Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน วิชาวิทยาการคำนวณ ม.3

แผนการสอน วิชาวิทยาการคำนวณ ม.3

Published by p_l_j0118, 2022-09-01 03:54:18

Description: แผนการสอน วิชาวิทยาการคำนวณ - รวมเล่ม

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ การบริการบนอินเทอร์เนต็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๓ การใชซ้ อฟตแ์ วรใ์ นการจัดการขอ้ มลู และสารสนเทศ ๑๒. บนั ทึกผลหลังการสอน  ดา้ นความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน  ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ดา้ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเด่นหรอื พฤติกรรมทีม่ ีปญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี )  ปญั หา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๔๕

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของข้อมลู หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ความน่าเช่ือถือของข้อมลู เวลา ๔ ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั ว ๔.๒ เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ข้นั ตอนและเป็น ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางานและการแกป้ ญั หาได้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม ว ๔.๒ ม.๓/๓ ประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู วิเคราะหส์ อ่ื และผลกระทบ จากการให้ขา่ วสารที่ผดิ เพื่อการใช้งานอย่างรู้เทา่ ทัน ๒. สาระการเรยี นรู้ ๒.๑ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๑) การประเมนิ ความน่าเชือ่ ถือของข้อมลู เช่น ตรวจสอบและยนื ยนั ข้อมลู โดยเทียบเคยี งจากข้อมูล หลายแหล่ง แยกแยะข้อมลู ที่เป็นขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเหน็ หรอื ใช้ PROMPT ๒) การสบื ค้น หาแหล่งตน้ ตอของข้อมูล ๓) เหตุผลวบิ ตั ิ (logical fallacy) ๔) ผลกระทบจากข่าวสารที่ผิดพลาด ๕) การรเู้ ท่าทนั สอ่ื เช่น การวเิ คราะห์ถึงจดุ ประสงคข์ องขอ้ มลู และผูใ้ ห้ขอ้ มลู ตคี วาม แยกแยะเนอื้ หา สาระของสอื่ เลือกแนวปฏบิ ตั ิได้อยา่ งเหมาะสมเม่ือพบขอ้ มูลต่าง ๆ ๓. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การสืบค้นแหล่งข้อมูลเป็นกระบวนการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ โดยใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. การสืบค้นข้อมูลดว้ ยมอื คอื การสืบค้นข้อมลู ดว้ ยเอกสาร หนงั สือ ตารา เปน็ ต้น ๒. การสืบค้นข้อมลู ดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ คือ การสืบคน้ ข้อมลู ผา่ นเทคโนโลยหี รอื อปุ กรณ์ คอมพิวเตอร์ เชน่ การสืบค้นขอ้ มูลจากระบบฐานข้อมลู ข้อมูลออนไลน์ เป็นตน้ การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล เป็นขั้นตอนในการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อมูลท่ีได้ จากการสืบค้นข้อมูลท่ีมีคุณค่า มีความน่าเช่ือถือ เป็นการพิจารณาเพื่อคัดเลือกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซ่ึงจากการประเมินความน่าเชื่อถือจะทาให้เราได้ข้อมูลที่มีคุณค่า และนาข้อมูลไปประยุกต์ใช้ อยา่ งเหมาะสม เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๔๖

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ความน่าเชื่อถือของขอ้ มลู การรู้เท่าทันสื่อเป็นลักษณะสมรรถนะท่ีครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้อง กับความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศผ่านส่ือ และเทคโนโลยีดิจิทัล การเลือก รับ วิเคราะห์ ประเมิน และนาข้อมูลทไี่ ด้รับไปใชใ้ นทางสร้างสรรค์ ๔. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๑. มีวินัย ๒. ความสามารถในการคดิ ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๓. มุ่งมั่นในการทางาน ๔. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔. มีจติ สาธารณะ ๕. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่อื ง - ๖. การวดั และการประเมนิ ผล รายการวัด วิธีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน - แบบทดสอบ ประเมินตามสภาพจริง ๖.๑ การประเมนิ ก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น กอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๓ เร่อื ง ความน่าเช่ือถอื ของ ขอ้ มลู ๖.๒ การประเมินระหวา่ งการจดั - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัดรายวิชา ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ พนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรม Exersice การสืบค้น เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ม.๓ ๑) การสบื ค้นเพื่อหา เพ่อื หาแหลง่ ขอ้ มูล หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ เร่ือง ความน่าเชือ่ ถอื แหลง่ ข้อมลู - ตรวจใบงานท่ี ๒.๑.๑ ของข้อมลู เรอ่ื ง คาไหนเร็ว - ใบงานที่ ๒.๑.๑ เรอ่ื ง คาไหนเรว็ กว่ากัน กวา่ กนั - แบบประเมนิ แบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๔๗

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู รายการวัด วิธวี ดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ ๒) การประเมิน - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั รายวิชา ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ ความนา่ เชอ่ื ถือ ของขอ้ มูล Exercise เร่ือง การ พ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ๓) การรูเ้ ท่าทันสอื่ ประเมินความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยี (วิทยาการ ๔) คุณลักษณะ ของขอ้ มูล คานวณ) ม.๓ อนั พงึ ประสงค์ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ๖.๓ การประเมินหลังเรียน ๑) แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง ความนา่ เชื่อถอื หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ เรื่อง ความนา่ เชอื่ ถือ ของขอ้ มูล ของข้อมลู ๒) การประเมนิ ช้ินงาน/ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัดรายวิชา รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) เร่อื ง - Exercise การรู้เท่าทนั พื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ส่อื เทคโนโลยี (วทิ ยาการ - ตรวจแบบฝกึ หัด คานวณ) ม.๓ Activity ความ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ น่าเช่ือถือของขอ้ มลู เรอื่ ง ความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มูล - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ ๒ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทางาน และ อันพึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ หลงั เรียน หลังเรยี น - ตรวจชิน้ งาน/ - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/ - ระดบั คุณภาพ ๒ ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง ความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูล เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๔๘

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มลู เรอ่ื งท่ี ๑ : การสบื ค้นเพื่อหาแหลง่ ข้อมลู เวลา ๑ ชั่วโมง วธิ ีการสอนแบบการอภิปราย เทคนคิ การสอนแบบคู่คดิ (Think Pair Share) ขน้ั นา ๑. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ หากต้องการทราบข้อมลู เรื่องทสี่ นใจ นกั เรียนมีวธิ กี ารค้นหาข้อมูลไดอ้ ย่างไร และใช้ เครอ่ื งมือใด (แนวคาตอบ คน้ หาจากอินเทอรเ์ น็ตโดยใช้ google ค้นด้วยตาราหรอื หนังสอื ) ขนั้ สอน ๑. ครูสนทนากับนักเรียนว่าอินเทอร์เน็ตท่ีมีท้ังประโยชน์และโทษ ครูถามคาถามว่า “นักเรียนคิดว่า อนิ เทอร์เน็ตใหป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไรกบั ตัวนกั เรียนบ้าง” (แนวคาตอบ ใชใ้ นการสืบค้นขอ้ มลู ได้รวดเร็วประหยดั เวลา ใชต้ ิดต่อสารสารกับคนอ่ืน) ๒. จากน้นั ครูถามคาถามนกั เรียนว่า “แลว้ คิดวา่ อนิ เทอรเ์ นต็ มีโทษกบั ตวั นักเรยี นหรือไม่ อย่างไร” (แนวคาตอบ เล่นมากไปเสียการเรยี น) ๓. ครูอธิบายเพิ่มเติมในเน้อื หาประโยชนแ์ ละโทษของอนิ เทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คานวณ) ๔. ครใู ห้นักเรียนดูแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรมในหนังสือ และสรุปแนวคิดเร่ือง คณุ ธรรมและจริยธรรมในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตร่วมกนั ๕. ครูยกตัวอย่างภาพเก่ียวกับการโพสในโซเชียลเก่ียวกับคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตให้ นักเรียนดู และใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ วา่ ข้อความท่ีโพสเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ๖. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice เรือ่ ง การสืบค้นเพ่ือหาแหล่งข้อมูล (ข้อ ๑-๔) เพ่ือตรวจสอบความ เข้าใจ ๗. ครูสอบถามนกั เรยี นว่าหากตอ้ งการสบื ค้นข้อมลู ผา่ นอินเทอรเ์ น็ตสามารถใช้เครอ่ื งมอื ใดได้บา้ ง (แนวคาตอบ Google, bing, yahoo) ๘. ครูอธิบายเคร่ืองมือสาหรับสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ๙. ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่เพื่อทากิจกรรม “คาไหนเร็วกว่ากัน” กิจกรรมน้ีต้องการให้นักเรยี นกาหนดคาสาคัญของ การสบื คน้ ขอ้ และสามารถประเมินความนา่ เชอ่ื ถือขอ้ งแหลง่ ข้อมูลได้ ๑๐. ครกู าหนดให้นักเรยี นแตล่ ะคู่คน้ หาคาตอบจากอนิ เทอร์เน็ตโดยมือถอื แท็บเลต็ หรอื แลป็ ทอ็ ป เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๔๙

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู ๑๑. ครถู ามนกั เรียนว่าจากการทากิจกรรมเพือ่ ค้นหาขอ้ มูลให้ไดเ้ ร็วทีส่ ุด นักเรยี นได้แนวคิดอย่างไรบา้ ง ๑๒. ครูถามนักเรียนต่อว่าหากตอ้ งการค้นหาขอ้ มลู ทสี่ นใจ นักเรียนมีการวางแผน ข้ันตอน หรือเทคนคิ อยา่ งไร บา้ ง ๑๓. ครูอธิบายความสาคัญ ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลเพบนอินเทอร์เน็ต และเทคนิคการสืบค้นด้วย Google.com จากนั้นครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice เรื่อง การสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูล (ขอ้ ๕ – ๘) เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจ ขัน้ สรุป ๑. ครูสอบถามนกั เรียนวา่ จากนีไ้ ปหากตอ้ งการสืบค้นข้อมลู ผา่ นอนิ เทอรเ์ น็ตต้องมขี ัน้ ตอนอยา่ งไร ๒. ครใู ห้นกั เรียนสรปุ เทคนคิ การคน้ หาข้อมลู ทน่ี ักเรยี นไดเ้ รียนรู้ร่วมกัน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๐

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล เรอื่ งที่ ๒ : การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู เวลา ๒ ช่ัวโมง วธิ ีการสอนแบบการอภปิ ราย วธิ ีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม ขน้ั นา ๑. ครูถามนักเรียนว่าข้อมูล ข่าวสารในอนิ เทอร์เน็ตมีอยู่มากมายหากเราต้องการนาเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ นักเรียนมีวธิ ีการในการคัดเลอื กข้อมูลท่ีน่าเช่ือถืออยา่ งไร (แนวคาตอบ ขอ้ มลู ตรงกบั วัตถปุ ระสงค์การใชง้ าน แหล่งขอ้ มลู มคี วามนา่ เช่อื ถอื ) ขน้ั สอน ๑. ครูเปดิ ตัวอยา่ งขา่ วใหน้ ักเรยี นดูจากน้ันใหน้ ักเรยี นร่วมกันวิเคราะห์ว่าเป็นขอ้ มูลจริงหรอื ไม่ (มีตัวอย่างข่าว อยูท่ ้ายแผนการสอนชวั่ โมงท่ี ๑) ๒. ครถู ามนกั เรียนวา่ นกั เรยี นใช้เกณฑใ์ ดในการประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมลู บ้าง (แนวคาตอบ แหล่งที่มาของข่าวมีความน่าเชื่อถือ มีการระบุวันท่ีในการเผยแพร่ อ้างอิงแหล่งท่ีมาของ ข้อมูล) ๓. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เรื่อง หลักการ ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู จากนนั้ ครอู ธบิ ายการตรวจสอบความนา่ เชือ่ ถือของแหลง่ ข้อมูล ๔. ครนู าตัวอย่างชุดขอ้ มูลหรือข่าวให้นักเรยี นดูเพิ่มเติม จากน้ันใหท้ ุกคนช่วยกันประเมินความน่าเช่ือถือ (ครู สามารถหาขา่ วท่สี นใจให้เหมาะสมกบั วยั ของนกั เรยี นได้ทางอนิ เทอรเ์ นต็ หรือส่ือส่ิงพิมพ์ต่าง ๆได)้ ๕. จากนั้นครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice เรอ่ื ง การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพ่ือตรวจสอบ ความเขา้ ใจ ๖. ครูอธิบายวิธีการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ๗. จากนั้นครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice โดยใช้ PROMPT ในการวิเคราะห์และประเมินความ น่าเชื่อถือของขอ้ มูล เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๕๑

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ความน่าเช่อื ถือของข้อมลู ช่วั โมงที่ ๒ ขั้นส1อ.น ๘. ครูถามคาถามทบทวนนักเรยี นว่าจากคาบทีแ่ ล้วนักเรียนไดว้ ิธีการประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูลอยา่ งไร บ้าง ๙. ครูนาภาพตัวอย่างการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กให้นักเรียนดู และร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลว่าจากตัวอย่าง ดงั กลา่ วนักเรียนมคี วามคิดเหน็ อย่างไร (เปน็ ขา่ วท่มี ีการใช้เหตุผลวบิ ัติ) ๑๐. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่าการสรปู เหมารวม เป็นตรรกะวิบัตทิ ่ีเรียกว่า Appeal to Ignirance การแสดงความ คิดเหน็ ต่างๆ บางเร่อื งไมม่ ใี ครทราบขอ้ มลู น้นั จนทาใหอ้ ้างความไมร่ ้เู พื่อหาข้อเท็จจริงนน้ั ๑๑. จากนั้นครูอธิบายเนื้อหาเรื่องการใช้เหตุผลวิบัติ และยกตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติ พร้อมผลกระทบที่ เกิดขนึ้ จากตวั อย่างในหนงั สอื เรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ๑๒. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔-๕ คน และให้แต่ละกลุ่มหาตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติบนอินเทอร์เน็ต เพ่ือ วิเคราะห์ผลกระทบ หรือปัญหาท่ีอาจเกิดตามมาจากน้ันให้แต่ละกลุ่มเตรียมนาข้อมูลมาแบ่งปันหน้าช้ัน เรียน (อาจเอกสารหรือ PowerPoint มาประกอบ ) ในหัวข้อ “เหตุผลวิบัติ และผลกระทบท่ีเกิดขึ้น” พร้อมบนั ทึกลงในแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัด exersice ๑๓. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ จากกจิ กรรมท่ใี ห้ไปเตรียม นกั เรียนเลอื กยกตัวอย่างเหตุผลวิบตั ปิ ระเภทไหนบ้าง (แนวคาตอบ การละท้ิงขอ้ ยกเวน้ การสรุปเหมารวม การอ้างความไม่รู้ ) ๑๔. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมาแบง่ ปนั ขอ้ มลู หน้าชัน้ ตามหัวข้อท่ไี ด้รับมอบหมาย จากนัน้ ให้นกั เรียนกลุ่ม อ่ืน ๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับสถานการณ์ของกลุ่มที่นาเสนอผลกระทบที่เกิดข้ึน จากการใช้ เหตผุ ลวบิ ัติ ขน้ั สรปุ ๑. ครูสอบถามนักเรียนวา่ จากคาบทีผ่ ่านมานักเรียนไดม้ ุมมองในการใช้อนิ เทอรเ์ นต็ อย่างไรบ้าง (แนวคาตอบ ข้อมูลที่เราอ่านอาจไม่ใช้ข้อมูลจริงทั้งหมดควรประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลก่อน ตัดสนิ ใจเช่ือ ขา่ วบางสานักมกี ารเขยี นข่าวโดยใชเ้ หตุผลวิบตั ิเราควรอา่ นข่าวอย่างมีวจิ ารณญาณหรือคิดไต่ ตรองตามเนื้อหาทข่ี า่ วเขยี นไปด้วย) เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๒

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มูล เรอื่ งที่ ๓ : การรเู้ ทา่ ทนั สือ่ เวลา ๑ ชั่วโมง วธิ กี ารสอนแบบการอภปิ ราย ขน้ั นา ๑. ครูสอบถามนักเรยี นว่าจากคาบท่ีแล้ว ข้อมูลที่เราพบในอินเทอร์เน็ต นอกจากการประเมินความน่าเช่ือถือ ของข้อมูลกอ่ นนาไปใชง้ านแล้วเรายังต้องคานงึ ถงึ ดา้ นใดอีกบา้ ง (แนวคาตอบ การกลั่นแกล้งคนอื่นดว้ ยสื่อออนไลน์ ลขิ สิทธ์ขิ องข้อมลู ) ขน้ั สอน ๑. ครูถามนักเรียนว่าก่อนที่จะสามารถวิเคราะห์ และรู้เท่าทันส่ือได้ ควรมีพื้นฐานความรู้ ความสามารถด้าน ใดบ้าง (แนวคาตอบ การใชค้ อมพิวเตอร์ ความสามารถในการคน้ หาขอ้ มลู ข่าวสาร) ๒. ครูอธิบายองค์ประกอบของการรู้เท่าทันส่ือจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๓. ครูอธิบายท่ีมาของความสามารถในการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัล และการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัล ๘ ด้าน ในหนังสือ เรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๔. ครสู ่มุ นักเรียนยกตัวอย่างการรเู้ ทา่ ทันสอ่ื คนละด้าน พรอ้ มยกตัวอยา่ ง (แนวคาตอบ ด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูล ยกตัวอย่าง ไม่เปิดเผยข้อมลู ท่ีอยู่ให้กับบุคคลที่ ไมร่ ู้จกั ไมโ่ พสตข์ ้อมูลบัตรประจาตัวประชาชนลง Facebook โดยเฉพาะท่ีอยู่และเลขประจาตัวประชาชน เปน็ ต้น) ๕. ครูอธบิ ายหัวข้อ “การรู้เท่าทันส่ือ” ในหนังสอื เรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ๖. จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหัด exersice เรอื่ ง การรเู้ ท่าทันส่ือ ๗. ครถู ามทบทวนนกั เรยี นโดยการถามคาถามวา่ ความสามารถในการรู้เท่าทนั ส่อื ดิจทิ ลั มกี ่ีดา้ น อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ การใชอ้ ยา่ งปลอดภัย การป้องกันความเป็นสว่ นตัว) ๘. ครถู ามนกั เรยี นว่าหากมกี ารใชอ้ นิ เทอร์เน็ตอย่างไม่รเู้ ท่าทนั จะสง่ ผลกระทบอะไรกบั ผอู้ ื่นบ้าง (แนวคาตอบ ขอ้ มลู ทีเ่ ปน็ เท็จ เกิดความไมป่ ลอดภัยตอ่ ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล มีการละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๕๓

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๓ ความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มลู ๙. ครอู ธบิ ายความสาคัญของการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน และผลกระทบทีอ่ าจเกิดขนึ้ จากหนงั สอื หนงั สือ เรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เรื่องการใช้สอื่ และปัญหาท่ีพบในสื่อปจั จบุ ัน และเรอ่ื งผลกระทบของข้อมูลทผี่ ดิ พลาด ๑๐. จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด Activity เรื่อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ ของขอ้ มูล และประเมนิ ผลผลกระทบท่ีอาจเกดิ ขึน้ หากขอ้ มลู ผิดพลาดด ขน้ั สรปุ ๑. ครูให้นักเรียนรว่ มกันสรปุ ผลกระทบท่ีอาจเกิดขน้ึ จากการใชอ้ ินเทอร์เนต็ อย่างไม่รเู้ ท่าทันสอ่ื ๘. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ ๘.๑ ส่อื การเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.๓ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ เรื่อง ความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มลู ๒. หนังสอื แบบฝึกหัดรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.๓ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง ความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู ๓. ใบงานท่ี ๒.๑.๑ เรอ่ื ง คาไหนเร็วกว่ากนั ๘.๒ แหลง่ การเรียนรู้ ๑) หอ้ งคอมพวิ เตอร์ ๒) อินเทอรเ์ นต็ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๔

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๓ ความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูล แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ คาชแี้ จง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว ๑.ข้อใดจดั ลาดับการสืบคน้ ข้อมลู บนอินเทอรเ์ นต็ ๕.ซันตอ้ งการซ้อื รถยนต์คนั ใหม่จงึ หาข้อมูลการเปิดตวั รถยนต์รุน่ ใหม่จากเว็บไซต์ของคา่ ยรถยนต์โดยตรง ไดถ้ ูกต้อง ซันประเมินความนา่ เชอ่ื ของข้อมลู ตามขอ้ ใด ก.ประเมินระดับเนื้อหาของขอ้ มูล ก.กาหนดวตั ถุประสงค์ > กาหนดประเภทของข้อมูล ข.ประเมนิ ความตรงตามความตอ้ งการของข้อมลู ค.ประเมินความนา่ เชอื่ ถอื และความทันสมยั ของขอ้ มลู > กาหนดคาสาคญั > ประเมินความนา่ เช่ือถอื ขอ้ มูล ง.ประเมนิ ความความนา่ เชื่อถอื ของเคร่อื งมอื ในการสบื คน้ ๖.ขอ้ ใดไมใ่ ช่วธิ กี ารประเมินความน่าเชือ่ ถอื โดยใช้ PROMPT ข.กาหนดวัตถปุ ระสงค์ > กาหนดคาสาคัญ > กาหนด ก. กระบวนการ (Process) ข. วตั ถปุ ระสงค์ (Objectivity) ประเภทของขอ้ มูล > ประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ขอ้ มลู ค. พสิ ูจนห์ หรอื ยนื ยนั (Provenance) ง. ทันเหตุการณแ์ ละเปน็ ปจั จุบนั (Timeliness) ค.กาหนดคาสาคัญ > กาหนดวัตถปุ ระสงค์ > กาหนด ๗.ขอ้ ใดไมใ่ ช่การใช้เหตุผลแบบวิบัติ ก.การเจตนาฆ่าคืออาชญากรรม ป๊อปถกู คนรา้ ยข่ฆู ่าเพอ่ื กรรโชก ประเภทของขอ้ มลู > ประเมินความนา่ เช่ือถือขอ้ มลู ทรัพย์แต่ป๊อปตอ่ สู้และใชป้ ืนของคนรา้ ยยงิ เขา้ ท่ขี าปอ๊ ปจึงเป็น อาชญากร. วบิ ตั ิ ง.กาหนดประเภทของข้อมลู > กาหนดคาสาคญั ข.นกั เรียนทเี่ ข้าเรียนในความรูพ้ ื้นฐานในปีทผี่ ่านมาจะสอบผา่ น ดงั นัน้ เด็กนกั เรียนทุกคนที่เข้าเรียนคาบความรูพ้ ื้นฐานในปนี ีจ้ ะสอบ > กาหนดวัตถุประสงค์ > ประเมินความน่าเชื่อถอื ผ่าน วิบัติ ค.มวิ มฐี านะทางบา้ นปานกลาง จึงขอใหศ้ ิลปินท่านอ่นื ไมค่ ิด ขอ้ มลู คา่ ลขิ สทิ ธเิ์ วลานาเพลงศลิ ปนิ ท่านอนื่ ไปทาการแสดงเพื่อให้มิวมี รายได้เล้ยี งครอบครวั วบิ ัติ ๒.คณุ พอ่ ของเอมอายมุ ากแล้วเอมตอ้ งการหาเคร่อื งดื่ม ง.วา่ นได้ผลการเรยี นทด่ี ีและได้รางวัลจากพอ่ เนอื่ งจากพ่อสญั ญาว่า จะใหร้ างวัลถ้าว่านไม่ตดิ ศนู ย์วิชาใดเลย ท่เี หมาะใหค้ ณุ พ่อด่ืม เอมจงึ ค้นหาขอ้ มูลบนอินเทอร์เนต็ ดว้ ยคา ๘.การพจิ ารณาการกระทาของตนเองวา่ มีผลกระทบหรอื ผลลพั ธ์ตอ่ ผูอ้ ืน่ อยา่ งไร เปน็ ลกั ษณะของการร้เู ทา่ ทันสือ่ ในขอ้ ใด ว่าเครื่องดืม่ สขุ ภาพผสู้ ูงอายุ พฤติกรรมของเอมตรงกบั ขน้ั ตอน ก. การสะทอ้ นคิด ข. ความสามารถในการเข้าถึงสอ่ื ใด ค. ความเขา้ ใจการประเมนิ ค่าสารสนเทศและเน้อื หาในสื่อ ง. การสร้าง การใชป้ ระโยชน์ และการเฝ้าระวังสารสนเทศและ ก.กาหนดคาสาคญั สาหรับสืบค้นขอ้ มลู เนือ้ หาในส่ือ ข.กาหนดประเภทของข้อมลู ที่จะสบื ค้น ค.กาหนดวัตถปุ ระสงคแ์ ละหวั ข้อการสืบคน้ ใหช้ ัดเจน ง.ประเมินความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการสืบคน้ ๓.หากตอ้ งการค้นหารปู ภาพรถยนต์ Hybrid ขอ้ ใดใชเ้ ทคนิคการค้นหาขอ้ มลู ด้วย Google.com ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ก.รถยนต์ – Hybrid ข.รถยนต์ + Hybrid ค.รถยนต์ “ Hybrid ” ง.รถยนต์ or Hybrid ๔.ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ ลักการในการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู ก.ประเมนิ ระดับเนอ้ื หาของข้อมลู ข.ประเมนิ ความตรงตามความตอ้ งการของขอ้ มลู ค.ประเมินความนา่ เชือ่ ถอื และความทันสมัยของข้อมูล ง.ประเมนิ ความความน่าเช่อื ถอื ของเครอื่ งมอื ในการสบื คน้ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๕๕

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ๙.ปอยตอ้ งการโพสใบแจง้ คะแนนผลการเรยี นของตนเอง ๑๐.ข้อใดเป็นผลกระทบของขอ้ มลู ทผ่ี ิดพลาด ลงเฟซบุ๊กปอยจึงนาปากสีเข้มมาเขยี นปกปดิ ขอ้ มลู ทีไ่ ม่ ก. ฟา้ ใช้แผน่ พับเรอื่ งโรคมะเรง็ จากโรงพยาบาลศริ ริ าชมาเขยี น เหมาะสมต่อการเปิดเผยต่อผ้อู ื่นทงั้ แล้วจงึ ถ่ายรูปโพสต์ บลอ็ กและเผยแพร่ ลงเฟซบุ๊ก การกระทาของปอยเป็นการรเู้ ท่าทนั สือ่ ตามข้อใด ข. กอ้ ยนารปู ภาพโปสเตอรเ์ ชญิ ชวนเข้าสมัครเขา้ รว่ มโครงการอาสา ก. ความรเู้ ทา่ ทันข้อมลู ดิจิทลั ปลกู ปะการังจาก UNESCO มาแชร์หน้าเฟสบุ๊กของตนเอง ข. การปกปอ้ งความเปน็ สว่ นตวั และขอ้ มลู ค. หญงิ อ่านข้อมลู ปรมิ าณของจานวนรถยนต์ส่วนบคุ คลท่เี พมิ่ ข้ึน ค. การสร้างอัตลักษณส์ ่วนตัวในโลกออนไลน์ อย่างต่อเน่ืองจากเว็บไซต์กรมการขนส่ง แลว้ มาเขียนบทความตาม ง. การใชข้ อ้ มูลดจิ ิทลั อยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละไมล่ ะเมดิ สทิ ธ์ิ มุมมองของตนเองและแชร์บนเฟซบกุ๊ ง. ออยเหน็ ประกาศเตือนท่ีหน้าโรงพกั เรือ่ งใหร้ ะวงั ขโมยในชว่ งปี ใหมเ่ น่อื งจากพ้ืนที่ทตี่ ารวจตอ้ งดูแลมีบรเิ วณกวา้ งอาจทาให้ดแู ล ไมท่ ว่ั ถงึ ออยจึงถา่ ยรูปลงไลน์กลุ่มของหมู่บ้านตนเอง เฉลย ๑. ก ๒. ก ๓. ข ๔. ง ๕. ค ๖. ก ๗. ง ๘. ก ๙. ข ๑๐. ค เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๖

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๓ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมูล แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๓ คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว ๑.ซนั ตอ้ งการซอื้ รถยนตค์ นั ใหม่จึงหาขอ้ มูลการเปดิ ตวั รถยนต์ ๕.ข้อใดจัดลาดับการสืบคน้ ข้อมลู บนอินเทอร์เน็ต รุ่นใหมจ่ ากเว็บไซตข์ องค่ายรถยนตโ์ ดยตรง ไดถ้ กู ตอ้ ง ซันประเมินความน่าเชอื่ ของข้อมลู ตามข้อใด ก.กาหนดวตั ถุประสงค์ > กาหนดประเภทของข้อมูล ก.ประเมินระดับเนอ้ื หาของขอ้ มูล ข.ประเมนิ ความตรงตามความต้องการของขอ้ มลู > กาหนดคาสาคญั > ประเมินความนา่ เช่ือถอื ขอ้ มลู ค.ประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื และความทันสมยั ของขอ้ มูล ข.กาหนดวัตถุประสงค์ > กาหนดคาสาคัญ > กาหนด ง.ประเมนิ ความความน่าเช่อื ถอื ของเคร่ืองมือในการสบื คน้ ๒.ขอ้ ใดเป็นผลกระทบของข้อมลู ทผ่ี ดิ พลาด ประเภทของข้อมลู > ประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ขอ้ มลู ก. ฟ้าใช้แผ่นพบั เรื่องโรคมะเร็งจากโรงพยาบาลศริ ริ าชมาเขยี น ค.กาหนดคาสาคญั > กาหนดวัตถปุ ระสงค์ > กาหนด บล็อกและเผยแพร่ ข. กอ้ ยนารูปภาพโปสเตอรเ์ ชิญชวนเขา้ สมัครเขา้ รว่ มโครงการ ประเภทของข้อมูล > ประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ขอ้ มูล อาสาปลูกปะการงั จาก UNESCO มาแชรห์ น้าเฟสบุ๊กของตนเอง ง. กาหนดประเภทของขอ้ มลู > กาหนดคาสาคัญ ค. หญงิ อา่ นขอ้ มูลปริมาณของจานวนรถยนต์ส่วนบคุ คลท่ี เพิ่มขนึ้ อย่างตอ่ เนื่องจากเว็บไซตก์ รมการขนสง่ แล้วมาเขียน > กาหนดวัตถุประสงค์ > ประเมินความน่าเช่อื ถอื ขอ้ มูล บทความตวามมมุ มองของตนเองและแชรบ์ นเฟซบกุ๊ ๖.การพจิ ารณาการกระทาของตนเองว่ามีผลกระทบหรอื ผลลัพธต์ ่อ ง. ออยเหน็ ประกาศเตอื นที่หนา้ โรงพกั เร่อื งใหร้ ะวังขโมยในชว่ ง ผู้อื่นอย่างไร เป็นลกั ษณะของการรู้เท่าทนั ส่อื ในข้อใด ปใี หม่เน่อื งจากพน้ื ท่ที ่ตี ารวจต้องดูแลมบี รเิ วณกว้างอาจาทให้ ก. การสะทอ้ นคิด ดูแลไมท่ ัว่ ถึง ออยจงึ ถ่ายรูปลงไลน์กลุ่มของหมู่บา้ นตนเอง ข. ความสามารถในการเข้าถึงส่ือ ๓.คุณพ่อของเอมอายุมากแลว้ เอมตอ้ งการหาเครื่องดมื่ ค. ความเขา้ ใจการประเมินค่าสารสนเทศและเน้ือหาในสอื่ ที่เหมาะใหค้ ุณพ่อดม่ื เอมจึงค้นหาขอ้ มลู บนอนิ เทอร์เน็ตด้วยคา ง. การสรา้ ง การใชป้ ระโยชน์ และการเฝ้าระวังสารสนเทศและ ว่าเครอ่ื งด่ืมสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ พฤตกิ รรมของเอมตรงกับข้นั ตอน เนอื้ หาในส่ือ ใด ๗.ปอยตอ้ งการโพสใบแจง้ คะแนนผลการเรยี นของตนเองลงเฟซบกุ๊ ก.กาหนดคาสาคัญสาหรบั สืบค้นข้อมูล ปอยจึงนาปากสีเขม้ มาเขียนปกปดิ ข้อมลู ทไี่ ม่เหมาะสมต่อการ ข.กาหนดประเภทของขอ้ มลู ทีจ่ ะสืบคน้ เปิดเผยต่อผู้อนื่ ทั้งแล้วจงึ ถา่ ยรปู โพสต์ลงเฟซบุ๊ก การกระทาของ ค.กาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละหวั ข้อการสบื ค้นให้ชดั เจน ปอยเป็นการรเู้ ทา่ ทันส่อื ตามขอ้ ใด ง.ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู ทีไ่ ดจ้ ากการสบื คน้ ก. ความรเู้ ท่าทนั ข้อมลู ดิจทิ ลั ๔.ขอ้ ใดไมใ่ ชว่ ิธกี ารประเมินความน่าเชื่อถือโดยใช้ PROMPT ข. การปกป้องความเป็นส่วนตวั และขอ้ มลู ก. กระบวนการ (Process) ค. การสรา้ งอัตลักษณส์ ่วนตวั ในโลกออนไลน์ ข. วัตถุประสงค์ (Objectivity) ง. การใชข้ อ้ มลู ดิจทิ ลั อย่างสรา้ งสรรคแ์ ละไมล่ ะเมิดสิทธิ์ ค. พิสจู นห์ หรอื ยนื ยัน (Provenance) ง. ทันเหตกุ ารณแ์ ละเป็นปจั จุบนั (Timeliness) เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๗

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู ๘.หากต้องการคน้ หารูปภาพรถยนต์ Hybrid ๑๐.ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารใช้เหตผุ ลแบบวบิ ตั ิ ก.การเจตนาฆ่าคอื อาชญากรรม ป๊อปถูกคนร้ายขู่ฆ่าเพื่อกรรโชก ข้อใดใชเ้ ทคนิคการคน้ หาขอ้ มลู ดว้ ย Google.com ทรพั ย์แตป่ อ๊ ปต่อสู้และใชป้ ืนของคนรา้ ยยงิ เข้าท่ีขาปอ๊ ปจึงเปน็ อาชญากร. วบิ ัติ ได้อยา่ งเหมาะสม ข.นกั เรียนท่ีเข้าเรยี นในความรู้พื้นฐานในปที ี่ผา่ นมาจะสอบผา่ น ดงั นัน้ เด็กนกั เรยี นทุกคนที่เขา้ เรยี นคาบความรู้พื้นฐานในปนี ี้จะสอบ ก.รถยนต์ –Hybrid ข.รถยนต์ +Hybrid ผา่ น วิบตั ิ ค.มิวมีฐานะทางบ้านปานกลาง จึงขอใหศ้ ิลปินทา่ นอืน่ ไม่คิด ค.รถยนต์ “Hybrid” ง.รถยนต์ or Hybrid คา่ ลิขสิทธ์เิ วลานาเพลงศิลปินท่านอ่ืนไปทาการแสดงเพ่ือใหม้ วิ มี รายไดเ้ ล้ียงครอบครวั วิบตั ิ ๙.ขอ้ ใดไม่ใชห่ ลักการในการประเมินความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูล ง.วา่ นไดผ้ ลการเรียนท่ดี ีและได้รางวลั จากพ่อ เน่ืองจากพ่อสญั ญาวา่ จะใหร้ างวัลถ้าว่านไมต่ ดิ ศูนย์วชิ าใดเลย ก.ประเมินระดับเนอื้ หาของขอ้ มลู ข.ประเมินความตรงตามความตอ้ งการของขอ้ มูล ค.ประเมินความนา่ เช่อื ถอื และความทันสมยั ของข้อมลู ง.ประเมินความความนา่ เชอ่ื ถอื ของเครื่องมือในการสบื คน้ เฉลย ๑. ค ๒. ค ๓. ก ๔. ก ๕. ก ๖. ก ๗. ข ๘. ข ๙. ง ๑๐. ง เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๘

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ ความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ การสบื คน้ เพอ่ื หาแหลง่ ขอ้ มลู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มลู เวลา ๔ ชั่วโมง เรื่อง การสบื คน้ เพื่อหาแหล่งขอ้ มลู เวลา ๑ ชั่วโมง รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๑. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหา ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ตวั ชี้วัด ม.๓/๓ ประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมูล วิเคราะห์สอื่ และผลกระทบจากการให้ขา่ วสารที่ผิด เพือ่ การใช้งานอย่างรเู้ ทา่ ทนั ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกขั้นตอนการสบื ค้นเพอื่ หาแหลง่ ข้อมูลด้วยอินเทอรเ์ นต็ ได้ (K) ๒. ค้นหาขอ้ มูลไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ (P) ๓. คน้ หาขอ้ มลู ท่ีมีความน่าเชอื่ ถอื และมีคุณค่าสาหรบั การนาไปใช้ประโยชน์ได้ (P,A) ๓. สาระสาคญั การสืบค้นแหล่งข้อมูลเป็นกระบวนการค้นหาข้อมูลท่ีต้องการ โดยใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. การสืบคน้ ข้อมลู ด้วยมือ คือ การสืบคน้ ขอ้ มลู ดว้ ยเอกสาร หนังสือ ตารา เปน็ ต้น ๒. การสบื ค้นขอ้ มูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ คอื การสืบค้นข้อมูลผ่านเทคโนโลยีหรืออปุ กรณ์ คอมพิวเตอร์ เช่น การสบื ค้นขอ้ มลู จากระบบฐานข้อมลู ข้อมูลออนไลน์ เป็นตน้ ๔. สาระการเรยี นรู้ ๑. การสืบค้นขอ้ มูลดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์ ๒. ขัน้ ตอนการสบื คน้ เพอ่ื หาแหล่งขอ้ มูลดว้ ยอินเทอร์เนต็ ๕. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน ๑. รปู แบบการสอนแบบการอภิปราย ๒. วธิ ีการสอนโดยเน้นการเรยี นรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning) - เทคนคิ คูค่ ดิ (Think Pair Share) เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๕๙

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๓ ความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมูล แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ การสบื ค้นเพ่ือหาแหลง่ ขอ้ มูล ๖. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ญั หา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. ทกั ษะ ๔ Cs  ซอื่ สตั ย์ สุจรติ  ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)  ใฝ่เรียนรู้  ทักษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill)  มงุ่ มั่นในการทางาน  ทกั ษะการสอื่ สาร (Communication Skill)  มจี ิตสาธารณะ  ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) ๘. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์  รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  มีวนิ ัย  อยู่อย่างพอเพียง  รกั ความเปน็ ไทย ๙. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ๑. ครูให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพอื่ วดั ความรูเ้ ดิมของนักเรียนกอ่ นเขา้ สู่กิจกรรม ข้ันนา ๑. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ หากต้องการทราบข้อมูลเรื่องท่ีสนใจ นักเรียนมีวธิ ีการคน้ หาข้อมูลไดอ้ ยา่ งไร และใช้ เครือ่ งมือใด (แนวคาตอบ ค้นหาจากอนิ เทอรเ์ น็ตโดยใช้ google คน้ ดว้ ยตาราหรอื หนงั สือ) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๖๐

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ความน่าเชื่อถือของข้อมูล แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ การสบื คน้ เพอ่ื หาแหลง่ ข้อมูล ข้นั สอน ๑. ครูสนทนากับนักเรียนว่าอินเทอร์เน็ตที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ครูถามคาถามว่า “นักเรียนคิดว่า อินเทอร์เน็ตให้ประโยชนอ์ ยา่ งไรกับตัวนกั เรยี นบ้าง” (แนวคาตอบ ใช้ในการสืบค้นข้อมลู ไดร้ วดเรว็ ประหยดั เวลา ใชต้ ิดตอ่ สารสารกับคนอ่นื ) ๒. จากนนั้ ครูถามคาถามนักเรียนวา่ “แลว้ คดิ ว่าอินเทอร์เน็ตมโี ทษกับตัวนกั เรยี นหรอื ไม่ อย่างไร” (แนวคาตอบ เลน่ มากไปเสียการเรยี น) ๓. ครูอธิบายเพิ่มเติมในเนื้อหาประโยชนแ์ ละโทษของอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คานวณ) ๔. ครูให้นักเรียนดูแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีคุณธรรมและจรยิ ธรรมในหนังสือ และสรุปแนวคิดเรื่อง คณุ ธรรมและจริยธรรมในการใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ร่วมกัน ๕. ครูยกตัวอย่างภาพเกี่ยวกับการโพสในโซเชียลเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตให้ นกั เรียนดู และใหน้ กั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ วา่ ขอ้ ความทโี่ พสเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ตัวอยา่ งขอ้ ความทโี่ พสลงโซเชยี ล ๖. ครใู ห้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice เรอื่ ง การสืบค้นเพ่ือหาแหล่งข้อมูล (ข้อ ๑-๔) เพื่อตรวจสอบความ เขา้ ใจ ๗. ครสู อบถามนักเรยี นวา่ หากต้องการสบื คน้ ขอ้ มลู ผา่ นอินเทอร์เนต็ สามารถใชเ้ ครือ่ งมือใดได้บา้ ง (แนวคาตอบ Google, bing, yahoo) ๘. ครูอธิบายเครื่องมือสาหรับสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการ คานวณ) ๙. ครูให้นกั เรยี นจับคูเ่ พอื่ ทากจิ กรรม “คาไหนเร็วกว่ากัน” กิจกรรมน้ีต้องการให้นักเรียนกาหนดคาสาคัญของ การสบื คน้ ข้อ และสามารถประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ข้องแหล่งข้อมลู ได้ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๖๑

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของข้อมลู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ การสบื ค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูล ๑๐. ครกู าหนดให้นักเรียนแต่ละค่คู ้นหาคาตอบจากอนิ เทอร์เน็ตโดยมอื ถอื แทบ็ เล็ต หรอื แลป็ ทอ็ ป ๑๑. ครูถามนกั เรยี นวา่ จากการทากิจกรรมเพ่ือค้นหาขอ้ มลู ให้ได้เรว็ ท่สี ดุ นักเรียนไดแ้ นวคิดอย่างไรบ้าง ๑๒. ครูถามนักเรียนตอ่ วา่ หากต้องการค้นหาขอ้ มูลท่สี นใจ นักเรยี นมีการวางแผน ขั้นตอน หรือเทคนิคอยา่ งไร บ้าง ๑๓. ครูอธิบายความสาคัญ ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลเพบนอินเทอร์เน็ต และเทคนิคการสืบค้นด้วย Google.com จากนั้นครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice เร่ือง การสืบค้นเพ่ือหาแหล่งข้อมูล (ข้อ ๕ – ๘) เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจ ขน้ั สรุป ๑. ครูสอบถามนกั เรียนว่าจากนไี้ ปหากตอ้ งการสืบคน้ ขอ้ มูลผ่านอนิ เทอร์เน็ตตอ้ งมีข้ันตอนอยา่ งไร ๒. ครูใหน้ ักเรียนสรปุ เทคนคิ การคน้ หาขอ้ มูลทนี่ กั เรยี นได้เรยี นรู้ร่วมกนั ๑๐. ส่ือแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.๓ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ เร่ือง ความนา่ เช่ือถือของข้อมูล ๓. ใบงานที่ ๒.๑.๑ เรอ่ื ง คาไหนเรว็ กวา่ กัน ๑๑. การวัดและการประเมนิ ผล ๑๑.๑ การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เคร่ืองมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ตอบคาถามแบบฝกึ หัดได้ ๑. บอกข้ันตอนการ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั Exersice เร่อื ง ถกู ต้อง ๖๐% ขึ้นไป สืบคน้ เพอื่ หา Exersice เรอ่ื ง การ การสืบค้นเพอ่ื หา ๑. ค้นหาขอ้ มูลไดต้ รงตาม วตั ถปุ ระสงค์ คณุ ภาพ แหลง่ ขอ้ มลู ดว้ ย สืบคน้ เพ่อื หา แหลง่ ขอ้ มลู ระดับพอใชข้ ้นึ ไป ๒. ตอบคาถามแบบฝกึ หดั อินเทอรเ์ นต็ ได้ (K) แหลง่ ข้อมูล ไดถ้ ูกตอ้ ง ๖๐% ข้นึ ไป ๒. ค้นหาขอ้ มลู ได้ ๑. ตรวจใบงานท่ี ๑. ใบงานท่ี ๒.๑.๑ คน้ หาข้อมูลท่มี ีความ นา่ เชอื่ ถือ และมคี ณุ คา่ สาหรบั ตรงตามวัตถุประสงค์ ๒.๑.๑ เรื่อง คาไหน เรอ่ื ง คาไหนเรว็ กว่ากัน การนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ คุณภาพระดบั พอใช้ขนึ้ ไป (P) เรว็ กว่ากัน ๒. แบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั ๒. ตรวจแบบฝกึ หดั Exersice เรื่อง การสืบค้น Exersice การสืบคน้ เพือ่ หาแหล่งขอ้ มลู เพื่อหาแหลง่ ข้อมลู ๓. แบบประเมนิ แบบฝึกหัด ๓. คน้ หาข้อมลู ท่มี ีความ ตรวจใบงานท่ี ๒.๑.๑ ใบงานที่ ๒.๑.๑ นา่ เช่อื ถือ และมคี ุณคา่ เรือ่ ง คาไหนเร็วกว่า เรอื่ ง คาไหนเรว็ กว่ากนั สาหรับการนาไปใช้ กัน ประโยชนไ์ ด้ (P,A) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๖๒

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มูล แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๑ การสบื ค้นเพอ่ื หาแหลง่ ข้อมลู ๑๑.๒ การประเมนิ แบบฝกึ หัด ประเดน็ ในการประเมนิ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๓ ๒๑ ๑. ค้นหาข้อมลู สามารถกาหนดคา สามารถกาหนดคา สามารถกาหนดคา สาคัญในการคน้ หา สาคญั ในการคน้ หา สาคญั ในการคน้ หา ขอ้ มลู ได้ตรงประเด็น ข้อมูลได้ตรงประเด็นเปน็ ข้อมูลได้เพียงบางส่วน และขอ้ มูลท่ีได้ สว่ นใหญ่ และข้อมลู ทไี่ ด้ และขอ้ มูลทไี่ ด้ ครอบคลุมตาม ครอบคลุมตาม ครอบคลุมเพียงบางส่วน วตั ถุประสงคท์ ีต่ ้องการ วตั ถุประสงค์ทต่ี อ้ งการ เชน่ กัน ๒. แหล่งที่มาของข้อมูล แหล่งท่ีมาของขอ้ มลู มา แหล่งท่ีมาของขอ้ มูลมา แหลง่ ที่มาของขอ้ มลู มา จากหลายแหล่ง และมี จากหลายแหลง่ และมี จากหลายแหล่ง และมี ความน่าเชือ่ ถือ ถูกตอ้ ง ความน่าเชื่อถอื ถกู ตอ้ ง ความน่าเชอื่ ถอื ถูกต้อง มีคุณค่าสาหรับการ มีคุณค่าสาหรบั การ แตข่ อ้ มลู อาจจะไม่ นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้จริง นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้จรงิ สามารถนาไปใช้ เป็นส่วนใหญ่ ประโยชน์ได้จรงิ เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ๕–๖ ดี ๓–๔ พอใช้ น้อยกว่า ๓ ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๖๓

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มลู แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑ การสบื คน้ เพ่ือหาแหล่งข้อมลู ใบงานท่ี ๒.๑.๑ เร่อื ง คาไหนเร็วกว่ากัน จดุ ประสงค์ ๑. กาหนดคาสาคญั สาหรับการสบื ค้นขอ้ มลู ได้ ๒. ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการสืบคน้ ได้ ชือ่ สมาชกิ ๑………………………………………………………………………………………………… ๒………………………………………………………………………………………………… คาช้ีแจง ครูให้นกั เรยี นจบั คู่สบื ค้นหาขอ้ มลู ทกี่ าหนดให้ตอ่ ไปน้ี โดยใชอ้ ินเทอร์เน็ต ๑. การปอ้ งกนั ตัวเมอ่ื ไปเที่ยวทะเลแล้วพลาดวา่ ยน้าไปโดนแมงกะพรนุ จะแก้ปัญหาอยา่ งไร คาสาคัญในการคน้ หาข้อมลู ........................................................................................................................ ข้อมลู ทค่ี น้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งทม่ี าของข้อมลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. เมื่อเปน็ ตะครวิ ขณะวา่ ยนา้ จะเอาตวั รอดอย่างไร คาสาคญั ในการคน้ หาขอ้ มูล........................................................................................................................ ขอ้ มูลทีค่ ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ทมี่ าของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๖๔

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๓ ความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑ การสบื ค้นเพือ่ หาแหลง่ ขอ้ มลู ๓. เม่อื ผหู้ ญิงโดนคุกคามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวิธปี อ้ งกันตวั อยา่ งไร คาสาคญั ในการคน้ หาข้อมลู ........................................................................................................................ ขอ้ มูลทคี่ ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ท่ีมาของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๔. ถา้ เจอเหตุการณท์ ่ีมคี นเป็นลมชัก จะตอ้ งทาอย่างไรเปน็ อนั ดบั แรก คาสาคญั ในการค้นหาขอ้ มูล........................................................................................................................ ข้อมลู ทค่ี ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๕. เม่ือเปน็ ตะคริวขณะว่ายนา้ จะเอาตัวรอดอย่างไร คาสาคัญในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................ ขอ้ มูลทค่ี น้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ที่มาของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๖๕

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๓ ความนา่ เชือ่ ถือของข้อมูล เฉลย แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ การสบื คน้ เพ่ือหาแหลง่ ข้อมูล ใบงานที่ ๒.๑.๑ เร่อื ง คาไหนเร็วกวา่ กัน จุดประสงค์ ๑. กาหนดคาสาคญั สาหรับการสืบคน้ ข้อมลู ได้ ๒. ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มูลทไี่ ด้จากการสืบค้นได้ ชอื่ สมาชิก ๑………………………………………………………………………………………………… ๒………………………………………………………………………………………………… คาชแี้ จง ครใู ห้นักเรียนจบั คสู่ บื ค้นหาข้อมลู ทกี่ าหนดใหต้ ่อไปนี้ โดยใช้อินเทอร์เนต็ ๑. การปอ้ งกนั ตัวเมอ่ื ไปเทยี่ วทะเลแล้วพลาดวา่ ยนา้ ไปโดนแมงกะพรุนจะแก้ปัญหาอยา่ งไร คาสาคญั ในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................ ขอ้ มูลทค่ี ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งทมี่ าของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๒. เมือ่ เปน็ ตะคริวขณะวา่ ยน้า จะเอาตัวรอดอยา่ งไร คาสาคญั ในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................ ขอ้ มลู ทคี่ น้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๖๖

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๓ ความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑ การสบื ค้นเพือ่ หาแหลง่ ขอ้ มลู ๓. เม่อื ผหู้ ญิงโดนคุกคามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวิธปี อ้ งกันตวั อยา่ งไร คาสาคญั ในการคน้ หาข้อมลู ........................................................................................................................ ขอ้ มูลทคี่ ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ท่ีมาของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๔. ถา้ เจอเหตุการณท์ ่ีมคี นเป็นลมชัก จะตอ้ งทาอย่างไรเปน็ อนั ดบั แรก คาสาคญั ในการค้นหาขอ้ มูล........................................................................................................................ ข้อมลู ทค่ี ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๕. เม่ือเปน็ ตะคริวขณะว่ายนา้ จะเอาตัวรอดอย่างไร คาสาคัญในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................ ขอ้ มูลทค่ี น้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ที่มาของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๖๗

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมูล แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑ การสบื ค้นเพือ่ หาแหลง่ ข้อมูล Exercise เรอ่ื ง การสืบคน้ เพอ่ื หาแหลง่ ข้อมูล ๑. ให้นกั เรียนบอกการสืบค้นเพื่อหาแหล่งขอ้ มูลต่อไป พรอ้ มยกตัวอย่าง ๑. การสืบค้นข้อมูลดว้ ยมอื ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. การสบื คน้ ขอ้ มลู ด้วยระบบคอมพวิ เตอร์ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. ให้นักเรยี นบอกประโยชน์และโทษของอินเทอรเ์ นต็ ๑. ประโยชนข์ องอินเทอรเ์ นต็ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. โทษของอินเทอร์เนต็ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. ใหน้ ักเรยี นบอกวธิ กี ารใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตอย่างมีคณุ ธรรมและจริยธรรม ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๖๘

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๓ ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ การสบื คน้ เพ่ือหาแหลง่ ขอ้ มูล ๔. ให้นักเรียนอธิบายประเภทของโปรแกรมค้นหาตามลกั ษณะการทางานตอ่ ไปน้ี ๑. Crawler Based Search Engine ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. Web Directory หรือ Blog Directory ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. Meta Search Engine ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๕. ใหน้ กั เรยี นบอกขัน้ ตอนการสืบค้นเพือ่ หาแหลง่ ขอ้ มูลด้วยอนิ เทอรเ์ น็ต พรอ้ มอธิบายความหมาย ๑. กาหนดวัตถุประสงค์และหัวข้อการสืบคน้ ให้ชัดเจน ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. กาหนดประเภทของข้อมลู ท่ีจะสบื ค้น ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๓. กาหนดคาสาคญั สาหรบั สืบคน้ ขอ้ มูล ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๔. ประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูลทีไ่ ดจ้ ากการสบื ค้น ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๖๙

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของข้อมูล แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑ การสบื ค้นเพ่อื หาแหล่งข้อมลู ๖. ใหน้ ักเรยี นบอกเทคนิคการสืบค้นขอ้ มูลจากเครอ่ื งมอื คน้ หามา ๒ ขอ้ พร้อมยกตัวอยา่ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๗. ให้นกั เรยี นใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาข้อมูลตามหวั ข้อตอ่ ไปนี้ แล้วตอบคาถาม ๑. กฎหมายกาหนดความเร็วในการขบั ขรี่ ถ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๒. กาหนดหัวข้อการสืบค้นข้อมูลด้วยตนเองโดยคานึงถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ในชีวิตประจาวันต่อ ตนเอง หวั ขอ้ การสืบคน้ ..................................................................................................................................... ขอ้ มลู จากการสบื ค้น ............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๘. ใหน้ ักเรียนกาหนดคาสาคัญในการสบื คน้ ข้อมลู ท่ีสอดคลอ้ งกับข้อความต่อไปนี้ ไมโครเวฟเปน็ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ท่อี านวยความสะดวกในการอุ่นหรอื ทาอาหารงา่ ย ๆ แต่ การใชง้ าน ไมโครเวฟก็มรวธิ ีการใชง้ านและอนั ตรายเช่นกัน คาสาคญั ในการสบื คน้ ขอ้ มูล ................................................................................................................. ขอ้ มูลจากการสบื ค้น ............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ แหล่งทม่ี า .............................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๗๐

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ความน่าเชอื่ ถือของข้อมูล แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑ การสบื ค้นเพอ่ื หาแหลง่ ข้อมูล Exercise เร่ือง การสืบคน้ เพื่อหาแหลง่ ข้อมูล ๑. ใหน้ ักเรยี นบอกการสืบค้นเพ่ือหาแหลง่ ขอ้ มูลต่อไป พรอ้ มยกตัวอย่าง ๑. การสบื ค้นข้อมลู ดว้ ยมอื เป็นการสืบค้นข้อมูลด้วยเอกสาร หนังสือ ตารา โดยสามารถสืบค้นจากสถานที่หรือหน่วยงานท่ี จัดเตรียมข้อมูลตา่ ง ๆ ไวใ้ ห้ เชน่ ห้องสมดุ ในโรงเรยี น เอกสารแผน่ พับแนะนาขอ้ มูลด้านสขุ ภาพในโรงพยาบาล ๒. การสืบค้นขอ้ มูลดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์ เป็นการสืบค้นข้อมูลผ่านเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น การสืบค้นข้อมูลจากระบบ ฐานข้อมูล ข้อมลู ออนไลน์ ข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ น็ต ขอ้ มูลจากโปรแกรมคน้ หา ( Search Engine) ๒. ใหน้ ักเรยี นบอกประโยชน์และโทษของอินเทอรเ์ น็ต ๑. ประโยชน์ของอินเทอร์เนต็ ๑. แลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร ๒. ติดตอ่ ส่ือสารกับบุคคลอนื่ ทั่วโลกไดจ้ ากระยะไกล ๓. ซอ้ื สนิ คา้ ผ่านทางเว็บไซตท์ ่ีใหบ้ ริการทาใหป้ ระหยดั เวลา ๒. โทษของอนิ เทอร์เนต็ ๑. ขอ้ มูลประจัดกระจายไมเ่ ป็นระบบ ค้นหาไดย้ าก ๒. ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ มากไปอาจส่งผลกระทบต่อการเรียน การทางาน ๓. ข้อมลู จรงิ หรือเทจ็ ปะปนกนั จงึ ต้องใชเ้ วลาในการตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมลู ๓. ให้นกั เรียนบอกวธิ ีการใชอ้ นิ เทอร์เน็ตอย่างมีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม ๑. ไมใ่ ช้อินเทอร์เนต็ เพ่ือเผยแพรข่ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ เทจ็ ๒. เคารพข้อตกลงในการใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ต ๓. ใชถ้ ้อยคาทีส่ ภุ าพในการสอ่ื สาร ๔. ไม่ใช้อินเทอรเ์ นต็ ในการละเมิดสิทธขิ องผอู้ ื่น เช่น เขา้ ถึงขอ้ มลู ของผ้อู น่ื โดยไม่ได้รับอนุญาต ๕. ไมใ่ ช้อนิ เทอร์เนต็ ในการทาลายผูอ้ ื่น เชน่ เผยแพรซ่ อฟต์แวรป์ ระเภทไวรัส ๔. ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายประเภทของโปรแกรมค้นหาตามลักษณะการทางานตอ่ ไปน้ี ๑. Crawler Based Search Engine เครื่องมือการค้นหาบนอินเทอร์เน็ตแบบอาศัยการบันทึกข้อมูลเป็นหลัก ซ่ึงการจัดเก็ยข้อมูลนั้จะใช้ ซอฟตแ์ วรข์ นาดเล็กท่ีเรียกวา่ Web Crawler เพื่อทาการเกบ็ ข้อมูลจากเว็บไซตต์ า่ ง ๆ แล้วส่งขอ้ มูลเหลา่ นน้ั ไป บันทึกยังฐานข้อมูลของโปรแกรมค้นหา (Search Engine) ซึ่งเป็นประเภทที่ได้รับควานิยมสูงสุดในปัจจุบัน เนอ่ื งจากให้ผลการค้นหาท่แี มน่ ยาและการประมวลผลการสืบคน้ ทาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๗๑

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของข้อมูล แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ การสบื คน้ เพอ่ื หาแหล่งข้อมูล ๒. Web Directory หรือ Blog Directory สารบัญเว็บไซต์ท่ีถูกจัดเก็บโดยเว็บที่ให้บริการ Web Directory และการจัดเก็บนั้นจะแบ่งข้อมูล ออกเป็นหมวดหมู่ ซ่ึงจะมีการสร้างดรรชนี มีการะบุหมวดหมู่อย่างชัดเจน ทาให้การสืบค้นข้อมูลทาได้อย่าง รวดเร็ว เน่ืองจากข้อมูลถูกกาหนดหมวดหมู่ไว้แล้ว แต่โปรแกรมค้นหาเหมาะสาหรับการสืบคน้ ข้อมูลท่เี ฉพาะ ดา้ น ๓. Meta Search Engine เป็นเครื่องมือที่ใช้หลักการสืบค้นข้อมูลด้วย Meta Tag ซ่ึงเป็นกลุ่มคาสั่งในภาษา HTL ประเภท HyperText Markup Language ซ่ึงเป็นโปรแกรมสาหรับใช้ในการสร้างเว็บไซต์ กลุ่มคาส่ัง Meta Tag จะมี การกาหนดรายละเอยี ดต่าง ๆ ของเว็บไซต์ เชน่ ชื่อเว็บไซต์ ชื่อผ้แู ตง่ คาสาคัญของเว็บไซต์ รายละเอยี ดอย่าง ย่อของเวบ็ ไซต์ โดยผลลพั ธ์การสืบคน้ ข้อมูลด้วยโปรแกรมค้นหาประเภทนี้จะมีความแมน่ ยาน้อยกวา่ ประเภท อื่น ๕. ให้นกั เรยี นบอกขัน้ ตอนการสบื คน้ เพือ่ หาแหล่งข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ต พรอ้ มอธบิ ายความหมาย ๑. กาหนดวัตถุประสงคแ์ ละหวั ขอ้ การสบื คน้ ให้ชดั เจน การตั้งวัตถุประสงค์และกาหนดหัวข้อการสืบค้นที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถกาหนดขอบเขตของ แหลง่ ข้อมลู ทีจ่ ะสบื ค้นใหเ้ หมาะสม ไมก่ ว้างจนเกินไป เชน่ การลดนา้ หนกั การลงรองพ้นื ๒. กาหนดประเภทของข้อมูลท่จี ะสบื คน้ กากาหนดประเภทข้อมลู ทีต่ ้องการสืบค้นให้ชดั เจนเพ่ือลดเวลาการสืบคน้ และเพ่ือให้ไดข้ ้อมลู ตรงตาม ความต้องการ โดยเลอื กเฉพาะขอ้ ความ ภาพ หรอื วีดโี อ ๓. กาหนดคาสาคญั สาหรบั สืบค้นขอ้ มูล เนื่องจากโปรแกรมค้นหา มีลักษณะการทางานแสดงผลจากคาสาคัญที่กาหนด จึงต้องกาหนดคา สาคญั ให้ตรงตามข้อมูลท่ีต้องการค้นหา เช่น ตอ้ งการคน้ หาการลดน้าหนัก อาจกาหนดคาสาคัญได้ ดังน้ี วิธลี ด น้าหนกั สาหรบั ผู้ชาย ๔. ประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู ทไี่ ด้จากการสบื ค้น กระบวนการคัดแยกโดยเลือกเฉพาะข้อมูลท่ีมีความน่าเชื่อถือ เน่ืองจากข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมี หลายประเภทหลายแหล่ง จึงต้องการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีมีความน่าเช่ือถือ ถกู ตอ้ ง และมีคณุ คา่ สาหรับการนาไปใชป้ ระโยชน์ ๖. ใหน้ กั เรยี นบอกเทคนิคการสบื ค้นข้อมูลจากเครอื่ งมอื ค้นหามา ๒ ขอ้ พรอ้ มยกตัวอย่าง ๑. การเช่ือมคาด้วยการใช้เครอ่ื งหมาย (+) จะทาให้ Google เพ่มิ ความสาคญั ในการค้นหาคานั้นเพ่ิม มากข้ึน เช่น ตอ้ งการค้นหาสถานท่ีท่องเท่ียว อาจเพม่ิ คาสาคญั เฉพาะท่ีสนใจ ดังนี้ สถานที่ท่องเที่ยว+ทะเล+ เกาะ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๗๒

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๓ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมลู แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ การสบื ค้นเพือ่ หาแหลง่ ขอ้ มูล ๒. การตัดคาที่ไม่ตอ้ งการด้วยการใช้เคร่ืองหมาย (-) หากไมต่ ้องการให้ Google สืบคน้ เว็บไซต์ทม่ี ีคา ที่ไม่ต้องการให้อยู่ในข้อมูล สามารถใช้เคร่ืองหมายลบในคาสาคัญ เช่น ต้องการค้นหาผลไม้แต่ไม่ต้องการให้ แสดงมะม่วง สามารถกาหนดคาสาคัญ ดังน้ี ผลไม้ -มะม่วง ๗. ใหน้ ักเรยี นใชอ้ ินเทอร์เนต็ คน้ หาขอ้ มลู ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ แล้วตอบคาถาม ๑. กฎหมายกาหนดความเร็วในการขับข่ีรถ ๑. รถยนต์ส่วนบคุ คลและรถจักรยานยนต์ ใช้ความเรว็ ในเขตกรุงเทพฯ เมืองพัทยา และเขตเทศบาล ไม่เกนิ ๘๐ กิโลเมตรตอ่ ชัว่ โมง หรือนอกเขตดงั กลา่ วไม่เกนิ ๙๐ กิโลเมตรตอ่ ชวั่ โมง ๒. รถบรรทุกท่ีมีน้าหนักรถรวมท้ังน้าหนักบรรทุกเกิน ๑,๒๐๐ กิโลกรัม และรถขนส่งผู้โดยสาร ใช้ ความเร็วในเขตกรงุ เทพฯ เมืองพมั ยา และเขตเทศบาล ไมเ่ กนิ ๖๐ กโิ ลเมตรต่อชัว่ โมง หรือนอกเขตดังกลา่ วไม่ เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อช่ัวโมง ๒. กาหนดหัวข้อการสืบค้นข้อมูลด้วยตนเองโดยคานึงถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ในชีวิตประจาวันต่อ ตนเอง หัวข้อการสืบค้น วิธยี กเลิกข้อความ SMS กวนใจหรือไมต่ ัง้ ใจสมัคร ขอ้ มูลจากการสืบค้น สามารถยกเลิกบริการขอ้ ความ SMS กวนใจหรือไมไ่ ด้ต้ังใจสมัครไดท้ กุ เครือขา่ ย โดยกด *๑๓๗ โทรออก ไมเ่ สยี ค่าบริการ เมอ่ื ยกเลิกไปแลว้ ข้อความ SMS กวนใจหรือไม่ต้งั ใจสมัครยังมีเข้ามา ในโทรศัพทม์ ือถอื อีก สามารถกด *๑๓๗ โทรออกไดอ้ ีกเร่อื ย ๆ ๘. ให้นักเรยี นกาหนดคาสาคัญในการสืบคน้ ข้อมูลทสี่ อดคล้องกับข้อความตอ่ ไปน้ี ไมโครเวฟเป็นเคร่ืองใช้ไฟฟา้ ท่ีอานวยความสะดวกในการอุ่นหรอื ทาอาหารง่าย ๆ แต่ การใชง้ าน ไมโครเวฟกม็ รวิธกี ารใชง้ านและอันตรายเช่นกัน คาสาคญั ในการสบื คน้ ขอ้ มลู ใชไ้ มโครเวฟ ปลอดภยั ข้อมูลจากการสืบค้น การลดความเส่ียงจากการใช้ไมโครเวฟ เพื่อรักษาสารอาหารและป้องกันการ เจ็บป่วยจากอาหารเม่ือใชไ้ มโครเวฟในการอุ่นอาหารได้ โดยจัดเรยี งอาหารในถาดอบใหเ้ ปน็ ระเบยี บ อนุ่ อาหาร ทมี่ ีลักษณะแห้งใหเ้ ติมขิงเหลว เช่น น้าปลา น้าซุป เพื่อช่วยกระจายความร้อน ไม่อุ่นอาหารทมี่ กี ารยัดไส้โดยไม่ มีการห่ันแบง่ เป็นช้นิ ย่อย ๆ และใชบ้ รรจภุ ณั ฑท์ ใ่ี ชไ้ ดก้ ับไมโครเวฟ แหล่งท่มี า .............................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๗๓

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑ การสบื ค้นเพอ่ื หาแหลง่ ข้อมลู ๑๒. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน  ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์  ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๗๔

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ การประเมินความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มูล แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๒ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู เวลา ๔ ชั่วโมง เรอ่ื ง การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู เวลา ๒ ช่ัวโมง รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม ตัวชีว้ ดั ม.๓/๓ ประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือของขอ้ มลู วเิ คราะห์ส่อื และผลกระทบจากการให้ข่าวสารท่ผี ิด เพ่ือการใช้งานอย่างรู้เทา่ ทนั ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกหลกั การการประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ของข้อมลู ได้ (K) ๒. ประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมูลได้ (P) ๓. คานงึ ถึงผลกระทบที่เกิดขึน้ จากการใช้เหตุผลวิบัตไิ ด้ (A) ๓. สาระสาคัญ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เป็นข้ันตอนในการประเมินเพื่อคัดเลือกข้อมูลที่ได้จากการ สืบค้นข้อมูลท่ีมีคุณค่า มีความน่าเช่ือถือ เป็นการพิจารณาเพื่อคัดเลือกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจากการ ประเมนิ ความนา่ เชื่อถือจะทาให้เราได้ขอ้ มลู ที่มีคุณค่า และนาข้อมูลไปประยุกต์ใชอ้ ยา่ งเหมาะสม ๔. สาระการเรียนรู้ ๑. หลักการประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู ๒. การตรวจสอบความน่าเชื่อถอื ของขอ้ มูล ๓. การประเมนิ ความน่าเชื่อถอื ของข้อมลู โดยใช้PROMPT ๔. เหตผุ ลวิบัติ ๕. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน ๑. รปู แบบการสอนแบบการอภปิ ราย ๒. วธิ ีการสอนโดยเน้นกระบวนการกล่มุ (Group Process–Based Instruction) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๗๕

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ ความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล  ซอื่ สตั ย์ สุจรติ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การประเมินความนา่ เชื่อถือของขอ้ มูล  ใฝ่เรยี นรู้  มุง่ มั่นในการทางาน ๖. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  มจี ิตสาธารณะ  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. ทักษะ ๔ Cs  ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)  ทักษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill)  ทักษะการส่อื สาร (Communication Skill)  ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ๘. คุณลักษณะอันพึงประสงค์  รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์  มวี ินัย  อยู่อย่างพอเพียง  รักความเป็นไทย ๙. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี ๑ ขนั้ นา ๑. ครูถามนักเรียนว่าข้อมูล ข่าวสารในอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมายหากเราต้องการนาเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ นกั เรยี นมีวิธีการในการคัดเลือกขอ้ มูลทน่ี ่าเช่ือถอื อย่างไร (แนวคาตอบ ขอ้ มูลตรงกบั วัตถปุ ระสงค์การใชง้ าน แหลง่ ข้อมูลมคี วามน่าเชือ่ ถอื ) ขน้ั สอน ๑. ครูเปดิ ตัวอยา่ งขา่ วใหน้ ักเรยี นดูจากนั้นให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเป็นขอ้ มูลจริงหรอื ไม่ (มีตวั อย่างข่าว อยู่ทา้ ยแผนการสอนชัว่ โมงที่ ๑) ๒. ครูถามนกั เรยี นวา่ นักเรยี นใชเ้ กณฑ์ใดในการประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมลู บา้ ง (แนวคาตอบ แหล่งที่มาของข่าวมีความน่าเช่ือถือ มีการระบุวันที่ในการเผยแพร่ อ้างอิงแหล่งท่ีมาของ ขอ้ มูล) เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๗๖

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ ความน่าเช่อื ถอื ของข้อมูล แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ การประเมินความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู ๓. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เรื่อง หลักการ ประเมินความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู จากนั้นครูอธิบายการตรวจสอบความนา่ เชอ่ื ถอื ของแหลง่ ข้อมูล ๔. ครูนาตัวอย่างชุดขอ้ มูลหรอื ข่าวให้นักเรยี นดูเพิ่มเติม จากน้ันใหท้ ุกคนช่วยกันประเมินความน่าเช่ือถือ (ครู สามารถหาข่าวท่สี นใจใหเ้ หมาะสมกบั วัยของนกั เรียนได้ทางอินเทอรเ์ น็ต หรือสือ่ สิง่ พิมพ์ตา่ ง ๆได้) ๕. จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice เรอ่ื ง การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อตรวจสอบ ความเข้าใจ (ตวั อย่างข่าวในข้นั สอนข้อ๑) แหลง่ ทมี่ า ไทยรฐั ออนไลน์( https://www.thairath.co.th/news/foreign/๑๗๑๒๓๔๘ ) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๗๗

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ การประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของขอ้ มลู ๖. ครูอธิบายวิธีการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๗. จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice โดยใช้ PROMPT ในการวิเคราะห์และประเมินความ น่าเช่ือถอื ของข้อมลู เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๗๘

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ความน่าเช่อื ถอื ของข้อมูล แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๒ การประเมินความนา่ เชื่อถอื ของข้อมูล ชั่วโมงท่ี ๒ ขน้ั สอน ๘. ครถู ามคาถามทบทวนนักเรียนวา่ จากคาบท่แี ล้วนักเรียนไดว้ ิธีการประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูลอย่างไร บ้าง ๙. ครูนาภาพตัวอย่างการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กให้นักเรียนดู และร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลว่าจากตัวอย่าง ดงั กล่าวนักเรยี นมีความคิดเห็นอยา่ งไร (เปน็ ขา่ วที่มกี ารใช้เหตุผลวบิ ตั ิ) (ตัวอย่างข่าวเหตุผลวิบัต)ิ แหล่งที่มา เพจข่าว หมายเหตุ ชอ่ื บุคคลเปน็ นามสมมติ ๑๐. ครูอธิบายเพม่ิ เติมว่าการสรปู เหมารวม เป็นตรรกะวิบัติท่ีเรียกว่า Appeal to Ignirance การแสดงความ คดิ เหน็ ตา่ งๆ บางเรือ่ งไม่มีใครทราบข้อมูลนน้ั จนทาใหอ้ า้ งความไม่รู้เพื่อหาขอ้ เท็จจริงน้ัน ๑๑. จากน้ันครูอธิบายเนื้อหาเรื่องการใช้เหตุผลวิบัติ และยกตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติ พร้อมผลกระทบท่ี เกดิ ขน้ึ จากตวั อย่างในหนงั สอื เรียนวชิ า เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ๑๒. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔-๕ คน และให้แต่ละกลุ่มหาตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติบนอินเทอร์เน็ต เพื่อ วิเคราะห์ผลกระทบ หรือปัญหาที่อาจเกิดตามมาจากนั้นให้แต่ละกลุ่มเตรียมนาข้อมูลมาแบ่งปันหน้าช้ัน เรียน (อาจเอกสารหรือ PowerPoint มาประกอบ ) ในหัวข้อ “เหตุผลวิบัติ และผลกระทบท่ีเกิดข้ึน” พร้อมบนั ทกึ ลงในแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั exersice ๑๓. ครสู อบถามนกั เรยี นวา่ จากกจิ กรรมท่ีใหไ้ ปเตรียม นกั เรียนเลอื กยกตัวอยา่ งเหตุผลวบิ ัตปิ ระเภทไหนบา้ ง (แนวคาตอบ การละท้งิ ข้อยกเว้น การสรุปเหมารวม การอา้ งความไม่รู้ ) เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๗๙

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๒ การประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล ๑๔. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมาแบ่งปนั ข้อมูลหน้าชน้ั ตามหวั ข้อทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย จากนัน้ ให้นกั เรียนกลุ่ม อื่น ๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มที่นาเสนอผลกระทบท่ีเกิดข้ึน จากการใช้ เหตุผลวิบัติ ขน้ั สรุป ๑. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบที่ผา่ นมานักเรยี นได้มุมมองในการใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ อยา่ งไรบา้ ง (แนวคาตอบ ข้อมูลที่เราอ่านอาจไม่ใช้ข้อมูลจริงท้ังหมดควรประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อน ตัดสนิ ใจเชอ่ื ข่าวบางสานักมกี ารเขยี นข่าวโดยใช้เหตผุ ลวบิ ตั ิเราควรอ่านข่าวอย่างมีวิจารณญาณหรือคิดไต่ ตรองตามเนือ้ หาทข่ี า่ วเขยี นไปดว้ ย) ๑๐. สื่อแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.๓ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง ความนา่ เช่อื ถือของข้อมูล ๑๑. การวดั และการประเมินผล ๑๑.๑ การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรม จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน แบบฝึกหัดรายวิชา บอกหลกั การการ ๑. บอกหลกั การการ ตรวจแบบฝกึ หัด พืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ประเมินความนา่ เช่อื ถือ เทคโนโลยี (วิทยาการ ของข้อมลู ไดถ้ กู ตอ้ ง ประเมินความนา่ เชือ่ ถอื Exercise เร่อื ง การ คานวณ) ม.๓ ๖๐% ข้ึนไป หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ของขอ้ มูลได้ (K) ประเมินความน่าเช่อื ถือ เรอ่ื ง ความน่าเชอื่ ถือ สามารถประเมินความ ของข้อมลู ของข้อมูล นา่ เชื่อถือของขอ้ มูลได้ แบบฝึกหดั รายวิชา ถูกตอ้ ง ๖๐% ขน้ึ ไป ๒. ประเมนิ ความ ตรวจแบบฝกึ หัด พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ น่าเช่อื ถอื ของข้อมูลได้ Exercise เรื่อง การ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ (P) ประเมนิ ความนา่ เช่อื ถือ คานวณ) ม.๓ ของขอ้ มูล หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เรอื่ ง ความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มูล เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๘๐

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ ความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มูล แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ การประเมินความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูล จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เคร่อื งมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน แบบฝึกหดั รายวิชา คานงึ ถงึ ผลกระทบที่ ๓. คานงึ ถงึ ผลกระทบที่ ตรวจแบบฝกึ หัด พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เกดิ ขน้ึ จากการใช้เหตุผล เทคโนโลยี (วทิ ยาการ วบิ ตั ไิ ด้ เกดิ ข้ึนจากการใช้เหตุผล Exercise เรอ่ื ง การ คานวณ) ม.๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ วบิ ตั ไิ ด้ (A) ประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื เรอ่ื ง ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล ของขอ้ มูล เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๘๑

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือของขอ้ มลู Exercise เร่อื ง การประเมินความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู ๑. ใหน้ ักเรียนอธิบายหลกั การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมลู ต่อไปนี้ ๑. ประเมินความตรงตามความต้องการของข้อมลู ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๒. ประเมินความนา่ เชือ่ ถือและความทันสมยั ของข้อมูล ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๓. ประเมินระดับเนื้อหาของขอ้ มลู ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๒. ให้นักเรยี นอธิบายระดบั เนอื้ หาของขอ้ มลู ต่อไปนี้ พรอ้ มยกตวั อย่าง ๑. ขอ้ มูลปฐมภมู ิ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๒. ขอ้ มลู ทุติยภมู ิ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๘๒

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ ความนา่ เช่ือถือของข้อมลู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ การประเมินความนา่ เช่ือถอื ของข้อมูล ๓. ข้อมลู ตตยิ ภมู ิ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๓. ให้นกั เรยี นบอกวธิ ีการตรวจสอบความนา่ เช่ือถือของขอ้ มูล ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๔. ใหน้ กั เรียนบอกแหลง่ ขอ้ มลู ที่มคี วามนา่ เชอื่ ถือ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๕. ใหน้ กั เรียนพิจารณาขอ้ มลู ต่อไปน้ี แล้วบอกขน้ั ตอนการประเมนิ ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู โดยใช้ PROMPE เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๘๓

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๓ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมลู ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒ การประเมินความน่าเชอ่ื ถือของข้อมูล ขั้นตอนการประเมนิ ๖. ใหน้ กั เรียนวิเคราะห์ความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู แล้วตอบคาถาม เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๘๔

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ความน่าเชือ่ ถือของขอ้ มูล แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๒ การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล ๑. จากขอ้ มูลขา้ งต้น มคี วามนา่ เชอ่ื ถือหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๒. เหตผุ ลหรือหลักการประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูลเปน็ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ๗. ให้นักเรียนอธิบายความหมายของเหตผุ ลวบิ ัติ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๘. ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ ของการใชเ้ หตผุ ลวบิ ัตแิ ลว้ บอกปญั หาทเ่ี กิด สถานการณ์ ......................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. จากสถานการณข์ ้างตน้ ปัญหาท่ีเกดิ คือ .............................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๘๕

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ การประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มลู Exercise เรื่อง การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือของข้อมูล ๑. ใหน้ กั เรียนอธิบายหลกั การประเมินความน่าเชือ่ ถือของข้อมูลตอ่ ไปน้ี ๑. ประเมนิ ความตรงตามความต้องการของข้อมลู เป็นหลกั การพืน้ ฐานทคี่ วรทากอ่ นการคัดแยก เพื่อเลือกเฉพาะขอ้ มูลทต่ี รงตามความต้องการเทา่ นั้น โดยจะพจิ ารณาว่าขอ้ มูลทไี่ ด้จากการสืบคน้ ขอ้ มูลน้ันตรงตามความตอ้ งการของผสู้ ืบค้นหรอื ไม่ หากไม่ตรง ทัง้ หมดสามารถเลือกเฉพาะส่วนท่ีตรงกับความต้องการได้หริอไม่ โดยการอา่ นเย้ืองต้น ได้แก่ การอา่ นช่ือ เวบ็ ไซต์ ชือ่ เว็บเพจ ชือ่ หวั เรอ่ื ง คานา หน้าสารบัญ หรือเนอื้ หาในเว็บไซต์ ๒. ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือและความทนั สมัยของขอ้ มลู เปน็ การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถือตามรายละเอยี ด ดงั นี้ 1) ประเมินความน่าเชื่อถอื ของแหลง่ ข้อมูล โดยพจิ ารณาวา่ ข้อมูลนน้ั ได้มาจากแหลง่ ใด ซึ่งโดย สว่ นมากแหล่งข้อมูลท่ีนา่ เชอ่ื ถอื จะเปน็ สถาบนั หรือองค์กร 2) ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของทรัพยากรข้อมลู โดยพิจารณาวา่ ทรัพยากรข้อมลู หรือขอ้ มลู น้นั ๆ เปน็ รูปแบบใด สอ่ื สิ่งพมิ พ์หรือสอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์ 3) ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของผู้เขียน ผู้จัดทา สานกั พมิ พ์ 4) ประเมินความทนั สมัยของขอ้ มลู วันเดือนปีที่พิมพ์ หรือวนั เดือนปีทีข่ อ้ มูลถูกเผยแพร่ ๓. ประเมินระดับเนือ้ หาของข้อมลู มี ๓ ระดับ คือ ขอ้ มลู ทุตยิ ภมู ิ ขอ้ มูลปฐมภูมิ และข้อมูลตตยิ ภูมิ ๒. ให้นักเรยี นอธบิ ายระดบั เนอ้ื หาของขอ้ มลู ต่อไปน้ี พรอ้ มยกตัวอย่าง ๑. ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ เปน็ ขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาค้นควา้ โดยตรงของผู้เขยี นและมีการเผยแพรเ่ ปน็ คร้ังแรก เช่น วิทยานิพนธ์ รายงานการวิจยั สิ่งพิมพห์ รือเวบ็ ไซตข์ องรัฐบาล ๒. ข้อมูลทุตยิ ภูมิ เป็นการนาข้อมูลปฐมภูมมิ าเขียน อธิบาย เรียบเรียงหรือวจิ ารณใ์ หมใ่ หเ้ ข้าใจ เพ่ือให้เหมาะกับ ผใู้ ช้งานหรือผู้สืบค้น อกี ทั้งยงั สามารถเป็นเครอ่ื งมือชว่ ยตดิ ตามข้อมูลปฐมภูมอิ กี ดว้ ย เช่น บทความวารสาร บทคดั ยอ่ งานวิจัย บทวิจารณ์ ๓. ขอ้ มลู ตติยภูมิ เปน็ ขอ้ มลู ทีเ่ ป็นการแนะนาแหลง่ ขอ้ มูลปฐมภมู แิ ละขอ้ มลู ทุติยภมู ิ ซง่ึ ขอ้ มูลตตยิ ภมู จิ ะไมไ่ ดใ้ หเ้ น้ือหา ขอ้ มลู โดยตรง แตเ่ ปน็ การชีแ้ นะแหลง่ ข้อมลู ปฐมภูมแิ ละข้อมูลทุติยภูมิ เชน่ แหลง่ ที่มาของเว็บไซต์ ดรรชนวี ารสาร บรรณานุกรม เอกสารอา้ งองิ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๘๖

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือของข้อมลู ๓. ให้นกั เรียนบอกวิธกี ารตรวจสอบความนา่ เชื่อถอื ของข้อมูล ๑) เนอ้ื หาที่เผยแพร่ต้องตรงตามวัตถุประสงค์ทร่ี ะบไุ ว้ในเว็บไซต์ ๒) เนอ้ื หาในเว็บไซต์ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ศิลธรรม และจริยธรรม ๓) มกี ารระบุช่อื ผเู้ ขียนบทความหรือผู้ให้ข้อมลู บนเว็บไซต์ ๔) มกี ารอา้ งอิงหรือระบุแหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู ในเน้อื หาท่ีปรากฏบนเวบ็ ไซต์ ๕) มกี ารระบุ วนั เวลา ในการเผยแพร่ขอ้ มูลบนเว็บไซต์และปรบั ปรงุ ข้อมลู คร้งั ลา่ สุด ๖) สามารถเชื่อมโยง (LINK) ไปยังเวบ็ อืน่ ท่อี ้างองิ ได้ ๗) ระบุวตั ถปุ ระสงคใ์ นการสรา้ งหรอื เผยแพร่ขอ้ มูลไวใ้ นเวบ็ ไซต์ ๘) มีการเผยแพร่ชอ่ งทางท่ีสามารถติดตอ่ ผดู้ ูแลเวบ็ ไซตไ์ ด้ ๔. ให้นกั เรยี นบอกแหลง่ ขอ้ มูลท่มี คี วามนา่ เชือ่ ถอื ๑) เจา้ ของขอ้ มลู เป็นผทู้ ม่ี ปี ระสบการณ์ตรงเก่ียวกับขอ้ มูลน้ัน ๆ ๒) องคก์ รหรือผู้มคี วามรคู้ วามเช่ยี วชาญเฉพาะด้าน เป็นองคก์ รบคุ คลทที่ างานหรอื ศกึ ษาคน้ คว้าใน ด้านใดด้านหนงึ่ ๓) หนว่ ยงานของรฐั เปน็ หน่วยงานท่มี ขี อ้ มูลซ่งึ มผี ลตอ่ ความเป็นอยู่ของประชากรและการพฒั นา ประเทศ ๕. ใหน้ กั เรียนพิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แลว้ บอกขน้ั ตอนการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู โดยใช้ PROMPE เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๘๗

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ การประเมินความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล ขอ้ มลู ท่ไี ดม้ คี วามชัดเจนจากรายงานผลการสารวจ พฤติกรรมผูใ้ ชอ้ นิ เทอร์เนต็ ในประเทศไทย ปี พ.ศ. ข้ันตอนการประเมนิ ๒๕๖๒ 1) การนาเสนอ ขอ้ มูลทไ่ี ด้มีเนอ้ื หาน้อยเกินไป ไมพ่ ูดถึงรายละเอยี ด เก่ยี วกับผู้ใชท้ ่รี ู้จักหรือเคยทาการพิสูจนห์ รือยนื ยัน 2) ความสัมพันธก์ ัน ตวั ตนทางด้านดิจิทลั ในการทากิจกรรมของแตล่ ะ ชว่ งวยั 3) วัตถุประสงค์ พฤติกรรมผู้ใช้อินเทอรเ์ นต็ รู้จกั และเคยทาการ 4) วิธกี าร พสิ ูจนแ์ ละยนื ยนั ตวั ตนทางดจิ ทิ ัลในการทากจิ กรรม 5) พิสจู น์หรือยืนยนั รวบรวมข้อมูลโดยการสืบคน้ บนอนิ เทอร์เน็ต 6) ทนั เหตุการณ์และเป็นปัจจบุ นั มแี หลง่ อ้างองิ ข้อมลู นจ้ี ดั ทาขนึ้ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๖. ให้นักเรยี นวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล แลว้ ตอบคาถาม เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๘๘

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ความนา่ เช่ือถือของขอ้ มลู แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ การประเมินความน่าเชอื่ ถอื ของขอ้ มูล ๑. จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ มีความน่าเชอ่ื ถือหรือไม่ เพราะเหตุใด มคี วามน่าเชอื่ ถือ เพราะเป็นแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศท่นี ่าเชอื่ ถอื มาจากหน่วยงานหรือผทู้ ี่มคี วามรู้ ความเช่ยี วชาญเฉพาะดา้ น เปน็ หน่วยงานทม่ี บี คุ คลทางานหรอื ศึกษาค้นคว้า จึงมขี อ้ มลู ท่ีถูกตอ้ งตรงตามความ จริง ๒. เหตุผลหรือหลักการประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมลู เปน็ อยา่ งไร ๑) ข้อมูลและเนอ้ื หาที่ไดม้ คี วามชัดเจน ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย แนะวิธีการเลอื กหน้ากากอนามัย การ ใส่-ทิ้งหน้ากากอนามัยท่ีถกู วธิ ีไดอ้ ยา่ งละเอยี ด ๒) แหลง่ อา้ งองิ ระบวุ ันเวลาในการเผยแพร่ขอ้ มลู ทปี่ รากฏในเวบ็ ไซต์ ๗. ให้นักเรียนอธบิ ายความหมายของเหตผุ ลวิบตั ิ การใชเ้ หตุผลที่ผิดพลาด ขาดความน่าเชอ่ื ถือในการนาเสนอ อภปิ ราย หรอื สรุปขอ้ มูลใด ๆ เพื่อ พยายามให้ผอู้ ื่นเช่อื ถอื ยอมรับ และสนับสนุนขอ้ มูลดังกล่าว สง่ ผลให้ผรู้ ับขอ้ มูลรวมถึงสงั คมเกดิ ความเข้าใจ ผิด ๘. ให้นกั เรยี นยกตวั อย่าของการใช้เหตุผลวบิ ตั แิ ล้วบอกปัญหาทเ่ี กิด สถานการณ์ ชายคนหน่งึ กระทาผิดกฎจราจร เมือ่ เขาขีร่ ถจักรยานยนต์ลงจากสะพานฝ่ังขาเขา้ กอ่ นเล้ียวซา้ ย เข้าซอยตรงเชงิ สะพานอย่างกะทนั หนั เป็นอนั ตรายจนอาจจะนามาส่อู บุ ัตเิ หตุได้ เจา้ หนา้ ท่ตี ารวจทาการจบั กุม ชายคนน้ัน แต่ชายคนน้นั กลบั ยน่ื ธนบัตร ๑๐๐ บาท เพ่อื แลกกบั การทเี่ จ้าหนา้ ทีไ่ ม่ออกใบสงั่ ในการกระทาผิด กฎจราจรนน้ั ชายคนนั้นไดอ้ า้ งว่าใคร ๆ ก็ใหส้ นิ บนแก่เจ้าหนา้ ทีต่ ารวจกันท้งั นนั้ จากสถานการณข์ ้างต้น ปญั หาที่เกิดคือ ชายคนน้ันท่ตี ดิ สินบนเจ้าหน้าที่ตารวจมีความผดตามกฎหมาย ซง่ึ สามารถนามาบังคับใชไ้ ด้ทกุ สถานการณ์เม่อื เห็นสมควร หรอื ถ้าเจ้าหนา้ ทีต่ ารวจมาเรยี กรบั สินบน จะตอ้ งถูกไล่ ออกจากราชการและถกู ดาเนินคดอี าญา ติดคกุ สถานเดียวเทา่ น้นั และหากเจ้าหนา้ ท่ีคนไหน สามารถจบั กมุ ประชาชนทพ่ี ยายามให้สินบนเจ้าหนา้ ท่ไี ด้น้ัน จะมรี างวัลตอบแทน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๘๙

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๓ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล ๑๒. บนั ทึกผลหลงั การสอน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน  ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)  ด้านอ่นื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมท่ีมีปัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถา้ ม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแก้ไข เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๙๐

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มูล แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๓ ดารรเู้ ทา่ ทันสอ่ื แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มลู เวลา ๔ ช่วั โมง เรือ่ ง การรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ เวลา ๑ ชั่วโมง รายวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทันและมีจรยิ ธรรม ตัวชวี้ ัด ม.๓/๓ ประเมินความนา่ เชื่อถือของข้อมูล วิเคราะหส์ ่อื และผลกระทบจากการให้ขา่ วสารทผ่ี ิด เพ่อื การใช้งานอย่างรู้เท่าทัน ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายการรู้เทา่ ทันส่ือดจิ ิทัลและการร้เู ท่าทันสือ่ ได้ (K) ๒. วเิ คราะหค์ วามน่าเชอ่ื ถอื และประเมินผลกระทบของขอ้ มูลจากขา่ วสารท่ผี ิด เพือ่ การใชง้ านอย่างรูเ้ ทา่ ทันได้ (P,A) ๓. สาระสาคัญ การรู้เท่าทันสื่อเป็นลักษณะสมรรถนะที่ครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษท่ี ๒๑ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับ ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศผ่านสื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัล การเลือก รับ วิเคราะห์ ประเมินและนา ข้อมูลท่ีได้รับไปใช้ในทางสรา้ งสรรค์ โดยองค์ประกอบการรู้เท่าทนั สอ่ื มีดังนี้ ๑) ความสามารถในการเขา้ ถงึ ส่ือ ๒) ความเขา้ ใจการประเมินคา่ สาระสนเทศเน้ือหาในสอ่ื ๓) การสร้าง การใช้ประโยชน์ และการเฝ้าระวงั สาระสนเทศและเน้ือหาในสือ่ ๔) การสะทอ้ นคดิ ๔. สาระการเรยี นรู้ ๑. องคป์ ระกอบการรเู้ ทา่ ทันส่ือ ๒. การรเู้ ทา่ ทนั สือ่ ดิจิทลั และการร้เู ท่าทนั ส่ือ ๓. การใชส้ ่ือและปญั หาทพี่ บในสื่อปจั จุบัน ๔. ผลกระทบของขอ้ มลู ทผี่ ดิ พลาด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๙๑

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมลู  ซื่อสตั ย์ สจุ ริต แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓ ดารรูเ้ ทา่ ทนั ส่อื  ใฝ่เรียนรู้  มุ่งม่นั ในการทางาน ๕. รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน  มจี ติ สาธารณะ ๑. รปู แบบการสอนแบบการอภปิ ราย ๖. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน  ความสามารถในการสอื่ สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ญั หา  ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. ทักษะ ๔ Cs  ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)  ทกั ษะการทางานร่วมกนั (Collaboration Skill)  ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill)  ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) ๘. คุณลักษณะอันพึงประสงค์  รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์  มีวนิ ยั  อยู่อย่างพอเพียง  รกั ความเปน็ ไทย เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๙๒

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ความน่าเชอ่ื ถือของข้อมลู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓ ดารรูเ้ ท่าทนั ส่ือ ๙. การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ข้นั นา ๑. ครูสอบถามนกั เรยี นว่าจากคาบท่ีแล้ว ข้อมูลท่ีเราพบในอินเทอร์เน็ต นอกจากการประเมินความน่าเชื่อถือ ของขอ้ มูลก่อนนาไปใช้งานแลว้ เรายังตอ้ งคานงึ ถงึ ดา้ นใดอกี บ้าง (แนวคาตอบ การกล่นั แกลง้ คนอืน่ ด้วยส่อื ออนไลน์ ลขิ สทิ ธขิ์ องข้อมูล) ข้ันสอน ๑. ครูถามนักเรียนว่าก่อนที่จะสามารถวิเคราะห์ และรู้เท่าทันส่ือได้ ควรมีพ้ืนฐานความรู้ ความสามารถด้าน ใดบ้าง (แนวคาตอบ การใชค้ อมพวิ เตอร์ ความสามารถในการคน้ หาขอ้ มูลข่าวสาร) ๒. ครูอธิบายองค์ประกอบของการรู้เท่าทันส่ือจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ๓. ครูอธิบายที่มาของความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล และการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล ๘ ด้าน ในหนังสือ เรียนวชิ า เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ๔. ครสู มุ่ นักเรียนยกตัวอยา่ งการรู้เทา่ ทนั สือ่ คนละด้าน พร้อมยกตวั อย่าง (แนวคาตอบ ด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูล ยกตัวอย่าง ไม่เปิดเผยข้อมูลท่ีอยู่ให้กับบุคคลท่ี ไม่รู้จกั ไม่โพสตข์ ้อมูลบัตรประจาตัวประชาชนลง Facebook โดยเฉพาะท่ีอยู่และเลขประจาตัวประชาชน เป็นต้น) ๕. ครูอธบิ ายหวั ข้อ “การรู้เท่าทันส่ือ” ในหนังสอื เรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๖. จากนั้นครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัด exersice เรือ่ ง การร้เู ท่าทนั สือ่ ๗. ครูถามทบทวนนกั เรยี นโดยการถามคาถามวา่ ความสามารถในการรู้เท่าทนั สื่อดจิ ทิ ลั มกี ี่ด้าน อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ การใช้อย่างปลอดภยั การป้องกนั ความเปน็ ส่วนตวั ) ๘. ครถู ามนกั เรียนวา่ หากมกี ารใชอ้ ินเทอร์เนต็ อย่างไม่ร้เู ทา่ ทัน จะสง่ ผลกระทบอะไรกบั ผูอ้ ่ืนบ้าง (แนวคาตอบ ข้อมลู ท่เี ป็นเท็จ เกิดความไมป่ ลอดภัยต่อข้อมูลสว่ นบุคคล มกี ารละเมิดลิขสทิ ธิ์) ๙. ครอู ธบิ ายความสาคัญของการใชอ้ ินเทอร์เน็ตอยา่ งรู้เท่าทนั และผลกระทบทีอ่ าจเกิดข้นึ จากหนงั สือหนังสือ เรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เรอ่ื งการใช้สือ่ และปัญหาท่ีพบในสื่อปจั จบุ ัน และเร่อื งผลกระทบของข้อมูลที่ผิดพลาด ๑๐. จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด Activity เรื่อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ ของขอ้ มูล และประเมินผลผลกระทบท่อี าจเกดิ ขึน้ หากข้อมลู ผิดพลาด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๙๓

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓ ความนา่ เชือ่ ถอื ของขอ้ มลู แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ ดารรเู้ ท่าทนั สอ่ื ข้ันสรปุ ๑. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกนั สรปุ ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นจากการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตอย่างไม่รูเ้ ท่าทันส่อื ๑๐. ส่อื แหลง่ การเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.๓ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ เรื่อง ความน่าเช่ือถอื ของข้อมูล ๑๑. การวัดและการประเมินผล ๑๑.๑ การประเมินระหว่างการจัดกจิ กรรม จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เครอื่ งมือการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ บอกความหมายการ ๑. บอกความหมายการ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดรายวิชา รเู้ ท่าทนั สื่อดิจิทัลและ การรเู้ ท่าทันสอ่ื ได้ รู้เท่าทันสอ่ื ดิจิทัลและ Exercise เรือ่ ง การรเู้ ท่า พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ถูกตอ้ ง ๖๐% ขึ้นไป การร้เู ทา่ ทันสือ่ ได้ (K) ทันสอ่ื เทคโนโลยี (วทิ ยาการ วิเคราะห์ความน่าเชื่อถอื และประเมนิ ผลกระทบ คานวณ) ม.๓ ของข้อมูลจากขา่ วสารท่ี ผิด เพอ่ื การใชง้ านอย่าง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ รเู้ ทา่ ทันไดถ้ ูกต้อง ๖๐% ขึน้ ไป เร่ือง ความน่าเชื่อถือ ของขอ้ มลู ๒. วเิ คราะห์ความ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั รายวิชา นา่ เชอ่ื ถือ และ Activity เรื่อง ความ พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ประเมินผลกระทบของ น่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มูล เทคโนโลยี (วิทยาการ ขอ้ มลู จากข่าวสารท่ีผดิ คานวณ) ม.๓ เพ่ือการใชง้ านอย่างรเู้ ท่า หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ทนั ได้ (P,A) เรอ่ื ง ความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑๙๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook