สารบญั หน่วยที่ 1 ความรู้เบอื้ งต้นเกยี่ วกับกฎและมาตรฐานทางไฟฟ้า หน่วยที่ 2 มาตรฐานสายไฟฟ้า หน่วยที่ 3 มาตรฐานวัสดุอุปกรณท์ างไฟฟ้า หน่วยที่ 4 กฎและมาตรฐานทใ่ี ช้งานในระบบตดิ ตัง้ ไฟฟ้า หน่วยท่ี 5 กฎและมาตรฐานทใี่ ช้งานในระบบป้องกันทางไฟฟ้า หน่วยที่ 6 กฎและมาตรฐานทใ่ี ช้งานในระบบการตอ่ ลงดนิ หน่วยที่ 7 กฎและมาตรฐานทใ่ี ช้งานในระบบแจ้งเหตุเพลงิ ไหม้ หน่วยท่ี 8 กฎและมาตรฐานทใ่ี ช้ในงานตดิ ตัง้ ไฟฟ้าบริเวณอันตราย หน่วยท่ี 9 กฎและมาตรฐานทใ่ี ช้งานในระบบป้องกันฟ้าผ่า
เนอื้ หาสาระ ในหน่วยนีจ้ ะศกึ ษาถึงความรูเ้ บือ้ งตน้ เก่ียวกบั กฎและมาตรฐานทางไฟฟ้า มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ไฟฟา้ มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้าสาหรบั ประเทศไทย และนิยามท่ีเก่ียวขอ้ งกบั มาตรฐานทางไฟฟ้าเพ่ือ เป็นพืน้ ฐานในการศกึ ษาหนว่ ยอ่ืน ๆ ตอ่ ไป กฎ หมายถึง จดไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ขอ้ กาหนด หรือขอ้ บงั คบั ท่ีอย่ใู นความเป็นจรงิ เพ่ือไม่ใหเ้ กิดความ เสียหายต่อทรพั ยส์ นิ และชีวติ มาตรฐาน หมายถึง ส่งิ ท่ีถือเอาเป็นเกณฑท์ ่ีรบั รองกนั ท่วั ไป (ราชบณั ฑิตยสถาน. 2546: 855) มาตรฐานแบง่ ตามผกู้ าหนด ออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ มาตรฐานประจาชาติ (National Standard) และมาตรฐานสากล (International Standard) 1. มาตรฐานประจาชาติ เป็นมาตรฐานท่ีแตล่ ะประเทศรา่ งขนึ้ มาใชป้ ฏิบตั เิ องภายในประเทศ จะตรง ตามสภาวะภมู ิอากาศ สภาพแวดลอ้ ม และอตุ สาหกรรมภายในประเทศนนั้ ๆ ปัจจบุ นั ในหลายประเทศได้ ยกเลกิ การทามาตรฐานของตนเองและนามาตรฐานสากลฉบบั ภาษาองั กฤษมาใชแ้ ทน 2. มาตรฐานสากล เป็นมาตรฐานท่ีมีสมาชิกหลาย ๆ ประเทศ ถา้ เป็นมาตรฐานดา้ นไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกสท์ ่ีไดร้ บั ความนิยมเพ่ิมขนึ้ เร่อื ย ๆ คือ มาตรฐานไออีซี (International Electro technical Commission: IEC)
มาตรฐานทางไฟฟ้าท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การตดิ ตงั้ ทางไฟฟา้ แบ่งออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ มาตรฐานวสั ดุ อปุ กรณไ์ ฟฟา้ (Product Standard) และมาตรฐานการติดตงั้ ไฟฟา้ (Installation Standard) 1. มาตรฐานวสั ดอุ ปุ กรณไ์ ฟฟา้ เป็นมาตรฐานท่ีใชส้ าหรบั ทดสอบวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นงานไฟฟา้ 2. มาตรฐานการติดตงั้ ไฟฟ้า เป็นมาตรฐานเก่ียวกบั วิธีการนาวสั ดอุ ุปกรณไ์ ปติดตั้งอย่างถูกตอ้ ง ตามมาตรฐานเพ่ือความปลอดภยั และความเช่ือถือไดใ้ นการใชง้ าน ก) เครอ่ื งหมายมาตรฐานท่วั ไป ข) เครอ่ื งหมายมาตรฐานบงั คบั อุปกรณไ์ ฟฟ้าทจี่ ะนาไปตดิ ตัง้ ใช้งาน ต้องมเี คร่ืองหมายมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม
มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ไฟฟ้าท่ีการไฟฟ้าฯ ยอมรบั เช่น มาตรฐาน IEC, BS, ANSI, NEMA, DIN, VDE,UL, JIS, AS เป็นตน้ หรือเป็นชนิดท่ีไดร้ บั ความเห็นชอบจากการไฟฟ้าฯ ก่อน โดยมาตรฐานท่ี อา้ งอิงใหย้ ดึ ถือตามฉบบั ท่ีปรบั ปรุงลา่ สดุ ยกตวั อยา่ งมาตรฐานท่ีนิยมใชใ้ นประเทศไทย ดงั นี้ มาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) เป็นมาตรฐานนานาชาติ มาตรฐาน BS (British Standard) เป็นมาตรฐานของประเทศองั กฤษ จะสอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน IEC มาตรฐาน ANSI (American National Standards Institute) เป็นองคก์ รท่ีออกมาตรฐานและขอ้ – กาหนดของประเทศสหรฐั อเมรกิ า มาตรฐาน NEMA (National Electrical Manufactures Association) เป็นมาตรฐานอตุ สาหกรรม ของโรงงานผผู้ ลิตอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า มาตรฐาน NEC (National Electric Code) เป็นมาตรฐานท่ีใชใ้ นการออกแบบระบบไฟฟ้าและ ติดตงั้ ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า มาตรฐาน DIN (Deutsches Institut fur Normung e.V.) เป็นมาตรฐานของประเทศเยอรมนี มาตรฐาน VDE (Verband Deutscher Elektrotechniker e.V.) เป็นองคก์ รของกล่มุ วิศวกรไฟฟ้าใน ประเทศเยอรมนี
มาตรฐาน UL (Underwriter’s Laboratories, Inc.) เป็นองคก์ รท่ีทาการทดสอบและรับประกัน ความปลอดภยั ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า มาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standards) เป็นมาตรฐานอตุ สาหกรรมของประเทศญ่ีป่นุ มาตรฐาน AS (Australian Standards) เป็นมาตรฐานของประเทศออสเตรเลีย มาตรฐาน EIT (The Engineering Institute of Thailand) เป็นมาตรฐานการตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้าสาหรบั ประเทศไทย (สมาคมวศิ วกรรมสถานแหง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ : วสท.) MEA (Metropolitan Electricity Authority) การไฟฟา้ นครหลวง (กฟน.) PEA (Provincial Electricity Authority) การไฟฟา้ สว่ นภมู ิภาค (กฟภ.) TISI (Thai Industrial Standards Institute) สานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมของ ประเทศไทย (สมอ.)
สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ (วสท.) ไดน้ ากฎการเดินสายและ ติดตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟ้า พ.ศ. 2538 ของการไฟฟา้ นครหลวง (กฟน.) และแนวปฏิบตั ใิ นการเดินสายและติดตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟ้า พ.ศ. 2537 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มาพิจารณาเพ่ือรวมเป็นมาตรฐานเดียว เรยี กวา่ “มาตรฐานการตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย” หรอื เรยี กวา่ มาตรฐาน วสท. หนังสือมาตรฐานการตดิ ตัง้ ทางไฟฟ้าสาหรับประเทศไทยของ วสท.
มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย พ.ศ. 2545 ฉบบั ปรบั ปรุงครงั้ ท่ี 1 พ.ศ. 2551 ได้ใช้งานมาระยะหน่ึงแล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านวัสดุ อุปกรณ์ และการติดตั้งเปล่ียนแปลงไป โดยเฉพาะมาตรฐานการผลิตสายไฟฟ้าท่ีจัดทาโดย สมอ. ตาม มอก.11–2553 จึงมีการปรับปรุง มาตรฐานฯ เป็นฉบบั พ.ศ. 2556 บทท่ี 1 นิยามและขอ้ กาหนดท่วั ไป บทท่ี 2 มาตรฐานสายไฟฟา้ และบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้า บทท่ี 3 ตวั นาประธาน สายปอ้ น วงจรย่อย บทท่ี 4 การตอ่ ลงดิน บทท่ี 5 ขอ้ กาหนดการเดินสายและวสั ดุ บทท่ี 6 บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ บทท่ี 7 บรเิ วณอนั ตราย บทท่ี 8 สถานท่ีเฉพาะ บทท่ี 9 อาคารชดุ อาคารสงู หรอื อาคารขนาดใหญ่พเิ ศษ บทท่ี 10 บรภิ ณั ฑเ์ ฉพาะงาน บทท่ี 11 มาตรฐานการทนไฟของสายไฟฟ้า บทท่ี 12 วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต บทท่ี 13 อาคารเพ่ือการสาธารณะใตผ้ ิวดิน บทท่ี 14 การติดตงั้ ไฟฟ้าช่วั คราว
นิยามและขอ้ กาหนดท่วั ไปต่อไปนีเ้ พ่ือส่ือความหมาย ใชเ้ รียกช่ือ และอธิบายลกั ษณะรูปแบบให้ เขา้ ใจขอบเขตและลกั ษณะอปุ กรณท์ ่ีกาหนดไวใ้ นมาตรฐาน วสท. 1.4.1 นิยามทใ่ี ช้งานท่วั ไป 1. เข้าถึงได้ง่าย (Accessible, Readily) หมายถึง ท่ีซ่ึงสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วเพ่ือ ปฏิบตั กิ าร เปล่ยี นหรอื ตรวจสอบ โดยไม่ทาใหผ้ เู้ ขา้ ถึงตอ้ งปีนขา้ มหรอื เคล่ือนยา้ ยส่ิงกีดขวางหรอื ใชบ้ นั ได หยิบยกไดห้ รอื ใชเ้ กา้ อี้ ฯลฯ 2. ขนาดกระแส (Ampacity) หมายถึง ปรมิ าณกระแส ซ่งึ ตวั นายอมใหไ้ หลผ่านอย่างต่อเน่ืองใน ภาวการณใ์ ชง้ าน โดยไม่ทาใหพ้ ิกดั อณุ หภมู ิเกินคา่ ท่ีกาหนด มีหนว่ ยเป็น แอมแปร์ 3. เคร่ืองใช้ไฟฟ้า (Appliance) หมายถึง บรภิ ณั ฑส์ าหรบั ประโยชนใ์ ชส้ อยท่วั ไปนอกจากใน โรงงานอุตสาหกรรม โดยปกติสรา้ งขึน้ เป็นขนาดมาตรฐานสากล โดยติดตงั้ หรือประกอบเขา้ เป็นหน่วย เดียวเพ่ือใชง้ านในหนา้ ท่ีเดียวหรือหลายหนา้ ท่ี เช่น เคร่ืองซกั ผา้ เคร่ืองปรบั อากาศ เคร่ืองผสมอาหาร เครอ่ื งทอดและอ่ืน ๆ 4. เต้าเสียบ (Attachment Plug) หมายถึง อุปกรณท์ ่ีสอดเขา้ ไปในเตา้ รบั แลว้ ทาใหเ้ กิดการต่อ ระหวา่ งตวั นาของสายออ่ นท่ีตดิ เตา้ เสยี บกบั ตวั นาท่ีต่ออย่างถาวรกบั เตา้ รบั
5. อัตโนมัติ (Automatic) หมายถึง การทางานไดด้ ว้ ยกลไกของตวั มันเอง เม่ือมีการกระตุ้นอัน ไมใ่ ช่การกระทาของบคุ คล เชน่ มีการเปล่ยี นแปลงกระแส แรงดนั อณุ หภมู ิ หรอื การเปล่ยี นแปลงทางกล 6. การตอ่ ฝาก (Bonding) หมายถึง การตอ่ ถึงกนั อย่างถาวรของส่วนท่ีเป็นโลหะใหเ้ กิดเป็นทางนา ไฟฟา้ ท่ีมีความตอ่ เน่ืองทางไฟฟ้า และสามารถนากระแสท่ีอาจเกิดขนึ้ ไดอ้ ย่างปลอดภยั 7. สายตอ่ ฝาก (Bonding Jumper) หมายถึง ตวั นาท่ีใชต้ อ่ ระหว่างสว่ นท่ีเป็นโลหะท่ีตอ้ งการตอ่ ถึง กนั ทางไฟฟา้ 8. วงจรยอ่ ย (Branch Circuit) หมายถงึ ตวั นาวงจรในวงจรระหว่างอปุ กรณป์ อ้ งกนั กระแสเกินจดุ สดุ ทา้ ยกบั จดุ จา่ ยไฟ 9. ตู้ (Cabinet) หมายถึง เคร่ืองห่อหมุ้ ท่ีออกแบบใหต้ ิดตงั้ บนพืน้ ผิวหรือติดผนงั โดยมีกรอบดา้ น และฝาปิดซง่ึ เปิดได้ 10. รางเคเบิล (Cable Trays) หมายถึง รางสาหรบั รองรบั สายเคเบิล ซ่ึงทาดว้ ยวสั ดุไม่ติดไฟ ประกอบดว้ ยฐานยาวตอ่ เน่ืองกนั โดยมีขอบตงั้ ขนึ้ ไม่มีฝาปิด โดยรางเคเบิลอาจเป็นหรอื ไม่เป็นรูพรุนก็ได้ หรอื เป็นตะแกรงก็ได้ ทงั้ นีอ้ าจเป็นรางเคเบิลขนั้ บนั ได ระบบรางเคเบลิ ปิด และเป็นมดั 11. เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) หมายถึง อปุ กรณซ์ ่งึ ออกแบบใหป้ ิดและเปิดวงจรโดย ไม่อตั โนมัติ หรือใหเ้ ปิดวงจรโดยอตั โนมตั ิเม่ือมีกระแสไหลผ่านเกินกาหนด โดยเซอรก์ ิตเบรกเกอรไ์ ม่ เสยี หายเม่ือใชง้ านภายในพิกดั
12. ตัวนา (Conductor) ตวั นาเปลอื ย (Bare Conductor) หมายถึง ตวั นาท่ีไมม่ ีการหมุ้ หรอื ไม่มฉี นวนไฟฟา้ ใด ๆ ตัวนาหุ้มฉนวน (Insulated Conductor) หมายถึง ตัวนาท่ีหุ้มด้วยวัสดุท่ีมีส่วนประกอบและ มีความหนาเป็นท่ียอมรบั วา่ เป็นฉนวนไฟฟา้ เคเบลิ (Cable) หมายถึง กลมุ่ ของตวั นาตงั้ แตห่ น่งึ เสน้ ขนึ้ ไป 13. โหลดต่อเนื่อง (Continuous Load) หมายถึง โหลดท่ีคาดว่ากระแสสูงสุดท่ีคงท่ีติดต่อกัน ตงั้ แต่ 3 ช่วั โมงขนึ้ ไป 14. ดีมานแฟกเตอร์ (Demand Factor) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความตอ้ งการสูงสุดของ ระบบหรอื สว่ นของระบบกบั โหลดทงั้ หมด ท่ีต่อเขา้ กบั ระบบหรอื สว่ นของระบบท่ีพจิ ารณา 15. ป้ายไฟฟ้า (Electric Sign) หมายถึง บรภิ ณั ฑท์ ่ีตดิ ยดึ อย่กู บั ท่ี ประจาท่ีหรือหยิบยกได้ ท่ีมีการ สอ่ งสวา่ งทางไฟฟ้าโดยมีขอ้ ความ หรอื สญั ลกั ษณท์ ่ีออกแบบ เพ่ือแสดงใหท้ ราบหรอื เพ่ือดงึ ดดู ความสนใจ 16. บริภัณฑ์ (Equipment) หมายถึง ส่ิงซ่งึ รวมทงั้ วสั ดุ เคร่ืองประกอบ อปุ กรณ์ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า ดวงโคม เครอ่ื งสาเรจ็ และส่งิ อ่ืนท่ีคลา้ ยกนั ท่ีเป็นสว่ นหนง่ึ หรอื ใชต้ ่อเขา้ กบั การตดิ ตงั้ ทางไฟฟา้ 17. สายป้อน (Feeder) หมายถึง ตวั นาของวงจรระหว่างบรภิ ณั ฑป์ ระธาน หรือแหล่งจ่ายไฟของ ระบบตดิ ตงั้ แยกตา่ งหากกบั อปุ กรณป์ อ้ งกนั กระแสเกินของวงจรย่อยตวั สดุ ทา้ ย
18. เคร่ืองประกอบ (Fitting) หมายถึง ส่วนประกอบ เช่น แป้นเกลียวกันคลาย บุชชิง หรือส่วน อ่ืน ๆ ของระบบการเดนิ สายท่ีใชง้ านเพ่ือวตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ทางกลมากกว่าทางไฟฟา้ 19. ลงดนิ หรือการต่อลงดนิ (Ground) หมายถึง การตอ่ ตวั นาไม่วา่ โดยตงั้ ใจหรอื บงั เอิญระหวา่ ง วงจรไฟฟา้ หรอื บรภิ ณั ฑก์ บั ดนิ หรอื สว่ นท่ีเป็นตวั นาซง่ึ ทาหนา้ ท่ีแทนดิน 20. ต่อลงดนิ (Grounded) หมายถึง ตอ่ ลงดินหรอื ตอ่ กบั สว่ นท่ีเป็นตวั นาซง่ึ ทาหนา้ ท่ีแทนดนิ 21. ตัวนาสาหรับต่อลงดินหรือสายดิน (Grounding Conductor) หมายถึง ตัวนาท่ีใช้ต่อ บรภิ ณั ฑห์ รอื วงจรท่ีตอ้ งตอ่ ลงดนิ ของระบบการเดินสายเขา้ กบั หลกั ดนิ 22. ตัวนาสาหรับต่อลงดินหรือสายดินของบริภัณฑ์ (Grounding Conductor, Equipment) หมายถึง ตวั นาท่ีใชต้ ่อส่วนโลหะท่ีไม่นากระแสของบริภณั ฑ์ ช่องเดินสาย ท่ีลอ้ มเข้ากบั ตวั นาท่ีมีการต่อ ลงดนิ ของระบบ/หรอื ตวั นาตอ่ หลกั ดนิ ท่ีบรภิ ณั ฑป์ ระธาน หรอื ท่ีแหลง่ จา่ ยไฟของระบบจ่ายแยกตา่ งหาก 23. ตัวนาต่อหลักดินหรือสายต่อหลักดิน (Grounding Electrode Conductor) หมายถึงตวั นา ท่ีใชต้ ่อหลกั ดิน กับตวั นาสาหรบั ต่อลงดินของบริภัณฑ์ และ/หรือ กบั ตวั นาท่ีมีการต่อลงดินของวงจรท่ี บรภิ ณั ฑป์ ระธาน หรอื ท่ีแหลง่ จ่ายไฟของระบบจา่ ยแยกตา่ งหาก 24. เคร่ืองตัดวงจรไฟฟ้าเมอื่ กระแสร่ัวลงดิน (Ground–Fault Circuit–Interrupter) หรอื เครอ่ื ง ตดั ไฟร่วั (Residual Current Device หรอื RCD) หมายถงึ อปุ กรณท์ ่ีม่งุ หมายสาหรบั ปอ้ งกนั บคุ คล
25. ระบบแรงสูง (High Voltage System) หมายถึง ระบบไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ระหว่างเฟส (Phase to Phase) เกิน 1,000 โวลต์ หรอื แรงดนั เทียบดนิ เกิน 600 โวลต์ 26. ระบบแรงต่า (Low Voltage System) หมายถงึ ระบบไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ระหวา่ งเฟส (Phase to Phase) ไม่เกิน 1,000 โวลต์ หรอื แรงดนั เทียบดินไม่เกิน 600 โวลต์ 27. จุดจ่ายไฟ (Outlet) หมายถงึ จดุ ในระบบการเดินสายท่ีนากระแสมาใชก้ บั บรภิ ณั ฑใ์ ชส้ อย 28. กระแสเกิน (Overcurrent) หมายถึง กระแสท่ีเกินค่าพิกัดกระแสของบริภัณฑห์ รือขนาด กระแสของตวั นา ซง่ึ อาจมีผลมาจากโหลดเกิน การลดั วงจร หรอื การมีกระแสร่วั ลงดนิ 29. โหลดเกนิ (Overload) หมายถึง การใชง้ านเกินพิกดั ปกตขิ องบรภิ ณั ฑห์ รอื ใชก้ ระแสเกินขนาด กระแสของตวั นา ซ่ึงหากเป็นอย่รู ะยะเวลาหน่ึงจะทาใหเ้ กิดความเสียหายและอนั ตรายเน่ืองจากความ รอ้ นเกินขนาด การลดั วงจรหรอื การมีกระแสร่วั ลงดินไมถ่ ือเป็นโหลดเกิน 30. แผงย่อย (Panelboard) หมายถึง แผงเด่ียวหรือกลุ่มของแผงเด่ียวท่ีออกแบบให้ประกอบ รวมกันเป็นแผงเดียวกัน ประกอบดว้ ย บัส อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินอัตโนมัติและมีหรือ ไม่มีสวิตช์ สาหรบั ควบคมุ แสงสวา่ ง ความรอ้ นหรอื วงจรไฟฟ้ากาลงั แผงย่อยเป็นแผงท่ีออกแบบใหต้ ดิ ตงั้ ไวใ้ นตหู้ รอื กลอ่ งคตั เอาตท์ ่ีตดิ บนผนงั ซง่ึ สามารถเขา้ ถงึ ดา้ นหนา้ ไดเ้ ท่านนั้
31. เต้ารับ (Receptacle) หมายถึง อปุ กรณห์ นา้ สมั ผสั ซ่ึงติดตงั้ ท่ีจุดจ่ายไฟ ใช้สาหรบั การต่อกบั เตา้ เสียบ เตา้ รบั ทางเดียวคือ อุปกรณห์ นา้ สมั ผสั ท่ีไม่มีอปุ กรณห์ นา้ สมั ผสั อ่ืนอย่ใู นโครงเดียวกนั เตา้ รบั หลายทางคือ อปุ กรณห์ นา้ สมั ผสั ตงั้ แต่ 2 ชดุ ขนึ้ ไปท่ีอยใู่ นโครงเดยี วกนั 32. ระบบประธาน (Service) หมายถึง บริภณั ฑแ์ ละตวั นาสาหรบั จ่ายพลงั งานไฟฟ้าจากระบบ ไฟฟ้าของการไฟฟา้ ฯ ไปยงั ระบบสายภายใน 33. ตัวนาประธาน (Service Conductor) หรือสายเมน หมายถึง ตวั นาท่ีต่อระหว่างเคร่ืองวดั หน่วยไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ กบั บรภิ ณั ฑป์ ระธาน (ทงั้ ระบบแสงสงู และแรงต่า) แบง่ เป็นตวั นาประธานเขา้ อาคารระบบสายอากาศและตวั นาประธานเขา้ อาคารระบบสายใตด้ นิ 34. บริภัณฑป์ ระธาน (Service Equipment) หรือเมนสวิตช์ หมายถึง บรภิ ณั ฑจ์ าเป็นโดยปกติ ประกอบดว้ ยเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ หรือสวิตชแ์ ละฟิ วส์ และเคร่ืองประกอบต่าง ๆ ตงั้ อย่ใู กล้กบั จุดทางเขา้ ของตวั นาประธานเขา้ อาคาร โดยมีจดุ ประสงคเ์ พ่ือควบคมุ และตดั วงจรทงั้ หมดของระบบจ่ายไฟ 35. แผงสวิตช์ (Switchboard) หมายถึง แผงเด่ียวขนาดใหญ่หรือหลายแผงประกอบเขา้ ดว้ ยกัน เพ่ือใชต้ ิดตงั้ สวิตช์ อปุ กรณป์ ้องกนั กระแสเกิน อปุ กรณป์ ้องกนั อ่ืน ๆ บสั และเคร่ืองวดั ต่าง ๆ ทงั้ ดา้ นหนา้ ดา้ นหลงั หรอื ทงั้ สองดา้ น โดยท่วั ไปแผงสวิตชเ์ ขา้ ถงึ ไดท้ งั้ ทางดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั
1.4.2 ข้อกาหนดท่วั ไปสาหรับการตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้า 1. การต่อทางไฟฟ้า (Electrical Connection) การต่อสายตัวนา ตอ้ งใชอ้ ุปกรณต์ ่อสาย และวิธีการต่อสายท่ีเหมาะสม โดยเฉพาะการต่อตวั นาท่ีเป็นโลหะต่างชนิดกนั ตอ้ งใชอ้ ุปกรณต์ ่อสายท่ี สามารถใชต้ อ่ ตวั นาตา่ งชนิดกนั ได้ 2. ท่ีว่างเพ่ือปฏิบัติงานสาหรับบริภัณฑไ์ ฟฟ้า ตอ้ งจดั ใหม้ ีท่ีว่างและทางเขา้ ออกอย่าง เพียงพอเพ่ือปฏิบตั ิงานและบารุงรกั ษาบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าไดส้ ะดวกและปลอดภยั ทงั้ นีท้ ่ีว่างดงั กล่าวหา้ มใช้ สาหรบั เก็บขอ
สัญลักษณ์ท่ีใช้ในแผนภาพเส้นเดียว (One Line Diagram) ของแบบระบบไฟฟ้าอาจมีความ แตกต่างกนั ตามมาตรฐานท่ีผอู้ อกแบบอา้ งอิง ในหวั ขอ้ นีเ้ ป็นตวั อย่างสญั ลกั ษณท์ ่ีอา้ งอิงท่ีใชใ้ นแผนภาพ เสน้ เดียว ตามมาตรฐาน IEC 60617 เพ่ือใชเ้ ป็นความรูพ้ ืน้ ฐานในการศกึ ษาต่อไป ตารางที่ 1.1 สญั ลกั ษณท์ างไฟฟา้ ตามมาตรฐาน IEC 60617
ตาแหน่งของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าตามท่ีกาหนดในนิยาม อธิบายเป็นตวั อย่างดว้ ยรูป ดงั นี้ ก) ตวั นาประธานเขา้ อาคารระบบสายใตด้ ินและบรภิ ณั ฑป์ ระธาน (เมนสวิตช)์ ข) ตวั นาประธานเขา้ อาคารระบบสายอากาศและบรภิ ณั ฑป์ ระธาน (เมนสวิตช)์ ตัวนาประธานและบริภณั ฑป์ ระธานของบา้ นพกั อาศัย
1. มาตรฐานแบ่งตามผู้กาหนด ออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ มาตรฐานประจาชาติ (National Standard)และมาตรฐานสากล (International Standard) 2. มาตรฐานทางไฟฟ้าท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ มาตรฐาน วสั ดอุ ปุ กรณไ์ ฟฟ้า (Product Standard) และมาตรฐานการตดิ ตงั้ ไฟฟ้า (Installation Standard) 3. มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ไฟฟ้าท่ีการไฟฟ้าฯ ยอมรบั เชน่ มาตรฐาน IEC, BS, ANSI, NEMA, DIN, VDE, UL, JIS, AS เป็นตน้ 4. สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ (วสท.) ไดน้ ากฎการเดินสายและ ติดตงั้ อุปกรณไ์ ฟฟ้า พ.ศ. 2538 ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และแนวปฏิบตั ิในการเดินสายและ ติดตงั้ อปุ กรณไ์ ฟฟ้า พ.ศ. 2537 ของการไฟฟ้าส่วนภมู ิภาค (กฟภ.) มาพิจารณาเพ่ือรวมเป็นมาตรฐาน เดยี ว เรยี กว่า“มาตรฐานการติดตงั้ ทางไฟฟ้า สาหรบั ประเทศไทย” หรอื เรยี กวา่ มาตรฐาน วสท. 5. คานิยามท่ีใช้งานท่ัวไปทางไฟฟ้า เช่น เคร่ืองใช้ไฟฟ้า (Appliance) เตา้ เสียบ (Attachment Plug)วงจรย่อย (Branch Circuit) เซอรก์ ิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker) ตวั นา (Conductor) บรภิ ณั ฑ์ (Equipment) ลงดินหรือการต่อลงดิน (Ground) ระบบแรงต่า (Low Voltage System) โหลดเกิน (Overload) แผงย่อย (Panelboard) และเตา้ รบั (Receptacle) เป็นตน้
เน้อื หาสาระ มาตรฐานสายไฟฟ้าและบริภัณฑ์ไฟฟ้าทุกชนิด ต้องมีคุณสมบัติเป็ นไปตามมาตรฐาน ผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม (มอก.) หรือมาตรฐานท่ีการไฟฟ้าฯ ยอมรบั เช่น มาตรฐาน IEC, BS, ANSI, NEMA, DIN, VDE, UL, JIS, AS เป็นตน้ หรอื เป็นชนิดท่ีไดร้ บั ความเห็นชอบจากการไฟฟ้าฯ ก่อน โดย มาตรฐานท่ีอา้ งอิงใหย้ ดึ ถือตามฉบบั ท่ีปรบั ปรุงลา่ สดุ ประเทศไทยไดป้ รบั ปรุงมาตรฐานสายไฟฟ้าใหม่ ตามมาตรฐาน IEC เน่ืองจากปัจจบุ นั ประเทศไทย ไดใ้ ชอ้ ปุ กรณต์ ามมาตรฐาน IEC มากขนึ้ จึงไดด้ าเนินการปรบั ปรุงมาตรฐานการตดิ ตงั้ ทางไฟฟ้าสาหรบั ประเทศไทยโดยสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือเรียกว่า “วสท.” ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐาน IEC 60227 คือ มาตรฐานสายไฟฟ้าตาม มอก. 11–2553 เป็นมาตรฐานบงั คบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี 2พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 และจะมีผลบงั คบั ใชต้ งั้ แตว่ นั ท่ี 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ตามมาตรฐาน วสท . นั้น การติดตงั้ ท่ีออกแบบใชส้ ายไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก.11–2531 แต่ สายไฟฟ้าท่ีนามาใชเ้ ป็นสายท่ีผลิตตาม มอก. 11–2553 อนญุ าตใหใ้ ชข้ นาดกระแสของสายตามตารางใน มาตรฐาน วสท.พ.ศ. 2545 (ฉบบั ปรบั ปรุงครงั้ ท่ี 1 พ.ศ. 2551) ไดแ้ ละการออกแบบใชส้ ายไฟฟ้าตาม มาตรฐาน มอก.11–2553แตใ่ นการตดิ ตงั้ อาจมีสายท่ีผลติ ตาม มอก. 11–2531 รวมอย่ดู ว้ ย อนญุ าตใหใ้ ช้ ขนาดกระแสของสายตามตารางในมาตรฐาน วสท. พ.ศ. 2556 ได้ 2.1.1 ข้อกำหนดสำยไฟฟ้ำตำมมำตรฐำน วสท. พ.ศ. 2545 (EIT Standard 2001–45) 1. สำยไฟฟ้ำหมุ้ ฉนวน (1) สายไฟฟา้ ทองแดงหมุ้ ฉนวนพีวีซี เป็นไปตาม มอก. 11–2531 (2) สายไฟฟ้าอะลมู ิเนียมหมุ้ ฉนวนพีวซี ี เป็นไปตาม มอก. 293–2541 หมำยเหตุ การไฟฟ้านครหลวงหา้ มใชใ้ นระบบสายแรงต่าภายใน (3) สายไฟฟ้าตามมาตรฐานการไฟฟ้านครหลวงหรอื การไฟฟา้ สว่ นภมู ิภาค 2. สำยไฟฟ้ำเปลอื ย (1) สายไฟฟ้าทองแดงรดี แข็ง สาหรบั สายไฟฟ้าเหนือดิน เป็นไปตาม มอก. 64–2517 (2) สายไฟฟ้าอะลมู ิเนียมตีเกลยี วเปลอื ย เป็นไปตาม มอก. 85–2523 (3) สายไฟฟ้าอะลมู ิเนียมตเี กลียวเปลือยแกนเหลก็ เป็นไปตาม มอก. 86–2523
2.1.2 กำรกำหนดสีของสำยไฟฟ้ำหมุ้ ฉนวน ระบบแรงต่ำ ระบบแรงต่า (Low Voltage System) หมายถึง ระบบไฟฟ้าท่ีมีแรงดนั ระหวา่ งเฟส (Phase to Phase) ไม่เกิน 1,000 โวลต์ หรือแรงดนั เทียบดินไม่เกิน 600 โวลต์ การกาหนดสีตามมาตรฐาน วสท. พ.ศ.2545 (EIT Standard 2001–45) ดงั นี้ 1. ตวั นานิวทรลั ใชส้ ีเทาอ่อนหรอื สขี าว 2. สายเสน้ ไฟ ตอ้ งใชส้ ายท่ีมีสตี า่ งไปจากตวั นานิวทรลั และตวั นาสาหรบั ตอ่ ลงดิน สีของสาย– ไฟฟ้าในระบบไฟฟ้า 3 เฟส ใหใ้ ชส้ ายท่ีมีสีฉนวนหรอื ทาเคร่อื งหมายเป็นสีดา สีแดง และสีนา้ เงิน สาหรบั เฟส 1, 2 และ 3 ตามลาดบั 3. สายดินของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าใชส้ เี ขียว หรอื สเี ขียวแถบเหลอื งหรอื เป็นสายเปลือย ข้อยกเว้นที่ 1 สายไฟฟา้ ท่ีมีขนาดโตกว่า 16 ตร.มม. ใหท้ าเคร่อื งหมายแทนการกาหนดสี ท่ีปลายสาย ข้อยกเว้นที่ 2 สายออกจากเคร่ืองวัดหน่วยไฟฟ้าถึงบริภัณฑป์ ระธาน (สายประธานเขา้ อาคาร) 2.1.3 ข้อกำหนดกำรใช้งำนของสำยไฟฟ้ำตำมมำตรฐำน มอก. 11–2531 สายไฟฟ้าท่ีใชม้ ากท่ีสุดในระบบไฟฟ้าแรงดนั ต่าจะเป็นสายไฟฟ้าหุม้ ฉนวน ท่ีผลิตขึน้ ตาม มอก.11–2531 มีทงั้ หมด 17 ชนิด แตท่ ่ีนิยมใชม้ ีไม่ก่ีชนิด เช่น VAF, THW และ NYY เป็นตน้
2.2.1 ข้อกำหนดสำยไฟฟ้ำตำมมำตรฐำน วสท. พ.ศ. 2556 (EIT Standard 2001–56) 1. สำยไฟฟ้ำหมุ้ ฉนวน (1) สายไฟฟา้ ทองแดงหมุ้ ฉนวนพีวซี ี เป็นไปตาม มอก. 11–2553 (2) สายไฟฟา้ อะลมู ิเนียมหมุ้ ฉนวนพีวีซี เป็นไปตาม มอก. 293–2541 (3) สายไฟฟ้าทองแดงหุ้มฉนวนครอสลิงกดพ์ อลิเอทิลีน เป็นไปตามมาตรฐาน IEC 60502หรือ มาตรฐานท่ีกาหนดไวข้ า้ งตน้ (4) สายไฟฟา้ ตามมาตรฐานการไฟฟ้านครหลวง หรอื การไฟฟา้ สว่ นภมู ิภาค 2. สำยไฟฟ้ำเปลือย (1) สายไฟฟ้าทองแดงรดี แขง็ สาหรบั สายไฟฟ้าเหนือดิน เป็นไปตาม มอก. 64–2517 (2) สายไฟฟา้ อะลมู ิเนียมตเี กลียวเปลือย เป็นไปตาม มอก. 85–2548 (3) สายไฟฟ้าอะลมู ิเนียมตเี กลียวเปลือยแกนเหลก็ เป็นไปตาม มอก. 85–2548 (4) สายไฟฟา้ ตามมาตรฐานการไฟฟา้ นครหลวง หรอื การไฟฟ้าสว่ นภมู ิภาค
2.2.2 กำรกำหนดสขี องสำยไฟฟ้ำหุม้ ฉนวน ระบบแรงต่ำ การกาหนดสตี ามมาตรฐาน วสท. พ.ศ. 2556 (EIT Standard 2001–56) ดงั นี้ 1. ตวั นานิวทรลั ใชส้ ีฟา้ 2. สายเสน้ ไฟ ตอ้ งใชส้ ายท่ีมีสีต่างไปจากตัวนานิวทรลั และตัวนาสาหรบั ต่อลงดิน สีของ สายไฟฟ้าในระบบไฟฟ้า 3 เฟส ใหใ้ ชส้ ายท่ีมีสีฉนวนหรือทาเคร่ืองหมายเป็นสีนา้ ตาล สีดา และสีเทา สาหรบั เฟส 1, 2 และ 3 ตามลาดบั 3. สายดินของบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าใชส้ ีเขียว หรอื สีเขียวแถบเหลืองหรอื เป็นสายเปลอื ย ข้อยกเว้น 1. สายไฟฟ้าแกนเดียวท่ีมีขนาดตงั้ แต่ 16 ตร.มม. อาจทาเครอ่ื งหมายท่ีปลาย สายแทนการกาหนดสไี ด้ 2. สายออกจากเคร่ืองวัดหน่วยไฟฟ้าถึงบริภัณฑ์ประธาน (สายประธานเข้า อาคาร) 2.2.3 ขนำดกระแสของสำยไฟฟ้ำตำมมำตรฐำน มอก. 11–2553 ขนาดกระแสของสายไฟฟ้าทองแดงหุ้มฉนวนพีวีซี ท่ีผลิตตามมาตรฐาน มอก.11–2553 ยกเป็นตวั อยา่ งตามตารางท่ี 2.2–2.6 และมีขอ้ ควรรูเ้ ก่ียวกบั แรงดนั ไฟฟา้ ดงั นี้ แรงดนั ไฟฟา้ กาหนดใหเ้ ป็น Uo/U มี 3 ขนาดคอื 300/300 V, 300/500 V และ 450/750 V Uo หมายถงึ แรงดนั อารเ์ อ็มเอส (Root Mean Square: RMS) ระหวา่ งตวั นากบั ดนิ U หมายถึง แรงดนั อารเ์ อ็มเอส ระหวา่ งตวั นากบั ตวั นา
2.2.4 ข้อกำหนดกำรใช้งำนของสำยไฟฟ้ำตำมมำตรฐำน มอก. 11–2553 ขอ้ กาหนดการใชง้ านของสายไฟฟ้าตาม มอก. 11–2553 ตำรำงที่ 2.7 ยกตวั อย่างขอ้ กาหนดการใชง้ านของสายไฟฟ้าตวั นาทองแดง หุม้ ฉนวนพีวีซี ตาม มอก. 11– 2553 เป็นตน้
2.2.5 กำรเทยี บเคยี งสำยไฟฟ้ำตำมมำตรฐำน มอก. 11–2531 และ มอก. 11–2553 การเทียบเคียงสายไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก. 11–2531 และ มอก. 11–2553 โดยเทียบเคียง สฉี นวน และรหสั ชนดิ เคเบิลหรอื ช่ือเรยี กบางชนิด ตำรำงท่ี 2.8 ยกตวั อย่างการเทียบเคยี งสฉี นวนของสายไฟฟ้า สฉี นวน ตามมาตรฐาน มอก. 11–2553 1 แกน : ไม่กาหนดสี 2 แกน : สีฟ้าและสนี า้ ตาล 3 แกน : สีฟา้ สีนา้ ตาล และสีเขียวแถบเหลอื ง หรอื สีนา้ ตาล สดี า และสีเทา
4 แกน : สนี า้ ตาล สีดา สเี ทา และสเี ขียวแถบเหลือง หรอื สฟี ้า สนี า้ ตาล สีดา และสีเทา 5 แกน : สฟี า้ สนี า้ ตาล สีดา สีเทา และสีเขียวแถบเหลอื ง หรอื สฟี า้ สีนา้ ตาล สีดา สเี ทา และสีดา ตำรำงท่ี 2.9 ยกตวั อยา่ งการเทียบเคยี งรหสั ชนิดของสายไฟฟ้า
1. สายไฟฟ้าตาม มอก. 11–2531 มีทงั้ หมด 17 ชนิด แต่ท่ีนิยมใชม้ ีไม่ก่ีชนิด เช่น VAF, THW, VCT และ NYY เป็นตน้ 2. การกาหนดสีของสายไฟฟ้าหุม้ ฉนวนระบบแรงต่า มาตรฐานสายไฟฟ้าตาม มอก.11–2531 กาหนดสายนิวทรลั ใชส้ ีเทาอ่อนหรือสีขาว สายเสน้ ไฟ ตอ้ งใชส้ ายท่ีมีสีต่างไปจากสายนิวทรลั และสาย สาหรบั ต่อลงดินสายดินใชส้ ีเขียว หรือสีเขียวแถบเหลือง หรือเป็นสายเปลือย ส่วนสายไฟฟ้าตาม มอก. 11–2553 กาหนด สายนิวทรลั ใชส้ ฟี า้ 3. การติดตงั้ ท่ีใชส้ ายไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก.11–2531 แต่สายไฟฟ้าท่ีนามาใชเ้ ป็นสายท่ีผลิต ตามมอก. 11–2553 อนญุ าตใหใ้ ชข้ นาดกระแสของสายตามตารางในมาตรฐาน วสท. พ.ศ. 2545 (ฉบบั ปรบั ปรุง)ไดแ้ ละใชส้ ายไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก.11–2553 แต่ในการติดตงั้ อาจมีสายท่ีผลิตตาม มอก. 11–2531รวมอยดู่ ว้ ย อนญุ าตใหใ้ ชข้ นาดกระแสของสายตามตารางในมาตรฐาน วสท. พ.ศ. 2556 ได้
เนอื้ หาสาระ ในหน่วยนีจ้ ะศึกษาถึงมาตรฐานวสั ดอุ ุปกรณท์ างไฟฟ้า เช่น มาตรฐานท่ีเก่ียวกับไฟฟ้าแสงสว่าง มาตรฐานสวิตชแ์ ละเตา้ รบั มาตรฐานท่อรอ้ ยสาย มาตรฐานรางเดินสายและรางเคเบิล เป็นตน้ เพ่ือเป็น ความรูพ้ ืน้ ฐานในการเลือกใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ นงานติดตงั้ ทางไฟฟ้าต่อไป ซ่ึงไฟฟ้าแสงสว่างเป็นไฟฟ้า พืน้ ฐานของอาคารทุกประเภท เพ่ือใหม้ ีแสงสว่างเพียงพอต่อการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ หรือประดับ ตกแต่งอาคารใหส้ วยงามและเครอ่ื งหมายมาตรฐาน มอก. หมายถึง มาตรฐานท่วั ไปและ หมายถึง มาตรฐานบงั คบั
3.1.1 หลอดไฟฟ้า หลอดไฟฟา้ ตาม มอก. 4 แบ่งออกเป็น 2 แบบ คอื แบบขวั้ หลอดเกลียวและแบบขวั้ หลอดเขีย้ ว ทงั้ 2 แบบนีย้ งั แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทใหฟ้ ลกั ซก์ ารส่องสว่างธรรมดาและประเภทใหฟ้ ลกั ซ์ การสอ่ งสวา่ งสงู และแตล่ ะประเภทยงั แบง่ ออกเป็น 2 ชนิดคอื ชนิดสญุ ญากาศและชนิดบรรจกุ ๊าซ 1. หลอดเผาไส้ (Incandescent Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: มอก. 4–2549, IEC 60432–1, IEC 60064 ขนาดมาตรฐาน: 25, 40, 60, 80, 100 และ 120 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดเผาไสห้ รอื หลอดอินแคนเดสเซนต์ ดงั รูป ในปัจจบุ นั ยงั มีใชง้ านอย่ตู ิดตงั้ งา่ ยและมีราคาถกู อายกุ ารใชง้ านประมาณ 1,000–2,000 ช่วั โมง ไสห้ ลอดทาจากขดลวดทงั สเตนบรรจใุ น หลอดแกว้ ขวั้ หลอดมี 2 แบบ คือ แบบขวั้ หลอดเกลยี ว (E27) และแบบขวั้ หลอดเขีย้ ว (B22) ตวั อย่างหลอดเผาไส้
2. หลอดทงั สเตนฮาโลเจน (Tungsten Halogen Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: IEC 60432–2, IEC 60432–3, IEC 60357 ขนาดมาตรฐาน: สาหรบั แรงดนั ไฟฟ้า 12, 24 V มีขนาด 20, 30, 35, 40, 50, 100 และ250 W สาหรบั แรงดนั ไฟฟ้า 220 V มีขนาด 150, 250, 300, 500, 1,000, 1,500 และ 2,000 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดทงั สเตนฮาโลเจน เป็นหลอดเผาไสช้ นิดหน่งึ ประกอบดว้ ยไสท้ ังสเตนท่ี ถกู ปิดผนกึ อยภู่ ายในหลอดแกว้ ท่ีเตม็ ไปดว้ ยก๊าซเฉ่ือยและเติมสารฮาโลเจนลงไป เพ่ือป้องกนั ขวั้ หลอดดา ใหป้ ระสิทธิภาพการสอ่ งสวา่ งสงู กว่าหลอดเผาไสธ้ รรมดา อายกุ ารใชง้ านประมาณ 1,000–2,000 ช่วั โมง และสามารถทางานไดภ้ ายใตอ้ ณุ หภมู ิท่ีสงู มากขนึ้ 3. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง : มอก. 236–2548, มอก. 344–2549, มอก. 956–2548, IEC 60081, IEC 61195 ขนาดมาตรฐาน: หลอดแบบ T8 ทรงกระบอกมีขนาด 36, 18 และ 10 W หลอดแบบ T5 ทรงกระบอกมีขนาด 35, 28, 21, 14 และ 8 W และทรงกลมมีขนาด 22, 30 และ 32 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp: FL)หรอื หลอดเรอื งแสง จดั เป็น หลอดก๊าซดิสชารจ์ ความดนั ต่าหรอื หลอดความดนั ไอต่า เดิมเป็นแบบ T12 (T: Tubular, 12: เสน้ ผ่าน ศูนยก์ ลาง 381 มม. (12 หุน หรือ 12/8 นิว้ )) ท่ีเรียกว่า หลอดอ้วนปัจจุบันการไฟฟ้าฯ ไดร้ ณรงคใ์ ห้ ประชาชนใชเ้ พ่ือประหยดั พลงั งานหลอดฟลอู อเรสเซนตแ์ บง่ ออกเป็น 3 ประเภท
– หลอดประเภทอ่นุ ไส้ (Preheat Start Lamp) – หลอดประเภทตดิ ทนั ที (Instant Start Lamp) – หลอดประเภทตดิ เรว็ (Rapid Start Lamp) 4. หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (Compact Fluorescent Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: มอก. 2233–2548, มอก. 2234–2548, IEC 60969 ขนาดมาตรฐาน: 5, 7, 9, 11, 13, 18 และ 25 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ หรือเรียกว่า หลอดตะเกียบ จัดเป็นหลอด ก๊าซ ดิสชารจ์ ความดนั ต่าหรอื หลอดความดนั ไอต่า มีใหเ้ ลือกใช้ 2 ชนิด คือ (1) ชนิดใชบ้ ลั ลาสตภ์ ายในมีขวั้ หลอด 2 ชนิด คอื ชนิดขวั้ หลอดเกลยี วและชนิดขวั้ หลอดเขีย้ ว และ (2) ชนิดใชบ้ ลั ลาสตภ์ ายนอก หลอดนี้ มีอายกุ ารใชง้ านประมาณ 5,000–8,000 ช่วั โมง ใหแ้ สงสว่างสงู กว่าหลอดเผาไสแ้ ละนามาใชแ้ ทนหลอด เผาไสไ้ ดถ้ า้ ขวั้ หลอดขนาดเดียวกัน เช่น E27เป็นตน้ โดยไม่ตอ้ งติดตงั้ ขวั้ รบั หลอดใหม่ (ปัจจบุ นั ชนิดขวั้ หลอดเขีย้ วนิยมใชน้ อ้ ยลง)
5. หลอดโซเดยี มความดันต่า (Low Pressure Sodium Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: IEC 62035, IEC 60192 ขนาดมาตรฐาน: 18, 35, 55, 90, 135 และ 180 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดโซเดยี มความดนั ต่า หรอื เรยี กวา่ หลอด SOXจดั เป็นหลอดก๊าซดิสชารจ์ ความดนั ต่าหรือหลอดความดนั ไอต่า การใชง้ านตอ้ งใชร้ ว่ มกบั บลั ลาสตช์ นิด Autotransformer High Leakage และคาปาซเิ ตอร์ ใชเ้ วลาตงั้ แตอ่ ่นุ หลอดจนสวา่ งเตม็ ท่ีประมาณ 12–15 นาที และหากปิดใช้ งานแลว้ เปิดใหมใ่ ชเ้ วลารออนุ่ หลอดใหมป่ ระมาณ 5 นาที ซง่ึ ปัจจบุ นั ไม่คอ่ ยนิยมนามาใชง้ าน 6. หลอดแสงจันทร์ (Mercury Vapor Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: IEC 60188 ขนาดมาตรฐาน: 80, 125, 250, 400 และ 1,000 W ขอ้ มูลท่วั ไป: หลอดแสงจนั ทร์ หรือเรียกว่า หลอดปรอทความดนั สงู หรือหลอดไอปรอท จดั เป็นหลอดก๊าซดิสชารจ์ ความดนั สงู หรอื หลอดความดนั ไอสงู การใชง้ านตอ้ งใชร้ ว่ มกบั บัลลาสตใ์ ชเ้ วลา ตงั้ แตอ่ ่นุ หลอดจนสว่างเตม็ ท่ีประมาณ 3 – 5 นาที อายกุ ารใชง้ านประมาณ 12,000 – 24,000 ช่วั โมง โดยท่วั ไปนาไปใชง้ านในสถานท่ีสาธารณะ ไฟถนน หา้ งสรรพสินคา้ โรงงานอุตสาหกรรมและอาคารมี เพดานสงู
7. หลอดโซเดยี มความดนั สูง (High Pressure Sodium Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: IEC 60662 ขนาดมาตรฐาน: 70, 110, 150, 250, 350, 400 และ 1,000 W ข้อมูลท่ัวไป: หลอดโซเดียมความดันสูง หรือเรียกว่า หลอด SONจัดเป็นหลอดก๊าซ ดิสชารจ์ ความดันสูงหรือหลอดความดันไอสูง การใช้งานต้องใช้ร่วมกับบัลลาสตแ์ ละตัวจุดชนวน (Ignitor)ใชเ้ วลาตงั้ แตอ่ ่นุ หลอดจนสวา่ งเตม็ ท่ีประมาณ 3–7 นาที และหากปิดใชง้ านแลว้ เปิดใหม่ใชเ้ วลา รออ่นุ หลอดใหม่ประมาณ 1 นาที อายกุ ารใชง้ านประมาณ 18,000–24,000 ช่วั โมง โดยท่วั ไปนาไปใชง้ าน ในระบบแสงสวา่ งภายนอกอาคาร เชน่ บรเิ วณลานจอดรถ เป็นตน้ 8. หลอดเมทลั ฮาไลด์ (Metal Halide Lamp) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: IEC 61167 ขนาดมาตรฐาน: 70, 100, 150, 250, 400, 1,000 และ 2,000 W ขอ้ มลู ท่วั ไป: หลอดเมทลั ฮาไลด์ จดั เป็นหลอดก๊าซดสิ ชารจ์ ความดนั สงู หรอื หลอดความดนั ไอสูง มีลักษณะคลา้ ยหลอดแสงจันทร์ การใช้งานตอ้ งใช้ร่วมกับบัลลาสตแ์ ละตัวจุดชนวน (Ignitor) ใชเ้ วลาตงั้ แต่อ่นุ หลอดจนสว่างเตม็ ท่ีประมาณ 5 นาที อายกุ ารใชง้ านประมาณ 7,500 – 15,000 ช่วั โมง โดยท่ัวไปนาไปใช้งานในระบบแสงสว่างท่ีต้องการความถูกต้องของสีสูง เช่น สนามกีฬา โชวร์ ูมรถยนต์ เป็นตน้
3.1.2 โคมไฟฟ้า โคมไฟฟ้า (Luminaire) หมายถึง อปุ กรณส์ าเรจ็ ใชจ้ บั ยดึ หลอดไฟฟ้า อปุ กรณป์ ระกอบและ ตอ่ วงจรของหลอดไฟฟ้าเพ่ือการกระจาย กรอง หรอื สะทอ้ นแสงสวา่ งท่ีไดจ้ ากหลอดไฟฟ้า รวมทั้งปอ้ งกนั หลอดและบงั คบั ทิศทางของแสงตามตอ้ งการ โคมไฟฟ้ามีมากมายหลายชนิด ในท่ีนีก้ ลา่ วถึงเฉพาะท่ีใช้ กนั มากเท่านนั้
3.2.1 สวติ ช์ (Switch) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: มอก. 824–2551 พกิ ดั แรงดนั มาตรฐาน: 130, 230, 250, 277, 380, 400, 415 และ 440 V พิกดั กระแสมาตรฐาน: 6, 10, 16, 20, 25, 32, 40, 45, 50 และ 63 A ขอ้ มลู ท่วั ไป: สวติ ช์ คือ อปุ กรณซ์ ง่ึ ออกแบบใหต้ อ่ (Make) หรอื ตดั (Break) กระแสไฟฟ้าใน วงจรไฟฟ้าเดียวหรอื หลายวงจร ตามมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมนีค้ รอบคลมุ สวิตชท์ ่ีมีจดุ ประสงค์ ท่วั ไปใหท้ างานดว้ ยมือ (Manually Operated) เฉพาะไฟฟา้ กระแสสลบั เท่านนั้ 3.2.2 เต้ารับ (Receptacle) มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: มอก. 166–2549, มอก. 2162–2547, IEC 60884–1 พิกดั แรงดนั มาตรฐาน: มากกวา่ 50 V ไมเ่ กิน 440 V พกิ ดั กระแสมาตรฐาน: 2.5, 6, 10, 16 และ 32 A ขอ้ มลู ท่วั ไป: มาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมนีค้ รอบคลมุ เตา้ เสียบและเตา้ รบั ยึดกับท่ีหรือ เตา้ รบั หยิบยกไดใ้ ชส้ าหรบั ไฟฟ้ากระแสสลบั ท่ีมีแรงดนั ไฟฟ้าท่ีกาหนดมากกว่า 50 โวลต์ แต่ไม่เกิน 440 โวลต์ และมีกระแสไฟฟา้ ท่ีกาหนดไม่เกิน 32 แอมแปร์
ชอ่ งเดินสาย (Raceway) หมายถึง ช่องปิดซง่ึ ออกแบบเฉพาะสาหรบั การเดินสายไฟฟ้า หรอื ตวั นา หรอื ทาหนา้ ท่ีอ่ืนตามท่ีมาตรฐานไดอ้ นญุ าต ช่องเดินสายอาจเป็นโลหะหรือวสั ดฉุ นวน รวมทงั้ ท่อโลหะหนา ท่ออโลหะหนา ท่อโลหะหนาปาน กลางท่อโลหะอ่อนกันของเหลว ท่อโลหะอ่อนบาง ท่อโลหะอ่อน ท่อโลหะบาง ช่องเดินสายใตพ้ ืน้ ช่อง เดินสายใตพ้ ืน้ คอนกรตี โปรง่ ชอ่ งเดนิ สายใตพ้ ืน้ โลหะโปรง่ ช่องเดินสายบนพืน้ รางเดินสาย เคเบิลบสั และ ทางเดินบสั 3.3.1 ทอ่ เหล็กสาหรับใช้ร้อยสายไฟฟ้า ทอ่ เหลก็ กลา้ เคลือบสงั กะสีสาหรบั ใชร้ อ้ ยสายไฟจะเรยี กวา่ “ท่อรอ้ ยสาย” หมายถึง ทอ่ เหลก็ – กลา้ มีตะเข็บและเคลือบสงั กะสี ซง่ึ ปกตใิ ชร้ อ้ ยสายไฟฟ้า แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ตามความหนาของผนงั ท่อคอื (1) ประเภทท่ี 1 ผนงั ท่อบาง ปลายทงั้ 2 ขา้ งไม่มีเกลียว มีช่ือย่อวา่ EMT (Electrical Metallic Tubing) (2) ประเภทท่ี 2 ผนงั ท่อหนาปานกลาง ปลายทงั้ 2 ขา้ งมีเกลียว มีช่ือย่อวา่ IMC (Intermediate MetalConduit) (3) ประเภทท่ี 3 ผนงั ท่อหนา ปลายทงั้ 2 ขา้ งมีเกลียว มีช่ือย่อว่า RMC (Rigid Metal Conduit)
1. ทอ่ โลหะบาง (EMT) ตวั อยา่ งทอ่ โลหะบาง 2. ทอ่ โลหะหนาปานกลาง (IMC) ตัวอยา่ งทอ่ โลหะหนาปานกลาง
3. ทอ่ โลหะหนา (RMC) ตัวอยา่ งทอ่ โลหะหนา 3.3.2 ทอ่ โลหะออ่ น มาตรฐานท่ีเก่ียวขอ้ ง: IEC 61386–23 ก) ท่อ FMC แบบสแควรล์ อ็ ก (Squarelocked) ข) ทอ่ FMC แบบอินเทอรล์ อ็ ก (Interlocked) ตัวอย่างทอ่ โลหะอ่อน
3.3.3 ทอ่ พวี ซี แี ขง็ สาหรับใช้ร้อยสายไฟฟ้า ก) ท่อพีวีซีสเี หลอื ง ข) ทอ่ พีวีซสี ีขาว ตวั อยา่ งทอ่ พวี ีซี 3.3.4 ทอ่ เอชดพี อี ี (HDPE) ก) ท่อ HDPE แบบผิวเรยี บ ข) ทอ่ HDPE แบบผิวลกู ฟกู ตัวอย่างทอ่ HDPE
3.3.5 รางเดนิ สาย (Wire Ways) อุปกรณป์ ระกอบของระบบรางเดนิ สาย
3.3.6 รางเคเบลิ (Cable Trays) อุปกรณป์ ระกอบของระบบรางเคเบลิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156