การสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ 2 ด้วยครภู มู ิปัญญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ๓๗๑.๑ สำ� นักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา ส๖๙๑ก การสรา้ งความเป็นปกึ แผ่นของชาติดว้ ยครูภูมปิ ัญญาไทย รุน่ ท่ี ๘ กรุงเทพฯ : ๒๕๖๐ ๑๙๖ หน้า ISBN : 978-616-270-145-0 ๑. ครภู ูมปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ๒. ชอ่ื เรื่อง การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติด้วยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รุน่ ที่ ๘ สง่ิ พิมพ์ สกศ. อันดบั ที่ ๒๖ / ๒๕๖๐ พิมพ์คร้งั ท่ี ๑ กนั ยายน ๒๕๖๐ ISBN 978-616-270-145-0 จดั พมิ พแ์ ละเผยแพร ่ สำ� นกั มาตรฐานการศกึ ษาและพฒั นาการเรียนรู้ ส�ำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ถนนสโุ ขทยั เขตดสุ ติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทร. ๐-๒๖๖๘-๗๑๑๐-๒๔ ต่อ ๒๕๓๐ โทรสาร ๐-๒๒๔๓-๑๑๒๙ Web Site : http://www.onec.go.th พิมพ์ท ่ี บรษิ ทั เจเค พรน้ิ ท์ แอนด์ แอด็ เวอร์ไทซิง่ จ�ำกัด ๕๐๒ ซอยจรัญสนทิ วงศ์ ๖๕ ถนนจรัญสนิทวงศ ์ แขวงบางบำ� หรุ เขตบางพลัด กรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศพั ท์ ๐๒-๘๘๖-๖๓๘๘ โทรสาร ๐๒-๘๘๖-๖๗๖๔ E-mail : [email protected]
คำ� นำ� 3 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษาดำ� เนนิ การสรรหาและคดั เลอื กครภู มู ปิ ญั ญาไทย เพอื่ ทำ� หน้าท่นี �ำภูมิปญั ญาดา้ นต่างๆ เข้าสกู่ ารศกึ ษาของชาตติ ามนโยบายสง่ เสริมภมู ิปัญญาไทยในการ จดั การศกึ ษา ซงึ่ ได้รับความเหน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรี เม่ือวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ นบั ตง้ั แตป่ พี ทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ เปน็ ตน้ มา สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษาไดส้ รรหาบคุ คล ผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาดา้ นตา่ งๆ ๙ ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นเกษตรกรรม ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ดา้ น การแพทยแ์ ผนไทย ดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ดา้ นกองทนุ ธรุ กจิ ชมุ ชน ดา้ นศลิ ปกรรม ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี และดา้ นโภชนาการ ซึ่งมผี ลงานปรากฏเป็นท่ียอมรบั ของสังคม โดยได้น�ำความรู้ ความเชย่ี วชาญด้านภูมิปัญญาทไ่ี ด้ สบื สานมาแตบ่ รรพบรุ ษุ มาปรบั ประยกุ ตใ์ ชเ้ ปน็ ฐานสำ� คญั ของการเรยี นรภู้ มู ปิ ญั ญาไทยใหก้ า้ วไกล สสู่ ากลในมติ ิที่หลากหลาย ประกาศยกยอ่ งเชิดชูเกยี รตเิ ป็นครูภูมิปัญญาไทยแลว้ ๗ รนุ่ จ�ำนวน ๔๓๗ คน ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ไดป้ ระกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตคิ รู ภูมปิ ัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ จ�ำนวน ๕๔ คน ในทุกภูมิภาคของประเทศ และด�ำเนนิ การจัดทำ� หนังสอื การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาตดิ ว้ ยครภู มู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ไดป้ ระมวลสาระเปน็ ประวตั ิ ชวี ติ ผลงาน กระบวนการเรยี นรู้ การถา่ ยทอด และการนำ� ความรขู้ องครภู มู ปิ ญั ญาไทยใหเ้ ปน็ แบบ อยา่ งของการเรยี นรรู้ ่วมกัน ในการปรบั ประยุกตภ์ ูมิปญั ญาเข้าสู่การศึกษาของชาตใิ ห้สอดคลอ้ ง กับการเปล่ียนแปลงของยคุ สมยั ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและมปี ระสิทธผิ ล สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ สาระความรขู้ องครภู มู ปิ ญั ญาไทยท่ี ไดป้ ระมวลสรุปไวใ้ นหนังสอื การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทยนี้ จะเป็น ประโยชนต์ อ่ การนำ� ภมู ปิ ญั ญาไปสกู่ ารพฒั นาการศกึ ษาของชาติ และการพฒั นาอาชพี ของบคุ คล ชมุ ชน และประเทศชาติโดยส่วนรวม สืบไป (นายชยั พฤกษ์ เสรีรกั ษ์) ปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร รักษาราชการแทน เลขาธิการสภาการศึกษา
การสรา้ งความเป็นปกึ แผ่นของชาติ4 สารบัญดว้ ยครูภมู ิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ คำ� นำ� ๖ - ๑๓ ความเป็นมา การยกยอ่ งเชิดชเู กียรติ ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ ประกาศการยกย่องเชิดชเู กยี รตคิ รภู ูมิปัญญาไทย ๑๕ - ๖๔ นายมานพ ชัยบัวค�ำ ภาคเหนอื นายกมล อภิธนัง ภาคเตฉะียวงันเอหนอือก จ่าสบิ โทสุทิน ทองเอม็ นางบวั ตอง แกว้ ฝ้นั นายบุญรตั น์ ทพิ ย์รตั น์ นางสาวศนั สนยี ์ อนิ สาร นางลัดดา ไพรเจรญิ ศรี นายอนุ่ เรือน หงษ์ทอง นายประสทิ ธ์ิ ว่นุ ฟกั นายประเสรฐิ ขวัญเผอื ก นางสาวปาริชาติ บุญธมิ า นายอินตา เลาค�ำ นายสมทบ สอนราช นางสงั เวียน ปรารมภ์ นายสมบตั ิ ไตรศรศี ิลป์ นายองอาจ พงษ์โนรี ๖๕ - ๑๑๒ พระครูเกษมธรรมานวุ ตั ร นายสีหา มงคลแกว้ พระอธิการสมบูรณ์ วสิ ุทฺโธ (นมิ ิตร) นางจินตนา เยน็ สวัสดิ์ นายถาวร สรรสมบตั ิ นายฉลาด สง่ เสรมิ นายบุญมี สุระโคตร นายบุญเลิศ ภวู ิเลศิ นางรวงทอง สภุ ิษะ นายดวง วังสาลนุ นางสุภาณี ภูแล่นก่ี นายทองไกร ปญั จะแก้ว นางหนูจีน ศรนี มั มัง นายสมชาย ฐานเจรญิ นางสาวประกายศรี รงุ่ เรอื งอรโิ ย
5 การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ๑๑๓ - ๑๔๒ และภาคตภะวาคันกอลอากง จา่ สบิ เอกไพทลู พน้ ธาตุ นางซอ้ ง จบศรี นายยวง เขยี วนิล นายบณั ฑติ ย์ พนิ จิ สุขใจ นายวิชา ทองโสภา นายพสิ จู น์ ใจเที่ยงกลุ นายสำ� รอง แตงพลบั นายสมโภชน์ วาสกุ รี นางสาวอารรี ัตน์ พูนปาล ๑๔๓ - ๑๘๖ ภาคใต้ ภาคผนวก พระครูสุนทรธรรมนเิ ทศก์ นายสมบูรณ์ ทิพย์น้ยุ นายดอเลา๊ ะ สะตือบา นายช่วง เรอื งแก้ว ดาบต�ำรวจนิรนั ดร์ พิมล นางดวง วงั บุญคง นายแสวง ภูศริ ิ นายเทพสนิ ผ่องแก้ว นายกิตตทิ ัต ศรวงศ์ นายปยิ ะ สวุ รรณพฤกษ์ นายปลืม้ ชูคง นายสวน หนดุ หละ นายขจรศักด์ิ เทพนยุ้ นายประเสริฐ รักษว์ งศ์ ๑๘๗ - ๑๙๖ ค�ำส่งั แตง่ ตง้ั คณะท�ำงาน ประกาศการยกย่องเชดิ ชูเกียรติครภู มู ิปัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ทำ� เนียบครภู ูมปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘
การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 6 ดว้ ยครูภมู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ ความเป็นมา การยกยอ่ งเชิดชเู กียรติ ครูภมู ิปัญญาไทย ของ สำ� นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแ่ี กไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ(ฉบบั ท่ี ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓๗ ท่ีได้กำ� หนดให้กระบวนการเรยี นร้ตู อ้ งสง่ เสริม ศิลปะ วฒั นธรรม การศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย เน้นความสำ� คญั ท้งั ความรู้ คณุ ธรรม กระบวนการเรียนรู้ และการบรู ณาการในเรื่อง ศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย การประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้ังยังก�ำหนดให้มีการน�ำประสบการณ์ ความรอบรู้ ความ ช�ำนาญ และภูมิปัญญาท้องถ่ินของบุคคลดังกล่าวมาใช้เพ่ือให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษา ยกย่อง เชิดชู ผู้ที่ส่งเสริม และสนบั สนนุ การจดั การศกึ ษาไวด้ ้วย นั้น เพื่อให้มีการน�ำองค์ความรู้เร่ืองภูมิปัญญาไทยเข้าสู่ระบบการศึกษา ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั รวมท้ังเปน็ การยกยอ่ งเชิดชเู กยี รติครภู มู ิปัญญาไทย ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการ ศึกษา จึงได้จัดท�ำโครงการส่งเสริมกิจกรรมเรียนรู้ครูภูมิปัญญาไทยข้ึนเพื่อด�ำเนินการสรรหาบุคคลผู้ทรงภูมิปัญญา ยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครูภูมิปัญญาไทยข้ึนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา และเพ่ือให้เกิดความชัดเจนในเร่ืองการ สง่ เสรมิ ภูมปิ ญั ญาไทยในการจัดการศึกษาอย่างเปน็ รูปธรรม สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษาจงึ ได้จัดทำ� นโยบายสง่ เสรมิ ภมู ิปัญญาไทยในการจัดการศึกษา นำ� เสนอคณะรัฐมนตรีเพ่อื พจิ ารณา ซึง่ คณะรฐั มนตรีไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบเมื่อวนั ที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒ ความหมายและขอบขา่ ยภูมิปญั ญาไทย ภมู ปิ ญั ญาไทย หมายถงึ องคค์ วามรู้ ความสามารถและทกั ษะของคนไทยอนั เกดิ จากการสงั่ สมประสบการณ์ ท่ีผ่านกระบวนการเรยี นรู้ เลอื กสรร ปรุงแต่ง พฒั นา และถา่ ยทอด สบื ตอ่ กนั มาเพ่อื ให้แกป้ ญั หาและพฒั นาวิถีชวี ิตของ คนไทยให้สมดลุ กบั สภาพแวดล้อมและเหมาะสมกับยุคสมัย ภมู ปิ ญั ญาไทย มลี กั ษณะเปน็ องคร์ วม และมคี ณุ คา่ ทางวฒั นธรรม เกดิ ขนึ้ ในวถิ ชี วี ติ ไทย ซงึ่ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ อาจ เปน็ ทม่ี าขององคค์ วามรทู้ ง่ี อกงามขนึ้ ใหมท่ จี่ ะชว่ ยในการเรยี นรู้ การแกป้ ญั หา การจดั การและการปรบั ตวั ในการดำ� เนนิ วถิ ีชวี ิตของคนไทยลกั ษณะองค์รวมของภูมปิ ัญญามคี วามเด่นชดั ในหลายด้าน เช่น ๑. ด้านเกษตรกรรม ได้แก่ ความสามารถในการผสมผสาน องค์ความรู้ ทักษะและเทคนิคด้าน การเกษตรกบั เทคโนโลยี โดยการพฒั นาบนพน้ื ฐานคณุ คา่ ดงั้ เดมิ ซงึ่ คนสามารถพง่ึ พาตนเองในสภาวการณต์ า่ งๆ ได้ เชน่ การทำ� การเกษตรแบบผสมผสาน การแกป้ ญั หาการเกษตรดา้ นการตลาด การแกป้ ญั หาดา้ นการผลติ และการรจู้ กั ปรบั ใชเ้ ทคโนโลยเี หมาะสมกบั การเกษตร เป็นต้น ๒. ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ได้แก่ การรู้จกั ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยสี มยั ใหมใ่ นการแปรรปู ผลิต เพอื่ การบรโิ ภคอยา่ งปลอดภยั ประหยดั และเปน็ ธรรม อนั เปน็ ขบวนการใหช้ มุ ชนทอ้ งถน่ิ สามารถพงึ่ ตนเองทางเศรษฐกจิ ได้ ตลอดทงั้ การผลติ และการจำ� หนา่ ยผลผลติ ทางหตั ถกรรม เชน่ การรวมกลมุ่ ของกลมุ่ โรงงานยางพารา กลมุ่ โรงสี กลมุ่ หตั ถกรรม เป็นต้น ๓. ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ไดแ้ ก่ ความสามารถในการจดั การปอ้ งกนั และรกั ษาสขุ ภาพของคนในชมุ ชน โดยเนน้ ใหช้ มุ ชนสามารถพง่ึ พาตนเองทางดา้ นสขุ ภาพและอนามยั ได้ เชน่ ยาจากสมนุ ไพร อนั มอี ยหู่ ลากหลาย การนวด แผนโบราณ การดแู ลรักษา สุขภาพแบบพ้นื บ้าน เปน็ ต้น
7 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ๔. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้แก่ ความสามารถเก่ียวกับการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ท้ังการอนุรักษ์ การพัฒนา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิง แวดล้อมอย่างสมดลุ และย่งั ยืน เช่น การบวชปา่ การสบื ชะตาแมน่ ำ้� การท�ำแนวปะการงั เทียม การอนรุ กั ษป์ ่าชายเลน การจดั การป่าต้นน�้ำและป่าชุมชน เป็นตน้ ๕. ดา้ นกองทนุ และธรุ กจิ ชมุ ชน ไดแ้ ก่ ความสามารถในดา้ นการสะสมและบรหิ ารกองทนุ และสวสั ดกิ าร ชุมชน ทั้งท่ีเป็นเงินตราและโภคทรัพย์ เพื่อเสริมสร้างความม่ันคงให้แก่ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกในกลุ่ม เช่น การ จัดการกองทุนของชุมชนในรูปของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมถึงความสามารถในการจัดสวัสดิการในการประกันคุณภาพ ชีวิตของคนให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ชุมชน และการจดั ระบบสวัสดิการบรกิ ารชมุ ชน ๖. ด้านศิลปกรรม ได้แก่ ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะสาขาต่างๆ เช่น จติ รกรรม ประติมากรรม นาฏศลิ ป์ ดนตรี ทศั นศลิ ป์ คีตศิลป์ การละเล่นพืน้ บา้ น และนันทนาการ ๗. ด้านภาษาและวรรณกรรม ได้แก่ ความสามารถในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์ผลงานด้านภาษา วรรณกรรมท้องถิ่นและการจัดท�ำสารานุกรมภาษาถ่ิน การปริวรรตหนังสือโบราณ การฟื้นฟูการเรียนการสอนภาษา ถิน่ ของท้องถิ่นต่างๆ ๘. ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี ไดแ้ ก่ ความสามารถประยกุ ต์ และปรบั ใชห้ ลกั ธรรมคำ� สอนทาง ศาสนา ปรชั ญาความเชอ่ื และประเพณที ม่ี คี ณุ คา่ ใหเ้ หมาะสมตอ่ บรบิ ททางเศรษฐกจิ สงั คม เชน่ การถา่ ยทอดวรรณกรรม คำ� สอน การบวชป่า การประยกุ ต์ประเพณบี ุญประทายข้าว ๙. ดา้ นโภชนาการ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการเลอื กสรร ประดษิ ฐแ์ ละปรงุ แตง่ อาหารและยาไดเ้ หมาะ สมกบั ความตอ้ งการของรา่ งกายในสภาวการณต์ ่างๆ ตลอดจนผลิตเป็นสนิ ค้าและบรกิ ารสง่ ออกทีไ่ ด้รับความนิยมแพร่ หลาย รวมถึงการขยายคุณค่าเพ่ิมของทรัพยากรดว้ ย ครภู ูมปิ ัญญา คณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาตไิ ดจ้ ดั ทำ� นยิ ามความหมายของครภู มู ปิ ญั ญาและครภู มู ปิ ญั ญาไทยไวด้ งั น้ี ครภู ูมิปัญญา หมายถงึ บคุ คลผู้ทรงภูมปิ ัญญาดา้ นหนงึ่ ดา้ นใด เป็นผ้สู ร้างสรรค์และสืบสาน ภมู ิปัญญาดัง กลา่ วมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จนเปน็ ทย่ี อมรบั ของสงั คมและชมุ ชน และไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ “ครภู มู ปิ ญั ญาไทย” เพอ่ื ทำ� หน้าท่ถี า่ ยทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษา ทัง้ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย ตามนยั พระราชบัญญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศกั ราช ๒๕๔๒ หลักเกณฑก์ ารยกยอ่ งเชิดชเู กียรตเิ ปน็ “ครภู ูมปิ ัญญาไทย” รนุ่ ที่ ๘ การพจิ ารณาคดั เลอื กบคุ คลเพอ่ื ยกยอ่ งชเู กยี รตเิ ปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทยนนั้ สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ร่วมกับคณะท�ำงานสรรหาและคัดเลือกครูภูมิปัญญาไทย ก�ำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณา เพ่ือสรรหาและคัดเลือก บคุ คลผู้สมควรได้รบั การยกย่องเชดิ ชเู กียรตเิ ปน็ ครูภมู ปิ ญั ญาไทย โดยใช้หลกั เกณฑ์การประเมนิ ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี ๑. หลักเกณฑ์การประเมนิ จากเอกสาร การประเมนิ จากเอกสาร มหี ลกั เกณฑ์ในการใชพ้ ิจารณาจากข้อมลู ท่มี ใี นแบบเสนอผู้ทรง ภมู ิปญั ญา เพอื่ ประกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตเิ ปน็ “ครภู มู ปิ ญั ญาไทย” รนุ่ ท.ี่ .. รวมทงั้ พจิ ารณาขอ้ มลู จากสง่ิ อนื่ ๆ ตามทผี่ ทู้ รงภมู ปิ ญั ญา จดั สง่ แนบมาให้ เชน่ ซดี -ี รอม และสง่ิ พมิ พ์ เปน็ ตน้ การตดั สนิ จะพจิ ารณาขอ้ มลู โดยรวมทมี่ ี โดยมปี ระเดน็ องคป์ ระกอบ
การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ 8 ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ เพอื่ การพจิ ารณา ๑๐ ประเดน็ โดยมเี กณฑก์ ารใหค้ ะแนนในแตล่ ะประเดน็ องคป์ ระกอบและมกี ารใหน้ ำ้� หนกั คะแนนใน แตล่ ะประเด็นองค์ประกอบ ต่อไปนี้ ๑) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนในแต่ละประเดน็ องค์ประกอบ มดี งั นี้ (๑) ถา้ มขี อ้ มลู ในแตล่ ะประเดน็ มขี อ้ ความครบถว้ น ชดั เจน และมคี วามเปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะตวั ท่ีนา่ สนใจควรแกก่ ารตดิ ตาม ให้ ๒ คะแนน (๒) ถา้ มีขอ้ มูลในแตล่ ะประเดน็ มขี ้อความไม่ครบถ้วนและขาดความชดั เจน แตน่ า่ จะ มคี วามเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ทน่ี า่ สนใจควรแก่การติดตาม ให้ ๑ คะแนน (๓) ถ้ามขี อ้ มลู ในแตล่ ะประเดน็ มีข้อความไมค่ รบถ้วนและขาดความชดั เจน และไมม่ ี ความเปน็ เอกลักษณเ์ ฉพาะตวั ที่น่าสนใจควรแกก่ ารตดิ ตาม ให้ ๐ คะแนน ๒) การให้น�ำ้ หนกั คะแนนในแต่ละประเด็นองค์ประกอบ มคี ะแนนตามตาราง ดงั ตอ่ ไปนี้ ตาราง แสดงการใหน้ ำ้� หนกั คะแนนในแตล่ ะประเดน็ องคป์ ระกอบตามแบบเสนอผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาเพอ่ื ประกาศ ยกย่องเชดิ ชูเกยี รตเิ ปน็ “ครภู ูมิปัญญาไทย” ประเดน็ องค์ประกอบตามแบบเสนอผู้ทรงภมู ปิ ญั ญาเพอื่ การให้นำ้� หนกั ประกาศยกยอ่ งเชิดชูเกยี รตเิ ป็น คะแนน “ครูภูมิปัญญาไทย” รุน่ ท.ี่ .. ๑ ๑. ประวัตผิ ูท้ รงภมู ปิ ญั ญา ๒ ๒. ประวตั ชิ วี ติ และผลงาน ๔ ๓. ประสบการณก์ ารทำ� งานดา้ นท่เี ชีย่ วชาญ ๔ ๔. ผลงานทปี่ รากฏ ๒ ๕. เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์/ เกียรตคิ ณุ / รางวัลที่เคยไดร้ ับ ๓ ๖. เรียงความเล่าถงึ ประวัติชีวติ และการทำ� งานอยา่ งละเอียด ๑ ๑ ๗. ความคิดเหน็ ของผู้เสนอ ๑ ๘. ความคดิ เหน็ ของผู้ทรงคณุ วุฒิในท้องถ่ิน ๑ ๙. ช่ือ-ท่ีอยูข่ องผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเตมิ ๒๐ คะแนน ๑๐. เอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณา รวม อนงึ่ การผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ จากเอกสารเพอื่ กา้ วไปสกู่ ารประเมนิ ภาคสนามไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื มผี ลคะแนนจากการ ประเมนิ เอกสารในประเดน็ องคป์ ระกอบ ๑๐ ประเดน็ ดงั กลา่ วนนั้ จะตอ้ งไดผ้ ลลพั ธร์ วมของคะแนนไมต่ ำ่� กวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ๒. หลกั เกณฑก์ ารประเมนิ ภาคสนาม การประเมินภาคสนาม มีหลักเกณฑ์ในการใช้พิจารณาจากข้อมูลที่มีในพื้นท่ีภาคสนามเพ่ือประเมิน เชิงประจักษ์ โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินภาคสนามนี้ประเมินผู้ทรงภูมิปัญญาท่ีได้ผ่านการประเมินจากเอกสารตาม ข้อ ๑. แลว้ ทง้ั นี้ คณะท�ำงานฯ ตอ้ งพจิ ารณาองคป์ ระกอบ ตวั ชีว้ ัด เกณฑก์ ารให้คะแนน และการใหน้ ำ้� หนักคะแนนแก่ ผู้ทรงภูมปิ ัญญาตามท่ีกำ� หนดไว้ ๓ ด้าน ดงั น้ี
9 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครูภมู ปิ ัญญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ๑) ดา้ นคณุ ลักษณะส่วนบุคคล (๕ ข้อ) ไดแ้ ก่ (๑) ประพฤตติ นเป็นแบบอย่างทด่ี ีและเป็นท่ียอมรับของสงั คม (๒) มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และเสยี สละในการถ่ายทอดภมู ปิ ญั ญา (๓) มีความสามารถในการใชภ้ มู ปิ ญั ญาด้านนัน้ ๆ (๔) ใฝร่ ู้ ใฝ่เรยี น ใฝ่ปฏบิ ัติ (๕) เป็นผู้น�ำทีด่ ีและเป็นมจี ติ สาธารณะ ๒) ด้านการถา่ ยทอดองค์ความรู้ (๕ ขอ้ ) ไดแ้ ก่ (๑) มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดภูมปิ ญั ญา (๒) มีการปรับปรงุ และพัฒนาวิธีการในการถ่ายทอดองคค์ วามรู้ (๓) มกี ารสรา้ งเครือข่าย การเรยี นรู้ภูมปิ ัญญา (๔) มกี ารเผยแพรแ่ ละประชาสมั พันธ์ภมู ปิ ัญญา (๕) มกี ารตดิ ตามและประเมนิ ผลการถา่ ยทอดภมู ิปญั ญา ๓) ด้านคณุ ภาพของผลงาน (๓ ข้อ) ไดแ้ ก่ (๑) มีผลงานทเ่ี กิดจากความคิดริเร่ิมสร้างสรรคแ์ ละพัฒนางานอยา่ งตอ่ เนื่อง (๒) มผี ลงานเป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสังคม (๓) มีผลงานทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ประเทศชาตใิ นการแกไ้ ขปญั หาและเพ่ือการพฒั นา ๓. การประกาศผลผู้ได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียรติ การประกาศผลผทู้ รงภมู ปิ ญั ญาทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รติ นน้ั สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา จะประกาศรายชอื่ กต็ อ่ เมอ่ื มผี ลการประเมนิ ซงึ่ คณะทำ� งานฯ ไดพ้ จิ ารณาเรยี บรอ้ ยแลว้ โดยเฉพาะเงอ่ื นไขการประเมนิ ภาคสนามนี้ ผทู้ รงภมู ิปัญญาท่ีมสี ทิ ธิ์ได้รบั การประกาศผลได้รับการยกยอ่ ง จะตอ้ งผา่ นเกณฑ์บังคับรอ้ ยละ ๕๐ ในองค์ ประกอบของแต่ละดา้ นดงั ต่อไปนี้ ๑) ด้านคณุ ลกั ษณะสว่ นบุคคล ประกอบดว้ ย ๒ ขอ้ ไดแ้ ก่ ข้อ (๑) ประพฤติตนเปน็ แบบอย่างทีด่ ี และเป็นทีย่ อมรบั ของสงั คม และขอ้ (๓) มคี วามสามารถในการใช้ภูมิปญั ญาด้านนนั้ ๆ ๒) ดา้ นการถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ ประกอบดว้ ย ๓ ขอ้ ไดแ้ ก่ ขอ้ (๒) มกี ารปรบั ปรงุ และพฒั นาวธิ กี าร ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ (๓) มีความสามารถในการสร้างเครือข่ายการเรียนรภู้ ูมิปญั ญา และข้อ (๔) มกี ารเผยแพร่ และประชาสมั พนั ธ์ภมู ิปญั ญา ๓) ด้านคุณภาพของผลงาน ประกอบด้วย ๑ ข้อ ได้แก่ ข้อ (๑) มีผลงานที่เกิดจากความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์และพฒั นางานอยา่ งตอ่ เน่อื ง นอกจากจะผ่านเกณฑ์บงั คับร้อยละ ๕๐ แลว้ ยงั มเี งอื่ นไขต่อมา คือ ผ้ทู รงภูมิปญั ญาจะต้องได้คะแนน โดยรวมตามแบบประเมนิ ภาคสนามรอ้ ยละ ๘๐ ตามประเดน็ ตา่ งๆ ขององคป์ ระกอบ ตวั ชวี้ ดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน และ การใหน้ �้ำหนักคะแนนแกผ่ ้ทู รงภมู ิปัญญา ครูภมู ปิ ัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ เมื่อวันท่ี ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๕๔ คน โดยไดเ้ ข้ารับเครอ่ื งหมายเชดิ ชเู กียรติครูภมู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ จาก รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล) ในวันพุธที่ ๒๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ณ ห้องอมั รินทร์ โรงแรม เอส.ด.ี อเวนิว กรงุ เทพมหานคร
การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ 10 ดว้ ยครูภูมิปัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘
11 การสร้างความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ประกาศส�ำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา เร่อื ง การยกย่องเชดิ ชเู กยี รตคิ รูภมู ปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ตามทส่ี �ำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ดำ� เนนิ การจดั ทำ� โครงการสรรหาและคัดเลอื กครภู ูมปิ ัญญาไทย โดย สรรหาบุคคลผทู้ รงภมู ปิ ัญญาใน ๙ ด้าน ไดแ้ ก่ ด้านเกษตรกรรม ดา้ นอุตสาหกรรม และหัตถกรรม ด้านการแพทยแ์ ผน ไทย ดา้ นการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อม ด้านกองทนุ และธุรกิจชชุ น ด้านศลิ ปกรรม ดา้ นภาษา และ วรรณกรรม ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี และด้านโภชนาการ เพ่ือยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย สนบั สนุนการเผยแพร่ และถา่ ยทอดภูมิปัญญาเขา้ สู่การจดั การศกึ ษา ทงั้ การศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ การศึกษาตามอธั ยาศัย น้นั บดั นี้ สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ไดด้ ำ� เนนิ การคดั เลอื กบคุ คลผทู้ รงภมู ปิ ญํ ญาเพอื่ ยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตเิ ปน็ ครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ดังน้ี ครภู ูมปิ ญั ญาไทยภาคเหนอื ๑. จา่ สบิ โทสทุ นิ ทองเอม็ ด้านเกษตรกรรม ๒. นายบญุ รัตน ์ ทพิ ย์รตั น์ ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ๓. นางลัดดา ไพรเจรญิ ศร ี ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ๔. นายประสทิ ธ์ ิ วนุ่ ฟกั ด้านการแพทยแ์ ผนไทย ๕. น.ส.ปารชิ าต ิ บุญธมิ า ด้านการแพทย์แผนไทย ๖. นายสมทบ สอนราช ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ๗. นายสมบัติ ไตรศรีศิลป์ ดา้ นการแพทย์แผนไทย ๘. นายองอาจ พงษโ์ นร ี ด้านการแพทยแ์ ผนไทย ๙. นายมานพ ชัยบัวค�ำ ดา้ นจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ๑๐. นายกมล อภิธนงั ด้านกองทนุ และธรุ กิจชุมชน ๑๑. นางบัวตอง แก้วฝนั้ ดา้ นศิลปกรรม ๑๒. น.ส.ศนั สนีย ์ อนิ สาร ด้านศิลปกรรม ๑๓. นายอ่นุ เรอื น หงษ์ทอง ด้านศิลปกรรม ๑๔. นายประเสริฐ ขวญั เผอื ก ด้านภาษาและวรรณกรรม ๑๕. นายอนิ ตา เลาคำ� ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ๑๖.. นางสงั เวียน ปรารมภ์ ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี
การสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ 12 ด้วยครูภมู ิปัญญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ครภู ูมิปญั ญาไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ๑. พระครูเกษมธรรมานวุ ัตร ดา้ นศิลปกรรม ๒. พระอธกิ ารสมบรู ณ ์ วิสทุ .โธ (นมิ ติ ร) ดา้ นการแพทย์แผนไทย ๓. นายถาวร สรรสมบตั ิ ด้านเกษตรกรรม ๔. นายบญุ ม ี สุระโคตร ด้านเกษตรกรรม ๕. นางรวงทอง สุภษิ ะ ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ๖. นางสภุ าณี ภแู ลน่ กี่ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ๗. นางหนจู นี ศรีนัมมัง ดา้ นอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ๘. น.ส.ประกายศร ี รงุ่ เรืองอริโย ด้านการแพทย์แผนไทย ๙. นายสหี า มงคลแกว้ ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ๑๐. นางจนิ ตนา เยน็ สวสั ดิ์ ด้านศิลปกรรม ๑๑. นายฉลาด สง่ เสริม ด้านศิลปกรรม ๑๒. นายบุญเลิศ ภูวิเลิศ ดา้ นศิลปกรรม ๑๓. นายดวง วงั สาลุน ด้านภาษาและวรรณกรรม ๑๔. นายทองไกร ปญั จะแก้ว ด้านภาษาและวรรณกรรม ๑๕. นายสมชาย ฐานเจรญิ ด้านภาษาและวรรณกรรม ดา้ นเกษตรกรรม ครูภูมปิ ัญญาไทยภาคกลางและตะวันออก ดา้ นเกษตรกรรม ด้านเกษตรกรรม ๑. จ่าสิบเอกไพทูล พ้นธาตุ ดา้ นเกษตรกรรม ๒. นายยวง เขียวนิล ดา้ นเกษตรกรรม ๓. นายวชิ า ทองโสภา ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ๔. นายส�ำรอง แตงพลบั ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ๕. นางสาวอารรี ตั น์ พนู ปาล ด้านภาษาและวรรณกรรม ๖. นางซอ้ ง จบศร ี ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ๗. นายบัณฑิตย์ พนิ จิ สุขใจ ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี ๘. นายพิสจู น์ ใจเท่ียงกุล ด้านเกษตรกรรม ๙. นายสมโภชน์ วาสกุ รี ด้านเกษตรกรรม ดา้ นเกษตรกรรม ครูภมู ปิ ญั ญาไทยภาคใต้ ด้านอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ๑. พระครูสุนทรธรรมนิเทศก ์ ๒. นายดอเล๊าะ สะตอื บา ๓. ดาบต�ำรวจนริ นั ดร ์ พิมล ๔. นายแสวง ภูศริ ิ ๕. นายกิตตทิ ตั ศรวงศ์ ๖. นายปลื้ม ชคู ง
13 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครภู ูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ๗. นายขจรศักดิ์ เทพนยุ้ ด้านการแพทย์แผนไทย ๘. นายสมบรู ณ ์ ทพิ ย์นุ้ย ด้านการแพทย์แผนไทย ๙. นายชว่ ง เรืองแก้ว ด้านกองทุนและธรุ กจิ ชมุ ชน ๑๐. นางดวง วังบญุ ดง ดา้ นศิลปกรรม ๑๑. นายเทพสนิ ผ่องแกว้ ดา้ นศลิ ปกรรม ๑๒. นายปิยะ สุวรรณพฤกษ ์ ดา้ นศิลปกรรม ๑๓. นายสวน หนดุ หละ ดา้ นศิลปกรรม ๑๔. นายประเสริฐ รักษว์ งศ ์ ด้านภาษาและวรรณกรรม ประกาศ ณ วันที่ ๗ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (นายชัยยศ อม่ิ สุวรรณ์) รองเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา รกั ษาราชการแทน เลขาธิการสภาการศึกษา
การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ 14 ด้วยครภู มู ิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ครูภมู ปิ ญั ญาไทย ๑. ดา้ นเกษตรกรรม ๒. ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ๓. ด้านการแพทย์แผนไทย ๔. ดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ๕. ด้านกองทนุ และธรุ กจิ ชุมชน ๖. ดา้ นศลิ ปกรรม ๗. ด้านภาษาและวรรณกรรม ๘. ด้านปรชั ญา ศาสนา และประเพณี ๙. ด้านโภชนาการ เพอื่ ใหม้ กี ารนำ� องคค์ วามรเู้ รอื่ งภมู ปิ ญั ญาไทยเขา้ สรู่ ะบบการศกึ ษา ทงั้ การศกึ ษาใน ระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศัย รวมท้งั เปน็ การยกยอ่ งเชิดชเู กยี รตคิ รู ภมู ปิ ญั ญาไทย ให้ปรากฎแก่สังคม และเป็นเกยี รตภิ ูมิแก่องค์ตระกลู สบื ไป ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จึงได้จัดท�ำโครงการส่งเสริมกิจกรรมเรียนรู้ ครูภูมิปัญญาไทยข้ึนเพ่ือด�ำเนินการสรรหาบุคคลผู้ทรงภูมิปัญญา ยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครู ภูมิปัญญาไทยข้ึนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเร่ืองการส่ง เสรมิ ภูมปิ ัญญาไทยในการจดั การศึกษาอย่างเปน็ รูปธรรม ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จึงได้จัดท�ำนโยบายส่งเสริมภูมิปัญญาไทยใน การจัดการศึกษา น�ำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเม่ือ วนั ท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๒
15 การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ด้วยครูภมู ิปญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ครภู ูมิปญั ญาไทย ภาคเหนือ
การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ 16 ดว้ ยครภู มู ิปัญญาไทย รุน่ ที่ ๘ จ่าสบิ โทสทุ นิ ทองเอม็ นายบุญรตั น์ ทิพยร์ ตั น์ นางลัดดา ไพรเจริญศรี นายประสทิ ธิ์ วนุ่ ฟกั นางสาวปาริชาติ บญุ ธิมา นายสมทบ สอนราช นายสมบตั ิ ไตรศรีศลิ ป์ นายองอาจ พงษ์โนรี นายมานพ ชยั บวั คำ� นายกมล อภธิ นัง นางบัวตอง แกว้ ฝนั้ นางสาวศันสนยี ์ อนิ สาร นายอ่นุ เรอื น หงษ์ทอง นายประเสรฐิ ขวัญเผือก นายอนิ ตา เลาคำ� นางสงั เวียน ปรารมภ์
17 การสรา้ งความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ ด้วยครภู มู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ จ่าสิบโทสทุ ิน ทองเอ็ม เชจียังงหวใหดั ม่ ครภู มู ปิ ัญญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม จ่าสิบโทสุทิน ทองเอ็ม เกิดเม่ือวันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๒๐ ที่บ้านป่าแฝก บ้านเลขท่ี ๖๕ หมู่ ๓ ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เป็นบุตรนายตื้อ นางสนม ทองเอ็ม เป็นบุตรคนที่ ๔ ในพ่ีนอ้ ง ๔ คน สมรสกับนางลัดดาวลั ย์ ทองเอม็ (บุตรด)ี ครูสุทนิ ทองเอม็ ผลกิ ผันชวี ติ ลาออกจากราชการทหาร มา ประกอบอาชพี เกษตรในถนิ่ ฐานบ้านเกิด นอกจากจะดแู ลบดิ าที่ ป่วยเปน็ อัมพฤกษ์ และต้งั ใจทำ� ในสงิ่ ทตี่ นเองต้ังใจ กระทั่งนำ� พา ครอบครัวสามารถยืนหยัดได้ โดยน้อมน�ำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี งมาใชเ้ ล้ียงชพี จนประสบความส�ำเรจ็ เปน็ ประโยชน์โดย รวมแก่สังคม จนถึงวันนี้ ได้เป็นบุคคลต้นแบบในท้องถิ่นอ�ำเภอ กงไกรลาศ จงั หวดั สุโขทัย
การสร้างความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ 18 ด้วยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ครูสุทิน ในวัยเยาว์เป็นลูกเกษตรกรธรรมดาๆ เข้าเรียนท่ี โรงเรียนใกล้บา้ น จนจบภาคบงั คับ ในขณะที่ก�ำลังเรยี นหนังสอื ได้ช่วยครอบครัวท�ำสวนปลูกผักปลอดสาร ไว้กินในครอบครัว และกันส่วนแบ่งขายในละแวกหมู่บ้าน จนเติบใหญ่ก็ได้เข้ารับ ราชการทหารที่กองพลทหารราบท่ี ๔ ค่ายสมเด็จพระนเรศวร มหาราช จงั หวดั พษิ ณโุ ลก แต่กย็ ังไม่ท้ิงในส่ิงทตี่ นชอบ ผู้บงั คับ บัญชาจึงให้ท�ำแปลงเกษตรภายในค่าย จนมีความเช่ียวชาญ ชำ� นาญในดา้ นตา่ งๆ ไดร้ บั รางวลั ยกยอ่ งเชดิ ชู ผมู้ คี วามประพฤติ ดแี ละมผี ลการปฏบิ ตั งิ านดเี ดน่ อยา่ งตอ่ เนอื่ งหลายปี และเมอ่ื ได้ ลาออกกลบั มาอยบู่ า้ น กไ็ ดน้ ำ� ความรมู้ าลงมอื ทำ� ในพนื้ ทบี่ า้ นตน ต�ำบลป่าแฝก อ�ำเภอกงไกรลาส และพื้นท่ีในอดีตละแวก ใกล้เคียง จะท�ำนาเป็นหลัก แต่ท�ำเท่าไหร่ก็ไม่พอทุน เป็นหนี้ เปน็ สนิ กนั เกอื บจะทกุ ครวั เรอื น ครสู ทุ นิ ไดน้ ำ� เอาความรทู้ ส่ี ง่ั สม มาปฏบิ ตั ิ ชักชวนให้คนใกล้ชิด และญาตพิ ีน่ อ้ ง ในกลุ่มบา้ นให้ หันมาน้อมน�ำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทาง ในการด�ำเนินชีวิต ท�ำให้ครัวเรือนเกิดรายได้หมุนเวียนอย่าง ต่อเน่ือง ด้วยการลดความเสี่ยงไม่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว และใช้วิธี คิดแบบเกษตรจุนเจือซ่ึงกันและกัน สภาพความเป็นอยู่ของ ครอบครวั ต่างดขี นึ้ เป็นล�ำดบั การศกึ ษา : โรงเรยี นวดั ใหมไ่ ทยบำ� รงุ โรงเรยี นกงไกรลาศวทิ ยา จ.สโุ ขทยั / ปรญิ ญาตรี คณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคำ� แหง / ปริญญาโท รฐั ประศาสนศาสตรม์ หาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั พษิ ณโุ ลก
19 การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ “ ....ได้น้อมน�ำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เลี้ยงชีพ ในสภาวะสังคมที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้ จา่ ยท่สี ูงขึน้ ทุกวัน แต่ได้นำ� ความรู้ ความสามารถ ด้านเกษตรกรรม ทตี่ นเองได้รับการถา่ ยทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝกึ ฝน จนประสบความส�ำเรจ็ เปน็ ประโยชน์โดยรวมแกส่ ังคม จนถึงวนั นเี้ ป็นบุคคลตน้ แบบใน ทอ้ งถิน่ อ�ำเภอกงไกรลาศ จ.สโุ ขทัย...” การท่ี จ่าสิบโทสุทิน ทองเอ็ม ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ดา้ นเกษตรกรรม ทต่ี นเองไดร้ บั การถา่ ยทอด ศกึ ษา คน้ ควา้ ฝกึ ฝน จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับ การยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย เพ่ือท�ำหน้าท่ี ถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สืบไป ทอี่ ยปู่ จั จบุ นั : บา้ นเลขที่ ๖๕ หมทู่ ี่ ๓ ต.ปา่ แฝก อ.กงไกรลาศ จ.สโุ ขทยั ๖๔๑๗๐ โทร. ๐๘๖ - ๙๑๗ - ๗๐๕๒ เกยี รติคุณทีไ่ ดร้ ับ : รางวัลด้านความมีน�้ำใจกับครูและญาติมิตร และ รางวัลด้านความเป็นผู้น�ำ ส�ำนักงานคณะกรรมการส่ง เสรมิ และประสานงานเยาวชนแหง่ ชาติ / รางวลั ดา้ นการยกยอ่ งเชดิ ชคู นดี ตามโครงการเมอื งไทยเมอื งคนดี สำ� นกั งานวฒั นธรรม จังหวัดสุโขทัย / รางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาไร่นาสวนผสม ระดับจังหวัด และระดับเขต ส�ำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการ เกษตรท่ี ๙ จงั หวัดพิษณโุ ลก กรมส่งเสริมการเกษตร / ครภู มู ิปญั ญาไทย รุน่ ที่ ๘ ด้านเกษตรกรรม ส�ำนกั งานเลขาธกิ าร สภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐
การสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ 20 ดว้ ยครูภูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ชจียเังชงหจียวงัใหงัดหวใมหดั ่ ม่
21 การสร้างความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ด้วยครภู มู ิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ นายบุญรัตน์ ทิพยร์ ตั น์ ครภู มู ปิ ัญญาไทย ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม นายบญุ รตั น์ ทพิ ยร์ ตั น์ เกดิ เมอื่ วนั ท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๘ ทแี่ ขวงสบแมข่ า่ อ.หางดง จ.เชยี งใหม่ บิดาช่ือ นายดี บุญรตั น์ และ นางบัวผนั บุญรตั น์ มารดา ครอบครัวมีอาชีพเป็น ชา่ งปน้ั ดนิ เผา ท�ำใหเ้ ป็นผู้มฝี ีมอื ซ่อมสรา้ งและทำ� งานอ่ืน ๆทีเ่ กยี่ วข้องไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ครูบุญรัตน์ ทิพย์รัตน์ เป็นช่างปั้นดินเผาที่ได้รับการยอมรับถึงความละเอียดลออ มี ฝีมือพลังความสร้างสรรค์ทางด้านงานช่างแกะสลักกะลามะพร้าวให้เป็นกะโหลกซอ ได้ เข้าไปทำ� งานเปน็ ชา่ งกลึงเครอ่ื งดนตรลี ้านนาในวังของ เจา้ สุนทร ณ เชยี งใหม่ ถงึ ๒๐ ปี เมื่อได้พบกับอาจารย์ภาวาส บุนนาค ซ่ึงขณะน้ันด�ำรงต�ำแหน่งรองราชเลขาธิการ ส�ำนัก พระราชวัง ได้เมตตาชักชวนมาเป็นช่างซ่อมเคร่ืองดนตรีไทยในพระบรมมหาราชวัง ผล งานการทำ� ซอสามสายลว้ นไดม้ าตรฐานแบบโบราณ ไมว่ ่าจะเปน็ ลกู บดิ ซอดว้ ง ซออู้ จะเข้ ลกู บดิ สะลอ้ และลกู มะหวดฆอ้ งวง ลว้ นไดร้ ายละเอยี ดสดั สว่ นความงาม ความสมบรู ณแ์ บบ องค์ประกอบทีส่ ัมพันธก์ บั การกำ� ธรของเสียงซอ อย่างยากจะหาฝมี อื เทียบเทา่ ได้ชื่อว่าเป็นช่างท�ำซอท่ีใส่ใจในรายละเอียด ช่างสังเกต และพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัด เลอื กวสั ดุ การสรรหาไมม้ าแกะ กลงึ จนเปน็ ซอสามสายทมี่ คี วามสมบรู ณแ์ บบทง้ั มาตรฐาน รูปทรง สัดส่วน น�้ำหนัก สี และความก�ำธรของเสียงตามแบบซอสามสายของโบราณ ใน พระบรมมหาราชวงั นับว่าเป็นงานศิลปะเชิงสร้างสรรค์การท�ำซอสามสาย ที่สอดประสานเข้ากับงาน หัตถกรรมอุตสาหกรรมของงานช่างเคร่ืองดนตรีไทยโบราณ ซึ่งได้รับการเผยแพร่ผลงาน และถ่ายทอดองค์ความรูใ้ หแ้ กศ่ ษิ ยต์ ่อมาจนปจั จุบนั ใหค้ ำ� แนะนำ� อยา่ งไมร่ เู้ หน่ือย พร้อม ยกตัวอยา่ งประกอบเลา่ บอกโดยมปิ ดิ บงั เปน็ ประโยชน์โดยรวม นอกจากงานการซ่อมเครอื่ งดนตรไี ทยโบราณในพระบรมมหาราชวังแล้ว ครูบุญรัตน์ ไมเ่ พยี งไดเ้ รยี นรวู้ ชิ าการเกยี่ วกบั ซอสามสายทไ่ี ดม้ าตรฐานแบบโบราณจากอาจารยภ์ าวาส ซ่ึงได้ถอดแบบมาจากซอสามสายโบราณท่ีเก็บรักษาไว้ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความ ใสใ่ จในทกุ รายละเอยี ด
การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 22 ด้วยครูภมู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ “...ครูบุญรัตน์ ทิพย์รัตน์ เป็นช่างปั้นดินเผา มีฝีมือด้าน งานช่างแกะสลักกะลามะพร้าว ให้เป็นกะโหลกซอ ซ่ึงมีความ ละเอียดลออ พิถีพถิ ัน มคี วาม สร้างสรรค์ ได้เข้าไปท�ำงานเป็น ช่างกลึงเคร่ืองดนตรีล้านนาใน อีกหลายปี ไดข้ อลาออกจากการเป็นช่างซ่อมเคร่ืองดนตรี วังของ เจา้ สุนทร ณ เชยี งใหม่ ไทยโบราณในพระบรมมหาราชวัง กลับมาอยู่กับเจ้าสุนทร ณ และตอ่ มากไ็ ดเ้ ขา้ ไปเปน็ ทำ� งานเปน็ ชา่ งซอ่ มเครอ่ื งดนตรไี ทยโบราณ เชยี งใหม่ อกี ครงั้ และเมอื่ สน้ิ เจา้ สนุ ทรฯ แลว้ ไดก้ ลบั มาทำ� อาชพี ในพระบรมมหาราชวัง...” ช่างซ่อมเคร่ืองดนตรีไทยโบราณ และสร้างสรรค์เคร่ืองดนตร ี ไทยอนื่ ๆ ทไ่ี มใ่ ชซ่ อสามสาย เชน่ ซออู้ กระจบั ป่ี บณั เฑาะว์ และ เคร่ืองดนตรีล้านนาที่บ้าน และถ่ายทอดความรู้แก่ศิษย์ทุกรุ่น อย่างมปิ ดิ บงั จนปจั จุบนั การท่ี นายบุญรัตน์ ทิพย์รัตน์ ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ทต่ี นเองไดร้ บั การถา่ ยทอด ศกึ ษา ค้นคว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่ สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการ สภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย เพอื่ ท�ำหน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาท้ังการศึกษาใน ระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั สืบไป ทอี่ ยปู่ จั จบุ นั : บา้ นเลขท่ี ๑๘๙/๗ แขวงสบแมบ่ า่ อ.หางดง จ.เชยี งใหม่ ๕๐๒๓๐ โทร. ๐๖๒-๙๒๕-๖๙๔๒ เกียรติคุณที่ได้รับ : ร่วมการค้นคว้าวิจัยวิธีการดัดกะลาซอตามมาตรฐานกะโหลกซออย่างโบราณร่วมกับ ศ.อุดม อรุณรัตน์ ส�ำนักงานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ / รางวลั ภมู แิ ผน่ ดินปิ่นลา้ นนา สาขาศิลปหตั ถกรรมพื้นบ้าน / ครูช่างศลิ ปหตั ถกรรม ช่าง เครื่องดนตรีไทย จงั หวดั เชียงใหม่ / บรรเลงวงเคร่ืองสายเฉพาะพระพกั ตร์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย โดยนกั ดนตรใี ช้ซอสามสายงาช้าง ทคี่ รูบุญรัตน์ ทพิ ย์รัตน์ สรา้ ง เปน็ เครอ่ื งดนตรี เอกในวง / ครภู ูมปิ ัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ด้านอุตสาหกรรม และหตั ถกรรมการท�ำซอสามสาย ส�ำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๖๐
23 การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครูภมู ิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ นางลัดดา ไพรเจรญิ ศรี เชจียังงหวใหดั ม่ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม นางลัดดา ไพรเจริญศรี เกิดเม่ือวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๗ ชุมชนบ้าน สนั ดนิ แดง บนดอยสงู อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ เรยี นโรงเรยี นบนดอย จบชนั้ ประถม ศกึ ษาปีท่ี ๖ ทำ� เกษตรกรรมบนดอย ได้ซึมซับรบั เอาภมู ปิ ัญญางานทอผ้าพนื้ เมือง ประจ�ำเผา่ ปกาเกอะญอไว้ ต้ังแต่การปลกู ฝ้าย เกบ็ ฝ้ายมาป่ันเปน็ เส้นด้าย แลว้ น�ำ มายอ้ มสี กอ่ นทอเป็นผนื ผา้ ไวใ้ ช้ เมอ่ื ว่างเวน้ จากการทำ� เกษตรกรรม ไดใ้ ช้เวลาเรียนรู้การทอ แลว้ เร่ิมฝกึ ฝน การทอแบบมีลวดลายยกดอกจากปู่ ย่า ตา ยาย และบรรดาผู้รู้ในชนเผ่าไว้ทุก อยา่ ง ทงั้ วตั ถดุ บิ ทใ่ี ชว้ สั ดจุ ากธรรมชาตนิ ำ� มายอ้ มเสน้ ดา้ ยใหเ้ กดิ สสี นั ตา่ งกนั ตาม ความตอ้ งการ จดบนั ทกึ ทกุ อย่างเกบ็ ไวเ้ ปน็ สูตรใชถ้ า่ ยทอดความรู้ ทงั้ ในชนเผา่ เดียวกัน เชิญชวนกลุ่มชาวบ้านร่วมทอผา้ ฝา้ ยย้อมสีธรรมชาติ น�ำไปออกรา้ นใน งาน ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นล�ำดับ เม่ือมูลนิธิไทยรักษ์ป่า และบริษัทไฟฟ้า EGGO Group (มหาชน) ไดเ้ ข้ามาสนบั สนนุ ส่งเสริมเกิดการพัฒนา จนเกดิ ราย ไดท้ ีม่ นั่ คง
การสร้างความเปน็ ปึกแผ่นของชาติ 24 ด้วยครภู มู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง ได้พากลุ่มแม่บ้านศึกษาดูงานการทอ ผ้าย้อมสีธรรมชาตินอกพ้ืนท่ี น�ำความรู้ใหม่เข้ามาพัฒนางาน ทั้งการทอ การจัดวางสี การทอลวดลายด้ังเดิม และลวดลาย ประยุกต์ ได้เทคนิคใหม่ๆ มาปรับใช้กับสีธรรมชาติให้เกิดสี ตา่ งๆ ไดม้ ากขนึ้ กวา่ แตก่ อ่ น แตย่ งั คงรกั ษาเอกลกั ษณผ์ า้ ทอและ ความรู้ความสามารถ รวบรวมลายผา้ ของชนเผา่ เอาไวอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ เพอ่ื ไมใ่ หส้ ญู สลาย ของครู ล้วนเป็นที่ประจักษ์ พร้อมกบั ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ ลวดลายใหมๆ่ ทีไ่ ปพบตลอดเวลา ในกลุ่มผู้นิยมผ้าทอมือชนเผ่า นอกจากจะทมุ่ เทงานดา้ นสงิ่ ทอผา้ ฝา้ ยยอ้ มสธี รรมชาติ ทอ อย่างมาก ท�ำให้เกิดการจ้าง มือโดยใช้ “กี่เอว” เครื่องมือที่ใช้ทอผ้าของคนชนเผ่ามาตั้งแต่ ท�ำช้ินงานท่ีไม่เคยมีชนเผ่า อดีต ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพ่ือให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม สามารถ ใดสามารถท�ำได้มาก่อน โดย น�ำติดตัวไปได้ทุกหนแห่ง เพราะต้องอพยพเคลื่อนย้ายถ่ินบ่อย เฉพาะการทอผ้าด้วยกี่เอวท่ีมี ครงั้ สามารถทอเคร่อื งนงุ่ หม่ ไดท้ กุ สถานที่และทกุ ช่วงเวลา แม้ ข้อจ�ำกัดทั้งในด้านความกว้าง น่ังล้อมวงพูดคุย ทอผา้ ไปดว้ ยในกลุม่ แม่บา้ นชาวปกาเกอะญอ และความยาวของผืนผ้ามาก บา้ นสนั ดนิ แดง เกินก�ำลังของผู้ทอ เป็นภาระ จากการท่ีได้ไปในท่ีต่างๆ แล้วน�ำกลับมาประยุกต์งานให้ ของผทู้ อทต่ี อ้ งแบกมว้ นผา้ ทอ สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมของบา้ นตน จงึ ตอบความตอ้ งการลกู คา้ ไปในท่ีต่างๆ มักก�ำหนดผ้าให้ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี นำ� ไปสกู่ ารสรา้ งงาน ไดท้ งั้ ความเชยี่ วชาญชำ� นาญ สั้นลง แต่ได้หาทางทอผ้าให้มี ในการยอ้ มสเี สน้ ดา้ ยจากวสั ดธุ รรมชาติ และการทอผา้ ดว้ ยกเี่ อว ขนาดความกว้าง และทอต่อ แลว้ ยงั ไดค้ ดิ รเิ รม่ิ การยอ้ มสฝี า้ ยใหม้ คี วามแตกตา่ งไปจากเดมิ ท่ี เนอื่ งใหม้ คี วามยาวเพมิ่ ขนึ้ ทนั เคยมีมา การจัดวางต�ำแหน่งสีให้สอดคล้องลงตัวกับผลิตภัณฑ์ ยคุ สมยั หลายรปู แบบสรา้ งเปน็ ท่ีพัฒนาขึ้นใหม่ จนเป็นท่ียอมรับ และได้น�ำความรู้ไปเผยแพร่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้มากขึ้น เช่น ให้กับเยาวชนในท่ีต่างๆ ทั้งคนบนดอยและคนพ้ืนราบ เพื่อจะ เสอื้ เชิร์ตผู้ชาย เสอื้ ผูห้ ญิง ผ้า ได้นำ� เอาไปใช้ในการประกอบอาชีพ มีการจดบันทึกไว้เปน็ สตู ร พันคอ ผ้าคลุมไหล่ ถุงย่าม ส�ำหรับใช้ในการย้อมสีเส้นด้าย เพื่อให้เกิดความสม�่ำเสมอใกล้ ผ้านุง่ สตรี ชุดเดรสตามแฟชน่ั เคียงกนั มากที่สุด และผา้ คลมุ ทน่ี อน
25 การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ด้วยครูภูมิปญั ญาไทย รุน่ ท่ี ๘ “...หลังว่างเว้นจากการท�ำเกษตร เธอได้ใช้เวลาเรียนรู้การ ทอผ้าพื้นจนเกิดความช�ำนาญแล้วเริ่มฝึกฝนการทอแบบมีลวดลาย ยกดอกจากปู่ ย่า ตา ยาย และบรรดาผรู้ ู้ในชนเผา่ ไว้ครบถ้วน ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบที่น�ำมาย้อม เสน้ ดา้ ยใหเ้ กดิ สสี นั แตกตา่ งกนั โดยไดจ้ ดบนั ทกึ การนำ� วสั ดธุ รรมชาติ มาใช้ เพื่อเก็บไว้เป็นสูตรส�ำหรับใชใ้ นการถา่ ยทอดความรู้ให้กบั ผู้อ่ืน ทง้ั ในชนเผา่ เดียวกนั และใกลเ้ คยี ง...” ครูลัดดาได้เป็นวิทยากรอบรมถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก และเยาวชน คณะที่เข้ามาศึกษาดูงานและอบรมในหมู่บ้าน ท้ังยงั ไดเ้ ดินทางไปให้ความรู้ตามสถานทตี่ ่างๆ อย่างไมป่ ดิ บัง การท่ี นางลดั ดา ไพรเจริญศรี ไดน้ �ำความรู้ ความสามารถ ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ที่ตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดย รวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครู ภูมิปัญญาไทย เพื่อท�ำหน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการ ศกึ ษาทง้ั การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษา ตามอธั ยาศัย สบื ไป ทีอ่ ยูป่ ัจจบุ ัน : ๒๔๕ หมู่ที่ ๑๕ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ ๕๐๑๖๐ โทร. ๐๙๓-๑๗๔-๓๐๖๓ เกียรติประวัติ : รวมกลุ่มชาวบ้านและจดทะเบียนกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน กับส�ำนักงานเกษตรอ�ำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ / สมาชิกแม่บ้านกลมุ่ ทอผ้า เสนอชอื่ ให้เป็นประธาน การบรหิ ารจดั การและพฒั นาผลิตภณั ฑส์ ง่ิ ทอของกลุ่ม / ครูภมู ปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๖๐
การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ 26 ด้วยครูภมู ปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ สจุโงั ขหทวัดัย นายประสิทธ์ิ วุ่นฟกั ครภู มู ิปัญญาไทย ด้านการแพทยแ์ ผนไทย นายประสิทธ์ิ วุ่นฟัก เกิดเม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่ ต.บ้านสวน จ.สุโขทัย เป็นบุตรคนท่ี ๘ ในจ�ำนวนพี่น้อง ๑๒ คน ของ นายสุก และนางตุ๊ วุ่นฟัก สมรสกับ นางสาวฉลาด ถึกสาย ครูประสิทธ์ิ วุ่นฟัก ได้รับการสืบทอดความรู้การนวดจับ เส้นเอ็นและกระดูกจาก นายล�ำ่ ถกึ สาย บดิ าของภรรยา เป็น ครคู นแรกท่ีสอนทุกอยา่ งแบบตัวต่อตวั ประมาณ ๒ ปี จนจำ� ได้ ทุกข้ันตอนและได้ศึกษาเพ่ิมเติมด้านนวดแผนไทย ทั้งสามารถ ประดิษฐ์อุปกรณ์ส�ำหรับช่วยเหลือและรักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต เน่ืองจากจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา วิทยาลัยการพลศึกษาสุโขทัย ท�ำให้มีความรู้ในการประดิษฐ์ อุปกรณ์และเคร่ืองมือส�ำหรับผู้ป่วยต่างๆ อาทิ เคร่ืองนวดมือ ส�ำหรับผ่อนคลายกล้ามเนื้อมือ สร้างห้องอบสมุนไพร โดยใช้ กา๊ ซธรรมชาตจิ ากมลู สตั ว์ การทำ� ลกู ประคบสมนุ ไพร ไดอ้ กี ดว้ ย
27 การสร้างความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ด้วยครูภมู ิปญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ต่อมาได้ไปศึกษาหลักสูตรต่างๆ จากหลายสถาบัน ท่ี เกี่ยวกับการนวดตัว ฝ่าเท้า การท�ำลูกประคบจากสมุนไพร เกิดความเชยี่ วชาญ และไดถ้ า่ ยทอดความรู้ โดยการจัดตั้งศูนย์ สืบสานภูมิปัญญาท้องถ่ินนวดแผนไทย เปิดรักษาผู้ป่วยเฉล่ีย ๒๕๐ คน/เดอื น มาตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๓๒ ท่ีบา้ นสวน จ.สุโขทยั ขณะเดียวกันยังเป็นวิทยากรให้โรงเรียนและศูนย์การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย หน่วยงานรัฐ/เอกชน ประชาชนทั่วไปมากมาย ท้ังภายในจังหวัดสุโขทัย และจังหวัด ตา่ งๆ ในภาคเหนือ เปน็ เวลากวา่ ๒๘ ปี ครปู ระสทิ ธิ์ สามารถสรา้ งองคค์ วามรกู้ ารแพทยแ์ ผนไทยให้ ส�ำหรับการจัดการเรียน ไดร้ บั การเผยแพร่ ลว้ นเปน็ คณุ ประโยชนต์ อ่ ผไู้ ดร้ บั การถา่ ยทอด การสอน สอนตามหลักสูตร จากรุ่นสู่รุ่นท่ีน�ำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ ดูแลตนเองและ สอนตัวต่อตัว และสอนเป็น รักษาผู้ป่วยได้ ท�ำให้องค์ความรู้การนวดแผนไทย สมุนไพร กลมุ่ ทงั้ ในและการศกึ ษานอก ไม่สญู หายไปกบั ตวั บุคคล ระบบ ก�ำหนดเป็นข้ันตอน มีการวางแผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้เร่ืองของประโยชน์ สมุนไพรไทย สมุนไพรในครัว เรือน การนวดแผนไทยหลาก หลายวิธีการในวิชาสุขศึกษา ที่มีการสอนถึงการนวดแผน ไทยด้วยเทคนิควิธีการต่างๆ อาทิ การนวดผอ่ นคลาย การ จับจุดเฉพาะทาง การนวด ฝา่ เทา้ การอบสมนุ ไพรการรกั ษา กระดูกโดยการต่อประสาน กระดกู การจบั เสน้ เอน็ จนเกิด ความชำ� นาญ
การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ 28 ด้วยครูภมู ิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ “...ครูประสิทธิ์ วุ่นฟัก ได้รับการสืบทอดความรู้การนวดจับเส้นเอ็นและกระดูกจาก นายล่�ำ ถึกสาย บดิ าของภรรยา ซง่ึ เปน็ ครคู นแรกทีส่ อนแบบตัวตอ่ ตวั ประมาณ ๒ ปี จนจ�ำได้ทกุ ข้ันตอนจึงแยกมาท�ำเอง และได้ศึกษาเพ่ิมเติมด้านการนวดแผนไทย ท้ังยังมีความสามารถใน การประดษิ ฐ์อุปกรณส์ �ำหรับช่วยเหลอื ผปู้ ว่ ยอัมพฤกษ์ อัมพาต เครอ่ื งนวดมอื ส�ำหรับผ่อน คลายกลา้ มเนอื้ มือ หอ้ งอบสมนุ ไพร ลูกประคบ อกี ดว้ ย ...” การท่ี นายประสิทธิ์ วุ่นฟัก ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ด้านการ แพทย์แผนไทย ที่ตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน จน ประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่อง เชดิ ชเู กยี รตจิ ากส�ำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย เพื่อท�ำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการ ศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตาม อัธยาศยั สบื ไป ปจั จบุ นั อยทู่ ่ี : เลขที่ ๑๑๑/๑๑ หมทู่ ่ี ๖ บา้ นมนครี ี ต.เมอื งเกา่ อ.เมอื ง จ.สโุ ขทยั ๖๔๑๒๐ โทร. ๐๘๗-๕๖๘-๑๙๑๔ เกียรตคิ ณุ ทีไ่ ด้รับ : เกยี รตบิ ตั ร อสม.ดีเด่นระดบั เขต สาขาแพทย์แผนไทย / เกียรติบัตรภมู ปิ ญั ญาดีเดน่ ระดับกลุม่ “ห้าขุนศึก” / โล่เกียรติคุณวิทยาการวิชาชีพดีเด่น ระดับประเทศ / ประกาศนียบัตรหมอไทยดีเด่นประจ�ำจังหวัดสุโขทัย กรมพัฒนาการ แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก / ครูภูมิปญั ญาไทย รุน่ ที่ ๘ ดา้ นการแพทย์แผนไทย สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐
29 การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครูภมู ปิ ญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ เชจียงั งหวรัดาย นางสาวปารชิ าติ บุญธมิ า ครภู มู ปิ ัญญาไทย ด้านการแพทยแ์ ผนไทย นางสาวปาริชาติ บุญธิมา เกิดเมื่อวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๐๒ ท่ี อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในครอบครัวเกษตรกรค่อนข้างยากจนและมีบ้านอยู่ในชุมชนที่ห่างไกล ความเจริญ เป็นบุตรคนที่ ๑ ในจ�ำนวนพ่ีน้อง ๔ คน บิดาชื่อ นายทอน บุญธิมา มารดาชอื่ นางจ๋นิ บุญธมิ า อาชพี เกษตรกรรม ท�ำสวนกระเทียมและยาสบู ครูปาริชาติเรียนหนังสือจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ แล้วไม่ได้เรียนต่อ เน่ืองจากต้องออกมาช่วยครอบครัวท�ำงาน ส่งให้น้องๆ ได้เรียนหนังสือ เป็นผู้ท่ีรัก การเรยี นรู้ ชอบชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื เปน็ นติ ย์ เมอื่ คนในครอบครวั หรอื คนในชมุ ชนเจบ็ ปว่ ย มักจะได้รับมอบหมายให้นวดและเก็บพืชสมุนไพรมาปรุงยารักษา ท�ำให้เกิดเรียนรู้ ถึงจุดบกพร่องหรือต�ำแหน่งส�ำคัญต่างๆ ในร่างกายท่ีเป็นเหตุแห่งอาการปวดเมื่อย สามารถจดจ�ำเรียนรู้การใช้พชื สมนุ ไพรและวธิ กี ารรักษาแบบพื้นบา้ นไดเ้ ป็นอยา่ งดี
การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 30 ดว้ ยครภู มู ิปญั ญาไทย รุ่นท่ี ๘ เม่ือเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการ แพทย์แผนไทยเพ่ิมขึ้น ครู ปารชิ าตจิ ึงต้ังใจเรียนรูแ้ ละน�ำ สง่ิ ทไ่ี ดร้ บั มาทดลอง ฝกึ ฝนกบั ตนเองกอ่ น ทำ� ใหม้ คี วามเขา้ ใจ ลึกซ้ึงเก่ียวกับการแพทย์แผน ไทยและการใช้พืชสมุนไพร เพิ่มมากขึ้น ท้ังสมุนไพร ส�ำหรับรักษาแผลสด แผล เรื้อรัง และสมุนไพรส�ำหรับผู้ หญงิ (และมารดา) อยไู่ ฟหลงั ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ครูปาริชาติ ได้จัดต้ังศูนย์ฮอมผญ๋าปื้น คลอดบุตร และสมุนไพรบาง บา้ นโปง่ งาม ในบรเิ วณพน้ื ทต่ี อ่ เนอื่ งกบั ทตี่ ง้ั บา้ น เพอ่ื เปน็ สถานที่ ชนดิ ตอ้ งเขา้ ไปเสาะหาในป่า ดแู ลสุขภาพผู้เจ็บป่วยเบ้ืองต้น เน้นรักษาโดยการนวด การฝึก อบรมใชพ้ ชื สมนุ ไพรและการปรงุ ยา พฒั นาเปน็ สนิ คา้ และนำ� สง่ ประกวด ใหก้ บั นกั เรียน นกั ศกึ ษา ผู้สนใจเรียนรโู้ ดยไมค่ ิดคา่ ใช้ จ่าย ได้รบั รางวลั จากผลงานตา่ งๆ มากมาย อาทิ การทำ� สมนุ ไพรไลย่ งุ โดยกรรมวธิ กี ลนั่ นำ้� ตะไครโ้ ดยใช้ หม้อดนิ และกระบอกไม้ไผ่ การแปรรูปสมนุ ไพรเปน็ ผลิตภณั ฑ์ ใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วัน เช่น สบู่ แชมพู ลูกประคบ ยาหม่อง น้ำ� มนั ไพล และสมนุ ไพรแชเ่ ท้า การรกั ษาดว้ ยการนวดและมที กั ษะใน การทำ� สปาพนื้ บา้ น โดยใชศ้ นู ยฮ์ อมผญา๋ ปน้ื บา้ น ต.โปง่ งาม เปน็ สถานทีใ่ ห้บรกิ าร ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๕๔ จนถงึ ปจั จบุ ัน เม่ือมีการคัดเลือกคนในหมู่บ้านให้เป็นอาสาสมัคร สาธารณสุขประจำ� หมบู่ า้ น จงึ ได้รับการคัดเลอื กให้เปน็ ตัวแทน ของหมบู่ ้าน และมโี อกาสเขา้ รบั การฝกึ อบรมความรตู้ า่ งๆ เกย่ี ว กบั การดแู ลสขุ ภาพ ซง่ึ จดั โดยสาธารณสขุ อำ� เภอ และหนว่ ยงานอน่ื ๆ
31 การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ “...ครูจึงได้เรียนรูจ้ ุดบกพร่องหรอื ตำ� แหนง่ สำ� คญั ตา่ งๆ ในรา่ งกายทเ่ี ปน็ เหตุแห่งอาการปวดเม่ือย และ ยงั ไดร้ บั มอบหมายเปน็ ผชู้ ว่ ยจดั หาสมนุ ไพรหรอื สงิ่ ของตา่ งๆ สำ� หรบั ใหห้ มอพนื้ บา้ นนำ� มาใชร้ กั ษาผเู้ จบ็ ปว่ ย และบางครง้ั กอ็ าสาไปชว่ ยโดยจดั หาและชว่ ยเหลอื ครอบครวั และชาวบา้ นอยเู่ สมอๆ ทำ� ใหเ้ กดิ ความคนุ้ เคย ในวิธกี ารรักษาดว้ ยพชื สมนุ ไพร และสามารถจดจำ� พชื สมุนไพรและวิธีการรักษาแบบพน้ื บ้านได้มาก..” ครูปาริชาติมีวิธีการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญใน การผลิตสมนุ ไพรเพอ่ื การดูแลรกั ษาสุขภาพ และภมู ปิ ญั ญาพน้ื บา้ น ดว้ ยวธิ บี รรยายประกอบการสาธติ พาดสู มนุ ไพรทข่ี นึ้ ตาม ธรรมชาติ และลงมือปฏิบตั อิ ย่างต่อเนือ่ ง สอนส่วนตัวและกลุม่ โดยรว่ มมอื กบั องคก์ รเครอื ขา่ ยตา่ งๆ เชน่ สภาหมอเมอื งลา้ นนา เชยี งราย ชมรมอาสาสมัครสาธารณสขุ ตำ� บลโป่งงาม ศนู ย์การ ศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัยโป่งงาม และ หน่วยงานการศกึ ษาอื่นๆ การท่ี นางสาวปารชิ าติ บญุ ธมิ า ไดน้ ำ� ความรู้ ความสามารถ ด้าน การแพทย์แผนไทย ท่ีตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่ สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการ สภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย เพอ่ื ท�ำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาทั้งการศึกษาใน ระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สืบไป ทีอ่ ยู่ปัจจบุ นั : บ้านเลขท่ี ๒๒ หมู่ ๖ ต.โปง่ งาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ๕๗๑๓๐ โทร. ๐๘๙-๙๙๗-๑๕๕๐ เกยี รติคุณทไ่ี ด้รบั : ครภู มู ิปัญญา โรงเรยี นอาชีวะศึกษาแม่สาย / อาสาสมคั รสาธารณสุขดีเด่น / ประธานสภาหมอเมืองลา้ นนา อ.แม่สาย / ครภู มู ิปัญญาไทย ดา้ นการแพทย์แผนไทย ส�ำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๕๖๐
การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ 32 ดว้ ยครูภมู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ พจงัจิ หิตวัดร นายสมทบ สอนราช ครภู มู ิปัญญาไทย ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย นายสมทบ สอนราช เกิดเมอ่ื วนั ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๑๖ ที่บ้านไผ่รอบ เลขที่ ๑๒ หมู่ ๙ ต.ไผ่รอบ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พจิ ติ ร เปน็ บุตรคนที่ ๑ ของนายสวา่ ง และ นางธารทิพย์ สอน ราช ในจ�ำนวนพ่ีน้อง ๔ คน สมรสกับนางไพร�ำ สอนราช (เสรี พงศ)์ มบี ตุ รชาย หญิง รวม ๓ คน
33 การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครภู มู ิปัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ครสู มทบ สอนราช เกิดในครอบครวั นายสวา่ ง หมอแผน โบราณผู้เป็นพ่อที่เชี่ยวชาญช�ำนาญการรักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต กระดูกหัก โรคเด็กและโรคสตรี ศึกษาเรียนรู้จาก ต�ำรายาที่พ่อเขียนบันทึกไว้ด้วยลายมือมาตั้งแต่เป็นเด็ก และ มีโอกาสเรียนการแพทย์แผนไทย จากหมอแผนโบราณช่ือดัง พร้อมศึกษาต�ำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ต�ำราเวชกรรมไทย ของกระทรวงสาธารณสขุ และตำ� รายาของพอ่ จนแตกฉานเรอ่ื ง ต้นไมแ้ ละพืชสมนุ ไพร หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผน ไทย ดา้ นเภสชั กรรมไทย เมอ่ื ปี ๒๕๔๓ เรมิ่ ใหบ้ รกิ ารรกั ษาผปู้ ว่ ย ทสี่ ถานอี นามยั ตำ� บลเนนิ สวา่ ง สถานอี นามยั ตำ� บลทงุ่ ใหญ่ และ “....ท่ีส�ำคญั คอื การไดน้ ้อมน�ำ ไปประจ�ำอยู่ท่ีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบลไผ่รอบเหนือ เอาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ของ และเรม่ิ จดั ตงั้ คลนิ กิ บรกิ ารทางการแพทยแ์ ผนไทย ใหก้ ารรกั ษา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา และดแู ลสตรกี อ่ นและหลงั คลอดบตุ ร ผสู้ งู อายุ และผปู้ ว่ ยทวั่ ไป ภูมิพลอดุลยเดช มาถ่ายทอด โดยเฉพาะผู้ป่วยท่ีเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้จัดการฝึก ความรสู้ ปู่ ระชาชน เยาวชน อาสา อบรมญาติผู้ป่วยและผู้ดูแล ให้รู้ถึงการนวด อบ ประคบ เพื่อ สมัครสาธารณสุข ผู้ดูแลผู้สูง ช่วยผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูอย่างถูกวิธี ไม่ต้องเคล่ือนย้ายมารับ อายุ ให้ค�ำนึงถึงประโยชน์ของ การรักษาท่ีโรงพยาบาล โดยใช้ภูมิปัญญาทางด้านการแพทย์ องค์ความรู้แพทย์แผนไทย ท่ี แผนไทย และการใชภ้ มู ปิ ญั ญาแพทยแ์ ผนไทยดแู ลผปู้ ว่ ยสงู อายุ สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจ�ำวัน โดยการใช้สมุนไพร ที่ตดิ บา้ น ติดเตยี ง ตลอดจนส่งเสรมิ การผลติ สมุนไพรอย่างง่าย ใกล้ตัว เป็นการพ่ึงพาตนเอง ให้กับสมาชิกเครือข่ายผู้ติดเช้ือ HIV และชมรมผู้สูงอายุต�ำบล ลดการใชย้ า เพอ่ื ไมใ่ หต้ อ้ งเสยี คา่ ไผร่ อบ และตำ� บลใกลเ้ คยี ง นำ� ไปใชใ้ นการรกั ษาชว่ ยลดการใชย้ า ใชจ้ า่ ยในการรกั ษาทีส่ งู ....” ในระบบลงได้ นอกจากนค้ี รยู งั ไดใ้ ชเ้ วลาเรยี บเรยี งหนงั สอื คมู่ อื การศกึ ษา หลักเภสัชกรรมไทย ไว้ถึง ๔ เล่ม จดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์ไว้ จดั เรยี งเปน็ หมวดหมู่ ตามสรรพคณุ สมนุ ไพรไทย เพอ่ื เปน็ มรดก ของลกู หลานไทยศกึ ษาและทำ� ความเขา้ ใจ นกั ศกึ ษาการแพทย์ แผนไทยจะได้ใช้เป็นคูม่ อื อกี ดว้ ย
การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ 34 ด้วยครูภูมปิ ัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ ท่ีส�ำคัญ คือ การได้น้อมน�ำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียง ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ถ่ายทอด ความรู้สู่ประชาชน เยาวชน อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ค�ำนึงถงึ ประโยชนข์ ององคค์ วามรู้แพทยแ์ ผนไทย เพือ่ เป็นการพึง่ พา ตนเอง ลดการใช้ยา เพอ่ื ไมใ่ ห้ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยในการรักษาทีส่ งู จากการที่ท่านเข้ารับการเรียนรู้จากในมหาวิทยาลัยนเรศวร ทำ� ใหไ้ ดเ้ รยี นรศู้ าสตรแ์ ขนงหนงึ่ ทที่ ำ� การรกั ษาอาการโรคตอ้ ในดวงตา ด้วยการบ่งเส้นประสาทตา บริเวณแผ่นหลังผู้ป่วย โดยการใช้หนาม หวาย แล้วน�ำมาฝึกฝนจนเกิดความช�ำนาญ ท�ำให้ผู้เข้ารับการรักษา กลับมามีดวงตาที่มองเห็นได้ชัดเจนข้ึน เป็นท่ียอมรับของผู้ที่มารับ การรกั ษา โดยไม่ได้คิดค่ารกั ษาแต่อย่างใด การท่ี นายสมทบ สอนราช ไดน้ �ำความรู้ ความสามารถ ด้าน การแพทย์แผนไทย ท่ีตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการ ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย เพอื่ ทำ� หนา้ ที่ ถา่ ยทอดภมู ปิ ัญญาในการจัดการศึกษาทงั้ การศึกษาในระบบ การ ศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั สบื ไป ท่ีอยู่ปัจจุบัน : เลขที่ ๑๒ หมู่ท่ี ๙ ต.ไผ่รอบ อ.ไพรีประทับช้าง จ.พิจิตร ๖๖๑๙๐ โทร. ๐๕๖-๖๗๐๐๒๙, ๐๘๖-๔๔๑-๓๗๓๘ การศึกษา : มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ร.ร.สามง่ามชนปู ถัมภ์ จ.พจิ ติ ร / ประกาศนยี บตั รสาธารณสขุ ศาสตร์ / สาธารณสขุ ศาสตร์ บัณฑติ มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช / ปรญิ ญาสาธารณสขุ ศาสตรม์ หาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร วุฒเิ กยี่ วขอ้ งกบั การประกอบวชิ าชพี แพทยแ์ ผนไทย : ใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี การแพทยแ์ ผนไทย เภสชั กรรมไทย เวชกรรม ไทย หนังสือรบั รองการเปน็ ครรู ับมอบตวั ศษิ ยแ์ พทย์แผนไทย ประเภทเภสัชกรรมไทย และประเภทเวชกรรมไทย การผดุงครรภ์ ไทย และ ประเภทการนวดแผนไทย เกียรตคิ ณุ ท่ไี ด้รบั : หมอไทยดีเดน่ จังหวัดพจิ ติ ร กระทรวงสาธารณสุข ปราชญช์ าวบา้ นดีเด่น / ครภู มู ิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ด้านการแพทยแ์ ผนไทย สำ� นักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐
35 การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมปิ ัญญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ลจงัำ� หพวูนัด นายสมบตั ิ ไตรศรศี ลิ ป์ ครภู ูมิปญั ญาไทย ดา้ นการแพทย์แผนไทย นายสมบตั ิ ไตรศรศี ลิ ป์ เกิดเมอื่ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๔๙๕ ทจ่ี ังหวดั ล�ำพนู เปน็ บตุ รคนที่ ๓ ในจำ� นวนพีน่ ้อง ๗ คน ของนายฮวด และนางเกษแก้ว ไตรศรีศิลป์ สมรส กับ น.ส.อรณุ ี โอภาส มีบตุ รชาย ๒ คน หญงิ ๑ คน ครูสมบัติ ไตรศรีศิลป์ ได้รับการศึกษาในจังหวัดล�ำพูน ระดับช้ันประถมศึกษา ร.ร.เทศบาลประตูล้ี ร.ร.มงคลวิทยา และ ร.ร.เมธีวุฒิ มัธยมศึกษาตอนต้น ร.ร.เมธี วฒุ กิ าร และมัธยมศึกษาตอนปลาย ร.ร.จักรคำ� คณาทร ปริญญาตรี (ชวี วทิ ยา) คณะ วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาโท (ชีวสถิติ) คณะสาธารณสุข มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล
การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 36 ดว้ ยครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ เคยรับราชการเป็นอาจารย์ ท่ีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เม่ือ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๘ จนถึงปี ๒๕๒๘ ลาออกไปท�ำงานเป็น ตัวแทนขายประกัน เลื่อนต�ำแหน่งเป็นผู้บริหารฝ่ายขาย แต่ เนื่องจากมีความสนใจในแพทย์แผนไทย จึงเร่ิมค้นคว้าจริงจัง ร่วมกับเพ่ือนจัดตั้งสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา ปี ๒๕๒๔ โดยรวมบุคคลท่ีมีความรู้ภูมิปัญญาและยาพ้ืนบ้าน ล้านนา เข้ามาช่วยดูแลรักษาคนป่วยด้วยแพทย์แผนไทย และ ตั้งโรงเรียนพัฒนาปัญญาไท ตามแนวแพทย์แผนไทย และน�ำ วทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพมาอธบิ ายภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทยอกี ดว้ ย เดินทางเป็นวิทยากร บรรยายและสาธิตให้ความรู้ และฝึกอบรมดูแลตนเอง แก่ประชาชน ภาครัฐ ภาค เอกชน ตลอดจนมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา ท่ีสนใจเก่ียวกับการพ่ึงตนเองตามแนวแพทย์แผนไทย คิดกระบวนท่าการออกก�ำลังกายด้วยการใช้ผ้าขาวม้า ไม้พลอง และเก้าอ้ี จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ผลงานมีหลายกิจกรรมทั้งการบรรยาย การสาธิต ที่ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลยั แมโ้ จ้ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ หน่วยงานราชการ อาทิ เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลต�ำบลสุเทพ เทศบาลต�ำบลบ้านกลาง จ.ล�ำพูน กรม พัฒนาการแพทย์แผนไทย เจ้าหน้าท่ีอุทยานหลางราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ชุมชนท้องถ่ิน ชมรมผู้สูงอายุ สมาคมนวดไทย จ.เชียงใหม่ กงศุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สมาคม ฮากกา จ.เชียงใหม่ เกยี รติคุณทไี่ ด้รบั : รองนายกสมาคมธรุ กจิ บริการสุภาพ / รองนายกสมาคมนวดแผนไทย จ.ธุรกิจบรกิ ารสขุ ภาพ / รองนายก สมาคมแพทยแ์ ผนไทย / เลขาธิการสมาพันธก์ ารแพทย์แผนไทยล้านนา อาจารย์พิเศษ : แพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ / การแพทย์ทางเลือก (แพทย์แผนไทย) ภาควิชาเวชศาสตร์ ครอบครวั คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
37 การสร้างความเปน็ ปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครูภมู ิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ “...ครสู มบัติ ไตรศรศี ลิ ป์ สว่ นใหญ่เป็นความรเู้ กยี่ วกับการดแู ลสุขภาพดว้ ยการพง่ึ ตนเองตาม แนวทางแพทย์แผนไทย การออกก�ำลังกายโดยการใช้ผ้าขาวม้า ไม้พลอง และเก้าอ้ี รวมถึงการน�ำเอา วทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพมาอธบิ ายภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย รวมถึงการน�ำเอาวิทยาศาสตร์สุขภาพมาอธิบายภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เปิดโรงเรียนสอน แพทยแ์ ผนไทยและเขยี นหนงั สือแพทย์แผนไทย จ�ำนวน ๓ เลม่ การออกทีวี NBT แสดงถึงการออก กำ� ลังกาย เป็นต้น” ส่วนใหญ่เป็นความรู้เก่ียวกับการดูแลสุขภาพด้วยการพ่ึง ตนเองตามแนวทางแพทย์แผนไทย การออกกำ� ลังกายโดยการ ใช้ผ้าขาวมา้ ไมพ้ ลอง และเกา้ อ้ี รวมถงึ การนำ� เอาวิทยาศาสตร์ สุขภาพเข้ามาอธิบายขยายความภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ให้เป็นที่เข้าใจ พร้อมกับเปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนไทยและ เขียนหนังสือแพทย์แผนไทย ออกเผยแพร่ การออกทีวี NBT แสดงถึงการออกกำ� ลงั กาย เปน็ ตน้ การท่ี นายสมบัติ ไตรศรีศิลป์ ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ทตี่ นเองไดร้ บั การถา่ ยทอด ศกึ ษา คน้ ควา้ ฝึกฝน จนประสบความส�ำเรจ็ เป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จงึ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการ ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย เพ่ือท�ำ หน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาท้ังการศึกษาใน ระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั สืบไป ปัจจบุ ันอย่ทู ่ี : เลขท่ี ๔๙ ต.หายนา/เมง็ ราย อ.เมอื ง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๐๐ โทร. ๐๕๓-๒๐๐-๓๐๐ และ ๐๘๑-๘๘๓-๗๘๔๕ เลขาธกิ ารสมาพนั ธก์ ารแพทย์แผนไทยล้านนา ครอบครวั ดีเดน่ แหง่ ชาติ (ครอบครัวไทยมีสขุ สภาตรแี หง่ ชาติ และ ครภู ูมิปัญญา ไทย รุ่นท่ี ๘ ดา้ นการแพทย์แผนไทย สำ� นกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐
การสร้างความเป็นปึกแผน่ ของชาติ 38 ด้วยครภู ูมปิ ัญญาไทย รุ่นท่ี ๘ อตุจงัรหดวัดติ ถ์ นายองอาจ พงษโ์ นรี ครูภมู ิปญั ญาไทย ด้านการแพทยแ์ ผนไทย นายองอาจ พงษ์โนรี เกิดเม่ือวันท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๔๙๒ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ในครอบครัวหมอแผนโบราณ เป็นบุตรคน ที่ ๑ ในจ�ำนวนพี่น้อง ๓ คน ของนายเชียร พงษ์โนรี และนาง บุญรอด พงษ์โนรี สมรสกับนางสาวสุทิน ทิอ่อน มีบุตรชาย ๑ คน บุตรหญิง ๒ คน
39 การสรา้ งความเป็นปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมิปญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ครูองอาจ พงษ์โนรี เม่ือส�ำเร็จการศึกษาจาก ได้เปิดสถานพยาบาลแผน วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์และเข้ารับราชการเป็นครูตั้งแต่ปี โบราณหมอองอาจ ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. ๒๕๑๗ และเร่ิมศึกษาวิชาแพทย์แผนไทยอย่าง เพ่ือรักษาคนไข้ปรุงยาสมุนไพรและ จริงจัง จนกระทั่งสอบได้ใบประกอบวิชาชีพสาขาการ ยาแผนโบราณ และเป็นอาจารย์ แพทย์แผนไทยในสาขาเภสัชกรรมไทย เวชกรรมไทย พิเศษเพ่ือถ่ายทอดภูมิปัญญาด้าน การผดุงครรภ์ไทย และการนวดไทย จากกระทรวง การแพทย์แผนไทย มาอยา่ งตอ่ เนื่อง สาธารณสุข และ ส�ำเรจ็ วิชาแพทยแ์ ผนไทยบัณฑิตจาก จนปัจจุบัน มีผลงานเป็นที่ปรากฎ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช สาขาสาธารณสขุ ใน เด่นชัดและได้รับการแต่งต้ังเชิดชู ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ เกียรติให้เป็น “หมอไทยดีเด่น” ท้ัง จากการท่ีเกิดในครอบครัวหมอแผนโบราณ แม่ ในระดับจังหวดั และระดับเขต เป็นหมอพ้ืนบ้าน ได้เห็นการรักษาผู้ป่วยจากพ่อ และ เปิดส�ำนักอบรมและถ่ายทอด การเก็บสมนุ ไพรในป่าเพื่อนำ� มาทำ� ยารกั ษาโรค จึงมีใจ ค ว า ม รู ้ วิ ช า แ พ ท ย ์ แ ผ น ไ ท ย แ ล ะ รักและอยากศึกษาวิชาแพทย์แผนไทย หมั่นศึกษาเล่า เป็นผู้สอนวิชาการแพทย์แผนไทย เรียนวิชาการแพทย์แผนไทยจนได้ใบประกอบวิชาชีพ ท่ี วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร และมีความเช่ยี วชาญในระดับที่เปน็ ท่ยี อมรบั จ.พิษณุโลก ต้ังแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ จนถึงปัจจุบัน และท่ีส�ำนักเรียนวัด ท่าทอง ต�ำบลวังกระพี้ อ�ำเภอเมือง จ.อุตรดิตถ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ – ๒๕๕๘ เผยแพร่ความรู้ด้านการ แพทยแ์ ผนไทยแกส่ าธารณชนทงั้ ทาง หนังสือพิมพ์อุตรดิตถ์และการวิทยุ อสมท.
การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ 40 ดว้ ยครภู ูมิปัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ “ ค รู อ ง อ า จ พ ง ษ ์ โ น รี เ กิ ด ใ น ค ร อ บ ค รั ว ห ม อ การที่ นายองอาจ พงษ์โนรี แผนโบราณ มีพ่อเป็นหมอแผนโบราณ แม่เป็นหมอ ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ด้าน พื้นบ้าน ในวัยเด็กได้เห็นการรักษาผู้ป่วยจากพ่อ และการ การแพทย์แผนไทย ที่ตนเองได้ เก็บสมุนไพรในป่าเพื่อน�ำมาท�ำยารักษาโรค จึงมีใจรักและ รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า อ ย า ก ศึ ก ษ า วิ ช า แ พ ท ย ์ แ ผ น ไ ท ย จ า ก ค ร อ บ ค รั ว ห ม อ ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จ แผนโบราณ...” เป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการ ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้ เป็นครูภูมิปัญญาไทย เพ่ือท�ำ หน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาในการ จดั การศกึ ษาทง้ั การศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการ ศกึ ษาตามอธั ยาศัย สืบไป ปัจจบุ นั อยู่ที่ : เลขที่ ๒ หมู่ ๒ ต.วงั กะพ้ี อ.เมอื ง จ.อุตรดติ ถ์ ๕๓๑๗๐ โทร. ๐๘๗ -๒๐๓-๓๑๑๐ การศกึ ษา : ป.กศ.สงู วทิ ยาลยั ครอู ตุ รดติ ถ์ แพทยแ์ ผนไทยโบราณ สมาคมแพทยแ์ ผนโบราณ แพทยแ์ ผนไทยบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช เกยี รตคิ ณุ ทไ่ี ดร้ บั : กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ริ ะดบั จงั หวดั กลมุ่ นกั วชิ าการแพทยแ์ ผนไทย / เกยี รตบิ ตั รเชดิ ชเู กยี รติ “หมอไทย ดีเดน่ ระดบั จงั หวัด” กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก / ครภู มู ิปญั ญาไทย ร่นุ ท่ี ๘ ด้านการแพทย์แผน ไทย สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐
41 การสร้างความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ ดว้ ยครูภมู ปิ ัญญาไทย รุน่ ท่ี ๘ ลจงั �ำหพวูนัด นายมานพ ชัยบวั คำ� ครภู ูมิปญั ญาไทย ดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม นายมานพ ชัยบัวค�ำ เกิดเม่ือวันท่ี ๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ เป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำ� นวนพนี่ อ้ ง ๓ คน ของนายฟอง ชยั บัวคำ� และนางเปง็ ชัยบวั คำ� สมรสกับ น.ส.นงคราญ ยามี มบี ุตรหญงิ ๑ คน
การสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ 42 ดว้ ยครูภมู ิปัญญาไทยรรนุ่ ่นุทท่ี ่ี๘๘ เม่ือตอนเป็นเด็กวัด ครูมานพ ชัยบัวค�ำ มีความขยัน วิริยะ อุตสาหะ ได้ช่วยท�ำความสะอาดบริเวณวัด รวมทั้งคัดแยกขยะ ตา่ งๆ ภายในวดั ดสู ะอาดเปน็ ระเบยี บ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นดว้ ย มไิ ด้ รงั เกยี จตอ่ งาน ทำ� ใหม้ คี วามเชยี่ วชาญในการจดั การขยะเปน็ อยา่ ง ดี มคี วามสภุ าพเรยี บรอ้ ยตอ่ ทกุ คนทเ่ี ขา้ มาทว่ี ดั ทำ� ใหเ้ ปน็ ทยี่ อมรบั นับถือและได้รับความไว้วางใจจากชุมชน เลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ของ บา้ นโปง่ ศรนี คร แม้จะเรียนจบระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ แต่เป็นผู้น�ำท้องถ่ิน ที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดแยกขยะและน�ำส่ิงของใช้แล้วมาส ร้างมูลค่าให้กลับมาใช้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นชุดรับแขก เฟอร์นิเจอร์ สามารถท�ำให้นำ� กลบั มาใช้ไดใ้ หม่ สง่ เสริมการอนุรกั ษส์ ิ่งแวดล้อม ด้วยการได้จัดท�ำศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะในชุมชนให้กับ หมูบ่ ้านใกล้เคียง หน่วยงานและผ้สู นใจท่วั ไปมาเปน็ เวลากวา่ ๘ ปี มผี รู้ บั การถา่ ยทอดความรนู้ ไ้ี ปกวา่ ๕,๐๐๐ คน ตลอดระยะเวลาทเ่ี ปน็ ผใู้ หญบ่ า้ นไดพ้ ฒั นาตนเองและหมบู่ า้ น ใช้หลักในการด�ำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ ท�ำให้ เกิดการพัฒนาข้ึนจนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนต�ำบลโรง ชา้ งใหเ้ ปน็ กำ� นนั ซง่ึ เปน็ บา้ นเกดิ และไดร้ บั เกยี รตใิ หด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางสงั คมตา่ งๆ
43 การสรา้ งความเป็นปกึ แผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู ูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ “...ตลอดระยะเวลาการเปน็ ผนู้ ำ� ชมุ ชน ไดถ้ า่ ยทอดความเชยี่ วชาญของตนโดยการเปดิ หมบู่ า้ นใหเ้ ปน็ ศนู ยเ์ รยี นรเู้ รอ่ื งของการจดั การขยะใหเ้ ปน็ ศนู ย์ Zero Waste โดยเปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดองคค์ วามรเู้ รอ่ื ง การบริหารจดั การขยะในชมุ ชน ส่งเสรมิ การปลูกผกั ปลอดสารพิษภายในชมุ ชนทกุ ครวั เรือน รณรงค์ การใชใ้ บตองแทนถงุ พลาสติก งดจุดธปู เทยี นในงานศพ การสรา้ งชมุ ชนให้น่าอยูถ่ กู สุขภาวะ...” ตลอดระยะเวลาการเป็นผู้น�ำ ได้ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของตนโดย การเปิดหมู่บ้านให้เป็นศูนย์เรียนรู้เร่ืองของการจัดการขยะให้เป็นศูนย์ Zero Waste เปน็ วทิ ยากรถ่ายทอดความรเู้ รอ่ื งการบรหิ ารจัดการขยะในชมุ ชน สง่ เสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างชุมชนน่าอยู่ ถูกสุขภาวะในชุมชนปลูกผัก ปลอดสารพษิ ภายในชมุ ชนทกุ ครวั เรอื น รณรงคก์ ารใชใ้ บตองแทนถงุ พลาสตกิ งดจดุ ธปู เทยี นในงานศพ สร้างชุมชนให้น่าอย่ถู กู สุขภาวะ ทำ� ให้ชุมชนได้เป็น หมู่บ้านต้นแบบได้รางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานหมู่บ้านปลอดขยะ Zero Waste และรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานบ้านสวยเมืองสุข เป็นท่ียอมรับ ในสังคมในการศึกษาดูงานของหมู่บ้านต่างๆ ที่ขอเข้ามาศึกษาดูงานมากกว่า ๕,๐๐๐ คน การท่ี นายมานพ ชัยบัวค�ำ ได้น�ำความรู้ ความสามารถ ด้านการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ที่ตนเองไดร้ ับการถา่ ยทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝกึ ฝน จนประสบความสำ� เรจ็ เปน็ ประโยชนโ์ ดยรวมแกส่ งั คม จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ ง เชดิ ชเู กยี รตจิ ากสำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใหเ้ ปน็ ครูภูมิปัญญาไทย เพ่ือท�ำหน้าท่ีถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาท้ังการ ศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั สบื ไป ทอ่ี ยูป่ จั จบุ นั : ๑๒๒ หมู่ ๑๑ ต.โรงช้าง อ.ป่าแดด จ.เชยี งราย ๕๗๑๙๐ โทร. ๐๕๓-๗๖๑-๓๓๐ และ ๐๘๑-๒๘๙-๖๙๔๔ การศึกษา : มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ เกยี รตคิ ณุ ทไี่ ดร้ บั : รางวลั ชนะเลศิ ถว้ ยพระราชทาน หมบู่ า้ นปลอดขยะ Zero Waste / รางวลั ชนะเลศิ รางวลั ถว้ ยพระราชทาน บา้ นสวนเมืองสุข / รางวัลกำ� นันแหนบทองคำ� / ครูภูมปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ ดา้ นการจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม สำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐
การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 44 ดว้ ยครภู มู ปิ ญั ญาไทย รุ่นที่ ๘ เชจียังงหวรดั าย นายกมล อภิธนงั ครภู ูมิปญั ญาไทย ดา้ นกองทนุ และธรุ กิจชุมชน นายกมล อภิธนัง เกิดเม่ือ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๘ บา้ นเลขที่ ๑๘๕/๑ หมู่ ๑๐ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชยี งราย เป็นบุตรคนท่ี ๒ ในจ�ำนวนพนี่ ้อง ๒ คน ของครอบครัวนายแกว้ อภธิ นัง และนาง บัวผัน อภิธนัง มีอาชีพค้าขาย สมรสกับ นางสาวรุ่งสุรีย์ ค�ำลือ อาชพี แมบ่ า้ น บตุ รชาย ๑ คน บตุ รหญงิ ๑ คน รวมทง้ั หมด ๒ คน เมื่อคร้ังยังอยู่ในวัยเด็ก ครูกมล อภิธนัง ได้ช่วยแม่ขาย เนื้อหมู ขายผักทุกชนิดในตลาดสดบ้านดู่ เมื่อเป็นนักเรียน เคยเป็นกรรมการสหกรณ์โรงเรียนบ้านดู่ ต�ำบลบ้านดู่ อ�ำเภอ เมือง จังหวัดเชียงราย จบมัธยมศึกษาแล้วเรียนต่อจนได้ ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (สาขาเทคนิคอุตสาหกรรม) วทิ ยาลยั เทคนิคเชยี งราย
45 การสรา้ งความเป็นปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครภู ูมปิ ัญญาไทย รุน่ ท่ี ๘ “.. เรมิ่ ตน้ อาชพี ทำ� การเกษตร เลยี้ งหมหู ลมุ เลยี้ งไกร่ ะบบปดิ การปลกู สบั ปะรดนางแล พืชผักสวนครวั ชนิดต่างๆ ปลอดสารพิษ ใหค้ �ำแนะน�ำส่งเสริมอาชีพและเผยแพรอ่ งคค์ วาม รู้ให้แก่ประชาชนท่ัวไปและสมาชิกได้มีความรู้และเกิดการขยายผลในระดับชุมชน จนชุมชนมี รายไดเ้ ลย้ี งครอบครัวอย่างมีความสขุ ....” ห้วงชีวิตแห่งการเร่ิมต้นการท�ำงานของครูกมล เริ่มต้น การบริหารจัดการดีเด่นโดย อาชีพท�ำการเกษตร เลี้ยงหมูหลุม เลี้ยงไก่ระบบปิด ปลูก หลักธรรมาภิบาล รางวัลชนะ สบั ปะรดนางแล พชื ผักสวนครัวชนดิ ตา่ งๆ ปลอดสารพิษ ให้คำ� เลิศอับดับหน่ึงของจังหวัด แนะน�ำส่งเสริมอาชีพและเผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ประชาชน เชียงราย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ทว่ั ไปและสมาชกิ ไดม้ คี วามรเู้ กดิ การขยายผลในระดบั ชมุ ชน จน สามารถสร้างกองทุนมีเงินถึง ชมุ ชนมรี ายไดเ้ ลี้ยงครอบครวั อย่างมีความสุข ๑๔ ล้าน มีสวัสดิการต่างๆ ท้ังหมดน้ี ด�ำเนินการตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอ การเยี่ยมไข้ งานศพฯ สร้าง เพยี ง พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาล คุณภาพชีวิตและความม่ันคง ท่ี ๙ มาเป็นแบบอย่าง ผลงานล้วนประจักษ์ยอมรับทั่วกัน ให้สมาชกิ และเป็นตัวอย่างของบุคคลท่ีได้ร่วมมือกับชุมชนสร้างหมู่บ้าน เ ม่ื อ ไ ด ้ รั บ ต� ำ แ ห น ่ ง เศรษฐกิจพอเพยี งของต�ำบลนางแล ประธานกลุ่มออมทรัพย์เพ่ือ เมอ่ื ปี ๒๕๕๑ ไดร้ บั เลอื กใหเ้ ปน็ สมาชกิ สภาเทศบาลตำ� บล การผลิตอ�ำเภอเมือง จังหวัด นางแล เขต ๒ ของเทศบาลตำ� บลนางแล และถกู มอบหมายให้ เชยี งราย ผลงานเปน็ ทยี่ อมรบั มีหน้าที่ดูแลด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน ตลอดจนด้านงบประมาณ ทงั้ ในระดบั อำ� เภอ และ จงั หวดั ต่างๆ ของเทศบาลฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผลงาน และได้รับต�ำแหน่งปราชญ์ เปน็ ทีย่ อมรบั ทั่วกนั ชมุ ชนดา้ นกลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พอื่ เมอ่ื มาดำ� รงตำ� แหนง่ ประธานกองทนุ หมบู่ า้ นปา่ ซางววิ ฒั น์ การผลติ ของ จงั หวดั เชยี งราย ได้เข้าไปบริหารงานในเรื่องของการจัดสวัสดิการต่างๆ และ ซึ่งผลงานของกลุ่มออมทรัพย์ ส่งเสริมอาชีพให้แก่สมาชิกที่มีหนี้สินถาวร ท่ีไม่มีโอกาสจะ เพ่ือการผลติ เป็นทรี่ ู้จักทั่วกนั ช�ำระหนี้สินท้ังหมดได้ จนสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินนอก ว่า เป็นปราชญ์ด้านกองทุน ระบบของกลุ่มประสบความส�ำเร็จทุกประการ พร้อมส่งเสริม และกลุ่มออมทรพั ย์ สาธารณประโยชนล์ งสชู่ มุ ชนอยา่ งทว่ั ถงึ จนผลงานไดร้ บั รางวลั
การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 46 ดว้ ยครูภูมิปัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ นอกจากน้ี ไม่เพียงผลงานจากการสร้างร้านค้าชุมชนของกลุ่ม เท่าน้ัน ยังได้ใช้บ้านเป็นแหล่งผลิต ถ่ายทอดและเรียนรู้ ก่อเกิด ประโยชนใ์ นการแกไ้ ขปญั หาหนส้ี นิ และนำ� ไปสพู่ ฒั นาสงั คม การออก ไปเป็นวิทยากรประชุมกลุ่มกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จ.เชียงราย ลงไปถึงกลุ่มอาชพี กลุ่มปราชญช์ มุ ชน ระดับอำ� เภอ เป็นการตอ่ ยอด ใหเ้ กดิ การตน่ื ตวั อย่างกว้างขวางอกี ดว้ ย ระยะเวลา ๑๗ ปีในการท�ำงานของ ครูกมล อภิธนัง กับการ บรหิ ารงาน และ ระยะเวลา ๑๐ ปี ทสี่ ามารถถา่ ยทอดความร ู้ มเี รอื่ ง ราวดีๆ มากมายเกิดขึ้นท้ังการบริหารงานกลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการ ผลิต และ การใช้บ้านตนเองเป็นศนู ยเ์ รยี นรชู้ ุมชน การเดินทางออก ไปถ่ายทอดความรใู้ นโรงเรยี น/นอกโรงเรยี น/ตามอธั ยาศยั การกอ่ ตง้ั กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พอ่ื การผลติ สมาชกิ กลมุ่ และคณะกรรมการกลมุ่ ออม ทรพั ยเ์ พอ่ื การผลิต การจัดทำ� สวัสดกิ ารของกล่มุ การสร้างเครอื ข่าย และการเผยแพร่ความรู้ การพัฒนากลุ่มอาชีพ ในจังหวัดเชียงราย ลว้ นนำ� ไปสคู่ วามเขม้ แขง็ สง่ ผลตอ่ การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของชาติ อย่างแท้จริง การท่ี นายกมล อภิธนัง ไดน้ �ำความรู้ ความสามารถดา้ นกองทุน และธุรกิจชุมชน ที่ตนเองได้รับการถ่ายทอด ศึกษา ค้นคว้า ฝึกฝน จนประสบความส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการ ยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวง ศกึ ษาธกิ าร ให้เปน็ ครูภมู ิปญั ญาไทย เพือ่ ทำ� หนา้ ที่ถา่ ยทอดภูมิปัญญา ในการจดั การศกึ ษาทงั้ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการ ศึกษาตามอธั ยาศัย สบื ไป ท่ีอยู่ปัจจุบัน : ๑๘๕/๑ หมู่ท่ี ๑ ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ๕๗๑๐๐ โทร. ๐๘๙-๘๓๘-๔๙๐๕ เกียรติคณุ /รางวัลท่ไี ด้รบั : รางวัลคนศรเี ชียงราย กลุ่มออมทรพั ย์ดเี ดน่ จังหวดั เชยี งราย / ปราชญช์ ุมชน จงั หวดั เชียงราย สมาชกิ สภาเทศบาลตำ� บลนางแล จงั หวดั เชยี งราย ดเี ดน่ ดา้ นการสง่ เสริมอาชพี ในชมุ ชน / ปราชญ์ชุมชนดา้ นสัมมาชพี เป็นคณะ กรรมการ สปสช.ต�ำบลนางแล จังหวดั เชยี งราย ชว่ ยเหลอื งานด้านส่งเสรมิ สุขภาพในชุมชน / ครภู ูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ด้าน กองทนุ และธุรกจิ ชมุ ชน สำ� นกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๖๐
47 การสร้างความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ ดว้ ยครภู มู ิปัญญาไทย รุ่นที่ ๘ ลจงั �ำหพวูนัด นางบัวตอง แก้วฝั้น ครูภมู ปิ ญั ญาไทย ด้านศิลปกรรม นางบัวตอง แก้วฝั้น เกิดเมอื่ วันท่ี ๑ เมษายน ๒๔๙๑ ที่บา้ นห้วยงู อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรคนโตในจ�ำนวนพ่ีน้อง ๗ คน บิดาชื่อนาย คำ� ฟู แสนพนั ธ์ และมารดาชอื่ นางอน่ิ คำ� แสนพนั ธ์ สมรสกบั นายสมบรู ณ์ ปัญญามานะ มบี ตุ ร ๖ คนด้วยกนั เป็นผูท้ ี่มีความตัง้ ใจ มุมานะฝกึ ฝนการ ขบั ซอ กระทง่ั มคี วามสำ� เรจ็ ในวชิ าชพี เปน็ แมแ่ บบในการขบั และแตง่ บท ซอไว้มาก ไดเ้ ผยแพร่วิธีการขับซอให้แก่ผูส้ นใจสามารถใชเ้ ป็นอาชพี ได้ สมัยเม่ือวัยเยาว์ ครูบัวตอง แก้วฝั้น ได้เรียนรู้การขับซอโดยเรียน กับครูตวั ต่อตัว และใช้การท่องจ�ำ จนจำ� ไดแ้ ม่นยำ� ดีแลว้ จึงนำ� มาขับซอ ประกอบเครอื่ งดนตรปี จ่ี มุ่ ซงึ่ ภายหลงั ไดน้ ำ� แบบวธิ กี ารเรยี นรนู้ น้ั มาเปน็ แนวทางสอนศิษย์ และให้ตัวอย่างการขับซอ เพิ่มเติมเทคนิคการสอน ผา่ นสอื่ เทคโนโลยีมากมาย
การสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ของชาติ 48 ด้วยครูภูมปิ ัญญาไทย รนุ่ ท่ี ๘ “... เมอื่ อายุได้ ๑๓ ปี ไปสมคั รเรียนการขบั ซอ และฝกึ วธิ ีขบั ซอกับครคู �ำปนั เงาใส แห่งบา้ นทงุ่ หลวง อ�ำเภอพรา้ ว ขยนั หมัน่ เพียรทอ่ งจ�ำบทซอและฝกึ ขับร้องท�ำนองซอตา่ งๆ กระทัง่ จดจ�ำไดอ้ ย่างแม่นยำ� ในทกุ บททกุ ทำ� นองซอทค่ี รสู ง่ั สอน เชน่ ทำ� นองซอตงั้ เชยี งใหม่ ทำ� นองจะปุ ทำ� นองละมา้ ย ทำ� นองเงยี้ ว ท�ำนองพมา่ ท�ำนองพระลอ และท�ำนองจอ้ ยลา เปน็ ตน้ ...” เมื่ออายไุ ด้ ๑๓ ปี ไปสมคั รเรียน ให้กับผู้สนใจเรียนการขับซอ ซ่ึงต้อง การขับซอ และฝึกวิธีขับซอกับครูค�ำ เรยี นและฝกึ ฝนอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ไมจ่ ำ� กดั ปัน เงาใส แห่งบ้านทุ่งหลวง อ�ำเภอ ในเรอ่ื งเวลา ทงั้ ตวั ตอ่ ตวั หรอื เปน็ กลมุ่ พร้าว ขยันท่องจ�ำบทซอและฝึกขับ ใหญ่ นอกจากนยี้ งั เดนิ ทางไปสอนการ ร้องท�ำนองซอต่างๆ ด้วยความชอบ ขบั ซอในที่อื่นๆ ดว้ ย กระท่ังจดจ�ำได้อย่างแม่นย�ำ ในทุก ในการแสดงการขับซอ สามารถ บททุกท�ำนองซอไม่ว่าจะเป็นท�ำนอง ขับซอร่วมหรือประชันกับช่างซอได้ ซอตั้งเชียงใหม่ ท�ำนองจะปุ ท�ำนอง ทุกคน ตามแต่เจ้าภาพจะเจาะจง ละมา้ ย ท�ำนองเง้ียว ท�ำนองพม่า ทำ� หรือ จัดหาช่างซอเก่งๆ มาประชัน นองพระลอ และท�ำนองจ้อยลา และ กัน ถึงขนาดเคยขับซอประชันกับครู เร่ิมรับงานแสดงการขับซอเป็นอาชีพ ซอเก่งๆ หลายท่าน และเคยเข้าร่วม ตง้ั แต่ ปี ๒๕๐๖ จนถงึ ในปจั จบุ ัน อยใู่ นวงดนตรแี ละคณะซอหลายคณะ และต้งั แต่ พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นตน้ เชน่ วงดนตรพี นื้ เมอื งคณะอำ� นวยโชว์ มา ครบู วั ตอง จดั บา้ นใหเ้ ปน็ ศนู ยเ์ รยี น (อ�ำนวย กล�ำพัด) และได้ร่วมอยู่ใน รแู้ ละฝกึ อบรมการซอ พรอ้ มทจี่ ะสอน คณะซอศรีสมเพชร ๑ เปน็ ต้น
49 การสร้างความเป็นปกึ แผ่นของชาติ ด้วยครภู มู ปิ ัญญาไทย รุ่นที่ ๘ ตอ่ มาไดก้ อ่ ตงั้ วงซอ ชอื่ วา่ คณะลกู แมป่ งิ นอกจากนี้ ยังมีงานการแสดงในละคร ไดร้ บั เชญิ ใหไ้ ปขบั ซอรว่ มหรอื ประชนั กบั นกั ซอ และภาพยนตร์ที่จัดท�ำเป็นเทป ซีดี หรือเป็น เกง่ ๆ อกี หลายทา่ น ปจั จบุ นั น้ี ครูบวั ตองไดต้ ง้ั ยูทูป เชน่ เรือ่ งไกน่ อ้ ยดาววี มนษุ ยส์ งสาร อา คณะซอของตนเองข้ึนแล้วใช้ช่ือว่า คณะบัว นิสงค์การตานข้าวใหม่ ชุดวันส�ำคัญทางพุทธ ตอง เมืองพร้าว รบั แสดงขับซอ และรบั สอน ศาสนา ตำ� นานสลากภตั ตำ� นานพระพฆิ เนศวร์ ผสู้ นใจเปน็ ศษิ ย์ ซง่ึ อาจมาเรยี นตวั ตอ่ ตวั ทบี่ า้ น ซอพระธาตุปเี๋ กดิ ซอมัดมอื ลูกแก้ว ซอประวัติ ฝึกอบรมการซอให้แก่ผู้สนใจในสถาบันการ พระเถระครู บาสิทธิชัยปิยภาณี ประวัติพระ ศกึ ษาต่างๆ อย่างตอ่ เน่อื งจนถึงปัจจุบนั และ เถระอ่นื ๆ อกี หลายองค์ บทซอตอ่ ต้านยาเสพ เป็นแม่แบบในการขับซอท่านหนึ่งที่สามารถ ตดิ ละครซอเรอ่ื งโรคไขเ้ ลอื ดออก ตอ่ ตา้ นควนั ขับซอได้อยา่ งไพเราะ ในทุกท�ำนองซอ บุหร่ี สรุ า อกี ด้วย มีบทมีซอท่ีแต่งไว้จ�ำนวนมากมายหลาก การที่ นางบัวตอง แก้วฝั้น ได้น�ำความรู้ หลาย เช่น บทซอที่เป็นขอ้ คดิ คำ� สอน บทซอ ความสามารถ ดา้ นศลิ ปกรรม ทตี่ นเองไดร้ บั การ เก่ยี วกับสขุ ภาพ บทซอประวัติพระเถระ รวม ถา่ ยทอด ศกึ ษา คน้ ควา้ ฝกึ ฝน จนประสบความ ท้ังบทซอท่ีรับรู้หรือได้ยินจากนิทาน นิยาย ส�ำเร็จเป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับ ต�ำนาน เหตุการณ์ ประวัติศาสตร์และชาดก การยกยอ่ งเชดิ ชเู กยี รตจิ ากสำ� นกั งานเลขาธกิ าร บทซอที่แต่งส�ำหรับการรณรงค์ในเรื่องต่างๆ สภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ใหเ้ ป็นครู ไว้เพื่อการแสดงและใช้เป็นบทครูส�ำหรับสอน ภมู ปิ ญั ญาไทย เพอื่ ทำ� หนา้ ทถี่ า่ ยทอดภมู ปิ ญั ญา ศิษย์ท่ีมีทั้งนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ในการจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การ ทีส่ นใจ ศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สืบไป ที่อยปู่ จั จบุ นั : บา้ นเลขที่ ๑๔/๑ หมู่ 7 ต.ป่าแดด อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่ ๕๐๑๐๐ โทร. ๐๕๓-๘๑๒-๕๒๑ เกียรติคุณท่ีได้รับ : รางวัลส่ือพื้นบ้านภาคเหนือดีเด่น เยาวชนผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาคีตศิลป์พื้นบ้าน ศูนย์ วฒั นธรรมเชียงใหม่ และสถาบันราชภฏั เชยี งใหม่ / โล่ศนู ย์การเรยี นรู้อนรุ ักษ์ ส่งเสริมและถา่ ยทอดศลิ ปะซอพ้นื เมอื ง / รางวลั เพชรราชภฏั - เพชรลา้ นนาดา้ นการขับซอพน้ื เมอื ง / ครูภมู ิปัญญาไทย รนุ่ ที่ ๘ ด้านศิลปกรรม ส�ำนกั งานเลขาธิการสภาการ ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๕๖๐
การสรา้ งงคาวนาคมวเปา็นมปเปึก็นแปผกึ ่นแขผอ่นงชาติ ๕5๐0 ขดอ้วงยชคารตูภิดูม้วิปยญั ภูมญปิ าญัไทญย ารไท่นุ ยทรี่ ุ่น๘ที่ ๘ เชจียังงหวรัดาย นางสาวศันสนีย์ อินสาร ครภู มู ิปัญญาไทย ด้านศลิ ปกรรม นางสาวศันสนีย์ อินสาร เกิดเม่ือวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔ ทบ่ี ้านสนั ติสขุ ต.กลางเวยี ง อ.เวยี งสา จ.นา่ น เปน็ บุตรคนท่ี ๒ ในจำ� นวนพ่นี ้อง ๓ คน ของ นายศรลี า อนิ สาร (เสียชวี ิต) และนางคำ� มิ่ง อนิ สาร พ่อแม่เป็นเกษตรกร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196