สว่ นท่ี 1........................โดย อ.ชยั ลาภเพมิ่ ทวี.....................................หนา้ 2-107 ส่วนที่ 2 .......................โดย อ.นาวี ชน้ั ศริ ิ (ครนู อ็ ค)............................หนา้ 108-139 ส่วนท่ี 3 .......................โดย อ.ธนชั ลาภนมิ ติ รชัย (ครพู ่หี มุย) .............หน้า 140-202 สว่ นที่ 4 ชดุ เกง็ ข้อสอบ........................................................................หนา้ 203-224 โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 ______________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (1)
เพิ่มพลงั สมอง ชารต ความรู เรง สปด สาระหนาท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาํ เนนิ ชีวติ ในสงั คม วัฒนธรรมและสงั คม จบั ประเด็นสาํ คญั (หา Error) X มนษุ ย์และสงั คม 1. มนุษย์แตกต่างจากสตั วส์ งั คมอื่นเพราะมนษุ ย์มีวัฒนธรรม - มนษุ ยแ์ ละสัตว์สังคม 2. สญั ลกั ษณเ์ ปน็ สง่ิ ที่เกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ - สญั ลักษณ์ 3. พฤตกิ รรมส่วนใหญข่ องมนุษย์เกิดจากสญั ชาตญาณ - สังคม 4. วัฒนธรรมคือรปู แบบการดําเนนิ ชีวติ ท่ีดีงาม - วัฒนธรรม 5. วฒั นธรรมประเภทคติธรรม เช่น มารยาทในการไหว้ - วฒั นธรรมและสงั คม 6. คาํ วา่ “วฒั นธรรม” และ “สังคม” มคี วามหมายเกอื บไม่แตกต่างกนั Y ศพั ท์ทางสงั คมวทิ ยา 1. ความสัมพันธ์ของกล่มุ คนที่มบี รรทัดฐานทางสงั คมรว่ มกนั หมายถึง - โครงสรา้ งทางสังคม โครงสร้างสังคม - สถาบันทางสังคม - การจดั ระเบยี บทางสงั คม 2. กลุ่มของบรรทัดฐานท่ีสังคมกําหนดขึ้นเพ่ือเปน็ หลกั ในการทํากิจกรรม - การขดั เกลาทางสงั คม ด้านต่างๆ หมายถงึ กลมุ่ ทางสังคม - กลุ่มทางสงั คม 3. รูปแบบพฤตกิ รรมของสมาชกิ ในสังคมทีส่ นองตอบความต้องการร่วมกัน ในดา้ นตา่ งๆ หมายถึง สถาบนั สังคม 4. วิธกี ารทสี่ ังคมกําหนดแบบแผนพฤติกรรมให้สมาชกิ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิเปน็ แนวเดียวกนั หมายถงึ การควบคมุ ทางสงั คม 5. วธิ ีการทส่ี งั คมถา่ ยทอดแบบแผนพฤติกรรมใหส้ มาชิกประพฤตปิ ฏบิ ัตเิ ป็น แนวเดียวกัน หมายถึง การขดั เกลาทางสงั คม สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (2) ______________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
วัฒนธรรมและสงั คม จับประเด็นสําคญั (หา Error) Z สถาบนั 1. สถาบนั ในสังคมไทยทสี่ ามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของคนไทยได้ชดั เจน - สถาบันทางสังคมขัน้ พื้นฐาน มากทส่ี ดุ คือ สถาบนั ครอบครวั - ครอบครวั เดี่ยวและขยาย 2. สถาบันทมี่ บี ทบาทตอ่ สงั คมชนบทมากทสี่ ดุ คือ สถาบันการศกึ ษา 3. ในสงั คมเมืองของไทยในปจั จุบนั ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นแบบครอบครวั ขยาย [ สถานภาพและบทบาท 1. “นายชาญชัยเป็นบิดาของบตุ ร 3 คน และเป็นประธานชมรมส่งเสรมิ ความสมั พันธ์ระหว่างเพ่อื นบ้าน” ข้อความนี้แสดงถงึ สถานภาพทางสงั คม 2. พ่อแมม่ ีหนา้ ท่เี ลี้ยงดอู บรมบตุ ร บตุ รมหี นา้ ท่กี ตญั ญตู อ่ พ่อแม่ ขอ้ ความน้ี แสดงถงึ บทบาท 3. บุคคลจะแสดงบทบาทของตนในสังคมแตเ่ พยี งฝา่ ยเดียวไมไ่ ด้ 4. บคุ คลจะแสดงบทบาทได้ ถา้ ไม่มคี ู่แสดงบทบาท \\ บรรทัดฐาน 1. เครื่องมอื สาํ หรบั ใช้ควบคุมพฤตกิ รรมของสมาชกิ ในสงั คม เรยี กว่า บรรทดั - - วถิ ีชาวบ้าน / จารตี / กฎหมาย ฐาน - การขัดเกลาทางสงั คม 2. “ใครมาถึงเรอื นชานต้องต้อนรับ” เกยี่ วขอ้ งกบั วถิ ีประชา - คา่ นิยม 3. แบบแผนของสังคมที่เกีย่ วขอ้ งกับความดี ความชั่ว เรียกวา่ ประเพณี 4. การขัดเกลาทางสังคมทางตรง เช่น เดก็ ชายเอกศกึ ษาความรู้จากอินเทอรเ์ นต็ 5. คา่ นยิ มเปน็ สงิ่ ที่มีคา่ และถูกต้องเสมอ ]สงั คมไทย วฒั นธรรมไทย 1. ความสมั พันธท์ ี่สาํ คัญของสงั คมเมืองของไทยมีลกั ษณะเป็นแบบปฐมภูมิ ประเพณที ้องถนิ่ 2. ลกั ษณะของวัฒนธรรมไทย เชน่ ยึดถอื ระบบเครือญาติ นิยมความ สนกุ สนาน เป็นวัฒนธรรมเดย่ี ว 3. ประเพณีที่นิยมทงั้ ในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนอื คอื การทํา ขวญั ข้าว ^ปญั หาสงั คมและการ 1. สิ่งบ่งชีป้ ัญหาสงั คม คอื คนจาํ นวนมากในสังคมเห็นพอ้ งกันว่าเปน็ ปญั หา เปลยี่ นแปลงทางสังคม ควรแก้ไข 2. การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบแผนความสัมพันธ์ ระหว่างคนในสังคม ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมเป็นการ เปลยี่ นแปลงดา้ นระบบคิดของคนในสงั คม โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีที่ 26 ______________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (3)
วัฒนธรรมและสังคม 1. มนษุ ย์มลี ักษณะพเิ ศษแตกต่างจากสัตว์อน่ื ๆ ประการใด มนษุ ย์มีลกั ษณะพเิ ศษแตกตา่ งจากสตั วอ์ ื่นดังน้ี 1. มีความสามารถในการใช้และสรา้ งสญั ลักษณ์ 2. มีวฒั นธรรม เพราะการมีวัฒนธรรมทําให้สงั คมมรี ะเบยี บ มีชวี ิตยืนยาว และมนษุ ยส์ ามารถสร้างความ เจรญิ กา้ วหนา้ ทสี่ ัตวอ์ ่นื ไมอ่ าจทําได้ เนื่องจากมนษุ ยม์ มี ันสมองใหญ่กวา่ สตั ว์อื่น จงึ มีระดบั สติปัญญาและ ความคิดสรา้ งสรรค์เหนอื กว่าสัตว์อื่นๆ จงึ ทาํ ให้สามารถสร้างวัฒนธรรมได.้ 2. สัญลกั ษณ์คอื อะไร มีความสําคญั อย่างไรต่อมนุษย์ สัญลักษณ์ คอื ส่ิงทใ่ี ชแ้ ทนส่ิงอน่ื เชน่ วตั ถุ การกระทํา กิริยาท่าทาง ภาษา สัญลกั ษณม์ คี วามสําคัญ ต่อมนษุ ย์มาก เพราะสญั ลักษณเ์ หล่านีช้ ่วยใหม้ นษุ ยส์ ามารถติดตอ่ สัมพนั ธก์ นั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ สัญลักษณ์นั้น ไมไ่ ดเ้ กิดข้ึนเองตามธรรมชาติ แต่เปน็ สง่ิ ที่มนษุ ย์เท่าน้นั ที่สรา้ งได้ ซ่ึงเกดิ จากการเรียนรโู้ ดยผา่ นกระบวนการขัดเกลา ทางสังคม. 3. สงั คมคอื อะไร และเพราะเหตใุ ดมนษุ ย์จงึ ต้องอยรู่ วมกันเปน็ สงั คม - สังคม คือ กลมุ่ คนขนาดใหญท่ ม่ี ีลักษณะดังนี้ 1. เป็นกลมุ่ คนทีส่ ามารถเล้ยี งตนเองได้ 2. มี วฒั นธรรมหรอื วถิ ชี ีวติ เป็นของตนเอง 3. มีอาํ นาจเหนอื กลุ่มเลก็ ๆ ท่อี ยภู่ ายในอาณาเขตของตน. - สาเหตุที่มนุษย์ตอ้ งมาอย่รู วมกนั เปน็ สังคม 1. เพอื่ สนองความตอ้ งการข้นั พื้นฐาน ไดแ้ ก่ ความ ต้องการทางชีวภาพ กายภาพ จิตวิทยา และสงั คม 2. เพื่อทาํ ใหเ้ ปน็ มนุษย์อยา่ งสมบูรณห์ รือแทจ้ ริง โดยมี วฒั นธรรมเป็นตัวขดั เกลามนุษยใ์ ห้เรยี นรูใ้ นการอยู่รว่ มกัน 3. เพือ่ พ่ึงพาอาศยั กันและสรา้ งความเจรญิ ก้าวหนา้ ใหก้ บั ตนเองและกลมุ่ . 4. อธิบายเรือ่ งวฒั นธรรม ความหมายของวฒั นธรรม ลกั ษณะของวัฒนธรรม ประเภทของ วัฒนธรรม องคป์ ระกอบของวัฒนธรรม ความสําคัญของวฒั นธรรม หนา้ ท่ขี องวฒั นธรรม - วฒั นธรรม คือ แบบอยา่ งของพฤติกรรมทัง้ หลายท่ไี ดม้ าทางสังคมและถา่ ยทอดกันไปทางสังคม โดยอาศัยสัญลักษณ์ เชน่ กฎหมาย ศาสนา ศีลธรรม การปกครอง รวมท้งั สง่ิ ประดิษฐท์ ี่เปน็ วตั ถุ เช่น เคร่ืองมอื เคร่อื งจกั ร อาคาร - ลกั ษณะของวัฒนธรรม 1. วฒั นธรรมเปน็ สงิ่ ท่ีมนุษย์สรา้ งขึน้ ไม่ว่าจะเปน็ รูปธรรมหรือนามธรรม และเป็นระบบสญั ลักษณ์ 2. วัฒนธรรมเปน็ วถิ ีชีวติ ก็คือแบบแผนการดําเนินชวี ติ ท่เี กดิ จากการเรียนรแู้ ละ สืบทอดต่อกันมา เช่น ลูกต้องเล้ียงดูพ่อแมเ่ ม่ือยามทา่ นแก่ชรา 3. วัฒนธรรมเป็นสงิ่ ที่ไดม้ าจากการเรยี นรู้ เช่น คนไทยยกมือไหว้ ชาวยุโรปใชว้ ธิ สี มั ผสั มอื ฉะน้นั การทสี่ งั คมแต่ละสังคมมวี ัฒนธรรมไม่เหมอื นกนั กเ็ ปน็ ผล สืบเน่อื งมาจากการเรยี นร้หู รอื การถา่ ยทอดพฤติกรรมท่แี ตกต่างกนั 4. วฒั นธรรมเป็นมรดกทางสงั คม กค็ อื วฒั นธรรมสามารถถ่ายทอดจากชนรุ่นหนึ่งไปส่ชู นอีกรุน่ ได้ 5. วัฒนธรรมมกี ารเปล่ียนแปลงได้และปรับตัวได้ เพราะสงั คมไม่เคยหยดุ นิ่ง. - ประเภทของวฒั นธรรม 1. วัตถธุ รรม วฒั นธรรมทางวัตถุ เชน่ เครอ่ื งมือเครือ่ งใช้ 2. คตธิ รรม วัฒนธรรมทีเ่ ก่ยี วกับหลักการดาํ เนนิ ชีวิต ส่วนใหญ่เปน็ เรอ่ื งของจติ ใจและไดม้ าจากทางศาสนา 3. เนติธรรม วัฒนธรรมทางกฎหมาย 4. สหธรรม วฒั นธรรมทางสงั คม ไดแ้ ก่ มารยาททางสังคมตา่ งๆ เช่น การตอ้ นรบั แขก การแสดงความเคารพ การแต่งกาย. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (4) ______________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 26
- องค์ประกอบของวัฒนธรรม 1. สถาบนั 2. สัญลักษณ์ 3. ความเช่อื 4. บรรทดั ฐาน 5. ค่านิยม. - ความสําคัญของวัฒนธรรม 1. วฒั นธรรมทาํ ใหม้ นษุ ย์แตกต่างจากสัตวอ์ ื่น 2. วัฒนธรรมทําให้ เป็นมนุษย์อย่างสมบรู ณ์ 3. ช่วยให้มนุษย์สามารถแกป้ ัญหาและสนองความต้องการด้านต่างๆ ได้ 4. วฒั นธรรม ชว่ ยใหม้ นษุ ย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสนั ตสิ ุข เชน่ การออกกฎหมาย 5. วัฒนธรรมช่วยสร้างความผกู พัน และความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน 6. วฒั นธรรมชว่ ยใหส้ งั คมเจรญิ รงุ่ เรือง เชน่ ในสงั คมท่มี ีวฒั นธรรมที่เอือ้ ตอ่ การมีระเบียบวนิ ยั ขยนั หม่ันพียร ประหยดั 7. วัฒนธรรมชว่ ยสร้างเอกลักษณข์ องสงั คม. - หนา้ ทขี่ องวัฒนธรรม 1. วัฒนธรรมกาํ หนดพฤตกิ รรมของมนุษย์ในสังคม เพราะวฒั นธรรม เปน็ ตวั กําหนดค่านยิ มว่า อะไรด-ี ชั่ว อะไรถกู -ผดิ เช่น เด็กต้องมีพฤติกรรมทีน่ อบนอ้ มต่อผู้ใหญ่ 2. วัฒนธรรม ควบคุมสังคม วฒั นธรรมเปน็ ตัวสร้างความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยให้แก่สังคม เช่น บรรทัดฐานตา่ งๆ ความคิด ความเชือ่ 3. วฒั นธรรมกําหนดรปู แบบของสถาบนั เชน่ รปู แบบของครอบครัว ในบางสงั คมสามมี ีภรรยา หลายคนได้ 4. วัฒนธรรมเปน็ ปจั จัยหลอ่ หลอมบคุ ลิกภาพทางสังคม ทําให้สมาชิกในสังคมส่วนใหญม่ บี ุคลิกภาพ คล้ายคลงึ กัน เชน่ มีความกตญั ญกู ตเวที เคารพระบบอาวโุ ส. 5. วฒั นธรรมและสงั คมมีความหมายเหมอื นกนั หรอื แตกต่างกัน และท้งั สองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร 1. วัฒนธรรมและสงั คมมีความหมายแตกตา่ งกนั วัฒนธรรม คือ วิถชี ีวติ สังคม คือ กลุ่มคน 2. วฒั นธรรมเป็นเครือ่ งมอื ที่จะช่วยให้มนุษย์และสังคมดํารงอยู่ได้ สังคมและวัฒนธรรมเป็นของคู่กัน มนุษย์สร้างวัฒนธรรม และวัฒนธรรมสร้างสังคม ดังนั้นวัฒนธรรมจึงไม่ใช่ส่ิงท่ีติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด มนุษย์นั้นเรียนรู้วัฒนธรรมจากบุคคลต่างๆ ในสังคม และสังคมไม่อาจดํารงอยู่ได้ ถ้าไม่มีวัฒนธรรม เพราะ วัฒนธรรมเป็นกลไกควบคุมสงั คม. 6. ศัพทท์ างสงั คมวิทยาท่เี จอในข้อสอบบ่อยๆ - วฒั นธรรม คอื วถิ กี ารดาํ เนินชีวติ แบบแผนแห่งพฤติกรรม ผลงานทม่ี นษุ ยไ์ ด้สร้างสรรค์ข้ึน รวมท้งั ความคิดความเช่ือ ความรู.้ - โครงสรา้ งทางสังคม คอื 1. ระบบความสัมพนั ธ์ของสถาบันต่างๆ ของสงั คมในขณะใดขณะหนง่ึ 2. รปู แบบความสัมพนั ธ์ท่ีมีบรรทัดฐานเปน็ แนวทางที่ให้คนในสังคมยึดถือไว้ใชใ้ นการทํากจิ กรรมต่างๆ. - กลมุ่ ทางสังคมหรอื องคก์ ารทางสังคม คอื 1. กลุม่ บคุ คลที่สมาชิกในกลุ่มมีการตดิ ต่อสมั พันธ์กัน อย่างมรี ะบบแบบแผนที่ยอมรับกัน กลุ่มสังคมจะมีความรูส้ ึกเปน็ อนั หนึ่งอันเดียวกนั โดยมเี อกลักษณ์ มีความ สนใจคล้ายกนั ซึง่ ทําใหก้ ลมุ่ มลี ักษณะแตกต่างกับกล่มุ อ่นื ๆ 2. กลุ่มคนตง้ั แต่ 2 คนขึน้ ไป ซง่ึ มีความรูส้ ึกเปน็ พวกเดียวกนั และมกี ารกระทาํ ตอ่ กนั เพ่ือใหไ้ ด้รับผลตามจดุ มุ่งหมาย. - สถาบันทางสังคม คือ 1. แบบแผนพฤติกรรมของสมาชิกในสงั คมทีส่ นองความต้องการรว่ มกนั ในด้านต่างๆ 2. กลุ่มของบรรทดั ฐานทส่ี งั คมกาํ หนดขึน้ เพอ่ื ใช้เป็นหลกั ในการทาํ กจิ กรรมด้านต่างๆ 3. ชดุ ของ กฎเกณฑ์ทีส่ ังคมกําหนดให้สมาชกิ ดาํ เนนิ กจิ กรรมด้านตา่ งๆ 4. ยอดรวมของรปู แบบความสัมพันธ์ กระบวนการ และวตั ถุอปุ กรณท์ ่สี ร้างขน้ึ เพื่อสนองประโยชน์สําคญั ๆ ทางสังคมเรื่องใดเรือ่ งหน่ึง. - บรรทัดฐานทางสังคม คอื 1. ระเบยี บแบบพฤตกิ รรม กฎเกณฑ์ หรอื คตินิยมที่สงั คมกาํ หนดไว้ เพ่อื เปน็ แนวทางใหบ้ ุคคลซง่ึ เป็นสมาชิกของสงั คมยึดถือและปฏิบตั ิในสถานการณ์ต่างๆ 2. กฎเกณฑห์ รือแบบแผน ความประพฤตทิ ใี่ ชเ้ ป็นแนวทางให้คนในสงั คมไดป้ ฏิบัตติ อ่ กนั เพ่อื ให้เกดิ ความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ยในสงั คม. โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 ______________________สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (5)
- การจดั ระเบยี บทางสงั คม คอื 1. การวางรปู แบบพฤตกิ รรมของบุคคลในสังคมท่ีต้องมากระทาํ ตอ่ กนั ทางสังคม เพอ่ื ให้ความสมั พนั ธข์ องสมาชิกในสังคมดาํ เนินไปอย่างราบรืน่ 2. วิธกี ารท่ีสังคมกําหนด แบบแผนพฤตกิ รรมให้สมาชกิ ประพฤตปิ ฏิบัติเปน็ แนวทางเดียวกนั . - การควบคมุ ทางสังคม คือ วธิ กี ารทสี่ งั คมใช้ควบคุมความพฤติกรรมของสมาชกิ ใหป้ ระพฤติ ปฏิบตั ิเปน็ แนวทางเดยี วกัน. - การขัดเกลาทางสังคม คอื 1. กระบวนการปลูกฝังบรรทัดฐานของกลุ่มให้เกดิ ขน้ึ ในตัวบุคคล ซ่งึ เป็นสมาชกิ ของสังคม เพื่อใหส้ มาชิกสามารถอย่รู ว่ มกนั และทํางานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนในสงั คมไดด้ ว้ ยดี 2. วธิ ีการท่ี สงั คมถ่ายทอดแบบแผนพฤตกิ รรมให้สมาชิกประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ ปน็ แนวทางเดียวกนั 3. กระบวนการทางสังคม กบั จิตวทิ ยาซง่ึ มผี ลทาํ ให้บุคคลมบี คุ ลิกภาพตามแนวทางท่สี งั คมตอ้ งการ. - การเคลอ่ื นท่ีทางสังคม คอื การเปลยี่ นอาชีพหรือเล่อื นตําแหน่ง-หน้าท-ี่ ฐานะทางสังคม เชน่ สงั คมเมืองมกี ารเคลื่อนที่ทางสงั คมได้มากกวา่ สังคมชนบท สังคมเมืองมีการเคลอ่ื นท่ที างสงั คมแนวตั้ง สังคม ชนบทมีการเคล่อื นทที่ างสังคมแนวนอน. - คา่ นิยม คือ 1. แบบอย่างพฤตกิ รรมที่สงั คมถอื วา่ มคี ณุ ค่า เปน็ แบบแผนทใี่ ชต้ ดั สินหรอื ประเมินคา่ สงิ่ ต่างๆ 2. สิ่งท่ีกลุม่ บคุ คลเช่ือและยึดถอื เปน็ เครื่องช่วยตดั สนิ ใจและกําหนดการกระทาํ ของตนเอง 3. เกณฑ์ที่ ระบุว่าควรประพฤติปฏบิ ตั ิอย่างไร หรอื เกณฑ์ในการประเมนิ ค่าความประพฤติของสงั คม. - การพฒั นาสังคม คอื การเปลี่ยนแปลงท่มี ีทิศทาง มเี ป้าหมายตามเจตจํานงของคนในสงั คมที่ แสดงออกในรูปของการวางแผนหรือไม่ก็ได้. - วิวัฒนาการ คือ การเปล่ียนแปลงก้าวหนา้ ทเี่ ปน็ ไปเองโดยไมม่ กี ารวางแผน แต่มีการสง่ั สมกัน ต่อๆ ไป. - การปฏวิ ตั สิ ังคม คอื การเปล่ียนแปลงอย่างฉับพลันของระเบียบสงั คมเดมิ โดยเฉพาะการ จัดลาํ ดบั ความสงู ตาํ่ ของชนชัน้ สังคมทเี่ คยม.ี 7. องคป์ ระกอบของโครงสรา้ งทางสงั คม สถาบันทางสงั คม การจดั ระเบยี บทางสงั คมมอี ะไรบ้าง - โครงสรา้ งทางสังคมมีองค์ประกอบดังนี้ 1. กลุม่ ทางสงั คม 2. สถานภาพและบทบาท 3. สถาบัน ทางสงั คม. - สถาบันทางสงั คมมีองค์ประกอบดงั นี้ 1. กลุ่มทางสังคม 2. สถานภาพและบทบาท 3. หน้าที่ 4. บรรทดั ฐาน 5. สญั ลักษณ์ 6. คา่ นยิ ม. - การจัดระเบยี บทางสังคมมอี งค์ประกอบดงั น้ี 1. บรรทัดฐาน 2. สถานภาพและบทบาท 3. การควบคุมทางสงั คม 4. คา่ นิยม. 8. กลุ่มทางสงั คมมี 2 ประเภท อะไรบ้าง 1. กลุ่มปฐมภูมิ เปน็ กลุ่มท่ีสมาชิกมคี วามสมั พนั ธ์กนั แบบเป็นส่วนตัวเป็นกนั เอง ใกล้ชดิ สนทิ สนม ยดึ มนั่ ในขนบธรรมเนยี มประเพณี และเป็นไปตามอารมณ์ กลุ่มปฐมภูมิจงึ เป็นกลุม่ ขนาดเล็กท่สี มาชกิ มี ความสมั พันธต์ ิดต่อกันเปน็ เวลานาน รูจ้ กั และเขา้ ใจกนั อยา่ งถ่องแท้ เรือ่ งท่สี มาชกิ ติดตอ่ กันไม่มีขอบเขตจํากัด เช่น กลุม่ เพอื่ นเล่น เพอ่ื นบ้าน ขอ้ สังเกต แต่กลุม่ ปฐมภมู ไิ ม่จําเปน็ ต้องมีความสัมพันธ์เฉพาะหน้าเสมอไป เช่น คนตา่ งจงั หวัดทเ่ี ขา้ มาอยูใ่ นกรงุ เทพฯ ดังนั้นกลุม่ ปฐมภูมิเป็นกล่มุ ทจี่ าํ เป็นแก่มนุษยท์ ี่ขาดเสียมไิ ด้ เปน็ กล่มุ ทใี่ ห้ ความอบอุ่นและความมัน่ คงทางด้านจติ ใจ. สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (6) ______________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
2. กลมุ่ ทุติยภมู ิ เป็นกลมุ่ ทีส่ มาชิกมีความสัมพนั ธ์กันแบบเปน็ ทางการ ไม่ยึดความผูกพนั สว่ นตัว จงึ เปน็ ความสมั พนั ธแ์ บบพันธะสัญญา เน้นผลประโยชนแ์ ละเป็นไปตามเหตผุ ล สมาชิกผกู พนั กันตามสถานภาพ เช่น ฐานะพอ่ ค้ากบั ลูกคา้ นายจา้ งกบั ลูกจ้าง กลมุ่ ทุตยิ ภมู ิจึงเป็นกลุ่มขนาดใหญท่ ่มี ีสมาชกิ จาํ นวนมาก ขาดความเห็นอกเห็นใจกัน ขาดความเปน็ กันเอง ทุกคนตา่ งต้องปฏบิ ตั ติ ่อกันตามระเบยี บแบบแผน สมาชกิ ตดิ ต่อกนั เฉพาะเร่อื ง เฉพาะเวลา มีความสัมพันธ์ระยะสน้ั เช่น หน่วยงานราชการ องค์การ บริษทั มหาวิทยาลยั . 9. สถาบนั ทางสังคมขน้ั พ้นื ฐานมีอะไรบา้ ง - สถาบันทางสงั คมขน้ั พื้นฐาน ได้แก่ สถาบนั ครอบครัว / สถาบนั การเมอื งการปกครอง / สถาบนั เศรษฐกิจ / สถาบันศาสนา / สถาบันการศึกษา - สถาบันครอบครวั เป็นสถาบันพ้นื ฐานแรกท่ีสุดและมคี วามสาํ คัญยิ่งตอ่ สังคม เพราะเป็นสถาบัน ข้ันพื้นฐานท่เี ป็นจดุ เริ่มต้นของสถาบันอืน่ ๆ. 10.สถาบันครอบครัว และสถาบันศาสนามอี งค์ประกอบในรายละเอยี ดอะไรบ้าง - สถาบันครอบครัว 1. กลมุ่ สังคม เชน่ พ่อ แม่ ลกู วงศาคณาญาติ 2. สถานภาพและบทบาท เชน่ พ่อแม่มหี น้าท่ีเล้ียงดปู กป้องใหค้ วามรักแกล่ ูก ลูกมีหนา้ ทีต่ ้องเคารพเชอ่ื ฟงั พอ่ แม่ 3. หนา้ ท่ี เชน่ ผลิต สมาชกิ ใหม่ ปลกู ฝงั และถา่ ยทอดวฒั นธรรม อบรมใหเ้ รียนร้รู ะเบยี บของสงั คม กาํ หนดสถานภาพของบคุ คล ใหค้ วามรักความอบอุ่น บาํ บัดความตอ้ งการทางเพศ 4. บรรทดั ฐานหรือแบบแผนพฤตกิ รรม เช่น การหม้นั การสมรส การกอ่ ต้ังครอบครวั การหยา่ รา้ ง 5. สัญลกั ษณ์ เช่น แหวนแตง่ งาน ตราประจําตระกลู 6. ค่านิยม เช่น การร่วมทุกข์รว่ มสุขกนั . - สถาบันศาสนา 1. กลุ่มสงั คม เชน่ ภิกษุ สามเณร ศาสนกิ ชน วดั วิทยาลยั สงฆ์ 2. สถานภาพ และบทบาท เชน่ พระตอ้ งสาํ รวมและประพฤติตามพระธรรมวินยั มีเมตตาต่อสัตวโ์ ลก 3. หน้าที่ เช่น สัง่ สอน และเผยแผ่ธรรม สรา้ งความเป็นหนง่ึ เดยี วกนั ในสงั คม กลไกควบคมุ ความประพฤตขิ องคนในสังคม เสรมิ สรา้ ง ความม่ันคงด้านจติ ใจ เปน็ เคร่อื งสรา้ งความผูกพันระหว่างคนในชาติและวฒั นธรรมของสงั คม 4. บรรทดั ฐาน หรือแบบแผนพฤตกิ รรม เชน่ การทาํ บุญตกั บาตร การถือศลี ห้า ชายไทยบวชเมอื่ อายุครบ 20 ปี 5. สัญลกั ษณ์ เชน่ พระพุทธรปู โบสถ์ ทํานองสวดมนต์ 6. ค่านยิ ม เช่น ความสันตสิ ุขของสงั คม การยึดม่นั ใน คาํ สอน. 11. ครอบครวั เด่ียว (Nuclear family) และครอบครัวขยาย (Extended family) มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 1. ครอบครัวเดย่ี ว เปน็ ครอบครวั ทปี่ ระกอบดว้ ยสามีภรรยา และลกู ๆ อยกู่ นั ตามลาํ พงั 2. ครอบครัว ขยาย เปน็ ครอบครวั ทีป่ ระกอบด้วยญาตพิ ี่น้อง อาจมีปู่ ยา่ ตา ยาย ลงุ ป้า น้า ฯลฯ. 12. สถานภาพคืออะไร มีความสําคญั อย่างไร และแบง่ ออกเปน็ กป่ี ระเภท - สถานภาพ คอื ตําแหนง่ ของบคุ คลในสังคมท่เี กิดจากความสมั พนั ธท์ างสงั คม สถานภาพเป็น ตัวกาํ หนดว่าใครเปน็ ใคร มีหน้าทคี่ วามรบั ผิดชอบอยา่ งไร. - สถานภาพแบ่งเป็น 2 ประเภท 1. สถานภาพติดตวั มา เชน่ เพศ สผี วิ อายุ สญั ชาติ วัย วรรณะ เชอื้ พระวงศ์ 2. สถานภาพทไ่ี ด้มาภายหลงั หรอื ไดม้ าโดยความสามารถ เช่น นกั เรยี น อาจารย์ ขา้ ราชการ นายกรัฐมนตรี ผู้จดั การบริษทั . โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 ______________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (7)
13. บทบาทคอื อะไร - บทบาท คือ พฤติกรรมที่สงั คมคาดหวังใหบ้ คุ คลปฏิบัติตามสิทธิ หน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบตาม สถานภาพทีเ่ ป็นอย.ู่ - ขอ้ สังเกต 1. ยิ่งสงั คมซบั ซอ้ นมากขนึ้ เทา่ ไร บทบาทจะยงิ่ แตกต่างไปมากข้นึ เทา่ นน้ั 2. ความ ขดั แยง้ ในบทบาทอาจเกิดข้นึ ได้ เม่ือบุคคลมีหลายสถานภาพ เช่น พอ่ เป็นตาํ รวจ ลกู เป็นโจร 3. บคุ คลจะแสดง บทบาทไม่ได้ ถ้าไม่มีค่แู สดงบทบาท หมายความวา่ บคุ คลจะแสดงบทบาทของตนในสงั คมแต่เพียงฝ่ายเดยี ว ไมไ่ ด้ แต่จะตอ้ งแสดงบทบาทสัมพนั ธ์กับบุคลอืน่ 4. ถ้าสมาชิกของสังคมปฏิบัตติ ามบทบาทของตน (เขา้ ใจ บทบาทอยา่ งเดียวไม่พอ) อยา่ งถูกต้องและเครง่ ครดั สงั คมก็จะมีระเบยี บ 5. การไม่รูไ้ มเ่ ขา้ ใจบทบาทสามารถ แก้ไขไดโ้ ดยการขัดเกลาทางสังคม. 14. บรรทดั ฐานมี 3 ประเภท อะไรบ้าง 1. วิถีชาวบา้ น เป็นแนวทางปฏบิ ัตทิ บี่ คุ คลในสงั คมควรจะกระทํา กระทําจนเป็นนิสัย และยงั รวมถึง มารยาททางสงั คมและสมยั นิยม เชน่ การยกมอื ไหวเ้ มือ่ พบผู้ใหญ่ การแตง่ กายทสี่ ภุ าพในท่สี าธารณะ การกนิ ขา้ วดว้ ยช้อนส้อม การเขียนหนงั สอื ด้วยมือขวา การลงช่อื ตอนท้ายของจดหมาย การฝ่าฝืนวิถีชาวบ้านจะถูก สังคมลงโทษแบบไม่เปน็ ทางการ เช่น ซุบซบิ นนิ ทา หัวเราะเยาะ ตาํ หนติ เิ ตียน. 2. จารตี เปน็ แนวทางปฏิบตั ทิ ี่บคุ คลในสังคมจะตอ้ งกระทาํ เก่ียวข้องกบั ศีลธรรม ความด-ี ชว่ั ความถูก-ผดิ ความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ยและสวัสดิภาพของสังคม เช่น ลกู ตอ้ งกตญั ญกู ตเวทตี ่อพ่อแม่ สามี ภรรยาต้องซื่อสัตยต์ อ่ กนั จารีตยังรวมถึงขอ้ หา้ มด้วย เชน่ หา้ มพ่นี อ้ งร่วมบิดามารดาแตง่ งานกนั การฝา่ ฝืน จารีตจะถูกสงั คมลงโทษแบบไมเ่ ป็นทางการ แต่จะจริงจงั และรนุ แรงกว่าวิถีชาวบ้าน เช่น การถกู รมุ ประชาทณั ฑ์ การเลิกคบคา้ สมาคมดว้ ย. 3. กฎหมาย เปน็ แนวทางทท่ี ุกคนตอ้ งกระทํา. 15.การควบคมุ ทางสงั คมมี 2 ประเภท อะไรบา้ ง - การควบคุมทางสงั คมเปน็ องคป์ ระกอบหนึ่งของการจัดระเบยี บทางสังคม ประเภทของการ ควบคมุ ทางสงั คม 1. การควบคมุ แบบเป็นทางการ ได้แก่ การใช้กฎหมาย 2. การควบคมุ แบบไม่เปน็ ทางการ ได้แก่ การใชว้ ิถชี าวบา้ น และจารตี . 16. การขัดเกลาทางสังคมมี 2 ประเภท อะไรบ้าง 1. การขดั เกลาทางสงั คมทางตรง เช่น การทพ่ี ่อแมฝ่ ึกอบรมเด็กใหร้ จู้ กั พูดหรือรูจ้ กั มารยาท ทางสงั คม ครูสอนหนังสือนกั เรยี น 2. การขดั เกลาทางสังคมทางออ้ ม เชน่ การได้รับความร้จู ากการอ่านหนังสือ ดโู ทรทัศน์ ฟงั วิทยุ ฟงั อภปิ ราย ฟังโตว้ าที และการเรยี นรู้จากการกระทาํ ของผูอ้ ื่น เช่น เด็กเลยี นแบบการใชค้ าํ หยาบจากเพ่อื น ดงั นนั้ การขดั เกลาทางสงั คมหรอื การอบรมสง่ั สอนจึงเป็นวิธกี ารถ่ายทอดทางวฒั นธรรม ทาํ ให้มนุษยไ์ ดเ้ รยี นรู้ วฒั นธรรมและสามารถปฏบิ ัตติ นใหเ้ ขา้ กบั สังคมไดถ้ กู ต้อง และทาํ ใหว้ ัฒนธรรมเป็นมรดกของสงั คม. สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (8) ______________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปีที่ 26
17. คา่ นิยมมคี วามสาํ คญั อย่างไร - ค่านิยมเปน็ พน้ื ฐานสําคญั ทก่ี ่อใหเ้ กดิ บรรทดั ฐานทางสังคม ค่านิยมมผี ลต่อพฤติกรรมของบคุ คล และมีผลตอ่ ความเจริญหรอื ความเสอ่ื มของสังคม. - ลักษณะของ “คา่ นยิ ม” คือ ตวั กําหนดพฤตกิ รรมและวธิ กี ารจัดรปู แบบความประพฤติของบุคคล ในสงั คม สว่ นลกั ษณะของ “ความนิยม” คอื การทําตัวตามคนอืน่ โดยทบี่ างคร้งั ตนเองมองไม่เหน็ คณุ คา่ ของ การกระทาํ นัน้ เหน็ สังคมกาํ ลังนิยม ตนกน็ ยิ มตามดว้ ย เชน่ การไว้ผมยาว การน่งุ กระโปรงส้นั เป็นต้น. - ขอ้ สังเกต 1. คา่ นิยมเป็นความนิยมของสงั คมหรือกลุ่มบคุ คล ไม่ใช่ความนยิ มของคนใดคนหนงึ่ (ความนยิ มสว่ นบุคคล เราเรยี กว่า รสนยิ ม) 2. ค่านิยมไม่จาํ เปน็ ต้องเปน็ ส่ิงทถ่ี ูกตอ้ งเสมอ 3. ดังนัน้ ค่านยิ ม มีทง้ั ทดี่ แี ละไม่ดี ทงั้ ท่ีควรปลูกฝังในสังคมและคา่ นยิ มทคี่ วรแก้ไข. 18.ชุมชนชนบทและชมุ ชนเมอื งมคี วามแตกต่างกันอย่างไร 1. ชมุ ชนชนบท ผูค้ นมอี าชพี ทางการเกษตรเปน็ สว่ นใหญ่ วถิ ีการดําเนนิ ชวี ติ ขน้ึ อยูก่ ับธรรมชาติ มีความสัมพันธแ์ บบเปน็ กนั เอง มชี ีวิตความเป็นอยู่แบบงา่ ยๆ ความหนาแน่นของประชากรมีน้อย ความแตกตา่ ง ทางสังคมมีน้อย การเคล่อื นท่ีทางสังคมมนี อ้ ยและเคล่อื นท่ใี นแนวนอน ขอบเขตความสมั พนั ธ์กว้างขวางทว่ั ไป 2. ชุมชนเมือง ผคู้ นมอี าชพี หลากหลาย วิถชี วี ติ ไม่ค่อยได้ใกลช้ ดิ กบั ธรรมชาติ มคี วามสัมพันธต์ าม กฎระเบียบของสังคม มีการแขง่ ขนั กันสูง มคี วามหลากหลายทางวฒั นธรรม ความหนาแนน่ ของประชากรมมี าก ความแตกต่างทางสังคมมมี าก การเคล่อื นที่ทางสงั คมมมี ากและเคล่อื นท่ีในแนวตงั้ ขอบเขตความสมั พนั ธ์แคบ เฉพาะเร่ือง. 19. สังคมไทยมีลักษณะโดยท่วั ไปเปน็ อย่างไร - สังคมไทยมลี กั ษณะดงั น้ี 1. สงั คมไทยเปน็ เอกสังคม 2. สงั คมเกษตรกรรม 3. สงั คมเจา้ ขุน มลู นาย 4. มพี ระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข 5. สงั คมท่รี วมอาํ นาจไวท้ ่ีส่วนกลาง 6. มีศาสนาพุทธเปน็ ศาสนา ประจาํ ชาติ 7. มีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ 8. มกี ารศึกษาตาํ่ 9. มกี ารอพยพไปสู่ถน่ิ อน่ื มากขึ้น 10. มีการแบ่งชนชัน้ 11. มีโครงสร้างแบบหลวมๆ คือ ไมค่ ่อยเครง่ ครดั ในระเบียบวนิ ยั 12. สังคมเปิด. 20.วฒั นธรรมไทยมลี กั ษณะท่ีสาํ คัญประการใด - วฒั นธรรมมีลักษณะสําคัญท่ีสรุปได้ดังน้ี 1. เป็นวฒั นธรรมแบบเกษตรกรรม 2. เปน็ วัฒนธรรมผสมผสาน 3. เป็นวัฒนธรรมทีถ่ ือระบบเครือญาติ 4. เป็นวฒั นธรรมทีน่ ยิ มความสนุกสนาน 5. เป็นวฒั นธรรมที่ยดึ ถอื พธิ ีกรรม 6. เปน็ วฒั นธรรมที่ยึดถอื ในการทาํ บญุ ทาํ กศุ ล. 21. วฒั นธรรมไทยมีทีม่ าจากแหลง่ ใดบา้ ง ทีม่ าของวัฒนธรรมไทย 1. จากขนบธรรมเนียมประเพณไี ทยโบราณ เช่น การกตญั ญกู ตเวทตี ่อผู้มี พระคณุ 2. จากลักษณะสังคมเกษตรกรรม เชน่ การแห่นางแมว การแห่บ้ังไฟ การลงแขกเกี่ยวข้าว การเต้น กาํ ราํ เคยี ว 3. จากพธิ ีกรรมของพระพุทธศาสนา เช่น การสวดมนต์ไหว้พระ การทอดกฐิน การทอดผา้ ปา่ การบวช 4. จากพธิ กี รรมของศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู เชน่ การต้งั ศาลพระภูมิ การสะเดาะเคราะหต์ อ่ อายุ การโกนจุก การวางศลิ าฤกษ์ การรดนา้ํ สงั ข์ในพธิ ีมงคลสมรส. โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 ______________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (9)
22.ประเพณีท้องถ่ินในภาคต่างๆ ของไทยมอี ะไรบ้าง ภาค ประเพณี ศิลปะ เคร่ืองดนิ ตรี เหนอื ขนั โตก / ตานก๋วยสลาก / ประเพณีการ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเง้ยี ว / ป่ี ซอ ซงึ สะลอ้ หรือ สบื ชะตาหรือการตอ่ อายุ (ได้รับอิทธพิ ล ฟ้อนเทยี น / ตกี ลอง ซอลอ้ จากพุทธศาสนา) / ปอยสา่ งลองหรอื งาน สะบัดไชย / ขบั ซอ บวชลกู แก้วเปน็ สามเณร / งานทาํ ขวญั ผ้งึ ทสี่ ุโขทัย / งานอ้มุ พระดาํ นาํ้ ที่เพชรบูรณ์ / การตีเหลก็ นาํ้ พีท้ ่ีอุตรดิตถ์ กลาง รบั บัวโยนบัวที่สมุทรปราการ / ตกั บาตร ราํ กลองยาว / ราํ พัด / ระนาด ขลยุ่ ซอสาม เทโวทีอ่ ทุ ัยธานี / ตกั บาตรน้ําผ้งึ ที่ รําสีนวล / เต้นกาํ ราํ เคยี ว สาย จะเข้ ฆอ้ งวงใหญ่ ฉะเชงิ เทรา / บูชารอยพระพทุ ธบาทที่ / เพลงปรบไก่ / เพลงลํา กลองสองหนา้ สระบรุ ี / ท้งิ กระจาดทเี่ พชรบูรณ์ / แห่เจ้า ตดั / เพลงพวงมาลยั / พ่อเจ้าแมป่ ากนํ้าโพท่ีนครสวรรค์ / ก่อ เพลงฉ่อย / เพลงแมศ่ รี / พระเจดยี ท์ รายท่ีฉะเชงิ เทรา / กวนข้าว เพลงระบําชาวไร่ / เพลง ทพิ ย์ที่ชยั นาท / ประเพณีสขู่ วญั ขา้ วท่ี อีแซว / ลเิ ก นครนายก / ทําขวญั ข้าวเปน็ ประเพณีของ ทงั้ ภาคกลางและภาคอสี าน อสี าน ฮตี สบิ สอง คองสิบส่ี / บญุ คนู ลาน / บญุ ระบําสากตําขา้ ว / ราํ แคน โปงลาง โหวด ซอ บ้งั ไฟ / ไหลเรอื ไฟ / ผีตาโขนที่เลย / แห่ กระทบไม้ / รําผฟี า้ / เซิ้ง พิณ ปราสาทผง้ึ / บญุ ผะเหวด / บญุ ข้าวจ่ี / โปงลาง เซ้ิงกระติบ / บุญข้าวสาก หมอลําหมอแคน ใต้ บุญสารทเดอื นสิบ / แหผ่ ้าขน้ึ ธาตุ / ราํ โนรา / ราํ ซัดชาตรี / ตะโพน ฉิ่ง รํามะนา ประเพณชี กั พระ / ประเพณกี นิ ผักที่ภเู กต็ ระบําศรวี ชิ ยั / หนังตะลงุ ไวโอลนิ / งานเจา้ แมล่ ิ้มกอเหนี่ยว / แขง่ นกเขา / รองเงง็ ชวา / งานฮารลี ายอ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (10) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26
23.ปัญหาสังคมมีลกั ษณะอย่างไร ปญั หาสงั คมมลี ักษณะดงั นี้ 1. เป็นสภาวการณท์ ี่เกิดจากการกระทําของมนุษย์ 2. มผี ลกระทบตอ่ คนสว่ นใหญใ่ นสงั คม อันเนื่องมาจากการกระทาํ ตอ่ กันทางสงั คมทไ่ี มเ่ ปน็ ไปตามบรรทดั ฐานและก่อให้เกดิ ผลเสีย 3. คนสว่ นใหญใ่ นสังคมจงึ ไม่ปรารถนาและรู้สึกว่าจะเป็นอันตรายหรือสร้างความเดอื ดร้อน 4. และพยายาม หาทางแกไ้ ขหรือเสนอแนวทางแก้ไขสภาวการณ์นนั้ ตวั อย่างปญั หาสังคม เชน่ วัยรนุ่ ตดิ ยาเสพตดิ นกั เรยี น ยกพวกตีกนั . - ขอ้ สังเกตปญั หาทเ่ี กดิ จากปรากฏการณ์ธรรมชาติไมถ่ ือว่าเป็นปัญหาสงั คม เช่น นํา้ ท่วม แผ่นดินไหว. 24.ปัญหาสงั คมในทางสงั คมวทิ ยาเกดิ จากอะไร ปญั หาสงั คมในทางสงั คมวทิ ยา 1. เกดิ จากพฤติกรรมทเี่ บ่ียงเบน เช่น การติดยาเสพติด การทุจรติ 2. เกดิ จากการเสียระเบยี บทางสงั คม เช่น การอพยพยา้ ยถนิ่ เข้ามาทาํ งานในเมอื ง การศกึ ษา การจราจร และ คุณภาพชีวติ . 25.การเปลย่ี นแปลงทางสังคมและการเปลย่ี นแปลงทางวัฒนธรรมมคี วามหมายท่แี ตกต่างกนั อย่างไร 1. การเปล่ยี นแปลงทางสังคม คอื การเปล่ียนแปลงรูปแบบหรอื ระบบของสังคม และโครงสรา้ ง หรอื ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาชิกในสงั คม เชน่ ครอบครัวไทยในปัจจบุ นั มขี นาดเลก็ ลง ผูห้ ญงิ ไทยมีบทบาท ทางการเมืองมากข้นึ ความสมั พนั ธเ์ ปลย่ี นจากเพ่อื นเปน็ สามภี รรยา. 2. การเปล่ยี นแปลงทางวฒั นธรรม คอื การเปลีย่ นแปลงในสิง่ ทม่ี นุษย์สร้างข้ึนทั้งสิง่ ทเ่ี ป็นวัตถุ และสง่ิ ทไี่ ม่ใชว่ ตั ถุ (เชน่ วิถชี วี ติ ความคดิ ความเชอื่ ทศั นคติ อดุ มการณ์ บรรทดั ฐาน คา่ นิยม) เชน่ การใช้ รถยนต์แทนรถเทยี มม้า การใชร้ ะบบเงินตราเป็นส่ือกลางในการแลกเปล่ียน คนไทยนยิ มสนิ ค้าไทยมากขน้ึ คนเมอื ง มคี วามเชื่อทางไสยศาสตร์น้อยลง. 26.การเปลย่ี นแปลงทางสังคมและทางวฒั นธรรมเกิดจากปัจจัยหรือสาเหตใุ ด การเปลยี่ นแปลงทางสงั คมและทางวัฒนธรรมเกิดจาก 1. ปัจจยั ภายใน ไดแ้ ก่ ปจั จยั ทางประชากร เช่น การเพมิ่ ขึ้นของประชากร ปัจจยั สิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพ เช่น สภาพดินฟา้ อากาศภายในประเทศ เปลี่ยนแปลงไป ทรพั ยากรธรรมชาติภายในประเทศขาดความอดุ มสมบูรณ์ 2. ปจั จัยภายนอก เชน่ การรบั เอา วิทยาการ เทคโนโลยี และการสือ่ สารคมนาคมจากต่างประเทศเข้ามา. โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (11)
ทดสอบพลังสมอง เรอ่ื ง “วัฒนธรรมและสังคม” 1. “ความสัมพนั ธ์ของกลุ่มคนที่มีบรรทดั ฐานทางสังคมร่วมกนั ” หมายถึง (โครงสรา้ งสงั คม / สถาบนั สังคม) 2. “กลุ่มของบรรทดั ฐานซงึ่ สังคมได้กาํ หนดไวเ้ พื่อใช้เปน็ หลักในการกระทํากิจกรรมต่างๆ ของสมาชกิ ในสงั คม รวมทัง้ เพ่ือแก้ปัญหาพืน้ ฐานและการดาํ รงอยู่ของสงั คม” หมายถึง (สถาบันทางสงั คม / การจัดระเบยี บทางสังคม) 3. วธิ กี ารทส่ี ังคมถา่ ยทอดแบบแผนพฤตกิ รรมให้สมาชกิ ประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ ปน็ แนวเดยี วกัน เรยี กว่า (การขัดเกลาทางสงั คม / การจัดระเบียบทางสังคม) 4. “วธิ ีการทสี่ ังคมกาํ หนดแบบแผนพฤติกรรมใหส้ มาชกิ ประพฤติปฏิบัตเิ ป็นแนวเดยี วกนั ” เรยี กว่า (การจัดระเบยี บทางสังคม / การควบคุมทางสังคม) 5. เอกลักษณ์ของสงั คมดูได้จาก (วัฒนธรรมทางสังคม / คา่ นยิ มทางสงั คม) 6. วฒั นธรรมมีความสาํ คญั ตอ่ การดํารงชวี ติ ของมนุษย์ (ทาํ ใหม้ นษุ ย์ได้เรียนรู้ในการอย่รู ว่ มกนั / ทําใหม้ นษุ ยม์ ีความเฉลียวฉลาดมากขึน้ ) 7. สถานภาพทางสังคมเป็นตวั บง่ ชี้ (ภาระ ความเสมอภาค ความรับผดิ ชอบ / สทิ ธิ หนา้ ที่ ความ รับผดิ ชอบ) 8. ความสัมพันธข์ องสงั คมเมอื ง และสังคมชนบทของไทย เรยี งตามลําดับ (แบบทตุ ิยภมู ิ แบบปฐมภมู ิ / แบบรปู นยั แบบอรูปนยั ) 9. การเปล่ยี นแปลงทางวัฒนธรรม หมายถึง การเปลย่ี นแปลง (ความสมั พนั ธจ์ ากแบบปฐมภูมไิ ปสู่ แบบทุตยิ ภมู ิ / แบบแผนการดําเนินชวี ติ ของคนในสังคม) 10.การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม หมายถงึ การเปลย่ี นแปลง (แบบแผนความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งคนใน สังคม / ด้านระบบคดิ ของคนในสงั คม) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (12) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
รฐั และการเมอื งไทย รฐั และการเมืองไทย จบั ประเด็นสําคัญ (หา Error) X รัฐ 1. องค์ประกอบท่สี าํ คัญท่สี ุดของรัฐ คือ การมอี าํ นาจอธิปไตยเป็นของ - รัฐเด่ียว รัฐรวม ตนเอง - ประมุขของรฐั 2. ประเทศที่มรี ูปแบบของรฐั รวม เช่น อนิ เดีย ออสเตรเลยี นิวซีแลนด์ มาเลเซีย พมา่ 3. ประเทศทม่ี ปี ระธานาธบิ ดีเป็นประมุข เชน่ ฝร่ังเศส เยอรมนี เดนมารก์ อินโดนเี ซีย Y ระบบรัฐบาล 1. ลักษณะการปกครองแบบรฐั สภาประการหนึ่ง คือ คณะรัฐมนตรี - รัฐสภา (ไทย) ตอ้ งไดร้ บั ความไวว้ างใจจากรฐั สภา - ประธานาธบิ ดี 2. ตามหลักการปกครองของสหรัฐอเมริกา ประธานาธบิ ดีมอี าํ นาจยบุ (สหรัฐอเมรกิ า) สภาผ้แู ทนราษฎร รฐั สภามีอาํ นาจหน้าทใ่ี นการลงมติไม่ไว้วางใจรฐั บาล - กึง่ รฐั สภาก่งึ ประธานาธิบดี 3. หลกั การใชอ้ าํ นาจของการปกครองแบบรฐั สภา คอื หลักการแยก (ฝร่งั เศส) อาํ นาจ หลักการยับยั้งและถ่วงดลุ อํานาจ Z การจัดระเบยี บการปกครอง 1. การแต่งตง้ั เจ้าหน้าทีจ่ ากสว่ นกลางไปเป็นผวู้ า่ ราชการจังหวดั ตา่ งๆ - หลักการรวมอาํ นาจ / แบ่ง เปน็ ไปตามหลักการกระจายอํานาจ อาํ นาจ / กระจายอํานาจ 2. องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นของไทยในปัจจบุ นั ไดแ้ ก่ อบจ. / อบต. / - การบรหิ ารราชการสว่ นกลาง / เทศบาล / สุขาภิบาล / สภาตาํ บล / กรงุ เทพมหานคร / เมืองพัทยา สว่ นภูมภิ าค / ส่วนท้องถน่ิ [ ประชาธิปไตย เผด็จการ และ 1. ความเปน็ ประชาธิปไตย หมายถงึ ประชาชนมีสว่ นรว่ มในทาง สิทธมิ นุษยชน การเมอื ง 2. การปกครองทรี่ ฐั บาลเข้าควบคมุ ทางด้านการเมือง แตเ่ ปดิ โอกาสให้ ประชาชนมสี ิทธเิ สรภี าพทางดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม หมายถงึ เผดจ็ การเบด็ เสรจ็ นยิ ม 3. องคก์ รระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนท่ีมีบทบาทต่อต้านการค้า หญงิ คอื GAATW \\ รฐั ธรรมนญู 1. สทิ ธเิ สรีภาพของประชาชนจะมมี ากหรือนอ้ ยเพียงใดข้นึ อยกู่ ับ รัฐธรรมนูญ 2. ระบบเผด็จการเปน็ ระบบทไี่ ม่มรี ัฐธรรมนูญ 3. ทุกรฐั ต้องมรี ัฐธรรมนญู ไม่ว่าจะมีการปกครองในรปู แบบใด เพราะ รัฐธรรมนูญเปน็ กฎหมายแมบ่ ททว่ี างหลกั การปกครองประเทศและ เปน็ หลักประกนั สิทธเิ สรีภาพของประชาชน ] การเมืองไทย 1. การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย ได้รับอิทธพิ ลจากประเทศ - รฐั สภา/ส.ส./ส.ว./ สหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรี 2. พระมหากษัตริย์ไทยทรงใช้อํานาจนิติบญั ญตั ิโดยผ่านทางรฐั สภา - องค์กรตามรัฐธรรมนูญไทย 3. ผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการยุบสภาผู้แทนราษฎร คอื นายกรัฐมนตรี - การมสี ว่ นร่วมทางการเมือง 4. องคก์ รทท่ี ําหนา้ ทคี่ วบคุมและดาํ เนินการจดั ใหม้ ีการออกเสยี ง ของประชาชน ประชามตติ ามทก่ี ฎหมายกาํ หนด คอื คณะกรรมการเลือกตัง้ โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (13)
1. รฐั คอื อะไร - รฐั คอื ชุมชนทางการเมอื งทปี่ ระกอบด้วย 1. ประชากร 2. ดินแดนทมี่ อี าณาเขตแน่นอน 3. รัฐบาล 4. อาํ นาจอธปิ ไตย คําว่า “รัฐ” ยังรวมถึง รฐั ธรรมนญู กฎหมาย ศาล และข้าราชการทกุ หนว่ ย ทกุ ระดับการปกครองที่รวมกันขนึ้ เป็นรัฐ เชน่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒสิ ภา คณะกรรมการเลือกต้ัง รฐั มี ลักษณะความเป็นถาวร แมว้ ่าจะมีการเปลีย่ นรัฐบาล แต่รัฐกย็ ังคงดาํ รงอย่ตู ลอดไป. 2. อํานาจอธปิ ไตย (Sovereignty) คืออะไร - อาํ นาจอธปิ ไตย คอื อํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เป็นอสิ ระจากการควบคมุ ของรัฐอ่ืนๆ เป็นอํานาจท่ีแบ่งแยกไมไ่ ด้ และเป็นองคป์ ระกอบสําคญั ทีส่ ดุ ของรฐั เพราะแสดงถึงความมเี อกราช ลักษณะของ อํานาจอธปิ ไตยมดี ังน้ี 1. แบ่งแยกมไิ ด้ 2. มีความถาวร 3. มีความเด็ดขาด 4. เป็นการท่ัวไป. 3. รัฐเดี่ยวและรฐั รวมมีความแตกตา่ งกนั อย่างไร - รัฐเดย่ี วและรัฐรวมแตกตา่ งกนั ตรงทร่ี ปู แบบของรฐั บาลหรือจาํ นวนรฐั บาลภายในรัฐ 1. รัฐเดีย่ ว (เอกรฐั ) คอื รฐั ทีม่ เี พยี งรัฐบาลเดยี วใชอ้ ํานาจปกครองดินแดนทงั้ หมด เชน่ ไทย ญี่ป่นุ ลาว สงิ คโปร์ ฟลิ ิปปนิ ส์ ฝรงั่ เศส ลิกเตนสไตน์ โมนาโก อิตาลี สวเี ดน อังกฤษ ตุรกี สเปน นวิ ซีแลนด์ นอรเ์ วย์ เดนมารก์ . 2. รัฐรวม (สหพันธรฐั ) คือ รัฐทม่ี ีรฐั บาล 2 ระดับ ไดแ้ ก่ รฐั บาลกลางและรฐั บาลท้องถ่นิ หรอื รัฐบาล มลรัฐ เช่น มาเลเซีย พมา่ อนิ เดีย ออสเตรเลยี สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา เยอรมนี รัสเซยี จนี . 4. อธบิ ายรูปแบบการปกครองท่ใี ชป้ ระมุขของรฐั เปน็ เกณฑ์การแบง่ - กษตั ริย์ทรงเป็นประมุข 1. กษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ของรัฐ คอื พระองคจ์ ะทาํ หนา้ ท่เี ปน็ เพียงประมขุ ไม่ยุ่งเกยี่ วกบั การ บรหิ ารบา้ นเมอื ง แตม่ นี ายกรัฐมนตรที าํ หน้าท่แี ทน เช่น ไทย ญป่ี ุ่น อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย.์ 2. กษตั ริยท์ รงเป็นประมุขของรฐั และทรงเป็นผนู้ าํ ฝ่ายบรหิ ารดว้ ย เชน่ บรไู น ซาอุดิอาระเบีย โอมาน. - ประธานาธบิ ดีเปน็ ประมขุ 1. ประธานาธบิ ดีมาจากการเลอื กตัง้ ทาํ หน้าทเ่ี ปน็ ประมุขของรฐั แตไ่ มเ่ ปน็ ผูน้ าํ ฝ่ายบริหาร เชน่ สิงคโปร์ อนิ เดยี . 2. ประธานาธบิ ดีมาจากการเลือกต้ัง ทําหน้าทเี่ ปน็ ประมุขของรัฐและเปน็ ผู้นาํ ฝ่ายบรหิ าร เช่น สหรฐั อเมริกา ฟิลิปปินส์. 5. อธิบายรูปแบบการปกครองท่ใี ช้การรวมและการแยกอํานาจอธิปไตยเปน็ เกณฑ์การแบ่ง - ระบบรฐั สภา เชน่ ไทย องั กฤษ สวีเดน ญปี่ นุ่ / ระบบประธานาธิบดี เช่น สหรฐั อเมริกา ฟิลปิ ปนิ ส์ อาร์เจนตนิ า บราซลิ / ระบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดี เช่น ฝร่ังเศส . 6. ระบบรัฐสภา (เชน่ ไทย) มหี ลักการสาํ คญั อย่างไร - ระบบรัฐสภามหี ลกั การสาํ คัญดงั น้ี 1. ไม่ยึดหลกั การแบ่งแยกอํานาจอยา่ งเครง่ ครัด 2. ฝ่ายนิติ- บญั ญัติกบั ฝ่ายบรหิ ารมีความสมั พนั ธใ์ กลช้ ิดกัน 3. รัฐสภามีฐานะอาํ นาจและความสาํ คญั เหนอื กว่าคณะรฐั มนตรี 4. คณะรัฐมนตรจี ะเข้าดาํ รงตาํ แหนง่ ได้ต่อเม่อื ไดร้ ับความไวว้ างใจจากรัฐสภา 5. รฐั สภามีอํานาจควบคมุ การ ทํางานของรัฐบาล เช่น การตงั้ กระทถู้ าม การเปดิ อภิปรายทัว่ ไป 6. มกี ารยุบสภา. สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (14) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 26
7. ระบบประธานาธิบดี (เชน่ สหรัฐอเมรกิ า) มีหลกั การสําคญั อยา่ งไร - ระบบประธานาธิบดีมหี ลักการสาํ คญั ดงั น้ี 1. ยดึ หลักการแบ่งแยกอํานาจ ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา) ฝา่ ยบรหิ าร (ประธานาธบิ ดี) และฝ่ายตลุ าการ (ศาล) โดยแตล่ ะฝ่ายมีอาํ นาจและความเป็นอสิ ระในการ ทําหน้าท่ีของตน 2. สภาและประธานาธิบดีต่างมาจากการเลือกตั้ง ในระบบประธานาธิบดีจะไม่มีตําแหน่ง นายกรัฐมนตรี เพราะประธานาธิบดีจะทําหน้าท่ีเป็นทั้งประมุขและผู้นํารัฐบาล 3. สภาไม่มีอํานาจควบคุมการ ทาํ งานของรฐั บาล 4. ไมม่ กี ารยุบสภา. 8. เปรียบเทยี บระบบรัฐบาลแบบรัฐสภาและแบบประธานาธิบดี - รฐั สภา : ประมขุ กับผนู้ ําฝา่ ยบรหิ ารหรือรัฐบาลเปน็ คนละคนกัน / ประธานาธิบดี : ประมขุ กบั ผู้นําฝา่ ยบริหารเป็นคนเดยี วกัน. - รฐั สภา : ประมุขไม่ตอ้ งรับผิดชอบทางการเมอื ง / ประธานาธิบดี : ประมุขต้องรับผดิ ชอบ ทางการเมือง. - รฐั สภา : สภามาจากการเลอื กตั้ง แตร่ ัฐบาลมาจากความไวว้ างใจจากสภา /ประธานาธบิ ดี : สภา และประธานาธิบดีตา่ งมาจากการเลือกตง้ั . - รฐั สภา : นายกรัฐมนตรีมาจากการเลอื กตั้งทางออ้ ม / ประธานาธิบดี : ประธานาธบิ ดีมาจาก การเลือกต้ังของประชาชนทั้งประเทศ โดยผ่านคณะผ้เู ลอื กต้ัง. - รฐั สภา : สภามีอาํ นาจควบคุมการทํางานของรฐั บาล / ประธานาธิบดี : สภาไม่มีอํานาจควบคมุ การทํางานของรัฐบาล. - รัฐสภา : มีการยบุ สภา มีการเปิดอภปิ รายท่วั ไปเพื่อลงมตไิ ม่ไว้วางใจ / ประธานาธบิ ดี : ไมม่ ี ท้งั สองอยา่ ง. 9. การจดั ระเบียบการปกครองภายในรฐั มหี ลกั การสาํ คัญอย่างไร - หลักการรวมอํานาจไวท้ สี่ ว่ นกลาง / หลกั การแบ่งอํานาจ / หลกั การกระจายอาํ นาจ - หลกั การรวมอาํ นาจ เปน็ การใหก้ ระทรวง ทบวง กรมมีอํานาจหนา้ ทใ่ี นการบรหิ ารบา้ นเมอื ง แลว้ จัดสง่ เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ออกไปปฏิบตั หิ น้าท่ยี ังสว่ นตา่ งๆ ของประเทศ หลกั การรวมอํานาจมีขอ้ ดี เช่น การ บรหิ ารงานมีเอกภาพ วางแผนพฒั นาไดง้ า่ ย ประหยัดคา่ ใช้จ่าย ข้อเสยี เช่น การบริหารงานไม่มปี ระสิทธภิ าพ งานลา่ ชา้ คนในท้องถนิ่ ไม่มโี อกาสปกครองตนเอง. - หลักการแบ่งอํานาจ สว่ นกลางแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการไปดแู ลส่วนภมู ภิ าค หลักการแบง่ อํานาจมีขอ้ ดี เชน่ ประชาชนไดร้ ับบรกิ ารรวดเร็วขน้ึ ข้อเสยี เช่น ประชาชนในท้องถ่ินมโี อกาสปกครองตนเองได้น้อย เจา้ หน้าที่ รฐั ไมเ่ ข้าใจความตอ้ งการของประชาชนในท้องถิน่ อย่างแทจ้ ริง. - หลักการกระจายอาํ นาจ เปน็ การให้ประชาชนในทอ้ งถิ่นมีสว่ นรว่ มในการปกครองตนเอง หลกั การ กระจายอาํ นาจมีข้อดี เชน่ ประชาชนมีโอกาสปกครองตนเอง ลดภาระจากสว่ นกลาง แกไ้ ขปญั หาไดต้ รง เป้าหมาย ขอ้ เสยี เชน่ การบรหิ ารขาดเอกภาพ เสียคา่ ใชจ้ ่ายมาก. 10.การจดั ระเบยี บบริหารราชการแผ่นดนิ มีรปู แบบอยา่ งไร - ราชการส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม. - ราชการสว่ นภูมภิ าค ไดแ้ ก่ จังหวดั อําเภอ ตาํ บล หมู่บ้าน. - ราชการส่วนท้องถน่ิ ได้แก่ องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั เทศบาล (เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตําบล) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บล และรูปแบบพเิ ศษ ไดแ้ ก่ กรงุ เทพมหานคร เมอื งพทั ยา. โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (15)
11. ระบอบการปกครองท่ีพจิ ารณาจากผเู้ ปน็ เจา้ ของอาํ นาจอธิปไตยน้นั มีรูปแบบใดบา้ ง - 1. การปกครองโดยคนๆ เดียว ไดแ้ ก่ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ เผดจ็ การ 2. การปกครองโดยคน สว่ นนอ้ ย ไดแ้ ก่ อภิชนาธิปไตย คณาธิปไตย คอมมิวนสิ ต์ 3. การปกครองโดยคนส่วนมาก ไดแ้ ก่ ประชาธปิ ไตย. - อภชิ นาธิปไตย เป็นการปกครองโดยคนสว่ นน้อยทมี่ ฐี านะสงู กวา่ คนทวั่ ไปในสังคม เชน่ มคี วามรู้ ชาตติ ระกลู ร่ํารวย. - คณาธิปไตย เปน็ การปกครองเพือ่ ผลประโยชน์ของกล่มุ ตน แตไ่ มม่ ีฐานะทางสังคมเหมือน อภชิ นาธิปไตย. 12. ประชาธิปไตยมีหลักการทส่ี าํ คญั อะไรบา้ ง - ประชาธปิ ไตยมหี ลักการสาํ คัญดงั นี้ 1. หลกั อํานาจอธปิ ไตยเปน็ ของประชาชน คือ ประชาชนเป็น เจ้าของอํานาจสูงสุดของรฐั ถอื เป็นหลกั การท่ีสาํ คญั ทสี่ ุดในระบอบประชาธิปไตย 2. หลกั ความเสมอภาค คือ ความเท่าเทียมกันในศกั ด์ิศรแี ละคุณคา่ ความเป็นมนุษย์ 3. หลักสิทธิ เสรภี าพและหนา้ ท่ี 4. หลักนติ ิธรรม คือ การใชก้ ฎหมายเปน็ หลักในการปกครอง 5. หลกั การยอมรับเสยี งส่วนมาก การใช้เสียงมากจะตอ้ งไมไ่ ปละเมิด สิทธิของเสยี งสว่ นน้อย 6. หลักการใชเ้ หตผุ ล เช่น การเลอื กต้ังเสรีโดยเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนตดั สนิ ใจเลอื กคน ท่ีเหมาะสมไปเปน็ ตวั แทนของตนในการบริหารประเทศ 7. หลักความยนิ ยอม เชน่ เมอื่ ครบวาระหรอื มีการ ยุบสภากจ็ ะมีการเลอื กต้งั ใหม่ หากสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรคนใดได้รับความไว้ใจจากประชาชนกจ็ ะได้รบั เลือก เขา้ มาทําหน้าท่ีตอ่ ไป. 13. วิธกี ารใดบ้างท่ีทาํ ใหร้ ัฐบาลมีอํานาจจํากัดตามหลักการประชาธปิ ไตย - วิธีการท่ที ําใหร้ ฐั บาลมอี าํ นาจจํากัดตามหลักการประชาธิปไตยมดี งั นี้ 1. หลักนิตธิ รรม เป็นการ ใช้กฎหมายเปน็ กรอบในการปกครอง กฎหมายทวี่ ่าน้ีก็คือ รัฐธรรมนญู ดงั นัน้ ผู้ปกครองตอ้ งอยูภ่ ายใต้กฎหมาย และจะใชอ้ าํ นาจในการบริหารประเทศตามอําเภอใจไม่ได้ 2. การแยกใช้อํานาจอธปิ ไตย เพื่อไม่ใหอ้ าํ นาจท้ังหมด ของรัฐอยู่ในมือของคนคนเดียวหรือคนกลมุ่ เดยี ว แตล่ ะฝ่ายจะตรวจสอบและถว่ งดุลอาํ นาจซง่ึ กันและกนั ไม่ใหม้ ี ฝา่ ยใดใช้อาํ นาจมากเกินไปจนไปละเมิดสทิ ธิเสรภี าพของประชาชน 3. การกระจายอํานาจ ทําให้ประชาชนใน ทอ้ งถน่ิ ปกครองตนเองไดม้ ากขน้ึ . 14. การทําให้ประชาชนมีสทิ ธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคกันตามหลกั การประชาธิปไตยนนั้ มแี นวทาง ปฏิบตั ทิ ี่สําคญั อย่างไร - การทาํ ให้ประชาชนมสี ิทธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคกันตามหลกั การประชาธิปไตยนน้ั มีแนวทางปฏิบตั ทิ ่สี าํ คญั คอื 1. การกําหนดสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนญู 2. การกําหนดให้ ประชาชนเปน็ เจา้ ของอาํ นาจอธปิ ไตย 3. การปกครองตนเองของประชาชน. 15.ประชาธปิ ไตยมี 2 รปู แบบ อะไรบ้าง - ประชาธปิ ไตยมี 2 รูปแบบดังน้ี 1. ประชาธิปไตยทางตรง คือ ประชาชนมีสว่ นรว่ มในการ ปกครองโดยตรง ประชาธปิ ไตยทางตรงเกดิ ขึน้ ครั้งแรกที่เอเธนส์ 2. ประชาธิปไตยทางอ้อม หรือประชาธปิ ไตย โดยตวั แทน คือ ประชาชนเลอื กผู้แทนเข้าไปปกครองประเทศแทนตน. 16. เผดจ็ การมีหลักการท่ีสาํ คัญอะไรบา้ ง - เผด็จการมีหลกั การสาํ คัญดังน้ี 1. ไมย่ อมรับความเสมอภาค 2. คัดคา้ นการปกครองโดยประชาชน 3. ผกู ขาดอํานาจการปกครองไว้ทีผ่ ู้นาํ เพียงคนเดยี วหรือกลมุ่ เดยี ว 4. รฐั อยู่เหนือประชาชน เนน้ อํานาจรฐั มากกว่าเสรภี าพของประชาชน 5. ยึดหลกั การรวมอํานาจไว้ท่สี ่วนกลาง 6. มรี ฐั ธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีพรรคการเมอื ง มรี ัฐสภาได้ แต่เป็นไปเพือ่ สรา้ งอาํ นาจให้แกบ่ ุคคลเทา่ น้ัน. สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (16) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
17. เผดจ็ การมี 2 ประเภท อะไรบ้าง เผด็จการมี 2 ประเภทดังนี้ 1. เผดจ็ การอํานาจนิยม 2. เผดจ็ การเบ็ดเสรจ็ แบ่งเป็นแบบฟาสซสิ ต์ และแบบคอมมวิ นสิ ต.์ - เผดจ็ การอาํ นาจนยิ ม (หรือเผด็จการทหาร) รฐั ควบคมุ สทิ ธเิ สรภี าพของประชาชนเฉพาะดา้ น การเมอื งเทา่ นั้น แต่ประชาชนยงั คงมีสิทธิเสรีภาพดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คม. - เผดจ็ การเบด็ เสรจ็ รัฐควบคมุ สทิ ธิเสรภี าพของประชาชนทุกดา้ น ทั้งการเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคม. - เผดจ็ การฟาสซสิ ต์ 1. เชื่อวา่ มนุษย์มคี วามไมเ่ ท่าเทียมกัน 2. ไมเ่ ชื่อว่าประชาชนเป็นผมู้ เี หตผุ ล 3. เช่ือในการใชก้ ําลงั รุนแรงและการโฆษณาชวนเชื่อ 4. เน้นลัทธชิ าตินยิ มอยา่ งรนุ แรง 5. ศรัทธาในผนู้ ํา 6. เชอื่ วา่ รฐั เป็นผู้มอี ํานาจสงู สดุ ในการควบคุมชวี ติ ของประชาชนในชาติ 6. สนบั สนุนกลมุ่ นกั ธรุ กิจนายทนุ 7. ตอ่ ตา้ นระบบคอมมิวนสิ ต์ 8. เช่น เยอรมัน อิตาลี สเปน ในชว่ งสงครามโลกคร้ังที่ 2. - เผดจ็ การคอมมิวนิสต์ 1. ต่อตา้ นระบบนายทนุ สนับสนนุ ชนช้ันกรรมกร 2. ยกเลกิ กรรมสิทธิ์ ในทรพั ยส์ ินของเอกชนและชนชนั้ ทางสงั คม. 3. มีพรรคคอมมวิ นิสตเ์ พยี งพรรคเดียวเป็นผคู้ วบคุมและวางแผน จากสว่ นกลาง 18.ข้อดีและขอ้ เสยี ของระบอบประชาธิปไตยมอี ะไรบา้ ง - ระบอบประชาธิปไตยมีข้อดีดงั นี้ 1. ประชาชนมีสทิ ธิและเสรภี าพ 2. ประชาชนปกครองตนเอง 3. ประเทศมคี วามเจริญมั่นคง ข้อเสยี 1. ดาํ เนินการยาก 2. เสยี ค่าใชจ้ ่ายสูง 3. มคี วามลา่ ช้าในการตดั สนิ ใจ. 19. ขอ้ ดีและข้อเสยี ของระบอบเผดจ็ การมอี ะไรบา้ ง - ระบอบเผดจ็ การมขี ้อดดี ังนี้ 1. แกป้ ญั หาบางอย่างไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ต้องฟังเสยี ง ส่วนใหญอ่ ภิปรายเพ่อื หาขอ้ ยุติ 2. ทาํ งานไดร้ วดเรว็ . ข้อเสยี 1. มีข้อผดิ พลาดได้งา่ ย 2. ไม่ใหโ้ อกาสคนดี เขา้ มามีสว่ นร่วม เปน็ การจาํ กัดสิทธเิ สรภี าพของประชาชน 3. ทาํ ใหป้ ระเทศพฒั นาล่าช้า 4. อาจนําประเทศ ไปสู่หายนะ ถา้ ผนู้ าํ มีอํานาจมากเกนิ ไป เชน่ ฮิตเลอร์ของเยอรมันและนายพลโตโจของญี่ปุ่นในชว่ งสงครามโลก ครัง้ ท่ี 2 ซัดดมั ฮุสเซนแหง่ อริ กั . 20.ระบบสังคมนยิ มประชาธปิ ไตย (ระบบสังคมนิยมแบบเสร)ี และระบบสังคมนิยมคอมมวิ นิสต์ (ระบบสงั คมนยิ มแบบบงั คับ) มคี วามแตกต่างกันอยา่ งไร - ระบบสงั คมนยิ มประชาธิปไตยมีลักษณะเด่นดังน้ี 1. รฐั เปน็ เจ้าของและผจู้ ดั การปจั จัยการผลิต ขนาดใหญ่ เอกชนยงั คงประกอบธรุ กจิ ขนาดกลางและเล็กได้ 2. เอกชนยงั คงมีกรรมสิทธ์ใิ นทรพั ยส์ นิ 3. เน้นการ กระจายรายไดท้ ่ีเท่าเทยี มกัน. - ระบบสงั คมนยิ มคอมมวิ นิสตม์ ีลกั ษณะเดน่ ดงั นี้ 1. รฐั เป็นเจ้าของปจั จยั การผลติ ท้ังหมด 2. มกี าร วางแผนจากส่วนกลาง 3. จาํ กัดเสรีภาพของผ้บู ริโภคอยา่ งมาก. 21. สทิ ธมิ นุษยชนคืออะไร - สทิ ธมิ นษุ ยชน หมายถึง ศกั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ สทิ ธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบคุ คล ทไี่ ดร้ บั การรบั รองและค้มุ ครองตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย หรือตามกฎหมายหรือตามสนธสิ ัญญา ทีป่ ระเทศไทยมพี นั ธกรณีที่จะต้องปฏิบตั ิตาม. - แนวความคิดเกีย่ วกับปฏิญญาสิทธิมนุษยชนแหง่ สหประชาชาติ เกิดข้ึนหลงั จากการสนิ้ สดุ สงครามโลก ครงั้ ที่ 2 จนกระทัง่ เมื่อวันที่ 10 ธนั วาคม ค.ศ. 1948 สมชั ชาใหญ่แหง่ สหประชาชาตจิ งึ ได้มมี ติยอมรบั และประกาศใช้ปฏิญญาสากลว่าดว้ ยสิทธิมนษุ ยชนแห่งสหประชาชาติ ซึง่ ปฏิญญาสากลฯ มวี ัตถปุ ระสงค์ และหลักการทว่ั ไปเกย่ี วกบั มาตรฐานด้านสิทธมิ นุษยชน แตไ่ มม่ พี ันธะผูกพันในแงข่ องกฎหมายระหว่างประเทศ. โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (17)
- ในประเทศไทย “สิทธมิ นษุ ยชน” บญั ญัตเิ ป็นครง้ั แรกในรฐั ธรรมนญู ฯ 2540 และมีความชดั เจน มากขึ้นในรัฐธรรมนญู ฯ 2550 โดยไดบ้ ญั ญตั ิไว้ในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย และได้บัญญตั ิ เก่ยี วกบั คณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแห่งชาติไวใ้ นหมวด 11 องค์กรตามรฐั ธรรมนูญ ส่วนที่ 2 วา่ ดว้ ยองค์กรอืน่ ตามรฐั ธรรมนญู . 22.องค์กรระหวา่ งประเทศด้านสิทธมิ นษุ ยชนทมี่ บี ทบาทต่อประเทศไทย 1. คณะมนตรสี ทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ สหประชาชาติ (The United Nations Human Rights Council) 2. องคก์ ารนริ โทษกรรมสากล (AI : Amnesty International) 3. องค์การแรงงานระหวา่ งประเทศ (ILO : International Labour Organization) 4. มลู นธิ ิความรว่ มมอื เพ่อื ต้านการคา้ หญิง (GAATW : Global Alliance Against Traffic in Women) 5. มูลนิธเิ พ่อื ยุตกิ ารแสวงหาประโยชนท์ างเพศจากเด็ก (ECPAT : End Child Prositiution In Asia Tourism) 23.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 เกี่ยวขอ้ งกับขอ้ ตกลง ระหวา่ งประเทศอย่างไร - รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550 มาตรา 190 บญั ญัติให้สิทธิประชาชน สามารถเข้าถึงรายละเอียดของขอ้ ตกลงกอ่ นจะมีผลผูกพันกัน หากวา่ ขอ้ ตกลงนั้นจะก่อใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ ประชาชน ความม่ันคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง. 24.อนสุ ัญญาเจนีวา (Geneva conventions) เกยี่ วกับอะไร - อนุสัญญาเจนีวา เป็นกฎหมายมนุษยธรรมฉบับแรกของโลก ซ่ึงต่อมาอนุสัญญาน้ีรู้จักในช่ือ กฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ (IHL : International Humanitarian Law) ซึ่งมีประสิทธิภาพของการ คุ้มครองการช่วยเหลือเพ่ือนมนุษย์ในยามสงครามหรือมีการขัดแย้งทางทหารทั้งภายในประเทศและระหว่าง ประเทศมากยิ่งขึน้ กฎหมายนี้มุง่ เนน้ ประเด็นสําคญั ดังนี้ คือ 1. การเคารพในชีวิตทหารและพลเรือน 2. การเคารพ สัญลักษณ์กาชาด 3. ห้ามทําลายคนท่ีวางอาวุธ 4. ช่วยคนบาดเจ็บและรักษาพยาบาล 5. การแบ่งเขต ระหวา่ งทหารและพลเรือน 6. การจาํ กัดวิธใี นการทําสงคราม. 25.ฐานะและพระราชอาํ นาจของพระมหากษัตรยิ ใ์ นเรอื่ งสาํ คญั มีอะไรบ้าง 1. ทรงใช้อํานาจอธิปไตยทางอ้อม ผ่านทางรฐั สภา คณะรฐั มนตรี และศาล. 2. ทรงดํารงอยู่ในฐานะอนั เปน็ ท่เี คารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ และผ้ใู ดจะกลา่ วหาหรือฟอ้ งร้อง พระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ซ่ึงเป็นไปตามหลกั กฎหมายที่วา่ The King can do no wrong. 3. ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนปู ถัมภก. 4. ทรงดํารงตาํ แหน่งจอมทัพไทย ตําแหน่งผ้บู งั คับบัญชาสูงสุดของกองทพั เพ่อื เป็นมง่ิ ขวญั และ กําลังใจของทหารทุกเหล่าทพั . 5. ทรงไวซ้ ึง่ พระราชอํานาจท่ีจะสถาปนาฐานันดรศกั ดแ์ิ ละพระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ.์ 6. ทรงไว้ซึง่ พระราชอาํ นาจในการแตง่ ตงั้ ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา รองประธาน สภาผู้แทนราษฎร รองประธานวฒุ ิสภา และผู้นาํ ฝา่ ยค้านในสภาผ้แู ทนราษฎร. 7. ทรงไวซ้ ึง่ พระราชอาํ นาจในการแต่งตั้งนายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี และใหร้ ัฐมนตรพี น้ จากความเปน็ รัฐมนตรี สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (18) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
8. ทรงไวซ้ ึ่งพระราชอํานาจในการแตง่ ตั้งถอดถอนประธานองคมนตรีและองคมนตรี (โดยมีประธาน องคมนตรี 1 คน และองคมนตรอี นื่ อีกไม่เกิน 18 คน). 9. ทรงไว้ซ่ึงพระราชอาํ นาจในการแตง่ ต้ังประธานศาลรฐั ธรรมนูญ ตลุ าการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสงู สดุ ผู้พพิ ากษา ตลุ าการศาลยุตธิ รรม คณะกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนญู รวมท้ังข้าราชการฝา่ ยทหารและฝา่ ยพลเรือนตําแหน่งปลดั กระทรวง อธบิ ดแี ละเทียบเท่า. 10.ทรงไวซ้ ่ึงพระราชอาํ นาจในการเรียกประชุมรฐั สภา. 11. ทรงไว้ซ่ึงพระราชอาํ นาจในการยบั ย้งั ร่างพระราชบัญญตั ิ ซ่ึงรัฐสภานาํ ขนึ้ ทูลเกลา้ ฯ ถวายเพือ่ ทรงลงพระปรมาภไิ ธย. 12. ทรงไวซ้ ึง่ พระราชอาํ นาจในการทําหนังสอื สันตภิ าพ. 13. ทรงไว้ซง่ึ พระราชอาํ นาจในการพระราชทานอภัยโทษ. 26.ในกระบวนการนิติบัญญัตนิ ั้น พระมหากษัตริย์ทรงใชพ้ ระราชอาํ นาจยบั ยั้งพระราชบัญญัตอิ ย่างไร - แม้ว่าพระมหากษัตริย์ไม่สามารถร่างพระราชบัญญัติได้ด้วยพระองค์เอง เพราะต้องเป็นไปตาม คําแนะนําและยนิ ยอมของรัฐสภาเท่านั้น แต่รัฐธรรมนูญได้กําหนดไว้ว่าพระมหากษัตริย์มีพระราชอํานาจในการ ไม่ทรงเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติโดยทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจที่จะพระราชทานคืนร่างพระราชบัญญัติ ดังกล่าวแก่รัฐสภา หรือไม่พระราชทานคืนมาเมื่อพ้น 90 วัน ในกรณีเช่นนี้รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้รัฐสภา ตอ้ งทําการปรึกษาร่างพระราชบญั ญัตินั้นใหม่ ถ้ารฐั สภามีมติยืนยนั ตามเดมิ ดว้ ยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา จึงให้นายกรัฐมนตรีนําร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ อีกครั้งหน่ึง หากคร้ังนี้พระมหากษัตริย์ไม่พระราชทานคืนมาภายใน 30 วัน นายกรัฐมนตรีสามารถนําร่าง พระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ วประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาใช้บงั คับเป็นกฎหมายไดเ้ สมอื นหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ทรง ลงพระปรมาภิไธยแล้ว. 27. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช 2550 มีความเปน็ มาอย่างไร - รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช 2550 เป็นรฐั ธรรมนูญฉบบั ที่ 18 ของประเทศไทย ประกาศใช้เม่ือวันท่ี 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็น ประมุข (คปค.) ซ่ึงในเวลาต่อมาเปล่ียนเป็น “คณะมนตรีความม่ันคงแห่งชาติ” (คมช.) เม่ือวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ไดป้ ระกาศใชร้ ัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549 ข้ึนแทนฉบับเดิม และ มีการจัดทาํ ร่างรฐั ธรรมนูญฉบับใหม่โดยสมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทยที่กําหนดให้ประชาชนท้ังประเทศได้มีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติ (Referendum) เพือ่ รบั ร่างรฐั ธรรมนญู และได้กําหนดบทบญั ญัติจํานวน 309 มาตรา 15 หมวด. 28.รฐั ธรรมนญู มคี วามสาํ คัญอย่างไร - รฐั ธรรมนญู มคี วามสําคญั ดังน้ี 1. เปน็ กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ 2. เป็นที่มาของ สทิ ธแิ ละเสรีภาพ 3. ช่วยสง่ เสรมิ การปฏิรูปการเมืองการปกครองประเทศ 4. เป็นกฎหมายทกี่ าํ หนดรูปแบบ การปกครอง อํานาจ หนา้ ที่ และการใช้อาํ นาจอธิปไตย 5. เปน็ กฎหมายทีใ่ ห้การคมุ้ ครองประชาชนจากการใช้ อํานาจโดยมชิ อบ. โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 26 _____________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (19)
29. การปฏิรปู สงั คมการเมืองตามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 มแี นวทางปฏบิ ัติ อย่างไร - การปฏริ ูปสังคมการเมอื งตามรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 มีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. ใหค้ วามสาํ คัญกับศกั ด์ศิ รีและคณุ ค่าความเปน็ มนษุ ย์ 2. ใหป้ ระชาชนมีบทบาทและมีสว่ นร่วมทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอยา่ งกวา้ งขวาง 3. ตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐอยา่ งเปน็ รูปธรรม โดยผ่าน องคก์ รอสิ ระตามรฐั ธรรมนูญ เชน่ กกต. ป.ป.ช. 4. ดําเนนิ คดีอาญาผดู้ าํ รงตําแหน่งทางการเมือง 5. ปฏิรปู การปกครองส่วนท้องถิ่น. 30.หน้าที่ของประชาชนชาวไทยตามรัฐธรรมนญู 2550 มีอะไรบา้ ง - หนา้ ทีข่ องประชาชนชาวไทยตามรัฐธรรมนญู 2550 มีดงั น้ี 1. พิทักษร์ ักษาไว้ซ่งึ ชาติ ศาสนา และ พระมหากษตั ริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข 2. ปอ้ งกันประเทศชาติ รักษาผลประโยชนข์ องชาติ และปฏิบตั ิตามกฎหมาย 3. ไปใชส้ ทิ ธเิ ลือกตั้ง 4. เสยี ภาษอี ากรใหร้ ฐั 5. รบั ราชการ ทหาร ชว่ ยเหลือในการปอ้ งกันประเทศและบรรเทาภัยพิบัติสาธารณะ ชว่ ยเหลือราชการ รบั การศกึ ษาอบรม และร่วม ปกปอ้ ง สืบสานวัฒนธรรมของชาตแิ ละภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ รวมถึงการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ ม. 31. ตามรัฐธรรมนูญ 2550 รัฐสภามีองค์ประกอบอะไรบ้าง - รฐั สภาประกอบด้วยสภาผแู้ ทนราษฎรและวฒุ สิ ภา รฐั สภาจะประชุมรว่ มกันหรอื แยกกันย่อม เป็นไปตามบทบัญญัตแิ ห่งรฐั ธรรมนญู ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎรเป็นประธานรฐั สภา ประธานวุฒสิ ภาเป็น รองประธานรัฐสภา รา่ งพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญหรือรา่ งพระราชบญั ญตั จิ ะตราเปน็ กฎหมายไดก้ ็ โดยคาํ แนะนําและยินยอมของรัฐสภา. 1. สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย ส.ส. จาํ นวน 500 คน เปน็ สมาชิกมาจากการเลอื กต้ัง แบบแบ่งเขตเลอื กตง้ั จาํ นวน 375 คน และมาจากการเลือกตง้ั แบบบัญชีรายชือ่ 125 คน ส.ส.มกี ําหนดวาระละ 4 ปนี บั ตงั้ แต่วนั เลือกตั้ง ขอ้ สงั เกต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไมจ่ ําเป็นต้องจบปรญิ ญาตรี และสมาชกิ สภาผูแ้ ทน- ราษฎรเมอื่ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรหี รือรฐั มนตรีไมต่ ้องสน้ิ สภาพการเปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร. 2. วุฒิสภา ประกอบดว้ ย ส.ว. จํานวน 150 คน เป็นสมาชกิ ทีม่ าจากการเลอื กตง้ั จังหวดั ละ 1 คน รวมทัง้ ส้ิน 77 คน และมาจากการสรรหา 73 คน ถึงแมว้ า่ สภาผูแ้ ทนราษฎรจะถกู ยบุ แต่วุฒิสภายังคงปฏบิ ตั ิ หนา้ ทไี่ ดต้ อ่ ไปจนครบวาระ. 32.รัฐสภามอี าํ นาจหนา้ ท่ีอะไร - รัฐสภามอี ํานาจหน้าท่ีดังนี้ 1. พจิ ารณาร่างพระราชบญั ญัติ บัญญตั กิ ฎหมายและยกเลกิ กฎหมาย การตรากฎหมายเปน็ อํานาจหนา้ ทร่ี ว่ มกันของทงั้ สองสภา แตผ่ มู้ อี าํ นาจริเรมิ่ ในการตรากฎหมายต่างๆ คือ สภาผแู้ ทนราษฎรเท่าน้ัน 2. ควบคมุ รฐั บาลโดยการต้งั กระทู้ถามและเปิดอภปิ รายทวั่ ไป 3. ให้ความเหน็ ชอบใน กิจการสาํ คัญ เชน่ การใหค้ วามเหน็ ชอบในการแต่งตั้งผู้สําเรจ็ ราชการแทนพระองค.์ - การตงั้ กระทถู้ าม ส.ส. มสี ทิ ธทิ ่จี ะตงั้ กระทู้ถามรฐั บาลและเปิดอภิปราย เพอ่ื ลงมติไมไ่ ว้วางใจ รฐั บาลได้ ส่วน ส.ว. มสี ทิ ธิที่จะตัง้ กระทู้ถามรฐั มนตรแี ละขอเปดิ อภปิ รายท่ัวไปได้ แต่ไมม่ ีสิทธเิ ปิดอภปิ ราย เพอื่ ลงมติไมไ่ วว้ างใจรัฐบาลได้. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (20) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 26
- การเปิดอภิปรายท่ัวไป ส.ส. ไมน่ ้อยกว่า 1 ใน 5 ของจํานวนสมาชกิ ทง้ั หมดทม่ี อี ยู่ในสภา ผแู้ ทนราษฎร มีสทิ ธิเขา้ ช่อื เสนอญัตตขิ อเปิดอภปิ รายทัว่ ไปเพ่ือลงมติไม่ไว้วางใจนายกรฐั มนตรี / ส.ส. ไมน่ ้อย กว่า 1 ใน 6 ของจาํ นวนสมาชิกท้ังหมดท่มี ีอยู่ในสภาผูแ้ ทนราษฎร มีสทิ ธิเข้าชอื่ เสนอญตั ติขอเปิดอภปิ ราย ทวั่ ไปเพอ่ื ลงมตไิ ม่ไวว้ างใจรฐั มนตรเี ป็นรายบุคคลได้ แมใ้ นขณะย่ืนมติหรอื หลังจากย่นื ขอเปิดอภปิ รายดังกล่าว / ในสว่ นของวุฒสิ ภานน้ั ส.ว. ไม่นอ้ ยกวา่ 1 ใน 3 ของจํานวนสมาชกิ ท้งั หมดที่มอี ยูใ่ นวุฒสิ ภา มีสทิ ธิเขา้ ชื่อ ขอเปดิ อภิปรายทวั่ ไปในวุฒิสภา เพื่อใหค้ ณะรัฐมนตรแี ถลงข้อเท็จจริงหรอื ช้ีแจง้ ปญั หาสําคัญเกย่ี วกบั การบรหิ าร ราชการแผน่ ดนิ โดยไมม่ กี ารลงมต.ิ 33.กรณีใดทีจ่ ะตอ้ งมกี ารประชุมรว่ มกันของรฐั สภา - กรณีท่จี ะต้องมกี ารประชมุ ร่วมกันของรฐั สภา เช่น การแต่งตัง้ ผสู้ าํ เร็จราชการแทนพระองค์ การสืบราชสมบัติ การเปิดประชุมรัฐสภา การปิดสมยั ประชุม การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนญู การให้ความ เห็นชอบให้พิจารณาร่างพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ การประกาศสงคราม. 34.สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมีอาํ นาจหน้าทีอ่ ะไร - สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมีอํานาจหน้าทีด่ งั น้ี 1. เสนอและพิจารณากฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู 2. ควบคุมการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ โดยการตั้งกระทูถ้ ามหรือการเปดิ อภปิ รายไม่ไวว้ างใจ เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรฐั มนตรีและรฐั มนตรีเป็นรายบคุ คล 3. สิทธเิ ข้าชอื่ เพ่อื ถอดถอนผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ทาง การเมอื ง โดย ส.ส.มีสทิ ธเิ ขา้ ชอื่ ร้องขอต่อประธานวฒุ ิสภา เพอ่ื ใหว้ ุมิสภามมี ติถอดถอนนายกรัฐมนตรี รฐั มนตรี ส.ส. ส.ว. ออกจากตําแหน่งได้ 4. ควบคมุ การตรากฎหมายที่ขดั หรอื แยง้ กับรัฐธรรมนูญ. 35.สมาชิกวฒุ สิ ภามอี าํ นาจหน้าที่อะไร - สมาชิกวุฒิสภามีอํานาจหน้าที่ดังนี้ 1. พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ 2. ควบคุมการบริหาร ราชการแผ่นดนิ เชน่ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจํานวนสมาชิกท้ังหมดที่มีอยู่ในวุฒิสภา มีสิทธิเข้าช่ือขอเปิด อภิปรายท่ัวไปในวุฒิสภา เพ่ือให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจ้งปัญหาสําคัญเก่ียวกับการบริหาร ราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติ 3. ถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือข้าราชการระดับสูงออกจาก ตําแหน่ง หากบุคคลนั้นมีพฤติการณ์รํ่ารวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าท่ี 4. ควบคุมการตรากฎหมาย ที่ขดั หรือแยง้ กับรฐั ธรรมนญู เช่นเดียวกบั อํานาจหนา้ ที่ของ ส.ส. 36.ตามรัฐธรรมนูญ 2550 คณะรัฐมนตรีมีองค์ประกอบอะไร - คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรแี ละรฐั มนตรีไม่เกนิ 35 คน โดยนายกรฐั มนตรี ต้องมาจากสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร สว่ นรฐั มนตรอี าจเป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื ไมก่ ไ็ ด.้ - ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งต้ังนายกรฐั มนตรี นายกรัฐมนตรเี ป็นผลู้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการแตง่ ต้ังรัฐมนตรีทท่ี ูลเกลา้ ฯ เสนอ นายกรฐั มนตรีจะ ดาํ รงตําแหน่งตดิ ต่อกันเกนิ กวา่ 8 ปีไม่ได.้ - รัฐมนตรีต้องมคี ณุ สมบัตดิ งั น้ี 1. มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกิด 2. มอี ายุไมต่ ํ่ากวา่ 35 ปบี รบิ รู ณ์ 3. สําเรจ็ การศึกษาไมต่ า่ํ กว่าปริญญาตรหี รือเทียบเทา่ 4. ไมม่ ลี กั ษณะตอ้ งหา้ มเช่นเดียวกับการเปน็ สมาชิกสภา- ผ้แู ทนราษฎรตามทร่ี ฐั ธรรมนญู บญั ญัตไิ ว้ 5. ไมเ่ คยต้องคาํ พิพากษาให้จาํ คุก โดยได้พ้นโทษมายงั ไมถ่ ึง 5 ปี ในวนั เลอื กตงั้ เวน้ แต่ในความผิดอันได้กระทาํ โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 6. ไมเ่ ปน็ สมาชิกวุฒิสภา หรือ เคยเปน็ สมาชกิ วุฒสิ ภา และสมาชกิ ภาพสิน้ สุดลงแล้วยังไม่เกนิ 2 ปีนับแตว่ ันท่ไี ดร้ บั แต่งตงั้ เป็นรฐั มนตร.ี โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ี่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (21)
37. คณะรฐั มนตรมี ีอํานาจหน้าท่ีอะไร - คณะรัฐมนตรีมีอาํ นาจหน้าทดี่ ังน้ี 1. กําหนดนโยบายการบริหารประเทศและบรหิ ารใหเ้ ป็นไป ตามนโยบาย 2. รักษากฎหมายและความสงบเรียบรอ้ ย 3. ควบคุมขา้ ราชการใหน้ ํานโยบายไปปฏบิ ตั ใิ ห้เกิดผล 4. ประสานงานกบั กระทรวงต่างๆ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกนั และสอดคลอ้ งกนั 5. ออกมติตา่ งๆ เพ่ือให้ กระทรวง กรมต่างๆ ถือปฏบิ ตั ิ. 38.การเสนอช่อื บุคคลซ่งึ สมควรได้รับการเลือกต้ังเปน็ นายกรฐั มนตรเี ป็นอํานาจหนา้ ทขี่ องหน่วยงานใด การเสนอชอื่ บคุ คลซึ่งสมควรไดร้ ับการเลอื กตงั้ เป็นนายกรฐั มนตรีเปน็ อาํ นาจหนา้ ทีข่ องสภาผแู้ ทนราษฎร (สว่ นวุฒิสภามหี น้าท่รี บั ทราบมตเิ สนอชือ่ นายกรฐั มนตรีจากสภาผู้แทนราษฎรเทา่ น้ัน) การเสนอชือ่ บคุ คล ซึง่ สมควร ได้รับการเลือกตัง้ เปน็ นายกรฐั มนตรี (ต้องมี ส.ส. ไมน่ ้อยกว่า 1 ใน 5 ของจาํ นวนสมาชิกท้งั หมดเทา่ ทม่ี อี ย่ใู น สภาผแู้ ทนราษฎรรับรอง) ในการเลอื กนายกรัฐมนตรนี น้ั จะตอ้ งมีการลงมตขิ อง ส.ส. โดยเปิดเผยในทปี่ ระชมุ สภา และมติเหน็ ชอบต้องมีคะแนนเสียงมากกวา่ กึ่งหน่ึงของจํานวนสมาชกิ ท้งั หมด บคุ คลน้ันก็จะได้รับการ แตง่ ตั้งเปน็ นายกรัฐมนตร.ี 39.รัฐมนตรที ้งั คณะจะพน้ จากตําแหน่งไดใ้ นกรณใี ด รฐั มนตรีทงั้ คณะจะพ้นจากตาํ แหนง่ ได้ในกรณีต่อไปน้ี 1. ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรฐั มนตรีสิน้ สดุ ลง 2. อายุของสภาผแู้ ทนราษฎรสิ้นสุดลงหรอื มกี ารยุบสภาผู้แทนราษฎร 3. คณะรฐั มนตรลี าออก ข้อสังเกต เหตทุ ่ี รฐั ธรรมนูญกําหนดใหร้ ฐั มนตรตี อ้ งส้ินสภาพไปตามสภาพของนายกรัฐมนตรที ส่ี ิ้นสดุ ไปด้วย กเ็ พราะนายกรฐั มนตรี เปน็ หวั หนา้ ของคณะรฐั มนตรี และยงั เป็นผ้เู สนอชือ่ รัฐมนตรเี พอ่ื ใหพ้ ระมหากษตั รยิ ์ทรงแต่งตั้งอีกดว้ ย. 40.ฝา่ ยบริหารถว่ งดุลอํานาจฝา่ ยนิติบญั ญตั โิ ดย “การยบุ สภา” หมายความว่าอย่างไร - การยบุ สภา หมายถึง การท่ปี ระมขุ ของรฐั ในระบบรัฐสภาประกาศให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภา ส้ินสดุ ลงพรอ้ มกนั ทุกคนก่อนครบวาระการดํารงตาํ แหน่ง เพือ่ จดั ให้มกี ารเลือกตง้ั ใหม่เรว็ ขึน้ กวา่ วาระปกติของสภา การยุบสภาจะกระทาํ โดยการเสนอของนายกรฐั มนตรใี ห้พระมหากษัตริย์. - พระมหากษัตรยิ ท์ รงไวซ้ ึง่ พระราชอํานาจทจ่ี ะยุบสภาผแู้ ทนราษฎร เพอ่ื ให้มีการเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรใหม่ การยบุ สภาผู้แทนราษฎรใหก้ ระทาํ โดยพระราชกฤษฎกี าตามคาํ แนะนําของนายกรัฐมนตรี ซ่งึ จะต้องกําหนดวนั เลือกตัง้ สภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกต้ังทว่ั ไปภายในระยะเวลาไมน่ อ้ ยกว่า 45 วนั แต่ไม่ เกนิ 60 วนั นับแต่วนั ยุบสภาผ้แู ทนราษฎร และวนั เลือกตั้งนัน้ ตอ้ งกาํ หนดเป็นวนั เดียวกันทัว่ ราชอาณาจกั ร และ การยุบสภาผู้แทนราษฎรจะกระทําไดเ้ พียงครั้งเดียวในเหตกุ ารณ์เดยี วกนั . 41. การมีสว่ นร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชนสามารถทาํ ไดใ้ นกรณีใด - ประชาชนและชุมชนมีอํานาจในการฟ้องรฐั ที่ใช้อาํ นาจไม่เปน็ ธรรม. - ประชาชนมสี ทิ ธฟิ อ้ งศาลรฐั ธรรมนญู ได้โดยตรง. - ผมู้ ีสิทธเิ ลือกตัง้ ไมน่ อ้ ยกว่า 10,000 คน → เขา้ ชอื่ เสนอร่างร่างพระราชบญั ญตั ไิ ด้. - ผู้มีสทิ ธเิ ลือกตงั้ ไมน่ ้อยกว่า 20,000 คน → เข้าช่อื เสนอให้ถอดถอนผูด้ าํ รงตําแหน่งทางการเมอื งได.้ - ผมู้ ีสทิ ธเิ ลือกต้งั ไม่นอ้ ยกว่า 50,000 คน → เข้าช่อื เสนอญตั ติขอแกไ้ ขเพิม่ เติมรฐั ธรรมนูญ. - การออกเสยี งประชามติ. สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (22) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
42.ศาลรัฐธรรมนญู มอี ํานาจหนา้ ท่อี ะไร - ศาลรัฐธรรมนญู ประกอบดว้ ย ประธานศาลรัฐธรรมูญ 1 คน และตลุ าการศาลรัฐธรรมนญู อื่นอีก 8 คน ดาํ รงตําแหน่งคราวละ 9 ปี และให้ดาํ รงตําแหนง่ ไดเ้ พียงวาระเดียว ซึ่งพระมหากษัตรยิ ์ทรงแต่งต้ังตาม คาํ แนะนําของวุฒิสภา ตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู ประกอบดว้ ยผูพ้ พิ ากษาในศาลฎีกา ตุลาการในศาลปกครอง สูงสดุ ผูท้ รงคุณวุฒิสาขานิติศาสตรแ์ ละสาขารฐั ศาสตร์. - ศาลรัฐธรรมนูญมีอํานาจหน้าท่ีดังนี้ 1. ควบคุมกฎหมายมิให้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2. พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับสมาชิกภาพหรือคุณสมบัติของสมาชิกรัฐสภา รัฐมนตรี คณะกรรมการการเลือกต้ัง และผ้ดู าํ รงตําแหนง่ ทางการเมืองทต่ี อ้ งยน่ื แสดงบัญชรี ายการทรัพย์สินและหน้ีสิน 3. พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับ อาํ นาจหนา้ ที่ระหวา่ งรฐั สภา คณะรัฐมนตรี หรือองคก์ รตามรัฐธรรมนูญทไ่ี มใ่ ชศ่ าล. 43.ศาลปกครองมอี ํานาจหน้าทส่ี าํ คัญอย่างไร - ศาลปกครอง มีอํานาจพจิ ารณาพิพากษาคดพี พิ าทระหว่างหนว่ ยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รัฐวิสาหกจิ องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ หรือองค์กรตามรฐั ธรรมนญู หรือเจา้ หน้าทขี่ องรฐั กับเอกชน อนั เน่ือง มาจากการปฏิบัติหน้าท่ขี องหนว่ ยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ศาลปกครองแบ่งออกเปน็ 2 ชน้ั ได้แก่ ศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสงู สุด แต่อาจจะมศี าลอุทธรณ์ด้วยก็ได้. 44.ตามรฐั ธรรมนูญ 2550 กาํ หนดบทบัญญัติเก่ียวกับการตรวจสอบการใช้อาํ นาจรัฐไว้ 4 รูปแบบ อะไรบา้ ง - การตรวจสอบการใชอ้ ํานาจรฐั มี 4 รูปแบบดังนี้ 1. การตรวจสอบทรพั ยส์ ิน 2. การกระทําทเ่ี ป็น การขดั กันแห่งผลประโยชน์ 3. การถอดถอนตาํ แหน่ง 4. การดําเนนิ คดอี าญากบั ผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมือง. 45.การตรวจสอบทรพั ย์สนิ ของผู้ดาํ รงตําแหนง่ ทางการเมืองมีวิธีการตรวจสอบอยา่ งไร - ผู้มีหน้าท่ีย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสิน ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมืองอื่นๆ ผู้บริหารท้องถ่ิน สมาชิกท้องถ่ินพร้อมทั้ง คสู่ มรส บตุ รท่ียงั ไม่บรรลุนติ ภิ าวะ และบคุ คลทีม่ อบหมายใหอ้ ยใู่ นความครอบครองดูแล. - ผมู้ ีหน้าที่ตรวจสอบบัญชแี สดงรายการทรัพย์สนิ และหนีส้ นิ คือ คณะกรรมการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ มหี นา้ ทตี่ รวจสอบความถกู ต้องและความมีอยู่จริงของทรพั ยส์ นิ และหน้สี ิน. - องคก์ รตรวจสอบ 1. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 2. ศาลฎกี า แผนกคดอี าญาของผดู้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมือง. - วิธกี ารตรวจสอบ 1. ตรวจสอบความถูกต้อง / ความมีอยู่จริงของทรัพย์สิน / หนี้สิน 2. หากมี ทรัพยส์ ินเพม่ิ ผิดปกติ ให้ประธานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งเอกสาร / รายงาน ผลการตรวจสอบไปยังอัยการสงู สุด เพ่ือดําเนนิ คดตี ่อศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ให้ทรัพยส์ นิ ทีเ่ พ่มิ ขนึ้ ผิดปกติตกเป็นของแผ่นดนิ 3. ผใู้ ดจงใจไม่ยืน่ บัญชี / จงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ / ปกปดิ ขอ้ เท็จจริงที่ควรแจ้งให้คณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอเร่ืองให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหนง่ ทางการเมืองวินิจฉยั ใหผ้ ู้กระทําผดิ พน้ จากตําแหนง่ ในวันทศ่ี าลฎกี าวินจิ ฉัย และต้องห้ามดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือตําแหน่งใดๆ ในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ ศาลฎีกาวนิ ิจฉัย. โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (23)
46.การถอดถอนตาํ แหนง่ ของผู้ดาํ รงตําแหน่งทางการเมอื งมขี ั้นตอนอยา่ งไร - ผ้ทู ี่ถูกถอดถอนออกจากตาํ แหน่งได้ ได้แก่ นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วุฒิสภา ประธานศาลฎกี า ประธานศาลรฐั ธรรมนญู ประธานศาลปกครองสงู สดุ อยั การสงู สดุ ตลุ าการ ศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลอื กต้ัง ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผ้พู ิพากษาหรอื ตลุ าการ พนกั งานอัยการ อนั เน่ืองมาจากการกระทาํ ท่ีส่อไปในทางทจุ ริตตอ่ ตาํ แหนง่ หนา้ ท่ี. - ผู้มอี ํานาจยื่นเสนอถอดถอน 1. ส.ส. จํานวนไมน่ ้อยกวา่ 1 ใน 4 ของจํานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ี มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร 2. ผู้มีสิทธิเลือกต้ังจํานวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อ ประธานวุฒิสภา 3. ส.ว. จํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจํานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภามีสิทธิ เข้าชอ่ื ร้องขอตอ่ ประธานวฒุ สิ ภาเพ่อื ใหว้ ุฒสิ ภามมี ตใิ ห้ถอดถอนเฉพาะสมาชิกวุฒิสภาออกจากตําแหน่งได้ จากน้ัน ประธานวฒุ สิ ภามอบหมายให้คณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นผู้ไต่สวนและต้องมี มติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงว่าข้อหามีมูล ผู้ถูกกล่าวหาจะดํารงตําแหน่งต่อไปไม่ได้ และสมาชิก วุฒสิ ภาคะแนนเสียงไมน่ ้อยกวา่ 3 ใน 5 ของจาํ นวนสมาชกิ ทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของวุฒิสภาสามารถถอดถอนผู้ถูก กล่าวหาได.้ - องค์กรตรวจสอบ 1. คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 2. อัยการสูงสดุ 3. วุฒสิ ภา 4. ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผู้ดาํ รงตําแหน่งทางการเมือง. 47. การดําเนนิ คดอี าญากับผ้ดู ํารงตําแหน่งทางการเมืองเก่ียวขอ้ งกบั บุคคลหรอื หนว่ ยงานใดบา้ ง - ผ้ดู ํารงตาํ แหน่งทางการเมืองทถ่ี กู ตรวจสอบ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี รฐั มนตรี สมาชิกสภาผูแ้ ทน- ราษฎร สมาชกิ วฒุ ิสภา ข้าราชการการเมืองอื่น. - องคก์ รตรวจสอบ 1. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 2. ที่ประชุม ใหญ่ศาลฎีกา 3. วุฒสิ ภา 4. อัยการสงู สดุ 5. ศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผดู้ ํารงตาํ แหน่งทางการเมอื ง. - ผไู้ ตส่ วนอสิ ระ คือ บคุ คลที่ทป่ี ระชมุ ใหญ่ศาลฎีกาแตง่ ตั้งขน้ึ เพื่อใหท้ ําหนา้ ทใ่ี นการไต่สวนข้อเท็จจรงิ และสรปุ สํานวนพรอ้ มทาํ ความเหน็ ในกรณที ีม่ กี ารดาํ เนินคดอี าญาผ้ดู าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมือง ถ้าผู้ไตส่ วนอิสระ เหน็ วา่ ขอ้ กล่าวหามมี ลู ให้ส่งรายงานและเอกสารที่มีอยูพ่ ร้อมทงั้ ความเหน็ ไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อดาํ เนนิ การ และสง่ สาํ นวนและความเหน็ ไปยงั อยั การสูงสุด เพอ่ื ย่ืนฟ้องคดตี อ่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผูด้ าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมอื งต่อไป. 48.องคก์ รอิสระตามรฐั ธรรมนูญ และองคก์ รอ่ืนตามรฐั ธรรมนญู มีองคก์ รใดบา้ ง องคก์ รอิสระตามรฐั ธรรมนญู องค์กรอน่ื ตามรฐั ธรรมนญู - คณะกรรมการการเลอื กต้งั - องคก์ รอยั การ - ผู้ตรวจการแผ่นดิน - คณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแห่งชาติ - คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ - สภาทปี่ รึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ - คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ - คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการการเลือกต้งั 1 คนและกรรมการ อนื่ อกี 4 คน ซึง่ พระมหากษตั ริยท์ รงแตง่ ต้งั ตามคําแนะนําของวฒุ สิ ภา มีวาระการดํารงตาํ แหน่ง 7 ปี และ ให้ดํารงตาํ แหน่งไดเ้ พยี งวาระเดยี ว สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (24) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26
- ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ มจี าํ นวน 3 คน ซง่ึ พระมหากษตั ริยท์ รงแตง่ ต้ังตามคาํ แนะนําของวฒุ ิสภา มวี าระการดํารงตาํ แหน่ง 6 ปี และใหด้ าํ รงตําแหนง่ ได้เพียงวาระเดียว. - คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการอ่ืนอีก 8 คน ซึง่ พระมหากษัตริยท์ รงแต่งตัง้ ตามคาํ แนะนําของวฒุ สิ ภา มวี าระการดาํ รงตําแหน่ง 9 ปี และให้ดาํ รงตาํ แหนง่ ได้เพียงวาระเดียว. - คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ประกอบดว้ ย ประธานกรรมการ 1 คนและกรรมการอืน่ อีก 6 คน ซ่งึ พระมหากษตั รยิ ์ทรงแต่งตง้ั ตามคําแนะนําของวุฒสิ ภา มวี าระการดํารงตําแหน่ง 6 ปี และใหด้ าํ รงตําแหน่ง ไดเ้ พียงวาระเดยี ว. - คณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแห่งชาติ ประกอบดว้ ย ประธานกรรมการ 1 คนและกรรมการอนื่ อกี 6 คน ซ่งึ พระมหากษตั ริยท์ รงแตง่ ตง้ั ตามคาํ แนะนาํ ของวุฒสิ ภา มีวาระการดาํ รงตาํ แหน่ง 6 ปี และใหด้ ํารงตําแหน่ง ไดเ้ พียงวาระเดียว. 49.คณะกรรมการการเลือกต้งั มีอํานาจหน้าท่ีอะไร - คณะกรรมการการเลอื กตัง้ มีอาํ นาจหน้าทดี่ ังน้ี 1. จดั การเลอื กตัง้ และเพกิ ถอนการเลือกต้งั สมาชิก สภาผ้แู ทนราษฎร สมาชกิ วุฒสิ ภา องค์กรปกครองทอ้ งถนิ่ รวมทงั้ จดั ให้มีการลงประชามติ 2. ควบคมุ การ ดาํ เนนิ การเกยี่ วกับพรรคการเมอื ง. 50.ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ (Ombudsman) มีอํานาจหน้าทอี่ ะไร - ผตู้ รวจการแผน่ ดินมอี ํานาจหน้าที่ดงั นี้ 1. พจิ ารณาและสอบสวนหาขอ้ เท็จจริงตามข้อร้องเรยี น การไม่ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายหรือละเว้นการปฏิบัตติ ามกฎหมายของข้าราชการ พนกั งาน หนว่ ยงานราชการ รัฐวสิ าหกจิ หรอื ราชการส่วนท้องถิ่น 2. ดําเนนิ การเกย่ี วกับจรยิ ธรรมของผดู้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมืองและ เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั 3. ตดิ ตามประเมินผลและจดั ทาํ ข้อเสนอแนะในการปฏิบตั ติ ามรัฐธรรมนูญ. - ข้อสงั เกต 1. ผูต้ รวจการแผ่นดนิ มหี นา้ ทต่ี รวจสอบและทาํ รายงานเสนอให้มีการแกไ้ ขโดยหน่วยงาน ของรัฐ หากหนว่ ยงานของรัฐไมป่ ฏิบัติตาม ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ ก็ไมม่ อี ํานาจสัง่ การแต่ประการใด ผตู้ รวจการ แผน่ ดนิ มเี พียงแต่อํานาจท่ีทาํ รายงานเสนอแกร่ ฐั สภาและพมิ พ์เผยแพร่ใหส้ าธารณชนทราบ 2. หากเปน็ การกระทาํ ผดิ วนิ ยั รา้ ยแรง ผู้ตรวจแผ่นดนิ จะส่งเรื่องใหค้ ณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาตพิ จิ ารณา ดําเนินการโดยถอื เปน็ เหตุทผ่ี ดู้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมอื งและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกถอดถอนออกจากตําแหน่ง. 51. คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติมีอาํ นาจหนา้ ทอ่ี ะไร - คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอี าํ นาจหนา้ ท่ดี งั น้ี 1. ไตส่ วนและวินิจฉยั เจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐตงั้ แตผ่ ู้บริหาร ระดับสูง หรอื ขา้ ราชการตั้งแต่ผู้อํานวยการกองหรอื เทยี บเท่าขน้ึ ไป รา่ํ รวยผดิ ปกติ กระทาํ ความผดิ ฐานทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี 2. ไต่สวนข้อเท็จจรงิ และสรปุ สาํ นวนการดําเนินคดีอาญาของผ้ดู ํารงตาํ แหนง่ ทางการเมืองเพอื่ ส่งไปยัง ศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตาํ แหน่งทางการเมอื ง 3. ตรวจสอบความถกู ต้องและความมีอยู่จรงิ รวมทั้ง ความเปลี่ยนแปลงของทรพั ย์สนิ และหน้สี นิ ของนายกรฐั มนตรี รฐั มนตรี สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร สมาชิก วฒุ สิ ภา ขา้ ราชการการเมือง ผู้บรหิ ารทอ้ งถิ่นและสมาชิกสภาทอ้ งถน่ิ 4. กํากับดูแลคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม ของผดู้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมือง. โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 26 _____________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (25)
52.คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติมอี ํานาจหน้าที่อะไร - คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอํานาจหน้าท่ีดังนี้ 1. ตรวจสอบและรายงานการกระทํา หรอื การละเลยการกระทําอนั เปน็ การละเมิดสทิ ธิมนุษยชน หรือไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเก่ียวกับ สทิ ธมิ นษุ ยชนท่ปี ระเทศไทยเป็นภาคี และเสนอมาตรการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานท่ีกระทําหรือ ละเลยการกระทําดังกล่าว เพอื่ ดาํ เนนิ การในกรณที ่ปี รากฏว่าไม่มีการดาํ เนินการตามที่เสนอให้รายงานต่อรัฐสภา เพ่ือดําเนินการต่อไป 2. เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีท่ีเห็นชอบตามท่ีได้มี ผู้ร้องเรียนว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปัญหาเก่ียวกับความชอบด้วย รฐั ธรรมนูญ 3. เสนอเร่อื งพรอ้ มดว้ ยความเห็นตอ่ ศาลปกครอง ในกรณีท่ีเห็นชอบตามท่ีมีผู้ร้องเรียนว่า กฎ คําส่ัง หรือการกระทําอ่ืนใดในทางปกครองกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย 4. ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย เมื่อได้รับการร้องขอจากผู้เสียหายและเป็นกรณีท่ี เห็นสมควรเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนรวม ท้ังน้ีตามท่ีกฎหมายบัญญัติ 5. เสนอแนะ นโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพ่ือส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ มนุษยชน 6. ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน 7. ส่งเสริมความร่วมมือ และการประสานงานระหว่างหน่วยราชการ องค์การเอกชนและองค์กรอื่นในด้านสิทธิมนุษยชน 8. จัดทํา รายงานประจําปีเพ่ือประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนภายในประเทศและเสนอต่อรัฐสภา 9. อํานาจ หนา้ ทอ่ี น่ื ตามที่กฎหมายบัญญัติ 53.องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ มีการแบง่ โครงสร้างอย่างไร - องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ฝา่ ยนิตบิ ัญญตั ิ คอื สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด / ฝา่ ยบริหาร คือ นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั . - เทศบาล ฝา่ ยนิติบัญญตั ิ คือ สภาเทศบาล / ฝา่ ยบริหาร คอื นายกเทศมนตร.ี - องค์การบรหิ ารส่วนตาํ บล ฝ่ายนติ บิ ญั ญัติ คอื สภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล / ฝา่ ยบรหิ าร คอื นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตําบล. - กรุงเทพมหานคร ฝ่ายนิติบัญญตั ิ คอื สภากรุงเทพมหานคร / ฝ่ายบรหิ าร คือ ผูว้ ่าราชการ กรงุ เทพมหานคร. - เมอื งพทั ยา ฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ิ คอื สภาเมอื งพทั ยา / ฝา่ ยบริหาร คอื นายกเมอื งพัทยา. 54.ตามรฐั ธรรมนญู 2550 ผู้ใดมีสิทธเิ สนอรา่ งพระราชบญั ญัติ - ผู้มีสทิ ธิเสนอรา่ งพระราชบญั ญัติ ได้แก่ 1. คณะรัฐมนตรี 2. สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรจาํ นวน ไมน่ อ้ ยกวา่ 20 คน 3. ผู้มสี ิทธเิ ลอื กตง้ั จํานวนไมน่ ้อยกวา่ 10,000 คน 4. ศาลหรือองคก์ รอิสระตามรฐั ธรรมนูญ เฉพาะกฎหมายท่เี กยี่ วกับการจดั องคก์ รและกฎหมายที่ประธานศาลและประธานองคก์ รน้นั เปน็ ผ้รู กั ษาการ - ขอ้ สงั เกต สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรมีอาํ นาจในการเสนอรา่ งพระราชบัญญัตไิ ด้โดยไมต่ อ้ งขอมติ จากพรรคการเมืองท่ีตนสงั กดั ส่วนสมาชิกวฒุ สิ ภาไมม่ สี ทิ ธิเสนอรา่ งพระราชบญั ญตั ิ. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (26) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
55.ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ผใู้ ดมีสทิ ธเิ สนอรา่ งพระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู - ผูม้ สี ิทธิเสนอรา่ งพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ ไดแ้ ก่ 1. คณะรฐั มนตรี 2. สมาชกิ สภา- ผแู้ ทนราษฎรจาํ นวนไม่น้อยกวา่ 1 ใน 10 ของจาํ นวนสมาชิกทงั้ หมดทม่ี ีอยูข่ องสภาผแู้ ทนราษฎร 3. สมาชิกสภา- ผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวฒุ ิสภาจํานวนไม่น้อยกวา่ 1 ใน 10 ของจาํ นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ท่ีมอี ยู่ของทั้งสอง สภา 4. ศาลรัฐธรรมนญู ศาลฎีกาหรอื องค์กรอสิ ระตามรฐั ธรรมนูญ. 56.ตามรฐั ธรรมนูญ 2550 ผ้มู ีสิทธิเลอื กตง้ั มคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งไร - คณุ สมบัติของผ้มู ีสิทธิเลือกตงั้ มีดงั น้ี 1. มสี ญั ชาตไิ ทย แต่บคุ คลผู้มีสัญชาตไิ ทยโดยการแปลง สัญชาติ ต้องได้สัญชาตไิ ทยมาแลว้ ไม่น้อยกวา่ 5 ปี 2. มอี ายุไมต่ ่ํากวา่ 18 ปบี รบิ รู ณใ์ นวนั ท่ี 1 มกราคมของปี ท่ีมีการเลือกตง้ั 3. มีชอ่ื อยใู่ นทะเบยี นบา้ นในเขตเลือกตง้ั มาแล้วเป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 90 วนั นับถึงวนั เลอื กตัง้ . 57.บคุ คลตอ้ งห้ามมใิ ห้ใชส้ ทิ ธิเลือกต้ังมใี ครบา้ ง - บุคคลต้องห้ามมใิ ห้ใชส้ ิทธเิ ลอื กต้ัง ได้แก่ 1. เปน็ ภิกษุ สามเณร นกั พรต นักบวช 2. อยู่ใน ระหว่างถูกเพิกถอนสทิ ธิเลือกตง้ั 3. ต้องคมุ ขงั อยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคาํ สัง่ ทช่ี อบดว้ ยกฎหมาย 4. วกิ ลจริต หรอื จิตฟน่ั เฟอื นไม่สมประกอบ. 58.ถา้ เราไม่ไปใช้สทิ ธเิ ลือกต้งั เราจะเสยี สิทธอิ ะไรบา้ ง - การแจ้งเหตุไม่อาจไปใชส้ ิทธิ ผู้มสี ทิ ธเิ ลือกตัง้ ทไ่ี มส่ ามารถไปใช้สทิ ธเิ ลือกตัง้ ได้ จะต้องแจง้ เหตุ ไม่ไปใช้สทิ ธิ ซึ่งการแจ้งเหตนุ ้นั จะต้องย่ืนหนังสอื ตอ่ ผอ.กต.อปท.กอ่ นวนั เลือกต้ังไมน่ อ้ ยกวา่ 7 วนั หรือภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง เหตุทีใ่ ช้ในการแจง้ มีดงั ตอ่ ไปนี้ 1. เจ็บป่วย 2. มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สะดวก ในการไปใช้สทิ ธิ 3. มอี ายุเกิน 70 ปีบริบูรณใ์ นวนั เลอื กตั้ง 4. ไม่อยู่ในภมู ลิ าํ เนา ในเวลาเลอื กตงั้ - ผู้มีสิทธเิ ลือกตง้ั ท่ีไมไ่ ดไ้ ปใช้สิทธแิ ละไม่ได้แจง้ เหตุ จะเสียสิทธิดงั ต่อไปน้ี 1. เสียสทิ ธกิ ารย่นื คํารอ้ งคดั คา้ นการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ (ส.ถ.)/ผบู้ ริหารท้องถ่นิ (ผ.ถ.) 2. เสยี สทิ ธิรอ้ งคดั คา้ นการเลอื กตั้ง กํานันและผูใ้ หญ่บ้าน 3. เสยี สทิ ธิสมคั รรับเลือกตัง้ เป็น ส.ถ./ผ.ถ. 4. เสยี สทิ ธสิ มคั รรบั เลือกตั้งกํานันและ ผู้ใหญบ่ ้าน 5. เสยี สทิ ธเิ ขา้ ชื่อรอ้ งขอให้สภาท้องถน่ิ พิจารณาออกข้อบญั ญตั ิทอ้ งถน่ิ 6. เสียสิทธิเขา้ ชือ่ ร้อง ขอให้ถอดถอน ส.ถ./ผ.ถ. การเสียสทิ ธเิ ลอื กตัง้ นนั้ จะไดส้ ทิ ธกิ ลับคนื มากต็ ่อเมอ่ื ไดไ้ ปใช้สิทธเิ ลอื กตัง้ คร้งั ตอ่ ไป ไม่ว่าจะเปน็ การเลือกตงั้ ท้องถน่ิ หรอื การเลอื กตงั้ ส.ส./ส.ว.ก็ตาม โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (27)
ทดสอบพลงั สมอง เร่ือง “รัฐศาสตร รฐั ธรรมนูญไทยและการเมอื งไทย” 1. สง่ิ ทแี่ สดงถงึ การมีอาํ นาจอธปิ ไตย คือ (อํานาจสงู สดุ มาจากประชาชน / ประเทศเป็นเอกราช) 2. ความเป็นประชาธิปไตย หมายถึง (อํานาจอธปิ ไตยมีฐานะสงู สุด / ประชาชนมีสว่ นรว่ มในทางการเมือง) 3. รปู แบบของรัฐทเี่ ปน็ “รัฐรวม” ทง้ั หมด (ออสเตรเลยี มาเลเซีย อินเดีย / สหราชอาณาจักร สหรฐั อเมรกิ า สหพนั ธรฐั รัสเซีย) 4. หลกั การทีส่ าํ คัญท่ีสดุ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย (หลกั ความเสมอภาคทางการเมอื ง / หลกั อาํ นาจอธปิ ไตยเปน็ ของประชาชน) 5. การปกครองที่รฐั บาลเขา้ ควบคมุ ทางดา้ นการเมือง แต่เปดิ โอกาสให้ประชาชนมสี ทิ ธเิ สรภี าพทางดา้ น เศรษฐกิจและสังคม หมายถงึ (เผดจ็ การเบด็ เสรจ็ นิยม / เผดจ็ การอาํ นาจนิยม) 6. “สิทธิของประชาชนท่สี ามารถเข้าถึงรายละเอียดของขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศก่อนจะมผี ลผูกพันกนั ตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ หากว่าขอ้ ตกลงน้ันจะกอ่ ให้เกดิ ผลกระทบตอ่ ประชาชน ความม่นั คง ทางเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศอยา่ งกว้างขวาง” กําหนดไว้ในมาตรา (มาตรา 63 / มาตรา 190) ตามรัฐธรรมนญู 2550 7. รัฐสภาสามารถควบคุมการทํางานของรฐั บาลใหเ้ ป็นไปตามนโยบายทแ่ี ถลงไว้ต่อรัฐสภาดว้ ยวธิ ี (การแต่งตั้งผู้นาํ ฝา่ ยคา้ น / การต้ังกระท้ถู าม) 8. ตามรัฐธรรมนญู 2550 องค์กรอืน่ ตามรฐั ธรรมนญู มีดงั น้ี 1. องคก์ รอยั การ 2. คณะกรรมการ สิทธมิ นุษยชนแห่งชาติ 3. (สภาท่ปี รึกษาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ / สภาพัฒนาเศรษฐกจิ และ สังคมแห่งชาติ) 9. ผทู้ ไี่ ม่ตอ้ งพน้ จากตําแหนง่ เมอ่ื มีการยุบสภาผแู้ ทนราษฎร คือ (ประธานรฐั สภา / รองประธานรัฐสภา) 10.กล่มุ บุคคลทไ่ี มม่ สี ทิ ธิในการเสนอร่างพระราชบญั ญตั ิ คอื (สมาชิกวุฒิสภา / สมาชกิ สภา- ผู้แทนราษฎร) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (28) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
กฎหมาย กฎหมาย จบั ประเดน็ สําคัญ (หา Error) X ความรู้เบอ้ื งตน้ เกีย่ วกบั 1. กฎหมายเปน็ ข้อกาํ หนดความประพฤตแิ ละจิตใจของมนุษยเ์ พื่อให้อยู่ กฎหมาย ร่วมกันอย่างสนั ติ 2. ระบบกฎหมายทใ่ี ชอ้ ยู่ในประเทศไทย คอื ระบบประมวลกฎหมาย 3. กฎหมายทก่ี ําหนดสิทธหิ น้าทแ่ี ละความรับผิดชอบของบคุ คล คอื กฎหมาย สารบัญญัติ 4. กฎหมายท่ีออกโดยฝา่ ยบริหาร ได้แก่ พระราชบัญญัติ พระราชกาํ หนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง Y กฎหมายแพง่ 1. นิตบิ ุคคล เชน่ สมาคม มูลนธิ ิ วดั วาอาราม จงั หวดั อาํ เภอ - ผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ 2. ผู้เยาวม์ ีอํานาจทาํ พินัยกรรมได้เมื่ออายคุ รบ 15 ปีบริบรู ณไ์ ด้ด้วยตนเอง คนเสมอื นไร้ความสามารถ อย่างสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมาย ถา้ ผูเ้ ยาวท์ าํ พนิ ยั กรรมกอ่ นอายุ คนวิกลจรติ ครบตามท่ีกฎหมายกาํ หนดไว้ พินยั กรรมนนั้ ย่อมตกเป็นโมฆียะ - นิติกรรม โมฆะ โมฆียะ 3. บุคคลท่ีศาลแต่งต้ังให้เปน็ ผดู้ ูแลคนไรค้ วามสามารถ คอื ผูอ้ นุบาล - การหมั้น การสมรส 4. ชายและหญิงจะทําการหมน้ั กันได้จะต้องมีอายคุ รบ 17 ปีบรบิ รู ณ์ ถ้าฝ่ายใด - บุตรบุญธรรม อายุไมค่ รบตามท่ีกฎหมายกําหนดไว้ การหม้นั ตกเปน็ โมฆียะ 5. หญิงอายุ 16 ปี สามารถทาํ การสมรสไดใ้ นกรณีทไ่ี ดร้ ับการยนิ ยอมจาก บิดามารดาหรอื ผแู้ ทนโดยชอบธรรม Z กฎหมายอาญา 1. กฎหมายอาญาจัดอยู่ในประเภทกฎหมายมหาชน - หลกั การสาํ คัญ 2. โทษในทางอาญาท่ีจะลงแกจ่ ําเลยผู้กระทําความผิด ประกอบด้วย โทษ - โทษทางอาญาและแพง่ - ความผิดเกีย่ วกับทรพั ย์ ประหารชีวติ จาํ คุก กกั กัน ปรับ ริบทรัพย์สนิ - บุคคลทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั 3. บตุ รลักทรพั ย์ของบดิ า กฎหมายถอื ว่าเป็นความผิดอาญาประเภท ความผดิ กระบวนการยุตธิ รรมทาง ลหุโทษ อาญาและแพ่ง 4. นายแดงขวู่ ่าจะเผาบ้านนายดํา ทาํ ให้นายดําตอ้ งเอาเงนิ ทองมามอบให้ นายแดง นายแดงกระทําความผดิ ตามกฎหมายอาญาฐาน กรรโชกทรัพย์ 5. พนักงานทเ่ี ก่ยี วข้องกับกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา ไดแ้ ก่ ตํารวจ อัยการ ศาล พนกั งานคุมประพฤติ พนกั งานบงั คบั คดี โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (29)
1. กฎหมายมลี ักษณะสําคัญอย่างไร - กฎหมายมลี กั ษณะสาํ คญั ดังนี้ 1) เปน็ คาํ สง่ั หรอื ขอ้ บงั คบั ท่ีออกโดยรัฏฐาธิปตั ยห์ รอื ผู้มอี ํานาจ สูงสดุ ในรฐั 2) เปน็ คาํ ส่งั หรอื ข้อบังคับทีใ่ ชก้ บั บคุ คลเท่านนั้ ซึง่ อาจจะเป็นบคุ คลหรือนติ ิบคุ คลกไ็ ด้ 3) เปน็ คําสงั่ หรอื ขอ้ บงั คับท่ใี ชไ้ ด้ทั่วไป คือ กฎหมายจะตอ้ งใช้บังคับได้ทกุ สถานท่แี ละแกบ่ คุ คลทว่ั ไปโดยเสมอภาค 4) เปน็ คาํ สงั่ หรอื ข้อบงั คบั ที่ใชไ้ ดเ้ สมอไป คือ เมอ่ื ประกาศใช้กฎหมายใดแลว้ ต้องใช้กฎหมายนัน้ บงั คบั ไดเ้ สมอ จนกวา่ จะมี ประกาศยกเลกิ หรอื ถูกลบล้างดว้ ยกฎหมายใหม่ ดงั สภุ าษิตกฎหมายท่กี ล่าววา่ “กฎหมายนอนหลับบางคราว แต่ไมเ่ คยตาย” 5) มอี าํ นาจผูกพนั ใหบ้ ุคคลต้องปฏิบตั ติ าม 6) ต้องมีกระบวนการท่แี นน่ อน 7) ตอ้ งมสี ภาพบงั คบั . 2. กฎหมายมีกีป่ ระเภท - กฎหมายแบง่ ตามองคก์ รทจี่ ัดทํา 1. กฎหมายทอ่ี อกโดยฝ่ายนิตบิ ญั ญตั ิ ไดแ้ ก่ กฎหมาย รฐั ธรรมนญู พระราชบญั ญตั ิ ประมวลกฎหมาย กฎมณเฑียรบาล 2. กฎหมายท่อี อกโดยฝา่ ยบริหาร ไดแ้ ก่ พระราชกําหนด พระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง 3. กฎหมายทีอ่ อกโดยองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ไดแ้ ก่ เทศบัญญัติ ข้อบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด ขอ้ บญั ญตั อิ งค์การบรหิ ารส่วนตําบล ข้อบัญญตั ิ กรุงเทพมหานคร ขอ้ บญั ญตั เิ มอื งพทั ยา 4. กฎหมายที่ออกมาใชใ้ นกรณพี เิ ศษ เช่น กฎอัยการศึก ประกาศ คณะปฏวิ ัต.ิ - กฎหมายแบง่ ตามรูปแบบ ไดแ้ ก่ กฎหมายลายลกั ษณอ์ กั ษร กฎหมายไมเ่ ป็นลายลักษณ์อักษร - กฎหมายแบง่ ตามความสมั พันธ์ของคกู่ รณี ไดแ้ ก่ กฎหมายเอกชน กฎหมายมหาชน - กฎหมายแบ่งตามหนา้ ทห่ี รอื หลักของการใช้กฎหมาย ได้แก่ กฎหมายสารบัญญตั ิ กฎหมายวิธี สบญั ญตั ิ - กฎหมายแบง่ ตามแหล่งกําเนดิ ไดแ้ ก่ กฎหมายในประเทศ กฎหมายระหวา่ งประเทศ - กฎหมายแบง่ ตามสภาพบงั คบั ไดแ้ ก่ กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา - กฎหมายแบง่ ตามวธิ บี ัญญตั ิหรือความมงุ่ หมายของกฎหมาย ได้แก่ กฎหมายตามเน้อื ความ กฎหมายตามแบบพิธ.ี 3. ระบบซวิ ิลลอว์ (Civil law) และระบบคอมมอนลอว์ (Common law) มีความแตกต่างกันอย่างไร - ระบบกฎหมายซวิ ลิ ลอว์ หรอื ระบบกฎหมายลายลกั ษณ์อักษร หรือระบบประมวลกฎหมาย หรือระบบกฎหมายโรมาโน-เยอรมันนิค ระบบกฎหมายน้ีมีประวตั คิ วามเปน็ มาจากกฎหมายโรมันทส่ี ําคญั เช่น กฎหมายสบิ สองโตะ๊ และกฎหมายของจกั รพรรดจิ สั ติเนียน ตัวอยา่ งประมวลกฎหมายท่สี าํ คญั ของไทย ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ เปน็ ตน้ ระบบกฎหมายนี้เปน็ กฎหมายทใี่ ชใ้ น ประเทศภาคพื้นยโุ รป เชน่ เยอรมนี ฝรัง่ เศส สวิตเซอร์แลนด์ อติ าลี สเปน รวมทั้งประเทศไทยดว้ ย. - ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ หรือระบบกฎหมายทไ่ี ม่เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร หรือกฎหมายจารีต ประเพณี หรอื กฎหมายแองโกลแซกซอน ระบบกฎหมายนี้มีตน้ กําเนิดมาจากประเทศอังกฤษ และเกิดข้ึนจาก จารตี ประเพณีและคาํ พิพากษาของศาล โดยนําเอาคาํ พพิ ากษาของศาลในคดีกอ่ นของแตล่ ะคดมี าเปน็ หลกั ในการพิพากษาหรือวนิ จิ ฉยั ในคดหี ลังที่มขี ้อเทจ็ จรงิ คลา้ ยกนั โดยตดั สนิ ไปในแนวทางเดยี วกนั กับคดีกอ่ น การศึกษา กฎหมายก็ศึกษาจากคาํ พพิ ากษาของศาลนั่นเอง ประเทศทีใ่ ชร้ ปู แบบกฎหมายคอมมอนลอว์ เช่น สหรัฐอเมรกิ า ประเทศอังกฤษและเครอื จกั รภพองั กฤษ. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (30) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
4. กฎหมายจารตี ประเพณมี ีลักษณะสําคัญอยา่ งไร - กฎหมายจารตี ประเพณี เปน็ กฎหมายท่ไี ม่ได้บญั ญตั ิไวเ้ ปน็ ลายลักษณอ์ ักษร มีลักษณะสาํ คัญดงั นี้ 1) เปน็ สง่ิ ทป่ี ฏบิ ัติสบื เน่ืองกันมานาน 2) คนในทอ้ งถ่ินปฏิบัตกิ นั ท่ัวไป สม่าํ เสมอ โดยเปดิ เผยจนเป็นทีย่ อมรบั ของประชาชนโดยท่วั ไป 3) ไมไ่ ดเ้ ปน็ คาํ ส่ังที่มาจากรฏั ฐาธปิ ตั ย์ 4) ไมข่ ดั ต่อกฎหมายลายลกั ษณอ์ ักษรและ ไมข่ ัดตอ่ ความสงบเรียบรอ้ ยและศีลธรรมอนั ดีของประชาชน ความสําคญั ของกฎหมายจารตี ประเพณี คือ เมื่อไม่ มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่จะนํามาปรับแก่คดไี ด้ ใหน้ ํากฎหมายจารีตประเพณีมาปรับคดีไดก้ แ็ ตเ่ ฉพาะคดี แพ่งเท่านั้น แต่ถ้าจะนํากฎหมายจารตี ประเพณมี าใช้ปรบั คดอี าญาเพ่อื เปน็ คุณหรือเปน็ ประโยชนแ์ ก่ผูต้ ้องหา แลว้ สามารถทาํ ได้ เช่น การชกมวยบนเวทีตามกติกาแล้วทาํ ให้คู่ตอ่ สู้ถึงแกค่ วามตายแตไ่ ม่ต้องรบั ผิด. 5. ความสําคญั ตามศักดขิ์ องกฎหมายเรยี งลําดบั อยา่ งไร - ศักดิ์ของกฎหมายหรือฐานะของกฎหมายเรียงลําดับจากศักดิ์สูงสุดไปหาศักดิ์ต่ํา ได้ดังน้ี รัฐธรรมนูญ → พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกําหนด → พระราชกฤษฎีกา → กฎกระทรวง → ขอ้ บัญญัตอิ งคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น. - ข้อสงั เกต 1) กฎหมายทม่ี ีศกั ดิต์ ํ่ากว่า จะออกมาใชบ้ ังคบั ไดก้ ็ต่อเมื่อกฎหมายท่มี ีศักดิ์สงู กวา่ ให้ อาํ นาจ หมายความว่า กฎหมายลูกจะออกมาใชบ้ ังคบั ได้ จะต้องมกี ฎหมายแมห่ รอื กฎหมายแม่บทให้อํานาจไว้ 2) กฎหมายท่มี ีศักดิต์ ํา่ กว่าจะขัดหรือแย้งกับกฎหมายทม่ี ีศกั ดิ์สูงกว่าไม่ได.้ 6. ตามรัฐธรรมนูญ 2550 การออกพระราชกําหนดทาํ ไดใ้ นกรณใี ดบ้าง - พระราชกําหนด เปน็ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ตราข้ึนตามคําแนะนาํ และยนิ ยอมของคณะรฐั มนตรี ซงึ่ ออกได้ใน 2 กรณีดังน้ี 1) กรณฉี กุ เฉนิ เมอ่ื มคี วามจําเปน็ รบี ด่วนท่มี ิอาจเลีย่ งได้ เพอ่ื ประโยชน์ในการรักษา ความปลอดภัยหรือความมนั่ คงทางเศรษฐกจิ ของประเทศ 2) กรณีทเ่ี ก่ยี วกับภาษีอากรหรอื เงินตรา ซึง่ ตอ้ ง พจิ ารณาโดยด่วนและลับเพื่อรกั ษาประโยชน์ของแผน่ ดิน - การออกพระราชกําหนดมีข้นั ตอนดังน้ี 1) ผูเ้ สนอ คือ รฐั มนตรผี รู้ ับผิดชอบซึง่ เก่ยี วขอ้ งกบั กรณี ฉกุ เฉิน หรอื กรณีเร่งดว่ นท่ีเกดิ ขึ้น 2) ผู้พิจารณา คอื คณะรฐั มนตรี 3) ผู้ตรา คอื พระมหากษัตรยิ ์ 4) มผี ล บังคบั ใช้เป็นกฎหมายได้เม่อื ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา. - ข้อสงั เกต 1) รฐั ธรรมนูญให้อาํ นาจแกฝ่ า่ ยบริหารในการออกกฎหมาย คอื พระราชกาํ หนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง 2) สรุปวา่ พระราชกําหนดมี 2 ประเภท คือ พระราชกาํ หนดทั่วไป และพระราช- กําหนดเกี่ยวกับภาษอี ากรหรอื เงินตรา 3) พระราชกาํ หนดมลี กั ษณะเปน็ กฎหมายชวั่ คราว แต่สามารถกลายเปน็ กฎหมายถาวรได้ โดยรัฐธรรมนูญกําหนดใหต้ อ้ งมกี ารเสนอพระราชกําหนดที่ประกาศใช้แลว้ ให้รัฐสภาได้มกี าร พิจารณาอกี ครั้ง. 7. ตามรฐั ธรรมนญู 2550 การออกพระราชกฤษฎีกามีขนั้ ตอนและวธิ ีการจดั ทาํ อย่างไร - พระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมายทพ่ี ระมหากษัตริย์ทรงตราข้นึ ตามคําแนะนําและยินยอมของ คณะรัฐมนตรี เชน่ พระราชกฤษฎกี าเปดิ หรอื ปดิ ประชุมรัฐสภา พระราชกฤษฎกี ายุบสภาผู้แทนราษฎร พระราช กฤษฎีกาให้มกี ารเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรโดยมกี ารกาํ หนดวันเลือกต้งั - การออกพระราชกฤษฎีกามีข้ันตอนดังนี้ 1) ผู้เสนอ คือ คณะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเก่ียวกับ พระราชกฤษฎีกาหรอื ที่ได้รักษาการตามพระราชบัญญัติหรือพระราชกําหนดที่บัญญัติให้ออกพระราชกฤษฎีกาขึ้น 2) ผพู้ จิ ารณา คอื คณะรัฐมนตรี 3) ผู้ตรา คือ พระมหากษัตริย์ 4) มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายได้เมื่อประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (31)
- ข้อสงั เกต 1) พระราชกฤษฎีกาเปน็ กฎหมายอนุบัญญตั ิ หรอื กฎหมายบรวิ าร หรอื กฎหมาย ลาํ ดับรอง เพราะพระราชกฤษฎีกามีฐานะตํา่ กวา่ พระราชบญั ญัติและพระราชกําหนด 2) การจัดทําพระราช- กฤษฎกี าไมต่ อ้ งนาํ ไปเสนอรฐั สภาพิจารณาอนุมตั ิเหมอื นกฎกระทรวง. 8. กฎหมายประเภทใดทตี่ อ้ งประกาศในราชกจิ จานุเบกษา - กฎหมายทต่ี ้องประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ไดแ้ ก่ รฐั ธรรมนูญ พระราชบัญญตั ิประกอบ รฐั ธรรมนูญ พระราชบญั ญัติ ประมวลกฎหมาย พระราชกาํ หนด พระราชกฤษฎีกา และกฎกระทรวง นอกจากน้ี ยงั มีกฎหมายท้องถิ่นทต่ี อ้ งประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ ขอ้ บัญญตั ิกรุงเทพมหานคร และขอ้ บัญญตั ิ องค์การบริหารสว่ นตาํ บล ส่วนกฎหมายทอ้ งถ่นิ ฉบบั อ่ืนจะใชว้ ิธกี ารปดิ ประกาศโดยเปิดเผย เชน่ ขอ้ บญั ญตั ิ องค์การบริหารส่วนจงั หวัดประกาศไวท้ ่ีทที่ าํ การองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั 15 วนั , เทศบัญญัตปิ ดิ ประกาศไวท้ ี่ สาํ นกั งานเทศบาล 7 วนั , ข้อบัญญตั ิเมืองพทั ยา ปิดประกาศไวท้ ศี่ าลาว่าการเมอื งพัทยา 7 วนั . 9. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ การเรม่ิ ต้นสภาพบคุ คลน้ันเรมิ่ เมอื่ ไร - ปพพ.มาตรา 15 วรรคแรกบัญญตั ิใหส้ ภาพบคุ คลเร่มิ เม่อื คลอดแลว้ อยรู่ อดเป็นทารก คลอดแลว้ หมายความวา่ คลอดจากครรภข์ องมารดาหมดทง้ั ตวั โดยไมม่ อี วยั วะส่วนใดเหลือตดิ อยู่ ส่วนจะมีการตดั สาย สะดือหรือไม่น้ันไม่ถือวา่ เป็นข้อสําคัญ สภาพบคุ คลสน้ิ สุดลงเมือ่ ตายหรอื ศาลสั่งใหเ้ ปน็ คนสาบสูญ. 10.การร้องขอให้ศาลสัง่ ว่าบุคคลใดเปน็ “คนสาบสญู ” มีหลักเกณฑ์อย่างไร การท่ีบคุ คลใดไดไ้ ปจากภมู ิลําเนาหรือถ่นิ ที่อยู่ และไม่มีใครรู้แนว่ ่าบคุ คลนั้นยังมีชวี ติ อยหู่ รอื ไมต่ ลอด ระยะเวลา 5 ปี เมื่อผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี (คอื ผู้จะได้ประโยชน์หรอื จะเสยี ประโยชน์หากศาลสง่ั บคุ คลใดเปน็ คน สาบสูญ) หรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสง่ั ให้บุคคลน้ันเป็นคนสาบสญู แตใ่ นกรณีที่มีอนั ตรายจากการรบ หรอื สงคราม ยานพาหนะอบั ปาง ถูกทาํ ลาย สูญหาย ระยะเวลาจะลดเหลอื 2 ป.ี 11. ผู้แทนโดยชอบธรรม ผใู้ ชอ้ าํ นาจปกครอง ผูป้ กครองแตกต่างกันอย่างไร - ผู้แทนโดยชอบธรรม คือ ผทู้ ี่มีอํานาจทาํ นติ ิกรรมตา่ งๆ แทนผู้เยาวห์ รือให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ ในการทาํ นิติกรรม ผูแ้ ทนโดยชอบธรรม ได้แก่ 1. ผใู้ ช้อาํ นาจปกครอง ก็คือบดิ า มารดา 2. ผู้ปกครอง คือ ผอู้ น่ื ทม่ี ิใชบ่ ิดา มารดา แต่มอี าํ นาจตามกฎหมายในการปกครองดแู ลผู้เยาว์. 12. กรณใี ดทก่ี ฎหมายยกเวน้ ให้ผ้เู ยาว์ทาํ ได้เองโดยลาํ พัง ไมจ่ าํ เป็นต้องขอความยินยอมจากผู้แทน โดยชอบธรรม - ตามกฎหมายแลว้ ผูเ้ ยาวจ์ ะถูกจํากัดความสามารถในเร่อื งท่จี ะทาํ นิติกรรม นติ กิ รรมใดๆ ทีผ่ เู้ ยาว์ได้ ทําลงไปโดยปราศจากความยนิ ยอมของผแู้ ทนโดยชอบธรรม นิติกรรมนน้ั ตกเปน็ โมฆียะ แต่มขี ้อยกเว้น ทกี่ ฎหมายกําหนดให้ผเู้ ยาวท์ าํ นิติกรรมบางอย่างได้เองและมีผลโดยสมบรู ณ์ โดยไมต่ ้องไดร้ บั ความยนิ ยอมจาก ผแู้ ทนโดยชอบธรรมก่อนดังนี้ 1) นติ กิ รรมท่เี ป็นคณุ ประโยชนแ์ กผ่ ูเ้ ยาว์ฝา่ ยเดียว เชน่ ผู้เยาวไ์ ดร้ บั ที่ดนิ โดย เสน่หา เจา้ หน้ที าํ นิตกิ รรมปลดหนใ้ี ห้ 2) กจิ การท่ีผู้เยาว์ตอ้ งทาํ เองเฉพาะตัว เชน่ การรบั รองบุตร การเข้าสู่พิธี สมรส 3) กิจการท่ีผู้เยาวท์ าํ เพอ่ื เล้ยี งชพี และเหมาะสมแกฐ่ านะ เช่น ซื้ออาหาร หนังสือ 4) ผู้เยาวม์ อี าํ นาจทํา พนิ ัยกรรมได้เองเมอื่ มีอายคุ รบ 15 ปี (ถ้าผู้เยาวท์ าํ พนิ ัยกรรมกอ่ นอายุครบ 15 ปบี ริบรู ณ์ แมผ้ ้แู ทนโดยชอบ ธรรมให้ความยินยอม พินัยกรรมนนั้ ก็ตกเปน็ โมฆะ). สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (32) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
- ป.พ.พ.มาตรา 21 บญั ญตั วิ า่ “ผเู้ ยาว์จะทํานิติกรรมใดๆ ตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากผู้แทนโดย ชอบธรรมก่อน การใดๆ ทผ่ี ู้เยาว์ได้ทาํ ลงปราศจากความยนิ ยอมเชน่ ว่าน้นั เปน็ โมฆียะ เวน้ แตจ่ ะบญั ญตั ิไว้เปน็ อยา่ งอืน่ ” การใดๆ ในทีน่ ี้หมายความถงึ เฉพาะการทํา “นติ ิกรรม” เท่านัน้ ถ้าเป็นการกระทาํ อยา่ งอ่นื ท่ีมใิ ช่ นิติกรรม เชน่ ผูเ้ ยาว์กระทําละเมดิ ต่อผ้อู นื่ ผูเ้ ยาว์จะตอ้ งรบั ผดิ ชอบในการชดใชค้ า่ สินไหมทดแทนเพอ่ื การนั้น จะอ้างวา่ การกระทํานนั้ มิได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ได.้ 13. คนไรค้ วามสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนวิกลจรติ แตกต่างกนั อย่างไร - คนไรค้ วามสามารถ คอื บคุ คลทวี่ ิกลจรติ ซง่ึ ศาลสัง่ ให้เป็นคนไรค้ วามสามารถและจัดให้อย่ใู น ความดแู ลของผู้อนบุ าล และนิติกรรมทค่ี นไร้ความสามารถได้ทําลงไปมผี ลเป็นโมฆยี ะ (ยกเวน้ การทาํ พินยั กรรม ถา้ คนไร้ความสามารถไดท้ าํ ลงไปมผี ลเป็นโมฆะ) จะเหน็ ไดว้ ่าคนไร้ความสามารถน้ถี กู ศาลตัดสิทธิและอาํ นาจใน การทํานิตกิ รรมโดยสน้ิ เชิง ผู้อนบุ าลต้องเปน็ ผูก้ ระทาํ นิติกรรมใดๆ ในนามของคนไรค้ วามสามารถทัง้ สน้ิ . - คนเสมอื นไร้ความสามารถ คือ บุคคลทไี่ มส่ ามารถจัดทาํ การงานของตนเองได้ เพราะร่างกาย พิการ ตาบอด หหู นวก เป็นใบ้ จติ ฟนั่ เฟอื นไม่สมประกอบ ประพฤตสิ ุร่ยุ สุรา่ ยเสเพลเปน็ ประจาํ ติดสุรา ยาเสพติด หรอื คนทมี่ ีอาการคุ้มดีคุม้ รา้ ยแตไ่ มถ่ งึ กบั เปน็ คนบา้ หรือคนวกิ ลจรติ และศาลได้สัง่ ใหเ้ ปน็ คนเสมอื น ไร้ความสามารถ โดยปกติแลว้ คนเสมือนไรค้ วามสามารถมคี วามสามารถทํานิตกิ รรมไดโ้ ดยลาํ พงั แตย่ กเวน้ บางประเภทท่ีกฎหมายกําหนด เช่น การนําทรพั ย์สนิ ไปลงทนุ การกู้ยมื หรือใหก้ ยู้ มื เงนิ การเช่าหรือใหเ้ ชา่ สงั หารมิ ทรัพย์หรืออสังหารมิ ทรพั ย์ ซงึ่ คนเสมอื นไร้ความสามารถจะทําไดก้ ็ต่อเมอ่ื ได้รับความยนิ ยอมจากผูพ้ ิทกั ษ์ มฉิ ะนนั้ นิติกรรมนน้ั จะตกเปน็ โมฆยี ะ แตใ่ นกรณีการทําพนิ ัยกรรม คนเสมอื นไร้ความสามารถทําพินยั กรรมได้ ดว้ ยตนเองโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผ้พู ทิ กั ษ์ เพราะไมม่ ีกฎหมายห้ามไว.้ - คนวกิ ลจรติ คําว่า “วกิ ลจรติ ” หมายถงึ อาการทางจิตทไี่ ม่ปกติหรอื เป็นบา้ ซึ่งเปน็ การขาดความ รําลึก ขาดความรู้สกึ และขาดความรบั ผิดชอบ รวมถึงคนทีป่ ว่ ยดว้ ยโรคทางสมองและไมม่ อี าการรับรูห้ รือสติใดๆ เปน็ ผลให้ไม่สามารถกระทาํ กจิ การใดๆ ด้วยตนเองได้ บคุ คลที่มีอาการวกิ ลจรติ ซึ่งศาลยงั ไม่ไดส้ ง่ั ใหเ้ ป็นคน ไร้ความสามารถยอ่ มมีความสามารถทาํ นิติกรรมไดเ้ ช่นเดยี วกับบุคคลธรรมดา หากบุคคลดงั กลา่ วกระทําการใดๆ ลงไปในขณะท่ีจรติ วกิ ลอยู่ และคู่กรณอี กี ฝา่ ยหนึง่ ก็ร้อู ยู่แล้วว่าผูก้ ระทาํ น้ันเปน็ คนวกิ ลจรติ การนน้ั ย่อมตกเปน็ โมฆยี ะ. 14. ทรพั ยแ์ ละทรพั ยส์ นิ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร - ทรพั ย์ คือ วตั ถุทมี่ ีรูปร่างจบั ต้อง มองเห็นได้ เชน่ รถยนต์ ธนบัตร ทรพั ย์แบ่งออกเป็น 1. อสงั หารมิ ทรัพย์ 2. สังหารมิ ทรัพย์ - ทรัพย์สิน คือ วัตถุมรี ูปร่างและวัตถไุ มม่ ีรปู ร่าง ซ่ึงอาจมีราคาและถอื เอาได้ เชน่ ลิขสทิ ธ์ิ สทิ ธบิ ัตร เครื่องหมายการคา้ กระแสไฟฟา้ พลงั นาํ้ ตก พลงั ไอนํา้ เปน็ ตน้ . 15.อสงั หารมิ ทรัพย์ สงั หารมิ ทรพั ย์ และสงั หาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร - อสังหารมิ ทรพั ย์ คอื ทรัพยท์ ่ีเคลอ่ื นท่ีไม่ได้ เช่น 1) ท่ดี ิน 2) ทรพั ย์อนั ตดิ อยู่กบั ท่ีดนิ เช่น บ้าน โรงเรอื น ไมย้ ืนต้น 3) ทรพั ย์อันประกอบเป็นอันเดยี วกับทด่ี นิ เช่น แม่นํา้ ถนน หิน ดิน ทราย 4) สิทธอิ ัน เกีย่ วกบั กรรมสิทธิ์ในทดี่ นิ เช่น สิทธอิ าศัย สิทธิเก็บกนิ ภาระจํายอม เป็นตน้ . - สงั หารมิ ทรัพย์ ได้แก่ 1) ทรพั ย์ซึง่ เคลอ่ื นทจี่ ากแหง่ หนงึ่ ไปยงั อกี แหง่ หนง่ึ ได้ เชน่ รถยนต์ ช้าง 2) กาํ ลงั แรงของธรรมชาตทิ อ่ี าจมรี าคาและถอื เอาได้ เชน่ กระแสไฟฟ้า พลังน้ําตก พลังไอนํา้ เป็นตน้ 3) ไมล้ ้มลุกและธัญชาติ เชน่ ต้นข้าว พชื ผักสวนครวั 4) สทิ ธิอันเกยี่ วกับสังหาริมทรัพย์ เช่น กรรมสิทธิใ์ น สังหารมิ ทรัพย์ สทิ ธิจํานาํ ลิขสิทธ์ิ เป็นต้น. โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (33)
- สังหาริมทรพั ยช์ นดิ พิเศษ ได้แก่ 1) เรือกําปัน่ หรอื เรือมีระวางต้งั แต่ 6 ตนั ข้นึ ไป 2) เรอื กลไฟ หรอื เรือยนต์มีระวางตงั้ แต่ 5 ตนั ข้ึนไป 3) แพ หมายความเฉพาะแต่แพทีเ่ ปน็ ที่อยอู่ าศยั ของคน 4) สัตวพ์ าหนะ หมายความถึง สัตวท์ ใ่ี ชใ้ นการขบั ขล่ี ากเข็นและบรรทุก ซงึ่ สตั ว์เหลา่ นต้ี ้องทาํ ต๋ัวรปู พรรณแล้ว ไดแ้ ก่ ชา้ ง มา้ ววั ควาย ลอ่ . - ขอ้ สงั เกต การซื้อขายอสงั หารมิ ทรพั ย์และสงั หาริมทรัพย์ชนดิ พิเศษต้องทําเป็นหนังสอื และจด ทะเบยี นตอ่ พนักงานเจา้ หน้าที่ มฉิ ะน้ันสญั ญาซอ้ื ขายทต่ี กลงกันไว้แล้วน้นั จะเป็นโมฆะ. - การซอ้ื ขายสงั หารมิ ทรัพย์ธรรมดาที่มีราคาซ้ือขายเกนิ กวา่ 20,000 บาทขึน้ ไป ต้องมหี ลักฐาน การซ้อื ขายเป็นหนงั สือ ลงลายมือชอ่ื ฝา่ ยทตี่ ้องรับผิด หรือตอ้ งมีการวางมัดจาํ ไว้ หรอื ต้องมกี ารชาํ ระหนี้ บางส่วน ถ้าไม่ได้กระทาํ การอย่างใดอย่างหน่งึ ในสามอยา่ งท่ีกล่าวมาแลว้ กฎหมายห้ามมใิ ห้ฟอ้ งรอ้ งบงั คบั คดี ต่อศาล. 16. การหมั้นทถี่ ูกตอ้ งตามกฎหมายต้องมเี งือ่ นไขสําคัญอย่างไรบ้าง - เงอ่ื นไขของการหมน้ั มีดังนี้ 1) ชายและหญงิ ตอ้ งมอี ายคุ รบ 17 ปีบรบิ รู ณ์ ถ้าฝ่ายใดอายุไม่ครบ 17 ปีบริบรู ณ์ การหมั้นตกเปน็ โมฆะ 2. ผูเ้ ยาวท์ ําการหมั้นจะตอ้ งไดร้ ับความยนิ ยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ก่อน ซ่งึ อาจใหค้ วามยนิ ยอมดว้ ยวาจากไ็ ด้ การหมนั้ ทผี่ เู้ ยาวท์ ําโดยปราศจากความยินยอมดงั กลา่ วตกเปน็ โมฆียะ 3) การหม้ันตอ้ งมีของหมน้ั การหมน้ั จะสมบูรณไ์ ด้กต็ ่อเมอ่ื ฝา่ ยชายไดส้ ง่ มอบหรือโอนทรัพยส์ นิ ท่ีเปน็ ของหมน้ั ใหแ้ ก่ฝ่ายหญงิ แลว้ ในวันหม้ัน หากใหข้ องหมั้นในวันอ่นื จะถือว่าไมเ่ ปน็ ของหม้ัน เพราะของหม้ันน้นั ถอื ว่าให้เป็น หลักฐานวา่ จะทําการสมรสกบั หญิง กฎหมายกาํ หนดให้ของหมัน้ ตกเปน็ สทิ ธแิ ก่หญงิ เมือ่ ไดท้ าํ การสมรสแลว้ (ของหมัน้ ถอื เปน็ สินสว่ นตวั ของหญงิ เมอื่ ได้ทาํ การสมรสแล้ว) ถา้ ฝ่ายใดฝา่ ยหนง่ึ ผดิ สญั ญาหมน้ั โดยไม่ยอม สมรสดว้ ย อีกฝา่ ยหนึ่งจะถอื เอาเปน็ เหตุไปฟ้องร้องศาลเพือ่ บงั คับให้ฝ่ายทผี่ ดิ สัญญาต้องทาํ การสมรสด้วยไม่ได้ แต่กม็ สี ทิ ธิทีจ่ ะเรยี กคา่ ทดแทนได้ เชน่ คา่ ทดแทนความเสยี หายต่อร่างกายหรือช่ือเสียงแห่งชายหรือหญิงน้นั สรุปวา่ การผิดสญั ญาหม้ัน ฝา่ ยทเี่ สียหายสามารถเรียกค่าทดแทนได้ แต่จะให้ศาลบงั คับใหม้ ีการสมรสไมไ่ ด้ เพราะวา่ การสมรสนั้นข้ึนอยูก่ บั ความสมคั รใจของผจู้ ะสมรสเท่านน้ั - ขอ้ สงั เกต 1) หากชายหญิงอายุต่ํากว่า 17 ปีจะทําการหมั้นไม่ได้ ถึงแม้ว่าบิดามารดาจะให้ความ ยินยอมก็ตามหรือจะร้องขอต่อศาลให้ทําการอนุญาตก็ไม่สามารถทําได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้อํานาจไว้ 2) การหม้ันต้องมีของหม้ันเสมอ แต่สินสอดจะมีหรือไม่มีก็ได้ 3) การหม้ันไม่เป็นเหตุท่ีจะร้องขอให้ศาลบังคับ ให้สมรสได้ ถ้าไดม้ ีข้อตกลงกันไว้ว่าจะใหเ้ บ้ยี ปรบั เม่ือผิดสญั ญาหม้ัน ขอ้ ตกลงน้ันเป็นโมฆะ 4) ถ้าฝ่ายหญิงเป็น ฝ่ายผดิ สญั ญาตอ้ งคืนของหมั้นแก่ฝ่ายชาย แตถ่ ้าฝ่ายชายผิดสัญญา ฝา่ ยหญงิ รบิ ของหมั้นได้. 17. ตามกฎหมายการสมรสมีเงือ่ นไขสําคัญอยา่ งไรบา้ ง - เงอื่ นไขของการสมรสมดี ังนี้ 1) ชายและหญิงตอ้ งมอี ายุ 17 ปบี รบิ ูรณ์ หากคู่สมรสคนใดคนหนึ่ง มอี ายตุ ํา่ กว่า 17 ปีบรบิ ูรณ์ การสมรสนัน้ เปน็ โมฆยี ะ แต่ถ้ามีเหตอุ ันควร ศาลอาจอนุญาตให้ทาํ การสมรสกอ่ นนนั้ ได้ 2) ชายหรอื หญงิ ตอ้ งไมเ่ ป็นคนวกิ ลจริตหรอื เปน็ บคุ คลซงึ่ ศาลส่ังใหเ้ ปน็ คนไรค้ วามสามารถ ถา้ ทําการสมรสโดย ฝา่ ฝืนบทบัญญตั ิดังกลา่ ว การสมรสตกเป็นโมฆะ 3) ชายหรอื หญิงต้องไม่เป็นญาตสิ บื สายโลหิตโดยตรงตอ่ กนั ถ้าทําการสมรสโดยฝา่ ฝืนบทบัญญัตดิ งั กลา่ ว การสมรสตกเป็นโมฆะ 4) ชายหรือหญิงจะสมรสในขณะทต่ี นมีคู่ สมรสอยไู่ ม่ได้ กล่าวคอื ค่สู มรสจะต้องไม่เปน็ คสู่ มรสของบุคคลอน่ื (สมรสซ้อน) ถา้ ทําการสมรสโดยฝา่ ฝืน บทบัญญัติดังกลา่ ว การสมรสตกเปน็ โมฆะ 5) ผรู้ บั บตุ รบุญธรรมและบตุ รบญุ ธรรมจะสมรสกนั ไมไ่ ด้ แต่ไม่มี สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (34) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอรแ์ คมป์ ปีที่ 26
บทบญั ญัติว่า ถ้ามกี ารสมรสในลกั ษณะนีเ้ กดิ ขนึ้ การสมรสน้นั จะเปน็ โมฆะหรอื โมฆียะ แต่มีบทบัญญัติให้ถอื ว่า เป็นการยกเลกิ ไมเ่ ป็นบตุ รบุญธรรมกันตอ่ ไป 6) หญงิ หมา้ ยจะสมรสใหมไ่ ดต้ ่อเมอื่ เวลาผ่านพน้ ไปแลว้ ไมน่ อ้ ย กว่า 310 วนั นบั แต่ขาดจากการสมรสเดิมไดผ้ ่านพน้ ไปแล้ว 7) การสมรสท่ถี ูกตอ้ งตามกฎหมายจะต้อง จดทะเบียนสมรสต่อนายอําเภอหรอื ผ้อู ํานวยการเขต โดยมจิ าํ เป็นตอ้ งจัดพิธีสมรสก็ได้. 18.การสมรสท่ีเปน็ โมฆียะมเี งอ่ื นไขสําคญั อยา่ งไรบา้ ง - การสมรสทีเ่ ปน็ โมฆยี ะมเี งอื่ นไขดังน้ี 1) ชายหญิงทีท่ ําการสมรสกนั กอ่ นอายุครบ 17 ปบี รบิ ูรณ์ และศาลไมม่ ีคาํ สง่ั อนุญาต 2) ผเู้ ยาวท์ ําการสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบดิ า มารดา หรอื ผปู้ กครอง 3) การสมรสโดยถูกกลฉอ้ ฉล คือ หลอกหลวงให้อกี ฝา่ ยสมรสดว้ ย 4) การสมรสโดยสาํ คญั ผิดในตวั คู่สมรส 5) การสมรสโดยถูกข่มขู่. 19. สนิ ส่วนตวั และสินสมรสแตกตา่ งกันอยา่ งไร - สนิ ส่วนตวั ได้แก่ 1. ทรัพยส์ นิ ทช่ี ายและหญิงฝา่ ยหนง่ึ ฝ่ายใดมีอยู่กอ่ นสมรส 2. เปน็ เครื่องใช้ หรือของใชส้ ว่ นตวั เช่น เคร่ืองแตง่ กาย เครอื่ งประดบั ท่ีผู้นน้ั ใช้ควรแก่ฐานะของตน และให้รวมถงึ เครอ่ื งมอื เคร่ืองใชส้ าํ หรบั การประกอบอาชีพหรือวิชาชพี ของฝา่ ยหนง่ึ ฝา่ ยใดดว้ ย 3. ระหวา่ งสมรสหรอื ขณะเปน็ สามภี รรยา กันอยู่นั้น หากฝา่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใดไดม้ รดกหรือไดร้ บั การให้โดยเสนห่ า ทรัพย์สินท่ีไดน้ นั้ กเ็ ป็นสนิ สว่ นตัว 4. ของหม้นั . - สินส่วนสมรส ได้แก่ 1. ทรัพย์สินท่ีสามีและภรรยาได้มาระหวา่ งสมรส เชน่ เงินเดอื น เงนิ โบนัส เงินประจําตาํ แหน่ง 2. สามหี รอื ภรรยาไดม้ าระหว่างสมรสโดยพินยั กรรมยกให้โดยระบุวา่ เป็นสินสมรส 3. ดอกผล อนั เพมิ่ จากสินส่วนตัว เช่น กาํ ไร คา่ เชา่ เงนิ ปันผล. 20.ของหมั้นและสินสอด แตกตา่ งกนั อยา่ งไร - ของหมัน้ คอื ทรพั ย์สนิ ท่ฝี า่ ยชายไดส้ ่งมอบหรือโอนใหแ้ กห่ ญิง เพื่อเปน็ หลกั ฐานการหมั้นและ ประกันวา่ จะสมรสกบั หญิงนน้ั เม่ือหมน้ั แลว้ ของหมนั้ เปน็ สิทธิแก่หญิง ของหมัน้ จะมีราคามากนอ้ ยเพยี งใดและ เปน็ ทรพั ยส์ นิ ใดกไ็ ด้ ขอ้ สงั เกต การหม้นั ทีไ่ ม่มีของหมั้นไมถ่ ือว่าเปน็ การหมน้ั ตามกฎหมาย. - สินสอด คือ ทรพั ย์สินซ่งึ ฝ่ายชายให้แก่บดิ ามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรมหรอื ผู้ปกครองฝ่ายหญงิ แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการท่ีหญงิ ยอมสมรส ถ้าไมม่ ีการสมรสโดยมเี หตุสําคัญอนั เกิดแก่หญงิ หรือโดย พฤติการณซ์ ึ่งฝ่ายหญิงตอ้ งรับผดิ ชอบ ทําให้ชายไม่สมควรหรอื ไม่อาจสมรสกับหญงิ นั้น ฝ่ายชายเรยี กสินสอด คนื ได้ สินสอดไมใ่ ชส่ าระสําคญั ของการหมน้ั หรอื การสมรส จะสมรสกนั ไมม่ ีสนิ สอดกไ็ ด้ แลว้ แตจ่ ะตกลงกัน. 21. การรบั บุญบตุ รธรรมต้องมหี ลักเกณฑ์อะไรบา้ ง - หลกั เกณฑ์การจดทะเบียนรบั บุตรบุญธรรมมีดงั นี้ 1. ผู้รับบตุ รบญุ ธรรมต้องมีอายุไม่ตํา่ กว่า 25 ปีบริบูรณ์ แตผ่ นู้ นั้ ต้องมอี ายุแกก่ ว่าผทู้ ่จี ะเปน็ บตุ รบุญธรรมอยา่ งน้อย 15 ปี 2. กรณีทผ่ี ู้รบั บตุ รบุญธรรมหรอื ผจู้ ะเป็นบุตรบุญธรรมมีค่สู มรสโดยชอบด้วยกฎหมาย การรับ บตุ รบุญธรรมตอ้ งได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน 3. กรณผี ูจ้ ะเปน็ บุตรบญุ ธรรมเปน็ ผเู้ ยาว์ การรับบุตรบุญธรรมต้องไดร้ บั ความยินยอมของบิดา มารดาของผทู้ ี่จะเป็นบตุ รบญุ ธรรมก่อน และถ้าผูท้ จ่ี ะเป็นบตุ รบุญธรรมมอี ายไุ ม่ตาํ่ กวา่ 15 ปบี ริบรู ณ์กต็ อ้ งให้ผู้ นั้นสมคั รใจ 4. บุตรบุญธรรมจะเปน็ บตุ รบญุ ธรรมของบุคคลอนื่ ในขณะเดยี วกนั ไมไ่ ด้ โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (35)
5. บตุ รบุญธรรมยอ่ มมีฐานะเชน่ เดยี วกับบุตรชอบดว้ ยกฎหมายของผรู้ บั บุตรบุญธรรม แตไ่ ม่สญู เสยี สิทธิและหนา้ ที่ในครอบครัวที่ให้กําเนดิ มา 6. การรบั บตุ รบญุ ธรรมไม่ก่อใหเ้ กดิ สิทธิรับมรดกของบตุ รบุญธรรมในฐานะทายาท 7. เม่อื มีการจดทะเบียนรบั บตุ รบญุ ธรรมแลว้ อํานาจปกครองของบิดามารดาโดยกาํ เนดิ กห็ มดไป นับแตว่ ันเวลาท่ีเด็กเป็นบุตรบุญธรรม 8. การรับบตุ รบุญธรรมและการเลกิ รบั บุตรบญุ ธรรมจะสมบรู ณ์ก็ต่อเมอ่ื มีการจดทะเบยี นตามกฎหมาย. 22.นติ กิ รรมมีองค์ประกอบที่สําคัญอะไรบา้ ง - นติ กิ รรม คอื การใดๆ อนั ทําลงโดยชอบดว้ ยกฎหมายและดว้ ยใจสมคั ร มุง่ โดยตรงต่อการผูก นติ สิ มั พนั ธข์ ึ้นระหวา่ งบุคคล เพอื่ จะกอ่ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรอื ระงับซึ่งสิทธิ - นิติกรรมมอี งค์ประกอบดังนี้ 1) เปน็ การกระทาํ ของบุคคลโดยการแสดงเจตนาให้ปรากฏออกมา โดยอาจจะแสดงอยา่ งเจตนา โดยลายลักษณอ์ กั ษร หรือด้วยวาจา หรอื ดว้ ยกริ ยิ าอาการอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งก็ได้ การนิ่งอาจถอื วา่ เปน็ การแสดงเจตนายอมรบั ไดด้ ว้ ย 2) เปน็ การกระทําทีช่ อบด้วยกฎหมาย คือ การกระทําน้นั ไมเ่ ปน็ การต้องห้ามตามกฎหมายโดยชัดแจ้ง 3) ด้วยใจสมคั ร หมายความว่า ผู้กระทาํ มีความสมคั รใจในการ แสดงเจตนาให้ปรากฏ มไิ ดเ้ กิดขน้ึ เพราะการสําคญั ผดิ ถกู ข่มขู่ หรือถูกหลอกลวงใดๆ ทั้งส้นิ 4) ม่งุ โดยตรงท่ีจะ ผกู นติ สิ ัมพนั ธ์ข้นึ ในระหวา่ งบุคคล คอื ตอ้ งเป็นการกระทาํ ทผี่ ู้กระทําได้ทําลงโดยมีเจตนาใหเ้ กิดผลผกู พันในทาง กฎหมายซึง่ จะทาํ ให้เกดิ สิทธแิ ละหนา้ ทรี่ ะหวา่ งบุคคล 5) เพื่อกอ่ ให้เกดิ ความเคล่อื นไหวในสทิ ธิ ซงึ่ หมายความ รวมถึงบคุ คลสทิ ธิและทรพั ย์สิทธดิ ้วย การเคลื่อนไหวในสทิ ธินี้อาจจะเป็นการก่อสิทธิ เปล่ยี นแปลงสิทธิ โอนสทิ ธิ หรอื ระงบั สิทธกิ ็ได.้ 23.นิตกิ รรมฝา่ ยเดียวและนิติกรรมหลายฝา่ ยแตกต่างกันอยา่ งไร - นติ กิ รรมฝ่ายเดียว ไดแ้ ก่ นิติกรรมซึง่ เกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาของบุคคลฝ่ายหน่ึงฝ่ายเดียวและ มผี ลตามกฎหมาย ซง่ึ บางกรณกี ท็ ําให้ผทู้ ํานิติกรรมเสียสทิ ธิได้ เช่น การก่อต้ังมูลนิธิ การรบั สภาพน้ี การผ่อน เวลาชาํ ระหนใี้ หล้ กู หน้ี คาํ ม่นั จะซื้อจะขาย การทําพินัยกรรม การบอกกลา่ วบงั คับจาํ นอง เป็นตน้ - นิตกิ รรมหลายฝ่าย ได้แก่ นติ กิ รรมซง่ึ เกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาของบุคคลตัง้ แตส่ องฝ่ายขึ้นไป และทกุ ฝา่ ยตา่ งตกลงยินยอมระหวา่ งกัน กลา่ วคอื ฝ่ายหน่ึงแสดงเจตนาทาํ เป็นคําเสนอ แลว้ อกี ฝา่ ยหนึ่งแสดง เจตนาเป็นคําสนอง เมือ่ คําเสนอและคําสนองถกู ตอ้ งตรงกัน จงึ เกดิ มีนติ กิ รรมสองฝา่ ยขึ้น หรอื เรยี กกันวา่ “สัญญา” เช่น สัญญาซ้ือขาย สัญญากยู้ ืมเงิน สัญญาแลกเปลี่ยน สัญญาขายฝาก จาํ นอง จํานํา เป็นต้น สรุปวา่ สญั ญาตอ้ งมอี งคป์ ระกอบดงั นี้ 1) ตอ้ งมบี คุ คลต้ังแต่ 2 ฝา่ ยข้ึนไป เรียกว่า ผู้เสนอและผสู้ นอง 2) ต้องมี การแสดงเจตนาต้องตรงกนั ต้องมีคําเสนอและคําสนองทชี่ ัดเจนแนน่ อน 3) ต้องมีวัตถปุ ระสงค์ในการทําสัญญา. 24.โมฆะกรรมและโมฆียะกรรมแตกตา่ งกันอย่างไร - โมฆะกรรม คือ นิติกรรมท่ีเสียเปล่า ไม่มผี ลบงั คบั หรือผกู พันตามกฎหมาย ไมอ่ าจใหส้ ัตยาบนั แกก่ ันได้ และผู้มีสว่ นได้เสยี คนหนง่ึ คนใดจะยกความเสียเปลา่ ขึน้ กลา่ วอ้างมไิ ด้ นิติกรรมท่เี ปน็ โมฆะ เชน่ นติ กิ รรม ทเี่ กดิ จากเจตนาลวง, นิติกรรมทีม่ วี ัตถุประสงค์เปน็ การต้องหา้ มชัดแจง้ โดยกฎหมาย, นิตกิ รรมท่ีไม่ทาํ ให้ถกู ตาม แบบทกี่ ฎหมายกําหนดไว.้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (36) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปที ่ี 26
- โมฆยี ะกรรม คอื นติ กิ รรมทม่ี ีผลสมบรู ณ์ตามกฎหมายถา้ ไมม่ ีการบอกลา้ งโมฆียกรรม หรอื นิตกิ รรมทมี่ ผี ลใช้บังคับได้จนกว่าจะถูกบอกล้าง นิตกิ รรมนี้เมอื่ บอกล้างแลว้ จะตกเป็นโมฆะมาแต่เร่มิ แรก แตถ่ ้า มีการรบั รองหรือให้สัตยาบันก็จะสมบรู ณม์ าแต่เริม่ แรก นติ กิ รรมที่เป็นโมฆยี ะ เชน่ นิตกิ รรมท่เี กิดจากการขม่ ขู่ ฉอ้ ฉล, นติ กิ รรมทเ่ี กดิ จากสําคัญผิดในคณุ สมบัติของบุคคล, ผู้ทํานติ กิ รรมมีความบกพร่องเก่ียวกบั ความสามารถ เช่น คูก่ รณฝี า่ ยใดฝา่ ยหน่งึ ทที่ าํ นิตกิ รรมอาจเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ, นติ -ิ กรรมท่ีตกเปน็ โมฆียะเพราะเหตอุ ืน่ ๆ ตามทีก่ ฎหมายกาํ หนด เช่น การสมรสทช่ี ายหญงิ ทําการสมรสกันกอ่ นอายุ ครบ 17 ปีบริบูรณ์. 25.เง่อื นไขใดที่ทาํ ใหน้ ติ ิกรรมทตี่ กเปน็ โมฆียะ - นิตกิ รรมทตี่ กเป็นโมฆะมีดงั น้ี 1) นิติกรรมที่มวี ัตถุประสงค์ท่ตี อ้ งห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เชน่ สัญญาจ้างฆา่ คน สัญญาซื้อขายยาเสพติด สญั ญาการเลน่ พนัน 2) นติ ิกรรมทมี่ ีวัตถปุ ระสงค์เป็นการพ้นวสิ ยั เช่น สญั ญาพาคนไปเท่ยี วดวงอาทิตย์ สญั ญาชบุ คนตายใหเ้ ป็นคนเปน็ 3) นิตกิ รรมที่มีวตั ถุประสงคเ์ ป็นการขัด ตอ่ ความสงบเรียบรอ้ ยและศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน เช่น สญั ญาจ้างคนให้เปน็ นางบําเรอ การทําความตกลง ไปเป็นพยานในศาลโดยไดร้ บั คา่ ตอบแทนในลกั ษณะแสวงหาประโยชนจ์ ากการเปน็ ความของบคุ คลอน่ื 4) นติ ิกรรม ท่ไี มท่ ําให้ถูกตอ้ งตามแบบทกี่ ฎหมายกาํ หนดไว้ เชน่ การซื้อขายอสังหารมิ ทรพั ยแ์ ละสังหารมิ ทรพั ยบ์ างชนิด จะต้องทําเปน็ หนังสือและจดทะเบยี นตอ่ พนกั งานเจ้าหนา้ ที่ 5) กรณอี นื่ ๆ ทก่ี ฎหมายบญั ญตั ใิ ห้นิติกรรมเปน็ โมฆะ ไดแ้ ก่ ผูเ้ ยาวท์ ําพินัยกรรมในขณะทมี่ อี ายุไมค่ รบ 15 ปบี ริบรู ณ์, คนไรค้ วามสามารถทาํ พนิ ัยกรรม, การหมั้น ระหว่างชายหญงิ ทมี่ ีอายไุ ม่ครบ 17 ปีบรบิ รู ณ,์ การสมรสกับคู่สมรสของผู้อืน่ (สมรสซอ้ น), การสมรสกับ คนวกิ ลจรติ หรอื คนไรค้ วามสามารถ, การสมรสกบั ญาตสิ บื สายโลหติ โดยตรงข้ึนไปหรือลงมา การสมรสโดย ฝา่ ฝนื ความยนิ ยอมของคู่สมรส. 26.การเชา่ ทรัพยก์ บั การซ้ือขายแตกต่างกันอยา่ งไร - การเช่าทรัพย์ตา่ งกบั การซื้อขาย คือ มไิ ดม้ กี ารโอนกรรมสทิ ธ์ิในทรพั ย์สนิ และมีกาํ หนดเพียง ช่ัวระยะเวลาหนึ่งเท่านน้ั 1) การเช่าทรัพยอ์ สงั หารมิ ทรพั ย์นานเกินกวา่ 3 ปีข้นึ ไป หรือตลอดอายขุ องผู้เชา่ หรือ ผใู้ หเ้ ช่า ถา้ มิไดท้ ําเปน็ หนงั สอื และจดทะเบยี นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การเช่านัน้ มีผลตามกฎหมายเพียงแตก่ ฎหมาย บงั คบั ให้เหลือ 3 ปีเทา่ นน้ั 2) การเช่าทรัพย์อสงั หาริมทรพั ย์ หา้ มเช่าเกนิ 30 ปี ถา้ ไดท้ าํ สญั ญาทมี่ ีกาํ หนด เวลานานกวา่ น้นั ก็ให้ลดลงมาเป็น 30 ปี 3) การเชา่ สังหาริมทรัพยท์ ้งั ชนิดธรรมดาและพิเศษ กฎหมายไมไ่ ด้ กําหนดให้ตอ้ งทาํ เป็นหนงั สอื และจดทะเบียนตอ่ พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ี ดงั นั้นการเช่าสงั หารมิ ทรัพยจ์ งึ สามารถตกลง ด้วยวาจาหรือเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรก็ได.้ 27. สญั ญากยู้ มื กฎหมายกําหนดไว้วา่ อย่างไร - กฎหมายกําหนดว่าการกูย้ มื เงนิ เกินกวา่ 2,000 บาทขน้ึ ไป ถ้าไม่มีหลกั ฐานแหง่ การกู้ยืมเป็น หนงั สอื และลงลายมือชือ่ ผูก้ ู้จะฟอ้ งร้องบังคับคดกี ันไมไ่ ด้ กฎหมายกาํ หนดอัตราดอกเบีย้ ข้นั สงู สุดไว้ไม่ให้เกิน รอ้ ยละ 15 ต่อปี (รอ้ ยละ 1.25 ต่อเดือน) ถ้าในสัญญากําหนดดอกเบ้ียเกินกวา่ น้นั ดอกเบยี้ ทั้งหมดตกเป็นโมฆะ (ไม่ใช่โมฆะเฉพาะสว่ นท่เี กินอตั รา) และผกู้ ้ยู ังมีหน้าทช่ี ําระเงินต้น. - ข้อสงั เกต การก้ยู ืมเงนิ ไม่เกนิ 2,000 บาท ไมจ่ ําเปน็ ต้องทาํ เป็นหนงั สอื เพยี งแตบ่ อกกล่าวกนั ไว้ก็ได.้ โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26 _____________________สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (37)
28.กฎหมายอาญาแบง่ ออกเป็นก่ภี าค - กฎหมายอาญา เปน็ กฎหมายท่บี ญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทาํ หรอื การงดเว้นการกระทําใดทเ่ี ปน็ ความผดิ และกาํ หนดโทษทจ่ี ะลงแกผ่ ู้กระทาํ ผดิ หรือฝา่ ฝนื กฎหมายอาญายงั รวมถงึ พระราชบญั ญตั ิบางประเภททีม่ ีการ กาํ หนดโทษเหมือนประมวลกฎหมายอาญา เช่น พระราชบัญญัติอาวุธปนื พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ให้โทษ พระราชบัญญตั ิการพนนั พระราชบญั ญัติจราจรทางบก เปน็ ตน้ . - ขอ้ สงั เกต 1) กฎหมายอาญาจดั อยใู่ นประเภทของกฎหมายมหาชน 2) ความมงุ่ หมายของ กฎหมายอาญาตา่ งกับกฎหมายแพง่ เพราะกฎหมายแพ่งมงุ่ คุ้มครองผลประโยชน์ของเอกชน การกระทําซึง่ ผดิ ทงั้ กฎหมายอาญาและกฎหมายแพง่ เช่น การทํารา้ ยร่างกายผู้อืน่ แตจ่ ะมผี ลต่างกนั โดยโทษตามกฎหมายอาญา อาจเป็นโทษจาํ คกุ หรือเสยี คา่ ปรับให้รฐั แตถ่ ้าโทษตามกฎหมายแพ่งผทู้ ํารา้ ยจะต้องชดใชค้ า่ เสียหายให้แกผ่ ้ถู กู ทาํ ร้าย เช่น ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสยี หายท่ีผู้ถกู ทํารา้ ยควรจะได้รับเน่ืองจากการทํางานไมไ่ ด้ระหว่างบาดเจ็บ เปน็ ต้น. 29.กฎหมายอาญามหี ลักการสําคัญอะไรบา้ ง - กฎหมายอาญามีหลกั การสําคัญดังน้ี 1) กฎหมายอาญาเปน็ กฎหมายท่บี ญั ญัติเกีย่ วกับลักษณะ ความผิด (การกระทาํ หรืองดเวน้ การกระทาํ ใดท่เี ป็นความผิด) และลกั ษณะโทษตามกฎหมาย (ประหารชวี ิต จําคกุ กกั ขัง ปรับ และริบทรัพยส์ ิน) ความสาํ คัญของหลักการน้ี ศาลฎกี าไดเ้ คยกลา่ วไว้ว่า “ปลอ่ ยผูก้ ระทาํ ความผดิ สบิ คน ยงั ดีกว่าจะลงโทษผู้หาผดิ มิได้แม้แต่คนเดยี ว” 2) กฎหมายอาญาไมม่ ีผลบงั คบั ยอ้ นหลงั หมายความว่า กฎหมาย จะบัญญัตใิ หม้ ีผลยอ้ นหลงั ทเ่ี ป็นโทษแก่ผกู้ ระทําความผดิ ไมไ่ ด้ โดยมหี ลกั การวา่ “ไม่มคี วามผดิ ไมม่ โี ทษ หากไม่ มกี ฎหมาย” แตห่ ากบทบัญญัตินน้ั เปน็ คณุ กบั ผูก้ ระทําความผิดกม็ ีผลยอ้ นหลงั ได้ 3) กฎหมายอาญาต้องตคี วาม โดยเครง่ ครัด หมายความว่า การลงโทษตามการกระทําความผิดใดๆ ตอ้ งมกี ฎหมายบญั ญัตไิ ว้อยา่ งชัดเจน ตัวบทกฎหมายใดทม่ี ีถ้อยคํากํากวมคลุมเครือจนเป็นทนี่ า่ สงสัย จะนํามาตคี วามเพอ่ื ลงโทษทางอาญาไม่ได้ และ ในกรณเี ป็นทสี่ งสัยตอ้ งตคี วามใหเ้ ป็นผลดแี กจ่ าํ เลย 4) กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายทใี่ ช้บังคบั เฉพาะการกระทาํ ทเี่ กดิ ข้ึนในราชอาณาจักร แตม่ ขี ้อยกเวน้ วา่ การกระทําความผดิ ในเรือไทยหรอื อากาศยานไทย ไม่วา่ จะอยูท่ ี่ใดให้ ถอื ว่ากระทาํ ความผดิ ในราชอาณาจกั ร. 30.โทษทางอาญาและโทษทางแพง่ แตกตา่ งกนั อย่างไร - โทษทางอาญา เรียงตามลาํ ดบั จากเบาไปหนกั ดังน้ี ริบทรัพย์สนิ ปรับ กกั ขงั จําคกุ ประหารชวี ิต โทษทางแพง่ เชน่ เรยี กค่าเสยี หาย เรียกเบ้ียปรับ เรยี กดอกเบย้ี ริบมัดจํา ความมงุ่ หมายของกฎหมายอาญา ต่างกบั กฎหมายแพ่ง เพราะกฎหมายแพ่งมงุ่ คมุ้ ครองผลประโยชน์ของเอกชน การกระทําซ่งึ ผดิ ทงั้ กฎหมาย อาญาและกฎหมายแพง่ เช่น การทาํ รา้ ยร่างกายผูอ้ ื่นแตจ่ ะมผี ลต่างกัน โดยโทษตามกฎหมายอาญา อาจเป็น โทษจาํ คกุ หรือเสียคา่ ปรบั ให้รฐั แตถ่ า้ โทษตามกฎหมายแพ่งผทู้ ําร้ายจะต้องชดใช้คา่ เสียหายให้แกผ่ ถู้ ูกทํารา้ ย เชน่ คา่ รักษาพยาบาลและค่าเสียหายทีผ่ ู้ถกู ทาํ รา้ ยควรจะได้รบั เนื่องจากการทํางานไมไ่ ดร้ ะหว่างบาดเจ็บ เปน็ ต้น. 31. ประเภทของความผดิ ทางอาญาในแงโ่ ทษและการดาํ เนนิ คดแี บง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท อะไรบ้าง - ความผิดทางอาญาในแงโ่ ทษและการดําเนินคดีแบ่งไดเ้ ปน็ 3 ประเภทดังน้ี 1. ความผดิ อาญา แผ่นดนิ 2. ความผิดอนั ยอมความได้ 3. ความผิดลหโุ ทษ. - ความผิดอาญาแผน่ ดิน เป็นความผดิ ที่กระทบตอ่ ความสงบสขุ ของสังคม เปน็ ภัยตอ่ ผ้อู ืน่ ความผดิ ทางอาญาส่วนใหญ่เป็นความผดิ อาญาแผ่นดนิ เชน่ ทาํ รา้ ยร่างกาย ฆ่าคนตาย ลักทรัพย์ ทุจริตต่อหนา้ ท่ี เมือ่ เกิดความผิดแลว้ ต้องดาํ เนนิ คดีไม่มีข้อยกเวน้ นอกจากตัวผูไ้ ด้รบั ความเสียหายแลว้ สงั คมยอ่ มไดร้ บั ความ เสียหาย แมผ้ เู้ สยี หายไม่แจ้งความร้องทุกข์ รัฐกย็ งั ตอ้ งเข้าไปดําเนนิ คดฟี ้องรอ้ งเอาตัวผู้กระทําผดิ มาลงโทษใหไ้ ด.้ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (38) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
- ความผดิ อนั ยอมความได้หรอื ความผดิ ตอ่ ส่วนตัว คอื ความผิดทางอาญาซึง่ ไมไ่ ดม้ ีผลร้ายกระทบ ตอ่ สังคมโดยตรง และมีกฎหมายกาํ หนดใหเ้ ป็นความผิดตอ่ ส่วนตัว หากผู้รบั ผลร้ายไม่ติดใจเอาความแลว้ เชน่ ไม่รอ้ งทกุ ข์ ถอนคาํ ร้องทุกข์ ถอนฟอ้ ง หรอื ยอมความกันโดยถกู ต้องตามกฎหมาย รัฐกไ็ มเ่ ขา้ ไปดาํ เนินการ ฟอ้ งร้องเอาตัวผู้กระทาํ ผิดมาลงโทษ เชน่ ความผดิ ฐานหม่ินประมาท ความผดิ ฐานทาํ ใหเ้ สยี ทรัพย์ (บางกรณี) เปน็ ตน้ - ความผิดลหุโทษ คอื ความผิดทตี่ อ้ งระวางโทษจาํ คุกไม่เกนิ 1 เดือน หรอื ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรอื ท้งั จาํ ทัง้ ปรับ ความผิดลหุโทษเปน็ ความผิดทีไ่ มอ่ าจยอมความได้ ทัง้ นี้แม้กระทําโดยไม่เจตนากย็ งั ถอื ว่าเปน็ ความผิดอยู่ ลกั ษณะความผดิ ลหโุ ทษ เชน่ เจ้าพนกั งานถามชอ่ื และทอี่ ยูเ่ พอ่ื ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายแล้วไมย่ อมบอก หรอื แกลง้ บอกความเทจ็ , ฉกี หรอื ทําลายประกาศของเจา้ พนกั งานซึ่งกระทําการตามหนา้ ท,ี่ สง่ เสียงหรือทาํ ให้ เกิดเสยี งอ้อื อึง โดยไมม่ เี หตุอันสมควรจนทาํ ใหป้ ระชาชนตกใจหรือเดือดรอ้ น, พาอาวธุ เขา้ ไปในเมือง หมู่บ้าน หรอื ทางสาธารณะโดยเปดิ เผย ไมม่ ีเหตุสมควรหรือพาไปในชมุ ชน, ทะเลาะกันอย่างออื้ องึ ในทางสาธารณะหรือ สาธารณสถาน, เสพสรุ าหรือของมึนเมาอยา่ งอืน่ แล้วประพฤติตัวว่นุ วาย หรอื ควบคมุ สตไิ มไ่ ดข้ ณะอยู่ในถนน สาธารณะหรอื สาธารณสถาน - ขอ้ สงั เกต ความผดิ ลหุโทษกบั ความผดิ อาญาท่ัวไป ความแตกตา่ งดทู ีโ่ ทษที่จะลงโทษแกผ่ ู้กระทาํ ความผิด ถ้าโทษเบาก็เปน็ ความผิดลหุโทษ ถ้าโทษสูงกว่ากเ็ ป็นความผดิ อาญาท่ัวไป. 32.การกระทาํ โดยเจตนาและการกระทําโดยประมาทแตกต่างกันอยา่ งไร - การกระทําโดยเจตนา (intent) คือ การกระทาํ โดยผ้กู ระทํารสู้ ํานกึ ในการกระทํา และใน ขณะเดยี วกันผ้กู ระทําประสงค์ตอ่ ผล คือ ตอ้ งการให้ผลเกดิ ข้ึนตามท่ีตนต้ังใจใหเ้ กดิ หรือผู้กระทําย่อมเลง็ เหน็ ผล ของการกระทาํ นนั้ คอื ผ้กู ระทําสามารถคาดการณ์ได้ลว่ งหนา้ วา่ ถ้าได้กระทาํ ไปเช่นนัน้ อาจจะเกิดผลตามทีไ่ ด้ คาดการณไ์ ว้แตก่ ย็ งั ขืนกระทาํ ไป เชน่ นายโหดเหน็ นกอยใู่ กล้เด็กกย็ งั ขนื ยิงนกน้ัน ถ้าลกู ปืนไปถกู เด็กตาย ผกู้ ระทํายอ่ มเลง็ เหน็ ผล คือ ความตายของเดก็ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มใิ ช่ความผิดฐานฆา่ คน ตายโดยประมาท สรปุ วา่ เจตนามี 2 ชนดิ คือ 1) กระทาํ โดยเจตนาประสงคต์ ่อผลนัน้ 2) กระทําโดยเจตนายอ่ ม เล็งเหน็ ผล. - การกระทาํ โดยประมาท (negligence) คือ การกระทําความผดิ โดยไมเ่ จตนา แต่กระทาํ โดย ปราศจากความระมดั ระวงั ซึง่ บุคคลในภาวะเช่นน้ันจกั ตอ้ งมตี ามวิสัยและพฤตกิ ารณ์ และผู้กระทําอาจใชค้ วาม ระมดั ระวังเชน่ วา่ นน้ั ได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ การกระทาํ โดยประมาทมีองค์ประกอบสําคญั ดงั นี้ 1) เปน็ การ กระทําโดยรูส้ ํานกึ 2) เปน็ การกระทาํ ความผดิ มิใช่เจตนา คือ ไมไ่ ด้ประสงคต์ ่อผลหรอื ไมม่ กี ารเลง็ เห็นผล 3) ขาดความระมดั ระวงั 4) มีกฎหมายบญั ญตั ิว่าเปน็ ความผิด. 33.วิ่งราวทรัพย์ ชงิ ทรพั ย์ ปล้นทรพั ย์ ยกั ยอกทรัพย์ กรรโชกทรพั ย์ รดี เอาทรัพย์ - ว่ิงราวทรัพย์ คอื การลกั ทรัพยข์ องผูอ้ น่ื ไปโดยฉกฉวยเอาซง่ึ หนา้ คาํ ว่า “ซงึ่ หน้า” หมายถึง ต่อหน้าตอ่ ตาหรือเจ้าของเหน็ อย่ใู นทเี่ กิดเหตุ เช่น การใชม้ ือกระชากสร้อยคอทองคาํ ทีค่ อของบคุ คลอืน่ ไปโดย ไมม่ กี ารใช้กาํ ลงั ทําร้าย ขอ้ สงั เกต 1) ความผิดฐานวงิ่ ราวทรัพยแ์ ตกตา่ งจากความผิดฐานลกั ทรัพย์กเ็ พียงการ เอาไปเทา่ น้นั คอื เอาไปซ่งึ หน้าโดยฉกฉวย หยิบไปต่อหน้า 2) หากเปน็ การทม่ี บี คุ คลสง่ มอบทรพั ยใ์ ห้เองแลว้ พาทรพั ย์วิ่งหนีไป แบบนีไ้ ม่ใชก่ ารฉกฉวยและไมม่ คี วามผดิ ฐานว่ิงราวทรพั ย์ แต่เปน็ ความผิดอาญาฐานลกั ทรพั ย์แทน. โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปที ี่ 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (39)
- ชงิ ทรัพย์ คือ การลกั ทรพั ย์ของผู้อ่ืนโดยผู้ลกั ไดใ้ ช้กําลงั ประทุษร้าย หรือทาํ ร้ายเจา้ ของทรพั ยส์ นิ หรอื ข่เู ข็ญว่าในทันใดนัน้ จะใชก้ าํ ลงั ประทุษร้าย เพอ่ื ใหค้ วามสะดวกแก่การลักทรพั ย์หรอื การพาทรัพย์นน้ั ไป หรือ เพื่อให้ย่ืนซ่ึงทรพั ย์นน้ั หรอื เพ่ือยดึ ถอื เอาทรพั ยน์ ้ันไว้ หรือเพือ่ ปกปิดการกระทาํ ความผิดนั้น หรือใหพ้ ้นจากการ จับกุม เชน่ การเข้าไปชกบุคคลอ่ืนแล้วใชม้ อื กระชากสรอ้ ยคอทองคําทค่ี อของบคุ คลอ่ืนไป ลักษณะการกระทาํ ที่ จะเปน็ ความผิดอาญาฐานชิงทรพั ยน์ ้นั ตอ้ งประกอบขน้ึ ดว้ ยการกระทาํ ทเี่ ปน็ สองกรรม คอื ลกั ทรพั ยแ์ ละ ใชก้ ําลังประทษุ ร้าย หรอื ขเู่ ขญ็ วา่ จะใช้กําลงั ประทุษร้าย โดยการกระทําสองกรรมนจ้ี ะตอ้ งเปน็ การกระทาํ ท่ี ตอ่ เนอ่ื งโดยไม่ขาดตอน. - ปลน้ ทรพั ย์ คือ การชงิ ทรัพย์ผอู้ นื่ โดยร่วมกันกระทําความผิดด้วยกันตัง้ แต่ 3 คนขึน้ ไป แม้วา่ ผกู้ ระทาํ ความผดิ คนใดคนหน่งึ มีอาวุธ ทกุ คนก็ต้องรับผดิ เช่นเดียวกันหมด แต่หากคนร้ายทีร่ ว่ มกระทําความผิดไม่ ถึง 3 คน กไ็ มถ่ อื ว่าเป็นการปลน้ ทรพั ย.์ - ยักยอกทรพั ย์ ยกั ยอก คือ การทบี่ คุ คลใดบุคคลหนึ่งไดท้ รพั ยข์ องผู้อ่นื มาไวใ้ นครอบครองหรือ อาจเปน็ ทรัพย์ที่ผู้อ่นื เป็นเจา้ ของรวมอยู่ด้วย แล้วเบยี ดบังเอาทรัพยน์ ั้นไว้เป็นของตนหรือบุคคลอื่นหรอื ของ บุคคลท่ีสามโดยทจุ รติ เชน่ นายสิงห์นาํ เอารถจกั รยานยนตข์ องนายเสือมาฝากไวก้ ับนายแมว เพือ่ ให้นายแมวเอา กลับไปให้นายเสอื แต่นายแมวกลบั เอารถจกั รยานยนต์นั้นเป็นของตน ไม่เอาไปใหน้ ายเสือ การกระทาํ ของ นายแมวจงึ เปน็ ความผดิ อาญาฐานยกั ยอกทรพั ย์. - กรรโชกทรัพย์ ชอ่ื ความผิดอาญาฐานข่มขนื ใจผู้อื่นใหย้ อมให้หรือยอมจะใหต้ นหรอื ผูอ้ ืน่ ได้ประโยชน์ ในลกั ษณะทีเ่ ปน็ ทรัพย์สินโดย 1) ใชก้ าํ ลังประทษุ รา้ ยหรอื ขู่เข็ญจะทาํ อนั ตราย 2) ขูเ่ ข็ญว่าจะทําอันตรายตอ่ ชวี ติ รา่ งกาย เสรีภาพ ชือ่ เสียง หรือทรัพย์สินก็ได้ จนผ้ถู ูกขม่ ขืนใจยอมเชน่ วา่ นั้น - รดี เอาทรัพย์ ชื่อความผิดอาญาฐานขม่ ขืนใจผอู้ ่นื ใหย้ อมใหห้ รอื ยอมจะให้ตน หรอื ผูอ้ ่นื ได้ ประโยชนใ์ นลักษณะท่ีเปน็ ทรัพยส์ ินโดย 1) ตอ้ งไม่ใช้กําลังประทษุ ร้าย 2) เฉพาะขู่เขญ็ ว่าจะเปดิ เผยความลับ อยา่ งเดียว ซึง่ การเปิดเผยนัน้ จะทําใหผ้ ู้ถกู ขู่เข็ญหรือบคุ คลที่สามเสยี หาย จนผู้ถกู ขม่ ขืนใจยอมเชน่ วา่ นน้ั . 34.พนักงานอยั การ พนักงานฝา่ ยปกครอง พนกั งานบงั คับคดี พนักงานราชทัณฑ์ พนักงาน คมุ ประพฤติ พนักงานพทิ ักษ์ทรพั ย์ - พนกั งานอยั การ เปน็ เจา้ พนกั งานผ้มู หี นา้ ที่ฟ้องผู้ต้องหาตอ่ ศาล พนกั งานอัยการเปน็ ตัวแทน ของรฐั ในการฟ้องผู้ต้องหาท่กี ระทําความผดิ ต่อรัฐ หรือเปน็ ทนายจาํ เลยของหน่วยราชการในคดีแพง่ จงึ เรยี กว่า “ทนายแผน่ ดิน” ซง่ึ มีอาํ นาจดาํ เนินคดคี วามในนามของรฐั บาลและฟ้องแทนประชาชน พนกั งานอัยการมีอาํ นาจ ในการส่ังฟอ้ ง ส่งั ไมฟ่ อ้ ง หรอื ส่ังสอบสวนเพิ่มเตมิ เม่ือตํารวจสรปุ สํานวนการสอบสวนก็จะส่งใหพ้ นกั งานอยั การ ตรวจสาํ นวน ถา้ เหน็ วา่ พยานหลกั ฐานไม่พอหรือจบั ตัวผู้กระทําผดิ ไม่ได้ พนกั งานอยั การกจ็ ะสง่ั ใหต้ ํารวจทําการ สอบสวนหาพยานหลกั ฐานเพ่ิมเติม หรือสัง่ ไมฟ่ ้องและสง่ั ปล่อยตัวผตู้ ้องหา แต่คาํ สั่งนี้ไมต่ ดั สิทธผิ์ ูเ้ สียหายทจี่ ะ ดําเนินคดี โดยการฟอ้ งรอ้ งต่อศาลเอง ขอ้ สังเกต พนกั งานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องคดีท่ีกฎหมายหา้ มมใิ หร้ าษฎรฟอ้ ง เช่น ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์มาตรา 1562 ห้ามมิใหฟ้ ้องผูบ้ ุพการขี องตนเปน็ คดแี พง่ หรือคดีอาญา แตเ่ ม่ือผู้น้ันหรอื ญาตสิ นิทรอ้ งขอ อยั การจะยกคดีขนึ้ ว่ากล่าวกไ็ ด.้ - พนักงานฝา่ ยปกครองหรือตํารวจ หมายถงึ เจ้าพนักงานซ่ึงกฎหมายใหม้ อี ํานาจและหน้าท่ี รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชน รวมทัง้ พศั ดี เจา้ พนกั งานกรมสรรพสามิต กรมศลุ กากร กรมเจ้าทา่ พนกั งานตรวจคนเขา้ เมือง และพนักงานฝา่ ยปกครองทีเ่ ป็นเจา้ หน้าทผี่ ใู้ ชก้ ฎหมาย ไดแ้ ก่ ผูว้ า่ ราชการจังหวัด นายอําเภอ ปลดั อาํ เภอ กํานนั และผใู้ หญบ่ า้ น ข้อสังเกต โดยเฉพาะตํารวจมอี าํ นาจหนา้ ที่ในการจบั กุม คมุ ขัง สบื สวน และสอบสวนผกู้ ระทาํ ความผิดในคดีอาญา สว่ นในคดีแพ่งตาํ รวจไมม่ ีอาํ นาจหนา้ ท่ดี งั กล่าว. สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (40) _____________________โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ ปีที่ 26
- พนกั งานบังคบั คดี เปน็ เจา้ พนักงานในสังกัดกระทรวงยตุ ธิ รรม มีหน้าทดี่ ําเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตาม คําพพิ ากษาหรอื คําสง่ั ของศาลในคดีแพ่ง เช่น กรณีที่ลกู หนี้ไม่ยอมชาํ ระหน้ีใหแ้ ก่เจา้ หนี้ตามคําพพิ ากษาของศาล ศาลจะตัง้ เจ้าพนักงานบงั คับคดีทําการยึดทรพั ยข์ องจาํ เลย แลว้ นาํ มาขายทอดตลาด. - พนักงานราชทัณฑ์ เป็นเจา้ พนกั งานในสงั กัดกระทรวงมหาดไทย ทําหน้าทีค่ วบคมุ ดแู ลผู้ต้องหา ซ่งึ ถูกศาลพพิ ากษาให้รบั โทษจาํ คุก โดยควบคมุ ผ้กู ระทาํ ผดิ ไว้ในทณั ฑสถานหรือเรอื นจาํ . - พนักงานคมุ ประพฤติ เป็นผทู้ ่ไี ด้รบั การแต่งตงั้ จากรฐั มนตรีว่าการกระทรวงยตุ ธิ รรมให้ดาํ รงตาํ แหนง่ พนักงานคุมประพฤตติ ามพระราชบัญญตั ิวิธีการคุมประพฤติ ตามประมวลกฎหมายอาญา. - พนกั งานพิทกั ษ์ทรพั ย์ เป็นผ้ทู ไ่ี ดร้ บั การแต่งต้ังจากรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ธิ รรมให้ปฏบิ ัติ หน้าทพ่ี ิทกั ษ์ทรัพยส์ ิน และจดั การเกยี่ วกบั ทรัพย์สินของลกู หน้ใี นคดีลม้ ละลาย เจา้ พนกั งานพทิ ักษ์ทรพั ย์นีถ้ ือวา่ เปน็ เจา้ พนกั งานของศาล ข้อสังเกต บุคคลล้มละลายจะทํานติ กิ รรมใดๆ ไมไ่ ด้ เจา้ พนกั งานพิทักษท์ รัพย์ตาม คําสั่งศาลจะเป็นผมู้ อี ํานาจจัดการแทน. 35.ผูด้ ําเนินการบงั คบั ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย และผดู้ ําเนนิ การบงั คบั ให้เป็นไปตามคาํ พพิ ากษาของ ศาลได้แกใ่ คร - ผู้ดําเนินการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย ได้แก่ 1. พนักงานฝ่ายปกครองและตํารวจ 2. พนกั งานสอบสวน 3. พนกั งานอัยการ. - ผดู้ ําเนนิ การบงั คบั ให้เปน็ ไปตามคําพพิ ากษาของศาล ไดแ้ ก่ 1. พนกั งานบงั คับคดี 2. พนกั งาน ราชทณั ฑ์. 36.ลิขสิทธ์กิ ับสิทธบิ ตั ร แตกต่างกันอยา่ งไร - ลขิ สทิ ธิ์ (copyright) คอื สทิ ธิแสดงความเปน็ เจา้ ของผลงานสร้างสรรค์ตา่ งๆ ตามทก่ี ฎหมาย กาํ หนด งานสรา้ งสรรค์ทไี่ ดร้ ับการคุม้ ครอง เชน่ วรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ งานแพรเ่ สยี ง แพรภ่ าพ และงานวิทยาศาสตรล์ ขิ สทิ ธ์ิเกดิ ข้ึนเมอ่ื มกี ารสร้างสรรค์งานดว้ ยตัวเอง อายกุ ารค้มุ ครอง มอี ยู่ตลอดชวี ิตของผูส้ รา้ งสรรคแ์ ละต่อไปอกี 50 ปีนบั แต่ผสู้ รา้ งสรรค์ถงึ แก่กรรม สทิ ธใิ นลิขสทิ ธ์ิจะเกิดขึ้น โดยทนั ทีนับตง้ั แตผ่ ูส้ ร้างสรรคไ์ ดส้ รา้ งสรรค์ผลงานโดยไมต่ ้องจดทะเบยี น ส่งิ ทีไ่ มอ่ าจถอื ว่าเปน็ งานอนั มีลิขสทิ ธิ์ ได้แก่ ขา่ วประจาํ วนั , รฐั ธรรมนญู และกฎหมาย, ระเบียบข้อบงั คับประกาศของหน่วยงานของรฐั , คาํ พิพากษา รายงานของทางราชการ, คาํ แปลและการรวบรวมส่ิงตา่ งๆ ของรัฐหรอื ของทอ้ งถน่ิ . - สิทธบิ ัตร (patent) คือ หนงั สอื สําคัญท่รี ัฐออกให้เพือ่ คุ้มครองการประดษิ ฐ์หรอื การออกแบบ ผลติ ภณั ฑ์ตามทก่ี าํ หนด หรือเพ่ือแสดงความเปน็ เจา้ ของความคิดในสิง่ ประดษิ ฐน์ นั้ อนุสิทธิบัตรแตกตา่ ง สิทธบิ ัตรการประดิษฐ์ตรงทกี่ ารประดิษฐ์ทข่ี อรับอนุสทิ ธิบัตรได้ไมต่ อ้ งมีขน้ั การประดษิ ฐ์สูงขึ้น. - ข้อสงั เกต สทิ ธบิ ัตร สิทธเิ กดิ ขนึ้ เมื่อมีการจดทะเบยี น, ลขิ สิทธิ์ สทิ ธเิ กิดขนึ้ ทนั ทเี ม่ือผสู้ รา้ งสรรค์ ไดส้ รา้ งสรรค์ผลงาน, เคร่ืองหมายการคา้ สทิ ธิเกดิ ขึ้นไดจ้ ากการใชเ้ ครอ่ื งหมายการคา้ แต่จะมีผลสมบรู ณต์ อ้ งมี การจดทะเบียน. 37. บตั รประจําตวั ประชาชน พระราชบญั ญัติบัตรประจาํ ตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 กําหนดใหบ้ คุ คลสญั ชาติไทยที่มอี ายุ ตัง้ แต่ 7 ปีบริบรู ณ์ แตไ่ ม่เกิน 70 ปีบรบิ ูรณ์ ตอ้ งมบี ัตรประจําตวั ประชาชน เว้นแต่ผทู้ ่จี ะไดร้ ับการยกเวน้ ไมต่ อ้ ง มีบัตรประจําตวั ตามกฎหมายอน่ื ให้ใช้บตั รประจําตัวน้นั แทนได้ เช่น ภกิ ษุ สามเณร นักบวช ผูม้ ีรา่ งกายพกิ าร เดนิ ไมไ่ ด้ หรอื เป็นใบ้ หรอื ตาบอดทงั้ สองข้าง หรือจิตฟ่ันเฟือนไมส่ มประกอบ รวมทง้ั ผู้ทอี่ ยใู่ นทีค่ มุ ขงั โดยชอบ ดว้ ยกฎหมาย. โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (41)
ทดสอบพลงั สมอง เรอ่ื ง “กฎหมาย” 1. การแบ่งประเภทกฎหมายตามลกั ษณะความสมั พันธข์ องคู่กรณี ไดแ้ ก่ กฎหมายเอกชน กฎหมาย มหาชน และกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนการแบ่งประเภทกฎหมายตามลักษณะแห่งการใช้หรอื ตามหนา้ ที่ ไดแ้ ก่ (กฎหมายอาญา กฎหมายแพง่ / กฎหมายสารบญั ญัติ กฎหมายวิธี สบญั ญัติ) 2. กฎหมายทไ่ี ม่ตอ้ งผา่ นการพิจารณาของรฐั สภาหรอื สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ ไม่วา่ กรณใี ด (พระราช- กฤษฎีกา / พระราชกาํ หนด) 3. กฎหมายทจ่ี ัดอยู่ในลําดบั ศักด์ิของกฎหมายชั้นเดยี วกัน (รฐั ธรรมนญู พระราชบัญญตั ปิ ระกอบ รฐั ธรรมนูญ / พระราชบญั ญัติ ประมวลกฎหมาย พระราชกําหนด) 4. นิตกิ รรมทผี่ ู้เยาวส์ ามารถกระทาํ ไดด้ ว้ ยตนเองอยา่ งสมบูรณแ์ ละถูกตอ้ งตามกฎหมาย (ทําพินัยกรรม เม่ืออายุ 16 ปี / หม้นั เม่อื อายุ 17 ปี) 5. คนเสมือนไร้ความสามารถจะทาํ พินัยกรรมด้วยตนเองไดห้ รือไม่ (ทําได้ โดยไมต่ ้องไดร้ ับความ ยินยอมจากผูพ้ ิทักษ์ / ทําได้ แต่ต้องไดร้ ับความยนิ ยอมจากผพู้ ทิ กั ษ)์ 6. ความผิดอนั ยอมความได้ หมายถงึ (ความผิดท่พี นักงานสอบสวนจะสอบสวนคดไี มไ่ ดจ้ นกว่า ผูเ้ สยี หายจะรอ้ งทกุ ข์ / ความผดิ ลหโุ ทษ) 7. ผูม้ สี ่วนไดส้ ่วนเสยี จะร้องขอให้ศาลส่งั ให้ญาติของตนเปน็ บุคคลสาบสญู ต้องไป (ศาลแพ่ง / ศาลอาญา) 8. พนกั งานทเ่ี กีย่ วข้องกบั กระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา (ตํารวจ อัยการ ศาล พนักงานคมุ ประพฤติ / ตาํ รวจ ทนายความ ศาล พนักงานบังคับคด)ี 9. “ทนายแผ่นดิน” หมายถงึ (ผพู้ พิ ากษา / พนักงานอยั การ) 10.คดอี าญาทศี่ าลจะต้องไตส่ วนมูลฟอ้ งเสมอ คอื (คดที ร่ี าษฎรเป็นโจทก์ / คดีความผดิ ตอ่ ส่วนตวั ) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (42) _____________________โครงการแบรนดซ์ มั เมอรแ์ คมป์ ปที ่ี 26
ชอ่ื กฎหมาย ผเู้ สนอรา่ ง ผ้พู จิ ารณา ผ้ตู รา การประกาศใช้ รัฐธรรมนญู คณะปฏิวัติ คณะปฏวิ ตั ิ พระมหากษตั รยิ ์ ประกาศใน คณะรัฐประหาร คณะรฐั ประหาร พระราชบญั ญตั ิ สภานิตบิ ญั ญตั ิแห่งชาติ สภานิตบิ ัญญตั แิ หง่ ชาติ พระมหากษัตรยิ ์ ราชกจิ จานเุ บกษา สภาร่างรฐั ธรรมนญู ประมวลกฎหมาย 1. คณะรฐั มนตรี รัฐสภา พระมหากษตั ริย์ ประกาศใน พระราชกาํ หนด 2. สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร รฐั สภา พระมหากษัตรยิ ์ ราชกิจจานุเบกษา พระราชกฤษฎีกา 3. ศาลหรอื องคก์ รอสิ ระ พระมหากษตั ริย์ กฎกระทรวง ตามรัฐธรรมนญู รฐั สภา รัฐมนตรีผรู้ กั ษา ประกาศใน 4. ประชาชนผมู้ ีสิทธิ คณะรฐั มนตรี ราชกิจจานุเบกษา เลอื กต้ังไม่น้อยกวา่ คณะรัฐมนตรี การตาม 10,000 คน คณะรฐั มนตรี พระราชกําหนด ประกาศใน คณะรฐั มนตรี ราชกจิ จานุเบกษา รัฐมนตรผี ้รู ักษาการตาม ประกาศใน พระราชกาํ หนด ราชกจิ จานเุ บกษา รฐั มนตรผี ู้ทเ่ี กี่ยวข้องตาม ประกาศใน กฎหมายแมบ่ ท ราชกจิ จานเุ บกษา รัฐมนตรผี ูท้ ีเ่ ก่ียวข้องตาม กฎหมายแม่บท โครงการแบรนดซ์ มั เมอร์แคมป์ ปที ่ี 26 _____________________สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (43)
ช่อื กฎหมาย ผเู้ สนอรา่ ง ผพู้ จิ ารณา ผูต้ รา ผ้ใู ห้ความ การ สภา นายกเทศมนตรี เหน็ ชอบ ประกาศใช้ เทศบญั ญตั ิ 1. นายกเทศมนตรี 2. สมาชิกสภาเทศบาล เทศบาล นายก อบจ. ผูว้ ่าฯ ประกาศท่ี จงั หวดั สํานกั งาน 3. ประชาชนผมู้ ีสทิ ธิ สภา อบจ. นายก อบต. เทศบาล 7 เลอื กตง้ั ในเขตเทศบาล ผูว้ ่าฯ สภา อบต. ผูว้ ่าฯ กทม. จงั หวัด วนั ขอ้ บญั ญตั ิ 1. นายก อบจ. องค์การบรหิ าร 2. สมาชิกสภา อบจ. สภา กทม. นายกเมือง ประกาศทท่ี ี่ 3. ประชาชนผู้มสี ทิ ธิ พทั ยา ทาํ การ ส่วนจังหวดั สภาเมอื ง เลอื กตั้งในเขต อบจ. พทั ยา อบจ. 15 วัน ขอ้ บัญญตั ิ 1. นายก อบต. นายอาํ เภอ ประกาศใน องค์การบรหิ าร 2. สมาชิกสภา อบต. ราชกจิ จา- 3. ประชาชนผมู้ ีสิทธิ นเุ บกษา ส่วนตําบล เลือกต้ังในเขต อบต. ขอ้ บญั ญตั ิ 1. ผวู้ า่ ฯ กทม. ผู้วา่ ฯ กทม. ประกาศใน กรงุ เทพมหานคร 2. สมาชิกสภา กทม. ราชกิจจา- นเุ บกษา 3. ประชาชนผู้มีสิทธิ เลือกตงั้ ในเขต กทม. ข้อบญั ญตั ิ 1. นายกเมอื งพทั ยา ผูว้ า่ ฯ ประกาศที่ เมอื งพัทยา 2. สมาชกิ สภาเมืองพทั ยา จงั หวดั ศาลาวา่ การ 3. ประชาชนผ้มู สี ทิ ธิ ชลบรุ ี เมืองพทั ยา เลือกตัง้ ในเขตเมอื ง 7 วนั พทั ยา สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม (44) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปที ี่ 26
เพ่ิมพลงั สมอง ชารต ความรู เรงสปด สาระเศรษฐศาสตร เศรษฐศาสตร์ จับประเด็นสาํ คัญ (หา Error) X เศรษฐศาสตร์เบอื้ งตน้ 1. ปัญหาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ ของทุกระบบสังคม คอื ปญั หาความขาดแคลน 2. ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศข้ึนอัตราดอกเบ้ียเงินและเงินกู้ของ ธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้เพื่อแก้ไขสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ เก่ยี วข้องเศรษฐศาสตร์จลุ ภาค 3. ปจั จยั การผลติ ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ ทดี่ ินรวมถึงทรพั ยากรท่อี ยู่ ใตด้ ิน บนดนิ และเหนอื พนื้ ดิน เครือ่ งจกั ร เงนิ ทนุ และผู้ประกอบการ 4. จดุ ประสงค์ข้ันสดุ ทา้ ยของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ คอื การบริโภค 5. หน้ีที่เกิดจากการที่รัฐบาลขายพันธบัตรให้ประชาชนเพ่ือนําเงินมาใช้จ่าย เรยี กว่า หนี้สาธารณะ Y ระบบเศรษฐกจิ ตลาด 1. ลักษณะที่สําคัญทสี่ ดุ ของระบบเศรษฐกิจแบบทนุ นิยม คอื การทาํ งานของ กลไกราคา ระบบอาศัยกลไกราคา - ทนุ นยิ ม/สงั คมนยิ ม/ 2. จดุ มุ่งหมายสําคญั ของระบบเศรษฐกิจสังคมนยิ ม คอื ทาํ ใหเ้ กิดการกระจาย ผสม รายได้อยา่ งเป็นธรรม - ตลาดแข่งขันสมบรู ณ์ 3. ระบบเศรษฐกจิ ของไทยเป็นแบบผสม เพราะเป็นระบบที่ใชก้ ลไกราคาและ และตลาดแข่งขนั ไม่ การวางแผนในการดาํ เนินงาน สมบรู ณ์ 4. การซ้อื ขายสินคา้ เกษตรขนั้ ปฐม จัดอยู่ในตลาดทม่ี ีการแข่งขนั อยา่ งสมบูรณ์ - อปุ สงค์ อุปทาน ภาวะ 5. กฎอปุ สงค์ คอื เม่อื ราคาสนิ คา้ ลดลง ผบู้ ริโภคจะซ้ือสินคา้ ในปริมาณลดลง ดลุ ยภาพ เชน่ กัน - การแทรกแซงราคาโดย 6. ภาวะดุลยภาพของตลาดจะเกดิ ขึ้นเม่ือปริมาณเสนอซอ้ื สมดุลกับราคาเสนอขาย รฐั บาล Z เศรษฐกิจพอเพยี งและ 1. คุณลกั ษณะของเศรษฐกจิ พอเพียง คอื ความพอประมาณ ความยงั่ ยนื สหกรณ์ รายไดป้ ระชาชาติ การมีภมู ิคุม้ กนั ในตัวท่ีดี และเง่ือนไขความรคู้ ู่คณุ ธรรม การพัฒนาเศรษฐกิจของ 2. สหกรณ์ทไ่ี ม่ให้บรกิ ารเงนิ กูแ้ ก่สมาชิก คือ สหกรณ์รา้ นคา้ ไทย แผนพฒั นาเศรษฐกจิ 3. รายได้เฉลย่ี ตอ่ หัว (PCI : Per Capita Income) หมายถึง รายได้ท้งั หมด และสงั คมแหง่ ชาติ หารดว้ ยประชากรวยั ทาํ งาน 4. สงิ่ แสดงว่าประเทศมคี วามเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ คอื รายได้เฉลย่ี ตอ่ หัวของประชากรสูงขน้ึ 5. การพัฒนาเศรษฐกิจมีจดุ มงุ่ หมายสาํ คญั ทส่ี ุด คือ การกระจายรายได้ท่ีเท่า เทยี มกนั และการลดความเหลอ่ื มล้ําทางดา้ นคณุ ภาพชีวิต โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (45)
เศรษฐศาสตร์ จบั ประเด็นสําคัญ [ การเงนิ และการคลงั 1. ปรมิ าณเงนิ ในความหมายทีแ่ คบ คอื เหรียญกษาปณ์ ธนบัตร และเงิน - ปรมิ าณเงนิ ธนาคาร ฝากประจําของประชาชนทฝ่ี ากไวก้ ับธนาคารพาณชิ ย์ - เงนิ เฟ้อและเงินฝดื 2. หน้าทข่ี องธนาคารแหง่ ประเทศไทยประการหนึ่ง คอื รับฝากเงินจากประชาชน - งบประมาณแผ่นดนิ ภาษี 3. การทด่ี ัชนีราคาผบู้ รโิ ภคสงู ขน้ึ ทุกปีแสดงวา่ อํานาจซอ้ื ของเงินลดลง - นโยบายการเงนิ และ 4. ผลกระทบของภาวะเงินเฟอ้ คือ ลกู หนีไ้ ดเ้ ปรยี บ เจ้าหน้เี สียเปรียบ นโยบายการคลัง 5. งบประมาณขาดดุล หมายถงึ งบประมาณที่รายรบั ของรัฐบาลน้อยกว่า รายจา่ ยรวมของรฐั บาล 6. ภาษที างตรง ได้แก่ ภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดา ภาษีเงนิ ได้ปโิ ตรเลียม ภาษี สรรพสามิต 7. นโยบายการเงนิ แบบขยายตวั ควรใชใ้ นภาวะทเ่ี ศรษฐกจิ ตกตํา่ โดยการ เพ่ิมปรมิ าณเงินในระบบเศรษฐกิจ เชน่ ลดอัตราดอกเบีย้ 8. นโยบายการเงนิ แบบหดตวั ควรใช้ในภาวะทเี่ ศรษฐกจิ มกี ารขยายตัวมาก เกินไป โดยการลดปรมิ าณเงนิ ในระบบเศรษฐกิจ เชน่ เพิม่ อตั ราดอกเบ้ยี 9. นโยบายการคลังแบบขยายตวั ควรใชใ้ นภาวะท่ีเศรษฐกจิ ตกตา่ํ โดยการ เพิ่มการใช้จา่ ยของภาครฐั เชน่ ลดอัตราภาษี ใช้งบประมาณแบบขาดดลุ 10.นโยบายการคลงั แบบหดตัว ควรใช้ในภาวะทีเ่ ศรษฐกจิ มีการขยายตัวมาก เกนิ ไป โดยการลดการใช้จ่ายของภาครัฐ เช่น เพิม่ อตั ราภาษี ใชง้ บประมาณ แบบเกนิ ดุล \\ เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 1. มาตรการของนโยบายการคา้ เสรี เชน่ เกบ็ ภาษีขาเข้าในอัตราตํ่า - นโยบายการค้า 2. รายการทีแ่ สดงอยูใ่ นบัญชีเดนิ สะพดั ไดแ้ ก่ ดุลการค้า ดลุ บรกิ าร ดลุ บริจาค - การเงินระหว่างประเทศ ดุลการชําระเงนิ (ดุลการชําระเงิน / ดุล 3. การท่ีประเทศมีดลุ การชาํ ระเงินขาดดลุ จะทาํ ใหท้ นุ สาํ รองระหว่างประเทศ บญั ชเี ดินสะพดั / ทนุ ลดลง สํารองระหวา่ งประเทศ) 4. เงนิ บาทแขง็ คา่ เมือ่ เทียบกับเงินดอลลารส์ หรัฐอเมรกิ า แสดงวา่ ใชเ้ งิน - คา่ บาทแข็งและค่าบาท บาทจาํ นวนน้อยลงในการแลกเงนิ 1 ดอลลาร์ ออ่ น 5. ถา้ อัตราแลกเปล่ียน 1 ดอลลารต์ ่อ 35 บาท เปลย่ี นเป็น 1 ดอลลาร์ ตอ่ - ความรว่ มมือทาง 30 บาท จะทําให้ราคาสนิ ค้าจากตา่ งประเทศแพงขนึ้ ในสายตาคนไทย เศรษฐกิจ 6. “ขอ้ ตกลงท่วั ไปวา่ ด้วยพกิ ัดอตั ราภาษีศุลกากรและการคา้ ” (GATT : General - AEC Agreement on Tariff and Trade) ไดพ้ ัฒนามาเป็นองคก์ าร WTO 7. ASEAN + 3 คําวา่ 3 หมายถึง ประเทศ ญป่ี นุ่ จีน เกาหลใี ต้ 8. สามเสาหลกั ของประชาคมอาเซยี น คือ การเมืองความม่นั คง เศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรม ] วิกฤตเศรษฐกิจของไทย 1. วิกฤตเศรษฐกจิ ของไทยทีเ่ ร่มิ เมื่อ พ.ศ. 2540 มสี าเหตุสําคญั มาจาก เงนิ และโลก บาทแขง็ ค่าเกินไป ทําให้บญั ชีเดนิ สะพัดขาดดลุ และคนไทยใช้จ่ายเกนิ ตัว 2. ซบั ไพร์ม (Subprime) คอื ปัญหาสินเช่อื ดอ้ ยคณุ ภาพในธุรกจิ อสังหา- รมิ ทรัพยใ์ นสหรัฐอเมริกา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (46) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอรแ์ คมป์ ปีท่ี 26
เศรษฐศาสตรเบื้องตน 1. เศรษฐศาสตร์ (Economics) ความขาดแคลน (Scarcity) การเลอื ก (Choice) ต้นทนุ คา่ เสยี โอกาส (Opportunity Cost) - เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ท่ีศึกษาเกี่ยวกับการเลือกใช้ทรัพยากรที่มีจํากัดมาใช้ใน การผลิตสินค้าและบริการอย่างประหยัดที่สุดและมีประสิทธิภาพทางเทคนิคสูงสุด และหาทางแจกจ่ายหรือ กระจายสินค้าและบริการออกไป เพ่ือสนองความต้องการที่ไม่จํากัดของมนุษย์ให้ได้รับความพอใจสูงสุดและ มปี ระสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงสุด. - ความขาดแคลน สาเหตขุ องความขาดแคลนสืบเนื่องมาจากความไมส่ มดุลกนั ระหวา่ งความตอ้ งการ กับจํานวนทรัพยากร หรอื สนิ ค้าและบริการของประเทศมีนอ้ ยเมอ่ื เทยี บกับความต้องการ. - การเลอื ก เน่อื งจากความต้องการของมนษุ ย์และจาํ นวนทรัพยากรไม่สมดุลกัน จงึ ตอ้ งมีการ ตดั สินใจเลอื กใชท้ รัพยากรให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด ดังนนั้ ความขาดแคลนบังคบั ใหเ้ กดิ การตดั สนิ ใจเลือก. - ต้นทุนคา่ เสียโอกาส เนือ่ งจากทรพั ยากรมีจาํ กัดและมนี อ้ ยกวา่ ความต้องการของมนษุ ย์ จงึ ทําให้ ต้องตัดสินใจใช้ทรพั ยากรในทางเลือกหนึ่งๆ และเมอ่ื ตัดสนิ ใจใช้ทรพั ยากรในทางเลือกหนึง่ แลว้ ย่อมเสยี โอกาสท่ี จะนําทรพั ยากรน้ีไปใช้ในทางเลือกอน่ื ๆ หรือเรียกวา่ เกดิ ต้นทนุ ในการเลือกขนึ้ มา ตน้ ทนุ ในการเลอื กนี้ก็คือต้นทนุ ค่าเสยี โอกาส (ค่าเสยี โอกาสไมใ่ ช่สงิ่ ที่เราเลอื ก แต่เป็นสง่ิ ท่ีเราไมไ่ ด้เลอื ก) ตน้ ทนุ คา่ เสียโอกาสจงึ หมายถงึ มูลคา่ สูงสดุ ของส่ิงทีเ่ สยี สละไปเพอ่ื ทดแทนสิง่ ทเ่ี ราเลือก หรือกค็ อื มูลคา่ สูงสุดของสงิ่ ท่ีเราไม่ได้เลือกนั่นเอง ดังนัน้ ต้นทุนทางเศรษฐศาสตรจ์ งึ หมายถงึ ตน้ ทุนค่าเสยี โอกาสเท่านั้น. 2. เศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค (Microeconomics) เศรษฐศาสตรม์ หภาค (Macroeconomics) - เศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค เป็นการศกึ ษาพฤติกรรมทางเศรษฐกิจในสว่ นย่อยระดับบคุ คลหรอื องคก์ ร ธุรกจิ . - เศรษฐศาสตร์มหภาค เปน็ การศกึ ษาพฤตกิ รรมทางเศรษฐกิจในส่วนรวมหรือระดบั ประเทศ เช่น รายไดป้ ระชาชาติ การลงทนุ การจ้างงาน การเงนิ การคลัง หนีส้ าธารณะ การพัฒนาเศรษฐกจิ รวมถงึ ปัญหา การว่างงาน ปญั หาเงนิ เฟ้อ เงนิ ฝดื เป็นตน้ . 3. เศรษฐศาสตรต์ ามทเี่ ปน็ จริง (Positive Economics) เศรษฐศาสตร์ตามทีค่ วรจะเปน็ (Normative Economics) - เศรษฐศาสตรต์ ามที่เปน็ จริง เป็นการมงุ่ อธิบายเรื่องท่ีเกดิ ข้ึนวา่ คืออะไร เกดิ จากสาเหตใุ ดและ มผี ลอย่างไร จงึ เปน็ เพยี งการอธบิ ายถึงปรากฏการณ์ทางเศรษฐกจิ ตามท่เี กดิ ขน้ึ จริงเทา่ น้นั ซึง่ เปน็ เรอื่ งทเ่ี คยเกดิ ขึน้ ในอดีต ในปจั จุบนั และท่ีเกดิ ในอนาคต. - เศรษฐศาสตร์ตามที่ควรจะเป็น เปน็ การม่งุ กล่าวถึงสงิ่ ทเ่ี กิดขนึ้ หรือผลที่เกิดขึ้นนัน้ วา่ ควรทาํ หรอื ไมค่ วรทํา ควรจะเป็นหรอื ไม่ควรจะเปน็ เหมาะสมหรอื ไมเ่ หมาะสม ซึง่ การศกึ ษาแนวนใ้ี ชว้ จิ ารณญาณหรอื ความคิดส่วนบคุ คลมาประกอบ. 4. เศรษฐทรพั ย์ (Economic Goods) สนิ คา้ ไร้ราคา (Free Goods) - เศรษฐทรพั ย์ เป็นสนิ ค้าท่มี ีตน้ ทุนการผลิต มรี าคาซือ้ ขาย เชน่ เสือ้ ผ้า รถยนต์ ฯลฯ ส่วนสินคา้ ที่ ไดโ้ ดยการแจก การให้ การบริจาค โดยผูบ้ ริโภคได้มาฟรีหรือไม่ต้องเสยี ค่าใช้จา่ ยใดๆ ถอื วา่ เปน็ เศรษฐทรพั ย์และ เปน็ สินค้าได้เปล่า (ไมใ่ ชส่ ินค้าไร้ราคา) เศรษฐทรพั ย์ยงั รวมถงึ สนิ คา้ และบริการทร่ี ัฐบาลเปน็ ผู้จา่ ยเงนิ จากภาษี อากร เชน่ ส่งิ กอ่ สรา้ งสาธารณะประโยชน์ (เชน่ สวนสาธารณะ สะพานลอย) บริการการศึกษาของรฐั การปอ้ งกันประเทศ. โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (47)
- สนิ ค้าไร้ราคา สินค้าทไ่ี ด้มาโดยไม่มีตน้ ทนุ ในการผลติ หรือเกิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ ดังนน้ั สนิ คา้ ไร้ราคาจงึ เปน็ สนิ คา้ ทไ่ี มม่ รี าคาที่จะตอ้ งจา่ ย เชน่ สายลม แสงแดด อากาศ และนาํ้ ในแหล่งนาํ้ ธรรมชาติ เปน็ ต้น. 5. สินค้าสาธารณะ (Public Goods) หนสี้ าธารณะ (Public Debt) - สนิ คา้ สาธารณะ สนิ ค้าทที่ กุ คนใช้บรโิ ภคร่วมกันและเปน็ สินค้าที่ไมส่ ามารถกดี กนั การบริโภคของ ผ้บู ริโภครายอื่น เชน่ การปอ้ งกันประเทศ การกระจายเสียงวิทยุ สัญญาณทีวี ไฟฟา้ ตามถนน. - หนี้สาธารณะ หน้สี ินของรฐั บาลซึ่งรวมท้งั การยืมโดยตรง (การก่อหนภี้ ายในประเทศ และการกอ่ หนตี้ ่างประเทศ) และการค้ําประกันเงินกขู้ องรฐั บาลและรัฐวสิ าหกิจ เงนิ กู้ถือเป็นรายรับสว่ นหน่งึ ของรฐั บาล ทจี่ ะนาํ มาใช้จ่ายใหเ้ กดิ ประโยชนก์ ับประเทศชาต.ิ 6. ตน้ ทุนชัดแจ้ง (Explicit Cost) ต้นทุนไม่ชัดแจ้ง (Implicit Cost) ต้นทุนทางบัญชี (Accounting Cost) ตน้ ทุนทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Cost) - ตน้ ทนุ ชัดแจง้ ค่าใช้จ่ายทจ่ี ่ายออกไปจริงๆ ซ่งึ ผ้ผู ลิตจา่ ยไปใหแ้ กบ่ คุ คลอ่ืนเพือ่ เปน็ คา่ ตอบแทน ในการใช้ปจั จัยการผลิต เชน่ คา่ วตั ถุดิบ ค่าจา้ ง คา่ ไฟฟา้ คา่ เชา่ . - ต้นทุนไมช่ ัดแจง้ หรือต้นทนุ แฝง ค่าใชจ้ ่ายท่ีไมไ่ ด้จ่ายเปน็ ตวั เงนิ หรอื ไมไ่ ดจ้ า่ ยออกไปจริงๆ เช่น ใชบ้ ้านของตนเป็นสํานกั งาน ซ่ึงถ้านําไปให้เชา่ จะไดร้ บั คา่ เชา่ ตอบแทน. - ตน้ ทนุ ทางบญั ชี จะประกอบดว้ ยตน้ ทนุ ชดั แจง้ เท่าน้ัน. - ตน้ ทนุ ทางเศรษฐศาสตร์ ประกอบดว้ ยต้นทนุ ท้งั หมดซงึ่ รวมท้งั ต้นทุนชัดแจง้ และตน้ ทุนแฝง ดังนนั้ ตน้ ทุนทางเศรษฐศาสตร์จงึ มคี วามหมายทีก่ วา้ งกวา่ ต้นทุนทางบญั ช.ี 7. กําไรทางบญั ชี (Accounting Profit) กําไรทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Profit) - กาํ ไรทางบัญชี รายรับท้งั หมดหกั ดว้ ยตน้ ทุนชดั แจ้ง (ตน้ ทุนทจี่ ่ายเป็นตวั เงิน) - กําไรทางเศรษฐศาสตร์ รายรับทัง้ หมดหักดว้ ยตน้ ทุนชัดแจ้ง (ตน้ ทนุ ทจี่ ่ายเปน็ ตวั เงิน) รวมกับ ตน้ ทนุ แฝง (ตน้ ทนุ ท่ีไม่ไดจ้ า่ ยเปน็ ตัวเงิน) สรุปวา่ กําไรทางบัญชี = รายรับ – ตน้ ทนุ ชดั แจ้ง กาํ ไรทางเศรษฐศาสตร์ = รายรบั – (ตน้ ทนุ ชดั แจ้ง + ตน้ ทนุ แฝง) 8. ปญั หาพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจ (Basic Economic Problems) กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ (Economic Activity) ปจั จัยการผลิต (Factor of Production) หนว่ ยเศรษฐกจิ (Economic Unit) - ปัญหาพืน้ ฐานทางเศรษฐกิจ เป็นปญั หาท่ีสบื เน่อื งมาจากความมอี ยอู่ ย่างจาํ กัดของทรพั ยากร เม่อื เทยี บกบั ความตอ้ งการของมนุษย์ เปน็ ปญั หาทเี่ กดิ ขึ้นในทุกสังคมและทุกระบบเศรษฐกจิ ปัญหาน้ีประกอบดว้ ย 1. ปญั หาวา่ จะผลิตอะไร 2. ปญั หาว่าจะผลิตอย่างไร 3. ปัญหาวา่ จะผลติ เพอื่ ใคร หรือเรยี กสน้ั ๆ ว่า ปญั หา What, How, For Whom. - กิจกรรมทางเศรษฐกจิ กิจกรรมตา่ งๆ ของบคุ คลหรอื กลุ่มบคุ คลท่เี กยี่ วข้องกบั การผลิต การบริโภค การกระจาย และการแลกเปลี่ยน. - ปจั จยั การผลิต ทรัพยากรทใ่ี ช้ในการผลิตสินคา้ และบรกิ าร ได้แก่ 1. ท่ีดินและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ ปา่ ไม้ ดนิ ฟ้าอากาศ ผลตอบแทนท่ีได้รบั คอื คา่ เชา่ 2. แรงงาน กาํ ลงั ความสามารถในการผลติ ของมนษุ ย์เท่านั้น ไม่ว่าจะเปน็ แรงงานกายหรือกาํ ลงั ความคิด ผลตอบแทนท่ไี ดร้ ับ คือ คา่ จา้ ง 3. ทนุ สิง่ ที่ มนษุ ยส์ ร้างขนึ้ เพ่ือใช้ในการผลติ สนิ คา้ เชน่ เครอ่ื งมือเครอ่ื งจักร โรงงาน ผลตอบแทนท่ีได้รับ คอื ดอกเบี้ย (แรงงานสตั วท์ ีค่ นฝกึ ฝนเพื่อนาํ มาใช้งานอนโุ ลมถือเปน็ ทนุ ) 4. ผูป้ ระกอบการ ผู้ท่ีทาํ หน้าทรี่ วบรวมเอาปจั จยั การผลิตตา่ งๆ มาดําเนนิ การผลติ และยงั เป็นผูร้ บั ภาระความเสี่ยงท่เี กิดขึ้นจากกระบวนการผลิต ผลตอบแทนท่ี ได้รบั คือ กําไร. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (48) _____________________โครงการแบรนด์ซมั เมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
- หน่วยเศรษฐกจิ ผปู้ ระกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจซ่งึ ประกอบด้วยหนว่ ยครัวเรือน หน่วยธุรกจิ และหนว่ ยรัฐบาล. ทดสอบพลงั สมอง เรอ่ื ง “เศรษฐศาสตรเบ้ืองตน” 1. ความขาดแคลนท่ปี รากฏอยใู่ นระบบเศรษฐกจิ มสี าเหตพุ ้ืนฐานมาจาก (ความต้องการของมนุษย์ และจํานวนทรพั ยากรไม่สมดลุ กัน / มนษุ ยม์ ีความต้องการไม่จํากดั และแสวงหาความความพอใจ สงู สดุ ) 2. การขาดแคลนปัจจยั การผลติ สง่ ผลให้ระบบเศรษฐกิจตอ้ งตัดสนิ ใจเก่ียวกบั เร่อื ง (การจดั สรรปัจจยั การผลิต / การแขง่ ขนั กันใช้ปัจจยั การผลติ ) 3. จดุ ประสงค์หลกั ของการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจเรือ่ ง (การกระจายรายได้ / การจดั สรร ทรพั ยากร) 4. ปัญหาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ ของทกุ ระบบสงั คม คอื (ปญั หาการกระจายรายได้ / ปญั หาความ ขาดแคลน) 5. ตวั อยา่ งของสนิ ค้าสาธารณะ เชน่ (การกระจายเสียงทางวิทยุ การป้องกันประเทศ / มหาวทิ ยาลัย ของรัฐ ห้างสรรพสนิ ค้า) 6. กาํ ไรทางเศรษฐศาสตร์ คํานวณได้จาก (รายรบั - [ตน้ ทนุ ชดั แจ้ง + ตน้ ทุนแฝง] / รายรับ - ตน้ ทุนชัดแจง้ ) 7. สาเหตทุ ่ที าํ ใหเ้ กิดปัญหาพ้นื ฐานทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ คอื (การเพิ่มขนึ้ ของประชากร / ความจาํ กดั ของทรพั ยากร) 8. การจดั สรรทรัพยากรอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพทางเศรษฐกจิ จะทําใหเ้ กิดผล คือ (สงั คมได้รับสวสั ดิการ สงู สุด / ผูผ้ ลิตเสยี ตน้ ทุนในการผลติ ตํ่าสดุ ) 9. ประสิทธภิ าพในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ (ไดผ้ ลผลิตทีต่ อ้ งการโดยใช้เวลาน้อยทีส่ ดุ / ไดผ้ ลผลิต มากทสี่ ุดโดยใช้ทรพั ยากรนอ้ ยที่สุด) 10.ปจั จยั การผลติ ท่ีมีความสําคญั ทส่ี ุดในการสร้างความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ คอื (ทนุ / ผปู้ ระกอบการ) โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26 _____________________สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (49)
ระบบเศรษฐกิจ 9. ลกั ษณะสาํ คัญของระบบทนุ นยิ ม (Capitalism) ระบบสังคมนิยมคอมมวิ นสิ ต์ (Communist) ระบบ สังคมนยิ มประชาธิปไตย (Democratic Socialism) ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม (Mixed Economy) กรรมสทิ ธิ์ในทรัพย์สนิ ทุนนยิ ม สงั คมนิยม สังคมนิยม เศรษฐกิจ บทบาทการดาํ เนนิ ไมจ่ าํ กัด คอมมิวนิสต์ ประชาธิปไตย แบบผสม กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เอกชน ไมจ่ าํ กัด จาํ กัด จาํ กัดบา้ ง เอกชน + รฐั การทํางานของ ไมจ่ ํากัด รฐั รฐั > เอกชน (ผปู้ ระกอบการ กลไกราคา ไมม่ ี เอกชน จาํ กดั จาํ กัดบา้ ง มบี ทบาทสําคญั ) การวางแผนเศรษฐกจิ กลไกราคา จํากดั บา้ ง จากส่วนกลาง มี มี เครอ่ื งมือท่ใี ช้ มี มี แก้ปัญหา ไมม่ ี การวางแผนที่ การวางแผนที่ ภาครฐั ควบคมุ ภาครัฐควบคุม + กลไกราคา + พ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ ไมม่ ีแลว้ ในปัจจบุ ัน การวางแผนที่ เสรภี าพของเอกชน สว่ นใหญ่เป็น ไมม่ ี กลไกราคา ภาครฐั ชีน้ าํ ระบบผสม มีบา้ ง และการแข่งขนั มี มบี า้ ง เป้าหมายในการ มี กระจายรายได้ เกาหลเี หนอื มี คิวบา รฐั สวสั ดกิ าร เชน่ ทีเ่ ปน็ ธรรม อังกฤษ เยอรมนี ไทย (แบบผสมทีค่ อ่ น ตัวอยา่ งประเทศ สวีเดน นอรเ์ วย์ ไปทางทนุ นิยม) 10.ขอ้ ดีและข้อเสียของระบบทนุ นิยม ระบบสงั คมนิยมคอมมิวนสิ ต์ ระบบสังคมนิยมประชาธปิ ไตย ระบบเศรษฐกิจแบบผสม ระบบทนุ นิยม - ขอ้ ดี 1. มีแรงจงู ใจในการผลติ และการทาํ งาน เพราะทาํ มากจะมรี ายได้มาก 2. ผู้ผลติ แตล่ ะราย ต้องแขง่ ขันกันขายสินค้าและบริการใหม้ ากทส่ี ดุ จึงต้องปรับปรงุ เทคนคิ การผลติ อยู่เสมอ โดยเน้นทง้ั คุณภาพ และปริมาณดว้ ย 3. เอกชนมเี สรภี าพในการเลือกตดั สนิ ใจดาํ เนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ทตี่ นถนดั 4. ผู้บรโิ ภค มีโอกาสเลอื กบรโิ ภคสินคา้ และบรกิ ารตา่ งๆ ทเี่ ป็นธรรมมากขน้ึ เพราะไม่มผี ูใ้ ดผูกขาดการผลติ ท่ีทาํ ใหร้ าคาสงู เกนิ ปกต.ิ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (50) _____________________โครงการแบรนดซ์ ัมเมอร์แคมป์ ปีท่ี 26
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224