Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยานิพนธ์การศึกษาและพัฒนากระบวนการใช้ประโยชน์จากผักตบชวาเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์

วิทยานิพนธ์การศึกษาและพัฒนากระบวนการใช้ประโยชน์จากผักตบชวาเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์

Published by มนชัย สว่างแจ้ง, 2020-10-13 21:46:31

Description: STUDY AND DEVELOPMENT OF THE UTILIZATION PROCESS OF WATER HYACINTHS TO DESIGN PRODUCTS

Keywords: ออกแบบผลิตภัณฑ์,กระบวนการใช้ประโยชน์

Search

Read the Text Version

172 ตารางท่ี 4.40 แสดงผลการวิเคราะห์แผ่นวัสดทุ ดแทนจากผกั ตบชวาโดยกระบวนการอัดรปู แบบเยน็ STRENGTHS WEAKNESSES OPPORTUNITIES THREATS - - เม่ือแห้งจะมกี ารหดตัว สามารถนำไปใช้เป็นแผน่ จะตอ้ งใช้ในจำนวนทมี่ าก ของเสน้ ใยทมี่ าก วสั ดุทดแทนได้ - หลังจากคงสภาพจะมี ลักษณะผวิ ทีไ่ ม่เรยี บ สรุป : สำหรับการอัดแผ่นวัสดุทดแทนไม้จากผักตบชวาโดยกระบวนการอัดรูปแบบเย็น จะต้องใช้ระยะเวลาในการแห้งและหดของกาวเป็นเวลานาน หลังจากคงสภาพจะมีลักษณะผิวที่ไม่ ราบเรยี บ จากกระบวนการอดั ขึ้นรปู แผ่นวสั ดุทดแทนจากผักตบชวา ผ้วู ิจัยไดด้ ำเนินการศกึ ษาตัวแปร ได้กาวเชื่อมประสาน 2 ลักษณะคือกาวแป้งเปียก (จากแป้งมันสำปะหลัง) และกาวพลาสติกชนิดโพ ลสี ไตรนี (Polystyrene : PS) ที่ได้จากสารละลายอะซโี ตน (Acetone) พบว่ากาวพลาสติกชนิดโพลีส ไตรีน (Polystyrene : PS) ให้ผลลพั ทท์ ด่ี ีกว่า กาวแป้งเปียก (จากแปง้ มันสำปะหลัง) ทั้งด้านการแห้ง และคงสภาพได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระยะเพียง 1 – 2 ชั่วโมง พื้นผิวไม่มีการหดตัวแต่อย่างใด มี ลกั ษณะราบเรยี บ มคี วามทนทานและนำ้ หนักเบา 4.2 การวเิ คราะห์รายวัตถุประสงคท์ ี่ 2 เพ่อื ทดสอบคณุ สมบัตทิ างกายภาพของปยุ๋ และ แผ่นวสั ดุทดแทนจากผกั ตบชวา สำหรับการทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพ จะเปน็ การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลในเชงิ คุณสมบัติทางกายภาพตามกระบวนทงั้ 2 ลกั ษณะกระบวนการผลิตกระถาง เพาะปลูกจากผักตบชวาและกระบวนการผลิตแผน่ วสั ดุทดแทนจากผักตบชวา เช่น การทดสอบค่า N P K อ้างอิงตามเกณฑค์ ่ามาตรฐานกรมวชิ าการเกษตรและการทดสอบแผ่นวสั ดุทดแทนจากผกั ตบชวา 1) ด้านค่าความหนาแน่น, 2) ด้านค่าความชื่น, 3) ด้านการพองตัวทางความหนา, 4) ด้านความ ต้านทานแรงดัดโค้งงอ, 5) ด้านมอดุลัสยืดหยุ่น, 6) ด้านความต้านทานแรงดึงตั้งฉากกับผิวหน้า โดย ผู้วิจัยวเิ คราะหแ์ ละลำดบั การวจิ ัยดงั นี้ 4.2.1 เพอื่ ศกึ ษากระบวนการผลิตกระถางเพาะปลูกจากผกั ตบชวา จากการศึกษากระบวนการผลิตกระถางเพาะปลูกจากผักตบชวา ผู้วิจัยได้กำหนดแนวทาง ในการทดสอบคุณสมบัติของปุ๋ยหมักที่ได้จากผักตบชวา โดยอ้างอิงตามเกณฑ์ค่ามาตรฐานกรม วชิ าการเกษตร ไดแ้ ก่

173 1. คา่ ไนโตรเจน (total N) ไมน่ อยกวา ๑.๐ เปอรเซน็ ต โดยน้ำหนัก 2. ค่า ฟอสฟอรสั (total P2O5) ไม่นอยกวา ๐.๕ เปอรเซ็นต โดยน้ำหนกั 3. ค่า โพแทสเซียม (total K2O) ไม่นอยกวา ๐.๕ เปอรเซ็นต โดยน้ำหนกั ซึ่งผู้วิจัยดำเนินส่งทดสอบจำนวน 4 สูตร ณ ศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั วลยั ลักษณ์ โดยแสดงผลการวิเคราะห์ดังตอ่ ไปน้ี กราฟแสดงผลการวิเคราะห์เพอ่ื เปรียบเทยี บเกณฑ์มาตรฐานกับผลการทดสอบ เปรียบเทยี บเกณฑม์ าตรฐานกบั ผลการทดสอบ 5 4 3 คา่ โพแทสเซียม 2 ค่าฟอสฟอรสั 1 คา่ ไนโตรเจน 0 ค่าไนโตรเจน ค่าฟอสฟอรสั คา่ โพแทสเซียม ตารางที่ 4.41 แสดงผลการตรวจประเมนิ คุณภาพปุ๋ยจากผักตบชวา ผลการทดสอบ ชื่อตวั อย่าง ไนโตรเจนทั้งหมด เกณฑ์ ฟอสฟอรสั ท้งั หมด เกณฑ์ โพแทสเซียม เกณฑ์ (Total N) (%) (Total P2O5) (%) ทง้ั หมด ผา่ น สูตรท่ี 1 3.15 ผ่าน 2.71 ผ่าน (Total K2O) ผา่ น สูตรที่ 2 1.70 ผ่าน 1.13 ผา่ น (%) ผา่ น สูตรท่ี 3 2.24 ผา่ น 1.79 ผา่ น 4.50 ผา่ น สตู รที่ 4 1.61 ผา่ น 1.24 ผา่ น 2.70 2.83 2.07 จากการวเิ คราะห์ผลการตรวจประเมนิ คุณภาพปยุ๋ จากผกั ตบชวาพบวา่ สตู รท่ี 1 โดยมอี ตั รา ส่วนผักตบชวาแบบบดแหง้ 500 กรัมต่อหัวเชื้อจุลินทรยี ์ (EM) 50 มิลลิลิตรและน้ำสะอาด 5 ลิตรจะ ได้ผลดที สี่ ดุ ซึ่งผลทไ่ี ดค้ ือ ค่าไนโตรเจน 3.15 ผ่านเกณฑ์ , ค่าฟอสฟอรัส 2.71 ผ่านเกณฑ์และค่า โพแทสเซยี ม 4.50 ผา่ นเกณฑ์

174 4.2.2 ขน้ั ตอนเตรยี มวัสดุเพ่ือประเมินประสทิ ธภิ าพแผ่นวสั ดุทดแทนจากผกั ตบชวา การประเมินประสิทธภิ าพแผน่ วสั ดุทดแทนจากผักตบชวา ผวู้ จิ ัยไดท้ ำการคัดเลอื กแผ่นวสั ดุ ทดแทน จากการทดลองการอัดขนึ้ รูป สำหรบั ขัน้ ตอนการเตรยี มวสั ดุในการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพ ผูว้ ิจัยจะต้องทำการตดั แบ่งแผ่น วัสดจุ ำนวน 12 ชนิ้ ซ่ึงจะมีขนาดดังน้ี 4 ชิ้น 8 ช้ิน 5ความกว้าง X 15ความยาว X 1ความหนา 5ความกวา้ ง X 15ความยาว X 1ความหนา หมายเหตุ : หน่วยในการวัดเพอ่ื ตดั เซนตเิ มตร/cm. 4.2.3 ข้นั ตอนการประเมนิ ประสทิ ธิภาพ สำหรับขั้นตอนในการตรวจประเมินประสิทธิภาพ ผู้วิจัยจะทำการตรวจประเมิน ประสทิ ธภิ าพเพื่อทำการวิเคราะห์และสรุปผลคา่ เฉล่ียในแต่ละส่วนดังต่อไปน้ี 1. คา่ ความหนาแน่น 2. ค่าความช่ืน 3. การพองตวั ทางความหนา 4. ความตา้ นทานแรงดดั โค้งงอ 5. มอดลุ สั ยืดหยุน่ 6. ความตา้ นทานแรงดึงตัง้ ฉากกบั ผวิ หนา้ ซ่งึ ก่อนการตรวจประเมนิ ประสทิ ธิภาพผวู้ ิจัยจะต้องนำแผ่นวัสดตุ วั อยา่ งทุกชิน้ ทไี่ ดเ้ ตรียมไว้ ไปทำการวัดขนาดทั้งขนาดความกว้างความยาวและความหนาด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการวัด ดังภาพ ต่อไปนี้ ภาพท่ี 4.35 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวัดคา่ ความหนา 3 จดุ ท่มี า : มนชัย สวา่ งแจ้ง

175 ภาพท่ี 4.36 เครื่องมอื วดั ค่าความกวา้ งความยาวของแผ่นวัสดุ ท่ีมา : มนชยั สว่างแจ้ง ภาพท่ี 4.37 เคร่ืองช่ังน้ำหนักดจิ ติ อล ทม่ี า : มนชัย สวา่ งแจง้ ซง่ึ ในการตรวจประเมนิ ประสิทธภิ าพแตล่ ะส่วนจะมีข้นั ตอนในการตรวจประเมนิ ที ไม่เหมือนกนั โดยผู้วจิ ยั จะทำการเรยี บเรยี งและบรรยายพรอ้ มภาพประกอบดังต่อไปนี้ 4.2.3.1 การตรวจประเมนิ ประสิทธิภาพเพื่อหาคา่ ความหนาแนน่ และค่าความชื่น สำหรับการตรวจประเมินประสทิ ธภิ าพเพอื่ หาคา่ ความหนาแนน่ และค่าความชน่ื จะเป็นในลกั ษณะของ การชั่งน้ำหนักก่อนเข้าตู้อบอุณหภูมิและหลังจากเข้าตู้อบอุณหภูมิ ซึ่งจะนำน้ำหนักที่ได้ทั้งก่อนและ

176 หลังเข้าตู้อบอุณหภูมิ มาทำการเปรียบเทียบและวิเคราะห์เพื่อสรุปผลว่าผ่านตามเกณฑ์มาตรฐาน หรือไมอ่ ยา่ งไหร่ 4.2.3.2 การตรวจประเมินประสทิ ธิภาพเพื่อหาค่าการพองตวั ทางความหนาสำหรบั การตรวจประเมินประสิทธิภาพเพื่อหาค่าการพองตัวทางความหนาจะเป็นในลักษณะของการนำ ตัวอย่างวัสดุที่ได้เตรียมไว้นำมาวัดขนาดทั้งขนาดความกว้างความยาวและความหนาดว้ ยเครื่องมือที่ ใช้ในการวัดจากนนั้ ทำการจดค่าที่ได้ จากนั้นให้ดำเนินการนำไปแช่ในน้ำสะอาด ซึ่งในการทดสอบในส่วนนี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วง ระยะเวลาในการทดสอบคือ 1 ช่วั โมง และ24 ช่วั โมง ดังในรปู ภาพตอ่ ไปนี้ ภาพท่ี 4.38 การทดสอบการพองตัวทางความหนา 1 ชั่วโมง ทมี่ า : มนชัย สว่างแจ้ง จากนัน้ เม่อื ครบตามเวลาที่กำหนดไว้ 1 ชัว่ โมงให้นำมาวดั ค่าความหนาตรงจุดเดมิ ดว้ ย เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการวัดอีกครั้ง เพ่อื สังเกตการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของตวั อยา่ งแผ่นวัสดุว่ามีการ พองตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร ซึ่งในขั้นการทดสอบนี้ผู้วิจัยพบว่าแผ่นวัสดุตัวอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพที่น้อยมีการพองตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แล้วจากนั้นให้นำกลับไปแช่น้ำต่อเป็นเวลา 24 ชวั่ โมง ดังในต่อไปน้ี ภาพที่ 4.39 การทดสอบการพองตัวทางความหนา 24 ชวั่ โมง ที่มา : มนชัย สว่างแจง้

177 จากนนั้ เมอื่ ครบตามเวลาทีก่ ำหนดไว้ 24 ชว่ั โมงให้นำมาวัดคา่ ความหนาตรงจุดเดิมด้วย เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการวัดอกี คร้ัง เพื่อสังเกตการเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของตัวอย่างแผ่นวัสดุว่ามีการ พองตวั เพ่ิมขน้ึ หรอื ไม่อย่างไร ซ่ึงในการทดสอบในชว่ งระยะเวลาชว่ งท่ี 2 น้ผี ู้วจิ ัยพบว่าแผน่ วสั ดุตวั อย่างมกี ารเปลีย่ นแปลง ทางกายภาพอย่างเหน็ ได้ชดั โดยพบว่ามีการพองตวั ที่เพิ่มมากขึ้นของแผ่นวสั ดแุ ละนำ้ สะอาดท่ีแช่กลับ เปลีย่ นสจี ากใสเป็นเหลอื ง อกี ทัง้ ยังพบวา่ มีฟองอากาศลอยตวั เป็นจำนวนมาก 4.2.3.3 การตรวจประเมินประสทิ ธภิ าพเพ่ือหาค่าความต้านทานแรงดัดโคง้ งอและ คา่ มอดลุ สั ยืดหยุ่น สำหรบั การตรวจประเมนิ ประสทิ ธภิ าพเพอื่ หาคา่ ความตา้ นทานแรงดัดโค้งงอและค่า มอดุลัสยืดหยุ่นจะเป็นในลักษณะของการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยที่ได้จากการนำแผ่นวัสดุตัวอย่างไป ทดสอบกบั เคร่อื งเอนกประสงค์ (TENSILE) ซึง่ ในสว่ นน้ีผวู้ จิ ยั จะต้องนำแผ่นวสั ดตุ ัวอย่างทกุ ชนิ้ ท่ีได้เตรยี มไวส้ ำหรบั การทดสอบ ในส่วนนี้ ไปทำการวัดขนาดทั้งขนาดความกว้างความยาวและความหนาด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการวัด เพ่ือนำค่าท่ไี ปกรอกใส่ในระบบคอมพวิ เตอร์ดังจะเห็นในรูปภาพต่อไปนี้ ภาพที่ 4.40 การทดสอบแผ่นวัสดตุ วั อย่างกับเครอื่ งเอนกประสงค์(TENSILE) ทม่ี า : มนชยั สว่างแจ้ง 4.2.3.4 การตรวจประเมินประสิทธิภาพเพือ่ หาค่าความต้านทานแรงดึงตัง้ ฉากกบั ผวิ หนา้ สำหรบั การตรวจประเมนิ ประสิทธิภาพเพอื่ หาคา่ ความต้านทานแรงดึงต้งั ฉากกับผวิ หนา้ จะเป็น ในลักษณะของการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยที่ได้จากการนำแผ่นวัสดุตัวอย่างไปทดสอบกับเครื่อ ง เอนกประสงค์(TENSILE)

178 ซ่ึงในสว่ นน้ผี ู้วจิ ยั จะตอ้ งนำแผน่ วสั ดุตัวอยา่ งทุกชน้ิ ทไี่ ด้เตรียมไวส้ ำหรับการทดสอบใน ส่วนนี้ไปทำการวัดขนาดทั้งขนาดความกว้างความยาวและความหนาดว้ ยเครื่องมือที่ใช้ในการวัดเพือ่ นำคา่ ที่ไปกรอกใสใ่ นระบบคอมพิวเตอร์ โดยมขี ้นั ตอนการเตรยี มวสั ดุกอ่ นไปทำการทดสอบดงั น้ี 1. ทำการวัดขนาดทั้งขนาดความกว้างความยาวและความหนาด้วยเครือ่ งมือที่ใช้ในการวดั ดงั ในภาพตอ่ ไปน้ี ภาพท่ี 4.41 เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวดั ค่าความหนา 3 จดุ ที่มา : มนชัย สว่างแจง้ ภาพท่ี 4.42 เครื่องมือวดั คา่ ความกว้างความยาวของแผ่นวสั ดุ ทมี่ า : มนชยั สว่างแจ้ง

179 2. ทำการชัง่ น้ำหนักแทง่ กาวร้อนที่หนั่ เปน็ ชิ้นเลก็ ๆ จำนวน 1000 กรัมดงั ในภาพตอ่ ไปนี้ ภาพที่ 4.43 การช่งั น้ำหนักแท่งกาวร้อน ทมี่ า : มนชยั สว่างแจ้ง 3. นำแทง่ กาวรอ้ นท่ีผ่านการชง่ั นำ้ หนักเป็นท่ีเรยี บรอ้ ยแล้ว ไปทำการละลายบนแทน่ โลหะ ซงึ่ จะทำละลายดว้ ยความรอ้ นจากเต้าไฟฟ้าดังในภาพต่อไปน้ี ภาพที่ 4.44 ภาพแทน่ โลหะและการทำละลายกาว ทมี่ า : มนชยั สวา่ งแจง้ 4. จากนัน้ เมือ่ กาวละลายเรียบร้อย ให้นำแผน่ วัสดตุ วั อยา่ งวางบนแท่นโลหะ และรอจน แขง็ ตัวถึงจะนำไปทดสอบเพ่ือหาค่าความต้านทานแรงดึงต้ังฉากกบั ผิวหน้าได้ดังในภาพต่อไปน้ี

180 ภาพท่ี 4.45 ภาพหลงั จากตดิ แทน่ โลหะเข้ากับแผน่ วัสดตุ ัวอย่าง ทมี่ า : มนชัย สว่างแจง้ ในการการตรวจประเมินประสทิ ธภิ าพเพอื่ หาคา่ ความตา้ นทานแรงดึงตั้งฉากกบั ผิวหน้าจะ เป็นในลักษณะของการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยที่ได้จากการนำแผ่นวัสดุตัวอย่างไปทดสอบกับเครื่อง เอนกประสงค์ (TENSILE) ดังในภาพตอ่ ไปน้ี ภาพที่ 4.46 การทดสอบความต้านทานแรงดงึ ต้ังฉากกับผิวหน้า ทมี่ า : มนชยั สวา่ งแจ้ง

181 4.2.4 การวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ผลการประเมนิ ประสทิ ธิภาพวัสดทุ ดแทนจากผกั ตบชวา สำหรับเกณฑ์ในการประเมินประสิทธิภาพแผ่นวัสดุทดแทนจากผักตบชวา ผู้วิจัยได้อ้างอิง เกณฑ์มาตรฐานในการประเมินประสิทธิโดยอ้างอิงตามเกณฑ์ค่ามาตรฐานมอก. 876 (2547) โดยมี ตารางมาตรฐานในการประเมนิ ประสิทธิดงั น้ี มาตรฐานการทดสอบแผ่นวัสดุ ตารางท่ี 4.42 มาตรฐาน มอก. 876 (2547) ลำดบั ท่ี คณุ ลักษณะ เกณฑ์ท่กี ำหนด ( ความหนา0.60-13.00มม .) 1 ค่าความหนาแนน่ (g/cm³) 2 ค่าความชืน่ (%) ไมเ่ กิน 0.40 - 0.90 3 การพองตวั ทางความหนา (%) ไมเ่ กิน 13 4 ความตา้ นทานแรงดดั โคง้ งอ (MPa) ไม่นอ้ ยกวา่ 12 5 มอดลุ สั ยืดหยุน่ (MPa) ไม่นอ้ ยกวา่ 14 6 ความตา้ นทานแรงดึงตง้ั ฉากกบั ผิวหน้า (MPa) ไม่นอ้ ยกว่า 1800 0.40 ตารางที่ 4.43 แสดงผลการตรวจประเมนิ คุณภาพแผน่ วสั ดจุ ากผกั ตบชวา ลำดบั ท่ี คณุ ลกั ษณะ เกณฑ์ทก่ี ำหนด ค่าเฉล่ียทีไ่ ด้ ผลการ ( ความหนา0.60- ประเมิน ไม่ผา่ น 13.00มม .) ไมผ่ า่ น 1 คา่ ความหนาแน่น (g/cm³) 0.40 - 0.90 0.27 ผ่าน 17.23 2 ค่าความชื่น (%) ไม่เกิน 13 11.39 ไม่ผา่ น 5.0216 MPa. 3 การพองตัวทางความหนา 12 ไม่ผา่ น (%) ไม่เกิน 1288.845 MPa. ไมผ่ า่ น 4 ความตา้ นทานแรงดดั โคง้ งอ 14 0.2328 MPa. (MPa) ไมน่ ้อยกว่า 5 มอดลุ สั ยดื หยุ่น (MPa) ไม่ 1800 นอ้ ยกวา่ ความต้านทานแรงดึงต้งั ฉาก 6 กับผิวหน้า (MPa) ไมน่ อ้ ย 0.40 กว่า สรุปผลการทดลอง : จากการวิเคราะห์ผลการตรวจประเมินคุณภาพแผ่นวัสดุจากผักตบชวาพบว่า การพองตัวทางความหนา 11.39 ผ่านเกณฑ์ประเมนิ แต่สำหรับคา่ ความหนาแนน่ , คา่ ความช่ืน, ความ

182 ต้านทานแรงดัดโค้งงอ, มอดุลัสยืดหยุ่น, ความต้านทานแรงดึงตั้งฉากกับผิวหน้า ไม่ผ่านเกณฑ ขอ้ เสนอแนะ : เบื้องต้นผู้วิจยั มสี มมตุ ิฐานเก่ียวกับกระบวนการหากตอ้ งให้ แผ่นวัสดุมีความคงทนและ แขง็ แรงมากยง่ิ ควรใชอ้ ัดเคร่อื งอดั ไฮดรอลิก เพอ่ื ใหไ้ ดค้ วามเสถยี รและคุณภาพแผน่ วสั ดทุ เี่ ท่ยี งตรง 4.3 การวิเคราะห์รายวตั ถุประสงค์ท่ี 3 เพอ่ื ออกแบบผลิตภณั ฑ์จากผักตบชวา สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา จะเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการ วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลในเชิงของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่เป็นการประยุกต์ใช้กระบวนการที่ ได้รับการพัฒนาเพื่อดึงเอาศักยภาพของผักตบชวามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด ซึ่งแนวทางใน การออกแบบผลิตภณั ฑ์นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกนั ก็ มีความหลากหลายทางรูปแบบ มีรูปร่างรูปทรงที่ทันสมัย เข้ากับยุคการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนา ประเทศ โดยผ้วู ิจัยวิเคราะหแ์ ละลำดบั การวจิ ัยดงั นี้ 4.3.1 การวเิ คราะหข์ ้อมลู เกย่ี วกบั หลกั การออกแบบผลิตภัณฑ์จากผกั ตบชวา ผู้วจิ ยั มีการใชแ้ นวคิดประกอบการดำเนินการวจิ ยั เพ่ือออกแบบผวู้ ิจัยจงึ ได้ประยกุ ตใ์ ช้ แนวคิดประกอบการวิจัยโดยใช้หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์จำนวน 5 ประการ โดยนำกรอบแนวคิด ของ รองศาสตราจารยส์ ถาพร ดบี ุญมี ณ ชมุ แพ ซง่ึ เรื่องทที่ ำการศึกษามีดงั น้ี หลกั การออกแบบผลิตภัณฑอ์ ุตสาหกรรม 1. หนา้ ทีใ่ ชส้ อย (Function) คือ ตอ้ งออกแบบผลติ ภณั ฑใ์ ห้มีหนา้ ทีใ่ ชส้ อยถกู ต้องตามความ เป็นจริง นักออกแบบจะต้องมีจุดประสงค์อย่างชัดเจที่วามจะนำมาใช้ประโยชน์และสนองความ ตอ้ งการของผ้ใู ชใ้ หม้ ากท่ีสดุ 2. ความปลอดภัย (Safaty) นักออกแบบต้องเขา้ ใจในงานท่ีออกแบบอย่างแทจ้ ริง มี การศึกษาข้อมูล มีการทดสอบ มีการประเมินผล และมีการแก้ปัญหาก่อนที่จะผลิตงานสู่ตลาด เพ่อื ให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ เชน่ วัสดุที่ใช้ผลิตนัน้ เกดิ สารพิษหรือไม่ ผลิตภัณฑ์ต้องไม่มีส่วนท่ี แหลมคมมากเกนิ ไป ซึง่ จะกอ่ ให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ 3. ความสวยงามน่าใช้ (Aestheics or Sales Appeal) หมายถงึ การออกแบผลิตภณั ฑใ์ ห้มี รูปรา่ งขนาดสสี ันสวยงาม นา่ ใช้ ชวนซอ้ื นอกจากนี้ควรจะชว่ ยยกระดับเกี่ยวกับรสนิยมแก่ผู้บริโภค ให้ดขี ึน้ โดยผอู้ อกแบบตอ้ งมีความเขา้ ใจความตอ้ งการของการตลาดทีแ่ ท้จรงิ ดว้ ยแบบที่สวยงามย่อม ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างมากแบบที่ออกไม่ควรหนาและบอบบางมากจนเกินไป การออกแบบ ผลิตภัณฑ์ต้องสามารถสนองความต้องการได้พร้อมทั้งรูปแบบ สไตล์ รูปทรงที่มีลักษณะเป็นของ ตัวเอง รูปร่างที่บ่งบอกถึงการใช้งานว่าเหมาะกับงานประเภทใด แนวคิดเกี่ยวกับการผสมผสาน รูปแบบประโยชน์ใช้สอยและวัสดุคือพื้นฐานของการออกแบบ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ สภาพแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และรสนิยมของแต่บุคคลด้วย

183 4. ความแข็งแรง (Construction) คือความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์ นกั ออกแบบต้องศึกษา ชนดิ ของวัตถดุ บิ คณุ ภาพ คุณลักษณะพิเศษของวัตถุดิบในแตล่ ะชนิดก่อนนำไปใช้การออกแบบควร แขง็ แรงจะข้นึ อยู่กบั กาว ชนดิ ของเดอื ย ขนาดรทู ่เี จาะ คววามช้ืนของเนอื้ ไม้ และชนิดของไม้ 5. ราคา (Cost) หมายถงึ จำนวนเงนิ ท่ีผ้ซู อ้ื จา่ ยสำหรบั สินค้า โดยราคาจะถูกำหนดจาก มูลค่าของสินค้านั้น ถ้าผู้ซื้อและผู้ขายกำหนดมูลค่าของสินค้าใกล้เคียงกัน การซื้อขายก็จะเกิดข้ึน ราคาจงึ เป็นตวั กลางท่ีทำให้เกดิ การเปลีย่ นแปลงความเป็นเจ้าของสนิ ค้า 4.3.2 การวเิ คราะห์ข้อมลู เก่ยี วกบั กระบวนการออกแบบผลติ ภัณฑจ์ ากผกั ตบชวา สำหรับกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา ผู้มีแนวคิดในการสร้างแรงบนั บาลใจ เพื่อการออกแบบที่ต้องการให้กลุ่มผูใ้ ช้งาน เกิดความประทับใจในช้ินงานผลิตภัณฑ์ จึงเลือกแนวทาง ท่ีส่อื ถงึ อารมณแ์ ละความรู้สกึ โดยการออกแบบคาแรคเตอร์ ภาพท่ี 4.47 ภาพ CONCEPT DESIGN วาดโดย : มนชยั สว่างแจ้ง 4.3.2.1 เป็นการสร้างแนวคิดและแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยผู้วิจัย ดำเนินการศึกเกี่ยวกับรปู รา่ งรปู ทรงท่ีพบมากในท้องตลาด แล้วเป็นท่นี า่ สนใจของกลมุ่ ผูใ้ ช้งาน ผู้วิจัย ดำเนินการสเก็ต เพื่อศึกษาลักษณะการสื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกของชิ้นงานในแต่ละรูปแบบของ คาแรคเตอร์ จะเห็นได้ว่าแต่ละรูปแบบมีการสะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ชัดเจน เช่น

184 อารมณ์ร่าเริง อารมณ์โกรธ และความรู้สึกกลัวเป็นต้น ผู้วิจัยจึงมีแนวทางในสร้างคาแรคเตอร์ที่ ล้อเลยี นแบบรปู ทรงธรรมชาติของสัตวเ์ พือ่ จงู ใจให้ผใู้ ชง้ านเกดิ ความทบั ใจในตวั ผลติ ภณั ฑ์ ภาพท่ี 4.48 ภาพ IDEA SKETCH วาดโดย : มนชยั สวา่ งแจ้ง 4.3.2.2 สำหรับภาพ IDEA SKETCH ผู้วจิ ยั ดำเนนิ การออกแบบจำนวน 32 แบบ เพื่อใช้ในการพัฒนาและต่อรูปทรงที่สอดคล้องเปน็ ไปตามลักษณะ CONCEPT DESIGN คือการสื่อถงึ อารมณ์และความรสู้ ึก ผู้วิจัยมีแนวทางสำหรับกระบวนการการคัดเลือกรูปแบบเพื่อไปพัฒนาและต่อยอด ไปสู่การสร้างสรรคผลิตภัณฑ์ต้น โดยใช้หลักการออกแบบภัณฑ์ทั้ง 5 ประการ คือ1) ด้านหน้าที่ใช้ สอย 2) ด้านความปลอดภัย 3) ด้านความสวยงามน่าใช้ 4) ดา้ นความแข็งแรง 5) ด้านราคา ดังตาราง ต่อไปน้ี

185 หมายเหตุ : 1 = ควรปรับปรงุ 2 = พอใช้ 3 = ปานกลาง 4 = ดี 5 = ดมี าก

186 ภาพท่ี 4.49 ภาพ IDEA DEVELOPMANT วาดโดย : มนชัย สว่างแจ้ง 4.3.2.3 สำหรับภาพ IDEA DEVELOPMANT เป็นข้นั ตอนการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ ทผ่ี ้วู จิ ัยมุ่งเนน้ การออกแบบคาแรคเตอร์ ใหม้ ลี ักษณะท่ีส่ืออารมณแ์ ละความรู้สึกสอดคล้องกับแนวคิด และการออกแบบของช้ินงาน 4.3.3 การวิเคราะห์ขอ้ มลู เกยี่ วกับกระบวนการเลือกแบบตามหลักการทฤษฎี AHP ลำดบั ช้ันที่ 1 ผลติ ภัณฑ์กระถางต้นไมจ้ ากผกั ตบชวา เอกลักษณ์ กรรมวิธกี าร ขนาดและสดั ส่วน ความสวยงาม รปู แบบผลิตภณั ฑ์ ผลติ ลำดบั ชน้ั ท่ี 2 แนวคดิ ท่ี 2 แนวคิดที่ 3 แนวคดิ ท่ี 1 ภาพที่ 4.50 แผนภูมิสำหรบั การตดั สนิ ใจเลอื กผลติ ภัณฑ์กระถางต้นไม้จากผักตบชวาการวิเคราะห์ เกณฑ์หลักท่ี 1 : เกณฑ์การออกแบบ

187 กระบวนการพิจารณาเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาแบบลำดับชั้นความคิดของ หลักเกณฑ์ที่นำมาคิดวิเคราะห์เบื้องต้น โดยอาศัยหลกั เกณฑ์ทางกระบวนการออกแบบมาร่วมในการ วิเคราะห์จดั ลำดบั ชัน้ ตารางที่ 4.44 เกณฑก์ ารจดั อนั ดับท่สี ่งผลต่อการคดั เลอื กผลิตภณั ฑ์กระถางตน้ ไม้จากผักตบชวา เกณฑ์ เอกลักษณ์ การผลิต ขนาดสัดสว่ น ความสวยงาม รปู แบบ เอกลกั ษณ์ 1 43 5 3 การผลติ 1/4 1 4 3 5 ขนาดสดั สว่ น 1/3 1/4 1 4 3 ความสวยงาม 1/5 1/3 1/4 1 2 รูปแบบ 1/3 1/5 1/3 1/2 1 ผลรวม 2.11 5.78 8.58 13.5 14 ตารางที่ 4.45 กระบวนการวิเคราะหค์ อลมั น์ของตารางเมตตรกิ ซ์การคัดเลอื กผลติ ภณั ฑ์กระถาง ต้นไมจ้ ากผักตบชวา เกณฑ์ เอกลกั ษณ์ การผลติ ขนาด ความ รปู แบบ Eigenvector สดั สว่ น สวยงาม เอกลักษณ์ 0.47 0.69 0.35 0.37 0.21 0.42 การผลติ 0.12 0.18 0.47 0.22 0.36 0.27 ขนาดสดั สว่ น 0.16 0.04 0.12 0.30 0.21 0.17 ความสวยงาม 0.09 0.06 0.03 0.07 0.15 0.08 รปู แบบ 0.16 0.03 0.03 0.04 0.07 0.06 ผลรวม 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 จากการวิเคราะห์เพื่อการพิจารณาตามค่าแต่ละคอลัมน์ของตารางเมตริกซ์เพื่อคัดเลือกใน การจัดลำดับความสำคัญของการคัดเลือกผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้จากผักตบชวา ซึ่งสามารถนำค่า Eigenvector ของตารางท่ีได้มาทำการวิเคราะห์เกณฑ์คดั เลอื กได้ ดังนี้ AB C ผลรวม 14353 0.42 0.42 1.08 0.51 0.40 0.18 2.59 1/4 1 4 3 5 0.27 = 0.10 0.27 0.68 0.24 0.03 = 1.32 1/3 1/4 1 4 0.17 0.14 0.07 0.17 0.32 0.18 0.88 3X 1/5 1/3 1/4 1 2 0.08 0.08 0.09 0.04 0.08 0.12 0.41 1/3 1/5 1/3 1/2 1 0.06 0.14 0.05 0.06 0.04 0.06 0.35

188 [D] = [2.59/0.42] [1.32/0.27] [0.88/0.17] [0.41/0.08] [0.35/0.06] [D] = [6.17 4.89 5.18 5.12 5.83] Max = [6.17 + 4.89 + 5.18 + 5.12 + 5.83] / 5 = 5.44 C.I. = [5.44 - 5] / [5 -1] = 0.44/4 = 0.11 [R.I. 1.12] = 0.11 / 1.12 = 0.098 สามารถที่จะสรุปผลการวิเคราะห์ค่า C.R. = 0.098 ซึ่งมีค่า <0.1 ดังนั้นค่าความสอดคล้อง ของกระบวนการเปรียบเทียบจะอยใู่ นเกณฑ์ที่สามารถยอมรบั ผลการวเิ คราะหไ์ ด้ จากกระบวนการวเิ คราะห์ผลการประเมินเกณฑห์ ลักท่ี 1 เกณฑข์ องการออกแบบเพื่อการหา ค่าน้ำหนักเกณฑ์ทั้ง 5 ด้านของ “เกณฑ์หลักที่ 1 : เกณฑ์การออกแบบ” พบว่า อันดับที่ผู้บริโภคให้ น้ำหนักมากที่สุดในการพิจารณา คือ อันดับที่ 1 เอกลักษณ์ (0.42) อันดับที่ 2 กรรมวิธีการผลิต (0.27) อันดับที่ 3 ขนาดและสัดส่วน (0.17) อันดับท่ี 4 ความสวยงาม (0.08) อันดับที่ 5 รูปแบบ ผลิตภัณฑ์ (0.06) ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ย่อยที่ผู้ทรงคุณวุฒิใช้ในกระบวนการตัดสินใจเพื่อพิจารณาเกณฑ์ การออกแบบในเกณฑ์ท่ี 1 นี้ แนวคดิ ที่ 1 ภาพท่ี 4.50 ภาพ SKETCH DESIGN 1 วาดโดย : มนชยั สวา่ งแจ้ง

189 เอกลกั ษณ์ กรรมวิธกี ารผลติ ขนาดและสัดส่วน ความสวยงาม รูปแบบ แผนภูมิแนวคดิ ที่ 1 ผลิตภณั ฑ์ การวิเคราะหแ์ นวคดิ ที่ 1 : เกณฑก์ ารออกแบบ กระบวนการพิจารณาเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาแบบลำดับชั้นความคิดของ หลักเกณฑ์ทีน่ ำมาคิดวิเคราะห์เบื้องตน้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางกระบวนการออกแบบมาร่วมในการ วเิ คราะหจ์ ดั ลำดับช้ัน ตารางท่ี 4.46 เกณฑก์ ารจัดอนั ดบั ที่สง่ ผลต่อการคดั เลือกผลติ ภัณฑ์กระถางต้นไม้จากผักตบชวา เกณฑ์ เอกลกั ษณ์ การผลิต ขนาดสัดสว่ น ความสวยงาม รปู แบบ เอกลกั ษณ์ 1 22 4 3 การผลติ 1/2 2 ขนาดสดั ส่วน 1/2 13 2 4 ความสวยงาม 1/4 3 รปู แบบ 1/3 1/3 1 4 1 ผลรวม 2.58 13 1/2 1/4 1 1/2 1/4 1/3 4.33 6.50 11.33 ตารางท่ี 4.47 กระบวนการวเิ คราะห์คอลมั น์ของตารางเมตตริกซก์ ารคัดเลอื กผลติ ภัณฑ์กระถาง ตน้ ไม้จากผักตบชวา เกณฑ์ เอกลักษณ์ การผลติ ขนาดสัดส่วน ความ รปู แบบ Eigenvector สวยงาม เอกลักษณ์ 0.39 0.46 0.31 0.35 0.23 0.35 การผลติ 0.19 0.23 0.46 0.18 0.15 0.24 ขนาดสัดสว่ น 0.19 0.09 0.15 0.35 0.31 0.22 ความสวยงาม 0.10 0.11 0.04 0.09 0.23 0.11 รปู แบบ 0.13 0.11 0.04 0.03 0.08 0.08 ผลรวม 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 จากการวิเคราะห์เพื่อการพิจารณาตามค่าแต่ละคอลัมน์ของตารางเมตริกซ์เพื่อคัดเลือกใน การจัดลำดับความสำคัญของการคัดเลือกผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้จากผักตบชวา ซึ่งสามารถนำค่า Eigenvector ของตารางทไ่ี ด้มาทำการวเิ คราะหเ์ กณฑ์คัดเลอื กได้ ดงั น้ี

190 A X BC ผลรวม 12243 0.35 0.35 0.48 0.44 0.44 0.24 1.95 1/2 1 3 2 2 0.24 0.17 0.24 0.66 0.22 0.16 1.45 1/2 1/3 1 4 4 1.23 1/4 1/2 1/4 1 3 0.22 = 0.17 0.08 0.22 0.44 0.32 = 0.46 1/3 1/2 1/4 1/3 1 0.36 0.11 0.09 0.12 0.05 0.08 0.12 0.08 0.14 0.05 0.05 0.04 0.08 [D] = [1.95/0.35] [1.45/0.24] [1.23/0.22] [0.46/0.11] [0.36/0.08] [D] = [5.57 6.04 5.59 4.18 4.50] Max = [5.57 + 6.04 + 5.59 + 4.18 + 5.50] / 5 = 5.17 C.I. = [5.17 - 5] / [5 -1] = 0.04/4 = 0.04 [R.I. 1.12] = 0.04 / 1.12 = 0.035 สามารถที่จะสรุปผลการวเิ คราะห์ค่า C.R. = 0.035 ซ่ึงมีคา่ < 0.1 ดงั นนั้ ค่าความสอดคล้อง ของกระบวนการเปรียบเทยี บจะอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถยอมรบั ผลการวเิ คราะห์ได้ จากกระบวนการวิเคราะห์ผลการประเมินเกณฑ์แนวคิดที่ 1 เกณฑ์ของการออกแบบเพ่ือ การหาค่าน้ำหนักเกณฑ์ทั้ง 5 ด้านของ “เกณฑ์แนวคิดที่ 1 : เกณฑ์การออกแบบ” พบว่า อันดับท่ี ผบู้ รโิ ภคใหน้ ้ำหนกั มากทีส่ ดุ ในการพิจารณา คอื อันดับที่ 1 เอกลกั ษณ์ (0.35) อันดับที่ 2 กรรมวธิ กี าร ผลติ (0.24) อันดบั ท่ี 3 ขนาดและสดั ส่วน (0.22) อนั ดบั ท่ี 4 ความสวยงาม (0.11) อันดับท่ี 5 รปู แบบ ผลิตภัณฑ์ (0.08) ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ย่อยที่ผู้ทรงคุณวุฒิใช้ในกระบวนการตัดสินใจเพื่อพิจารณาเกณฑ์ การออกแบบในเกณฑแ์ นวคดิ ที่ 1 น้ี

191 แนวคิดท่ี 2 ภาพที่ 4.51 ภาพ SKETCH DESIGN 2 วาดโดย : มนชัย สว่างแจ้ง เอกลักษณ์ กรรมวธิ ีการ ขนาดและสดั ส่วน ความสวยงาม รูปแบบผลิตภัณฑ์ ผลติ แผนภมู ิแนวคิดท่ี 2 การวเิ คราะหแ์ นวคดิ ที่ 2 : เกณฑก์ ารออกแบบ กระบวนการพิจารณาเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาแบบลำดับชั้นความคิดของ หลักเกณฑ์ที่นำมาคิดวิเคราะห์เบือ้ งตน้ โดยอาศัยหลกั เกณฑ์ทางกระบวนการออกแบบมาร่วมในการ วเิ คราะห์จัดลำดับชัน้ ตารางท่ี 4.48 เกณฑก์ ารจดั อันดับที่ส่งผลต่อการคัดเลอื กผลิตภัณฑ์กระถางต้นไมจ้ ากผกั ตบชวา เกณฑ์ เอกลักษณ์ การผลติ ขนาดสัดส่วน ความสวยงาม รูปแบบ เอกลกั ษณ์ 1 23 4 3 การผลติ 1/2 1 2 3 2 ขนาดสัดสว่ น 1/3 1/2 1 4 4 ความสวยงาม 1/4 1/3 1/4 1 3 รปู แบบ 1/3 1/2 1/4 1/3 1 ผลรวม 2.41 4.33 6.50 12.33 13

192 ตารางที่ 4.49 กระบวนการวเิ คราะหค์ อลมั นข์ องตารางเมตตริกซก์ ารคดั เลอื กผลิตภัณฑ์กระถาง ต้นไม้จากผักตบชวา เกณฑ์ เอกลกั ษณ์ การผลิต ขนาดสดั ส่วน ควาสวยงาม รปู แบบ Eigenvector เอกลักษณ์ 0.41 0.45 0.46 0.32 0.23 0.37 การผลิต 0.21 0.23 0.31 0.24 0.15 0.23 ขนาดสดั ส่วน 0.14 0.12 0.15 0.32 0.31 0.21 ความสวยงาม 0.10 0.08 0.04 0.09 0.23 0.11 รปู แบบ 0.14 0.12 0.04 0.03 0.08 0.08 ผลรวม 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 จากการวิเคราะห์เพื่อการพิจารณาตามค่าแต่ละคอลัมน์ของตารางเมตริกซ์เพื่อคัดเลือกใน การจัดลำดับความสำคัญของการคัดเลือกผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้จากผักตบชวาซึ่งสามารถนำค่า Eigenvector ของตารางทีไ่ ดม้ าทำการวเิ คราะหเ์ กณฑ์คัดเลือกได้ ดงั น้ี AB C ผลรวม 12343 0.37 0.37 0.46 0.63 0.44 0.24 2.14 1/2 1 2 3 2 0.23 0.18 0.23 0.42 0.33 0.16 1.32 1/3 1/2 1 4 4 X 0.21 = 0.12 0.11 0.21 0.44 0.32 = 1.20 1/4 1/3 1/4 1 3 0.11 0.09 0.07 0.05 0.11 0.24 0.56 1/3 1/2 1/4 1/3 1 0.08 0.12 0.11 0.05 0.04 0.08 0.40 [D] = [2.14/0.37] [1.32/0.23] [1.20/0.21] [0.56/0.11] [0.40/0.08] [D] = [5.78 5.74 5.71 5.09 5.00] Max = [5.78 + 5.74 + 5.71 + 5.09 + 5.00] / 5 = 5.46 C.I. = [5.46 - 5] / [5 -1] = 0.46/4 = 0.11 [R.I. 1.12] = 0.11 / 1.12 = 0.098 สามารถที่จะสรุปผลการวิเคราะห์ค่า C.R. = 0.098 ซึ่งมีค่า < 0.1 ดังนั้นค่าความสอดคล้อง ของกระบวนการเปรยี บเทียบจะอย่ใู นเกณฑท์ ส่ี ามารถยอมรับผลการวเิ คราะห์ได้ จากกระบวนการวิเคราะห์ผลการประเมนิ เกณฑแ์ นวคิดท่ี 2 เกณฑข์ องการออกแบบเพ่ือการ หาคา่ นำ้ หนกั เกณฑ์ท้งั 5 ดา้ นของ “เกณฑแ์ นวคดิ ท่ี 2 : เกณฑ์การออกแบบ” พบวา่ อันดบั ทีผ่ บู้ ริโภค ให้น้ำหนักมากที่สุดในการพิจารณา คือ อันดับที่ 1 เอกลักษณ์ (0.37) อันดับที่ 2 กรรมวิธีการผลิต (0.23) อันดับที่ 3 ขนาดและสัดส่วน (0.21) อันดับที่ 4 ความสวยงาม (0.11) อันดับที่ 5 รูปแบบ

193 ผลิตภัณฑ์ (0.08) ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ย่อยที่ผู้ทรงคุณวุฒิใช้ในกระบวนการตัดสินใจเพื่อพิจารณาเกณฑ์ การออกแบบในเกณฑแ์ นวคิดท่ี 2 นี้ แนวคดิ ที่ 3 ภาพท่ี 4.52 ภาพ SKETCH DESIGN 3 วาดโดย : มนชัย สว่างแจง้ เอกลกั ษณ์ กรรมวธิ ีการ ขนาดและสดั ส่วน ความสวยงาม รูปแบบผลติ ภณั ฑ์ ผลติ แผนภมู ิแนวคดิ ท่ี 3 การวเิ คราะหแ์ นวคดิ ที่ 3 : เกณฑ์การออกแบบ กระบวนการพิจารณาเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาแบบลำดับชั้นความคิดของ หลักเกณฑ์ที่นำมาคิดวิเคราะห์เบื้องต้น โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางกระบวนการออกแบบมาร่วมในการ วเิ คราะหจ์ ัดลำดับช้นั

194 ตารางที่ 4.50 เกณฑ์การจดั อันดับที่สง่ ผลต่อการคัดเลอื กผลติ ภณั ฑ์กระถางต้นไม้จากผกั ตบชวา เกณฑ์ เอกลักษณ์ การผลติ ขนาดสดั สว่ น ความสวยงาม รปู แบบ เอกลกั ษณ์ 1 33 1 3 การผลติ 1/3 1 1 1/2 2 ขนาดสัดส่วน 1/3 1 1 2 2 ความสวยงาม 1 2 1/2 1 3 รปู แบบ 1/3 1/2 1/2 1/3 1 ผลรวม 2.99 7.50 6.00 4.83 11 ตารางที่ 4.51 กระบวนการวเิ คราะหค์ อลัมนข์ องตารางเมตตริกซก์ ารคัดเลอื กผลติ ภัณฑ์กระถาง ต้นไม้จากผกั ตบชวา เกณฑ์ เอกลกั ษณ์ การผลติ ขนาด ควาสวยงาม รปู แบบ Eigenvector สัดสว่ น เอกลกั ษณ์ 0.33 0.40 0.50 0.21 0.27 0.34 การผลิต 0.11 0.13 0.17 0.10 0.18 0.14 ขนาดสัดส่วน 0.11 0.13 0.17 0.41 0.18 0.20 ความสวยงาม 0.33 0.27 0.08 0.21 0.27 0.23 รูปแบบ 0.12 0.07 0.08 0.07 0.10 0.09 ผลรวม 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 จากการวิเคราะห์เพื่อการพิจารณาตามค่าแต่ละคอลัมน์ของตารางเมตริกซ์เพื่อคัดเลือกใน การจัดลำดับความสำคัญของการคัดเลือกผลิตภัณฑ์กระถางต้นไม้จากผักตบชวา ซึ่งสามารถนำค่า Eigenvector ของตารางทไี่ ด้มาทำการวิเคราะหเ์ กณฑ์คดั เลือกได้ ดังนี้ AB C ผลรวม 1 3 3 1 3 0.34 0.34 0.42 0.60 0.23 0.27 1.86 1/3 1 1 1/2 2 0.14 0.11 0.14 0.20 0.11 0.18 0.74 1/3 1 1 2 2 X 0.20 = 0.11 0.14 0.20 0.46 0.18 = 1.09 1 2 1/2 1 3 0.23 0.34 0.28 0.10 0.23 0.27 1.22 1/3 1/2 1/2 1/3 1 0.09 0.11 0.07 0.10 0.07 0.09 0.44

195 [D] = [1.86/0.34] [0.74/0.14] [1.09/0.20] [1.22/0.23] [0.44/0.09] [D] = [5.47 5.28 5.45 5.30 4.88] Max = [5.47 + 5.28 + 5.45 + 5.30 + 4.88] / 5 = 5.27 C.I. = [5.27 - 5] / [5 -1] = 0.27/4 = 0.06 [R.I. 1.12] = 0.06 / 1.12 = 0.053 สามารถที่จะสรุปผลการวิเคราะห์ค่า C.R. = 0.053 ซึ่งมีค่า < 0.1 ดังนั้นค่าความสอดคล้อง ของกระบวนการเปรียบเทยี บจะอยู่ในเกณฑ์ทสี่ ามารถยอมรบั ผลการวิเคราะห์ได้ จากกระบวนการวเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ เกณฑ์แนวคิดท่ี 3 เกณฑข์ องการออกแบบเพ่ือการ หาคา่ น้ำหนกั เกณฑ์ทัง้ 5 ดา้ นของ “เกณฑแ์ นวคดิ ที่ 3 : เกณฑก์ ารออกแบบ” พบวา่ อันดบั ท่ผี ูบ้ รโิ ภค ให้น้ำหนักมากที่สุดในการพิจารณา คือ อันดับที่ 1 เอกลักษณ์ (0.34) อันดับที่ 2 ความสวยงาม (0.23) อันดับท่ี 3 ขนาดและสัดส่วน (0.20) อันดับท่ี 4 กรรมวิธีการผลิต (0.14) อันดับที่ 5 รูปแบบ ผลิตภัณฑ์ (0.09) ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ย่อยที่ผู้ทรงคุณวุฒิใช้ในกระบวนการตัดสินใจเพื่อพิจารณาเกณฑ์ การออกแบบในเกณฑ์แนวคดิ ที่ 3 นี้ เมื่อทำการวิเคราะห์ส่วนของค่านัยยะสำคัญส่วนของค่าเกณฑ์การพิจารณาและส่วนค่า เกณฑ์การคัดเลือก เพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้นั้นมาทำการวิเคราะห์ในส่วนของกระบวนการ “จัดลำดับ ทางเลือก” ที่มีความเหมาะสมสูงสุด ด้วยวิธีการพิจารณาจากค่าน้ำหนักคะแนนในเกณฑ์ทั้ง 5 เกณฑ์พิจารณา เพื่อการคำนวณค่าน้ำหนักความสำคัญทางเลือกที่เหมาะสมจากการขึ้นรูปแบบ ผลิตภณั ฑท์ งั้ 3 ทางเลอื ก ตารางที่ 4.52 การวเิ คราะหก์ ารจัดลำดบั ทางเลอื กเพ่ือการพิจารณานำ้ หนักความสำคัญของแตล่ ะ ทางเลือก เกณฑ์ทางเลอื ก เกณฑ์ที่ 1 เกณฑท์ ่ี 2 เกณฑท์ ี่ 3 เกณฑท์ ่ี 4 เกณฑ์ท่ี 5 นำ้ หนกั ความสำคัญ น้ำหนักเกณฑ์ 0.42 0.27 0.17 0.08 0.06 0.22 แนวคิดที่ 1 0.35 0.24 0.22 0.11 0.08 0.27 แนวคดิ ที่ 2 0.37 0.23 0.21 0.11 0.08 0.25 แนวคดิ ท่ี 3 0.34 0.23 0.20 0.14 0.09

196 แนวคดิ ที่ 1 = [0.42x0.35] + [0.27x0.24] + [0.17x0.22] + [0.08x0.11] + [0.06x0.08] = 0.22 แนวคิดท่ี 2 = [0.42x0.37] + [0.27x0.23] + [0.17x0.21] + [0.08x0.11] + [0.06x0.08] = 0.27 แนวคดิ ที่ 3 = [0.42x0.36] + [0.27x0.23] + [0.17x0.20] + [0.08x0.14] + [0.06x0.09] = 0.25 สรุปผลการทดสอบค่าสถิติจาก AHP นั้นสามารถที่จะสรุปค่าตัวเลขที่ได้ อันดับที่ 1 คือ แนวคิดที่ 2 จะมีค่านัยยะความเหมาะสมทีส่ ดุ (0.27) อันดับที่ 2 คือ แนวคิดที่ 3 จะมีค่านัยยะความ เหมาะสมรองลงมา (0.25) และอันดับที่ 3 คือ แนวคิดที่ 1 จะมีค่านัยยะความเหมาะสมรองลงมา (0.22) โดยผลลัพธ์จากการคำนวณตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิที่ให้ข้อเสนอแนะใน การพิจารณาเพื่อคัดเลือกแนวทางอย่างเหมาะสมในการออกแบบ อีกทั้งยังถือเป็นแนวทางการใช้ ประโยชนท์ ี่มคี วามสอดคล้อง 4.4 การวิเคราะห์รายวตั ถุประสงคท์ ่ี 4 เพ่ือประเมนิ ความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใชง้ านท่ี มตี ่อผลติ ภณั ฑจ์ ากผกั ตบชวา สำหรับการประเมินความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา จะเป็น การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลในเชิงการประเมินความพึงพอใจจากกลุม่ ผู้ใช้งาน ได้แก่ ความพอพึงใจด้านหน้าที่ใช้สอย (Function) ความพอพึงใจด้านความปลอดภัย (Safaty) ความพอพึงใจด้านความสวยงามน่าใช้ (Aestheics or Sales Appeal) ความพอพึงใจด้าน ความแข็งแรง (Construction) ความพอพงึ ใจด้านราคา (Cost) เป็นต้นโดยผวู้ ิจยั วิเคราะหแ์ ละลำดับ การวจิ ยั ดงั น้ี 4.4.1 สญั ลักษณท์ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู การวจิ ยั ครงั้ นี้ เพอื่ ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ความสะดวกในการวิเคราะห์ และการเสนอผล การวิเคราะหข์ อ้ มูล ผูว้ จิ ัยจึงได้กำหนดสญั ลกั ษณ์ทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหด์ ังน้ี X แทน ค่าเฉลยี่ (Means) S.D. แทน คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

197 4.4.2 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ทำการสรุปผลและนำเสนอในลักษณะของการแบ่งช่วง ตอนตามรูปแบบของการประเมินผลติ ภัณฑ์ เพ่ือสะดวกตอ่ การทำความเขา้ ใจโดยเสนอเรียงตามลำดับ ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการ แจกแจงความถี่ (Frequency) และรอ้ ยละ (Percentage) ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา ซึ่ง ได้มาจากการศึกษากระบวนการผลิตจากผักตบชวา ซึ่งผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉล่ีย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) โดยกำหนดเกณฑ์ในการแปล ความหมายของคา่ เฉลยี่ ดังน้ี คา่ เฉลีย่ แปลความหมาย 4.50 – 5.00 มีความพึงพอใจในการบริหารงานอยใู่ นระดับมากท่สี ดุ 3.50 – 4.49 มีความพึงพอใจในการบริหารงานอย่ใู นระดับมาก 2.50 – 3.49 มีความพึงพอใจในการบริหารงานอยใู่ นระดบั ปานกลาง 1.50 – 2.49 มีความพงึ พอใจในการบรหิ ารงานอยู่ในระดับนอ้ ย 1.00 – 1.49 มีความพงึ พอใจในการบรหิ ารงานอยู่ในระดบั น้อยทสี่ ุด ตอนที่ 3 การเปรียบเทียบความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา ไดม้ าจากการศกึ ษากระบวนการผลติ จากผกั ตบชวา ใน 5 ดา้ นคอื 1. ความพอพึงใจดา้ นหนา้ ทีใ่ ช้สอย (Function) 2. ความพอพงึ ใจดา้ นความปลอดภัย (Safaty) 3. ความพอพงึ ใจด้านความสวยงามน่าใช้ (Aestheics or Sales Appeal) 4. ความพอพึงใจดา้ นความแขง็ แรง (Construction) 5. ความพอพึงใจด้านราคา (Cost) ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู สว่ นบคุ คลหรือสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางท่ี 4.53 จำนวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม คุณลักษณะ จำนวน รอ้ ยละ 15 50 เพศ ชาย 15 50 หญิง 30 100 รวม จากตารางท่ี 1 แสดงว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชายและเพศหญิงจำนวนที่เท่ากัน คือ เพศชายคดิ เป็นรอ้ ยละ 50 และเพศหญิงคดิ เปน็ ร้อยละ 50

198 ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อ ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา ในการวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือหาค่าเฉล่ียและคา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเก่ยี วกับความพอพึงใจ ของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาซึ่งได้มาจากการศึกษากระบวนใช้ประโยชน์จาก ผักตบชวา โดยแบง่ ลักษณะการประเมินออกเปน็ 5 ด้านคือ 1. ความพอพงึ ใจด้านหนา้ ทใ่ี ชส้ อย (Function) 2. ความพอพึงใจด้านความปลอดภยั (Safaty) 3. ความพอพึงใจด้านความสวยงามน่าใช้ (Aestheics or Sales Appeal) 4. ความพอพึงใจด้านความแข็งแรง (Construction) 5. ความพอพงึ ใจดา้ นราคา (Cost) โดยมีความพงึ พอใจระดบั ท่แี ตกตา่ งกัน ซึง่ จากการวิเคราะหข์ อ้ มูลทำให้ผวู้ ิจัยได้ผลดังตารางต่อไปน้ี ตารางท่ี 4.54 คา่ เฉลย่ี และค่าสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานเกี่ยวกบั ความพอพึงใจของกลุ่มผ้ใู ช้งานที่มีต่อ ผลิตภณั ฑ์จากผกั ตบชวาในด้านหนา้ ที่ใชส้ อย ดา้ นหนา้ ที่ใช้สอย X S.D. ระดับความพงึ พอใจ ผลิตภณั ฑ์สามารถใช้งานในการเพาะปลูกได้อย่าง เหมาะสม 4.50 0.51 มากที่สดุ ผลิตภณั ฑ์สามารถจดั วางเขา้ กบั พนื้ ท่ีใชส้ อยท้งั ภายใน 4.23 0.57 มาก และภายนอกที่พักอาศยั ได้อย่างเหมาะสม ผลติ ภณั ฑ์สามารถใช้เพาะปลูกพชื ไดม้ ากกว่า 1 ชนิด 4.33 0.55 มาก รวม 4.35 0.54 มาก จากตารางที่ 2 พบว่าความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา ซ่ึง ได้มาจากการศึกษากระบวนใช้ประโยชน์จากผักตบชวาดา้ นด้านหน้าที่ใชส้ อย อยู่ในระดับมาก ( X = 4.35, S.D.=0.54 ) เมื่อพจิ ารณารายขอ้ พบว่าความพึงพอใจของกลมุ่ กลุ่มผู้ใชง้ านอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ผลติ ภัณฑส์ ามารถใชง้ านในการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสม ( X =4.50, S.D.=0.51 ) ตารางที่ 4.55 คา่ เฉลย่ี และค่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานเกี่ยวกบั ความพอพึงใจของกลุ่มผใู้ ช้งานท่ีมีต่อ ผลติ ภัณฑ์จากผักตบชวาในดา้ นความปลอดภยั ด้านความปลอดภยั X S.D. ระดบั ความพึงพอใจ ผลิตภณั ฑ์มโี ครงสร้างท่ไี มม่ ีสว่ นยนื่ ออกนอกชน้ิ งานจนเกดิ มมุ แหลมคม ทำให้เกดิ อันตรายในการใช้งาน 4.60 0.56 มากทีส่ ดุ รวม 4.60 0.56 มากที่สุด

199 จากตารางท่ี 3 พบวา่ ความพอพงึ ใจของกลุม่ ผู้ใช้งานที่มตี ่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาซึง่ ได้มา จากการศึกษากระบวนใช้ประโยชน์จากผักตบชวาด้านความปลอดภัย อยู่ในระดับมาก ( X =4.60, S.D.=0.56 ) ได้แก่ ผลติ ภณั ฑ์มีโครงสรา้ งทไ่ี ม่มสี ว่ นยน่ื ออกนอกชิน้ งานจนเกิดมุมแหลมคม ทำให้เกิด อนั ตรายในการใชง้ าน ตารางที่ 4.56 ค่าเฉล่ียและค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานเกี่ยวกบั ความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใชง้ านทม่ี ีต่อ ผลติ ภัณฑจ์ ากผกั ตบชวาในด้านความสวยงามนา่ ใช้ ดา้ นความสวยงามน่าใช้ X S.D. ระดบั ความพึงพอใจ ผลติ ภณั ฑ์มสี ีสันสวยงาม 4.17 0.46 มาก ผลติ ภณั ฑม์ ขี นาด รูปรา่ งทีม่ ีความเหมาะสม 4.30 0.60 มาก ผลิตภณั ฑส์ ามารถจดั วางตกแตง่ ภายในบ้านไดอ้ ย่าง 4.13 0.68 มาก เหมาะสม รวม 4.20 0.58 มาก จากตารางท่ี 4 พบวา่ ความพอพึงใจของกลมุ่ ผู้ใช้งานท่ีมตี ่อผลิตภัณฑจ์ ากผักตบชวาซึง่ ได้มา จากการศึกษากระบวนใชป้ ระโยชน์จากผกั ตบชวาด้านความสวยงามน่าใช้อยใู่ นระดับมาก ( X =4.20, S.D.=0.58 ) เมื่อพิจารณารายขอ้ พบว่าความพึงพอใจของกลุ่มผ้ใู ชง้ านอยใู่ นระดับมากท้งั หมด ตารางท่ี 4.57 ค่าเฉลย่ี และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเกย่ี วกับความพอพึงใจของกลุ่มผูใ้ ช้งานทม่ี ตี ่อ ผลิตภัณฑจ์ ากผกั ตบชวา ในดา้ นความแขง็ แรง ด้านความแข็งแรง X S.D. ระดบั ความพงึ พอใจ ผลติ ภณั ฑ์มีความคงทนแขง็ แรงขณะใชง้ าน 4.47 0.63 มาก ผลติ ภณั ฑ์มีความคงทนแข็งแรงในการเคลื่อนยา้ ย 4.53 0.57 มากทีส่ ุด รวม 4.50 0.60 มากท่สี ดุ จากตารางท่ี 5 พบวา่ ความพอพึงใจของกลุ่มผ้ใู ช้งานทม่ี ตี ่อผลติ ภณั ฑจ์ ากผักตบชวาซ่งึ ได้มา จากการศึกษากระบวนใช้ประโยชน์จากผักตบชวาด้านความแข็งแรงในระดับมากที่สุด ( X =4.50, S.D.=0.60 ) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่าความพึงพอใจของกลุ่มผู้ใช้งานอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ผลติ ภัณฑ์มคี วามคงทนแขง็ แรงในการเคลอื่ นย้าย ( X =4.53, S.D.=0.57 )

200 ตารางท่ี 4.58 ค่าเฉลยี่ และค่าสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานเกย่ี วกบั ความพอพึงใจของกลุ่มผใู้ ชง้ านทีม่ ตี ่อ ผลิตภณั ฑจ์ ากผกั ตบชวา ในด้านราคา ดา้ นราคา X S.D. ระดับความพงึ พอใจ ผลิตภณั ฑต์ น้ แบบราคา 150 บาท มีความเหมาะสมกับความ 4.07 0.58 มาก ตอ้ งการ รวม 4.07 0.58 มาก จากตาราง 6 พบวา่ ความพอพึงใจของกลุ่มผใู้ ช้งานที่มีต่อผลติ ภัณฑ์จากผักตบชวา ซ่ึงได้มา จากการศึกษากระบวนใช้ประโยชนจ์ ากผกั ตบชวา ดา้ นราคาอยู่ในระดบั มาก ( X =4.07, S.D.=0.58 ) ตอนท่ี 3 การเปรียบเทยี บความพึงพอใจความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์ จากผกั ตบชวา ดังน้ันเพ่ือเป็นศกึ ษาข้อแตกตา่ งและค่าระดบั ที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของกลุ่มผู้ใช้งาน ที่มีต่อผลิตภัณฑจ์ ากผักตบชวาในแต่ละด้าน ผู้วิจัยจึงทำการเปรียบเทียบความพึงพอใจของกลุ่มกลุ่ม ผ้ใู ชง้ าน ใน 5 ด้านคอื 1. ความพอพงึ ใจดา้ นหน้าท่ีใช้สอย (Function) 2. ความพอพงึ ใจด้านความปลอดภัย (Safaty) 3. ความพอพงึ ใจดา้ นความสวยงามนา่ ใช้ (Aestheics or Sales Appeal) 4. ความพอพึงใจดา้ นความแข็งแรง (Construction) 5. ความพอพึงใจด้านราคา (Cost) ดงั ตารางต่อไปน้ี ตารางที่ 4.59 การเปรยี บเทยี บความพึงพอใจความพอพึงใจของกลุ่มผู้ใชง้ านทีม่ ีตอ่ ผลติ ภัณฑจ์ าก ผักตบชวา ทงั้ 5 ด้าน รายการ X S.D. ระดบั ความพึงพอใจ (1) ความพอพงึ ใจดา้ นหนา้ ทใี่ ช้สอย (Function) 4.35 0.54 มาก (2) ความพอพงึ ใจด้านความปลอดภยั (Safaty) 4.60 0.56 มากทสี่ ดุ (3) ความพอพงึ ใจด้านความสวยงามนา่ ใช้ (Aestheics or 4.20 0.58 มาก Sales Appeal) (4) ความพอพึงใจด้านความแขง็ แรง (Construction) 4.50 0.60 มากทส่ี ดุ (5) ความพอพึงใจด้านราคา (Cost) 4.07 0.58 มาก รวม 4.34 0.57 มาก

201 จากตารางที่ 7 เมื่อนำค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจความพอพึงใจ ของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา มาทำการการเปรียบเทียบทั้ง 5 ด้าน พบว่ากลุ่ม ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( X =4.34, S.D.=0.57 ) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่าความพงึ พอใจของกลุ่มผู้ใช้งานอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ความพอพึงใจด้านความปลอดภัย ( X =4.60, S.D.=0.56 ) และความพอพึงใจด้านความแข็งแรง( =4.50, S.D.=0.60 ) และมีความพึงพอใจอยู่ใน ระดบั มาก ไดแ้ ก่ ความพอพึงใจด้านหน้าทใ่ี ช้สอย ( X =4.35, S.D.=0.54 ) , ความพอพึงใจด้านความ สวยงามนา่ ใช้ ( X =4.20, S.D.=0.58 ) , ความพอพงึ ใจด้านราคา ( X =4.07, S.D.=0.58 ) 4.4.3 ตารางผลวิเคราะห์ ตารางท่ี 4.60 แสดงผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลิตภณั ฑ์กระถางใหมแ่ ละเก่า การประเมินประสิทธิภาพ จำนวน ผลรวมคะแนน ผลรวมคะแนนเปน็ ร้อยละ (N) ผลิตภณั ฑ์กระถางแบบเกา่ 30 1066 71.00 ผลิตภณั ฑก์ ระถางแบบใหม่ 30 1390 92.67 จากตารางผลการวิเคราะห์เชิงปฏิบัติการของการประเมินประสิทธิภาพของ กระถางต้นไม้ ดว้ ยการประยกุ ต์ใช้จากผกั ตบชวาระหว่างวัสดุเกา่ และวัสดุใหม่ คดิ เป็นรอ้ ยละ 71.00 : 92.67 ตารางที่ 4.61 แสดงผลการวิเคราะห์การเปรียบเทยี บผลิตภณั ฑ์กระถางแบบใหม่และแบบเกา่ การเปรียบเทยี บประสิทธภิ าพ จำนวน คะแนนเฉลีย่ คา่ เบ่ียงเบน ค่าทดสอบ ตวั อยา่ ง ( ̅������ ) มาตรฐาน (SD.) T-Test (N) ผลิตภณั ฑ์กระถางแบบเกา่ 30 35.53 2.3664 3.78 ผลติ ภณั ฑก์ ระถางแบบใหม่ 30 46.30 2.7080 จากการทดสอบถือว่ามีนัยสำคัญที่ระดับ 0.5 ( α=0.05 , df=29 , t=1.699 ) จากตาราง การเปรียบเทียบ พบว่า ค่าเฉลี่ย 35.53 และ 46.30 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.3664 และ 2.7080 จากนั้นพิจารณาค่าสถิติ T-Test Independent ท่ี df=29 ได้ค่าเท่ากับ 3.78 เมื่อนำมาเปรียบเทียบ จากตารางที่ไดค้ ่าเทา่ กับ 1.6991 พบวา่ ค่า T จากการคำนวณมคี ่ามากกว่าค่า T จากตาราง จึงสรุปผลได้ว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนของรูปแบบระหว่างผลิตภัณฑ์กระถางแบบเก่าและ ผลิตภัณฑ์กระถางแบบใหม่ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และเม่ือ พิจารณาค่าระดับความพึงพอใจเฉลี่ยทั้งรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุเก่าและวัสดุใหม่ พบว่ามีคะแนน ผลติ ภณั ฑ์ใหม่มคี ่ามากกวา่ คะแนนผลิตภณั ฑเ์ กา่ อยา่ งมนี ยั ยะสำคัญทางสถติ ิ

202 บทท่ี 5 สรปุ ผลการวจิ ัย อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการวจิ ยั 5.1.1 การศึกษาและพัฒนากระบวนการใชป้ ระโยชน์จากผักตบชวา พบวา่ ผักตบชวาจะใช้ ระยะเวลาในการแห้งและหดตัวอยู่ท่ี 3 – 4 วัน โดยในแต่ละวันเฉล่ียอณุภูมิความร้อนท่ี 34 – 42 องศาเซลเซยี ส และการแปรสภาพเพื่อใช้ประโยชนใ์ ช้ระยะเวลาในการป่ัน 4 นาทีอาศัยภูมิปญั ญาการ หมกั ปยุ๋ อินทรีย์ ประกอบกับกระบวนการผลิตและแปรสภาพ กอ่ นนำมาต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจชุมชน สอดคล้องตามแนวคิดของ (ประทีป วีรพัฒนนิรันดร์. 2541) ที่กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้ ความสำคัญต่อการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้แก่คนในชุมชนท้องถิ่น จึงเป็นการพัฒนาที่เน้น กระบวนการมากกว่ารูปแบบ และต้องการความต่อเนื่องในการปฏิบัติรวมทั้งให้ความสำคัญต่อการ พัฒนาท่ีเริ่มจาก ฐานทรัพยากรในท้องถิ่น (ทุนในชุมชน) ตลอดจนการมีส่วนร่วมของพหุภาคี ได้แก่ ภาครัฐ ภาคธุรกิจ องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ ส่ือมวลชน ฯลฯ เพ่ือนำไปสู่การพัฒนาชุมชน ทอ้ งถิ่นอย่างบรู ณาการ ซง่ึ เปน็ รากฐานที่สำคญั ของการพัฒนาประเทศอย่างยง่ั ยนื 5.1.2 การทดสอบคณุ สมบตั ทิ างกายภาพ น้ันปยุ๋ ชีวภาพผักตบชวาใช้ผักตบชวาบดแห้ง 500 กรัม หัวเช้ือจุลินทรีย์ (EM) 50 มิลลิลิตรและน้ำสะอาด 5 ลิตร ซึ่งให้ผลค่าไนโตรเจน 3.15% ค่า ฟอสฟอรัส 2.71% และโพแทสเซียม 4.50% ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานกรมวิชาการเกษตร สว่ นการขึ้น รูปแบบแผ่นอัดโดยใช้พลาสติกชนิดโพลีสไตรีนย่อยสลายเชื่อมประสาน ซึ่งมีความหนาแน่น (g/cm³) 0.27 ค่าความชื่น 17.23% ค่าการพองตัวทางความหนา 11.39% ค่าความต้านทานแรงดัดโค้งงอ 5.0216 MPa. คา่ มอดุลัสยืดหยนุ่ 1288.845 MPa. คา่ ความตา้ นทานแรงดึงตั้งฉากกับผวิ หน้า 0.2328 MPa. 5.1.3 การออกแบบผลิตภัณฑจ์ ากผักตบชวา การนำปุ๋ยชีวภาพจากผกั ตบชวา มาพัฒนาต่อ ยอดสู่กระบวนการอัดขึ้นรูปทรงอิสระเป็นกระถางต้นไม้นนั้ โดยใช้กาวประสานชนิดกาวแป้งเปยี กและ กาวพลาสติกชนิดโพลีสไตรนี พบวา่ จากกระบวนกระบวนการผลิตกระถางเพาะปลูกจากผกั ตบชวานั้น ผู้วจิ ัยได้ดำเนินการศึกษาตัวแปรท่ีได้จากกาวเช่ือมประสาน 2 ลักษณะคือกาวแป้งเปียก (จากแป้งมัน สำปะหลัง) และกาวพลาสติกชนิดโพลีสไตรีน (Polystyrene : PS) ท่ีได้จากสารละลายอะซีโตน (Acetone) พบว่ากาวแป้งเปียก (จากแป้งมันสำปะหลัง) จะทำให้ชิ้นงานมีลักษณะไม่คงสภาพ ใช้ ระยะเวลาในการคงสภาพนาน คอื 1 สปั ดาห์ แตช่ ้ินงานจะยอ่ ยสลายไดง้ ่าย และไม่ทำลายส่ิงแวดล้อม สารอาหารท่พี ืชจะไดร้ บั จากปยุ๋ ผักตบชวาทำไดด้ ี

203 สำหรับกาวพลาสติกชนิดโพลีสไตรีน (Polystyrene : PS) ให้ผลลัพธ์ด้านการแห้งและคง สภาพได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระยะเพียง 1 – 2 ช่ัวโมง พื้นผิวไม่มีการหดตัวแต่อย่างใด มีลักษณะ ราบเรียบ มีความทนทานและน้ำหนักเบา แต่จะย่อยสลายตามอายุการใช้งานของพลาสติกซึ่งจะใช้ ระยะเวลาที่นานกวา่ กาวแปง้ เปียก (จากแป้งมนั สำปะหลัง) และพชื อาจไม่ไดร้ ับสารอาหารผกั ตบชวา สรุปผลการทดสอบค่าสถิติจาก AHP นั้นสามารถท่ีจะสรุปค่าตัวเลขท่ีได้ อันดับที่ 1 คือ แนวคิดท่ี 2 จะมีค่านัยยะความเหมาะสมท่ีสุด (0.27) อันดับท่ี 2 คือ แนวคิดที่ 3 จะมีค่านัยยะความ เหมาะสมรองลงมา (0.25) และอันดับท่ี 3 คือ แนวคิดท่ี 1 จะมีค่านัยยะความเหมาะสมรองลงมา (0.22) โดยผลลัพธ์จากการคำนวณตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิท่ีให้ข้อเสนอแนะใน การพิจารณาเพ่ือคัดเลือกแนวทางอย่างเหมาะสมในการออกแบบ อีกท้ังยังถือเป็นแนวทางการใช้ ประโยชนท์ มี่ ีความสอดคลอ้ ง 5.1.4 คา่ เฉลยี่ และค่าส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานความพงึ พอใจความพอพงึ ใจของกลุ่มผู้ใช้งาน ทมี่ ีต่อผลติ ภณั ฑจ์ ากผักตบชวา มาทำการการเปรียบเทยี บทงั้ 5 ด้าน ได้แก่ 1. ความพอพึงใจด้านหน้าท่ใี ชส้ อย (Function) 2. ความพอพึงใจดา้ นความปลอดภัย (Safaty) 3. ความพอพงึ ใจดา้ นความสวยงามนา่ ใช้ (Aestheics or Sales Appeal) 4. ความพอพงึ ใจด้านความแข็งแรง (Construction) 5. ความพอพงึ ใจดา้ นราคา (Cost) พบว่ากลุ่มผู้ใช้งานมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( X =4.34, S.D.=0.57 ) เม่ือพิจารณา รายข้อพบว่าความพึงพอใจของกลุ่มผู้ใช้งานอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ความพอพึงใจด้านความ ปลอดภัย ( X =4.60, S.D.=0.56 ) และความพอพึงใจด้านความแข็งแรง( X =4.50, S.D.=0.60 ) และมคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดบั มาก ได้แก่ ความพอพึงใจด้านหน้าที่ใช้สอย ( X =4.35, S.D.=0.54 ) , ความพอพึงใจด้านความสวยงามน่าใช้ ( X =4.20, S.D.=0.58 ) , ความพอพึงใจด้านราคา ( X =4.07, S.D.=0.58 ) 5.2 อภปิ รายผล 5.2.1 สำหรับการศึกษาและพัฒนากระบวนการใช้ประโยชน์จากผักตบชวาพบว่า ผักตบชวาจะใชร้ ะยะเวลาในการแห้งและหดตัวอยู่ท่ี 3 – 4 วนั โดยในแต่ละวันเฉล่ียอณุภูมิความร้อน ที่ 34 – 42 องศาเซลเซียส และการแปรสภาพเพื่อใช้ประโยชน์ใช้ระยะเวลาในการปั่น 4 นาทีอาศัย ภูมิปัญญาการหมักปุ๋ยอินทรีย์ ประกอบกับกระบวนการผลิตและแปรสภาพ ก่อนนำมาต่อยอดในเชิง เศรษฐกิจชุมชน สอดคล้องตามแนวคดิ ของ ( Milton Fabian .2018) ที่กล่าวว่าความยั่งยืนมีบทบาท พ้ืนฐานในการควบคุมและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต การพัฒนา

204 กระบวนการภายใต้แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่บนพ้ืนฐานของมาตรการท่ีควรใช้ทรัพยากรอย่างมี เหตุผล ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหากใช้มาตรการเหล่าน้ีในกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้อง ผลลัพธ์ท่ีได้จากการประยุกต์ใช้กับหน่วยงาน หรือบริษัท ของภาคผลิตภัณฑ์ก็จะได้รับประโยชน์ เพ่ิมข้ึน กระบวนการส่งผลต่อแนวโน้มการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนา กระบวนการผลิตควรดำเนินงานอย่างยง่ั ยนื มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อส่งิ แวดล้อม 5.2.2 สำหรับการทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพน้ันปุ๋ยอินทรีย์ผักตบชวาใช้ผักตบชวาบด แห้ง 500 กรัม หัวเช้ือจุลินทรีย์ (EM) 50 มิลลิลิตรและน้ำสะอาด 5 ลิตร ซึ่งให้ผลค่าไนโตรเจน 3.15% ค่าฟอสฟอรัส 2.71% และโพแทสเซียม 4.50% ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานกรมวชิ าการเกษตร ส่วนการข้ึนรูปแบบแผ่นอัดโดยใช้พลาสติกชนิดโพลีสไตรีนย่อยสลายเช่ือมประสาน ซ่ึงมีความ หนาแน่น (g/cm³) 0.27 ค่าความชื่น 17.23% ค่าการพองตัวทางความหนา 11.39% ค่าความ ตา้ นทานแรงดัดโค้งงอ 5.0216 MPa. ค่ามอดุลัสยดื หย่นุ 1288.845 MPa. คา่ ความต้านทานแรงดึงต้ัง ฉากกับผิวหน้า 0.2328 MPa. สอดคล้องตามแนวคิดของ (Satit Teeraprasert. 2014) ท่ีกล่าวว่า การประเมินประสิทธิภาพ โดยใช้เครื่องมือทดสอบและอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจ วัด และทดสอบ จะต้องเลือกใช้ชนิดตามที่ระบุไว้ในมาตรฐาน และต้องมีความแม่นยำและเที่ยงตรงสามารถทดสอบ เทยี บใหม้ คี ่าความสัมพนั ธ์กบั มาตราฐานทเ่ี ปน็ ท่ียอมรับ 5.2.3 สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา กระบวนการออกแบบมีความสำคัญ ต่อการพัฒนาและต่อยอดวัสดุมากพอสมควร เนื่องจากกระบวนการออกแบบน่ันมีบทบาทหน้าที่ใน การนำเสนอสักยภาพของวัสดุท่ีถูกพัฒนาขึ้น การออกแบบจะช่วยให้วัสดุเกิดคุณค่าและเปล่ียนแปลง มมุ มองของกลุ่มผใู้ ช้งานท่ีมีต่อวัสดุ ดงั น้ันการสร้างแนวคิดและแรงบนั ดาลใจในการออกแบบจึงมีส่วน สำคัญในการแสดงศักยภาพของวัสดุในมิติที่แตกต่างไปจากเดิม การนำปุ๋ยชีวภาพจากผักตบชวา มา พัฒนาต่อยอดสู่กระบวนการอัดข้ึนรูปทรงอิสระเป็นกระถางต้นไม้นั้น โดยใช้กาวแป้งเปียกและกาว พลาสติกชนิดโพลีสไตรีนย่อยสลายเช่ือมประสาน พบว่าผลิตภัณฑ์จะมีความสวยงามและทนทานต่อ การใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งสามารถย่อยหรือเส่ือมสลายไปตามสภาพแวดล้อมในการใช้งาน ได้ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคหรือกลุ่มผู้ท่ีชื่น ชอบการเพาะปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ รวมท้ังพืชผักสวนครัวด้วยเช่นกันซ่ึงสอดคล้องตามแนวคิดของ (Francesco Mazzarella. 13 May 2020) ท่ีกล่าวว่า การออกแบบมีบทบาทสำคัญในการสร้างการ เปล่ียนแปลงทางสังคมวัฒนธรรมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมแสดงถึงการรวมพลังระหว่างคุณค่าท่ี แตกต่างหลากหลายประเภท 5.2.4 สำหรบั ความพอพึงใจของกลมุ่ ผใู้ ชง้ านทมี่ ีตอ่ ผลติ ภณั ฑ์จากผักตบชวา เมื่อพจิ ารณา ถึงความรู้สึกท่ีเกิดข้ึนภายในจิตใจของมนุษย์ ซ่ึงเป็นความรู้สึกท่ีเกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับการ ตอบสนองตามความต้องการท่ีเกิดข้ึนจากสิ่งเรา้ แล้ว จะมีระดับของความรสู้ ึกมากหรอื น้อยแตกต่างกัน

205 โดยถือว่าเป็นความรู้สึกหรือทัศนคติส่วนบุคคลที่มีต่อส่ิงหน่ึงหรือปัจจัยหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่เกิดข้ึน ภายในตัวบุคคลภายหลงั การบรรลุจุดมงุ่ หมายที่ต้องการแลว้ ซ่งึ มนษุ ย์จำเปน็ จะต้องใชป้ ัจจัยทก่ี ระตุ้น ให้เกิดภาวะการตัดสินใจ ฉะนั้นผลิตภัณฑ์จงึ มบี ทบาทสำคัญในการกระต้นุ ให้ผู้ใช้เกิดความตอ้ งการส่ิง ตอบสนองภายในจิตใจสอดคล้องตามแนวคิดของ (Sang W Hong. 2003) ท่ีกล่าวว่าความพึงพอใจ ของผู้ใช้งานขนึ้ อยกู่ ับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 5 ข้ันตอน: (1) แนวทางการกำหนดความ พึงพอใจของผู้ใช้งาน (2) องค์ประกอบของการออกแบบผลิตภัณฑ์ (3) ทำการทดลอง (4) พัฒนา แบบจำลองความสัมพันธ์ (5) วิเคราะห์คุณลักษณะการออกแบบท่ีสำคัญ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความ เหมาะสมของวิธีการคาดการณ์ความพึงพอใจของผู้ใช้งานและในการแก้ไขที่สำคัญสำหรับการ เปลยี่ นแปลงการออกแบบ 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 5.3.1 การดำเนินโครงการดังกล่าวควรมีการบริหารและจัดการวางแผนที่สอดคล้องกับ แนวคิดเชิงการพัฒนาจากหลาย ๆ ภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้สามารถนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ กระบวนการใชป้ ระโยชน์ท่สี อดคลอ้ งกับทรัพยากรท่มี ีมากในท้องถนิ่ 5.3.2 การดำเนินโครงการจะต้องมีการกำหนดทิศทางในการพัฒนาศักยภาพของวัสดุ อย่างชดั เจน โดยมีพ้ืนฐานคือการใช้ทรัพยากรในท้องถ่ินให้เกิดประโยชน์สงู สดุ และเข้าถึงศักยภาพใน เชงิ บวก เพื่อนำไปสกู่ ารต่อยอดที่มคี ุณค่าและส่งผลดีต่อการนำไปต่อยอดสรา้ งสรรค์เป็นผลิตภณั ฑ์ 5.3.3 การพัฒนาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ควรคำนึงถึงแนวคิดเรื่องค่านิยม ความ สวยงามตามยุคสมัยและมีคุณค่า เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการผลิตที่เหมาะสมและเพ่ือให้ ผลติ ภัณฑ์มคี ุณภาพสามารถตอบสนองความตอ้ งการของกลุ่มผ้ใู ช้งานได้ 5.3.4 การประเมินความพอพึงใจควรกำหนดปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซ้ือ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้บริโภคที่ชัดเจนและสอดคล้องกับลักษณะของผลิตภัณฑ์ เพ่ือนำผลการประเมิน ไปพฒั นาและตอ่ ยอดผลติ ภัณฑ์ ใหม้ ีคุณภาพและเหมาะสมกบั กลมุ่ ผู้ใชง้ าน

206 บรรณานกุ รม วิทย์ เที่ยงบรู ณ.หนังสือพจนานกุ รมสมุนไพรไทย, ฉบบั พิมพ์คร้ังที5่ . กรุงเทพฯ :สำนักพมิ พร์ วม สาสน์ ,2542 กิตติชัย โสพันนา.โครงการกระถางเพาะชำชวี ภาพ.วทิ ยานิพนธ์. มหาวิทยาลยั ราชภฏัสกลนคร เตือนใจ ปิยัง.การผลติกระถางต้นไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากกากตะกอนน้ำมันปาล์ม และ วสั ดเุ หลอื ทิ้งจากการเพาะเห็ด.วทิ ยานิพนธ์.มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั ปทมุ ทิพย์ ตน้ ทับทมิ ทอง.โครงการกระถางตน้ ไม้จากวัสดุเหลอื ใช้ทางการเกษตร.วทิ ยานิพนธ์. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ ไพโรจน์ ชลารักษ์.“การวจิ ัยเชิงปฏบิ ัติการแบบมสี ่วนร่วม”,วารสารราชภฎั ตะวันตก 1 : 1 (กรกฎาคม-ธนั วาคม, 2548), หน้า 20-21. ทวที อง หงษ์วิวฒั น์, การมสี ่วนรว่ มของประชาชน, (กรงุ เทพฯ: ศนู ย์ศึกษานโยบายสาธารณสขุ มหาวิทยาลยั มหดิ ล, 2527), หนา้ 2. วรรณี แกมเกตุ. (2551). (พิมพค์ ร้ังที่ 2). วธิ วี ิทยาการวจิ ัยทางพฤติกรรมศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สภุ างค์ จันทวานชิ . (2552). การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในการวจิ ัยเชงิ คุณภาพ. (พมิ พค์ ร้ังที่ 9). กรงุ เทพมหานคร : สำนกั พมิ พแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สภุ างค์ จนั ทวานิช. (2553). วธิ ีการวิจยั เชิงคณุ ภาพ. (พิมพ์ครง้ั ที่ 18). กรงุ เทพมหานคร : สำนกั พมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . องอาจ นยั พัฒน.์ (2551). วิธวี ทิ ยาการวิจัยเชิงปรมิ าณและเชิงคุณภาพทางพฤติกรรมศาสตรแ์ ละ สังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 3).กรงุ เทพมหานคร : สามลดา. อรุณี อ่อนสวัสด์.ิ (2551). ระเบยี บวธิ ีวิจัย. (พิมพ์ครง้ั ที่ 3). ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. Campos, J.C., Prias, O., 2013. Implementación de un Sistema de Gestión de la Energía; Guía con base en la norma ISO 50001. Universidad Nacional de Colombia. ISBN 978-958-761-597-5. IEA. (2009). Energy technology transitions for industry: strategies for the next industrial revolution. OECD Publishing. ISBN 979-92-64-06858-2.

207 บรรณานุกรม(ต่อ) UNFCCC. Adoption of the Paris Agreement. Report No. FCCC/CP/2015/L.9/Rev.1. IPCC Climate Change 2001: Impacts, Adaptation, and Vulnerability (eds McCarthy, J. J., Canziani, O. F., Leary, N. A., Dokken, D. J. & White, K. S.) (Cambridge Univ. Press, 2001). ISBN 0-521-80768-9. May, G., Barletta, I., Stahl, B., Taisch, M., 2015. Energy management in production: A novel method to develop key performance indicators for improving energy efficiency, Applied energy, 149, 46–61. doi: 10.1016/j.apenergy. 2015.03.065. DOI:10.1016/j.apenergy.2015.03.065. O'Driscoll, E., & O'Donnell, G. E. (2013). Industrial power and energy metering–a state- of-the-art review. Journal of Cleaner Production, 41, 53-64 DOI:10.1016/ j.jclepro.2012.09.046. Rudberg Martin, Waldemarsson Martin, Lidestam Helene, 2013. Strategic perspectives on energy management: A case study in the process industry, Applied energy, 104, 487–496. DOI: 10.1016/j.apenergy.2012.11.027. Valencia, G. E. et al. (2017a) Energy Saving in Industrial Process Based on the Equivalent Production Method to Calculate Energy Performance Indicators, CHEMICAL ENGINEERING TRANSACTIONS, 57. doi: 10.3303/CET1757119. DOI: 10.3303/CET1757119. Valencia, G. E. et al. (2017b) Energy Planning for Gas Consumption Reduction in a Hot Dip Galvanizing Plant, CHEMICAL ENGINEERING TRANSACTIONS, 57. DOI: 10.3303/CET1757117. ศศิมา สขุ สวา่ ง.การคดิ เชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking).(ออนไลน์).เข้าถึงไดจ้ าก : http : //www.sasimasuk.com (วนั ที่คน้ ข้อมลู : 26 พฤศจกิ ายน 2562). ไซมอน โชตอิ นนั ต์ พลตื้อ.จติ วิทยาการตลาด.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก : http : //www. impressionconsult.com/web/index.php/articles/267-psychological.html (วนั ท่ี ค้นข้อมลู : 26 พฤศจกิ ายน 2562).

208 บรรณานุกรม(ต่อ) สำนกั งานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอตุ สาหกรรม.สรปุ ภาวะเศรษฐกจิ อุตสาหกรรมไทย. (ออนไลน์).เขา้ ถึงได้จาก : http ://www.ryt9.com/s/oie/3071462 (วนั ท่คี น้ ข้อมลู : 26 พฤศจกิ ายน 2562).

209 ภาคผนวก ก ภาพผลติ ภัณฑต์ น้ แบบ

210

211

212

213 ภาคผนวก ข เอกสารหนงั สอื ขอความอนเุ คราะห์

214

215

216

217

218

219

220 ภาคผนวก ค แบบสอบถามการพัฒนาผลติ ภณั ฑก์ ระถางเพาะปลกู จาก ผกั ตบชวา และ แบบสอบถามประเมินความพงึ พอใจของกลมุ่ ผู้บริโภคทมี่ ีตอ่ กระถางเพาะปลูกจากผกั ตบชวาตามหลักการออกแบบผลติ ภณั ฑ์

221 แบบประเมินความพึงพอใจการออกแบบกระถางเพาะปลูกจากผักตบชวา ภายใต้การศึกษาและพัฒนากระบวนการใช้ประโยชนจ์ ากผกั ตบชวาเพอื่ ออกแบบผลิตภัณฑ์ โดย นายมนชัย สว่างแจ้ง หลักการและเหตุผล ผู้วิจัยมีแนวคิดการศึกษาและพัฒนากระบวนการเพื่อเปรียบเทียบการใช้ประโยชน์และเป็นการ เพิ่มทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากผักตบชวา ซึ่งจะการดำเนินการวิจัยที่เป็นไปในรูปแบบของ การศึกษาและพัฒนา ต่อยอด การใช้ประโยชน์จากผักตบชวาเพื่อให้สามารถเข้าถึงศักยภาพทางด้าน วัสดุประเภทผักตบชวาได้อย่างแท้จริง โดยจะเป็นการผสมผสานศาสตร์องค์ความรู้ หลักการทาง วิทยาศาสตร์ ผนวกเข้ากับหลักการด้านการออกแบบผลติ ภัณฑ์ ผ่านการพัฒนากระบวนการด้านต่าง ๆ จนเป็นผลติ ภณั ฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพ ดังนี้แบบประเมินความพึงพอใจด้านการออกแบบกระถางเพราะชำจากผักตบชวา จึงเป็นส่วน สำคัญของการพัฒนา เพื่อต่อยอดกระบวนการออกแบบที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของ กลุ่มผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด โดยมีพื้นฐานความพึงพอใจที่มีต่อผลิตภัณฑ์กระถางเพราะชำจาก ผักตบชวาทีส่ อดคล้องกบั หลักและกระบวนการออกแบบ วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อประเมินความพึงพอใจของกลุ่มผู้บริโภคที่มีต่อกระถางเพาะปลูกจากผักตบชวา ตาม หลกั การออกแบบผลิตภัณฑ์ คำชี้แจ้ง : แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มผู้บริโภคที่มีตอ่ กระถางเพราะชำจากผักตบชวา เป็น ส่วนหนึ่งของรายวิชาวิทยานิพนธ์ หลักสูตรปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิชา เทคโนโลยีการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั ผู้วิจัยจึงขอความกรุณาจากท่านช่วยตอบแบบประเมินตามความเป็นจริง เพื่อนำผลที่ได้จาก แบบประเมนิ ความพงึ พอใจนี้ไปใช้ในการดำเนินศึกษาและค้นคว้าต่อไป ตอนที่ 1 ข้อมลู ทั่วไป คำชีแ้ จง : เลือกคำตอบโดยการทำเครื่องหมายถูกลงในช่องว่างทต่ี รงตามความเป็นจรงิ เพศ ชาย หญงิ อายุ ไมถ่ ึง 25 ปี 26 - 35 ปี 36 - 45 ปี 46 ข้นึ ไป ระดบั การศึกษา ตำ่ กว่าปรญิ ญาตรี ปริญญาตรี ปริญญาโท สงู กวา่ ปรญิ ญาโท อาชพี นกั เรยี น/นกั ศกึ ษา ข้าราชการ/รัฐวิสาหกจิ ธรุ กจิ สว่ นตวั อ่ืน ๆ โปรดระบุ.................................