชธาตุ คือสง่ิ ประเภทไฟหรอื มสี ภาพ เชนไฟ วาโยธาตุ คือสิ่งของประเภทลมหรือมสี ภาพเชน ลม คงจะเขา ใจความหมายแทจ ริงไดงา ย กวาทีเ่ ปนอยู อกี ขอหน่ึงทสี่ นบั สนนุ วา คาํ ทั้งสีน่ ้ีความหมายจาํ เพาะ แปลกไปจากความหมายธรรมดา คือในกรณี ที่ตอ งการหมายความถึงสงิ่ ของหรอื สง่ิ ที่มีตวั มตี นจริง ๆ นัน้ ทานใชคาํ อน่ื เชน ใชอ คั คีหรืออาทติ สําหรบั ไฟ และใช ธารา หรอื ชลา ลําหรบั นํา้ เปน ตน. ในโอกาสนีจ้ ะขอบรรยายเก่ยี วกบั เรื่องของธาตสุ เ่ี พื่อใหเ ขาใจถงึ ความหมายและความถูกตองแหง พระธรรม โดยอาศยั เทียบเคยี งกบั ความรูในสมยั ปจ จบุ ัน เพื่อไมใ หเ กิดความฉงนหรือสบั สน ระหวา งความหมายสองอยางของคําวา ธาตุ คือในพระบาลหี มายความวา “ประเภท” หรอื “สภาพ” สวนในทางวิทยาศาสตรห มายถึง “สงิ่ อันจะเปลยี่ นแปลงตอ ไปไมไ ด” จะขอใชค ําวา “มลู สาร” สาํ หรับความหมายอยางหลังนี้ คือความหมายของคาํ วา “ธาต”ุ ในทางวิทยาศาสตร. 198

ตามความรทู างเคมี รา งกายของมนษุ ยเ ราประกอบขน้ึ ดว ยมูลสารประมาณ ๒๑ อยาง ทต่ี อ งใชค าํ วา “ประมาณ” ก็เพราะยังมมี ูลสารบางอยา งซงึ่ พบในรางกายของเราในบางโอกาส ในจํานวนมลู สารท่ีพบอยูเปน ประจํานน้ั มที ี่ปริมาณคอ นขางมากอยูเพยี ง ๖ อยา ง คอื ที่เปน สว นประกอบอยู มากกวา ๑ เปอรเซ็นต ของน้าํ หนกั ตัว ไดแ ก คารบ อน ออกซเิ จน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส. คารบ อน หรอื มลู สารของถา นอยูในประเภทปฐวธี าตุ มีอยมู ากกวา เพื่อนคอื ๑๘.๕ เปอรเซน็ ต ของ นํา้ หนักตวั ออกซเิ จน คอื มลู สารซงึ่ เปน ตัวทาํ ใหเ กดิ เผาไหมแ ละทาํ ใหโลหะเกดิ สนมิ และอยใู นวาโย ธาตุ มีมากเปน ทส่ี อง คือ ๖.๕ เปอรเ ซน็ ต ของนา้ํ หนกั ตวั อยางที่มมี ากเปนทสี่ ามคือไฮโดรเจน มลู สารประเภทวาโยธาตุ ซึ่งมลี กั ษณะพิเศษคือเบามาก ซง่ึ เอามาบรรจใุ นลูกสวรรคห รอื ลูกบัลลนู มี อยู ๒.๗ เปอรเ ซน็ ต ของน้าํ หนกั ตัว.ตอไปเปน ไนโตรเจน วาโยธาตุซ่ึงมอี ยูมากท่ีสุดในอากาศรอบ ๆ ตวั เรา มีในรา งกาย ๒.๖ เปอรเซน็ ต ของน้ําหนักตวั แคลเซยี ม หรอื ท่ีเรียกกันวา ธาตปุ ูน เปน ปฐวี ธาตุประกอบเปน สวนสําคัญของกระดกู มอี ยู ๒.๕ เปอรเ ซ็นต ของรา งกาย ฟอสฟอรัส มูลสารท่ีมี ลักษณะ ลุกไหมไ ดเองในอากาศ อยใู นประเภทปฐวีธาตุ เปนสว นประกอบอีกอยา งหนงึ่ ของกระดกู มีอยู ๑.๑ เปอรเ ซน็ ต ของน้าํ หนักตวั มูลสารนอกจากนที้ มี่ ีอยตู ัง้ แต ๐.๐๑ ถึง ๐.๑๖ เปอรเ ซน็ ต ของรางกายไดแ ก คลอรนี (วาโยธาต)ุ กาํ มะถัน (ปฐวธี าต)ุ โปแตสเซียม (ปฐวธี าต)ุ โซเดียม (ปฐวี ธาต)ุ แมกนเี ซียม (ปฐวธี าตุ) เหล็ก (ปฐวธี าต)ุ มลู สารบางอยางมอี ยเู ลก็ ๆ นอย ๆ เพยี งตรวจพบก็ มี แตกม็ คี วามจาํ เปน สาํ หรบั รางกาย เชน ทองแดง สังกะสี อลมู นี มั เปนตน พงึ สังเกตวามลู สารทั้งหมดทีก่ ลาวมานม้ี ไิ ดมีอยเู ฉพาะในรา งกายของคนหรอื สัตวเ ทาน้นั แตม ีอยู ท่วั ไปทกุ แหง ในดนิ ในหนิ ในนา้ํ ในตน ไม และอ่ืน ๆ สมจรงิ ดงั ทท่ี า นแสดงไวว า “ภายในกม็ ี ภายนอกก็ม”ี มลู สารที่อยภู ายในกายกด็ ี ภายนอกกายก็ดี เปน สิ่งของอยางเดียวกัน มีลกั ษณะ เหมือนกันทกุ ประการ ถา จะแยกเอาเหล็กท่อี ยใู นกายของเราออกมาเปรียบเทียบกบั เหล็กทแ่ี ยก ออกมาไดจ ากดนิ เชนทที่ าํ เปน ของใชต าง ๆ อยู กจ็ ะไมพ บขอผิดแปลกอะไรกนั เลย แทจ รงิ นน้ั เหลก็ ทอ่ี ยูภายในกายของเรา ก็ไดไปจากเหลก็ ทีใ่ นพืน้ ดิน คอื ตน ผักดดู เอาเหล็กจากดินเขาไปสะสมไวที่ใบ เมือ่ เรากนิ ผัก ก็ไดเหล็กนนั้ เขาไปและนําไปใชป ระโยชนเปน สวนประกอบของรา งกายตอไป. รางกายของเราเตบิ โตขนึ้ มาไดด ว ยอาหาร เพราะฉะนนั้ เน้อื หนงั และสว นอน่ื ของรางกายทกุ สวน เกิดขน้ึ มาหรือถกู สรา งข้นึ มาจากอาหาร สวนใหญข องอาหารประกอบดว ยวัตถสุ ามประเภท คอื วตั ถุ ประเภทน้าํ ตาล (คารโบไฮเดรท) วัตถปุ ระเภทเนอื้ (โปรเทอีน) และวตั ถปุ ระเภทไข (ไขมัน) วัตถุ ประเภทนาํ้ ตาลไดแ กพวกแปง (ที่มอี ยใู นขา ว ขนมปง ขนมเบียก) และนาํ้ ตาลตา ง ๆ (ทอ่ี ยูในผลไม ออย นํ้าผ้ึง ฯลฯ). วัตถุประเภทเน้ือมีอยมู ากในเน้ือสตั วท กุ ชนดิ ไมวา วัว ควาย หมู เปด ไก ปลา หอย และในพวกถ่วั ตาง ๆ ในผกั หญากม็ ี แตเ ปน สวนนอ ย สว นวัตถปุ ระเภทไขมันไดจากน้ํามนั หมู นํา้ มนั มะพราว นํา้ มนั พชื อ่ืน ๆ ไขววั นาํ้ มนั ในปลา ในผลไมต า ง ๆ ทกุ สว นของรางกายเรามวี ัตถอุ าหารท้ังสาม 199

ประเภทนี้เปนตวั ประกอบ บางสว นก็มีอยา งหนงึ่ มากกวา อยา งอน่ื ๆ เชน กลามเนือ้ กระเพาะ อาหารและตบั ไต มีวัตถุประเภทเนอื้ เปนสว นมาก แตย งั มวี ัตถอุ ื่น ๆ อกี ทีประกอบเปน รา งกายเรา เพิ่มเตมิ จากวัตถุทง้ั สามประเภททกี่ ลาวแลว และมีหนา ท่ี หรอื บทบาทพิเศษในรางกาย เชน แคลเซียม หรือธาตปุ นู เปน สวนประกอบสําคญั ของกระดูก เปน ตน ตวั ประกอบสาํ คัญอกี อยา งหนง่ึ ซึ่งมอี ยทู ุกหนทกุ แหง ไมว า จะเปน อวยั วะใดหรอื สวนใดของรา งกาย ไดแกน ้าํ ซงึ่ ประกอบเปนเศษสองสว นสามของนํา้ หนักตวั ท้ังหมด และกลาวไดวา เปนหลกั ของ อาโปธาตุในรา งกาย ถาไมม นี าํ้ อาโปธาตกุ ็ไมม ี จะแปรสภาพเปน ปฐวีธาตุไป เชน ปส สาวะกจ็ ะ กลายเปน เกลด็ หรือผลึกของเกลอื ตาง ๆ เลอื ดก็จะกลายเปน กอนของวัตถุประเภทเนือ้ และผลกึ ของ เกลอื ทั้งนก้ี เ็ น่อื งดวยปสสาวะก็ดี เลอื ดกด็ ี ไมไดเ ปน ของตายตวั หรือของจําเพาะชนดิ แตเ ปนเพียง นาํ้ ซงึ่ มสี ่ิงตาง ๆ ละลายอยใู นนน้ั นํ้าท่อี ยูในปส สาวะกเ็ ปน ของเชนเดียวกนั กบั นา้ํ ที่อยใู นเลือด ทีจ่ ริง น้ันปสสาวะก็กรองและผลติ ขนึ้ มาจากเลือดและสงิ่ ตา ง ๆ ท่ีละลายอยูในปส สาวะกม็ าจากส่ิงท่ี ละลายอยใู นเลอื ดนน่ั เอง สวนน้ําของเลอื ดก็มาจากนํา้ ท่เี ราดื่มเขาไปหรือท่ีตดิ เขาไปกบั อาหาร ส่ิง อืน่ ๆ ท่อี ยูใ นเลือดกเ็ ชน กนั ดังนน้ั ธาตทุ ั้งสีใ่ นรา งกายเราจงึ มิใชข องตายตวั ไมใชข องจาํ เพาะสาํ หรับตวั เรา แตเ ปน สง่ิ ท่ผี นั แปร อยเู สมอและเปลี่ยนทโ่ี ยกยา ยไปมาได. ความจรงิ ขอน้ี พระสมั มาสมั พทุ ธเขา พระบรมศาสดาของ เราท้ังหลาย ก็ไดท รงทราบประจกั ษแจง ดว ยพระสพั พัญตุ ญาณ จึงไดท รงแสดงไวใ นทห่ี ลายแหง วา “ปฐวีธาตไุ มเทีย่ ง เปนทุกข ไมใชต ัวเรา ของเรา อาโปธาตไุ มเทย่ี ง เปนทุกข ไมใ ชต วั เรา ของเรา” เปนตน ความที่ทรงสอนนีเ้ ปน พยานหลกั ฐานแหง ความเลอเลศิ แหง พระพทุ ธศาสนาซ่ึงแสดงความสจั จริง เหนอื ศาสนาอนื่ ซ่งึ สอนไวว า ดนิ นํา้ ไฟ ลมเปน ของคงทนถาวร นา สังเกตวาในเรอ่ื งธาตุอนั เปน สว นประกอบของสารทัง้ หลายน้ี วิทยาศาสตรกเ็ คยเขาใจผดิ อยวู า สิง่ ท่ีเรียกวาเอเลเม็นต หรือ “ธาตุ” น้ันเปนสงิ่ ที่ มี “ลักษณะจําเพาะอันจะเปลี่ยนแปลงตอ ไปไมไ ด” เพิง่ มารคู วามจรงิ เมอ่ื ไม นานมานี้เองวา เอเลเมน็ ต หรือธาตุยังแยกแยะตอไปไดเ ปน ประจุไฟฟา ท่ีเรียกวา โปรตอน และ อี เล็กตรอน และตอ มาเมอ่ื สมัยสงครามโลกครัง้ ทสี่ อง น้ีเอง จงึ ทราบวา โปรตอน และอีเล็คตรอนนี้ ยังแยกออกไปเปนพลังงานอกี ทอดหนงึ่ พระบรมศาสดาของเราไดแ สดงหลกั ความจริงเร่อื งนี้ไว มากกวาสองพนั หา รอ ยปม าแลว. ความผันแปรแหงธาตปุ รากฏแกน ักวทิ ยาศาสตรเปนของธรรมดา คือการทปี่ ฐวธี าตกุ ็ดี อาโปธาตกุ ็ ดี วาโยธาตุก็ดี หรือเตโชธาตกุ ด็ ี แปรสภาพจากธาตหุ น่ึงไปอีกธาตหุ นง่ึ หรือแปรกลบั มาเปน เชน เดมิ ตวั อยา งเชนวาโยธาตุ ออกซิเจน กบั วาโยธาตุ ไฮโดรเจน รวมกนั เขา กลายเปนอาโปธาตุ คือ นา้ํ ท่ีเราใชดม่ื ใชอ าบน้ี วาโยธาตุ ออกซเิ จน รวมกบั ปฐวธี าตุ คารบ อน กลายเปน คารบอนไดออกไซด ซึ่งเปน วาโยธาตุที่เกิดข้ึนเวลาจุดไฟ หรอื รวมกบั ปฐวธี าตุเหลก็ กลายเปน สนิม เหล็กซึ่งเปน ปฐวีธาตุ ปฐวธี าตุ คารบ อน ผสมกบั ปฐวีธาตุ กาํ มะถนั กลายเปนของเหลวคือ 200


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook