การออกแบบดว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมวิสาหกจิ ชุมชน SMEs ไกรลาศ ดอนชัย การใชง้ านโปรแกรม SolidWorks 1. การสร้างเสน้ รา่ ง (Sketch) มคี าสัง่ ที่ใช้ในการสรา้ งเสน้ ร่าง ได้แก่ Line, Circle, Rectan- gle, Polygon, Arc, Elipse, Spiine นอกจากน้ียังมคี าสงั่ ทใ่ี ชแ้ กไ้ ขปรบั ปรุงเส้นรา่ งให้สมบูรณ์ ขึ้น เช่น Fillet, Chamfer, Mirror, Trime, Linear Sketch Pattern, Circular Sketch Pat- tern, Copy, Move อีกทัง้ ยังมคี าสงั่ ท่ีใชก้ าหนดความสัมพนั ธใ์ ห้แก่เสน้ รา่ ง เพ่ือให้เส้นรา่ งท่ี สร้างขึน้ มคี วามสัมพันธร์ ะหวา่ งจุดหรอื เส้น เช่น ความขนาน (Parallel) ความตัง้ ฉาก (Perpendicular) ความร่วมศนู ย์ (Concentric) 2. การสร้าง Part ดว้ ยคาสงั่ Extrude เป็นการสร้าง ชนิ้ ส่วนของช้ินงานด้วยคาส่ังต่างๆ ได้แก่ Extruded Bass/ Base เป็นคาสงั่ ให้เสน้ รา่ ง 2 มิติ มีความหนาข้นึ ในทศิ ทางตัง้ ฉากหรือระนาบกบั พืน้ ผิวนน้ั และคาสง่ั Extruded Cut เปน็ คาส่ังตัดเจาะชนิ้ งานตามรูปรา่ งของเสน้ ร่างทีส่ ร้างขึ้น 198องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
4. การสร้าง Part ด้วยคาสั่ง Swept คือ การ สร้างช้ินส่วนของช้ินงานด้วยคาสั่งต่างๆ ได้แก่ Helix and Spiral คอื คาส่งั ใหว้ งกลมมีลกั ษณะ เป็นขดม้วนตามเส้นทาง และ คาสั่ง Swept Bass/Base คือคาสั่งสร้างความหนาตามหน้า ตัดของเส้นรา่ ง 5. การสร้าง Part ด้วยคาสั่ง Loft คือ การสร้าง ช้ินส่วนของชิ้นงานด้วยคาส่ังต่างๆ ได้แก่ Plane คือ คาสั่งการสร้างระนาบใหม่เพิ่มเติมจากระนาม มาตรฐาน และ คาส่ัง Lofted Bass/Base คือ คาส่ังการสร้างเนื้องานจากวัตถุที่หน้าตัดมีรูปหลง ไมเ่ หมือนกนั ฯลฯ 6. การประกอบชิ้นงาน มีคาสั่งที่ใช้ในการประกอบ ช้ินงานต่างๆ ได้แก่ คาส่ัง Insert Components คือ การนาช้ินงานเข้าสู่หน้าต่าง Assembly อีกคาสั่งคือ คาส่ัง Mate คือ การกาหนดความสัมพันธ์ระหว่าง ช้ินงาน และ คาส่ัง Exploded View คือ คาสั่งเพ่ือ สรา้ งภาพประกอบแบบแยกชน้ิ 199 องคค์ วามรู้สูภ่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
การออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ใหแ้ กภ่ าคอตุ สาหกรรมวสิ าหกจิ ชมุ ชน SMEs ไกรลาศ ดอนชัย 7. การสร้าง Toolbox มีคาสั่งต่างๆ ได้แก่ Hole Wizard คือ คาสั่งที่ใช้ในการเจาะรู ทา เกลียวใน และคาสั่ง Mate คือ การกาหนด ความสัมพันธ์ระหว่างช้ินงาน และคาสั่ง Ex- ploded View คื อ ค า สั่ ง เ พื่ อ ส ร้ า ง ภาพประกอบแบบแยกช้นิ 8. การสร้างตารางรายการแบบในโหมด drawing มีคาส่ังที่ใช้ในการสร้าง ชนิ้ งาน ได้แก่ Note คือ คาส่ังสร้างตวั อักษร 9. การสร้างแบบสั่งงานในโหมด drawing มีคาส่ังที่ใช้ในการสร้างชิ้นงาน ไดแ้ ก่ คาสั่ง Model View คอื การแทรกช้ินงาน คาส่ัง Model Item คือการ กาหนดใหแ้ สดงการบอกขนาด คาสั่ง Centerline คือ การสร้างเส้นศูนย์กลาง คาส่ัง Section View คือการสร้างภาพตัดเต็ม คาส่ัง Broken-out Section คือการสรา้ งภาพตัดเฉพาะส่วน และ คาส่ัง Detail View คือ การขยายเฉพาะ ส่วน 200องคค์ วามรูส้ ภู่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
201 องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
การออกแบบดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอรใ์ หแ้ ก่ภาคอุตสาหกรรมวิสาหกิจชมุ ชน SMEs ไกรลาศ ดอนชัย สอบถามขอ้ มลู เพิม่ เติม ไกรลาศ ดอนชัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา เชยี งใหม่ โทรศพั ท์ : 0-5392-1444 202องคค์ วามรสู้ ูภ่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
203 องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
เทคโนโลยีเครือ่ งอดั ถุงพลาสตกิ และเทคนคิ การคัดแยกประเภทถุงพลาสติก 204องคค์ วามรู้สภู่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
เทคโนโลยเี ครื่องอดั ถงุ พลาสตกิ และเทคนคิ การคดั แยกประเภทถงุ พลาสติก มงคลกร ศรวี ชิ ยั ความเปน็ มา จากปญั หาขยะมลู ฝอยทีส่ ่งผลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ มและต่อสุขภาพอนามัยของ ประชาชนโดยตรง ทาให้ทุกภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้องมีความตระหนักในการบริหาร จัดการขยะมูลฝอย จากการศึกษาของ No More Baggage.Org ในปี 2555 ผลสารวจการใช้ถงุ พลาสตกิ ท่ัวโลกพบวา่ มีการใช้ถุงพลาสติกถึง 5 แสนล้านถึง 1 ล้านล้านใบต่อปี หรือเฉลี่ยทุก 1 นาที จะมีการใช้ถุงพลาสติกอย่างน้อย 1 ล้านใบ และจากการศกึ ษาของกรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ในปี 2556 พบว่าคนหน่ึงคนใช้ถุงพลาสติกประมาณ 8 ใบ เม่ือเทียบกับจานวนประชากร ในประเทศไทยที่มจี านวนคนกวา่ 60 ลา้ นคน แสดงว่าในหน่ึงวัน ประเทศไทย มีการใช้ถุงพลาสติกจานวน 500 ล้านใบ/วัน อีกทั้งปัญหาถุงพลาสติกยังมีการ จัดการที่ไมด่ ีนัก 205 องค์ความรสู้ ูภ่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
ค ณ ะ นั ก วิ จั ย จ า ก ค ณ ะ วิ ศ ว ก ร ร ม ศ า ส ต ร์ หัวหนา้ โครงการ ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ร า ช ม ง ค ล ล้ า น น า เชียงราย จึงคิดท่ีจะนาถุงพลาสติกออกจากระบบ มงคลกร ศรีวิชัย โดยการคัดแยกและหาทางออกโดยการนาไปใช้ ประโยชน์ ทาให้เกิดประเด็นในการจัดโครงการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องอัดถุงพลาสติกและ เทคนิคการคัดแยกประเภทถุงพลาสติกสู่ชุมชน โดยนาองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะ ประเภท ของถุงพลาสติก และองค์ความรู้ต่างๆในการ จัดการถุงพลาสติกเพ่ือให้สามารถเพิ่มรายได้ใน การขายถุงพลาสติกและนาพลาสติกออกจาก ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการปลูกฝัง จิตสานกึ ใหก้ ับประชาชนในชมุ ชนเขา้ มามีส่วนร่วม ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอย โดยการคัดแยก ขยะตามประเภท การส่งเสริมการรีไซเคิล การนา ขยะเปียกมาทาปุ๋ยหมักชีวภาพ โครงการในคร้ังน้ี จึงได้มุ่งเน้น ถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องอัด ถุงพลาสติกและเทคนิคการคัดแยกประเภท ถุงพลาสติกสู่ชุมชน แสดงถึงความเชื่อมโยงของ การดาเนินธุรกิจได้ค่อนข้างชัดเจน พร้อมกันน้ียัง สามารถแสดงให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า การจัดการ ขยะจากต้นทาง คือชุมชนเองน้ันจะส่งผลโดยตรง ตอ่ การลดลงของปรมิ าณขยะ วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ ถา่ ยทอดองค์ความรู้การจัดการขยะมูลฝอยสู่ชมชน เพ่ือถ่ายทอดการคดั แยกประเภทของถุงพลาสตกิ อย่างถูกตอ้ ง เพอ่ื ถ่ายทอดเทคโนโลยเี ครอ่ื งอัดถุงพลาสติกสูช่ ุมชน 206องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
แหล่งกาเนิดของขยะมลู ฝอย แหลง่ กาเนิดของขยะมลู ฝอยสามารถแบ่งได้ 5 ประเภท ดงั น้ี ขยะมลู ฝอยจากเขตที่พักชุมชน ได้แก่ ขยะมูลฝอยที่มาจากกิจวัตรประจาวัน ในการดารงชวี ิตของประชาชนทวั่ ไป โดยส่วนใหญม่ ากจากขยะครัวเรอื น ขยะมูลฝอยจากเขตธุรกิจการค้า หรือ ตลาดสด ได้แก่ ขยะมูลฝอยท่ีเกิด จากกจิ กรรมประเภทธรุ กิจการคา้ ตลาดสด ส่วนมากเป็นขยะ เศษถุงพลาสติก เศษผักผลไม้ ขยะมูลฝอยจากเขตสถานที่ราชการ สถานศึกษา โรงพยาบาล ได้แก่ ขยะ มูลฝอยที่เกิดจากกิจกรรมการบริหารของทางราชการ ส่วนใหญ่เป็นขยะพวก เศษกระดาษ และเศษพลาสติก ในกรณีที่เป็นขยะท่ีเกิดขึ้นในโรงพยาบาล จะ เป็นขยะมลู ฝอยจากกิจกรรมการรักษาพยาบาล เช่น เศษสาลี ผ้าพันแผล เข็ม ฉดี ยา เปน็ ตน้ ซ่ึงสว่ นใหญเ่ ปน็ ขยะตดิ เช้ือ ขยะมูลฝอยจากภาคเกษตรกรรม ได้แก่ บริเวณเขตการเกษตรกรรมที่มีการ เพาะปลกู ฟารม์ เล้ียงสัตว์ ส่วนใหญ่มักเป็นขยะอินทรีย์ที่พร้อมย่อยสลาย เช่น ผกั ผลไม้ สงิ่ ปฏิกลู จากสัตวเ์ ลี้ยง ขยะมูลฝอยจากภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ที่เป็นท่ีต้ังของโรงงานอุตสาหกรรม ขยะมูลฝอย ท่ีเกิดข้ึนได้ท้ังจากบนการผลิตท้ังทางตรงและทางอ้อม ถึง แหล่งกาเนิดขยะมูลฝอย ซึ่งแหล่งกาเนินขยะมูลฝอยแต่ละประเภทมีลักษณะ หรือองค์ประกอบแตกตา่ งกนั ไป 207 องค์ความรู้สู่ภาคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
เทคโนโลยีเครื่องอัดถงุ พลาสติกและเทคนคิ การคดั แยกประเภทถุงพลาสตกิ มงคลกร ศรีวิชยั ประเภทของขยะมูลฝอย ประเภทของขยะมูลฝอย สามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ขยะมลู ฝอยยอ่ ยสลายได้ ได้แก่ ขยะมูลฝอยทย่ี อ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาตสิ ่วนใหญเ่ ปน็ ขยะมลู ฝอยอนิ ทรีย์ เช่น เศษอาหาร มลู สัตว์ เศษของพชื ผกั ผลไม้ เปน็ ตน้ และพบว่ามี ปริมาณมากท่สี ดุ คือ 47% ของปริมาณขยะท้ังหมด ขยะรีไซเคิล ได้แก่ ขยะมลู ฝอยท่ีสามารถนากลับมาใช้ใหม่หรือนามาสร้างผลิตภัณฑใ์ หม่ เช่น แก้ว พลาสตกิ โลหะ อโลหะ เป็นตน้ พบว่ามีปริมาณ 41% ของปริมาณขยะทง้ั หมด ขยะมลู ฝอยท่วั ไป ได้แก่ ขยะมูลฝอยทีย่ ่อยสลายยากหรือย่อยสลายเองไดต้ ามธรรมชาตแิ ต่ ไม่คุ้มกบั ตน้ ทุ่นในการนากลบั มาใชใ้ หมห่ รอื ทาผลติ ภัณฑ์ใหมโ่ ดยการผ่านกรรมวิธีการผลิต ทางอตุ สาหกรรม เชน่ กล่องบรรจุนม โฟม ซองบะหมก่ี ง่ึ สาเร็จรปู และถุงขนม เป็นตน้ พบวา่ มปี ริมาณ 9% ของปรมิ าณขยะทัง้ หมด ขยะมูลฝอยอันตราย ไดแ้ ก่ ขยะมลู ฝอยทป่ี นเปอื้ นหรือสว่ นประกอบของสารดังต่อไปน้ี สารระเบิดได้ สารไวไฟ สารออกไซด์ และสารเปอร์ออกไซด์ สารพิษ สารท่ีทาให้เกิดโรค สารกัมมนั ตรงั สี สารท่กี อ่ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงทางพนั ธ์ุกรรม สารกัดกรอ่ น สารทีก่ อ่ ให้เกิดการระคายเคือง สารอ่ืนๆท่ีอาจก่อให้เกดิ ผลกระทบตอ่ คุณภาพส่ิงแวดล้อมหรอื อาจก่อให้เกิดอนั ตราย แก่บุคคล เชน่ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดไฟ ถา่ นไฟฉาย แบตเตอรร์ ่ีมือถือ ยา หมดอายุ และกระปอ๋ งยาฆา่ แมลง โดยพบวา่ มี 3% ของปริมาณขยะท้งั หมด 208องคค์ วามร้สู ่ภู าคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
ถงุ พลาสตกิ ถุงพลาสติก คือ (plastic bag) คือ ถุงท่ีทาจากฟิมส์พลาสติก (plastic film) ข้ึนรูป ด้วยการปิดผนึกให้มีรูปร่างเป็นถุง มีช่องว่างภายในสาหรับบรรจุ ถุงพลาสตกิ เปน็ บรรจภุ ณั ฑท์ ี่ใชเ้ พ่อื บรรจอุ าหารหลายประเภท เช่น อาหารแห้ง (dried food) อาหารแชเ่ ยือกแข็ง (frozen food) ผลิตภัณฑ์เบเกอร่ี (bakery) เป็นต้น ฟิมส์พลาสติกท่ีใช้ผลิตถุงพลาสติก สาหรับบรรจุอาหารมีหลายชนิด เชน่ PP, LDPE, HDPE หรอื เปน็ วัสดุเช่ือมประสาน (laminate) ร้อยละ 4 ของผลพลอยได้ท้ังหมดจากกระบวนการกลั่นน้ามันหรือก๊าซ ธ ร ร ม ช า ติ คื อ “พ ล า ส ติ ก ”ต้ น ท า ง ข อ ง ถุ ง พ ล า ส ติ ก จึ ง ห ม า ย ถึ ง ทรัพยากรธรรมชาติท่ีใช้แล้วหมดไปตรงกันข้ามกับปลายทางการใช้งานท่ีจะ กลายเป็นขยะซ่ึงไม่สูญสลายไปจากโลกโดยง่าย แม้จะมีน้าหนักเพียง 4 – 5 กรัม แต่มันสามารถแบกรับสัมภาระได้ 7 – 8 กิโลกรัม หรือราวๆ 2,000 เท่า ของน้าหนักตัวเอง ความบางกับน้าหนักเบาที่มาพร้อมความยืดหยุ่น ทนทาน และกนั น้าทาให้ถุงพลาสตกิ หูหิ้วซ่งึ ผลติ ขึ้นและใช้งานในท้องตลาดเป็นคร้ังแรก เม่ือ ราว 30 ปีที่แล้ว กลายเป็นผลิตภัณฑ์แห่งความสะดวกท่ีได้รับความนิยม อย่างรวดเร็ว เมื่อแรกปรากฏตัว ถุงพลาสติกเป็นทางเลือกท่ีเข้ามาทดแทนถุง กระดาษซึ่งใช้งานกันแพร่หลายอยู่ในขณะน้ัน โดยมีภาพบวกเร่ืองช่วยลดการ ตัดต้นไม้เพื่อผลิตถุงกระดาษเป็นตัวกระตุ้นช้ันดี แต่เม่ือเวลาผ่านไป พลาสติก กลับกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาส่ิงแวดล้อมเสียเองจึงเกิดกระแสรณรงค์ห้ิวถุง ผ้าในปัจจุบัน ในขณะที่ถุงกระดาษย่อยสลายได้ ถุงพลาสติกหูห้ิวกลับอยู่ยงคง กระพันหากฝังกลบมันจะนอนนิ่งใต้ ดินไปอีกหลายร้อยปี หากส่งเข้า เตาเผาขยะมันจะแปลงร่างเป็นสาร อันตรายที่ช่ือ“ไดออกซิน” หากโยน ทิ้งเกลื่อนกลาด นอกจาก จะก่อ มลพิษทางสายตา อุดตันทางระบาย 209 องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
เทคโนโลยเี คร่อื งอดั ถุงพลาสติกและเทคนคิ การคดั แยกประเภทถุงพลาสตกิ มงคลกร ศรวี ิชยั ก้อนพลาสติก การแยกองค์ประกอบขยะมลู ฝอยมาประยกุ ต์ใช้ โดยแบง่ พลาสติกออกเป็น 11 ประเภท สามารถวิเคราะหข์ ้อมูลการหาประเภทของพลาสตกิ ไดด้ งั นี้ 1. ประเภทเหนียวขาว สามารถนาไปหลอมเปน็ เม็ด พลาสตกิ เพื่อนามาผลิตถงุ พลาสตกิ ชนิดเดมิ ได้ 2. ประเภทเหนียวสี สามารถนาไปหลอมเป็นเมด็ พลาสติกเพ่อื นามาผลติ ถุงพลาสตกิ ชนดิ เดมิ ไดแ้ ละยงั สา มานามาผลติ เครื่องใช้ในชีวิตประจาวันที่เปน็ พลาสติกได้ อกี ดว้ ย 3. ประเภทหิ้วขาว สามารถนาไปหลอมเป็นเมด็ พลาสติก เพ่อื นามาผลิตถงุ พลาสตกิ ชนิดเดิมได้ 4. ประเภทหวิ้ สี สามารถนาไปหลอมเปน็ เม็ดพลาสติก เพ่ือนามาผลติ ถุงพลาสตกิ ชนดิ เดมิ ได้ 5. ประเภทร้อนขาว สามารถนาไปหลอมเปน็ เม็ดพลาสติก เพอื่ นามาผลิตถงุ พลาสตกิ ชนิดเดมิ ได้ 6. ประเภทรอ้ นสี สามารถนาไปหลอมเปน็ เม็ดพลาสติก เพอื่ นามาผลิตถงุ พลาสติกชนดิ เดิมได้ 210องค์ความรู้สูภ่ าคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
7. สามารถนาไปหลอมเป็นเม็ดพลาสตกิ เพือ่ นามาผลติ ถุงพลาสตกิ ชนดิ เดิมไดแ้ ละยัง สามารถนามาผลิตเครอ่ื งใช้ในชีวติ ประจาวนั ท่ี เปน็ พลาสติก 8. สามารถหลอมเปน็ เม็ดพลาสติกเพ่ือนามา ผลติ กระสอบได้ 9. สามารถนามาเข้ากระบวนการเผาเพ่ือผลิต น้ามนั เชอ้ื เพลิง 10. สามารถนาไปขายและผลติ เปน็ วัสดชุ นิด เดิมได้ 11. รอคัดแยกเพื่อนาไปขายตอ่ ไป 211 องคค์ วามรู้สภู่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
เทคโนโลยีเครอ่ื งอดั ถุงพลาสตกิ และเทคนิคการคัดแยกประเภทถงุ พลาสตกิ มงคลกร ศรีวิชยั ผลกระทบทางสิง่ แวดล้อมจากพลาสติก ในอดีตที่ผ่านมาทั้งมนุษย์และสัตว์ได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติของโลกเพ่ือการ ดารงชีวิต และได้ท้ิงของเสีย การทิ้งของเสียจากมนุษย์ไม่ก่อให้เกิดปัญหา เนอ่ื งจากปริมาณของเสียมีน้อยเม่ือเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่มีอยู่ปัญหาในด้านการ ท้ิงของเสีย เริ่มเกิดขึ้นเม่ือมนุษย์อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หมู่คณะและเมือง การทิง้ ของเสยี ประเภทอาหารในเมือง การทิ้งขยะลงบนถนน และพื้นท่ีว่างเปล่า ส่งผลให้พื้นท่ีเหล่านี้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุของแมลงวันและหนูซึ่งเป็นพาหะ นาโรค การขาดการวางแผนด้านสาธารณะสุข และการจัดการขยะมูลฝอยทาให้ เกิดการระบาดของโรคในศตวรรษที่ 14 เรียกว่า Black Death ส่งผลให้ ประชาชนในทวปี ยุโรปเสียชีวติ ไปประมาณ 25%การศึกษาทางด้านสาธารณะสุข ทาให้ทราบว่าพาหะนาโรคมากจากหนู และแมลงวันที่อาศัยตามท่ีทิ้งของเสีย ประมาณ 22 ชนิด ในศตวรรษท่ี 19 เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณะสุขได้ตระหนักถึง ความสาคัญของมาตรการทางด้านสาธารณสุขได้เริ่มการจัดเก็บ และท้ิงขยะ ประเภทเศษอาหารแบบถูกสุขลักษณะเพ่ือควบคุมกลิ่นหนู และแมลงวัน การท้ิง ขยะท่ีไม่ถูกต้องยังมีผลต่อระบบนิเวศน์ ทางน้า และมลพิษทางอากาศ น้าชะ ขยะจากพื้นท่ีฝังกลบขยะมูลฝอยที่ดาเนินงานอย่างไม่ถูกหลักวิศวกรรมจะ ปนเปื้อนแหลง่ นา้ ผิวดิน และแหลง่ นา้ ใตด้ นิ การจัดการขยะมลู ฝอย 1) เก็บรวบรวม > เทกองไว้กลางแจ้ง จดุ ไฟเผา 2) เกบ็ รวบรวม > การฝงั กลบอยา่ งถูกหลกั สขุ าภิบาล 3) เก็บรวบรวม > โรงคดั แยกขยะและการหมักทาปยุ๋ 4) เกบ็ รวบรวม > โรงคัดแยกขยะ การผลติ กา๊ ซมีเทนการหมกั ทาป๋ยุ 5) เกบ็ รวบรวม > การเผาในเตา 212องค์ความร้สู ู่ภาคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
213 องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
เทคโนโลยีเครอ่ื งอัดถงุ พลาสตกิ และเทคนิคการคัดแยกประเภทถงุ พลาสตกิ มงคลกร ศรีวิชยั สอบถามขอ้ มูลเพิ่มเตมิ มงคลกร ศรีวิชยั คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย โทรศพั ท์ : 0-5372-3979 214องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
215 องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
การบรหิ ารจัดการสถาบันการเงิน ชมุ ชนสาหรับผู้บรหิ ารสถาบนั การเงนิ ชุมชน 216องคค์ วามรูส้ ูภ่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
การบรหิ ารจัดการสถาบันการเงนิ ชุมชนสาหรับผู้บริหารสถาบันการเงินชมุ ชน เสรฐสุดา ปรชี านนท์ ความเป็นมา จากวิกฤติการณ์ต้มยากุ้งเม่ือปี พ.ศ.2540 ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลายประการ เกิดผลกระทบต่อเน่ืองถึงสภาวะการจ้างงานของประชาชนทั้งในเขตเมืองและชนบท ในช่วงเวลานั้น รัฐบาลตอ้ งปรบั แผนพฒั นาประเทศในด้านตา่ งๆ เพื่อแกไ้ ขปัญหาวกิ ฤติเศรษฐกิจดังกล่าว และได้มีการ น้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นอกจากน้ันรัฐบาลได้ออกนโยบายต่างๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการ พัฒนาจากฐานรากหญ้าเปน็ สาคญั ภายใต้แนวคดิ ในการส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการภายในชุมชน ซึ่งหากมีการดาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลให้เกิดสวัสดิการชุมชนตามมาเพื่อทาให้เกิดการ พัฒนาอย่างตอ่ เนื่อง โดยเฉพาะการจัดต้ังกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ซ่ึงที่ผ่านมา ผลการ ดาเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ต่อมา ในการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) เม่ือเดือนพฤศจิกายน 2559 ได้มีการเห็นชอบร่างแผนพัฒนาระบบการเงินภาค ประชาชนคร้ังที่ 2 ปี 2560-2565 เพื่อเป็นกรอบและแนวทางส่งเสริมและพัฒนาองค์กรการเงินระดับ ฐานราก หวังสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนผ่านการสร้างรายได้ในชุมชน การลดภาระทาง การเงิน และเปิดโอกาสให้ประชาชนรายไดน้ อ้ ยตา่ งจงั หวดั หา่ งไกลสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ อยา่ งทว่ั ถึงและมคี ุณภาพผ่านการตัง้ สถาบันการเงินชุมชน 217 องคค์ วามรสู้ ่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
จากการท่ีคณะผู้วิจัยได้มีประสบการณ์ในการทา หัวหนา้ โครงการ วิจัยที่สถาบันการเงินชุมชนบ้านหลวงและได้เข้า ร่วมประชมุ กบั ธนาคารออมสนิ ซึง่ เปน็ หน่วยงานที่ เสรฐสดุ า ปรีชานนท์ ได้รบั มอบหมายให้ดูแลสถาบันการเงินชุมชนส่วน ใหญ่มาอย่างต่อเน่ือง จึงทาให้ทราบว่าการ บริหารจัดการของคณะกรรมการสถาบันการเงิน ยังมีจุดอ่อนในด้านการบริหารการเงิน และการ จัดทางบการเงินได้ที่เหมาะสม เนื่องจาก คณะกรรมการฯส่วนใหญ่เป็นผู้ท่ีชุมชนมีความ เช่ือถือและไว้วางใจแต่ยังขาดความรู้ทางด้านนี้ ดังน้ันถ้าคณะกรรมการของสถาบันการเงินได้รับ ความรู้กจ็ ะสามารถบรหิ ารจดั การการเงินได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กับสถาบันการเงินชุมชน มีความมั่นคงและสามารถให้บริการได้อย่าง ครอบคลุมในระดับชุมชนหรือขยายไปสู่ระดับ ตาบลได้ ชุมชนจะสามารถนาเงินกาไรของ สถาบนั การเงนิ ชุมชนไปสร้างระบบสวัสดกิ ารและ พัฒนาชุมชนในด้านต่างๆได้ สอดคล้องกับ นโยบายของรัฐบาลท่ีต้องการจะให้ประชาชน รายได้น้อยต่างจังหวัดห่างไกลสามารถเข้าถึง บริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึงโดยผ่านการต้ัง สถาบนั การเงินชมุ ชน วัตถปุ ระสงค์ เพอื่ ให้ความรู้ทางด้านการควบคมุ ภายใน การบรหิ ารการเงิน แก่คณะกรรมการสถาบัน การเงนิ ชุมชน เพ่ือเปน็ แนวทางในการพัฒนาหลกั สตู รสาหรับผู้บริหารสถาบันการเงนิ ชมุ ชน 118องคค์ วามรู้สูภ่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
องคค์ วามรดู้ ้านการควบคุมภายใน เร่ิมต้นจากความสาคัญของการควบคุมภายใน โดยสถาบันการเงินชุมชนเป็นองค์กรที่ ไม่แสวงหากาไรที่ดแู ลผลประโยชนข์ องประชาชนในวงกว้าง การดาเนินงานของสถาบัน จึงควรพึ่งพา “ระบบ” มากกว่าตัวบุคคล ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาประสบปัญหาเก่ียวกับการ ทางานไมส่ อดคลอ้ งกับวตั ถุประสงคแ์ ละเปา้ หมาย ซึง่ เกิดมาจากตัวบุคคล โดยก่อนที่จะ กล่าวถึงระบบการควบคุมภายใน ทีมงานได้อธิบายถึงความเส่ียงขององค์กรซ่ึงความ เสีย่ งคือ โอกาสที่จะเกดิ เหตกุ ารณท์ ่ีส่งผลต่อการบรรลเุ ปา้ หมายขององค์กรหรือขัดขวาง ความสาเร็จขององค์กร โดยความเส่ียงในการดาเนินงานทางธุรกิจในปัจจุบันมี 4 ประเภทได้แก่ 1. ความเสี่ยงท่ีข้อมูลจะถูกบิดเบือน (Information Risk) เช่น การท่ีสถาบัน การเงินชุมชนไม่ได้จัดทาบัญชีหรืองบการเงิน รวมถึงการไม่สามารถนาข้อมูลมา วเิ คราะหเ์ พอื่ ใช้ในการดาเนินงานได้อย่างเหมาะสมด้วย 2. ความเส่ียงที่การดาเนินงานจะขาดประสิทธิภาพประสิทธิในการดาเนินงาน (Operation Risk) คือ โอกาสที่สถาบันการเงินจะใช้ทรัพยากรในการดาเนินงาน ได้อย่างไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิผลหรือประสิทธิภาพ เช่น การท่ีสถาบันการรับฝาก เงนิ จากสมาชิกและปล่อยกู้ในอัตราที่ต่าเกินไป ไม่ครอบคลุมหรือเพียงพอกับต้นทุน การดาเนินงานของสถาบนั หรอื การทร่ี ะบบการบรหิ ารหน้ี (การติดตามทวงหน้ี) จะ ไม่มีประสทิ ธภิ าพ 3. ความเสี่ยงองคก์ รจะดาเนนิ งานไม่สอดคล้องกับขอ้ กาหนดของกฎหมาย ระเบยี บ ข้อบังคับ (Compliance Risk) 4. คว าม เสี่ ย ง เชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ (Strategy Risk) คือความ เสี่ยงที่วิธีการบริหารงานที่ องค์กรเลอื กใช้จะไม่สามารถ ทาให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย ตามท่ตี ้องการได้ 219 องค์ความรู้สภู่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
การบริหารจดั การสถาบันการเงินชุมชนสาหรบั ผบู้ รหิ ารสถาบันการเงินชมุ ชน เสรฐสุดา ปรชี านนท์ เพ่ือเป็นการป้องกันความเส่ียงที่จะเกิดขึ้น องค์กรจาเป็นจะต้องมีระบบการ ควบคมุ ภายใน โดยระบบการควบคุมภายใน หมายถึง นโยบาย วิธีปฏิบัติ ขั้นตอน และกระบวนการปฏิบัติงานที่ผู้บริหารและพนักงานขององค์กรร่วมกันจัดให้มีข้ึน เพ่ือสร้างความม่ันใจอย่างสมเหตุสมผลว่า การดาเนินงานขององค์กรจะบรรลุผล สาเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์ทก่ี าหนดไว้ ระบบการควบคมุ ภายในประกอบดว้ ย 1. การบริหารภาพรวมของการควบคุมภายในระดับองค์กร และวัฒนธรรมการ ควบคุมภายในในองค์กร (หรือสภาพแวดล้อมของการควบคุมภายใน) คือ การทาให้ทุกคนในองค์กรตระหนักถึงความสาคัญของการควบคุมภายใน การ กาหนดโครงสร้างองค์กรเพ่ือการบริหารงานท่ีชัดเจน และการกาหนดข้อ ปฏิบตั ิด้านจริยธรรมของคนในองคก์ ร 2. การค้นหา ระบุ ความตระหนักในลักษณะของความเสี่ยงภายในองค์กร คือ การทอี่ งคก์ รต้องกาหนดเป้าหมายการดาเนินงานให้ชัดเจน (เช่น ปีน้ีต้องการ กาไรเท่าใด) จากนั้นจึงระบุเหตุการณ์ที่อาจกระทบต่อการดาเนินงานตาม เปา้ หมาย และกาหนดวา่ องคก์ รควรบริหารจัดการความเสย่ี งดงั กล่าวอย่างไร 3. การจัดกิจกรรมการควบคุมภายในและการแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ และ บทบาทของบุคลากร เป็นการกาหนดข้ันตอนการทางาน กิจกรรมท่ีเป็นการ ควบคมุ ในองคก์ ร 4. การส่ือสารและการบริหารสารสนเทศประกอบการตัดสินใจ เป็นการกาหนด ระบบการจดั ทาและนาเสนอรายงานผลการปฏิบตั งิ านขององคก์ ร 5. การจัดกิจกรรมการกากับ ติดตาม และแก้ไขประเด็นท่ีเป็นข้อบกพร่องและ จุดอ่อน คือการท่ีองค์กรควรทบทวนและประเมินขึ้นตอนการทางานของ ตนเองวา่ มีจดุ บกพร่องจดุ ใดหรอื ไม่ และควรดาเนินการแกไ้ ขอย่างไร 220องคค์ วามร้สู ู่ภาคประชาชนและอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
องคค์ วามรเู้ กยี่ วกับการบัญชี การบัญชี เป็นศิลปะของการรวบรวม บันทึก จาแนก และทาสรุปข้อมูลอันเกี่ยวกับเหตุการณ์ทาง เศรษฐกจิ ในรูปตวั เงิน ผลงานขนั้ สดุ ท้ายของการบัญชีคือ การให้ข้อมูลทางการเงิน ซ่ึงเป็นประโยชน์ แกบ่ ุคคลหลายฝา่ ย และผทู้ ส่ี นใจในแตล่ ะกจิ กรรม จากคาจากัดความของคาวา่ “การบัญชี” สามารถอธบิ ายความหมายได้ดงั นี้ 1. ขั้นตอนของการเลือกและการเก็บรวบรวม คือการพิจารณาว่ารายการท่ีเกิดขึ้นเป็นรายการค้า หรือไม่ (เป็นเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่กิจการต้องนามาบันทึกหรือไม่) ต้องเก็บรวบรวมเอกสาร หลักฐานเพือ่ ไว้ใช้ในการบนั ทกึ บญั ชี 2. การจดบันทึกและการวัดมูลค่า เป็นการนาข้อมูลเอกสารจากขั้นตอนแรกมาบันทึกรายการทาง บัญชหี รอื รายการค้าและเหตกุ ารณ์ ซ่ึงจะต้องเป็นรายการหรือเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นแล้วมาบันทึกลง ในสมุดบัญชี เรียกว่า “สมุดรายวัน” (Journal) การบันทึกจะมีการวัดมูลค่าเข้ามาเก่ียวข้อง การ วัดมูลค่า หมายถึง การแสดงมูลค่าของรายการน้ันๆ จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเป็นรายการ ประเภทไหน เช่น วัดด้วยราคาทุน (ราคา ณ วันท่ีได้มา) หรือวัดด้วยราคายุติธรรม (ราคาท่ีผู้ซื้อ และผขู้ ายมีความเตม็ ใจในการซื้อขายกนั ไม่มใี ครมีอานาจเหนอื ใคร) 3. การจัดหมวดหมู่ เพ่ือหายอดคงเหลือของทุกรายการโดยการแยกประเภทบัญชีเป็นสินทรัพย์ หน้ีสิน ทุน รายได้ และค่าใช้จ่าย ในการจัดหมวดหมู่จะใช้สมุดบัญชีท่ีเรียกว่า “สมุดแยก ประเภท” (Ledger) 4. การสรุปผลและการรายงานข้อมูลทางการเงิน เมื่อมีการบันทึกบัญชีไประยะหนึ่ง จะต้องนา รายการที่จัดหมวดหมู่มาสรุปผลดาเนินการและฐานะของกิจการโดยจัดทา “งบ การเงิน” (Financial Statement) ซึ่งประกอบด้วย 5 ส่วนคือ งบกาไรขาดทุน งบแสดงฐานะ การเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้น งบกระแสเงินสด หมายเหตุประกอบงบ การเงิน หลักการบัญชีคู่ (Double – Entry Concept) หมายถึง หลักการบันทึกผลกระทบของรายการ ค้าหนึ่งๆ ท่ีมีต่อสินทรัพย์ หน้ีสิน และส่วนของ เจ้าของ และเป็นการบันทึกรายการเดบิตและ เครดิตน้นั ตอ้ งให้จานวนเงินท่ีบันทึกในบัญชีท้ัง 2 ด้านเทา่ กนั เสมอ 221 องคค์ วามรู้สู่ภาคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
การบริหารจดั การสถาบนั การเงนิ ชมุ ชนสาหรบั ผู้บรหิ ารสถาบนั การเงินชุมชน เสรฐสดุ า ปรชี านนท์ ซึ่งเรียกว่าระบบบัญชีคู่ ซึ่งตามระบบบัญชีคู่น้ันไม่จาเป็นที่จานวนรายการทั้ง 2 ด้านต้อง เทา่ กนั เพยี งแตย่ อดรวมของจานวนเงนิ ท้ังดา้ นเดบิตและเครดติ ต้องเท่ากันเท่านน้ั ประโยชน์ของข้อมูลทางการบัญชี ได้แก่ ทาให้ทราบถึงความก้าวหน้าของกิจการ และ ประสบการณ์ในการดาเนินงานของผ้บู รหิ าร ทราบถงึ ผลการดาเนินงานและฐานะการเงินของ กิจการ ทาให้ผู้บริหารและผู้เก่ียวข้องอื่นๆ ใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการวางแผนการควบคุม และตัดสินใจ และทาให้ฝ่ายบริหารทราบถึงข้อบกพร่องในการดาเนินงานท่ีผ่านมา เพ่ือที่จะ เป็นแนวทางในการปรบั ปรุงการดาเนนิ งานในอนาคต องค์ความรูด้ ้านการบริหารการเงนิ ประกอบด้วยองค์ความรู้การวิเคราะห์งบการเงิน การพิจารณาจัดหาเงินทุนที่สอดคล้องกับ การใชเ้ งินทนุ การวิเคราะห์งบการเงิน หมายถึง กระบวนการหาข้อเท็จจริง เก่ียวกับฐานะการเงินและผล การดาเนินงานของกิจการ โดยนาเคร่ืองมือหรือเทคนิคต่างๆ มาใช้วิเคราะห์ และจาแนก แยกแยะหาความสัมพันธ์ ระหว่างรายการต่างๆ แล้วนาข้อเท็จจริงจากการวิเคราะห์ มาใช้ ประกอบการตดั สนิ ใจทางการเงิน เทคนคิ ทใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ ไดแ้ ก่ 1. การวเิ คราะห์แนวตงั้ /แนวด่ิง ( Vertical Analysis) เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ รายการตา่ งๆ ในงบการเงนิ เดยี วกัน ในรปู รอ้ ยละ 2. การวิเคราะห์อตั ราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio Analysis) เป็นการวิเคราะห์โดย นารายการต่างๆ ในงบการเงินท้ังงบดุลและงบกาไรขาดทุนตั้งแต่ 2 รายการขึ้นไปมา เทียบให้อยู่ในรูปของอัตราส่วน แล้วหาผลลัพธ์ให้อยู่ในรูปเท่า หรือร้อยละ ท้ังน้ี รายการท่ีนามาเปรียบเทียบกันจะต้องเป็นรายการท่ีมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งจะเป็น ประโยชน์ในการแปลความหมายและใช้เปรียบเทียบกับข้อมูลอื่นๆ ทาให้เข้าใจ สถานการณท์ างการเงินและสภาพการดาเนนิ งานของสถาบันการเงนิ การพิจารณาจัดหาเงินทุนที่สอดคล้องกับการใช้เงินทุน เป็นการตัดสินใจเลือกแหล่งการเงินท่ี เป็นหน้ีสินหรือทุน ปัจจัยต่าง ๆ ท่ีต้องคานึงถึงศักยภาพในการทากาไร (Potential profita- bility) ความเสย่ี งทางการเงนิ (Financial risk) อานาจในการควบคุมสถาบันการเงิน (Voting control) 222องคค์ วามรสู้ ภู่ าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
223 องคค์ วามรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
การบรหิ ารจดั การสถาบนั การเงินชมุ ชนสาหรบั ผบู้ รหิ ารสถาบนั การเงินชุมชน เสรฐสุดา ปรชี านนท์ สอบถามขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ เสรฐสุดา ปรีชานนท์ คณะบรหิ ารธุรกจิ และศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา เชยี งใหม่ โทรศัพท์ : 0-5392-1444 224องค์ความรู้ส่ภู าคประชาชนและอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
Successful knowledge transfer involves neither computers nor documents but rather interactions between people. (Mason & Mitroff, 1973)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230