วชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ผู้สอน ครูภารวี หรรักษ์
พระพทุ ธศาสนา ศาสนา หมายถงึ - ลทั ธความเช่อถอของมนุษย์ -หลกั ธรรมเกี่ยวกบั บญุ บาป -ลทั ธ พธที ่กี ระทาตามความเหน็ หรอตามคาสงั่ สอนในความเช่อถอน้นั ๆ
ศาสนา เปน็ สถาบันที่สาคญั ของสังคม ช่วยกล่อมเกลาพฤติกรรมของคน ในสังคม และเปน็ ทย่ี ดึ เหนยี่ วจิตใจ
ทศพิธราชธรรม เป็นธรรมทพ่ี ระมหากษัตรยิ ์ หรือผู้ปกครองนามาประพฤติปฏิบตั ิ เพือ่ ให้เกดิ ความสงบสขุ แกบ่ า้ นเมือง มี 10 ขอ้
ความสาคัญของพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเปน็ สว่ นหนึง่ ของสังคมไทย และเป็นรากฐานของ วฒั นธรรม สง่ิ ทท่ี ำใหเ้ จรญิ งอกงำมแก่หมูค่ ณะ ควำมเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย และศีลธรรมอันดขี องประชำชน ประเพณี สิ่งที่นิยมถือประพฤตปิ ฏบิ ัตสิ บื ต่อกนั มำ จนเป็นระเบยี บแบบแผน วถีชีวต แนวทำงกำรดำเนินชีวิตตำมลกั ษณะทำงสภำพแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และประเพณี และเปน็ หลกั ในการพัฒนาชาตไิ ทย
พระพุทธศาสนาเป็นมรดกทางวัฒนธรรม สามารถจาแนกไดด้ ังนี้ 1. มรดกทางด้านรปู ธรรม 2. มรดกทางดา้ นจตใจ
มรดกทางด้านรปู ธรรม
มรดกทางด้านจติ ใจ
มรดกทางด้านรปู ธรรม มรดกทางด้านจติ ใจ
มรดกทางดา้ นจติ ใจ มรดกทางดา้ นรปู ธรรม
มรดกทางด้านรปู ธรรม มรดกทางด้านจติ ใจ
มรดกทางด้านรปู ธรรม มรดกทางด้านจติ ใจ
มรดกทางดา้ นจติ ใจ มรดกทางดา้ นรปู ธรรม
มรดกทางด้านรปู ธรรม มรดกทางด้านจติ ใจ
พระพทุ ธศาสนาเป็นหลกั ในการพฒั นาชาตไิ ทย การพัฒนาด้านกายภาพ และส่ิงแวดล้อมพระพุทธศาสนา มคี าสอนท่ีมีเป้าหมายเพ่อื การพัฒนากาย พัฒนาจติ และ พัฒนาสภาพแวดล้อม ประชาชนได้นาหลักธรรมคาสอน วฒั นธรรมความเชื่อ เพ่ือให้อยรู่ ว่ มกันอย่างสงบสขุ
หลักธรรมทเ่ี ปน็ แนวทางการพฒั นาดา้ นกายภาพ 1. ภาวนา ๔ และสง่ิ แวดล้อม ดังนี้ กายภาวนา การปฏบตั ตนตอ่ ส่งต่างๆรอบตวั ในทางที่เป็นประโยชน์ ศีลภาวนา การฝึกอบรมตนเองใหเ้ ปน็ ผมู้ ศี ลี อยใู่ นระเบียบวนัย จตตภาวนา การฝึกจตใจของตนเองใหเ้ ข้มแขง็ ปัญญาภาวนา การฝกึ อบรมปญั หาของตนเอง ใหร้ ู้ และเขา้ ใจสง่ ต่างๆตามความจรง
หลักธรรมทเ่ี ป็นแนวทางการพัฒนาด้านกายภาพ 2. ไตรสกขา และสงิ่ แวดลอ้ ม ดงั น้ี ศีล กาย วาจา สมาธ จตใจ ปญั ญา ความคด
หลกั ธรรมทเี่ ป็นแนวทางการพัฒนาด้านกายภาพ 3. อรยสจั ๔ และสงิ่ แวดล้อม ดงั นี้ ทกุ ข์ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ สมุทัย สาเหตขุ องทุกข์ หลักธรรมแรก นโรธ ความดับทกุ ข์ ในพระพทุ ธศาสนา คอ “อรยสจั ๔” มรรค ขอ้ ปฏบตั ใหถ้ ึงการดบั ทุกข์
หลักธรรมทเี่ ปน็ แนวทางการพฒั นาด้านจติ ใจ ดงั น้ี สไลดน์ ้ี 1. หลักโอวาท ๓ จดใส่สมุด 1. การไม่ทาความช่ัว 2.การทาความดี 3. การทาจตใจให้ผ่องใสบรสุทธ์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ศาสนาของเรา บทท่ี 1.2 พุทธประวตั
พทุ ธประวตั ิ เมอ่ ๒,๕๐๐ กวา่ ปีมาแลว้ ในดนแดนทเี่ รยี กวา่ ชมพูทวีป ซึ่งเปน็ ที่ตงั้ ของอาณาจกั รทช่ี นหลายเช้อชาตอาศยั อยู่ ดว้ ยกันในบรรดาอาณาจกั รเหล่านัน้ มีอาณาจกั รหนึง่ เปน็ ดนแดนของชนชาต อรยกะ มีวงศ์ศากยะ ครองกรุงกบลพสั ดุ์ พระราชาทปี่ กครอง ชนชาตน้ี คอ พระเจ้าสทุ โธทนะ
ประสูต • พระเจ้าสุทโธทนะ มพี ระอคั รมเหสี พระนามวา่ พระนางสร มหามายา ตอ่ มาพระนางทรงมีครรภ์ เม่อื ใกลเ้ วลาประสตู ิ พระนางได้ทูลขออนญุ าตเสด็จกลบั ไปประสูติ ณ บ้านเมืองของ พระนาง คือ กรุงเทวทหะ • เม่ือเสด็จถึงลุมพนีวัน ซ่ึงอยู่ก่ึงกลางของกรุงกบิลพัสด์ุ กับกรุงเทวทหะ พระนางก็ได้ทรงรู้สึกประชวรพระครรภ์ และ ได้ประสูตพระโอรส คอ “เจ้าชายสทธัตถะ” ใต้ต้นสาละ ณ ลุมพนีวนั วนั เพญ็ ขึ้น 15 ค่า เดอน 6 (วันวสาขบชู า)
อภเษกสมรส • เม่อเจา้ ชายสทธตั ถะ อายุได้ ๑๖ พรรษา กไ็ ดอ้ ภเษกสมรส กับ พระนางยโสธรา (พมพา) เม่อื มพี ระชนมายุ ๒๙ พรรษา ทรงมพี ระโอรสองคห์ นง่ึ พระนามวา่ “ราหุล”
สาเหตุทเ่ี จา้ ชายสทธตั ถะออกบวช • คร้ังหนึ่งขณะทีเ่ จ้าชายสทธัตถะ ไดม้ ีโอกาสออกนอกวัง ทา่ นทรงเห็น คนแก่ คนเจ็บ และคนตาย จึงรู้สึกเศร้าใจ ทาให้พระองค์คิดหาวิธีที่จะให้พ้นจากทุกข์น้ัน และได้เห็น นักบวชผู้มีกิริยาสงบน่าเลื่อมใส ทาให้เกิดความสนใจใน การเป็นนกั บวช
การเสด็จออกผนวช • เจ้าชายสทธัตถะทรงตัดสนพระทัยเสด็จออกผนวช โดยมีนายฉันนะเป็นผู้ติดตาม เม่ือถึงริมฝั่งแม่น้าอโนมา ทรงปลงผมออกผนวช ขณะพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา หลังจากท่ีออกผนวชแล้ว พระสิทธัตถะทรงเร่ิมบาเพ็ญ ทุกกิริยา โดยมีปัญจวัคคีย์ท้ัง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททยะ มหานามะ และอัสสช คอยเฝ้ารับใช้ หลังจาก แสวงหาหนทางพ้นทุกข์นานถึง 6 ปี ได้ทรงประกาศหลักธรรม ของพระองค์ให้ผู้อื่นได้รู้ ท่ีป่าอสปตนมฤคทายะวัน หลกั ธรรมแรกทพี่ บ คอ “อรยสจั ๔”
พทุ ธประวตั ิ โปรดพทุ ธบิดา พระเจ้าสุทโธทนะให้อามาตย์ ช่ือ กาฬุทายี ไ ป เ ชิ ญ พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ม า ก รุ ง ก บิ ล พั ส ดุ์ เ มื่ อ พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ม า ถึ ง เ มื อ ง ใ น เ ว ล า เ ช้ า พระพุทธเจา้ เสด็จออกบิณฑบาตจากชาวบ้าน
พุทธประวัติ โปรดพุทธบดิ า วันหนึ่งพระนางยโสธราได้ให้เจ้าชายราหุล ทูลขอทรัพย์สมบัติ แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า “ทรัพย์น้ันไม่ยั่งยน” จึงทรงให้หลักคาสอน ที่ เ รี ย ก ว่ า อ ร ย ท รั พ ย์ โ ด ย ท ร ง ใ ห้ เจ้าชายราหุลบร รพชาเป็ นสามเณ ร (เปน็ สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา)
พทุ ธประวตั ิ โปรดพุทธบิดา เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะได้รู้ข่าวก็เสียใจว่าไม่มี ทายาทสืบทอด จึงไปทูลขอพระพุทธเจ้าว่า “ถ้าจะบวชบุตร หลานใคร ขอให้พ่อแม่เขา ได้อนุญาตก่อน เพราะอาจจะทาให้ผู้เป็น พอ่ แม่ได้รับความเดอดร้อน”
ปรนพพาน • หลังจากท่ีพระพุทธเจ้าได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็น เวลานาน ถึง ๔๕ ปี และพระองค์ได้ปรนพพาน ตอ น อายุ ๘ ๐ ปี ณ ป่าไม้ สาละ เมื องกุสินาร า แควน้ มัลละ ตรงกับวันขนึ้ ๑๕ ค่า เดอื น ๖
พทุ ธกจิ ท่ีสาคัญ พทุ ธกจ หมายถงึ กจิ วัตรที่พระพทุ ธเจา้ ทรงปฏบิ ัตใิ นแตล่ ะวนั 1. เวลาเชา้ บณิ ฑบาตโปรดสัตว์ 2. เวลาบ่าย ทรงแสดงธรรมแกป่ ระชาชนท่วั ไป 3. เวลาคา่ ทรงประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์สาวก 4. เวลาเที่ยงคน ทรงตอบปญั หาธรรมะกับเทวดา 5. เวลาใกลร้ ุ่ง ทรงตรวจดูวา่ มีผู้ใดทสี่ ามารถบรรลุธรรม
พุทธจรยิ า ๓ พทุ ธจรยา ๓ หมายถึง พระจรยวัตรหรอการบาเพญ็ ประโยชน์ ของพระพุทธเจ้า ประการท่ี 1 โลกตั ถจรยิ า คือ ทรงบาเพญ็ ประโยชนแ์ ก่ชาวโลก ประการที่ 2 ญาตตั ถจรยิ า คือ ทรงบาเพ็ญประโยชน์แกพ่ ระปรรุ ญาติ ประการที่ 3 พุทธตั ถจริยา คอื ทรงทาหนา้ ที่ของพระพุทธเจ้า
พระไตรปิฎก พระไตรปฎิ ก คออะไร คมั ภรี ์ทรี่ วบรวมหลกั ธรรมคาสอนของ พระพทุ ธศาสนา เรยี กว่า พระไตรปฎิ ก
พระไตรปฎิ ก พระ = ประเสรฐิ ไตร = สาม ปิฎก = คมั ภรี ์หรือตารา
พระไตรปฎิ ก พระไตรปฎิ ก จาแนกตามหมวดหมไู่ ด้ 3 หมวด คอื พระวนิ ัย พระสตู ร และพระอภธิ รรม
พระวนิ ยั หรอื พระวินยั ปิฎก เปน็ คมั ภีรท์ ว่ี า่ ดว้ ยกฎระเบียบ ของพระภกษุ และภกษุณี เช่น ศลี ของพระภกษุ 227 ขอ้
พระสตู ร หรอื พระสตุ ตนั ตปิฎก เป็นคัมภรี ท์ วี่ ่าด้วยคาสอน ทัว่ ๆไป เป็นพระธรรมเทศนา มีเรอ่ งเลา่ หรอนทาน(ชาดก) ประกอบพระวนัย
พระอภธิ รรม หรอื พระอภิธรรมปิฎก เป็นคมั ภรี ท์ ่ีเกี่ยวกบั หลักธรรม ลว้ นๆ ไมม่ ีเร่องเล่าหรอนทาน ประกอบ
ตัวอยา่ งเรื่องน่ารจู้ ากพระไตรปฎิ ก อสรพษรา้ ย 4 ตวั พระพทุ ธเจา้ เปรยี บเทียบนสัย ความโกรธของคนเราเหมอน งพู ษ 4 ประเภท คอ
ตวั อยา่ งเรอื่ งนา่ ร้จู ากพระไตรปฎิ ก 1. งมู ีพษแล่น แตพ่ ษไมร่ า้ ย = โกรธงา่ ย หายเร็ว 2. งูมีพษร้าย แตพ่ ษไม่แล่น = โกรธแล้วจะโกรธนาน 3. งมู พี ษแลน่ และพษรา้ ย = โกรธอยูเ่ สมอและโกรธนาน 4. งมู พี ษไมแ่ ล่นและพษไม่รา้ ย = โกรธไม่บ่อยนัก และลมง่ายมสี ตรู้เทา่ ทนั
คัมภีรข์ องศาสนาตา่ งๆท่คี นไทยนบั ถือ 1. คมั ภรี ์ของศาสนาอสลาม = คัมภรี อ์ ลั กรุ อาน 2. คัมภีรข์ องศาสนาครสต์ = คัมภีรไ์ บเบล 3. คัมภรี ์ของศาสนาพราหมณ์ - ฮนดู= คัมภีร์พระเวท
ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาอิสลาม ถือกาเนดิ ขึ้น ทีน่ ครมกั กะห์ ประเทศ ซาอดุ อี าระเบยี
ศาสนาอิสลาม ศาสดาของศาสนาอสลาม คอ นบีมฮุ มั มัด เป็นบุตรของ อับดลุ เลาะห์ และนางอามนี ะฮ์ ท่านมกั จะบาเพญ็ สมาธทิ ถ่ี ้าฮริ อฮ์ ในเดอื นรอมฎอน กาเบรยี ลทูต ของพระเจา้ ไดน้ าโองการของ อลั เลาะห์มาประทานแก่นบีมุฮมั มดั
ศาสนาคริสต์ ศาสนาครสิ ต์เป็นศาสนา ที่มีคนนบั ถือมากท่ีสุดในโลก ถอื กาเนิดทดี่ ินแดนปาเลสไตน์ (อสิ ราเอลในปจั จบุ นั )
ศาสนาครสิ ต์ ศาสดาของศาสนาครสต์ คอ พระเยซู ทเ่ี มืองเบธเลเฮม ประเทศอิสราเอล บดิ าเป็นชา่ งไม้ ชอื่ โจเซฟ มารดา ช่ือ มาเรยี
ศาสนาคริสต์ ท่านไดร้ ับศลี ล้างบาป ตามลทั ธิของนักบญุ โยฮัน ศาสนาครสิ ตเ์ ช่อื ว่า “พระเยซเู ปน็ บตุ รของ พระเจา้ ท่เี สด็จมายังโลกมนษุ ย์ เพือ่ ช่วยมนษุ ย์ใหพ้ ้นจากบาป”
ศาสนาคริสต์ พระเจา้ ของศาสนาครสิ ต์ คือ พระยะโฮวา พระเยซเู ผยแพร่ ศาสนาจนทาใหศ้ าสนาเดิม เริ่มเสอื่ มลง ในท่ีสดุ พระเยซู จึงถูกจับและถกู ประหารชวี ติ โดยการตรึงบนไม้กางเขน
ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู เปน็ ศาสนาที่เกา่ แก่ที่สุด กาเนดิ ขึ้นทีป่ ระเทศอินเดีย
ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู อยู่คู่สังคมไทย ในการประกอบพระราชพิธีตา่ งๆ ไดน้ า พิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาใช้ เช่น พระราชพธิ บี รมราชาภิเษก พระราชพธิ ีพชื มงคล พระนงั คัลแรกนาขวญั
คาถามทบทวนความจา 1. ใครคอศาสดาของศาสนาอสลาม ก. พระยะโฮวา ข. พระวษณุ ค. นบมี ฮู มั มดั ง. พระเยซู
คาถามทบทวนความจา 2. ใครคอศาสดาของศาสนาครสต์ ก. พระยะโฮวา ข. นบีมูฮัมมัด ค. พระพรหมณ์ ง. พระเยซู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199