อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๗๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า จบั งพู ิษท่ีขนดหาง การขอขมาโทษ พุทธวิธแี กอ้ ริยุปวาทกรรม๔ จับสายไฟฟ้าแรงสงู ดว้ ยมือเปลา่ ด่ืมยาพิษชนิดรา้ ยแรง อรยิ ุปวาทกรรมน้ัน เมอื่ บุคคลทาผดิ แลว้ ตกไปในกองเพลงิ ใหญ่ ถูกเชือ้ ไวรัส HIV เข้าสรู่ ่างกาย ไป ย่อมส่งผลได้ทันที ตลอดเวลาทีย่ ังไมไ่ ดข้ อขมา ทาลายภมู ติ า้ นทาน ทาให้รา่ งกายออ่ นแอ ขาดภมู ิ โทษ แบ่งออกเป็นประเภทแกไ้ มไ่ ด้ และยงั พอ แก้ไขได้ ในกรณีทีแ่ ก้ไขไมไ่ ดน้ ัน้ เพราะบุคคลผู้ ต้านทานเช้ือโรค ไมน่ าน ก็ต้องตาย เซลล์มะเรง็ ชนดิ ขัน้ สุดท้าย เป็นแล้ว พดู ตาหนิน้นั มบี ุญเก่าน้อยและทาด้วยเจตนาท่ี รนุ แรง โดยเฉพาะไปพูดลว่ งเกนิ พระอรหันตท์ ไี่ ด้ รักษาใหห้ ายยาก เปน็ โรค SLE หรือโรคภูมิตา้ นทานตนเอง ฌานอภญิ ญา พระปจั เจกพทุ ธเจา้ หรอื พระ ทาลายเนื้อเยือ่ ตนเอง สัมมาสัมพทุ ธเจา้ ผูม้ ีคุณธรรมสูงส่ง ทีว่ ่าแก้ไม่ได้ ไขมันอดุ ตันเส้นเลือดสมอง หัวใจจนทา น้นั เพราะสานกึ ไมไ่ ด้ คดิ ไมอ่ อก หรือไมม่ ีโอกาส ใหเ้ ป็นโรคอัมพฤก์อัมพาต จะขอขมาโทษพระอรยิ เจ้าเหลา่ น้ัน เพราะฉะน้นั เมอ่ื บคุ คลพาล มจิ ฉาทิฏฐิ สว่ นอรยิ ปุ วาทในกรณีท่ียังพอแก้ไดน้ ั้น โงเ่ ขลาเบาปญั ญาเข้าไปเกีย่ วข้องโดยไม่ระวงั สามารถแก้ไขด้วยการสานกึ ผดิ เหน็ โทษตาม ความเป็นจรงิ กลา้ ยอมรบั ผดิ โดยไมก่ ระดาก ความคิดหรือคาพดู พระอรยิ เจ้าผ้ทู รงคุณธรรม อาย แล้วกล่าวคาขอขมาโทษต่อหนา้ ท่าน อนั สูงส่ง จึงเปรียบเสมือนงพู ิษท่ีมีพษิ สงรา้ ยกาจ สาหรับการกล่าวคาขอขมาโทษในกรณีท่ี ยาพษิ ชนดิ ร้ายแรง เพยี งแค่คดิ ตาหนิในใจ หรือ เป็นพระภิกษุดว้ ยกัน พงึ ปฏิบตั ิดังน้ี ถา้ ท่านมี พูดดูหมนิ่ กเ็ ป็นบาปหนัก มโี ทษมหันต์ ขอท่าน อายุพรรษามากกว่า พึงกราบเรียนวา่ “ทา่ นขอรับ กระผมไดค้ ิดลบหลูด่ หู มิ่นทา่ น บณั ฑิตทง้ั หลายทเ่ี คยมีอคติลาเอยี งต่อวัด มี หรือได้พดู ตาหนิ ดูถกู ลว่ งเกนิ ทา่ นในเรื่องน้ันๆ ทศั นคตไิ มด่ ตี อ่ พระสงฆ์ หรอื เคยมเี ร่ืองทะเลาะ (ระบชุ ื่อเร่อื ง)ขอท่านอาจารย์ โปรดยกโทษให้ ววิ าทบาดหมางกับนกั บวช พึงตระหนกั ในเรอ่ื งนี้ กระผมดว้ ย ขอรบั ” ใหด้ ี อยา่ ไดก้ ลา้ คดิ เช่นนัน้ เลย เพราะผลกรรม แต่ถ้าท่านมอี ายพุ รรษาน้อย กวา่ พงึ ยก ตามมาเป็นอันตรายรา้ ยแรงเกินกว่าจะคาดเดา มอื ไหวท้ า่ น แลว้ น่ังกระโหย่ง ประนมมอื เรียนวา่ “พระคุณเจ้าขอรบั ! ผมไดก้ ลา่ วล่วงเกิน และต้องเสียเวลามาชดใชอ้ ีกยาวนาน ท่านด้วยคานี้ ขอทา่ นจงยกโทษให้ด้วยเถดิ ” ๔ ว.ิ มหา.อ. ๑/๑/๓๐๐
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๗๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ถ้าทา่ น ยงั ไม่ยอมอดโทษให้ เพราะมี ขา้ พเจ้าขอขมาโทษ ซ่งึ กรรมทไี่ ด้ลว่ งเกิน เหตุผลบางประการ หรือท่านเดินทางไปที่อืน่ อนั น้นั ต่อหน้าพระพทุ ธรปู โดยมพี ระสงฆเ์ ปน็ สักขี ตดิ ต่อไม่ได้ พึงเดนิ ทางไปยังวดั ท่ที ่านเคยพกั พยาน ขอพระสงฆ์ จงโปรดรบั รู.้ ..รับทราบในการ อาศัย ไปขอขมาโทษท่านตอ่ หนา้ สงฆ์ โดย กลา่ วคาขอขมาโทษของข้าพเจา้ ดว้ ย เพอ่ื สารวม กราบเรยี นวา่ ระวัง ไมใ่ ห้พลง้ั พลาดผิดอกี ตอ่ ไป เพื่อไมเ่ ปน็ “ข้าแตส่ งฆผ์ ูเ้ จริญ กระผมได้พูดตาหนิ อุปสรรคในการดาเนินชีวิต ในหนา้ ทีก่ ารงาน ใน ลว่ งเกินพระคณุ เจ้ารปู นัน้ ด้วยการพูดอยา่ งนี้ๆ เรอื่ งครอบครัวความรัก เรือ่ งสุขภาพรา่ งกายและ ขอสงฆ์ จงยกโทษลว่ งเกนิ อันน้นั ใหผ้ มด้วยเถิด” การปฏิบตั ธิ รรมต่อไป เพื่อไมใ่ หเ้ ป็นกรรมเปน็ เวร แต่ถา้ พระอรยิ เจ้าองค์นั้น ปรินิพพาน สืบต่อไป ฯ แลว้ ควรไปสถานที่ซ่งึ ทา่ นปรนิ พิ าน หรือไปท่ี ป่าช้าซง่ึ ทาฌาปนกิจของทา่ น พงึ กลา่ วคาขอ เพยี งแคข่ อขมาโทษ ขมาโทษเหมอื นที่กล่าวแลว้ ขา้ งต้น เมอ่ื ไดค้ าขอ กล็ ด-แก้กรรมได้ ขมาโทษอยา่ งนแ้ี ล้ว อริยุปวาทกรรม คอื การ พูดตาหนติ เิ ตยี นหรือพูดใสร่ ้ายนั้น จะกลับเปน็ ปกติ ไม่ปดิ กั้นในการเกดิ ในสุคติโลกสรรค์ ไม่ อรยิ ปุ วาทกรรมนั้น ถงึ จะมีโทษมาก เป็น เปน็ อุปสรรคในการปฏบิ ตั ิธรรม ไมข่ วางกน้ั ตอ่ บาปมหันต์กจ็ ริง แต่เป็นกรรมท่ียงั สามารถ สมาธแิ ละมรรคผล นิพพาน เปล่ียนแปลงแกไ้ ขจากหนักเปน็ เบา จากรา้ ยให้ ตัวอย่าง กลายเป็นปกตไิ ดด้ ้วยการสานึกผิด เหน็ ความผิด ตามเปน็ จริง แลว้ กลา่ วคาขอขมาโทษตอ่ พระ คำกล่ำวขอขมำโทษทวั่ ไป อรยิ เจ้าผู้นั้นเหมอื นกรณีตวั อย่างที่ภิกษุรูปหน่ึง ไดพ้ ูดใสป่ ้ายสีท่านพระสารีบุตรวา่ เอาชายจวี ร ด้วยการกระทาทางกาย การกระทาทาง กระทบตนเองแลว้ หลกี ไปโดยไม่ขอโทษ พระ วาจา และการกระทาทางใจ กรรมใดท่ีขา้ พเจา้ พุทธองคต์ รัสใหไ้ ปเรียกทา่ นพระสารบี ุตรกลบั มา ได้เคยแสดงความไม่เคารพนับถือ เพราะความ เมือ่ พระเถระไดช้ ้ีแจงแถลงไขบันลอื สหี นาทจบ ประมาทขาดสติ เคยได้คิดลบหลู่ดหู มิ่น พูดจาบ ลง ภกิ ษรุ ปู นนั้ ได้รู้ตัววา่ ทาผดิ ต่อพระเถระ กล้า จ้วงล่วงเกินต่อพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพทุ ธเจ้า ยอมรับความผิดนน้ั แล้วกลา่ วคาขอขมาโทษต่อ พระอรยิ สงฆส์ าวกและพระสถปู เจดีย์ทบ่ี รรจพุ ระ หนา้ พระศาสดาวา่ บรมสารรี ิกธาตุ ตลอดทงั้ ผ้ปู ฏิบัติธรรมทง้ั หลาย “ข้าแตพ่ ระองคผ์ เู้ จริญ ข้าพระองค์เป็นคน ต้ังแตอ่ ดตี ชาติจนถงึ ปจั จุบัน ทั้งทม่ี เี จตนาและไม่มี โง่เขลา เบาปัญญา ขาดสติ ไดก้ ลา่ วตู่ท่านพระ เจตนา ทั้งนกึ ไดแ้ ละนึกไม่ได้ ท้ังร้ตู ัวและ สารบี ตุ ร ซง่ึ เป็นเร่ืองเท็จ ไมใ่ ช่เรื่องจริง ขอ รู้เท่าไมถ่ ึงการณ์
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๘๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ พระองค์ โปรดยกโทษให้แกข่ า้ พระองค์ เพอ่ื การ บคุ คลผทู้ าผดิ แลว้ สานกึ ผิด คิดจะขอโทษและ สารวมระวงั ตอ่ ไปด้วยเถดิ ” ขณะที่กล่าวคาขอโทษอยู่น้ัน ไมไ่ ด้ละเมิดศีล พระผมู้ พี ระภาคตรัสวา่ “เธอผู้เป็นคนโง่ ไม่ได้ประกอบอาชีพผิดศลี ธรรม เรียกว่ามี เขลา เบาปญั ญา ขาดสติ ได้ทาผิดโดยการกล่าวตู่ สมั มากัมมนั ตะและสัมมาอาชวี ะ ดังน้ั เมอื่ สารีบตุ ร ซ่งึ เป็นเร่อื งเท็จ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งจริง แตเ่ พราะ บคุ คลได้ดม่ื ธรรมโอสถขนานพิเศษ คือปฏบิ ตั ิ เธอได้สานกึ ผดิ แลว้ ขอโทษ เราขอยกโทษให้ ตามหลักอริยมรรคมอี งค์ ๘ ไดแ้ ก่ ศลี สมาธิและ เมอื่ ภิกษุทาผิด ได้สานึกผิด แลว้ กล่าวคาขอโทษ ปัญญา๕ ยอ่ มสารอก คลายบาปอกศุ ลท่ีเกิดจาก เพ่อื สารวมระวงั ไมใ่ ห้พลั้งพลาดผิดอกี ตอ่ ไปน้นั อริยปวุ าทกรรมออกไดด้ ว้ ยประการฉะนี้ เปน็ ความเจริญในอรยิ วินัย” แล้วพระองค์ จงึ ได้ ตรสั กับเถระวา่ “สารีบุตร เธอจงยกโทษให้แกโ่ มฆ บุรุษผู้น้ีเถิด ก่อนท่ีศีรษะของเขาจะแตกเปน็ ๗ เส่ียง เพราะความผดิ นัน้ ” ท่านพระสารีบตุ รกราบทูลว่า “ขา้ แต่ พระองค์ผูเ้ จริญ ข้าพระองค์จะยกโทษแกท่ ่านรปู นน้ั ถา้ หากทา่ นรูปน้ันได้กล่าวกบั ข้าพระองค์ว่า ขอท่านสารบี ตุ ร จงยกโทษแก่กระผมด้วยเถิด และขอผมู้ ีทา่ นรปู นั้น จงยกโทษใหข้ า้ พระองค์ดว้ ย ถ้าหากว่า ข้าพระองค์มคี วามผิด” จากตวั อย่างข้างต้น อริยุปวาทกรรมนั้น สามารถแก้ไดใ้ ห้เปน็ ปกตดิ ว้ ยการสานึกผดิ ขอ ขมาโทษจากใจจริง เมอ่ื เห็นความผดิ ว่า เปน็ ความผดิ ตามเปน็ จริง เรยี กวา่ มสี มั มาทฏิ ฐิ เมือ่ คิดจะเปลีย่ นแกไ้ ขบาปกรรมน้ีไม่ให้เกดิ โทษ ภัยแกต่ วั เรียกวา่ มสี ัมมาสงั กัปปะ ขณะท่ี รวบรวมความกล้าหาญ ใชค้ วามเพยี รพยายาม ทีจ่ ะกลา่ วขอขมาโทษ เป็นสมั มาวายามะ ระลกึ รู้หรอื ตระหนักชดั วา่ การพดู ใส่ร้ายพระอริยเจ้า เป็นสงิ่ ไม่ดี เปน็ บาปอกุศล เป็นโทษอนั ตราย เป็นสมั มาสติ ขณะทตี่ ัง้ อกต้งั ใจกลา่ วคาขอขมา โทษต่อหนา้ พระอรยิ เจ้าน้ัน เป็นสมั มาสมาธิ ๕ สงั .มหา.(แปล) ๑๙/๘๓ กมุ ภสูตร
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๘๑ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า เพราะความโงเ่ ขลาไมร่ ู้เท่าทัน ความโกรธไม่พอใจ ขดั เคอื งในใจ ก่อใหเ้ กิด จงึ ปดิ ทางสวรรค์ โทสะจนอดคิดอกุศลและพูดตาหนิพระอริยเจา้ กั้นทางมรรคผลนิพพานของตวั เอง ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น สาเหตุสาคัญทท่ี าใหค้ นเราเกิดความ เรื่องพระสุธรรมพดู ประชด ดา่ วา่ จติ ต คหบดี ซึง่ เปน็ อุบาสกขั้นอนาคามี ผิดพลาด ได้ล่วงเกนิ พระอรยิ เจา้ ทงั้ หลาย ด้วย ความร้เู ทา่ ไมถ่ ึงการณ์ ทงั้ ตอ่ หน้าและลับหลัง เร่ืองภิกษุณีรูปหนึง่ ดา่ สาปแช่งลับหลงั ภิกษุณีอรหนั ต์ขีณาสพ ดังท่กี ล่าวมาขา้ งตน้ น้ัน เกดิ จากกเิ ลส หรือ เร่อื งภกิ ษุหนุม่ โสดาบนั รูปหนง่ึ คิด อกุศลธรรมเหล่านี้ คือ ตาหนิพระอรหันต์ขีณาสพองคห์ นึ่ง ๑. มิจฉาทฏิ ฐิ ความหลงผิด ความ ตระหน่ี ความยนิ ดีพอใจ ความยดึ ติด และ เร่ืองบรุ ษุ ขายดปี ลคี นหนึง่ คดิ ตาหนิ พดู คาหยาบและพดู โกหกท่านพระปลิ นิ ทวจั ฉะ ความหวงแหนในลาภสักการะ วตั ถสุ ่ิงของ เครอ่ื งใช้ เมอื่ มคี นมาทาไม่ถูกใจ มาแย่งชงิ ไป เรอ่ื งเศรษฐีคนหนึ่งคดิ ดูหมิ่นพระ ปัจเจกพุทธเจ้าตครสิขวี า่ เปน็ คนโรคเร้ือน หรือไดม้ ากกวา่ ตนเอง ย่อมเกิดความไมพ่ อใจ อจิ ฉารษิ ยา แลว้ นาไปส่กู ารคดิ ตาหนิและพดู เรอ่ื งพระนางมาคนั ทยิ าใชใ้ หค้ นไปด่า พระพทุ ธเจา้ และพระนางสามาวดีและหญิง ดา่ ทอ สาปแชง่ พระอริยเจา้ ได้ ตัวอยา่ งเช่น บริวาร ผูเ้ ป็นอริยสาวิกาขั้นโสดาบัน เรอื่ งแม่พูดสาปแชง่ ลกู ชาย ช่ืออตุ ตระ ซง่ึ เปน็ อริยสาวกโสดาบนั เรอ่ื งชาวนาคนหน่งึ ได้พูดลบหลู่ดหู มิ่น พระพุทธเจ้ากัสสปะ เร่ืองเสรณิ เี ปรต พดู ด่าวา่ ภกิ ษุสงฆ์และ ๓. อโยนิโสมนสกิ าร ขาดการพจิ ารณา พูดดหู มนิ่ การให้ทาน ไตรต่ รองอยา่ งรอบคอบ บวกกบั มิจฉาทิฏฐิ เรอ่ื งภกิ ษุเจ้าอาวาสดา่ วา่ พระอรหันต์ ความหลงผดิ จิตมืดบอด และอานาจของราคะ เพราะความตระหนี่และริษยา ความกาหนดั ในยนิ ดีในเพศรส หรืออานาจของ เรอ่ื งพระโกกาลิกะดา่ พระอัครสาวกทัง้ โทสะ ความโกรธ ไม่พอใจ ทาใหค้ ิดอกุศลกับ สอง คอื ท่านพระสารบี ุตรและท่านพระมหาโมค บุคคลทไ่ี ม่ควรล่วงเกนิ เช่น คัลลานะวา่ เป็นคนโลภมาก เรอ่ื งคหบดีคนหนึ่ง พูดตาหนกิ ารบชู า เร่ืองบุตรชายเศรษฐชี ือ่ โสเรยยะคิด อยากไดท้ ่านพระมหากัจจายนะมาเปน็ ภรรยา สกั การะพระบรมสารีรกิ ธาตุวา่ ไมม่ ปี ระโยชน์ เร่อื งพระโพธสิ ัตวไ์ ด้พูดด่าภิกษุสงฆ์ใน ๒.มานะ ความถอื ตวั ถือตนว่าเป็นคน ศาสนาของพระพุทธเจ้าผุสสะ พเิ ศษหรอื คนสาคญั กวา่ คนอนื่ เมอื่ มคี นมาพดู หรือทาอะไรไมถ่ กู ใจ ไม่ไดด้ งั ใจ จะทาใหเ้ กิด
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๘๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า ๔.การคบคนพาล โกรธ ไม่พอใจ แลว้ นาไปสู่การพดู เสียดสเี หนบ็ การคบคนชว่ั มีความศรัทธาเล่อื มใสให้ แนมพระอริยเจา้ ได้ ดังเช่น ความเคารพ นับถอื พวกนกั บวชเลว ซึง่ เป็นผู้ เรือ่ งภกิ ษณุ ชี ื่อติสสา พูดเหนบ็ แนม ปฏบิ ัตผิ ิด ชอบรษิ ยา บวกกบั ความหลงผิด ท่านพระมหากสั สปะว่ากลา้ อวดดีมาสอนธรรมะ รู้เทา่ ไม่ถึงการณ์ (มจิ ฉาทิฏฐิ)ของตัวเอง ได้ ตอ่ หนา้ พระอานนทเ์ ถระผู้ปราดเปรือ่ งเหมอื น นาพาชวี ติ ไปส่ทู างแหง่ ความหายนะ เพราะการ พอ่ คา้ เขม็ เอาเข็มมาขายในร้านช่างเข็ม พูดใส่ร้ายปา้ ยสี พูดลบหลดู่ ูหมิ่นพระพุทธเจ้า เร่อื งภกิ ษุณชี ่ือนนั ทา พดู เหน็บแนม ดงั เช่น ทา่ นพระมหากัสสปะวา่ ตวั เองเป็นเดยี รถีย์ แต่ เร่ืองนางจญิ จปริพพาชิกาพดู ใส่รา้ ย กล้ามาพดู ตาหนพิ ระอานนทว์ ่าเปน็ เหมือนเดก็ ๆ พระพทุ ธเจา้ วา่ ทาให้ตวั เองทอ้ ง แลว้ ไมร่ ับผิด เรอื่ งนางสนุ ทรีปริพพาชกิ าพูดใส่ร้าย กเิ ลสทั้งหลายอนั เปน็ บาปอกศุ ลเหลา่ น้ี พระพทุ ธองค์วา่ มเี พศสมั พันธ์กับตวั เอง คอื มจิ ฉาทิฏฐิ อโยนิโสมนสิการ การคบคนพาล เร่ืองโชตปิ าละพดู ดูหมน่ิ พระพุทธเจา้ การวัดคนดว้ ยการตดั สนิ จากลกั ษณะภายนอก กัสสปะวา่ การตรัสรู้ ไม่ใช่ของงา่ ยเพยี งแค่นงั่ ความอคตลิ าเอียง ความรษิ ยา ความยดึ ตดิ และ หลับตาใตต้ ้นไม้ ความตระหน่ีหวงแหนในลาภสกั การะ หรอื กิเลสระดับหยาบ เชน่ ราคะ โทสะ โมหะ ความ ๕. การเปรียบเทียบ และอคตลิ าเอียง โลภ ความโกรธและความหลงเหล่านเี้ อง ทาให้ เมื่อไม่มญี าณปัญญาหยังรู้ระดับ คนหลงผดิ เขา้ ใจผดิ คดิ ผดิ และพูดผดิ หลงทา พระพุทธเจ้า ซ่งึ เป็นสัพพญั ญุตญาณแลว้ การ บาปกรรมตา่ งๆ พดู ลว่ งเกินพระอรยิ เจ้า ซึ่งเป็น นาพระอริยเจ้าหรือผ้ปู ฏบิ ัตธิ รรมมาเปรยี บเทียบ อรยิ ปุ วาทกรรม ซงึ่ เป็นกรรมหนักยากท่ีจะแกไ้ ข กนั ว่าใครดกี วา่ ฉลาดกวา่ เกง่ กว่าใคร เป็นสงิ่ ที่ บคุ คลผูห้ วังความเจริญก้าวหนา้ ในทางโลกและ อนั ตรายมากตอ่ การกา้ วหนา้ ในธรรมอยา่ งมาก ทางธรรม พึงควรสงั วรอยา่ งมาก ระวังอยา่ และเสี่ยงต่ออรยิ ปุ วาทด้วย ประมาทพล้งั เผลอ หากหลงผิดพลาด ทาอริ เพราะฉะนั้น การตดั สนิ คนโดยการ ยุปวาทกรรมไปแลว้ พึงรบี กลา่ วคาขอขมาโทษ เปรยี บเทียบดว้ ยปัญญาอันมขี อบขดี จากัดของ ท่านทนั ทีอย่ารีรอให้เนน่ิ ช้า ก่อนทม่ี ันจะสายเกนิ ตนเอง ไมส่ ามารถจะรตู้ ามเปน็ จริงได้ ถอื ว่าเป็น การลบหลคู่ ุณของพระอริยเจ้า เป็นส่ิงทีไ่ มพ่ งึ กระทา แมค้ วามลาเอียง ความรกั ศรัทธายดึ ตดิ ในตวั บุคคลจนไมร่ ้จู ักแยกแยะ เมื่อถกู บคุ คลที่ ตนศรทั ธาเลอื่ มใสโดนตาหนิ ทาใหเ้ กดิ ความ
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๘๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจ้า เสรมิ สรา้ งภูมคิ ุ้มกัน คดิ พยาบาทปองร้าย อยากใหผ้ ู้อน่ื พนิ าศมีอนั ดว้ ยธรรมะวัคซีน เปน็ ไป และมคี วามเห็นผดิ เป็นมจิ ฉาทฏิ ฐิ การคบกบั คนพาล หรอื มคี นพาลเปน็ พระพุทธเจ้าอุบตั ขิ ึ้นมาในโลก เพ่ือโปรด เพ่ือน เป็นแบบอยา่ ง จะนาพาชวี ติ ไปสคู่ วาม สัตว์ใหพ้ ้นจากการเวียนว่ายตายเกดิ พระองค์ ผดิ พลาด ตกตา่ ย่าแย่ มีจติ มืดบอด นาไปสู่ ทรงสอนแต่เรอื่ งทุกขก์ ับการดับทกุ ข์ ใหส้ าวก ความวอดวายหายนะอันใหญห่ ลวง ทงั้ ในชาตนิ ี้ ร้จู ักวิธแี ก้ไขปัญหาชวี ิตด้วยปญั ญา ทกุ คนอยาก ชาติหน้าและชาตติ ่อไป เชน่ พระเจา้ อชาตศตั รู พ้นทุกข์ แต่เมอื่ ไมร่ จู้ ักทุกขแ์ ละสาเหตแุ หง่ ทุกข์ คบค้าสมาคมกับพระเทวทตั ทาให้หลงผดิ แลว้ กพ็ ้นทุกขไ์ ม่ได้ ทาปิตฆุ าตฆ่าพระราชบิดา ทาให้เส่ือมจากมรรค อริยุปวาท เป็นสาเหตุหนึ่งทที่ าให้ไม่ ผลทต่ี นควรไดบ้ รรลุในชาตินัน้ ก้าวหนา้ ในธรรม และเปน็ เหตแุ หง่ ทกุ ขใ์ นชาติ สว่ นนางจิญจาปริพพาชิกาและนาง ปัจจุบนั และในสังสารวฏั และถือว่าเป็นกรรม สนุ ทรปี รพิ พาชกิ า ไปคบกับคนพาล คอื พวก หนักมีโทษเหมือนอนันตริยกรรม เพ่ือปอ้ งกัน นักบวชอญั ญเดยี รถีย์ผเู้ ป็นมจิ ฉาทิฏฐิ ทาให้ ไม่ให้เกิดความผดิ พลาดในเรอื่ งนี้ ผู้หวังความ หลงผดิ ไมร่ จู้ กั แยกแยะว่าใครดี ใครชั่ว มาพดู ใส่ เจริญในธรรมวินยั และความก้าวหนา้ ในทางโลก รา้ ยพระพุทธเจ้าผ้บู รสิ ุทธ์ิจนตวั ตาย โดยถูกธรณี และทางธรรม พึงประพฤติปฏิบัติตนใน สูบและอีกคนถูกฆา่ ปิดปาก และตอ้ งไปตกนรก หลกั ธรรม ต่อไปนี้ อีกนบั ภพชาติไมถ่ ้วน สาหรับโชตปิ าลมานพ แม้จะเป็นนิยต ๑.การไมค่ บคนพาล โพธสิ ตั ว์ แต่เพราะเกดิ ในตระกูลพราหมณ์ซึง่ ถอื คนพาล คอื คนเขลาเบาปัญญาทางธรรม ชนชนั้ วรรณะอยา่ งรนุ แรง ชอบดูหมนิ่ สมณะ ซ่ึงมักทาผิดศลี และประพฤติผิดธรรมอยเู่ สมอ ประกอบกับอยูใ่ นทา่ มกลางคนพาลมจิ ฉาทิฏฐิ ท้งั กาย วาจาและใจ มปี กติทาบาปทางกาย ซ่ึงไมเ่ ล่อื มใสในพระรัตนตรยั ทาให้หลงผดิ ได้ ดว้ ยการฆ่าสัตว์ เบียดเบยี นทรมานสตั ว์ ลกั พดู ดูหม่นิ ล่วงเกนิ ต่อพระพทุ ธเจา้ กสั สปะซ่งึ เปน็ ทรพั ย์ คอรัปช่ันฉอ้ โกง และประพฤติผดิ สาม-ี บาปหนัก ภรรยา บุตร-ธิดาของผอู้ นื่ ทาบาปทางวาจา ดังนัน้ การคบกับคนพาล จึงทาใหช้ ีวิต ดว้ ยการพดู โกหก พูดส่อเสียด นาความของอีก บนเสน้ ทางพรหมจรรย์เส่ือม เปน็ อัปมงคลต่อ ฝ่ายหนึ่งไปบอกอีกฝ่ายหนึ่งทาให้คนเขา้ ใจผิด ชวี ติ สว่ นการไม่คบคนพาล จงึ เปน็ สริ ิมงคลแก่ กัน พดู คาหยาบคาย ด่าทอ และพูดเพ้อเจ้อไร้ ชีวติ แลว้ หนั ไปคบค้าสมาคมกบั บัณฑติ เช่น สาระไมส่ ามารถเป็นจริงได้ ทาบาปทางใจ พระพุทธเจา้ และพระอริยสาวกทง้ั หลาย ยอ่ มทา ด้วยการคดิ อยากไดข้ องของผอู้ ื่นมาเปน็ ของ ใหช้ ีวติ เจริญรุง่ เรืองในทางโลกและทางธรรม ตนเองในทางมชิ อบ เช่น ลกั ขโมยหลอกลวง
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๘๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจา้ ๒.การคบบัณฑิต อุโบสถ เจริญสมถะและวิปสั สนา เป็นตน้ บณั ฑิต คือ ผู้มปี ัญญาในทางธรรม เลอื่ มใสพระอรยิ สงฆ์สาวกด้วยใจทศ่ี รทั ธา ตรงกนั ข้ามกบั คนพาลทุกอย่าง เปน็ นักปราชญ์ สรรเสรญิ คุณด้วยวาจา และทาความเคารพน้อบ ผรู้ ู้ ผู้ฉลาด เปน็ ผู้คดิ ดี พดู ดีทาดี เปน็ ผู้ประพฤติ น้อมกราบไหวด้ ้วยกาย ดปี ฏบิ ตั ิชอบ เพราะเม่ือคบกับบัณฑิตแล้ว ยอ่ ม การบูชาบคุ คลผ้คู วรแก่การบชู า เชน่ นาไปสูก่ ารฟังธรรม เกิดศรทั ธาเล่ือมใสในพระ พระพทุ ธเจา้ และเหล่าพระอรยิ สาวกนี้ ย่อมเกิด รัตนตรยั และตัง้ ตนในคณุ ธรรมเบื้องสงู คอื ศลี บญุ เอนกอนันต์ มอี านิสงสม์ หาศาล ดงั พุทธ สมาธิและปญั ญา กลา่ วคอื จะมปี กติ มกี ารงด พจน์ ตอ่ ไปน้ี “อานนท์ เธออย่าได้คิดว่า ‘การบูชาด้วย เวน้ จากการฆา่ การเบียดเบียนทรมานสตั ว์ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กูลต่อสตั ว์ทง้ั หลาย งดเวน้ จากการ ดอกไม้ทีน่ ายมาลาการนกี้ ระทาแล้วเป็นของ ลกั ทรพั ย์ ชอบใหท้ าน แบ่งปันเอ้ือเฟ้ือเผือ่ แผ่เจือ เล็กนอ้ ย เพราะเขาได้สละชวี ติ ตัวเอง เพ่อื บูชา จาน งดเว้นจากการประพฤตผิ ดิ ในกาม เป็นคน เราและเขามีจติ ศรทั ธาเล่ือมใสเราด้วยอาการอยา่ ง พดู คาจริงแท้ ไม่โกหกหลอกลวง ชอบพูด นี้ จะไมไ่ ปสทู่ ุคติตลอดแสนกัป จะเกดิ เป็นเทวดา ประสานสมานสามคั คปี องดอง พูดคาไพเราะ และมนษุ ยเ์ ทา่ นั้น น่ีเปน็ ผลแหง่ การบชู าด้วย ออ่ นหวานน่าฟัง พูดมีหลักการเหตุผลน่าเช่ือถือ ดอกไม้นั้น ภายหลัง เขาจะไดเ้ ป็นพระปจั เจกพทุ ธะ ได้ ไมค่ ิดอยากไดข้ องผอู้ น่ื มาเป็นของตน คิด นามวา่ สุมนะ”๖ ปรารถนาดอี ยากให้ผู้อ่ืนมีความสุข มคี วามเห็น พระพุทธเจ้าและเหลา่ พระอรหนั ต์จานวน ถูกตอ้ งทานองคลองธรรม เปน็ สมั มาทฏิ ฐิ เชน่ เห็นว่าการกระทาใหท้ าน การเคารพกราบไหว้ มากมาประชุมพร้อมกนั ท่านทง้ั หลายจงกราบไหว้ บูชาสักการะ มผี ล กรรมและผลกรรมมจี ริง พระพทุ ธเจ้าและเหล่าพระอรหนั ตเ์ ถิด ตามท่ีกลา่ ว บุญคุณของพอ่ แม่ มีจรงิ นรก-สวรรค์ การเวยี น มาน้ี พระพุทธเจ้าทง้ั หลายเปน็ อจินไตย ธรรมของ ว่ายตายเกิด ภพภูมิมีจริง พระอรหันต์ผ้บู รรลุ ธรรม มีจรงิ เกดิ ความศรทั ธาเล่ือมใสในคณุ ของ พระพทุ ธเจา้ ก็เป็นอจนิ ไตย (สภาวะท่พี ้นความคดิ พระรตั นตรยั อย่างม่ันคง ไม่ลงั เลสงสยั ไม่หลง ของตนที่จะคิดได้ คือไมอ่ ย่ใู นวสิ ัยที่จะ คิดได้) ไปศรัทธาคนมจิ ฉาทฏิ ฐิ สาหรับผทู้ ี่เลือ่ มใสในอจินไตย ย่อมมีวบิ ากเปน็ อจินไตย๗ “ภิกษทุ ั้งหลาย... สัตวท์ ั้งหลายท่ีไม่มเี ท้า ๓.การบชู าคนทค่ี วรบูชา มสี องเทา้ มสี ี่เท้า หรอื มีเท้ามากกต็ าม มรี ปู หรือไม่ อามิสบชู า การบูชาด้วยวตั ถสุ ิง่ ของตา่ งๆ มีรปู ก็ตาม มีสญั ญา ไม่มีสญั ญา หรือมีสัญญาก็ เชน่ ดอกไม้และของหอม เปน็ ต้น ปฏิบตั ิ ไม่ใช่ไม่มสี ญั ญากไ็ มใ่ ชก่ ต็ าม มีประมาณเท่าใด บชู า การบชู าดว้ ยการปฏิบตั ิดปี ฏิบตั ิชอบ เช่น ๖ ดู ธ.ป. (แปล) ๓/๕๒๐๕-๒๑๔ เรอ่ื งนายสุมนมาลาการ ๗ ขุ.อป. (แปล) ๓๒/๑-๑๒ การศกึ ษาพระธรรมวนิ ัย รักษาศีล ๕ ศลี ๘ ศีล
อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๘๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ตถาคตอรหันตสมั มาสมั พุทธเจ้า เรากลา่ ววา่ ...เมื่อมีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระตถาคต เลิศกว่าสัตวม์ ีประมาณเทา่ น้ัน บุคคลผเู้ ล่อื มใสใน สมั มาสมั พทุ ธเจา้ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ หรอื สาวก พระพุทธเจา้ ชือ่ ว่า เล่ือมใสในสงิ่ ทเี่ ลศิ และ ของพระสัมมาสมั พุทธเจา้ แลว้ ส่งิ ของทน่ี ามา วบิ ากท่เี ลศิ ย่อมมแี กบ่ คุ คลผูเ้ ลื่อมใสในสง่ิ ทเ่ี ลิศ ทาบุญชอ่ื ว่า มีผลนอ้ ย ย่อมไมม่ ”ี ๙ ...หมกู่ ็ดี คณะก็ดี มีประมาณเท่าใด ๔.ความอ่อนนอ้ มถ่อมตน พระสงฆส์ าวกของตถาคตไดแ้ ก่ พระอริยบุคคล ๔ การยกตนข่มคนอ่ืนดว้ ยคุณธรรมที่มอี ยู่ คู่ คอื ๘ บคุ คล พระสงฆ์สาวกของพระผมู้ พี ระ ภาคน้ี เป็นผคู้ วรแก่ของที่เขานามาถวาย ควรแก่ ในตน เช่น ศลี สมาธหิ รือปญั ญาก็ตาม การยก ของตอ้ นรับ ควรแก่ทกั ษิณา ควรแกก่ ารทาอัญชลี ตนข่มท่านเชน่ นี้ ถอื ว่า เป็นอกุศลประเภทมานะ เปน็ นาบญุ อนั ยอดเยี่ยมของโลก เรากลา่ วว่า เลิศ ทาใหเ้ ปน็ คนแขง็ กระดา้ งถือตัว หย่งิ จองหอง ไม่ ยอมกม้ หวั ให้ใคร คนมีมานะถือตวั ขาดความ กว่าหมหู่ รอื คณะเหลา่ น้ัน บคุ คลผู้เลื่อมใสในสงฆ์ ออ่ นน้อม ดไู มน่ ่ารัก ไม่นา่ เขา้ ใกล้ เปน็ ท่ีอึดอดั ช่ือว่าเลอื่ มใสในสงิ่ ที่เลศิ และวบิ ากที่เลศิ ยอ่ มมี รงั เกียจของผู้คบหา ทาใหพ้ ลาดจากคุณวเิ ศษที่ แก่บุคคลผู้เลือ่ มใสในส่ิงที่เลิศ ควรจะได้ และทาใหเ้ กดิ ในตระกูลต่าในชาติหน้า การพฤตถิ ่อมตน ไมย่ กตนขม่ ทา่ น ไม่ถือตัววา่ ภิกษทุ ั้งหลาย...บญุ ท่เี ลิศ คือ อายุ วรรณะ ยศ เกยี รติ สุข และพละยอ่ มเจรญิ แก่ มีชาตติ ระกลู สงู มคี วามรสู้ ูง มยี ศสงู เป็นตน้ บุคคลผูเ้ ล่ือมใส...ผู้เลอ่ื มใสในพระพทุ ธเจ้าผเู้ ลศิ ซ่งึ เป็นทกั ขไิ ณยบคุ คลช้นั เยย่ี ม...ผเู้ ลอื่ มใสในพระสงฆ์ และไม่คิดดูหม่ินเหยียดหยามผู้ทีม่ ชี าติตระกูล ผ้เู ลศิ ซึง่ เปน็ นาบญุ อันยอดเยย่ี ม ให้ทานในทา่ นผู้ เลศิ นกั ปราชญ์ผู้ต้ังมั่นในธรรมทเ่ี ลิศให้ทานแก่ ตา่ กว่า มีความรู้น้อยกว่า มยี ศต่ากว่า เป็นท่ี ทา่ นผู้เลศิ เกิดเปน็ เทวดาหรือมนุษย์กต็ าม ย่อมถงึ ความเป็นผู้เลศิ บนั เทงิ อยู่๘ รกั ของคนท้ังหลาย มีความอบอนุ่ สาหรบั คนอยู่ ทา้ วสักกะ จอมเทพแหง่ สวรรค์ช้ัน ใกล้ เปน็ สริ มิ งคลแก่ตัว ไร้ศัตรูคู่เวร ราบร่ืน ดาวดึงส์ ผเู้ ปน็ อริยสาวกโสดาบนั ตรัสกบั มาตลี ปลอดภยั ในชีวติ และการประพฤตธิ รรมดังเชน่ เทพบุตรว่า ท่านพระธรรมเสนาบดสี ารบี ุตร ถงึ แม้พระเถระ “เมอื่ พระตถาคตยังทรงพระชนม์อยกู่ ็ตาม จะเปน็ ถงึ อคั รสาวกเบ้ืองขวาเลิศทางปัญญา แต่ ปรนิ พิ พานแลว้ กต็ าม ถ้าจิต (ศรัทธาเลื่อมใส) เทา่ กนั ผล(บุญทเ่ี กดิ ข้ึน) ย่อมเทา่ กัน กลบั มคี วามออ่ นนอ้ มถอ่ มตนอยา่ งมาก ดังคา กล่าวของทา่ นท่วี า่ “...ตลอดพุทธเขต ยกเวน้ พระ ผู้มีพระภาคผู้ศากยะ ผ้ปู ระเสริฐ ขา้ พระองคเ์ ปน็ ผู้ เลศิ ดว้ ยปัญญา ไม่มีผเู้ ช่นกับขา้ พระองค์ ขา้ พระองค์เปน็ ผ้ฉู ลาดในสมาธิ ถงึ ความสาเร็จแหง่ ๘ องั .จตกุ ก.(แปล) ๒๑/๕๓ –๕๕ อัคคปั ปสาทสูตร ๙ ขุ.ว.ิ (แปล) ๒๖/๙๑-๙๒ ปตี วมิ านและอรรถกถา
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๘๖ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า ฤทธวิ์ ันนี้ เมื่อต้องการจะเนรมติ คน ๑,๐๐๐ คนก็ พบเจอกัลยาณมติ ร ได้ฟังธรรม และได้บรรลุมรรค ได้ พระผู้มพี ระภาค เป็นผู้ตรัสสอนแกข่ า้ พระองค์ ผลและนิพพานโดยเรว็ พลันเทอญฯ ” จากอานสิ งสแ์ หง่ ทานที่ทาอยา่ งน้ี จะ นิโรธสมาบัติเป็นทน่ี อนของขา้ พระองค์ ขา้ พระองค์ มที พิ ยจกั ษบุ ริสุทธ์ิหมดจด ข้าพระองคเ์ ป็นคนมี เป็นเหตุพลักดันให้เราได้พบเจอและฟงั ธรรมจาก พระอรยิ เจา้ พรอ้ มกันน้ี จะตอ้ งไมม่ ีความ คารวะอย่างสูงสดุ เพราะได้บรรลสุ าวกบารมีญาณ ตระหน่ี หวงแหน (มจั ฉริยะ) เช่น ไม่หวงท่ีอาศยั ดว้ ยความรู้ ข้าพระองค์มีจติ อนเุ คราะหเ์ พื่อน ไมห่ วงสกลุ อุปัฏฐาก ไม่คอยกดี กันคนอื่นท่ีจะ สพรหมจารดี ้วยศรัทธาทกุ เมื่อ เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ไมต่ ระหนีล่ าภ ไม่ หวงผลประโยชน์ ไม่หาทางกดี กันกลั่นแกล้งคน ข้าพระองค์ละทง้ิ ความถือตัว และความ อน่ื เป็นคนใจกว้าง ชมคนอื่นได้ ไมเ่ กรงกลวั เย่อหย่ิงแล้วดจุ งูถูกถอนเข้ียวเสยี แลว้ (หรือ) ดจุ ใครที่จะมาแข่งดีกบั ตน ไมต่ ระหนีธ่ รรมะ ไม่ โคอสุ ภะตวั เขาหักเสยี แลว้ เข้าหาหมู่คณะด้วย หวงวิชาความรู้ และคณุ พิเศษทไี่ ดบ้ รรลุ ไมก่ ลัว ว่าคนอน่ื จะเก่งกวา่ ตนเอง ความเคารพหนักแนน่ หากปัญญาของขา้ พระองค์ จะพึงมรี ูปร่าง กจ็ ะต้องเสมอกบั พระเจา้ แผ่นดิน ทั้งหลาย น้เี ป็นผลของการชมเชยพระญาณของ พระผู้มพี ระภาคพระนามว่าอโนมทัสสี๑๐ ๖.รู้จักตวั เองตามความเปน็ จริง พระอรยิ สากขนาดทา่ นพระสารีบุตรยังมี (อตั ตญั ญตุ า) คอื รู้ตวั เองว่า เรานนั้ ว่าโดย ฐานะ ภาวะ เพศ กาลังความรู้ ความสามารถ ความอ่อนโยน อ่อนนอ้ มถ่อมตนอย่างน้ี แล้วเรา ความถนดั สตปิ ญั ญา และคุณธรรม เปน็ ต้น ท่านทัง้ หลาย ใครเลา่ จะกล้าถือดี อวดเกง่ ยก บดั นี้ เรามอี ยู่เท่าไร มอี ยู่อยา่ งไร แลว้ ประพฤติ ตนขม่ คนอ่ืนได้ นอกจากว่า เป็นการแสดงออก ใหเ้ หมาะสมกับเพศ ภาวะของตน หม่ันแกไ้ ข ของคนทโี่ งเ่ ขลาเบาปัญญาโดยแท้ ๕.การให้ทานและไม่มีความตระหนี่ ปรบั ปรุงใดด้ ีย่ิงๆขึ้นไป การมคี วามเออ้ื เฟอื้ เผอ่ื แผ่แบง่ ปนั กับคน ๗.รู้จักคนอื่นตามเปน็ จริง ทเี่ ปน็ กลั ยาณมติ ร ซึง่ มีศีลธรรมประจาใจ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในความแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยง่ิ กับพระอรยิ สงฆส์ าวกผู้เปน็ แห่งบคุ คลว่า โดยอธั ยาศยั ความสามารถ และ เนอื้ นาบุญอันยอดเยี่ยม แลว้ รูจ้ ักตง้ั จติ อธษิ ฐาน คุณธรรม เป็นตน้ วา่ เขาเป็นใคร และรทู้ ่จี ะ หรอื ตงั้ ความปรารถนาวา่ “ขออานิสงส์แห่งทานท่ี ข้าพเจ้าทาในครง้ั นี้ จงเปน็ เหตุปัจจยั ใหข้ า้ พเจา้ ได้ ปฏิบตั ติ ่อบุคคลนัน้ ๆ ดว้ ยดีว่า ควรจะคบหรอื ไม่ จะใชจ้ ะตาหนิ ยกยอ่ ง หรอื ให้คาแนะนาสง่ั สอน ๑๐ ข.ุ อป. (แปล) ๓๒/๕๖ สารีปุตตเถราปทาน อยา่ งไร เป็นตน้
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๘๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจา้ ๘.สรรเสรญิ คณุ พระอริยเจา้ มสี ารวมระวงั ในศีลไม่ใหผ้ ิดพลาดเสียหาย หมัน่ สวดพทุ ธมนต์ หรือสวดพระปรติ ร ไมล่ ะเมิดสิกขาบทน้อยใหญ่ อยูเ่ สมอ เพราะการสวดพทุ ธมนตส์ าธยายธรรม ยินดพี อใจในเพศบรรพชิต ไมค่ ิดจะสึก คือ การกลา่ วสรรเสริญคุณของพระอริยเจา้ ดว้ ย ออกไปเป็นคฤหัสถ์ ความเคารพศรัทธา ถา้ หากการพูดตาหนติ เิ ตียน สง่ เสริมสุขภาพกายและจติ ช่วยทาให้ พระอริยเจา้ มีโทษมาก เป็นบาปหนกั ทาใหค้ น ร่างกายแข็งแรง ไม่มโี รคภัยเบยี ดเบียน จิตใจ นั้นมอี ันเปน็ ไปตา่ งๆได้ ในทางตรงขา้ ม การ เข้มแขง็ ตงั้ มั่น ไม่หวน่ั ไหวในโลกธรรม ไม่แสดง สรรเสริญคุณพระอรยิ เจา้ ย่อมมีสว่ นแหง่ บุญ อาการข้ึนลงเมื่อโดนกระทบ เอนกอนันต์ มีอานสิ งสย์ ่ิงใหญไ่ พศาล ประมาณ มคี วามเจริญรุ่งเรอื งในทางโลกด้วย ไมไ่ ด้เชน่ กนั กจิ การงาน โภคสมบัติ ยศ เกียรติ ตาแหน่ง และ เพราะฉะนั้น อานิสงสผ์ ลบญุ ทเี่ กิดจาก ญาติพี่น้อง มิตรและบรวิ าร มคี วามรกั ใคร่ปองดอง การกลา่ วสรรเสรญิ คณุ พระอริยสงฆ์สาวก เมื่อ สมานสามัคคี ไม่ทะเลาะววิ าทกัน เปรียบเทียบกบั หลักอริยุปวาท จะทาให้เกิด ปลอดภยั ในทรพั ยส์ ินเงนิ ทองจากภัย ประโยชนอ์ านสิ งส์ ดังน้ี ธรรมชาติและโจรขโมย ส่งเสรมิ ความก้าวหน้าในการบรรลธุ รรม ทาใหอ้ ายุมน่ั ขวญั ยืน ข้ันสงู เช่น มรรคผลและนิพพาน ขณะตาย มสี ติเขา้ ใจเร่ืองชีวิตหลังตาย คุณวเิ ศษ เชน่ ฌาน อภญิ ญาท่ีเคยได้ เปน็ อยา่ งดี ไมม่ คี วามสะดุ้งกลวั ตกใจ แลว้ จะก้าวหนา้ ยงิ่ ๆขน้ึ ไป ไมเ่ สื่อมถอย หลงั จากตายแลว้ ไปเกิดในสุคติโลก ทาให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในธรรมะอย่าง สวรรค์ตามบญุ บารมีท่ีทาไว้ ลึกซ้งึ แตกฉาน ชานาญในปฏิสัมภทิ าญาณและมี เมอ่ื ได้เสริมสรา้ งคุณธรรมเหล่านใ้ี ห้เกดิ ปฏภิ าณไหวพริบในการแสดงธรรม เขา้ ใจธรรมวินยั อยา่ งถกู ต้องตรงตาม มีขึน้ ในใจแลว้ กจ็ ะกลายเป็นวคั ซีนค้มุ กนั ใจ ทา พุทธประสงค์ ไม่ตคี วามผิดเพี้ยน ผดิ พลาดจาก ให้จติ ใจมธี รรมะเป็นเครื่องคมุ้ กนั ระวงั ระไวมสี ติ อยูเ่ สมอ ย่อมเป็นไปไดย้ าก ทจ่ี ะประมาทพลาด หลักความจรงิ เกิดความศรัทธาเล่ือมใสในการประพฤติ พล้งั ทาผดิ ในเรือ่ งอริยุปวาทได้ ปฏบิ ัติธรรมสงู ยิ่งๆขึน้ ไปตามลาดบั จากศลี สู่สมาธิ และปัญญา เปล่ยี นจากกัลยาณปุถชุ นเปน็ อรยิ ชน ขั้นสูงสุด
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๘๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า สรุปอริยปุ วาทกรรม นเ้ี ลน่ งานอยู่ เพราะถกู บาปกรรมน้ปี กปดิ ทาให้ ทางแหง่ การทากรรม ๓ ทาง คอื จติ มดื บอด หลงผิดคดิ ไม่ได้ คาดไม่ถึงและที่ กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม บรรดากรรม สาคญั คือวา่ ไม่ร้จู กั วิธที ากรรมน้ีใหก้ ลับมา เหลา่ นี้ มโนกรรม ช่อื ว่า เปน็ กรรมหนกั ท่ีสดุ เป็นปกติ หรอื ไม่ฉลาดในการแก้ไข เพราะนิยตมจิ ฉาทฏิ ฐิ ซึ่งมโี ทษมาก ทาให้ตก บาปกรรมนีอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามหลักพุทธวิธี นรกยาวนานกว่า ๑ กัป จดั เป็นฝ่ายมโนกรรม ดว้ ยการสานกึ ผดิ และขอขมาโทษจากใจจริง อนนั ตรยิ กรรม ๕ มี ทาสงฆใ์ หแ้ ตกกนั ปญั หาชีวติ ต่างๆ จึงไม่หลุด เกดิ ซา้ แล้วซ้าอีก ประทุษร้ายพระพทุ ธเจา้ จนหอ้ พระโลหิต ฆ่าพระ แบบไมส่ ้นิ สุด จนทาให้เกิดความท้อแทแ้ ทบสิ้น อรหันต์ ฆ่าแม่และฆา่ พ่อ ในกรรมเหล่าน้ี สังฆ หวังหมดกาลังใจในการตอ่ สชู้ ีวติ เภท ทาให้สงฆแ์ ตกกนั น้ัน จดั เปน็ ฝา่ ยวจกี รรม เพราะฉะนน้ั การศกึ ษาเรยี นรู้ ทาความ ซ่ึงถือเปน็ บาปหนักที่สุด เนอื่ งจากทาให้ตกนรก เข้าใจใหถ้ กู ตอ้ งในเรื่องกรรมและวิบากกรรม ยาวนานถึง ๑ กัป กรรมอื่นนอกจากนจี้ ัดเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อรยิ ุปวาท ซ่งึ เป็นวจกี รรมที่ ฝ่ายกายกรรม คนเราผิดพลาดกนั ง่าย ทากันบ่อยเกอื บทกุ วัน ถ้าหากพิจารณาตามหลักธรรมท่กี ล่าว โดยไมร่ ู้ตวั และไมร่ ู้เท่าทัน จงึ เป็นสิง่ ทีด่ ีมี แลว้ ข้างต้นนี้ นอกจากนิยตมิจฉาทฏิ ฐิและสังฆ ประโยชนอ์ ย่างมาก เพราะจะทาให้เรา เภทแลว้ อริยปุ วาทกรรม ได้ชื่อวา่ เป็นกรรม ระมดั ระวังการพูดจามากขนึ้ ไมห่ ลงไปตาหนิ หนกั ทีส่ ุด แม้วา่ กรรมน้ี จะไมใ่ ช่อนันตริยกรรม วิพากษ์วจิ ารณ์ใครแบบส่งเดช แม้บางครง้ั เกิด หรือไม่เรียกวา่ อนันตรยิ กรรมก็ตาม แต่ถึงอย่าง ผิดพลาดพลงั้ ไป ก็รู้จกั วธิ ีแกไ้ ขกรรมได้ถกู ตอ้ ง นั้น พิษภยั อันตรายทเี่ กิดข้ึนจากอรยิ ปุ วาทกรรม อยา่ งน้อย ทายังเปลีย่ นหนักเป็นเบา เปล่ียนร้าย นน้ั นบั ว่ามโี ทษมาก เป็นบาปมหันต์เหมอื น ใหก้ ลายเป็นดี ไม่ต้องมาเสยี เวลาชดใช้แบบ อนันตริยกรรมเช่นกัน หากแต่วา่ คานี้ ชาวพุทธ เตม็ ๆอยา่ งเจ็บปวดทรมานแสนสาหสั โดยไม่ ส่วนใหญ่ จะไม่คนุ้ หู บางท่าน อาจจะเคยไดย้ ิน จาเปน็ ได้ฟังมาบ้าง เม่ือไมไ่ ดศ้ ึกษาเรียนรทู้ าความ โดยเฉพาะในสงั คมยคุ ปัจจุบัน ซึ่งเต็มไป เขา้ ใจอย่างลึกซ้ึงแจม่ แจ้ง จึงไม่เห็นความสาคญั ดว้ ยการเย้ือแยง่ แข่งขัน ชงิ ดีชิงเด่นเอารัดเอา และมองข้ามไป แตพ่ อเมอื่ วบิ ากกรรมท่เี กิดจาก เปรียบและแขง่ ขันกนั นับถอื เงินทองเป็นเร่อื ง อรยิ ุปวาทสง่ ผล ออกฤทธ์ิ ทาให้ชวี ติ ลม้ เหลว ใหญ่ ถือศักดิศ์ รี หนา้ ตา ชือ่ เสยี งเปน็ เรื่องสาคญั ตกตา่ อาภพั อับโชค การเงนิ ตดิ ขดั ความรกั บ้ายศ หลงอานาจ ชอบพดู เอาดใี ส่ตัว ปดั ความ สะดุด เกดิ ปัญหาสารพัด การงานมอี ุปสรรค ชว่ั ให้คนอ่ืน ชาวพุทธส่วนใหญแ่ มจ้ ะเชอื่ เร่ืองกฎ ขัดขวาง สขุ ภาพยา่ แย่ มีอนั เป็นไปต่างๆนานา แหง่ กรรมกจ็ ริง แตเ่ พราะไมร่ ซู้ ้ึงในรายละเอียด แม้การศกึ ษาและปฏิบัติธรรมกไ็ ม่กา้ วหน้า ถงึ จงึ สรา้ งบาปกรรมด้วยปากโดยไมร่ ตู้ ัว อย่างนัน้ ก็ยงั ไม่รู้เทา่ ทันว่ากาลังโดนวบิ ากกรรม
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๘๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า เพราะฉะน้ัน ผู้ที่ชอบคิดจับผิด เพง่ โทษ เมตตา ความหวงั ดี ปรารถนาดจี ากใจจรงิ ๆหรอื พดู พลอ่ ย ปากไว หูเบาเชื่อข่าวลอื พูดตาหนิติ เปลา่ ในขณะทพ่ี ดู นั้น จติ ใจมอี คตลิ าเอียง มี เตียน วพิ ากษ์วิจารณส์ ถาบนั สงฆ์ นกั บวช หรือผู้ ความโกรธแอบแฟง ถูกกบั กาละเทศ เวลา ปฏบิ ัติธรรมทัง้ หลาย พูดดูหมิน่ พระธรรม เห็นว่า สถานท่แี ละบคุ คลหรอื ไม่ เมื่อชง่ั วดั ใจของ วา่ คมั ภีรพ์ ระไตรปฎิ กได้ผา่ นการสงั คายนามา ตนเองดแี ลว้ พูดตักเตอื นไปด้วยปัญญาที่ หลายครัง้ แล้ว เชือ่ ถอื ไม่ค่อยได้ รวมถงึ การพูด ไตร่ตรองพิจารณารอบคอบเช่นนี้ ยอ่ มปลอดภยั ตาหนิ พูดดา่ ว่าพ่อหรือแม่ซึ่งเปรยี บเสมือนเปน็ และมแี ต่ประโยชน์อย่างเดยี ว พระอรหนั ตใ์ นบ้าน โดยไมร่ สู้ ึกตวั วา่ วจกี รรม ถ้าหากการพดู ตาหนติ ิเตยี น พดู ดา่ ว่าพระ ชนดิ น้ีมโี ทษมาก เป็นบาปหนกั สามารถ อรยิ เจา้ มโี ทษมาก เปน็ บาปมหนั ต์ สามารถสง่ ผล ส่งผลแบบฉบั พลนั ทนั ตาภายในชาติน้ี ถงึ แม้ ฉบั พลนั ทันตาได้จรงิ ในทางตรงขา้ ม การกลา่ ว บุคคลที่ตนเองพดู ตาหนติ เิ ตยี นน้ัน จะมี สรรเสรญิ คณุ ของพระอริยเจา้ เช่น การสวดมนต์ ความผิดจริง หรือมสี ว่ นบกพรอ่ งอย่บู า้ ง แต่หาก ไหว้พระ การสวดพระปรติ ร หรอื การท่องบน่ เราทาไปดว้ ยใจไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ มอี คตลิ าเอียงหรือ สาธยายพทุ ธมนต์ดว้ ยความศรัทธาเลื่อมใส ด้วยใจ ความไมพ่ อใจแอบแฟง ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ โทษจาก ทช่ี น่ื ชม กต็ ้องมคี ุณมาก เป็นบญุ เอนกอนันต์ มี วจีกรรมน้ันได้ ไมม่ ากก็น้อย เพราะวสิ ัยของ อานสิ งส์มากมายมหาศาล และสามารถสง่ ผล ปุถชุ นนั้น จะพดู ดว้ ยใจทีบ่ ริสทุ ธ์ิจรงิ ๆอย่างเดยี ว อย่างฉบั พลันทันตาได้เหมือนกันฉนั นั้น น้นั เป็นส่ิงท่ีเกดิ ขน้ึ ไดย้ าก และพระอริยเจ้า เพราะฉะนนั้ บคุ คลผหู้ วังความสุข ความ ท้ังหลาย ย่อมไม่ทาเชน่ น้ัน เจริญรุ่งเรอื งในชีวิต ท้ังทางโลกและทางธรรม หาก แม้วา่ ในบางกรณี พระสงฆ์หรือบุคคลท่ี รูต้ วั ว่า เคยทาอริยปุ วาทกรรมกับใครไว้ พงึ รบี เราวิพากษว์ ิจารณ์นั้น จะไมไ่ ด้เปน็ พระอริยเจ้า สานึกผิด แลว้ ขอขมาโทษทา่ นเสยี พงึ หยุดและ จริงๆ แต่ทา่ นเหลา่ เหลา่ นน้ั อาจจะกาลังจะ หลีกเล่ยี งการวพิ ากษว์ ิจารณ์ การพูดด่าวา่ พูด ปฏบิ ัตธิ รรมเพื่อเป็นพระโสดาบนั ก็เปน็ ได้ การ ตาหนติ ิเตียน พูดปรามาส สบประมาทสาปแชง่ พระ พูดตาหนิตเิ ตยี นบุคคลเชน่ นัน้ ยอ่ มเป็นอนั ตราย อรยิ เจา้ ทั้งหลาย หรือผู้ศึกษาและปฏิบัตธิ รรม และมีโทษมากอยู่ดี เพราะพูดตาหนคิ นไม่มีศลี ทั้งหลาย รวมถงึ พอ่ แม่ผเู้ ปรยี บเสมอื นเป็นพระ เป็นบาป ๑ พัน ด่าวา่ คนมศี ีล ๕ เป็นบาป ๑ อรหนั ตใ์ นบา้ นอีกต่อไป เปลย่ี นมาเปน็ พดู ยกย่อง แสน พูดลว่ งเกนิ ผมู้ ีศีล ๑๐ หรือ ศีล ๒๒๗ กเ็ ป็น สรรเสรญิ คุณของท่าน และหมั่นสวดพุทธมนต์ บาปเพ่มิ ทวคี ูณ ย่งิ พดู ตาหนิติเตยี นพระสงฆ์ที่ สาธยายธรรมด้วยใจที่เลื่อมใสศรทั ธา แล้วจะนามา ไดฌ้ านอภิญญา ยิ่งบาปหนักหลายลา้ นเท่า ซ่งึ ความสวัสดีมีชยั อยเู่ ย็นเปน็ สุข ไร้ทกุ ขเ์ วรภัย ดงั น้นั ถ้าหากเราจะพดู ตาหนติ ิเตียน พดู แมเ้ สนียดจัญไร อุปทั วนั ตราย ก็จะมลายพลัน วิพากษ์วิจารณห์ รอื ว่ากล่าวตกั เตอื นใคร พึงตอ้ ง ช่งั วัดใจตัวเองให้ดกี ่อนวา่ ได้ทาไปดว้ ยความ
แกก้ รรมตามพุทธวิธี ...ภกิ ษทุ ง้ั หลาย หม้อท่คี ว่า นา่้ ย่อมไหลออกอย่างเดียว ไมไ่ หลเข้า แม้ฉนั ใด ภกิ ษกุ ็ฉนั นัน้ เหมอื นกัน เมื่อเจรญิ อริยมรรคมีองค์ ๘ ทา่ อริยมรรคมอี งค์ ๘ ใหม้ าก ยอ่ มคายบาปอกุศลธรรมออกอยา่ งเดียว ไมใ่ ห้กลบั มา...ฉนั น้นั กมุ ภสูตร สงั .มหา.(แปล) ๑๙/๘๓
ธรรมทาน : เมล็ดพนั ธแ์ุ ห่งพุทธะ การถวายหนงั สอื ธรรมะ ช่ือว่า เป็นการส่งเสรมิ สนับสนนุ การเผยแผพ่ ทุ ธธรรม การเผยแผ่ธรรมะ คือ การใหธ้ รรมทาน การให้ธรรมะ เปน็ การให้สิ่งล่า้ คา่ ประเสรฐิ สงู สุดกวา่ การให้อื่นใด ชอื่ ว่าใหเ้ มลด็ พนั ธแุ์ หง่ ศลี สมาธิ ปญั ญา เป็นการใหอ้ มตะใหเ้ มลด็ พันธ์แุ ห่งพทุ ธะ ผูใ้ ห้เมล็ดพนั ธุ์แหง่ พุทธธรรม ย่อมมสี ่วนแห่งการตรัสร้ธู รรม มีสว่ นแห่งมรรคผลและนพิ พาน เหมอื นบุคคลปลกู พชื ชนดิ ใด ยอ่ มไดผ้ ลชนิดน้ันแนน่ อน ดังน้นั บุคคลผู้ได้บม่ เพาะเมลด็ พันธแุ์ ห่งพทุ ธะ เมลด็ พันธุ์แห่งความรตู้ ื่นเบกิ บาน เมลด็ พันธแ์ุ ห่งความสะอาด สงบ สวา่ ง เมล็ดพันธ์ุแห่งความโชคดมี ีชัย ลงในจิตวิญญาณของตัวเองซง่ึ เปรยี บเสมอื นพ้ืนดินอนั อุดมสมบรู ณ์ดีแล้ว ครน้ั ถึงเวลาทเ่ี มล็ดพันธแุ์ ห่งบญุ นเี้ จรญิ งอกงาม เตบิ โต แผ่กิ่งก้านสาขา ผลดิ อกออกผลเปน็ บญุ นิธิ เปน็ บ่อเกดิ แห่งความสุขอันเลิศล่า้ ท้งั ในชาติน้ีชาติหน้าและภพชาติต่อๆไป เปน็ เหตุปัจจัยนา่ ไปสคู่ วามเป็นผูย้ ิง่ ใหญ่และล่้าเลิศท้งั ในมนษุ ย์และเทวดา และเป็นอปุ นิสัยแหง่ การบรรลุธรรม ซึ่งเปน็ ผลอนั ล่า้ เลิศประเสริฐสงู สดุ ในทุกภพชาติที่เกิด ขอใหบ้ ุคคลผ้มู สี ่วนแหง่ ธรรมทานในคร้ังนี้ จงเจริญร่งุ เรอื งทัง้ ทางโลกและทางธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรมโดยถว้ นหน้ากนั ขอผู้แสวงบุญและใฝธ่ รรมทกุ ท่าน จงเกดิ ความปลาบปลืม้ ดมื่ ด่า เกดิ ความปีติ ความปราโมทย์ ความรื่นเรงิ บันเทงิ ใจ ในธรรมท่ีพระอรยิ เจา้ ท้ังหลายประกาศแลว้ ทุกเมื่อเทอญฯ
รายชอ่ื ผรู้ ว่ มสมบททนุ บรจิ าคพมิ พ์หนังสืออริยุปวาท ๒ คณุ ศตวรรษ เจริญคงวุฒิ คณุ จริ าภรณ์ ธัญญพานชิ ย์ พระสมบัติ ปามั่น(เปรยี ญ)และครอบครัว คุณศรีสวัสด์ิ นุราชและครอบครัว,คุณปกรณพ์ ิทย์ Albright คุณวันเพญ็ (ต่งิ ) วิรทั ธิโกวิท, คุณรัตนา(ออ๋ ย)สวา่ งเนตรและดนพ (อุย้ ) คุณนรสิ รา(ป๋มุ ) & Thong Chau คณุ เสรี ตรี ถะและครอบครวั , คณุ ขตั ติยะ (หนง่ึ ) คุณทองใส Pecoragorskiและครอบครวั ,คุณพูนทรพั ย์ Winter พรอ้ มครอบครัว คุณรงุ่ ทิวา เมฆสว่ นและครอบครวั คณุ ลดั ดา(แอด๊ )รตั นานุภาพ,ด.ญ. ทวาย มณั โร คุณพาส,คุณมะลิ พลดาหาญ พ่อคาบด แม่ดอกแก้ว คาวงศา,คุณแววมะณี(แนท็ ) Krystal คาวงศา คุณสมสว่ น & Jeffrey Van Hook,ดร.บญุ เกิด Thai Satay Restaurant, Jarurin Pua, Alisa Hansford Jenjira (Jen) Telios, คุณนิตยา Aquino คณุ ลกั ษณา เชาวน์รัตนะและครอบครวั คุณปิยะรัตน(์ รตั น์)และครอบครวั คุณอริชยั ศิลปสุวรรณ, คุณสริ ยิ ง่ิ (เด่น) อทุ ิศแด่สมธิ (ลูกชาย) ศิลปสวุ รรณ นายวิลเล่ยี ม ฟรานซิส คลอส,นางระวีวรรณ วงษ์เมือง คลอส คณุ ชาติ (หนุ่ม) คณุ แจง, คณุ เวียงสวรรค(์ เวียง) คณุ เบน คณุ ดลไพร สงั คปรชี า, ชฎาภรณ-์ อัลเบิรต์ มอณทโิ นล่า รา้ น AA Tool (Las Vegas, NV USA) คุณพมิ พ์พฒั น์ ดแี จม่ และครอบครัว ธวัชชัย โลมะจนั ทรแ์ ละครอบครวั ขออนโุ มทนาบญุ ในกุศลเจตนาของทุกทา่ น ขอให้มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ทัง้ ทางโลกและทางธรรมตลอดกาลนานเทอญฯ
โครงการธรรมะสขี าว ศึกษาและปฏบิ ตั ิธรรมตามพระไตรปิฎก กจิ กรรมประจำสปั ดำห์ ทกุ วนั จนั ทร์-อังคำร เมนูธรรมะ อำหำรสุขภำพใจ ขอขมากรรม ชาระใจให้สะอาดเพื่อรองรบั ธรรมะท่บี ริสทุ ธ์ิ กลา่ วคาปฏญิ าณตนถงึ ไตรสรณะและสมาทานศีล ๕ สวดพทุ ธมนต์-สาธยายธรรม เพือ่ น้อมนาใจให้รู้ตื่น เบกิ บาน ศึกษาธรรมจากพระสตู รต่างๆ ธรรมะบุฟเฟต์ ธรรมะตามคาขอ สนทนาถาม-ตอบปัญหาธรรมะทน่ี ่ารู้ แลกเปลยี่ นประสบการณก์ ารปฏิบตั ิธรรม เรยี นรู้วิธโี ยนิโสมนสิการ(คิดวปิ ัสสนา ฉลาดคดิ เป็นนายของความคิด) สมาธแิ ละวปิ ัสสนาภาวนา เงียบสงบเพอ่ื ค้นพบพุทธภาวะ แผ่เมตตาพรหมวิหาร อุทศิ ส่วนบุญ เตมิ ใจให้มพี ลังดว้ ยความปรารถนาดตี อ่ ทกุ ชีวิต แล้ว แผก่ ระจายพลงั แหง่ บุญเพอ่ื สนั ตสิ ขุ แห่งใจมนุษยแ์ ละสตั วโ์ ลกท้งั มวล สนทนาธรรมวันละนดิ ... จิตแจม่ ใส ฟังไว้กาไรชวี ติ ฟังวนั ละนดิ จติ ชุ่มฉ่า รไู้ ว้ใช่ว่า ใส่บา่ แบกหาม จดจาใสใ่ จ นาไปปฏบิ ตั ิ แล้วจะรู้ชดั ตามเปน็ จริงวา่ “ชวี ิต คือ ธรรมะ” รกั ธรรมะ ตอ้ งศึกษาพทุ ธธรรม รจู้ ักเปลีย่ นวธิ คี ดิ ชีวิตคณุ จะเปล่ยี นแปลง กินยาถกู โรค ทาดีทอ็ กซ์ถูกวธิ ี แกก้ รรมถกู จุด ปฏิบัติธรรมถูกหลัก ย่อมเหน็ ผลทันตำ อนุศาสนีย์ปาฏหิ ารยิ แ์ ห่งธรรมะ...ยังรอท่านมาพสิ จู น์
อาชีพมืด..เงินไมบ่ รสิ ทุ ธ์ิ..ชีวติ สะดุด..และทางหลุดพ้น ...แด่ทา่ นผู้กาลังแสวงหาคาตอบ... ที่ได้มาจากอาชพี ปล่อยเงินกู้ การเล่นแชร์ เลน่ หวย เล่นหุ้น เลน่ การพนนั ขายบรกิ ารทางเพศ ขายยา เสพตดิ ทุกชนดิ หรอื เงินท่ีได้มาจากการติดสินบน ฉอ้ โกงตม้ ตุ๋นหลอกลวง รบั จ้างทาวทิ ยานิพนธ์ งานแปลเอกสาร ตา่ งๆ ซ่ึงคา่ ตอบแทนได้มาแบบโกง่ ราคามากเกินควรหรือเขาไมไ่ ด้ให้ดว้ ยความเตม็ ใจ แตใ่ ห้แบบจาใจและจายอม รวมถงึ มรดกทไ่ี ด้มาจากพอ่ แม่หรือจากญาตพิ ี่น้องซ่ึงไมเ่ ต็มใจแบ่งปันให้ หรือได้มาเพราะเลห่ เ์ พทุบายอย่างใดอย่าง หน่ึงกต็ าม เงนิ ท่ีไดม้ าจากอาชพี เหล่าน้ี หรือลักษณะน้ี ถือวา่ เป็นเงนิ บาป เปน็ ของร้อน เป็นเงนิ ไมบ่ รสิ ุทธ์ิ ไดม้ า งา่ ยไปงา่ ย ไดม้ าเร็วไปเรว็ เมอื่ เอาไปลงทนุ ทาธรุ กจิ ตา่ งๆ จะมเี หตุทาให้ มีปัญหาอปุ สรรคติดขัด มอี ันเป็นไป เจ๊ง ขาดทุน ถกู โกง ถูกหลอก หรือสูญหาย แมใ้ นกรณีผ้ชู าย-ผู้หญิงบางคนไมซ่ ื่อสตั ย์จรงิ ใจ เหน็ แก่ได้ ใช้เสนห่ เ์ ล่ห์มายา หลอกเอาเงนิ มาจากคนทต่ี น ไมไ่ ดร้ ัก เช่น ภรรยา สามี แฟนหรือก๊ิก เปน็ ต้น นาไปปรนเปรอบาเรอคนท่ตี นรัก ในท้ายที่สดุ กห็ นีไมพ่ น้ จากกฎ แห่งกรรม คือ จะโดนสวมเขา ถกู หลอกหรอื ถูกปอกลอกจนหมดตัว แถมมหี นสี้ ินตดิ พ่วงมาด้วยจากน้ามือของคนที่ ตนหลงภักดี ทง้ั น้ีน้ัน เพราะเงนิ หรือสงิ่ ของทไี่ ด้มาไมบ่ รสิ ทุ ธ์ิ มันเปน็ ของรอ้ น! จะถือครอบครองเป็นเจ้าของไดไ้ ม่ นาน ตอ้ งมีเหตุใหเ้ ป็นไป พินาศหายนะไม่อยกู่ ับเรายง่ั ยืนนาน... ท่ีกาลงั หลงเดินเวียนวนอยบู่ นเส้นทางสายมืดนีโ้ ดยไมม่ ีทางออก ธรรมะเทา่ น้ันที่จะให้คาตอบและชี้ ทางออกสาหรบั ปัญหาชวี ติ นี้ได้ เพยี งแคเ่ ปิดแงม้ ประตูหัวใจใหก้ ว้างพอ แสงแหง่ โพธิธรรม กพ็ ร้อมทีจ่ ะสาดสอ่ ง ชท้ี างสว่างไสวแกท่ า่ นผู้ใฝห่ าสัจธรรมอยู่เสมอ หมายเหตุ : คัดลอกมาจากหนงั สอื อรยิ ปุ วาท เล่ม ๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า โดย บ. สยังวสี หน้า ๗๗
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218