Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทรงเป็นบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทรงเป็นบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Published by konmanbong_k3, 2021-10-15 03:31:24

Description: ทรงเป็นบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Search

Read the Text Version

“ทกุ คนจะตอ้ งช่วยกันดแู ลรักษาปา่ ไม้ ซ่งึ เป็นของส่วนรวม และรว่ มมือกับเจ้าหนา้ ท่ี ปา่ ไมใ้ นงานปลกู ป่าทดแทน จะไดม้ ีนำ�้ เพียงพอ สำ� หรับการเพาะปลูก ส�ำหรบั พนั ธ์พุ ืชท่เี หมาะสม กับสภาพพน้ื ท่ี กจ็ ะสง่ เสริมใหค้ นปลกู ตอ่ ไป ทง้ั น้ี ทางโครงการฯ จะช่วยเหลอื แนะน�ำในด้าน หลกั วิชาการเกษตรและระบบชลประทาน” ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ 201

“ส�ำหรบั ตน้ ไม้ท่ขี ้นึ อยู่บริเวณสองขา้ ง ล�ำหว้ ยนน้ั จำ� เป็นจะต้องรักษาไวใ้ หด้ เี พราะจะ ช่วยเก็บรกั ษาความชุม่ ชืน้ ไว้ส่วนตามร่องนำ้� และ บรเิ วณที่มนี �้ำซบั ก็ควรสรา้ งฝายเล็กๆ กน้ั น้�ำไว้ใน ลักษณะฝายชุ่มช้ืน แม้จะมีนำ้� จำ� นวนน้อยกต็ าม ส�ำหรบั แหลง่ น้�ำท่ีมีปริมาณน้�ำมาก จงึ สรา้ งฝายเพอื่ ผันน�ำ้ ลงมาใช้ในพื้นทเี่ พาะปลกู ” ๑ มีนาคม ๒๕๒๑ 202

“ความเหมาะสมในการท่จี ะปลกู ปา่ ปลายไรน่ า ทม่ี พี นั ธ์ุไม้ไผแ่ ละไม้เหมาะสำ� หรับตดั ก่ิงเพอื่ ทำ� ฟืน” ๑๘ มกราคม ๒๕๒๒ 203

“เจ้าหนา้ ท่กี รมป่าไม้ควรขยายการปลูกปา่ เหนือฝายทดนำ้� โดยให้ราษฎรร่วมมือกบั เจ้าหน้าท่ี ในการปลกู พนั ธไ์ุ มต่ ่างๆ เพอ่ื เพิ่มความชมุ่ ชน้ื ของดิน ตลอดจนรกั ษาตน้ น้�ำล�ำธารและปอ้ งกนั ปญั หา นำ�้ ฝนชะหนา้ ดินพังทลาย อีกทั้งราษฎรจะไดม้ พี นั ธุไ์ ม้ เช่น ไม้ประเภททำ� ฟืนเพอ่ื ใช้สอย” ๑๓ มกราคม ๒๕๒๒ 204

“ใหม้ ีการปลูกป่าไมย้ นื ต้น ป่าไมผ้ ล ปา่ ไม้ฟืน และปา่ ไมใ้ ช้สอย บรเิ วณเหนอื เขื่อนหรอื ฝายนำ้� ล้น เพือ่ ชว่ ยยึดดินไม่ให้ถกู น้ำ� ชะพงั ทลาย เพื่อรกั ษาความ ชมุ่ ชื้นของดนิ และอากาศ ตลอดจนให้ราษฎรไดม้ ีผลไม้ บริโภคและมีไม้ไวใ้ ชส้ อยตามความจำ� เปน็ ” ๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๓ 205

“ในการปลูกสวนปา่ น้นั น่าจะมีการปลกู พันธุ์ไม้ ประเภทต่างๆ คละกนั ไปโดยมีพันธไุ์ มย้ ืนตน้ ไมผ้ ล และ ไม้เพอ่ื ทำ� ฟนื ซ่งึ นอกจากจะช่วยปอ้ งกนั มใิ หด้ นิ พังทลาย ในฤดูฝน และรักษาความชมุ่ ชื้นของดนิ แล้ว ยงั มผี ลประโยชน์จากไม้ผลและไมเ้ พอ่ื ท�ำฟนื อกี ดว้ ย” ๑๒ มกราคม ๒๕๒๔ “ให้พิจารณาส่งน�้ำขึ้นไปยังจุดท่ีสูงท่ีสุดเท่าท่ีจะด�ำเนินการได้ ทั้งนี้เพ่ือให้สามารถจ่ายน�้ำลงไปหล่อเลี้ยงกล้าไม้อ่อนท่ีปลูกทดแทน ไวบ้ นภเู ขาไดต้ ลอดเวลา โดยเฉพาะในชว่ งฤดแู ลง้ ซงึ่ กลา้ ไมม้ กั มอี ตั รา สูญเสียค่อนข้างสูง เม่ือกล้าไม้เจริญเติบโตพอสมควรจนสามารถ ทนทานต่อสภาวะแห้งแล้งได้แล้ว ในอนาคตภูเขาในบริเวณดังกล่าว ก็จะคนื สภาพเดมิ เป็น “ภเู ขาปา่ ” ท่จี ะมคี วามชมุ่ ช้ืนพอสมควร ตลอด จนจะช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในตอนล่างไม่ให้กลายเป็นดินแดน แหง้ แล้ง ซ่งึ ปัจจบุ ันยงั ไมส่ ามารถใชป้ ระโยชน์ทางด้านเกษตรกรรมได้ เท่าที่ควร อย่างไรก็ตามกรรมวิธีการสูบน้�ำข้ึนที่สูงที่โครงการแห่งน้ี เป็นเพียงต้นแบบของการศึกษาการฟื้นฟูสภาพป่าเขาที่เส่ือมโทรม ซงึ่ ดเู หมอื นจะตอ้ งใชค้ ่าลงทนุ คอ่ นข้างสูง แต่เมอื่ ใช้เครอ่ื งสูบพลังงาน แสงอาทติ ย์ กจ็ ะทำ� ใหส้ ามารถตดั คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นเชอ้ื เพลงิ ได้ ตอ่ เมอ่ื ไดผ้ ล เปน็ ทน่ี า่ พอใจแลว้ จะไดส้ ามารถนำ� ผลไปพจิ ารณาหาทางววิ ฒั นาการ กรรมวธิ ีให้ประหยัดขนึ้ และได้ผลคุ้มคา่ ท่สี ดุ ” ๓ มิถุนายน ๒๕๒๙ 206

“ให้จดั ท�ำบอ่ พกั นำ้� เป็นระยะๆ ตามแนวทางระบายนำ�้ เพอ่ื ลดความแรงของกระแสน�้ำซงึ่ จะช่วยปอ้ งกันการกดั เซาะ และยังทำ� ใหน้ ำ้� สามารถซึมออกไปรอบบ่อพกั น้�ำทำ� ให้เกิด ความชุม่ ชนื้ ในบริเวณแปลงเพาะปลกู และใหร้ ีบด�ำเนนิ การ ปลกู สวนป่าทดแทนในบรเิ วณพื้นทด่ี งั กลา่ วอีกด้วย” ๒๗ มิถนุ ายน ๒๕๒๖ “ให้พิจารณาสรา้ งฝายต้นน�้ำล�ำธารตามแหล่งนำ้� บนเขาส�ำนัก เพือ่ เป็นการรักษาสภาพป่าให้มีความชุ่มช้ืนตลอดเวลา และยังสามารถสง่ นำ�้ มาสนบั สนุนอ่างเก็บนำ�้ ได้อีกดว้ ย” ๑๘ กันยายน ๒๕๒๖ “ควรพิจารณาสร้างฝายต้นน�้ำล�ำธารบนภูเขาในพ้ืนที่โครงการฯ และบริเวณ ใกลเ้ คยี ง ตลอดจนส่งน�้ำไปตามแนวสันเขาจะไดส้ ามารถ จา่ ยนำ�้ ลงไปตามไหลเ่ ขาทง้ั สองดา้ นในชว่ งฤดแู ลง้ เปน็ ชว่ งๆ ในทำ� นอง “ฤดูฝนเทียม” ทั้งเพ่ือช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าต้นน้�ำล�ำธารและ ชว่ ยฟน้ื ฟสู ภาพปา่ ใหก้ ลบั สมบรู ณไ์ ดโ้ ดยเรว็ เนอ่ื งจากสามารถจา่ ยนำ้� อย่างสม�่ำเสมอได้ตลอดท้ังปี หากงานทดลองด้านป่าไม้ดังกล่าว ได้ผลดี ได้น�ำทฤษฎีไปปฏิบัติในเขตป่าเสื่อมโทรมแห่งอ่ืนๆ ต่อไป นอกจากน้นั ควรพิจารณาปลกู ไมช้ นั้ ลา่ งเสริม เพอื่ ชว่ ยลดความแรง ของกระแสน้�ำในฤดูฝน ซึ่งเคยท�ำความเสียหายให้กับนาข้าวราษฎร ในบางพ้ืนท่ีมาแล้ว ส่วนบริเวณเชิงเขาตอนล่างก็ควรปลูกสวนป่าไม้ ใชส้ อยส�ำหรับราษฎรใช้ประโยชนไ์ ด้” ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ 207

“เป้าหมายหลักของโครงการฯ แห่งนี้ คือการฟื้นฟูและอนุรักษ์ บรเิ วณตน้ นำ�้ หว้ ย ฮอ่ งไครซ้ งึ่ มสี ภาพแหง้ แลง้ โดยเรง่ ดว่ น โดยทดลอง ใชว้ ธิ กี ารใหม่ เชน่ การผนั นำ�้ จากอา่ งเกบ็ นำ้� ในระดบั บนลงไปตามแนว รอ่ งนำ้� ตา่ งๆ เพอ่ื ชว่ ยใหค้ วามชมุ่ ชนื้ คอ่ ยๆ แผข่ ยายตวั ออกไป สำ� หรบั น้�ำส่วนที่เหลือก็จะไหลลงอ่างเก็บน�้ำในระดับต�่ำลงไปเพื่อน�ำไปใช้ ประโยชน์ทางด้านงานเกษตรกรรมต่อไป ในการนี้ ควรเริ่มปลูกป่า ทดแทนตามแนวร่องน้�ำซ่ึงมีความชุ่มชื้นมากกว่าบริเวณสันเขาจึงจะ ท�ำให้เห็นผลโดยเร็ว นอกจากน้ันยังเป็นการประหยัดกล้าไม้และ ปลอดภัยจากไฟป่าด้วย เมื่อร่องน�้ำดังกล่าวมีความชุ่มชื้นเพ่ิมขึ้น ลำ� ดบั ตอ่ ไปกค็ วรสรา้ งฝายตน้ น�้ำเปน็ ระยะๆ เพอ่ื คอ่ ยๆ เกบ็ กกั น�้ำไว้ แล้วต่อท่อไม้ไผ่ส่งน�้ำออกทั้งสองฝั่งร่องน้�ำ อันจะเป็นการช่วย แผข่ ยายแนวความชมุ่ ชนื้ ออกไปตลอดแนวรอ่ งนำ้� ” ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ “ใหพ้ ฒั นาพน้ื ทป่ี า่ ไม้ โดยควบคมุ ไมใ่ หม้ กี ารตดั ฟนั ไม้ บรเิ วณใน ปา่ ไมท้ ค่ี อ่ นขา้ งสมบรู ณ์ และท�ำการปลกู ไมใ้ ชส้ อย คอื ไมส้ �ำหรบั ใชใ้ น การก่อสร้าง ไม้ส�ำหรับท�ำฟืน ไม้ผลชนิดต่างๆ ในเนื้อที่ประมาณ ๔๐,๐๐๐ ไร่ เพือ่ อนรุ กั ษไ์ วเ้ ปน็ บรเิ วณต้นน้ำ� ลำ� ธารที่สมบรู ณ์ ตอ่ ไป นอกจากน้ันยังมีโครงการจะทดลองปลูกต้นคาดาเมียนัทตามบริเวณ ขอบอา่ งเกบ็ นำ้� เนอื่ งจากเปน็ ไมผ้ ลทจี่ ะสามารถทำ� รายไดส้ งู มากหาก ไมม่ อี ปุ สรรคทางดา้ นวชิ าการ” ๒๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๗ 208

“ใหด้ ำ� เนนิ การวจิ ยั การอนรุ กั ษป์ า่ และอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ โดยการปลกู สวนป่าทดแทนเพ่ือฟื้นฟูสภาพป่าและปลูกพืชคลุมดินนอกจากน้ัน ควรพจิ ารณาปลกู ไมผ้ ลพน้ื เมอื งชนดิ ตา่ งๆ สำ� หรบั เปน็ อาหารของสตั ว์ ปา่ สำ� หรบั ไมผ้ ลทสี่ ำ� คญั เชน่ มะมว่ งปา่ กค็ วรขยายพนั ธป์ุ ลกู ทว่ั บรเิ วณ พ้ืนที่โครงการฯ ท้ังนี้ต้องส่งเสริมให้นักเรียนและราษฎรในบริเวณ ดังกลา่ วเขา้ ใจถงึ วธิ อี นรุ กั ษป์ ่าและสตั ว์ป่าดว้ ย” ๒๗ มิถนุ ายน ๒๕๒๗ “ควรส�ำรวจแหล่งน�้ำในภูเขาทางด้านทิศเหนือของโครงการฯ เพอื่ พจิ ารณาสรา้ งฝายขนาดเลก็ ปดิ กน้ั รอ่ งนำ้� ในเขตตน้ นำ้� ลำ� ธาร ทงั้ น้ี เพอื่ แผก่ ระจายความชมุ่ ชน้ื ออกไปใหก้ วา้ งขวาง อนั จะชว่ ยฟน้ื ฟสู ภาพ ป่าในบริเวณท่ีสูงให้สมบูรณ์ข้ึนบริเวณดังกล่าวจะได้กลายสภาพเป็น “ภเู ขาป่า” ในอนาคต ซง่ึ หมายความว่ามีตน้ ไม้นานาชนิดขนึ้ ปกคลุม ผิวดินในอัตราหนาแน่นท่ีเหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศแต่ละแห่ง ต้นไม้เหล่าน้ันจะมีผลช่วยรักษาระดับความชุ่มช้ืนในธรรมชาติให้อยู่ ในเกณฑ์ท่ีพอเหมาะ ไม่แห้งแล้งเกินไป และยังช่วยยึดหน้าดินอันมี ค่าไม่ใหถ้ ูกนำ�้ เซาะทลายลงมายงั พืน้ ที่ราบอกี ด้วย” ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ 209

“ให้ด�ำเนินการส�ำรวจหาท�ำเลสร้างฝายต้นน�้ำล�ำธารในระดับสูง ทใ่ี กลบ้ รเิ วณยอดเขามากทส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะเปน็ ไปได้ ลกั ษณะฝายดงั กลา่ ว จำ� เปน็ จะตอ้ งออกแบบใหมเ่ พอื่ ใหส้ ามารถเกบ็ กกั น้�ำไวไ้ ดป้ รมิ าณมาก พอสมควรเปน็ เวลานานประมาณ ๒ เดอื น ซง่ึ จะทำ� ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ สูงกว่าฝายต้นน�้ำล�ำธารที่เคยสร้างมาก่อนหน้านี้ท้ังหมดท่ีมักจะเก็บ กกั นำ�้ ไดเ้ พยี งชว่ั ระยะหนง่ึ และจะอยใู่ นระดบั ตำ�่ จากยอดเขาคอ่ นขา้ งมาก การเกบ็ กกั นำ้� สำ� รองไวไ้ ดน้ านหลงั จากฤดฝู นผา่ นไปแลว้ จะทำ� ใหม้ ปี รมิ าณนำ�้ หลอ่ เลย้ี งและประคบั ประคองกลา้ ไมพ้ นั ธท์ุ แี่ ขง็ แรงและโตเรว็ ทใ่ี ชป้ ลกู แซมในปา่ แหง้ แลง้ อยา่ งสมำ�่ เสมอและตอ่ เนอื่ งโดยการจา่ ยนำ�้ ออกไป รอบๆ ตัวฝายจนสามารถต้ังตัวได้ เมื่อกล้าไม้ทง้ั หมดสามารถยงั ชีพ ได้ส�ำเร็จ ในระยะที่ฤดูแล้งเวียนกลับมาอีกรอบหน่ึง ก็จะท�ำหน้าท่ี รับชว่ งในการสร้างแนวชุ่มชื้นบริเวณใกล้ยอดเขาจนกระทงั่ บรรจบกบั ฤดูฝนในปีต่อไปอันจะท�ำให้แนวชุ่มชื้นมีความหนาแน่นและขยายตัว ออกไปทีละน้อย เพื่อต่อต้านกับสภาพแห้งแล้งตลอดจนค่อยๆ ลุกลามลงสพู่ ้ืนท่ปี า่ แห้งแล้งเบือ้ งลา่ งโดยอตั โนมัติ รวมถึงเมลด็ พนั ธุ์ ของต้นไมน้ านาชนิดท่ีใช้ในการปลกู ป่าทดแทนที่จะปลิวร่วงหล่นและ กลงิ้ ลงตามความลาดของพน้ื ท่ี ทำ� ใหช้ ว่ ยขยายพนั ธต์ุ น้ ไมต้ ามวถิ ที าง ของธรรมชาติ ส�ำหรับตัวฝายนั้นต้องใช้เทคนิคในการป้องกันน�้ำซึม โดยทดลองใช้วัสดุกันน�้ำซึมราคาถูกหลายๆ ชนิด เพื่อให้สามารถใช้ เก็บกกั น้�ำไดผ้ ลดที สี่ ุด นอกจากนน้ั โครงการน้เี ม่ือท�ำไดส้ �ำเร็จ แม้จะ จ�ำเป็นจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ก็จะเป็นตัวอย่างท่ีดีส�ำหรับ การฟ้นื ฟูสภาพปา่ ท่แี ห้งแลง้ ในพืน้ ที่อ่นื ในอนาคต” ๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๓๐ 210

“ใหพ้ จิ ารณาวางโครงการสรา้ งอา่ งเกบ็ นำ�้ หว้ ยแมล่ านเพอ่ื จดั หา น้�ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกของราษฎรในหมู่บ้านต่างๆ ในเขต ต�ำบล ออนใต้ ต�ำบลแช่ช้าง ตลอดจนพื้นท่ีใกล้เคียง ซึ่งมักประสบปัญหา ขาดแคลนน้�ำในการท�ำการเกษตรกรรม เช่น การท�ำนา โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในระยะฝนท้ิงช่วง ตลอดจนมีผลผลิตต่อไร่ในระดับค่อน ข้างตำ่� โครงการดังกลา่ วยังจะสามารถส่งเสริมการปลูกพชื หมนุ เวยี น เชน่ ยาสูบกับพืชตระกลู ถว่ั ได้อกี ดว้ ย ส�ำหรบั อา่ งเก็บนำ�้ หว้ ยแม่ลาน ควรใช้ประโยชน์ในด้านกิจการประมงให้เต็มท่ี โดยด�ำเนินการเพาะ พันธุ์สัตว์น้�ำจืดชนิดต่างๆ แล้วจัดตั้งกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมง เพื่อบริหารกิจการให้มีระบบ ซ่ึงรวมถึงเตรียมจัดเรื่องการตลาดด้วย นอกจากนน้ั ควรส�ำรวจหาท�ำเลสร้างอ่างเก็บน�้ำขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง บรเิ วณเหนอื อา่ งเก็บน้ำ� หว้ ยแมล่ านขนึ้ ไป ส�ำหรับใช้สนับสนนุ กิจการ ปลูกปา่ ทดแทนในพนื้ ท่ตี น้ นำ�้ ล�ำธาร เพือ่ เป็นการฟื้นฟคู วามสมบูรณ์ ของสภาพป่าที่เคยชุ่มชื้น ตลอดจนด�ำเนินการจัดตั้งสถานีเพาะช�ำ กล้าไม้พันธุ์โตเร็ว ส�ำหรับส่งเสริมให้ราษฎรน�ำไปช่วยปลูกในบริเวณ ทไี่ มไ่ ดใ้ ชเ้ ปน็ ทที่ ำ� กนิ จะไดม้ จี ติ สำ� นกึ ในการอนรุ กั ษส์ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม ตามธรรมชาต”ิ ๑๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๓๐ 211

“ส�ำหรับงานด้านการพัฒนาป่าไม้นั้นก็ควรพิจารณาจัดตั้งสถานี วิจัยป่าไม้นั้นก็ควรพิจารณาจัดต้ังสถานีวิจัยป่าไม้เช่นกันเน่ืองจากจะ มแี หลง่ นำ�้ สำ� รองสำ� หรบั สนบั สนนุ พน้ื ทปี่ า่ ไมท้ มี่ สี ภาพแหง้ แลง้ ตลอด จนงานปลกู ปา่ เสรมิ สว่ นราษฎรในเขตโครงการซง่ึ สามารถทำ� การเพาะ ปลูกได้เต็มที่จนได้ผลผลิตเพ่ิมขึ้นกว่าเดิมเป็นอัตราสูง ก็เร่ิมมีความ หวงแหนทรัพยากรป่าไม้ และเริ่มมีจิตส�ำนึกในการดูแลป้องกันการ บุกรุกท�ำลายป่าบริเวณแหล่งน�้ำที่อาศัยท�ำกินโครงการพัฒนาป่าไม้ ควบคู่กับการประมงจะเป็นโครงการแบบอย่างในการพัฒนาพื้นท่ีท�ำ กนิ ของราษฎรในบรเิ วณอ่ืนท่ีมีโครงสรา้ งในลักษณะเดยี วกัน” ๕ มีนาคม ๒๕๓๐ “ให้พิจารณาด�ำเนินการสร้างฝายราคาถูกประหยัด โดยใช้วัสดุ ราคาถูกและหาได้ง่ายในท้องถ่ิน เช่น แบบหินท้ิงคลุมด้วยตาข่าย ปิดก้ัน รอ่ งน�้ำ กบั ล�ำธารขนาดเลก็ เปน็ ระยะๆ เพือ่ ใช้เกบ็ กกั น้�ำและ ตะกอนดนิ ไวบ้ างสว่ น โดยนำ�้ ทเ่ี กบ็ กกั ไวจ้ ะซมึ เขา้ ไปสะสมในดนิ ทำ� ให้ ความชุ่มช้ืนแผ่ขยายออกไปสองข้าง ต่อไปจะสามารถปลูกพันธุ์ไม้ ทอ้ งถิน่ พนั ธุไ์ ม้โตเรว็ และพนั ธุ์ไมไ้ มท่ ิ้งใบ เพือ่ ฟนื้ ฟูพื้นท่ตี ้นนำ�้ ล�ำธาร ให้มสี ภาพเขียวชอ่มุ ข้นึ เปน็ ล�ำดับ” ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๓๒ 212

“ควรศกึ ษาวจิ ยั อยา่ งจรงิ จงั เรอื่ งการลดการสญู เสยี ความชน้ื จาก พนื้ ปา่ ตน้ นำ�้ ลำ� ธารทมี่ เี ปา้ หมายจะฟน้ื ฟสู ภาพซง่ึ จำ� เปน็ จะตอ้ งศกึ ษา หลายๆ ด้านควบคู่กันกล่าวคือ ทดลองว่าต้นไม้โตเร็วชนิดใดบ้างท่ี สามารถใช้ปลูกแซมในป่าเป้าหมายเพื่อดึงความชื้นจากอากาศแล้ว สามารถ แลว้ สามารถกนั ความชน้ื นนั้ ใหร้ ะเหยกลบั คนื ไปในอากาศใน อัตราต่�ำสุด ท้ังนี้ รวมทั้งไม้ยืนต้นที่มีทรงพุ่มสูง ส�ำหรับสกัดกั้น ความชื้นระเหยขึ้นมาจากพื้นล่างไว้ให้มากท่ีสุดกับพืชคลุมดิน ชนดิ ต่างๆ ที่ทำ� หนา้ ท่กี นั ความชนื้ ไมใ่ หร้ ะเหยข้นึ ส่เู บ้อื งสงู ประการ ส�ำคัญต้องพิจารณาปลูกพันธุ์ไม้ป่า ท้องถิ่น เช่น ไม้เนื้อแข็งเสริม เพอื่ อนรุ กั ษส์ ภาพแวดลอ้ มดง้ั เดมิ ของปา่ แถบนี้ นอกจากนนั้ ยงั จำ� เปน็ ต้องวิจัยชนิดของดินชุดต่างๆ ในบริเวณศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ เกี่ยวกับทฤษฎีการชะลอการระเหยของน้�ำจากผิวดินไม่ให้สูญเสียไป ในอัตราสูงโดยไร้ประโยชนส์ �ำหรับบริเวณแหลง่ นำ้� ชลประทาน กต็ ้อง ทดสอบการควบคุมความชื้นของพื้นที่และการเพิ่มพูนความชื้น โดยแบ่งเป็นสองบริเวณ คือ บริเวณอ่างเก็บน้�ำขนาดเล็กฝายทดน�้ำ และฝายเกบ็ กกั นำ้� ตน้ นำ�้ ลำ� ธารใหร้ บั นำ�้ ธรรมชาตคิ อื นำ�้ ฝนกบั นำ�้ คา้ ง โดยไมเ่ สรมิ นำ้� ชลประทานใหส้ ว่ นเขตรบั นำ�้ จากอา่ งเกบ็ นำ้� หว้ ยฮอ่ งไคร้ จึงจะเสริมปริมาณน้�ำไปเติมใส่อ่างเก็บน้�ำขนาดเล็กเพ่ือสามารถ กระจายความชุม่ ชน้ื อย่างกวา้ งขวางและทั่วถงึ ท้งั นี้ เพ่อื ใหเ้ กดิ การ เปรียบเทียบระหว่างการฟื้นฟูสภาพป่าไม้โดยใช้น้�ำธรรมชาติกับ การเรง่ รดั ด้วยการเสรมิ นำ้� จากโครงการชลประทาน” ๑๔ มนี าคม ๒๕๓๒ 213

“ในเขตศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายเขาเสวยกะปินับว่าเป็น ภูเขาท่ีมีระดับค่อนข้างสูง จึงสมควรพัฒนาให้ท�ำหน้าท่ีเป็น “แหลง่ กำ� เนิดนำ�้ ” กลา่ วคือ สามารถดงึ ดูดลมฝนทีพ่ ัดผา่ นมาใหก้ ล่นั ตัวเป็นฝนตกลงในบริเวณเขาเสวยกะปิ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มเตมิ ปรมิ าณนำ�้ ลงในอา่ งเกบ็ นำ้� หว้ ยตะแปดทต่ี ง้ั อยเู่ ชงิ เขาเสวยกะปิ ส่วน เปา้ หมายการดำ� เนนิ การนน้ั จะตอ้ งพยายามสบู นำ�้ ขนึ้ ไปทลี ะชน้ั จนถงึ ระดับสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยพิจารณาใช้เครื่องสูบน�้ำพลังงาน ธรรมชาติ เช่น พลงั งานแสงอาทิตยก์ ับพลงั งานลม ซง่ึ มีใชง้ านอยูแ่ ล้ว ทงั้ นเ้ี พอ่ื จะได้ไมต่ อ้ งสน้ิ เปลอื งเชอื้ เพลงิ เมอื่ น�ำนำ�้ ขนึ้ ไปพกั ณ ระดบั สงู สดุ ไดแ้ ลว้ จะสามารถปลอ่ ยนำ�้ ใหค้ อ่ ยๆ ไหลซมึ ลงมาเพอ่ื ชว่ ยเรง่ รดั การปลูกป่าที่มีท้ังพันธุ์ไม้ท้องถิ่นกับพันธุ์ไม้โตเร็วนอกจากนั้นยังจะ แปรสภาพโครงการภเู ขาปา่ ใหเ้ ปน็ ปา่ เปยี ก ซงึ่ สามารถปอ้ งกนั ไฟปา่ ได้ อกี ดว้ ย” ๒๖ มถิ นุ ายน ๒๕๓๒ “นักวิชาการป่าไม้ ควรวิจัยว่าพันธุ์ไม้ชนิดใดบ้างท่ีสามารถคาย ออกซิเจนจากขบวนการสังเคราะห์แสงเป็นอัตราสูงจะไดพ้ จิ ารณาใช้ พนั ธไ์ุ มด้ งั กลา่ วในกจิ การปลกู ปา่ ทดแทนในอนาคตอันจะมีผลให้คง ความสมดุลของปริมาณก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ในบรรยากาศ เนื่องจากปัจจุบัน มีปัจจัยหลายประการท่ีก่อให้เกิด ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ใน บรรยากาศมากเกนิ ไป” 214

“การก�ำหนดเขตว่าตรงไหนเป็นต้นน้�ำล�ำธารตรงไหนอาจไม่ใช่ เปน็ ตน้ นำ้� ลำ� ธารนน้ั กไ็ มใ่ ชง่ า่ ยอยา่ งนเี้ สมอ เพราะทเ่ี สนอบอกวา่ ควร ก�ำหนดเขตว่าตรงไหนควรเป็นต้นน้�ำล�ำธารตรงไหนเป็นที่ส�ำหรับ ทำ� การเพาะปลกู ตรงไหนพนื้ ทส่ี ำ� หรบั การเพาะปลกู ปา่ ไม้ เรอื่ งนเ้ี ปน็ เรอื่ งละเอยี ดไม่ใช่ขีดบนแผนทไี่ ด้วา่ สว่ นไหนเปน็ ต้นนำ�้ ส่วนไหนเป็น ปา่ ไม้ สว่ นไหนเปน็ ทส่ี �ำหรบั ทำ� การเพาะปลกู เพอื่ ทำ� กนิ เพราะวา่ บาง ที่ก็ปะปนกันบางแห่งเป็นต้นน้�ำจริง แต่ว่าก็ต้องปลูกต้นไม้ ต้นไม้ เหล่าน้ันต้นไม้อย่างกรมป่าไม้ตั้งใจ เพราะว่าทางกรมป่าไม้ก็มีความ คดิ หรอื ทำ� ใหค้ นคดิ ทำ� ใหค้ นขอ้ งใจวา่ ปา่ ในนนั้ คอื ตน้ ไมย้ นื ตน้ ทไ่ี มม่ ี ประโยชน์อะไรเลย มีประโยชน์แต่ที่จะยืดดินและได้ช่ือว่าเป็นป่า แต่ป่าไม้ท่ีจะปลูกนั้นสมควรที่จะปลูกแบบป่าส�ำหรับใช้ไม้หนึ่งป่า สำ� หรบั ใช้ผลหนึ่ง ป่าสำ� หรบั ใช้เป็นฟนื อย่างหนึ่ง” ๗ มกราคม ๒๕๒๓ 215

“จะเปน็ สวนผลไมก้ ต็ าม หรอื เปน็ สวนไมฟ้ นื กต็ าม นนั่ แหละเปน็ ป่าท่ีถูกต้องเพราะท�ำหน้าท่ีเป็นป่า คือเป็นต้นไม้และท�ำหน้าที่เป็น ทรัพยากรในด้านสำ� หรบั เป็นผลทม่ี าเปน็ ประโยชนแ์ ก่ประชาชนได้” ๗ มกราคม ๒๕๒๓ 216

“พดู กนั วา่ ถา้ หากไปทำ� โครงการไฟฟา้ พลงั งานนำ้� กจ็ ะไปทำ� ลายปา่ ท�ำใหเ้ สียหายกับเรื่องของส่ิงแวดลอ้ มต่างๆ ผ้ทู ีอ่ นรุ กั ษส์ ่งิ แวดลอ้ มก็ พูดอย่างน้ัน อันน้ีเป็นความจริง ถ้าไปท�ำลายป่าแล้ว สิ่งท่ีตามก็คือ สนามกอลฟ์ หรอื การทอ่ งเท่ียว หรอื การลักลอบตดั ปา่ เปน็ ตน้ ดงั นี้ ขอ้ เสยี มนั เพมิ่ ขน้ึ ไดจ้ รงิ แตว่ า่ ถา้ หากไปทำ� ในทท่ี เ่ี หมาะสม คำ� นวณไดว้ า่ ผลเสยี ในการตดั ไมส้ ว่ นหนงึ่ จะคมุ้ กบั ผลได้ คอื เชน่ ทบ่ี อกวา่ ตดั ตน้ ไมน้ นั้ ท�ำให้คาร์บอนข้ึนไปในอากาศเป็นจ�ำนวนเท่านั้นๆ ท�ำให้เกิดความ ระเหยของนำ้� เทา่ นน้ั ๆ เรากจ็ ะตอ้ งมาเลอื กดวู า่ จะรกั ษาปา่ ไว้ หรอื จะ ตอ้ งการใช้พลงั งานไฟฟา้ เพ่ิมขึ้น เม่ือใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มข้ึน เราจะต้องใช้อย่างหน่ึงอย่างใด อย่างมีผู้เสนอให้ไปซ้ือถ่านหินจากออสเตรเลีย มาสร้างโรงไฟฟ้าใช้ ไอน้�ำ คือใช้ถ่านหินมาเผาเพ่ือท่ีจะท�ำความร้อนและขับเทอร์ไบน์ให้ เป็นไฟฟ้า ค�ำนวณดูที่เราจะต้องซ้ือถ่านหินจากประเทศออสเตรเลีย มาก็เสียเงินทองเท่าไหร่ มาเผาแลว้ จะออกมาเปน็ คาร์บอน เวลามา เผาสำ� หรับหมุนกงั หนั จะตอ้ งเกดิ คารบ์ อนขนึ้ ไปเท่าไหร่ เปรียบเทียบ กบั ทจี่ ะเสยี พลงั การกำ� จดั คารบ์ อนจากตน้ ไมส้ กั ๓-๔ ตน้ นนั่ นะ่ มนั คมุ้ หรือเปล่า ถ้าท�ำไฟฟ้าด้วยพลังน้�ำที่ไม่ต้องตัดต้นไม้ เพียงแต่ตัดต้น หญ้ากค็ งไมเ่ สยี หาย” ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๒ 217

218

“การพัฒนาป่าไม้ให้ได้ผลสมบูรณ์เต็มที่ จะต้องพัฒนาบุคคลท่ี อาศยั ในพน้ื ทีพ่ รอ้ มกนั ไปด้วย คือต้องท�ำใหช้ ุมชนดังกล่าว สามารถ อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาได้อย่างกลมกลืน โดยยกฐานะความเป็นอยู่ ใหด้ ขี น้ึ ดว้ ย การจา้ งแรงงานในดา้ นการเพาะกลา้ ปลกู ปา่ ทดแทน ดแู ล รักษาปา่ ไมซ้ ง่ึ เปน็ ของสว่ นรวม” ๒๑ มนี าคม ๒๕๓๖ 219

“เร่ืองต้นไม้ขึ้นเอง มีอีกแห่งหน่ึงท่ีท่านทั้งหลายก็ควรจะไปได้ เพราะไปง่าย คอื โครงการเขาชะงุ้ม ทจ่ี งั หวดั ราชบุรี ท่ีตรงนั้นอยูใ่ กล้ ภูเขาเป็นทีท่ ่ีป่าเสียไป เป็นทีท่ ีป่ า่ เสอื่ มโทรม ทเี่ รียกวา่ ป่าเสือ่ มโทรม เพราะมันไม่มีต้นไม้ ไม่มีช้ินดี เร่ิมท�ำโครงการน้ันมาประมาณ ๗ ปี เหมอื นกนั ไปดูเมอ่ื สัก ๒ ปี หลังจากทิง้ ป่าน้นั ไว้ ๕ ปี ตรงนนั้ ไมไ่ ด้ ท�ำอะไรเลย แต่ป่าเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไป ปลกู สักต้นเดียว คอื การปลูกปา่ นสี้ �ำคญั อย่ทู ่ปี ลอ่ ยใหเ้ ขาขึน้ ได้ คือ อยา่ ไปตอแยต้นไม้ อย่าไปรังแกต้นไม้ เพยี งแตว่ ่าคุม้ ครองเขาหนอ่ ย เขาขึ้นเอง” ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๗ 220

“ถา้ พดู เรอ่ื งปลกู ปา่ นจ้ี ะยดื ยาวมาก ไมม่ สี นิ้ สดุ แตจ่ ะตอ้ งอธบิ าย อย่างน้วี า่ ถา้ ได้เลอื กท่ีทเ่ี หมาะสมแลว้ กท็ ิง้ ใหอ้ ยูอ่ ยา่ งน้นั โดยไม่ไป รังแกป่า ต้นไมก้ จ็ ะขึ้นเอง” ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๗ 221

“ควรพิจารณาก่อสร้างฝายต้นน้�ำล�ำธารตามร่องน�้ำสายต่างๆ ทางด้านเหนือของอ่างเก็บน้�ำห้วยโจ้ เพื่อเก็บกักน้�ำเอาไว้เพ่ิมความ ชุ่มชื้นให้แก่ป่า ท�ำให้ป่าเกิดความสมบูรณ์ขึ้น อีกท้ังควรพิจารณา ด�ำเนนิ การโครงการทฤษฎใี หม่หรอื โครงการพัฒนาพนื้ ทเ่ี กษตรน�้ำฝน ตามรูปแบบท่ีด�ำเนินการที่วัดมงคลชัยพัฒนา อ�ำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ในพื้นท่ีท้ายอ่างเก็บน�้ำห้วยโจ้ เพื่อช่วยให้ราษฎรมี แหลง่ นำ�้ ของตนเองใชใ้ นการเพาะปลกู และเลย้ี งสตั ว์ ทง้ั นรี้ าษฎรจะได้ รับน�้ำเพ่ิมเติมจากอ่างเก็บน�้ำห้วยโจ้เป็นคร้ังคราวตามความจ�ำเป็น การนี้จะสามารถช่วยเหลือพื้นที่ท�ำการเกษตรของราษฎรในบริเวณ ดงั กลา่ วไดเ้ พม่ิ มากขน้ึ สว่ นในบรเิ วณพน้ื ทโ่ี ครงการซง่ึ หนา้ ดนิ ไมม่ พี ชื ขน้ึ ปกคลมุ ทำ� ใหเ้ กดิ ปัญหาผิวหนา้ ดนิ ถกู นำ�้ ชะลา้ งกัดเซาะเปน็ ผลให้ เกิดสภาพดนิ เส่ือม ควรปลกู หญ้าแฝกเพือ่ แก้ไขปญั หานี้” กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๓๘ 222

พระราชด�ำริ ดา้ นการจดั ใช้ทรพั ยากรดนิ 223

“การจัดเตรยี มดนิ สำ� หรบั เพาะปลูกตามพื้นที่ลาดชนั จะต้องเก็บรกั ษาผวิ ดินเดิมซง่ึ มคี วามอดุ มสมบูรณ์ไว้ และต้องปลกู หญ้าหรอื พืชอื่นยดึ ผิวดินไวไ้ มใ่ ห้ถูกฝนหรือ กระแสน้ำ� ชะลา้ งได้ เพราะหากผิวดินถกู ชะลา้ งท�ำลายเสยี แลว้ กจ็ ะท�ำการเพาะปลูกไม่ได้ผล เน่อื งจากดนิ จะจืดและเสื่อมคณุ ภาพ” ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ 224

“การวางผังหมู่บ้านน้ันต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยไม่ควรมา จัดตงั้ ในบรเิ วณพน้ื ท่ีทีส่ ามารถท�ำการเพาะปลกู ได้เพราะจะท�ำให้เสยี ทที่ ำ� กนิ ไปโดยเปลา่ ประโยชนส์ งิ่ ทตี่ อ้ งระมดั ระวงั อกี ประการหนง่ึ กค็ อื การปรบั พนื้ ทจ่ี ะตอ้ งนำ� ดนิ ไปเกบ็ รกั ษาไว้ เพอ่ื ใชเ้ กลย่ี ทบั พน้ื ทท่ี จ่ี ะใช้ เพาะปลูกอีกครั้งหน่ึง ท้ังน้ีดินก็จะคงความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม และจะท�ำใหป้ ระหยัด” ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๒๑ 225

“ควรปรบั พนื้ ทขี่ อบอา่ งเก็บน�้ำเพ่อื การเพาะปลูก ในแปลงลักษณะขน้ั บนั ได ซงึ่ จะปอ้ งกันไม่ใหน้ ำ้� ในฤดูฝน สามารถไหลชะหน้าดนิ พังทลาย อกี ท้งั ควรมีการปลกู ต้นไม้ผล และตน้ ไมฟ้ ืน ตลอดจนพชื คลุมดนิ เพ่ือเกบ็ รกั ษาความชมุ่ ชื้น ในดิน และเพ่ือเป็นประโยชน์ตอ่ การใชส้ อยของราษฎร” ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ 226

“ราษฎรนา่ จะหมนุ เวียนการปลูกพชื ประเภทถวั่ สลบั กบั การปลูกขา้ ว เพ่อื การบ�ำรงุ ดิน และการใชเ้ นื้อที่ดนิ สำ� หรบั การท�ำมาหาเล้ยี งชพี ให้เป็นประโยชน์ตลอดปี” ๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๑ 227

“การทำ� โครงการปลูกสร้างสวนปา่ นนั้ นา่ จะพจิ ารณาสงวนพ้นื ท่เี หมาะสมไว้สำ� หรบั เป็น แปลงเพาะปลกู บ้าง ทั้งนแ้ี มก้ ระทัง่ พน้ื ทีท่ ี่ลาดชัน ตามไหล่เขา กอ็ าจท�ำเปน็ ลักษณะขัน้ บันได เพือ่ ท�ำ เป็นทีท่ �ำกนิ ของราษฎร เชน่ ใชป้ ลกู ข้าวไร่ไดเ้ ชน่ กัน ส�ำหรบั ราษฎรที่มาช่วยงานปลกู ปา่ ทดแทน จะไดส้ ามารถเข้าทำ� กินและอยูอ่ าศัยเปน็ หลักแหล่ง ไม่ตอ้ งบกุ รกุ เขตสงวน เพือ่ ไปเปิดท่ที �ำกินใหม่อีกตอ่ ไป” ๑๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๒ 228

“ควรส�ำรวจหาทดี่ นิ สาธารณะทเ่ี หมาะสม สำ� หรับพฒั นาเป็นทุ่งหญา้ เลย้ี งปศสุ ัตวร์ วมของ ราษฎรใหเ้ ปน็ สตั ว์เป็นส่วนในรปู แบบสหกรณ์ เพื่อฝกึ ใหร้ าษฎรรู้จกั ดูแลรักษาสัตว์เล้ียงใหถ้ กู ต้อง ตามหลักวชิ าสัตวบาลอยา่ งงา่ ยๆ โดยเจา้ หน้าที่ กรมปศสุ ตั วช์ ่วยสง่ เสริมเท่าทจ่ี �ำเป็น ส่วนท่ีดนิ ซงึ่ แมจ้ ะมีลักษณะแห้งแล้งกค็ วรค�ำนงึ ถึงโครงสร้าง ของผิวดนิ ก่อนท�ำการบุกเบิกเปน็ ท่งุ หญ้าเลยี้ งสตั ว์ เพ่อื จักได้ไม่เป็นการทำ� ลายคุณภาพดนิ ใหเ้ ลวลงไปอีก จนใชป้ ระโยชน์ไม่ไดเ้ สยี เลย” ๑๑ กันยายน ๒๕๒๒ 229

“ให้จัดสรรที่ดินเพาะปลูกในลักษณะแบ่งแปลงเพาะปลูกให้มี แปลงรวมของหมู่บ้านควบคู่กันไปกับแปลงส่วนตัว เพื่อสมาชิกนิคม สร้างตนเองฯ จะได้ร้จู ักท�ำงานรว่ มกนั ในลกั ษณะกลุม่ สหกรณ์ ซ่ึงจะ สามารถวางแผนปลูกพืชเศรษฐกิจได้ตามฤดูกาล อีกท้ังสามารถใช้ รายไดจ้ ากการขายผลผลติ ในแปลงสว่ นรวม เปน็ เงนิ สวสั ดกิ ารสำ� หรบั หมู่บา้ นหรือนำ� ผลผลิตสว่ นรวม เชน่ ข้าวสารเขา้ เก็บไวใ้ นธนาคารข้าว เพื่อสมาชิกนิคมสร้างตนเองฯ จักได้มีข้าวสารส�ำรองไว้บริโภค เมือ่ จ�ำเป็น ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๒๓ 230

“ใหม้ ีการปลูกพชื ถว่ั หมุนเวยี น ตามนาขัน้ บนั ไดสลบั กับการปลกู ข้าว เพือ่ บำ� รงุ ดิน” ๑๖ มกราคม ๒๕๒๔ 231

“โครงการสง่ เสรมิ การผลติ กา๊ ซชวี ภาพเปน็ โครงการอเนกประสงค์ เพราะนอกจากจะทำ� ใหม้ ถี งั ขนาดใหญส่ ำ� หรบั ใสส่ งิ่ ปฏกิ ลู อยา่ งมดิ ชดิ ซึ่งเป็นการถูกสุขลักษณะแล้วยังท�ำให้ราษฎรมีเชื้อเพลิงส�ำหรับใช้ หงุ ตม้ โดยไมต่ อ้ งคา่ ใชจ้ า่ ยเพม่ิ ขน้ึ แมจ้ ะมปี รมิ าณไมม่ ากนกั แตก่ เ็ พยี ง พอสำ� หรบั ครอบครวั เกษตรกร นอกจากนน้ั กากสง่ิ ปฏิกลู ทีป่ ราศจาก ก๊าซแล้ว เมื่อน�ำเศษหญ้าหมักรวมด้วยสักระยะหน่ึง ก็จะแปรสภาพ เปน็ ปยุ๋ ทม่ี คี ณุ สมบตั ใิ นการบำ� รงุ ดนิ เปน็ อยา่ งดี และไดผ้ า่ นการพสิ จู น์ แลว้ วา่ เป็นมวลสารทีป่ ลอดเชือ้ โรคโดยส้นิ เชงิ ” ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๒๔ 232

“ปรบั ปรงุ ท่ีดินท่ีราษฎรท�ำกินอยใู่ หด้ ีขน้ึ โดยไม่ตอ้ งบกุ รกุ ทใี่ หม่ ใหส้ ามารถทำ� นาไดท้ ุกๆ ปี และใหม้ กี ารปลูกป่าโดยใชไ้ ม้พนั ธใ์ุ นท้องถิ่น เพื่อใหส้ ามารถทนทานตอ่ สภาพภูมิอากาศไดเ้ ป็นอยา่ งด”ี ๒๕ สงิ หาคม ๒๕๒๔ 233

“ให้จัดต้งั เป็นศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาตามพระราชดำ� ริ ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื โดยมวี ัตถุประสงค์เพื่อให้เปน็ ศูนย์ศกึ ษาและทดลองงานพฒั นาการเกษตรต่างๆ ตาม ความเหมาะสม ส�ำหรบั เปน็ ตวั อย่างแกเ่ กษตรกรในการ น�ำไปปฏบิ ตั ิในพื้นทขี่ องตน ตลอดจนเพอ่ื ดำ� เนนิ กจิ การ ดา้ นเกษตรอตุ สาหกรรมโดยเฉพาะส่งเสริมการปลกู พืชตะกูลถั่วส�ำหรับแปรรปู เปน็ สินคา้ อุตสาหกรรม” ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๖ 234

“เม่ือมีพื้นท่ีส�ำหรับท�ำนิคมสร้างตนเองฯ แล้ว ก่อนอ่ืนจะต้อง พิจารณาวางแผนการจัดรูปท่ีดินในแผนท่ีเสียก่อน กล่าวคือก�ำหนด บรเิ วณทอ่ี ยอู่ าศยั ของสมาชกิ ฯ รวมกนั โดยจดั พนื้ ทที่ ำ� กนิ ใหอ้ ยบู่ รเิ วณ รอบทอี่ ย่อู าศยั ท้ังน้ี เพ่อื เหตผุ ลในดา้ นความปลอดภยั สำ� หรับพ้นื ที่ ปา่ ไมเ้ ดมิ จำ� เปน็ จะตอ้ งสงวนไวอ้ ยา่ งจรงิ จงั เพอ่ื เปน็ การอนรุ กั ษค์ วาม สมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ ซ่ึงได้แก่ บริเวณต้นน�้ำล�ำธารสัตว์ป่า และพชื ทมี่ คี ณุ คา่ ทางเศรษฐกจิ ตลอดจนชว่ ยปอ้ งกนั การทำ� ลายความ สมบรู ณข์ องทดี่ นิ จากการกดั เซาะหนา้ ดนิ ในขณะเดยี วกนั กต็ อ้ งเตรยี ม ส�ำรวจหาท�ำเลสร้างฝายเก็บกักน�้ำตามร่องน้�ำเพื่อรักษาความชุ่มช้ืน ของป่า และท�ำให้มีระบบชลประทานท่ีสมบูรณ์ในบริเวณพ้ืนที่ เพาะปลูก” ๑๔ กนั ยายน ๒๕๒๗ 235

“ขณะนี้บางพื้นท่ีราษฎรก�ำลังประสบปัญหาเร่ืองที่ดินท�ำกิน กลายสภาพเป็นดินเปร้ียวในลักษณะต่างๆ ไม่สามารถท�ำการ เพาะปลูกได้ทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาจึงควรก�ำหนดพื้นที่ใน เขตศูนย์ฯ ที่มีสภาพคล้ายคลึงกับท่ีดินท่ีมีปัญหาแต่ละแห่ง แล้วสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกับพ้ืนที่จริงท่ีสุด โดยใช้วิชาการ เข้าช่วยทั้งน้ีเพื่อศึกษาว่าพื้นที่ท่ีมีปัญหานั้นค่อยๆ เสื่อมสภาพลง ในรปู ใด ใชเ้ วลาเทา่ ใดในแตล่ ะขน้ั ตอน จากนนั้ จงึ จะศกึ ษาวธิ กี ารแกไ้ ข และฟน้ื ฟคู วามสมบรู ณข์ องดนิ ทมี่ ปี ญั หาเทา่ ทจ่ี ะทำ� ได้ แลว้ จงึ เผยแพร่ ความรู้ใหเ้ กษตรเข้าใจตอ่ ไป” ๑๖ กันยายน ๒๕๒๗ 236

“การปลูกป่าเสริมในพ้ืนท่ีเหนือแปลงขยายพันธุ์ไม้ผลและ พืชชนิดอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างลาดชันน้ัน ควรวิจัยหาพันธุ์ไม้ ประเภทที่ อาจจะสามารถผลติ ปยุ๋ ทเ่ี ปน็ ประโยชนก์ บั หนา้ ดนิ ในบรเิ วณ แปลงทดลอง ซง่ึ อยใู่ นระดบั ตำ�่ ลงไปนอกจากนนั้ ตอ้ งหาวธิ นี ำ� ตะกอน ทคี่ า้ งอยตู่ ามตวั ฝายตน้ นำ�้ ลำ� ธารตา่ งๆ ทส่ี รา้ งไวส้ ำ� หรบั รกั ษาความชมุ่ ชนื้ มาใชเ้ ปน็ ปยุ๋ บำ� รงุ ความสมบรู ณข์ องดนิ ในบรเิ วณทใ่ี ชเ้ ปน็ แหลง่ รวบรวม พนั ธท์ุ ดสอบและขยายพนั ธุ์พชื ชนดิ ต่างๆ ของสถานีขุนห้วยแห้ง” ๑๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๓๐ 237

238

“เนื่องจากพ้ืนท่ีดินบริเวณบ้านโคกกูแวกับหมู่บ้านใกล้เคียง มีสภาพเป็นดินเปร้ียวไม่สามารถท�ำการเพาะปลูกได้ โดยเฉพาะ อยา่ งยิ่งการปลกู ขา้ วเพือ่ บริโภค จึงต้องพิจารณาวางแนวขุดคลองนำ� น้�ำจืดจากคลองมูโนะไปเติมลงในคลองโคกกระท่อมพร้อมกับสร้าง อาคารบังคับน�้ำ เพื่อเก็บกักน้�ำไว้และทดน�้ำให้มีระดับสูงเพ่ือให้ไหล เขา้ ไปชะลา้ งหนา้ ดนิ ทม่ี สี ภาพเปน็ ดนิ เปรยี้ วจนสามารถเพาะปลกู ได”้ ๒๘ กันยายน ๒๕๒๙ 239

“ขอกล่าวว่า ดินที่ไหนไม่ดีนั้นไม่ค่อยเป็นห่วง เพราะดินนั้น พัฒนาข้ึนมาโดยไม่ยากนักดินจะเค็มจะเปร้ียว จะจืดอะไรก็ตาม สามารถท่ีจะท�ำให้ดีข้ึนได้ภายในไม่ก่ีปี โดยใช้เทคนิคแบบโบราณๆ ไม่ใช่สมัยใหม่แบบโบราณคือ ใช้ปุ๋ยหมักหรือใช้ตะกอนท่ีลงมาตาม ล�ำห้วย โดยท่ีได้ท�ำเป็นอ่างเก็บน้�ำมาพัฒนาดิน และรักษาดินไม่ให้ ไหลลงไปท�ำให้เกิดการสกึ หรอ erosion ไป อันนี้เปน็ วธิ ีที่งา่ ย” ๗ มกราคม ๒๕๒๓ 240

“ความจริง พัฒนาท่ีดินนั้นค�ำน้ีก็หมายความว่าท�ำให้ดินดีขึ้น ไมใ่ ช่ดูวา่ ดินเด๋ียวนี้เป็นอยา่ งไร แต่ว่าพัฒนาใหด้ ขี น้ึ ซึง่ ทำ� ได้แน่นอน บางประเทศเป็นหนิ แทๆ้ เขายงั พฒั นาขึน้ มาใหเ้ ป็นสวนได”้ ๗ มกราคม ๒๕๒๓ 241

ทรัพทยรางกเปรธน็ รบริดมาชแาหต่งิแกลาะรสอ่ิงนแรุ วกั ดษล์ อ้ ม พมิ พค์ รงั้ แรก ธนั วาคม ๒๕๓๔ พมิ พ์ครงั้ ที่สอง (ฉบบั แกไ้ ขเพมิ่ เติม) กรกฎาคม ๒๕๔๗ พิมพ์ครั้งทส่ี าม ธันวาคม ๒๕๕๙ ท่ีปรกึ ษ า จ�ำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม พลเอก สรุ ศักด ์ิ กาญจนรัตน ์ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม นายสากล ฐินะกลุ อธิบดีกรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม นางสุวรรณา เตียรถส์ ุวรรณ รองอธบิ ดกี รมสง่ เสริมคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม นายสรุ ชยั อจลบุญ รองอธิบดีกรมสง่ เสริมคุณภาพส่งิ วดลอ้ ม นายบรรพต อมราภิบาล บ รร ณา ธิการ ผ้อู �ำนวยการกองส่งเสรมิ และเผยแพร่ นงพงา สุขวนชิ ภาพ พระราชทาน จ ัด พมิ พ์โดย ฝ่ายประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่ กรมชลประทาน กรมสง่ เสรมิ คุณภาพสง่ิ แวดล้อม กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ๔๙ พระราม ๖ ซอย ๓๐ ถนนพระราม ๖ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๙๘ ๕๖๐๘ โทรสาร ๐ ๒๒๙๘ ๕๘๖๐ www.deqp.go.th 242