Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรปวช 56 - การตลาด

หลักสูตรปวช 56 - การตลาด

Published by Rattikan Youtsook, 2019-06-28 03:22:08

Description: หลักสูตรปวช 56 - การตลาด

Search

Read the Text Version

รายวิชาฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพ 2202-800X ฝึกงาน X *-*-* จดุ ประสงค์รายวชิ า เพ่ือให้ 1. เข้าใจข้นั ตอนและกระบวนการปฏิบัตงิ านอาชีพอย่างเป็นระบบ 2. ปฏิบตั ิงานอาชีพในสถานประกอบการ สถานประกอบอาชพี อสิ ระหรือแหลง่ วทิ ยาการจนเกดิ ความชานาญ มีทักษะและประสบการณ์ นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏิบัตงิ านอาชพี ระดบั ฝีมือ 3. มเี จตคติที่ดตี ่อการปฏบิ ตั ิงานอาชพี และมกี จิ นิสยั ในการทางานดว้ ยความรับผิดชอบ มีวินัย คุณธรรมจรยิ ธรรม ความคิดสร้างสรรคแ์ ละสามารถทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื สมรรถนะรายวิชา 1. เตรียมความพรอ้ มเคร่ืองมืออปุ กรณใ์ นการปฏบิ ตั ิงาน 2. ปฏิบตั งิ านอาชีพตามขัน้ ตอนและกระบวนการทสี่ ถานประกอบการกาหนด 3. พฒั นาการทางานที่ปฏบิ ัติในสถานประกอบการ 4. บันทึกและรายงานผลการปฏบิ ตั ิงาน คาอธบิ ายรายวชิ า ปฏิบตั ิงานทส่ี อดคล้องกบั ลกั ษณะของงานในสาขาวชิ าชพี ในสถานประกอบการ สถานประกอบ อาชพี อสิ ระหรอื แหล่งวิทยาการ ใหเ้ กิดความชานาญ มที กั ษะและประสบการณ์งานอาชีพในระดับฝมี ือ โดย ผา่ นความเห็นชอบร่วมกันของผูร้ ับผดิ ชอบการฝกึ งานในสาขาวิชานั้น ๆ และรายงานผลการปฏิบตั งิ าน

รายวิชาโครงการพัฒนาทักษะวชิ าชีพ 2202-850X โครงการ X *-*-* จุดประสงคร์ ายวิชา เพื่อให้ 1. เขา้ ใจหลกั การและกระบวนการวางแผนจัดทาโครงการสร้างและหรอื พัฒนางาน 2. ประมวลความรู้และทักษะในการสร้างและหรอื พัฒนางานในสาขาวชิ าชพี ตามกระบวนการ วางแผน ดาเนนิ งาน แก้ไขปัญหา ประเมินผล ทารายงานและนาเสนอผลงาน 3. มเี จตคติและกจิ นสิ ัยในการทางานด้วยความรับผดิ ชอบ มวี นิ ยั คุณธรรม จริยธรรม ความคิด ริเริ่มสรา้ งสรรคแ์ ละสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อื่น สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กีย่ วกับการจัดทาโครงการ และนาเสนอผลงาน 2. ดาเนนิ การจัดทาโครงการ 3. รายงานผลการปฏิบตั งิ าน คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั หลกั การจัดทาโครงการ การวางแผน การดาเนนิ งาน การแก้ไขปัญหา การประเมนิ ผล การจดั ทารายงานและการนาเสนอผลงาน โดยปฏบิ ตั จิ ัดทาโครงการสรา้ งและหรอื พัฒนางานท่ีใชค้ วามรูแ้ ละทักษะในระดบั ฝมี ือสอดคล้องกับสาขาวิชาชีพทีศ่ กึ ษา ดาเนินการเปน็ รายบคุ คล หรอื กลมุ่ ตามลกั ษณะของงานใหแ้ ลว้ เสรจ็ ในระยะเวลาที่กาหนด

2202-9001 การประชาสัมพนั ธ์ 1-2-2 จดุ ประสงค์รายวชิ า เพอื่ ให้ 1. เข้าใจหลกั การและกระบวนการประชาสัมพันธ์ 2. เข้าใจคุณสมบตั ิและจรรยาบรรณนักประชาสมั พนั ธ์ 3. มีทกั ษะในการวางแผนและประชาสัมพันธ์งานการขาย 4. มีเจตคติและกจิ นสิ ัยท่ีดใี นการทางานด้วยความรับผดิ ชอบ ความมีมนษุ ยสัมพันธ์ ความคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ และความละเอยี ดรอบคอบ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกับหลักการและกระบวนการประชาสัมพันธ์ 2. แสดงความรูเ้ ก่ียวกบั คุณสมบตั ิและจรรยาบรรณนักประชาสมั พันธ์ 3. วางแผนและประชาสัมพนั ธ์งานการขายตามหลกั การ 4. ประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารการประชาสัมพันธ์ คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับหลกั การ และบทบาทของการประชาสมั พันธ์ การวางแผนประชาสมั พันธ์ งบประมาณการประชาสมั พันธ์ คณุ สมบัตแิ ละจรรยาบรรณนักประชาสัมพันธ์ ส่ือการประชาสัมพันธ์ ส่ือมวลชนสมั พนั ธ์ การวัดผลและประเมนิ ผลการประชาสมั พันธ์ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร การประชาสมั พันธ์

2202-9002 การตลาดเชิงจริยธรรม 2-2-3 จดุ ประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. เขา้ ใจหลกั การและกลยทุ ธ์การตลาดเชงิ จริยธรรม 2. เขา้ ใจการดาเนนิ งานการตลาดเชิงจรยิ ธรรม 3. วางแผนการตลาดเชงิ จริยธรรม 4. มีเจตคติและกิจนสิ ัยทดี่ ใี นการทางานด้วยความซื่อสตั ยส์ จุ ริต ความรับผดิ ชอบและความเสยี สละ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กยี่ วกับหลักการ และกลยุทธก์ ารตลาดเชงิ จรยิ ธรรม 2. แสดงความรู้เกย่ี วกับการดาเนนิ งานการตลาดเชงิ จริยธรรม 3. วางแผนการตลาดเชงิ จรยิ ธรรมตามหลักการ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและ หลักธรรมาภบิ าล 4. ประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และหลกั ธรรมาภบิ าลในงานการตลาด คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาเกีย่ วกับหลกั การตลาดเชงิ จริยธรรม ประโยชนแ์ ละลักษณะของการตลาดเชงิ จรยิ ธรรม กลยุทธ์การตลาดเชงิ จรยิ ธรรม หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและหลกั ธรรมาภิบาลกับการตลาด เชงิ จริยธรรม

2202-9003 การบริหารเวลา 3-0-3 จดุ ประสงคร์ ายวชิ า เพอ่ื ให้ 1. เข้าใจหลกั การและกระบวนการบริหารเวลา 2. มีทกั ษะเกี่ยวกบั การวเิ คราะหแ์ ละวางแผนการบรหิ ารเวลา 3. มีเจตคติและกจิ นสิ ยั ที่ดใี นการทางานดว้ ยการตรงต่อเวลา ความมรี ะเบียบวนิ ัย ความรับผดิ ชอบ และการควบคมุ ตนเอง สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ กีย่ วกบั หลักการและกระบวนการบรหิ ารเวลา 2. วเิ คราะห์และวางแผนบริหารเวลาตามหลักการ 3. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสือ่ สารในการบริหารเวลา คาอธิบายรายวชิ า ศึกษาเกีย่ วกบั หลักการบริหารเวลา การวเิ คราะหเ์ วลา การวางแผนบริหารเวลา การจดั ลาดบั งาน เทคนิคการบริหารเวลาในงานขาย การควบคุมและประเมนิ ผลการบรหิ ารเวลา เทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสอ่ื สารเกย่ี วกับการบริหารเวลา

2202-9004 สถานการณ์ทางการตลาด 3-0-3 จุดประสงคร์ ายวิชา เพื่อให้ 1. เขา้ ใจสถานการณ์ด้านประชากรศาสตร์ สงั คมและวัฒนธรรม กฎหมายและการเมือง เศรษฐกจิ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร สภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติ การแขง่ ขันและผู้มีสว่ น ไดส้ ว่ นเสยี ทางธรุ กจิ ทมี่ ีผลกระทบตอ่ การดาเนนิ งานทางการตลาด 2. วิเคราะห์สถานการณ์ท่มี ีผลกระทบต่อการดาเนนิ งานทางการตลาด 3. มเี จตคติและกิจนสิ ยั ทด่ี ีในการทางานดว้ ยความสนใจใฝ่รู้ ความละเอยี ดรอบคอบและ ความรับผดิ ชอบ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กีย่ วกับสถานการณด์ ้านประชากรศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม กฎหมายและ การเมือง เศรษฐกจิ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร และสภาวะแวดลอ้ มทางธรรมชาติ การแขง่ ขันและผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสยี ทางธุรกิจที่มีผลกระทบตอ่ การดาเนนิ งานทางการตลาด 2. วเิ คราะห์สถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการดาเนนิ งานทางการตลาดตามหลกั การ คาอธิบายรายวชิ า ศึกษาเกย่ี วกับสถานการณ์ทางการตลาดด้านประชากรศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรม กฎหมายและ การเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สภาวะแวดลอ้ มทางธรรมชาติ การแขง่ ขันทาง ธรุ กจิ ผ้มู สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี กบั ธรุ กจิ แนวโน้มและผลกระทบต่อการดาเนินงานทางการตลาด

2202-9005 การรวมกลุ่มทางการค้า 3-0-3 จุดประสงค์รายวิชา เพ่อื ให้ 1. เข้าใจเกีย่ วกบั หลักการรวมกล่มุ ทางการคา้ ยทุ ธศาสตร์การรวมกลุม่ ทางการคา้ ข้อตกลงทาง การคา้ มาตรการกีดกนั ทางการคา้ และแนวโนม้ การคา้ ในกลมุ่ การค้าโลก 2. วเิ คราะหโ์ อกาสและอปุ สรรคของการรวมกลุ่มทางการค้าและแนวโนม้ การค้าในกลุ่มการค้าโลก 3. มเี จตคติและกิจนิสัยทดี่ ีในการทางานดว้ ยการทางานเป็นทมี ภาวะผ้นู า ความสามัคคีและ ความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กยี่ วกับหลักการรวมกลุม่ ทางการคา้ ยทุ ธศาสตร์การรวมกลุ่มทางการค้า ข้อตกลง ทางการค้า มาตรการกดี กันทางการคา้ และแนวโน้มการคา้ ในกลมุ่ การคา้ โลก 2. วิเคราะห์โอกาส อปุ สรรคของการรวมกลุ่มทางการคา้ และแนวโนม้ การค้าในกลุ่มการค้าโลก ตามหลักการ คาอธบิ ายรายวิชา ศึกษาเก่ียวกับหลกั การรวมกลุม่ ทางการค้า วตั ถปุ ระสงค์และประโยชน์ของการรวมกลุ่มทางการคา้ ประเภทของการรวมกลุม่ ทางการคา้ ยทุ ธศาสตร์การรวมกลุม่ ทางการคา้ ขอ้ ตกลงและมาตรการการกีดกนั ทางการคา้ โอกาสและอุปสรรคของการรวมกล่มุ ทางการคา้ และแนวโนม้ การค้าในกลุม่ การค้าโลก

กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ความหมาย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมที่จัดอย่างเป็นกระบวนการด้วยรูปแบบ วิธีการที่หลากหลาย ใน การพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่ง เสริมสร้างเจตคติ คุณค่าชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองสร้างจิตสานึก และร่วม อนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปรับตัวและมีจิตสาธารณะโดยคานึงถึงประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและ ดารงชวี ติ อยา่ งมีความสขุ รวมทั้งการนอ้ มนาเอาหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาเป็นฐานในการดารงชีวติ ลักษณะของกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๑. ผเู้ รียนได้รับประสบการณ์ทีห่ ลากหลาย เกิดความรู้ ความชานาญ ทัง้ วิชาการและวิชาชีพ อย่าง กวา้ งขวางมากยงิ่ ข้ึน ๒. ผ้เู รียนคน้ พบความสนใจ ความถนัด และพฒั นาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว มองเหน็ ช่องทางใน การสรา้ งงานอาชีพในอนาคตไดเ้ หมาะสมกบั ตนเอง ๓. ผูเ้ รียนเหน็ คณุ คา่ ขององค์ความรู้ต่าง ๆ สามารถนาความรแู้ ละประสบการณ์ไปใช้ในการพฒั นา ตนเอง และประกอบสัมมาชพี ๔.ผู้เรยี นพฒั นาบคุ ลิกภาพ เจตคตใิ นค่านยิ มในการดารงชีวติ และเสริมสรา้ งศลี ธรรม จรยิ ธรรม ๕. ผู้เรยี นมีจติ สาธารณะ และทาประโยชนเ์ พ่ือสังคม และประเทศชาติ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๑. กิจกรรมแนะแนว ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ เรยี นสัปดาห์ละ ๑ ชั่วโมง ๒. กจิ กรรมชุมนมุ เปน็ กจิ กรรมทเ่ี กิดจากความสมคั รใจของผูเ้ รียนได้พฒั นาตามคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพิ่มเติมจากกจิ กรรมในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่ จัดในเวลาเรียน ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๔-๖ เรียนสัปดาห์ละ ๑ ช่ัวโมง ๓. กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณะประโยชนเ์ ปน็ กจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชนเ์ พ่ือส่วนรวมและสาธารณะ เป็นกจิ กรรมที่ จดั ในเวลาเรยี น ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔-๖ เรียนสปั ดาหล์ ะ ๑ ช่ัวโมง ๔. กิจกรรมพฒั นาทักษะดารงชีวิต 8 กิจกรรม โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๕๖ จดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ดงั นี้ ๑. กจิ กรรมแนะแนว เปน็ กิจกรรมที่สง่ เสรมิ และพฒั นาความสามารถของผู้เรยี นให้เหมาะสม ตาม ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล สามารถคน้ พบและพัฒนาศักยภาพของคน เสรมิ สรา้ งทักษะชีวิต วฒุ ภิ าวะทาง อารมณ์ และการสรา้ งสัมพันธภาพทดี่ ี ซึ่งผสู้ อนทุกคนต้องทาหน้าท่แี นะแนวให้คาปรกึ ษา ด้านการเรียนรู้ ทักษะชีวิต การอยู่ร่วมกันในสังคม การศึกษาต่อและการพัฒนาตนเอง สโู่ ลกเพื่อการอยู่รว่ มกนั ในสังคมอยา่ งปกติ สุข กิจกรรมแนะแนวเปน็ บทบาทของครทู ุกคน ทีจ่ ะต้องดาเนินการ คดั กรอง และจัดกิจกรรมหรือ บรกิ ารตา่ ง ๆ เพื่อสง่ เสริม พัฒนา ปอ้ งกนั แก้ไข โดยครูทุกคนดาเนนิ การดงั น้ี ๑. ศึกษาและรวบรวมข้อมูลผเู้ รยี นเปน็ รายบุคคล ๒. คัดกรองผ้เู รยี นเพ่ือจาแนกผู้เรยี นออกเปน็ ๒ กลุ่ม คอื กลมุ่ ปกติ และกลมุ่ พเิ ศษ

๓. ดแู ลช่วยเหลือ ใหค้ าปรึกษาในด้านตา่ ง ๆ ใหผ้ เู้ รยี นได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ ๔. พัฒนาระบบขอ้ มลู และภูมิความรูท้ ี่ทนั สมัย อันจะเกิดประโยชน์ และจาเปน็ ในการดาเนินชวี ิต ๕. ประสานงานกับผปู้ กครอง ชมุ ชน เพอ่ื การรว่ มมือในการดแู ลช่วยเหลือผ้เู รียน ๖. ประสานงานกับผู้เก่ียวขอ้ งท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา เพื่อการดูแลช่วยเหลอื และ การสง่ ตอ่ ผเู้ รยี น ๗. จัดกจิ กรรมทั้งในและนอกหอ้ งเรียน เพื่อป้องกนั แก้ไข ส่งเสริมและพฒั นาผเู้ รยี นทกุ คน รวมทัง้ ผู้ท่มี คี วามสามารถพเิ ศษ ผดู้ อ้ ยโอกาส คนพิการ ตลอดจนผู้มีปญั หาชวี ติ และสงั คม ให้สามารถพฒั นา ตนไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ ๘. ร่วมจดั บริการต่าง ๆ เชน่ - จดั บรกิ ารดา้ นสุขภาพ - จดั หาทนุ และอาหารกลางวัน - จดั ศูนยก์ ารเรยี นรู้ให้ผู้เรยี น เพอ่ื การวางแผนชวี ติ - จัดบรกิ ารช่วยผเู้ รยี นทมี่ ีปัญหา หรอื ความต้องการ - ตดิ ตามผลผเู้ รียนท้ังในปจั จบุ ัน และจบการศึกษาแล้ว ๙. นิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผล และประชาสมั พนั ธ์ กจิ กรรมแนะแนวทโี่ รงเรียนจัดมดี งั นี้ ๑. การศึกษาเด็กเปน็ รายบคุ คล ใหค้ รปู ระจาชน้ั และครปู ระจาวชิ า มกี ารศกึ ษาเดก็ เป็น รายบุคคลอย่างต่อเน่ือง ๒. การสอนซ่อมเสรมิ เป็นการสอนซอ่ มด้วยกจิ กรรมทีห่ ลากหลายให้กับเด็กทเ่ี รียนอ่อน และมีปัญหา และสอนเสริมใหก้ บั เด็กท่เี รยี นเก่ง สามารถศึกษาหาความรดู้ ว้ ยตนเองได้ดว้ ยกลวิธที หี่ ลากหลาย ท้ังนี้ต้องเปน็ ไปตามความต้องการของผเู้ รียน ๓. การส่งเสรมิ ศักยภาพของนักเรยี น ซงึ่ ครผู ู้รบั ผดิ ชอบจะใช้ขอ้ มูลพ้นื ฐานของนักเรยี น รายบคุ คลเป็นฐานในการสง่ เสริมศกั ยภาพเฉพาะด้านให้กับนักเรียนนน้ั ๆ และดาเนินการอยา่ งเป็นระบบ เพ่ือให้ นักเรียนไดร้ ับการส่งเสริมเตม็ ศักยภาพ ๔. การตรวจสขุ ภาพ มกี ารตรวจสขุ ภาพและวิเคราะห์ผลการเจรญิ เติบโตของนักเรียนทุกคน อยา่ งเปน็ ระบบสามารถตรวจสอบได้ ๕. การจัดทุนการศึกษา และทนุ อาหารกลางวัน ให้กบั นกั เรียนทขี่ าดแคลนทางดา้ นทุนทรัพย์ ๖. รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ ของนกั เรียนเพอื่ ให้นักเรยี นไดส้ ารวจตนเอง และ รู้จักตนเองในทกุ ด้าน ๗. การติดตามผลผู้เรียนในปัจจุบันและจบการศกึ ษาแลว้ ๘. การแนะแนวการศึกษา ให้ผู้เรยี นพัฒนาการเรยี นไดเ้ ต็มศักยภาพ วางแผนการเรยี นและ การศึกษาต่อไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ๒. กิจกรรมชุมนุม เป็นกจิ กรรมท่ีเกดิ จากความสมัครใจของผ้เู รยี นได้พฒั นาตามคุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ เพิ่มเติมจากกิจกรรมในกล่มุ สาระการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมท่ีอาศยั ความร่วมมือระหวา่ งครู นกั เรียน ผปู้ กครอง ทช่ี ่วยกนั คดิ ชว่ ยกนั ทา ช่วยกนั แก้ปญั หา ส่งเสริมศกั ยภาพของผ้เู รียนอย่างเต็มท่ี รวมถึงกจิ กรรมที่ ปลูกฝังความมรี ะเบียบวนิ ยั รับผดิ ชอบ รจู้ ักสิทธแิ ละหนา้ ที่ของ ๓. กิจกรรมเพอื่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกจิ กรรมที่ตอ้ งการปลกู ฝังใหผ้ ู้เรยี นเลง็ เหน็ ถึง ความสาคัญของตนเองในการมีส่วนร่วมและชว่ ยเหลอื สงั คมตามระดบั ของวัยวุฒิ คณุ วฒุ ิ หรือตามศักยภาพของ ตนที่พึงจะกระทาได้ จนเกดิ เปน็ กิจนิสัยทไ่ี ดร้ ับการบม่ เพาะสง่ิ ทดี่ ีงามให้บงั เกดิ ในตวั ผเู้ รียนตงั้ แตว่ ยั เยาว์ จนส่งผล ให้ผู้เรยี นเหล่านน้ั เปน็ ทรัพยากรมนุษยท์ ่ีมีคุณภาพของสงั คม

๔. กิจกรรมพัฒนาทักษะดารงชีวิต เป็นกิจกรรมเพ่ิมเติมตามกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน สาหรับ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ราชประชานุเคราะห์ สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ โดยเป็นกิจกรรมที่เน้นการ พัฒนาและส่งเสริมให้ผเู้ รยี นมีทกั ษะการดูแลตนเอง มีระเบียบวนิ ัย มีความรู้พ้ืนฐาน ด้านงานอาชีพ มีจิตสานึกใน การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ เพื่ออยู่ร่วมกนั ในสงั คมอย่าง ปกตสิ ขุ กจิ กรรมทกั ษะการดารงชวี ิตมุ่งพฒั นาใหผ้ ู้เรียนเกดิ คุณลกั ษณะของนกั เรียน ๘ ประการ ดังน้ี ๑. มีทักษะการดแู ลสุขอนามยั ส่วนบคุ คล ๒. มีสมรรถภาพทางกายแข็งแรง รักการออกกาลังกาย ๓. มสี ุขนสิ ยั ในการรบั ประทานอาหาร รู้จกั การรบั ประทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ ๔. มรี ะเบียบวินยั จงรกั ภักดีและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการปกครองตาม ระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข ๕. มีคุณลักษณะการเป็นผ้นู าและผตู้ ามท่ีดี ๖. มีจติ สานึกในการอนุรักษ์พลังงานและส่ิงแวดล้อม ๗. มที กั ษะและความรูด้ ้านงานอาชีพ ๘. มีสุนทรียภาพทงั้ ด้านศิลปะ ดนตรี กฬี า

การจดั การเรยี นรู้และการสง่ เสริมการเรยี นรู้ ตามหลักสูตรโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ การจดั การเรยี นรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสตู รสกู่ ารปฏบิ ตั ิ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน เป็นหลกั สตู รทมี่ มี าตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคญั และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี น เปน็ เปา้ หมายสาหรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผูเ้ รยี นให้มคี ุณสมบตั ิตามเปา้ หมายหลกั สูตร ผ้สู อนพยายามคดั สรร กระบวนการเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้โดยช่วยใหผ้ เู้ รยี นเรียนร้ผู ่านสาระทก่ี าหนดไว้ในหลกั สูตร ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ รวมทง้ั ปลกู ฝัง เสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ พฒั นาทักษะต่าง ๆ อันเปน็ สมรรถนะสาคญั ให้ผ้เู รยี นบรรลตุ ามเป้าหมาย หลักการจัดการเรียนรตู้ ามหลักสตู รโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ การจดั การเรยี นรูต้ ามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ตาม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ยดึ หลกั การจดั การเรียนรตู้ ามแนวทางของ พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ทเ่ี นน้ ผู้เรียนมคี วามสาคญั ทสี่ ดุ เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ เรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกบั ผเู้ รยี น โดยมเี ป้าหมายให้ผู้เรยี นเป็นคนดี เก่ง มีความเป็นไทย และทางานร่วมกบั ผ้อู น่ื ได้อย่างมีความสขุ ในกลมุ่ สาระการเรียนร้ทู ้ัง ๘ กลุม่ กระบวนการจัดการเรียนรตู้ อ้ ง สง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี น สามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ คานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลและ พัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ความสาคญั ท้ังความรู้ และคุณธรรม คิดเป็นองคร์ วม และรว่ มมือกันพฒั นา สงั คมไทย การจัดการเรียนรเู้ พื่อให้ผู้เรยี นมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั และ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน กระบวนการจดั การ เรียนรตู้ อ้ งส่งเสริมให้ผเู้ รียน สามารถพฒั นาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ คานึงถงึ ความแตกต่างระหวา่ ง บุคคลและพฒั นาการทางสมอง เนน้ ให้ความสาคัญทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม การจดั การเรียนร้ตู ามหลักสตู ร สถานศกึ ษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ จึงได้กาหนดแนวดาเนินการเพื่อให้การจดั การเรียนรู้ตามหลกั สตู รประสบความสาเร็จตาม จุดมงุ่ หมาย ดังนี้ ๑. จัดประสบการณ์การเรยี นรู้โดยยดึ หลกั การพัฒนาผู้เรยี นให้ถึงศักยภาพสงู สุด คือ ผเู้ รยี นได้ พฒั นา ตนเอง ท้ังร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มีความรู้สึกทีด่ เี ก่ียวกบั ตนเอง ภาคภูมใิ จในผลการปฏบิ ัติ ๒. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรูโ้ ดยยดึ ชีวติ จริงของผู้เรยี นเป็นหลัก เน้นให้ผู้เรียนมศี กั ยภาพในการคดิ เชงิ ระบบ และคดิ อย่างมีวิจารณญาณ มรี ูปแบบการคิดของตนเอง คน้ พบตนเอง

๓. จดั ประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดหลักความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล และหลักการเรียนรู้ ในเชงิ พหปุ ญั ญา และใชก้ ระบวนการวิจัยในการแก้ปญั หาและพัฒนาผ้เู รียน ๔. จดั ประสบการณโ์ ดยใช้คุณธรรมนาความรู้ บรู ณาการคุณธรรมในการจัดประสบการณ์ทุกกล่มุ สาระ การเรียนรู้ และทุกขั้นตอนในการจัดการเรยี นรู้ ถือว่าครูทุกคนมหี น้าท่ีพฒั นาผเู้ รยี นให้ประพฤติตนยึดหลัก คุณธรรม และพฒั นาตนให้มคี ่านิยมอันพึงประสงค์ ๕. จดั บรรยากาศให้เอื้อตอ่ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีอิสระในการคิด ได้ลงมือปฏบิ ัตจิ ริง ครู พรอ้ มให้คาปรึกษา ให้กาลังใจ เสริมแรงใหผ้ ูเ้ รยี นมคี วามเชอื่ มั่นวา่ ตนเองมศี กั ยภาพในการเรียนรู้ในเชิงพหุ ปัญญา ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งหรือหลายดา้ นพร้อมกนั ๖. จดั ประสบการณก์ ารเรียนร้ใู ห้มคี วามสัมพันธ์ เชื่อมโยง หรอื บูรณาการท้งั ภายในกลุ่มสาระการ เรยี นรู้ และระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรใู้ หม้ ากที่สดุ ๗. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรใู้ ห้ยดื หยุ่นตามเหตกุ ารณ์ และสภาพท้องถน่ิ โดยใชแ้ หล่งการเรียนรู้และ ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินในการจดั การเรียนรตู้ ามความเหมาะสม ๘. จดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้โดยมงุ่ เน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคดิ อย่างมเี หตุผล และ สรา้ งสรรค์ กระบวนการกลุ่ม การจัดการเรียนรทู้ ี่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ ผเู้ รียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนร้ทู ่ีหลากหลาย เป็น เครื่องมอื ท่จี ะนาพาตนเองไปส่เู ปา้ หมายของหลกั สูตร กระบวนการเรียนร้ทู จี่ าเป็นสาหรับผู้เรยี น อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการ ปฏิบตั ิ ลงมอื ทาจรงิ กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัย กระบวนการเหล่านเี้ ปน็ แนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พฒั นา เพราะจะ สามารถชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรยี นรูไ้ ด้ดี บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สูตร ดังน้นั ผสู้ อน จงึ จาเปน็ ต้องศึกษาทา ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรูต้ า่ ง ๆ เพอื่ ใหส้ ามารถเลอื กใชใ้ นการจดั กระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศกึ ษาหลักสูตรสถานศกึ ษาใหเ้ ข้าใจถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญของ ผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ทเ่ี หมาะสมกบั ผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จดั การเรียนรู้โดยเลือกใชว้ ิธีสอนและเทคนคิ การสอน สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ การวดั และประเมินผล เพ่ือให้ผูเ้ รยี นได้ พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายที่กาหนด ๑. บทบาทของผูส้ อนและผู้เรยี น การจัดการเรยี นร้เู พือ่ ใหผ้ เู้ รยี นมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้งั ผสู้ อนและผูเ้ รยี นควรมบี ทบาท ดังน้ี ๑.๑ บทบาทของผู้สอน ๑) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ ู้เรียนเป็นรายบคุ คล แลว้ นาข้อมูลมาใชใ้ นการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ท่ีท้าทายความสามารถของผู้เรียน

๒) กาหนดเป้าหมายท่ีต้องการใหเ้ กดิ ข้นึ กบั ผเู้ รยี น ดา้ นความรูแ้ ละทักษะ กระบวนการ ท่ีเปน็ ความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนร้ทู ต่ี อบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพ่ือนาผู้เรยี นไปสูเ่ ป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศทเ่ี อ้ือตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผ้เู รียนให้เกดิ การเรียนรู้ ๕) จดั เตรยี มและเลือกใชส้ ื่อใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม นาภมู ิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยที เ่ี หมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผเู้ รียนดว้ ยวธิ ีการทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวิชาและระดับพัฒนาการของผูเ้ รียน ๗) วเิ คราะห์ผลการประเมินมาใชใ้ นการซ่อมเสริมและพฒั นาผเู้ รียน รวมทง้ั ปรับปรุงการจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๑.๒ บทบาทของผเู้ รยี น ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรยี นรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ ้อความรู้ ต้ังคาถาม คดิ หาคาตอบหรือหาแนวทางแก้ปญั หาดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ ๓) ลงมอื ปฏบิ ัติจรงิ สรปุ สง่ิ ท่ีได้เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และนาความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ ในสถานการณต์ ่าง ๆ ๔) มปี ฏิสมั พันธ์ ทางาน ทากิจกรรมร่วมกบั กลมุ่ และครู ๖) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรูข้ องตนเองอย่างตอ่ เนือ่ ง การสง่ เสรมิ การเรียนรู้ ปัจจยั สาคญั ทีเ่ ปน็ สว่ นหนึง่ ของการจัดการศึกษาให้มีคณุ ภาพ และประสบความสาเรจ็ ตามจุดม่งุ หมาย ของหลักสตู ร คือการพฒั นาระบบการส่งเสรมิ สนับสนุน ของสถานศึกษาในดา้ นตา่ ง ๆ ทจ่ี ะเอ้อื ให้สามารถจดั การ เรียนการสอนได้อย่างมคี ุณภาพ สาหรบั แนวปฏบิ ตั ใิ นการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ และสนับสนนุ การจดั กจิ กรรมการ เรียนการสอนของสถานศกึ ษา ได้กาหนดแนวในการสง่ เสริมการเรยี นรู้ ดงั ต่อไปนี้ ๑. การจดั สภาพแวดล้อมในสถานศึกษาใหเ้ อือ้ ตอ่ การใช้หลักสตู ร การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศกึ ษา ให้เอ้ือตอ่ การใช้หลักสตู รเปน็ หนา้ ท่โี ดยตรงของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาที่จะต้อง ร่วมมอื กัน โดยยดึ เปา้ หมาย หลกั การ และจุดเนน้ ตา่ ง ๆ ของหลกั สูตรเปน็ หลักในการดาเนนิ การ ทง้ั นเ้ี พื่อให้ ผูเ้ รยี นได้เรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้อยา่ งเตม็ ศักยภาพ ๒. การจดั ให้มีแหลง่ การเรียนรู้ หอ้ งสมุด และมุมหนังสอื หรอื แหล่งวิชาที่จะใหผ้ เู้ รยี นได้ศกึ ษา คน้ คว้า หาความรูด้ ว้ ยตนเอง เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และความชานาญ โดยเฉพาะห้องสมุดเปน็ แหลง่ การเรยี นรทู้ ่ี สาคญั ยง่ิ เพราะเป็นแหลง่ ทร่ี วบรวมองค์ความร้ทู ่เี ป็นประโยชน์กบั ผูเ้ รยี นโดยตรง นอกจากน้ียังจัดใหม้ ีแหล่งการ เรยี นรูใ้ นรูปของศูนยก์ ารเรียนรู้แบบพ่งึ พาตนเอง คอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏบิ ัติการทาง วทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยตี ่าง ๆ ๓. การจัดใหม้ บี รเิ วณสาหรับให้ผู้เรยี นไดฝ้ ึกปฏิบตั กิ จิ กรรมในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ต่าง ๆ เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี น ได้เรียนรูจ้ ากประสบการณ์จริง ได้คิด ได้ทา ไดแ้ สดงออก ไดเ้ รยี นรูเ้ อง และคน้ พบความรู้ดว้ ยตนเองตาม ศกั ยภาพของนักเรยี นแต่ละคน

๔. การจดั ให้มีแหล่งการเรียนรูใ้ นทอ้ งถิน่ และการใชภ้ มู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร เนน้ การเรียนรจู้ ากแหล่งการเรยี นรู้ทัง้ ในและนอกห้องเรียน ทงั้ นีเ้ พ่ือผู้เรียนจะไดม้ ีโอกาสท่ีจะสัมผัสกบั ชวี ิตจรงิ นอกห้องเรยี นหรือนอกโรงเรียน ไดพ้ บปะกบั ผู้คน ผ้รู ู้ ภูมิปญั ญาของท้องถ่นิ เพื่อจะไดเ้ รียนรสู้ ่งิ ต่าง ๆ มากข้ึน มี ประสบการณ์กว้างขวางขึ้น เรยี นรู้ได้ทกุ เวลาและทุกสถานท่ีไมจ่ ากดั ว่าจะต้องเรียนรูจ้ ากผู้สอนในสถานศึกษา เทา่ นั้น ๕. การวิจยั เพ่ือพัฒนาคณุ ภาพ การวิจยั เปน็ กระบวนการทค่ี วบคู่กบั กระบวนการเรยี นรู้ และ กระบวนการทางานของผทู้ ี่เก่ียวข้องกบั การศึกษา ซึ่งเป็นกลไกที่นาไปส่สู ังคมแห่งภมู ิปัญญาและการเรยี นรู้ ดงั นนั้ ในการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนต้องนากระบวนการวิจัยมาผสมผสานหรอื บูรณาการเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพของ ผเู้ รียน และสามารถใช้กระบวนการการวิจยั เปน็ ส่วนหน่งึ ของกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนีผ้ ลการวิจยั ยงั เปน็ ประโยชน์ต่อการแกป้ ญั หาหรือพฒั นาคุณภาพของผู้เรยี นได้เป็นอยา่ งดี ๖. การจัดเครือขา่ ยวชิ าการ ผูส้ อนนับว่ามีส่วนสาคัญท่จี ะทาใหก้ ารจดั การเรียนรู้ประสบผลสาเร็จ สถานศกึ ษาจงึ จัดให้มเี ครือขา่ ยเชือ่ มโยงกับสถานศกึ ษาอน่ื ซึ่งเป็นสถานศึกษาในโครงการโรงเรยี นเครือข่ายการใช้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาของจังหวัดชลบรุ ี ท้ังน้ีเพอ่ื ใหผ้ ู้สอนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการ จัดการเรยี นรู้ซ่ึงกันและกัน ทาใหไ้ ด้รับความรู้ และแนวคดิ ใหม่ ๆ ท่หี ลากหลาย และกว้างขวาง ท่ีสามารถนาไป พฒั นาการจดั การเรียนการสอนได้อย่างมคี ุณภาพ นอกจากน้ียังส่งเสรมิ และสนบั สนุนให้มีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ ทางวิชาการ จากผสู้ อนในสถานศึกษาเดียวกนั และสถานศึกษาอน่ื ๆ ตลอดจนชมรมวชิ าการตา่ ง ๆ เพ่ือให้ผสู้ อน ได้รบั การพฒั นาตนเองอย่างสมา่ เสมอ

ระเบยี บโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ ว่าด้วยการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ……………………………… โดยทโ่ี รงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๖ ได้ประกาศใช้หลกั สตู รสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคาสัง่ กระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรื่อง ใหใ้ ช้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และกระจายอานาจให้สถานศึกษากาหนดหลักสตู ร สถานศกึ ษาขน้ึ ใชเ้ อง เพ่ือให้สอดคลอ้ งกับคาส่งั ดังกล่าว ฉะน้นั อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๒๑ และมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ าร ราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ.๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ จงึ วางระเบียบไวด้ งั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบนเี้ รยี กวา่ “ระเบียบสถานศึกษาว่าดว้ ยการประเมินผลการเรยี นตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๖” ข้อ ๒ ระเบยี บน้ีใหใ้ ชบ้ ังคับต้งั แต่ปกี ารศึกษา ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ใหย้ กเลิกระเบยี บข้อบงั คับหรือคาส่งั อน่ื ใดในส่วนท่ีกาหนดไว้ในระเบียบนห้ี รือซึ่งขัดหรอื แย้งกบั ระเบยี บนี้ ใหใ้ ช้ระเบียบน้ีแทน ขอ้ ๔ ระเบียบน้ีให้ใชค้ วบคู่กับหลกั สูตรสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ข้อ ๕ ในระเบียบน้ี “หลักสูตร” หมายถงึ หลกั สูตรการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ พุทธศักราช ๒๕๕๑ “โรงเรยี น” หมายถงึ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ “ผู้อานวยการโรงเรียน” หมายถึง ผอู้ านวยการสถานศึกษา โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ “ครู” หมายถงึ ครู ผู้ปฏิบตั กิ ารสอนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๖ “นกั เรยี น” หมายถงึ นักเรียนโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชนั้ มัธยมศกึ ษา ปที ่ี ๖ ขอ้ ๖ ให้ผ้อู านวยการโรงเรียนรักษาการให้เปน็ ไปตามระเบยี บนี้

หมวดที่ ๑ หลกั การในการวัดและประเมินผลการเรียน ขอ้ ๗ การวัดและประเมินผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการดงั นี้ ๗.๑ ทุกระดับช้นั ตงั้ แตช่ น้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถึงชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ มีการวดั และ ประเมนิ ผล ตดั สินผลการเรียนตามรายวิชาเป็นรายปี ส่วนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ มีการวดั และ ประเมนิ ผล ตัดสนิ ผลการเรียนตามรายวิชาเปน็ รายภาค ๗.๒ โรงเรยี นมีหน้าท่วี ดั และประเมนิ ผลการเรียนให้สอดคลอ้ งกบั วิธีการวดั และประเมินผลการ เรียน ๗.๓ การวดั และประเมนิ ผลการเรียน ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชีว้ ดั ทกี่ าหนดในหลกั สูตรแกนกลางฯ ๗.๔การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียน เป็นสว่ นหน่ึงของกระบวนการเรยี นการสอน ตอ้ ง ดาเนนิ การดว้ ยวธิ ีการท่ีหลากหลาย เหมาะสม ตามสภาพจรงิ ธรรมชาติวชิ า และระดับชัน้ ของนักเรียน ๗.๕ วัดและประเมินผล ทั้งเพ่ือปรับปรงุ การเรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ๗.๖ ใหม้ ีการวดั และประเมนิ ความรคู้ วามสามารถของนักเรยี นดา้ นการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และ เขียนส่ือความในทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ๗.๗ ให้มกี ารประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของนักเรยี น ในทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๗.๘ ให้มีการวัดและประเมินผลคุณภาพนักเรยี น ทั้งระดบั ชน้ั เรียนและระดบั สถานศกึ ษาในแต่ละชัน้ ปี ๗.๙ ให้นกั เรยี นทีก่ าลงั ศึกษาในช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๑ถงึ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ เขา้ รบั การประเมินคณุ ภาพระดับตา่ ง ๆ ตามทโี่ รงเรยี น สานักงานเขต หรือกระทรวงศกึ ษาธิการกาหนด ๗.๑๐ ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรยี นระหว่างสถานศึกษาและรปู แบบการศึกษาต่างๆ หมวดท่ี ๒ วิธีการวัดและประเมนิ ผลการเรยี น การตดั สินผลการเรียน ข้อ ๘ การวัดและประเมนิ ผลการเรียน การตัดสินผลการเรยี นน้ี เปน็ การประเมินผลระดบั ช้ันเรยี น ปฏบิ ัตดิ งั นี้ ๘.๑ การวัดและประเมินผลการเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๘.๑.๑ กอ่ นการเรียน ครแู จ้งใหน้ ักเรียนทราบถงึ วิธีการวัดและประเมนิ ผล ตวั ชว้ี ัด การ ประเมนิ การอ่าน คิด วเิ คราะห์ เขียนสอื่ ความ การประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมิน และการตัดสินผลการเรยี น ๘.๑.๒ ครปู ระเมินความรูพ้ นื้ ฐานของนักเรยี น กอ่ นการเรยี นการสอนสาระการเรยี นรูต้ ่าง ๆ ๘.๑.๓ ครูวดั และประเมินผลการเรียนเพ่ือศึกษาผลการเรยี น เพือ่ จดั การสอนซ่อมเสรมิ และประเมินผลตามตวั ชวี้ ัดเพ่ือตัดสินผลการเรียน ดังนี้ ๘.๑.๓.๑ วัดและประเมินผลการเรียนตามตวั ชี้วัด ของแตล่ ะสาระการเรยี นรู้ ทีก่ าหนดในหลักสตู ร

๘.๑.๓.๒ วัดและประเมินผลการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสือ่ ความ ทส่ี อดคล้องกับ ตัวชว้ี ัดของแตล่ ะสาระการเรียนรู้ ๘.๑.๓.๓วัด และประเมินผลคุณลกั ษณ์อันพงึ ประสงคข์ องแต่ละสาระการเรียนร้ทู ี่ กาหนดในหลักสตู ร ๘.๑.๔ ครวู ดั และประเมนิ ผลการเรยี นไดต้ ลอดในขณะเวลาทีเ่ รียน ตามตวั ช้ีวดั ท่กี าหนด โดยประเมินในรูปเกณฑ์คุณภาพ ๘ ระดบั โดยใชส้ ญั ลักษณ์เปน็ เลขฮนิ ดูอารบิกหรืออยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน ดังน้ี ผลการประเมิน “๔” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “ดเี ย่ียม หรอื มีผล การวดั ตั้งแตร่ ้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ดมี าก” หรอื มีผลการวดั ตั้งแต่ร้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมนิ “๓” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ดี” หรอื มีผลการวัด ตง้ั แต่รอ้ ยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมนิ “๒.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “คอ่ นข้างดี” หรือมีผลการวดั ต้งั แต่รอ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมนิ “๒” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “นา่ พอใจ” หรือมผี ลการวัด ต้ังแตร่ อ้ ยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมนิ “๑.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “พอใช้” หรือมผี ล การวัดต้งั แตร่ อ้ ยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “ผ่านเกณฑ์ขั้นตา่ ” หรือมีผลการวดั ตั้งแต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ต่ากวา่ เกณฑ”์ หรอื มผี ลการวดั ต่ากว่ารอ้ ยละ ๕๐ ๘.๑.๕ การตดั สนิ ผลการเรียน ผลการประเมนิ การเรยี นรขู้ องสาระการเรยี นรนู้ ัน้ ๆ เปรยี บเทยี บตวั เลขแสดงความหมายระดบั ผลการเรยี นแต่ละรายวชิ า โดยใชส้ ัญลกั ษณเ์ ป็นเลขฮนิ ดูอารบกิ ดงั นี้ ผลการประเมนิ “๔” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ดีเยยี่ ม หรอื มผี ล การวดั ตง้ั แต่ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรือมผี ลการวดั ต้ังแตร่ ้อยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมนิ “๓” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดี” หรอื มีผลการวัด ตงั้ แตร่ ้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ค่อนขา้ งดี” หรือมีผลการวัด ต้งั แตร่ อ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “นา่ พอใจ” หรอื มผี ลการวดั ตง้ั แต่ร้อยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “พอใช้” หรอื มีผล การวดั ตั้งแต่ร้อยละ๕๕-๕๙

ผลการประเมนิ “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “ผ่านเกณฑ์ขั้นต่า” หรอื มผี ลการวดั ตัง้ แต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ตา่ กวา่ เกณฑ”์ หรือมผี ลการวัด ตา่ กว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๖ การประเมนิ ผลการเรยี นเพอื่ ตัดสินผลการเรียน ใช้เฉพาะนักเรียนผู้ทม่ี เี วลาเรียน ตลอดปีไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนรายวชิ านน้ั ๘.๑.๗ นกั เรียนทมี่ ีเวลาเรยี นไมถ่ ึงรอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในวชิ านน้ั โรงเรียน แต่งต้ังคณะกรรมการประกอบดว้ ยผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา หัวหน้ากลุ่มงานวชิ าการ ครู ประจาชนั้ ครูผ้สู อน และผู้ปกครอง พจิ ารณาให้มีโอกาสซ่อมเสริมเวลาเรยี น ปรบั ปรุงแก้ไขการ เรยี น แลว้ ประเมนิ ผลใหม่ ภายใน ๙๐ วันของปีการศกึ ษาถัดมา หากระยะเวลาเกนิ กว่าที่ กาหนด ใหเ้ รยี นซ้าในรายวิชานนั้ ๘.๑.๘ นักเรยี นทม่ี ผี ลการเรียนเฉลี่ยของปี ต่ากวา่ “๑” หรอื มผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ เขียนสื่อความไมผ่ ่านเกณฑ์ หรือ มีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะพงึ ประสงค์ ไม่ผ่านเกณฑ์ หรือมีผลการ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ หรอื ไม่เอาใจใส่ในการเรียน คณะกรรมการ ตามข้อ ๘.๑.๗ เหน็ วา่ ควรเรียนซา้ ชั้น ใหม้ กี ารเรียนซ้าชน้ั ในปถี ัดมา ๘.๑.๙ นกั เรียนทีม่ กี ารทจุ ริตในการสอบหรือทจุ รติ ในงานท่มี อบหมายใหไ้ ดค้ ะแนน ๐หรอื มี ผลการประเมิน “ตก”ในการประเมินคร้ังนั้น ข้อ ๙ การประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี นส่ือความ ในระดบั สถานศึกษา เพื่อ ปรบั ปรงุ พัฒนา และจบชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖โดยปฏบิ ตั ิดังน้ี ๙.๑ โรงเรียนแตง่ ตัง้ คณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี นส่ือความ ขน้ึ คณะหนึ่งในแต่ละปีการศึกษา ๙.๒ คณะกรรมการประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความกาหนดแนวทาง วิธกี ารประเมินและเกณฑก์ ารตดั สนิ ตามทห่ี ลกั สตู รกาหนด ๙.๓ มีการประเมินเปน็ รายปี เพ่อื ปรับปรุงและพฒั นาในปที ่ี ๑-๕ การตัดสนิ จบชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ให้ถือผลการประเมินปลายปขี องปที ่ี ๖ ๙.๔ ประเมนิ นักเรียนเปน็ รายบุคคลตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละเกณฑ์ท่ีกาหนด ๙.๕ นักเรียนทีผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ตัดสิน “ดี หรอื ดีเยี่ยม” แล้วแต่กรณี ๙.๖ นักเรียนทไี่ ม่ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตัดสิน “ปรับปรุง” ๙.๗ นกั เรียนทไี่ ด้รบั การตัดสิน “ปรับปรงุ ” ตอ้ งดาเนนิ การซอ่ มเสรมิ ปรับปรุง แก้ไข ตามแนวทางที่คณะกรรมการกาหนด และมีการประเมินใหม่ ๙.๘ นักเรยี นที่ได้รบั การตัดสิน “ปรบั ปรุง” และมีการประเมินใหมแ่ ลว้ ผา่ นเกณฑ์การ ประเมนิ ตดั สิน “ผ่าน” ๙.๙ นกั เรียนทไี่ ดร้ บั การตัดสิน “ดี หรอื ดีเยยี่ ม หรอื ผ่าน” มีสิทธไิ ด้รบั การพิจารณา การจบชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖

ข้อ ๑๐ การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรียน ระดับสถานศกึ ษา เพื่อ ปรับปรงุ พัฒนา และจบช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ และชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ โดยปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ๑๐.๑ โรงเรยี นแตง่ ตงั้ คณะกรรมการประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงคข์ อง โรงเรียน ขน้ึ คณะหนง่ึ ในแต่ละปีการศึกษา ๑๐.๒ คณะกรรมการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรยี น กาหนดแนวทาง วิธีการประเมิน และเกณฑก์ ารตัดสนิ ตามทีห่ ลักสูตรกาหนด ๑๐.๓ มกี ารประเมินเป็นรายปี เพ่อื ปรบั ปรุงและพัฒนาในปที ่ี ๑-๕ การตัดสนิ จบชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ใหถ้ ือผลการประเมินปลายปขี องปที ่ี ๖ สาหรบั มัธยมศึกษามีการประเมินผลเป็นรายภาค ๑๐.๔ ประเมนิ นักเรียนเปน็ รายบคุ คล ตามมาตรฐาน และเกณฑ์ทกี่ าหนดในหลกั สตู ร ๑๐.๕ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตัดสนิ “ดี หรือ ดีเยยี่ ม” แลว้ แตก่ รณี ๑๐.๖ นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน ตัดสิน “ปรับปรุง” ๑๐.๗ นกั เรยี นท่ีได้รับการตัดสิน “ปรบั ปรุง” ต้องดาเนนิ การปรบั ปรุง ซ่อมเสรมิ แก้ไข ตามแนวทางท่คี ณะกรรมการกาหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๐.๘ นกั เรียนที่ไดร้ บั การตดั สิน “ปรับปรงุ ” และได้รบั การประเมินใหม่แล้วผา่ น เกณฑ์การประเมิน ตดั สนิ “ผ่าน” ๑๐.๙ นักเรียนทีไ่ ด้รบั การตัดสนิ “ดี หรอื ดเี ยี่ยม หรอื ผา่ น” มสี ิทธไิ ด้รับการพิจารณา จบชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ข้อ ๑๑ การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น ระดับสถานศึกษา โดยปฏิบัติดังน้ี ๑๑.๑ โรงเรียนแตง่ ตัง้ คณะกรรมการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นของ โรงเรยี นขึน้ คณะหนงึ่ ในแตล่ ะปีการศึกษา ๑๑.๒ คณะกรรมการประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี นของโรงเรยี น กาหนดแนว ทางวิธีการประเมิน และเกณฑก์ ารตดั สนิ ตามที่หลักสูตรกาหนด ๑๑.๓ นกั เรยี น ตอ้ งเข้าร่วมกิจกรรม ๓ กล่มุ ดังนี้ ๑๑.๓.๑ กจิ กรรมแนะแนว เวลาเรยี น ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถ คิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่าง เหมาะสม นอกจากน้ียังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ ผู้ปกครองในการมสี ว่ นรว่ มพฒั นาผู้เรียน

๑๑.๓.๒ กจิ กรรมนักเรียน เวลาเรียน ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ เปน็ กจิ กรรมทม่ี ุ่งพัฒนาความมีระเบยี บวินยั ความเปน็ ผู้นาผู้ตามท่ีดี ความรบั ผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอ้ืออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วย ตนเองในทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน เน้น การทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับวฒุ ิภาวะของผู้เรยี น บรบิ ทของสถานศกึ ษาและ ท้องถน่ิ กิจกรรมนักเรียนประกอบด้วย กจิ กรรมชุมนุม ชมรม ๑๑.๓.๓ กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรียน ช้นั ปีละ ๒๐ ช่วั โมง เปน็ กจิ กรรมทีส่ ่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชนต์ ่อสงั คม ชุมชน และ ทอ้ งถิ่นตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรบั ผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละตอ่ สังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กจิ กรรมอาสาพัฒนาตา่ ง ๆ กิจกรรมสรา้ งสรรคส์ ังคม ๑๑.๔ ครูผรู้ ับผิดชอบกจิ กรรมแนะแนว เป็นผู้ประเมินและตดั สินผลกจิ กรรม แนะแนว ๑๑.๕ ครูผ้บู งั คับบัญชาในกจิ กรรม ผู้บาเพ็ญประโยชน์ เปน็ ผู้ประเมนิ และตดั สินผล การพัฒนาผ้เู รียนในกจิ กรรมผู้บาเพญ็ ประโยชนต์ ามแต่กรณี ครูที่ปรกึ ษาในกจิ กรรมชมุ นุม หรือชมรมเปน็ ผู้ กาหนดกจิ กรรม และประเมิน ผู้เรยี นในกิจกรรมนัน้ โดยนาผลการประเมนิ ทงั้ ๒ กิจกรรม มาประเมนิ ตดั สิน ร่วมกัน ๑๑.๖ ครผู ู้รับผิดชอบ กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นผปู้ ระเมนิ และ ตัดสินกจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑๑.๗ นักเรยี นทม่ี ีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลารว่ ม กจิ กรรมรายปี และผา่ นจุดประสงคส์ าคัญของกิจกรรม มผี ลการประเมนิ และตัดสิน “ผา่ น” ๑๑.๘ นกั เรียนทมี่ เี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมน้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลารว่ ม กจิ กรรมรายปี หรือไม่ผา่ นจดุ ประสงคส์ าคัญของกจิ กรรม มีผลการประเมินและตดั สนิ “ไม่ผา่ น” ๑๑.๙ นกั เรียนท่ีไดร้ บั การตัดสนิ “ไมผ่ ่าน” ตอ้ งดาเนนิ การปรบั ปรงุ ซ่อมเสริม แก้ไข ตามแนวทางทค่ี รปู รึกษาหรือบงั คับบญั ชากาหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๑.๑๐ นักเรียนทไ่ี ด้รบั การตัดสนิ “ไม่ผ่าน” และไดร้ ับการประเมนิ ใหม่แล้วผา่ น เกณฑ์การประเมิน ตดั สนิ “ผ่าน” ๑๑.๑๑ นกั เรียนทไ่ี ดร้ บั การตดั สนิ “ผา่ น” ทุกกิจกรรมได้รบั สทิ ธิพจิ ารณาจบชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖

หมวดที่ ๓ เกณฑ์การจบหลักสตู ร ขอ้ ๑๒ นักเรยี นจะได้รับการพจิ ารณาอนุมตั ิใหจ้ บชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ ตอ้ งมีคุณสมบตั ิครบถว้ นทุกข้อดังนี้ ๑๒.๑ ต้องมเี วลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด ๑๒.๒ ต้องไดร้ ับการประเมินทุกตัวช้วี ัด และมีผลการประเมนิ แตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ ไม่ต่ากว่า ระดับผลการเรียน ๑ ๑๒.๓ ต้องไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๑๒.๔ ตอ้ งได้รับการประเมิน และมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกาหนด ใน ๓ ด้านดังนี้ ๑๒.๔.๑ การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขยี น ๑๒.๔.๒ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑๒.๔.๓ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ขอ้ ๑๓ ผู้อานวยการโรงเรยี นเปน็ ผอู้ นุมตั ิผลการเรยี นและการจบหลักสูตร หมวดที่ ๔ การเทยี บโอนผลการเรียน ขอ้ ๑๔ โรงเรียนจะรับเทยี บโอนผลการเรียน ซ่งึ เป็นความรู้ ทกั ษะ และประสบการณข์ องผูเ้ รยี น ท่ี เกดิ จากการศึกษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย มาประเมินเปน็ สว่ นหนง่ึ ของ การศึกษา ตามหลักสูตรของโรงเรียนตามแนวปฏบิ ตั ิตอ่ ไปน้ี ๑๔.๑ คณะกรรมการเทยี บโอนผลการเรียน ๑๔.๑.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนขึน้ คณะหน่ึง มีจานวนไม่ น้อยกวา่ ๓ คน แต่ไมเ่ กิน ๕ คน ประกอบด้วยหวั หนา้ กล่มุ วิชาการเป็นประธานกรรมการ ๑ คน ครปู ระจาชนั้ เปน็ กรรมการและเลขานุการ ๑ คน และครใู นโรงเรยี นผมู้ คี วามรปู้ ระสบการณใ์ นสาขาวิชาการศึกษา รวมไมเ่ กนิ ๓ คน เป็นกรรมการ ๑๔.๒ วิธดี าเนนิ การเทียบโอนผลการเรียน ๑๔.๒.๑ ผ้ขู อเทยี บโอนผลการเรยี น ตอ้ งข้ึนทะเบยี นเปน็ นักเรยี นของโรงเรยี นราช ประชานเุ คราะห์ ๕๖ และโรงเรียนต้องดาเนินการเทยี บโอนในภาคเรยี นแรกท่ีขอขน้ึ ทะเบียน ๑๔.๒.๒ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี น ต้องพจิ ารณาจากสาระการเรยี นรู้/ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั ความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ของผูเ้ ทียบโอน โดยเทียบเคียงกับโครงสร้างหลกั สตู ร สาระการเรียนรแู้ ละมาตรฐานของโรงเรยี น โดยมีผลการพิจารณาแลว้ สอดคล้องกับโครงสรา้ งหลกั สตู ร สาระการ เรยี นรู้และมาตรฐานของโรงเรียนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ๑๔.๒.๓ การเทียบโอนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ใหพ้ ิจารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถ้ามี) โดยให้มกี ารประเมินดว้ ยเครื่องมือท่ีหลากหลาย และให้ไดร้ ะดบั ผลการเรยี นตามเกณฑ์การ ประเมนิ ผลการเรียนของหลักสตู รโรงเรียน ๑๔.๒.๔ จานวนกลมุ่ วชิ า รายวิชา ท่จี ะรบั เทียบโอนและอายุของผลการเรยี นที่จะ นามาเทียบโอนให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวชิ าการ ทงั้ นี้ เมอื่ เทยี บโอนแลว้ ผ้ขู อ เทยี บโอนต้องมีเวลาเรียนในโรงเรียนไม่น้อยกว่า ๑ ภาคเรียน

๑๔.๒.๕ ผลการพิจารณาและตัดสนิ ของคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ใหเ้ สนอ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและงานวชิ าการพจิ ารณาให้ความเห็นชอบแล้วเสนอผู้อานวยการพิจารณาตาม เกณฑ์กาหนด คือ มีผลการเรียนเทยี บโอนสอดคลอ้ งกบั หลักสตู รของโรงเรยี นมากกว่ารอ้ ยละ ๖๐ พจิ ารณาอนุมัติ ผลการเรยี นเทียบโอนสอดคล้องกับหลักสตู รของโรงเรยี นนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ พิจารณาไม่อนุมัติ ๑๔.๒.๖ การกาหนดรายละเอียดวิธกี ารและหลักการเทยี บโอนใหเ้ ป็นไปอยา่ ง สอดคล้องกับกฎกระทรวงและระเบยี บทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด หมวดที่ ๖ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา ขอ้ ๑๕ โรงเรยี นจดั ให้มเี อกสารการประเมนิ ผลการเรยี นต่าง ๆ ดังน้ี ๑๕.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) ๑๕.๒ หลักฐานแสดงวฒุ กิ ารศกึ ษา (ประกาศนียบตั ร) (ปพ. ๒) ๑๕.๓ แบบรายงานผ้สู าเรจ็ การศึกษา (ปพ. ๓) ๑๕.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์(ปพ. ๔) ๑๕.๕ แบบบันทกึ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น(ปพ.๕) ๑๕.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ. ๖) ๑๕.๗ ใบรบั รองผลการศึกษา(ปพ. ๗) ๑๕.๘ ระเบยี นสะสม(ปพ. ๘) ๑๕.๙ สมดุ /คู่มือหลักสูตรโรงเรียน(ปพ. ๙) เอกสาร ปพ. ๑ ปพ. ๒ ปพ. ๓ ใหใ้ ชร้ ูปแบบทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกาหนด ข้อ ๑๖ โรงเรยี นอาจจัดใหม้ เี อกสารอ่นื ๆ เพ่ือเป็นหลกั ฐานการศึกษาเพ่มิ เติม ตามนโยบายและความ เหมาะสมกบั สถานการณ์ หรือบูรณาการเอกสารท่ีโรงเรียนจดั ทาตามสภาพความเหมาะสม หมวดที่ ๗ การปรับปรงุ และพัฒนาระเบียบ ข้อ ๑๗ ให้คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและงานวชิ าการ พิจารณาเสนอข้อมูล มติ เพ่ือปรบั ปรงุ และ พฒั นาระเบยี บน้ีต่อผู้อานวยการโรงเรียนพจิ ารณาให้ความเห็นชอบ ข้อ ๑๘ การใชร้ ะเบียบ ระเบียบนีม้ ผี ลบังคบั ใช้ ตง้ั แต่วนั ท่ี ผอู้ านวยการโรงเรยี น ลงนามประกาศเปน็ ต้นไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ จ.ส.อ. (เสวก ฉุนหอม) ผ้อู านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๖

การบริหารจัดการหลักสตู รโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ การบรหิ ารจดั การหลักสตู รโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๖ กระบวนการในการบรหิ ารจดั การนาหลกั สูตรไปใชถ้ อื วา่ เป็นปจั จยั ท่สี าคญั เป็นอยา่ งมากทจ่ี ะช่วย สนับสนุนส่งเสรมิ ใหก้ ารใชห้ ลักสตู รของสถานศึกษาบรรลผุ ลสงู สดุ ดังนัน้ สถานศกึ ษาจึงได้กาหนดแผนการ บรหิ ารจดั การหลักสตู รของสถานศกึ ษาข้นึ เพ่อื ให้ผู้ทีม่ ีส่วนเก่ยี วข้องกบั การจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาในทุก ๆ ส่วน และทกุ ระดับ เกิดความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั จดุ หมายของหลกั สูตร การพัฒนาการเรยี นการสอน การ นิเทศการศกึ ษา การบริหารหลกั สตู ร การประเมนิ ผล และแนวปฏบิ ัติของสถานศกึ ษาท่ีจะต้องดาเนนิ การให้ สอดคล้องและเหมาะสมกบั สภาพความต้องการของหลกั สูตรสถานศกึ ษา สาหรับการบริหารจัดการหลกั สตู รของ สถานศึกษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 56 กาหนดแนวทางการบริหารจัดการไว้ ๓ ขน้ั ตอน ๙ ภารกิจ ดงั นี้ ๑. แนวทางการบริหารจัดการดา้ นวิชาการ ขน้ั ตอนท่ี ๑ การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ภารกจิ ท่ี ๑ การเตรียมความพร้อมของสถานศกึ ษา ๑.๑ สรา้ งความตระหนักให้แก่บุคลากร ซึง่ ประกอบดว้ ย คณะกรรมการสถานศึกษา ผบู้ รหิ าร ผสู้ อน ผ้ปู กครอง ชมุ ชน นกั เรียน ทัง้ นเ้ี พอ่ื ให้เห็นความสาคัญ ความจาเปน็ ที่จะต้องรว่ มมอื กนั บรหิ ารจดั การ หลักสูตรสถานศึกษาของสถานศกึ ษา ๑.๒ แต่งตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการของสถานศกึ ษาตามระเบียบของ กระทรวงศึกษาธิการวา่ ด้วยคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและงานวิชาการสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พ. ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ ประชาสัมพันธ์ให้นกั เรยี น ผปู้ กครอง ชมุ ชน หน่วยงาน องค์กรในชมุ ชนทุกฝ่าย ไดร้ บั ทราบ และความรว่ มมือในการบริหารจดั การหลกั สูตรของสถานศึกษา ๑.๔ จัดทาขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ ๑.๕ จดั ทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ๑.๖ พฒั นาบคุ ลากรของสถานศกึ ษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาความรู้ไปใช้ในการ จัดทาสาระของหลักสูตรสถานศึกษา ขั้นตอนท่ี ๒ การดาเนินการจดั ทาสาระของหลักสตู รสถานศึกษา ภารกิจที่ ๒ จดั ทาสาระของหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๒.๑ ศึกษาวิเคราะห์ขอ้ มูลทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ๒.๒ กาหนดปรัชญา และเป้าหมายของการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ๒.๓ กาหนดโครงสร้างของหลกั สตู รแต่ละรายช้นั และจัดสัดสว่ นเวลาเรียน

๒.๔ กาหนดตวั ช้วี ัด และสาระการเรียนรูข้ องกลุ่มวชิ า ๒.๕ กาหนดสาระและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๒.๖ กาหนดสือ่ การเรียนรู้ ๒.๗ กาหนดการวัดและประเมินผล ภารกิจท่ี ๓ การวางแผนบรหิ ารจัดการหลกั สูตรสถานศึกษา ๓.๑ การบริหารการจดั การกจิ กรรมการเรียนรู้ ๓.๒ การบริหารการจดั การกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๓.๓ การส่งเสริมและสนับสนนุ การจดั การกจิ กรรมการเรียนรู้ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ภารกิจท่ี ๔ ปฏิบัตกิ ารบริหารจดั การหลกั สูตรสถานศึกษา ดาเนนิ การบรหิ ารจัดการหลักสูตรตามภารกจิ ที่ ๒ และภารกิจท่ี ๓ ทก่ี าหนดไว้ ขนั้ ตอนที่ ๓ การนเิ ทศ กากับ ติดตาม ประเมนิ ผล และรายงาน ภารกิจท่ี ๕ การนเิ ทศ กากับ ติดตาม ประเมินผล ๕.๑ การนิเทศ กากบั ติดตาม ประเมนิ ผลการบริหารหลกั สูตร และงานวชิ าการภายในสถานศึกษา ๕.๒ การนเิ ทศ กากบั ติดตาม ประเมนิ ผลการบรหิ ารหลักสตู ร และงานวิชาการจากภายนอก สถานศกึ ษา ภารกิจท่ี ๖ สรุปผลการดาเนินการบรหิ ารจดั การหลกั สูตรของสถานศึกษา ๖.๑ สถานศกึ ษาสรปุ ผลการดาเนินการ และเขยี นรายงาน ๖.๒ สรุปผลการดาเนินงานรปู แบบบริหารจดั การหลกั สูตรสถานศึกษา ภารกิจที่ ๗ ปรบั ปรุง และพัฒนากระบวนการบรหิ ารจัดการหลกั สูตร ๗.๑ สถานศกึ ษานาผลการดาเนนิ การ ปัญหา และขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นขอ้ มูลพ้นื ฐานในการ วางแผนปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตรของสถานศึกษา ๗.๒ สถานศกึ ษาดาเนินการปรับปรงุ และพฒั นากระบวนการบรหิ ารจัดการหลักสตู ร เพื่อให้เกดิ ประโยชนม์ ากข้ึน ข้นั ตอนที่ ๔ การบริหารทว่ั ไปตรียมความพร้อมของสถานศกึ ษา ภารกจิ ท่ี ๘ การสนบั สนนุ กระบวนการบริหารจดั การหลักสูตร เปน็ ภารกิจการสนบั สนุนการบริหารงานวิชาการของโรงเรียน ให้มีประสทิ ธภิ าพสูงสุด โดยมี กจิ กรรมทส่ี าคัญ ดังน้ี ๘.๑ การพฒั นาบุคลากรของสถานศกึ ษา ดาเนินการพฒั นาบุคลากรให้มคี วามรู้ ทกั ษะความสามารถและเจตคติที่ถูกต้องต่อการ จดั การเรยี นการสอนทีเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคญั ตามนโยบายปฏิรปู การเรียนรู้ สามารถจดั การเรยี นการสอนได้ตาม

จดุ เน้นที่หลักสูตรสถานศึกษากาหนด มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมที่เหมาะสมกบั อาชพี และเปน็ ทย่ี อมรับของนักเรียน ผปู้ กครอง ๘.๒ การใช้หอ้ งเรียน อาคารเรียน และสถานที่ เพือ่ ใหป้ ระโยชน์ในการจัดการศึกษาของ โรงเรียน ๑) สนับสนนุ การจัดหอ้ งเรยี นให้สามารถจดั กิจกรรมการเรียนรไู้ ดห้ ลากหลายลกั ษณะ สวยงาม นา่ อยู่ มกี ารสื่อการเรยี นและส่ือสนับสนุนการเรยี นรทู้ ี่เพยี งพอ ๒) สนับสนุนให้ครใู ชแ้ ละอานวยความสะดวกในการใช้ห้องปฏบิ ตั ิการ สถานท่ีปฏิบตั ิงาน จดุ ศกึ ษาและแหลง่ เรียนรูภ้ ายในโรงเรียน เพ่ือเน้นให้ไดเ้ รยี นรู้ดว้ ยการปฏบิ ัตจิ รงิ ๓) การสรา้ งความสะอาด สวยงาม ร่มร่นื และความปลอดภยั ในโรงเรยี น โดยการจดั ให้โรงเรียนมคี วามสวยงาม ร่มรืน่ ดว้ ยไมย้ ืนต้น ไมด้ อก ไม้ประดบั ให้นักเรยี นเปน็ ผรู้ บั ผิดชอบในการรักษาความ สะอาดในบริเวณโรงเรียน ใหโ้ รงเรียนเปน็ สถานท่พี ักผอ่ นหย่อนใจและเล่นกีฬาของนักเรียน มีความปลอดภยั ใน การใชช้ วี ิตในโรงเรียนและความปลอดภยั ในทรัพยส์ ินของทางราชการและเปน็ เขตปลอดสิ่งเสพตดิ ทุกประเภท ๘.๓ การบริหารจัดการงบประมาณในการจดั การเรียนการสอน โรงเรยี นเนน้ ใหก้ ารจัดสรรงบประมาณค่าวสั ดกุ ารศกึ ษา (รายหัว) และงบประมาณอ่นื ๆ ท่ี เกีย่ วขอ้ งกับการพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษาใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ นักเรียนและการจดั การเรยี นการสอนตาม หลกั สูตรสถานศึกษา ๘.๔ การขอรบั การสนบั สนุนชว่ ยเหลอื การจดั การศกึ ษาของโรงเรียน มีกจิ กรรมการดาเนนิ งาน ดงั น้ี ๑) การประชุมคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานของโรงเรยี น เพือ่ ให้การปฏิบัตงิ านตาม ภารกิจ หน้าที่ ความรับผดิ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกิดประโยชน์และมีประสทิ ธภิ าพ สงู สุดตอ่ การจัดการศึกษาของโรงเรยี น ๒) การประชมุ ผูป้ กครองนักเรยี น เพอื่ การชแ้ี จงการดาเนินงานของโรงเรียน การประสานงาน การจัดการศึกษาและพัฒนางาน ๓) การรว่ มกิจกรรมกบั ชมุ ชน ทอ้ งถิน่ องค์กรปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานในท้องถ่ิน ๘.๕ การประกนั คุณภาพการจัดการศกึ ษาภายในของสถานศึกษา เป็นการดาเนนิ งานของสถานศกึ ษาทร่ี ่วมมือกบั ชมุ ชนและหนว่ ยงานต้นสงั กดั ท่ีเกีย่ วข้อง ให้เปน็ ท่เี ชื่อมน่ั ไดว้ า่ ผู้เรยี นทุกคนจะได้รับบริการด้านการศึกษาที่มคี ุณภาพจากสถานศึกษา สามารถพฒั นา ความรู้ ความสามารถและคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ตามที่กาหนดในมาตรฐานหลักสตู รการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน โดย มีการดาเนนิ งาน ดงั นี้ ๑) การประเมนิ ตนเองประจาปีของครผู สู้ อน ๒) การประเมนิ ตนเองประจาปีของสถานศกึ ษา ๓) การรายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี เสนอตอ่ หนว่ ยงานตน้ สังกัด หนว่ ยงานท่ีเกยี่ วข้อง คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียนและชุมชน

เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. ระดับประถมศกึ ษา ๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรียน หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดหลกั เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล การเรียนรู้ เพอื่ ตดั สนิ ผลการเรียนของผ้เู รียน ดังน้ี ๑) ผ้เู รยี นตอ้ งมเี วลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด ๒) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชวี้ ัดและผา่ นตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนด ๓) ผูเ้ รียนตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรียนทุกรายวชิ า ๔) ผู้เรียนตอ้ งได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนดในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน การตดั สนิ ผลการเรยี น ตดั สนิ เป็นรายวิชา โดยใช้ผลการประเมินระหวา่ งปีและปลายปีตามสัดสว่ นท่ี สถานศึกษากาหนด ทกุ รายวชิ าตอ้ งไดร้ บั การตดั สินใหผ้ ลการเรียนตามแนวทางการใหร้ ะดบั ผลการเรยี นตามท่ี สถานศึกษากาหนด และผ้เู รยี นตอ้ งผ่านทกุ รายวิชาพ้ืนฐาน ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น การประเมนิ ผลการเรยี นสาระการเรยี นรูร้ ายวิชา ตามผลการเรียนรูท้ คี่ าดหวงั ของรายวชิ า ซ่งึ สถานศึกษาวิเคราะห์จากตัวชี้วัดชั้นปี การประเมนิ สาระการเรียนรู้รายวิชา ใหต้ ดั สนิ ผลการประเมินระดับผลการ เรยี น 8 ระดบั คือ “4” หมายถึง ผลการเรยี นดเี ยี่ยม “3.5” หมายถงึ ผลการเรียนดีมาก “3” หมายถงึ ผลการเรียนดี “2.5” หมายถึง ผลการเรียนค่อนข้างดี “2” หมายถึง ผลการเรียนนา่ พอใช้ “1.5” หมายถึง ผลการเรยี นพอใช้ “1” หมายถงึ ผลการเรยี นผา่ นเกณฑข์ น้ั ตา่ “0” หมายถงึ ผลการเรียนต่ากวา่ เกณฑ์ การประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน และคุณลักษณะอนั พึงประสงคน์ ัน้ ใหผ้ ลการประเมนิ เป็นผ่านและไมผ่ า่ น กรณีทผ่ี า่ นใหร้ ะดบั ผลการประเมินเปน็ ดีเยี่ยม ดี และผ่าน ๑. ในการสรปุ ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน เพือ่ การเล่อื นชน้ั และจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดงั นี้ ดีเย่ยี ม หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนที่มคี ุณภาพดเี ลศิ อยู่เสมอ ดี หมายถงึ มผี ลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพเปน็ ทย่ี อมรบั ผา่ น หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นที่มคี ุณภาพเปน็ ทีย่ อมรับ แตย่ งั มขี ้อบกพร่อง บางประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไมม่ ีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนหรือถา้ มผี ลงาน ผลงานนน้ั ยังมี ขอ้ บกพร่องทีต่ ้องได้รบั การปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการ

๒. ในการสรุปผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์รวมทกุ คณุ ลักษณะเพ่ือการเลื่อนชั้นและ จบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตดั สินเป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดบั ดังนี้ ดเี ย่ียม หมายถึง ผเู้ รยี นปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเปน็ นิสัย และนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวันเพอื่ ประโยชน์สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับดีเย่ยี ม จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่า กวา่ ระดับดี ดี หมายถงึ ผ้เู รียนมีคณุ ลักษณะในการปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรบั ของสงั คม โดยพจิ ารณาจาก ได้ผลการประเมินระดับดเี ย่ียม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กวา่ ระดับดี หรือได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จานวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผ่าน หรอื ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ผ่าน ผ่าน หมายถึง ผู้เรยี นรับรแู้ ละปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที สถานศกึ ษากาหนดโดยพิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมนิ ตา่ กว่าระดับผ่าน หรอื ๒.ได้ผลการประเมินระดับดี จานวน ๔ คณุ ลักษณะ และ ไม่มีคุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดับผา่ น ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรบั ร้แู ละปฏบิ ตั ิได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไข ท่ีสถานศึกษากาหนดโดยพจิ ารณาจากผลการประเมิน ระดับไม่ผา่ นตงั้ แต่ ๑ คุณลกั ษณะ การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น จะต้องพิจารณาทง้ั เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏิบตั ิกิจกรรม และผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผ่านและไมผ่ า่ น กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรยี น ซง่ึ ประกอบด้วย (๑) กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี โดยผเู้ รียนเลอื กอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ (๒) กจิ กรรมชุมนุมหรอื ชมรม ท้ังน้ี ผู้เรยี นระดับประถมศึกษาจะตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมท้ังข้อ (๑) และ (๒) ๓) กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตวั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั น้ี “ผ” หมายถึง ผเู้ รียนมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผ้เู รียนมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏิบัตกิ ิจกรรม และมผี ลงานไม่เปน็ ไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด

ในกรณที ่ีผู้เรียนได้ผลของกิจกรรมเปน็ “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทากิจกรรมในส่วนที่ ผู้เรยี นไม่ได้เข้ารว่ มหรือไม่ได้ทาจนครบถว้ น แลว้ จงึ เปลย่ี นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้งั น้ี ต้องดาเนนิ การให้ เสรจ็ สน้ิ ภายในปกี ารศึกษาน้ัน ยกเวน้ มีเหตสุ ุดวิสยั ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา ๑.๓ การเล่ือนชั้น เมอื่ ส้นิ ปกี ารศึกษา ผเู้ รียนจะได้รบั การเลือ่ นชัน้ เมื่อมีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์ดังตอ่ ไปนี้ ๑) ผู้เรียนมเี วลาเรยี นตลอดปีการศึกษาไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมด ๒) ผู้เรียนมีผลการประเมนิ ผา่ นทุกรายวชิ าพ้ืนฐาน ๓) ผเู้ รียนมีผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรม พฒั นาผ้เู รยี นผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด ทั้งน้ี ถ้าผ้เู รยี นมีขอ้ บกพรอ่ งเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเหน็ วา่ สามารถพฒั นาและสอน ซอ่ มเสริมได้ ให้อย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทจี่ ะผอ่ นผนั ให้เลอื่ นชัน้ ได้ อน่งึ ในกรณที ่ีผู้เรียนมหี ลักฐานการเรยี นรูท้ ่ีแสดงว่ามีความสามารถดเี ลศิ สถานศึกษาอาจให้โอกาส ผู้เรียนเลื่อนช้นั กลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศกึ ษาแตง่ ตัง้ คณะกรรมการ ประกอบด้วย ฝ่ายวิชาการของ สถานศึกษาและผู้แทนของเขตพืน้ ที่การศึกษาหรือต้นสังกดั ประเมินผเู้ รียนและตรวจสอบคุณสมบตั ิให้ครบถว้ น ตามเงอ่ื นไขท้ัง ๓ ประการ ต่อไปนี้ ๑. มผี ลการเรยี นในปีการศึกษาทผ่ี ่านมาและมีผลการเรยี นระหวา่ งปีท่กี าลังศึกษาอยใู่ นเกณฑ์ดเี ย่ยี ม ๒. มวี ุฒภิ าวะเหมาะสมท่จี ะเรียนในชั้นท่สี ูงขนึ้ ๓. ผา่ นการประเมนิ ผลความรู้ความสามารถทกุ รายวชิ าของช้นั ปีที่เรยี นปัจจุบัน และความร้คู วามสามารถ ทุกรายวชิ าในภาคเรยี นแรกของชั้นปีที่จะเลื่อนข้นึ การอนุมัติใหเ้ ลอ่ื นชนั้ กลางปกี ารศกึ ษาไปเรยี นชนั้ สงู ข้ึนได้ ๑ ระดบั ช้ันน้ี ตอ้ งได้รับการยินยอมจาก ผเู้ รยี นและผปู้ กครอง และต้องดาเนินการให้เสรจ็ สนิ้ ก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษาน้ัน สาหรับในกรณีที่พบวา่ มผี เู้ รยี นกลมุ่ พิเศษประเภทตา่ ง ๆ มีปัญหาในการเรยี นรู้ ให้สถานศึกษาดาเนนิ งาน ร่วมกบั สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา/ศนู ย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวดั /ศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษเขตการศึกษา/ หนว่ ยงานตน้ สังกดั โรงเรียนเฉพาะความพกิ าร หาแนวทางการแก้ไขและพฒั นา ๑.๔ การเรยี นซ้าชนั้ ผู้เรียนทไี่ มผ่ ่านรายวชิ าจานวนมากและมีแนวโน้มวา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดับช้นั ท่ีสงู ขนึ้ สถานศกึ ษาอาจต้งั คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซา้ ชน้ั ได้ ท้งั นี้ ให้คานึงถงึ วุฒภิ าวะและความรคู้ วามสามารถ ของผู้เรยี น เป็นสาคญั ผู้เรียนทไี่ ม่มีคุณสมบตั ติ ามเกณฑก์ ารเลื่อนชั้น สถานศึกษาควรใหเ้ รียนซ้าชัน้ ท้งั น้ี สถานศกึ ษาอาจใช้ดุลยพินิจให้เลอื่ นชน้ั ได้ หากพจิ ารณาว่าผูเ้ รยี นมีคณุ สมบัติข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ๑) มเี วลาเรยี นไม่ถงึ รอ้ ยละ ๘๐ อนั เน่อื งจากสาเหตจุ าเปน็ หรอื เหตสุ ดุ วิสัย แตม่ คี ุณสมบัติตามเกณฑ์การ เล่อื นช้นั ในขอ้ อืน่ ๆ ครบถว้ น ๒) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมินผ่านมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ัดไมถ่ งึ เกณฑ์ตามทีส่ ถานศึกษากาหนดใน แต่ละรายวชิ า แต่เห็นวา่ สามารถสอนซ่อมเสริมไดใ้ นปีการศึกษานัน้ และมีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์การเลอื่ นชั้นในข้อ อ่ืน ๆ ครบถ้วน ๓) ผ้เู รียนมผี ลการประเมนิ รายวิชาในกลุ่มสาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมอยู่ในระดับผ่านก่อนทจ่ี ะให้ผู้เรยี นเรยี นซา้ ชั้น สถานศึกษาควรแจง้ ใหผ้ ู้ปกครองและผู้เรียนทราบ เหตผุ ลของการเรียนซ้าชน้ั

๑.๕ การสอนซอ่ มเสรมิ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดใหส้ ถานศกึ ษาจัดสอนซ่อมเสรมิ เพอ่ื พฒั นาการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพื่อแกไ้ ขข้อบกพรอ่ ง กรณที ่ีผเู้ รียนมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือ เจตคติ/คณุ ลกั ษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมเปน็ กรณีพิเศษอก เหนือไปจากการสอนตามปกติ เพื่อพัฒนาใหผ้ เู้ รียนสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัดท่กี าหนดไว้ เปน็ การให้โอกาสแก่ผเู้ รียนได้เรียนรแู้ ละพฒั นา โดยจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ห่ี ลากหลายและตอบสนองความ แตกตา่ งระหว่างบุคคล ๑.๖ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา ๑. ผูเ้ รยี นเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน จานวน ๕,๑๖๐ ชั่วโมง และรายวิชาเพ่มิ เติม / กิจกรรมเพิม่ เติม จานวน ๘๔๐ ชั่วโมงและมีผลการประเมนิ รายวชิ าพนื้ ฐานผ่านทุกรายวิชา ๒. ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผา่ น” ข้นึ ไป ๓. ผเู้ รียนต้องมลี การประเมิน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ขน้ึ ไป ๔. ผู้เรยี นตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น และได้รบั การตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุกกิจกรรม ๒. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๒.๑ การตดั สินผลการเรียน หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล การเรียนรู้ เพ่ือตดั สนิ ผลการเรยี นของผู้เรยี น ดงั นี้ ๑) ตัดสนิ ผลการเรียนเปน็ รายวิชา ผูเ้ รียนตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้งั หมดในรายวิชานน้ั ๆ ๒) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ตวั ช้ีวดั และผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด ๓) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวิชา ๔) ผู้เรยี นต้องได้รบั การประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนดในการอ่านคดิ วเิ คราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน การตดั สินผลการเรียน ตัดสินเปน็ รายวชิ า โดยใชผ้ ลการประเมินระหวา่ งภาคและปลายภาคตามสดั สว่ น ท่ีสถานศึกษากาหนด ทุกรายวชิ าตอ้ งไดร้ ับการตดั สินและให้ระดบั ผลการเรียน ทง้ั น้ี ผูเ้ รยี นต้องผ่านทุกรายวชิ า พ้นื ฐาน ๒.๒ การให้ระดบั ผลการเรียน การตัดสนิ ผลการเรียนในระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานใช้ระบบผ่านและไม่ผ่าน โดยกาหนดเกณฑ์การตดั สนิ ผ่านแตล่ ะวิชาทรี่ ้อยละ ๕๐ จากน้นั จงึ ใหร้ ะดบั ผลการเรยี นทผ่ี ่าน สาหรบั ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และตอนลาย ใช้ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรียนเปน็ ๘ ระดบั แนวการใหร้ ะดบั ผลการเรยี น ๘ ระดบั และความหมายของแตล่ ะ ระดับ ดังนี้ “4” หมายถงึ ผลการเรยี นดเี ย่ยี ม “3.5” หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก “3” หมายถึง ผลการเรียนดี “2.5” หมายถึง ผลการเรียนค่อนข้างดี “2” หมายถึง ผลการเรยี นน่าพอใช้

“1.5” หมายถงึ ผลการเรียนพอใช้ “1” หมายถงึ ผลการเรียนผ่านเกณฑข์ ้นั ตา่ “0” หมายถงึ ผลการเรยี นต่ากวา่ เกณฑ์ ในกรณีที่ไมส่ ามารถใหร้ ะดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดบั ไดใ้ ห้ใชต้ วั อักษรระบุเงือ่ นไขของผลการเรียน ดงั น้ี “มส” หมายถึง ผูเ้ รยี นไมม่ สี ทิ ธิเขา้ รับการวัดผลปลายภาคเรียน เน่ืองจาก ผเู้ รยี นมเี วลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละ รายวิชา และไม่ไดร้ ับการผอ่ นผนั ใหเ้ ขา้ รบั การวดั ผลปลายภาคเรยี น “ร” หมายถงึ รอการตัดสนิ และยงั ตดั สินผลการเรยี นไม่ได้ เนื่องจาก ผู้เรียนไมม่ ขี ้อมลู ผลการเรยี นรายวิชานั้นครบถ้วน ได้แก่ ไมไ่ ด้วดั ผลระหวา่ งภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไม่ได้สง่ งาน ทม่ี อบหมายให้ทา ซ่ึงงานนน้ั เป็นสว่ นหนึ่งของการตดั สนิ ผลการเรยี นหรอื มเี หตสุ ดุ วสิ ยั ทท่ี าให้ประเมินผลการเรียนไมไ่ ด้ การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นน้ั ใหร้ ะดับผลการ ประเมนิ เปน็ ผ่านและไม่ผ่าน กรณที ีผ่ า่ นใหร้ ะดบั ผลการประเมินเป็นดเี ย่ียม ดี และผ่าน ๑. ในการสรปุ ผลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน เพ่ือการเลอื่ นช้นั และจบการศกึ ษากาหนด เกณฑ์การตัดสนิ เป็น ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดบั ดังนี้ ดเี ย่ยี ม หมายถึง มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มคี ุณภาพดเี ลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ทมี่ ีคุณภาพเป็นทยี่ อมรับ ผ่าน หมายถงึ มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นที่มีคุณภาพเปน็ ทย่ี อมรับ แตย่ งั มีข้อบกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน หมายถงึ ไม่มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นหรือถา้ มีผลงาน ผลงานนั้นยังมีข้อบกพร่องท่ตี ้องไดร้ ับ การปรับปรงุ แก้ไขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์รวมทุกคณุ ลกั ษณะเพื่อการเลื่อนชัน้ และจบ การศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดับ ดังน้ี ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนปฏบิ ัตติ นตามคุณลักษณะจนเป็นนสิ ยั และนาไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั เพ่ือประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากว่าระดบั ดี ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมีคุณลักษณะในการปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้ เป็นการยอมรับของสงั คมโดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ยยี่ ม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดบั ดี หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยย่ี ม จานวน ๔ คณุ ลักษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากว่าระดับผ่าน หรือ ๓. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใด

ไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากว่าระดับผา่ น ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนรับรู้และปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขทสี่ ถานศึกษากาหนด โดยพิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใด ได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผ่าน หรือ ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มคี ณุ ลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดับผา่ น ไม่ผ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรบั รแู้ ละปฏบิ ตั ิได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไข ท่ีสถานศึกษากาหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับไมผ่ า่ น ต้งั แต่ ๑ คุณลกั ษณะ การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน จะต้องพิจารณาทัง้ เวลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม และผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผ่านและไม่ผ่าน กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรยี น ซึง่ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี โดยผูเ้ รียนเลอื กอย่างใดอย่างหนง่ึ (๒) กจิ กรรมชมุ นุมหรือชมรม ท้งั นี้ ผูเ้ รยี นระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ จะต้องเข้าร่วมกจิ กรรมทง้ั ข้อ (๑) และ (๒) ๓) กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ให้ใช้ตวั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบตั ิกิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ปฏบิ ัติกิจกรรม และมีผลงานไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด ในกรณีท่ผี เู้ รยี นไดผ้ ลของกจิ กรรมเป็น “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสรมิ ให้ผ้เู รียนทากิจกรรมในส่วนท่ี ผเู้ รียนไม่ได้เขา้ ร่วมหรือไม่ได้ทาจนครบถ้วน แลว้ จึงเปลี่ยนผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังน้ี ตอ้ งดาเนนิ การให้ เสร็จส้นิ ภายในปีการศึกษานั้น ยกเวน้ มีเหตสุ ดุ วิสัยให้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษา ๒.๓ การเปลี่ยนผลการเรยี น ๒.๓.๑ การเปลีย่ นผลการเรยี น “๐” สถานศกึ ษาจดั ให้มีการสอนซ่อมเสรมิ ในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัดที่ผเู้ รียนสอบไม่ผ่านก่อนแลว้ จึงสอบ แกต้ ัวได้ไมเ่ กิน ๒ ครั้ง ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ าเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาทส่ี ถานศึกษากาหนด ให้อยู่ในดลุ ยพินิจ ของสถานศึกษาทจ่ี ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งดาเนินการใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในปีการศึกษานนั้ ถ้าสอบแก้ตวั ๒ ครงั้ แลว้ ยงั ได้ระดับผลการเรียน “๐” อกี ให้สถานศกึ ษาแต่งตงั้ คณะกรรมการดาเนนิ การเก่ยี วกับการเปลย่ี นผลการเรียนของผูเ้ รยี น โดยปฏิบัตดิ งั น้ี ๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพืน้ ฐาน ให้เรียนซ้ารายวชิ าน้นั ๒) ถ้าเปน็ รายวิชาเพ่ิมเติม ใหเ้ รียนซ้าหรือเปลี่ยนรายวิชาเรยี นใหม่ ท้งั น้ี ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาในกรณที ่ีเปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา่ เรียนแทนรายวชิ าใด

๒.๓.๒ การเปล่ียนผลการเรียน “ร” การเปลย่ี นผลการเรยี น “ร” ให้ดาเนนิ การดงั น้ี ให้ผู้เรียนดาเนินการแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เมอ่ื ผูเ้ รยี นแก้ไขปญั หาเสร็จแล้วให้ได้ระดับผลการเรียน ตามปกติ(ตัง้ แต่ ๐-๔)ถา้ ผเู้ รียนไมด่ าเนนิ การแก้ไข “ร” กรณที ีส่ ง่ งานไม่ครบ แตม่ ีผลการประเมินระหวา่ งภาคเรยี น และปลายภาคให้ผู้สอนนาข้อมูลทีม่ ีอยู่ตดั สนิ ผลการเรยี น ยกเว้นมเี หตุสุดวิสยั ให้อย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ี จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรยี น สาหรับภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งดาเนินการใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปี การศกึ ษานน้ั เมือ่ พน้ กาหนดนี้แลว้ ใหเ้ รยี นซ้า หากผลการเรยี นเปน็ “๐” ให้ดาเนนิ การแกไ้ ขตามหลักเกณฑ์ ๒.๓.๓ การเปลีย่ นผลการเรยี น “มส” การเปลย่ี นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดงั นี้ ๑) กรณผี ้เู รียนได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อย ละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวชิ านั้น ให้สถานศกึ ษาจดั ให้เรียนเพิม่ เติมโดยใชช้ ั่วโมงสอนซอ่ มเสริม หรอื ใช้เวลาว่าง หรอื ใชว้ ันหยุด หรอื มอบหมายงานให้ทา จนมเี วลาเรียนครบตามทกี่ าหนดไว้สาหรับรายวิชานั้น แลว้ จึงใหว้ ดั ผล ปลายภาคเปน็ กรณีพเิ ศษผลการแก้ “มส” ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนีใ้ ห้กระทาให้ เสรจ็ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษาน้ัน ถ้าผเู้ รยี นไม่มาดาเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาท่ีกาหนดไว้นใี้ ห้เรยี นซ้า ยกเว้น มเี หตุสดุ วิสัย ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไม่เกิน ๑ ภาคเรยี น แต่ เม่อื พ้นกาหนดน้ีแลว้ ให้ปฏิบัตดิ ังนี้ (๑) ถา้ เปน็ รายวิชาพื้นฐานใหเ้ รียนซ้ารายวิชาน้ัน (๒) ถา้ เป็นรายวิชาเพ่ิมเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรียนซา้ หรือเปล่ยี นรายวิชา เรียนใหม่ ๒) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทง้ั หมด ให้สถานศึกษาดาเนนิ การดังน้ี (๑) ถ้าเป็นรายวิชาพน้ื ฐาน ให้เรยี นซ้ารายวิชานน้ั (๒) ถา้ เป็นรายวชิ าเพ่ิมเติม ให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของสถานศึกษา ใหเ้ รยี นซา้ หรือเปลี่ยนรายวิชา เรียนใหม่ ในกรณที ่เี ปลีย่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรียนวา่ เรียนแทนรายวชิ าใด การเรียนซา้ รายวิชา ผเู้ รยี นท่ีไดร้ ับการสอนซ่อมเสริมและสอบแกต้ วั ๒ ครั้งแล้วไม่ผา่ นเกณฑ์การ ประเมิน ให้เรยี นซ้ารายวิชานน้ั ทง้ั นี้ ให้อยูใ่ นดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาในการจัดใหเ้ รยี นซา้ ในช่วงใดชว่ งหนึ่งท่ี สถานศึกษาเหน็ วา่ เหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรียน ภาคฤดรู ้อน เป็นต้น ในกรณภี าคเรียนท่ี ๒ หากผู้เรียนยังมผี ลการเรียน “๐” “ร” “มส” ใหด้ าเนินการใหเ้ สรจ็ สิ้นก่อนเปดิ เรียน ปกี ารศกึ ษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปดิ การเรยี นการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรยี นของผ้เู รียนได้ ท้ังน้ี หากสถานศึกษาใดไม่สามารถดาเนินการเปดิ สอนภาคฤดรู ้อนได้ ให้สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา/ต้นสังกดั เป็นผู้ พจิ ารณาประสานงานให้มกี ารดาเนินการเรยี นการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแกไ้ ขผลการเรียนของผู้เรียน ๒.๓.๔ การเปล่ยี นผล “มผ”

กรณที ี่ผเู้ รยี นไดผ้ ล “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจัดซ่อมเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นทากจิ กรรมในสว่ นทผ่ี ูเ้ รยี นไม่ได้เข้ารว่ ม หรอื ไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจงึ เปลย่ี นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังนี้ ดาเนินการใหเ้ สร็จส้นิ ภายในภาคเรยี นน้ัน ๆยกเว้นมเี หตสุ ดุ วิสยั ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทีจ่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกนิ ๑ ภาคเรียน สาหรับภาคเรียนท่ี ๒ต้องดาเนินการใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในปกี ารศกึ ษาน้นั ๒.๔ การเลอื่ นชัน้ เมอ่ื สนิ้ ปีการศึกษา ผู้เรยี นจะไดร้ ับการเลอ่ื นชั้น เม่อื มีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๒.๔.๑ รายวิชาพื้นฐานและรายวชิ าเพิม่ เติมไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา กาหนด ๒.๔.๒ ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินและมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนดในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๒.๔.๓ ระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปกี ารศึกษานนั้ ควรได้ไม่ต่ากว่า ๑.๐๐ ท้งั นี้ รายวชิ าใดทไี่ ม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสรมิ ผู้เรยี นให้ได้รบั การแก้ไข ในภาคเรยี นถดั ไป ทง้ั นีส้ าหรบั ภาคเรยี นที่ ๒ ตอ้ งดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ ส้นิ ภายในปีการศึกษานัน้ ๒.๕ การสอนซ่อมเสริม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้สถานศึกษาจัดสอนซ่อมเสริมเพอื่ พัฒนาการเรียนรู้ของผูเ้ รยี นเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพื่อแก้ไขข้อบกพรอ่ ง กรณที ผ่ี ู้เรียนมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลกั ษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ เปน็ กรณีพิเศษ อกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพอื่ พฒั นาให้ผ้เู รียนสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั ท่ีกาหนดไว้ เป็นการใหโ้ อกาสแกผ่ ้เู รียนได้เรยี นร้แู ละพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่หลากหลายและตอบสนองความ แตกต่างระหว่างบคุ คลการสอนซ่อมเสริมสามารถดาเนินการได้ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้ ๑) ผ้เู รยี นมคี วามรู้/ทกั ษะพน้ื ฐานไมเ่ พียงพอทจี่ ะศึกษาในแตล่ ะรายวิชานั้น ควรจดั การสอนซอ่ มเสริม ปรับความรู้/ทักษะพื้นฐาน ๒) ผู้เรียนไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะทกี่ าหนดไวต้ ามมาตรฐาน การเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั ในการประเมินผลระหว่างเรยี น ๓) ผเู้ รยี นทีไ่ ดร้ ะดับผลการเรียน “๐” ใหจ้ ัดการสอนซ่อมเสรมิ ก่อนสอบแกต้ ัว ๔) กรณผี ูเ้ รยี นมผี ลการเรยี นไมผ่ ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสรมิ ในภาคฤดรู ้อนเพ่อื แก้ไขผลการเรียนทัง้ นี้ ให้อยใู่ นดุลยพินิจของสถานศึกษา ๒.๖ เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ๑. ผเู้ รยี นเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชาเพ่ิมเติม จานวน ๘๑ หน่วยกติ โดยเป็นรายวชิ าพ้ืนฐาน จานวน ๖๖ หน่วยกติ และรายวิชาเพ่ิมเตมิ จานวน ๑๕ หนว่ ยกิต ๒. ผ้เู รยี นตอ้ งได้หนว่ ยกิต ตลอดหลกั สูตร ไม่น้อยกวา่ ๗๗ หนว่ ยกติ โดยเป็นรายวิชาพืน้ ฐาน จานวน ๖๖ หน่วยกิต และรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ไมน่ ้อยกวา่ ๑๑ หนว่ ยกติ ๓. ผู้เรยี นต้องมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั “ผ่าน” ขึ้นไป ๔. ผู้เรียนตอ้ งมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับ “ผา่ น” ขึน้ ไป ๕. ผเู้ รียนต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น และไดร้ ับการตดั สินผลการเรยี น “ผา่ น” ทุกกิจกรรม

๓. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๓.๑ การตดั สนิ ผลการเรียน หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดหลกั เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล การเรียนรู้ เพือ่ ตัดสินผลการเรียนของผ้เู รียน ดงั น้ี ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผู้เรยี นต้องมเี วลาเรยี นตลอดภาคเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมดในรายวิชานั้น ๆ ๒) ผเู้ รียนตอ้ งได้รบั การประเมินทกุ ตัวชีว้ ดั และผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด ๓) ผ้เู รียนตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวชิ า ๔) ผเู้ รียนต้องไดร้ บั การประเมนิ และมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนดในการอา่ นคดิ วิเคราะห์ และเขยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น การตัดสนิ ผลการเรยี น ตดั สินเป็นรายวิชา โดยใช้ผลการประเมินระหว่างภาคและปลายภาคตามสดั สว่ น ทสี่ ถานศึกษากาหนด ทกุ รายวชิ าตอ้ งไดร้ ับการตดั สนิ และใหร้ ะดบั ผลการเรยี น ทั้งน้ี ผ้เู รยี นตอ้ งผ่านทุกรายวชิ า พืน้ ฐาน ๓.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น การตดั สินผลการเรยี นในระดับการศึกษาขั้นพืน้ ฐานใช้ระบบผา่ นและไมผ่ ่าน โดยกาหนดเกณฑ์การตดั สนิ ผา่ นแต่ละวิชาท่ีรอ้ ยละ ๕๐ จากน้นั จึงให้ระดบั ผลการเรยี นท่ีผา่ น สาหรบั ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และตอนลาย ใช้ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรียนเป็น ๘ ระดบั แนวการให้ระดับผลการเรยี น ๘ ระดับ และความหมายของแตล่ ะ ระดบั ดงั นี้ “4” หมายถงึ ผลการเรียนดเี ยี่ยม “3.5” หมายถงึ ผลการเรียนดมี าก “3” หมายถงึ ผลการเรียนดี “2.5” หมายถงึ ผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดี “2” หมายถึง ผลการเรียนน่าพอใช้ “1.5” หมายถึง ผลการเรยี นพอใช้ “1” หมายถึง ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ข้ันตา่ “0” หมายถึง ผลการเรยี นต่ากวา่ เกณฑ์ ในกรณีท่ีไม่สามารถให้ระดบั ผลการเรียนเป็น ๘ ระดบั ได้ให้ใช้ตัวอกั ษรระบุเง่ือนไขของผลการเรียน ดงั นี้ “มส” หมายถึง ผู้เรยี นไม่มีสิทธิเขา้ รบั การวดั ผลปลายภาคเรยี น เนือ่ งจาก ผูเ้ รยี นมเี วลาเรียนไมถ่ งึ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในแตล่ ะ รายวชิ า และไม่ได้รับการผ่อนผันใหเ้ ขา้ รับการวดั ผลปลายภาคเรียน “ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ และยังตดั สนิ ผลการเรียนไม่ได้ เน่ืองจาก ผู้เรยี นไม่มีข้อมลู ผลการเรียนรายวชิ านนั้ ครบถ้วน ได้แก่ ไมไ่ ด้วดั ผลระหวา่ งภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น ไม่ไดส้ ่งงาน ท่ีมอบหมายให้ทา ซึ่งงานน้ันเปน็ สว่ นหนึ่งของการตัดสิน ผลการเรียนหรอื มีเหตุสดุ วสิ ัยที่ทาใหป้ ระเมนิ ผลการเรยี นไมไ่ ด้ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์นั้นใหร้ ะดับผลการ ประเมินเป็นผ่านและไม่ผ่าน กรณที ผี่ า่ นให้ระดับผลการประเมินเปน็ ดีเยย่ี ม ดี และผา่ น

๑. ในการสรปุ ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน เพ่ือการเล่อื นช้ันและจบการศกึ ษากาหนด เกณฑ์การตดั สนิ เป็น ๔ ระดับ และความหมายของแต่ละระดบั ดังนี้ ดเี ยี่ยม หมายถงึ มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนท่ีมคี ุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถงึ มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ทีม่ ีคณุ ภาพเป็นทยี่ อมรับ ผ่าน หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี นท่ีมีคุณภาพเป็นทยี่ อมรับ แตย่ ังมีข้อบกพร่องบางประการ ไมผ่ ่าน หมายถงึ ไม่มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นหรือถ้ามีผลงาน ผลงานนัน้ ยงั มีข้อบกพร่องท่ตี ้องได้รับ การปรับปรงุ แก้ไขหลายประการ ๒. ในการสรุปผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์รวมทกุ คณุ ลักษณะเพ่ือการเลือ่ นชั้นและจบ การศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น ๔ ระดบั และความหมายของแต่ละระดับ ดงั น้ี ดีเยีย่ ม หมายถงึ ผู้เรยี นปฏบิ ัตติ นตามคุณลักษณะจนเปน็ นสิ ยั และนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั เพอื่ ประโยชน์สขุ ของตนเองและสงั คม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดบั ดเี ยี่ยม จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดบั ดี ดี หมายถงึ ผ้เู รยี นมคี ณุ ลักษณะในการปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้ เป็นการยอมรบั ของสังคมโดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ยี่ยม จานวน ๑-๔ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากว่าระดับดี หรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดเี ย่ียม จานวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดับผา่ น หรอื ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะและไม่มีคณุ ลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดับผา่ น ผ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรับรแู้ ละปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขทสี่ ถานศึกษากาหนด โดยพจิ ารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มี คุณลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมินตา่ กวา่ ระดับผ่าน หรือ ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี จานวน ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มคี ณุ ลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมินต่ากวา่ ระดับผ่าน ไม่ผ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรับรู้และปฏบิ ตั ิได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไข ทีส่ ถานศึกษากาหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไมผ่ ่าน ต้ังแต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น จะตอ้ งพจิ ารณาทัง้ เวลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผ้เู รียนตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการประเมินเปน็ ผ่านและไม่ผ่าน

กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน มี ๓ ลกั ษณะ คอื ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรยี น ซึ่งประกอบด้วย (๑) ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ าทหารโดยผเู้ รยี นเลอื กอย่างใดอยา่ งหนงึ่ (๒) กจิ กรรมชุมนุมหรอื ชมรม ทั้งนี้ ผ้เู รยี นระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมท้งั ข้อ (๑) และ (๒) ๓) กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมิน ดงั น้ี “ผ” หมายถงึ ผู้เรยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏิบัติกจิ กรรม และมีผลงานตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด “มผ” หมายถึง ผเู้ รยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน ปฏิบัตกิ จิ กรรม และมีผลงานไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากาหนด ๓.๓ การเปลยี่ นผลการเรยี น ๓.๓.๑ การเปลยี่ นผลการเรยี น “๐” สถานศกึ ษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ที่ผูเ้ รียนสอบไมผ่ ่านก่อนแล้วจึงสอบ แก้ตวั ได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ถ้าผเู้ รยี นไมด่ าเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาทสี่ ถานศึกษากาหนด ให้อยใู่ นดุลยพินิจ ของสถานศกึ ษาท่ีจะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาคเรยี น สาหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดาเนนิ การให้เสร็จส้ิน ภายในปกี ารศึกษานน้ั ถา้ สอบแกต้ ัว ๒ ครง้ั แลว้ ยงั ไดร้ ะดับผลการเรยี น “๐” อีก ให้สถานศกึ ษาแต่งต้ัง คณะกรรมการดาเนนิ การเกี่ยวกับการเปลย่ี นผลการเรยี นของผเู้ รยี น โดยปฏิบตั ิดังนี้ ๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพื้นฐาน ใหเ้ รียนซา้ รายวิชานั้น ๒) ถ้าเปน็ รายวิชาเพ่มิ เตมิ ให้เรยี นซา้ หรือเปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ทั้งน้ี ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของ สถานศกึ ษาในกรณีทเ่ี ปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวิชาใด ๓.๓.๒ การเปลี่ยนผลการเรยี น “ร” การเปล่ียนผลการเรียน “ร” ให้ดาเนินการดังน้ี ใหผ้ ้เู รยี นดาเนินการแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เมอื่ ผู้เรียนแกไ้ ขปัญหาเสร็จแลว้ ให้ได้ระดับผลการเรียน ตามปกติ(ต้ังแต่ ๐-๔)ถ้าผูเ้ รียนไมด่ าเนนิ การแก้ไข “ร” กรณที ่สี ่งงานไมค่ รบ แต่มผี ลการประเมินระหว่างภาคเรียน และปลายภาคให้ผู้สอนนาข้อมูลทีม่ ีอยู่ตดั สินผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาที่ จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรยี น สาหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดาเนินการให้เสรจ็ สน้ิ ภายในปี การศกึ ษาน้นั เมอื่ พน้ กาหนดน้ีแล้วใหเ้ รียนซ้า หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดาเนินการแก้ไขตามหลักเกณฑ์ ๓.๓.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” การเปลี่ยนผลการเรยี น “มส” มี ๒ กรณี ดังน้ี ๑) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มเี วลาเรียนไมน่ อ้ ยกว่าร้อย ละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวชิ าน้ัน ใหส้ ถานศึกษาจดั ให้เรียนเพม่ิ เติมโดยใช้ชั่วโมงสอนซ่อมเสรมิ หรอื ใช้เวลาวา่ ง หรือใชว้ นั หยุด หรือมอบหมายงานให้ทา จนมีเวลาเรียนครบตามทก่ี าหนดไวส้ าหรบั รายวิชาน้นั แลว้ จึงใหว้ ัดผล ปลายภาคเป็นกรณีพเิ ศษผลการแก้ “มส” ให้ไดร้ ะดับผลการเรียนไม่เกนิ “๑” การแก้ “มส” กรณนี ใ้ี ห้กระทาให้ เสรจ็ สนิ้ ภายในปกี ารศึกษานั้น ถ้าผเู้ รยี นไม่มาดาเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่กาหนดไวน้ ้ใี หเ้ รยี นซ้า ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ยั ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไม่เกนิ ๑ ภาคเรียน แต่ เม่ือพ้นกาหนดนี้แลว้ ใหป้ ฏิบตั ิดังนี้

(๑) ถา้ เปน็ รายวิชาพนื้ ฐานให้เรยี นซ้ารายวชิ านัน้ (๒) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซา้ หรือเปล่ียนรายวชิ า เรียนใหม่ ๒) กรณีผเู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนนอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี น ท้ังหมด ให้สถานศึกษาดาเนนิ การดังน้ี (๑) ถา้ เปน็ รายวชิ าพ้นื ฐาน ให้เรียนซ้ารายวิชานั้น (๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพิ่มเติม ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซา้ หรือเปลยี่ นรายวิชา เรยี นใหม่ ในกรณที ี่เปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ให้หมายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่าเรยี นแทนรายวิชาใด การเรียนซ้ารายวชิ า ผเู้ รยี นทไี่ ด้รับการสอนซ่อมเสรมิ และสอบแก้ตวั ๒ คร้งั แลว้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์การ ประเมิน ใหเ้ รียนซ้ารายวชิ านน้ั ทั้งนี้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาในการจัดให้เรยี นซ้าในช่วงใดช่วงหนง่ึ ที่ สถานศกึ ษาเหน็ วา่ เหมาะสม เช่น พกั กลางวัน วันหยุด ชัว่ โมงว่างหลงั เลกิ เรยี น ภาคฤดรู อ้ น เป็นตน้ ในกรณภี าคเรียนที่ ๒ หากผ้เู รียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ใหด้ าเนนิ การใหเ้ สรจ็ สิ้นก่อนเปดิ เรยี น ปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดรู ้อนเพ่ือแก้ไขผลการเรยี นของผู้เรียนได้ ท้ังน้ี หากสถานศึกษาใดไมส่ ามารถดาเนนิ การเปดิ สอนภาคฤดรู ้อนได้ ใหส้ านกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา/ตน้ สังกัดเป็นผู้ พจิ ารณาประสานงานให้มีการดาเนนิ การเรียนการสอนในภาคฤดรู ้อนเพ่ือแก้ไขผลการเรียนของผเู้ รียน ๓.๓.๔ การเปลี่ยนผล “มผ” กรณีท่ีผู้เรียนไดผ้ ล “มผ” สถานศึกษาต้องจดั ซอ่ มเสริมใหผ้ ู้เรียนทากิจกรรมในสว่ นท่ผี เู้ รยี นไม่ไดเ้ ข้าร่วม หรือไม่ไดท้ าจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทงั้ น้ี ดาเนนิ การใหเ้ สร็จส้นิ ภายในภาคเรียนน้ัน ๆยกเว้นมเี หตุสุดวิสยั ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน สาหรับภาคเรยี นที่ ๒ตอ้ งดาเนนิ การให้เสร็จสนิ้ ภายในปกี ารศึกษานัน้ ๓.๔ การเลือ่ นชนั้ เมอ่ื สน้ิ ปีการศึกษา ผู้เรียนจะไดร้ บั การเลื่อนช้ัน เม่อื มีคณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั ต่อไปนี้ ๒.๔.๑ รายวชิ าพื้นฐานและรายวชิ าเพิ่มเติมได้รบั การตัดสินผลการเรยี นผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษา กาหนด ๒.๔.๒ ผู้เรยี นต้องได้รบั การประเมินและมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากาหนดในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ๒.๔.๓ ระดับผลการเรยี นเฉล่ียในปกี ารศึกษานัน้ ควรได้ไม่ต่ากว่า ๑.๐๐ ทั้งน้ี รายวชิ าใดทีไ่ มผ่ ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสรมิ ผู้เรยี นให้ไดร้ ับการแก้ไข ในภาคเรยี นถัดไป ท้งั นสี้ าหรับภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดาเนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปีการศกึ ษาน้ัน

๓.๕ การสอนซอ่ มเสรมิ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดใหส้ ถานศึกษาจัดสอนซอ่ มเสรมิ เพื่อ พัฒนาการเรียนรู้ของผ้เู รยี นเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เปน็ การสอนเพ่ือแกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณที ผี่ ้เู รยี นมีความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือ เจตคติ/คณุ ลกั ษณะ ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมเป็นกรณีพเิ ศษ อกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพ่อื พัฒนาให้ผู้เรยี นสามารถบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัดท่ีกาหนดไว้ เปน็ การใหโ้ อกาสแกผ่ ู้เรยี นได้เรียนรแู้ ละพัฒนา โดยจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่หลากหลายและตอบสนองความ แตกต่างระหวา่ งบคุ คลการสอนซอ่ มเสรมิ สามารถดาเนินการได้ในกรณี ดังตอ่ ไปน้ี ๑) ผเู้ รยี นมีความรู้/ทกั ษะพื้นฐานไมเ่ พียงพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวิชาน้ัน ควรจัดการสอนซอ่ มเสรมิ ปรับความรู้/ทกั ษะพืน้ ฐาน ๒) ผูเ้ รียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลกั ษณะท่กี าหนดไวต้ ามมาตรฐาน การเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัดในการประเมินผลระหว่างเรียน ๓) ผู้เรียนทไ่ี ดร้ ะดบั ผลการเรียน “๐” ให้จดั การสอนซ่อมเสริมก่อนสอบแก้ตวั ๔) กรณผี ู้เรยี นมีผลการเรยี นไมผ่ ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสรมิ ในภาคฤดรู ้อนเพือ่ แก้ไขผลการเรยี นทัง้ นี้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ๓.๖ เกณฑ์การจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๑. ผ้เู รียนเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน และรายวิชาเพ่มิ เติม จานวน ๘๒ หนว่ ยกิต โดยเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน จานวน ๔๑ หน่วยกิต และรายวิชาเพมิ่ เตมิ จานวน ๔๑ หนว่ ยกติ ๒. ผู้เรียนต้องได้หนว่ ยกิต ตลอดหลกั สตู ร ไมน่ ้อยกวา่ ๗๗ หน่วยกิต โดยเปน็ รายวชิ าพืน้ ฐาน จานวน ๖๖ หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพิ่มเติม ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๑ หน่วยกติ ๓. ผู้เรียนต้องมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผา่ น” ขึ้นไป ๔. ผู้เรียนต้องมผี ลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ขนึ้ ไป ๕. ผ้เู รียนตอ้ งเขา้ รว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น และไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรยี น “ผา่ น” ทุกกิจกรรม

ภาคผนวก

คาสงั่ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๕๖ ที่ ๓๙๐ /๒๕๕๖ เรือ่ ง แต่งต้งั คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวิชาการของสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ..................................................... เพอื่ ให้การบรหิ ารหลกั สูตรและงานวิชาการสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐานเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ สอดคล้องกับพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแ่ี ก้ไขเพ่มิ เติม หมวด 4 มาตรา 27 ท่กี าหนดใหส้ ถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานมหี นา้ ทจี่ ัดทาสาระของหลกั สตู รเพ่อื ความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองทด่ี ี ของชาติ การดารงชวี ิต และการประกอบอาชีพคลอดจนเพื่อการศกึ ษาตอ่ ในสว่ นท่เี ก่ยี วข้องกับ สภาพของปัญหา ในชุมชนและสังคม ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกทีด่ ีของ ครอบครวั ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ อาศัยระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสตู รและงานวิชาการสถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. 2544 ขอ้ 5 และประกาศการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เมอื่ วันที่ 11 กรกฎาคม 2551 สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ จงึ แต่งต้ังคณะกรรมการบรหิ าร หลักสตู รและงานวชิ าการของโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๕๖ ดงั น้ี ก : ฝา่ ยอานวยการ ประกอบด้วย ผู้อานวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ 1. จ.ส.อ. เสวก ฉุนหอม กรรมการ 2. นายสาเนียง เสนา กรรมการ 3. นางสุจนิ ตนา คาชมุ่ กรรมการ 4. นางดวงเดือน โพธทิ์ อง กรรมการ 5. นางปวริศา สิงห์อดุ ร กรรมการ 6. นายยุทธภูมิ สปุ ระการ กรรมการและเลขานุการ ๗. นายชรินทร์ ภชิ ยั วงค์ กรรมการและผูช้ ว่ ยเลขานุการ ๘. นางกาญจนาวรรณ คดิ ดี ภาระงานและหน้าทคี่ วามรับผิดชอบ ๑. ศกึ ษาและวิเคราะห์ขอ้ มลู พ้ืนฐานเกยี่ วกบั ภารกิจของการบรหิ ารวิชาการ และการบริหาร หลกั สูตรแกนกลางฯ ๒. กาหนดและมอบนโยบายในการบรหิ ารงานให้ฝา่ ยปฏิบัตกิ ารดาเนนิ งาน ๓. ดูแล กากับ ติดตาม ผลการดาเนินงาน ๔. ประเมินผลการดาเนินงานเปน็ ระยะ ๆ ๕. ส่งเสรมิ สนบั สนุนใหข้ วัญและกาลังใจในการปฏิบตั งิ านของผู้รบั ผิดชอบ และผ้ทู มี่ ีสว่ นเกีย่ วข้อง

๖. สรุปผลการดาเนินงาน ประธานกรรมการ ข : ฝ่ายปฏิบตั กิ าร ประกอบดว้ ย กรรมการ กรรมการ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย กรรมการ ๑. นางกาญจนาวรรณ คิดดี กรรมการ ๒. นายอทุ ยั โพธท์ิ อง กรรมการ ๓. นางรตั นา สทุ ธพิ งศพ์ ันธ์ กรรมการ ๔. นางประทุม มหาวงศนนั ท์ กรรมการ ๕. นางอมรรัตน์ ธนานภุ าพไพศาล กรรมการและเลขานุการ ๖. นางสาวดารณี นาคะรตั น์ ๗. นางสาวนนท์ธิชา อามลา ๘. นางสาวมณีรัตน์ รินชม ๙. นางปณิตา ปัญญานะ กลุม่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ประธานกรรมการ ๑. นางประกาย ตน้ ผล กรรมการ ๒. นายสกุ ิจ สวุ รรณ์ กรรมการ ๓. นางสาวเสาวนีย์ ขันทะสอน กรรมการ ๔. นางสรุ ารักษ์ เทยี มนโรดม กรรมการ ๕. นางปยิ ะนาถ ฉุนหอม กรรมการ ๖. นายฉกรรจ์ เสนา กรรมการและเลขานุการ ๗. นางกลั ยาณี ด้วงสุวรรณ์ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ประธานกรรมการ ๑. นางจงรกั มเี งนิ กรรมการ ๒. นายชรินทร์ ภิชยั วงค์ กรรมการ ๓. นางพิทยา ภิชัยวงค์ กรรมการ ๔. นางสาวอารีย์ แก้วมา กรรมการ ๕. นายสงิ ห์ สจุ ันทร์ กรรมการ ๖. นางสาววจิ ติ รา เนตรวีระ กรรมการ ๗. นายพิรณุ จ่ากอ กรรมการและเลขานุการ ๘. นางสาวสงกรานต์ มหามติ ร กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑. นางนภวรรณ ละเลิง ประธานกรรมการ ๒. นายสมเกียรติ ปัญญานะ กรรมการ ๓. นางมยุเรศ นันทะเสน กรรมการ ๔. นางสาวสมควร สีนา กรรมการ ๕. พระสมหุ ์สมาน กิจจฺ สาโร กรรมการ

๖. นายฐติ ิรัตน์ อินทรประสิทธ์ กรรมการ ๗. นางอญั ชลี ใจจนั ทร์ กรรมการ ๘. นางนทิ รา ยาวชิ ยั กรรมการ ๙. นางธญั ลกั ษณ์ จันทร์เจนจบ กรรมการและเลขานุการ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ประธานกรรมการ ๑. นายอาทิตย์ ดว้ งสวุ รรณ์ กรรมการ ๒. นายจกั รกฤษณ์ ผาสกุ กรรมการ ๓. นายปรชั ญา สมณะช้างเผอื ก กรรมการและเลขานุการ ๔. นางจรี วรรณ จีนะ กลุม่ สาระการเรียนร้ศู ิลปะ ประธานกรรมการ ๑. นายยทุ ธภมู ิ สุประการ กรรมการ ๒. นายสรุ นนั ทร์ ลิ้มมณี กรรมการ ๓. นายสงกรานต์ บญุ ชว่ ย กรรมการ ๔. นายจักรพันธ์ อนิ วาทย์ กรรมการและเลขานุการ ๕. นางสาวกนกวรรณ ทพิ ยแ์ สนชัย กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ๑. นายณัฐศษิ ย์ สารเถอ่ื นแก้ว ประธานกรรมการ ๒. นางวัชราภรณ์ คงเมอื ง กรรมการ ๓. นางสภุ างค์ สารเถ่ือนแก้ว กรรมการ ๔. นางรัญจวน เตชะบรู ณ์ กรรมการ ๕. นายฉลอง เฟอ่ื งฟู กรรมการ ๖. นายนเิ วศน์ สวุ รรณโน กรรมการ ๗. นางภิรญา สอนศิริ กรรมการ ๘. นางสาวสุนิตา ไชยชนะ กรรมการ ๙. นางสาวณัฏฐณิชา ธรรมศิริ กรรมการ ๑๐. นางสาวศนั สนยี ์ ประชากรณ์ กรรมการ ๑๑. นายเพดิ บุญอนิ ทร์ กรรมการ ๑๒. นายเดชา จนั ต๊ะนาเขต กรรมการ ๑๓. นางเบญจพร สักลอ กรรมการ ๑๔. นายน่านมงคล อนิ ด้วง กรรมการ ๑๕. นางชนิกานต์ ปัญญาคา กรรมการ ๑๖. นางสาวฉัตรวี จนั ต๊ะ กรรมการ ๑๗. นางสาวดารณิ ี ตระกลู ทอง กรรมการและเลขานุการ

กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ ประธานกรรมการ ๑. นางดวงพร สุจันทร์ กรรมการ ๒. นางสาวอรธรี า ดวงตาดา กรรมการ ๓. นายดเิ รก สนี ลิ กรรมการ ๔. นางสาวจารุวรรณ สะสม กรรมการและเลขานุการ ๕. วา่ ท่ี ร.ต.หญงิ เบญจพร ทงุ่ สง กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประธานกรรมการ ๑. นางสาวสงกรานต์ มหามิตร กรรมการ ๒. นางสาวสรุ ีรตั น์ ทองสุขใส กรรมการ ๓. นางสาววรฏิ ฐา เพช็ รสารกิ ิจ กรรมการและเลขานุการ ๔. นางพวงเพชร รตั นวรากร ภาระงานทร่ี บั ผดิ ชอบ ๑. การพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา ๒. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ๓. การวดั ผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรยี น ๔. การวิจัยเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ๕. การพฒั นาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ๖. การพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ ๗. การนเิ ทศการศกึ ษา ๘. การแนะแนวทางการศึกษา ๙. การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ๑๐. การสง่ เสรมิ ความรู้ด้านวชิ าการแกช่ มุ ชน ๑๑. การประสานความรว่ มมือในการพฒั นาวชิ าการกบั สถานศกึ ษาอืน่ ๑๒. การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ งานวชิ าการแก่บุคคล ครอบครัว องคก์ ร หนว่ ยงาน และสถาบนั อ่ืนท่จี ดั การศกึ ษา ๑๓. งานโครงการพเิ ศษและงานอนื่ ๆ ที่ไดร้ บั มอบหมาย หน้าท่คี วามรับผดิ ชอบ ๑. นานโยบายจดั ทาเปน็ แผนปฏิบัติการ ๒. กาหนดแนวทางการดาเนินงานตามภาระงานที่รบั ผิดชอบโดยยดึ หลกั การมีสว่ นรว่ ม เปน็ ฐาน ๓. ดแู ล กากับ ตดิ ตามผลการดาเนินงาน ๔. ประเมนิ ผลการดาเนินงาน ๕. สรุปผลการดาเนนิ งานเมอื่ เสร็จสนิ้ โครงการเสนอฝ่ายอานวยการหากมสี ่ิงใด ขัด หรือแย้งกบั คาสง่ั น้ีให้เปน็ อนั ยกเลกิ และให้ใช้คาสง่ั น้ีแทน










Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook