Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อริยุปวาท-2

อริยุปวาท-2

Published by mnbvc-98, 2020-04-07 05:03:47

Description: อริยุปวาท-2

Search

Read the Text Version

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๒๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจ้า แมลงทบั ถอื ดอกไม้ ของหอม เดินมุง่ หน้าตรงไป ตกแตง่ ไว้อยา่ งดีทีธ่ รรมสภา นางกเ็ ดนิ ไปยืนตรง ท่ีวดั พระเชตวนั ในเวลาทพ่ี วกคนพากนั ไปฟัง พระพกั ตร์ แล้วด่าต่อหน้าผ้คู นท้ังหลายวา่ ธรรม เมื่อมคี นถามว่า “จญิ จา เธอกาลังจะไป “มหาสมณะ พระองค์ดีแต่แสดงธรรมแก่มหาชน ไหนในเวลานี้” นางตอบแบบมีเลศนัยวา่ “พวก เท่าน้นั แหละ เพราะเสียงของพระองคไ์ พเราะ รมิ ท่าน อยากจะรูไ้ ปทาไม” แลว้ แอบแวะไปพัก ฝปี ากสวยงาม ส่วนหม่อมฉนั ได้ท้องกบั พระองค์ นอนอยู่ในวดั ของนักบวชเดียรถยี ์ที่อยใู่ กล้ๆวัด ใกล้คลอดแล้ว หากพระองคไ์ มห่ าสถานทค่ี ลอด พระเชตวัน เม่อื มีพวกอุบาสกกาลังออกจากใน หรอื หาหยกู ยาสาหรบั คนท้องใหห้ มอ่ มฉัน ถ้าไม่ เมืองตอนเช้าตรู่ เพอื่ จะไปถวายบงั คมพระพุทธ อยากทาเอง แลว้ ทาไมไม่ตรสั บอกพระเจา้ ปสั เสนทิ องค์ นางจญิ จา ทาทที ่าให้คนสงสัยเหมือนกับว่า โกศล หรืออนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี หรือนางวิสาขา ไดพ้ กั อยู่ในวดั พระเชตวันตอนกลางคนื แล้ว มหาอบุ าสกิ าคนใดคนหน่ึง หรือ ตรัสบอกพวกคน กาลงั จะเดนิ ทางเขา้ ไปในเมือง อปุ ฏั ฐากใหช้ ว่ ยกันทาคลอดและดูแลหมอ่ มฉันดว้ ย มอี ุบาสกคนหนง่ึ ถามว่า “เมอื่ คนื นี้ เจา้ แต่นี่ พระองค์ทรงรู้แต่จะเสพสมอภิรมยเ์ ทา่ นั้น ไม่ พกั อยู่ทไี่ หนหรือ” นางก็ตอบแบบเดมิ พอผา่ นไป ร้จู กั รับผิดชอบ” ๑-๒ เดือน เม่ือมีคนถามอีก ก็ตอบวา่ “ดฉิ นั อยู่ ในพระคนั ธกฎุ เี ดียวกนั กับพระสมณโคดม ในวดั พระเชตวันน่นั แหละ” คาตอบประโยคน้ี ทาให้ ปุถชุ นคนทั่วไปที่ยังไม่บรรลธุ รรม เกิดความ ลังเลสงสัยคลางแคลงใจวา่ “เรื่องนี้ เป็นจริง หรอื ไม่จริง” พอเวลาผ่านไป ๓-๔ เดอื น นางกเ็ อาผ้า พบั ใหเ้ ป็นทอ่ น แล้วพันทที่ ้อง ทาให้เหมอื นกบั วา่ ตั้งท้อง ใหพ้ วกคนหูเบาโง่เขลา เข้าใจผดิ คิด วา่ นางมที อ้ งกับพระสมณโคดม พอผ่านไป ๘-๙ เดอื น กผ็ ูกไมก้ ลมไวท้ ท่ี ้อง หม่ ผา้ ทบั ไวข้ า้ งบน ใช้ใหค้ นทบุ หลังมือและเทา้ ตนเองใหบ้ วม คาใส่ร้ายปา้ ยสขี องนางจญิ จาน้ี เปน็ ขน้ึ ทาสีหน้า ผิวพรรณใหเ้ หมือนกับคนมี เหมอื นปากอ้ นคถู ใสด่ วงจนั ทร์ พระพุทธองค์ ทอ้ ง ได้งดแสดงธรรมแล้ว แล้วตรสั อยา่ งองอาจวา่ ในเวลาเย็น ขณะทพี่ ระพุทธองค์ กาลงั “นอ้ งหญิง เรื่องนี้ จะจริงหรอื ไม่ เราและเจ้า ประทับนัง่ แสดงธรรมบนธรรมาสนท์ ี่ประดบั เทา่ นน้ั ที่ร”ู้ นางจญิ จา พดู อยา่ งหนา้ ตาเฉยอีก

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๓๐ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ วา่ “แน่นอน มหาสมณะ เรื่องนี้ ใครอนื่ จะรไู้ ด้ กม็ ี เม่ือเหตุการณ์เปิดเผยความจรงิ หมดแลว้ แต่พระองค์และหม่อมฉนั เทา่ น้นั แหละที่ร้”ู ผู้คนท้งั หลาย ไดเ้ กดิ ความศรทั ธาเล่อื มใสในพระ ทนี่ งั่ ของท้าวสักกะ จอมเทพแหง่ สวรรค์ พทุ ธองคม์ ากกวา่ เดมิ หมดความเลอื่ มใสในพวก ชั้นดาวดึงส์ เกดิ ภาวะแขง็ กระดา้ งผิดปกติไม่ นักบวชเดียรถยี ์ นิ่มนมุ่ เหมอื นกอ่ น พระองค์ทรงใครค่ รวญอยู่ ก็ ทราบว่า “นางจิญจา กาลงั ดา่ ใส่รา้ ยปา้ ยสีพระ ขอ้ คดิ ...คตธิ รรม ตถาคตเจ้า เราจะช่วยทาเรอื่ งนใ้ี หก้ ระจา่ งแจ้ง” เพอื่ ประกาศความจริงและความบรสิ ทุ ธ์ขิ อง ๑. แม้พระพทุ ธองค์ยงั ถกู ใสร่ ้าย คน พระพทุ ธเจา้ ผู้เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ทว่ั ไปหรือจะพ้นคนนินทา ทง้ั หลาย จงึ เสดจ็ มากับเทพบตุ ร ๔ องค์ โดยท่ี สพั พญั ญูโพธสิ ตั ว์ผมู้ ีบญุ ญาธิการอัน เทพบตุ ร ๒ องค์แปลงตัวเปน็ หนู ไปกดั เชือกท่ผี ูก ยงิ่ ใหญ่ ในภพชาติสุดท้าย แม้เพียงประสูติออก ท่อนไมก้ ลมใหห้ ลุด เทพบตุ รอีก ๒ องคใ์ ช้ฤทธิ์ จากครรภ์พระมารดาชวั่ ครู่เดยี ว พระองคก์ ม็ องไม่ ทาลมพัดเวิกผา้ ห่มข้ึน ไม้กลมพลดั ตกลงทหี่ ลัง เห็นใครในโลกและจกั รวาลท่จี ะตอ้ งเคารพกราบ เท้าของนางทาใหป้ ลายเท้าทัง้ ๒ ข้างแตกเป็น ไหว้ จะป่วยกล่าวไปใย หลังจากได้ตรสั รู้แล้ว แผล ความจริงจึงถูกเปิดเผยว่า นเ้ี ปน็ แผนนารี ฉะน้ัน พระพทุ ธเจา้ ผู้มีสพั พัญญญุ าณ รู้แจ้ง พิฆาตของนางจญิ จาซ่ึงกาลังพดู ใสร่ า้ ยพระ โลกและเป็นพระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ พุทธองค์ โดยไม่มมี ลู ความจริงใดๆเลย ท้งั หลาย ดารงอย่ใู นฐานะเปน็ ผู้ล้าเลศิ ประเสริฐ กลุ่มคนท่ีอย่ตู รงน้นั ต่างไม่พอใจในการ สดุ ขนาดนี้ ก็ยังมีคนมาพดู ตาหนไิ ด้ จะปว่ ย กระทาของนาง จงึ พากันจับตวั แล้วฉดุ ลากออก กล่าวไปใยถึงคนธรรมดาสามญั จะไม่โดนดา่ จากวดั พระเชตวัน การท่ีนางจญิ จาได้พดู ใสร่ า้ ย เพราะฉะนน้ั ถ้าใครโดนนนิ ทา ถูกใส่ร้าย ปา้ ยสี ป้ายสีพระพุทธเจา้ ผบู้ รสิ ุทธ์ิ ถือว่า เป็นกรรม กค็ ิดในทางธรรมเสียว่า “คงเป็นกรรมเก่าของเรา หนัก มโี ทษใหญ่หลวง เพราะฉะนน้ั พอลบั ทีเ่ คยทาไว้ในอดีตและเป็นกรรมใหมเ่ ขาที่มาทากับ สายพระเนตรของพระพุทธองค์เทา่ นน้ั แม้ เรา” หากเข้าใจกฎแห่งกรรมอยา่ งลึกซ้งึ จริงๆ แผ่นดินซึง่ ไมม่ ีจิตใจ กท็ นแรงบาปของนาง เราจะไม่คิดโกรธ ผกู อาฆาตหรือเสยี ใจนาน แลว้ ไม่ได้ จงึ แยกเปน็ ชอ่ ง สูบเอาร่างของนางให้ จะรู้จกั วิธแี ก้ไขสถานการณน์ ั้นๆดว้ ยปัญญา จมลึกลงไปตามลาดบั จนมิดศีรษะแล้วจม ตอ่ ไป ดีกว่าจะผกู ใจเจ็บ คิดแกแ้ คน้ จองเวรตอ่ หายไปในพระธรณี โดยไมม่ ใี ครช่วยได้ หลงั จาก กันอยา่ งไมม่ วี นั สิน้ สุด นางตายแลว้ ได้ไปเกิดในอเวจีนรก

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๓๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ๒. คบคนพาล นาไปสคู่ วามหายนะ ๓. สตั วโ์ ลก ย่อมเป็นไปตามกรรม นางจญิ จา แม้จะเกดิ มารูปรา่ งหน้าตา แม้จะถูกดา่ ต่อหนา้ สาวกท้งั หลาย สวยงามเหมอื นกบั นางฟ้านางสวรรค์ คงเกิดจาก พระทัยของพระพทุ ธองค์ก็ยงั นงิ่ สงบ ไม่ไดโ้ กรธ บุญเก่าบางสว่ นของนางที่เคยทาไว้ในอดีตชาติ และไม่หวน่ั ไหว ทรงมีพระเมตตาและมหากรุณา จงึ ไดเ้ กิดมางดงามเชน่ น้ี แตจ่ ติ ใจของนางกลับ ตอ่ คนดแี ละคนเลวเทา่ กนั พระองค์คงไม่ ตรงกนั ข้าม คือ ไม่ได้งดงามเหมือนหน้าตาเลย ต้องการให้นางจญิ จามาด่าเชน่ น้ันเพราะจะเกิด บิดเบ้ียวเหยเกดว้ ยมจิ ฉาทิฏฐิ อกี ท้งั ยังมาคบกบั ผลร้ายกบั นางเอง เดยี รถียค์ นพาลสันดานหยาบ จนกลายมาเป็น เมื่อนางจญิ จาได้ทาอริยุปวาทไปแล้ว เครอ่ื งมือในการทาช่วั ของคนอนื่ ในขณะทอี่ ริยุปวาทกรรมกาลังส่งผลทาให้นาง ถา้ หากวา่ กลั ยาณมติ ร เป็นทง้ั หมดของ ถกู ธรณีสบู ถึงพระพทุ ธองค์ อยากจะชว่ ย แต่ก็ พรหมจรรย์ ฉนั ใด แมบ้ าปมติ ร ย่อมเป็นเครือ่ ง ทาไมไ่ ด้ เพราะสัตว์โลก ยอ่ มเปน็ ไปตามกรรมท่ี บ่อนทาลายพรหมจรรย์ให้หมดส้ินได้ ฉนั น้ัน การ ทาไว้ ทาดี ยอ่ มไดร้ ับผลกรรมดี ทาชัว่ ยอ่ มได้รบั คบกับบณั ฑิต เป็นสิริมงคลแกช่ วี ิต ฉันใด การคบ ผลกรรมชว่ั ในขณะทีก่ รรมส่งผล ใครไม่สามารถ กับคนพาล กเ็ ปน็ อัปมงคลแกช่ วี ิต ฉนั น้ัน เพราะ จะหา้ มได้ แม้ตวั ของนางจิญจาเอง หากรู้ คบคนเชน่ ใด ยอ่ มเปน็ คนเชน่ น้ัน คนพาล ลว่ งหนา้ มาก่อนว่า การใส่ร้ายพระพทุ ธเจ้า เป็น ยอ่ มแนะนาในทางฉบิ หายอยา่ งเดยี ว เพราะ บาปหนกั และทาใหต้ กนรก กค็ งไม่กลา้ ทา ความหลงผดิ จิตมดื บอด นางจิญจา คนปากไม่ ดี พูดใส่รา้ ยปา้ ยสพี ระพทุ ธเจ้า ผูไ้ ม่มคี วามผดิ ๔. พระพุทธเจา้ หา้ มวิบากกรรมไม่ได้ เหมอื นปาคูถใส่พระจนั ทร์ เหมอื นถม่ นา้ ลายรด แม้พระพุทธองค์ มีฌานและอภิญญา ฟา้ และเป็นเหมอื นเทหม้อยาพิษใส่ลงในแมน่ า้ สูงสดุ เปน็ สพั พญั ญู ถงึ กระนน้ั เมอ่ื กรรมส่งผล มหาสมุทร เหนื่อยเปล่าและสดุ ท้าย ตัวเองก็ต้อง พระองค์ หา้ มไมไ่ ด้ การทีพ่ ระองคท์ รงถกู ใส่ร้าย มีอนั เป็นไป ถกู ธรณีสบู ตายโหงและเกดิ ในนรก เปน็ ผลสบื เน่ืองมาจากกรรมเก่าทพ่ี ระองค์ทเ่ี คย อเวจอี ีกยาวนานจนนับภพชาติไมถ่ ว้ น ใส่ร้ายคนอืน่ มาในชาติกอ่ น ดงั ทีต่ รสั พยากรณ์ พระพทุ ธเจา้ ชื่อว่า เป็นยอดแหง่ เนือ้ นา กรรมเกา่ แกภ่ ิกษุทั้งหลายทส่ี ระอโนดาตวา่ บุญของโลก ไม่มผี ้ใู ดเสมอเหมอื น ฉนั ใด ในทาง “ภิกษุทั้งหลาย เธอท้ังหลายจงฟังกรรม ตรงขา้ ม ผทู้ ก่ี ลา่ วร้ายต่อพระองค์ จะต้องไดร้ บั เกา่ ของเรา...เพราะการกล่าวต่พู ระเถระนามว่านนั บาปกรรมอยา่ งใหญห่ ลวงเหมอื นกัน ฉันนั้น ทะผู้เปน็ สาวกของพระพทุ ธเจ้า ผคู้ รอบงาอันตราย  ข.ุ อป. (แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๓๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ทั้งปวง เราจึงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกเปน็ การคุ้มครองรกั ษาจากเทพเจา้ เหลา่ เทวดามา เวลานาน ถงึ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ครน้ั ไดเ้ กิดเปน็ ต้ังแต่ถอื ปฏสิ นธใิ นครรภพ์ ระมารดาแล้ว สาเหตทุ ถี่ ูกใส่ร้ายครั้งน้ี เปน็ เพราะกรรม มนุษย์ ก็ได้รบั การกล่าวตู่มาก ดว้ ยผลกรรมที่ เหลืออยู่นนั้ นางจญิ จมาณวกิ า จงึ มากล่าวตู่เรา เกา่ ของพระองค์ เปน็ กรรมใหม่ของนางจญิ จา และอรยิ ปุ วาทกรรมน้ี ส่งผลให้เห็นทันตาคอื ด้วยคาไมจ่ รงิ ท่ามกลางหม่ชู น” ภกิ ษรุ ูปนั้น คงเปน็ พระอรหันต์ และแม้ ถูกแผ่นดนิ สบู จนตาย หลงั จากตายแล้ว กต็ ้อง ท่านจะไมไ่ ดจ้ องเวรเพอ่ื แกแ้ ค้น แต่เศษกรรมเก่า ไปเกดิ ในอเวจนี รกอกี ยาวนาน จนนบั ชาติไม่ ท่เี หลือ ยังมอี ิทธิพล มพี ลังดงึ ดูดให้นางจิญจา ถ้วน หากพน้ จากนรกแลว้ เม่ือวิบากยังไม่สิ้น ผู้ทม่ี เี ชือ้ กรรมเหมือนหรอื คล้ายกนั ใหม้ า หากเกดิ เป็นมนษุ ย์ มแี นวโน้มว่า จะตอ้ งถูกคน พูดใส่รา้ ยปา้ ยสี และเป็นกรรมใหม่ของนางซง่ึ อ่นื ที่ไม่หวังดีพดู ใส่รา้ ยในเรือ่ งแบบนี้อีกหลาย จะตอ้ งรับวิบากกรรมน้ีในอเวจนี รกอกี ยาวนาน ภพชาติแนน่ อน เป็นกงเกวียนกาเกวียน การ อยา่ งแสนสาหสั เมอื่ พ้นจากนรกมาแล้ว ได้เกดิ หมุนแหง่ กรรมไม่มีที่สดุ จนกว่าจะชดใช้หมด เปน็ มนุษย์ จะถกู คนใส่ร้ายเรอื่ งชสู้ าวอยา่ งหนัก หรือจนกวา่ จะได้บรรลธุ รรม อกี หลายร้อยชาติ ในเวสสนั ดรชาดก ซ่งึ เปน็ อดตี ชาตขิ องพระ กรรมเกา่ ทง้ั หลายท้งั ปวงของพระองค์ใน โพธสิ ตั ว์เมื่อครัง้ เกดิ เปน็ พระเวสสันดร ราชาแห่ง ชาตินี้ ได้หมดสนิ้ แลว้ พระองค์จะปรนิ ิพพาน กรงุ สีพี ผู้บาเพญ็ ทานบารมีอนั ยง่ิ ใหญ่ไม่มีใคร และไมม่ ีภพชาติอีกตอ่ ไป เหมอื น ในเนื้อหาชาดกบางตอน ไดก้ ลา่ วถงึ นาง อมิตตา เมยี สาวของชูชก ไดใ้ ชส้ ามีแก่ไปขอชาลี ๕.กรรมใสร่ ้ายผบู้ ริสทุ ธิ์ และกณั หา เพือ่ มาเป็นทาสรบั ใช้ เม่ือพระเวสสนั ดร ในฐานะเปน็ สพั พญั ญู เม่อื มีเหตุการณ์ ได้ใหล้ กู เปน็ ทาน พราหมณเ์ ฒา่ ชูชก ก็ใช้เถาวลั ย์ เชน่ น้ี พระพทุ ธองค์ต้องทรงรเู้ รอ่ื งนี้โดยตลอด จงึ มัดแขนของสองกมุ าร แล้วทั้งลากดงึ ทงั้ ตี ทาให้ชา ไม่ได้หว่นั ไหว ตอนแรกไม่มีอริยสาวกคนไหนท่ี ลีกณั หาเจบ็ ปวดทรมานอย่างมาก ตอนท้าย พระ จะลกุ ข้ึนมาปกป้องต่อวา่ นางจญิ จา เพราะมี พุทธองค์ทรงสรุปชาดกวา่ นางอมิตตตา เกดิ มา ความเคารพในพระศาสดา จงึ ต้องทาให้ท้าว เปน็ นางกิญจามาณวิกา ส่วนชูชกเกดิ มาเปน็ พระ สกั กะ จอมเทพแห่งดาวดึงส์และเทพบตุ ร เทวทัต บรวิ ารต้องมาใหก้ ารคมุ้ ครองชว่ ยเหลือ ซง่ึ แหตุ นางจิญจา ไม่ได้ใส่รา้ ยป้ายสีพระพทุ ธองค์ การณน์ ้ไี มใ่ ชเ่ รือ่ งแปลก เพราะพระองค์ไดร้ ับ เพยี งแคช่ าตินเี้ ท่าน้นั แมใ้ นอดตี ชาติ สมัยพระองค์  ดู ท.ี มหา.(แปล)๑๐/๑๑-๑๔ มหาปทานสูตร

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๓๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า เปน็ มหาปทุมกุมาร นางจญิ จาเกิดเปน็ พระ ของเหรยี ญ รปู หลอ่ รูปป้นั ของชูชกนัน้ เปน็ มารดาเลี้ยง พูดใส่รา้ ยพระองค์วา่ ล่วงเกนิ พระนาง มจิ ฉาทิฏฐิ เปน็ ความเข้าใจผดิ เหมือนกรณี แล้วถกู พระราชาลงโทษดว้ ยการจับโยนทิง้ เหว อลาตเสนาบดีมหาอามาตย์ของพระเจา้ องั คติ จนถงึ แกค่ วามตาย หากมองในแงก่ รรมสัมพันธ์ ราชแหง่ แควน้ วิเทหะประกาศวา่ คอื อกศุ ลส่งเสรมิ อกศุ ล บาปย่อมสนบั สนุนบาป “บาปไมม่ ีจรงิ หรอก เพราะระลึกชาตไิ ด้วา่ จากบาปเลก็ นอ้ ยไปสู่บาปมหันต์ เมือ่ ชาติที่แลว้ เขาเคยเกดิ เปน็ นายพรานฆ่าสัตว์ ฉะนัน้ มีส่วนเป็นไปได้ทีว่ ิบากกรรมเก่าซงึ่ ตัดชีวติ มาเยอะ แต่มาในชาตนิ ้ี เขากลบั มาไดเ้ ปน็ นางเคยใชช้ ูชกสามีแก่ไปขอชาลีและกัณหา แม้เกิด เสนาบดี ถา้ บาปมจี รงิ แล้วทาไมเขาไม่ได้รบั ผล มาในชาตนิ ้ี จึงถกู พวกเดยี รถยี ห์ ลอกใชใ้ ห้ไปทา ของบาปกรรมนั้น” สาเหตุที่อลาตเสนาบดีเขา้ ใจผดิ เช่นน้ี บาปจนตวั เองตอ้ งวอดวาย เพราะเขามขี ้อมูลนอ้ ย ระลึกชาติทผ่ี า่ นมาได้ ในยุคปจั จุบนั ชาวพทุ ธหลายท่านนยิ ม เพียงชาตเิ ดยี ว แตน่ อกจากน้ันระลึกไม่ได้ จงึ เคารพนบั ถือบูชารูปหลอ่ รูปปนั้ ชูชกด้วยความ สรุปผลทเ่ี กิดขนึ้ กบั ชีวิตเขาผิดพลาดไป ส่วน เช่ือวา่ “ทาให้ชวี ิตเจรญิ รุ่งเรอื ง คา้ ขายรา่ รวย เรอ่ื งที่เขาได้มีเกียรติมียศ ชอ่ื เสยี งตาแหนง่ ใน สมบรู ณพ์ ูนสขุ ด้วยโภคสมบตั ิ” ในเรื่องนี้ หากพดู ชาตินถี้ ึงระดบั เปน็ เสนาบดี เนอื่ งจากผลบญุ ใน ตามหลกั ความจรงิ หรือกฎแห่งกรรมแล้ว ย่อม อดตี ชาติทีผ่ า่ นมา เขาเคยนาเอาดอกองั กาบไป เป็นไปไม่ได้ ขัดแย้งกับหลักคาสอนของ บชู าพระบรมสารีริกธาตุของพระกสั สปพุทธเจา้ พระพทุ ธศาสนา เพราะการเคารพศรัทธา อานสิ งสข์ องกศุ ลกรรมนั้น ทาให้เขาเกดิ ใน เลอ่ื มใสในผไู้ มม่ ศี ลี มธี รรม ซ่งึ เป็นผู้ไมค่ วร ตระกูลสงู สว่ นบาปกรรมท่ีเขาเคยทามาในชาติ แก่การเคารพศรทั ธาเล่อื มใสเชน่ ชชู ก ยอ่ ม ทีแ่ ลว้ น้ัน ยงั ไมส่ ง่ ผล รอการให้ผลอยู่ และส่ิงที่ เป็นกรรมหนัก เปน็ บาปมหันต์ ทาใหช้ วี ิตตา ควรต้งั ขอ้ สังเกต คอื วา่ อลาตเสนาบดีนั้น ต่าได้เหมือนสาวกผูเ้ ล่อื มใสในครูท้งั ๖ หรอื พระ ได้แก่ อดตี ชาตขิ องพระเทวทตั นัน่ เอง แม้ และชาวบ้านท่เี ล่อื มใสในพระเทวทตั แล้วจะทา เวลาจะผ่านมายาวนานแค่ไหนก็ตาม วิบากแห่ง ใหช้ ีวติ เจริญกา้ วหนา้ ไดอ้ ยา่ งไร แท้ทจี่ รงิ แลว้ มิจฉาทฏิ ฐิและบาปอกุศลที่เคยสัง่ สมไวใ้ น บุคคลท่ีประสบประสบความสาเร็จในชวี ติ ทา สันดาน ก็ยังตามส่งผลอยู่ จะเหน็ ไดว้ ่าวบิ าก มาหากินขึ้น ซึ่งเชื่อวา่ เกิดมาจากพลงั อานภุ าพ ของกรรมน้ันเปน็ อจนิ ไตยจริงๆ ดูมหาปทมุ ชาดกและอรรถกถาขุ.ชา.(แปล) ๒๗/๓๙๑-๓๙๒  ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๓๖๓-๓๙๐ มหานารทกสั สปชาดก เรอื่ งเวสสนั ดรชาดกและอรรถกถา ขุ.ชา.(แปล) ๒๘/๔๔๗-๕๖๐

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๓๔ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจา้

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๓๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า ...พระองคม์ ีรูปงาม น่าชม น่าเล่อื มใส อริยุปวาท เร่ืองท่ี ๑๘ เพราะสมบูรณด์ ว้ ยพระโฉม...พระองค์ทรงละ จกั รพรรดิราชอันจะมาถึง แลว้ ทรงออกผนวช” เม่อื พวกอัญเดยี รถีย์ มองไมเ่ ห็น นางสุนทรีดา่ พระพุทธเจ้าและภกิ ษุสงฆ๑์ ๒๓ ขอ้ บกพร่องเสียหายแม้นิดหน่ึงของพระพทุ ธองค์ ขณะท่พี ระพทุ ธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวัน ทจี่ ะนามาเป็นเงอื่ นไขในการโจมตีชีโ้ ทษ พอดีมี อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวตั ถี คนหนึง่ ซึง่ มคี วามคิดเฉียบแหลม เอย่ ข้ึนวา่ สมยั นั้น พระพุทธองค์และภิกษสุ งฆ์มมี หาชน ให้ “ท่านทัง้ หลาย ข้ึนชื่อวา่ ผู้ชาย จะไมช่ อบผูห้ ญิง ความเคารพ นับถือ บูชา สกั การะ นอบน้อม ยอ่ มไม่มีในโลก กพ็ ระสมณโคดมน้ี มีพระรปู สงา่ ทรงไดจ้ ีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลาน งามดังเทพบตุ ร อีกท้งั ยงั หนุ่มแนน่ ควรจะได้สาว ปจั จยั เภสัชบริขารมากมาย ส่วนพวกอญั สวยมาแนบชิด ถึงแม้นวา่ พระองค์ไม่พสิ มัย แต่ เดยี รถยี ์ปริพาชก นกั บวชต่างลทั ธิ กลบั ไม่มี ฝา่ ยประชาชนก็จะพงึ ระแวง เอาเถอะ พวกเราจะ ผู้เคารพนบั ถอื บูชา ขาดผลประโยชน์ เกิดความ ใชน้ างสนุ ทรปี ริพพาชกิ าสาว ผูม้ รี ูปร่างหน้าตา ไม่พอใจ จงึ ปรกึ ษากันว่า “ตง้ั แต่เวลาท่ีพระ งดงามกวา่ ใครทัง้ หมดไปทาลายชือ่ เสียงของพระ สมณโคดมเกดิ ขึ้นมา พวกเรา เสยี ผลประโยชน์ สมณโคดมใหป้ ่นปี้” มากมายเส่ือมลาภสักการะไปมาก เพราะเหตุใด นักบวชอญั เดียรถยี ท์ ุกคน ตา่ งก็ ผคู้ นทง้ั หลาย จงึ พากันเล่ือมใสพระสมณโคดม เหน็ ชอบด้วย แลว้ พากันเดินทางไปหานาง น้อมนาสกั การะเขา้ ไปถวายเปน็ อนั มาก” สนุ ทรที อ่ี ารามเพอื่ เรม่ิ แผนช่วั รา้ ย นางจึงออกมา ในบรรดาอัญเดยี รถีย์เหล่านนั้ หลายคน ตอ้ นรบั และถามถึงเหตุผลในการมา พวก เอย่ ข้ึนวา่ “เปน็ เพราะพระสมณโคดมประสตู ิใน เดียรถยี ์ทงั้ หลาย ทาทีท่าไมพ่ ดู จากัน บางคนก็ นง่ั ในที่กาบงั ท้ายอาราม นางเดนิ เขา้ ไปหา แต่ ตระกลู สงู ...พระองค์มเี หตุนา่ อัศจรรยป์ รากฏ มากมาย เช่น ขณะทีพ่ ระบดิ าอ้มุ พระกมุ ารไปไหว้ พวกเขากไ็ ม่พูดด้วย จึงถามวา่ “ดิฉนั มีความผิด พระดาบส แต่พระบาทกลับไปตั้งอยู่บนชฎาของ อะไรตอ่ ทา่ น ทาไม จึงไมใ่ หพ้ ูดด้วย เจา้ ข้า” พวกเดยี รถีย์ เมอ่ื ได้โอกาสจึงถามว่า กาฬเทวลิ ดาบส...ในงานพืชมงคล เมื่อพระองคท์ รง น่งั สมาธใิ ตต้ ้นหวา้ แมเ้ มือ่ เทยี่ งวนั ล่วงไปแล้ว เงา “นอ้ งหญิง เจา้ ไม่รูห้ รือว่า พวกเราถูกรังแกขม่ เหง” นางถามวา่ “เปน็ ใครกนั หละ เจา้ ข้า” แห่งต้นหวา้ คงตงั้ อยไู่ ม่เปลี่ยนไปตาม พวกเดียรถ์ ียเ์ ร่มิ พูดใสร่ า้ ยวา่ “พระสมณ โคดมนะซิ เป็นผู้ทาให้พวกเราไมไ่ ดล้ าภสักการะ ๑๒๓ ขุ.อุ. (แปล) ๒๕/๒๔๖-๒๔๙ ดู สุนทรีสตู รและอรรถกถา เจา้ ไมร่ ู้หรือ เมื่อเปน็ เช่นนี้ เจ้าจะมีทางชว่ ยเหลือ

อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๓๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า พวกเราซ่ึงเปรยี บเสมือนญาตกิ ันสกั อยา่ งหนึ่งได้ พอผ่านไป ๒-๓ วนั เมอื่ พวกเดยี รถีย์ หรือเปล่า” มั่นใจแล้ววา่ คนท้งั หลายคงเรมิ่ ระแคะระคาย นางถามว่า “ท่านเจ้าขา้ จะใหด้ ฉิ ันทาอะไร เร่ืองนี้แลว้ จึงจา้ งวานพวกนักเลงใหไ้ ปฆ่า นางเพื่อปิดปาก แล้วสั่งใหข้ ดุ หลมุ ฝังศพไว้ในคู ได้ทง้ั นั้น แม้ชวี ติ ดฉิ ัน กส็ ละให้ได้” พวกเดียร์ถยี ์ จึงกลา่ วว่า “ดีมาก น้อง ทีอ่ ยรู่ อบๆวดั เชตวนั ตอ่ มาจึงแสรง้ พากันส่ง หญงิ ถา้ เชน่ นั้น เจา้ จงไปทาตามแผนน้ี แล้วพดู ให้ เสยี งเอะอะโวยวายว่า นางสนุ ทรีหายตัวไป คนท้ังหลายหลงเช่ือวา่ พระสมณโคดมมอี ะไรกันกับ สงสยั นา่ จะถูกฆาตกรรม แลว้ พากันไปกราบทูล ผหู้ ญงิ ” พระเจ้าปสั เสนทิโกศล พระองคท์ รงรบั ส่ังถาม นางสุนทรปี ริพาชกิ าสาว ผู้โงเ่ ขลาเบาปญั ญา วา่ “พระคุณเจ้า สงสัยท่ไี หนเล่า” ไรเ้ ดยี งสา อ่อนต่อโลก ไม่รู้ทนั เลห่ ์เหล่ยี ม พวกอญั เดยี รถยี ์ปริพาชกทูลตอบวา่ “ที่ นักบวช หลงเชื่อคาลวง ตกเป็นเหยอ่ื ของคน วดั พระเชตวนั มหาบพิตร” องคร์ าชา จึงรบั สง่ั ว่า พาล กาลงั เดนิ ไปสคู่ วามหายนะโดยไมร่ ตู้ วั “ถา้ อยา่ งน้ัน พวกพระคุณเจา้ จงพากันสบื ค้นทว่ี ัด เหมือนต้องการจะจับเชือกรอ้ ยดอกไม้ทฟ่ี ัน พระเชตวันดูเถิด” พวกอัญเดียรถยี ์ จงึ พาพวกอปุ ัฏฐากของ เลื่อย เหมือนจบั งวงช้างดุร้ายกาลงั ตกมัน และเหมอื นเดนิ เข้าไปสหู่ ลุมมรณะ จงึ ตนไปค้นหาร่องรอยการฆ่านางสนุ ทรตี ามแผนที่ รับปากช่วยจัดการเรื่องน้ี วางไวใ้ กลๆ้ บริเวณวัดพระเชตวนั แลว้ ขดุ ศพ ในเวลาที่มหาชนไปฟังพระธรรมเทศนา นางตามท่ีตนสง่ั ให้ฝังหมกไว้ข้ึนจากคู ให้ ของพระศาสดา นางก็ถือเอาดอกไม้ของหอม ยกขนึ้ เตยี ง หามเขา้ ไปกรงุ สาวัตถี แล้ววางรา่ ง เครื่องลูบไล้ หมากพลู และเครื่องอบหน้าเปน็ ตน้ ของนางไวบ้ นแม่แคร่ ขุดหลุมฝังไวท้ ปี่ ่าช้าผดี บิ เดนิ ผ่านตัวเมือง ม่งุ หน้าไปยังเชตวนาราม เม่ือ กราบทลู วา่ ถกู ถาม จงึ ตอบแบบมเี ลศนยั วา่ “ไปเขา้ เฝา้ พระ “พวกสาวกของพระสมณโคดม คดิ จะ สมณโคดมมา เมือ่ คืนน้ีดฉิ นั อยใู่ นพระคันธกฎุ ี ปกปดิ กรรมชว่ั ทศ่ี าสดาตวั ทาเอาไว้ จึงพากันฆ่า เดยี วกันกบั พระองคด์ ว้ ย” แลว้ เธอก็แอบแวะไป นางสุนทรี แล้วขุดหลุมฝังหมกไว้ในคบู ริเวณรอบๆ พักในอารามของเดียรถยี ์แหง่ หนงึ่ พอเชา้ ตรู่ ก็ วดั พระเชตวนั ” แวะเข้าทางวดั พระเชตวัน มุ่งหนา้ มาพระนคร จากน้นั เดนิ ตามตรอก ซอกซอยและถนน พอมีคนถามว่า “สนุ ทรีไปไหนมา” ก็ตอบว่า ตา่ งๆ ใหค้ นทง้ั หลายตะโกนด่าวา่ “ท่านทงั้ หลาย “ฉันอยใู่ นพระคันธกุฎีเดยี วกันกับพระสมณโคดม เชญิ มาดกู ารกระทาของพวกพระสมณะเช้อื สาย ทงั้ คนื ท้าให้พระองค์มคี วามสุขดว้ ยกามารมย์ ศากยบุตร ซ่ึงหนา้ ด้านไม่มยี างอาย ไรศ้ ีลธรรม แลว้ เพ่ิงออกมา” พูดโกหก ไมป่ ระพฤติพรหมจรรย์ ความจรงิ แล้ว

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๓๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า พระเหล่าน้ีถึงจะปฏิญญาตนว่า เปน็ ผ้ปู ระพฤติ พวกเราไมค่ วรพดู เรอื่ งน้ีโดยเช่ือพวกเขาฝ่าย ปฏิบัติธรรม พูดแตค่ วามจรงิ ไม่โกหก มีศีลธรรม เดยี ว” พอวันที่ ๘ เสยี งดา่ ว่าก็เงียบหาย ทาง ประจาใจ แตค่ วามจรงิ กลับไมม่ คี วามเป็นสมณะอยู่ เลยแมส้ ักนอ้ ย ความเป็นสมณะของพระเหลา่ น้ี ฝ่ายบ้านเมือง พระเจ้าปสั เสนทโิ กศล จงึ รีบ ไม่มีแล้ว ทาไม ตัวเองกเ็ ป็นผู้ชายแทๆ้ จงึ กล้าฆา่ รบั สั่งให้พวกเจ้าหนา้ ท่ไี ปตรวจสบื คน้ ว่าใคร เปน็ ฆ่านางสุนทรี พวกนกั เลงทีเ่ ป็นผู้ลงมือ ขม่ ขนื ผู้หญงิ ” ยกเวน้ อรยิ สาวกผูบ้ รรลุธรรม ปถุ ชุ นคน สังหาร หลังจากไดค้ ่าจ้างมาแลว้ กน็ าไปซื้อสรุ า ท่วั ไปท้ังหลาย พอไดฟ้ งั เช่นนนั้ ก็เชอ่ื ทันที แล้ว มาด่ืม พอเมาได้ท่ี หเู ร่ิมอื้อ ตาลาย พูดกันไมร่ ู้ พากันแสดงกิรยิ าอาการไมเ่ คารพนบั ถอื ดา่ วา่ ติ เร่ือง ลงท้ายดว้ ยการเข้าใจกันผดิ มีปากเสียงกัน เตยี นพวกภกิ ษุ ภิกษุท้ังหลายกราบทูลเรอ่ื งน้ัน นกั เลงคนหนง่ึ ข้ึนวา่ “เอ็งนัน่ แหละเป็นผู้ลงมือ แด่พระศาสดา พระพุทธองค์ ได้ตรัสสอนวิธกี าร ฆา่ นางสนุ ทรี พอนางตายแล้ว กน็ ้าศพมาฝัง โต้ตอบกบั คนเหลา่ นั้นว่า “คนท่ีโกหกหรือคนท่ที า หมกไว้ทค่ี ูรอบๆวัดพระเชตวนั แลว้ เอาเงนิ ความช่ัว แล้วบอกวา่ “ฉนั ไมไ่ ดท้ ้า” คน ๒ ค่าจา้ งมาซ้ือเหล้าดืม่ ...เอา๊ ดืม่ ฉลองกันให้อยา่ ง จาพวกนัน้ ต่างกม็ กี รรมชั่ว ตายไปแล้ว จะต้องไป เต็มที่ไปเลยพรรคพวก” พวกเจ้าหน้าที่ พอได้ ยนิ ดังน้ันแล้ว จึงเข้าไปจับกมุ แล้วนาไปให้ เกิดในนรกเหมือนกัน” คนพวกนั้น เม่อื ไดย้ ินเสยี งโตต้ อบดงั น้นั พระราชา วนิ จิ ฉยั ตดั สนิ คดี พระราชาตรสั จงึ เปลีย่ นความคดิ ใหมว่ า่ “พวกพระสมณศากย ถามนกั เลงเหลา่ นั้นวา่ ไดเ้ ป็นคนฆา่ นางสนุ ทรี บุตร คงไม่ไดท้ ากรรมช่ัวตามท่ีพวกอญั เดียรถยี ์ จรงิ หรอื เปล่า พวกนักเลงกราบทลู ยอมรับความ เทย่ี วโพนทนาด่าว่าเปน็ แน่ เพราะแม้ท่านจะถูกด่า จริงวา่ เป็นคนฆา่ เอง พระราชาได้ตรสั ถามซกั ว่าอย่างไร ก็ไม่ได้แสดงอาการเดือดร้อน หวน่ั ไหว ทอดหาตัวผู้บงการอยเู่ บ้อื งหลัง พวกนกั เลง ไมส่ ะทกสะท้านใดๆ ยังอยู่ในอาการสงบเสงยี่ ม กราบทลู วา่ “พวกนกั บวชอัญเดยี รถีย์ เป็นผู้จา้ ง สารวมเหมอื นเดมิ เพยี งพูดโตต้ อบวา่ “คนพูด วานพระเจา้ ข้า” พระราชารับสั่งใหเ้ รียกพวกอัญ โกหก ตายแลว้ จะตกนรก” พวกพระสมณศากย บตุ รเหลา่ น้ี พดู เพียงโต้ตอบเหมอื นจะเตอื นสติเรา เดียรถยี ม์ าสอบปากคา ใหย้ อมรับความจรงิ ท่ีดา่ ว่าอย่างเดียวไปโดยไม่ไดพ้ จิ ารณา และเร่ืองท่ี แล้วทรงได้มีพระบัญชาใหพ้ วกคนเหลา่ น้ีไป เล่าลอื กนั น้ัน เราเองก็ไม่ไดเ้ ห็นกับตา เพียงแค่ได้ ประกาศทั่วพระนคร บอกความจรงิ แก่คน ยินมา อาจจะเป็นเรอ่ื งไมม่ ีมูลความจริงก็ได้ ทั้งหลายวา่ “พวกข้าพเจ้า ต้องการใสร่ า้ ยป้ายสี พวกอัญเดยี รถยี ์ คงสร้างเรื่องขน้ึ มาใส่ร้ายป้ายสี พระสมณโคดม จึงสั่งให้ฆา่ นางสุนทรนี ี้ สาหรับ พวกพระสมณศากยบตุ รก็เปน็ ได้ เพราะฉะน้ัน

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๓๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจ้า พระโคดมและพวกสาวกนั้น ไม่มีความผิด พวก กเ็ พยี งบอกปฏเิ สธและชี้แจงยนื ยนั ไปตามความ เปน็ จริงว่า เราไม่ได้ทาเช่นนั้น เพราะความจรงิ ก็ ขา้ พเจ้าเท่านัน้ เป็นคนผิดเอง” เมือ่ ความจรงิ ถกู เปิดเผย ผคู้ นทัง้ หลาย คอื ความจริง เปน็ สจั ธรรมทไี่ ม่มวี ันตาย ไม่ จึงพากนั รมุ ด่าว่าพวกเดียรถีย์ ในที่สุด ผู้จ้างวาน มีวนั เปลี่ยนแปลง เม่อื เช่ือม่ันในความจรงิ และพวกทลี่ งมือฆา่ กไ็ ด้รบั โทษทัณฑ์ตาม เชอ่ื มั่นธรรมะ จิตจะไม่กระเพื่อมหว่ันไหว สติมา บาปกรรมที่ทาไว้ นับแต่น้ันมา พระพุทธเจ้า และปญั ญาเกิด แล้วธรรมะจะคุม้ ครองคนพดู และพระภิกษสุ งฆ์ ยงิ่ มลี าภสักการะมากมายลน้ ความจริงให้ปลอดภยั หลามสุดจะประมาณได้ ๓.ธรรมะยอ่ มชนะอธรรม ข้อคดิ และคตธิ รรม ธรรมะ คอื ความจรงิ อธรรม คือ ความ ๑.น่ิงสงบ สยบการเคลือ่ นไหว เทจ็ ความจริงย่อมทนตอ่ การพิสจู น์ทุกท่ที กุ เมอื่ มปี ัญหาเกดิ ข้ึนในหมู่คณะ บัณฑติ เวลา แตค่ วามเท็จ ไมท่ นต่อการพิสูจน์ ธรรมะ คอื พระอรยิ เจา้ ทัง้ หลาย ย่อมไมแ่ สดงอาการข้ึน คือ พลงั อธรรม คอื ความออ่ นแอ พลังยอ่ ม ลง จิตใจไม่หว่นั ไหว ไม่ส่งเสียงเอะอะโวยวาย เหนอื ความออ่ นแอ ธรรมะ คือ บญุ อธรรม คือ ไมแ่ สดงอาการสะทกสะทา้ น พงึ น่งิ สงบด้วย บาป เมื่อมคี นยนื่ บุญให้ คงไม่มีใครกลา้ ปฏิเสธ ปญั ญา เพราะคนไม่ไดก้ นิ ปนู ย่อมไมร่ อ้ นทอ้ ง แต่บาป แม้จะใหฟ้ รีๆ ก็ไมม่ ใี ครอยากรับ เมอื่ เราเป็นผู้บรสิ ุทธ์ิ ไมไ่ ด้เปน็ ฝ่ายผิด หากพดู เพราะบุญเป็นของเยน็ บาปเป็นของร้อน มากไป อาจจะได้สองไพเบี้ย แต่ถา้ นิง่ เสีย อาจ ธรรมะ คือ ความดี อธรรม คอื ความช่ัว ความดี ได้ตาลงึ ทอง พระพทุ ธเจ้า เป็นผู้บรสิ ทุ ธ์ิท้ัง ทาในทีเ่ ปิดเผยได้ แตค่ วามชั่วตอ้ งทาในทล่ี ับ กายกรรม วจกี รรมและมโนกรรม และเป็น ธรรมะ คอื ความสะอาดบรสิ ทุ ธิ์ สงบและสวา่ ง สพั พัญญรู ู้แจง้ สรรพสง่ิ ยอ่ มทรงมีพุทธวธิ ีการ อธรรม คือ ความสกปรกเศร้าหมอง วุ่นวายและ และรู้ขั้นตอนในการแก้ปัญหาทกุ อย่าง มืดมวั คงไม่มใี ครไมต่ ้องการความสะอาด สงบ และสว่าง ธรรมะ คอื ยาวเิ ศษ อธรรม คอื ยาพิษ ๒.ความจริงเป็นสงิ่ ไม่ตาย ด่ืมยาวิเศษแล้วจะแขง็ แรงและเป็นอมตะ แต่ถ้า คนพดู โกหก พดู เท็จ พดู เรือ่ งไม่จริง จติ ด่ืมยาพษิ ชีวิตจะมอดม้วยมรณา ผู้รักธรรม เป็น ย่อมกระเพอ่ื มไหว ใจว้าวุ่นสับสน ไมม่ น่ั คงใน ผเู้ จริญ แต่ผู้รกั อธรรม เกลยี ดธรรมะเป็นผ้เู สอ่ื ม อารมณ์ ไม่มีสมาธิ ไรซ้ ง่ึ พลัง คนฉลาด เขาจะ ทราม เพราะฉะนัน้ ธรรมะ ยอ่ มอยู่เหนืออธรรม จับพิรุธได้ ไม่นานความจรงิ ก็เปิดเผย แต่ถ้าเรา ไม่ได้ทาผดิ เม่ือถกู กลา่ วหาวา่ “เปน็ คนผดิ ” เรา

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๓๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ๔. พระพทุ ธเจ้า ผ้เู ป็นเลิศ ไปเกิดในอบายภมู หิ มด ฉะนั้น จงึ ตอ้ งรอจนกวา่ ในการใช้วาทะ มีคนเห็นเหมอื นกัน จึงค่อยพูด เพ่ืออนเุ คราะห์ บางคนอาจสงสยั วา่ เพราะเหตใุ ด พระ ชว่ ยเหลอื ไมใ่ ห้ใครคิดดหู มน่ิ วา่ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเพ่อื พุทธองค์ ในฐานะเปน็ สพั พญั ญู ทาไม จึงไม่ตรัส ไม่ใหเ้ ป็นบาปกรรมแก่เขาเหล่านัน้ บอกความจรงิ กับพวกภิกษุวา่ นเ้ี ป็นแผนการ ใส่รา้ ยปา้ ยสีของพวกเดียรถีย์ ถึงแมพ้ ระองค์ ๕. ทาชว่ั ดว้ ยปาก ทรงบอกไป ก็ไมม่ ปี ระโยชน์ เพราะพระอริย บาปหนกั เกนิ กว่าจะคาดคดิ สาวกท้งั หลาย จะไม่กลา่ วให้ร้ายตอบอยู่แลว้ คนพาล มีนสิ ัยสนั ดานไม่ซ่อื สัตย์จรงิ ใจ แต่สาหรบั พวกชาวบ้านท่ีเปน็ ปถุ ชุ น เมอ่ื ตรสั เหน็ แก่ไดฝ้ ่ายเดียว ไม่เคยสานกึ ในบุญคณุ ใคร บอกไป หากพวกเขาไม่เช่ือ และคดิ ว่าเปน็ การ เห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นตนเปน็ สาคัญ จะต้องได้ แก้ตวั ก็จะเปน็ อรยิ ุปวาทอย่างหนกั สดุ ท้าย มากกว่าเสีย ไมเ่ ชอ่ื เร่ืองบุญบาป ไมเ่ ชอ่ื เร่อื งภพ ก็จะไปเกิดในอบายภมู ิ เพราะฉะนัน้ เพื่อ ชาติ เพราะฉะนนั้ ผทู้ ค่ี บค้าสมาคมกับคนพาล อนุเคราะห์คนเหลา่ นไ้ี ม่ให้ทาบาปกรรมโดยไม่ จงึ ตอ้ งขาดท้งั ทุน สญู ท้งั กาไรเหมอื นกรณีนาง จาเปน็ จึงรอเวลา เพราะทรงรู้กาลเทศะในการ สุนทรีปริพพาชกิ า นักบวชสาวผโู้ ง่เขลา ออ่ นตอ่ พูดความจริงเหมือนกรณีทที่ ่านพระมหาโมค โลก ดคู นไม่ออก เพราะไม่มีโยนิโสมนสกิ าร ขาด คัลลานะเห็นเปรตในขณะทีเ่ ดินลงมาจาก พิจารณญาณ ถูกกรรมเก่าปกปิด ไปหลงคบคน เขาคชิ กฏู กับทา่ นพระลกั ขณะ แล้วย้ิมนิดๆที่ ผดิ จงึ ถูกพวกนกั บวชเลวใช้เปน็ เครอ่ื งมอื ในการ มมุ ปาก พระลักขณะถามว่า เพราะเหตุใด ทาชวั่ จนตัวตาย แลว้ ยังต้องไปเกิดในอบายอกี ทา่ นยิม้ พระเถระตอบวา่ ผมขอพดู เรอื่ งน้ตี อ่ ยาวนานจนนับชาตไิ ม่ถว้ น พระพักตร์อยา่ งเดียว เพ่อื ให้พระศาสดา ภกิ ษุรูปหน่ึงได้เคยพดู ใส่ร้ายทา่ นพระ เป็นสกั ขพี ยาน และเมื่อพระเถระกราบทลู ให้ สารีบุตร ยงั ต้องมีเหตุตายได้ หากไมข่ อขมาโทษ พระพทุ ธองคร์ บั ทราบ พระพุทธองคต์ รัสยืนยัน ไมต่ อ้ งกล่าวถึงการพูดตาหนิพระอัครสาวกทัง้ วา่ เคยเหน็ เปรตตวั น้แี ล้ว ตง้ั แต่ตรสั รู้ใหม่ๆ สองวา่ จะมีผลรา้ ยมากแค่ไหน และจะปว่ ยกล่าว แตไ่ มต่ รัสให้ใครฟัง เพราะถา้ ตรสั ไปแล้ว เขาไม่ ไปใยถึงผลกรรมจากการพูดใสร่ ้ายพระศาสดา เชอ่ื ปฏิเสธ แลว้ คิดลบหลู่พระองค์ ตายแล้วจะ ฉะนั้น บุคคลผู้พดู ใสร่ า้ ยพระองค์ ยอ่ มเปน็ กรรมหนัก บาปมหนั ต์ สง่ ผลฉับพลนั ทันตา ท่านพระลักขณะ เป็นพระมหาสาวกองคห์ นึง่ ซงึ่ อปุ สมบทด้วย เหมือนกรณนี างสนุ ทรที ี่ต้องถูกฆา่ ปดิ ปาก เอหภิ กิ ขุอุปสมั ปทา และเป็นผู้หนึ่งในบรรดาชฏิล ๓ พีน่ อ้ ง จานวน เม่อื บาปกรรมให้ผล คนชั่ว พูดไปแบบไร้ ๑,๐๐๐ คนที่ไดบ้ รรลุพระอรหนั ต์เพราะฟังอาทติ ตปริยายสตู รทคี่ ยา สมองคิด ขาดการระวงั แล้วกพ็ ลาด ความลับท่ี สีสะ สัง.น.ิ (แปล) ๑๖/๓๐๓ อัฏฐิสูตรและอรรถกถา

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๔๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า เคยปิดมาตง้ั นาน จงึ ถูกเปดิ เผยดว้ ยความ น่าเกรงกลวั ผู้ได้สมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ มีฤทธม์ิ าก รเู้ ทา่ ไม่ถึงการณ์ พวกนกั บวชเดยี รถีย์ซึ่งเปน็ ผู้ จ้างวาน ได้ทาผิดหลายกระทง กลา่ วคอื ใสร่ ้าย มายงั สานักของเรา เราจงึ กลา่ วตฤู่ ๅษผี ้ไู มป่ ระทุษรา้ ยใคร ปา้ ยสี โยนความผดิ ใหค้ นอนื่ สนบั สนุนคนอืน่ ทา ชั่ว ดา่ ว่าพระพุทธเจ้าและอริยสาวก ถือวา่ ได้ ครั้งนน้ั เราไดบ้ อกพวกศษิ ย์ว่า ฤๅษีตนนมี้ ัก ทาอรยิ ปุ วาทกรรมอยา่ งหนกั มีผลรุนแรง ยาวนาน ต่างก็ได้รับโทษทณั ฑ์มีอนั เปน็ ไปทันตา บริโภคกามคุณ (เสพเมถุน) เพียงเราบอกเทา่ นนั้ พวก เชน่ เดียวกัน มาณพก็พลอยเชอื่ ตั้งแตน่ ้นั มา พวกมาณพทงั้ หมดไป ๖. เมื่อกรรมส่งผล หา้ มได้ยาก แมพ้ ระพุทธองค์ มีธรรมบารมเี หนอื สรรพ เท่ยี วหาอาหารในตระกูลท้งั หลายพากนั บอกประชาชนวา่ สัตว์ทง้ั มวลในสากลจักรวาลดว้ ยศีล สมาธแิ ละ ปญั ญา เปน็ พระอรหันต์หมดกิเลสอาสวะ และ ฤๅษีตนน้ีมักบริโภคกามคุณ ด้วยผลแหง่ กรรมน้ัน ภกิ ษุ เปน็ ผ้มู ีกาย วาจาและจิตบริสทุ ธ์แิ ลว้ ก็ตาม ถึง กระนน้ั เศษกรรมเก่าท่ีพระองค์เคยดา่ พระ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ ไดร้ ับการกล่าวตู่ เพราะนางสุนทรี ปัจเจกพทุ ธเจ้าและฤาษีผ้ไู ด้ฌานอภญิ ญา เปน็ เหตุ๑๒๔ ไว้ในอดตี ชาตใิ นขณะเปน็ โพธิสัตวเ์ วยี นวา่ ยตาย เกดิ ในสงั สารวฏั ยังตามมาส่งผลได้ ดงั ทตี่ รสั บางทา่ นอาจจะสงสยั ว่า ทาไม พยากรณ์บพุ กรรมของพระองค์ใหก้ บั พวกภิกษุ หมูใ่ หญ่ ฟังว่า พระพทุ ธเจา้ เป็นผู้ล้าเลิศประเสริฐสุดขนาดนี้ “...ในชาติอ่นื ๆ ในปางก่อน เราเกิดเปน็ นักเลง แล้ว ยังละกรรมไม่ได้ แก้กรรมไม่ได้ ยังมี ชื่อว่าปนุ าลิไดก้ ลา่ วตพู่ ระปจั เจกพุทธเจ้ามีนามวา่ สุรภี ผู้ ไมป่ ระทุษร้ายใคร ดว้ ยผลกรรมนั้น เราจงึ ได้เวยี นวา่ ย บาปกรรมบางอยา่ งสง่ ผลไดอ้ ีก แสดงว่า กรรม ตายเกดิ อยู่ในนรกเป็นเวลานาน เสวยทุกขเวทนาหลาย พันปี ดว้ ยผลกรรมทเ่ี หลอื อยู่นั้นในภพสดุ ทา้ ยน้ี เราไดร้ บั (บาปอกุศล) แก้ไม่ได้ เพราะถา้ กรรมแก้ได้ การกล่าวตเู่ พราะนางสุนทรีเป็นเหตุ... แล้วเพราะเหตุใด พระพุทธเจา้ ผูเ้ ปน็ สัพพัญญรู ู้ ...(ในอีกชาติหนงึ่ )เราเกดิ เป็นพราหมณ์ผู้มี ความรู้มาก ซึง่ ประชาชนสักการบูชา ไดส้ อนมนตรใ์ ห้ สรรพสิง่ กลบั ห้ามกรรมทีเ่ กดิ กับพระองค์ไมไ่ ด้ มาณพประมาณ ๕๐๐ คน ในปา่ ใหญ่ เราได้เห็นฤๅษผี ู้ คาตอบ คือ อรหตั มรรคจติ และอรหัตผลจิต ละกรรม(ทั้งกศุ ลและอกศุ ลกรรม)ทจ่ี ะนาเกิด ในชาตหิ นา้ และชาตติ อ่ ๆไปเทา่ นั้น ส่วน (กุศลและอกศุ ล)กรรมท่ที าหนา้ ท่ีส่งผลในชาติ ปจั จบุ ันน้ัน แม้อรหัตผล กล็ ะไมไ่ ด้ท้งั หมด เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ กบั ภกิ ษสุ งฆ์ ๕๐๐ รูปและท่านพระมหาโมคคัลลานะอคั ร สาวกเบื้องซา้ ยเลิศทางฤทธ์ิ จงึ ได้รบั เศษของ อกุศลกรรมเก่านีอ้ ยู่ ก็ไม่ใช่รบั เฉพาะผลกรรมที่ เปน็ บาปอกุศลเทา่ น้นั แมส้ ่วนที่เป็นผลของ กศุ ลกรรม ท่านก็ยงั ได้รับอยเู่ หมือนกัน ผูท้ ี่ ๑๒๔ ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗  ม.ม. (แปล) ๑๓/๔๒๑-๔๒๖ ดู อังคลุ ิมาลสูตรและอรรถกถา

อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๔๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ เรื่องเปรตผูม้ รี ูปรา่ งเหมือนงู ศึกษาธรรมะไมล่ ะเอียด ก็มักจะเข้าใจผิดคดิ ว่า บาปกรรมที่บคุ คลทาแลว้ ยังไม่ให้ผลทันที กรรมแก้ไมไ่ ด้ ถา้ กรรมแกไ้ ม่ไดจ้ ริงๆ แลว้ เราจะ เหมอื นนา้ นมที่รดี ในวนั นี้ ปฏบิ ัตติ ามอรยิ มรรค มีองค์ ๘ กล่าวคอื ศีล สมาธิ ปัญญาเพ่อื อะไร การพ้นทกุ ข์จะมีได้ บาปกรรมน้ันจะคอ่ ย ๆ เผาผลาญคนพาล อย่างไร เหมอื นไฟที่ถูกเถา้ กลบไว้ ฉะนัน้ พุทธพจน์ ๗.กรรมใสร่ ้ายผอู้ น่ื ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๔๙ ในยุคท่สี ังคมมนุษย์มกี ิเลส คอื ความ อยาก ความอาฆาตพยาบาทและความหลงผิด เรอ่ื งพระอัสสชิและพระปุนพั พสุกะ อย่างรุนแรง เห็นแกต่ ัว ยดึ ถอื กนิ กาม เกียรติ อานาจและเงินตราเป็นสรณะ คบกันเพราะ ผใู้ ดพงึ กล่าวสอน พร่าสอน ผลประโยชน์เป็นทีต่ ัง้ นยิ มการแข่งขัน ทาทุกวธิ ี และหา้ มจากความช่ัว ทางเพ่ือใหไ้ ดม้ าซง่ึ เงนิ และตาแหน่ง แม้จะเป็น การทาบาป แตถ่ า้ หากได้เงนิ ก็ยอม ผู้น้นั ยอ่ มเป็นท่รี กั ของสัตบรุ ษุ ทั้งหลาย ผลกรรมการพดู ใส่ร้ายป้ายสผี ู้อน่ื ไม่ว่า แตไ่ มเ่ ป็นทรี่ ักของอสตั บรุ ุษท้งั หลาย จะเป็นใครกต็ าม โดยเฉพาะพวกนักบวช เม่อื กรรมน้ีส่งผล มกั จะถกู คนอื่นจับผดิ หาเรอ่ื ง เรื่องพระฉันนเถระ ถกู กล่าวหาในเร่ืองไม่จรงิ และเมอ่ื ตนเองพดู ใส่รา้ ยคนอ่ืนเรือ่ งอะไร มกั จะมาทาผิดพลาดซ้า บคุ คลไมพ่ ึงคบมิตรช่วั ไม่พึงคบคนตา่ ช้า๓ รอยในสง่ิ ท่ีพดู ไว้เสมอ แม้เร่ืองทน่ี ินทาว่ารา้ ยคน พึงคบแต่กัลยาณมติ ร พงึ คบแตส่ ตั บรุ ษุ อ่ืนน้ันจะเปน็ จริงก็ตาม แต่ผ้พู ดู น้นั พดู ไปด้วย เจตนาดหู ม่ินเหยียดหยามดูถูกดูแคลน ไม่ได้พดู พุทธพจน์ ด้วยใจเป็นกลางหรือหวงั ดี ฉะนนั้ เม่อื กรรม ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๕๒ สง่ ผล จงึ ต้องมีอันเปน็ ไป ไม่อยา่ งใดก็อยา่ งหนง่ึ

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๔๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ เรอื่ งทพ่ี ราหมณไ์ ปเหน็ สมณะรปู หนึ่งทีค่ ูค่ วรกบั อริยุปวาท เร่ืองท่ี ๑๙ ลูกสาวตนน้ัน ไดย้ นิ กนั ไปท่วั ทุกหวั ระแหง ผคู้ น ท้ังหลาย ต่างกอ็ ยากร้อู ยากเหน็ วา่ เป็นใคร พระนางมาคันทิยาด่า ทาไมถึงโชคดอี ยา่ งนี้ จึงเดินทางออกไปพรอ้ ม พระพทุ ธเจ้าและเหล่าอริยสาวิกา๑๒๕ กบั พราหมณ์น้ันดว้ ย ขณะที่พราหมณ์นัน้ พาภรรยาและลกู นางมาคันทยิ าเปน็ ธิดาของพราหมณ์ ชอื่ สาวเดินทางมา พระศาสดามไิ ด้ประทับยืน ณ ท่ี มาคันทิยะ ในแคว้นกุรุ แม้มารดาของนางก็ชอื่ เดิม แต่ทรงแสดงรอยพระบาทเอาไวใ้ หเ้ ป็น มาคนั ทยิ าเหมือนกัน ถึงอาของนาง กย็ งั ชอื่ มา เครอ่ื งหมายแทนพระองค์ แลว้ ได้เสด็จไป คนั ทยิ ะอกี ด้วย มาคนั ทิยาเป็นคนมีรูปร่าง ประทับยืนในทแ่ี ห่งหนึ่ง ซงึ่ ไม่หา่ งไกลจากท่ีนั่น หน้าตางดงามปานหนง่ึ นางฟ้า เม่อื บิดายงั มากนกั เมือ่ มองดูรอบๆ พราหมณ์ ได้เหน็ รอย หาสามที คี่ ู่ควรแก่ลูกสาวแสนสวยไมไ่ ด้ ถึงแม้ พระบาท แลว้ พูดขึ้นวา่ “นี้เปน็ รอยเท้าของเขา” ตระกูลใหญๆ่ มาทาบทามสขู่ อ แต่กถ็ ูกตะเพดิ ในฐานะทมี่ กี ารศกึ ษาสูงจบถงึ ไตรเพท นาง กลับไปทุกราย พราหมณี วิเคราะหต์ รวจตราดูรอยพระบาทแล้ว ต่อมาวนั หนง่ึ พระศาสดาทรงตรวจดู จึงพดู กับสามีวา่ “ทา่ นพราหมณ์ นมี้ ิใชร่ อยเท้า สัตวโลกในเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นอปุ นสิ ัยแห่ง ของผู้เสพกาม แต่น้เี ป็นรอยเทา้ ของผ้ไู มม่ ีกิเลส” อนาคามผิ ลของสองสามภี รรยาคูน่ ้ี จึงได้เสด็จ แต่พราหมณ์ กไ็ มเ่ ช่ือ หันมองดูข้างโนน้ ข้างนี้ ไปโปรดท่ีโรงบูชาไฟนอกหมู่บ้าน มาคนั ทิย แล้วมองเหน็ พระศาสดา จงึ พดู วา่ “โน่นไง ชายผู้ พราหมณ์ พอมองเห็นพระรูปอันสงา่ งามของ น้ันอยู่ตรงโนน้ ” จึงพากันเดินไปเฝ้า แลว้ กราบ พระองค์แล้ว คดิ จะยกลกู สาวแสนสวยใหเ้ ป็น ทลู วา่ “ทา่ นสมณะ ข้าพเจ้าจะขอยกธิดาคนนี้ให้ ภรรยา จงึ ทูลขอรอ้ งใหพ้ ระองค์รออยู่ตรงนนั้ แต่งงานกบั ท่าน หวงั ว่าคงไม่ปฏเิ สธ” พระศาสดาได้ทรงประทับยืนนง่ิ ดุษณีภาพ ไม่ พระศาสดา ไม่ได้ตอบปฏิเสธหรอื ตรัสอะไร ยอมรับ แต่ได้ตรสั เลา่ เร่ืองของพระองค์ตั้งแต่ ฝา่ ยพราหมณ์ จงึ ได้รีบกลบั ไปเรอื น ทรงออกผนวช ถกู พยามารตดิ ตามตลอดเวลา สั่งภรรยาและลกู สาวให้เตรียมตัวโดยดว่ น เมื่อ แล้วได้ตรัสรู้ธรรมทโ่ี คนต้นโพธ์ิ จนถงึ ขณะท่ี ทุกอยา่ งพร้อมแล้ว จึงรบี เดนิ ทางไป ข่าว ๑๒๕ ข.ุ อุ. (แปล) ๒๕/๓๑๙ อุเทนสูตรและอรรถกถา  ม.อุ.(แปล)๑๔/๔๔๗-๔๕๑,ปณุ โณวาทสูตรและอรรถกถา, ป.ธ. ๖/๖๙-๑๐๕ เร่ืองมารธิดา พ่อและน้องพ่อชอ่ื มาคันทยิ ะ สว่ น อัง.จตุกก. (แปล)๒๑/๕๘ ดู โทณสูตรและอรรถกถา แมแ่ ละตัวเธอ ชอื่ เหมือนกันคือ มาคันทิยา เรอื่ งรอยพระพทุ ธบาทนั้น จะปรากฎแกค่ นทีพ่ ระองค์ทรงต้องการให้ ป.ธ. ๒/๑-๒๐ เรอื่ งพระนางสามาวดี เหน็ เทา่ น้ัน นอกนนั้ รอยพระบาทจะหายไปทันที เพราะพระองค์ทรงมี กาลงั มาก ทกุ ก้าวยา่ งพระบาทจงึ เบาไมป่ รากฎรอยใหเ้ หน็

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๔๓ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจา้ ประทบั อยู่ ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ ท่ีสปั ดาห์ ต้องการในตัวเรา ก็ควรจะบอกตามตรง แต่ ท๘่ี หลังตรัสรู้ โดยมใี จความว่า สมณะน้ี กลับพดู วา่ เราสกปรกมีแตอ่ จุ จาระ ปสั สาวะ เอาเถอะ วันขา้ งหนา้ เรามีอานาจ ไดส้ ามี “เราตถาคตไดเ้ ห็นนางเทพธิดาซึง่ เลอโฉม ดี จะต้องแก้แค้นพระองค์ใหไ้ ด้” ไม่มอี ะไรเปรยี บท้ัง ๓ นาง คือ นางตัณหา นาง อรดี และนางราคา แตไ่ ม่ทรงมีความยินดีพอใจใน ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ ทรงทราบ เร่อื งเมถุนกบั เทพธดิ าเหลา่ นั้น แล้วเหตุไฉน จะมี เรอ่ื งน้ีเปน็ อยา่ งดี แตท่ ตี่ รัสเช่นนนั้ เพอื่ ให้ ความพึงพอใจเพราะเห็นนางมาคันทิยาธดิ าของ พราหมณ์และพราหมณีได้เห็นโทษของกาม ท่านน้ี ซ่ึงมีรา่ งกายเต็มไปดว้ ยอจุ จาระปัสสาวะ และจะทาให้ได้เข้าถึงธรรม หลังจากไดบ้ รรลุ เราตถาคตไมป่ รารถนา แมจ้ ะเอาเท้าสัมผัสกับธิดา ธรรมแลว้ สองสามีภรรยา จึงได้พาลกู สาวไป ของท่าน ฝากไว้กับนอ้ งชายชื่อจูฬมาคันทยิ ะ แลว้ พากนั ออกบวช ต่อมาไมน่ าน ทัง้ สองทา่ น กไ็ ด้บรรลุ พราหมณ์และภรรยา ได้ยืนน่ิงฟังดว้ ยความ อรหตั ตผล ต้ังใจ พรอ้ มทูลถามปญั หาธรรมะกบั พระพุทธ องคห์ ลายข้อ เม่ือพระองคแ์ สดงธรรมจบลง ท้งั ฝ่ายนายจฬู มาคันทิยะผเู้ ป็นอา รดู้ ีว่า สองสามีภรรยา ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุ นางมาคันทิยาน้ีเป็นอติ ถรี ตั นะมีคา่ ลา้ จึงพา ธรรมขั้นอนาคามิผล๑๒๖ ส่วนนางมาคันทิยา เดนิ ทางไปเมอื งโกสมั พี แลว้ ทูลถวายนางแด่ ลูกสาวผ้มู ีความสวยแตร่ ปู และโงเ่ ขลาเบา องค์ราชนั ย์ พระเจ้าอุเทน เพยี งแค่ทอดพระเนตร ปญั ญาในทางธรรม มองไมเ่ ห็นคณุ ของพระพุทธ เหน็ ความงามของนางเท่านัน้ พลันเกดิ สเิ น่หาใน องค์ กลับผูกใจเจบ็ วา่ “ถา้ สมณะรปู น้ี ไมม่ ีความ ตวั นางอยา่ งมาก ถึงขนาดประทานการอภิเษก สมรส แล้วมอบนางสนม ๕๐๐ คนให้เปน็ บริวาร ๑๒๖ ข.ุ สตุ .(แปล) ๒๕/๗๐๑-๗๐๕ มาคนั ทยิ สูตร ตั้งไวใ้ นตาแหนง่ แห่งอคั รมเหสี อกี องคห์ นึ่ง ข.ุ ม.(แปล) ๒๙/๒๑๗-๒๔๕ เม่ือไดต้ าแหนง่ และอานาจสมใจแลว้ ตอ่ มาวนั หนงึ่ พระนางได้ขา่ วพระศาสดา เสดจ็ มายงั เมืองนี้ แคน้ เกา่ จงึ ลุกโชนข้ึนมา จึง คิดแผนแกแ้ ค้นโดยจ้างพวกทาสและกรรมกรให้ ไปดา่ ว่าพระองค์ เพอ่ื ให้อายและหนไี ปทอี่ ื่น  พระเจา้ อเุ ทนมพี ระมเหสีอยู่ ๓ พระองค์ คอื พระนางวาสลุ ทตั ตา พระธิดาของพระเจา้ จณั ฑปัชโชติแห่งกรุงอชุ เชนี พระนางสามาวดี ธดิ าบุญธรรมของโฆสกเศรษฐี แห่งเมอื งโกสมั พี และพระนางมา คนั ทิยา ธิดาของมาคันทิยพราหมณแ์ ห่งแควน้ กรุ ุ

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๔๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า พวกคนมจิ ฉาทิฏฐิ ไมเ่ ล่อื มใสในพระ องค์ราชนั ย์ แตแ่ ผนนี้ ลม้ เหลวไมเ่ ป็นผล เพราะ รตั นตรยั เหน็ แก่อามิสสนิ จ้าง รบี พากันออกไป องค์ราชาไมใ่ ส่พระทัย ดา่ วา่ พระพทุ ธองคต์ า่ งๆนานา เช่นวา่ เจา้ เปน็ เมอ่ื แผนใส่ร้ายเร่อื งไก่ไม่เปน็ ผล พระ โจร เปน็ คนพาล เปน็ คนบา้ เปน็ อูฐ เป็นววั เป็น นางมาคนั ทิยา จึงคดิ แผนใหม่ โดยใช้งูพิษเปน็ ลา เปน็ สัตว์นรก เป็นสตั ว์ดริ จั ฉาน สุคตขิ องเจา้ ไม่ เคร่อื งมือ ได้ใหค้ นจัดเตรยี มงพู ิษมาให้ เม่ือได้ โอกาส จงึ ใสง่ ูพษิ ซึง่ ถอนเขีย้ วออกแล้ว ลงไปใน มี เจ้าจะต้องเกิดในทคุ ติอย่างเดยี ว ท่านพระอานนท์ พอได้ฟังคาด่าแล้ว ได้ พณิ หัสดกี ันต์ของพระราชา ซึง่ อีก ๒-๓ วัน จะ กราบทลู ใหพ้ ระศาสดาเสด็จไปเมอื งอืน่ แต่ ถึงวาระ เสด็จไปประทบั ในพระตาหนักของ พระองค์ตรสั พุทธอปุ ัฏฐากวา่ ปัญหาเกิดท่ีไหน ก็ พระนางสามาวดี แล้วพระนางก็แสรง้ ทลู ควรแกท้ น่ี น่ั เราจะต้องอดทนเหมอื นพญาช้างตวั คะยนั้ คะยอขอตามเสด็จไปด้วย โดยอ้างวา่ เขา้ สสู่ งคราม และพวกทถี่ ูกจา้ งให้มาด่า จะด่าอีก ทรงเหน็ สบุ ินไมด่ ีและเกรงจะมีเหตรุ ้ายเกิดข้นึ กับ องคร์ าชา ไม่เกิน ๗ วัน เรื่องกจ็ ะสงบ แมจ้ า้ งคนใหไ้ ปด่าวา่ แต่ก็ไมไ่ ดผ้ ลตามท่ี พระเจ้าอเุ ทน ไมท่ รงร้เู ร่ืองแผนนี้ เมื่อ ตอ้ งการ พระนางจึงเปลย่ี นแผนหันมาเลน่ งาน เสด็จไปถึง ได้ทากจิ ทุกอย่างตามปกติ วางพิณ พวกพระนางสามาวดผี ูเ้ ป็นอรยิ สาวิกาของ ไวเ้ บื้องบนพระเศยี ร แลว้ ทรงบรรทม พระนาง พระองค์แทน โดยแสรง้ ใหส้ ่งไกท่ ่ียังไมต่ ายไป มาคันทยิ า แสร้งทาเป็นเดนิ ไปมา พอได้โอกาส ๘ ตัว เพอ่ื ทาเปน็ แกงอ่อม นามาถวายพระราชา จึงดึงกลุ่มดอกไมอ้ อกจากช่องพิณ งูพิษอด เพราะรู้ดีว่า พระนางสามาวดีและพวกบริวารไม่ อาหารถึง ๒-๓ วัน เลือ้ ยออกมาจากช่องน้ัน ฆา่ สตั ว์ตดั ชีวติ เพราะเปน็ อริยสาวก แล้ว แล้วพ่นพิษ แผ่พังพาน นอนบนแท่นท่บี รรทม จะต้องส่งกลบั แลว้ จงึ แสร้งสง่ ไก่ตายไปใหแ้ กง พระนางมาคนั ทยิ า จึงแสรง้ ร้องเอะอะ อ่อมเหมือนกัน แตท่ ีนใ้ี หเ้ พ่อื นาไปถวายพระ โวยวายข้นึ วา่ “งพู ิษ งูพิษ เพค่ะ” แล้วหลอก พทุ ธองค์ ซงึ่ พวกพระนาง จะตอ้ งรับทาด้วย ด่าองค์ราชาและพระนางสามาวดีวา่ ความยนิ ดีเพราะเปน็ ไกต่ าย เมื่อทกุ อยา่ ง “พระเจา้ แผน่ ดินโง่องค์นี้ ชา่ งไรว้ าสนาแท้ เป็นไปตามแผนชว่ั ที่วางไว้ พระนางมาคนั ทิยา ไมฟ่ งั คาตักเตือนของเรา แม้อีหญงิ พวกน้ี กช็ ัว่ ช้า จงึ รีบทลู ฟอ้ งว่า คนพวกนไ้ี มม่ ีความจงรักภักดตี ่อ สิน้ ดี พวกมัน ไมเ่ คยได้อะไรจากพระเจ้าแผน่ ดิน หรือไร หากองค์ราชานี้ สวรรคต พวกเจา้ คงจะ อยสู่ ุขสบายแท้ แต่ถา้ พระองค์ ยังทรงพระชนม์อยู่  ธ.ป. ๗/๒๑๑-๒๑๖ เรอื่ งของพระองค์ พวกคนทพ่ี ากนั มาด่าทอ พวกเจา้ คงจะลาบากใจซิท่า ถงึ ว่าวนั นี้ เราเห็น เหลา่ นั้น หลังจากพระพุทธองคแ์ สดงธรรมให้ฟงั ก็ได้บรรลเุ ป็นพระ สุบินไมเ่ ป็นมงคลเลย พระองค์เอย๋ พระองคไ์ ม่ โสดาบันดว้ ยกนั ทั้งหมด ทาใหแ้ ผนของพระนางมาคนั ทยิ าล้มเหลว

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๔๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ ทรงฟังเสยี งของหม่อมฉัน แมท้ ลู วิงวอนว่า ไม่ควร หยุดน่งิ ตรงพระหทัยของพระราชาดว้ ยพลงั แห่ง เสด็จไปตาหนักของพระนางสามาวดี” เมตตาของพระนางสามาวดี พระเจา้ อุเทน ไม่ทรงร้วู า่ เป็นเลห่ เ์ หลย่ี ม และแผนชวั่ ของพระนาง เมื่อทอดพระเนตรเหน็ งู พระราชาทรงพระดารวิ า่ “ลกู ศรท่ีเรา ทรงสะดงุ้ ตกพระทยั กลวั และพโิ รธอย่างนกั ได้ ยิงไป สามารถแทงทะลไุ ด้แมซ้ ง่ึ ศลิ า และไมไ่ ด้ ทรงตาหนพิ ระนางสามาวดีและหญิงบริวาร กระทบอะไรในอากาศ แล้วทาไม ลกู ศรน้กี ลบั มงุ่ อย่างรนุ แรง พร้อมทั้งขู่จะฆา่ ใหต้ าย ฝา่ ยพระ เปา้ ตรงหวั ใจของเรา ขนาดลูกศรไมม่ ีชวี ติ จิตใจ นางสามาวดีรวู้ ่ากาลังถกู พระนางมาคนั ทิยา ยังรคู้ ณุ คน แตต่ วั เราท้ังท่ีเป็นมนุษย์แท้ ๆ กลับ ใส่ร้าย จึงให้โอวาทแก่พวกผู้หญิงทเ่ี ป็นบรวิ าร ไมร่ ู้คณุ คน” ทรงสะด้งุ กลัวตกพระทยั ทิง้ คนั ธนู วา่ ทรงน่ังประคองอัญชลี แทบบาทมลู ของพระนาง “เธอทง้ั หลาย ท่ีพง่ึ อนื่ ของพวกเราหามไี ม่ สามาวดี ตรสั ขอโทษท่ีทรงหลงผดิ ไปชัว่ ครู่ นอกจากพระรัตนตรยั จงแผ่เมตตาจติ ให้กับ พระราชา และพระนางมาคนั ทยิ าเถิด อย่าได้ถอื และขอให้พระนางชว่ ยชวี ิตพระองค์ไวด้ ้วย แต่ โทษโกรธเคืองใครๆ” พระนาง กลบั กราบทลู ว่า “ข้าแต่มหาราช ขอ พระเจา้ อุเทนนัน้ ทรงมพี ระกาลงั มาก พระองค์ ทรงพระพทุ ธเจ้าว่าเปน็ ทพ่ี งึ่ เถิด อย่าทรง ประมาณช้าง ๕ เชอื ก ได้ถอื ธนมู สี ณั ฐานดัง ถึงหม่อมฉนั เป็นท่ีพึ่งเลย และขอพระองค์ ทรงเป็น งาชา้ ง ซงึ่ ต้องใช้คน ๑,๐๐๐ คนถึงจะโก่งได้ ทีพ่ ่ึงของหมอ่ มฉันด้วย” ทรงขน้ึ สาย พาดลกู ศรอาบยาพิษ เลง็ ไปทีเ่ ปา้ คอื พระนางสามาวดี ซงึ่ ประทบั ยนื อยขู่ ้างหนา้ พระราชาทรงสดบั เช่นน้ัน ย่ิงกลัวมากข้นึ ส่วนหญงิ บรวิ าร ยืนตามลาดบั กนั ไป แล้วปลอ่ ย ลกู ศรตรงไปทพี่ ระอุระ(อก)ของพระนางสามาวดี กวา่ เดิม แลว้ ตรัสว่า “เรานี้ หลงเลือนจริงๆ มืด เพอื่ ยิงให้ตาย แตด่ ้วยอานุภาพแหง่ เมตตาของ แปดด้านไปหมดแลว้ สามาวดเี อย๋ เจา้ จงช่วยเรา อริยสาวิกาท้งั หลาย ลกู ศรอาบยาพษิ กท็ าอะไร ด้วยและเปน็ ที่พึ่งของเราด้วย” พระนางจงึ ทูล ไม่ได้ หนาซา้ ยังกระดอนกลับมาทีเ่ ดิม ลอยมา ปลอบพระราชาใหเ้ บาพระทัย เมอ่ื องคร์ าชา  ผทู้ ม่ี พี ลังทางกายเท่ากบั ชา้ ง ๕ เชอื ก ท่ีปรากฎในคมั ภีร์อรรถกถามี ตรัสว่า “ถ้าเช่นนัน้ เราขอถึงเจ้าและพระศาสดาวา่ นางวสิ าขา คนใชข้ องนางวิสาขา หมอชวี ก โกมารภัจ พันธลุ ะ เป็นทีพ่ ่งึ และเราจะให้พรแกเ่ จา้ ” จงึ กราบทูลว่า เสนาบดี พระเจา้ อเุ ทนและพระเทวทัต “ขา้ แตม่ หาราช หม่อมฉันขอรบั พร” สงั .ส.(แปล) ๑๕/๕๐-๕๑ สกลิกสูตรและอรรถกถา, ธ.ป. ๓/๗๑-๑๑๕ เรือ่ งนางวิสาขา พระเจา้ อุเทนเสด็จเขา้ ไปเฝ้าพระศาสดา ทรงปฏญิ าณพระองค์ถงึ ไตรสรณะ ทรงนมิ นต์ให้ พระพทุ ธองคแ์ ละภกิ ษุสงฆ์รับบิณฑบาต ถวาย ทานแดภ่ ิกษสุ งฆ์ซ่ึงมีพระพุทธเจา้ เปน็ ประธาน ตลอด ๗ วนั แล้ว แล้วทรงเรียกพระนางสามาวดี มารับพร พระนางจึงขอพร โดยให้กราบ

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๔๖ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า อาราธนานมิ นต์พระศาสดาพร้อมท้ังภิกษุ ๕๐๐ พระราชาทรงสดับข่าวเรื่องตาหนักของ รูป เสด็จมา ณ ที่ตาหนักนเี้ ปน็ ประจาเพ่ือจะได้ พระนางสามาวดถี กู ไฟไหม้ แมร้ บี เสดจ็ มา แต่ ฟงั ธรรม ชา้ ไปไม่ทนั เวลา ตาหนกั ถกู ไฟไหม้หมดแลว้ พระราชาถวายบังคมเพื่อให้พระศาสดา ทรงเกิดโทมนสั อยา่ งมาก ราลกึ ถงึ ความดีของ รบั นิมนต์ แต่พระพุทธองค์ทรงปฏเิ สธ เพราะ พระนางสามาวดี ทรงแน่พระทยั วา่ เร่ืองนี้ มหาชนยงั ตอ้ งการธรรมะจากพระองค์อยู่ จึงทรง ตอ้ งเป็นฝมี ือพระนางมาคนั ทิยาส่ังให้ทา รบั สั่งพระอานนท์เถระให้ทาหนา้ ท่ีนี้ แน่นอน แตห่ ากจะถามตรงๆ จะถกู ปฏเิ สธ เมือ่ แผนทกุ อย่างลม้ เหลว พระนาง เพราะกลวั อาญา จึงแสรง้ ตรัสกับพวกอามาตย์ มาคนั ทยิ า จงึ คดิ แผนขั้นเด็ดขาด คือ วางเพลิง วา่ “ท่านท้งั หลาย นานมาแลว้ ทเ่ี รามีแต่ความ ฆ่า ดังนนั้ เมอ่ื พระเจา้ อเุ ทน เสด็จไปทรงกีฬาใน หวาดระแวงรอบด้าน เพราะพระนางสามาวดี พระราชอทุ ยาน พระนางจึงส่ังให้อาทาตามแผน จบั ผิดเราฝ่ายเดียว ตอนน้ี พระนางก็ทิวงคตไป ทีค่ ดิ ไว้ โดยใหร้ ีบเดนิ ทางมาทต่ี าหนกั ของนาง แลว้ ต่อจากน้ีไป กเ็ ราสบายใจและจะไดม้ ีความสขุ สามาวดี ใหเ้ อาผ้าชุบน้ามนั พันไวท้ ่ีเสาตาหนัก เตม็ ท”ี่ บอกให้พวกผู้หญิงทงั้ หมดมารวมตัวกันอยู่ใน พวกอามาตยท์ ลู ว่า “ขา้ แต่สมมติเทพ สถานทเ่ี ดยี วกนั ปิดประตู ล็อคกุญแจ แลว้ จดุ ไฟ แลว้ ใครเลา่ หนอ เปน็ ผวู้ างเพลงิ เผาพระตาหนกั ” เผาตาหนกั ให้ไฟคอกพวกน้ันตายอยา่ ให้เหลอื พระราชาแสร้งตรสั วา่ “คงจะเปน็ ผู้ท่มี คี วาม แมแ้ ต่คนเดยี ว นายมาคนั ทิยะ กไ็ ด้ทาตามแผน จงรักภักดตี ่อเรา กระมั้ง” พระนางมาคนั ทิยา นั้นทุกอยา่ ง ทรงยืนเฝา้ อยู่ไม่ไกล ได้ฟงั เชน่ น้นั จึงกราบทลู ขณะท่ไี ฟกาลงั ลุกไหมต้ าหนักอยนู่ ้นั วา่ “คงไมม่ ีใครทาเช่นนีไ้ ด้หรอก เพค่ะ นอกจาก ทางฝา่ ยพระนางสามาวดีและบริวารรู้ตวั ว่า ถกู หม่อมฉนั คือ หม่อมฉันสั่งอาให้เป็นผลู้ งมือ” รอบวางเพลิง แต่หนีออกไปทางไหน ไม่ได้ จึงได้ พระราชา แสรง้ ตรัสตอ่ ไปอกี วา่ พากนั ปลงตก วางใจเป็นกลาง แล้วใหโ้ อวาทวา่ นอกจากเจ้าแลว้ คงไม่มผี ้ใู ดท่ีมคี วามรกั และ “พวกเราท่านทั้งหลาย อย่าไดต้ กใจกลัวไปเลย จง ภักดเี ชน่ นี้ จึงทาทีเหมอื นจะให้พร แล้วให้เรียก พิจารณาเห็นทกุ ขเวทนา ความเจ็บปวดทรมานนี้ หมญู่ าติดว้ ย พระนางมาคันทยิ า หลงกล ไม่ แหละ เพื่อบรรลธุ รรมก่อนสิน้ ชวี ติ เถิด” หญิง รทู้ นั จึงรบี สง่ ขา่ วแก่พวกญาติให้มารบั รางวลั เหล่านน้ั ได้ใชเ้ วทนาคอื ความเจ็บแสบปวดร้อน โดยเร็ว พระเจา้ อุเทน รบั ส่ังใหท้ าการต้อนรบั เปน็ อารมณก์ รรมฐาน บางคนได้บรรลสุ กิทา อยา่ งยิง่ ใหญแ่ ก่ญาติทงั้ หมดของพระนาง แม้ คามิผล บางคนได้บรรลอุ นาคามิผล พวกคนท่ไี ม่ไดเ้ ป็นญาติกบั พระนาง แตม่ ี บาปกรรมปกปดิ ไว้ พอเห็นรางวัลมากมาย

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๔๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ ตา่ งพากันติดสนิ บนเจา้ หน้าที่ แลว้ แสดงตวั กงจักรเปน็ ดอกบวั เห็นคนดเี ป็นคนชว่ั จงึ เข้าใจ เปน็ ญาติของพระนางมาคนั ทิยาด้วยเช่นกนั ผดิ ผกู อาฆาตต่อพระศาสดาผมู้ ีแตค่ วามหวงั ดี พระราชา ไดท้ รงรับสั่งให้จบั กมุ คนเหล่าน้ัน เหมอื นกันฉันนนั้ ทงั้ หมด แล้วใหข้ ุดหลุมลึกประมาณแค่สะดือ ท่ี พระลานหลวงแลว้ ใหค้ นเหล่านนั้ น่ังลงในหลมุ คน ๒.ฟงั เรอ่ื งเดยี วกัน ละหลุม เอาดนิ กลบ ใหเ้ กล่ยี ฟางไว้เบอ้ื งบน แล้ว แตค่ ิดไมเ่ หมอื นกัน จุดไฟเผาทง้ั เป็น พอผวิ หนังเริ่มถูกไฟไหม้ รับสงั่ การทคี่ นเราฟงั เรือ่ งเดยี วกนั แตค่ ดิ ไม่ ใหเ้ อาไถเหล็กไถกลบั ไปกลบั มา จนไม่มีช้ินดี พวก เหมือนกัน เข้าใจไมเ่ หมือนกัน ท้ังนี้ เกดิ จาก คุณภาพจิตใจแตกต่างกัน กลา่ วคอื คนหนงึ่ เป็น คนบาปเหลา่ น้ี พากันถึงแกช่ วี ติ ท้ังหมด พระราชารับสั่งใหเ้ อามดี เชือดเน้ือจาก สัมมาทฏิ ฐิ อกี คนเปน็ มิจฉาทฏิ ฐิ หรือมีคณุ ธรรม รา่ งกายของพระนางมาคันทิยา ตรงที่มีเน้อื ลา่ ๆ คอื ศรัทธา ศลี สตุ ะ จาคะและปญั ญาไมเ่ ท่ากนั ใหท้ อดเหมือนขนมแล้ว แบง่ กันรบั ประทาน เหมอื นกรณีพระเจา้ พมิ พิสารพรอ้ มทงั้ บรวิ าร ประมาณ ๑ แสน ๑ หม่ืนคนเขา้ เฝ้าพุทธเจ้า ฟัง ธรรมเรือ่ งเดยี วกัน ประโยคเดยี วกนั เวลา ข้อคดิ คตธิ รรม เดยี วกนั แต่ได้ผลไม่เทา่ กนั พระเจา้ พิมพิสาร ๑.ฟังไมไ่ ด้ศพั ท์ และบริวาร ๑ แสนคนไดบ้ รรลโุ สดาบัน ส่วน จับเอามาคิดเคียดแคน้ อกี ๑ หม่ืนไดเ้ พียงแค่ศรทั ธาในพระรตั นตรยั  พระพทุ ธเจา้ ในฐานะเป็นอจั ฉริยบุรุษใน ท้ังนี้เพราะอะไร ถา้ ไมใ่ ชค่ ุณธรรมภายในสง่ั สม การใช้วาทศลิ ป์ เพ่ือประโยชน์แก่สองสามี มาไม่เทา่ กนั พระพุทธเจ้าตรัสพทุ ธพจน์อยา่ ง ภรรยาไดม้ องเหน็ โทษของกามและได้บรรลธุ รรม หน่ึง พระภกิ ษรุ ปู อ่ืนอาจจะคดิ ได้ ๑-๓๐ นัย แต่ จึงตรัสเชน่ นน้ั สองคนฟังแล้ว ไดบ้ รรลุ สาหรับท่านพระสารีบตุ ร เม่อื ฟงั ธรรมแล้ว อนาคามิผล สว่ นลกู สาวฟังเรอื่ งเดยี วกนั แต่ สามารถคดิ ได้ เปน็ ๑,๐๐๐ นัย ทงั้ นี้เพราะ กลับเขา้ ใจผดิ คดิ ว่า พระพุทธองคท์ รงตาหนิ จงึ ทา่ นสัง่ สมมาทางปญั ญาบารมโี ดยเฉพาะ โกรธไม่พอใจ คดิ แกแ้ ค้น ฉะน้ัน หากมีใครเข้าใจเราถูกหรอื ผิด กม็ ี เน่ืองจากบาปกรรมท่ีล่วงเกินมารถาผใู้ ห้ นัยคล้ายคลึงกันน้ี จงวางใจให้เปน็ กลาง จะชว่ ย กาเนิดและในฐานะเปน็ อริยสาวกโสดาบัน เม่ือ ทาใหเ้ ข้าใจคนอ่ืนง่ายขึ้น ร้จู กั เอาใจเขามาใส่ใจ บาปกรรมนน้ั อานวยผล ทาให้นายมติ ตวนิ ทกุ ะ เรา แลว้ จะรวู้ ่าเขาคดิ กบั เรายงั ไง การใหอ้ ภัย มองเห็นกงจักรเป็นดอกบวั ฉันใด พระนางมา คันทยิ า กค็ งถกู วิบากกรรมเก่าปกปดิ จงึ เหน็  ว.ิ มหา. (แปล) ๔/๖๕-๖๘

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๔๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า และแก้ไขสถานการณอ์ ันไมน่ ่าพงึ ปรารถนาด้วย และไม่เคยถวายทานแก่พระพุทธเจ้าหรอื ภกิ ษุ ปัญญา ก็จะง่ายข้ึน สงฆ์ ทัง้ ๆท่ีตวั เองมีโอกาสจะทาอย่างน้ันต้งั หลายครัง้ ๓.สวยแต่ร่างกาย แต่ใจเน่าเหมน็ พระพทุ ธองค์ตรสั ถึงการเขา้ กันได้ คบคา้ นางมาคันทิยา เกดิ มาสวยเพราะบุญเกา่ สมาคมกนั ได้ของสตั วโ์ ลก เพราะโครงสร้าง ในอดีตทาไวด้ ดี ว้ ยการทาบญุ ให้ทาน ถวาย วิบากกรรมเหมอื นกัน โดยมีใจความว่า ไม่วา่ จะ เสื้อผ้าอาภรณ์ ไมโ่ กรธและรกั ษาศลี มาดี จึงเกดิ เป็นอดีต ปจั จบุ ันหรืออนาคต สัตว์โลกทงั้ หลาย มาสวย แตค่ งทาบุญด้วยศรัทธาอย่างเดียว ไม่มี จะเข้ากนั ได้ คบกนั ได้ สนทนากันได้ เพราะ ปัญญากากบั ไมเ่ คยตงั้ จติ อธิษฐานเพอ่ื พบเจอ อชั ฌาสัยเหมอื นกนั จริตเหมือนกนั โครงสร้าง พระอรยิ เจา้ จงึ ไดแ้ ตค่ วามสวย กลายเปน็ สวย เหมอื นกัน คนดีก็คบคนดี คนชว่ั ก็คบคนชัว่ คนมี แต่รปู รา่ งกายภายนอก แต่ใจภายในกลบั สมั มาทฐิ กิ ็คบกันได้กับคนประเภทเดยี วกนั คนมี มดื บอด แทนท่จี ะเกิดศรทั ธาเลอ่ื มใสและได้ มิจฉาทิฐกิ ไ็ ปกนั ไดก้ บั พวกเดยี วกัน คนประเภท ประโยชน์จากพระศาสดาเหมือนพ่อแม่ กลับ เดยี วกัน ยอ่ มดงึ ดดู เขา้ หากนั เหมือนพระนางมา สรา้ งบาปกรรมอันหนักหนาสาหสั ดว้ ยการใชใ้ ห้ คนั ทยิ ากับนายมาคันทยิ ะผ้เู ป็นอา เข้ากันได้เป็น คนอื่นมาด่าวา่ พระพทุ ธองค์ ผไู้ ม่มคี วามผิด ซ่ึง ป่เี ป็นขลยุ่ ไมเ่ คยขดั กนั เม่ือรว่ มกนั ทาบาป ก็ จะไดร้ ับผลบาปไมแ่ ตกตา่ งกนั ระหวา่ งผู้จ้างวาน ตอ้ งได้รับผลบาปร่วมกนั ตกนรกเหมือนกัน เฉก และคนดา่ ฉะนัน้ บณั ฑติ ผู้ฉลาด จึงไม่ควร เช่นเดียวกนั กบั พระเทวทัตกับพวกภกิ ษุผู้เป็น ตัดสนิ ใครแคเ่ หน็ จากรูปร่างหรอื เครือ่ งแต่งกาย คณะเดยี วกนั ภิกษณุ ีชือ่ นนั ทาทม่ี ีความนยิ ม วา่ เปน็ คนดี จะต้องดูนานๆและใชพ้ ิจารณา ชมชอบศรทั ธาเลือ่ มใสในพวกภกิ ษุกลุ่มของพระ ญาณให้รอบคอบ เทวทัต แม้ในกรณีของนางจิญจมาณวกิ า และ นางสนุ ทรกี ับพวกนกั บวชเดยี รถยี ์ ก็เขา้ กันได้ ๔. คนเหมอื นกนั ยอ่ มดึงดูดกนั คบกนั ไดเ้ พราะมโี ครงสร้างจติ ใจใกลเ้ คยี งกนั กนั หลงั จากพอ่ แม่ของนางมาคนั ทิยาได้ บรรลอุ นาคามิผลแลว้ ก็ออกบวช ต่อมาสาเร็จ ๕.พลังแหง่ เมตตา เป็นพระอรหนั ต์ แต่ไม่ไดก้ ลับมาโปรดลกู สาว คนดผี คี ้มุ ครอง เทวดาปกป้องรกั ษา พระ หรอื ทา่ นทง้ั สอง อาจจะรดู้ ้วยญาณว่า นาง นางสามาวดีพรอ้ มทัง้ หญิงบรวิ าร เปน็ คนดมี ี เป็นมจิ ฉาทฐิ ิ จิตมดื บอดมาก ไม่อยู่ในฐานะ ศีลธรรม เปน็ อรยิ สาวก แม้จะถูกพระนางมา จะช่วยได้ จงึ ปล่อยไปตามกรรม อีกท้ังทาง ฝา่ ยลกู สาว ก็ไม่เคยพดู ถึงหลวงพอ่ และหลวงแม่  สงั .นิ. (แปล)๑๖/๑๘๗-๑๘๙ ดู จงั กมสตู ร

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๔๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ คันทยิ าใส่รา้ ยป้ายสี แตก่ ็ไม่เคยโกรธ ไม่เคย ตอ่ ให้เคยมบี ุญเกา่ หนนุ ช่วย จนได้ดารง แสดงความโกรธและไม่คดิ แก้แค้น ใหอ้ ภยั ตาแหนง่ เปน็ พระมเหสี มียศฐาบรรดาศกั ดิ์ แก่ศตั รอู ย่ทู ุกเมอื่ ไม่ถอื โทษโกรธเคืองเอาเร่ือง มากมาย แต่เมอื่ พระนางทาอรยิ ปุ วาทกรรมต่อ แม้เมือ่ ถกู พระเจ้าอเุ ทนจะยงิ ธนเู ขา้ ใส่ พระศาสดาและอรยิ สาวิกาอยา่ งหนัก อกี ทั้งให้ ใจก็ไม่นึกโกรธ ยงั มีความรกั เมตตาและ วางเพลงิ ฆ่าจนถงึ แก่ชวี ิตท้ัง ๕๐๐ ท่าน คงไม่มี ปรารถนาหวงั ดีทงั้ ตอ่ หน้าและลับหลงั ทงั้ มิตร พลงั บญุ ใด จะมาปกป้องคมุ้ ครองพระนาง และศตั รู จงึ ทาใหแ้ คล้วคลาดปลอดภยั สดุ ท้าย ไว้ได้อีกแลว้ เม่ือบาปกรรมสง่ ผล ความลบั ก็ ศัตรผู หู้ วังรา้ ย กก็ ลับกลายมาเป็นมติ ร คงจะ ถกู เปิดเผย พวกทมี่ ีส่วนรว่ มในทาบาปกรรมครงั้ เป็นบญุ กศุ ลหนุนนาทีพ่ ระเจา้ อเุ ทนไดเ้ คย น้ี เช่น นายมาคันทยิ ะ ผเู้ ป็นอาและพวกพ้อง ช่วยเหลอื ประทานรางวลั ใหแ้ ก่พระนางสามาวดี บรวิ ารทง้ั หลาย ก็ต้องมอี ันเป็นไปทันตา คือ ถูก และหญิงบริวารมาก่อน จงึ ทาให้พระองค์มสี ติ ฆ่าตายทัง้ เปน็ อยา่ งนา่ สมเพชและตอ้ งไปชดใช้ คดิ ได้ มีปฏภิ าณไหวพริบแกไ้ ขสถานการณท์ ี่ วิบากกรรมนอ้ี กี นานแสนนาน จนนับชาตไิ ม่ถว้ น เลวร้ายใหก้ ลายเปน็ ดี สานึกผดิ ขอโทษ ไม่ถือ พระองค์ จึงทาให้พระเจ้าอุเทน รอดชีวิตมาได้ ผลกรรมทารา้ ยพระอรหนั ต์ โดยไมเ่ กิดเหตุรา้ ย ๖.ให้ทุกขแ์ กท่ ่าน ทกุ ข์น้นั ถึงตัว บคุ คลทารา้ ยผู้ไมม่ ีความผิดและไม่โตต้ อบ สว่ นพระนางมาคันทยิ า กนิ แตบ่ ญุ เก่า ยอ่ มมอี นั เปน็ ไป ๑ ใน ๑๐ อย่าง คือ และไม่เคยทาบญุ ใหมเ่ พ่ิม พร้อมกันนี้ ก็ทาแต่ กรรมช่ัวอยา่ งเดยี ว ใช้ให้คนไปด่าพระศาสดา ๑. ทกุ ขเวทนาอยา่ งแรงกล้า และได้พูดใส่ร้ายป้ายสพี ระนางสามาวดี ๒. เสอื่ มทรัพย์ ๓. ถกู ทาร้ายร่างกาย พรอ้ มหญิงบรวิ ารในฐานะอริยสาวิกาชัน้ ๔. เจบ็ ปว่ ยอย่างหนัก ๕. กลายเป็นคนวกิ ลจรติ โสดาบันถงึ ๕๐๐ ท่านถึง ๒ ครง้ั ในเรอ่ื งไก่ ๖. ตอ้ งราชภยั และเรอื่ งงู แถมหลอกดา่ อีก ๑ ครั้ง และคร้ัง ๗. ถกู กล่าวหาอย่างรา้ ยแรง หนักท่สี ุด คอื ใช้ให้อาไปวางเพลิงเผาพระ ๘. เสอื่ มญาติ ตาหนกั เพือ่ ฆ่าแกแ้ คน้ เป็นกรรมเกา่ ของพระ ๙. ทรัพยส์ มบตั ิพินาศยอ่ ยยับ นางสามาวดแี ละหญงิ บริวาร เป็นกรรมใหม่ของ ๑๐. บา้ นเรือนถกู ไฟไหม้ เขาผู้มปี ญั ญา พระนางมาคันทยิ า ทราม เมอ่ื ตายไปย่อมตกนรก ข.ุ ธ.(แปล) ๒๕/๗๔ เรอ่ื งพระมหาโมคคลั ลานเถระ

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๕๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจ้า ขอ้ สังเกต และตอ่ มา เขากถ็ ูกเนรเทศไปอย่ทู อี่ ่ืน แต่ไม่ ในเรอื่ งนี้ พวกภิกษไุ ม่ได้กราบทูลถาม ถงึ กบั เสยี ชีวิต ปญั หาเร่ืองกรรมเกา่ แม้พระพทุ ธองคเ์ อง ก็ไม่ได้ เรอื่ งนเ้ี ป็นพุทธวิสัย เพราะพระองคท์ รงมี ตรสั พยากรณว์ บิ ากกรรมของพระนางมาคนั ทิยา ทสพลญาณและสพั พัญญุตญาณในการหยงั่ รู้ และญาตเิ หลา่ นัน้ ว่า หลังจากตายแล้วไปเกิดใน นรกนานเทา่ ไหร่ แมพ้ ุทธองค์ทรงรดู้ ีวา่ นางมาคันทยิ าจะ ไม่พอใจ ผูกอาฆาตพระองค์ที่ไปตาหนิว่า ไม่ ต้องการแมแ้ ต่เอาพระบาทสมั ผสั กับ บาป..ทาไมไ่ ด้ รา่ งกายเธอ แต่เพื่อให้พอ่ แม่นางได้บรรลุธรรม พระองคก์ ็ยงั ตรสั เช่นนนั้ ท้งั นี้ เพราะสองสามี ถ้าเธอทง้ั หลายกลัวความทุกข์ ถา้ ความทกุ ข์ไมเ่ ป็นท่รี กั ของเธอทัง้ หลาย ภรรยา จะได้บรรลุโลกตุ รธรรมดว้ ยวิธีน้ี ก็อย่าไดท้ าบาปกรรมในท่แี จ้งหรอื บาปกรรมในท่ีลบั และการทีน่ างมาคนั ทิยาโกรธพระองคน์ นั้ ไมใ่ ช่ เพราะถ้าเธอทง้ั หลายจักทา หรอื กาลังทาบาปกรรมอยู่ เพราะพระดารัสเช่นนัน้ อย่างเดียว แตเ่ กดิ จาก ถงึ จะเหาะหนไี ป เธอย่อมไม่พน้ จากความทกุ ข์ไปได้ ผลของอกศุ ลกรรมเก่าทเี่ คยทามาก่อน ปกปิดใจ ข.ุ อ.ุ (แปล) ๒๕/๒๕๙-๒๖๐ นางใหม้ ืดบอด ฟังคาของบณั ฑิตไม่ออก แล้ว กุมารกสตู ร มองเหน็ พระศาสดาผลู้ ้าเลศิ เปน็ คนพาลไป กรณขี องพระนางมาคันทิยานี้ มนี ัยตรง ข้ามกับเร่อื งอสทสิ ทาน มหาทานครัง้ ยิ่งใหญ่ เมอ่ื บาปส่งผล คนหนีไมพ่ น้ กรรม ซ่ึงไม่มใี ครทาได้อกี แลว้ โดยพระนางมลั ลกิ า เทวี มเหสีของพระเจา้ ปัสเสนทิโกศล ราชาแห่ง บคุ คลท่ีทากรรมช่ัวไว้ จะเหาะหนีไปแลว้ ใน แคว้นโกศลเป็นผจู้ ดั พระพทุ ธองค์ทรงกลา่ ว อากาศ แล่นเรอื นหนีไปในท่ามกลางมหาสมทุ ร หนีไปสู่ อนโุ มทนาเล็กนอ้ ย ก็หยุด เพ่ือชว่ ยเหลอื ชีวิตของ ซอกภูเขา กไ็ ม่พน้ จากกรรมชัว่ ได้ กาฬอามาตย์ไมใ่ ห้อายุสน้ั พลนั ตาย เพราะเขา เร่ืองเจ้าสปุ ปพทุ ธศากยะ คดิ ตาหนริ าชตระกลู และภิกษุสงฆ์วา่ หลงั จาก พระธมั มปทฏั ฐกถา (แปล) ภาค ๕ หน้า ๖๒-๖๖ ฉันภตั ตาหารแลว้ กไ็ ปจาวัด การคดิ อกศุ ล เชน่ น้ี ถอื ว่าเป็นกรรมหนกั เป็นบาปมหันต์ เพราะในภิกษเุ หลา่ นั้น มีพระอริยสาวกมากมาย  ธ.ป. ๖/๘๒-๙๐ เรอื่ งอสทสิ ทาน

อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๕๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ สาวพรอ้ มทงั้ ลูกสะใภ้ของนายบา้ นครอบครวั อรยิ ปุ วาท เรอ่ื งที่ ๒๐ นี้ เปน็ สัมมาทฏิ ฐิ มีจติ เลอ่ื มใสในพระรตั นตรัย จึงได้ตระเตรยี มพวงมาลยั ที่ร้อยดว้ ยดอกบัว คหบดีพูดตาหนิพระสารรี กิ ธาตุ๑๒๗ พรอ้ มด้วยน้าอบน้าหอมต่างๆ เดนิ ทางไปยังพระ สถูปเจดยี ์เพอื่ บชู าพระบรมสารีรกิ ธาตุ ส่วน เมอื่ พระพุทธองค์ ผเู้ ป็นพระศาสดาของ นายบา้ นผเู้ ปน็ สามี เปน็ มิจฉาทิฏฐิ ไมศ่ รัทธา เทวดาและมนุษยท์ ้งั หลายได้เสดจ็ ปรินพิ พาน ใน เลอื่ มใสในพระรัตนตรยั จงึ ได้คดิ ดูหม่นิ พระบรม ระหวา่ งต้นสาละท้ังคู่ ณ สาลวโนทยานแหง่ สารรี ิกธาตุวา่ “การบูชากระดกู ของคนทีต่ าย มลั ลกษัตรยิ ์ในกรุงกุสนิ ารา หลังจากการทา ไปแลว้ จะได้ประโยชนอ์ ะไร” แถมยังไม่ ฌาปนกจิ เผาพระสรีระเสร็จ โทณพราหมณ์ได้ พอใจท่ภี รรยาลูกสาวและลูกสะใภ้ไปทาตรงกนั ทาการแบ่งพระธาตุแก่พระราชาท้ังหลายทไี่ ดม้ า ขา้ มกับตัวเอง จึงพดู ห้ามปรามไมใ่ ห้ไปบูชา ขอส่วนแบง่ พระเจา้ อชาตศัตรู เม่ือได้พระธาตุ และพดู จาดูหมน่ิ พระธาตุตา่ งๆนานาตามประสา มาแล้ว ทรงระลกึ ถึงพระพุทธคณุ นาพา คนใจบอด ชาวเมืองราชคฤห์ทาการฉลองบชู าพระบรม ส่วนภรรยา ลูกสาวและลกู สะใภก้ ็ไมใ่ ส่ สารีรกิ ธาตุอยา่ งย่ิงใหญ่และยาวนานถงึ ๗ ปี ๗ ใจในคาพูดของเขา พากันเดนิ ทางไปท่ีพระสถูป เดือน และ ๗ วัน เจดยี ์ แล้วทาการบูชาสกั การะพระธาตุด้วยใจที่ ผูค้ นมากมายทเี่ ป็นสมั มาทฐิ ิ ได้เกิดจติ เปย่ี มลน้ ดว้ ยศรทั ธาและปีติ เลอื่ มใสศรทั ธาในพระธาตุ หลังจากตาย ต่อมาไม่นาน เขาเหลา่ นั้น ได้สิ้นชวี ิต แล้ว กไ็ ดไ้ ปบังเกิดในสคุ ตโิ ลกสวรรค์ ส่วนคนท่ี ด้วยโรคบางอยา่ ง หลงั จากตายแลว้ ไปบงั เกิด เป็นมิจฉาทฏิ ฐปิ ระมาณ ๘๖,๐๐๐ คน มีจติ ในเทวโลก เป็นนางฟ้าในสวรรค์ชั้นดาวดงึ ส์ มดื บอด ไมม่ คี วามศรทั ธาเลือ่ มใส คิดดูหม่ิน พดู ตอ่ มา นายบา้ น ได้ส้นิ ชวี ิตลงอยา่ งกระทนั หัน ติเตียนการบชู าพระธาตุ หลังจากตายแลว้ ไป เพราะบาปกรรมท่ีไปพูดตาหนิพระธาตุ แล้วไป บังเกดิ ในภมู เิ ปรต เกดิ เปน็ เปรตกับพวกเปรต กลุ่มเดียวกันทีเ่ คย ณ กรงุ ราชคฤห์ มีครอบครัวหนึง่ ซงึ่ มี พูดตาหนิพระธาตมุ าก่อน ฐานะรา่ รวยเงินทอง ผู้ท่เี ป็นศรีภรรยา และลูก วนั หนง่ึ ท่านมหากัสสปะ มหาสาวก ผใู้ หญ่ ซึง่ มีอายุยนื นาน ไดย้ ืนเขา้ ฌานทีล่ าน ๑๒๗ ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๒๔๘ ดู ธาตุววิ ณั ณเปตวตั ถุและอรรถกถา เจดีย์ แลว้ อธิษฐานจิตเพื่อมองเห็นเปรตและ ท.ี ม.(แปล) ๑๐/๑๗๔ มหาปรินิพพานสูตร, อัง.ปญั จก. (แปล) เทวดาท้ังหลาย ไดม้ องเห็นเปรตผู้ทเี่ คยพูด ๒๒/๓๑๖-๓๑๘ โทณพราหมณสตู รและอรรถกถา ตาหนติ ิเตยี นพระธาตุนนั้ จงึ ได้ถามวา่

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๕๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ “อุบาสก ผู้ยนื อยู่ในอากาศ มีร่างกาย ซึ่งมี บชู านดิ หน่อย ยอ่ มทาการนอบน้อม กราบไหว้พระ กลน่ิ เหมน็ เหมอื นซากศพเนา่ หมู่หนอนพากนั ชอน ธาตขุ องพระพุทธเจ้าผเู้ ปน็ เน้อื นาบุญสูงสุด เม่อื ไชกนิ ปากเนา่ มีนายนริ ยบาลถือมีดมาเฉอื นปาก ข้าพเจ้า จากเปตโลกนไี้ ปแล้ว ไดถ้ อื กาเนิดเปน็ ซา้ แล้วซ้าอีก และเอานา้ กรดราดรดบนร่างกาย มนษุ ย์ จะเป็นผ้ไู ม่ประมาท ม่นั ทาการบชู าพระสถูป แล้วเฉือนเนอ้ื ทงิ้ ไป เพราะวิบากกรรมอะไร บ่อย ๆ แน่นอน” ทา่ นพระมหากัสสปะ ได้นาเอาเรอ่ื งนี้ มา อุบาสก ถงึ ตอ้ งประสบทกุ ขเ์ ช่นน้ี” เปรต กราบเรียนวา่ “พระคณุ เจ้าที่เคารพ บอกเลา่ ชแ้ี จง แสดงธรรมแกพ่ วกภิกษุ ภกิ ษณุ ี เมอื่ ก่อน ข้าพเจ้าเปน็ คนร่ารวยมีเงนิ ทองอาศัยอยู่ อุบาสกและอบุ าสิกา ทาใหผ้ ู้คนทั้งหลายได้รบั ในกรุงราชคฤหน์ ีเ้ อง ข้าพเจา้ ได้ห้ามภรรยาธิดา ประโยชน์จากเรือ่ งนเ้ี ป็นอยา่ งมาก และลกู สะใภ้ซง่ึ พากันนาพวงมาลยั ดอกอุบลและ ของหอมไปเพ่อื บชู าพระสถูปเจดยี ์ อีกทั้งไดค้ ิดดู หมนิ่ และพูดตาหนิการบชู าพระธาตุน้ัน ข้าพเจ้าได้ ทาบาปกรรมนแี้ หละ จงึ ได้มาเกดิ เป็นเปรตในหมู่ เปรตด้วยกัน และจะต้องไปตกนรก ซง่ึ รับความ ทุกขท์ รมานอย่างแสนสาหัสอกี ๘๖,๐๐๐ ปี เพราะผลกรรมจากการตาหนิพระธาต”ุ เปรตตนน้ี ยงั ได้กราบเรยี นตอ่ พระเถระ ตอ่ ไปอกี วา่ “มนุษยท์ พ่ี ากันดา่ ทอ พดู ติเตียน บุคคลผทู้ กี่ าลงั ทาการบูชาและการฉลองพระสถปู ของพระสัมมาสมั พุทธเจา้ คนพวกนี้เปน็ ผหู้ ่างไกล จากบุญ จะได้รบั ผลบาปกรรมเหมอื นกระผมใน ขณะน้ี ขอ้ คิดและคติธรรม พระคุณเจา้ ท่ีเคารพ เชิญท่านดูเทพธดิ า เหลา่ น้ซี ง่ึ ในอดตี ชาตเิ คยเป็นภรรยา ลกู สาวและ ๑. หา้ มคนไมใ่ หท้ าบญุ เป็นบาป ลูกสะใภข้ องผม พากนั ทดั ทรงดอกไม้ ตกแตง่ นายบา้ น ไมอ่ ยากทาบุญในการบูชาพระ รา่ งกายเหาะผ่านไปมา พวกนางตา่ งมีรัศมีเปล่ง ธาตุ แลว้ ยังห้ามคนอ่นื ไมใ่ ห้ทาบุญอกี การห้าม ประกาย มีบรวิ ารและยศ กาลังเสวยผลแห่งการ ผอู้ ืน่ ทาบุญ เปน็ บาปเช่นกนั  เพราะเปน็ การ บชู าด้วยดอกไม้ บคุ คลผ้มู ีปัญญาท้ังหลายได้เห็น ผลน่าอศั จรรย์ จนนา่ ขนลุกขนชนั ซง่ึ เกิดจากการ  อัง.ติก. (แปล) ๒๐/๒๒๒ ดู วัจฉโคตตสตู ร

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๕๓ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจา้ หา้ มลาภของคนทจ่ี ะได้รับ ห้ามบุญของผ้อู ื่นท่ี โสดาบนั เป็นเครือ่ งยืนยนั ในเรื่องน้ี ตอนท่ี กาลงั จะใหท้ าน และเปน็ การทาลายบุญของ พระองคไ์ ด้ตรัสสรรเสริญอานุภาพแห่งบุญใน ตวั เองใหล้ ดน้อยลงโดยไม่จาเปน็ เน่อื งจากริษยา การบชู าพระธาตุกับมาตลเี ทพสารถีท่ีว่า หรอื เป็นมิจฉาทิฏฐิ เม่ือกรรมนสี้ ่งผล จะทาให้ “มาตลี ท่านจงดผู ลกรรมอันน่าอัศจรรยน์ ี้ คนนั้น ถกู กีดกันเร่ืองโชคลาภ พลาดโอกาสดๆี ดอกไม้ที่เทพธดิ าองคน์ น้ี าไปบชู า แมจ้ ะดเู ปน็ ของ ในชีวติ ท่ตี นจะพึงได้ และเมื่อคดิ จะทาความดี นดิ หน่อย แตผ่ ลบญุ กลับมมี าก เมอ่ื มจี ติ เลือ่ มใส มกั จะมอี ุปสรรค หรือมมี ารมาขัดขวาง ทาให้เกิด พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ พระปจั เจกพุทธเจ้า หรอื ความลังเล ท้อแทเ้ บอื่ หน่ายในความดีไดง้ า่ ย สาวกของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ แล้ว สิ่งของที่ น้ามาทา้ บญุ ชือ่ ว่า มีผลน้อยนนั้ เปน็ อนั ไม่มี ๒.พูดตเิ ตียนพระธาตุ มาเถิด มาตลี แม้ชาวเราทั้งหลายก็ควร เทา่ กบั ติเตยี นพระพุทธเจา้ รีบเร่งบชู าพระบรมสารรี กิ ธาตุของพระตถาคตใหย้ ิ่ง ส่ิงทใ่ี ช้เปน็ เคร่อื งเคารพสกั การะแทน ๆ ข้นึ ไปเพราะการสงั่ สมบุญนาความสุขมาให้ พระพุทธองค์ เรียกว่า เจดยี ์ แบ่งออกเปน็ ๓ ขณะที่พระตถาคตยังทรงพระชนม์อยู่หรอื ประการ คือ บรโิ ภคเจดยี ์ เช่น ต้นพระศรมี หา เสด็จปรนิ พิ พานไปแลว้ กต็ าม เม่ือจิตศรทั ธา โพธิ์ทีเ่ คยประทบั นง่ั ตรสั รู้ บาตรและจีวรที่พระพุทธ เลอื่ มใสเท่ากัน ผลทีเ่ กิดข้ึน กย็ อ่ มไดเ้ ท่ากัน๑๒๙ องค์เคยใช้สอย อทุ เทสกิ เจดยี ์ สิง่ ที่สร้างข้ึนเพื่อ เป็นพทุ ธบูชา เช่น พระพุทธรูป ธาตเุ จดยี ์ ส่งิ ท่ี บรรจพุ ระบรมสารีริกธาตขุ องพระพุทธเจา้ ๑๒๘ เพราะฉะนัน้ เมื่อพระพทุ ธองค์ ได้ เสด็จปรนิ พิ พานแลว้ สิ่งที่เป็นสัญลกั ษณ์แทน พระองค์อย่างหนง่ึ ก็คือ พระบรมสารีริกธาตุ ซึง่ เป็นของควรแกก่ ารบูชากราบไหว้ ผู้ตเิ ตียน พระองค์ขณะทีท่ รงพระชนมอ์ ยู่หรือ ปรนิ พิ พานแล้ว มผี ลเทา่ กัน คือเป็นบาป มหนั ต์ เป็นกรรมหนกั คากล่าวของท้าวสักกเทพบตุ ร จอม เทพแหง่ สวรรค์ชน้ั ดาวดึงส์ ผู้เป็นอริยสาวก ๑๒๘ ดู อรรถกถากาลงิ คโพธิชาดกและอรรถกถานิธิกณั ฑสูตร ๑๒๙ ข.ุ ว.ิ (แปล)๒๖/๙๑-๙๒ ปีตวิมานและอรรถกถา

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๕๔ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจา้ ข้อความที่อรยิ สาวกโสดาบนั กล่าวนี้ เลิศ คอื อายุ วรรณะ ยศ เกยี รติ สุข และพละ เป็นหลักฐานยืนยันชดั เจนวา่ ผพู้ ูดดหู มน่ิ พดู ยอ่ มเจรญิ แก่บุคคลผ้เู ลอื่ มใส ไมว่ ่าเขาจะเกิดเป็น ตาหนิพระธาตุ มผี ลบาปเทา่ กับพดู ตาหนิ เทวดาหรือมนษุ ย์ก็ตาม ย่อมถึงความเป็นผู้ล้าเลิศ พระพุทธองค์ เพราะเจตนาเทา่ กัน ผลย่อม ในท่นี ้นั ๆ๑๓๑ เกดิ ข้ึนเหมือนกนั ไม่วา่ จะทาตอ่ หนา้ หรอื ลบั หลงั “...ทา่ นทงั้ หลาย จงกราบไหว้พระพทุ ธเจา้ ก็ตาม เพราะผลสะท้อนกลับของบุญและบาป เถดิ เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เปน็ อจินไตย ย่อมเหมือนกัน ถ้าทาดีตอ่ พระองค์ ก็เปน็ คณุ สาหรับผทู้ ่ีเล่อื มใสในอจินไตย ยอ่ มมวี บิ าก อนันต์ แตถ่ า้ ทาผดิ ยอ่ มมีโทษมหนั ต์ เป็นอจนิ ไตย” ๑๓๒ พุทธพจน์ข้างตน้ เป็นหลกั ฐานยืนยนั วา่ ๓. บญุ อนนั ต์ บาปมหันต์ พระพทุ ธเจ้า ได้ชือ่ วา่ เป็นเนือ้ นาบุญสูงสุด ผูท้ ่ี “อานนท์ เธออย่าไดค้ ดิ วา่ ‘การบูชาดว้ ย ใหท้ านแก่พระองค์ ถงึ จะไมม่ าก แตผ่ ลบญุ ที่ ดอกไมท้ ี่นายมาลาการนี้กระทาแล้ว เปน็ ของ เกิดขน้ึ ย่อมเป็นบญุ อนันต์ มีผลเลิศยง่ิ ใหญ่อีก เลก็ น้อย เพราะเขาได้สละชีวติ ตวั เอง เพ่อื บูชาเรา ยาวนาน จนนบั ประมาณไม่ได้ ในทางตรงข้าม และเขามจี ิตศรัทธาเล่ือมใสเรา ดว้ ยอาการอย่างน้ี บุคคลท่ที าบาปกบั พระองค์ทัง้ ในขณะทท่ี รง จะไมไ่ ปสทู่ ุคติตลอดแสนกัป จะเกิดเปน็ เทวดาและ พระชนม์อยู่หรอื ปรนิ ิพพานแล้วก็ตาม โดยการ มนษุ ย์เท่าน้ัน’ นี่เปน็ ผลแห่งการบชู าด้วย คิดดูหมนิ่ พดู ตาหนติ เิ ตยี น ใสร่ า้ ยป้ายสี ย่อม ดอกไมน้ ั้น ภายหลัง เขาจะได้เปน็ พระปัจเจกพทุ ธะ เปน็ กรรมหนกั เป็นบาปมหันต์ ทาใหผ้ นู้ ้นั มี นามว่าสมุ นะ๑๓๐ อนั เปน็ ไปทันตาเหน็ และหลงั จากตายแล้ว ย่อม “ดูก่อนภิกษทุ ั้งหลาย บรรดาสตั ว์ ไปเกดิ ในอบายภมู อิ ยา่ งเดียว เหมือนนายบา้ น ทง้ั หลายทีไ่ มม่ ีเท้า มสี องเทา้ มสี ีเ่ ทา้ หรือมเี ทา้ คนน้ี ทาอรยิ ุปวาทกรรมกบั พระธาตุ ต้องมา มากกต็ าม มรี ปู หรือไม่มรี ูปกต็ าม มสี ญั ญา ไมม่ ี เกดิ เป็นเปรตปากเหม็นซา้ ตวั กย็ งั เปอ่ื ยเน่า เพราะโดนนา้ กรดนรกรดตัว แถมถกู เฉือน สญั ญา หรือมีสญั ญาก็ไม่ใชไ่ ม่มสี ัญญากไ็ ม่ใชก่ ็ ปากอกี ต่างหาก ถงึ แมห้ ลงั พน้ จากความเป็น ตาม มปี ระมาณเทา่ ใด ตถาคตอรหันตสมั มาสัม เปรตแลว้ ยงั ต้องไปชดใช้กรรมในนรกอกี ประมาณ ๘๖,๐๐๐ ปีอย่างแสนสาหสั ทาบาป พทุ ธเจ้า ชื่อว่า เปน็ ผู้ล้าเลิศประเสริฐกว่าสตั ว์ทุก ประเภท ทุกหมู่เหล่า บุคคลผเู้ ลอ่ื มใสใน พระพุทธเจ้า ช่อื ว่าเล่อื มใสในสิ่งที่เลิศ และบญุ ที่ ๑๓๐ ป.ธ. ๓/๒๐๕-๒๑๓ เรอ่ื งนายสมุ นมาลาการ ๑๓๑ องั .จตกุ ก. (แปล)๒๑/๕๓-๕๕,อัคคปั ปสาทสตู ร, องั .เอก. (แปล) ๒๐/๒๒-๒๔ ๑๓๒ ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๑-๑๒

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๕๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ แคน่ ดิ เดียว แตผ่ ลตามมากลับโหดร้ายอย่างไม่ ๔. กรรมของพวกพุทธพาณิชยแ์ ละ คาดคดิ คนลองพระเครอื่ ง ผลบุญจากการให้ทาน หรือกล่าวคา ในยคุ ปัจจุบัน คนส่วนหน่ึงทามาหากนิ สรรเสริญพระพุทธเจา้ ย่อมเปน็ อจินไตย ฉนั ใด กับพระเครือ่ ง หรอื พวกทช่ี อบเล่นพระเครอ่ื ง แมว้ ิบากแห่งอกุศลกรรมทีค่ ิดดหู ม่นิ พระพทุ ธเจ้า ปลอมพระขายเพื่อหวังกาไร เปน็ พทุ ธพาณิชย์ แมจ้ ะทรงพระชมนอ์ ยู่หรือปรินพิ พานไปแลว้ ก็ หรือชอบทดลองความขลังศกั ดิ์สิทธข์ิ องพระ เปน็ อจินไตย คือ ส่งผลยาวนานนบั ไมถ่ ้วน เครื่องดว้ ยการใช้ปืนยงิ่ แมจ้ ะมีจิตศรทั ธา คานวณไมไ่ ด้เหมอื นกนั ฉันนัน้ เลอ่ื มใสอยูบ่ า้ ง แต่ก็ทาไปด้วยการขาดความ เคารพ ยาเกรง มีจิตดูหมน่ิ แอบแฟง กลา้ เอา ถามว่า หลงั จาก พระพทุ ธองค์ได้เสด็จ สญั ลกั ษณ์แทนพระพทุ ธเจ้า ซงึ่ เปน็ พระ ปรินิพพานไปแล้ว ผ้ทู ที่ ้าลายเจดยี ์ ทา้ ลายต้นพระ ศาสดาของเทวดาและมนษุ ยท์ ั้งหลาย หรือ ศรีมหาโพธิ์ หรอื ท้าลายพระบรมสารรี ิกธาตุ จะ พระเกจิอาจารย์ผูเ้ ปน็ พระสุปฏิปนั โนมา เป็นกรรมอะไร ? ทดลองความเหนยี ว ยิงไมอ่ อก ย่อมเข้าขา่ ย ตอบว่า เป็นครุกรรม คอื กรรมหนกั มโี ทษ เปน็ อริยปุ วาท หรือ ประทษุ รา้ ยพระอริยะ เมอ่ื บาปกรรมนส้ี ง่ ผล ย่อมทาให้บุคคล มหนั ต์เท่ากบั อนันตรยิ กรรม สว่ นการตดั ตกแตง่ ก่งิ โพธิ์ท่ีขึ้นเบียดพระ เหลา่ นนั้ มีอันเปน็ ไปตา่ งๆ เช่น เงินทองทไี่ ด้มา สถูปทีบ่ รรจุพระธาตุ พระพทุ ธรูป หรือกง่ิ ท่พี วก ดว้ ยวิธนี ี้ ถกู หลอกถกู โกง เก็บไม่ได้ ถูกทารา้ ย นกบินมาจับแล้วถา่ ยอุจจาระรดพระเจดีย์ พระ ร่างกายอยา่ งหนัก เกดิ โรคราย อัมพฤกษ์อมั พาต อรรถกถาจารย์ ไดก้ ล่าวช้แี จงว่า ทาได้ไม่เปน็ ไดร้ ับอบุ ัตเิ หตุอยา่ งไม่คาดฝนั ครอบครวั บรวิ าร บาปกรรมอะไร เพราะเจดยี ์ทบ่ี รรจุพระบรม มอี ันเป็นไปต่างๆ ตดิ อบายมขุ การพนันยาเสพ สารรี กิ ธาตุสาคัญกวา่ เจดยี ท์ ี่บรรจุเครือ่ งใชส้ อย ตดิ ชวี ติ ตกต่าย่าแย่ ของพระพุทธเจ้า แม้ตดั รากโพธท์ิ ่ีงอกออกไป ทาลายพ้นื ทตี่ ้ังเจดีย์ ก็ทาได้เชน่ กัน เพื่อการ ๕. บญุ -บาปใครทา ใครได้ บารงุ ตน้ โพธิ์ให้สวยงาม จะตดั แต่งก่ิงทคี่ ้อมลง บญุ -บาป ใครทา คนนนั้ กไ็ ด้รับ สว่ นใคร มา ก็ไม่เป็นบาป แตเ่ ปน็ บุญ คือ จะได้อานิสงส์ ไมไ่ ด้ทา คนนน้ั ก็ไม่ได้ ภรรยา ลูกสาวและ ผลบุญเท่ากบั การปฏบิ ัตพิ ระสรีระของพระผู้ ลกู สะใภ้ พากนั ทาบญุ ดว้ ยการนาดอกไม้ ของ มพี ระภาคเจา้ หอมไปบูชาพระธาตุ แต่นายบา้ นผเู้ ป็นสามี กลับไม่ไดย้ นิ ดี ไม่อนโุ มทนาบุญดว้ ย เขาก็  ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑๖๐- ๑๖๙ พหธุ าตุกสูตรและอรรถกถา ไม่ไดร้ บั สว่ นบญุ ที่เมียและลูกทา

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๕๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจา้ แมบ้ าปกรรมจากการคิดดหู มน่ิ และพูด พฤตกิ รรมเช่นนี้ เข้าขา่ ยเปน็ ครกุ รรม เปน็ ตาหนติ เิ ตียนพระธาตทุ ่สี ามเี ปน็ คนทา เมียและ กรรมหนกั มีโทษมหันตส์ ง่ ผลฉับพลนั ทนั ตา ลกู ก็ไมไ่ ดร้ บั บญุ บาป จงึ ชือ่ ว่าเปน็ ของใครของ เหมือนกัน เพราะเมือ่ กรรมนีส้ ง่ ผล มแี นวโน้มว่า มนั เป็นกัมมสั สกะ คือคนเรามีกรรมเป็นของ เขาผนู้ ้ัน จะมอี นั เป็นไป เชน่ เกิดอบุ ัตเิ หตุจน ตวั เอง ผู้ทาบาปเอง กไ็ ด้รับผลของบาปเอง สญู เสียอวัยวะ พิการ ถกู คนปองรา้ ย โดนใสร่ า้ ย เหมือนคนรับประทานอาหาร กอ็ ่ิม คนท่ีไม่ได้ ปา้ ยสี ถกู สังคมประณาม ทาให้ชีวติ ตกอบั รบั ประทานกไ็ มไ่ ดอ้ ม่ิ จะรับประทานแทนกัน หนา้ ท่ีการงานติดขดั เป็นบ้า มีอาการผดิ ปกติ ไมไ่ ด้ สว่ นผูไ้ ม่ไดท้ าบาป กไ็ มไ่ ด้รับผลบาป ทางสมอง เพยี้ น แม้เงินทองทีไ่ ดม้ าจากพทุ ธ เพราะบาปจะมแี กผ่ ู้ทาบาปเท่าน้นั เหมือนยา พาณิชย์ซ่งึ โกหกหลอกลวงเขามา เขา้ ข่ายเปน็ พษิ บนฝ่ามอื ท่ีไม่มแี ผล ย่อมซมึ เขา้ ไปในฝ่ามือ เงนิ รอ้ น เกบ็ ไมไ่ ด้ มีอันเปน็ ไป ทาให้ครอบครวั ไม่ได้ ฉะนนั้ แตกแยก รอ้ นเปน็ ไฟ หรอื เปน็ โรคร้ายท่เี รือ้ รงั ที่ รกั ษายาก และชีวิตหลังตาย ตอ้ งไปสู่อบายนรก ๖.กรรมลบหล่พู ระพทุ ธรปู อยา่ งเดียว หากไมส่ านึกผิดและขอขมาโทษตอ่ และพทุ ธพาณิชย์ พระรัตนตรยั ในกรณีคนต่างศาสนาท่ีหวังรา้ ยต้องการ เม่อื ถูกงูพิษ เช่น งเู ห่า หรือ จงอางฉกกัด ทาลายพทุ ธศาสนา ได้แสดงพฤตกิ รรมที่ไม่ จะรู้หรือไมร่ ู้วา่ เป็นงพู ิษ หรอื เขา้ ใจผดิ คดิ ว่า เหมาะสมตอ่ รปู พระปฏิมา เชน่ ผชู้ ายนัง่ บน ไม่ใชง่ ูพษิ กต็ าม พิษร้าย ย่อมออกฤทธิ์ต่อ เศียรพระปฏมิ า หรือ หญิงสาวโพสท์ทา่ ถา่ ยภาพ รา่ งกายทาใหผ้ ู้โชครา้ ยน้ันถึงตายหรือปางตาย นดู๊ กบั พระพุทธรปู นางแบบสวมใส่ชดุ ว่ายนา้ ทม่ี ี ได้ ฉันใด ผู้ที่ทาการลบหลู่พทุ ธรูปเชน่ น้ัน พทุ ธรปู อย่ใู กลอ้ วัยวะเพศ บางคนระเบิดหรือ ก็จัดเปน็ อรยิ ปุ วาทกรรม เมอ่ื กรรมนสี้ ่งผล ทุบทาลายพระพุทธรปู ดว้ ยความโกรธแค้น ทา ย่อมทาใหผ้ ้นู ้นั มีอันเป็นไป ถงึ ความหายนะ มาหาเลยี้ งชีพดว้ ยการปลอมพระเคร่อื งขาย ทกุ รปู แบบฉันน้ันเหมือนกนั หรอื แม้กระทงั่ นาพระเครอ่ื ง(ในกรณีทเ่ี ปน็ รูป เคารพของพระพุทธเจา้ )ไปทดลองเพ่อื ความขลัง ศักดสิ์ ทิ ธ์ิดว้ ยลูกกระสนุ ปืน เป็นต้น บุคคลทม่ี ี พฤติกรรมลบหลดู่ หู ม่ินเชน่ นั้น ก็เท่ากบั ทาลายรปู เคารพ ดูหมน่ิ พระพทุ ธเจา้ เขาจะ รู้ตัวหรือไม่ เชือ่ ในเร่อื งเวรกรรมหรือเปล่า นนั้ เปน็ อกี เรอ่ื งหนึง่ แต่ทแ่ี นๆ่ คอื

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๕๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ เปรตตอบว่า “พระคณุ เจา้ ขอรับ พวก อรยิ ปุ วาท เรอื่ งที่ ๒๑ ท่านหลงป่าแค่ ๗ วนั แต่กระผมนน้ั ไถนามาแลว้ หนง่ึ พทุ ธันดร และยังไม่ได้หยดุ พัก ไม่ไดก้ ิน ไม่ได้ ชาวนาพูดตาหนิพระพทุ ธเจ้ากสั สปะ นอน ไม่ได้น่ังเลย” พวกภกิ ษถุ ามดว้ ยความสงสัยอกี วา่ “จะ หลงั จากพทุ ธปรินิพพาน ได้มภี กิ ษกุ ลมุ่ เปน็ ไปได้อยา่ งไรกัน อบุ าสก จะมใี ครทไี่ หน เขาจะ หน่ึงตอ้ งการจะไปนมัสการสงั เวชนยี สถาน ๔ ไถนาได้นมนานถงึ หนึง่ พุทธันดรขนาดนนั้ ” ตาบล คือ สถานที่ประสูติ สถานทตี่ รัสรู้ สถานท่ี เปรต กราบเรียนวา่ “พระคณุ เจ้า ขอรบั แสดงธรรม และสถานท่ีปรินพิ พาน สถานท่ีซึ่ง ขอใหพ้ วกท่าน โปรดพิจารณาดสู ิว่า ขา้ พเจ้าเป็น พระกลุ่มนจี้ ะไปนมัสการ คือ ต้นศรีมหาโพธิ มนษุ ย์หรืออมนษุ ย”์ ซึ่งเปน็ สถานที่ตรสั รู้ แต่เพราะไมร่ ูเ้ สน้ ทางดีพอ ภกิ ษเุ หล่าน้ัน มองดอู ย่างถ่ีถ้วนแลว้ กด็ ู เน่อื งจากเป็นพระต่างถิ่น จึงทาใหห้ ลงทิศทาง ไม่คอ่ ยเหมือนมนุษย์เท่าไหร่ แต่ยังไม่แนใ่ จ จึง หลงเขา้ ไปในปา่ ลกึ แลว้ หาทางออกไมเ่ จอ ถึง ถามตอ่ ไปอกี วา่ “แล้วอุบาสกเป็นมนุษย์ หรอื ๗ วัน อมนษย”์ ตอนเยน็ ของวนั ที่ ๗ พระกล่มุ นเ้ี ดินไป เปรตตอบวา่ “กระผมเปน็ เปรต ขอรับ เจอเปรตตนหน่ึง กาลงั จับคันไถเหล็กและไถ พระคณุ เจา้ ซึ่งกาลังไดร้ ับความทกุ ขท์ รมานอย่าง นาอยู่ ซงึ่ เทียมววั ๔ ตัว กาลังไถกลับไป หนกั ต้องไถนาอยู่อย่างนี้ทงั้ วันคืน แตก่ ไ็ มท่ ราบ กลับมา ไมไ่ ดห้ ยุดเหมอื นไม่รูจ้ ักเหน็ด เหตุผลว่าจะไถไปทาไม อยากจะหยดุ ก็หยุดไม่ได้ เหนอ่ื ย เปรตตนนี้ หากดูจากการเคร่ืองแต่งกาย จาต้องไถกลบั ไปกลบั มาอยู่อยา่ งนี้มาเปน็ เวลานาน และกิริยาทา่ ทางก็ไม่ตา่ งจากชาวนาคนหนงึ่ ได้ ๑ พทุ ธันดรแลว้ ได้รับความลาบากอย่างมาก” ภกิ ษุเหล่านนั้ เห็นแล้ว พากันดใี จอย่างมากทจ่ี ะ พวกภิกษถุ ามวา่ “แลว้ ทาไม อุบาสก จึง มีคนบอกทาง จึงบอกเปรตให้หยุดพักไถนา ต้องมาไถนาอย่เู ชน่ นเี้ ล่า” สักครู่ เปรตตนนี้ จึงพดู ออกไปวา่ “มีอะไรหรอื เปรตตอบว่า “เพราะวจกี รรมไมด่ ีของผม ขอรบั พระคุณเจ้า” ในอดตี ขอรับ พระคณุ เจา้ ” พวกภิกษถุ ามวา่ “พวกอาตมา หลงทาง พวกภิกษถุ ามอกี วา่ “อุบาสก มีวจกี รรม ในปา่ นมี้ า ๗ วนั แล้ว รบกวนชว่ ยบอกทางออก ไม่ดอี ย่างไร โปรดเล่าใหพ้ วกอาตมาฟังดว้ ย” เปรต จึงได้เล่าอดตี กรรมของตนถวายแก่ จากปา่ ทีเถิด” ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ วา่ “ในยุคศาสนาของพระพทุ ธเจ้า  เรอื่ งน้ยี งั หาทม่ี าไม่เจอ ผ้เู ขยี นเคยอา่ น แต่ตอนนี้จาไมไ่ ด้วา่ อยใู่ น พระนามวา่ กสั สปะ กระผมเปน็ ชาวนา มี คัมภรี อ์ รรถกถาเลม่ ไหน เรอ่ื งอะไร หากใครรู้ ชว่ ยกรุณาบอกด้วย

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๕๘ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ชาวบา้ นไปฟังพระธรรมเทศนาทวี่ ดั มากมาย ประมาทในอกุศลกรรมความชั่วแมเ้ พียงเล็กน้อย สว่ นตัวกระผมนน้ั ไมส่ นใจ เพราะคดิ ว่าการไป อย่าได้เป็นคนทาชั่วเพราะปากดังเชน่ กระผมน้เี ลย วดั ฟังธรรมส้ทู านาไม่ได้ พวกชาวบา้ น พูด จงดตู ัวอยา่ งจากกรรมของกระผม จงโปรด ชักชวนกระผมไปฟงั ธรรมวา่ มปี ระโยชน์มาก พยายามสร้างบุญกศุ ลไว้ เม่ือถงึ คราวตายจะได้ไม่ ดกี ว่าการไถนา แต่กระผมตอบพวกเขาไปวา่ ต้องมาเกิดเปน็ เปรต ให้เป็นท่นี า่ เวทนาสงสารเช่น “พอละท่านทง้ั หลาย อย่ามาสาธยายให้หนวกหู ตวั กระผมน”ี้ เม่อื พดู เสร็จแล้ว เปรต กไ็ ด้ประนมมอื เลย เอาเปน็ ว่า พระพทุ ธเจ้า พระนามวา่ กัสสปะดี วเิ ศษจริง แต่เราก็ไดต้ ง้ั ใจไว้แล้ววา่ ถ้าพระองคไ์ ม่ ทว่ มหัว ไหวพ้ ระภิกษุท้ังหลาย แล้วยืนก้มหนา้ สามารถไถนาเหมอื นกับเราได้ เรากจ็ ะไม่ไป นงิ่ ภิกษุสงฆ์ผหู้ ลงป่า เม่ือได้ฟงั เรือ่ งราวท่ีเปรต ทาบุญ ไม่ทาสักการะบูชา แต่ถ้าหากพระกัสสป ไดเ้ ล่าถวาย ต่างก็มคี วามรู้สกึ สงั เวชสลดใจ พทุ ธเจา้ สามารถมาจบั คันไถ แล้วไถนาไดอ้ ย่าง อย่างมาก ตั้งใจวา่ เม่ือมีโอกาส จะได้แสดง เราเมื่อไร เราจะไปทาบุญ และทาสักการะบชู า” ธรรมเรอ่ื งนี้แก่อบุ าสกอบุ าสกิ าท้ังหลาย เพอ่ื เป็น เพราะวจกี รรมพดู ดหู มน่ิ พระพุทธเจา้ อุทาหรณส์ อนใจ แลว้ พากนั เดินจากไปเพื่อ หลังจากส้นิ ชีวติ แล้ว จึงทาใหไ้ ปตกนรกหลาย นมสั การต้นพระศรีมหาโพธทิ์ ีพ่ ุทธคยาตาม ร้อยปี หลังจากน้นั จงึ ได้มาเกิดเป็นเปรต แลว้ ไถ เสน้ ทางท่เี ปรตบอกไว้ นากลบั ไปกลับมาอยอู่ ยา่ งน้ีนบั พทุ ธันดร โดย ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน ไมไ่ ด้พกั ผ่อน ไมไ่ ดก้ นิ ข้อคิดและคตธิ รรม ไมไ่ ด้ถา่ ยตงั้ แต่บดั นัน้ จนถึงบดั นี้ นี้แหละคือ บาปกรรมทก่ี ระผมได้ทามา” ๑.พดู ไม่คิด ชีวิตจงึ ลงอบาย เปรตปากพล่อยผนู้ า่ สงสาร หลงั จากได้ เปรตตนนี้ ตอ้ งมาชดใชว้ ิบากกรรมตามที่ เล่าบุรพกรรมของตนแล้ว จึงได้ชท้ี างบอก ปากตัวเองเคยพดู ดหู ม่นิ พระพทุ ธเจา้ พระนาม พระคุณเจา้ ว่า “โน้นขอรับ เป็นเส้นทางออกจาก วา่ กสั สปะเอาไว้ ในสมยั ที่เขาเป็นชาวนา เพราะ ป่าและตรงไปยังสถานทซ่ี ่ึงพระคณุ เจา้ อยากจะ เป็นมิจฉาทิฏฐิและปากพล่อย เผลอพดู เลน่ ตลก ไป กอ่ นที่พวกทา่ นจะจากไป กระผมอยากสั่ง สนุกปากกบั ผูค้ นท่ีเดนิ ผ่านนาของเขาเพอ่ื ไปฟัง ความสกั อย่างหนง่ึ คอื วา่ ขอพระคุณเจา้ ธรรม แตก่ ารพูดเช่นน้นั เป็นการดหู มิ่น ทงั้ หลาย จงได้กรุณาบอกเพ่อื นมนุษย์ทัง้ หลาย พระพทุ ธเจ้า ผูม้ คี ุณประเสริฐ แม้เขาจะไม่รู้เปน็ ด้วยว่า บาป แตบ่ าปกรรม ก็ยังทาหนา้ ทสี่ ง่ ผลของมัน “ขอให้เพ่ือนมนษุ ย์ทง้ั หลายทีย่ ังไม่ตาย จง อย่างเท่ยี งตรง ใครพูดอย่างไร ก็ได้อย่างน้ัน การ พยายามขวนขวายในการทาบญุ ให้ทาน จงอยา่ กระทาและผลของการกระทา ยอ่ มสอดคล้องกัน

อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๕๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจ้า เสมอ นค้ี ือ กฎธรรมชาติ ผลยอ่ มมาจากเหตุ สาหรับชาวนาคนนั้น เมื่อได้พดู ดหู มิ่น และเหตุ ย่อมกอ่ ให้เกดิ ผลตามมา การพดู ดหู มน่ิ พระพุทธเจ้ากัสสปะเอาไว้ คงเปน็ เพราะกรรม ผ้อู ืน่ ก็เทา่ กับการพดู ดูหม่ินตวั เอง เปน็ ไปตาม หนักมาก จงึ ไม่มีโอกาสสานึกผิด คดิ ขอขมาโทษ กฎแหง่ การสะท้อนกลับ ย่ิงถ้าเป็นการพดู ดูหมนิ่ ตอ่ พระองค์ จงึ ต้องมาชดใชก้ รรมเชน่ น้ี แม้จะคดิ พระพุทธเจา้ ดว้ ยแลว้ วิบากกรรมยอ่ มหนกั หนา ได้วา่ เป็นเวรกรรม แตก่ ็สายเกนิ ไปเสยี แล้ว สาหสั หลายล้านเท่าพันทวี เปน็ บาปใหญ่หลวง เพราะเมือ่ กรรมกาลงั ส่งผล ใครๆ ก็หา้ มไมไ่ ด้ เมอ่ื กรรมน้ี ออกฤทธ์ิ ย่อมให้ผลอย่างทารุณแสบ เข้าไปแทรกแซงได้ยาก เผด็ อีกยาวนาน ไม่รจู้ ักจบสิน้ เหมอื นเผลอดมื่ นา้ หวานทผี่ สมยาพษิ ชนิดรา้ ยแรง เผลอจับ สายไฟท่มี กี ระแสไฟแรงสูงวงิ่ ผ่าน ยอ่ มเป็น อันตรายต่อชวี ิตอยา่ งมากเหมือนกบั เปรตตนนี้ ถงึ แม้ไมร่ วู้ า่ มยี าพิษผสมอยู่ หรือไม่ร้วู ่ามี กระแสไฟ เมื่อเผลสตดิ มื่ เข้าไปหรอื เผลอเอามือ ไปจับ กต็ อ้ งรับเคราะห์อย่างปฏเิ สธไม่ได้ จาก เร่ืองนี้ สามารถนามาเป็นอุทาหรณส์ อนใจไดว้ า่ ผู้ท่ีชอบพดู เลน่ พดู หยอกลอ้ เล่นหัว พูดล้อเลียน เพ่ือน ผใู้ หญ่หรือนักบวชผทู้ รงคณุ ธรรม ย่อม เปน็ บาปกรรมโดยไม่รูต้ ัว ๓. กรรมทางานโดยอัตโนมัติ เมือ่ บาปกรรม กาลังส่งผลอยู่ ใครๆใน ๒. ติอยา่ งไร ได้อยา่ งนนั้ โลกน้ี ก็ชว่ ยไมไ่ ด้ เหมือนเปรตตนน้ี แมอ้ ยากจะ กรรมหนกั รองจากมจิ ฉาทฏิ ฐิ(มโนกรรม) หยดุ ไถนา แตก่ ็หยดุ ไม่ได้ วบิ ากกรรมบังคบั คอื วจกี รรม ข้อผรสุ วาจา หรืออริยปุ วาท เพราะ ไมใ่ ห้หยุด มนั ทางานโดยอตั โนมตั ิ เขากบ็ งั คบั มีโทษมากเทา่ กับอนันตริยกรรม สง่ิ ทเี่ ปรตตนนี้ ตัวเองไม่ได้ ฝนื ตัวเองไม่ได้ ถงึ ภกิ ษเุ หล่าน้ี ได้รบั กเ็ ปน็ ผลสืบเนื่องมาจากคาทีต่ ัวเองพดู อยากจะชว่ ย กย็ งั ช่วยไม่ได้ ทงั้ นเี้ พราะอะไร ถา้ เอาไว้ในอดีต เพราะฉะนัน้ ชีวติ และ ไม่ใช่ ไมม่ ใี คร ใหญเ่ กินกรรม ตอ่ ใหเ้ กง่ แค่ ส่งิ แวดลอ้ มทค่ี นเรากาลงั เผชญิ อยู่ทุกวัน ไหน เมื่อกรรมส่งผลแล้ว ก็อยู่ใต้กรรม ฝนื ไดย้ าก ทงั้ ดแี ละไมด่ ี เป็นผลรวมมาจากวิบากกรรม เหมือนกรณภี กิ ษุ ๗ รปู ท่ีถกู ขังตดิ อยู่ในถ้า ๗ วนั ทเ่ี คยทาเอาไว้ทงั้ ทเ่ี ป็นบาปและบุญ โดยไม่ไดฉ้ นั อาหาร ไมไ่ ด้ดมื่ นา้ แมม้ ีเพอ่ื นพระ และชาวบ้านอีก ๖ ตาบล พยายามชว่ ยกันผลัก

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๖๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า แผน่ หินท่ปี ิดปากถา้ ใหก้ ลงิ้ ออก แต่ก็ทาอะไร คนอ่ืนมากอ่ น มักจะคิดวา่ สาเหตุที่เป็นเชน่ น้ี ไมไ่ ด้๑๓๓ เพราะแพ้แรงกรรม ในวนั ที่ ๗ ตอน เป็นเพราะถกู คนอ่ืนสาปแชง่ เอาไว้ เยน็ แผ่นหนิ ขนาดใหญท่ ี่ปดิ ปากถ้านัน้ กเ็ คลื่อน แตค่ วามจรงิ ไม่ไดเ้ ปน็ เช่นนนั้ เพราะใคร ออกไปเองอยา่ งน่าอศั จรรย์ โดยไม่มีใครไปผลกั จะเจรญิ รงุ่ เรืองหรอื ตกต่า ข้ึนอย่กู บั กรรมดกี รรม เหตุการณ์นี้ แม้พระพทุ ธเจา้ หรอื พระอรยิ ชวั่ ท่ีเคยทาไว้ ไม่ใช่อย่ทู ี่คา้ ใหพ้ รหรือค้าสาปแชง่ สาวกทงั้ หลาย รว่ มถึงเทวดา ผไู้ ดอ้ ภิญญาจิต ของใคร เพราะถ้าชีวิตคนเราเป็นไปตามคา้ พดู ต้องทราบแน่นอน แต่ไม่มใี ครช่วยเหลอื ได้ ของคนอน่ื แลว้ คนทา้ ดี ก็คงไม่ไดร้ ับผลของ สุดท้ายก็ปล่อยให้กรรมสง่ ผลเตม็ ที่จนสุดฤทธิ์ กรรมดี คนทา้ ช่ัวกไ็ มต่ ้องมารบั ผลของกรรมชัว่ ของมนั แล้วทกุ อย่างก็กลับมาเปน็ ปกติ ฉะนัน้ ถ้าเราทาบญุ กุศล ความดไี ว้อยา่ ง เร่อื งนเี้ กิดจากกรรมเกา่ ของภิกษุ สมบรู ณ์แล้ว แม้ศัตรูจะมาสาปแชง่ ให้มอี นั เหลา่ น้นั ซงึ่ ในอดีตชาตเิ คยเปน็ เด็กเลย้ี งวัว ใช้ เปน็ ไป กท็ าอะไรเราไมไ่ ด้ กรรมดี ย่อมสง่ ผลให้ ใบไมป้ ดิ รเู ห้ยี เอาไวถ้ ึง ๗ วนั เพราะความ ได้รับความสขุ ความเจรญิ รุ่งเรือง แตห่ ากใครได้ หลงลืม ในวันที่ ๗ เมอ่ื กลบั มาท่ีเดมิ พากันนึก ทาบาปกรรม ความชัว่ ไว้ แมจ้ ะมผี ้มู าใหพ้ ร ได้ จึงปล่อยมันไปไมไ่ ด้ฆ่า วบิ ากกรรมน้ีสง่ ผลให้ ขอให้มคี วามสขุ อกุศลกรรม ยอ่ มส่งผลให้ไดร้ บั เด็กเหล่านี้เกดิ มาถกู กกั ขังอย่างนี้ถึง ๑๔ ชาติ ความทกุ ข์ลาบากเหมือนเดมิ  สรา้ งเหตุไว้ เพราะฉะนั้น บัณฑิตทั้งหลาย จงึ สอนวา่ อย่างไร ยอ่ มไดร้ ับผลเช่นน้นั ไมม่ ใี คร เปลี่ยนกฎ ขึ้นชอ่ื ว่าบาป แม้เพยี งเลก็ นอ้ ย ก็ไมค่ วรทา แหง่ กรรมน้ไี ด้ เพราะเปน็ กฎธรรมชาติ เป็น เพราะผลของบาปกรรมน้ัน เป็นส่งิ เลวร้าย ไม่น่า จกั รวาลทพ่ี ระพุทธเจา้ จะอุบตั หิ รือไม่ก็ตาม กฎนี้ ปรารถนาเหมือนของสกปรก แม้จะนอ้ ยก็มีกลน่ิ กจ็ ะเป็นอยา่ งนี้ตลอดกาล ซ่ึงจะเหน็ ได้จาก เหมน็ ไมม่ ใี ครอยากเข้าใกล้ ขอ้ ความท่ีสนทนากันระหวา่ งพระมหาเถระสอง องค์ โดยทา่ นพระมหาโกฏฐิตะ ได้ถามปญั หา ๔. กฎแห่งกรรม ! เปลย่ี นไม่ได้ กบั ทา่ นพระสารบี ุตรวา่ คนเราสามารถเปลยี่ น ปถุ ุชนคนท่ัวไป เม่อื โกรธไม่พอใจท่ีคน กฎแหง่ กรรมไดไ้ หม คือ อืน่ มาทาใหต้ วั เองเดอื ดร้อน มักจะสาปแช่งให้ -เปล่ยี นกรรมทจ่ี ะใหผ้ ลในปจั จบุ ัน เปน็ เขามอี นั เป็นไปและเช่ือว่า เพราะการสาปแช่ง กรรมท่ีให้ผลในอนาคต เปล่ียนกรรมท่ีจะให้ผลใน ของตนเองนจี้ ะทาให้คนนั้นฉิบหายวอดวาย หรอื อนาคต เป็นกรรมใหส้ ง่ ผลในปจั จุบนั เม่ือถงึ คราวชวี ติ ตกตา่ ย่าแย่ ผูท้ เ่ี คยหลอกลวง ๑๓๓ ธ.ป. (แปล) ๕/๕๘-๗๔ เรอ่ื งชน ๓ คน  สงั .สฬา. (แปล) ๑๘/๔๐๑-๔๐๔ อสพิ นั ธกปุตตสตู ร

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๖๑ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจา้ -เปลย่ี นกรรมท่ีจะใหผ้ ลเป็นสขุ เปน็ กรรม หรือพระอรหันตสาวกกต็ าม หากแต่วา่ พระอริย ใหส้ ง่ ผลเปน็ ทกุ ข์ เปล่ียนกรรมทีจ่ ะให้ผลเปน็ ทกุ ข์ เจา้ น้ัน ท่านรับรู้ดว้ ยจิตท่เี ป็นกลาง วางเฉย ไม่ได้ยินดยี นิ รา้ ย ไมช่ อบไมช่ ัง ไม่รกั ไมร่ งั เกียจ เป็นกรรมให้ผลเปน็ สุข -เปลย่ี นกรรมทจ่ี ะใหผ้ ลเสร็จแลว้ เป็น ตอ่ สง่ิ เหล่านัน้ กรรมใหผ้ ลไดอ้ ีก เปลย่ี นกรรมทย่ี งั ไมใ่ หผ้ ลเสรจ็ เป็นกรรมท่ใี ห้ผลเสรจ็ แลว้ -เปลี่ยนกรรมทใ่ี ห้ผลมาก เปน็ กรรมใหผ้ ล น้อย เปลยี่ นกรรมใหผ้ ลนอ้ ย เป็นกรรมใหผ้ ลมาก สตั วท์ ้ังหลาย -เปลีย่ นกรรมที่สามารถให้ผลได้ เป็นกรรม ลว้ นมกี รรมเปน็ ของๆตน ให้ผลไมไ่ ด้ หรอื เปล่ียนกรรมทใี่ หผ้ ลไมไ่ ด้ เป็น คนทาบาป ถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ กรรมใหผ้ ลได้ มใี ครในโลกทาอยา่ งนี้ ไดไ้ หม ? ไม่พ้นจากบาปกรรม ถงึ จะดาลงไปกลางทะเล ก็ ไมพ่ น้ จากบาปกรรม ถึงจะเขา้ ไปหลบตัวในซอก ทา่ นเถระตอบว่า “ทาอย่างนน้ั ไมไ่ ดห้ รอก เขา ก็ไมพ่ ้นจากบาปกรรม เพราะไม่มแี ผ่นดินสัก อาวโุ สโกฏฐิตะ แต่การประพฤตพิ รหมจรรย์เพอื่ อยู่ สว่ นหนึง่ ทค่ี นทาบาปยนื อย่แู ลว้ จะพ้นจาก เหนือกรรมน้ันได้”๑๓๔ บาปกรรมได้ กฎแหง่ กรรม หรอื กรรมนิยามเปน็ คนละ อย่างกับจติ นยิ าม คอื ว่า ถึงแมว้ ่าพระอรหันต์ จะมีจิตบริสุทธ์ิ ไม่มกี เิ ลสเจอื ปน ละบุญและ เร่ืองคน ๓ จาพวก บาปท่ีจะสง่ ผลในชาตหิ นา้ ได้หมดส้ินแล้วกต็ าม ขุ.ธ. (แปล) ๒๕/๗๑ แตบ่ ุญ-บาปทเี่ คยทาไว้ในอดตี ชาติท่ผี า่ นมา ซง่ึ กาลังจะส่งผลในชาติปจั จุบนั ในชว่ งใด ช่วงหนึ่งของชวี ิต แม้อรหตั ตมรรค อรหตั ตผล กล็ ะไมไ่ ดท้ ั้งหมด เพราะฉะนนั้ แม้เปน็ พระอรหนั ต์แล้ว ยงั ต้องได้รบั ผลบุญและ ผลบาปเชน่ กนั ทง้ั น้ีเพราะอตั ภาพร่างกายหรอื ขันธ์ ๕ น้เี กิดจากกรรมเก่า เม่ือขันธ์นยี้ ังดารงอยู่ วบิ ากกรรมทง้ั บญุ และบาปยอ่ มส่งผลไดเ้ สมอ ไมว่ ่าจะเป็นพระพทุ ธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๓๔ องั . นวก. (แปล) ๒๓/๔๕๙-๔๖๒ โกฏฐติ สตู ร

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๖๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ อรยิ ุปวาท เรือ่ งที่ ๒๒ มานะถอื ตัวว่าเปน็ พราหมณ์ ซง่ึ เปน็ วรรณะ สงู สุดเกิดจากโอษฐ์พรหม อกี ทั้งไม่เลอื่ มใสใน พระโพธิสัตวพ์ ดู ดูหมิ่นพระพทุ ธเจ้ากสั สปะ๑๓๕ พวกสมณะซ่ึงถือว่าเปน็ วรรณะตา่ เกดิ จากเทา้ ของพรหม ในยคุ สมัยของพระกัสสปพทุ ธเจา้ ซง่ึ ได้ แม้ฆฎิการะ พดู ชักชวนถึง ๓ ครงั้ แต่ อุบตั ิข้นึ ในโลกก่อนหนา้ น้ี พระโพธสิ ัตว์ เกดิ ใน โชตปิ าละก็ยังปฏเิ สธยืนยันไมไ่ ป จนฆฎิการะ ตระกูลพราหมณ์ ในเมืองเวคฬิงคนคิ ม มชี ื่อวา่ ตอ้ งใช้วธิ ีรนุ แรง คือ จบั ที่มวยผมของโชตปิ าละ โชติปาละ ในยุคนน้ั วรรณะพราหมณ์มีฐานะสงู เพ่อื จะดึงไป ซ่งึ การกระทาเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรอื่ ง กว่าวรรณะกษตั ริย์ แม้มารดาบิดา พีน่ ้องชาย ไม่ธรรมดาสาหรับคนวรรณะต่าทากับคนวรรณะ หญิง คนใชแ้ ละศิษย์ของเขาท้งั หมด ทุกคนลว้ น สูง ทั้งนี้เพราะฆฎิการะ เปน็ คนวรรณะตา่ กว่า แต่เคารพพรหม ถอื วา่ พวกพราหมณเ์ ทา่ นนั้ โชตปิ าละ จนเขาตอ้ งจาใจไป เม่ือได้เข้าเฝ้าแลว้ ประเสรฐิ สูงสุด เกลียดชังและกลา่ วตเิ ตียน ฆฎกิ าระ ได้กราบทลู ให้พระพุทธองค์แสดงธรรม พวกบรรพชติ ถึงตวั โชติปาละเอง ก็เชื่อถือตาม โปรดโชตปิ าละ ซงึ่ มเี น้ือหาโดยสรปุ วา่ ลทั ธขิ องพวกพราหมณ์ ได้ยนิ พวกพราหมณ์ด่า “โชติปาละ ตัวเธอ มใิ ชค่ นธรรมดา แตเ่ ป็น วา่ พวกนักบวชอยู่เป็นประจา นิยตโพธิสัตว์ เคยปรารถนาสัพพญั ญุตญาณ เพราะฉะนน้ั โชติปาลมานพ เมอ่ื ได้ยิน มาแลว้ และจะได้ตรัสร้เู ป็นพระพทุ ธเจา้ ในอนาคต คนเขาพดู กันว่า พระพุทธเจ้ากสั สปะ จงึ พูด ข้างหนา้ จึงไมค่ วรเป็นอยู่ดว้ ยความประมาท ลบหลดู่ ูหมนิ่ พระพุทธเจ้าพระองคน์ ้นั ออกไปวา่ แมเ้ ราตอนนไ้ี ดบ้ าเพญ็ บารมี ๑๐ ประการ “การตรัสรขู้ องสมณะโล้นนัน้ จะมีมาแต่ทไี่ หน ตรัสร้สู พั พญั ญุตญาณ มภี กิ ษสุ องหมื่นแวดล้อม การตรัสรเู้ ปน็ ของท่ไี ดโ้ ดยยากยิ่ง” ประกาศธรรมในโลก ถึงตวั เธอ ก็จะเปน็ มีวนั หนง่ึ หลงั จากพากันอาบน้าที่ท่านา้ เช่นเดยี วกบั เรา จงรบี เร่งบ่มบารมี ๑๐ ประการ เสร็จแล้ว ชา่ งหมอ้ ช่ือ ฆฏกิ าระ ซง่ึ เปน็ ให้เตม็ เปยี่ ม เพอ่ื บรรลุสัพพญั ญุตญาณ มีหมู่ อุปัฏฐากของพระกัสสปพุทธเจ้าและเปน็ เพอื่ น สมณะเปน็ บรวิ าร ออกประกาศธรรมไปในโลกเช่น รกั ของโชติปาละ ได้ชวนเขาเพ่ือไปเข้าเฝ้า กบั เราเถิด” พระพุทธเจ้า โชตปิ าละ ตอบปฏเิ สธวา่ “ไมไ่ ป เมอ่ื พระกสั สปพทุ ธเจ้าตรสั เชน่ น้แี ล้ว ได้ หรอก ฆฏิการะเพื่อนรัก การเหน็ สมณะโลน้ นน้ั จะ ตรัสถงึ โทษในกามทงั้ หลายและอานสิ งส์ในการ มปี ระโยชนอ์ ะไร” สาเหตุทเ่ี ขาพูดเช่นนี้ เพราะมี ออกบวช โชติปาละ เมอ่ื ได้ฟงั เช่นน้ันแลว้ ก็มีใจ ๑๓๕ ม.ม. (แปล)๑๓/๓๓๗-๓๔๘ ฆฏกิ ารสูตร และอรรถกถา  ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๗๒-๕๘๒ วาเสฏฐสูตร ขุ.สุตต. (แปล)๒๕/๕๙๘-๖๐๑,ปธานสตู ร และอรรถกถา

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๖๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ นอ้ มไปในบรรพชาทนั ที ต่อมา ได้ออกบวชเป็น ครงั้ นน้ั เราชื่อว่าโชตปิ าละ ได้กลา่ วกบั ภกิ ษุ และศกึ ษาพระธรรมวนิ ัยจนแตกฉาน ได้ พระสุคตพระนามว่ากัสสปะว่า การตรัสรู้ท่ีโคน ฌานสมาบัติและอภิญญา๑๓๖ หลังจากตายแล้ว ตน้ โพธิ์ จกั มีมาแต่ท่ีไหน การตรสั รหู้ าไดแ้ สนยาก ก็ไปเกดิ ในพรหมโลก ด้วยผลกรรมนั้น เราจึงได้บาเพ็ญ ทุกรกิรยิ า ในขณะทก่ี าลงั เวียนวา่ ยตายเกิดใน นานถงึ ๖ ปี ตอ่ จากน้ัน จงึ ไดบ้ รรลพุ ระโพธิญาณ สังสารวฎั เพราะผลกรรมทโี่ ชติปาละ เคยกล่าว ทีต่ าบลอรุ ุเวลา คาจาบจว้ งลว่ งเกนิ พระพุทธเจ้ากสั สปะนน้ั ทา แตว่ า่ เรา กม็ ิไดบ้ รรลุโพธญิ าณอันสงู สุด ใหเ้ ขาไปเกดิ ในอบายภูมิ มีนรก เป็นตน้ หลาย ด้วยวธิ ีทางนี้ เราถกู กรรมในปางกอ่ นตักเตอื นแล้ว รอ้ ยชาติ ในชาติสดุ ทา้ ยเกดิ เป็นพระเวสสนั ดร จึงแสวงหาโพธิญาณผิดทาง...๑๓๗ หลงั จากสิ้นชวี ิต ไปบงั เกิดเปน็ เทพบตุ รในสวรรค์ ชน้ั ดุสิต จุตจิ ากดุสิตาเทวโลก โดยการอาราธนา ของเหล่าเทวดาในหมนื่ จักรวาล ถอื ปฏสิ นธิใน ขอ้ คดิ และคตธิ รรม พระครรภ์ของพระนางสิริมหามายาในศากยราช ๑.เปน็ อยูด่ ว้ ยปญั ญาดที สี่ ุด ตระกลู เมอ่ื พระชนมายุ ๒๙ พรรษา เสด็จออก การเวยี นว่ายตายเกดิ ในสังสารวฏั ของ ผนวช บาเพ็ญทกุ กรกิริยา ทรมานตนเองอย่นู าน ปุถุชน เปน็ สงิ่ ไมแ่ นน่ อน ดว้ ยอานาจของบญุ แล้วได้รวู้ า่ วิธกี ารน้ี ไม่ใช่ทางแห่งการตรัสรู้ และบาป บางชาติอาจจะเกิดเป็นมนุษย์ บาง แนน่ อน ต้องมวี ธิ อี ่ืน ทาให้พระองค์ นกึ ถงึ วันที่ ชาตเิ ปน็ เทวดา บางชาตอิ าจจะเกิดในอบายภูมิ นั่งเข้าสมาธิใตร้ ม่ หว้าในคราวทีพ่ ระบดิ าทาพิธี เกดิ เปน็ สตั ว์นรก หรอื เกดิ เปน็ สตั ว์เดรจั ฉาน กไ็ ด้ แรกนาขวัญ คิดว่า รา่ งกายทีอ่ ่อนแรงเช่นน้ี ไม่ ดงั นน้ั บัณฑิตผูฉ้ ลาด จงึ ไมค่ วรประมาท รีบเร่ง เอ้อื ตอ่ การปฏบิ ัตสิ มาธิ จงึ กลบั มาเสวยอาหาร ศกึ ษาธรรมะใหเ้ ขา้ ใจถ่องแท้ ฝึกอบรมปัญญา ตามปกติ ถัดจากน้นั ประมาณ ๑๕ วัน เปน็ วนั ทางธรรมใหถ้ ึงที่สดุ แลว้ ประพฤติปฏิบัติธรรม ขนึ้ ๑๕ คา่ เดือน ๖ วิสาขบูชา พระองค์กไ็ ด้ตรสั เพ่อื บรรลเุ ป็นพระโสดาบันให้เรว็ ท่ีสุด ถึงจะอุ่น รู้สัมมาสัมโพธิญาณ ใจ และมคี วามปลอดภัยในชีวิตว่า ประตู ในสมยั ทพ่ี ระพุทธองคป์ ระทบั อยู่ ณ พืน้ อบายภมู ปิ ดิ ตายแล้ว จะเกดิ ในสคุ ติภูมอิ ีกไม่ ศิลาที่นา่ ร่นื รมย์ ใกล้สระอโนดาต ทรงตรสั เล่า เกิน ๗ ชาติ ก็จะได้บรรลุธรรมขัน้ สูงสุด หยดุ การ บุพกรรมเกา่ เรอ่ื งน้ีใหภ้ ิกษสุ งฆ์ฟงั วา่ เวียนว่ายตายเกดิ อกี ต่อไป ๑๓๖ มลิ ินทปญั หา ตอน เมณฑกปญั หา วรรคที่ ๖ ถามเรอื่ งพญา ๑๓๗ ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗ ชา้ งฉัททันต์ ฉบบั แปลในมหามกฏุ ราชวิทยาลัย

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๖๔ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ๒.อทิ ธิพลของสิ่งแวดลอ้ ม คมั ภีร์มิลินทปญั หา ได้กล่าวยืนยนั วา่ หลงั จาก ถึงแมว้ า่ โชติปาละ จะเป็นนิยตโพธสิ ตั ว์ ออกบวชแลว้ โชติปาละได้ปฏิบตั ิธรรมจนสาเรจ็ กต็ าม แตเ่ พราะอยู่ในส่งิ แวดลอ้ มไมด่ ี เกดิ ใน ฌานสมาบัติและอภญิ ญา ตระกลู พราหมณ์ท่ีเป็นมิจฉาทิฏฐิ ใกลช้ ดิ กบั คน ฉะนน้ั การประพฤติปฏิบัตธิ รรมของโชติ พาล ถอื เรอื่ งวรรณะเปน็ สาคัญ ดูถูกคนวรรณะ ปาละ จึงไมม่ ีอุปสรรคปิดกั้นขดั ขวางและยงั ได้ ต่า ติเตยี นพวกนักบวช ไม่มศี รัทธาเลื่อมใสใน บรรลคุ ณุ วิเศษหลายประการ แต่อาจจะมีเศษ พระรตั นตรยั จงึ ทาให้หลงผิด พดู ดูหมิ่น กรรมบางส่วนท่ียงั เอาออกไม่หมด เปน็ เหตุ พระพุทธเจา้ กสั สปะว่า จะเป็นพระพุทธเจ้างา่ ยๆ ทาใหโ้ ชตปิ าละ ไปเกดิ ในอบายภูมอิ ีกไดใ้ น ไดอ้ ยา่ งไร การตรัสรูธ้ รรมน้ันทาไดย้ ากอย่างยง่ิ ชาติตอ่ ๆมาและในชาตสิ ุดท้าย จากเศษกรรม เข้าข่ายเปน็ อรยิ ุปวาทอยา่ งหนัก นั้นผลกั ดนั ใหพ้ ระองคต์ อ้ งมาเสยี เวลาในการ เรื่องที่โชติปาละ ได้พดู ดหู มิน่ พระกสั สป แสวงหาสมั มาสมั โพธิญาณผดิ ทางถึง ๖ ปี พุทธเจ้าเนอ่ื งจากเปน็ กรรมเกา่ ของพระองค์ แต่ เหมอื นเร่ืองชฎิลเศรษฐีในชาตทิ เ่ี กิดเป็นนาย เปน็ กรรมใหม่ของโชตปิ าละ ฉะน้ัน ในขณะที่ ช่างทอง ขณะที่พระอรหนั ต์ขณี าสพองค์หน่งึ เวยี นว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ดว้ ยเศษกรรมท่ี ได้มาท่ีบา้ นเพอ่ื บอกบุญใหช้ า่ งทองคนนีไ้ ด้ หลงเหลืออยู่ จงึ ทาใหเ้ ขาแม้จะเปน็ ผู้มีบารมี บริจาคทองคาเพื่อสร้างเจดีย์สาหรับบูชาพระ เข้มข้น มีบุญมาก ก็ยังต้องไปเกิดในอบายภมู ิ มี บรมสารีริกธาตุของพระพทุ ธเจ้ากัสสปะ ซึ่ง นรก เป็นต้น เปน็ เวลาหลายรอ้ ยปีได้ ทัง้ นเี้ พราะ เหลือหนา้ มุขทางทิศเหนือนดิ หน่อยยงั ไม่เสร็จ อรยิ ปุ วาทกรรมนั้น มโี ทษมาก ใครๆ ไม่ควรทา สมบรู ณ์ แตพ่ อดีขณะน้ันเขากาลงั ทะเลาะกับ แท้ เรอ่ื งน้ี พระองคท์ รงตรสั รับรองไวเ้ อง ไมใ่ ช่ ภรรยาอยจู่ งึ โกรธไม่พอใจ พดู พลั้งปากไปว่า เรอ่ื งแตง่ ขึน้ “จงเอาพระศาสดาของท่าน ไปโยนทิ้งในน้า เสีย” เพยี งชัว่ ครู่ ก็สานึกไดว้ ่าเปน็ บาปกรรม จงึ ๓. พึงระวงั ปากกบั ใจใหด้ ี ได้ขอขมาโทษต่อหนา้ พระสารรี กิ ธาตุของพระ เม่ือโชตปิ าละ มโี อกาสได้เขา้ เฝ้า ฟัง ศาสดา ถงึ กระน้ัน ในขณะทีเ่ วียนว่ายตายเกดิ ใน ธรรมจนเข้าใจดีแลว้ คงตอ้ งกล่าวคาขอขมาโทษ สงั สารวัฏ จากเศษกรรมทเ่ี หลอื ยังต้องถกู โยน ต่อพระพุทธเจ้ากัสสปะแน่นอน แม้ในคัมภรี ์ ทิ้งลงในน้าถงึ ๗ ชาติ ในชาตสิ ดุ ท้าย เม่อื ออก พระไตรปิฎกและอรรถกถา ไมไ่ ดก้ ลา่ วไว้กต็ าม บวชแลว้ จึงไดบ้ รรลธุ รรมเปน็ พระอรหันต์ เพราะถ้าหากไม่ขอโทษ อรยิ ุปวาทกรรม ย่อม ปกปิดทาใหไ้ ม่ก้าวหนา้ ในธรรม ก้นั ไมใ่ หบ้ รรลุ คุณวเิ ศษ เช่น ฌานและอภิญญาเป็นต้น แตใ่ น  ธ.ป. ๘/๒๖๖-๒๗๕ เร่ืองโชติกเถระ

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๖๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า แมบ้ ุคคลทเี่ ปน็ นยิ ตโพธสิ ัตว์อย่างเช่น เพราะฉะน้นั พระพุทธองค์ เมอื่ ทรง โชติปาละ ยังเผลอพลาด ทาอริยุปวาทกรรมได้ เลง็ เหน็ โทษภัยอนั ตรายที่เกดิ จากวจกี รรมฝ่าย นับประสาอะไรกับปถุ ชุ นคนทว่ั ไป จะไมพ่ ลาด อกุศล จงึ ได้ตรัสเตอื นไว้ โดยมใี จความวา่ ผดิ ในเรอื่ งน้ี “ภิกษทุ งั้ หลาย คนพาลผูไ้ มเ่ ฉยี บแหลม เพราะฉะนั้น พวกเราท่านทง้ั หลาย เมอ่ื เปน็ อสัตบุรษุ บรหิ ารตนใหถ้ ูกกาจดั ถูกทาลายมี เขา้ ใจเรื่องนอี้ ยา่ งชัดแจ้งแลว้ พงึ ตระหนกั และ ความเสียหาย ถกู ผูร้ ู้ติเตียน และประสพสงิ่ ที่มใิ ช่ สานกึ ร้อู ยา่ งสดุ ซงึ้ ระมัดระวงั ความคดิ และ บญุ เปน็ อนั มาก เพราะไม่พจิ ารณาไตร่ตรองอย่าง คาพดู จาให้ดี อย่าไดป้ ระมาท เผลอไปคิดจบั ผดิ รอบคอบ ไปกล่าวสรรเสริญผคู้ วรติเตียน กล่าวติ เพ่งโทษ หรอื พูดวิพากย์วิจารณ์ ตาหนิติเตียน เตียนผ้คู วรสรรเสริญ แสดงความเลอ่ื มใสในฐานะท่ี ผใู้ ดผู้หนึ่งไมว่ า่ จะเปน็ พระรตั นตรัย อปุ ัชฌาย์ ไมค่ วรเล่อื มใส แสดงความไมเ่ ลอ่ื มใสในฐานะท่ี อาจารย์ นักบวช พ่อแม่ หรือผู้ปฏิบตั ธิ รรมคนใด ควรเลือ่ มใส...” ๑๓๘ คนหน่งึ เพราะเรารู้ไม่ไดว้ ่า เขาคนนั้น มี แม้ในทางตรงขา้ ม บคุ คลผ้เู ปน็ บณั ฑิต คุณธรรมมากน้อยแคไ่ หน หากประมาทพลาด ท้ังหลาย เม่ือพิจารณา ไตรต่ รองอยา่ งรอบคอบ พลั้งไป คงไม่คุ้มทต่ี อ้ งมาเสียใจ เสียเวลาชดใช้ แล้ว ตาหนิผสู้ มควรตาหนิ สรรเสริญผสู้ มควร กรรม โดยไม่จาเป็น สรรเสริญ และเล่ือมใสศรทั ธาในบุคคลผ้คู วร เลือ่ มใสศรัทธา ย่อมได้บญุ มาก ๔.บาปหรอื บญุ ข้ึนอยู่ท่ีปาก พระสัพพญั ญูโพธิสตั ว์ ในชาติสดุ ทา้ ย เมอื่ เสดจ็ ออกผนวชแลว้ ใชเ้ วลาอย่างเร็วทสี่ ุด ประมาณ ๗ วนั อยา่ งกลางประมาณ ๑๐ เดอื น กไ็ ดบ้ รรลธุ รรมเปน็ พระพุทธเจา้ แต่พระ สพั พัญญูโพธสิ ัตว์ พระนามวา่ โคดมน้ี หลังจาก ออกผนวชแลว้ ใชเ้ วลาถงึ ๖ ปี จึงได้ตรสั รู้ สัมมาสัมโพธญิ าณ ซ่ึงใช้เวลานานมากกว่า พระพทุ ธเจ้าทง้ั หลายในอดตี ทผ่ี ่านมา เน่อื งจาก วิบากกรรมเกา่ ท่ีเคยพดู ล่วงเกินพระพุทธเจา้ กัสสปะเอาไว้ จงึ ทาใหแ้ สวงหาโพธญิ าณผดิ ทาง ๑๓๘อัง.จตุ. (แปล) ๒๑/๔ ปฐมขตสตู ร

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๖๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจ้า พระรตั นไตยเป็นอจนิ ไตย พระพทุ ธเจา้ และเหลา่ พระอรหนั ตจ์ านวนมากมาประชุมพร้อมกัน ทา่ นท้ังหลายจงกราบไหว้พระพทุ ธเจ้าและเหลา่ พระอรหันต์เถิด ตามท่ีกลา่ วมานี้ พระพทุ ธเจา้ ทัง้ หลายเป็นอจินไตย สาหรบั ผูท้ ีเ่ ล่ือมใสในอจนิ ไตย ยอ่ มมีวิบากเป็นอจนิ ไตย พระไตรปฎิ ก เล่ม ๓๒ ขุททกนิกาย อปทาน (มจร.แปล) หน้า ๑-๑๒

อริยุปวาท เรอ่ื งท่ี ๒๓ พระศาสดา ทาพระธรรมวนิ ัยท่พี ระกสั สปพทุ ธ พระดา่ พระ ภิกษุณดี ่าพระสงฆ์๑ เจา้ ได้ตรัสไว้ดแี ลว้ ใหว้ ปิ ริตผิดเพ้ียน แมจ้ ะมี พวกภกิ ษผุ ู้ประพฤตดิ ปี ฏิบตั ชิ อบท้ังหลาย กลา่ ว หลังจากพระกสั สปพุทธเจา้ ปรินิพพาน ตกั เตอื นวา่ “คุณกปิละ คุณอยา่ ได้พดู อย่างน้ี” แล้วไมน่ าน กลุ บุตร ๒ พี่น้องผ้พู ่ีชือ่ วา่ โสธนะ ผู้ พระกปลิ ะ กไ็ ม่เชื่อฟงั แถมยงั พดู ขู่ตะคอกดา่ วา่ นอ้ งช่อื ว่ากปิละ ไดพ้ ากันออกบวชเปน็ ภกิ ษุ แม้ “พวกทา่ นจะร้อู ะไร พากันบวชเมอ่ื แกเ่ ฒา่ มารดาของท่าน ซึ่งมีชื่อว่าสาธนี น้องสาวชื่อว่า ย่อมไมร่ ู้พระวนิ ยั ไม่รู้พระสูตร ไมร่ ูพ้ ระ ตาปนา กไ็ ด้ออกบวชเปน็ ภกิ ษณุ เี ช่นกัน อภิธรรม พวกท่าน จงึ เปน็ เหมอื นกบั คนมี ทา่ นพระโสธนะ ไดท้ าวตั รปฏิบตั ิตอ่ พระ กามอื เปล่า” อปุ ชั ฌายแ์ ละพระอาจารยเ์ ปน็ เวลา ๕ พรรษา พวกภกิ ษุ ได้นาเรอ่ื งนี้ไปบอกท่าน พร้อมทัง้ ต้งั ใจศึกษาขนั้ ตอนของการปฏิบัติ พระโสธนะผเู้ ป็นพี่ชาย เพ่อื มาชว่ ยตกั เตอื น พระ วปิ ัสสนากรรมฐาน จนถงึ อรหตั ตผล หลงั จากนนั้ เถระ ไดก้ ลา่ วเตอื นวา่ “คณุ กปิละ การปฏบิ ัติ จึงไดก้ ราบลาพระอุปชั ฌาย์และพระอาจารย์ ชอบของภิกษทุ งั้ หลายเช่นคณุ เปน็ อายุของ ออกไปปฏบิ ตั ธิ รรมตามปา่ เขาลาเนาไพร จน พระศาสนา คณุ อยา่ ได้เที่ยวพูดตรงขา้ มกับ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในท่สี ุด คาสอนของพระศาสดาเลย อย่าไดพ้ ดู สว่ นพระกปลิ ะคิดว่า ตวั เองยังเป็น บิดเบอื นพระธรรมวนิ ยั ซึ่งเป็นการกล่าวตู่ หนุม่ ไมใ่ สใ่ จในวิปัสสนากรรมฐาน สนใจแต่ พระพุทธองค์” ศึกษาเลา่ เรียนแต่ปริยัติธรรมอย่างเดยี ว จนมี แต่พระกปลิ ะนั้นก็ไม่ใสใ่ จคาพดู ของพระ ความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก มคี นศรัทธา พีช่ าย ยงั มีพฤติกรรมเชน่ นั้นเหมือนเดมิ แถมยัง เล่อื มใส ยอมรับนับถือ ใหค้ วามเคารพกราบไหว้ พูดตาหนทิ ่านอกี พระเถระได้กล่าวตักเตอื นอีก มีลาภสกั การะลน้ หลาม จนทาให้พระกปิละนนั้ ๒-๓ ครง้ั วา่ “ผู้หวงั ดีจะพงึ ว่ากลา่ วตกั เตือนเพียง เกิดภาวะหลงตวั เอง คือ ลืมตวั เหลงิ หลง สาคญั ครง้ั สองคร้ังเท่านั้นจะไม่พูดมากไปกว่าน้ี เพราะว่า ผดิ คดิ วา่ ตัวเองเป็นบณั ฑติ มคี วามสาคัญผดิ ถ้าท่านพูดมากไปกว่านนั้ บุคคลท่ีถูกกว่ากลา่ ว วา่ ตนรู้ แม้ในสิง่ ทีต่ นเองยงั ไมร่ ู้ พดู แมส้ ง่ิ ทมี่ ี ตกั เตือนอาจจะไมพ่ อใจ หรือโกรธตอ่ พระอรยิ ะ โทษว่า “ไมม่ โี ทษ” ส่งิ ท่ีไม่มโี ทษว่า “มีโทษ” สิ่ง แลว้ เปน็ โทษตอ่ ผู้นน้ั ได”้ ทผ่ี ดิ วินยั ว่า “ไมผ่ ิดวนิ ยั ” หรอื สิ่งทไ่ี มผ่ ดิ วินัยวา่ หลงั จากนั้น พระเถระจึงได้หยุดวา่ “ผิดวินยั ” ซ่งึ ตรงตามคาสอนของพระพทุ ธเจา้ กล่าวตักเตอื น แต่ได้พูดประโยคสุดทา้ ยวา่ เปน็ กลา่ วตูพ่ ระพุทธพจน์ บิดเบือนคาสอนของ “คุณกปลิ ะ เด่ยี วคณุ จะตอ้ งไดป้ ระสบกบั ตัวเองตามที่พดู ” แลว้ เดนิ จากไป ตั้งแต่นัน้ ๑ขุ.สุต. (แปล) ๒๕/๕๖๕-๕๖๖ ธัมมจริยสตู ร หรอื กปลิ สตู ร, เปน็ ต้นมา แม้พวกเพื่อนพระท่ปี ระพฤตดิ ปี ฏบิ ตั ิ ป.ธ. ๘/๑-๑๑ เรือ่ งปลาช่อื กปลิ ะ

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๖๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า ชอบทง้ั หลาย ต่างไมส่ นใจวา่ กล่าวตกั เตือนพระ กราบเรียนวา่ “ท่านขอรับ ขอท่านจงเปน็ ทพ่ี ึง่ กปิละอกี เลย ของพวกกระผมด้วย” เมอื่ วันเวลาผ่านไป พระกปิละนัน้ ได้สัง่ สม พระเถระกลา่ วสอนวา่ “ทีพ่ ึง่ อยา่ งอื่น บาปกรรมไว้มาก แม้พวกภกิ ษุทีอ่ ยดู่ ้วยกบั ท่าน เชน่ กบั ศลี ไม่มอี กี แลว้ ขอให้ท่านทกุ คนจงสมาทาน กม็ คี วามประพฤติเลวทรามเช่นเดยี วกนั วันหนึ่ง เบญจศลี ” พวกโจร จึงไดพ้ ากนั สมาทานศีลกัน พระกปิละ ขึน้ ไปนัง่ บนอาสนะ จบั ตาลปตั ร ใน หมดทุกคน พระเถระ ได้กลา่ วสอนอกี วา่ “บัดนี้ วนั ลงอุโบสถ ไดถ้ ามข้ึน ๓ ครั้งว่า “ท่านทั้งหลาย พวกทา่ นเปน็ ผู้มศี ลี แล้ว เมือ่ ทา่ นท้ังหลาย แม้ถูก พวกภกิ ษุท่นี ่ังประชุมกันท่ีนีค้ วรฟงั สวดปาตโิ มกข์ ฆ่า ก็อยา่ โกรธใคร” พวกโจรรับปากว่าจะทา หรือไม”่ ไม่มภี ิกษแุ มร้ ูปเดียว พดู ขน้ึ วา่ “ข้าพเจ้า ตามนนั้ ตอ่ มา พวกโจรได้ถกู ชาวบ้านฆา่ ตายจน และภิกษุทงั้ หลายควรฟังปาตโิ มกข์ แม้พระกปลิ ะ หมด ด้วยเพราะอานุภาพแห่งศลี จงึ ได้ไปเกิด ควรสวดด้วย” เมือ่ ไม่เห็นใครพดู พระกปิละ จึง เปน็ เทวดาในเทวโลก โจรผเู้ ปน็ หวั หน้าไดเ้ ป็น พดู ข้นึ วา่ “พวกท่านจะฟังหรอื ไมฟ่ ังปาติโมกข์ เทพบตุ รผ้เู ปน็ หวั หนา้ โจรผู้เป็นลกู นอ้ ง ไดเ้ ปน็ พระวนิ ัย กไ็ ม่มีประโยชนอ์ ะไร” แลว้ ลกุ ออก บรวิ ารของเทพบตุ รผู้เป็นหวั หนา้ น่ันเอง จากอาสนะ เทพบตุ รเหลา่ นั้น เวยี นวา่ ยตายเกดิ ใน ในวนั นั้นเอง ทา่ นพระโสธนะพช่ี ายได้ เทวโลก เป็นเวลาหนงึ่ พุทธันดร จนผ่านมาถึง ปรินพิ พานพอดี พระกปิละนอ้ งชาย ได้กล่าวตู่ ยุคของพระพุทธเจา้ โคดม เทพบุตร ๕๐๐ บดิ เบือนคาสอนของพระกสั สปพทุ ธเจา้ ทาให้ เหล่านัน้ ได้หมดบญุ พร้อมกนั พอดี จึงจตุ ิมาเกิด ศาสนาของพระองค์เสื่อมถอยด้วยประการฉะน้ี เปน็ มนุษย์ในหมบู่ ้านชาวประมง ในเมอื งสาวัตถี และหลังจากมรณภาพแล้ว ภิกษุนี้ ไดไ้ ปบังเกิด ตอ่ มา ได้เจริญวยั เป็นเด็กวยั รนุ่ เทพบุตรหวั หน้า ในอเวจีมหานรก แม้มารดาและน้องสาวซึง่ ได้เป็นหวั หนา้ เด็กชาวประมงเหล่านน้ั อีก บวชเป็นภิกษุณี พากันด่าวา่ ภกิ ษุสงฆ์ผปู้ ระพฤติ เหมอื นเดิม ดปี ฏิบัตชิ อบตามพระกปลิ ะ หลังจากมรณภาพ แมภ้ ิกษุชื่อวา่ กปิละ ตายจากอเวจี แลว้ ไปเกดิ ในอเวจีนรกเชน่ กัน นรก มาเกิดเปน็ ปลาสที อง มปี ากเหม็นใน ในชว่ งเวลาน้นั มีพวกโจรประมาณ แมน่ ้าอจิรวดี จากเศษกรรมที่ยงั เหลืออยู่ ตอ่ มา ๕๐๐ คน พากันปล้นและฆา่ ชาวบ้าน เล้ยี งชีพ วันหนึง่ เดก็ ชาวประมงเหลา่ น้ันท้งั หมด พากัน ต่อมาถกู พวกชาวบา้ นตามไล่ล่าเพ่ือแก้แค้น จึง ทอดแห แล้วได้ปลาทองนน้ั มา จงึ นาไปยัง พากันหนเี ขา้ ไปในปา่ ไดม้ าพบเจอภิกษผุ ูถ้ ือ พระราชสานัก พระเจา้ ปัสเสนทโิ กศล ราชาแหง่ ธุดงค์อยปู่ ่าเปน็ วัตรรูปหน่งึ เขา้ ไปนมัสการ แล้ว แควน้ โกศล ได้ทอดพระเนตรแลว้ ตรสั รับสัง่ ให้ นาไปที่สานักของพระพุทธเจา้ เพอื่ จะได้ตรสั

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๖๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า ถามถงึ วิบากกรรมของปลาตวั นี้ ขณะท่ีปลาตัวน้ี พระพุทธองค์ตรัสถามวา่ “นางสาธนี อ้าปากขึ้น มกี ลิ่นเหม็นอยา่ งมากฟงุ้ ออกมาจาก ไปไหน” ปลาตอบวา่ “ข้าแตพ่ ระผู้มีพระภาคเจ้า ปาก พระเจา้ ปสั เสนทโิ กศล ได้ทลู ถามว่า นางสาธนเี กิดในนรก” พระพุทธองค์ตรสั ถามวา่ “นางตาป “ขา้ แตพ่ ระองค์ผเู้ จรญิ เพราะเหตุไร ปลาตัวนี้ จึง เป็นสีทองและมีกลน่ิ เหม็น ฟุ้งออกจากปาก พระ นาไปไหน” ปลาทลู ตอบวา่ “ข้าแต่พระผมู้ พี ระ เจา้ ข้า” ภาคเจ้า นางตาปนา ก็เกิดในมหานรก” พระพทุ ธองค์ตรสั ตอบวา่ “มหาบพิตร ปลา พระพทุ ธองค์ตรสั ถามว่า “บัดน้ี เจ้า นเี้ คยเกดิ เป็นภิกษชุ อ่ื ว่ากปิละ เป็นพหูสตู เรยี นจบ จกั ไปไหน” ปลาตอบวา่ “ข้าแต่พระผูม้ พี ระภาค ปรยิ ตั ิ(พระไตรปฎิ ก) ในพระศาสนาของพระกัสสป เจา้ ขา้ พระองค์ จะไปเกดิ ในมหานรก” ในทันใดนน่ั เอง ปลาตัวนนั้ เกิดความ พุทธเจ้า ไดด้ ่าวา่ ภิกษทุ ั้งหลายผไู้ มเ่ ชื่อฟงั ตนเอง ทาศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองคน์ ้ันใหเ้ สอื่ มไป อดึ อัดทรุ นทรุ าย ใช้หวั ฟาดทเ่ี รือแลว้ ก็ตาย ไป เพราะบาปกรรมน้นั เธอจึงบงั เกิดในอเวจมี หานรก เกิดในมหานรกเหมือนเดิม พระผู้มีพระภาคเจา้ และมาเกิดเป็นปลาในบัดนี้ ด้วยบญุ กศุ ลที่เธอได้ ทรงแสดงพระธรรมอนั สมควรแก่ขณะนน้ั แก่ กล่าวพุทธพจน์ สรรเสรญิ พระพทุ ธเจา้ เป็น พวกคฤหสั ถแ์ ละบรรพชิตท่ีมาพร้อมกัน ในท่สี ุด เวลานาน เธอจึงไดส้ ที อง แต่เพราะเศษบาปกรรม แหง่ พระเทศนา บตุ รชาวประมงจานวน ๕๐๐ ทเี่ คยด่าวา่ ภิกษุท้ังหลาย กล่ินเหมน็ จงึ ฟงุ้ ออก เหล่านน้ั เกดิ ความสงั เวช ปรารถนาทางพ้นทกุ ข์ จากปากของปลาน้นั มหาบพติ ร ตถาคตจะให้ปลา จึงได้บรรพชาในสานกั ของพระผมู้ พี ระภาคเจา้ นน้ั พูด” พระเจ้าปเสนทิโกศลทลู รบั วา่ ต่อมาไมน่ าน ต่างก็ได้ทาถงึ ทสี่ ดุ แห่งทกุ ข์ สาเร็จ เปน็ พระอรหนั ตด์ ้วยกนั ท้ังหมด “พระพุทธเจ้าขา้ ” พระพุทธองค์ จงึ ตรัสถามปลาน้ันวา่ “เจ้า คอื กปลิ ะใชไ่ หม” ปลาตอบวา่ “ข้าแต่ ข้อคดิ คตธิ รรม ๑.มีปัญญาท่วมหวั แตพ่ าตัวตกนรก พระองคผ์ เู้ จรญิ ถกู แลว้ พระพทุ ธเจา้ ข้า ข้า พระองคช์ ือ่ วา่ กปิละ” พระพทุ ธองค์ตรสั ถามวา่ ถงึ แม้พระธรรมและพระวินัยจะเปน็ สง่ิ ท่ี “เธอมาจากไหน” ปลาตอบวา่ “ข้าพระองค์ ดีเลิศประเสริฐศรีมีประโยชน์มากแค่ไหนกต็ าม มาจากอเวจมี หานรกพระเจา้ ข้า” หากผูเ้ ขา้ มาศึกษาเลา่ เรยี นไม่เข้าใจวตั ถุประสงค์ พระพทุ ธองค์ตรัสถามว่า “พระโสธนะไป หลกั วา่ ธรรมวินยั มไี วเ้ พื่อละกเิ ลส เพื่อออกจาก ไหน” ปลาตอบวา่ “ข้าแตพ่ ระผู้มีพระภาคเจา้ ทกุ ข์ เพ่ือพัฒนาศลี สมาธแิ ละปัญญา เพือ่ ทาให้ แจ้งนิพพาน แตไ่ มท่ าตามพทุ ธประสงคน์ ้ัน กลับ พระโสธนะปรินพิ พานแล้ว” เลา่ เรยี นธรรมวินัยไปเพอ่ื ลาภสกั การะ เพือ่ ให้

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๖๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ คนยอมรับ เพ่ือเกยี รตยิ ศชอื่ เสียง เพ่ือคยุ โม้โอ้ พษิ ภัย งา่ ยตอ่ การทาอริยุปวาท ปดิ ก้ันขัดขวาง อวด เพอ่ื โตแ้ ย้งเอาแพเ้ อาชนะ ธรรมวินัยทเี่ รยี น การบรรลมุ รรคผลและนพิ พาน ทาให้ประตู ผิดวัตถปุ ระสงคอ์ นั น้ี ยอ่ มเป็นไปเพื่อโทษ พษิ สวรรคถ์ ูกปิดตาย ประตูอบายเปิดรอทา่ ชวี ิต ภยั อันตรายต่อผเู้ รียนเอง เหมือนกรณขี องพระ หลงั ตาย มีหวังลงอบายภูมิอย่างเดยี วเหมอื นกัน อรฏิ ฐะ มคี วามร้แู ตกฉานในธรรมะ แตไ่ ม่ฉลาด ฉันนนั้ เร่ืองวินยั เขา้ ใจผดิ คิดว่า “กามน้นั แท้ทจี่ รงิ แล้ว ในกรณขี องพระกปิละ แมจ้ ะเคยรู้พระ ไม่มโี ทษ แตท่ าไม พระพุทธเจ้า จงึ ไปบญั ญตั ิ ธรรมวนิ ยั อยา่ งแตกฉานมากอ่ น แต่เพยี งแคจ่ า สิกขาบทว่าดว้ ยอาบตั ปิ าราชิก เขม้ งวดเกนิ ไป ได้ ตอนแรกคงไมม่ ปี ญั หา แตพ่ อมคี นยอมรับ นบั ถอื มีคนช่นื ชมมากพร้อมท้งั ถกู ลาภสกั การะ ขนาดน้ัน” ในกรณขี องพระสาติ ศึกษาพระสตู รไมด่ ี ครอบงา จิตใจเริ่มหวน่ั ไหวไมม่ ัน่ คง ทาใหห้ ลง พอ สาคญั ผดิ คดิ วา่ “วญิ ญาณ เปน็ ส่ิงมตี ัวตน ตวั เองว่าเกง่ กาจสามารถ ลมื ตวั ลืมตนว่าเปน็ ยนื โรง เที่ยงแท้แนน่ อน เป็นตัวรบั รสู้ ขุ ทุกข์ เพยี งแคป่ ถุ ุชนคนหน่งึ แลว้ หลงไปดุด่าวา่ เพื่อน และวิบากกรรมต่างๆได้” ความเขา้ ใจผิดและ พระทีป่ ฏิบัตธิ รรมด้วยกัน และทส่ี าคัญทา่ นเป็น การพูดประกาศมจิ ฉาทฏิ ฐิออกเปน็ ไปเช่นนั้น พระอรยิ เจา้ ด้วย เมื่ออรยิ ุปวาทกรรมส่งผล จิตท่ี ชอื่ ว่า เปน็ การกลา่ วตู่พระพุทธเจ้า ทาลาย เคยสว่างไสวด้วยปัญญา ก็เร่ิมพร่ามวั ลง เม่อื ไม่ บญุ ของตวั เอง เปน็ บาปกรรมติดตัวไปด้วย หยดุ ดา่ วา่ ยงั ดอื้ ดงึ พดู ตะหวาด ขตู่ ะคอก พดู ติ สว่ นการขโมยเรียนพทุ ธธรรมะของ เตยี นพระอรยิ ะ ความสว่างแหง่ สติปัญญาทม่ี ีอยู่ พระพุทธเจา้ แล้วเอามาอวดอา้ งว่า “คดิ ได้เอง ก็คอ่ ยๆหรี่ลง จนมดื สนิท แลว้ เห็นผิดเปน็ ถกู รู้เอง ปฏิบัติไดเ้ อง” โดยไม่ได้เรยี นรู้มาจากใคร เห็นถกู เป็นผดิ เห็นดาเป็นขาว เห็นขาวเป็นดา เปน็ การพูดโกหก คิดลบหลู่ดหู มน่ิ อกตัญญู เป็นบาปเปน็ บุญ เหน็ บุญเปน็ บาป ทาให้เขา้ ใจ เนรคุณต่อพระพุทธเจา้ ผู้เป็นเจ้าของแหง่ ธรรม และตีความธรรมวินัยผดิ เพ้ียนหน้ามอื เป็นหลัง เปน็ บาปหนกั ต้องไปตกนรกหมกไหม้๒ ยิง่ มือ เห็นพระวนิ ยั เป็นส่งิ ไม่มปี ระโยชน์ ไรส้ าระ กว่าถูกลงโทษทณั ฑ์ตดั หวั เสยี บประจานตาม เม่อื สง่ั สมบาปจนถึงทสี่ ุด ชวี ิตหลงั ตาย ก็ไปเกดิ กฎหมายบ้านเมอื งเหมอื นจบั งูพิษทีม่ พี ิษร้ายท่ี ในอเวจีนรกหนงึ่ พุทธนั ดรซงึ่ นบั ปีไมถ่ ้วนคานวณ ขนดหาง จบั ไมด่ ี จับผิดวิธี งูพิษนน้ั อาจแวง้ ฉก ไม่ไดว้ า่ กลี่ า้ นๆๆๆปี กดั จนถึงแกช่ วี ติ ได้ ธรรมะทีเ่ ลา่ เรียนไวผ้ ดิ แมใ้ นยุคปจั จุบนั กรรมก็ยังทางาน วัตถปุ ระสงค์ ใชธ้ รรมะผดิ วธิ ี ยอ่ มก่อใหเ้ กิดโทษ เช่นเดิม บางคนมีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวเองไม่ รอด คือแม้จะจบปรญิ ญา มีความร้ดู ี มี ๒ สงั .นิ. (แปล) ๑๖/๑๔๓-๑๕๔ สสุ มิ ปรพิ พาชกสตู ร การศกึ ษาสงู แต่เพราะเคยลว่ งเกนิ พอ่ แม่มา

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๗๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ อย่างหนัก เช่น เคยดดุ า่ วา่ ตะหวาดพอ่ แม่ เคย เข้าข่ายอรยิ ปุ วาทดว้ ย ผ้เู ป็นบัณฑิตทั้งหลาย พึง คิดลบหลดู่ หู มิ่นพ่อแมต่ วั เองว่า “เปน็ ไดโนเสา ตระหนักใส่ใจและระมดั ระวงั ในเรอ่ื งนใ้ี ห้ดีด้วย เต่าล้านปี ล้าสมัย ไรก้ ารศึกษา เกิดมานาน เพราะธรรมะไม่ไดม้ ไี วเ้ พอื่ การโต้เถียง เอา แต่โง่และงเ้ี งา้ ไม่เอาไหน” เม่อื วิบากกรรมนั้น แพ้เอาชนะ แตม่ ไี วเ้ พอ่ื ละกิเลส เมอื่ เคารพ ส่งผล ทาให้ชวี ติ คนน้นั ตกต่ายา่ แย่ ทามาหากนิ ในพระศาสดา กต็ ้องเคารพในพระธรรมด้วย ไม่เจริญรุ่งเรือง ตดั สินใจในเร่ืองท่สี าคญั ๆใน เพราะถ้าไม่เคารพธรรม ชือ่ ว่าไม่เคารพพระ ชวี ิตผดิ พลาด แต่งงานผดิ คน ความรักเจบ็ ปวด ศาสดา เม่อื ไมเ่ คารพธรรมและพระศาสดา แล้ว ครอบครัวลม้ เหลว ติดอบายมุข การพนนั มี จะบรรลธุ รรมไดอ้ ย่างไร หนีส้ นิ ทว่ มหัว เพระโดนวิบากกรรมขัดขวาง ตอ่ ใหร้ มู้ ากแค่ไหน สุดท้ายก็ไปไม่ถึงดวงดาว ๒.ธรรมะเหมอื นแพข้ามฟาก ธรรมะทั้งหลายท้งั ปวงของพระพุทธเจา้ ๒.อยา่ เอาธรรมวินยั มาโต้เถียงกนั เปน็ เสมอื นกับแพสาหรบั ข้ามฟาก มีไวเ้ พอ่ื เป็น ธรรมวินยั ทั้ง ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์ พระ สิง่ ขบั เคล่อื นตัวเองให้ไปถงึ ฝ่งั คือ นพิ พาน สลัด พทุ ธองค์ได้ตรัสไวด้ ีแล้ว เพอื่ การละกเิ ลส เพ่อื ตัวออกจากสังสารวัฏ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด การดบั ทุกข์ และเพือ่ บรรลมุ รรคผลนพิ พาน ไม่ เพ่อื ทาตนให้พ้นจากทกุ ข์ แตไ่ ม่ใชเ่ อามายึดถือ จาเป็นต้องตดั ออกและไม่ตอ้ งแต่งเติมเพิม่ เขา้ ยดึ ตดิ แล้วเอามาโอ้อวดกันวา่ ธรรมะนดี้ ี แต่ มาอีก โดยปกติ พวกคฤหัสถ์มักจะทะเลาะววิ าท กลบั ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามธรรมนนั้ เพราะการแย่งกามกัน คอื แยง่ ท่ีกนั อยู่ แย่งคู่กัน พสิ วาท แยง่ อานาจกันเปน็ ใหญ่ ท้งั น้ี เพราะ ๓.ไม้ไผต่ ่างปล้อง พนี่ ้องตา่ งใจ ความไม่อิม่ ไม่พอในกาม สว่ นพวกสมณะ ในขณะท่เี วี่ยนวา่ ยตายเกิดอยู่ใน นกั บวช พระสงฆส์ ามเณรท้ังหลายในแตล่ ะ สงั สารวัฏอนั ยดื ยาวนานนี้ แตล่ ะคนก็คงทาดี สานัก ท้ังธรรมยตุ แิ ละมหานิกาย มักทะเลาะ บา้ ง ชว่ั บา้ ง บญุ บ้าง บาปบา้ งตา่ งกนั ไป คงไม่มี ววิ าท โต้เถียงในการตีความพทุ ธพจน์ เพราะ ใครทาดอี ยา่ งเดียวโดยไมม่ คี วามชวั่ เจอื ปน เข้าใจในสจั ธรรมไม่ตรงกัน ไม่เท่ากันและไม่ เพราะฉะนั้น เม่ือกรรมส่งผล จึงได้รับสุขบา้ ง เหมอื นกัน และแตล่ ะทา่ น มักยดึ ติดคดิ วา่ ทุกข์บ้างคละเคลา้ กนั ไป ในครอบครวั ทา่ นพระ “ความคิด ความเหน็ ความเขา้ ใจของตวั เอง โสธนะน้กี ็เช่นกัน ผเู้ ปน็ พ่ีชาย เป็นคนดี เมื่อบวช เท่านั้น ถกู ต้องของคนอนื่ ผดิ ” แล้ว แล้ว ได้บรรลธุ รรมเป็นพระอรหันต์ แตพ่ ระ เปรยี บเทียบวา่ ใครจะเก่งกว่าใคร พดู จาข่มขกี่ นั น้องชาย แม่และน้องสาว แม้มีโอกาสเขา้ มาบวช ซึง่ เปน็ อนั ตรายต่อการประพฤติพรหมจรรยแ์ ละ ในพระศาสนาท่ีทาให้พ้นทุกขไ์ ด้ แตเ่ พราะเรียน

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๗๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า ธรรมะผดิ วัตถุประสงค์ ทาใหห้ ลงตวั เอง เผลอไป เปน็ อจินไตย คนธรรมดาทั่วไปยอ่ มเข้าใจไมไ่ ด้ ดา่ วา่ พระอรยิ ะ สาหรบั ผ้เู ปน็ แมแ่ ละนอ้ งสาว วา่ พระองคท์ าใหป้ ลาพูดได้อยา่ งไร เหตผุ ลที่ ก็พลอยเห็นดีด้วย จงึ ร่วมหัวจมทา้ ยไป พระองค์ทาเชน่ น้นั เพือ่ ใหค้ นเหน็ โทษของอริ ด้วยกัน แมพ้ ระพีช่ าย ซ่ึงเปน็ พระอรยิ เจา้ จะมา ยุปวาทกรรม เกิดความสังเวชในการเวียนว่าย ตกั เตอื นด้วยความหวังดี ปรารถนาดี แตเ่ ขาก็ไม่ ตายเกิด เพอ่ื เปน็ อปุ กรณ์สอนคนให้บรรลุธรรม ยอมรับฟัง ยงั ด้อื รัน้ ดนั ทุรังทาเหมอื นเดมิ มอง เหมอื นกรณพี ระโพธสิ ตั วผ์ ูส้ าเร็จอภญิ ญา ๕ ไมเ่ หน็ ความหวงั ดีนั้น ธรรมดาคนชัว่ ใจมดื บอด สมาบัติ ๘ สามารถทาให้หนอนพูดได้๓ ว่า พระ ยอ่ มมองเห็นผดิ เพีย้ นไปจากความจริง คือ มอง มเหสนี น้ั ตายแล้วไปเกิดเป็นอะไร ทไ่ี หน และ คนดี เปน็ คนไมด่ ี มองเห็นคนช่ัว เปน็ คนดีเสมอ ขณะนคี้ ดิ กับพระองคอ์ ยา่ งไร จะไดห้ ายจากการ เหมือนนายมิตตวินทุกะที่มองเหน็ กงจกั รเป็น เศรา้ โศกเสยี ใจ ตดั อาลยั เพราะเสน่หาได้ ดอกบวั ฉะนน้ั สุดทา้ ย คนในครอบครัวเดียวกัน พนี่ ้อง ๕. มดื มา มืดไป สายเลอื ดเดียวกัน แต่ก็มีกรรมแตกตา่ งกนั คน พระกปิละได้ทากรรมหนัก ด้วยการดา่ ว่า หนึ่งเปน็ พระอรหันต์ หยุดการเวยี นวา่ ยตายเกดิ พระอริยะ หลงั จากตายแลว้ กไ็ ปเกดิ ในอเวจีนรก สว่ นพ่ีนอ้ งและแมก่ ลับตอ้ งไปตกนรกหมกไหม้ ตลอด ๑ พทุ ธันดร พ้นจากนรก มาเกดิ เป็นปลา อกี ยาวนาน แมใ้ นกรณคี รอบครวั ของพระนาง สีทอง ปากเหม็น ตายจากปลาสที อง แลว้ ไปเกดิ พิมพา กเ็ ชน่ เดยี วกัน มีพระเจ้าสปุ ปพทุ ธะเป็น ในนรกอีกเพราะบาปกรรมยงั ไมส่ ้นิ เรียกวา่ มืด พระบดิ า พระเทวทตั เปน็ พ่ชี าย แต่พระบิดาและ มา แล้วกม็ ืดไป ตามธรรมดาการเวียนว่ายตาย พระพ่ชี าย ต้องไปตกนรก เพราะทาผดิ ตอ่ เกิดในสังสารวัฏของคนทีย่ งั มีอวิชชาปกปิด มี พระพทุ ธเจา้ และทาลายสงฆ์ ส่วนพระนางเอง กิเลสตณั หาเปน็ ตวั ชักใยอยูเ่ บือ้ งหลงั จงึ เอาแน่ เป็นคนดีมีศีลธรรม ไดต้ รสั รู้เป็นพระอรหันต์ ดบั ไมไ่ ด้ บางชาตอิ าจเกดิ ในสคุ ตภิ มู ิ บางชาตกิ ็ไป ภพชาติ หยุดการเกดิ แกเ่ จบ็ ตาย สตั ว์โลกยอ่ มมี เกดิ ในอบายภูมิ ไม่เหมอื นกับคตขิ องพระ กรรมเปน็ ของๆตน ใครทาอย่างไร ตอ้ งไดร้ ับผล โสดาบนั อย่างนอ้ ยเกิดอีกไม่เกนิ ๗ ชาติ ไมม่ ี อย่างนั้น เพราะสตั วโ์ ลก ยอ่ มเป็นไปตามกรรมที่ ชาติที่ ๘ แลว้ จะไดบ้ รรลธุ รรมขน้ั สงู สดุ คือ ทาไว้ สาเรจ็ เปน็ พระอรหันต์ ๔. ปลาพดู ได้ การที่ปลากปลิ ะพูดไดน้ นั้ ไม่ใชพ่ ูดได้ ๓หนอนตัวน้ีเคยเปน็ อดตี พระมเหสีสุดท่ีรกั ของพระเจ้าอสั สกะแหง่ เพราะตวั เอง แต่ทีพ่ ดู เป็นภาษาคนไดน้ ัน้ เป็น เมอื งปาฏลี แคว้นกาสี ซึ่งหลงั จากทวิ งคตลงแลว้ ไปเกดิ เปน็ หนอน เพราะพุทธานภุ าพ ตามธรรมดา พุทธวสิ ัยนั้น พระโพธสิ ัตว์ ใชพ้ ลังจติ บังคบั ให้หนอนพดู ตอบคาถาม เพ่ือให้พระ เจ้าอสั สกะน้นั ตาสวา่ ง สรา่ งจากความเศร้าโศกเสียพระทยั เพราะการ จากไปของพระมเหสี ดู อรรถกถา อัสสกชาดก

อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๗๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า ๓. ทาให้ติดตัน มีเหตขุ ัดข้อง เปน็ หมัน ไม่เจรญิ กา้ วหนา้ ในดา้ นศลี สมาธิ ปัญญา ส่ิงที่ อริยปุ วาทกรรม ! ทาไม่ได้ เคยรู้เข้าใจมา ก็เลือนหายและเข้าใจธรรมะแบบ จากกรณีตวั อยา่ งบุคคลผูท้ าอรยิ ปุ วาท ผดิ ๆไมต่ รงตามหลกั พุทธธรรมท่ถี ูกต้อง ทง้ั ฝา่ ยมโนกรรมหรอื วจีกรรม โดยการคิดไม่ดี ๔. ทาใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจผิด สาคัญผิดคดิ คิดอกศุ ล พูดใส่รา้ ยป้ายสี พดู ตาหนติ ิเตยี น หรือ หลงผดิ ว่า ตนเองได้บรรลุธรรม ทั้งๆทไ่ี มใ่ ช่ พูดดา่ ทอ สาปแช่งกัลยาณปุถชุ นซ่ึงกาลัง ๕. เกดิ ความเบอ่ื หนา่ ย ทอ้ แท้ในการ ประพฤติปฏบิ ัติธรรมเพื่อบรรลุเป็นพระโสดา ประพฤติพรหมจรรย์ หรือไมอ่ ยากประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ปตั ตผิ ล หรอื พระอริยเจา้ ท้ังหลาย นับต้ังแต่พระ ธรรมอกี ตอ่ ไป เพราะไม่เห็นความก้าวหน้า โสดาบัน พระสกทิ าคามี พระอนาคามี ไมว่ ่าจะ ๖. มเี หตทุ าให้ผิดศีล ละเมดิ อาบตั ิหนกั เป็นคฤหัสถห์ รือบรรพชิต พระอรหันต์สาวก พระ เช่น ปาราชกิ หรือสังฆาทเิ สสอย่างใดอย่างหนง่ึ ปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระสัมมาสมั พุทธเจา้ ๗. ไมอ่ าจน่งุ หม่ หรือครองผา้ กาสาวพตั ร์ รวมถึงการพูดตาหนติ เิ ตียนพระสารกี ธาตขุ อง ต่อไปได้อกี เพราะเกิดอาการรอ้ นรนจนทนไม่ได้ พระองค์ดว้ ย ทาใหบ้ ุคคลเหลา่ นัน้ ถงึ ความวิบัติ จาต้องบอกคนื สกิ ขากลบั มานุ่งหม่ แบบคฤหัสถ์และ มอี ันเป็นไปอยา่ งฉับพลนั ทนั ที เกดิ ความเสือ่ ม ไมส่ ามารถกลับมาบวชใหม่อีกได้ พนิ าศท้ังทางโลกและทางธรรม สง่ ผลได้ ๘.ทาให้ดีปลกี ลายเปน็ ข้หี นใู ช้การไม่ได้ ตลอดเวลาทัง้ ในระยะสั้นและระยะยาว ท้ังใน ๙. เสื่อมจากโภคสมบตั ิ เชน่ เงินทอง ชาตปิ ัจจบุ ัน ชาติหน้าและชาติตอ่ ๆไปจนกวา่ เครือ่ งของใช้ต่างๆเปน็ ต้น วบิ ากกรรมนี้ลดความเข้มขน้ ออ่ นกาลังลง ตรง ๑๐. มเี หตทุ าใหญ้ าติพี่น้อง มติ รและ ตามพุทธพจน์ท่ีพระพุทธองคต์ รสั ไว้ในพยสน บรวิ ารถึงความวบิ ัตจิ นถงึ แกช่ ีวิต สตู รและอกั โกสกสูตรอยา่ งชัดเจน ๑๑. ถกู ถอดยศ หรอื ลดต่าแหน่ง ผลท่เี กดิ ข้นึ กับผู้ทท่ี าอรยิ ุปวาทกรรมจาก ๑๑. โดนประฌาม ถูกเนรเทศ ขับไลใ่ ห้ไป กรณตี วั อยา่ งขา้ งตน้ นัน้ สรุปได้ดังนี้ อยู่ตา่ งถ่นิ ทรุ กนั ดาร ๑๒. ทาให้สรีระร่างกายและเพศเปลย่ี น ๑. ไมส่ ามารถตรสั รู้ หรือบรรลุธรรมขน้ั สงู คือ เปลย่ี นจากชายกลายเปน็ หญิง ระดับโลกุตตรธรรมหรอื มรรคผลและนพิ พานได้ ๑๓.ถกู ทาร้ายร่างกายจนสญู เสียอวัยวะ ๒. เสอ่ื มจากคุณวิเศษต่างๆ เช่น ฌาน หรอื ได้รับทกุ ขเวทนาอย่างเจบ็ ปวดแสนสาหสั อภิญญา เช่น ตาทิพย์ หทู ิพย์ เปน็ ต้นทเี่ คยได้แลว้ ๑๔.เปน็ โรครา้ ยแรงทเี่ รือ้ รังและรักษายาก จนเปน็ เหตใุ ห้สนิ้ ชวี ิต

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๗๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ ๑๕.ถึงความวกิ ลจริต หรอื จิตฟุ้งซ่าน แต่ในบางกรณบี ุคคลผู้ทที่ าอริยุปวาท หลงลืมธรรมะที่เคยปฏิบัตมิ า เหมอื นกัน เนือ่ งจากมฐี านบญุ บารมเี กา่ ดพี อ ๑๖.ทาให้อายุสนั้ พลนั ตาย มเี หตุทาให้ หรือมีอปุ นิสยั ในการบรรลุมรรคผลนพิ พานใน ชาติปัจจุบันได้ แม้จะพลาดพลัง้ ไป ยังพอจะ เสยี ชีวติ กอ่ นอายุขยั ๑๗.ถกู ฆา่ ตาย โดนฆาตกรรม แกไ้ ขให้กลับมาเป็นปกติได้ โดยไดร้ บั การ ๑๘. ถูกธรณีสบู ชแี้ นะจากกัลยาณมติ รผหู้ วังดี ดว้ ยการขอ ๑๙. กอ่ นจะสนิ้ ใจตาย ทาใหส้ ะดุ้งกลัว ขมาโทษตอ่ หนา้ พระอรยิ เจา้ ผ้ทู เี่ ราลว่ งเกนิ ตกใจ หวัน่ ไหว ร้องไห้ พร่าเพอ้ ราพัน ลืมนกึ ถงึ ให้ท่านยกโทษให้ ตวั อย่างเช่น บุตรชายของ โสเรยยเศรษฐีทีค่ ิดอกศุ ลกับท่านพระมหากัจ บุญกุศลท่เี คยทามา ไมม่ ีสตขิ ณะที่จะส้ินใจ ๒๐. หลังจากตายดว้ ยจิตทีข่ นุ่ มวั เศรา้ จายนะอยากได้ทา่ นมาเป็นภรรยา หรือภกิ ษุรูป หมอง ไม่ผอ่ งใส จงึ ไปเกดิ เป็นสัตว์นรกในนรกภูมิ หนงึ่ พดู ใสร่ ้ายทา่ นพระสารีบุตรวา่ พระเถระเอา เปน็ เปรตในเปรตโลก หรือเป็นลงิ ในกาเนดิ สัตว์ ชายจวี รกระทบตวั แล้วหลีกไปโดยไมข่ อโทษ ทง้ั ทไ่ี มเ่ ป็นความจรงิ หรือภิกษหุ น่มุ ผูเ้ ปน็ พระ เดรัจฉาน โสดาบนั คิดตาหนภิ กิ ษุแกซ่ ึ่งเป็นพระอรหันต์วา่ หากใครไดป้ ระมาทพลาดพลัง้ หลงผิด ทา่ นไม่รู้จกั สารวม เหน็ แก่ปากท้อง ทาให้เขา ทาอรยิ ุปวาทกรรมแล้ว กรรมอันนี้เป็นกรรมหนกั ตอ้ งอับอายไปด้วย และในกรณขี องท่านพระ มีโทษมากเหมือนอนันตริยกรรม คอื แก้ไมไ่ ด้ สธุ รรม ซ่งึ พูดเสียดสเี หนบ็ แนมจติ ตคหบดี หรือแก้ไขไมท่ นั เพราะมีอนั เป็นไปกอ่ น บุคคล อุบาสกผ้เู ป็นอริยสาวกขั้นอนาคามี เมอื่ บุคคล นั้นไมว่ า่ จะเป็นคฤหสั ถ์หรือบรรพชติ ภายในชาติ เหล่าน้ัน ได้เห็นความผิดตามเป็นจรงิ แลว้ มาขอ ปจั จบุ นั แมช้ ีวติ ทางโลก ก็จะอาภัพอับโชค ส่วน ขมาโทษ บาปกรรมนัน้ กก็ ลับมาเป็นปกติ ไม่ ชวี ิตในทางธรรม จะเจออปุ สรรคอยา่ งหนัก คอื เปน็ อปุ สรรคตอ่ การบรรลธุ รรม ไมเ่ ป็นอนั ตราย พลาดโอกาสหรือหมดสิทธใ์ิ นการบรรลมุ รรคผล ตอ่ สุคตโิ ลกสวรรค์อกี ต่อไป นพิ พาน และหลังจากสิ้นชวี ิต ประตูสวรรค์ จะ ถกู ปดิ ตาย ประตอู บายจะเปิดรอท่า ต้องไป เกิดในนรก หรอื อบายภูมิอีกยาวนาน ไมร่ ู้อกี กี่ ภพชาติถงึ จะชดใชบ้ าปกรรมนห้ี มด แบบนับ ชาติไมถ่ ว้ น คานวณนบั ไมไ่ ด้ เหมือนพระโกกาลิ กะดา่ ว่าพระอคั รสาวกท้ังสอง ต้องไปเกดิ ใน ปทุมนรกนับเป็นเวลาล้านๆๆปี

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๗๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ เตียนวิพากษว์ ิจารณพ์ ระสงฆว์ า่ เปน็ กาฝากของ บุคคลผู้ทส่ี มุ่ เส่ียง สังคม จะเคารพ กราบไหว้แคพ่ ระพทุ ธและพระ ต่อการทาอริยปุ วาท ธรรมเทา่ น้ัน สว่ นพระสงฆไ์ มอ่ ยากกราบไหว้ เพราะทาตัวไม่เหมาะสม หรอื ว่า พระรูปนนั้ รปู นี้ เป็นเพยี งแคผ่ ้าเหลืองหม่ ตอ ไมไ่ ด้เปน็ พระ เปน็ จากการศึกษากรณตี ัวอยา่ งของบคุ คลผู้ เพยี งแพะหม่ เหลือง ทีไ่ ด้พดู ล่วงเกนิ พระอรยิ เจ้าดังที่กล่าวแล้ว  ผทู้ ห่ี ลงตัวเอง และถอื ตวั จัด ยึดติดใน ขา้ งตน้ เมื่อนามาเปรียบเทียบกับแนวคิด เกียรติยศ ศกั ดิศ์ รี ยึดถอื ชอื่ เสียง ตาแหน่งเปน็ เร่อื งสาคัญ เหน็ เร่ืองเงินทองเปน็ เรอ่ื งใหญ่ ทศั นคติและพฤติกรรมของคนในสมัยปจั จุบนั  ผูป้ ลอมพระเครอ่ื งขาย ทาเป็นพุทธ ทาใหไ้ ด้เข้าใจมากข้ึนว่า บคุ คลทีม่ คี วามเห็น พาณชิ ย์ นยิ มเอาพระเครอ่ื งต่างๆไปทดลองยงิ ปนื ทศั นคติ ลกั ษณะหรอื พฤตกิ รรมดงั ต่อไปน้ี ถอื วา่ เพ่ือพสิ ูจนค์ วามเหนียว ยง่ิ ไมอ่ อก หรือต้ังวาง มคี วามเสีย่ งสูงอยา่ งมากทจี่ ะทาผิดพลาดใน พระพุทธรปู ไว้ในสถานท่ีซึง่ ไม่เหมาะสม  คนตา่ งศาสนาซ่ึงไดท้ าอนาจารต่อ เรอ่ื งอริยุปวาท คือ พระพุทธรปู หรอื ว่า แสดงความไม่เคารพต่อพระ ปฏิมา เชน่ นง่ั บนคอพระพุทธรปู ผหู้ ญิงน่งุ ชุด  ผ้ทู เ่ี ป็นเจ้าสานัก เจ้าลัทธิ ศาสดา อาบน้าซง่ึ มรี ูปพระปฏิมาอยใู่ กล้อวัยวะเพศ คณาจารยซ์ ึ่งมีมจิ ฉาทิฏฐิอย่างฝังแนน่ แบบสุดโตง่ แกไ้ มไ่ ด้ กาลังเผยแผค่ าสอนตรงขา้ มกับพระอริย เม่อื ใครรูต้ วั ว่า อยูใ่ นภาวะทส่ี มุ่ เสย่ี งตอ่ เจ้า การทาอริยุปวาทกรรม พึงหาทางหลีกเลีย่ ง  ผทู้ ค่ี บค้าสมาคม นิยมชมชอบ มคี วาม ศรทั ธาเลือ่ มใส ให้การส่งเสริมสนับสนุนคนพาล แกไ้ ขเปลยี่ นแปลงโดยเร็วพลนั อย่าไดป้ ระมาท อสตั บรุ ษุ หรือในบุคคลท่ีมีมิจฉาทฏิ ฐินนั้ กลา้ เสีย่ งตอ่ การทาความผิดพลาดในบาปกรรม  ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่มบี ้านอยู่ใกลว้ ัด เช่นนั้นเลย เพราะมีโทษมาก เปน็ ภัยอันตราย หรอื เป็นลกู ศิษย์วัดรับใช้ ใกลช้ ดิ กับพระสงฆ์ รา้ ยแรงตอ่ ชวี ิต สามเณร  ผู้ทชี่ อบเปรียบเทียบคนวา่ ใครเก่งกวา่ ใคร หรอื ใครดีกว่าใคร ชอบตดั สนิ คนจากลักษณะ ภายนอกดว้ ยความเห็นสว่ นตวั  ผ้ทู ป่ี ากพลอ่ ย ชอบพดู มากปากไว พวก อวดรกู้ ูแน่ หูเบาเช่อื ข่าวลือ ตดิ นิสัยชอบตาหนติ ิ

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๗๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ หมายเหตุ : ถ้าพิจารณาตามพุทธพจน์ เมอ่ื อริยปุ วาทกรรมส่งผล ทว่ี ่า การฆ่าพ่อแมเ่ ปน็ อนันตริยกรรม มโี ทษมาก คนเปน็ ไปตามกรรม เป็นบาปมหันตถ์ งึ ขนาดประตสู วรรคป์ ดิ ตาย ประตู อบายเปิดรอท่า หมดสทิ ธ์ิ พลาดโอกาสบรรลุธรรม กฎแหง่ กรรมนั้น เปน็ กฎสากลจักรวาล ในชาติน้ี ไมไ่ ดเ้ ปล่ียนแปลงไปตามกาลเวลา แม้จะผ่าน การดดุ า่ พดู ตาหนิพ่อแม่ ในฐานเปน็ พระ มากีร่ อ้ ยกี่พันปีกต็ าม กฎนกี้ ็ยงั ทางาน อรหนั ต์ในบา้ น กเ็ ข้าข่ายเปน็ อริยุปวาท ซ่งึ เปน็ เหมอื นเดิม ไม่เปลยี่ นแปลง และไมม่ ใี คร กรรมหนกั มีโทษมหันต์เช่นกนั เพราะฉะนัน้ สามารถเปล่ียนแปลงกฎนี้ได้ ไม่วา่ จะอยูใ่ นสมัย ครอบครัวท่มี ีความสุ่มเส่ยี งต่อการลว่ งเกนิ พ่อแม่ พุทธกาลหรอื ในยคุ ปจั จุบันก็ตาม เพราะเป็นกฎ มดี งั น้ี ธรรมชาติ ฉะน้นั ผลกรรมทีเ่ กดิ จากอรยิ ปุ วาทที่  พ่อแม่ทช่ี อบดุดา่ สาปแชง่ ลกู พระพุทธองค์แสดงไวใ้ นท่ีตา่ งๆ พร้อมทั้งจาก กรณตี ัวอยา่ งทก่ี ลา่ วข้างตน้ น้นั เม่ือนามา  พอ่ แมท่ ใี่ ช้ความรุนแรงกับลกู เช่น ทุบตี เทียบเคียงกับพฤติกรรม วถิ ีชวี ิตและความคดิ ทาร้ายรา่ งกาย หรือเฆ่ยี นตี ของบคุ คลที่เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธในยุค พอ่ แม่ทีต่ ิดอบายมขุ การพนนั บหุ รี่ ปัจจุบนั ซงึ่ มีคนบางกลมุ่ เขา้ ขา่ ย เคยผดิ พลาด เหล้า เครอื่ งดองของเมา ยาเสพติด พดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า หรือทาอริยุปวาทกรรม พ่อแมท่ ม่ี ปี ากเสยี ง ทะเลาะววิ าท ตบตี เอาไวใ้ นอดตี แน่นอน คอื ชกตอ่ ยกันให้ลูกเห็นอยเู่ สมอ  ผูท้ ี่ไดศ้ ึกษาและปฏบิ ัติธรรมมานานอยา่ ง คนทก่ี าพรา้ พ่อแมท่ ง้ั แต่เกดิ หรือถกู เคร่งครัดจรงิ จัง แต่กลบั ไม่มคี วามกา้ วหนา้ ในศลี ทอดทิ้ง เป็นลกู บุญธรรมของคนอ่ืน เป็นต้น สมาธิและปญั ญาเอาเสยี เลย หรอื เคยไดฌ้ านสมาธิ อภิญญาอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งมากอ่ น แต่ตอนหลัง คนท่ีตกอย่ใู นสภาพการณแ์ ละสิง่ แวดลอ้ ม เสอ่ื มถอย ไมส่ ามารถทาใหเ้ กดิ ข้นึ ได้อกี เหมือนเดิม อย่างนี้ มีน้อยคนที่จะเขา้ ใจและยอมรบั ได้ แต่สว่ น  ผู้ท่ีเขา้ ใจวา่ พระไตรปฎิ ก เปน็ คัมภรี ์ที่ ใหญ่ จะอดคิดนอ้ ยใจ คิดตาหนิพอ่ แมใ่ นใจ หรือ เชอื่ ถอื ไม่ได้ท้ังหมด เพราะผา่ นการสงั คายนา โกรธ เกลยี ดพ่อหรือแม่ด้วยกนั ท้ังน้ัน ดว้ ยเหตุนี้ มาแลว้ หลายครัง้ ถอื ปฏบิ ัตติ ามครบู าอาจารย์ท่ี เอง ความรักจึงผิดหวงั อกหกั การเงนิ ฟืดเคือง สอนดีกวา่ ถกู ต้องกว่าในพระไตรปิฎก หรอื การงานตดิ ขัด สุขภาพมปี ัญหา ชีวติ จึงไดต้ กตา่ การศกึ ษาปริยัตนิ ัน้ ไม่สาคัญ สกู้ ารปฏบิ ตั เิ อาเลย ยา่ แย่ เพราะไมเ่ ขา้ ใจธรรมะ ไม่ร้เู ทา่ ทันกรรมและ ไมไ่ ด้ วิบากกรรมน่ันเอง

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๗๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า  ผู้ทเ่ี ข้าใจวา่ นพิ พานเป็นอัตตา หรือ  ผู้กาลงั หลงผิด หลงตดิ และจมปลักอยู่ นิพพานเป็นสถานท่ีซงึ่ สามารถวดั ขนาดได้ ในอาชพี มดื ทั้งหลาย เช่น อบายมขุ การพนนั ยา พระพุทธเจ้าและพระอรหนั ต์ที่ปรนิ ิพพานไปแลว้ เสพตดิ เครือ่ งดืม่ ของมึนเมาทุกชนิด เปน็ ต้น แม้ ยงั อยู่ในสรวงสวรรคแ์ ดนสุขาวดีไมไ่ ด้หายไปไหน คิดจะเลิก พยายามเลกิ แตก่ ็เลกิ ไมไ่ ด้ เพราะแพใ้ จ อีกทงั้ ยงั สามารถนาข้าวทิพยไ์ ปถวายพระองคแ์ ละ ตนเอง หรือเคยเลิกได้แลว้ แตก่ ลบั ไปติดอีก พระอริยสงฆส์ าวกไดอ้ กี  ผู้มีเกดิ ปญั หาตดิ ขดั ในเรื่องการเงิน หรือ  ผู้ทเ่ี ขา้ ใจว่า พระอรหนั ต์น้ัน จะเป็นพระ ธรุ กิจการงานอยา่ งไมน่ า่ จะเปน็ แบบซ้าๆซากๆเช่น โพธิสตั วก์ ไ็ ด้ หรือพระอรหันต์ ถ้าหากต้องการ คิดวา่ จะได้ แตก่ ลบั ไมไ่ ด้ คิดวา่ จะไดม้ าก แต่ได้ กลบั มาเกดิ ใหมเ่ พื่อชว่ ยเหลอื สังคม กเ็ ป็นส่งิ ท่ีทา ได้ไม่ผิดแปลกอะไร น้อย คิดว่าจะไดเ้ ร็ว แต่กลบั ได้ชา้ สัญญาว่าจ้างที่ ตกลงกันไว้ มีการเปล่ียนแปลง เล่อื นหรอื ยกเลิก  ผู้ทเี่ ขา้ ใจวา่ บญุ บาปหรือนรกสวรรคน์ ้ัน แท้จริงแล้ว ไม่มอี ยู่จริง เป็นแคส่ ง่ิ ผู้รู้แต่งข้นึ เพ่ือให้  ผทู้ ี่ตดั สนิ ใจผิดพลาดในการลงทนุ ธรุ กจิ คนเกรงกลังต่อบาปเทา่ นน้ั แบบเห็นกงจักรเปน็ และขาดทุน ล้มละลายจนหมดเนื้อหมดตัว ดอกบวั เห็นบาปเป็นบุญ เหน็ ชัว่ เปน็ ดีเหมือนกรณี ของนายมิตตวินทกุ ะ  ผู้ที่ถกู ถอดยศ ลดตาแหนง่ ถกู ใส่รา้ ย ปา้ ยสีโดยไมม่ คี วามผิด ถูกกดี กนั กลั่นแกล้งทั้งๆท่ี  ผู้ทมี่ คี วามศรทั ธา เชื่อม่ัน ยึดถือในหลัก ควรจะไดเ้ ล่ือนขัน้ ยศ ตาแหน่งหรือได้รับสทิ ธิ ปฏบิ ัติท่เี ปน็ มจิ ฉาทิฏฐิแบบงมงายไรส้ าระ ไม่ บางอย่าง เป็นไปเพ่ือการดบั ทกุ ข์  ผทู้ ่ีถกู ภยั พิบตั ิทางธรรมชาติ เช่น โดน  ผทู้ ปี่ ฏิเสธไมย่ อมรบั พ่อแม่ ไม่ยอมเรียกผู้ สึนามถิ ล่ม ถูกพายพุ ัดกระหนา่ จนทาใหท้ รัพยส์ ิน บงั เกิดเกล้าว่าเปน็ พ่อแมข่ องตนเอง ไมม่ คี วามรกั เสียหายอยา่ งหนกั ไฟไหม้บ้าน เปน็ ต้น ความเคารพ นับถือศรัทธาในตัวพ่อแม่  ผู้มีอาการผดิ ปกติทางสมอง เช่น เปน็ บา้  ผู้ลมื พระคุณคน ลบหล่คู ุณหรือเนรคุณ ประสาท วกิ ลจริต เพย้ี น ไมเ่ ต็มบาท ปัญญาอ่อน ชอบพดู หรือหัวเราะอยคู่ นเดียว มคี วามจาเสอื่ ม ตอ่ ผมู้ พี ระคุณต่อตวั เอง เช่น พระอุปชั ฌาย์ พระ อย่างมาก ขนาดจาชอื่ พ่อแมพ่ ่นี ้องของตนเองไมไ่ ด้ อาจารย์ทเ่ี คยสอนธรรมะ พอ่ แม่ ครูอาจารย์ทเ่ี คย หรือหลงทางกลับบ้านจาเส้นทางเดิมไม่ได้ เป็นต้น มีอปุ การคุณ หรอื เพ่ือนกลั ยาณมติ รผเู้ คยให้การ ช่วยเหลอื เกือ้ กูลในสิ่งท่ที าได้ยาก  ผู้ทีเ่ ปน็ โรครา้ ยแรงและมีอาการเร้อื รัง รักษาให้หายขาดไดย้ าก เชน่ โรคเอสด์ โรคมะเร็ง  ผทู้ ี่อยู่ในเพศของนกั บวช แต่มีเหตุทาให้ หรอื โรคอย่างใดอย่างหน่งึ ทรี่ กั ษาไมห่ าย ผดิ ศลี อย่างอย่างรา้ ยแรงละเมิดอาบัตหิ นกั ทงั้ รูต้ วั และไมร่ ูต้ ัวถึงขนาดต้องถูกประชาชนขับไลป่ ระจาน หรือโดนทางการจบั สึก

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๗๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ช่วงเวลาที่สาคัญ ปญั หาอปุ สรรค ความขดั ขอ้ งข้นึ กลางคนั ทันที ไมค่ วรทาผิดในอริยปุ วาท แล้วทาใหเ้ สียเงนิ เสยี เวลา พลาดโอกาสดีๆซึง่ ไม่ได้มีบ่อยครง้ั อย่างไม่น่าเช่อื อันท่ีจริง ขึน้ ชื่อว่า อริยุปวาทกรรมนั้น ไม่ ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน ไม่ควรกระทาแท้แนน่ อน คายาเตือน แตถ่ งึ กระน้นั ในฐานะทยี่ ังเปน็ ปุถชุ น จติ ใจยังไม่ สาหรบั ผู้ท่ีคิดจะทาอริยปุ วาท หนกั แน่นม่ันคงในความดีพอทีจ่ ะไม่ทาสงิ่ บุคคลที่มีความคดิ ตดิ ลบ หรือมีทัศนคติ ผิดพลาด เพอื่ ความไมป่ ระมาท พงึ ตระหนกั ใส่ ใจไวใ้ หด้ ี อย่าเผลอพลาดทาอริยปุ วาท ในชว่ ง ไมด่ ีต่อสถาบันสงฆ์ ก่อนคดิ จะจบั ผิด เพง่ โทษ ใคร หรือพดู ตาหนติ เิ ตียนวิพากษว์ ิจารณ์นักบวช เวลาท่ีสาคัญพเิ ศษ ดงั ตอ่ ไปน้ี คือ รูปใด ตอ้ งนึกถึงวิบากกรรมท่ีจะตามมาดว้ ย แม้  ขณะทีก่ าลงั ศึกษาและปฏิบตั ธิ รรมเพือ่ ตวั เราเอง มัน่ ใจแคไ่ หนวา่ พระภกิ ษุรูปนั้นมี ความก้าวหนา้ ในศีล สมาธิ ปญั ญา  ขณะทก่ี าลังเดนิ ทางไกลเพอ่ื ไปทาธรุ ะ ความผดิ จรงิ เพราะหากถึงคราวโชคร้าย ไปหลง หน้าทห่ี รอื ภารกจิ ท่สี าคญั ในชวี ติ พูดตาหนพิ ระสงฆ์ผูป้ ระพฤตดิ ีปฏบิ ตั ิชอบเขา้  กาลงั อยู่ในชว่ งตัดสนิ ใจเพ่ือสิง่ สาคัญๆ จะเปน็ กรรมหนกั โทษมหนั ต์ แมท้ ่านจะไม่ เชน่ เลอื กวชิ าหรือคณะท่ีจะเรยี นตอ่ ลงทุนธุรกิจ หว่ันไหว ไมถ่ ือโทษโกรธเคือง ไม่ได้จองกรรม การค้า ย้ายทอี่ ย่อู าศยั และทท่ี างาน เลือกทางเดนิ จองเวร ไม่ปรารถนาใหผ้ ลู้ ว่ งเกินมอี นั เป็นไปก็ ของชวี ิตวา่ จะเอาดีทางไหน ตาม แต่กฎแหง่ กรรม ย่อมสง่ ผลตามเหตปุ จั จัย ของมนั เสมอ  กาลงั อยู่ในชว่ งฟื้นฟู เยยี วยารักษาโรค ร้ายใหห้ ายขาด เพราะฉะนัน้ การพดู ด่าวา่ พระอรยิ เจา้ ผู้ บรสิ ทุ ธ์ิ ไมม่ ีความผดิ และไม่หวน่ั ไหว จึงมแี ต่ กาลงั ทากจิ การงานที่ละเอยี ดอ่อน อยู่บน โทษอยา่ งเดียว ไม่เกดิ ประโยชนอ์ นั ใดเหมือนกบั ทสี่ งู หรือเส่ยี งต่ออันตรายมากเกนิ ไป อปุ มาข้อเปรยี บเทยี บ ดังตอ่ ไปนี้ คอื  กาลังอยใู่ นห้วงเวลาท่ีมีความรกั อยา่ งสด ปาคถู ใสด่ วงจนั ทร์ ชน่ื หอมหวาน หรอื กาลังตั้งครรภ์ ถ่มนา้ ลายรดฟา้ จบั เชือกใกลค้ มเล่อื ย ในช่วงเวลาเช่นน้ี หากใครมีการโต้เถยี ง เดนิ ไปสปู่ ากแห่งมฤตยู ทาลายบุญกุศลความดีของตนเองใหห้ มด ทะเลาะวิวาท มปี ากเสยี ง พดู ติฉนิ นนิ ทาวา่ รา้ ย ไป ซึง่ เท่ากบั เปน็ การขุดหลมุ ฝังศพตัวเอง วิพากษว์ ิจารณ์ผู้อ่ืนในทางเสียหายโดยเฉพาะ กับพ่อแม่ ครอู าจารย์หรือกับพระสงฆ์ นกั บวช ทง้ั หลาย ยอ่ มเสี่ยงตอ่ ความผิดพลาด ตดิ ขดั มี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook