อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๒๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ การดา่ พระสกิทาคามีทา่ นเดยี ว มโี ทษ อริยุปวาทและมจิ ฉาทิฏฐิ มากกวา่ ด่าพระโสดาบันร้อยท่าน การด่าพระ โสดาบันท่านเดียว มีโทษมากกว่าดา่ ดาบสผู้ได้ ภิกษุทง้ั หลาย เราได้เหน็ เหล่าสตั วท์ ่ปี ระกอบ ฌานและอภิญญา ๕ ประมาณ ๗ ท่านพร้อม กายทุจริต วจที ุจริต และมโนทจุ ริต กล่าวร้ายพระอริยะ สาวกหลายรอ้ ย การดา่ ดาบสผู้ทรงฌานและ มคี วามเห็นผิดและชักชวนผู้อ่ืนให้ทากรรมตามความเหน็ อภญิ ญาทา่ นเดียว มีโทษมากกวา่ ดา่ พวกปถุ ชุ น ผิด หลงั จากตายแลว้ จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต คนทัว่ ไปหลายแสนทา่ น และการด่าปถุ ุชนคนมี นรก เรือ่ งนี้ เราหาไดก้ ล่าวเพราะรับฟงั มาจากสมณะ ศีล ๕ ข้อ มโี ทษมากกว่าด่าปถุ ชุ นผู้มีศีล ๑ ขอ้ หรอื พราหมณ์อื่น ๆ ไม่ ภกิ ษทุ ั้งหลาย ที่แทแ้ ลว้ เรารู้ การด่าวา่ ปถุ ชุ นผู้ไมม่ ีศีล มโี ทษมากกวา่ ดา่ สตั ว์ เอง เห็นเอง ทราบเองทั้งนั้น เดรจั ฉาน เปน็ ต้น ข.ุ อติ ิ. (แปล) ๒๕/๔๒๗ มจิ ฉาทฏิ ฐกิ สูตร กรรมลขิ ิต ชวี ติ เปน็ ไปตามกรรม ภิกษุทงั้ หลาย เราได้เหน็ เหล่าสตั ว์ที่ประกอบ กายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจรติ กลา่ วร้ายพระ อรยิ ะ มีความเห็นผิด และชกั ชวนผอู้ ืน่ ให้ทากรรม ตามความเหน็ ผิด หลงั จากตายแล้ว จะไปเกดิ ใน อบาย ทุคติ วนิ ิบาต นรก... บคุ คลในโลกน้ตี ้งั จิตไวผ้ ดิ กลา่ ววาจาผิด ทาการงานทางกายที่ผดิ มีความขวนขวายนอ้ ย ทา กรรมอนั ไมเ่ ป็นบุญไวใ้ นชวี ิตอันน้อยในโลกน้ี เขามี ปญั ญาทราม หลังจากตายแลว้ จะไปเกิดในนรก พระมาลัย (พระมาลยั เทวเถระ) พระอรหนั ตข์ ีณาสพ แหง่ ข.ุ อติ ิ. (แปล) ๒๕/๔๒๗ ตามพปณั ณิทวีป (ปัจจุบันเรียกประเทศศรีลงั กา) เป็นผู้มี มิจฉาทิฏฐกิ สตู ร บญุ ญานุภาพ และฤทธเิ์ ดชเกรกิ ไกร มีเกยี รตคิ ณุ แผไ่ พศาล เกดิ ใน ราว พ.ศ. ๙๐๐ ท่านสามารถไปโปรดสตั ว์ทเี่ มืองสวรรคแ์ ละนรก ไดเ้ หมอื นทา่ นพระมหาโมคคัลลานะอัครสาวกเบอ้ื งซา้ ย ผเู้ ปน็ เลศิ ในทางอิทธฤิ ทธ์ิ
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๓๐ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า อรยิ ปุ วาท เรื่องที่ ๑ หญงิ โสเภณดี ่าภิกษุสงฆ๕์ ๕ ในเมอื งหตั ถินี แคว้นกุรุ มพี วกชาวบ้าน มากมายหลายคน พากันจดั เตรยี มวตั ถสุ ่ิงของ ต่างๆ เช่น งา ขา้ วสาร เนยใส เนยข้นและน้าผึ้ง กรณีตวั อย่าง เปน็ ตน้ เพื่อทาเป็นอาหาร ถวายมหาทานแด่ บุคคลผู้ทาอริยุปวาทกรรม ภกิ ษสุ งฆ์ซ่ึงเดินทางมาจากสถานทต่ี า่ งๆ เพ่อื ลง อุโบสถร่วมกันในอารามแหง่ หนง่ึ ที่เมืองน้ี ผลกรรมทีเ่ กิดจากอรยิ ุปวาทของแต่ละ มีหญงิ โสเภณีคนหนึ่ง ช่ือวา่ เสรณิ ี บุคคล ท่พี ดู ตาหนิพระอริยเจา้ สง่ ผลรุนแรงหนัก นางเปน็ คนไมม่ ีศรทั ธาเล่ือมใสในพระรัตนตรยั เบาไม่เหมอื นกนั และไมเ่ ทา่ กัน ท้งั นขี้ ้ึนอย่กู ับ มีแตค่ วามตระหนถ่ี ี่เหนยี ว แม้จะมใี ครมาชกั ชวน ฐานบุญเก่าท่ีเคยไดส้ ัง่ สมเอาไวแ้ ต่เดมิ กบั ร่วมทาทานหรอื อนุโมทนาบญุ เธอ กบ็ อกปฏเิ สธ เจตนาในการคดิ หรือพูดตาหนิล่วงเกนิ พระอรยิ ะ เขาไปทุกครงั้ และยงั พดู ตาหนติ เิ ตียนภกิ ษสุ งฆ์ นั้นเปน็ ฝ่ายมโนกรรมหรือวจีกรรม และพระ อกี วา่ “การถวายทานแกพ่ วกสมณะโล้น ไมม่ ี อรยิ บคุ คลท่ไี ดค้ ิดหรือพูดตาหนิติเตียนล่วงเกนิ ประโยชน์อะไรหรอก เพยี งแค่การบริจาค นัน้ ทา่ นมคี ุณธรรมคือ ศีล สมาธิ ปัญญาขนั้ ไหน สิ่งของเล็กนอ้ ย จะไดป้ ระโยชนอ์ ะไร” เป็นคฤหสั ถห์ รอื เปน็ บรรพชติ มคี ุณวิเศษข้นั ใด ต่อมาไมน่ าน นางไดส้ ้นิ ชีวิตลง แลว้ ไป เปน็ พระโสดาบนั พระสกิทาคามี พระ เกดิ เป็นเปรตผหู้ ญิง เปลือยกาย ไม่มเี ส้อื ผา้ อนาคามี พระอรหนั ต์ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ ปกปดิ และมีรา่ งกายผ่ายผอมเหลือเพยี ง หรอื เปน็ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ เมือ่ ได้พูด หนังห้มุ กระดูก ดแู ลว้ นา่ กลวั อย่างย่ิงท่ีหลงั คู ตาหนลิ ่วงเกินทา่ นไปแล้ว ได้สานึกผดิ และกล่าว แหง่ หนึ่ง ณ เมอื งปจั จนั ตะ คาขอขมาโทษตอ่ ท่านหรือยังไม่ไดท้ า ในเวลาต่อมา อุบาสกชาวเมอื งหัตถินี ในพระไตรปิฎกและอรรถกถาได้กลา่ วถึง คนหน่ึง เดนิ ทางไปค้าขายทีเ่ มอื งน้ัน ในตอนรุ่ง กรณีตวั อยา่ งของบุคคลผทู้ าอรยิ ปุ วาทกรรมไว้ สาง เขาได้ไปทาการคา้ ขายที่บริเวณหลังคูน้ัน ซึง่ ควรแก่การศกึ ษาอย่างมาก ดังนี้ นางเปรตตนนี้ พอเห็นเขา กจ็ าได้ จงึ มาปรากฏ ๕๕ ข.ุ เปต. (แปล) ๒๖/๒๔๑-๒๔๓ ดู เสรณิ ีเปติวตั ถุและอรรถกถา
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๓๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า ตวั ใหเ้ ห็น ฝ่ายอุบาสก พอเห็นนางเปรตนแี้ ล้ว ฝา่ ยนางเสรณิ ีเปรตตอบว่า “คณุ พเี่ จา้ ขา ได้ถามวา่ “เจา้ เปลือยร่างกาย ไมม่ ีเสื้อผา้ น่งุ ห่ม ดฉิ นั เป็นเปรต ตกทุกข์ไดย้ าก เพราะได้ทา มรี ูปรา่ งนา่ เกลียดน่ากลวั ซบู ผอม จนเห็นแต่ บาปกรรมเอาไว้ เม่ือตายจากโลกมนษุ ย์แล้ว จึง ซีโ่ ครงและเส้นเอ็น เจ้าเป็นใคร ทาไม มายนื ได้มาเกิดในเปรตโลก” อย่ทู น่ี ”ี้ อบุ าสก ถามต่อไปอีกว่า “เจา้ ได้ทา บาปกรรมอะไรไว้ เปน็ กายกรรม วจีกรรม หรอื มโนกรรม แล้วเพราะวบิ ากกรรมอะไร จงึ ทาให้ เจ้ามาเกดิ ในเปรตโลก” นางเสริณีเปรต ตอบวา่ “ดฉิ ัน มี ทรพั ยเ์ ยอะ แต่เก็บทรัพย์ไว้ใช้สว่ นตัว ประมาณ ครึง่ มาสก เพราะความตระหน่ีถ่ีเหนียว ถงึ มี เครื่องไทยธรรมอยู่ แต่ก็ไมไ่ ดท้ าบุญใหท้ านแก่ เหล่าสมณะเพือ่ เป็นที่พึ่งสาหรบั ตนอะไรๆเลย เมือ่ มาเกดิ เปน็ เปรต ในเวลากระหายนา้ ดิฉัน เดนิ ไปยังแมน่ ้า ซ่ึงกาลังไหลไป แต่แล้ว ทุก อยา่ งกก็ ลบั กลายเปน็ ของวา่ งเปลา่ ไมม่ ีน้า เหลือเพียงทราย ภพภมู ขิ องเปรต ในเวลาร้อน ดิฉันเดนิ เข้าไปเพื่อหลบแดด ใต้รม่ ไม้ แมร้ ม่ ไมก้ ลับกลายเปน็ เปลวแดดแผด ผู้ที่ตายไปเป็นเปรตในเปตวิสยั นัน้ ดารงชีพอยู่ เผามสี มั ผัสเร้ารอ้ น และเมอ่ื ลมพดั กไ็ มไ่ ดเ้ ย็น ด้วยผลทานท่พี วกญาตอิ ุทิศให้จากมนุษยโลกนี้ สบาย แตก่ ลับร้อนรุ้มดังเปลวเพลงิ แผดเผา น้าฝนตกลงมาในที่ดอนย่อมไหลไปสทู่ ล่ี มุ่ ฉนั ใด รา่ งกายของดิฉนั จนสุดท่ีจะอดทน และดิฉันเอง คงจะต้องกระหายนา้ อย่างนไี้ ปอกี ยาวนาน และ ทานทท่ี ายกอุทิศให้จากมนษุ ยโลกนี้ ไดร้ ับทกุ ขเวทนาตา่ งๆ อยา่ งสาหัสมากกวา่ น้ี ย่อมสาเร็จผลแน่นอนแกเ่ ปรตท้งั หลายฉนั น้นั เหมือนกัน หว้ งน้าท่ีเต็มย่อมยังสมุทรสาครให้เต็ม เพราะบาปกรรมท่พี ดู ตาหนภิ กิ ษเุ หลา่ น้ัน เป่ียมฉนั ใด ทานทีท่ ายกอทุ ิศให้จากมนุษยโลกนี้ คณุ พเ่ี จา้ ขา เมอ่ื คุณพี่ กลบั ไปถึงหัตถินี ย่อมสาเร็จแกเ่ ปรตทัง้ หลายฉนั น้ันเหมือนกัน... นครแล้ว กรณุ าช่วยเล่าเรอ่ื งนี้ให้มารดาดิฉนั ฟัง ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๑๗๐-๑๗๑ ด้วยนะ เจา้ คะ่ เพราะก่อนตาย ดิฉนั ได้ซอ่ น ตโิ รกุฑฑเปตวตั ถุ เงนิ ไวป้ ระมาณ ๔ แสนกหาปณะ ใตเ้ ตยี งนอน
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๓๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ โดยไม่ได้บอกใคร ฝากบอกให้มารดาของดิฉัน ข้อคดิ และคติธรรม จงเอาเงนิ จานวนเหลา่ น้ันไปใชส้ อยและทาบญุ ๑.ทาบาปเพราะปาก ใหท้ านตามเห็นสมควร แล้วโปรดอทุ ศิ ส่วนบุญมา นางเสริณี เป็นคนมิจฉาทิฏฐิ ตระหน่ี ไม่ ใหแ้ ก่ดฉิ ันบ้าง เพื่อดฉิ นั กจ็ ะได้พ้นจากความเปน็ มศี รัทธาเลือ่ มใสในพระรตั นตรัย แม้มีคนหวงั ดี เปรต และได้รบั ความสุขตามท่ปี รารถนา” มาชวนทาบุญให้ทาน นางก็ไมพ่ อใจ พดู ปฏเิ สธ อุบาสกพอ่ ค้าคนน้ัน ได้รบั ปากช่วยเป็น บอกปดั แถมซ้ายังดา่ พระอีกวา่ ทาบุญให้ ธุระในเร่อื งนใ้ี ห้ หลังจากทากจิ ทกุ อย่างเสร็จ ทานกบั พระไม่ได้ประโยชน์ ไมไ่ ดบ้ ุญ ทา เรยี บรอ้ ยแลว้ ได้เดนิ ทางกลับไปยังหัตถินีนคร แลว้ ขาดทนุ เงนิ หมดไม่เหลือ ในคมั ภรี ์ แล้วบอกเล่าเร่อื งราวท้งั หมดแกม่ ารดาของนาง พระไตรปิฎกและอรรถกถา แมจ้ ะไมไ่ ด้ระบุชดั ลง ฝ่ายมารดาของนางเปรต กไ็ ดท้ าบุญใหท้ านแด่ ไปว่า พระภิกษสุ งฆ์ทมี่ าลงอโุ บสถเ์ หล่านัน้ มี ภกิ ษุสงฆ์ แลว้ อุทิศส่วนกศุ ลผลบุญไปให้ เม่อื พระปถุ ชุ นก่รี ปู และมีพระอริยเจ้ากี่ท่าน ถงึ นางเสรณิ ีเปรตรับรแู้ ละอนุโมทนา ก็พ้นจาก อย่างน้นั ก็สามารถเทยี บหลกั ธรรมในเขตต ความเปน็ เปรต เป็นเทพธดิ าเปลยี่ นแปลงภพ สูตรไดว้ ่า การทาบุญกับผู้มศี ีลธรรมปฏบิ ัตติ าม ภูมิได้รับความสุขตามอัตภาพ แล้วมาปราฏตวั อริยมรรคมีองค์ ๘ ยอ่ มไดบ้ ุญมาก ฉนั ใด๕๖ แม้ ใหผ้ ้เู ป็นมารดาเห็นอกี คร้ัง การพูดตาหนิ ดหู มนิ่ ภิกษุผูม้ คี ณุ สมบัติเชน่ น้ัน ทางฝ่ายมารดา ได้นาเร่ืองนไี้ ปเลา่ ให้ ย่อมเปน็ บาปมาก เป็นกรรมหนกั เหมอื นกัน นาง ภกิ ษุท้งั หลายฟงั แล้วพวกภกิ ษุ กราบทลู เรื่อง เสรณิ ี ได้พดู ตาหนิพระสงฆ์ เปน็ การทาบาปดว้ ย นน้ั แดพ่ ระศาสดา พระพุทธองค์ทรงอาศัยเรื่องนี้ ปาก เข้าข่ายอรยิ ุปวาท เม่ือตายแลว้ จงึ เกิด ปรารภเหตุแสดงธรรมแก่พทุ ธบรษิ ัทท้ังหลาย เปน็ เปรต เปรตท่ีอยใู่ นฐานะท่จี ะรับส่วนบญุ ท่ผี ูอ้ ื่นอุทิศให้ เช่น ขุปปปิ าสกิ ๒. มรดกบาป เปรต เปรตทหี่ วิ กระหายอยู่เปน็ นติ ย์ วนั ตาสเปรต เปรตท่ีกินนา้ มูก นางเสริณี มีเงินทองมากมายท่ีเกบ็ สะสม นา้ ลายท่เี ขาบ้วนทง้ิ แลว้ ปรทัตตปู ชวี ิเปรต เปรตที่อาศยั อาหารทีค่ น ไดม้ าจากอาชพี โสเภณี แต่เพราะความตระหน่ี อืน่ เขาให้ นชิ ฌามตณั หิกเปรต เปรตทถ่ี กู ตัณหาแผดเผา เป็นตน้ และไม่เคยทาบุญใหท้ าน จิตจงึ ไม่นอ้ มไปท่ีจะใช้ (ขุ.ข.ุ อ. ๑๒/๑๙๐) เงินใหเ้ กดิ ประโยชน์กบั ตัวเองและครอบครวั ผล จากการด่าพระ บัน่ ทอนบญุ ทาใหอ้ ายสุ ั้น ชาวพทุ ธส่วนใหญ่ ยงั เขา้ ใจผดิ คิดว่า เปรตทร่ี ับสว่ นบญุ ท่ี ต่อมานางก็ไดส้ ิน้ ชีวิตลง เงนิ ทองกเ็ อาตดิ ตัวไป ญาตอิ ทุ ศิ ไปใหน้ นั้ เฉพาะปรทตั ตปู ชวี เิ ปรตอยา่ งเดียว แต่ความจริง แล้ว ยงั มเี ปรตอีก ๓ ประเภทที่รบั สว่ นบญุ ได้ ดังทปี่ รากฏในคัมภรี ์ ๕๖ อัง.อฏั ฐ.(แปล) ๒๓/๒๘๙ –๒๙๑ อรรถกถาดงั ที่กลา่ วแล้ว
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๓๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ ไม่ได้ ตอ้ งท้งิ เปน็ สมบตั ขิ องคนอื่น แตส่ ิง่ ที่ ทกุ อยา่ งจึงเป็นไปตามกฎแห่งการดงึ ดูดให้ไป ติดตามเธอไปคือ มรดกกรรม คือ สภาพจติ ใจที่ เกิดในภพภมู ทิ ี่เหมาะสมกับคณุ ภาพจติ ของ หยาบหรอื ประณตี ตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บงั คบั ไม่ได้ เปน็ ไป ในภูมเิ ปรต พวกเปรตทงั้ หลายมีความ เองโดยอตั โนมตั ิ เปรตท่ีมีบาปกรรมหนักตดิ มา ลาบากมาก เป็นอยู่อย่างอดๆอยากๆ อาหาร แมเ้ ห็นน้ากด็ ่ืมไมไ่ ด้ แม่นา้ ที่ปรากฏต่อหนา้ ก็ ของพวกเปรต คอื น้าลาย นา้ เหลอื ง นา้ เลอื ด หายไปเหลอื แตพ่ ้ืนทราย รม่ เงาที่ร่มเย็น ก็ เสลดของคนและจากซากศพที่ถกู ท้งิ ไวใ้ น กลายเปน็ เงาแดด ลมเย็น กลับกลายเปน็ ไอลม ป่าชา้ เพราะในภพภูมเิ ปรตนั้น ไม่มกี ารทาไร่ไถ รอ้ น เพราะบาปกรรมนั้นเป็นปัจจัย นา ไมม่ กี ารเลย้ี งวัวไวข้ าย ไมม่ ีการคา้ ขาย การ แลกเปลย่ี นซื้อขายดว้ ยเงินกไ็ มม่ ี แต่เปรตจะได้ ๓.สะพานบญุ อาหารอีกทางหนงึ่ คอื จากผลบุญทพี่ วกญาติ วิธีติดต่อกับผีสางเทวดาโอปปาติกะ ท่ี ทาทานแล้วอุทิศมาให๕้ ๗ แม้นางเสริณีเปรตตน คนท่วั ไปทากัน มดี งั น้ี นี้ ก็เปน็ เชน่ เดยี วกนั เพราะอกุศลกรรมท่ีเคยทา ผีถว้ ยแก้ว คอื เชิญโอปปาตกิ ะมา ไว้ในตอนเป็นมนุษย์ คือ อรยิ ปุ วาท ได้พูด บงั คบั แกว้ หรือเหรียญทใ่ี ช้ในขณะถามปญั หา ตาหนิพระ ดูถกู การทาบญุ ให้ทาน และ ในมหาศลี เรียกวา่ อาทาสปญั หา แตว่ ิธีนี้ ถ้าไม่ ตระหนไ่ี ม่เคยทาทานอะไรเลย เมือ่ ตายมาเป็น มคี รูอาจารยท์ เ่ี ชยี วชาญในสมาธิติดต่อกับ เปรต จึงไม่มีอาหารกิน หิวกระหายอยา่ งมาก เทวดาได้ชว่ ยควบคุมกากบั ไม่ควรทากันเอง แม้ยากดม่ื น้า(ในโลกโอปปาติกะ) กด็ ม่ื ไม่ได้ เพราะไมป่ ลอดภัย อาจจะทาใหถ้ ูกผีเขา้ ได้ง่าย เมื่อยามร้อน จะเข้าไปหลบแดดใต้ร่มไม้ ร่มเงา มาก จากประสบการณ์ของผู้เขียนมเี พอ่ื นหลาย ก็หายไป แมแ้ ต่ลมเย็นๆ ก็กลายเปน็ ลมรอ้ น คนที่เคยลองวิธีน้ี แล้วเป็นช่วงทีช่ ะตาไม่ดี เลย เพราะเคยปฏเิ สธและดูหม่ินผลของทาน ถกู ผีเข้า เป็นประสาท เพย้ี นๆอยู่หลายปถี งึ หาย เมอ่ื มาเกิดในโลกโอปปาตกิ ะซึง่ เกดิ จาก เปน็ ปกติ วิบากกรรมลว้ นๆ เป็นโลกทท่ี กุ อย่างเกดิ จากจติ ลงเจา้ เขา้ ทรง คือ อัญเชิญเทวดามา คอื เกดิ จากวิบากรรมท่ีอยใู่ นจิตซง่ึ ไดท้ าเอาไว้ เขา้ เด็กหญิงพรหมจรรยแ์ ล้วถามปัญหา วิธนี ้ีมี ในสมัยทเี่ ป็นมนุษย์ หากใครมีอกศุ ลกรรมอะไร ทั้งจรงิ และปลอม จากประสบการณ์ทผ่ี เู้ ขียนได้ ประสบพบมา สว่ นใหญ่ทไี่ มจ่ รงิ ประมาณสกั ๕๗ อัง.ทสก. (แปล)๒๔/๓๒๕ -๓๒๙,ชาณุสโสณิสูตรและอรรถกถา, ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ซ่งึ เชื่อถือไม่ได้ เขา้ ขา่ ยต้มตุน๋ ข.ุ เปต.(แปล)๒๖/๑๘๗-๑๘๙ สารีปุตตเถรมาตเุ ปตวิ ตั ถุ หลอกลวงเพื่อเงินทอง หรือในอดตี เคยทาไดจ้ ริง ขุ.เปต. (แปล) ๒๖/๑๗๐-๑๗๑ ติโรกุฑฑเปตวตั ถุ แตต่ อ่ มาภายหลงั จิตตก สมาธิเสือ่ ม ทาไม่ไดอ้ ีก สัง.ส.(แปล) ๑๕/๓๔๔-๓๔๕,ปยิ งั กรสูตร,ปนุ พั พสุสูตร
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๓๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจา้ แตเ่ มอื่ มีคนมาชว่ ยให้ลงทรง ก็เลยตามเลย อีก ของโอปปาตกิ ะได้ แต่การติดตอ่ กับ ๑๐ เปอร์เซ็นต์เป็นจริง แต่ยงั มีรายละเอียดอีกวา่ โอปปาติกะด้วยวิธีนี้ มีน้อยคนทีจ่ ะทาได้ ๗ เปอรเ์ ซน็ ต์ เป็นพวกเปรตอสรุ กายมาลงทรง เปน็ การยากมากที่จะหาคนซึ่งมีสมาธิได้ระดบั แตช่ อบแอบอ้างวา่ เป็นเทพองค์โน้นองคน์ ้ี มาตรฐานติดตอ่ สอ่ื สารพูดคุยกบั เทวดาได้ทกุ เพ่ือหากินกบั มนุษย์ อีก ๒ เปอรเ์ ซ็นต์ เปน็ ครง้ั ทต่ี ้องการอยา่ งไม่ผิดพลาด เทวดาช้ันตา่ ทล่ี งทรงเพราะอยากบาเพ็ญบารมี นางเสริณเี ปรตคงมบี ุญเก่าอย่บู ้าง อีกทั้ง เพอื่ มนุษย์บา้ ง อยากไดล้ าภสกั การะบ้าง สว่ น โชคดีทสี่ ามารถติดต่อ ส่อื สารกบั มนษุ ย์ได้โดย อีก ๑ เปอร์เซ็นต์ เป็นพวกเทพเจ้าชน้ั สูง มาปรากฏตวั ในช่วงเวลาเชา้ ตรู่ ไม่มแี สงสวา่ งจา้ ประเภทปญั ญาชน มาลงทรงเพื่อสอนธรรมะ และไม่ได้มดื เกนิ ไป โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ พ่อค้า หรือบอกกลา่ วตกั เตอื นเหตุการณ์ต่างๆและเพือ่ คนนี้ ต้องมีตาและหูเปน็ สื่อสมั ผสั พเิ ศษ จงึ รักษาโรคภัยไขเ้ จ็บให้กับมนษุ ย์ ในสมัย สามารถมองเหน็ และพูดคยุ กบั เปรตได้แบบเป็น พทุ ธกาลเรียกวิธีการเข้าทรงนี้วา่ กุมารปี ัญหา เรื่องเปน็ ราวเหมือนกบั คุยสนทนากบั มนษุ ยป์ กติ และเทวปญั หา เปน็ การอัญเชญิ เทวดามาเข้า สดุ ท้าย พวกพระสงฆ์ที่นางเคยดูถกู ร่างหญิงสาวหรือมนษุ ยเ์ พอื่ เป็นส่อื กลางในการ เอาไวใ้ นสมยั เป็นมนุษย์ ก็ไดช้ ่วยเป็นเนอ้ื นาบญุ ถามปญั หาต่างๆ ทีด่ ี อานวยให้ผลบุญทเ่ี ลิศให้เกิดข้นึ เมื่อเปรต ความฝัน วธิ ีน้ี เรยี กว่า เทวดาสงั หรณ์ ตนนรี้ ับร้แู ละอนโุ มทนา ทิพยส์ มบัตติ ่างๆ ก็จะ พวกโอปปาตกิ ะ สามารถมาตดิ ต่อสื่อสารกบั เกดิ ขน้ึ แก่นางตามสมควรแกก่ าลงั บญุ และ มนุษย์ไดผ้ า่ นความฝนั เพราะสภาวะจิตใน ปัญญา แลว้ จึงได้พ้นจากความเปน็ เปรต ขณะน้เี อ้อื ตอ่ การตดิ ตอ่ กับผสี างเทวดาไดง้ า่ ย ในเร่ืองการทาบุญอุทศิ ให้กบั เปรตผูท้ ี่ แต่ต้องระมัดระวังใหด้ ี เพราะเทวดาบางทา่ น เคยเป็นญาติของพระเจา้ พิมพสิ าร หรอื นางเปรต เป็นมจิ ฉาทิฏฐิ นิสยั ไม่ดี ขี้เล่น อาจจะมาหลอก ผู้ที่เคยเปน็ มารดาของท่านพระสารีบุตรในภพ ให้หลงเข้าใจผิดก็เปน็ ได้ แต่ถา้ เปน็ เทวดา ชาติทีผ่ า่ นมา กม็ ีนัยคล้ายกนั น้ี สมั มาทฏิ ฐิ มคี วามปรารถนาดตี อ่ มนุษย์ จะมา บอกขา่ ว เหตุดหี รอื รา้ ย หรือว่ามาตักเตือนชแี้ นะ ทางสมาธิ วิธีนมี้ ีคนทาไดท้ ่วั โลก บาง คนมพี รสวรรค์เรื่องนมี้ าตั้งแต่เกิด มีสมาธิดแี ละ มตี า หเู ป็นสือ่ กส็ ามารถมองเห็นและได้ยินเสียง ดู อรรถกถาพรหมชาลสูตร วา่ ด้วยมหาศีล
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๓๕ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ ไดไ้ ปพดู ตาหนิตเิ ตียน ดูหมน่ิ ดแู คลน ด่าทอภกิ ษุ อริยปุ วาท เรื่องท่ี ๒ เหล่านัน้ ว่า “พวกท่านอยูท่ ี่น่ี กไ็ ม่ได้สร้าง ประโยชนอ์ ะไร พากันกินขีน้ ่าจะดกี ว่ากนิ พระดา่ พระและโยมดา่ พระ๕๘ อาหารดๆี ท่ีโยมนามาถวาย” ต่อมาไม่นาน ภกิ ษเุ จา้ อาวาสรูปนั้น กไ็ ด้ ณ หมูบ่ า้ นแห่งหนึ่งซึ่งต้ังอยู่ไมไ่ กลจาก มรณภาพลง แล้วไปบังเกดิ เปน็ เปรตในเวจจ เมืองสาวตั ถีมากนัก มีอุบาสกคนหนง่ึ ผมู้ ีอันจะ กุฏี (สว้ มพระในสมยั โบราณ)ภายในวดั นน่ั เอง กิน (กุฎมุ พี) เป็นผ้มู ีจิตใจเลอื่ มใสศรทั ธาในพระ ฝา่ ยอบุ าสกผ้เู ป็นเจา้ ของวัด กไ็ ด้ส้ินชวี ติ ลงใน ศาสนา ได้สรา้ งวดั ถวายแด่ภกิ ษรุ ูปหนงึ่ ซง่ึ เวลาใกลเ้ คยี งกัน แล้วไปบงั เกดิ เปน็ เปรตอยู่ ตนเองมคี วามเคารพนบั ถือในฐานะเปน็ พระ ข้างบนเปรตพระนัน้ อีกทีหนงึ่ อาจารย์ ในเวลาต่อมา ได้มพี วกภกิ ษุ เดินทาง วันหนงึ่ ทา่ นพระมหาโมคคลั ลานะ มาจากชนบทตา่ งๆ แวะเขา้ มาพักอาศยั ในวดั อคั รสาวกเบ้ืองซ้ายเลศิ ทางฤทธิ์ ได้มาเหน็ เปรต แหง่ นเี้ พ่ิมจานวนมากขนึ้ พวกชาวบ้าน เม่อื ตนน้เี ขา้ จึงถามวา่ “อุบาสก เปน็ ใครกนั หนอ เห็นภิกษุเป็นจานวนมาก จงึ เกิดศรทั ธาเลื่อมใส โผลข่ ึน้ จากหลุมคูถ ยืนเศรา้ สร้อยอยู่ คงทากรรม พากันน้อมนาวตั ถุสง่ิ ของต่างๆอนั ประณีตไป ชั่วไว้โดยไม่ต้องสงสัย จะส่งเสียงรอ้ งครวญคราง ถวาย เพื่อทาบญุ ให้ทาน ไปทาไมเลา่ ” ภิกษเุ จ้าอาวาส เหน็ เหตกุ ารณ์เช่นนี้ เปรตน้นั ตอบว่า “พระคุณเจ้าขอรบั นานๆเข้า เกิดความอิจฉารษิ ยา ทนดไู มไ่ ด้ทเ่ี ห็น ข้าพเจ้าเกิดเป็นเปรตในยมโลก ได้รบั ความ พวกพระอาคนั ตกุ ะมาแย่งลาภสกั การะท่ตี นควร ลาบาก เพราะทากรรมช่ัวไว้ จงึ ตอ้ งจากโลกน้ไี ป จะได้ จึงโกรธไม่พอใจ คดิ หาทางกลั่นแกล้งให้ ยังเปตโลก” หนไี ปอยทู่ ่อี ่ืน จึงด่าพวกภิกษอุ าคนั ตกุ ะไปวา่ พระเถระ ถามต่อไปอกี วา่ “อบุ าสก ได้ “พวกท่านพากนั กินข้ี ยงั จะดีกวา่ กินอาหาร ทากรรมชั่วทางกาย วาจา ใจอะไรไวห้ รอื เพราะ อนั ประณตี เหล่าน”้ี เม่ือด่าอยา่ งนั้นแลว้ ยังไม่ ผลกรรมอะไร อบุ าสก จึงไดร้ บั ทกุ ขเ์ ชน่ นี้” สะใจพอ จงึ ไดไ้ ปฟอ้ งตอ่ อบุ าสกผเู้ ป็นเจ้าของวัด ฝา่ ยเปรต ตอบว่า “ในสมยั ที่เกิดเปน็ อีกทีหน่งึ โดยการพูดใสร่ า้ ยปา้ ยสีพวก พระ มนุษย์ ไดม้ ีภิกษรุ ูปหนึ่งอยู่ประจาในวดั ของ อาคนั ตกุ ะในทางเสียหายเพ่อื ใหเ้ ขาหลงเชอื่ ขา้ พเจ้า เป็นคนทมี่ กั ริษยา ตระหนี่ตระกลู ฝ่ายอบุ าสก ฟงั เรอ่ื งนั้นแล้ว ก็เห็นคลอ้ ยตาม จงึ ผูกขาดในเรอื นของขา้ พเจา้ มใี จคับแคบ มักด่า ว่าพวกภกิ ษอุ าคนั ตกุ ะ ขา้ พเจ้าหลงเชือ่ คา ๕๘ ข.ุ เปต. (แปล) ๒๖/๒๙๒-๒๙๓ คถู ขาทกเปตวตั ถุและอรรถกถา
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๓๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ของทา่ น ไดด้ า่ วา่ พวกภกิ ษุไปด้วย เพราะผล ตน จงึ คดิ หาทางกาจดั ให้พ้นจากสายตา กรรมนั้น ขา้ พเจ้า ตายแล้วมาเกดิ เป็นเปรต” เหมือนภิกษุเจา้ อาวาสรูปน้ี แมก้ าย จะบวชหม่ พระเถระ ถามวา่ “ภิกษผุ ู้คนุ้ เคยกบั ผ้ากาสาวพัสตรซ์ ึ่งเป็นธงชัยของพระอรหันต์ แต่ ตระกูลของทา่ นไมใ่ ช่มิตรแท้ เปน็ มติ รเทียม มี จิตใจยงั ไมส่ งู คณุ ธรรมยังไมเ่ พยี งพอ ยงั ไม่ได้ ปญั ญาทราม ตอนน้ี ภิกษรุ ปู น้ัน มรณภาพ รบั ความสุขอนั เกดิ จากฌานสมาบตั ิ จึงยินดตี อ่ แล้ว ไปเกดิ ทไี่ หนหรอื ” กามสุข แลว้ แพ้ใจตวั เอง หลงตดิ ในเหยอ่ื ลอ่ เปรตน้นั ได้ตอบไปวา่ “ภิกษุรปู นน้ั ไปเกิด สยบต่อลาภสกั การะเบญจกามคณุ จงึ หลงทา เป็นเปรตพระ เป็นผู้ปรนนบิ ัติรบั ใชข้ า้ พเจ้า บาปเพราะเห็นแก่ปากทอ้ ง ขา้ พเจา้ เองได้ยืนอย่บู นกระหม่อม(ศีรษะ)ของเปรต ซึ่งเคยเปน็ ภกิ ษุผูท้ ากรรมช่วั นัน้ แหละ พระคณุ เจา้ ๒.เปรตหลุมขี้ ขอรบั ผคู้ นทีถ่ ่ายอจุ จาระปสั สาวะลงไป ส่ิงน้ัน แม้บวชมานานจนได้เปน็ เจา้ อาวาส เปน็ อาหารของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเองถ่ายส่งิ และได้ปฏิบัตธิ รรมหลายปี แตเ่ พราะไมไ่ ด้ศกึ ษา ใดลงไป เปรตซ่ึงเคยเป็นภิกษุนนั้ ก็อาศยั สิ่งนน้ั กฎแห่งกรรมอย่างลกึ ซึ้ง เขา้ ไม่ถงึ แกน่ พทุ ธธรรม จึงถูกลาภสักกการะครอบงา เห็นคนท่ีเด่นกวา่ เลย้ี งชพี ” ต่อมา ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้ ตนเปน็ ศตั รูคูแ่ ข่ง คิดหาทางกาจดั โกรธไม่ กราบทูลเรื่องนแี้ ด่พระศาสดา พระพุทธองค์ ได้ พอใจ แล้วดา่ เพอื่ นสพรหมจารีดว้ ยกนั พอตาย ทรงนาเร่ืองน้ีมาช้ีแจงแก่พุทธบรษิ ัททั้งหลาย ไปแลว้ ก็เกิดเปน็ เปรตพระอยู่ภายใต้ฐานส้วม เพ่ือเป็นตวั อยา่ งของผลกรรมจากการดา่ ภกิ ษุผมู้ ี ในวัดที่ตนเองเคยเปน็ เจ้าอาวาส และกิน ศลี มโี ทษมาก อจุ จาระของเปรตตวั อย่ขู า้ งบนซ่ึงถา่ ยลงมาเปน็ อาหาร ข้อคิดและคตธิ รรม แม้อบุ าสก ผู้เปน็ โยมอปุ ฏั ฐาก ไดท้ าบุญ ๑.ทาบาปเพราะเหน็ แก่ปากท้อง ใหญ่ดว้ ยการสรา้ งวัดถวาย เป็นคนรวยทรัพย์ แมจ้ ะเข้ามาบวชเปน็ พระ ไดศ้ ึกษาธรรม ภายนอก แต่จนปญั ญาอันเปน็ ทรยั พภ์ ายใน วนิ ยั แต่เพราะยงั เขา้ ไมถ่ ึง ใจไมซ่ งึ้ ในธรรม ยงั แยกแยะชวั่ -ดี บาป-บญุ ไม่ออก เพราะอคติ หว่ันไหว ยึดติด จมปลักอยูก่ บั ลาภสกั การะซึง่ ลาเอียง เข้าข้างเจ้าอาวาส หลงเชอ่ื คนผิด จงึ เปรยี บเสมือนกิ่งใบของศาสนา แถมยังตระหนี่ เผลอใจไปด่าพระผ้มู ศี ีลมกี ัลยาณธรรม แมไ้ มร่ ู้ หวงแหนอาวาสทอ่ี ยูอ่ าศัย หวงญาตโิ ยมกลวั คน แนช่ ดั ว่าเปน็ พระอรยิ ะขั้นไหน แตท่ ่านเหลา่ นั้น อ่ืนมาแย่งไป เปน็ คนขอี้ ิจฉารษิ ยาประจาสนั ดาน กต็ ้องเป็นพระสาวกทมี่ ีความประพฤตดิ ปี ฏิบัติ ทนไม่ไดใ้ จมนั จะขาด เมือ่ เหน็ คนอนื่ ไดด้ กี ว่า ชอบแนน่ อน จึงเข้าขา่ ยเป็นอริยปุ วาท เปน็
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๓๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ บาปหนกั มีโทษไมน่ อ้ ย หลงั จากตายแล้ว จงึ มา พลาดพลั้งไปเพยี งนดิ ย่อมเปน็ บาปกรรม เสยี่ ง เกดิ เปน็ เปรตภายใตฐ้ านสว้ มภายในวัดน้นั มี ตอ่ ความหายนะในการดาเนินชีวิตและปฏิบัติ อุจจาระปัสสาวะเปน็ อาหารเชน่ กัน แต่ยนื อยู่บน ธรรมอกี ทงั้ มีแนวโน้มที่จะไปตกนรก เกิดเปน็ ศีรษะของภิกษุเจา้ อาวาสอีกทหี นง่ึ เปรตในชาติหน้าอกี ดว้ ย เร่อื งทานองนเ้ี คยเกิดมาขึ้นแลว้ ในสมยั พุทธกาล แมใ้ นยคุ ปัจจุบัน ก็ยังพอมตี วั อย่างให้ ๓.ทาบาปเหมือนกนั เหน็ อยทู่ ง้ั ในและตา่ งประเทศ คือ ฆราวาสญาติ แต่ได้รบั ผลไม่เทา่ กนั โยมบางคนทีม่ ีฐานะร่ารวยมเี งินทอง มีจติ บางท่านอาจจะสงสยั วา่ เพราะเหตใุ ด ศรัทธาในการสรา้ งวัด นมิ นต์พระภกิ ษุสงฆม์ า เปรตอบุ าสกท่านน้ี จงึ มอี านาจและอยู่สงู กว่า ประจาวัด ตอนแรก ก็ยังเกรงใจใหค้ วามเคารพ เปรตพระ คือ ยืนเหยียบศีรษะของเปรตพระอกี ที นบั ถือดีอยู่ แตน่ านๆเขา้ พอเกิดความคนุ้ เคย หน่งึ อกี ทั้งเปรตพระตนนยี้ งั ต้องมาเปน็ บรวิ าร แล้ว มกั นาวัตถุสิง่ ของเครื่องใช้ต่างๆของวดั ไป คอยรับใชเ้ ปรตอบุ าสกตนนด้ี ว้ ย ทั้งนี้เกิดจาก รบั ประทานและใชส้ อย แถมยังกลา้ ออกคาสั่ง วจกี รรมฝา่ ยอกศุ ล คือ พดู ตาหนติ เิ ตยี นดา่ ทอ แกมบังคบั ใช้พระทางาน วานชว่ ยหยิบโน่นนใ่ี ห้ ภกิ ษสุ งฆแ์ ละชกั ชวนคนอ่นื ใหด้ า่ ตามดว้ ย เพราะความคนุ้ เคยกันบ้าง รเู้ ทา่ ไม่ถึงการณบ์ ้าง ผลลพั ธ์ คือ ได้บาป ๔ เทา่ ดังน้ี บาปคร้ังแรก หรือบางแห่งมีการขับไลพ่ ระออกจากวัดท้งั คอื ดา่ ภิกษอุ าคันตุกะดว้ ยตนเอง บาปคร้งั ที่ ๒ โดยตรงและทางออ้ มด้วย เพราะคดิ วา่ พระขดั ใจ โดยชกั ชวนอุบาสกใหไ้ ปดา่ ดว้ ย บาปคร้ังท่ี ๓ หรือขดั ผลประโยชนข์ องพวกคณะกรรมการวัด เกิดความสะใจ หรือยินดีพอใจในบาปนนั้ และ เหตุการณ์อันน่าอดสูเช่นนี้ ไมน่ า่ จะเกิดกบั ชาว บาปครัง้ ที่ ๔ คอื ยกย่องสรรเสรญิ บาปนน้ั พทุ ธ หรอื คนทช่ี อบประกาศตัวเองว่าเป็นผู้ ส่วนอุบาสก ได้บาปน้อยกวา่ เพราะเพียง ปฏบิ ัติธรรม เขาเหล่านน้ั คงไมร่ ู้ตัววา่ จะสร้าง แคท่ าตาม และเขายงั มบี ุญอ่ืนอปุ ถัมภช์ ว่ ยเหลือ วดั เพ่อื เอาบุญกุศลหรอื เอาบาป จะสร้างวดั เพอ่ื ไว้ดว้ ย ทั้งน้เี พราะเคยสรา้ งวัดถวายสังฆาราม เป็นท่ีพกั อาศัยของพระสงฆ์ หรือ จะเปน็ เจา้ ซ่ึงมีอานิสงสส์ งู สดุ กว่าบรรดาการถวายทานที่ อาละวาดเสียเอง จะถวายความอปุ ถัมภบ์ ารงุ เป็นอามิสทานทงั้ ปวง๕๙ จึงสง่ ผลให้เป็นเปรตท่ี เพ่ือเปน็ สิรมิ งคลชีวิตและเสบียงบุญในขณะ มีอานาจเหนอื กวา่ เปรตพระ เหมอื นกบั โคปิกา ทอ่ งเทย่ี วอยใู่ นสังสารวัฏหรอื เพือ่ จะหากนิ กับ อุบาสกิ า ได้เคยอุปฏั ฐากถวายภตั ตาหารแด่ วัดวาอาราม ภิกษุ ๓ รปู ในสมยั ทเ่ี ป็นมนุษย์ หลงั จากตาย เรื่องนีผ้ ฉู้ ลาดในเร่อื งกรรมและวิบาก จะตอ้ งระมัดระวงั ใหด้ ี เพราะหากเผลอสติ องั .จตกุ . (แปล)๒๑/๓๒๐-๓๒๔ สกิ ขาปทสตู รและอสั สัทธสูตร ๕๙ อัง.นวก. (แปล) ๒๓/๔๗๐-๔๗๔ เวลามสตู ร
อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๓๘ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ แล้ว ไปเกดิ เปน็ เทพบตุ ร ชอ่ื โคปิกะ ในสวรรค์ เหมือนคาพดู ทเ่ี ขาพูดกนั วา่ เสือไม่เห็นปา่ นก ช้นั ดาวดึงส์ ส่วนภิกษุ ๓ รูปนน้ั แทนทจี่ ะไปเกดิ ไมเ่ หน็ ฟ้า ปลาไม่เหน็ น้า คนอยู่ในโลก แต่ ในสวรรคช์ ั้นสูงกว่า แตก่ ลับไปเกดิ เป็นเทพ ไมเ่ ห็นโลก คือ ไม่รจู้ กั ตวั เอง คนธรรพ์ คอื เป็นเทวดาฝา่ ยดนตรใี นสวรรคช์ ้ัน เพราะฉะนน้ั ผทู้ ีเ่ ขา้ วดั บ่อยๆ ใกลช้ ิดกบั จาตมุ มหาราชิกาซึ่งต่ากว่า ทงั้ ๆท่ีสมัยเป็น พระสงฆ์ หรือผทู้ ี่เปน็ เจา้ ภาพหลกั ในการสรา้ ง มนุษยอ์ ยใู่ กล้ชิดพระพุทธเจ้า ไดม้ โี อกาส วัดวาอารามท้งั ในและต่างประเทศ ถา้ หากไม่ ประพฤติปฏิบตั ิธรรมมากกว่าอบุ าสิกาคนน้ี แต่ ระวัง ขาดปัญญาทางธรรม ก็จะเป็นเหมือนกบั ชีวิตหลงั ตาย กลบั เกิดในภพภมู ิท่ีตา่ กวา่ เรอ่ื งนี้ คือ ไปควบคมุ แสดงความเป็นเจา้ กี้ เจ้าการภายในวดั และกบั พระคุณเจา้ ชอบ ๔. ทาบญุ ไดบ้ าป พูดอวดอา้ งวา่ วดั ฉนั และคิดว่า ฉนั ตอ้ งเป็น กุฎมุ พที ่านน้ี ไดท้ าบุญด้วยการสร้างวดั ผ้สู าคัญกวา่ คนอื่น ไม่ยอมใคร ๆ แล้วในทีส่ ุด และอปุ ถัมภ์บารงุ พระสงฆ์ มโี อกาสได้ฟังธรรม เม่อื พระทาไม่ถูกใจ ก็อาจจะพาลโกรธ พดู จา นา่ จะไดบ้ ุญเยอะ แตก่ ลบั เป็นวา่ ไดบ้ าปแทน ตาหนติ ิเตียนพระ ยุยงสง่ เสรมิ ให้คนและพระ เพราะพลาดไปด่าวา่ ภกิ ษุสงฆ์ เนอื่ งจาก มีเจ้า แตกสมานสามัคคกี ัน แบ่งเปน็ ฝักฝา่ ย พวกใคร อาวาสเป็นบาปมิตร และไดข้ อ้ มูลผิดพลาด จงึ พวกมัน ทาใหเ้ กิดความหลงเช่ือและเข้าใจผิด แล้วสรา้ ง เพราะฉะนั้น เพ่อื ความปลอดภัยในชวี ติ บาปดว้ ยปาก ตายแล้วนา่ จะเกดิ ในสุคติภูมิ แต่ และหน้าทกี่ ารงาน ขณะไปทาบญุ ที่วดั มีโอกาส กลบั มาเกิดในทคุ ติภมู ิ เป็นเปรตในหลุมสว้ ม รับใชพ้ ระสงฆอ์ ยา่ งใกล้ชิด ต้องระมดั ระวงั วาจา ต้องมากินและดืม่ อุจจาระปสั สาวะเปน็ อาหาร มี พูดด้วยปญั ญา เพือ่ ไม่ให้เกิดวจีกรรม เพราะส่งิ ความลาบากทุกข์ยากทรมานหลายประการ ทีม่ ีคุณมาก ยอ่ มมโี ทษรา้ ยแรงเสมอ เพราะปฏิบัติผิดต่อพระสงฆซ์ ่ึงเน้ือนาบุญอัน ขอ้ สงั เกต เปรตตนน้ี ทัง้ ๆทมี่ ีโอกาสไดพ้ ูดคุย ยอดเยีย่ มด้วยการด่าทอให้ทา่ นเหลา่ นั้นกินข้ี สนทนากบั ทา่ นพระมหาโมคคลั ลานะ แตก่ ลบั ไม่ขอความ ดกี วา่ ฉันข้าวชาวบ้าน ช่วยเหลือและพระเถระเอง กไ็ ม่มโี อกาสช่วยเหลือเปรตตน น้ี อาจจะเป็นเพราะ เมอื่ ผลกรรมยงั เข้มขน้ รนุ แรงอยู่ ทา อบุ าสกท่านนอ้ี ตุ สา่ ห์ทาบญุ ใหญ่ด้วย ใหจ้ ิตของเปรตตนนี้มืดบอด คดิ ไม่ออก คดิ ไมไ่ ด้ คิดไม่ การสร้างวดั นา่ จะบญุ อย่างเดียว แตเ่ พราะยงั ทัน จงึ ไมร่ จู้ กั สอบถามวิธีทจี่ ะทาให้พน้ จากภพภูมเิ ปรตนี้ ไม่เขา้ ถึงธรรม จงึ เขา้ ข่ายมาวัด แตไ่ มไ่ ดเ้ ห็นวัด เลยต้องทกุ ข์ทรมานไปอีกนานหลายปี เหน็ แต่วดั ภายนอก แต่ไม่ได้เหน็ วัดภายใน ท.ี มหา. (แปล) ๑๐/๒๘๐-๒๘๓ สักกปัญหสตู ร
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๓๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า เป็นเวลา ๓ เดือนในขณะเขา้ จาพรรษาท่ี เมอื งเวรญั ชา เรอื่ งน้ี มเี น้อื หาโดยสังเขป ดังน้ี อรยิ ุปวาท เรอ่ื งที่ ๓ เมอื่ ทรงกระทาความอนุเคราะหช์ าวโลก พระโพธสิ ตั วด์ ่าภกิ ษสุ งฆ์๖๐ พระพุทธองค์ ได้เสดจ็ จารกิ ไปในหมู่บา้ น ตาบล และเมืองทั้งหลาย คราวหนง่ึ ประทบั อยู่ ณ ควง ในอดตี กาล ในกปั ที่ ๙๒ นบั จากกัปนีไ้ ป ตน้ สะเดาอนั เป็นทีอ่ ยูข่ องนเฬรุยกั ษ์ เขตเมอื ง พระโพธสิ ตั วเ์ กิดในตระกูลพราหมณ์ ซงึ่ มีชาติ เวรัญชา พร้อมกับภกิ ษุสงฆห์ มู่ใหญ่ประมาณ ตระกูลสูง ในยคุ สมยั นนั้ พวกวรรณะพราหมณ์ ๕๐๐ รปู ซ่งึ ท้งั หมดเป็นอริยสงฆ์สาวก ผูท้ มี่ ีคุณ ชอบดหู มิน่ พวกสมณะว่า เป็นวรรณะตา่ เกดิ วิเศษต่าที่สดุ เป็นพระโสดาบนั จากเทา้ ของพรหม ดว้ ยความถอื ตัววา่ เปน็ เวรญั ชพราหมณ์ ในฐานะเป็นผูอ้ าวโุ ส พราหมณ์ วนั หน่ึง พระโพธสิ ัตว์ เห็นเหลา่ สาวก ในหมบู่ ้านน้ี เมอ่ื ได้ฟงั ขา่ ว จงึ เดินทางไปเฝ้าและ ของพระพทุ ธเจา้ ผุสสะ (หรอื ปุสสะ) กาลังฉัน ไดส้ นทนาปราศรัยกบั พระพุทธองค์ แลว้ กราบ ภัตตาหารอันปราณีตบรรจง เกดิ ความไมพ่ อใจ ทูลว่า “ท่านพระโคดม ข้าพเจา้ ได้ทราบมาว่า เพราะเรือ่ งบางอย่าง จึงร้องด่าออกไปวา่ พระสมณโคดมไม่ยอมไหว้ ไมล่ กุ รบั พวก “เฮย้ ! ไอ้พวกสมณะโลน้ ทง้ั หลาย พราหมณผ์ แู้ ก่ ผเู้ ฒา่ ผใู้ หญ่ ผู้ล่วงกาลผา่ นวัย ขอใหพ้ วกแก จงกินแต่ข้าวเหนยี วเถอะ หรอื ไมเ่ ชอ้ื เชญิ ให้นัง่ การที่ท่านพระโคดมทา อยา่ ได้กนิ ขา้ วสาลีเลย” เช่นนั้นไมส่ มควรเลย” เพราะวบิ ากแหง่ อกศุ ลกรรมน้นั หลังจาก พระผูม้ ีพระภาคตรัสตอบว่า “พราหมณ์ สิ้นชวี ิต พระโพธสิ ัตว์ ได้เกิดในอบายท้งั ๔ คือ เรายงั ไม่เหน็ ใครในโลก ท่เี ราควรไหว้ ลุกรับ นรก กาเนิดสัตวเ์ ดรจั ฉาน เปรตและ หรือเชอื้ เชญิ ใหน้ ่งั เพราะว่าตถาคตไหว้ ลกุ อสุรกาย ไดร้ บั ความทุกข์ทรมานอยา่ งมาก รบั หรือเช้อื เชิญผ้ใู ดใหน้ ่งั ศีรษะของผู้นนั้ หลายพนั ปี และในชาติสุดทา้ ย หลงั จากได้ตรสั จะต้องขาดตกไป” รู้เป็นพระพทุ ธเจ้าแล้ว เพราะเศษกรรมที่เหลือ พราหมณค์ นน้ี ยงั ได้ต่อว่าพระพุทธองค์ พระองค์ ต้องมาเสวยขา้ วเหนียวตากแห้ง หลายประการ เปน็ ตน้ วา่ “ทา่ นพระโคดม เปน็ คนไม่มีรส” แต่พระองคก์ ็ตรสั ตอบอธิบายคา กล่าวหาเหล่านัน้ ของเขาโดยเปลี่ยนความหมาย ๖๐ ข.ุ อป. แปล) ๓๒/๕๗๔-๕๗๗ ใหมว่ า่ พุทธาปทานชอื่ ปพุ พกมั มปิโลติและอรรถกถา “พราหมณ์ ขอ้ ท่เี ขากล่าวหาเราน้ันมมี ูลอยู่ ข.ุ พทุ ธ. (แปล) ๓๓/๖๘๐-๖๘๓ ดูปุสสพุทธวงศ์ เพราะตถาคตละรส คือ รูป เสยี ง กลิน่ รส
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๔๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า โผฏฐัพพะได้หมดส้นิ ตัดรากถอนโคนเหมอื นต้น เพ่ือให้ภกิ ษุทง้ั หลายได้ฉันง้วนดนิ ซงึ่ มี ตาลท่ีถูกตัดรากถอนโคนไปแลว้ เหลือแต่พ้ืนท่ี ทา ลกั ษณะเหมอื นน้านมผง มสี ีเหมอื นเนยใสหรอื ให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ขอ้ ทเี่ ขากล่าวหาเราน้ัน เนยข้น มีกลิ่นหอมและรสชาตอิ รอ่ ยเหมอื น นา้ ผ้งึ มมิ้ อยูใ่ ตพ้ ้ืนดิน หรอื พาภกิ ษุทั้งหลายไป มีมูลอยู่ แตไ่ ม่ใชท่ ่ีทา่ นกลา่ วถึง” ๖๑ แล้วทรงสรปุ ว่า สาเหตุทพี่ ระองค์ไมท่ รง บิณฑบาตในอุตตรกรุ ทุ วปี ๖๒ แตพ่ ระองคไ์ ม่ ลุกรับกราบไหว้ใครๆ เป็นตน้ นัน้ เพราะพระองค์ ทรงอนุญาต เป็นพ่ีใหญ่ของชาวโลกทง้ั ปวง กล่าวคอื ต่อมา มพี วกพ่อค้าม้าชาวเมืองอตุ ตรา ในขณะท่ีหมูส่ ตั ว์ ถูกกระเปาะไข่คอื อวชิ ชา บถ มีมา้ อยปู่ ระมาณ ๕๐๐ ตวั ไดม้ าเขา้ พักแรม ห่อหุ้มอยู่ แต่พระองค์ไดท้ าลายกระเปาะไข่คอื ชว่ งฤดูฝนในเมอื งเวรัญชา พวกเขาพากัน อวิชชาออกก่อนคนอืน่ แล้วตรสั รสู้ มั มาสัมโพธิ ตระเตรียมข้าวเหนียวตากแหง้ ซ่งึ นิยมนาตดิ ญาณอันยอดเย่ยี ม จงึ ถือว่าเป็นพใี่ หญ่ เป็นผู้ ตวั ไปในเวลาเดินทางไปคา้ ขายยงั ต่างเมือง ประเสรฐิ ทส่ี ดุ ของโลกเหมอื นลูกไก่ตวั ที่เกิดก่อน สาหรับเป็นอาหารมา้ ในถิ่นทอ่ี าหารมา้ หายาก เมอื่ พระองค์อธบิ ายชแ้ี จง้ เหตุผลเสร็จ ทา เพือ่ ถวายภกิ ษไุ ว้ทคี่ อกมา้ ให้เวรัญชพราหมณ์ ยอมรับและเกิดศรทั ธา รุง่ เชา้ พวกภิกษอุ อกไปบิณฑบาตใน เลือ่ มใส จึงขอถงึ พระองค์พร้อมทัง้ พระธรรมและ เมอื งเวรัญชา แต่ไม่ไดอ้ าหารอะไรเลย จงึ ไปที่ พระสงฆ์ว่าเปน็ ท่ีพงึ่ ตลอดชวี ิต ปฏิญญาณตน คอกมา้ เพอื่ รับขา้ วตากแห้งรูปละประมาณ ๑ เปน็ อุบาสก กราบอาราธนานมิ นต์พระองค์และ ทะนาน นาไปตาให้ละเอียดแลว้ ฉนั ส่วนพระ ภิกษสุ งฆใ์ หอ้ ย่จู าพรรษาทเ่ี มืองเวรัญชา อานนทบ์ ดขา้ วเหนียวตากแห้งประมาณ ๑ ณ เวลานั้น เมอื งเวรัญชาเกดิ ภาวะข้าว ทะนานด้วยหินบด แลว้ นอ้ มเขา้ ไปถวาย พระ ยากหมากแพง ผ้คู นท้งั หลายมีความเปน็ อยู่ พุทธองคเ์ สวยข้าวนนั้ แร้นแคน้ ใชส้ ลากปันส่วนซื้ออาหาร ล้มตายกนั หลังจากออกพรรษาแล้ว พระผู้มพี ระ กระดูกขาวเกลือ่ น ยากทพ่ี ระอรยิ เจา้ ทั้งหลาย ภาคเจ้าไดไ้ ปบอกลาเวรัญชพราหมณ์ เพ่ือเสดจ็ จะบณิ ฑบาตยงั ชีพได้ ถึงขนาดท่านพระมหา จาริกไปในชนบท เวรญั ชพราหมณก์ ราบทูล โมคคลั ลานะ ทูลรบั อาสาจะผลิกพ้ืนปฐพี วา่ “เป็นความจรงิ ข้าพระพทุ ธเจ้านิมนตท์ ่านพระ โคดมอยู่จาพรรษา แตข่ ้าพระพทุ ธเจา้ ยังไมไ่ ดถ้ วาย ๖๑ ขอ้ ท่พี ราหมณ์ตาหนพิ ระผ้มู ีพระภาคว่า เป็นคนไมม่ รี ส ในทนี่ ี้ ท.ี ปา (แปล) ๑๑/๘๙ ดู อคั คัญญสตู ร หมายถึงเปน็ คนไมม่ ีสมั มาคารวะ เช่น การกราบไหว้ การตอ้ นรับ พระผ้มู ี ๖๒ อุตตรกรุ ทุ วีป เป็นอกี โลกใบใหนงึ่ ในบรรดาโลกทงั้ ๔ ในจกั รวาล พระภาคตรัสตอบว่า พระองคล์ ะรสไดแ้ ลว้ หมายถงึ พระองค์ละ อัสสาทะ นี้ คือ ชมพูทวปี (อยทู่ างทศิ ใต้ของจกั รวาล)ปุพพวิเทหทวปี อรมโค ความพอใจในรปู เสียง กลิ่น รส สมั ผสั ไดแ้ ลว้ จงึ เป็นคนไม่มรี ส คอื ไม่ ยานทวปี และอุตตรกุรทุ วปี ซึ่งอยทู่ างทิศเหนือของจกั รวาล ผคู้ นที่ ยินดีในรปู เสยี ง กลน่ิ รสสมั ผัส อาศัยอยใู่ นโลกนนั้ มีอายยุ นื ๑,๐๐๐ ปี มขี า้ วน้าอุดมสมบรู ณ์
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๔๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า ไทยธรรมท่ีได้ต้ังใจเอาไว้ สง่ิ นั้น มิใชจ่ ะไม่มีและ ขอ้ คิดและคติธรรม มใิ ช่วา่ ขา้ พระพุทธเจ้าจะไม่เตม็ ใจถวาย ไตรมาสท่ี ๑.สงั สารวัฏอนั ยาวนาน ผ่านมา พระองค์ยงั มิได้รับไทยธรรมนน้ั เพราะผู้ คาวา่ “กปั ” ในที่น้ี หมายถึงกาหนด ครองเรือนมีกิจมาก มธี ุระมาก ขอทา่ นพระโคดม ระยะเวลาทยี่ าวนานมาก จนนับไมถ่ ว้ น คานวณ พรอ้ มกบั ภิกษสุ งฆจ์ งรบั อาหารของขา้ พระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ดว้ า่ กีล่ า้ นๆๆๆปี กาหนดกันวา่ โลกคือสากล จกั รวาลประลยั คร้งั หน่งึ ซง่ึ พระพุทธองค์ ทรง เพื่อเจรญิ กศุ ลในวันพรงุ่ นี้เถิด” แลว้ กราบขอขมาโทษตอ่ พระพทุ ธองค์๖๓ ยกตวั อยา่ งเปรยี บเทยี บกับภูเขาศลิ าแทง่ ทึบ ในวนั ร่งุ ข้นึ จึงไดเ้ สด็จไปเสวยภตั ตาหารท่ีบา้ น ลกู ใหญ่ ซ่งึ มคี วามกวา้ ง ยาว สงู ด้านละ ๑๖ ของพราหมณ์ พรอ้ มทั้งภิกษุ ๕๐๐ รปู หลงั จาก กิโลเมตร ทกุ ๆ ๑๐๐ ปี มีคนเอาผ้าเน้อื ประทบั อยู่ ณ เมืองเวรัญชาตามพระอธั ยาศยั ละเอียด ลบู ภเู ขาน้นั คร้งั หน่ึง จนภเู ขาศลิ านัน้ พอสมควร พระองค์ จงึ ไดเ้ สด็จพระพทุ ธดาเนิน สึกหรอหมดสิน้ ไป แต่ระยะเวลากปั หนึ่งยาวนาน ไปยงั เมืองอืน่ ๆ เพอื่ โปรดเวไนยสัตว์ตาม กว่านั้น หลักพทุ ธกิจ พระองค์ทรงยกตวั อยา่ งอีกอันหน่ึง คือ เปรียบเหมือนเมืองทม่ี ีกาแพงลอ้ มซง่ึ สรา้ งด้วย เหล็กมีความยาว กว้าง สงู ดา้ นละ ๑๖ กโิ ลเมตร ใส่เมล็ดผักกาดจนเต็ม ทกุ ๆ ๑๐๐ ปี มคี นหยิบเมล็ดผกั กาดออกจากเมอื งน้ันหนงึ่ เมลด็ ทาอยา่ งนจี้ นหมดสิ้น แต่กปั หนึ่ง ยาวนาน กว่านั้นอกี ๖๔ ส่วนกปั นี้ ชื่อวา่ ภทั รกัป ซ่ึงเปน็ กปั มีท่ี พระพุทธเจ้ามาอุบัติในโลกถึง ๕ พระองค์ คอื พระพทุ ธเจา้ กุกกุสนั ทะ โกนาคมนะ กสั สปะ และพระพุทธเจา้ โคตมะ ซง่ึ ผ่านไปแล้ว ๔ พระองค์ กรรมเกา่ ท่ีเคยดา่ พระภกิ ษสุ งฆ์เอาไว้ ตั้งแตส่ มัยพระพุทธเจ้า พระนามว่าผสุ สะ นบั จากกัปนไ้ี ปถึงกปั ท่ี ๙๒ บาปกรรมนัน้ ทาให้ พระองค์ไปเกดิ ในอบายภมู ิต่างๆ แม้ในชาติ ๖๓ องั .อฏั ฐก. (แปล) ๒๓/๒๑๙-๒๒๕ เวรัญชสตู ร ๖๔ สงั .นิ. (แปล) ๑๖/๒๑๙-๒๒๐ ปัพพตสูตร,สาสปสูตร
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๔๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ สุดท้าย ไดต้ รัสรเู้ ปน็ พระพุทธเจ้าแล้ว สาหรบั พระยามารทมี่ ีเร่ืองราวปรากฏ บาปกรรมน้นั ยังไม่หมดเช้ือ ทาให้พระองค์ยงั บ่อยๆในคมั ภีร์ คอยมาแทรกแซงกล่ันแกล้ง ไดร้ บั เศษแห่งกรรมทเ่ี หลอื น้ันอกี คอื ได้มา พระพทุ ธเจ้าหรือพระสาวก แม้เคยยกพลเสนา เสวยขา้ วเหนียวตากแหง้ ถึง ๓ เดือน แม้เวลา มาผจญสัพพญั ญูโพธสิ ตั ว์ในวันที่จะตรัสรู้ ผ่านมายาวนานขนาดแคไ่ หน เมอื่ บาปกรรมยัง หมายถงึ เทวปุตตมาร หรอื วสวัตดมี าร ซง่ึ ไม่สนิ้ เชื้อ พอไดโ้ อกาสอันเหมาะสม ย่อมสง่ ผล เปน็ เทวดาในสวรรค์ชน้ั ปรนิมติ วสวัตดี ไม่ใช่ ไดเ้ สมอ กรรมยงั ทาหน้าท่ีของตนอยา่ ง กเิ ลสมาร ตรงไปตรงมา ไม่มผี ิดพลาด เมื่อยังไมส่ ่งผล แม้ เมอื่ ถูกโลกธรรม มเี สื่อมลาภ เสื่อมยศ ระวะเวลาจะผา่ นไปก่ีกัป ที่จะกลายเป็น โดนนินทาและความทุกข์กระทบแลว้ พระอริย อโหสิกรรมลอยๆนัน้ ไมม่ ี เพราะฉะนนั้ ขึ้น เจา้ ทัง้ หลาย ย่อมไม่หวั่นไหว ไม่แสดงอาการขึน้ ชอ่ื ว่า บาปกรรมแม้นดิ หนึ่ง จงึ ไม่ควรกระทา ลงแบบปุถชุ น เหมือนพระพุทธองค์ขณะเข้าจา โดยแท้ เพราะผลท่ีตามมามันทุกข์ทรมาน เปน็ พรรษาท่ีเมอื งเวรัญชาพร้อมภิกษุสงฆ์ ชาวเมือง ผลท่ีไมน่ ่าปรารถนา ท้งั หลายในพ้นื ทีป่ ระมาณ ๑๖ กิโลเมตร ถกู มาร เมอื่ ทาเหตุไว้อย่างไร ย่อมได้ผลเชน่ นัน้ ดลใจกันหมดทุกคน ทาให้หลงลมื สติ ไมเ่ ป็น ผลทีป่ รากฎขนึ้ เปน็ สงิ่ ทีส่ ืบเน่อื งมาจากเหตุ หาก ตวั ของตวั เอง ไม่คิดจะยกมือไหวห้ รอื แม้แต่ ตอ้ งการผลดเี ลศิ พงึ สรา้ งกรรมดอี ย่างเดยี ว ถวายอาหารบิณฑบาตแกพ่ วกภกิ ษุ ถงึ ตัว เวรญั ชพราหมณ์เอง ซึ่งเปน็ ผ้นู ิมนต์พระองค์ให้ ๒. แม้ถูกมารแกล้ง อยจู่ าพรรษา ก็ไม่เคยมาถวายอาหารแมส้ กั ครง้ั บัณฑติ ก็ไม่แสดงอาการข้ึนลง เดยี ว อา้ งว่ามกี ิจธรุ มาก มาร หมายถึง ส่ิงทฆ่ี ่าบุคคลใหต้ ายจาก ขณะที่ได้รบั ผลกรรมน้ี พระพุทธองค์ก็ ความดี หรอื ตวั การขดั ขวางไม่ใหค้ นบรรลุความ ไมไ่ ด้ทรงขวนขวายไปบิณฑบาตทอ่ี น่ื ไม่ว่าจะ ดี มีดงั นี้ คอื กเิ ลสมาร มารคือกิเลส ขันธมาร เปน็ อุตตรกรุ ุทวปี หรือบนสวรรค์ และไมไ่ ด้สงั่ ให้ มารคือเบญจขนั ธ์ ๕ อภิสงั ขารมาร มารคือ สาวกทาด้วย เพราะทรงรู้ดวี ่า ไมว่ า่ จะไปท่ไี หน บญุ หรือบาปเก่าทบ่ี ันดาลชีวติ ให้เป็นไปตา่ งๆ ในชว่ งน้ัน กจ็ ะถกู มารดลใจเหมอื นกัน แตถ่ า้ อยู่ เทวปุตตมาร มารคอื เทพบตุ ร และมัจจมุ าร จาพรรษาทเี่ มอื งเวรัญชา จะดีกวา่ เพราะพวก มารคือความตาย พ่อคา้ ม้าจะช่วยเหลือภิกษุสงฆใ์ นเรอื่ งอาหาร บิณฑบาต ซึ่งพระยามารไมส่ ามารถมากดี กนั ได้ ขุ.ชา. (แปล) ๒๘/๓๖๓-๓๙๐ มหานารทกสั สปชาดก สงั .ส.(แปล) ๑๕/๑๗๕-๒๑๕ ดูเพ่มิ มารสังยตุ
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๔๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า เพราะมาร หรอื ใครๆในโลกและจักรวาลน้ี ย่อมไม่สามารถจะทาอันตรายต่อสงิ่ เหลา่ นี้ คือ ๔.ผู้ไมเ่ คยกราบไหว้ใคร อาหารบิณฑบาตหรอื ปจั จัย ๔ ที่บุคคล นบั ต้งั แต่วันแรกท่ปี ระสตู ิ จนถงึ วนั ตรสั รู้ เจาะจงนามาถวายพระพุทธเจา้ เจ้าชายสทิ ธัตถะหรอื พระพุทธเจ้าไม่เคยกราบ ปลงพระชนม์ชีพใหถ้ ึงแก่ปรนิ ิพพาน ไหวใ้ ครเลย ไมว่ า่ จะเปน็ พระบดิ า พระมารดา อนุพยัญชนะ ๘๐ หรือ รัศมที ซี่ ่านออก หรอื อสติ ดาบส ซง่ึ เป็นท่เี คารพกราบไหว้ของ ข้างละวา ศากยราชตระกูล รวมถึงอาฬารดาบส กาลาม และสัพพญั ญตุ ญาณอันไมต่ ิดขดั โคตร อุทกดาบส รามบุตร อาจารย์ผูส้ อน เรือ่ งฌานสมาบตั ใิ ห้ ไม่ตอ้ งกล่าวถงึ หลงั จาก ๓.กรรมห้ามคนอน่ื ทาบุญ ตรสั รแู้ ล้ว ดงั พุทธพจน์ทว่ี ่า ผทู้ ห่ี ้ามหรอื กีดกันคนอื่นไมใ่ หท้ าบญุ “ดูก่อนพราหมณ์ เราแมต้ รวจดูด้วย ย่อมมคี วามผิดหลายกระทง ดังนี้ สพั พัญญุตญาณ ยงั มองไม่เหน็ บคุ คลในโลกน้ี ขดั ขวางลาภท่คี นอนื่ จะได้ หรือในเทวโลก เปน็ ตน้ ท่ีเราจะพงึ กราบ ลกุ รบั ปดิ ทางบญุ ท่ีผู้ให้จะทา หรือเช้อื เชิญด้วยอาสนะ ตอนนี้ยังไมน่ า่ อศั จรรย์ เกดิ อิจฉารษิ ยาในใจ เพราะเราได้ตรสั ธรรมแล้ว แตใ่ นขณะท่เี ราประสูติ ทาลายความดีของตนทจ่ี ะไดจ้ ากการ ไดห้ ันหน้าไปทางทิศอดุ ร เดินไป ๗ ยา่ งกา้ ว อนุโมทนาบญุ กับคนอนื่ มองดหู ม่นื โลกธาตุท้ังส้นิ แม้ในเวลานน้ั เรากย็ งั ถือวา่ เป็นกรรมเก่าของผู้ท่ีจะได้ลาภ แต่ มองไมเ่ หน็ บุคคลในโลกและในเทวโลกผทู้ ี่จะเรา ไมไ่ ด้ เพราะมีคนมากีดกนั ผู้แสวงบุญไมไ่ ดม้ ี พึงกราบไหว้ได้ โอกาสเพ่มิ บญุ เปน็ บาปกรรมใหม่ของคนห้าม ในครง้ั น้นั มหาพรหม(ชั้นอกนิฏฐภพ ผลกรรมท่ีจะเกิดตามมาจากการห้ามคน พรหมโลกชนั้ สูงสดุ ) ผูเ้ ป็นอรหนั ต์หมดกิเลส อนื่ ทาบญุ คือ ถงึ คราวเมื่อตัวเองจะได้ลาภ จะมี มอี ายุ ๑๖,๐๐๐ กัป กป็ ระคองอญั ชลี แสดง เหตขุ ัดขอ้ งทาใหไ้ มไ่ ด้ หรอื หากได้ ก็ชักชา้ ตอ้ ง ความชื่นชมยนิ ดี ยอมรับนับถอื เราว่า พระองค์ เสียเวลารอนานและขณะท่จี ะทาความดี จะมี เป็นมหาบรุ ษุ ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก เป็นผลู้ า้ เลิศ คนมายุยงส่งเสริมให้จติ หวั่นไหวไขว้เขว จนเกดิ เปน็ ผ้เู จรญิ ท่สี ดุ เปน็ ประเสริฐท่สี ดุ ของโลกพร้อม การเปลย่ี นใจ ผลสุดท้าย คือไมไ่ ดท้ าบญุ ทงั้ เทวโลก ไม่มีผู้ท่ีจะย่งิ ใหญ่กว่าพระองค์ แม้ในเวลานนั้ เรามองไมเ่ ห็นผคู้ นอ่นื ใด ทย่ี งิ่ ใหญก่ ว่าเรา จึงเปล่งวาจาอยา่ งองอาจว่า วิ.มหา.อ. (แปล)๑/๑/๓๐๘-๓๐๙
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๔๔ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า “เราเป็นผู้ล้าเลศิ ของโลก ตอ้ งเคารพกราบไหว้ ทาความนอบน้อมแดพ่ ระ เราเป็นผเู้ จรญิ ท่สี ุดของโลก ศาสดา เพราะพระพุทธเจา้ ช่ือวา่ เปน็ ผ้ปู ระเสริฐ เราเปน็ ผู้ประเสริฐที่สดุ ของโลก” สุดกว่าเทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย ดูก่อนพราหมณ์ เราแม้ประสตู ิไดค้ รู่ ถามวา่ แล้วพระพทุ ธองค์ ทรงเคารพและ เดียวอยา่ งนี้ ยังไมม่ บี ุคคลท่ีควรแก่การกราบ กราบไหว้ใคร ? ไหว้ บดั น้ี เรานั้นบรรลุพระสพั พญั ญตุ ญาณแล้ว ตอบวา่ ทรงเคารพพระธรรมที่ตรสั รู้ จะพึงกราบไหวใ้ ครอีกเล่า” เพราะเหตุใด พระพุทธองค์ ถงึ ต้อง เคารพธรรม เพราะอาศยั ธรรม คือศีล สมาธแิ ละ ปญั ญานี้เอง จงึ ทาให้พระองคไ์ ดต้ รสั รู้สมั มา สมั โพธิญาณ ซ่ึงเป็นปญั ญาญาณสูงสดุ ให้ คณุ ประโยชนท์ ุกประการ เหตกุ ารณ์ทีแ่ สดงให้เห็นว่า พระพทุ ธองค์ ทรงเคารพธรรม ปรากฎในอรรถกถานนั ท มาตาสูตร๖๕คอื หลงั จากออกพรรษาปวารณา แลว้ พระพุทธองค์ จะเสดจ็ จาริกออกไปโปรด เวไนยสัตว์ ณ เมอื งน้อยเมืองใหญ่ แม้พระเจ้า ปเสนทิโกศล อนาถปิณฑกิ เศรษฐี วสิ าขา มหาอบุ าสิกาและบคุ คลอ่นื ใดกต็ าม ย่อมไม่ สามารถจะให้พระศาสดาเสด็จกลับได้ วันหนึ่ง ทา่ นอนาถปิณฑกิ ะกาลงั นง่ั ครุ่นคิดอยวู่ า่ “เราไมส่ ามารถจะให้พระศาสดา ๕. พระองคผ์ ู้ทรงเคารพธรรม เสดจ็ กลบั ได้” สาวใช้ ชอื่ ว่า ปุณณา เหน็ อาการ หลกั การทาความเคารพ กราบไหว้ เป็นที่ ดังนั้น จงึ ถามวา่ “นาย เจา้ ค่ะ ทาไมท่านถึงสี รกู้ นั ดวี ่า เด็กต้องเคารพและกราบไหวผ้ ู้ใหญ่ ลกู หนา้ ไม่เบกิ บานเหมอื นแตก่ ่อน มเี หตอุ ันใดทาให้ ตอ้ งเคารพตอ่ พอ่ แม่ พสกนิกรท้ังหลาย ต้องทา ไมส่ บายใจหรือเจา้ ค่ะ” ความเคารพและกราบในหลวง พระเจา้ แผน่ ดิน ทา่ นเศรษฐีพูดวา่ “ใชแ่ ล้ว ปณุ ณา เธอ ยอ่ มกราบไหว้พระสงฆ์ พระภิกษสุ งฆท์ ัง้ หลาย พูดถกู เม่ือพระพุทธองค์เสด็จออกไปสทู่ ่จี าริกใน องั .อฏั ฐก. (แปล) ๒๓/๒๑๙-๒๒๕ เวรญั ชสูตรและอรรถกถา ๖๕ องั .สตั ตก. (แปล) ๒๓/๙๒-๙๖ นนั ทมาตาสตู รและอรรถกถา
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๔๕ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจา้ ตา่ งแดนเพ่ือโปรดเวไนยสัตว์ท้ังหลาย ซ่ึงไม่รู้วา่ สาหรบั ผู้สนใจพระสตู รที่แสดงถึงความเคารพ พระองค์จะเสด็จกลบั มาเร็วหรอื ช้า ทาใหข้ ้านนั้ ธรรมของพระพุทธเจ้า มดี งั น้ี อุรเุ วลสตู ร พทุ ธกิจในตาบลอรุ ุเวลา วติ กกังวล อกี ท้ังยงั ไมส่ ามารถกราบอาราธนา ดู องั .จตกุ . (แปล) ๒๑/๓๓-๓๔ นิมนต์ใหพ้ ระองคเ์ สด็จกลบั ได้ เพราะเหตุนเ้ี อง เขตตูปทสตู ร ขา้ จึงนั่งคร่นุ คิดอยู่” ดู สัง. สฬา. (แปล) ๑๘/๔๐๔-๔๐๖ นางปุณณา สาวใชซ้ ึง่ มปี ฏิภาณไหวพริบ นนั ทกสูตร พระนนั ทกะแสดงธรรม ดไี ด้ถามนายอีกวา่ “นายเจา้ คะ่ ถา้ ดฉิ ัน ดู องั .นวก. (แปล) ๒๓/๔๓๔-๔๓๙ ในฐานะเป็นผ้ปู ระเสรฐิ ล้าเลศิ สูงสดุ แต่ สามารถทาใหพ้ ระศาสดาเสด็จกลบั ไดเ้ ลา่ จะให้อะไรแกด่ ฉิ นั เป็นคา่ ตอบแทน เจ้าค่ะ” พระองคย์ งั เคารพธรรม เพราะฉะนัน้ ธรรม จึงชื่อ ท่านเศรษฐีตอบอย่างชัดเจนวา่ “ถา้ หากเจา้ ทา ว่า เปน็ สิ่งประเสรฐิ สงู สุดท้ังในอดตี ปัจจุบันและ ได้ดงั ทีพ่ ูด ข้าจะปลดปลอ่ ยให้เจ้าเป็นไททนั ท”ี อนาคต เม่ือทา่ นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐพี ูดอยา่ งหนัก ข้อสงั เกต แน่นเชน่ นี้ นางปุณณา จงึ ดใี จอยา่ งมาก รีบ ถ้าหากว่า สัพพัญญูโพธสิ ตั ว์ หรอื ออกเดินทางไปดว้ ยหัวใจท่ีเตม็ ด้วยความหวงั พอถวายบงั คมพระศาสดา จงึ ไดก้ ราบทูลว่า พระพทุ ธเจ้าในฐานะผมู้ คี ุณธรรมสงู สุดในโลก “ข้าแต่พระองคผ์ ู้เจริญ ขอพระองคโ์ ปรด ทรงทาความเคารพ กราบไหว้ใคร คนน้ัน จะเกิด อันตราย คือ ทาใหอ้ ายุสัน้ พลันตาย เพราะไม่ เสดจ็ กลบั เถดิ พระเจ้าข้า” พระพุทธองค์ตรัสว่า “ดกู ่อนปุณณา หาก สามารถรบั คุณธรรมอนั ใหญห่ ลวงไวไ้ ด้ เพราะฉะน้นั คาพูดที่วา่ หากผใู้ หญไ่ หว้ เราเสด็จกลบั เจา้ จะกระทาอะไรเล่า” นางปุณณากราบทูลวา่ “พระพุทธเจ้าขา้ เด็ก (ยกเวน้ ในกรณรี บั ไหว้) จะทาให้คนน้ันอายุส้นั ในฐานะทีย่ ังต้องอาศยั ผอู้ ่ืนอยู่ ขา้ พระพุทธเจา้ ถอื ว่า มเี หตผุ ลน่ารับฟังและมีแนวโนม้ เปน็ ไปได้ ไมอ่ าจทาอะไรอื่นได้มากไปกวา่ น้ี แตจ่ ะตง้ั มั่น ในทางตรงข้ามในกรณที ผ่ี ู้นอ้ ย กราบไหว้ ทาความ อยู่ในไตรสรณะ และสมาทานรกั ษาศีล ๕ เคารพนบั ถือผใู้ หญ่ หรือผู้มีคุณธรรมสูงกว่าตน ยอ่ มเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะพละและปฏิภาณ พระเจา้ ข้า” พระศาสดาตรสั ว่า “ดลี ะ ดีละ ปุณณา” ทาใหอ้ ายุม่นั ขวญั ยืน เจริญร่งุ เรอื งในทางโลกและ แลว้ เสดจ็ กลับทนั ที ทงั้ น้ี เพราะทรงมคี วาม ทางธรรม เคารพในธรรม
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๔๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจ้า หลงั จากเสรจ็ กจิ ธุระแลว้ อตุ ตรมานพ อริยุปวาท เรื่องท่ี ๔ ได้เขา้ เมือง ไปบอกพวกอุบาสกใหม้ าร่วมทาบญุ ทโ่ี รงทานของเขา ในวนั ทาบุญเลีย้ งพระ ตอน แมด่ ่าลูกชายผ้เู ปน็ โสดาบนั ๖๖ เช้าตรู่ เขาสง่ั ให้ตระเตรยี มอาหารหวานคาวและ ผลไม้ทกุ อย่างใหพ้ รอ้ มสรรพ แล้วกราบนมิ นต์ หลังจากพุทธปรนิ พิ พาน และปฐม พระเถระและภกิ ษทุ ั้งหลายใหเ้ ขา้ ไปนง่ั ในเรือน สังคายนาพระธรรมวนิ ัยที่ถ้าสตั ตบรรณคหู า ณ ถวายภัตตาหารเสรจ็ แล้ว ฟงั พระเถระกล่าว ภเู ขาเวภารบรรพต ใกล้กรงุ ราชคฤหถไ์ ดผ้ ่านไป ธรรมเพอื่ เป็นขวัญกาลังใจให้ร่นื เริงเบิกบาน ทา่ นพระมหากจั จายนะพรอ้ มด้วยภิกษุ ๑๒ ขณะท่ตี ามไปสง่ พระเถระและพระภิกษทุ ง้ั หลาย รูป ได้พานกั อาศัยอยใู่ นราวป่าแห่งหนง่ึ ไมไ่ กล ถอื โอกาสกราบเรียนทา่ นใหม้ าฉนั ทเี่ รอื นเป็น จากกรงุ โกสัมพี ประจา สมยั นัน้ อามาตย์คนหนึ่งของพระเจา้ ตอ่ มาอกี ไม่นาน เขาก็ได้ดวงตาเห็น อเุ ทน ซ่งึ เคยเปน็ ผจู้ ัดต้ังการงานในพระนคร ได้ ธรรม เปน็ พระโสดาบนั เพราะอานสิ งสจ์ าก ถึงแกอ่ สัญกรรมลง พระราชา ทรงไดส้ ถาปนา การทาบญุ เลยี้ งพระ ฟังธรรม ปฏิบัตติ ามทุก แตง่ ตงั้ ใหอ้ ุตตรมานพผเู้ ปน็ บตุ รไดเ้ ปน็ ผู้สืบทอด อยา่ งที่พระเถระแนะนาพร่าสอน พรอ้ มกนั น้ี ยงั ตาแหน่งแทนบิดา วนั หนึง่ เขาไดพ้ านายชา่ ง ไดส้ ร้างวดั ถวายพระเถระ และทาให้พวกญาติๆ ไปป่า หาไมส้ าหรบั มาซ่อมแซมพระนคร ไดแ้ วะ ทง้ั หมด ได้เกดิ ความเลอื่ มใสในพระศาสนาอีก เขา้ ไปยังทพ่ี กั ของพระเถระ มองเหน็ ท่านครอง ด้วย ยกเว้นแม่ผใู้ ห้กาเนิด ผา้ บงั สุกุลจวี ร กาลังน่ังพจิ ารณาธรรมอยู่เงยี บๆ เพราะมารดาของเขา เป็นคนใจแคบ เกิดความเล่อื มใส จงึ เข้าไปนง่ั สนทนา หลังจาก ตระหนถ่ี เ่ี หนยี ว ไม่ชอบทาบุญใหท้ าน แม้เห็น ได้ฟงั ธรรมะจากทา่ น เขาเกดิ ความเลือ่ มใสใน ลูกชายทาบญุ ก็ไม่เลื่อมใสศรทั ธา จะดา่ เปน็ พระรัตนตรัย ปฏญิ าณตนถงึ ไตรสรณะ แล้ว ประจาว่า “เจ้าถวายจวี ร บณิ ฑบาต ท่ีนอน ที่ กราบอาราธนานมิ นต์พระเถระ และภิกษุ นง่ั และยาสาหรบั แกไ้ ข้ ดว้ ยความไมพ่ อใจ ท้ังหลายใหฉ้ ันภัตตาหารทีบ่ า้ นในวันรุง่ ขึ้น ของแม่ เจา้ อุตตระ ขอใหส้ ่งิ นั้น จง กลายเปน็ เลอื ด ปรากฏแก่เจ้าในปรโลก” ถงึ นาง จะเปน็ คนใจบาปหยาบชา้ แตก่ ็ ๖๖ ข.ุ เปต. (แปล) ๒๖/๒๑๙-๒๒๐ ยังทาบญุ กุศลไวอ้ ยา่ งหนึ่งกอ่ นตาย คือ ถวาย ดู อุตตรมาตุเปตวิ ตั ถุ และอรรถกถา ขนหางนกยงู กาหนง่ึ ในวันทาบญุ ฉลองวดั ต่อมา นางกไ็ ด้ถึงแกก่ รรม แล้วไปเกิดใน
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๔๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ กาเนดิ เปรต ซึง่ มผี วิ นา่ เกลียดน่ากลวั แต่ กรรมอะไรน้าในแม่น้าคงคาจึงกลายเปน็ เลอื ดให้ อานสิ งสแ์ หง่ บุญท่ีนางได้ถวายกาหางขนนกยูง เธอเหน็ ” ทาใหน้ างมผี มดกดา นมุ่ สลวยสวยงาม ยาวถงึ นางเปรตตอบว่า “ดฉิ ันมลี กู ชายคนหน่ึง พื้นและมีปลายตวดั ขึน้ ช่ืออตุ ตระ เปน็ อบุ าสกมีศรัทธา และเขาไดถ้ วาย คราใดท่ีนางเปรต เกิดความกระหาย จวี ร บิณฑบาต ท่ีนอน ที่นั่ง และยาสาหรบั แก้ไข้ น้า อยากด่มื นา้ เดนิ ลงไปยงั ท่านา้ ครานน้ั นา้ ใน แก่สมณะท้งั หลาย ด้วยความไม่พอใจของ แม่นา้ คงคาทง้ั สาย ก็กลายเป็นน้าเลอื ดไป ดฉิ ัน เพราะความเสียดาย ดฉิ ันจงึ ได้ดา่ เขาไป หมด และเหตุการณจ์ ะเป็นเชน่ น้ที กุ คร้งั จึงทา วา่ เจ้าถวายจีวร บณิ ฑบาต ทน่ี อน ทน่ี ัง่ ใหน้ างเปรตไม่ได้ด่มื น้าสกั ที เปน็ เวลา ๕๕ ปี และยาสาหรับแก้ไข้ ดว้ ยความไมพ่ อใจของ วันหน่ึง นางเปรต มองเห็นท่านพระ แม่ เจ้าอุตตระ สิง่ นนั้ จงกลายเป็นเลอื ด กงั ขาเรวตะ๖๗ ซึง่ เป็นพระอรหันต์ เก่งชานาญ ปรากฏแก่เจ้าในปรโลก เพราะผลกรรมนั้น ในการเข้าฌานสมาบตั ิ กาลังนง่ั พกั กลางวัน ณ น้าในแมน่ า้ คงคา จงึ กลายเปน็ เลอื ดปรากฏ รมิ ฝั่งแม่น้าคงคา จึงเอาผมปดิ ตัว เดนิ เข้าไปหา แกด่ ฉิ นั ” ขอนา้ ดม่ื จากทา่ น โดยกราบเรียนว่า “ต้งั แตด่ ฉิ ัน เม่อื พระเถระได้ทราบเร่ืองทัง้ หมดแล้ว ตายจากมนษุ ยโลกเป็นเวลา ๕๕ ปแี ลว้ ยัง เพ่อื จะทาการอนุเคราะห์นางเปรต จงึ ได้ถวาย ไมไ่ ด้กินข้าวและด่มื น้าเลยสักคร้งั เดียว ขอท่าน น้าดมื่ อาหารบิณฑบาต และถวายฟกู จงใหน้ า้ ดื่มแก่ดิฉนั ผกู้ ระหายนา้ ด้วยเถิดเจา้ คะ่ ” หมอนทีท่ าขนึ้ จากผา้ บังสกุ ลุ จวี รทเี่ กบ็ มา พระเถระ กลา่ ววา่ “แม่น้าคงคานี้ มีนา้ จากป่าช้าแก่ภกิ ษุทั้งหลาย แลว้ อุทิศบญุ เยน็ ไหลมาจากภเู ขาหมิ พานต์ เธอจงตักนา้ จาก เหลา่ น้นั แก่นางเปรต เมอ่ื นางเปรตรับรู้ และ แม่นา้ คงคานั้นดม่ื เถดิ จะมาขอเราทาไม” อนุโมทนาบญุ แล้ว จึงไดท้ ิพยสมบัติ พน้ จาก นางเปรตตอบว่า “พระคณุ เจ้า ผเู้ จริญ ความเปน็ เปรต เปลย่ี นภพภูมเิ ปน็ เทพธิดา ถ้าดฉิ ันตักน้าในแม่น้าคงคามาดื่มเอง น้าน้ันจะ ตอ่ มา นางจึงได้มาปรากฏตัวใหท้ ่านเห็นเพ่ือ กลายเป็นเลอื ด เพราะผลแห่งบาปกรรมของ บอกเล่าว่าไดร้ บั ผลบุญแล้ว ดฉิ นั ” ท่านพระเรวตะได้บอกเลา่ เร่ืองนแี้ กผ่ ้คู น พระเถระ ถามวา่ “เม่ือก่อนเธอได้ทา ท้ังหลาย เพื่อนามาเปน็ อทุ าหรณส์ อนใจ พวก กรรมชวั่ ทางกาย วาจา ใจอะไรไวห้ รือ เพราะผล อบุ าสกและอบุ าสกิ า เมื่อได้ฟังธรรมเรอ่ื งน้ีแลว้ เกดิ ความสงั เวชใจ เห็นโทษความตระหนี่ และ ๖๗ พระท่ชี ่ือเรวตะมี ๒ รปู รูปหนง่ึ ช่ือขทริ วนยิ เรวตเถระ ซง่ึ เป็นพระ ผลกรรมจากการพดู สาปแชง่ ได้เข้าใจอานิสงส์ น้องชายของท่านพระสารบี ุตร มีเอตทคั คะในการอยปู่ ่า อีกรูปหน่งึ ช่ือ กงั ขารเรวตเถระ คือพระเถระรูปนี้
อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๔๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า แหง่ ทาน ปราศจากความตระหนี่ ยินดใี นการให้ เหตุการณข์ องครอบครัวนี้แตกต่างจาก ทานและรกั ษาศลี เปน็ อย่างย่ิงเหนือสง่ิ ใด ครอบครัวของนางวิสาขามหาอบุ าสกิ า ซ่งึ เปน็ พระโสดาบนั ต้งั แต่อายุ ๗ ขวบ เมื่อมาแต่งงาน ข้อคิดและคติธรรม กับสามีต่างศาสนา และพ่อแมข่ องสามีก็เป็น ๑.ลูกไมห้ ล่น ไกลตน้ มิจฉาทิฏฐิอีกด้วย แตด่ ว้ ยสติปญั ญาของนาง คนจิตใจตา่ งกัน วสิ าขา ก็ช่วยเปลยี่ นครอบครัวทม่ี ืดบอดให้ได้ มารดาของอตุ ตรมานพ เป็นคนตระหนี่ถ่ี ดวงตาเห็นธรรม โดยการเพ่มิ บุญจากการให้ เหนยี วอย่างมาก ไมศ่ รทั ธาเลอื่ มใสในพระ ทานแดพ่ ระอรยิ สงฆ์และผ่านการฟังธรรมจาก รตั นตรยั และไม่ชอบให้ทาน ตรงกันขา้ มกบั ลกู พระพุทธองค์ แม้ครอบครัวของนางอุตตรา ธิดา ชาย ซ่งึ เป็นคนมีบุญบารมี มศี ีลธรรมประจาใจ ของปุณณเศรษฐกี ็เชน่ กัน ชอบทาบญุ ใหท้ าน เป็นอภิชาตบุตรและเป็น พระโสดาบัน ฝา่ ยผ้เู ป็นแม่ แมเ้ หน็ ลกู ชายให้ ๒.บญุ -บาป ใครทา ใครได้ ทาน กไ็ ม่เลอื่ มใส ไม่ปลาบปล้ืม ไม่อนุโมทนา คนสว่ นมาก มกั เขา้ ใจคลาดเคลื่อนและ บุญด้วย แถมซา้ ยงั เกิดความไม่พอใจ เสียดาย เข้าใจผดิ คดิ ว่า เม่อื ลกู ทาดี พ่อแมก่ ็จะได้รับผล สิ่งที่ลกู ถวายพระสงฆ์ไป และพดู จาสาปแช่งลูก บุญน้ันด้วย เพราะถ้าเหตผุ ลเปน็ เช่นนัน้ จริง ของตัวเองอกี ต่างหาก แมม้ บี ุญรว่ มกนั ในปาง ในทางตรงข้าม ถา้ ลกู ทาบาป พ่อแม่กต็ อ้ งมีส่วน กอ่ น ทาให้เกิดมาเปน็ แมล่ ูกกนั ในชาติปัจจบุ ัน แหง่ บาปน้ันดว้ ยเช่นกนั แตค่ วามจรงิ ไม่เปน็ เม่ือมีบญุ ไม่เท่ากนั จงึ ทาให้แม่และลูกคู่นี้ มี เชน่ นั้น บญุ -บาปเปน็ ของใครของมนั ใครทา จิตใจแตกต่างกัน ไมด่ งึ ดดู กนั คนหน่ึงใฝบ่ ุญอีก คนน้นั ได้ ใครไม่ทา คนนน้ั ก็ไม่ได้รับผล แต่ คนใฝบ่ าป ถ้าลูกทาดี แม่รบั รูอ้ นโุ มทนาด้วย แมย่ ่อมมสี ว่ น แมล้ ูกชายไดบ้ รรลุธรรมเปน็ พระโสดาบนั แห่งบญุ น้ันด้วย แตถ่ า้ แมไ่ ม่ไดย้ ินดีด้วย กไ็ ม่ได้ แตก่ ไ็ ม่สามารถบอกสอนผ้เู ปน็ แม่ซ่งึ เป็น รบั แม้เรอื่ งบาปกม็ ีนยั เช่นเดยี วกันนี้ นายอตุ ตระ มจิ ฉาทฏิ ฐิให้เป็นสมั มาทิฏฐไิ ด้ หรือใหเ้ กดิ ทาบุญใหท้ านด้วยใจเล่อื มใสศรทั ธา แต่แม่กลับ ศรัทธาเล่อื มใสในพระรตั นตรยั ได้ ทงั้ น้เี พราะ ไมช่ อบ ไมพ่ อใจ โกรธ ไม่อนุโมทนายินดดี ว้ ย วบิ ากของอรยิ ุปวาทที่แม่ด่าสาปแชง่ ลูกใน แถมสาปแช่งอกี ผลตามมา ลกู ได้บุญ แต่แม่ ฐานะเปน็ โสดาบนั น้ันปดิ ก้นั เอาไว้ เม่อื แม่ไมไ่ ด้ ได้บาป ลกู ไปเกิดในสคุ ตโิ ลกสวรรค์ สว่ น ขอโทษ อรยิ ุปวาทกรรมนี้ จึงส่งผลได้ตลอดเวลา แม่น้นั ลงอบายไปเกิดเปน็ เปรต และเร่อื งทีแ่ ม่จะขอโทษลูกนั้น เปน็ ส่ิงท่ีเปน็ ไปได้ ยากมาก จงึ ทาให้แมจ่ ิตมืดบอดตลอดมา
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๔๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจ้า ๓.บญุ -บาป แยกส่วนกนั ศาสดาท้ัง ๗ ทา่ นเหล่านั้นอยา่ งเปรยี บเทยี บกัน บุญสว่ นบญุ บาปส่วนบาป ไมป่ นกนั ไม่ได้ เพราะไม่มีการทาบาป หรอื การขุดโค่น เพราะโดยปกติ บญุ กับบาป เป็นคนละฝา่ ย ทาลายบุญกุศลความดงี ามของตนใดๆจะ เขา้ กนั ไมไ่ ดเ้ หมือนสขี าวกบั สดี า แม่ของนาย ร้ายแรงเทา่ ทากับพระอริยสาวก เพราะฉะนน้ั อตุ ตระทาบาปดว้ ยการสาปแชง่ ลกู เมอื่ บาป แม่ไดด้ ่าสาปแชง่ ลกู ชายในฐานะเป็นโสดาบัน ส่งผล ก็ตอ้ งไดร้ ับผลแห่งบาปอกุศลนน้ั ส่วนบุญ ถือว่า เปน็ กรรมหนกั ชีวิตหลงั ตายแล้ว จงึ ได้ ที่นางคนนี้ทาด้วยการถวายกาหางนกยูง ส่งผล เกิดเป็นเปรตในโลกโอปปาติกะซ่ึงมชี ีวิตอย่ดู ้วย ทาใหน้ างแม้จะเกดิ เป็นเปรต แตม่ เี สน้ ผมนุ่ม ความยากลาบากโหยหิวอยา่ งนา่ สงสาร สลวยสวยงาม ดกดา ยาวจรดพ้ืน กุศลกรรมกับ อกศุ ลกรรม หรอื บุญกบั บาป ตา่ งกท็ าหนา้ ทข่ี อง ๕.บาปแกด้ ้วยบุญ ตวั เองอย่างยุตธิ รรม ขน้ึ อยู่กบั วา่ กรรมส่วนไหน ในภพภูมิเปรต ไมม่ กี ารแลกเปลยี่ นซื้อ มนี า้ หนกั มากกว่ากัน ขาย ไมม่ กี ารทาไรไ่ ถนา อาหารของเปรต กม็ ีแต่ นา้ ลาย นา้ เลอื ด น้าหนอง เสลด๖๘ หรอื บุญกุศล ๔. ด่าพระโสดาบัน..บาปมาก จากญาติทีอ่ ุทิศไปให้ เมื่อไดช้ ดใช้บาปกรรม จน การพดู ตาหนิ ด่าว่าพระโสดาบนั ถอื วา่ เบาบาง บญุ เกา่ เริ่มสง่ ผล ผลักดนั ให้นางเปรต เปน็ บาปอย่างมาก ท่ีวา่ “บาปมากน้ัน” บาปแค่ มาเจอท่านพระเรวตะ อรหันต์ขณี าสพ ซง่ึ อยู่ ไหน บาปมากกวา่ ด่าศาสดาหรือดาบสท้งั ๗ ในฐานะทจี่ ะชว่ ยนางผูป้ ระสบทกุ ข์ใหถ้ ึงสขุ ได้ ท่านซ่งึ เป็นผูไ้ ด้ฌานสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ ฉะน้ัน บาปแก้ได้ด้วยบุญ อกุศล แก้ได้ดว้ ย คอื สุเนตตศาสดา...มูคปกั ขศาสดา...อรเนมิ กศุ ล ความชว่ั แกไ้ ดด้ ้วยความดเี หมือนความ ศาสดา...กทุ ทาลศาสดา...หตั ถปิ าลศาสดา... มดื แก้ได้ดว้ ยความสวา่ ง นา้ เค็มแก้ไดด้ ้วยการ โชติปาลศาสดา...และอรกศาสดา ศาสดา เตมิ น้าปกติใหเ้ พ่มิ ปรมิ าณมากๆขึ้น เพ่ือความ หรอื ดาบสเหล่านี้ เป็นอดีตชาติของพระพุทธองค์ เจือจาง จนหมดรสเค็ม ในขณะท่บี าเพญ็ บารมีเพื่อโพธิญาณ ได้สัง่ สอน ในกรณี เปรตบางจาพวกทบี่ าปยงั สง่ ผล สาวกเพ่อื บังเกดิ ในพรหมโลก การด่าศาสดาผ้ไู ด้ รนุ แรงอยู่ แม้พระพุทธเจา้ ก็ชว่ ยไม่ได้ เหมอื น ฌานสมาบตั ิ ได้บาปเป็นลา้ นๆเท่าอยู่แลว้ แต่ เปรตซึ่งเคยเป็นญาติกบั พระเจา้ พมิ พสิ าร ได้ไป การด่าพระโสดาบันทา่ นเดยี ว บาปมากกว่าด่า ทูลถามพระพทุ ธเจ้ากัสสปะวา่ อกี นานเท่าไหร่ จะมีคนทาบุญอุทิศไปให้ แม้พระพทุ ธเจ้า องั .สตั ตก. (แปล) ๒๓/๑๖๗ สุเนตตสตู ร, ๖๘ สงั .ส.(แปล) ๑๕/๓๔๔ ปยิ งั กรสตู รและอรรถกถา ม.อุ. (แปล)๑๔/๔๒๔-๔๓๑ ทักขิณาวภิ ังคสตู ร, องั .นวก. (แปล) ๒๓/๔๗๐-๔๗๕ เวลามสตู ร
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๕๐ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ พระองค์นนั้ ก็ชว่ ยไมไ่ ด้ เพราะเปรตเหลา่ นั้น ยัง สมยั เปน็ มนุษย์ ในขณะทีน่ า้ กลายเป็นเลอื ด ถูกวิบากกรรมปดิ ก้ันเอาไว้ ต้องรอคอย นางเปรตกไ็ มส่ ามารถด่ืมได้ และไม่รวู้ า่ จะทา ยาวนานถงึ ๑ พทุ ธนั ดร จงึ พน้ จากความเป็น อย่างไรถงึ จะเปล่ียนให้เป็นปกติได้ จึงไม่ได้ด่ืม เปรต เพราะพระเจ้าพมิ พสิ ารทาบญุ แล้วอุทิศไป นา้ ทาใหก้ ระหายนา้ อยูอ่ ย่างนเ้ี ป็นเวลา ๕๕ ปี ให้ เมอ่ื พวกเปรตรับรู้ และอนโุ มทนา ย่อมได้รบั (นับเวลามนษุ ย์) แต่น้าจะไมก่ ลายเป็นเลือด ส่วนบญุ ตามสมควรแกเ่ หตุ สาหรับเปรตผทู้ ไ่ี มม่ กี รรมอยา่ งนี้ หลังจากท่าน พระเรวตะ ไดท้ าบญุ แล้วอทุ ิศไปให้ นางเปรต ๖.โลกโอปปาตกิ ะ รับรู้และอนโุ มทนา ก็เปลีย่ นภพภูมแิ ละไดร้ บั ในโลกโอปปาติกะ หรือ โลกทพิ ย์ทงั้ เสวยทิพยส์ มบัตินนั้ ทันที อบายภมู หิ รือสขุ คติภมู ิ ทุกอยา่ งเกิดจากวิบาก แม้ในโลกมนุษย์ ก็มีทางเป็นไปได้ ของกรรมล้วนๆ คือเกดิ จากวบิ ากกรรมทอี่ ยูใ่ น เชน่ เดียวกนั ดูตัวอย่างดินกลายเป็นทองคา ภวังคจติ ซง่ึ เปน็ ผลสืบเนอื่ งมาจากกรรมท่ีทาไว้ ซง่ึ เกดิ จากผลบญุ ท่ีนายปุณณะและภรรยาได้ ในตอนเปน็ มนุษย์ ใครจะเกดิ ในภพภมู ไิ หน จะ ถวายอาหารบิณฑบาตแก่ท่านพระสารีบุตรผู้เพงิ่ เป็นสุคติหรอื ทุคติ มสี ภาวะแวดล้อมดีเลว ออกจากนิโรธสมาบตั ิ ขณะทรี่ าชบรุ ุษเจา้ หน้าที่ อยา่ งไร ทัง้ น้ี ก็ข้ึนอยู่กับสภาพและคุณสมบัติ ทางการจะขนไปด้วยคิดว่าเป็นของพระราชา ของจิตก่อนตาย เพราะจิตเป็นตัวสรา้ ง ทองคากลับกลายเป็นดิน แตพ่ อเปลี่ยนความคิด รา่ งกายและสง่ิ แวดลอ้ ม ถ้าจิตเศรา้ หมองขุน่ ใหมว่ ่าเป็นของนายปุณณะ ดินก็กลบั กลายเปน็ มัว กไ็ ปทุคติ จิตผอ่ งใสเบาสบายกไ็ ปเกดิ ในสคุ ติ ทองคาดังเดิม หรอื ในกรณีเงินทองกลายเป็น และก่อนจะสิ้นใจตาย วิบากกรรมย่อมทางาน ถา่ นแล้วกลบั กลายมาเปน็ เงนิ ทองเหมอื นเดมิ โดยอัตโนมัติ ไม่มีเทพเจา้ ตนใดทมี่ ีอานาจมา ด้วยอานาจของบาปและบญุ ๖๙ กเ็ ป็นไปได้ ไม่ ลิขิตชีวิตเราใหเ้ กิดในสวรรค์หรือนรกได้ จาตอ้ งพูดถงึ โลกโอปปาติกะ เพราะในโลกนั้น นอกจากกรรมดี หรือกรรมชัว่ ทต่ี นเองทาไว้ใน ทุกอยา่ งขน้ึ อย่ทู ี่ใจ (มโนมยรูปงั )วัตถุทุกอยา่ ง ขณะทเ่ี ป็นมนษุ ย์เท่านั้น เป็นไปตามอานาจจิต ขึ้นอยกู่ บั สภาพของจิตใจ นา้ ทีป่ รากฏเปน็ เลือดในสายตาของเปรต เป็นสาคัญ ตนน้ี คอื น้าในโลกโอปปาติกะหรือในโลก เร่อื งความเปน็ ไปของโลกโอปปาติกะที่ เปรตไม่ใช่นา้ ในโลกมนษุ ย์ แตม่ นั ซอ้ นกันอย่อู กี ปรากฏในคมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ กและอรรถกถามี คนละมติ ิ หรอื คนละช่วงคลืน่ สาเหตทุ ่ีน้า เนื้อหารายละเอียดนอ้ ยมาก ไมพ่ อที่จะ กลายเปน็ เลอื ดนนั้ เพราะวบิ ากกรรมท่ีเคย สาปแชง่ ลกู ชายซึ่งเป็นพระโสดาบันเอาไวใ้ น ธ.ป. ๖/๒๖๓-๒๗๘ เรอื่ งอตุ ตราอบุ าสิกา ๖๙ ธ.ป. ๔/๒๑๖-๒๒๒ เรอื่ งนางกสิ าโคตมี
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๕๑ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ทาการศกึ ษาวิจยั ได้ให้ละเอียดลกึ ซ้งึ แตจ่ าก ถึงแมร้ ่างกายมนษุ ย์หรือสรรพส่งิ ในจักรวาล ประสบการณ์ที่ผ้เู ขียนได้ศึกษาค้นคว้าขอ้ มลู ล้วนขน้ึ อยกู่ ับสภาพจิตเป็นสาคญั ของสานกั คน้ ควา้ ทางวิญญาณของอาจารย์ พร รตั นสุวรรณ๗๐ ผูเ้ ชีย่ วชาญแตกฉานธรรมะ ๗.พระอรหนั ต์ทาบุญ และเร่อื งโอปาตกิ ะอยา่ งมากซึ่งเป็นที่เช่อื ถอื ได้ พระอรหันต์ ชื่อว่าเปน็ ผู้ละบญุ และบาป ไมห่ ลอกลวง โดยใชใ้ ห้คณุ ศรเี พ็ญ จัตทุ ะศรซี ึง่ ไดห้ มดส้ินแล้ว การกระทาทกุ อย่างของท่านจึง มีสมาธจิ ติ ดเี ยี่ยมเป็นเคร่อื งมอื ส่ือกลางในการ ไมเ่ ป็นบุญ-บาปอีกตอ่ ไป เป็นเพยี งแค่กิริยา คอื ติดตอ่ กับโอปปาติกะผูท้ เ่ี ป็นนกั วิทยาศาสตร์ สกั แต่วา่ ทาเทา่ น้ันก็จรงิ แต่เมอ่ื พระอรหันตผ์ ู้มี และนกั บวช นกั ปกครองท้ังคนไทยและ จติ บรสิ ุทธิไ์ มม่ ีกเิ ลสเจอื ปนทาบุญใหท้ านแก่อรยิ ชาวตา่ งชาติ เป็นตน้ ดว้ ยการอญั เชญิ ประทับ สงฆส์ าวกซ่ึงเป็นเนอ้ื นาบุญอันยอดเยีย่ ม ย่อม ทรงและเขา้ สมาธไิ ปสอบถามเร่อื งต่างๆอนั เป็น เกดิ ผลอนั ยิง่ ใหญ่ไพศาล เพราะวตั ถุส่งิ ของที่ สารประโยชนท์ ี่ต้องการรู้ ทาใหผ้ เู้ ขยี นไดค้ วาม ไดม้ าบริสทุ ธิ์ ผใู้ ห้ทาน มศี ีลบรสิ ทุ ธ์ิ แมเ้ จตนา กระจา่ งในเรอ่ื งนี้อย่างมาก ซงึ่ เป็นขอ้ มูลท่ี ก่อนให้ ขณะให้และหลังให้กบ็ รสิ ทุ ธ์ิ อีกทัง้ อรยิ สอดคลอ้ งกับหลักคาสอนในพระไตรปฎิ ก สาวกซ่ึงเปน็ ผ้รู ับทาน ก็เป็นผู้มีศลี บริสทุ ธิ์ดว้ ย แม้ในยุคปจั จุบัน มีผลงานวจิ ยั ทาง เช่นกนั ดังนั้น การทาบญุ ให้ทานของท่าน วิทยาศาสตรท์ ่ีได้พิสูจนใ์ ห้ชาวโลกเหน็ แลว้ ของ พระเรวตะทท่ี ากบั พระภิกษสุ งฆ์เหลา่ น้ัน จงึ ดร.มาซารุ เอะโมโตะ (Dr.Masaru Emoto) จาก เกิดผลมีอานสิ งสม์ าก เม่อื นางเปรตได้อนุโมทนา หนังสือชื่อ Messages from Water ซ่ึงเป็นผลงาน บญุ จงึ เกิดผลอันย่งิ ใหญ่ การวิจัยทโ่ี ดง่ ดงั ไปทว่ั โลก เขาใช้กลอ้ งสอ่ งดู อรรถกถาทกั ขณิ าวภิ งั คสูตรไดก้ ลา่ วถึง โมเลกุลของน้าทีน่ ามาจากแหล่งต่างๆ พบว่ารูป การใหท้ านของพระอรหนั ต์ผู้ไม่มกี ิเลสปราศจาก ผลึกของนา้ มีความสวยงามและน่าเกลยี ด ราคะถวายแก่พระอรหันต์ด้วยกันน้นั มผี ลลา้ แตกตา่ งกันไปข้นึ อยู่กับสภาพจติ ของคนท่ีสง่ เลิศสูงสุด ถ้าคาถามวา่ ระหวา่ งพระพุทธเจา้ พลังเข้าไปสัมผัส เชน่ รปู ผลกึ ของนา้ ท่เี กดิ ให้ทานแก่ท่านพระสารีบุตรกบั กรณที า่ นพระ จากเสยี งสวดมนต์จะกลายเป็นแก้วผลึก สารีบุตรถวายทานแด่พระพุทธเจา้ อานิสงสแ์ หง่ สวยงาม แตท่ ีเ่ กิดจากเสยี งด่า จะกลายเป็น ทานของใคร จะมีผลมากกวา่ กัน คาตอบกค็ ือ รูปรา่ งนา่ ขยะแขยง ทงั้ นี้แสดงให้เห็นวา่ ทานที่พระพทุ ธเจ้าถวายแก่ท่านพระสารีบุตรมี รปู รา่ งของน้าเปลีย่ นไปตามคุณภาพของจิต ผลมากกวา่ ทานท่ีพระเถระถวายแด่พระศาสดา ในฐานะทรงเป็นผใู้ หม้ ีคุณธรรม คอื ศีล สมาธิ ๗๐ พร รัตนสวุ รรณ “แว่วเสียงสวรรค์ เล่ม ๑-๕” หรือ “โลกทพิ ย์ และปญั ญาสงู กวา่ สาวกนน่ั เอง ภาค ๑-๔” พิมพท์ ่ีโรงพิมพ์วิญญาณ บางลาพู กทม. ๒๕๓๙
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๕๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจา้ หลงั จากดาบสท้งั สองทา่ น ได้ทักทาย ปราศรัยกันแล้ว ในเวลาจะนอน นารทดาบส ตัวอย่างเปรยี บเทียบ เรือ่ งท่ี ๑ กาหนดทศิ ทางทเี่ ทวลดาบสนอนและประตู ผลกรรมจากการสาปแช่ง ทางออกอย่างดีแลว้ จงึ ค่อยนอน สว่ นเทวล ดาบสผูไ้ ดฌ้ านอภิญญา๗๑ ดาบสนน้ั พอจะเขา้ นอนจรงิ ๆ ไมน่ อนท่เี ดมิ กลบั ไปนอนขวางประตูทางออก ตอนกลาง ในอดตี กาล ณ เมืองพาราณสี ซ่ึงมพี ระ คอื นารทดาบส ขณะท่ีออกไปปัสสาวะ ไม่ทัน เจา้ พาราณสี เปน็ ผู้ปกครอง มดี าบสตนหนึ่ง ระวงั จึงเหยียบเข้าทชี่ ฏาของเทวลดาบส เมื่อ ชอ่ื เทวละ ปฏิบตั ธิ รรมอยู่ในป่าหมิ พานตเ์ ป็น ได้ยินเสยี งวา่ “ใครเหยียบศรี ษะเรา” นารทดาบส เวลา ๘ เดือน ฉนั แต่อาหารมังสวิรตั ิ ประเภท ตอบวา่ “ท่านอาจารย์ ผมเอง ขอรับ” ผลไม้เผือกและมนั ช่วงเดือนในหน้ารอ้ น คิด เทวลดาบส พูดอยา่ งไมพ่ อใจออกไปวา่ อยากจะเปลยี่ นรสชาติของอาหารบ้าง จงึ “ ไม่ดตู าม้าตาเรือเลย เดินซุ่มซ่าม เหยียบทีช่ ฎา เดินทางจากปา่ เขา้ มาสู่เมือง พบเจา้ หนา้ ที่เฝา้ ของเราไปได้” นารทดาบส เรียนว่า “ ขอโทษ ประตูเมอื ง จงึ ได้สอบถามถึงสถานที่พกั ของพวก ขอรับ ท่านอาจารย์ ผมไม่ทราบจริงๆว่าท่านมา บรรพชิต ได้รบั คาตอบวา่ ทโ่ี รงนายชา่ งหม้อ จึง นอนที่น”ี่ เทวลดาบสคิดว่า นารทดาบส ตอน เดนิ ไปขอพกั แรมหน่ึงคืนกับเจ้าของสถานท่ี ช่าง เข้ามาจะต้องเหยียบชฎาของเราอีก จงึ หัน หมอ้ บอกวา่ “กระผมไม่ได้ทางานตอนกลางคนื ศรี ษะไปทางเทา้ สว่ นนารทดาบส หลงั จากทา สถานทก่ี ็กว้างขวาง นิมนต์ท่านพักตามสบายเถิด ธรุ ะสว่ นตวั เสรจ็ แลว้ ก็คดิ ในใจวา่ “ตอนแรก เรา ขอรบั ” ผดิ เองทไ่ี ม่ทนั ระวงั แต่ครั้งน้ี คงไม่ผดิ พลาดอีก เม่อื เทวลดาบส เขา้ ไปพกั ขา้ งใน เพราะเราจะเข้าไปโดยทางเท้าของท่าน” ขณะท่ี เรยี บร้อยแล้ว ยงั มดี าบสอีกตนหนงึ่ ชือ่ นารทะ เขา้ มาขา้ งใน กเ็ หยยี บเขา้ ท่คี อของเทวลดาบส เดนิ ทางมาจากป่าหมิ พานต์ ได้มาขอพกั แรม อกี เม่อื ถกู ถามวา่ “ใครเหยยี บท่คี อเรา” จึงตอบ ราตรหี น่ึงเช่นกนั นายช่างหม้อ จึงบอกใหไ้ ป วา่ “ทา่ นอาจารย์ ผมเอง” สอบถามกับดาบสผูท้ เี่ ข้าไปกอ่ น แล้วตกลง ครัง้ นี้ เทวลดาบสโกรธมากกวา่ ครงั้ แรก กนั เอง นารทดาบส จึงได้เขา้ ไปข้างในโรงหมอ้ จงึ พูดดว้ ยความโมโหวา่ “เป็นดาบสบ้าอะไร คร้ัง เพ่ือขออนญุ าตกับผู้ท่ีเข้ามาอยกู่ อ่ น ฝ่ายเทวล แรกเหยยี บทีช่ ฎา ครง้ั ท่ี๒ ยังมาเหยียบที่คออีก ดาบส ก็ตอบตกลง เราจะขอสาปท่านใหม้ อี ันเป็นไป” นารทดาบส จึง พดู ด้วยความอ่อนนอ้ มวา่ “ทา่ นอาจารย์ แตค่ ร้ัง ๗๑ ธ.ป. ๑/๕๖-๖๑, เรอื่ งพระติสสเถระ นี้ ผมไมผ่ ิดนะขอรบั เพราะไมท่ ราบจริงๆวา่ ท่าน
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๕๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ นอนหันศรี ษะมาทางน้ี กระผมคดิ วา่ ‘คร้งั แรก เรา ถึง ๔๐ กปั และหย่ังรูอ้ นาคตชาติได้อกี ผดิ เองทไ่ี ม่ทันรู้ แตต่ อนเข้าไปใหม่ เราจะเข้าไปทาง ๔๐ กปั จงึ สามารถรู้อย่างนัน้ ได้ แต่ด้วยอาศัย เท้าทา่ น’ กระผมขอโทษอีกครง้ั ขอรบั ” ความเมตตาและความกรณุ าตอ่ เทวลดาบส จงึ เทวลดาบส พดู อย่างความไมพ่ อใจวา่ ใชฤ้ ทธหิ์ ้ามดวงอาทิตย์ไม่ใหข้ น้ึ “ดาบสบ้า เราจะขอสาปท่านใหม้ ีอนั เป็นไป” นา เมอ่ื ดวงอาทติ ยไ์ มข่ ้นึ ประชาราษฎร์ จึง รทดาบส จึงขอร้องไม่ให้ทาอย่างนน้ั แต่ เทวล พากันมารอ้ งเรียนท่รี าชตระกลู พระราชาทรง ดาบส ไม่ยอมฟงั เลย จงึ พดู สาปแช่ง นารท พิจารณาจริยาอนวุ ัตรของพระองค์ มไิ ด้ทรงเห็น ดาบสด้วยความโกรธวา่ “ดวงอาทติ ย์ มีแสง ความบกพร่องอนั ไมส่ มควรอะไรๆ จึงดารวิ า่ เจิดจา้ ร้อนแรง ก้าจัดความมดื พอข้ึนมาใน เรือ่ งนี้ อาจจะเก่ียวกบั การทะเลาะวิวาทของพวก เวลาเชา้ ขอให้ศีรษะของทา่ นจงแตกออก ๗ บรรพชติ ก็เปน็ ได้ จงึ ตรัสถามไปวา่ “มีพวก เสีย่ ง” บรรพชติ ทเ่ี ขา้ มาพักอาศัยในเมืองนี้ บา้ งไหม” ฝา่ ยนารทดาบส กลา่ ววา่ “ทา่ นอาจารย์ เมื่อมีผู้กราบทูลวา่ “มี พระพุทธเจ้าข้า ผมไมม่ คี วามผิดนะขอรบั แต่ทา่ นมาสาปแช่ง ตอนเย็นวานนี้ มีดาบส ๒ ตน มาพักอาศัยในโรง กระผม ผู้ใดมคี วามผดิ ขอใหศ้ รี ษะของผู้นัน้ จง นายชา่ งหม้อ พระเจา้ ข้า” พระราชาพรอ้ มดว้ ย แตกเถิด ส่วนผูไ้ มม่ คี วามผิด ขอจงอยา่ แตก” เหลา่ ราชบรุ ษุ ได้ถอื คบเพลิงนาเสด็จไปทีน่ น้ั สักครู่ นารทดาบส มาน่งั คดิ คานึงวา่ คา ทรงนมัสการนารทดาบสแลว้ ประทับนัง่ ณ ที่ สาปน้ี จะตกไปทใ่ี คร จึงหย่ังรดู้ ว้ ยอภญิ ญา ควรขา้ งหนึ่ง ตรสั ถามถงึ สาเหตุที่พระอาทติ ย์ไม่ ญาณวา่ คาสาปนจ้ี ะตกไปท่ีเทวลดาบส สาเหตุ ขึน้ นารทดาบสจึงได้เลา่ เรือ่ งทัง้ ปวงถวาย ทน่ี ารทดาบส รเู้ ช่นน้ี เพราะเปน็ ผู้ทไี่ ด้ฌาน พระราชา ตรสั ถามวา่ “พระคณุ เจ้า ขอรบั จะทา สมาบตั ิ ๘ ทรงอภญิ ญา๕ มฤี ทธ์ิมอี านุภาพ อยา่ งไร เทวลดาบสถึงจะไม่เป็นอนั ตราย” มาก สามารถระลกึ อดีตชาติได้ อภิญญา ความรูย้ ่ิงยวดท่ีเกดิ จากอานาจสมาธิ แบ่งออกเปน็ ๕ ประการ คอื (๑) อิทธิวิธิ แสดงฤทธ์ติ า่ งๆ ได้ (๒) ทิพพโสต หทู พิ ย์ (๓) เจโตปรยิ ญาณ รู้ใจคนอื่นได้ (๔) ปพุ เพนวิ าสานุสสติ ระลึกถงึ ชาติได้ (๕)ทพิ พจักขุ ตาทพิ ย์ ท.ี ปา. (แปล) ๑๑/๑๑๘-๑๒๒ สมั ปสาทนยี สูตร สว่ นสมาบัติ ๘ หมายถึง การบรรลสุ มาธิข้ันสงู ได้แก่ ฌาน ๘ คือ รูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ โดยปกติ พวกนักบวชนอกพุทธศาสนา เชน่ ฤาษี ดาบส เป็นต้นระลึกชาติได้อยา่ งมาก ไม่เกิน ๔๐ กัป แตน่ เี้ ปน็ พระโพธิสัตว์ผู้ เป็นกรรมวาที เชือ่ กรรมและวิบาก จงึ มีกาลงั ฌานและอภญิ ญาสูงกวา่ พวกดาบสท่ัวไป เพราะระลกึ ได้ ๘๐ กปั ดู พรหมชาลสตู ร
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๕๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ นารทดาบส กลา่ วว่า “ ถา้ เทวลดาบส ยอมขอ ขอ้ คดิ ...คตธิ รรม จากเรือ่ งราวของสองดาบสทก่ี ล่าว โทษอาตมภาพ อนั ตรายก็จะไมเ่ กิด” พระราชา จึงตรสั ขอร้องใหเ้ ทวลดาบส ขา้ งตน้ ทาให้ได้แงค่ ิดและคตธิ รรม ดงั นี้ ขอโทษนารทดาบส แต่เทวลดาบส ไดพ้ ดู ปฏิเสธ ๑.สริ ิกบั กาลกณิ ีเข้ากันไมไ่ ด้ วา่ ตวั เองไมผ่ ดิ จงึ ไม่ยอมขอโทษ ฝา่ ยพระราชา สริ กิ บั กาลกิณี ถึงอย่างไร กเ็ ขา้ กันไม่ได้ ตรสั บอกถงึ เหตุผลวา่ ถา้ ไมข่ อโทษนารทดาบส คนดีกบั คนช่ัว บัณฑติ กับคนพาล คนดกี บั คนชั่ว ตวั ท่านจะมอี ันเป็นไปจนถึงแก่ชวี ติ ได้ แต่เทวล คนบญุ กับคนบาป ไมถ่ กู โฉลกกนั เข้ากันได้ยาก ดาบส ก็ดื้อดึง ปฏิเสธท่ีไมย่ อมขอโทษถ่ายเดียว เหมือนสขี าวกับสีดา เหมอื นน้ากบั น้ามันเขา้ กัน พระราชา เมอ่ื รู้ว่าเทวลดาบสไมย่ อมขอ ไม่ได้ ฉนั ใดก็ฉนั นั้น โทษแนแ่ ลว้ จึงรบั สงั่ ให้ราชบรุ ษุ จับลากตวั มา กราบขอโทษทเ่ี ท้าของนารทดาบส ฝา่ ยนารท ๒. อยู่ใกล้ชิดกบั คนพาล เป็นทกุ ข์ ดาบส กลา่ วคายกโทษใหว้ า่ “อาจารย์ เชญิ ทา่ น การอย่รู ่วมกบั คนพาล ก่อให้เกิดปัญหา ลุกขึ้นเถิด กระผมยกโทษให”้ แลว้ ถวายพระพร นามาซง่ึ การยงุ่ ยากลาบากใจ การอยกู่ นั คนท่มี ี วา่ “มหาบพติ ร ดาบสท่านนี้ ไมไ่ ดข้ อโทษอาตมา ศีลและทฐิ (ิ นิสัยและปญั ญา)ไมเ่ หมือนกัน หรอื ด้วยความเตม็ ใจ ไม่ไกลจากที่น่ี มีสระอยูส่ ระหนึ่ง ไมเ่ ท่ากัน เป็นทกุ ข์ ฉะนัน้ บัณฑติ ทัง้ หลาย เมอ่ื ขอพระองคร์ บั สง่ั ใหเ้ ทวลดาบส เอากอ้ นดินเหนยี ว ยงั ไม่เห็นคนท่ีมคี ณุ ธรรม กล่าวคือ ศีล สมาธิ ทนู บนศรี ษะ ยืนแช่น้าอยูใ่ นสระนนั้ ในระดับคอ” และปัญญาเหมือนตวั เอง อยู่คนเดยี ว สบายใจ พระราชารบั ส่งั ใหท้ าตามน้นั นารทดาบสบอก กว่า เพราะการคบกับคนทีม่ ีคณุ ธรรมต่ากวา่ ทา กาชับกับเทวลดาบสอกี วา่ เมอื่ ฤทธ์ถิ กู คลาย ให้เราเสอื่ มจากคณุ ธรรมเหล่าน้ัน เพื่อความ แลว้ เวลาทแี่ สงพระอาทติ ย์โผล่ขน้ึ ขอใหด้ าลง เจรญิ กา้ วหนา้ ในการปฏิบตั ธิ รรม พระพุทธองค์ ไปในนา้ แลว้ ไปโผล่ข้ึนทางอ่ืน ทรงสอนให้คบและเข้าไปเกีย่ วขอ้ งกบั คนทม่ี ี ก้อนดินเหนียวบนศีรษะของเทวลดาบส คณุ ธรรมเท่ากนั หรือเหนือกวา่ เท่านนั้ สว่ นคนท่ี พอถูกแสงพระอาทติ ย์ ก็แตกออก ๗ เส่ียง เทวล มีคณุ ธรรมน้อยกว่า ไมค่ วรคบเพราะจะทาให้ ดาบส จึงดาลงไปในน้า แล้วไปโผล่ข้นึ อกี ที่ ทุก คณุ ธรรมของตนเองเส่อื มไปด้วย เวน้ เสยี แต่วา่ อย่างก็ปลอดภยั ไม่เปน็ อันตรายต่อชีวติ จะเขา้ ไปช่วยเหลือหรืออนเุ คราะหเ์ ท่านนั้
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๕๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ ๓.คนพาลสนั ดานหยาบไมม่ ที าง มากมายเป็นล้านๆเท่า๗๒ ฉนั ใด ในทางตรง ทราบว่าบณั ฑติ เปน็ เชน่ ไร ขา้ ม ผลกรรมจากการดา่ สาปแชง่ ผ้ไู ด้ฌาน อสตั บรุ ษุ ยอ่ มไมร่ จู้ กั สัตบุรุษ คนชว่ั มอง อภิญญา ย่อมมีผลร้ายแรงเปน็ ล้านๆเทา่ คนดไี ม่ออก คือ จะมองเห็นคนช่ัวเป็นคนดี เห็น เหมือนกัน ฉนั นนั้ เมือ่ เปรียบเทียบผลจากการ คนดีเปน็ คนไม่ดี เหมือนคนบา้ เหน็ คนบ้า ทาดีและทาช่ัวกับผไู้ ด้ฌาน ระหวา่ งทาบญุ กับ เหมือนกันเป็นคนปกติ มองเห็นคนปกตกิ ลบั เป็น ทาบาป ทากุศลกบั ทาอกศุ ล ทาดีกบั ทาชวั่ ผล คนบ้า เพราะบาปกรรมปิดใจให้พรา่ มวั จงึ สะท้อนกลบั ของพลังบวกกบั พลงั ลบ ยอ่ ม ทาใหม้ องเห็นกงจักรเปน็ ดอกบวั มองเห็นชวั่ เหมือนกัน เข้าลกั ษณะท่ีวา่ สิ่งท่มี ีคณุ อนนั ต์ เปน็ ดี มองเห็นถกู เปน็ ผิด มองเห็นบัณฑิตเป็น ยอ่ มมีโทษมหนั ต์ คนพาล ชอบทาเรอื่ งเล็กใหเ้ ป็นเร่ืองใหญ่ ก่อ ความวนุ่ วายให้แกค่ นอืน่ ทาผิด แต่ไมย่ อมรบั ๕.ความผดิ ของคนอื่นเหน็ ง่าย ผดิ ทาตวั เปน็ คนรกโลก เป็นขยะท่เี น่าเหม็นและ แต่ความผดิ ของตนเองมองเหน็ ยาก เปน็ มลพิษต่อสงั คม ทา่ นผเู้ ป็นบัณฑติ ท้งั หลาย โปรด พิจารณาใหด้ ีว่า ในเรื่องนี้ ใครผิด ใครถกู กันแน่ ๔.ให้ทุกข์แกท่ ่าน ทกุ ข์นน้ั ถงึ ตัว ระหวา่ งเทวลดาบส ไม่นอนในที่ท่คี วรนอน แต่ คาสาปแช่งของเทวลดาบส ก็นามา กลบั ไปนอนขวางประตู กับนารทดาบส ไมไ่ ด้ทัน เทียบเคียงกับหลักอรยิ ุปวาทไดเ้ ชน่ กนั คือ การ สงั เกตแล้วเดนิ ไปเหยียบถกู ชฎาของเทวลดาบส คิดรา้ ย พูดใส่ร้ายผู้ไมม่ ีความผิด ยอ่ มทาใหผ้ ้นู ้นั และครง้ั ท่ีสอง ทั้งๆทร่ี อู้ ยู่แก่ใจว่านารทดาบสจะ มอี นั เปน็ ไปตา่ งๆ เหมอื นกับแกว่งเทา้ ไปหาเสย้ี น เดินเข้ามาทางประตูอีก แต่กลับไมเ่ ปล่ียนทน่ี อน หนาม เหมือนถม่ น้าลายรดฟา้ ปาคถู ใส่ดวง ใหม่แถมยังหันศีรษะไปในทิศทางตรงขา้ มอีก ทา จนั ทร์ ยอ่ มเป็นอันตรายตอ่ ตวั เองและทาให้ ให้ถูกเหยียบท่ีคอ แมค้ รัง้ แรก ไม่ใชค่ วามผดิ เหน่อื ยเปล่า โดยตรงของนารทดาบส แต่ท่านนารทะ กใ็ จ ถึงนารทดาบสจะเป็นปถุ ชุ น ไม่ได้เปน็ กว้างยอมรบั ว่าเปน็ ความผดิ ของตน แต่คร้งั ท่ี พระอรยิ บคุ คลขั้นใดขนั้ หน่งึ แตท่ ่านได้อภญิ ญา สอง เปน็ ความผดิ ของตนแท้ๆ แตย่ งั พดู วา่ เป็น ๕ สมาบตั ิ ๘ ช่อื ว่าเป็นผ้ทู รงฌานอภิญญา ความผิดของคนอน่ื อกี เทวลดาบส จึงโกรธ ไม่ ตามหลกั พทุ ธธรรม การให้ทานแก่ดาบสผไู้ ด้ พอใจ แล้วสาปคนอ่ืนใหม้ อี นั เป็นไปจนถึง ฌานอภิญญา มอี านสิ งส์ผลตามมาอยา่ ง สิ้นชวี ติ ๗๒ ม.อ.ุ (แปล) ๑๔/๔๒๔-๔๓๑,ทกั ขิณาวิภังคสูตร และอรรถกถา
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๕๖ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า เมือ่ เทวลดาบสมองไม่เห็นความผดิ ของ ยอ่ มมคี วามรู้ความสามารถพิเศษหรือความรู้ ตวั เอง จึงไมย่ อมรับผดิ ไมค่ ดิ ขอโทษ ดื้อดงึ แม้ เหนือประสาทสัมผสั ซึ่งเรียกว่ “อภิญญา” มีตา มีคนอื่นมาบอก ก็ไม่ยอมรับความจรงิ แถมยงั ทิพย์ หทู ิพย์ ระลึกชาตไิ ด้ เปน็ ต้น แตแ่ ลว้ ทาไม โกรธไมพ่ อใจ เพราะฉะน้นั เมื่อกเิ ลส คอื ดาบสนี้ ยงั เดินไปเหยยี บก้านคอและชฏาของ ราคะ โทสะ โมหะเกดิ ขึ้นแลว้ ยอ่ มบรรเทา เทวลดาบสอีกเลา่ คาตอบ คือ เพราะใน ได้ยาก ทาใหจ้ ิตขนุ่ มวั มดื บอด ปัญญาตีบตัน ขณะนน้ั นารทดาบส ไมไ่ ด้ใส่ใจในเรื่องน้ี ไมร่ ู้ผิด-ถกู ชวั่ -ดี แล้วทาผิดแล้วผดิ อกี โดยไม่ เนือ่ งจากอภิญญาณไม่ได้เกิดตลอดเวลา จะเกดิ ร้ตู วั ทาให้ชวี ติ ไมป่ ลอดภัย กต็ ่อเมื่อใส่ใจเท่านน้ั เพราะฉะนัน้ การท่ีนารทดาบสเกิดความ ๖. ขอขมาโทษแบบไมเ่ ตม็ ใจ ผิดพลาดที่เดนิ ไปเหยยี บคนอื่นน้ัน เกิดขึน้ ด้วย แกก้ รรมไม่สาเรจ็ ความไม่ได้ต้งั ใจ แต่เมือ่ ถกู เทวลดาบสสาป ฝา่ ย ตามหลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนา นารทดาบส คอ่ ยมาเขา้ ฌานตรวจสอบวา่ คา เมอื่ ใครได้ พูดลว่ งเกนิ ผมู้ คี ณุ ธรรม สามารถทา สาปนจี้ ะตกไปทใ่ี คร แล้วจึงรูด้ ้วยญาณอภญิ ญา กรรมนั้นใหก้ ลับมาเป็นปกตไิ ดด้ ว้ ยการสานกึ ผดิ ในภายหลงั แลว้ กล่าวคาขมาโทษ ส่วนเทวลดาบสนี้ ไมไ่ ด้ ทาดว้ ยความเตม็ ใจ แต่ทท่ี าไปเพราะถกู บงั คบั ๘. ยมิ้ ไวเ้ มื่อภยั มา ยิม้ สหู้ มู่ภัยพาล จงึ ไดผ้ ลไม่เต็มท่ี นารทดาบสจึงแนะนาให้ไป ส่วนบัณฑติ มีจติ ใจกว้างขวาง มเี หตุผล แก้เคลด็ เพ่ิม ซึง่ ไมไ่ ด้หมายความวา่ เปน็ การ ไม่มอี คติลาเอยี ง จติ ใจหนกั แน่นมั่นคง ใหอ้ ภัย กระทาแบบงมงาย เพราะถ้าดาบสนนั้ ไมท่ า ได้เสมอ ไม่ถอื โทษโกรธเคอื ง การท่ีเทวลดาบส ตาม จะตอ้ งเกดิ ผลร้ายกบั ตวั เขาแน่นอน แตเ่ มอ่ื จะมีอนั เปน็ ไปถงึ ขนาดส้นิ ชวี ติ ไม่ใช่เพราะ ทาแล้ว ใจก็จะออ่ นโยนลง ไม่แข็งกระดา้ ง เห็น คาสาปของนารทดาบส แตเ่ ป็นเพราะความ ความผดิ ของตนเองตามเปน็ จริง จงึ เท่ากับเป็น โกรธและคาสาปแช่งของตัวเองท่ไี ปทากบั ผมู้ ี การขอขมาโทษต่อนารทดาบสในอกี รูปแบบหน่งึ คณุ ธรรมสงู ซงึ่ ไม่มีความผิด และไม่ไดโ้ กรธตอบ จึงเกดิ ความปลอดภัย ไมถ่ ึงแกค่ วามตาย เพราะฉะนั้น การคดิ ร้าย พูดไม่ดีกบั ผมู้ ีคณุ ธรรม สูงสง่ ทท่ี ่านไมโ่ ตต้ อบ ไมโ่ กรธตอบ ทาให้พลัง ๗.อภิญญา ความร้เู หนอื ประสาทสมั ผัส ความคดิ อกุศลและพูดสาปแชง่ น้นั สะทอ้ น บางคนอาจจะสงสยั วา่ เม่ือนารทดาบส กลับคนื มาหาตวั ผทู้ าเอง การสาปแชง่ คนอ่ืน เข้าสมาธไิ ด้ลึกมาก ถงึ ระดับฌานที่ ๘ ท้ังรูป เขากเ็ ท่ากับสาปแช่งตัวเราเอง เพาะเมล็ดพันธ์ุ ฌานกับอรปู ฌาน ผทู้ ่ีเขา้ สมาธิได้ลกึ ระดบั น้ี อะไรไว้ ย่อมได้รบั ผลอย่างนัน้ อย่าลืมวา่ เจตนา
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๕๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ เป็นกรรม เมอื่ ต้องการใหค้ นอื่นมอี นั เป็นไปถงึ สาหรับผูส้ นใจต้องการศกึ ษา ขนาดสิน้ ชีวติ ก็มีค่าเท่ากบั ให้ตัวเองนนั่ แหละ รายละเอียดเพมิ่ เตมิ ตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทากับผู้ท่ีไมม่ คี วามผดิ และมีคณุ ธรรมสูง เพราะปลกู พืชชนิดใด ยอ่ ม ศาสดาหรอื ครชู อ่ื สเุ นตร/อรเนมิ ไดร้ ับผลชนิดนน้ั บม่ เพาะเมล็ดบาปชนิดใดไว้ ดู สุเนตตสตู รและอรรถกถา เมอื่ ถึงคราวที่เมลด็ บาปนั้น เจริญงอกงาม ผู้ องั .สตั . (แปล) ๒๓/๑๖๗ ปลูก ย่อมจะต้องไดร้ บั ผลบาปนั้น อย่าง ศาสดาหรอื ครู ชอ่ื มคู ปกั ขะ หลกี เลี่ยงไมไ่ ด้ หนไี มพ่ ้น ดู เตมยิ ชาดกและอรรถกถา ข.ุ ชา. (แปล) ๒๘/๑๘๓-๒๐๒ ๙. ผู้มีปญั ญา ย่อมแกป้ ญั หาได้ ศาสดาหรอื ครชู ือ่ กทุ ทาละ ในทุกสถานการณ์ ดูกทุ ทาลชาดก/เรอ่ื งพระจิตตหตั ถเถระ ถ้าหากนารทดาบสไมม่ ีความปรารถนาดี ข.ุ ธ.อ. (จติ ตวรรค) ตอ่ เทวลดาบส ชีวติ ของเขาก็ไมป่ ลอดภัยและถงึ ศาสดาหรอื ครูชอ่ื หตั ถิปาละ แกค่ วามตายทนั ทเี มื่อพระอาทติ ย์ขึ้น อกี ทง้ั ได้ พระราชา บงั คับให้เทวลดาบสขอขมาโทษด้วย ดูหตั ถิปาลชาดกและอรรถกถา แม้เขาจะทาด้วยความไมเ่ ต็มใจ แต่กท็ าให้ ข.ุ ชา. (แปล) ๒๗/๕๒๘-๕๓๒ บาปกรรมนน้ั ลดความเขม้ ขน้ ลง ถึงระดับเบา ศาสดาหรอื ครชู อ่ื โชติปาละ บาง แลว้ เสรมิ การแก้เคลด็ เพิม่ เตมิ ชีวิตของ ดู สรภังคชาดก และอรรถกถา เทวลดาบส จึงปลอดภัย ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๖๐๒- ๖๑๑ ศาสดาหรอื ครชู อ่ื อรกะ ดู อรกสตู รและอรรถกถา องั .สัตตก. (แปล) ๒๓/๑๖๗-๑๗๐ ๑๐.วถิ ีแห่งพระโพธิสัตว์ ตามธรรมดา พระโพธสิ ตั ว์ขณะทบ่ี าเพญ็ บารมีเพอ่ื โพธิญาณ ยอ่ มทาในส่ิงทีค่ นทัว่ ไปทา ไดย้ ากและไม่คิดจะทา พรอ้ มกันนี้ ยังเป็นผู้มจี ติ เมตตากรณุ าต่อผอู้ นื่ อยา่ งไม่มใี ครเทยี บได้ ฉะนนั้ แม้ตนจะไมม่ ีความผิด แต่เพอื่ ให้คนอ่นื ปลอดภยั และเปลยี่ นแปลงชวี ิตเขาดขี น้ึ พระ โพธิสัตว์ พรอ้ มเสมอที่จะใหก้ ารชว่ ยเหลือ โดย ไม่หวังผลตอบแทน
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๕๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ ตัวอย่างเปรยี บเทียบ เรอื่ งท่ี ๒ แมน่ า้ ไหลทวนกระแส ในเวลาเช้าตรู่ ชาติ ผลกรรมสาปแช่ง มนั ตดาบส ลงไปท่รี ิมฝงั บ้วนปาก ล้างหน้า ดาบสผู้ทรงฌานอภิญญา๗๓ ชาระชฏา (ผมที่มวยไว)้ ฝา่ ยมาตังคดาบส หลังจากทาความสะอาดฟนั เสร็จ โยนไมส้ ีฟันทง้ิ ในคร้ังอดีตกาลท่ีผ่านมา ณ เมอื ง ถ่มนา้ ลาย ลงในแมน่ ้า ไม้สฟี ันและนา้ ลาย ก็ พาราณสี มีดาบสตนหน่ึงชือ่ ชาติมันตะเปน็ คน ลอยทวนกระแสนา้ ขึ้นไปทางชาติมนั ตดาบส ถือตวั จดั ในเรอื่ งชนชั้นวรรณะ มักจะดถู กู คนทม่ี ี มาตังคดาบส อธษิ ฐานวา่ ขอใหไ้ มส้ ีฟันและ วรรณะตา่ ได้พักอาศยั อยู่ทีล่ ุ่มแมน่ า้ คงคา น้าลาย อย่าตดิ คนอื่น แต่จงตดิ ท่ชี ฏาของดาบสนั้น ต่อมาวันหน่งึ มาตงั คดาบสผ้เู ป็นพระโพธิสตั ว์ เพยี งผู้เดียว ทั้งนา้ ลายและไม้สีฟนั ก็ลอยไปติด ซ่ึงได้ฌานสมาบัติ ๘ อภญิ ญา ๕ ผา่ นมาทาง ทีช่ ฏาของดาบสนน้ั เทา่ นั้น ฝา่ ยชาตมิ นั ตดาบส นน้ั เมอ่ื ได้ยินข่าวของชาตมิ ันตดาบส คดิ อยาก เหน็ เหตุไม่ดี จงึ เกิดความไม่พอใจ คดิ สงสยั ไป อนเุ คราะหช์ ว่ ยเหลือให้ดาบสท่านน้ีละความถือ วา่ คงจะเป็นการกระทาของดาบสจัณฑาล จึง ตวั ความเยอ่ หยิง่ จองหอง จงึ เขา้ มาพักอาศยั อยู่ เดนิ ไปถามวา่ “ดาบสจัณฑาล เจ้าทาแม่นา้ ให้มนั ริมฝ่งั แม่น้าคงคาเช่นกัน พอมโี อกาส ไดเ้ ดนิ เขา้ ไหลทวนกระแสหรอื ” ไปหา เมอื่ สองดาบสเผชิญหน้ากัน ฝา่ ยชาติ มาตงั คดาบส ตอบวา่ “ขอรับ ท่าน มันตดาบส ถามขน้ึ ก่อนวา่ “ท่านเปน็ คนวรรณะ อาจารย์” อะไรหรอื ” มาตังคดาบสตอบวา่ “กระผมเป็น ชาติมันตดาบส จงึ พดู ว่า “ถา้ เช่นน้นั วรรณะจณั ฑาล ทา่ นอาจารย์” ดาบสผถู้ ือตัว จริง เจา้ อย่าอยู่ทางใตแ้ ม่นา้ คงคาเลย จงอยู่เสีย พอไดย้ ินอยา่ งน้นั จงึ ได้พูดตะเพดิ ว่า “ไป ไป เจา้ ทางเหนือเถอะ” มาตงั คดาบสโพธสิ ัตว์ รับคาวา่ คนจณั ฑาล มชี ้ันวรรณะต่า ไปอยูท่ างใตแ้ มน่ ้าคง “ขอรบั ทา่ นอาจารย์ กระผม จะอยใู่ นทีต่ ามที่ทา่ น คากแ็ ลว้ กนั อย่าไดม้ าทาน้าทางเหนือแม่น้าคงคา บอก” เม่อื มาพกั อยูท่ างเหนือน้า แล้วก็คลาย ใหส้ กปรกเลย” ฤทธิเ์ สยี กระแสนา้ ก็ไหลตามปกติ มาตงั คดาบส นอ้ มรับทันทวี า่ “ก็ดี เหมอื นเดมิ ชาตมิ ันตดาบส ประสบกับปัญหา เหมอื นกัน ท่านอาจารย์ กระผม จะไปอยตู่ ามที่ เช่นเดิมอีก จงึ ไปถามดาบสโพธสิ ตั ว์วา่ “ดาบส ท่านบอก” แลว้ กไ็ ปอยู่ทางใต้แมน่ า้ นั่งเข้าฌาน จัณฑาล บางคร้งั เจ้าทาแม่น้าให้มันไหลทวน สมาบตั ิ เมือ่ ออกจากฌานแล้ว อธษิ ฐานจิตให้ กระแส และไหลตามกระแสหรือ” มาตงั คดาบส ตอบวา่ “ขอรบั ท่าน อาจารย์” ชาตมิ ันตดาบส พอรวู้ า่ เป็นการกระทา ๗๓ ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๓ -๗๖ดู อปุ าลสิ ตู รและอรรถกถา ของดาบสน้แี น่แลว้ จงึ เกิดความโกรธ แลว้ ขุ.จริยา. (แปล) ๓๓/๗๕๓
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๕๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า สาปแช่งไปวา่ “เจา้ ทา้ ให้ดาบสผเู้ คยอยู่สขุ สบาย ตามกระแส หรือทวนกระแสได้ พระองค์ ลองไป มากอ่ น ไดร้ บั ความเดือดร้อน ขอให้ศีรษะของ สอบถามดาบสน้ันดู เพอื่ เขาจะรู้เรอื่ งนี้” เจ้า จงแตก ๗ เสีย่ งในวันที่ ๗ นับจากวนั นไี้ ป” พระราชาเสด็จไปหาดาบสโพธิสตั ว์ มาตงั คดาบส ตอบว่า “ดีเหมอื นกัน ท่าน อาจารย์ สว่ นกระผม ก็จะไม่ให้ดวงอาทิตย์ขนึ้ ” ตรัสถามวา่ “พระคณุ เจา้ ท่านใชฤ้ ทธิห์ า้ มไมใ่ ห้ พอพดู อยา่ งน้นั แลว้ กลับมาคดิ คานึงวา่ คา พระอาทติ ยข์ น้ึ หรือ” สาปแชง่ นี้ จะตอ้ งตกไปหาชาตมิ ันตดาบส เท่าน้ัน แลว้ จะทาใหเ้ ขามอี ันเปน็ ไปถงึ แก่ชวี ติ มาตังดาบส ทูลวา่ “ ใช่แลว้ มหาบพติ ร ” จะต้องรบี หาทางช่วยเหลือให้ทันท่วงที พระราชา ตรสั ถามวา่ “เพราะเหตใุ ดหรือ พระคณุ เจา้ ” พอเชา้ วันรงุ่ ขึ้น จึงใช้กาลังฤทธ์ิ หา้ ม มาตังคดาบส ทูลว่า “เพราะชาติมันต ไม่ใหด้ วงอาทติ ยข์ ึน้ เพราะความเมตตากรุณา ดาบส ไดส้ าปแชง่ อาตมาไว้ จงึ ต้องทาเช่นนั้น แต่ ต่อชาติมันตดาบส เมื่อพระอาทติ ย์ไมข่ ึ้น ผคู้ น อาตมา จะให้ดวงอาทติ ยข์ ้ึน ตอ่ เมื่อดาบสน้ัน มา ท้งั หลาย ก็ไมร่ ู้ เวลาไหนเป็นกลางคนื หรือเปน็ ขอโทษอาตมา ถวายพระพร” เวลากลางวัน ทาให้กิจการงานเสยี หาย และยัง พระราชาพรอ้ มทง้ั มหาชน ได้เสด็จไป ไมร่ ู้วา่ อะไร เป็นต้นเหตุทาใหพ้ ระอาทิตย์ไม่ขึ้น เปน็ เพราะยักษ์ ภูตผีปศี าจ เทวดา นาค หรือ ตรัสชวนให้ชาติมนั ตดาบส ไปขอโทษตอ่ ดาบส ครุฑบันดาลกันแน่ จงึ ได้พากนั ไปสอบถามเรอื่ ง นกี้ ับพระเจา้ แผน่ ดนิ โพธสิ ัตว์ แต่ดาบสผถู้ อื ตัว ทูลปฏิเสธวา่ ฝ่ายพระราชา เมื่อได้สดับเรื่องราวท้ัง “มหาบพติ ร อาตมา ไหว้คนจณั ฑาลไมไ่ ดห้ รอก” หมดแลว้ กต็ รสั ปลอบโยนประชาราษฎรใ์ ห้หาย แมพ้ ระราชตรสั อย่างนี้วา่ “ พระคุณเจ้า โปรด หวาดกลัว แล้วรับปากจะพาไปปรึกษาเรื่องนี้กับ อย่าทาอยา่ งน้ีเลย ขอทา่ น โปรดเหน็ แก่ชาวบ้าน ชาติมนั ตดาบส ๒-๓ วันผ่านไป พระราชา ได้ ชาวเมอื งเถดิ ” ถงึ กระน้ัน ชาติมันตดาบส กย็ งั เสดจ็ ไปทน่ี ้ันพร้อมดว้ ยผคู้ นมากมาย แล้วตรสั กล่าวปฏิเสธอยา่ งนนั้ เหมือนเดมิ พระราชา จึง ถามถึงสาเหตุท่ีพระอาทิตยไ์ ม่ขึ้น ดาบสผถู้ อื ตัว ทลู ว่า “มหาบพิตร มีดาบสวรรณะจัณฑาลอย่ตู น ได้เสดจ็ เขา้ ไปหามาตังคดาบส แลว้ ตรัสบอก หน่งึ เขามีฤทธิเ์ ดชมาก สามารถทาใหแ้ มน่ า้ ไหล เรือ่ งชาติมันตดาบส จะไม่มาขอโทษ ในเร่ืองนี้ สิ่งเหนอื ธรรมชาติ เป็นเรอื่ งปกตธิ รรมดาสาหรับทา่ นผู้มี ฤทธิ์ แต่เปน็ อจนิ ไตยเหนือวสิ ัยความรู้ ความสามารถของผไู้ ม่มฌี าน มาตงั คดาบส จึงทลู อกี วา่ “หากดาบส อภิญญา อัง.จตกุ ก. (แปล) ๒๑/๑๒๒ ดู อจินเตยยสูตร นน้ั ไมม่ าขอโทษ อาตมภาพ กใ็ ห้พระอาทติ ยข์ น้ึ ไมไ่ ดเ้ หมือนกัน” พระราชาดาริว่า เมือ่ ชาติมันต ดาบส ไมย่ อมขอขมาโทษ และมาตงั คดาบส ก็ จะไม่ให้ดวงอาทติ ยข์ ึน้ เอาเถอะ เพือ่ เห็นแก่ ประโยชนส์ ่วนรวม จาเป็นต้องใชก้ าลังบงั คบั ”
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๐ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า แลว้ ตรัสสัง่ ใหค้ นท้งั หลายไปควบคุมตวั ชาติมัน ข้อคิดและคตธิ รรม ตดาบสมาขอโทษดาบสโพธิสตั ว์ ๑. ดชี ่วั อยทู่ ีต่ ัวทา สูงตา่ อย่ทู ีท่ าตัว เมือ่ ชาติมนั ตดาบสได้กลา่ วขอโทษแลว้ มานะ คอื การถอื ตัวหรอื สาคญั ตวั ว่า มาตังคดาบส ทลู พระราชาวา่ “อาตมภาพ ขอยก ดกี วา่ เก่งกว่า ฉลาดกวา่ เท่ากนั หรือดอ้ ยกว่า โทษให้ แต่ดาบสผนู้ ้ี ยังหนีไมพ่ ้นคาสาปตวั เอง คนอน่ื ถา้ หากสาคญั ตัวว่า เกง่ กว่า ดีกวา่ ฉลาด ฉะนั้น พอเมอื่ อาตมา คลายฤทธิ์ ปลอ่ ยพระ กวา่ คนอ่ืน ก็เป็นเหตุทาใหค้ ิดดหู มิ่นและพูดข่ม อาทติ ย์แล้ว แสงของพระอาทติ ยจ์ ะกระทบทศ่ี ีรษะ คนอืน่ ได้ หากถอื ตวั วา่ เสมอกนั กเ็ ป็นเหตุทาให้ ของชาติมันตดาบส จะทาให้ศีรษะของเขา แตก เกดิ การแขง่ ดกี ัน ถ้าคดิ ว่า ตวั เอง ดอ้ ยกว่า ก็ ออก ๗ เสี่ยง ทาให้ดาบสน้ันถงึ แกม่ รณภาพทันที เป็นเหตใุ ห้เกดิ ความกลวั เกิดความนอ้ ยใจ แตเ่ พอ่ื ความปลอดภัยของดาบสน้ี ขอให้ชาตมิ ันต ประหมา่ ขาดความเชอื่ มั่น เพราะฉะนั้น ขึ้นชื่อ ดาบส ลงไปยนื แชใ่ นนา้ ประมาณเพียงคอ แลว้ วาง ว่า มานะไม่ว่าระดบั ไหน กเ็ ป็นเหตปุ ัจจยั นาไปสู่ กอ้ นดนิ เหนยี วขนาดใหญไ่ ว้บนศีรษะ อาตมา จะ การเปรยี บเทียบ ถือดี แก่งแย่งแขง่ ขนั ชงิ ดชี งิ ปล่อยพระอาทิตย์ แสงของพระอาทติ ยต์ กต้องที่ เด่น สรา้ งเวรภัยแกต่ ัวเองไม่มที สี่ ้นิ สดุ ก้อนดนิ เหนยี ว ก้อนดินเหนยี ว จะแตกเปน็ ๗ เสย่ี ง ขอให้ชาติมนั ตดาบส ดาลงไปในนา้ แล้วไป ๒.การถือตวั ก่อใหเ้ กดิ ภยั อันตราย โผล่ข้นึ ทอ่ี ื่น ทุกอยา่ งกจ็ ะปลอดภัย ขอทา่ น การถือเรอ่ื งชนช้ันวรรณะ หรอื การเหยียด ทง้ั หลาย จงชว่ ยบอกดาบสนั้นตามน้ี” ผวิ เป็นมานะอย่างหนงึ่ ซ่ึงเกิดไดก้ ับคนทกุ เพศ คนท้ังหลาย แนะให้ชาตมิ นั ตดาบสทา ทกุ วยั ทกุ ชาติ ทกุ ภาษา การเหยยี ดผวิ ชื่อวา่ ตามนั้นทกุ ประการ แลว้ เขาจงึ ไดร้ บั ความสวสั ดี เปน็ ความหลงผิด เข้าใจผิด มองขา้ มความเปน็ ปลอดภัย ตั้งแต่น้ันมา ชาติมันตดาบส ก็ได้คดิ มนษุ ย์ เพราะดีชัว่ ไมไ่ ด้อยูท่ ่ชี าตติ ระกลู แต่อยู่ที่ และไดค้ ิดวา่ ขนึ้ ชื่อวา่ ชาติชนั้ วรรณะนน้ั ไม่ พฤติกรรม การกระทา คนตระกลู ตา่ ก็เปน็ คนดี สาคัญ คณุ ธรรมภายในของเหลา่ นกั บวช คนเกง่ คนฉลาดได้ ดังนนั้ คนท่ีชอบถอื ตวั มี ต่างหากเปน็ ส่งิ ที่สาคญั กวา่ นบั จากนั้นมา จงึ มานะ หลงตัวเอง ประเภทจมไม่ลง วางตัวกรา่ ง ลดมานะ ละความถือตวั ในเร่ืองชาติช้ันวรรณะ มกั จะสรา้ งเวรภยั ใหก้ บั ตวั เองได้งา่ ย วันนี้ ไม่หลงมวั เมาอกี เลย อาจจะเพยี งแค่ดถู ูกคนธรรมดา ไมเ่ ปน็ บาปกรรมมากนกั แต่วันขา้ งหนา้ อาจจะเผลอ ไปดูหมนิ่ เหยียดหยามผไู้ ด้ฌานสมาบตั หิ รอื พระ อรยิ เจา้ เขา้ จะกลายเป็นบาปมหนั ต์ กรรมทนั ตา ภยั พบิ ัติ จะถามหา ยังไง ก็ไมค่ ุม้ เหมือนพวก
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๖๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจา้ ศากยะพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า ถูก ๕.พดู สาปแชง่ คนอ่ืน พระเจ้าวิฑูฑภะ ยกพลมาฆา่ ลา้ งโคตร เทา่ กับพูดสาปแชง่ ตัวเอง เพราะเคยถกู ดูหม่นิ หยามเกยี รติศักด์ิศรใี นเร่อื ง การพูดสาปแชง่ คนอื่น ไม่ว่าเขานั้นจะถกู วรรณะนเ้ี อง ฉะน้นั บัณฑิตผฉู้ ลาด จงึ ควรลด หรอื ผิด จะดหี รือช่ัว เปน็ คนธรรมดาหรือพระอรยิ มานะ ละความถอื ตัวใหม้ ากท่สี ดุ เจา้ ใครๆกไ็ ม่ควรทาเชน่ นัน้ เพราะขน้ึ ช่อื วา่ การ สาปแช่ง ย่อมไม่เปน็ ผลดแี กต่ นเอง เปน็ การ ๓. ขอขมาโทษจากใจ สรา้ งบาปเพราะปาก ทาลายบญุ กศุ ลคุณความ ไมใ่ ช่แคล่ มปาก ดขี องตนเองใหห้ มดไป มแี ต่เสียกับเสีย ไม่มไี ด้ การทาผดิ แล้ว ขอโทษ แตไ่ ม่ไดท้ าดว้ ย โดยเฉพาะอย่างย่งิ สาปแชง่ คนดีมีคณุ ธรรม ผู้ ความเต็มใจ ก็ไม่สามารถจะแก้อรยิ ุปวาทกรรม ไมม่ คี วามผดิ ไม่โต้ตอบกลับ ยงิ่ ทาให้ผู้สาปแชง่ ได้ทงั้ หมด เหมือนชาตมิ ันตดาบส ซง่ึ ตอ้ งมาทา มีอันเป็นไปทันตาเห็นเหมือนชาตมิ นั ตดาบส ได้ พิธีแก้เคล็ดเพ่ิมอีกดว้ ย เพราะฉะนน้ั เจตนา สาปแชง่ คนอ่ืนใหม้ อี นั เป็นไป แตค่ าสาปกลับมา ภายใน เปน็ สง่ิ สาคญั มากกวา่ การแสดงออก ตกทต่ี วั เอง เมื่อยากให้คนอน่ื ตาย ตัวเองเกือบ ภายนอก หากไม่ไดท้ าด้วยความสมัครใจ การ ตอ้ งมาตายฟรๆี ถา้ หากไม่ไดท้ ่านมาตังคะชว่ ย ขอขมาโทษแตป่ าก แตใ่ จไมพ่ ร้อม กไ็ ม่ได้ผล เอาไว้ เห็นจะไมร่ อดตายแนน่ อน หรือไดผ้ ลนดิ หนอ่ ย เพราะฉะนนั้ การพูดสาปแชง่ คนอ่นื เขา กเ็ ท่ากับสาปแชง่ ตวั เอง พดู ดถู กู เขา กเ็ หมือนกบั ๔. คนชโี้ ทษเหมอื นชขี้ ุมทรัพย์ ดูถูกตนเอง นนิ ทาว่าร้ายใครเขา กเ็ ทา่ กับนินทา คนฉลาด ย่อมมองคนท่คี อยว่ากล่าว ตัวเราเอง พดู ดูหมน่ิ เหยยี ดหยามเขา ก็ ตักเตือนเหมือนกบั เขาช้ีขุมทรัพยใ์ ห้ จะไมม่ อง เหมอื นกบั ทาใหต้ วั เองตกต่า เมื่อร้แู จง้ เช่นนี้แลว้ ว่า เขามาจบั ผิด เพง่ โทษ หรอื มาจุ้นจา้ น แลว้ ไม่พงึ คดิ จบั ผดิ และพดู ถงึ คนอืน่ ในทางเสียหาย พาลโกรธเขาไป เพราะคนเราสว่ นมาก จะมีอคติ เพราะตัวคนพูดน่ันแหละจะมอี ันเป็นไปก่อน ลาเอยี งคิดเขา้ ขา้ งตนเอง มองไม่เห็นความผดิ ตวั เอง ถ้ามคี นอื่นชว่ ยมอง ชว่ ยติชม จะทาให้ มองเห็นตัวเราเองมากข้ึน
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๖๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ ท่านพระอุบาลี ท่านพระอานนท์ ทา่ นพระราหุล และภิกษอุ ีกประมาณ ๑,๐๐๐รปู ตดิ ตามมาด้วย อริยุปวาท เรือ่ งที่ ๕ ฝา่ ยจติ ตคหบดี พอไดย้ ินข่าวการเดินทางของ พระสธุ รรมด่าจิตตคหบดี อรยิ สาวกอนาคาม๗ี ๔ พระมหาเถระเหลา่ นัน้ จึงเดนิ ทางไปต้อนรับ แล้วอาราธนานมิ นตใ์ ห้เข้าพกั ในอารามของตน จิตตคหบดี เปน็ ผู้มั่งคง่ั รา่ รวยระดับมหา ดแู ลต้อนรับอยา่ งดี แลว้ กราบนมิ นต์ท่านพระสา เศรษฐีในเมืองมัจฉกิ าสัณฑ์ วนั หนง่ึ ได้เห็นทา่ น รบี ุตรแสดงธรรมใหฟ้ ัง พระมหานามะ ซงึ่ เปน็ หน่ึงในพระอรหันตป์ ัญจ เพราะความเหน็ดเหน่อื ยเมื่อยลา้ จาก วัคคยี ์ กาลังเดินบิณฑบาต เกิดความรสู้ กึ เดินทางไกล ทา่ นพระสารีบุตร จงึ แสดงธรรมโดย ศรัทธาเลื่อมใสอยา่ งมาก จงึ นิมนตใ์ ห้พระเถระ ยอ่ ไมย่ าวนกั ขณะที่ฟังธรรมอยนู่ ัน้ เขาได้บรรลุ เขา้ มาฉันในนิเวศน์ หลังเสรจ็ ภตั กจิ ไดน้ ั่งสดบั ธรรมขนั้ ที่ ๓ เปน็ พระอนาคาม๗ี ๖ จึงกราบ ธรรมกถา แล้วได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระ เรยี นทา่ น พรอ้ มท้งั ภิกษุสงฆ์อกี ๑,๐๐๐ รปู ให้ โสดาบนั ๗๕ เป็นผู้มีศรทั ธาม่นั คงในพระ ไปฉนั ภัตตาหารท่นี ิเวศน์ในวนั รงุ่ ขึ้น แลว้ ค่อยไป รัตนตรยั จึงไดส้ ร้างอุทยานช่ือว่าอัมพาฏกวัน นิมนต์ทา่ นพระสธุ รรมผู้เปน็ เจา้ อาวาส ใน ซึง่ เปน็ ของตวั เองใหเ้ ป็นสังฆาราม มอบถวาย ภายหลงั พระเถระ เพอ่ื พวกภกิ ษุผ้มู าจากทิศท้ัง ๔ พระสุธรรมเถระ เกิดความไมพ่ อใจท่ี จาเนียรกาลต่อมา ได้มีท่านพระสธุ รรมมาเปน็ จิตตคหบดมี านมิ นต์ตัวเองในภายหลัง เพราะ เจ้าอาวาสท่ีวัดแหง่ น้ี โดยปกติทุกครั้งที่ผา่ น เขาจะนิมนต์ท่านกอ่ น แต่ มคี ร้งั หน่ึง ท่านพระสารบี ตุ ร และทา่ น ครั้งน้ี กลบั มานมิ นต์ภายหลัง จงึ โกรธไม่พอใจ พระมหาโมคคลั ลานะ พระอคั รสาวกทง้ั สอง ได้ แล้วพดู ปฏิเสธไม่รบั นมิ นต์ ถงึ แมเ้ ขา ได้ ฟงั เกียรตคิ ุณของจิตตคฤหบดี มีความประสงค์ ขอร้องใหร้ ับนมิ นตถ์ ึง ๓ ครัง้ ทา่ นกย็ งั ปฏิเสธ จะทาความสงเคราะห์ ได้จารกิ ไปในทต่ี ่างๆ ผ่าน เหมอื นเดิม จิตตคหบดี คิดวา่ พระสธุ รรมจะรับ แควน้ กาสี แล้วมุ่งสเู่ มืองมจั ฉิกาสัณฑ์ โดยมี หรือไม่รบั นมิ นต์ กท็ าอะไรเราไมไ่ ด้ แล้วพดู ท้งิ พระมหาเถระ อาทิเช่น ทา่ นพระมหา กัจจายนะ ท้ายว่า “แล้วคอ่ ย เจอทา่ นที่วันงานก็แล้วกนั ” ท่านพระมหาโกฏฐิตะ ท่านพระมหากัปปนิ ะ ทา่ น พอกลบั ไปถึง รีบสงั่ ให้คนตระเตรียมขา้ วปลา พระมหาจุนทะ ท่านพระอนรุ ุทธะ ท่านพระเรวตะ อาหารของขบเคี้ยวตา่ งๆใหเ้ รยี บรอ้ ยเสรจ็ สรรพ เพอ่ื ถวายสังฆทานในวนั รุ่งพรุ่งน้ี ๗๔ ว.ิ จฬู . (แปล)๖/ ๖๕-๖๘, นิคณั ฐนาฏปตุ ตสตู ร ๗๖ สงั .สฬา. (แปล)๑๘/๓๘๙-๓๙๐ อเจลกัสสปสูตร สงั .สฬา. (แปล) ๑๘/ ๓๘๗-๓๘๙ ๗๕ ธ.ป. ๓/๒๔๘-๒๖๐ ดู เรื่องพระสธุ รรม
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๓ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ ตอนเชา้ ของวันรงุ่ ขน้ึ ฝ่ายพระสธุ รรมเถระ จิตตคหบดี เรียนวา่ “ พระคุณเจ้าขอรับ กระผมมไิ ด้ดา่ ว่าทา่ นอะไรเลย ขออาราธนา ท่าน เกิดนึกอยากจะไปดูสถานทว่ี ่าจติ ตคหบดี จดั อยใู่ นอัมพาฏกวันอนั ร่ืนรมย์ เมอื งมัจฉกิ าสณฑ์ เถิด กระผมจะดูแลเรื่องจีวรบณิ ฑบาต เสนาสนะ งานทาบญุ ถวายสงั ฆทานคร้ังน้ี ย่ิงใหญ่อย่างไร และคิลานปจั จัยเภสชั บริขารสาหรบั ท่านเอง” เมอ่ื ทา่ นพระสุธรรม ยงั พดู ยนื ยนั ว่าจะไปอยา่ งเดยี ว จึงครองจีวร คลอ้ งบาตรเดนิ ไปที่นิเวศนข์ อง เขาจงึ ถามว่า “แลว้ พระคุณเจ้า จะไปไหน ขอรบั ” คหบดี ให้เขาเปิดดภู ัตตาอาหาร และของขบ ท่านพระสุธรรมตอบวา่ “คหบดี อาตมา จะเดนิ ทางไปเฝา้ พระผมู้ ีพระภาคที่กรงุ สาวตั ถี” เค้ียวตา่ งๆ แตไ่ มเ่ ห็นขนมแดกงา ซ่งึ เป็นขนม จติ ตคหบดี เรียนวา่ “พระคณุ เจา้ ขอรบั ถา้ อย่าง นั้น ท่านจงกราบทูลคาท่ีท่านและท่ีขา้ พเจ้ากล่าว ชนิดหน่ึงท่ีทามาตัง้ แตต่ ้นตระกูลของคหบดที ่าน แล้วให้พระผ้มู ีพระภาคทรงรับทราบทง้ั หมด การที่ ท่านจะกลบั มาเมืองมัจฉิกาสณฑ์อกี นนั้ ไม่ใช่ นี้ และคาวา่ ขนมแดกงานเี้ ป็นคาไมส่ ภุ าพ เรอื่ งนา่ อศั จรรย์แตอ่ ย่างใด” เม่ือต้องการทาประชด จงึ หยิบยกเอาขนมชนิด ท่านพระสุธรรม เมอ่ื ได้เตรียมตัวเสร็จ แล้ว จงึ ได้ออกเดนิ ทาง มงุ่ หน้าสู่วดั เชตวัน เขา้ น้ี เปน็ ประเด็นข้ึนมา เพ่ือพูดกระทบกระแทก เฝา้ พระศาสดา แล้วกราบทลู เรอื่ งเกิดข้นึ ทง้ั หมด พระพทุ ธองค์ ตรัสตาหนทิ า่ นว่า “โมฆบรุ ษุ การ แดกดันเสยี ดสีทานองตีววั กระทบคราดถึงชาติ กระทาของเธออย่างนั้น เปน็ สิง่ ไมถ่ ูกต้องเหมาะ ไม่ใชก่ ิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทา เพราะจิตต ตระกูลว่า “คหบดี ท่านได้ตระเตรียมของเค้ียว คหบดเี ปน็ ผมู้ ีศรัทธาเลอ่ื มใส เปน็ ทายก เปน็ ผู้ ของฉนั ไว้ลน้ เหลือ แตข่ าดสิ่งเดียวเท่านนั้ คือ อปุ ถัมภส์ งฆ์ เพราะเหตุใด เธอ จงึ ด่าว่า ข่มขู่ด้วย ขนมแดกงา” คาตา่ ชา้ ...” จิตตคหบดี อริยสาวกขั้นอนาคามี เมอ่ื ได้ คาว่า โมฆบุรุษ ในความหมายทวั่ ไปที่พระองค์ตรัส หมายถงึ ภิกษุ ทไ่ี ม่มีอปุ นิสยั แหง่ มรรคผลนพิ พานหรือไม่สามารถบรรลธุ รรมไดใ้ น ยินคาพูดนี้ กลา่ วตอบว่า “พระคุณเจ้า ขอรบั ขณะนน้ั แต่ในท่ีนหี้ มายถงึ นยั หลัง เพราะต่อมาทา่ นพระสุธรรม กไ็ ด้ เม่ือพระพุทธพจน์มอี ยู่มากมาย แต่เหตไุ ฉน ท่าน บรรลุอรหัตตผล ดู ม.ม.ู (แปล) ๑๒/๑๕๑-๑๕๖ มหาสหี นาทสูตร กลับมาพดู วา่ ขนมแดกงา ทา่ นขอรับ เคยมีเร่ือง และอรรถกถา เล่าวา่ พวกพ่อค้าชาวทักขิณาบถ เดนิ ทางไป คา้ ขายแถบตะวนั ออก พวกเธอนาแมไ่ ก่มาจากท่ี นั้น ต่อมา แม่ไกส่ มสู่กับพ่อกา พอออกลูก เวลาท่ี ลกู ไก่ตัวนนั้ จะร้องอย่างกา มนั กร็ ้องเสียงกาผสม เสียงไก่ เวลาท่ีจะขนั อย่างไก่ มนั ก็ขันเสยี งไก่ผสม เสยี งกา ฉนั ใด เม่ือพระพทุ ธพจน์มอี ยู่มากมาย แต่พระสธุ รรมกลบั มาพูดคาว่า ขนมแดกงา ก็ เหมอื นกัน ฉนั นั้น” ทา่ นพระสุธรรม ฟงั แลว้ โกรธ ไม่พอใจ จึงพูดวา่ “คหบดี ทา่ นดา่ อาตมาแลว้ นะ น่ันวัด ของทา่ นอาตมาจะไมอ่ ยทู่ ี่นี่อีกตอ่ ไป”
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า แลว้ ทรงใหโ้ อวาท รับสงั่ ให้ภิกษสุ งฆ์ปรบั โทษ ทา่ นกไ็ ดบ้ รรลอุ รหตั ตผล เป็นพระอรหันต์องค์ ทา่ น โดยให้ไปขอโทษจิตตคหบดี หน่ึงในโลก ท่านพระสุธรรม จาตอ้ งเดินทาง กลบั มายงั เมอื งมัจฉิกาสณั ฑ์อีกครั้ง ดังทจ่ี ติ ต ข้อคดิ และคติธรรม คหบดไี ดพ้ ูดเอาไว้กอ่ นท่อี อกเดินทาง เม่อื มาถึง ๑.ทิฏฐมิ านะพระ ละได้ยาก ท่แี ลว้ จึงเข้าไปหา กล่าวคาขอโทษว่า “คหบดี ลกู หลานชาวบ้าน เม่ือเขา้ มาบวช เป็น อาตมาได้ทาผดิ ต่อโยม ขอจงยกโทษใหอ้ าตมา ภิกษุ ภิกษณุ ี สามเณร สามเณรีหรอื แมช่ ี ได้ ดว้ ย” เม่อื ถกู เขาปฏิเสธ ไมย่ อมรับคาขอโทษ ดารงตนอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว ย่อมจะไดร้ ับ ทา่ นจึงน่ังเกอ้ แลว้ ออกเดินทางกลบั มาเขา้ เฝา้ การยอมรบั นับถอื เคารพ กราบไหว้ อุปถมั ภ์ พระศาสดาอีกคร้งั แม้พระองค์ จะทรงทราบ บารุงอย่างดีจากญาติโยม ยงั มียศฐาบรรดาศกั ด์ิ เหตุการณเ์ รอื่ งนี้ดวี ่าผลจะเป็นเชน่ นน้ั แต่กไ็ ม่ แถมมาอกี ด้วย สาหรบั ผู้ท่ยี ังไมไ่ ดร้ ับการฝกึ ฝน ทรงบอก เพราะทรงประสงค์ให้พระสธุ รรมลด อบรมจติ มาดพี อ ใจย่อมหวนั่ ไหวในลาภ มานะละความถอื ตวั กลบั มาใหม่อีกคร้ัง สักการะ ช่ือเสียง โดยเฉพาะพระผู้ใหญ่ หรือเจ้า ฉะนั้น ในครั้งที่ ๒ พระศาสดา จงึ ให้ภิกษุอนุทูต อาวาส ซงึ่ จะไม่มีใครกลา้ พูดขดั ใจ นานๆเข้า ตดิ ตามไปเพื่อเป็นสักขพี ยายานในการขอโทษ ยอ่ มเกิดความเหลงิ หลง ทรนงตน หลงตัวเอง จิตตคหบดดี ว้ ย แล้วทรงใหโ้ อวาทโดยทานองวา่ ตอ่ มา ก็จะเกิดความถือตัว จมไมล่ ง เหน็ ตวั เอง “ธรรมดา สมณะไมค่ วรมีมานะความถอื ตวั หรือ เป็นคนสาคัญในทุกเร่ือง แลว้ ใครขัดใจไม่ได้ ความคดิ ริษยาวา่ วัดของเรา ที่อยู่ของเรา อบุ าสก- เปน็ ต้องโกรธทกุ ที เพราะอาศยั ความเคยชินอนั น้ี อบุ าสกิ าของเรา เพราะการคดิ เชน่ น้ัน เป็นการ มานะและริษยา กไ็ ด้ก่อตัวขนึ้ ตามลาดับและแผ่ ขยายเปน็ เช้ือใหก้ เิ ลสอน่ื ๆเกิดขึน้ ตามมา พอกพนู กิเลสต่างๆใหก้ าเริบมากย่ิงขนึ้ ” พระสุธรรม พร้อมดว้ ยพระผู้ตดิ ตาม ได้ เดนิ ทางมาถึงเมืองน้ีอีกครง้ั เขา้ ไปขอโทษจิตต ๒. ลาภสกั การะ ช่ือเสยี ง คหบดี ครั้งน้ี เขายอมรบั คาขอโทษ และได้กลา่ ว เปน็ อันตรายต่อการบรรลุธรรม ว่า “กระผมยกโทษให้พระคุณเจา้ ขอรบั แต่ถา้ เมอ่ื คุณธรรมภายในไม่แข็งแกร่งพอ ก็ หากกระผมมคี วามผิด ขอให้พระคณุ เจา้ ยกโทษ เหมือนกบั แท่งเทียนถูกแสงแดดแผดเผา ใจไม่ ให้กระผมดว้ ย” หลงั จากขอโทษจติ ตคหบดแี ลว้ หนกั แน่นมัน่ คงพอ ก็ทนตอ่ สงิ่ ยัว่ ยวนภายนอก พระสุธรรมเถระ ได้เรง่ ปฏบิ ตั ิธรรมอย่างจรงิ จงั ไม่ได้ เหมอื นกรณีทา่ นพระสธุ รรม สมยั ท่ีท่าน ตามคาสอนแห่งพระศาสดา ตอ่ มาอกี ๒-๓ วนั ยงั เปน็ ปถุ ุชนอยู่ เมื่อโยมยกย่องให้เกียรติ บอ่ ยๆ ก็หลงตวั สาคญั ตนว่าเปน็ คนสาคัญ
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๕ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจา้ กว่าพระอคั รสาวก ตอ้ งการใหจ้ ติ ตคหบดีมา บาปมหันต์ เปน็ กรรมหนักแนๆ่ เพยี งแค่พดู ด่า นิมนต์ตวั เองก่อน เพราะความถือตวั และความ ศาสดาท้ัง ๗ ทา่ นและสาวกผไู้ ด้ฌานสมาบัติ ยงั ริษยาตารอ้ น ในเรื่องลาภสักการะนเ้ี อง ทาให้ เปน็ ล้านๆเท่า แตก่ บ็ าปน้อยกวา่ ดา่ พระโสดาบัน ลมื สติ เผลอพลาดพูดลว่ งเกินอุบาสกในฐานะ คนเดยี ว สาหรับพดู ดา่ พระอนาคามี บาปหนกั อรยิ สาวก ขัน้ อนาคามี ฉะน้นั ความถอื ตวั และ มากกว่านน้ั เปน็ หลายเท่า จติ ตคหบดีไดบ้ รรลุ ความอิจฉาริษยา จึงชอ่ื ว่า เปน็ มารรา้ ย พาใจให้ ธรรมเป็นพระอนาคามี ละราคะและโทสะไดข้ าด ตกตา่ เป็นอันตรายต่อการบรรลุธรรมจริงๆ แลว้ ไมม่ คี วามโกรธภายใน แมจ้ ะพูดอยา่ งน้ัน ก็ แต่ยังโชคดีท่พี ระสธุ รรมไมไ่ ด้พดู จาบจ้วง เพื่อจะบอกพระว่า ทา้ ไมทา่ นไม่กลา่ วธรรมะ มา ลว่ งเกินอะไรตอ่ ท่านพระอคั รสาวกทัง้ สองหรือ พดู ประชดโยมท้าไม จะถือวา่ เป็นค้าด่าท่านพระ พระเถระรปู อืน่ ๆ อาจจะเป็นเพราะมีบุญเกา่ คา้ สธุ รรมไมไ่ ด้ สว่ นพระสธุ รรม กลบั ดโู ยมไมอ่ อก จุนและอุปนสิ ยั ท่ีจะไดบ้ รรลพุ ระอรหันต์ในชาตินี้ ไม่รูห้ รือวา่ พระอนาคามี ไม่มีความโกรธ ก็เป็นได้ ทา่ นกลบั คิดไปวา่ คหบดีทา่ นนดี้ า่ ตวั เอง จงึ โกรธไมพ่ อใจ และไมอ่ ยากอยเู่ ปน็ เจา้ อาวาสวดั นัน้ ต่อไป ถงึ ขนาดลงทนุ ไปทลู ฟอ้ งพระพุทธเจา้ ทเี่ มอื งสาวตั ถี ซง่ึ ถือว่า เปน็ การคิดผิด เพราะถ้า ท่านรวู้ า่ จิตตคหบดีเปน็ พระอนาคามี จะมีความ โกรธและอคติได้ต่อทา่ นได้อยา่ งไร ฉะน้ัน เม่ือพระสุธรรมไดพ้ ูดเสียดสจี ิตต คหบดีเช่นนัน้ ถอื วา่ เปน็ อริยปุ วาทกรรม ซ่ึง กรรมนี้ สามารถปดิ กัน้ ขดั ขวางการบรรลุมรรค ผลนพิ พานได้ ด้วยเหตุนี้ พระพทุ ธองค์ ย่อม เข้าข้างพทุ ธบตุ ร ผู้เปน็ อรยิ สาวก ไมเ่ ข้าข้าง ปุถุชน ได้ทรงตาหนแิ ละใหส้ งฆ์ปรบั โทษท่าน โดยไปขอโทษต่อจิตตคหบดที งั้ ๆทเี่ ป็นโยม ๓. พระขอโทษโยม ตามข้อตกลงของสงฆ์ เป็นอุบายธรรมเพ่ือละ ถ้ามีการพูดล่วงเกนิ กนั ในฐานะพระกับ มานะ และเพ่ือแกอ้ รยิ ุปวาทกรรมให้กลับมา โยม คงไมเ่ ป็นบาปกรรมเท่าไหร่ เพราะพระอยู่ เป็นปกติดว้ ย ในเพศและภาวะทสี่ งู กวา่ แต่ถา้ พระปถุ ชุ นพดู ล่วงเกนิ โยม ซ่งึ เปน็ อนาคามีบคุ คล ตอ้ งเปน็ วิ.จู. (แปล) ๖/๖๕-๖๘
อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๖๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ ๔.กเิ ลสเปน็ สงิ่ นา่ กลวั ๕.ปญั ญา คอื อริยทรัพย์ภายใน ภิกษบุ างรปู ตระหนี่ทีอ่ ยู่ หวงทอ่ี าศัย ชวี ิตของปุถชุ นคนทวั่ ไป ผ้มู ีกเิ ลสหนา หวงเสนาสนะ กดี กนั ผู้อืน่ หรือผูม้ ใิ ช่พวกของตน ปัญญาหยาบ เป็นส่ิงน่ากลวั มากและเป็น ไม่ให้เขา้ อยู่ ตระหนตี่ ระกลู หวงสกลุ หวงสกลุ อนั ตรายอย่างยง่ิ เพราะความเขลามดื บอดไม่ อุปฐาก ท่มี ีฐานะร่ารวย คอยกดี กันภิกษุอ่ืน ร้จู ักการดารงชีวิตใหถ้ ูกต้องและปลอดภยั ไมใ่ ห้เกีย่ วขอ้ งไดร้ บั การบารงุ ดว้ ย ตระหน่ลี าภ การดารงชีวิตด้วยปญั ญา จึงช่อื วา่ เป็น หวงผลประโยชน์ หาทางกดี กนั ไมใ่ ห้ลาภเกิดขึน้ ส่งิ ที่ประเสรฐิ เพราะฉะนนั้ บัณฑิตท้งั หลาย แกภ่ ิกษุอ่นื ตระหนีว่ รรณะ หวงคาสรรเสริญคุณ ควรมุง่ แสวงหาปญั ญาให้กับตน รบี ละตัวกู ของ ไม่อยากใหใ้ ครมีคุณความดีมาแขง่ ตน หรือไม่ กู ความเหน็ แก่ตัว ความเห็นแก่ได้และกิเลส พอใจได้ยนิ คาสรรเสริญคณุ ความดีของผอู้ ่นื ตัณหาให้หมดโดยเรว็ เพอ่ื ความปลอดภัยใน หรือตระหนธ่ี รรม หวงวชิ าความรู้ และคณุ พิเศษ ชีวติ และการเดินทางในสังสารวัฏ ที่ได้บรรลุ ไม่ยอมสอนไม่ยอมบอกผอู้ ื่น กลวั เขา จะรูเ้ ทยี มเทา่ หรือเกนิ ตน ความตระหน่ีเหล่านี้ ส่ิงท่ีเป็นอนั ตรายต่อโลกุตรธรรม พระอริยสาวกระดบั โสดาบนั เทา่ นนั้ ถงึ ละ ได้ แตภ่ กิ ษุปถุ ชุ น แม้จะบวชมานาน ก็ยงั ละ “ภกิ ษุท้ังหลาย ลาภ สกั การะ และความสรรเสรญิ เป็นสิ่ง ไม่ได้ ทารณุ เผด็ รอ้ น หยาบคาย เป็นอนั ตรายตอ่ การบรรลุ ธรรมอันเกษมจากโยคะ ซง่ึ ไม่มธี รรมอ่ืนยง่ิ กว่า เพราะฉะน้ัน พระพทุ ธเจ้า จึงตรัสปรารภ ถึงภกิ ษุเจ้าอาวาสท่ีพดู ตาหนิติเตยี นคนท่ีควร เพราะเหตนุ ้นั เธอทัง้ หลายพึงศึกษาอย่างน้วี ่า สรรเสรญิ ปลกู ความไมเ่ ลื่อมใสในฐานะที่ควร ‘เราทงั้ หลายจกั ละลาภสักการะและ ความสรรเสริญที่เกิดข้นึ เลื่อมใส ทาศรทั ธาไทยใหต้ กไป เป็นผูต้ ระหนี่ ลาภสักการะและความสรรเสรญิ อาวาส เปน็ ผู้ตระหนี่ตระกลู และเปน็ ผตู้ ระหน่ี ท่ีเกดิ ขน้ึ แล้ว จกั ไม่ครอบงาจิต ลาภวา่ ตายแลว้ จะตกนรก๗๗ ถา้ เปน็ นกั บวช แล้ว ยังตระหนี่ในเรอ่ื งลาภสักการะ ยนิ ดีใน ของเราท้ังหลายตงั้ อยู่’ ชอ่ื เสียง และหวงญาตโิ ยม แลว้ จะบรรลุธรรม เธอท้งั หลายพงึ ศึกษาอย่างน้ี” ขน้ั สูง เช่น ฌานสมาธิหรือมรรคผลนพิ พานได้ สงั .นิ. (แปล) ๑๖/๒๖๕ อยา่ งไร ทารุณสตู ร ๗๗องั . ปญั จก.(แปล) ๒๒/๓๗๘-๓๘๐ อวัณณารหสูตรท่ี ๑-๓
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า อริยปุ วาท เรอื่ งท่ี ๖ มากมายแกพ่ ระเถระทต่ี ัวเองเพิง่ รู้จักไมน่ าน ภกิ ษุเจ้าอาวาสดา่ พระอรหันต์๗๘ แต่ไม่เคยถวายเราซ่งึ มาฉนั ทเี่ รือนเปน็ ประ จาเลย เม่อื ฉันอาหารบิณฑบาตเสร็จ พระเถระ ในอดตี กาล ในสมัยพระพุทธเจา้ พระ ทงั้ สอง จงึ เดนิ ทางกลบั วัด นามวา่ กัสสปะ๗๙ มีอุบาสกผมู้ ีฐานะพอมอี ันจะ กินคนหน่ึง ได้สร้างวดั ถวายและอุปัฏฐากพระ พอกลับถึงวัดแล้ว พระเถระผเู้ ปน็ พระ เถระรปู หนง่ึ ดว้ ยปัจจยั ๔ และไดน้ ิมนต์ทา่ นมา อรหนั ต์ จึงได้ยอ้ มผา้ ทอี่ ุบาสกถวายมา แลว้ ทา ฉันอาหารบณิ ฑบาตท่เี รือนเปน็ ประจา เป็นผ้าสบง และอุบาสก ได้พาชา่ งตัดผมไปให้ ปลงผมพระเถระ พร้อมท้งั สัง่ ให้คนจดั วางเตียง กาลคร้ังนัน้ พระอรหันต์ขีณาสพองค์ สาหรับจาวัดใหท้ ่านดว้ ย เมื่อทาทุกอยา่ งเสร็จ หนง่ึ ได้เดนิ บิณฑบาต จนมาถงึ บรเิ วณประตู แล้ว จงึ กราบเรยี นให้ท่านจาวดั บนเตยี งนนั้ แลว้ เรือนของอุบาสกนน้ั พอเขามองเห็น ก็เกิดความ กราบอาราธนานิมนต์พระเถระทั้งสองรูป ไปฉนั ศรทั ธาเลื่อมใสในปฏิปทาของทา่ น จงึ นมิ นต์ให้ ท่ีเรอื นอีกครงั้ ในวันพรุง่ น้ี คอ่ ยลากลับบา้ น เขา้ ไปนง่ั ในเรือน นอ้ มถวายอาหารบณิ ฑบาต อย่างประณีตบรรจงด้วยความเคารพ ถวายผนื สิง่ ทอี่ บุ าสกทาการดูแลอปุ ัฏฐากพระ ผ้าเพ่ือทาเป็นผา้ อตุ ราวาสก(ผ้าสบง) ใหช้ ่างมา อรหันต์ ทาใหภ้ กิ ษเุ จา้ อาวาส เกิดความริษยา ปลงผมและให้จัดเตียงเพื่อท่านดว้ ย เพม่ิ มากขึ้น และไม่สามารถทนดูได้ พอตกเย็น จงึ เดินไปหาพระเถระ แลว้ ด่าประชดดว้ ยความ ณ เวลานัน้ พระภกิ ษุเจา้ อาวาส กน็ ั่งอยู่ ไม่พอใจออกไปว่า “คณุ อาคันตุกะ คุณควรฉันข้ี ตรงนัน้ ดว้ ย เม่ือได้เห็นลาภสกั การะท่อี บุ าสก ดีกวา่ จะไปฉันอาหารทบ่ี ้านของอุบาสก คณุ ควร ถวายแก่พระอรหันต์ขีณาสพ จึงเกิดความริษยา ใหเ้ ขาเอาแปรงตาลถอนผม ดกี วา่ ให้ชา่ งมาตัดผม ในใจวา่ อบุ าสกคนนี้ ไดถ้ วายวัตถุส่งิ ของ ให้ คุณควรแกผ้ า้ เปลือยกาย ดกี วา่ น่งุ ผา้ สบง คณุ ควรนอนบนดินดกี ว่านอนเตยี งทีอ่ บุ าสกถวาย” ๗๘ ธ.ป. (แปล) ภาค ๒ เร่ืองชัมพกุ าชีวก ๗๙ พระพุทธเจา้ กัสสปะ มีพระชนมายุ ๒ หมนื่ ปี ทรงบาเพ็ญเพยี ร พระเถระเมือ่ ถกู ภิกษเุ จ้าอาวาสด่า ก็คดิ อยู่ ๗ วัน จงึ ได้บรรลุพระโพธิญาณ พรหมทัตตพราหมณ์เป็นพุทธ วา่ “พระรูปน้ี คงไม่รูว้ ่าเราเป็นอรหันต์ ขออย่าให้ บดิ า นางธนวดพี ราหมณเี ป็นพทุ ธมารดา พระตสิ สเถระและพระภาร เขาถงึ ความฉบิ หายวอดวายเพราะเราเลย” รุง่ เช้า ทวาชเถระ เป็นพระอัครสาวก พระสรรพมิตตเถระเปน็ พระพทุ ธ ของวนั ใหม่จงึ ออกเดนิ ทางไปท่ีอน่ื ตามอชั ฌาสยั อุปัฏฐาก พระอนลุ าเถรีและพระอุรเุ วลาเถรี เป็นพระอคั รสาวกิ า โดยไม่ไดไ้ ปฉันท่ีบ้านอุบาสกเลย ฝา่ ยภกิ ษเุ จ้า ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์ เรียกช่อื วา่ นิโครธ อาวาส ไดท้ ากจิ วตั รต้งั แต่เชา้ เอาหลังเล็บเคาะ ข.ุ พทุ ธ. (แปล) ๓๓/๗๑๑-๗๑๗ กสั สปพทุ ธวงศ์ ระฆังเพ่อื ไมใ่ ห้เถระรูต้ วั ว่า ถงึ เวลาบิณฑบาต แล้ว แต่ภิกษุอาคนั ตุกะยังนอนหลับอยู่ พอได้
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๘ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ ยินเสยี งระฆงั กค็ งตื่น แลว้ ออกไปบณิ ฑบาต เพราะอานาจแห่งบาปกรรมท่ีคิดตาหนิและ เพียงรูปเดียว ด่าพระอรหันต์ แมภ้ ิกษุเจ้าอาวาสจะได้ปฏิบัตธิ รรม อบุ าสก ได้จัดเตรียมเครอื่ งไทยธรรม มาเกือบ ๒๐,๐๐๐ ปกี ต็ าม แตก่ ็ไม่สามารถจะ สาหรบั ถวาย มองดูทางวา่ ท่านมากันหรอื ยงั เกิดในสุคติโลกสวรรค์ได้ หลังจากสนิ้ อายุขัย จงึ เหน็ แต่ภิกษเุ จา้ อาวาส จึงเรยี นถามถงึ พระเถระ มรณภาพไปเกดิ ในอเวจนี รก ได้รับทกุ ขแ์ สนสาหสั รปู วา่ ท่านไปไหน ทาไมถึงไม่มาดว้ ยกนั ภกิ ษุ ๑ พทุ ธันดร เจ้าอาวาส ตอบว่า “อบุ าสก อย่าให้อาตมาพูดเลย พอมาถงึ ยคุ ของพระพุทธเจา้ โคดม เขา พอโยมลากลับเท่านน้ั แหละ พระรปู นนั้ ก็ไดเ้ ขา้ ไป ได้มาเกดิ เป็นมนษุ ย์ในตระกลู ร่ารวยแห่งหนงึ่ ใน ในหอ้ ง แล้วกน็ อนหลบั เหมือนตาย แม้เสียงที่ เมืองราชคฤห์ พอ่ แมต่ ง้ั ชื่อใหเ้ ขาวา่ \"ชัมพุกะ\" เมือ่ เขาเตบิ โตพอเดินได้ ก็ไม่อยากนอน อาตมากวาดลานวดั รองน้าใช้น้าฉัน หรอื เสยี ง เคาะระฆังตง้ั แตเ่ ชา้ มืดก็ตาม พระรปู นน้ั ก็ยงั ไมต่ ่ืน บนที่นอน แต่ชอบนอนบนดิน ไม่ตอ้ งการกินข้าว ปลาอาหาร แต่ชอบกนิ อจุ จาระของตวั เอง จากจาวัดเลย” อบุ าสกคนน้ี เปน็ บณั ฑิต ไม่ได้เชื่อตาม พอ่ แม่ เห็นแลว้ ก็แปลกใจ แต่ไม่ไดค้ ดิ อะไร คาทภี่ ิกษุเจ้าอาวาสพดู เพราะคดิ วา่ จากขอ้ วตั ร เพราะนกึ ว่าลกู ยงั เด็กเกนิ ทาไป เพราะความไร้ ปฏบิ ัติทีเ่ หน็ พระเถระ ไมน่ ่าจะเปน็ เชน่ นน้ั แต่ เดยี งสา แต่เหตุการณไ์ มเ่ ป็นดังว่า แมเ้ ขา จะ พระคุณเจ้ารปู นี้ อาจจะพูดอะไรท่ไี ม่ดไี ม่งาม โตเป็นผใู้ หญ่แล้ว ก็ยังไมช่ อบใส่เสื้อผา้ ชอบ เพราะเห็นเราถวายวัตถสุ ่ิงของกับท่านมากมาย เปลือยกาย ชอบนอนบนดิน และกนิ อจุ จาระของ แน่นอน จงึ นิมนตใ์ หภ้ ิกษุเจ้าอาวาสฉันโดย ตนเองแทนอาหาร เคารพ ลา้ งบาตรของท่านให้สะอาดดีแลว้ ใส่ เมอื่ พอ่ แม่ของเขาทราบเรอื่ งนีเ้ ขา้ จงึ เกดิ อาหารบิณฑบาตทเ่ี ลศิ รส แล้วกราบเรยี นวา่ ความละอายใจอยา่ งมาก ปรกึ ษากันวา่ “ลูก “พระคุณเจา้ ขอรบั กระผม ขอฝากถวายอาหาร ชายของเรา เขาทาอะไรแปลกพิกลเกินไป คงไม่ บณิ ฑบาตนไ้ี ปใหแ้ กพ่ ระเถระรปู นัน้ ดว้ ย” เหมาะท่จี ะอยู่บ้าน ควรจะไปบวชอยู่ท่ีวดั กบั พวก ภิกษเุ จ้าอาวาส พอรบั บาตรแล้ว ก็คิด นักบวชอาชวี กดกี วา่ ” จงึ นาลกู ชายไปบวชใน ตาหนิท่านอกี วา่ ถ้าพระเถระน้นั ฉนั อาหาร สานกั ของอาชวี ก พวกนักบวชอาชีวก ใหก้ าร บณิ ฑบาตอยา่ งน้ี ท่านกค็ งไมไ่ ปไหน คงต้องอยู่ บวชแก่เขาแล้ว กใ็ ห้ไปยืนในหลมุ ลึก ท่ีน่ีอกี นาน พอเดนิ มาถึงกลางทาง จงึ ได้ทิ้ง ประมาณเพยี งคอ เขาได้นง่ั ถอนผมด้วยแปรง อาหารบิณฑบาตท่อี ุบาสกฝากมาถวายนั้น ตาลเหมือนเดมิ ส่วนมารดาบดิ าของเขา ก็ได้ พอกลบั ถึงวดั จงึ เดินไปยังทอ่ี ยขู่ องท่าน เห็นแต่ เชญิ นกั บวชอาชีวกไปฉนั ทบี่ ้านในวันรุ่งขึ้น ห้องว่างเปลา่ ไม่ได้เหน็ พระเถระอยู่ทนี่ นั่ เลย
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๖๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ เช้าวนั ใหม่ นักบวชอาชีวก ไดบ้ อกเขา ไม่ควรอยู่ในสานักของเราอีกต่อไป” จงึ ได้ให้เขา ให้เตรยี มตวั เขา้ ไปฉันในบ้าน แต่เขากป็ ฏเิ สธไม่ ออกจากสานักไป ไป แมน้ กั บวชอาชีวกจะขอรอ้ งให้เขาไปดว้ ย ก็ เมอื่ เขาถกู ไลอ่ อกจากสานกั อาชวี ก จงึ ไป ไมเ่ ปน็ ผล เมอื่ พวกนักบวชอาชีวกพากันไป อาศัยอยู่ที่อ่ืน เขาไดไ้ ปเจอพลาญหินแหง่ หมดแลว้ เขา จงึ เดนิ เขา้ ไปเปิดประตูส้วม อจุ จาระ ซง่ึ ณ ที่แห่งนี้ มีสุมทุมพุ่มไม้ข้ึนเป็น ลงไปกนิ อจุ จาระ ฝา่ ยพวกนกั บวชอาชวี ก กไ็ ด้ เหมอื นทก่ี าบัง และเป็นสถานทีซ่ ง่ึ ผ้คู นพากันมา นาอาหารมาฝากเขาด้วยเช่นกัน แตเ่ ขาก็ไม่ ถ่ายตอนกลางคืน เขาก็ทาทที า่ วา่ เหมอื นนกั บวช สนใจและไมต่ อ้ งการรบั ประทานอาหารแบบน้นั ทเ่ี คร่งครัด คือ มือขวากาก้อนหนิ กอ้ นหน่งึ ชขู น้ึ พวกอาชวี ก ถามวา่ “คณุ ได้รับประทานอาหาร และใช้เทา้ ขวาวางไวบ้ นเข่า ยืนเงยหนา้ อา้ ปาก แตพ่ อลับตาคน กไ็ ปหากินอุจจาระท่พี ลาญ หรอื ยัง” เขาตอบว่า “ได้แล้ว” หนิ นั้น เมอ่ื มีคนเดินเขา้ มาถามว่า “พระคุณเจา้ อาชีวกถามวา่ “คณุ ไดอ้ าหารจากท่ีไหน” ขอรับ ทาไม ทา่ นจงึ ได้ยนื อ้าปากอยา่ งนี้” เขา เขาตอบไปว่า “ได้ จากทน่ี ่ีแหละ” โกหกอย่างหนา้ ตาเฉยวา่ กนิ ลมเปน็ อาหาร ๓-๔ วันผ่านไป เขากย็ ังตอบเหมอื นเดมิ เมอ่ื เขาถามวา่ “แล้ว ทาไม ท่านจึงเอา พวกนักบวชอาชวี ก เร่ิมสงสัย จงึ ปรกึ ษากันวา่ ขาขา้ งหนึ่งวางไวบ้ นเขา่ แลว้ ยนื ในท่าน้ี ขอรับ” “อาชีวกคนน้ี ไมต่ ้องการเข้าไปบา้ นและไมต่ อ้ งการ ชมั พุกะตอบวา่ “เรามตี บะแก่กลา้ ถ้าเราใชเ้ ท้า ฉนั อาหารท่ีพวกเรานามาให้ พูดแค่ว่า ‘ไดอ้ าหาร ทง้ั สองข้างเหยยี บบนแผ่นดิน จะทา้ ให้แผ่นดนิ จากทีน่ ่ี’ เขากาลังทาอะไรหนอ พวกเราจะตอ้ ง สะเทอื น เพราะฉะนนั้ จึงได้ทาอยา่ งนี้ และเราเอง จับผิดเขาให้ได”้ เมื่อถึงเวลาไปฉนั ในบ้าน จงึ ให้ ต้องยืนอยอู่ ยา่ งน้ีอย่างเดียว ไมน่ ั่ง ไม่นอน” คน ๒ คนแอบเฝา้ ดูพฤตกิ รรมอนั น่าสงสัยโดยที่ คนในยคุ สมัยนน้ั เปน็ มิจฉาทฎิ ฐิ จิตใจ เขากไ็ มร่ ู้ตวั มืดบอด พากันเชอ่ื งมงาย ดังนนั้ จากปากต่อ พอรวู้ า่ พวกอาชวี กไปกันหมดแลว้ เขา ปาก แล้วลือกันกระฉ่อนไปทั่วแคว้นอังคะ จึงเข้าไปกินอจุ จาระทส่ี ว้ มเหมือนที่เคยทามา และมคธะวา่ “โอ้ น่าอัศจรรย์จริงๆ ยังมี พวกอาชวี กท่ีแอบซมุ่ อยู่จึงรูเ้ ห็นพฤตกิ รรมอนั นา่ นกั บวชผู้มีตบะแกก่ ล้าเช่นนีอ้ ย่อู ีก พวกเรายังไม่ ขยะแขยงอนั น้ี จงึ ไดบ้ อกใหห้ วั หนา้ ทราบ พวก เคยเหน็ เลย จะต้องไปพบให้ได้” จึงพากนั นาเอา นักบวชอาชีวก พอได้รู้ความจริงแล้ว จงึ ปรึกษา ข้าวปลาอาหารไปถวายทุกๆ เดอื น กนั วา่ “โอ้ เรอ่ื งนเ้ี ป็นเรอ่ื งสาคญั มาก เพราะถา้ แต่ชัมพุกะไมส่ นใจส่ิงของเหล่านี้และพูด พวกสาวกของพระสมณโคดมรเู้ ขา้ ก็จะพดู ใหพ้ วก เป็นทานองปฏิเสธไปว่ากินลมเป็นอาหารเพยี ง เราเสียหายว่า ‘พวกอาชีวกกินอุจจาระ’ ชมั พุกะ อย่างเดียว ไมก่ นิ อยา่ งอ่ืน เพราะถา้ หากกิน
อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๗๐ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า อาหารอย่างอ่ืน ตบะจะเสอื่ ม แต่พวกคนทใี่ จ ข้อคิดและคตธิ รรม มดื บอด กลบั พากันออ้ นวอนดว้ ยความโงเ่ ขลา ๑. ลาภสักการะฆา่ คนโง่ วา่ “พระคณุ เจ้า ขอรับ ไดโ้ ปรดเมตตาพวก สาหรับปุถุชนคนทว่ั ไป กิน กาม เกยี รติ ข้าพเจ้าเถิด อย่าให้พวกข้าพเจ้า สูญเสียผลบุญ เป็นสงิ่ ทีน่ า่ ปรารถนาอยา่ งย่งิ แม้จะเป็นนักบวช อนั ยงิ่ ใหญ่นไ้ี ปเลย เพราะถ้านักบวชผ้มู ตี บะแก่ ต้ังตนอยูใ่ นศีลธรรมก็ตาม ถ้าหากไม่เหน็ โทษ กล้าเหมอื นพระคุณเจ้านี้ ฉนั อาหารแล้ว จะเปน็ ไป พษิ ภัยอนั ตรายของลาภสักการะโดยเฉพาะเรอ่ื ง เพอ่ื ประโยชน์ เพ่ือความสขุ แก่พวกขา้ พเจา้ สิ้น เงินทองอย่างลึกซง้ึ ก็ไม่แนว่ ่า จะไม่หว่นั ไหว กาลนาน” ชัมพุกะ ยงั พดู ปฏิเสธเหมือนเดิมวา่ เม่ือใจยินดีพอใจ อยากไดส้ ิ่งเหลา่ นี้ กต็ ้อง “เราไม่ชอบฉันอาหารอยา่ งอืน่ เอาเสียเลย” แต่เมอื่ แสวงหา เมือ่ สิง่ เหล่านีม้ ีจานวนจากัด และแตล่ ะ ถูกขอร้องออ้ นวอนคร้งั แล้วครงั้ เล่า เขาจงึ ทาที คนก็ต้องการสิ่งเดยี วกัน ก็ต้องมาเยอื้ แย่งแขง่ ขัน ทา่ เหมือนฉันให้โดยเอาปลายหญา้ คาจ้ิมไปท่ี ใครเกง่ กวา่ ฉลาดกว่าในช้นั เชิงก็จะได้ไป เนยใสและนา้ อ้อยเป็นต้น แล้วแตะทล่ี ิน้ แล้ว เม่ือมคี นได้ ตอ้ งมีคนไมไ่ ด้ ถึงได้มา ยัง พูดว่า “พากนั กลับไปเถอะ เพียงแค่นี้ ก็จะเปน็ ไป กลวั การแยง่ ชิง ความอิจฉารษิ ยา ไดก้ อ่ ตวั ขึ้น เพือ่ ประโยชน์ เพ่ือความสขุ แก่พวกญาตโิ ยม ในกลมุ่ นกั บวชท่ียังเปน็ ปุถุชน ไมย่ กเวน้ พอแลว้ ” แมก้ ระทง่ั ภิกษุผเู้ ป็นเจา้ อาวาสรปู นี้ ซึ่งกาลังเกิด ชมั พกุ ะมพี ฤติกรรมอันน่าขยะแขยง ความริษยาพระอรหันตท์ เ่ี ห็นอบุ าสกได้ถวาย รงั เกยี จ โดยเปน็ นักบวชอาชีวกเปลอื ยกาย เครื่องของใชต้ ่างๆมากกว่า ไม่ตอ้ งการใครมา กนิ อจุ จาระเปน็ อาหาร ถอนผมด้วยแปรง แย่ง แลว้ คดิ หาทางกาจัดออกไปดว้ ยการดา่ วา่ ตาล และนอนกับดิน เป็นเวลานานถึง ๕๕ ปี อยา่ งรุนแรง ซึ่งเป็นอริยปุ วาทกรรมอยา่ ง ต่อมาอีกไม่นาน เม่ือเศษกรรมของเขาจางลง หนกั เพราะถกู ลาภสักการะ ซง่ึ เปน็ ของช่ัวคราว บุญกศุ ลสง่ ผล ทาให้พระศาสดาเสด็จมาโปรด ไมจ่ รี งั ยงั่ ยนื ครอบงา จึงทาให้จิตใจมดื บอด ทา แสดงธรรมใหฟ้ ัง แล้วเขาก็ไดบ้ รรลธุ รรมเปน็ บาปโดยไม่รู้สึกตวั และไม่มีโอกาสขอขมาโทษ พระอรหันต์ บาปกรรมทเี่ คยดา่ พระอรหนั ต์ใน อดตี ชาติ ไดส้ ้ินสดุ มลายหายไปเพราะได้บรรลุ ๒. ดา่ อยา่ งไร ไดอ้ ย่างน้ัน ธรรมขั้นสูงสุด ด้วยประการฉะนี้ เมอื่ กเิ ลส คือ โลภ โกรธ หลงเกดิ แล้ว ทา ให้โงเ่ ขลาเบาปัญญา จิตมดื บอด ถึงพระอรหันต์ กาลงั ยืนอยู่ตอ่ หนา้ แท้ๆ แตก่ ไ็ มร่ ู้ ดูไมอ่ อก กลับ คิดวา่ เป็นมารจะมาแยง่ ลาภของตวั เอง ถึง ขนาดทาใจไม่ได้ ตอ้ งเดินไปด่าถึงท่อี ยา่ งสะใจ
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๗๑ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า กรรมใดใครกอ่ กรรมนน้ั ย่อมสะทอ้ น ทาได้ยากอย่างยิง่ )มาเปน็ เวลา ๖ ปี ซงึ่ เปน็ การ กลบั มาหาเจ้าตวั เสมอ เมอื่ อริยปุ วาทกรรม แสวงหาโพธิญาณผิดวิธี กเ็ กิดจากกรรมเก่าซงึ่ ส่งผล แม้ภกิ ษเุ จ้าอาวาสรูปนี้ ไดป้ ระพฤติ เคยพูดตาหนิพระพุทธเจ้ากสั สปะไว้ในชาติสมัย ปฏบิ ัติธรรมมานานถงึ ๒ หมนื่ ปี ก็ไม่สามารถ ท่เี กิดเปน็ โชตปิ าละ บรรลุธรรมไดใ้ นชาตนิ ้ัน และหลงั จากมรณภาพ แมใ้ นยุคปัจจบุ ัน มีคนหลายคนทง้ั ผู้ชาย แล้ว แทนทีจ่ ะไปเกิดในสวรรค์ กลบั ไปเกิดใน และผู้หญงิ ในตา่ งประเทศ เชน่ ประเทศญป่ี ุ่น อเวจีนรก ๑ พุทธนั ดร เป็นระยะเวลา และสหรัฐอเมรกิ าเป็นตน้ ที่กินอุจจาระของ ล้านๆ ปี พอพน้ จากนรก ยงั ต้องมาชดใช้เศษ ตนเองและของผอู้ ื่นอยา่ งเอร็ดอร่อยหน้าตา กรรมอกี ๕๕ ปีอย่างแสนจะทุเรศ ต้องมา เฉย ไมไ่ ด้แสดงอาการรงั เกยี จใดๆ และทงั้ ใน เปลือยกายลอ่ นจอ้ น นอนบนดิน กนิ อจุ จาระ และตา่ งประเทศทชี่ อบเปิปพิศดาร รบั ประทาน และถอนผมด้วยแปลงตาลเหมอื นคาทีต่ ัวเอง ของแปลกๆ เมนูโหดๆ เชน่ กินก้อยกงุ้ เต้น กิน เคยด่าพระอรหนั ตเ์ อาไวใ้ นอดตี ชาติท่ผี า่ นมา ไส้เดอื นเป็นๆ กินแมลงสาบสดๆ กินปลาหมกึ ดิบๆ ยังดนิ้ ได้ เปน็ ต้น มีความเปน็ ไปไดท้ ี่ ๓.เมลด็ พันธุ์แห่งกรรม พฤตกิ รรมอันนา่ รงั เกียจเหล่าน้ีเกิดจากกรรมที่ ปากเคยดา่ ใครไวอ้ ยา่ งไร ยอ่ มเปน็ ไป เคยพูดตาหนิพระอริยเจา้ หรือชอบดา่ ว่าพ่อ ตามปาก สร้างเหตุไวอ้ ย่างไร ยอ่ มได้ผลเช่นนน้ั แม่ตัวเอง เมอ่ื ใช้ปากทาบาป ก็ต้องมา เหมอื นดา่ ว่าแต่เขา แลว้ เรามาเปน็ เอง รับประทานของท่ีสกปรกและนา่ รงั เกียจซ่ึงเปน็ หวา่ นเมลด็ พนั ธ์ุชนดิ ใดไว้ เมือ่ มันงอก ย่อม อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพอย่างยงิ่ เป็นไปตามเมล็ดพนั ธุ์ชนิดนั้น เม่ือกรรมส่งผล ยอ่ มได้ประสบกับสง่ิ ท่ีตัวเองเคยทาเอาไว้ การ ๔. เนื้อนาบาป ให้ผลของกรรม เราควบคุมไมไ่ ด้ มันทางาน ชัมพุกาชีวก ถูกเศษอรยิ ปุ วาทกรรม โดยอตั โนมตั ิ ไมอ่ ยากเชอื่ กต็ ้องเชื่อ หากยงั ไม่ สง่ ผล ทาให้ตอ้ งมากนิ อุจจาระเป็นอาหาร แล้ว เกิดกับตวั เอง อาจจะไม่รู้ สาหรับกรณีของชมั พุ หลอกลวงผู้คนว่ากินลมแทนอาหาร การทาบญุ กาชีวกน้ี ทาใหไ้ ด้คิดวา่ ลัทธิของพวกนคิ รนถท์ ี่ ใหท้ านกบั ผปู้ ฏิบัติผิด และเป็นมิจฉาทฏิ ฐิ เปลือยกายในสมัยพทุ ธกาลหรือในอนิ เดยี ยคุ ทาใหไ้ ด้บุญน้อย ได้อานสิ งส์ไมม่ าก ถึงเชื่อ ปัจจุบัน มีส่วนทเ่ี กดิ มากจากอรยิ ปุ วาทกรรมซ่ึง วา่ นา่ จะได้บุญมาก ก็ไดผ้ ลน้อยอย่ดู ี เพราะ พวกเขาเคยทากบั พระอริยบุคคลมาในอดตี ชาติ สรา้ งเหตุกบั ผลไม่สอดคลอ้ งกัน ส่วนการมองดู กเ็ ปน็ ได้ เพราะแม้แต่การทพ่ี ระพุทธองค์เคย อริยสาวก เช่น พระโสดาบันหรือพระอรหนั ต์ผู้ บาเพญ็ ตบะ ประพฤติทุกกรกิริยา(การกระทาท่ี ปฏบิ ัตชิ อบมีสมั มาทฏิ ฐิ ดว้ ยจิตเลอื่ มใสศรทั ธา
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๗๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจา้ แม้เพยี งครูเ่ ดยี ว หรอื ถวายอาหารเพียงทัพพี ๖.กรรมของผ้นู า/เจ้าอาวาส บุคคลทีม่ โี อกาสเขา้ มาเป็นประมขุ หวั หน้า เดยี วแก่ทา่ นเหลา่ นนั้ ได้บุญมากกวา่ ได้ อานิสงส์มากกวา่ ทานทใ่ี ห้แก่บคุ คลประเภท ผูน้ า หรอื ผบู้ ริหารประเทศชาติ องคก์ ร สถาบนั ตา่ งๆ หน่วยงาน หรอื หมู่บา้ น ชุมชน แม้กระทง้ั ผู้ ชัมพกุ ะท่ีทามานานตง้ั ๑๐๐ ปี ทเ่ี ปน็ เจ้าอาวาสในวดั เมื่อมยี ศ มีอานาจแลว้ ถ้า เพราะฉะน้ัน ใครจะศรทั ธาเล่อื มใส ให้ หากลมื ตวั หลงเมามัวในลาภสรรเสริญ เกียรติยศ ชือ่ เสยี งแลว้ มักจะใช้อานาจไปในทางทีผ่ ิด ทา ทานแก่ท่านผู้ใด ยอ่ มขึน้ อยู่กบั ฐานบุญบารมี ทุจริตคอรปั ชน่ั คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง เอารดั เก่า และกาลังสตปิ ัญญา เมอื่ ตนเองมีบุญนอ้ ย ก็จะผลกั ดันให้ไปศรัทธาในนกั บวชประเภทนี้ เอาเปรียบผอู้ ่นื กีดกัน กดดัน กลนั่ แกล้งผดู้ ้อย หากมีสมั มาทิฏฐิ ก็จะมีศรทั ธา นิยมชมชอบกบั กวา่ เพ่อื ผลประโยชนข์ องตัวเองและพวกพอ้ ง คนอกี ประเภทหนง่ึ คนดดี งึ ดดู คนดี ผลักดนั ภายในวดั วาอารามทงั้ ในและตา่ งประเทศก็ คนช่วั คนเลว คนชว่ั ดึงดดู คนเลว คนชวั่ ให้เข้า เชน่ กัน หากเจา้ อาวาสทา่ นใด ไม่ได้ร้แู จง้ ในธรรม ไมซ่ าบซึง้ ในกฎแหง่ กรรม ก็ยากทจ่ี ะห้ามใจไม่ มาพนั พวั ในชวี ิต แล้วผลักดันคนดใี หห้ นีหา่ ง หวั่นไหวในลาภสักการะชอ่ื เสยี ง เม่ือหลงในอานาจ ๕.เมื่อบาปเบาบาง บุญก็เริ่มส่งผล ยนิ ดีในเงนิ ทอง ย่อมต้องการคนประจบเอาใจ เมื่อบาปมีจรงิ บญุ กต็ อ้ งมีจรงิ ถา้ บาป แบบขา้ ใหญเ่ พยี งผูเ้ ดียว มักลืมตวั ใช้อานาจบบี ส่งผลได้ บญุ ต้องส่งผลได้เช่นกัน ส่วนบาปหรอื บงั คับให้ทาตามท่ีตนเองต้องการ ย่ิงมีใครมาทา บญุ จะสง่ ผลก่อนหลังนัน้ ขนึ้ อยกู่ ับน้าหนัก ดเี ด่น หรือเกง่ กวา่ ก็มองเขาว่า เปน็ ปฏปิ ักษ์ ศัตรู คู่แข่งทจี่ ะมาแย่งชิงผลประโยชนข์ องตวั เอง แล้ว ปริมาณของบาป-บญุ ว่า อันไหนมีกาลังมากกวา่ หาทางกีดกนั กลัน่ แกลง้ ใสร่ า้ ยปา้ ยสีทกุ วถิ ที าง กัน แตบ่ ญุ -บาปนนั้ เปน็ คนละสว่ นกนั พอ เพ่ือให้พ้นจากเส้นทางเดินของตนเองโดยไมไ่ ด้ ความเขม้ ข้นของบาปเริม่ เจือจาง บญุ ท่ีเคยทาไว้ คานงึ ถงึ หลกั ความถูกต้อง ชอบธรรม ไม่ได้นึกถึง กส็ ่งผล ทาให้ชมั พุกาชีวกได้สานึกผดิ และรู้ว่า กฎแหง่ กรรมว่า จะมผี ลร้ายเกดิ ขึน้ ตามมาภายหลัง พฤติกรรมอันนา่ รังเกียจนี้ เกดิ จากบาปกรรมที่ และเมื่อกรรมชวั่ ใหผ้ ล ทกุ คนล้วนมีอนั เป็นไป ตา่ งๆ และตอ้ งมาเปน็ ทุกข์เสยี ใจภายหลงั แตม่ นั เคยทาเอาไวใ้ นอดีต พอเข้าใจถกู ต้อง ปญั ญา มักจะสายเกนิ แก้เสมอ เกดิ จงึ ไดบ้ รรลุธรรมเปน็ พระอรหนั ต์ บาปกรรม ที่เคยทามา จึงถกู อรหตั ตผลทาให้สญู สลายหมด เพราะฉะน้นั พระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงพร่าสอน สิ้นไม่เหลือเศษกรรมอกี เลย ทั้งชาววัดและชาวบ้าน ให้ตระหนักใส่ใจอยเู่ สมอวา่ เรามกี รรมเป็นของๆตน มีกรรมเปน็ มรดก มี กรรมเปน็ ที่พงึ่ อาศัย ใครทากรรมใดไว้ ดหี รือชัว่ องั .อัฏฐก. (แปล) ๒๓/ ๒๘๙ –๒๙๑ ดูเขตตสตู ร ย่อมจะตอ้ งเป็นผู้รับผดิ ชอบตอ่ กรรมนน้ั อย่าง ธ.ป. ๔/๑๖๘-๑๗๐ เร่ืองพราหมณ์ผู้เปน็ ลงุ ของพระสารบี ุตร หลกี เลย่ี งไมไ่ ด้
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๗๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ อริยุปวาท เรื่องที่ ๗ ชราต้งั แตศ่ ีรษะจรดเท้า โดยความไมเ่ ทยี่ ง ภิกษณุ ปี ุถุชนด่าภิกษุณีอรหันต๘์ ๐ เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดิมได้ บงั คับบญั ชาไม่ได้ เจรญิ วปิ ัสสนา แล้วบรรลุ นางอัมพปาลี ไดบ้ าเพญ็ บารมใี นศาสนา ธรรมเปน็ พระอรหันต์ ของพระพุทธเจา้ องคก์ อ่ นๆ เคยบวชเปน็ ภิกษุณี ครน้ั บรรลุธรรมขนั้ สงู สุดแลว้ พระเถรไี ด้ รกั ษาศลี อยา่ งเคร่งครดั ไม่ชอบการเกิดในครรภ์ พดู ถงึ เรื่องราวในอดีตชาติของตน ตอ่ พระพกั ตร์ ปรารถนาเกิดเป็นโอปปาตกิ ะ ดว้ ยกศุ ลผลบุญ ของพระศาสดาว่า “...ในกปั ที่ ๓๑ พระพุทธเจ้า นน้ั ในชาติสุดทา้ ย จงึ มาเกดิ เป็นโอปปาติกะ ที่ สขิ ี ไดเ้ สดจ็ อบุ ัตขิ น้ึ คร้ังนน้ั หม่อมฉนั เกิดใน โคนตน้ มะม่วง ในพระราชอทุ ยาน กรุงเวสาลี ตระกลู พราหมณใ์ นเมืองอรณุ บวชเปน็ ภกิ ษณุ ี วนั พนักงานเฝา้ อุทยาน เห็นเด็กหญิงน้ัน ก็นาเขา้ หนึง่ ขณะท่ภี ิกษุณที ง้ั หลายพากันเดนิ ทา พระนคร เพราะเกดิ ท่ีโคนตน้ มะมว่ ง จงึ ตัง้ ชอื่ ให้ ประทักษณิ (เดินเวียนรอบไปทางขา้ งขวา)ไหว้พระ วา่ “อัมพปาลี” พวกเจา้ ชาย หลายพระองค์ เจดยี ์ ภกิ ษุณพี ระอรหันต์องค์หน่ึงทเี่ ดินอยู่ เหน็ นางสะสวยรูปรา่ งหน้าตาดี ตา่ งก็ปรารถนา ขา้ งหน้า ได้ถม่ นา้ ลาย แต่น้าลายไปตกทล่ี านพระ อยากได้เปน็ นางสนม ตกลงกนั ไม่ได้ จงึ เกดิ เจดีย์ และพระเถรีไมท่ นั สังเกต จงึ เดินไปข้างหนา้ ทะเลาะววิ าทกัน คณะผู้พิพากษาได้รับคา สว่ นภิกษณุ ี(อดตี ชาตขิ องนางอัมพปาลี)รูปนที้ ีเ่ ดิน ฟอ้ งของนาง เพอื่ ระงับการทะเลาะวิวาทของ ตามหลงั มา มองไปเห็นน้าลายนน้ั โกรธไม่พอใจ พวกราชกมุ ารเหล่านัน้ จึงต้ังนางไว้ในตาแหนง่ จึงด่าออกไปแบบไม่คิดวา่ อีแพศยาคนไหนทีม่ นั คณิกาหญงิ แพศยาวา่ เป็นของทกุ ๆ คน มาถ่มน้าลายตรงนี้ ไมม่ ีที่ถม่ น้าลายทอี่ นื่ หรือ ต่อมาไดฟ้ งั ธรรมจากพระศาสดา เกิด ยงั ไง บวชเขา้ มาแล้ว ยังท้าตัวอย่างนีอ้ ยู่ ท้าให้ ความเล่อื มใส ไดใ้ ชพ้ ้นื ท่สี วนของตนสร้างเปน็ ศาสนาแปดเป้อื น” วดั แล้วมอบถวายแดภ่ กิ ษุสงฆ์ ซ่งึ มีพระพทุ ธเจ้า ด้วยผลแห่งบาปกรรม คอื การพดู ดู เป็นประธาน ในกาลต่อมาได้ฟังธรรมจากพระ หมน่ิ พระอรหันต์อย่างน้ัน ภิกษณุ ีรูปน้นั วมิ ลโกณฑัญญเถระ พระลกู ชาย จงึ บวชเป็น หลงั จากตายแล้ว ไดไ้ ปเกดิ ในนรกท่ีเต็มไปดว้ ย ภกิ ษุณี ได้พจิ ารณารา่ งกายท่รี ว่ งโรยเพราะแก่ ความทุกขอ์ ย่างสาหัส พอพ้นจากนรกมาเกิด ๘๐ ขุ.อป.(แปล) ๓๓/๕๔๗-๕๔๙, ในกัปที่ ๓๑ นบั จากกัปนี้ไป พระสิขพี ทุ ธเจ้าได้อบุ ัติขน้ึ มี อมั พปาลีเถรยิ าปทาน และอรรถกถา พระชนมายุ ๗ หมื่นปี พระชนกพระนามวา่ พระเจ้าอรุณ พระชนนี พระนามว่าพระนางปภาวดี มพี ระอัครสาวก ช่ือว่าพระอภิภแู ละพระ กาเนิด ๔ ชนิด คอื ๑. กาเนดิ อณั ฑชะ (การเกดิ ในไข่) ๒. กาเนิด สมั ภวะ มีพระพุทธอุปัฏฐากชอื่ ว่า พระเขมงั กร มพี ระอคั รสาวกิ า ช่ือ ชลาพุชะ (การเกดิ ในครรภ์) ๓. กาเนิดสังเสทชะ (การเกิดในเถ้าไคล วา่ พระสขลิ าและพระปทุมา หรอื ทชี่ ื้นแฉะ) ๔. กาเนดิ โอปปาติกะ (การเกิดผดุ ขึน้ โตทนั ทีแบบไม่ ข.ุ พทุ ธ. (แปล) ๓๓/๖๙๐-๖๙๕ ดู สขิ พี ทุ ธวงศ์ ตอ้ งอาศยั พอ่ แม่) ม.มู. (แปล) ๑๒/๑๕๑-๑๕๖ มหาสหี นาทสูตร
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๗๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ เป็นมนษุ ย์ เกิดเป็นหญิงแพศยา หรือหญงิ ตาหนิ ดว้ ยความคะนองปากและต้องการด่า โสเภณหี น่งึ หมน่ื ชาติ และไดร้ บั ความเดอื ดร้อน กระทบตามนสิ ยั ของคนปากพลอ่ ย มองอย่าง ไมส่ บายใจอยเู่ ปน็ ประจา ถึงอย่างนั้น เศษของ ผวิ เผนิ กเ็ หมือนกบั คาพูดตาหนิของคนทว่ั ไป แต่ บาปกรรมน้นั ยงั ไมห่ มด เพราะในชาตปิ ัจจบุ ัน ในกรณขี องภกิ ษณุ ีน้ี กลับเปน็ ความผิดพลาด ทา่ นยังกต็ อ้ งมาเปน็ โสเภณีทาหน้าทีใ่ ห้ความสุข อย่างใหญ่หลวง เป็นบาปมหันต์ เพราะคนท่ี แก่ชายทง้ั หลายอยา่ งหลีกเล่ยี งไมไ่ ด้ ตวั เองพูดตาหนิน้ันกลบั ไมใ่ ช่คนธรรดาสามัญ บาปกรรมนั้น ได้ส้นิ สดุ ลง เมอ่ื ตัดสินใจ แต่เป็นพระอรหนั ตผ์ บู้ ริสุทธ์ิ ไมม่ คี วามผดิ และ ออกบวช แลว้ บรรลุธรรมเปน็ พระอรหนั ต์ดงั ท่ี ไม่ได้เป็นหญิงแพศยา ท่านไดเ้ ล่าไวข้ า้ งตน้ นน้ั แล การพดู ด่าว่าตาหนิตเิ ตยี นเช่นน้นั จึงเป็น ขอ้ คิด...คตธิ รรม อริยปุ วาทกรรม อีกท้งั เจ้าตวั กไ็ มร่ ู้วา่ ตนเอง ได้ล่วงเกนิ พระอรหันต์ไปแล้ว และไมร่ ู้ว่าจะมีผล ๑. พูดวา่ เขา แลว้ เราเปน็ เอง กรรมอะไรตามมา จงึ ไมม่ โี อกาสขอขมาโทษ โดยธรรมดา ชาวพทุ ธท้ังหลาย ตอ้ งการ แม้นวา่ จะเป็นการตาหนิลบั หลงั และตวั พระเถรี เป็นคนดี อยากมีชีวติ อยู่ด้วยความสุขสบายและ เองไมไ่ ดถ้ ือโทษโกรธเคืองกต็ าม แต่กรรมน้นั ก็ ปลอดภยั แต่เพราะความหลงผดิ ความมืดบอด ยังมโี ทษมหนั ต์เหมอื นเดิม และความรู้เทา่ ไมถ่ ึงการณ์ แม้ไม่อยากทาชัว่ ทา บาปกรรม แต่เพราะไมร่ ู้วิธีการตั้งตนไวช้ อบ จึง ๒. ปลกู พืชเช่นไร ยอ่ มไดผ้ ลเช่นนั้น ไดท้ าผดิ พลาด สรา้ งบาปกรรมดว้ ยปาก โดยไม่ ผลกรรมจากอรยิ ุปวาท ทาให้ภกิ ษุณรี ปู รตู้ วั แม้จะมโี อกาสบวชเปน็ ภกิ ษณุ ี ได้ศกึ ษา นี้ ไม่กา้ วหนา้ ในการปฏิบตั ิธรรม ไมส่ ามารถ เรียนรูพ้ ระธรรมวินัย ต้ังมั่นอย่ใู นศลี แตก่ ็อาจทา บรรลุมรรคผลนพิ พานได้ภายในชาตนิ ัน้ และเมอื่ ผดิ ได้ เหมือนภกิ ษณุ ีรปู น้ี ไดพ้ ลงั้ ปากพูดตาหนิ มรณภาพแล้ว กไ็ ปเกิดในนรก แตใ่ นคัมภีรไ์ ม่ได้ เพือ่ นพรหมจารณิ ีด้วยกัน เธอคงไมร่ หู้ รอกวา่ ระบรุ ะยะเวลาวา่ อยใู่ นอบายภูมิน้ันยาวนานแค่ นา้ ลายบนลานพระเจดีย์น้นั เป็นน้าลายของ ไหน พอพน้ จากนรก ก็ได้มีโอกาสเกิดมาเปน็ พระอรหนั ต์ มนษุ ย์ อริยุปวาทกรรมท่เี คยด่าพระอรหันต์ ความจริงแล้ว ถึงแมว้ ่าจะร้หู รือไม่ กต็ าม วา่ เปน็ หญงิ แพศยาในชาตนิ นั้ ยังตามส่งผล ว่าใครเปน็ คนถม่ นา้ ลาย ก็ไม่ควรพดู ตาหนติ ิ ให้มาเปน็ โสเภณีอกี ๑ หมืน่ ชาติ๘๑ เม่อื เจตนา เตียนออกไปเช่นนั้น เพราะผทู้ ีเ่ ป็นสมณะตอ้ ง อยากให้คนอืน่ เปน็ อย่างไร ตัวเองกต็ ้องเปน็ พดู จาสารวม ตัง้ มนั่ อยู่ในศลี แต่คงเปน็ เพราะ กรรมเกา่ ของพระเถรี จึงทาใหภ้ ิกษณุ รี ูปน้ีมาพูด ๘๑ ในอรรถกถาแหง่ อมั พปาลเี ถรีคาถา กลา่ ววา่ ท่านเกดิ เป็นหญิง แพศยาหรอื โสเภณถี งึ ๖ หมืน่ ชาติ
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๗๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า อยา่ งน้นั แมใ้ นชาติสดุ ท้าย ก็ยงั ตอ้ งมาเป็น ยงั ไดบ้ ุญนอ้ ยกว่า ใหท้ านทัพพเี ดียวแก่พระ โสเภณีอีก เพราะเศษกรรมน้ันยงั ไม่หมด แต่ โสดาบนั และใหท้ านวันละร้อยกว่าลา้ น ตลอด ๑ เม่อื ไดบ้ รรลุธรรมเป็นพระอรหนั ต์แล้ว หมน่ื ปีแกป่ ุถชุ นคนทว่ั ไป ได้บญุ น้อยกว่าใหท้ าน ทัพพีเดียวแก่พระอรหันต์๘๒ แมใ้ นทางตรงข้าม วิบากแหง่ กรรมนั้นกส็ ิ้นสดุ ลง อริยปุ วาทกรรมแม้ทาเพยี งคร้ังเดยี ว แต่ เร่ืองการทาบาป เช่น การพูดตาหนิดา่ วา่ พระ กลับสง่ ผลใหช้ วี ิตเราตกตา่ ยา่ แย่นับภพชาติไม่ อรยิ เจา้ กเ็ ทยี บกับหลกั การนี้ แลว้ จะทราบวา่ ถ้วน แม้ผา่ นมาแล้วตั้ง ๓๐ กวา่ กปั บาปกรรม จะบาปแคไ่ หน เพราะไม่มีการทาบาปอะไรท่ี นยี้ ังไมส่ น้ิ สุด ท่านผเู้ ป็นบณั ฑติ ทั้งหลาย โปรด มผี ลรุนแรงเทา่ กนั การดา่ พระอริยสาวก๘๓ คิดดเู ถดิ วา่ อริยปุ วาทกรรมน้ี มีโทษมากเพยี งใด ดังน้นั เพื่อความปลอดภยั ในชีวติ และ แมผ้ ู้ท่ีชอบคิดจับผิด พูดติเตยี น การปฏบิ ัตธิ รรมของตัวเราเอง เมอ่ื มกี ารอยู่ วิพากษว์ จิ ารณด์ ่าว่าพระสงฆส์ ามเณรแม่ชี หรือ ร่วมกับเพอ่ื นนกั ปฏบิ ตั ิธรรมดว้ ยกัน จงึ ควร คนอน่ื ใดก็ตาม เม่ือกรรมนี้ส่งผล คนน้นั มกั จะ สารวมระวงั วาจาให้ดี อย่าได้พดู ตาหนติ เิ ตียน เป็นไปตามสิ่งท่ตี วั เองเคยคิดจับผิด พดู ดถู ูก วพิ ากษ์วิจารณ์ ลว่ งเกนิ คนอืน่ เพราะเราไม่ ตาหนเิ อาไว้ จะไปหลงรักพวั พันกับนกั บวชหรอื รวู้ ่า คนน้ันเขามีคณุ ธรรมมากน้อยเพียงใด บุคคลทม่ี เี จ้าของแลว้ และมคี วามสมั พันธ์กัน หากเผลอพลาดไป อาจจะเป็นอรยิ ปุ วาท แล้ว อย่างลกึ ซึ้งในเวลาต่อมา จะเป็นอยา่ งนีไ้ ปเรอ่ื ย ยากทจี่ ะแกไ้ ข จนกว่ากรรมนนั้ จะหมดกาลงั ในการสง่ ผล ๔.แมอ้ าชพี ก็เปน็ กรรม ๓. การดา่ พระอรหนั ต์ อาชีพ กค็ ือ งาน และงาน กค็ ือ กรรม บาปเปน็ ล้านๆเท่า เพราะฉะนนั้ อาชีพ กเ็ ปน็ กรรมอย่างหนึ่ง มี การตาหนิตเิ ตยี นปถุ ชุ นคนทว่ั ไป แมจ้ ะ ความสัมพนั ธ์เก่ยี วขอ้ งกับวิบากของกรรมเกา่ ใน เป็นบาป มีโทษ กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ บาปมาก โทษไม่ อดีต ถ้าอยากรวู้ ่า เรามีกรรมอะไรมาบา้ งอดตี รุนแรง แตถ่ ้าเปน็ การดา่ วา่ พระอรหนั ต์แล้ว เป็น ถึงมาทาอาชพี น้ี ก็ดจู ากงานทีท่ าอยูป่ จั จุบันว่า บาปมาก มีโทษร้ายแรง เปน็ งานสุจรติ หรือทุจริต มปี ระโยชน์หรือมีโทษ ถามวา่ บาปมากแค่ไหน บาปมากเป็น อย่างไร เพราะเหตุกบั ผลสัมพนั ธ์กนั กรรมเกา่ ล้านๆๆเท่าจนนบั ไมถ่ ้วน คานวณไม่ได้ว่าบาป มากแค่ไหน ดูตวั อยา่ งเปรยี บเทยี บกบั การทาดี อัง.นวก. (แปล) ๒๓/๔๗๐-๔๗๔ เวลามสตู รและอรรถกถา ๘๒ ม.อุ. (แปล) ๑๔/๔๒๗-๔๒๙ ทักขิณาวิภังคสูตร และอรรถกถา กบั พระอริยบคุ คล เช่น ให้ทานวนั ละร้อยกวา่ ล้าน ๘๓ อัง.สตั ตก. (แปล) ๒๓/๑๖๗ สเุ นตตสูตร ตลอด ๗ ปกี ับอีก ๗ วันแกค่ นทั่วไปทเ่ี ปน็ ปุถชุ น ม.ม. (แปล) ๑๓/๕๗๒-๕๘๒ วาเสฏฐสูตร
อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๗๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า กับกรรมปจั จบุ นั เกย่ี วเนอื่ งกนั นางอัมพปาลี เปน็ อาชีพทท่ี ามาหากินบนความทุกข์ ความ เคยทาอาชพี โสเภณมี าก่อน ตามหลกั พทุ ธ เจ็บปวดทรมานของคนอ่ืน และทาใหจ้ ติ เศร้า ศาสนา ไม่ถอื ว่าเปน็ สัมมาอาชีวะ เพราะนาง หมอง ขุ่นมัว สริ มิ าน้องสาวของท่านหมอชีวกเคยทาอาชพี การค้าขายเนอื้ คือ หา้ มเล้ยี งสัตว์ นีม้ าก่อน แต่หลงั จากดวงตาเห็นธรรมเป็น ตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นกบ เขียด กงุ้ หอย ปู ปลา โสดาบนั แล้ว ก็เลกิ ทาอาชีพน้ีเด็ดขาด ไม่ จระเข้ เป็ด ไก่ สนุ ัข สุกร ววั ควาย เป็นต้นไว้ กลับไปอีก๘๔ เพราะทาให้ศีลไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ เปน็ ขาย เพราะการค้าขายเนือ้ เปน็ เหตใุ หต้ ้องฆ่า อาชพี ที่ทาให้จิตเศร้าหมอง และเป็นการส่งเสรมิ สตั ว์และถา้ คา้ ขายเปน็ อาชพี ถอื วา่ เป็นการ สนับสนนุ กระตุ้นให้คนเพิม่ กิเลส เกดิ ราคะโทสะ ส่งเสริมสนบั สนนุ การฆ่าสัตว์โดยทางออ้ ม และโมหะ๘๕มากข้ึน ไม่ใช่วิสัยท่อี ริยสาวกจะไป การคา้ ขายสง่ิ เสพตดิ ทกุ ประเภท เชน่ ข้องเก่ียวโดยประการทัง้ ปวง เหลา้ เบยี ร์ ไวน์ กัญชา ยาบ้า โคเคน เฮโรอนี เป็นต้น เป็นการสง่ เสรมิ สนับสนุนใหค้ นขาดสติ ๕.อาชีพมืด กรรมดา ปัญญาออ่ น เสยี สุขภาพกายและใจ อบุ าสก อุบาสิกาทด่ี ีหรอื ผู้ทเ่ี ข้าถงึ ธรรม การคา้ ขายยาพิษทกุ ประเภท เช่น ยา มคี วามเขา้ ใจกฎแห่งกรรมดแี ล้ว พงึ ระมดั ระวงั ปราบศัตรูพชื ยาฆ่าแมลง ยาเบือ่ หรือ ยาพิษท่ี และหลีกเลย่ี ง ไม่ประกอบอาชีพ๘๖ ดังต่อไปนี้ เป็นอันตรายต่อคนหรอื สัตว์ เปน็ ตน้ เพราะถอื วา่ การคา้ ขายศสั ตราวุธ คอื อาวุธและ เปน็ การสนบั สนนุ การฆ่าและเบียดเบียนสตั ว์ อุปกรณเ์ คร่ืองมือทกุ อยา่ งที่เปน็ อนั ตรายต่อคน อาชีพเหลา่ น้ี แมจ้ ะไมผ่ ิดกฎหมาย เปน็ และสตั วไ์ ด้ เชน่ ขีปนาวธุ ระเบดิ ปืน ดาบ หอก อาชีพที่ถือว่าสุจรติ ในทางโลกก็ตาม แต่ในทาง ธนู ฉมวก แห อวน เป็นตน้ แมไ้ มไ่ ด้ฆ่าเอง ธรรม ถอื วา่ เป็นมิจฉาอาชวี ะ เสย่ี งตอ่ การ ไม่ไดใ้ ช้ใหค้ นอ่นื ฆ่า แต่ก็เข้าขา่ ยยนิ ดีพอใจและ สร้างเวรภยั และเป็นการส่งเสรมิ สนับสนุน สนบั สนนุ ส่งเสริมการฆ่า การฆ่าท้งั โดยตรงและโดยอ้อม เพราะถึงแม้ การคา้ มนุษย์ ค้าน้ากาม ขายบรกิ าร ตนเองไมไ่ ด้เปน็ ผฆู้ ่าสตั ว์ แตเ่ ข้าขา่ ยชกั ชวน ทางเพศท้งั เปน็ ผู้ทาเองหรือบบี บังคับให้คนอนื่ ผูอ้ ื่นใหฆ้ า่ สตั ว์ ยินดีพอใจการฆา่ สตั ว์ หรอื เห็น ทา ไม่ว่าจะเต็มใจหรือจายอม และผูส้ ่งเสริม คนอนื่ ฆ่าและโฆษณาสินค้าเกยี่ วกับการฆ่า สนับสนนุ กจิ การดา้ นน้ีทงั้ โดยตรงและโดยออ้ ม สัตว๘์ ๗ ย่อมมีส่วนแห่งผลบาปทีเ่ กดิ จากการฆ่า เช่นกัน ผู้ประกอบการท้ังหลาย เม่ือนึกถงึ ๘๔ ขุ.ว.ิ (แปล) ๒๖/๒๓ สิรมิ าวิมานและอรรถกถา ๘๗ อัง.จตกุ . ๒๑/๓๘๑-๓๘๒ (แปล) ปาณาตปิ าตีสูตร ๘๕ สัง.สฬา. (แปล) ๑๘/๓๙๕-๓๙๗ ตาลปุตตสตู ร ๘๖ อัง.ปัญจก. (แปล) ๒๒/ ๒๙๕ วณชิ ชาสตู ร
อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๗๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ บาปกรรมคราใด ย่อมทาให้จิตใจหดหู่ เศร้า ๖. วจีกรรมทวี่ ่ามีโทษมาก หมอง ขนุ่ มวั อาชพี เหลา่ นี้ แม้จะทาเงินไดด้ ี สามารถเล้ียงดูตวั เองและครอบครวั ได้ แตก่ ็เป็น มโนกรรมยงิ่ หนักกวา่ การก่อศัตรูคเู่ วรใหก้ บั ตัวเอง ไมป่ ลอดภยั ใน เสน้ ทางสายบญุ และยังเปน็ อปุ สรรคในการ ปถุ ุชนทย่ี งั ไมเ่ ข้าถงึ ธรรม ยงั ไมเ่ ขา้ ใจกฎ ปฏิบตั ธิ รรมอีกดว้ ย อีกทงั้ จะตอ้ งไปชดใช้หน้ี กรรมในอบายภมู ิ แหง่ กรรมอยา่ งลกึ ซ้งึ ขณะท่ไี ดย้ ินหรือได้เห็น หากเกดิ มาเปน็ มนุษย์กห็ นีบาปกรรมเวร ความชว่ั ของคนอื่น ก็มักจะอดคิดอกศุ ลไมไ่ ด้ ภยั ไม่พน้ เม่อื ใคร่ครวญด้วยปัญญาแล้วสงิ่ ที่ ไดม้ ากบั บาปกรรมท่ตี ้องชดใช้ ไม่คุ้มกนั อดคิดตาหนิในใจไมไ่ ด้ เมอื่ อดคิดตาหนไิ ม่ได้ ก็ เลย ขาดท้งั ตน้ ทุนและสูญทง้ั กาไร ต้องพูดออกมา การคิดตาหนแิ ละพดู ดา่ วา่ ดู ข้อสังเกต ถูกคนอ่นื เช่นน้ัน ก็เท่ากับเป็นการบม่ เพาะ คนทไ่ี ด้มาจากอาชีพปลอ่ ยเงนิ กู้ การเล่นแชร์ เลน่ หวย เลน่ หนุ้ เล่นการพนัน ขายบริการทางเพศ ขายยาเสพติดทกุ ชนิด เมลด็ พนั ธแุ์ ห่งบาปเอาไวใ้ นใจ เมือ่ ถึงคราว หรือเงนิ ท่ไี ด้มาจากการติดสนิ บน ฉ้อโกงตม้ ตนุ๋ หลอกลวง รบั จ้าง ทาวิทยานพิ นธ์ งานแปลเอกสารต่างๆ ซงึ่ คา่ ตอบแทนไดม้ าแบบ ท่เี มลด็ บาปน้ีส่งผล จะดงึ ดดู เหตุการณ์ โก่งราคามากเกนิ ควรหรอื เขาไม่ไดใ้ ห้ด้วยความเตม็ ใจ แตใ่ หแ้ บบ จาใจและจายอม รวมถึงมรดกที่ได้มาจากพอ่ แมห่ รอื จากญาติพี่ สถานการณ์ บุคคลและสงิ่ แวดล้อมเหมอื นที่เคย น้องซง่ึ ไมเ่ ต็มใจแบง่ ปันให้ หรือได้มาเพราะเลห่ ์เพทุบายอยา่ งใด อยา่ งหน่งึ ก็ตาม เงินทไ่ี ดม้ าจากอาชพี เหลา่ น้ี หรอื ลักษณะนี้ ถอื ว่า ติคนอ่ืนไว้ และเขาผูน้ ้ัน ก็ได้ลมื เรอ่ื งราวที่ เปน็ เงินบาป เป็นของรอ้ น เปน็ เงนิ ไม่บริสุทธ์ิ ได้มางา่ ยไป งา่ ย ได้มาเร็วไปเร็ว เม่อื เอาไปลงทุนทาธุรกิจต่างๆ จะมเี หตุทาให้ ตัวเองเคยคดิ และพดู ไวแ้ ล้ว กลับมามี มีปัญหาอุปสรรคติดขดั มีอนั เป็นไป เจง๊ ขาดทุน ถูกโกง ถกู หลอก หรือสญู หาย พฤตกิ รรมเหมือนกบั ทต่ี ัวเองเคยตาหนคิ นอ่ืนมา แมใ้ นกรณผี ูช้ าย-ผู้หญงิ บางคนไม่ซื่อสัตยจ์ รงิ ใจ เห็นแก่ ในอดตี อย่างไม่ผิดเพย้ี น เหมอื นสานวนท่ีวา่ พดู ได้ ใชเ้ สน่หเ์ ลห่ ม์ ายา หลอกเอาเงินมาจากคนท่ีตนไมไ่ ด้รัก เช่น ภรรยา สามี แฟนหรอื กกิ๊ เปน็ ต้น นาไปปรนเปรอบาเรอคนท่ตี นรกั แตเ่ ขา แล้วอีเหนาเปน็ เอง ในท้ายที่สุด ก็หนีไม่พ้นจากกฎแห่งกรรม คอื จะโดนสวมเขา ถกู หลอกหรอื ถูกปอกลอกจนหมดตัว แถมมีหนส้ี นิ ติดพ่วงมาด้วยจาก ผทู้ ่ีไดย้ ินคนอนื่ พดู หรอื เห็นนกั บวช นา้ มือของคนทตี่ นหลงภักดี ทง้ั นี้นั้น เพราะเงินหรอื สง่ิ ของทไ่ี ดม้ า ไม่บรสิ ทุ ธิ์ มันเป็นของร้อน! จะถอื ครอบครองเป็นเจ้าของได้ไม่ ท้ังหลาย เชน่ ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร หรอื แม่ชี นาน ตอ้ งมีเหตุให้เป็นไป พินาศหายนะไม่อยกู่ ับเรายงั่ ยืนนาน...ผูท้ ่ี กาลังหลงเดินเวยี นวนอยูบ่ นเสน้ ทางสายมืดน้ีโดยไม่มีทางออก เปน็ ต้นวา่ ทาตัวไมเ่ หมาะสมกบั สมณสารปู จบี ธรรมะเทา่ นั้นที่จะให้คาตอบและช้ีทางออกสาหรบั ปัญหาชีวติ นีไ้ ด้ เพยี งแคเ่ ปิดแงม้ ประตใู จให้กว้างพอ แสงแห่งโพธิธรรม ก็พรอ้ มทจ่ี ะ ผูห้ ญงิ ฉันอาหารตอนเย็น ด่มื เหล้า เสพสิ่งเสพ สาดสอ่ งชท้ี างสว่างไสวแก่ท่านผ้ใู ฝ่ธรรมเสมอ ตดิ หรือมีเพศสมั พันธ์กับผู้หญิง เป็นต้น แลว้ นาไปบอกกบั คนอืน่ ในทานองประจาน แล้วคิด ตาหนิติเตียน พดู ด่าวา่ ดูถกู เหยียดหยามด้วย เจตนาลบหล่แู ละด้วยความมนั ส์สะใจวา่ เปน็ พระเลว พระชวั่ อย่างโนน้ อยา่ งน้ี แมจ้ ะเป็น เรอื่ งจริงกต็ าม ยงั มีสว่ นแห่งบาปกรรมแกผ่ ู้ ตาหนิเช่นกัน กฎแหง่ กรรม คอื กฎแหง่ การสะท้อนกลบั ยอ่ มเป็นไปไดว้ ่า เม่อื กรรมสง่ ผล ย่อมทาให้
อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๗๘ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า บุคคลน้นั ต้องมาทาผิดศีลธรรมอย่างใดอยา่ ง ของคนอนื่ แลว้ เขา้ ไปยุง่ เกย่ี วช่วยเหลือ โดยท่ี หน่งึ เช่น มาหลงรักและมีอะไรกันอย่างลกึ ซึ้ง ตวั เองก็มีเจตนาไม่บริสุทธ์ิ ขาดโยนิโสมนสิการ กบั นักบวช หรอื บคุ คลทตี่ อ้ งห้าม เป็นต้น เผลอสติ หลงคิดตาหนติ เิ ตยี นในใจ ทาใหเ้ กดิ เหมอื นที่ตวั เองเคยคดิ และพดู ลบหลู่คนอ่ืนไวใ้ น บาปกรรมแก่ตนเองโดยไม่จาเปน็ ฉันน้ัน อดตี แลว้ ถกู คนอนื่ จับได้และโดนประจาน เหมอื นกบั ที่เคยทากบั คนอ่ืนไว้ในอดีตที่ผา่ นมา ๗.พดู ตาหนิพอ่ แม่มโี ทษมหนั ต์ เพราะการคิดตาหนแิ ละพูดดา่ วา่ ผู้ทุศลี ไม่มี พ่อแม่ อย่ใู นฐานเปน็ อาหุเนยยบุคคล ศีล ก็ยังบาป ๑ พนั เท่า ไมต่ ้องพดู ถงึ กรรมท่ี สาหรบั ลกู คือ สิ่งทีล่ กู ทาดีกับพ่อแมจ่ ะมคี ณุ คิดและพูดตาหนิผูท้ ไ่ี มม่ คี วามผดิ จะมโี ทษหรอื อเนกอนันต์ แม้ในทางกลับกัน สง่ิ ทลี่ กู ทาผิดต่อ บาปแค่ไหน พ่อแม่ ก็จะมีโทษมหนั ต์ ดงั นั้น พอ่ แม่ จงึ เป็น เพราะฉะน้ัน บุคคลทม่ี ปี ญั ญาทางธรรม บคุ คลทีล่ ูกจะแตะตอ้ งลว่ งเกนิ ไม่ไดเ้ พราะมีโทษ อย่างลกึ ซึง้ เม่อื เห็นพฤติกรรมทไ่ี ม่ถกู ต้อง มากเหมอื นทากับพระอรหันต์ ฉะนัน้ ลกู ท่เี คย เหมาะสมของคนอ่ืน ไมว่ ่าจะเปน็ นักบวช พ่อแม่ คดิ นอ้ ยใจพ่อแม่ เคยพูดตาหนิ ดา่ ว่าพ่อแม่ หรอื ครอู าจารย์ เป็นตน้ อย่าเพิง่ คิดจับผิด หรอื ตา่ งๆนานา ถือวา่ เป็นกรรมหนกั เปน็ บาป พูดตาหนดิ ่าว่าสาดเสยี เทเสยี ไปกอ่ น ต้องคดิ มหันต์ ใหผ้ ลฉับพลันทันตาอย่างไมน่ า่ เชื่อ ดว้ ยเมตตา กรณุ า ค่อยหาทางแกไ้ ขปัญหาด้วย ถามวา่ กรรมพดู ตาหนดิ า่ ว่าล่วงเกินพ่อ ปญั ญา บอกเตอื นใหเ้ ขาเหลา่ น้นั รตู้ วั ดว้ ย แมน่ ี้ นา่ จะมีผลตอ่ ชวี ิตคนนน้ั อย่างไร ความหวังดีจากใจ ไม่ให้ทาอยา่ งน้ัน แตถ่ ้าเขา ตอบว่า ตามหลักอริยปุ วาท เมื่อกรรมนี้ ไม่รบั ฟัง ไม่สนใจ ก็ตอ้ งชั่งวัดใจตัวเองใหด้ กี อ่ น ส่งผล มแี นวโนม้ จะทาใหผ้ นู้ ัน้ มีปัญหา มี หากไม่ม่ันใจในคณุ ธรรมและหลกั การ ก็ปล่อย อุปสรรคขดั ข้องเร่ืองคูค่ รองความรกั อยา่ งมาก ให้เป็นหน้าที่ของผูม้ อี านาจในการจัดการ ส่วน ทาใหถ้ ูกลว่ งเกนิ ทางเพศ ถกู ขม่ ขืนกระทาชาเรา เรากด็ ูอย่หู า่ งๆด้วยปญั ญา ถูกคนรกั ทรยศ หักหลัง รังแกทุบตี เปน็ เมียนอ้ ย ผ้ทู ีท่ าความสะอาดสถานที่สกปรกทเี่ ต็ม เมยี เก็บอย่างเจบ็ ปวดหัวใจ และไปเกยี่ วข้องกบั ไปดว้ ยเช้ือโรคและสารพิษอยา่ งร้ายแรงโดยไม่ ยาเสพตดิ อบายมขุ การพนันและอาชีพ ป้องกันตวั เองให้ดี ย่อมมโี อกาสติดเชื้อหรอื โดน เกยี่ วขอ้ งกบั การคา้ มนุษย์ ค้าน้ากามทกุ รปู แบบ สารพิษทาให้เกิดอันตรายตอ่ ร่างกายท้งั โดยตรง และโดยอ้อม ฉันใด ผู้ที่เหน็ ความผิด ความชั่ว องั .นวก. (แปล) ๒๓/๔๗๐-๔๗๔ เวลามสูตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218