พเิ ศษ 1
คำนำ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ไดป้ ระกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้สถานศึกษา นำไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วางแผนการจัดการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมการ เรยี นรเู้ พื่อพัฒนาผเู้ รียนใหม้ ีความรูค้ วามสามารถ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามเป้าหมายของหลกั สูตร ตลอดจน ให้เกดิ ผลสำเรจ็ ตามเจตนารมณข์ องการปฏิรูปการศึกษา ดงั นั้น ขั้นตอนการนำหลักสูตรสถานศึกษาไปปฏบิ ตั ิจรงิ ในชั้น เรียนของครผู สู้ อน จึงจัดเปน็ หวั ใจสำคญั ในการพัฒนาผู้เรียน บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด ได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร์ และ อวกาศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เล่ม 1 ขึ้น เพื่อใหค้ รูผู้สอนใชเ้ ป็นแนวทางวางแผนจัดการเรยี นรแู้ กผ่ ้เู รียน โดยจัดทำเป็น หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการออกแบบย้อนกลับ (Backward Design) ตลอดจนเน้นกิจกรรมแบบ Active Learning อันจะช่วยให้ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการ ประเมินคณุ ภาพการศึกษา สามารถมนั่ ใจในผลการเรยี นรู้และคุณภาพของผู้เรยี นทมี่ ีหลักฐานตรวจสอบผลการเรียนรู้ อยา่ งเป็นระบบ ผู้สอนสามารถนำแผนการจดั การเรยี นรเู้ ลม่ น้ี ไปเป็นแนวทางวางแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรปู้ ระกอบการใช้ หนังสอื เรียน รายวิชาเพิม่ เติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 1 ทท่ี างบรษิ ทั จัดพิมพจ์ ำหน่าย โดยท้งั นก้ี ารออกแบบการเรียนรู้ (Instructional Design) ไดด้ ำเนินการตามกระบวนการ ดังนี้ ผู้สอนสามารถนำแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ไปเป็นแนวทางวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบการใช้ หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 1 ที่ทางบริษัทจัดพิมพ์จำหน่าย ท้ังนก้ี ารออกแบบการเรียนรู้ (Instructional Design) ไดด้ ำเนนิ การตามกระบวนการ ดังน้ี 1 หลกั การจัดการเรียนรู้องิ มาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้แต่ละหนว่ ยจะกำหนดผลการเรียนรู้ไว้เป็นเปา้ หมายในการจดั การเรียนการสอน ผู้สอนจะต้อง ศึกษาและวิเคราะห์รายละเอียดของผลการเรียนรู้ทุกข้อว่า ระบุให้ผู้เรียนต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอะไร และต้องสามารถลงมือปฏิบัติอะไรได้บ้าง และผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนจะนำไปสู่การเสริมสร้างสมรรถนะ สำคัญและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ดา้ นใดแก่ผู้เรยี น ผลการเรยี นรู้ ผู้เรยี นร้อู ะไร นำไปสู่ ผูเ้ รยี นทำอะไรได้ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 2 พเิ ศษ 2
หลักการจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ เ่ี นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั เมื่อผู้สอนวิเคราะห์รายละเอียดของผลการเรียนรู้และได้กำหนดเป้าหมายการจัดการเรียนการสอนเรียบร้อย แล้ว จึงกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้และแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้ผูเ้ รียนลงมือปฏิบัตติ ามขั้นตอนของ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่อี อกแบบไวจ้ นบรรลุผลการเรียนรู้ทุกข้อ ผลการเรยี นรู้ เป้าหมาย หลกั การจดั การเรยี นรู้ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน การเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ และการพัฒนา สนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เน้นพฒั นาการทางสมอง ของผเู้ รียน คุณภาพ กระตนุ้ การคดิ เน้นความร้คู คู่ ุณธรรม ของผู้เรยี น 3 หลักการบูรณาการกระบวนการเรียนรสู้ ู่ผลการเรยี นรู้ เมื่อผู้สอนกำหนดขอบข่ายสาระการเรียนรู้ และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไว้แล้ว จึงกำหนด รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรยี นรู้ ที่จะฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ บรรลุผลตามผลการเรียนรู้ โดย เลือกใช้กระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่เป็นเป้าหมายในหน่วยนั้น ๆ เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบ บูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละการแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคิด วิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการทางสังคม ฯลฯ กระบวนการเรียนรู้ที่มอบหมายให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัตินั้น จะตอ้ งนำไปสู่การเสรมิ สร้างสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้ที่กำหนด ไวใ้ นแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ 4 หลกั การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละหน่วย ผู้สอนต้องกำหนดขั้นตอนและวิธี ปฏิบัติใหช้ ดั เจน โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมอื ฝกึ ฝนและฝึกปฏบิ ัติมากทสี่ ดุ ตามแนวคดิ และวิธกี ารสำคญั คอื 1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ที่ผู้เรียนทุกคนต้องใช้สมองในการคิดและทำความเข้าใจ ในสิ่งต่างๆ ร่วมกับการลงมือปฏิบัติ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง และ สามารถนำเสนอผลงาน แสดงองค์ความรูท้ ่เี กิดขน้ึ ในแต่ละหนว่ ยการเรียนร้ไู ด้ พเิ ศษ 3
2) การสอน เป็นการเลือกวิธีการหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ในหน่วยนั้นๆ และที่สำคัญคือ ต้อง เป็นวิธีการที่สอดคล้องกับสภาพผู้เรียน ผู้สอนจึงต้องเลือกใช้วิธีการสอน เทคนิคการสอน และรูปแบบการ สอนอยา่ งหลากหลาย เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเรยี นรู้ได้อย่างราบร่ืนจนบรรลุตวั ชว้ี ัดทุกข้อ 3) รูปแบบการสอน ควรเปน็ วิธีการและขน้ั ตอนฝึกปฏิบตั ิทสี่ ่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถคิดอย่างเป็น ระบบ เช่น รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es) รูปแบบการสอนโดยใช้การคดิ แบบโยนโิ สมนสิการ รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรียนการสอนตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 4MAT รูปแบบ การเรียนการสอนแบบรว่ มมอื เทคนิค JIGSAW, STAD, TAI, TGT 4) วิธีการสอน ควรเลือกใช้วิธีการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาของบทเรียน ความถนัด ความสนใจ และสภาพ ปัญหาของผู้เรียน วิธีสอนที่ดีจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลการเรียนรู้ตามในระดับผลสัมฤทธ์ิที่สูง เช่น วิธีการสอนแบบบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาท สมมติ การใช้ กรณีตัวอย่าง การใช้สถานการณจ์ ำลอง การใชศ้ นู ย์การเรยี น การใช้บทเรยี นแบบโปรแกรม เป็นตน้ 5) เทคนิคการสอน ควรเลือกใช้เทคนิคการสอนที่สอดคล้องกับวิธีการสอน และช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนือ้ หาใน บทเรียนได้ง่ายขึ้น สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่าง มี ประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการใช้ผังกราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการเล่านิทาน การเล่นเกม เทคนิคการใช้คำถาม การใช้ตวั อย่างกระตุ้นความคดิ การใช้ส่ือการเรียนรู้ที่นา่ สนใจ เปน็ ต้น 6) สื่อการเรียนการสอน ควรเลือกใช้สื่อหลากหลายกระตุ้นความสนใจ และทำความกระจ่างให้เนื้อหา สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และเป็นเคร่ืองมือช่วยให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรบู้ รรลุตวั ชี้วัดอย่างราบรื่น เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวีดิทัศน์ แผ่นสไลด์ คอมพิวเตอร์ VCD LCD Visualizer เป็นตน้ ควรเตรยี มส่อื ใหค้ รอบคลมุ ท้ังสือ่ การสอนของครแู ละสื่อการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน 5 หลกั การจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบย้อนกลับตรวจสอบ เมื่อผู้สอนวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้ รวมถึงกำหนดรูปแบบการเรียนการสอนไว้เรียบร้อยแล้ว จึงนำ เทคนิควิธีการสอน วิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ไปลงมือจัดการเรียนการสอน ซึ่งจะนำผู้เรียนไปสูก่ าร สร้างชิ้นงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะสำคัญตามธรรมชาติวิชา รวมทั้งคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่เป็นเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ ตามลำดับขั้นตอนการ เรยี นรู้ท่กี ำหนดไว้ ดังนี้ พิเศษ 4
จากเปา้ หมายและ เป้าหมายการเรยี นรูข้ องหน่วย หลักฐาน คดิ ยอ้ นกลับ หลักฐานชิ้นงาน/ภาระงาน สูจ่ ดุ เริ่มต้น แสดงผลการเรียนรูข้ องหนว่ ย ของกจิ กรรมการเรียนรู้ 4 กิจกรรม คำถามชวนคิด จากกิจกรรมการเรียนรู้ 3 กิจกรรม คำถามชวนคดิ ทลี ะข้ันบนั ได 2 กิจกรรม คำถามชวนคิด สู่หลักฐานและ 1 กิจกรรม คำถามชวนคดิ เป้าหมายการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงแล้ว จะต้อง ฝึกฝนกระบวนการคิดทุกขั้นตอน โดยใช้เทคนิคการตั้งคำถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดับคำถามให้สัมพันธ์กับ เนื้อหาการเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์ นอกจากจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจบทเรียนอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อสอบ O-NET ซึ่งเป็นการทดสอบระดบั ชาตทิ ีเ่ น้นกระบวนการคิดระดับวิเคราะห์ดว้ ย และในแต่ละแผนการเรียนรู้ จึงมีการระบุคำถามเพื่อกระตุ้นความคิดของผู้เรียนไว้ด้วยทุกกิจกรรม ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนวิธีการทำข้อสอบ O-NET ควบคู่ไปกับการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรูต้ ามผลการเรียนรทู้ สี่ ำคญั ทั้งนี้การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลุมกิจกรรมการเรียนรู้ และการ ประเมินผลด้านความรู้ความเข้าใจ (K) ด้านทักษะกระบวนการ (P) และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) ตามผล การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางฯ การศึกษาข้ัน พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 พรอ้ มทั้งออกแบบเคร่ืองมือการวัดและประเมนิ ผล ตลอดจนแบบบนั ทึกผลการเรียนรู้ด้าน ต่างๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกับมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลด้านการคิดวิเคราะห์ ด้านการอ่าน และแสวงหาความรู้ ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถนำไป ประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประกอบการจัดทำรายงานการประเมินตนเอง (Self Assessment Reports) จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า การนำแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ไปเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนจะช่วยพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นตามมาตรฐานการศึกษาและการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาทุก ประการ คณะผู้จดั ทำ พเิ ศษ 5
สารบัญ สรุปหลักสตู รฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ หนา้ ผลการเรียนร้แู ละสาระการเรยี นรเู้ พ่มิ เติม สาระฟิสกิ ส์ คำอธบิ ายรายวชิ า ฟิสกิ ส์ ม.4 เลม่ 1 พิเศษ 1-3 โครงสร้างรายวชิ า ฟสิ ิกส์ ม.4 เล่ม 1 พเิ ศษ 4-7 Pedagogy พิเศษ 8-9 โครงสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 พเิ ศษ 10-12 พิเศษ 13 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การศึกษาวชิ าฟสิ กิ ส์ พเิ ศษ 14-23 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 ธรรมชาตขิ องฟิสกิ ส์ 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 การวัดปริมาณและหน่วยทางฟิสกิ ส์ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เลขนยั สำคัญ 16 26 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การเคลือ่ นทใ่ี นแนวตรง 36 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 ปรมิ าณท่ีเกย่ี วกับการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ 46 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 เครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลา แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 ความเร่ง 61 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 กราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคลื่อนที่แนวตรง 76 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 การเคลื่อนทีข่ องวตั ถุกรณีความเรง่ คงตัว 85 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 วัตถตุ กแบบอิสระดว้ ยความเร่งคงตวั 95 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 ความเร็วสมั พทั ธ์ 106 116 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 แรงและกฎการเคลื่อนท่ี 128 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 แรงและแรงลัพธ์ 118 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 กฎการเคล่ือนทีข่ องนวิ ตัน แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 กฎแรงดงึ ดูดระหวา่ งมวลของนวิ ตนั 153 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 แรงตงั้ ฉากและแรงเสียดทาน 165 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 การประยุกตใ์ ช้กฎการเคลื่อนทข่ี องนวิ ตัน 183 194 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ 207 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 การเคล่อื นทแ่ี บบโพรเจคไทล์ 198 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 การเคล่อื นที่แบบวงกลม 233 253 พเิ ศษ 6
สรปุ หลกั สตู รฯ กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ * มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดสาระการเรียนรู้ 4 สาระ ได้แก่ สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ และสาระท่ี 4 เทคโนโลยี รวมทั้งยังมีสาระเพิ่มเติมอีก 4 สาระ ไดแ้ ก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟสิ กิ ส์ และสาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ องค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้นั้นมี ความสำคัญอย่างยง่ิ ในการวางรากฐานการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละระดบั ชั้นใหม้ ีความตอ่ เนื่องเชื่อมโยงกันต้ังแต่ช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ แกนกลางที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพ้ืนฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิตหรือศกึ ษาต่อได้ โดยจัดเรียงลำดบั ความยากง่ายของเนื้อหาในแต่ละชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ ผู้เรียนพัฒนาความคิด ท้ังความคดิ เป็นเหตุเป็นผล คิดสรา้ งสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แก้ปัญหาอย่าง เปน็ ระบบ ตัดสนิ ใจโดยใชข้ ้อมลู หลากหลายและประจักษ์พยานทต่ี รวจสอบได้ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 น้ี ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้เดียวกัน และระหว่างสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับ คณิตศาสตรด์ ้วย นอกจากน้ี ยังได้ปรบั ปรุงเพ่ือใหม้ ีความทนั สมยั ต่อการเปลี่ยนแปลง และความเจริญก้าวหนา้ ของวิทยาการต่าง ๆ ทดั เทียมกบั นานาชาติ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์ กายภาพ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สาระที่ 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และ ชีวภาพ วทิ ยาศาสตร์ อวกาศ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 - ว 4.2 วิทยาศาสตร์เพิม่ เติม - สาระชวี วทิ ยา - สาระเคมี - สาระฟสิ กิ ส์ - สาระโลก ดาราศาสตร์ * สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ, ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทย, 2560) พิเศษ 7
พเิ ศษ 8
พเิ ศษ 9
ผลการเรียนรู้และสาระการเรยี นรูเ้ พมิ่ เตมิ สาระฟิสิกส์ * สาระฟสิ ิกส์ ชัน้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูเ้ พิม่ เติม ม.4 1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ • ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับสสาร พลังงาน อันตรกิริยา ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการของ ระหว่างสสารกับพลงั งาน และแรงพื้นฐานในธรรมชาติ หลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์ที่มีผลต่อ • การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มาจากการสังเกต การทดลอง และเก็บ การแสวงหาความรู้ใหม่และการพัฒนา รวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ หรือจากการสร้างแบบจำลองทางความคิด เทคโนโลยี เพื่อสรุปเป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ ความรู้เหล่านี้สามารถนำไปใช้อธิบาย ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรอื ทำนายสิง่ ท่อี าจจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต • ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของหลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์เปน็ พนื้ ฐานในการแสวงหาความรู้ใหมเ่ พิม่ เตมิ รวมถึงการพัฒนาและความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีก็มีสว่ นในการคน้ หาความรู้ใหม่ทางวทิ ยาศาสตรด์ ว้ ย 2. วัดและรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟสิ ิกส์ได้ • ความรู้ทางฟสิ ิกส์สว่ นหนึ่งไดจ้ ากการทดลอง ซงึ่ เกย่ี วขอ้ งกับกระบวนการวัด ถกู ต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่ือนใน ปรมิ าณทางฟสิ ิกส์ ซึง่ ประกอบดว้ ยตวั เลข และหน่วยวดั การวัดมาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมท้ัง • ปริมาณทางฟิสิกส์สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรงหรือทางอ้อม แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ หน่วยที่ใช้ในการวัดปริมาณทางวิทยาศาสตร์ คือ ระบบหน่วยระหว่างชาติ และแปลความหมายจากกราฟเสน้ ตรง เรยี กย่อว่า ระบบเอสไอ • ปริมาณทางฟิสิกส์ที่มีค่าน้อยกว่าหรือมากกว่า 1 มาก ๆ นิยมเขียนในรูป ของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือเขียนโดยใช้คำนำหน้าหน่วยของระบบ เอสไอ การเขียนโดยใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็นการเขียนเพื่อแสดง จำนวนเลขนัยสำคญั ทถ่ี ูกต้อง • การทดลองทางฟิสิกส์เกี่ยวกับการวัดปริมาณต่าง ๆ การบันทึกปริมาณที่ได้ จากการวัดด้วยจำนวนเลขนัยสำคัญที่เหมาะสมและค่าความคลาดเคลื่อน การวิเคราะห์และการแปลความหมายจากกราฟ เช่น การหาความชันจาก กราฟเสน้ ตรง จุดตดั แกน พนื้ ท่ใี ตก้ ราฟ เป็นตน้ • การวัดปริมาณต่าง ๆ จะมีความคลาดเคลื่อนเสมอขึ้นอยู่กับเครื่องมือ วิธีการวัด และประสบการณ์ของผ้วู ัด ซ่ึงค่าความคลาดเคล่ือนสามารถแสดง ในการรายงานผลทง้ั ในรูปแบบตวั เลขและกราฟ • การวัดควรเลือกใช้เครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด เช่น การวัด ความยาวของวัตถุที่ต้องการความละเอียดสูง อาจใช้เวอร์เนียร์แคลลิเปิร์ส หรอื ไมโครมิเตอร์ • ฟิสกิ ส์อาศัยคณิตศาสตรเ์ ปน็ เคร่อื งมือในการศกึ ษาคน้ ควา้ และการสอื่ สาร ม.4 พิเศษ 10
ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรเู้ พิ่มเติม 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง • ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ได้แก่ ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง และความเร่ง โดยความเร็วและความเร่งมีทั้งค่าเฉลี่ยและค่าขณะหนึ่ง ของการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวตรงที่มี ซึ่งคิดในช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ ความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้ง แนวตรงด้วยความเรง่ คงตวั มีความสัมพนั ธ์ตามสมการ ทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ v = u + at คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง u+v ∆x = ( 2 ) t ∆x = ut + 1 at2 2 v2 = u2 + 2a∆x • การอธิบายการเคลื่อนท่ีของวัตถุสามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟตำแหน่งกบั เวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรือกราฟความเร่งกับเวลา ความชันของ เส้นกราฟตำแหนง่ กับเวลาเปน็ ความเรว็ ความชันของเส้นกราฟความเรว็ กับ เวลาเป็นความเร่ง และพื้นที่ใต้เส้นกราฟความเร็วกับเวลาเป็นการ กระจัด ในกรณีที่ผู้สังเกตมีความเร็ว ความเร็วของวัตถุที่สังเกตได้เป็น ความเร็วท่ีเทียบกับผสู้ ังเกต • การตกแบบเสรีเป็นตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนที่ในหนึ่งมิติที่มีความเร่ง เทา่ กบั ความเรง่ โนม้ ถว่ งของโลก ม.4 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธ์ของแรง • แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีทั้งขนาดและทิศทางกรณีที่มีแรงหลาย ๆ แรง สองแรงท่ีทำมุมต่อกนั กระทำต่อวัตถุสามารถหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุโดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ ของแรงแบบหางต่อหวั วิธีสรา้ งรูปสีเ่ หลีย่ มดา้ นขนานของแรงและวิธีคำนวณ พเิ ศษ 11
ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เติม 5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุอิสระ • สมบัติของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ เรียกว่า ความเฉื่อย ทดลองและอธิบายกฎการเคลื่อนที่ของนิวตนั มวลเปน็ ปริมาณทีบ่ อกใหท้ ราบว่าวตั ถใุ ดมคี วามเฉอ่ื ยมากหรอื น้อย และการใช้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับ • การหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุสามารถเขียนเป็นแผนภาพของแรงที่กระทำ สภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้งคำนวณ ตอ่ วัตถุอิสระได้ ปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง • กรณีที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ วัตถุจะไม่เปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ซึ่ง เป็นไปตามกฎการเคลอื่ นท่ีข้อทีห่ นึง่ ของนวิ ตัน • กรณีทีม่ ีแรงภายนอกมากระทำโดยแรงลพั ธท์ ก่ี ระทำต่อวัตถุไม่เปน็ ศนู ย์ วัตถุ จะมีความเรง่ โดยความเร่งมที ศิ ทางเดียวกับแรงลัพธ์ ความสัมพันธร์ ะหว่าง แรงลพั ธ์ มวลและความเร่ง เขยี นแทนได้ด้วยสมการ n ∑ F⃑ i = m⃑a i=0 ตามกฎการเคลอ่ื นที่ข้อที่สองของนิวตนั • เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทำต่อกัน แรงระหว่างวัตถุท้ังสองจะมี ขนาดเท่ากัน แต่มีทิศทางตรงข้ามและกระทำต่อวตั ถุคนละก้อน เรียกว่า แรงคู่กิริยา-ปฏิกิริยา ซ่ึงเป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ีข้อที่สามของนิวตัน และเกดิ ขึ้นไดท้ ั้งกรณที ี่วตั ถทุ ง้ั สองสัมผสั กันหรือไมส่ ัมผสั กนั ก็ได้ 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของ • แรงดึงดูดระหว่างมวลเป็นแรงที่มวลสองก้อนดึงดูดซึ่งกันและกันด้วย สนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้ง แรงขนาดเท่ากันแต่ทิศทางตรงข้ามและเป็นไปตามกฎความโน้มถ่วงสากล คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง เขียนแทนไดด้ ว้ ยสมการ FG = G m1m2 R2 • รอบโลกมีสนามโน้มถ่วงทำให้เกิดแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นแรงดึงดูดของโลกที่ กระทำต่อวตั ถุ ทำให้วัตถมุ นี ้ำหนัก 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรงเสียดทาน • แรงที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุสองก้อนในทิศทางตรงข้ามกับทิศทาง ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีท่ี การเคลื่อนที่ หรือแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียกว่า แรงเสียดทาน วัตถุหยุดนิ่งและวัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลอง แรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสคู่หนึ่ง ๆ ขึ้นกับสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน ม.4 หาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่าง และแรงปฏกิ ริ ยิ าตงั้ ฉากระหวา่ งผิวสัมผัสค่นู ั้น ๆ ผิวสมั ผสั ของวตั ถุค่หู น่งึ ๆ และนำความรู้เรือ่ ง • ขณะออกแรงพยายามแต่วัตถุยังคงอยู่นิ่งแรงเสียดทานมีขนาดเท่ากับ แรงเสียดทานไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน แรงพยายามทีก่ ระทำต่อวตั ถนุ ้ัน และแรงเสียดทานมคี า่ มากทสี่ ุดเม่ือวัตถุเร่ิม เคลื่อนที่ เรียกแรงเสียดทานนี้ว่า แรงเสียดทานสถิต แรงเสียดทานที่ กระทำต่อวัตถุขณะกำลังเคลื่อนที่ เรียกว่า แรงเสียดทานจลน์ โดยแรง เสยี ดทานท่เี กิดระหว่างผวิ สมั ผสั ของวัตถคุ ู่หนง่ึ ๆ คำนวณได้จากสมการ fs ≤ μsN fk = μkN • การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่งสามารถ นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั พิเศษ 12
ชนั้ ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรูเ้ พิม่ เติม 16. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่าง ๆ •การเคลื่อนที่แนวโค้งพาราโบลาภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิดแรงต้านของ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ อากาศเป็นการเคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ วัตถมุ กี ารเปล่ียนตำแหน่งในแนวดงิ่ และทดลองการเคล่ือนท่แี บบโพรเจกไทล์ และแนวระดบั พรอ้ มกนั และเปน็ อสิ ระต่อกนั สำหรบั การเคลื่อนที่ในแนวด่ิง เป็นการเคล่ือนที่ท่ีมีแรงโน้มถว่ งกระทำจึงมีความเรว็ ไม่คงตัว ปริมาณต่าง ๆ มีความสัมพนั ธ์ตามสมการ vy = uy + ayt ∆y = (uy+vy) t 2 ∆y = uyt + 1 ayt2 2 vy2 = uy2 + 2ay∆y • ส่วนการเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเรว็ และเวลา มีความสมั พนั ธ์ตามสมการ ∆x = uxt 17. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรง •วัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม เรียกว่า วัตถุนั้นมีการ สู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็ว เชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุใน เคลื่อนที่แบบวงกลม ซึ่งมีแรงลัพธ์ที่กระทำกับวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง การเคลื่อนท่แี บบวงกลมในระนาบระดบั รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียกว่า แรงสู่ศูนย์กลาง ทำให้เกิดความเร่งสู่ศูนย์กลางที่มีขนาดสัมพันธ์กับ และประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบ วงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม รัศมีของการเคลื่อนที่และอัตราเร็วเชิงเส้นของวัตถุ ซึ่งแรงสู่ศูนย์กลาง คำนวณไดจ้ ากสมการ Fc = mv2 r •นอกจากนกี้ ารเคลือ่ นทีแ่ บบวงกลมยงั สามารถอธบิ ายได้ดว้ ยอัตราเรว็ เชิงมุม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับอัตราเร็วเชิงเส้นตามสมการ v = ωr และแรงสู่ ศนู ย์กลางมคี วามสมั พนั ธก์ บั อตั ราเรว็ เชงิ มุมตามสมการ Fc = mω2r •ดาวเทียมท่ีโคจรในแนววงกลมรอบโลกมแี รงดึงดูดที่โลกกระทำต่อดาวเทียม เปน็ แรงสู่ศนู ย์กลาง ดาวเทียมท่โี คจรค้างฟา้ ในระนาบของเส้นศนู ย์สตู รมคี าบ การโคจรเท่ากับคาบการหมุนรอบตัวเองของโลก หรือมีอัตราเร็วเชิงมุม เท่ากับอัตราเร็วเชิงมุมของตำแหน่งบนพื้นโลก ดาวเทียมจึงอยู่ตรงกับ ตำแหนง่ ท่กี ำหนดไวบ้ นพ้ืนโลก * สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ, ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศ ไทย, 2560) พเิ ศษ 13
คำอธบิ ายรายวชิ า รายวิชาเพิ่มเติม ฟสิ ิกส์ เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 80 ชวั่ โมง/ปี ศึกษาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา พัฒนาการของหลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์ การวัดปริมาณ ทางฟิสิกส์ ความคลาดเคลื่อนในการวัด การแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ ความหมายจากกราฟเส้นตรง ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว ความเร่งของการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัว จากกราฟและสมการ ค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก แรงลัพธ์ของแรงสองแรงทีท่ ำมุมตอ่ กัน กฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล การใช้กฎการเคลอื่ นที่ของนิวตนั กับสภาพการเคล่อื นท่ขี องวัตถุ แรงเสียดทานระหว่างผวิ สัมผสั ของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยดุ นิ่งและวัตถุเคลื่อนที่ สัมประสิทธิ์ความเสยี ดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนง่ึ ๆ และนำความรู้เรื่องแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และปริมาณต่าง ๆ ของการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อั ตราเร็ว เชิงมมุ มวลของวตั ถุในการเคล่ือนที่แบบวงกลมในระนาบระดับ การประยุกตใ์ ชค้ วามรูก้ ารเคล่ือนท่แี บบวงกลมในการ อธบิ ายการโคจรของดาวเทียม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วเิ คราะห์ การอธปิ ราย การอธิบายและการสรุปผล เพื่อใหผ้ ้เู รยี นเกิดความรู้ ความคิด และความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่อื สารส่ิงท่ีเรียนรู้และนำ ความรู้ไปใชใ้ นชีวิตตนเอง ตลอดจนมีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมท่ีถูกต้อง ผลการเรยี นรู้ 1. สืบคน้ และอธิบายการค้นหาความร้ทู างฟิสกิ ส์ ประวัติความเป็นมา รวมทง้ั พฒั นาการของหลกั การและแนวคิด ทางฟสิ กิ ส์ทมี่ ผี ลตอ่ การแสวงหาความรู้ใหม่และการพฒั นาเทคโนโลยไี ด้ 2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลื่อนในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจาก กราฟเสน้ ตรงได้ 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการเคลื่อนที่ของ วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กีย่ วข้องได้ 4. ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงทท่ี ำมุมต่อกันได้ 5. เขยี นแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวตั ถุอิสระ ทดลองและอธิบายกฎการเคล่ือนท่ีของนิวตันและการใช้กฎการ เคล่ือนทขี่ องนวิ ตันกับสภาพการเคลอื่ นท่ีของวัตถุ รวมท้งั คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องได้ 6. อธบิ ายกฎความโนม้ ถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถว่ งท่ที ำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมท้งั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ี เกี่ยวข้องได้ พิเศษ 14
7. วิเคราะห์ อธบิ าย และคำนวณแรงเสียดทานระหวา่ งผวิ สมั ผัสของวตั ถคุ หู่ นง่ึ ๆ ในกรณที ี่วัตถหุ ยุดนิ่งและวัตถุ เคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหาสมั ประสิทธ์ิความเสียดทานระหวา่ งผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่ึง ๆ และนำความรู้เร่ือง แรงเสยี ดทานไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ 8. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และทดลองการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลไ์ ด้ 9. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็ว เชิงมมุ และมวลของวัตถุในการเคลือ่ นที่แบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทง้ั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้อง และประยกุ ตใ์ ชค้ วามรกู้ ารเคลอื่ นทแี่ บบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียมได้ รวมทง้ั หมด 9 ผลการเรียนรู้ พเิ ศษ 15
โครงสร้างรายวิชา ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 1 ลำดับ ชื่อหน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา เรียนรู้ (ชม.) 1. การศกึ ษาวชิ า 1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับ 8 ฟิสกิ ส์ ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา สสาร พลังงาน อันตรกิริยาระหว่างสสารกับพลังงาน รวมทั้งพัฒนาการของหลักการและ และแรงพื้นฐานในธรรมชาติ แนวคิดทางฟิสิกส์ที่มีผลต่อการ การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มาจากการ แสวงหาความรู้ใหม่และการพัฒนา สังเกต การทดลอง และเก็บรวบรวมข้อมูลมา เทคโนโลยีได้ วิเคราะห์ หรือจากการสร้างแบบจำลองทางความคดิ 2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณ เพื่อสรุปเป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ ซึ่งสามารถ ทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดย นำไปใช้อธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาติหรือทำนายส่ิง นำความคลาดเคลื่อนในการวัดมา ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประวัติความเป็นมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้ง และพัฒนาการของหลักการ และแนวคิดทางฟิสิกส์ แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ เป็นพื้นฐานในการแสวงหา ความรู้ใหม่เพิ่มเติม วิเคราะห์และแปลความหมายจาก รวมถึงการพัฒนาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็ กราฟเสน้ ตรงได้ มสี ่วนในการคน้ หาความรู้ใหม่ทางวิทยาศาสตร์ด้วย ความรู้ทางฟิสิกส์ส่วนหนึ่งได้จากการทดลอง ซ่ึง เกี่ยวข้องกับกระบวนการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ประกอบด้วยค่าที่เป็นตัวเลขและหน่วยวัด โดย สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรง หรือ ทางอ้อม หน่วยที่ใช้ในการวัดปริมาณทาง วิทยาศาสตร์ คือ หน่วยในระบบเอสไอ ปริมาณที่มคี า่ น้อยหรือมากกว่า 1 มาก ๆ นิยมเขียนในรูปของสัญ กรณ์วิทยาศาสตร์ การเขียนโดยใช้ สัญกรณ์ วิทยาศาสตร์เป็นการเขียนเพื่อแสดงจำนวนเลข นยั สำคัญท่ถี ูกต้อง การทดลองทางฟิสิกส์จะเกี่ยวกับการวัดปริมาณ ต่าง ๆ การวัดจะมีความคลาดเคลื่อนเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่ กับเครื่องมือ วิธีการวัด และประสบการณ์ของผู้วัด ในการบันทึกปริมาณที่ได้จากการวัดด้วยจำนวนเลข นัยสำคัญที่เหมาะสมและค่าความคลาดเคลื่อน เพื่อ การนำเสนอผล การเขียนกราฟ และลงข้อสรุป รวมทั้งมที กั ษะในการรายงานการทดลอง โดยการวัด ควรเลือกใช้เครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการ วัด 2. การเคลือ่ นท่ี 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ ได้แก่ 12 ในแนวตรง ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็วและความเร่ง โดย และความเร่งของการเคลื่อนที่ของวัตถุ ความเร็วและความเร่งมีทั้งค่าเฉลี่ยและค่าขณะหนึ่ง ในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟ ซ่งึ คิดในช่วงเวลาสนั้ มาก ๆ เข้าใกลศ้ นู ย์ พิเศษ 16
ลำดับ ชอื่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา เรยี นรู้ (ชม.) และสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า การอธิบายการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุสามารถเขียนอยู่ ความเร่งโน้มถ่วงของโลก และคำนวณ ในรูปกราฟตำแหน่งกับเวลา ความเร็วกับเวลา หรือ ปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งได้ ความเร่งกบั เวลา โดยความชันของเสน้ กราฟตำแหน่ง กับเวลาเป็นความเร็ว ความชันของเส้นกราฟ ความเร็วกับเวลาเปน็ ความเร่ง และพนื้ ที่ใต้เส้นกราฟ ความเร็วกับเวลาเป็นการกระจัด ในกรณีที่ผู้สังเกตมี ความเรว็ ความเรว็ ของวัตถทุ ่ีสังเกตไดเ้ ปน็ ความเร็วท่ี เทียบกับ ผู้สังเกต ส่วนการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนว ตรงกรณีที่มีความเร่งคงที่ สามารถอธิบายได้โดยใช้ สมการจลน์ศาสตร์ 4 สมการ การตกแบบเสรีเปน็ ตัวอย่างหน่ึงของการเคล่ือนท่ี ในหนึ่งมิติที่มีความเร่งเท่ากับความเร่งโน้มถ่วงของ โลก 3. แรงและกฎการ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธ์ แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีท้ังขนาด และทิศทาง 28 เคล่อื นท่ี ของแรงสองแรงท่ที ำมุมตอ่ กันได้ กรณีที่มีแรงหลาย ๆ แรงกระทำต่อวัตถุ สามารถหา 5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อ แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุโดยใช้วิธีเขียนเวกเตอร์ของ วัตถุอิสระ ทดลองและอธิบายกฎ แรงแบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน การเคลื่อนที่ของนิวตันและการใช้ ของแรง และวธิ คี ำนวณ กฎการเคลือ่ นทีข่ องนิวตันกับสภาพ การเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมท้ัง ความเฉอื่ ยเปน็ สมบัติของวัตถทุ ี่ตา้ นการเปลี่ยนสภาพ คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การเคลอ่ื นทขี่ องวัตถุ โดยมีมวลเป็นปริมาณท่ีบอกให้ ได้ ทราบวา่ วัตถุใดมีความเฉ่อื ยมากหรือน้อย 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและ ผลของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมี การหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุสามารถเขียนเป็น นำ้ หนกั รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง แผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุอิสระได้ ในกรณีที่ ๆ ทเ่ี ก่ียวข้องได้ ไม่มีแรงภายนอกมากระทำต่อวัตถุ หรือแรงที่กระทำ 7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรง ต่อวตั ถเุ ปน็ ศูนย์ วัตถจุ ะไมเ่ ปล่ียนสภาพการเคลื่อนที่ เสียดทานระหว่างผิวสมั ผัสของวัตถุ ซ่ึงเป็นไปตามกฎการเคล่อื นทีข่ อ้ ทห่ี นึ่งของนวิ ตัน แต่ คู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและ ถ้ามีแรงภายนอกมากระทำต่อวัตถุ โดยแรงลัพธ์ท่ี วัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหา กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะมีความเร่ง โดย สัมประสทิ ธ์ิความเสียดทานระหว่าง ความเร่งมีทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ ซึ่งเปน็ ไปตามกฎ การเคล่ือนที่ข้อทีส่ องของนิวตัน ผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ และนำ เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทำต่อกัน จะเกิดแรง ความรู้เรื่องแรงเสียดทานไปใช้ใน กิริยาและแรงปฏิกิริยา โดยแรงทั้งสองจะมีขนาด เท่ากันแต่มีทิศทางตรงข้ามและกระทำต่อวัตถุคนละ ชีวติ ประจำวันได้ ก้อน เรียกว่า แรงคู่กิรยิ า-ปฏิกิรยิ า ซึ่งเป็นไปตามกฎ การเคลื่อนที่ข้อที่สามของนิวตัน และเกิดขึ้นได้ทั้ง กรณที วี่ ัตถทุ งั้ สองสัมผสั กนั หรอื ไมส่ มั ผสั กันก็ได้ วัตถุคู่หนึ่งจะมีแรงกระทำต่อกัน แรงนี้เป็นแรง ดงึ ดูดระหว่างมวลเปน็ แรงท่มี วลสองก้อนดึงดูดซึ่งกัน และกันด้วยแรงขนาดเท่ากันในแนวเดียวกันแต่ทิศ ทางตรงขา้ ม และเป็นไปตามกฎความโน้มถ่วงสากล พเิ ศษ 17
ลำดับ ชือ่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา เรยี นรู้ (ชม.) แรงที่เกิดขึ้นที่ผวิ สัมผัสระหว่างวัตถุสองก้อนในทศิ ทางตรงข้ามกับทิศทางการเคลื่อนที่ หรือแนวโน้มที่ จะเคลื่อนที่ของวัตถุ เรียกว่า แรงเสียดทาน ซึ่งแรง เสียดทานระหว่างผิวสัมผัสคู่หนึ่ง ๆ จะขึ้นอยู่กับ สัมประสิทธิ์ความเสียดทานและแรงปฏิกิริยาตั้งฉาก ระหว่างผิวสมั ผสั คูน่ ั้น ๆ ขณะวัตถุยังคงอยู่นิ่ง แรงเสียดทานมีขนาดเพิ่มขน้ึ ตามแรงที่กระทำต่อวัตถุนั้น และจะมีค่ามากที่สุด เมื่อวัตถเุ ริ่มเคลื่อนที่ เรียกแรงเสียดทานทีก่ ระทำต่อ วัตถุขณะอยู่น่ิงว่า แรงเสียดทานสถิต และเรียกแรง เสียดทานที่กระทำต่อวตั ถุขณะกำลังเคลื่อนท่ีว่า แรง เสียดทานจลน์ 4 การเคล่ือนทแ่ี นว 8. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณ การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีเส้นทางเป็นโค้ง 28 โคง้ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ พาราโบลาภายใต้สนามโน้มถ่วง โดยไม่คิดแรงต้าน เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และ ของอากาศเป็นการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ซึ่ง ทดลองการเคลื่อนที่แบบโพรเจก พิจารณาได้ว่าวัตถุมีการเปลี่ยนตำแหน่งในแนวดิ่ง ไทลไ์ ด้ และแนวระดับพร้อมกันและเป็นอิสระต่อกัน ส่วน 9. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ การเคลื่อนท่ีใน แนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงเปน็ การ ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการ เคลอ่ื นที่ที่มคี วามเรว็ คงตัว เคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็ว วัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือส่วนของวงกลม เชิงมุม และมวลของวัตถุในการ เรียกว่า เป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลม ซึ่งมีแรงลพั ธท์ ี่ เคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบระดับ กระทำกับวัตถุในทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า แรงสู่ รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ ศูนย์กลาง ทำให้เกิดความเร่งสู่ศูนย์กลางที่มีขนาด เกี่ยวข้อง และประยุกต์ใช้ความรู้การ สัมพันธ์กับรัศมีของการเคลื่อนที่ และอัตราเร็วเชิง เคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบาย เส้นของวัตถุ การโคจรของดาวเทยี มได้ นอกจากน้ี การเคลื่อนที่แบบวงกลมยังสามารถ อธิบายได้ด้วยอัตราเร็วเชิงมุม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ อัตราเร็วเชิงเส้น และแรงสู่ศูนย์กลางมีความสัมพันธ์ กับอัตราเรว็ เชิงมุม การเคล่ือนท่ใี นแนววงกลม ได้แก่ การเคลอ่ื นท่ขี องรถบนถนนโคง้ และดาวเทยี มทีโ่ คจร เป็นแนววงกลมรอบโลก Pedagogy สื่อการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม. 4 ผู้จัดทำได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความ หลากหลายใหก้ ับผูเ้ รยี น เพื่อให้ผเู้ รยี นสามารถบรรลุผลสัมฤทธ์ิตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้วี ัด รวมถึงสมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรกำหนดไว้ โดยครูสามารถนำไปใช้จัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้ พิเศษ 18
อย่างมีประสทิ ธิภาพ ซึ่งในรายวิชาน้ี ได้นำรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) มาใช้ ในการออกแบบการสอน ดงั นี้ รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพื่อ ชว่ ยให้ผเู้ รียนได้พฒั นาวิธีคิด ทัง้ ความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ และมี ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ผู้จัดทำจึงได้เลือกใช้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ซึ่งเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างองค์ความรู้ด้วย ตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือทำ โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์เป็นเคร่ืองมือสำคัญเพื่อการพัฒนาทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และทกั ษะการเรยี นรู้แหง่ ศตวรรษท่ี 21 วิธสี อน (Teaching Method) ผู้จัดทำเลือกใช้วิธีสอนที่หลากหลาย เช่น การทดลอง การสาธิต การอภิปรายกลุ่มย่อย เป็นต้น เพ่ือ ส่งเสริมการเรียนรู้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ให้เกิดประสิทธิภาพ มากทส่ี ุด ซงึ่ จะเนน้ ใชว้ ิธีสอนโดยใช้การทดลองมากเป็นพเิ ศษ เนอ่ื งจากเปน็ วิธีสอนทม่ี ุ่งพฒั นาให้ผู้เรียนเกิดองค์ ความรู้จากประสบการณ์ตรงโดย การคิดและการลงมือทำด้วยตนเอง อันจะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้และเกิด ทักษะทางวทิ ยาศาสตรท์ ่คี งทน เทคนิคการสอน (Teaching Technique) ผู้จัดทำเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเรื่องที่เรียน เพื่อส่งเสริมวิธีสอนให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้คำถาม การเล่นเกม เพื่อนช่วยเพือ่ น เป็นต้น ซึ่งเทคนิคการสอนต่างๆ จะช่วย ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขในขณะที่เรียนและสามารถปฏิบัติกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้งั ไดพ้ ัฒนาทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 อีกดว้ ย พเิ ศษ 2
โครงสรา้ งแผนการจัดการ หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอ 1. การศกึ ษาวชิ าฟสิ ิกส์ วิธกี ารสอน/เทคนคิ แผนท่ี 1 ธรรมชาตแิ ละสาขา ความร้ขู องฟสิ กิ ส์ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) แผนท่ี 2 การวดั ปรมิ าณและ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es หน่วยทางฟิสิกส์ (5Es Instructional Model) พิเศ
รเรยี นรู้ ฟิสิกส์ ม.4 เลม่ 1 เวลา 80 ชัว่ โมง อน/ ทกั ษะทีไ่ ด้ การประเมิน เวลา ค (ชว่ั โมง) - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2 ) - ทกั ษะการสอื่ สาร - สงั เกตการอภิปรายเกย่ี วกบั - ทักษะการทำงานรว่ มกัน ธรรมชาตขิ องฟิสิกส์ - ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรื่อง ธรรมชาติ ของฟสิ กิ ส์ - ตรวจผงั มโนทศั น์ เรือ่ ง ธรรมชาติ ของฟิสิกส์ - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit Question 1 เรอ่ื ง ธรรมชาตขิ อง ฟสิ กิ ส์ - ตรวจแบบฝึกหัดท่ี 1.1 เร่ือง ธรรมชาตขิ องฟิสกิ ส์ - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 2.1 เรอื่ ง สาขา ความรขู้ องวชิ าฟิสกิ ส์ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ตรวจการนำเสนอข้อมลู ระบบ 3 ) - ทักษะการส่ือสาร หน่วยที่ใชใ้ นทางฟสิ ิกส์ทไี่ ด้จาก - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ การสืบค้น - ตรวจผังมโนทัศน์ เร่ือง การวดั ปริมาณและหนว่ ยทางฟิสิกส์ - ตรวจใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง หน่วยของ การวัด - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 1 เรือ่ ง การวัดปรมิ าณ และหน่วยทางฟิสกิ ส์ ศษ 3
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอ วิธกี ารสอน/เทคนคิ แผนที่ 3 เลขนยั สำคญั แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) 2. การเคลอ่ื นท่ีในแนวตรง แผนท่ี 1 ปรมิ าณท่ีเกีย่ วกับ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es การเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ (5Es Instructional Model) พเิ ศ
อน/ ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา ค (ช่วั โมง) - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 3.1 เร่ือง การ - ทักษะการวิเคราะห์ วัดปริมาณทางกายภาพในเชงิ 3 ) - ทักษะการสงั เกต ฟิสิกส์ 2 - ทกั ษะการสอื่ สาร - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น - ทกั ษะการทำงานร่วมกนั - ตรวจการนำเสนอข้อมลู เกี่ยวกบั - ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้ - ทกั ษะการคิดอยา่ งมี เลขนัยสำคัญ - สังเกตการทำกจิ กรรมการหา วจิ ารณญาณ ปริมาตรของหนังสือเรยี น - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ตรวจผงั มโนทัศน์ เร่ือง เลข ) - ทักษะการสังเกต นยั สำคญั - ทักษะการสอื่ สาร - ตรวจใบงานท่ี 1.3 - ทักษะการทำงานรว่ มกัน - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ Question 1 เรื่อง เลขนัยสำคัญ ศษ 4 - ตรวจแบบฝึกหัดท่ี 4.1-4.5 เร่อื ง เลขนัยสำคญั และความ คลาดเคลื่อน - ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม เรอื่ ง การหาปรมิ าตรของหนังสอื เรียน - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - สงั เกตการอภปิ รายเกยี่ วกบั ความเรว็ และอัตราเรว็ - ตรวจผังมโนทัศน์ เร่ือง ปรมิ าณที่ เกย่ี วกบั การเคลื่อนที่ของวตั ถุ - ตรวจใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง ปรมิ าณท่ี เกีย่ วกับการเคลื่อนทขี่ องวตั ถุ - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 2 เร่ือง ปรมิ าณที่ เกย่ี วกับการเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุ
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอ วธิ กี ารสอน/เทคนิค แผนที่ 2 เคร่ืองเคาะ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es สญั ญาณเวลา (5Es Instructional Model) แผนที่ 3 ความเร่ง แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) แผนท่ี 4 กราฟแสดง แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es ความสัมพนั ธ์ (5Es Instructional Model) ระหวา่ งปรมิ าณตา่ ง ๆ พิเศ
อน/ ทักษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา ค (ชัว่ โมง) - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 1.1-1.3 เรอ่ื ง - ทกั ษะการวิเคราะห์ ปรมิ าณท่ีเก่ียวกบั การเคล่อื นท่ีของ 2 ) - ทักษะการสงั เกต วัตถุ 3 - ทักษะการส่อื สาร - สงั เกตการทำกจิ กรรมการวดั - ทกั ษะการทำงานร่วมกัน อตั ราเร็วโดยใชเ้ คร่ืองเคาะ 3 สญั ญาณเวลา - ทกั ษะการวเิ คราะห์ ) - ทักษะการสงั เกต - ตรวจผังมโนทัศน์ เร่อื ง เคร่อื งเคาะ สัญญาณเวลา - ทักษะการสือ่ สาร - ทักษะการทำงานร่วมกนั - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก - ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้ Unit Question 2 เร่อื ง เครือ่ ง เคาะสญั ญาณเวลา - ทกั ษะการวเิ คราะห์ ) - ทักษะการสงั เกต - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 2.1-2.2 เรื่อง เครอ่ื งเคาะสัญญาณเวลา - ทักษะการสอ่ื สาร - ทักษะการทำงานรว่ มกนั - ตรวจแบบบนั ทกึ กิจกรรม เรอ่ื ง ศษ 5 การวดั อัตราเรว็ โดยใชเ้ ครื่องเคาะ สัญญาณเวลา - สงั เกตการอภปิ รายเกี่ยวกับ ความเร่งและความหน่วง - ตรวจผงั มโนทศั น์ เรือ่ ง ความเร่ง - ตรวจใบงานที่ 2.3 เรอื่ ง ความเรง่ - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit Question 2 เรือ่ ง ความเรง่ - ตรวจแบบฝกึ หัดที่ 3.1-3.2 เร่ือง ความเรง่ - ตรวจการนำเสนอกราฟแสดง ความสมั พนั ธ์ ระหว่างปริมาณต่าง ๆ ของการเคลอ่ื นที่แนวตรง
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอ วิธกี ารสอน/เทคนคิ ของการเคล่ือนท่แี นว ตรง แผนท่ี 5 การเคลื่อนท่ีของวัตถุ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es กรณีความเร่งมีค่าคง (5Es Instructional Model) ตวั แผนท่ี 6 วตั ถตุ กแบบอสิ ระด้วย แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es ความเร่งคงตัว (5Es Instructional Model) พเิ ศ
อน/ ทักษะท่ไี ด้ การประเมนิ เวลา ค (ช่ัวโมง) - ตรวจผังมโนทศั น์ เรือ่ ง กราฟแสดง - ทกั ษะการวิเคราะห์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณตา่ ง 3 ) - ทกั ษะการสังเกต ๆ ของการเคลื่อนทแี่ นวตรง 5 - ทกั ษะการสือ่ สาร - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit - ทักษะการทำงานรว่ มกนั Question 2 เร่ือง กราฟแสดง - ทักษะการนำความรู้ไปใช้ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคลอ่ื นท่ีแนวตรง - ทักษะการวเิ คราะห์ ) - ทักษะการสงั เกต - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 4.1-4.2 เร่ือง กราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ ง - ทักษะการส่อื สาร ปรมิ าณต่าง ๆ ของการเคลอ่ื นที่ - ทกั ษะการทำงานร่วมกัน แนวตรง - ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ ศษ 6 - ตรวจการนำเสนอผงั มโนทัศน์ เร่อื ง การเคลอ่ื นที่ของวัตถกุ รณีความเรง่ มคี ่าคงตัว - ตรวจใบงานที่ 2.5 เรือ่ ง การ เคลอ่ื นที่ของวัตถกุ รณคี วามเรง่ มีคา่ คงตวั - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 2 เร่ือง การเคลือ่ นท่ี ของวตั ถุกรณีความเรง่ มีค่าคงตัว - ตรวจแบบฝกึ หดั ท่ี 5.1 เรื่อง การ เคล่ือนที่ของวตั ถกุ รณคี วามเร่งมีคา่ คงตวั - สังเกตการทำกจิ กรรมการเคลือ่ นที่ ของวตั ถุท่ตี กแบบอสิ ระ - สงั เกตการอภิปรายเก่ียวกบั วัตถตุ ก แบบอิสระดว้ ยความเรง่ คงตัวใน ชีวติ ประจำวัน
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอ วธิ ีการสอน/เทคนคิ แผนท่ี 7 ความเรว็ สมั พทั ธ์ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) 3. แรงและกฎการเคลอ่ื นที่ แผนท่ี 1 แรงและแรงลพั ธ์ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) พเิ ศ
อน/ ทกั ษะทไี่ ด้ การประเมิน เวลา ค (ชัว่ โมง) - ตรวจใบงานที่ 2.6 เรอ่ื ง วัตถุตกแบบ - ทักษะการวเิ คราะห์ อิสระดว้ ยความเร่งคงตัว 2 ) - ทกั ษะการสงั เกต - ตรวจการทำแบบฝกึ หัดจาก Unit 3 - ทกั ษะการสื่อสาร Question 2 เรื่อง วตั ถุตกแบบอสิ ระ - ทกั ษะการทำงานร่วมกนั ดว้ ยความเรง่ คงตัว - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ - ตรวจแบบฝึกหัดท่ี 6.1-6.2 เรื่อง - ทักษะการวเิ คราะห์ วัตถตุ กแบบอิสระด้วยความเร่งคงตวั ) - ทักษะการสังเกต - ตรวจแบบบนั ทึกกิจกรรม เรือ่ ง - ทกั ษะการส่อื สาร การเคลือ่ นที่ของวัตถทุ ต่ี กแบบ - ทักษะการทำงานร่วมกนั อิสระ - ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น ศษ 7 - สังเกตการอภิปรายเกีย่ วกับ ความเร็วสมั พัทธ์ - ตรวจผงั มโนทัศน์ เรอ่ื ง ความเร็ว สัมพทั ธ์ - ตรวจใบงานท่ี 2.7 เรอ่ื ง ความเรว็ สัมพทั ธ์ - ตรวจแบบฝกึ หัดที่ 7.1-7.3 เร่อื ง ความเร็วสัมพทั ธ์ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - สังเกตการทำกจิ กรรมการหาขนาด และทศิ ทางของแรงลัพธ์ - ตรวจผงั มโนทัศน์ เรอื่ ง แรง - สังเกตการอภปิ ราย เรื่อง มวลเฉื่อย - ตรวจใบงานท่ี 3.1 เรอื่ ง แรงและ แรงลพั ธ์ - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 3
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอ วิธีการสอน/เทคนคิ แผนท่ี 2 กฎการเคลอื่ นทขี่ อง แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es นวิ ตนั (5Es Instructional Model) แผนที่ 3 กฎแรงดงึ ดูดระหว่าง แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es มวลของนวิ ตัน (5Es Instructional Model) พเิ ศ
อน/ ทกั ษะทไ่ี ด้ การประเมิน เวลา ค (ชว่ั โมง) - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 1.1-1.5 - ทกั ษะการวเิ คราะห์ เรื่อง แรง 8 ) - ทกั ษะการสงั เกต - ตรวจแบบบนั ทกึ กจิ กรรม เร่ือง 6 - ทกั ษะการส่ือสาร การหาขนาดและทศิ ทางของ แรง - ทกั ษะการทำงานร่วมกัน ลพั ธ์ - ทักษะการนำความร้ไู ปใช้ - ทกั ษะการคดิ อย่างมี - สงั เกตการทำกจิ กรรมแรงกบั ความเรง่ วิจารณญาณ - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง กฎการ - ทกั ษะการวิเคราะห์ เคลอ่ื นที่ของนวิ ตนั ) - ทกั ษะการสังเกต - สังเกตการอภิปราย เร่อื ง แรงดงึ ใน - ทกั ษะการสื่อสาร เสน้ เชือก - ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน - ตรวจใบงานท่ี 3.2 เร่ือง กฎการ ศษ 8 เคลอ่ื นทีข่ องนวิ ตัน - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 3 เรอื่ ง กฎการเคล่ือนท่ี ของนวิ ตัน - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 2.1-2.2 เร่ือง กฎการเคล่ือนที่ของนิวตนั - ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรม เร่อื ง แรงกบั ความเรง่ - ตรวจการนำเสนอข้อมลู การวดั คา่ แรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวลของ คาเวนดิช - สังเกตการอภปิ รายเรอ่ื งความเรง่ เนื่องจากความโนม้ ถ่วงของโลก - ตรวจผงั มโนทัศน์ เร่อื ง กฎแรง ดงึ ดดู ระหว่างมวลของนิวตัน
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอ วธิ กี ารสอน/เทคนคิ แผนที่ 4 แรงปฏกิ ิริยาตั้งฉาก แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es และ (5Es Instructional Model) แรงเสียดทาน แผนที่ 5 การประยุกต์ใช้กฎการ แบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es เคลื่อนท่ขี องนวิ ตัน (5Es Instructional Model) พเิ ศ
อน/ ทกั ษะท่ไี ด้ การประเมนิ เวลา ค (ช่ัวโมง) - ตรวจใบงานที่ 3.3 เร่ือง กฎแรง - ทักษะการวิเคราะห์ ดงึ ดดู ระหว่างมวลของนวิ ตนั 6 ) - ทักษะการสงั เกต - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit 5 - ทกั ษะการสื่อสาร Question 3 เรอื่ ง กฎแรงดึงดดู - ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน ระหว่างมวลของนวิ ตนั - ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 3.1 เรอื่ ง - ทักษะการวิเคราะห์ กฎแรงดงึ ดูดระหวา่ งมวลของนิว ) - ทักษะการสงั เกต ตัน - ทักษะการส่ือสาร - ตรวจการนำเสนอผลงานเร่ืองแรง - ทักษะการทำงานรว่ มกนั เสียดทานในชวี ิตประจำวัน - ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง แรง ศษ 9 ปฏกิ ริ ิยาตง้ั ฉากและแรงเสยี ดทาน - สังเกตการทำกจิ กรรมแรงเสียดทาน - ตรวจใบงานที่ 3.4 เรอื่ ง แรงปฏกิ ริ ยิ า ตัง้ ฉากและแรงเสยี ดทาน - ตรวจการทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question 3 เรื่อง แรงปฏิกริ ยิ าตงั้ ฉากและแรงเสยี ดทาน - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 4.1-4.3 เร่ือง แรงปฏิกิริยาตัง้ ฉากและแรงเสียด ทาน - ตรวจแบบบนั ทึกกจิ กรรม เรื่อง แรงเสียดทาน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - สงั เกตการอภปิ รายเรื่องการช่งั น้ำหนกั ในลิฟต์
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอ วิธกี ารสอน/เทคนคิ 4. การเคล่อื นท่ีแนวโค้ง แผนท่ี 1 การเคล่อื นทแี่ บบ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es โพรเจกไทล์ (5Es Instructional Model) พิเศ
อน/ ทักษะทไี่ ด้ การประเมนิ เวลา ค (ชว่ั โมง) - ตรวจผังมโนทัศน์ เรือ่ ง การ - ทักษะการวิเคราะห์ ประยุกต์ใชก้ ฎการเคลือ่ นท่ขี องนวิ 12 ) - ทักษะการสงั เกต ตนั - ทกั ษะการสอื่ สาร - ตรวจใบงานท่ี 3.5 เรอ่ื ง การ - ทักษะการทำงานร่วมกัน ประยุกตใ์ ช้กฎการเคล่ือนที่ของนิว - ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ ตัน - ทักษะการคดิ อยา่ งมี - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit วจิ ารณญาณ Question 3 เร่อื ง การประยกุ ต์ใช้ กฎการเคลอื่ นทีข่ องนิวตัน ศษ 10 - ตรวจแบบฝึกหัดท่ี 5.1-5.2 เรื่อง การประยุกตใ์ ชก้ ฎการเคลอื่ นท่ีของ นวิ ตัน - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ตรวจผลงานการนำเสนอเรือ่ ง การเคลือ่ นที่แบบโพรเจกไทลใ์ น ชวี ิตประจำวนั - สงั เกตการทำกจิ กรรมการศกึ ษาการ เคล่ือนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ - ตรวจผงั มโนทศั น์ เรอื่ ง การ เคล่อื นท่ีแบบโพรเจกไทล์ - ตรวจใบงานท่ี 4.1 เรื่อง การ เคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ - ตรวจการทำแบบฝึกหดั จาก Unit Question 3 เรอื่ ง การเคลือ่ นท่ี แบบโพรเจกไทล์ - ตรวจแบบฝกึ หดั ที่ 1.1-1.3 เรอื่ ง การ เคลือ่ นที่แบบโพรเจกไทล์
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอ วธิ ีการสอน/เทคนิค แผนท่ี 2 การเคล่ือนที่แบบ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es วงกลม (5Es Instructional Model) พเิ ศ
อน/ ทกั ษะท่ไี ด้ การประเมนิ เวลา ค (ช่วั โมง) - ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรม เรอื่ ง การศกึ ษาการเคลอ่ื นทแ่ี บบ โพรเจกไทล์ - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น 12 ) - ทกั ษะการสงั เกต - ตรวจผลงานการนำเสนอ เร่ือง การ - ทกั ษะการส่อื สาร เคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมใน - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั ชีวติ ประจำวัน - ทักษะการนำความรู้ไปใช้ - สงั เกตการทำกจิ กรรมการศกึ ษาการ - ทกั ษะการคิดอยา่ งมี เคล่อื นท่แี บบวงกลม วจิ ารณญาณ - ตรวจผังมโนทัศน์ เรอ่ื ง การ เคล่ือนทแี่ บบวงกลม - ตรวจใบงานที่ 4.2 เร่อื ง การ เคล่อื นทแี่ บบวงกลม - ตรวจการทำแบบฝกึ หดั จาก Unit Question 3 เรอื่ ง การเคลือ่ นที่ แบบวงกลม - ตรวจแบบฝกึ หดั ท่ี 2.1-2.3 เร่อื ง การเคล่อื นทีแ่ บบวงกลม - ตรวจแบบบันทึกกิจกรรมเรือ่ ง การศกึ ษาการเคล่ือนท่ีแบบวงกลม ศษ 11
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การศกึ ษาวชิ าฟสิ ิกส์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การศกึ ษาวิชาฟสิ กิ ส์ เวลา 8 ชั่วโมง 1. ผลการเรียนรู้ เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่ือนที่แนวตรง แรงและกฎการเคล่ือนท่ี ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โม เมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตมั การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ 1) สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการของหลักการ และแนวคิดทางฟสิ ิกส์ท่ีมีผลตอ่ การแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพฒั นาเทคโนโลยีได้ 2) วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลื่อนในการวัด มาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมาย จากกราฟเสน้ ตรงได้ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม 1) ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหน่ึงที่ศึกษาเกี่ยวกับสสาร พลังงาน อันตรกิริยาระหว่างสสารกับพลังงาน และแรงพน้ื ฐานในธรรมชาติ 2) การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มาจากการสังเกต การทดลอง และเก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ หรือจากการสร้างแบบจำลองทางความคิด เพื่อสรุปเป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ ความรู้เหล่านี้สามารถ นำไปใช้อธบิ ายปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือทำนายสิ่งท่ีอาจจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต 3) ประวัตคิ วามเป็นมาและพัฒนาการของหลกั การและแนวคิดทางฟสิ ิกสเ์ ป็นพืน้ ฐานในการแสวงหาความรู้ ใหม่เพ่ิมเติม รวมถึงการพัฒนาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มีส่วนในการค้นหาความรู้ใหม่ทาง วทิ ยาศาสตร์ด้วย 4) ความรู้ทางฟิสิกส์ส่วนหน่ึงได้จากการทดลอง ซ่ึงเก่ียวข้องกับกระบวนการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ซึ่ง ประกอบด้วยตวั เลขและหน่วยวดั 5) ปริมาณทางฟิสิกส์สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรงหรือทางอ้อมหน่วยที่ใช้ในการวัดปริมาณ ทางวทิ ยาศาสตรค์ อื ระบบหน่วยระหว่างชาติ เรยี กยอ่ วา่ ระบบเอสไอ 6) ปริมาณทางฟิสิกส์ท่ีมีค่าน้อยกว่าหรือมากกว่า 1 มาก ๆ นิยมเขียนในรูปของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือ เขียนโดยใช้คำนำหน้าหน่วยของระบบเอสไอ การเขียนโดยใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็นการเขียนเพื่อ แสดงจำนวนเลขนัยสำคัญท่ีถูกต้อง 7) การทดลองทางฟิสิกส์เกี่ยวกับการวัดปริมาณต่าง ๆ การบันทึกปริมาณท่ีได้จากการวัดด้วยจำนวนเลข นัยสำคัญท่ีเหมาะสมและค่าความคลาดเคลื่อน การวิเคราะห์และการแปลความหมายจากกราฟ เช่น การหาความชนั จากกราฟเส้นตรง จุดตัดแกนพน้ื ทีใ่ ต้กราฟ เปน็ ตน้ 8) การวัดปริมาณต่าง ๆ จะมีความคลาดเคล่ือนเสมอข้ึนอยู่กับเคร่ืองมือ วิธีการวัด และประสบการณ์ของ ผู้วัด ซึ่งคา่ ความคลาดเคล่ือนสามารถแสดงในการรายงานผลทงั้ ในรปู แบบตวั เลขและกราฟ 9) การวัดควรเลือกใช้เครื่องมือวัดให้เหมะสมกับส่ิงท่ีต้องการวัด เช่น การวัดความยาวของวัตถุที่ต้องการ ความละเอียดสงู อาจใช้เวอร์เนยี รแ์ คลลเิ ปิร์ส หรอื ไมโครมเิ ตอร์ 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การศกึ ษาวชิ าฟิสกิ ส์ 10) ฟสิ กิ สอ์ าศยั คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้า และการสือ่ สาร 2.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถนิ่ (พิจารณาตามหลักสตู รสถานศึกษา) 3. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด ฟิสิกส์เป็นวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพสาขาหนึ่งท่ีเน้นการศึกษาเชิงปริมาณ ซ่ึงเป็นวิทยาศาสตร์เชิงปฏิบัติ ทฤษฎี หรือกฎ หรือหลักการฟิสิกส์ได้มาจากการทดลองและการสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติ แล้วพยายามหารปู แบบและ หลักการท่ีเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์นั้น ๆ จนเป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวาง เพื่อนำไปสู่การสร้างสง่ิ ใหม่ ๆ มาชว่ ยในการแก้ปัญหา การสรา้ งเครอ่ื งอำนวยความสะดวก ทเี่ รียกว่า เทคโนโลยี ปริมาณที่อธิบายปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ หรือการเปลี่ยนแปลงของปริมาณท่ีสังเกตอาจจะความยาว มวล เวลา ความเร่งและความดนั เป็นตน้ ปริมาณเหลา่ น้ีจะถกู แยกเป็นปริมาณฐานและปริมาณอนุพนั ธ์ การกำหนดหน่วยต่าง ๆ จึงต้องกำหนดให้เข้าใจตรงกันโดยใช้ระบบหน่วยระหว่างชาติ (SI Unit) ตัวพหุคูณท่ีใช้เขียนแทนหน่วยฐานหรือ หนว่ ยอนุพันธ์ที่มคี า่ มากหรือน้อยเกินไป เรยี กวา่ คำอปุ สรรค วิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่ต้องทดลอง ค้นหาคำตอบและความจริงมาวิเคราะห์ อธิบาย ความสำคัญของการบันทึก ข้อมูลจึงนับว่าจำเป็น โดยตัวเลขที่ได้จากการวัดจึงมีความสำคัญ และมีความหมาย ตัวเลขเหล่าน้ีจึงมีนัยสำคัญ เรียกว่า เลขนัยสำคัญ แต่ความถูกต้องแม่นยำนั้นจะไม่ 100% เนื่องจากเคร่ืองมือและตัวผู้วัดเอง จึงต้องมีค่า คลาดเคล่ือน (ค่าความไม่แนน่ อนของการวัด) 4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินัย 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้ 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทักษะการสอื่ สาร 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - แบบบันทกึ กิจกรรม เรอ่ื ง การหาปรมิ าตรของหนังสอื เรียน - ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง ธรรมชาตขิ องฟสิ กิ ส์ - ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การวัดปรมิ าณและหน่วยทางฟิสิกส์ - ใบงานที่ 1.3 เร่อื ง เลขนัยสำคัญ - ผงั มโนทัศน์ เร่ือง ธรรมชาติและสาขาความรขู้ องวิชาฟิสกิ ส์ - ผงั มโนทัศน์ เรื่อง การวดั ปริมาณและหน่วยทางฟสิ ิกส์ - ผังมโนทศั น์ เรื่อง เลขนัยสำคัญ 2
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การศึกษาวชิ าฟิสิกส์ 6. การวดั และการประเมนิ ผล รายการวัด วิธีวดั เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 6.1 การประเมินชิน้ งาน/ - ตรวจผงั มโนทศั น์ แบบประเมินชน้ิ งาน/ ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง ธรรมชาติและ ภาระงาน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ สาขาความรูข้ องวิชา รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ฟิสกิ ส์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอื่ ง การวัดปริมาณ และหนว่ ยทางฟสิ กิ ส์ - ตรวจผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง เลขนัยสำคญั 6.2 การประเมินก่อนเรียน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน กอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การศกึ ษาวชิ า ฟสิ กิ ส์ 6.3 การประเมินระหว่างการ จัดกิจกรรม 1) ธรรมชาติและสาขา - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ใบงานที่ 1.1 ความรู้ของวิชา - ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี - แบบฝกึ หัดท่ี 1.1, 2.1 ฟิสิกส์ 1.1, 2.1 2) การวดั ปริมาณและ - ตรวจใบงานท่ี 1.2 - ใบงานที่ 1.2 หน่วยทางฟิสกิ ส์ - ตรวจแบบฝกึ หดั ท่ี 3.1 - แบบฝกึ หัดท่ี 3.1 3) เลขนัยสำคัญ - ตรวจใบงานท่ี 1.3 - ใบงานที่ 1.3 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบฝกึ หัดที่ 4.1-4.5 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - ตรวจแบบฝึกหัดท่ี - ผลงานทน่ี ำเสนอ ระดบั คุณภาพ 2 4.1-4.5 ผา่ นเกณฑ์ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล แบบทดสอบหลังเรียน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 5) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม 6) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย อันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน 6.4 การประเมินหลงั เรียน ตรวจแบบทดสอบ 3
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การศึกษาวิชาฟสิ ิกส์ รายการวัด วธิ วี ัด เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง การศกึ ษาทาง ฟิสิกส์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ เวลา 2 ชวั่ โมง • แผนท่ี 1 : ธรรมชาติของฟิสกิ ส์ เวลา 3 ชวั่ โมง วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 3 ช่ัวโมง • แผนที่ 2 : การวดั ปรมิ าณและหน่วยทางฟสิ กิ ส์ (รวม 8 ชว่ั โมง) วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) • แผนที่ 3 : เลขนยั สำคญั วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) 8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าเพิม่ เตมิ ฟิสกิ ส์ ม.4 เล่ม 1 หน่วยการเรียนท่ี 1 การศึกษาทางฟสิ ิกส์ 2) ใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ธรรมชาตขิ องฟิสิกส์ 3) ใบงานท่ี 1.2 เร่ือง การวัดปริมาณและหนว่ ยทางฟิสิกส์ 4) ใบงานท่ี 1.3 เรือ่ ง เลขนัยสำคัญ 5) แบบฝึกหดั หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การศึกษาทางฟสิ ิกส์ 6) PowerPoint เรื่อง ฟิสกิ ส์ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) ห้องสมุด 3) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ 4
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การศึกษาวชิ าฟสิ กิ ส์ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 คำชแี้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดต่อไปนี้เป็นสิ่งท่ีนักวิทยาศาสตร์ใช้พิสูจน์ 6. นกั เรยี นคนหนง่ึ ใช้ไมโครมิเตอร์วดั เส้นผา่ นศูนย์กลางของเส้นผม ความจรงิ ต่าง ๆ ได้ 3.004 มลิ ลิเมตร ค่าทวี่ ัดไดจ้ ะมีเลขนยั สำคัญก่ตี ัว 1. ความเชื่อ 2. ทฤษฎี 1. 1 ตัว 2. 2 ตวั 3. การสังเกต 4. การทดลอง 3. 3 ตัว 4. 4 ตัว 5. การบันทึกข้อมูล 5. 5 ตัว 2. ต้นวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหรียญอันหนึ่ง 3 ครั้ง 7. ข้อใดคือผลรวมของ 2.50 มิลลิเมตร และ 7.2 เซนติเมตร ได้เท่ากับ 2.542, 2.532 และ 2.54 เซนติเมตร ตามหลกั เลขนยั สำคญั ค่าเฉลย่ี ของเหรียญเป็นเทา่ ไร 1. 7.4 เซนตเิ มตร 2. 7.45 เซนตเิ มตร 1. 2.54 เซนติเมตร 3. 7.450 เซนตเิ มตร 4. 7.5 เซนตเิ มตร 2. 2.542 เซนติเมตร 5. 7.55 เซนติเมตร 3. 2.53 เซนติเมตร 8. จงหาผลรวมของ 3.15 × 10-3 และ 7.54 × 10-2 ตามหลัก 4. 2.532 เซนติเมตร เลขนัยสำคัญ 5. 2.538 เซนตเิ มตร 1. 7.855 × 10-3 2. 78.55 × 10-3 3. ข้อใดคอื ปรมิ าณเวกเตอร์ทั้งหมด 3. 7.86 × 10-2 4. 10.94 × 10-2 1. มวล น้ำหนกั พลงั งาน 5. 7.855 × 10-4 2. ความเร็ว ความเร่ง การกระจัด 9. เลขนัยสำคญั คอื อะไร 3. โมเมนตมั แรง พลังงาน 1. เลขที่วดั ไดจ้ ริง ๆ จากเครอื่ งมอื วดั 4. ความเร่ง การกระจดั ระยะทาง 2. เลขที่อ่านได้จากเครื่องมือวัดแบบขีดสเกลรวมกับตัวเลขท่ี 5. เวลา ปริมาตร ความหนาแนน่ ประมาณอกี 1 ตวั 4. ความยาว 0.000007 เมตร มคี า่ ตรงกบั ข้อใด 3. เลขทป่ี ระมาณข้นึ มาในการวัด 1. 7 ไมโครเมตร 2. 7.0 × 10-5 เมตร 4. เลขที่บอกความละเอียดของเครื่องมอื วดั 3. 7 นาโนเมตร 4. 7.0 × 10-4 เมตร 5. ข้อ 1. และ 2. ถกู 5. 7 เมกะเมตร 10. นำแผน่ ไมส้ ีเ่ หล่ียมผนื ผา้ มาวดั ความกว้างได้ 12.5 ± 0.1 เมตร 5. การอ่านค่าจากเคร่ืองวัดแบบแสดงผลด้วยตัวเลขมี และวัดความยาวได้ 20.0 ± 0.2 เมตร จงหาพื้นทขี่ องแผ่นไม้ หลกั การอย่างไร 1. (2.50 ± 0.05) × 102 ตารางเมตร 1. ประมาณความคลาดเคล่อื นทุกครง้ั 2. (2.80 ± 0.03) × 102 ตารางเมตร 2. อ่านตามที่เห็นจรงิ ๆ จากจอภาพ 3. (2.50 × 102 ± 0.05) ตารางเมตร 3. ต้องประมาณตัวเลขตวั สดุ ทา้ ย 1 ตวั 4. (2.80 × 102 ± 0.03) ตารางเมตร 4. ต้องวดั หลายคร้ังแลว้ หาค่าเฉลย่ี 5. (2.50 ± 0.03) × 102 ตารางเมตร 5. ใหห้ น้าจอแสดงผลอยใู่ นระดับสายตา เฉลย 1. 4 2. 5 3. 2 4. 1 5. 2 5 6. 4 7. 4 8. 3 9. 2 10. 1
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การศกึ ษาวชิ าฟิสิกส์ แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 คำชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ต้นวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหรียญอันหนึ่ง 3 คร้ัง 6. นำแผ่นไม้ส่ีเหล่ียมผืนผ้ามาวัดความกว้างได้ 12.5 ± 0.1 เมตร ได้เท่ากับ 2.542, 2.532 และ 2.54 เซนติเมตร และวดั ความยาวได้ 20.0 ± 0.2 เมตร จงหาพนื้ ทข่ี องแผ่นไม้ ค่าเฉลีย่ ของเหรยี ญเปน็ เทา่ ไร 1. (2.80 ± 0.03) × 102 ตารางเมตร 1. 2.538 เซนติเมตร 2. (2.50 ± 0.05) × 102 ตารางเมตร 2. 2.532 เซนตเิ มตร 3. (2.50 × 102 ± 0.05) ตารางเมตร 3. 2.53 เซนตเิ มตร 4. (2.80 × 102 ± 0.03) ตารางเมตร 4. 2.542 เซนติเมตร 5. (2.50 ± 0.03) × 102 ตารางเมตร 5. 2.54 เซนตเิ มตร 7. นักเรียนคนหนึ่งใช้ไมโครมิเตอร์วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผม 2. ข้อใดต่อไปน้ีเป็นสิ่งท่ีนักวิทยาศาสตร์ใช้พิสูจน์ความ ได้ 3.004 มิลลิเมตร คา่ ท่ีวัดไดจ้ ะมีเลขนัยสำคัญกต่ี วั จริงต่าง ๆ 1. 5 ตวั 2. 4 ตัว 1. การทดลอง 2. การบนั ทกึ ขอ้ มูล 3. 3 ตัว 4. 2 ตัว 3. ความเชือ่ 4. ทฤษฎี 5. 1 ตัว 5. การสังเกต 8. จงหาผลรวมของ 3.15 × 10-3 และ 7.54 × 10-2 ตามหลัก 3. ขอ้ ใดคือปริมาณเวกเตอร์ทัง้ หมด เลขนัยสำคญั 1. โมเมนตมั แรง พลังงาน 1. 7.855 × 10-3 2. 78.55 × 10-3 2. เวลา ปริมาตร ความหนาแน่น 3. 7.86 × 10-2 4. 10.94 × 10-2 3. ความเร่ง การกระจดั ระยะทาง 5. 7.855 × 10-4 4. มวล น้ำหนัก พลังงาน 9. ข้อใดคือผลรวมของ 2.50 มิลลิเมตร และ 7.2 เซนติเมตร 5. ความเรว็ ความเรง่ การกระจัด ตามหลกั เลขนยั สำคญั 4. การอ่านค่าจากเครื่องวัดแบบแสดงผลด้วยตัวเลขมี 1. 7.4 เซนตเิ มตร 2. 7.45 เซนตเิ มตร หลกั การอย่างไร 3. 7.450 เซนติเมตร 4. 7.5 เซนติเมตร 1. ประมาณความคลาดเคลื่อนทุกคร้ัง 5. 7.55 เซนติเมตร 2. อ่านตามท่เี หน็ จริง ๆ จากจอภาพ 10. เลขนัยสำคัญ คอื อะไร 3. ตอ้ งประมาณตัวเลขตัวสดุ ทา้ ย 1 ตวั 1. เลขที่วัดไดจ้ ริงๆ จากเครอื่ งมอื วดั 4. ตอ้ งวัดหลายคร้ังแล้วหาคา่ เฉลย่ี 2. เลขทอ่ี ่านได้จากเคร่ืองมือวดั แบบขีดสเกลรวมกับตัวเลขที่ 5. ใหห้ นา้ จอแสดงผลอยใู่ นระดับสายตา ประมาณอีก 1 ตวั 5. ความยาว 0.000007 เมตร มคี ่าตรงกบั ข้อใด 3. เลขทป่ี ระมาณขึ้นมาในการวดั 1. 7 ไมโครเมตร 2. 7.0 × 10-5 เมตร 4. เลขที่บอกความละเอยี ดของเคร่อื งมือวัด 3. 7 นาโนเมตร 4. 7.0 × 10-4 เมตร 5. ขอ้ 1. และ 2. ถกู 5. 7 เมกะเมตร เฉลย 1. 1 2. 1 3. 5 4. 1 5. 1 6. 2 7. 2 8. 3 9. 4 10. 2 6
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การศกึ ษาวชิ าฟสิ ิกส์ แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทัศน์ คำชแี้ จง : ให้ผ้สู อนประเมินผลงาน/ชน้ิ งานของนักเรยี นตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องทีต่ รงกับระดับ คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์ 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4 ความตรงตอ่ เวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................ 7
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การศึกษาวิชาฟิสกิ ส์ เกณฑป์ ระเมินผังมโนทัศน์ ประเด็นท่ีประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผล งาน ไม่ ส อด ค ล้ อง จุดประสงค์ที่กำหนด จุดประสงค์ทุกประเดน็ จุดประสงคเ์ ป็นส่วนใหญ่ จุดประสงคบ์ างประเด็น กบั จดุ ประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน ถูกตอ้ งสมบูรณ์ ถูกตอ้ งครบถ้วน ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถูกต้องเปน็ บางประเด็น ไม่ถูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ 3. ผลงานมคี วามคิด ผล งาน แ สด งออกถึง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคิด สร้างสรรค์ ค วาม คิ ด ส ร้างส รรค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ แ ป ล ก ให ม่ แ ล ะ เป็ น ใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความเป็น ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่ไม่เป็น ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถึง เป็ นระเบี ยบ แต่ ยั งมี ระเบียบแตม่ ีข้อบกพรอ่ ง ร ะ เ บี ย บ แ ล ะ มี ข้ อ ความประณีต ข้อบกพรอ่ งเลก็ น้อย บางสว่ น บกพรอ่ งมาก เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–16 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ 8
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การศกึ ษาวิชาฟิสิกส์ แบบประเมนิ การปฏบิ ัติการ คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ารของนักเรียนตามรายการท่ีกำหนด แล้วขดี ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 4321 1 การปฏบิ ตั กิ ารทดลอง 2 ความคลอ่ งแคลว่ ในขณะปฏิบัตกิ าร รวม 3 การนำเสนอ ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ................./................../.................. 9
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การศึกษาวชิ าฟสิ กิ ส์ เกณฑก์ ารประเมินการปฏิบัติการ ประเดน็ ทป่ี ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 ทำการทดลองตาม 1. การปฏบิ ัติการ ขนั้ ตอน และใช้อปุ กรณ์ 32 ต้องใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทดลอง อยา่ งมากในการทำการ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ทำการทดลองตาม ต้องใหค้ วามช่วยเหลอื ทดลอง และการใช้ ขั้นตอน และใช้อปุ กรณ์ บา้ งในการทำการ อปุ กรณ์ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง แต่อาจ ทดลอง และการใช้ ตอ้ งได้รับคำแนะนำบา้ ง อุปกรณ์ 2. ความ มีความคล่องแคล่ว มคี วามคลอ่ งแคล่ว ขาดความคลอ่ งแคลว่ ทำการทดลองเสร็จไม่ คลอ่ งแคล่ว ในขณะทำการทดลอง ในขณะทำการทดลอง ในขณะทำการทดลอง ทันเวลา และทำ ในขณะ โดยไม่ตอ้ งไดร้ ับคำ แตต่ อ้ งไดร้ ับคำแนะนำ จงึ ทำการทดลองเสร็จ อปุ กรณเ์ สียหาย ปฏบิ ัติการ ช้แี นะ และทำการ บา้ ง และทำการทดลอง ไมท่ นั เวลา เสร็จทนั เวลา ตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทดลองเสร็จทันเวลา ต้องใหค้ ำแนะนำในการ อยา่ งมากในการบนั ทึก บันทึกและสรุปผลการ บนั ทึก สรปุ และ สรปุ และนำเสนอผล 3. การบนั ทกึ สรุป บนั ทึกและสรปุ ผลการ ทดลองไดถ้ กู ต้อง แต่ นำเสนอผลการทดลอง การทดลอง และนำเสนอผล ทดลองไดถ้ ูกตอ้ ง รดั กุม การนำเสนอผลการ การทดลอง นำเสนอผลการทดลอง ทดลองยังไมเ่ ปน็ ขนั้ ตอน เป็นขนั้ ตอนชดั เจน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 10-12 ดีมาก 7-9 ดี 4-6 พอใช้ 0-3 ปรบั ปรงุ 10
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การศกึ ษาวิชาฟิสกิ ส์ แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเน้ือหา 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรุง 11
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การศกึ ษาวชิ าฟสิ กิ ส์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำชีแ้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผ้อู ื่น 3 การทำงานตามหน้าที่ที่ไดร้ ับมอบหมาย 4 ความมีน้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ 12
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การศึกษาวิชาฟิสกิ ส์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมีน้ำใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคดิ เห็น ฟงั คนอ่ืน ตามท่ีไดร้ บั ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../............... ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง 13
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285