Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การบัญชีอุตสาหกรรม

การบัญชีอุตสาหกรรม

Published by สิริกร ถั่วสกุล, 2021-05-06 05:41:25

Description: การบัญชีอุตสาหกรรม

Search

Read the Text Version

ความรู้เบือ้ งตน้ เกยี่ วกับ กิจการอุตสาหกรรม

สาระการเรยี นรู้ 1. รปู แบบการดาเนินธุรกิจจาหน่ายสนิ คา้ 2. ลักษณะของกิจการอตุ สาหกรรม 3. ความแตกต่างระหว่างกิจการอุตสาหกรรมและกิจการ ซ้อื ขายสินค้า 4. องค์ประกอบของต้นทุนการผลิต 5. การคานวณตน้ ทนุ สนิ คา้ ที่ผลิตเสรจ็ 6. การคานวณต้นทุนขาย 7. วงจรการผลติ 8. ระบบบัญชีของกิจการอตุ สาหกรรม 9. ศพั ทบ์ ญั ชี

รปู แบบการดาเนินธุรกิจจาหนา่ ยสนิ ค้า ในการประกอบกิจการจาหนา่ ยสินคา้ มีรูปแบบ 2 รปู แบบคอื 1. กจิ การซ้ือขายสินคา้ หรอื ซื้อมาขายไป (Merchandising Business) 2. กจิ การผลติ หรอื กจิ การผลิตสินค้าเพื่อขายหรอื กจิ การอตุ สาหกรรม (Manufacturing Business)

ลกั ษณะของกิจการอตุ สาหกรรม กิจการอตุ สาหกรรม เป็นกิจการที่ทาการผลิตสนิ คา้ สาเร็จรูป เพือ่ จาหน่ายเองอาจจัดต้งั ในรปู ของ กิจการเจ้าของคนเดยี ว หา้ งหุน้ สว่ น หรือบรษิ ัท เช่น โรงงานผลติ เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า โรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานผลติ เครื่องด่ืม โรงงานผลติ ยารกั ษาโรค โรงงานผลิตเสอื้ ผา้ สาเร็จรปู กจิ การอตุ สาหกรรมจะตอ้ งจดั หาวัตถดุ ิบมาทาการผลิตสนิ คา้ โดยนาวัตถดุ บิ เข้าสู่1 กระบวนการผลิต ตามข้ันตอน เพ่อื แปรสภาพวัตถดุ ิบ จนกระท่ังสาเรจ็ เปน็ สินคา้ เรียกวา่ สินค้าสาเรจ็ รูป (Finished Goods) สว่ นสนิ คา้ บางสว่ นทผ่ี ลติ ยังไม่เสรจ็ เรียกว่างานระหว่างทา (WorkinProcess/WIP) หรอื สนิ ค้าระหวา่ งผลติ (Goods in Process)

บริษัท โอสถสภา จากัด 1 กระบวนการผลิต (Manufacturing Process) คือการแปรสภาพหรือ เปลี่ยนรูปของวัตถุดิบให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์ท่ีสามารถใช้ประโยชน์ได้ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การต้ม การกล่ัน การหมัก การสกัด การเชื่อม การอบ การประกอบ การตัดเย็บ เปน็ ตน้ กระบวนการผลติ (Manufacturing Process) คอื การแปรสภาพหรอื เปล่ยี นรูปของวัตถุดบิ ให้อยู่ ในรูปของผลติ ภัณฑท์ ่สี ามารถใช้ประโยชน์ได้ ด้วยวิธกี ารตา่ งๆ เช่น การตม้ การกล่นั การหมกั การสกัด การเชอื่ ม การอบ การประกอบ การตัดเยบ็ เป็นตน้

ความแตกตา่ งระหวา่ งกจิ การอตุ สาหกรรมและกจิ การซ้อื ขายสนิ คา้

องคป์ ระกอบของตน้ การผลิต องค์ประกอบของตน้ การผลิต (Cost of Manufacturing/ Production Cost) ประกอบด้วยต้นทุน3ประเภท คือ 01 วัตถุดบิ ทางตรง 02 ค่าแรงทางตรง 03 คา่ ใชจ้ ่ายการผลิต

วตั ถุดบิ ทางตรง (Direct Materials/DM)หมายถึงวัตถุดบิ หลกั ทใี่ ชใ้ นการผลติ สนิ ค้าหรือ ประกอบเป็นสินค้า สามารถระบุได้อยา่ งชัดเจนว่าใช้ในการผลิตสนิ ค้าชนดิ ใดใช้ในปริมาณเท่าใด เช่น - ยางดิบ เป็นวตั ถุดิบทางตรง ทใี่ ช้ในการผลติ ยางรถยนต์ - ผ้า เป็นวัตถุดิบทางตรง ทใี่ ช้ในการผลิตเสื้อผา้ สาาเร็จรปู - ขา้ วหอมมะลิ เป็นวตั ถดุ ิบทางตรง ทีใ่ ช้ในการผลิตข้าวหอมมะลสิ าาเร็จรปู กระปอ๋ ง - ปลาซาดีนส์ เปน็ วัตถดุ ิบทางตรง ทใี่ ช้ในการผลิตปลากระป๋อง - ไมแ้ ปรรูป เป็นวัตถดุ บิ ทางตรง ที่ใชใ้ นการผลิตเฟอร์นเิ จอร์ - กระดาษ เปน็ วัตถุดิบทางตรง ท่ใี ชใ้ นการผลิตสือ่ ส่งิ พิมพ์ คา่ แรงทางตรง (Direct Labor/DL) หมายถึงคา่ จา่ ยหรอื คา่ ตอบแทนที่กิจการจ่ายให้แกล่ กู จ้างหรอื คนงานที่ทา หนา้ ท่โี ดยตรงกบั การผลิตสินค้า เช่น - ค่าแรงทจ่ี ่ายให้กับคนงานทีท่ าาหน้าทต่ี ดั เย็บเสือ้ ผา้ สาาเรจ็ รูปในกจิ การผลติ เสื้อผา้ สาาเร็จรูป - ค่าแรงทจ่ี ่ายใหก้ บั คนงานท่ีทาาหน้าท่ปี ระกอบไม้แปรรูปเปน็ เฟอร์นเิ จอรใ์ นกจิ การผลติ เฟอร์นเิ จอร์ไม้ - คา่ แรงที่จ่ายให้กบั คนงานท่ีทาหนา้ ท่ีชาแหละไก่เพ่ือปรงุ เปน็ ซปุ ไก่ในกจิ การผลติ ซุปไกส่ กัด

ค่าใชจ้ ่ายการผลติ (Manufacturing Overhead/OH) หมายถึง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทเี่ กยี่ วข้องกับการผลติ สินคา้ นอกเหนือจากวัตถุดบิ ทางตรงและคา่ แรงทางตรงไดแ้ ก่ วัตถุดบิ ทางออ้ ม เชน่ กระดมุ ซปิ ด้าย กาว เคร่อื งปรงุ รส ตะปู นอต เปน็ ต้น คา่ แรงคนงานทาาความสะอาดโรงงานเงินเดอื นวิศวกร เป็นต้น และคา่ ใชจ้ ่ายอน่ื ท่ีเก่ียวกับการผลติ เชน่ วัสดโุ รงงานใช้ไปคา่ เบีย้ ประกนั อัคคภี ยั โรงงานคา่ ซอ่ มแซมเครอ่ื งจกั ร ค่าแรงทางตรงและคา่ ใช้จ่ายการผลิตถอื ว่าเปน็ ตน้ ทนุ แปลงสภาพ (Conversion Cost) คอื ตน้ ทนุ หรือ คา่ ใช้จ่ายทงั้ หมดที่เกิดขน้ึ ในกระบวนการผลติ เพอ่ื เปลีย่ นสภาพวัตถดุ ิบให้เปน็ สนิ ค้าสาาเรจ็ รปู

การคานวณตน้ ทุนสินค้าทผี่ ลติ เสร็จ ตน้ ทนุ สินค้าทีผ่ ลิตเสร็จหรอื ทีเ่ รยี กวา่ สนิ คา้ สาเร็จรปู (Cost of Goods Manufactured) หมายถึง ตน้ ทุนของสินค้าทีผ่ ลติ เสรจ็ สมบรู ณ์ในรอบระยะเวลาบญั ชหี นง่ึ ต้นทุนสนิ ค้าทผ่ี ลติ เสร็จ ประกอบด้วย วัตถุดบิ ทางตรง ค่าแรงทางตรง และคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตตา่ งๆ ทัง้ หมดทใี่ ช้ในการผลิตจนกระทั่งเปน็ สนิ ค้า สาาเร็จรูป

การคาานวณตน้ ทุนการผลติ จะทาให้ทราบตน้ ทุนท้ังหมดในการผลติ สินคา้ สาาหรับงวดบญั ชี แต่ ณ วันสิน้ งวดบัญชีอาจมี สินค้าบางสว่ นทีผ่ ลิตไม่เสรจ็ หรือที่เรียกวา่ งานระหว่างทาา (Work in Process/WIP) หรอื สินคา้ ระหว่างผลติ (Goods In Process ) ดังนน้ั หากกจิ การต้องการคานวณต้นทุนสนิ คา้ ที่ผลติ เสร็จ หรอื ต้นทุนสนิ ค้าสาเรจ็ รปู จะตอ้ งนาาตน้ ทุนของงานระหวา่ งทาหรือ สินค้าระหวา่ งผลิตมาหกั ออก ดงั น้นั การคานวณต้นทนุ สนิ ค้าท่ผี ลติ เสรจ็ จะเป็นดงั นี้ ถา้ ต้องการคาานวณต้นทนุ สินค้าทผ่ี ลิตเสรจ็ ตอ่ หนว่ ย ใหน้ าาจาานวนหนว่ ยของสินคา้ ทผ่ี ลติ เสร็จไปหารต้นทนุ สนิ คา้ ทผ่ี ลติ เสร็จดังนี้

งานระหวา่ งทาาปลายงวดจะยกไปผลิตต่อในงวดบัญชีถัดไปเรียกวา่ งานระหวา่ งทาาตน้ งวด ดังน้นั การคานวณตน้ ทุนสนิ คา้ ทีผ่ ลติ เสร็จในงวดบัญชถี ดั ไปจะเปน็ ดังน้ี



การคานวณ กิจการท่จี าหน่ายสนิ ค้า ไมว่ า่ จะเปน็ กิจการ ตน้ ทนุ ขาย ซอื้ ขายสนิ คา้ หรือกิจการผลติ ยอ่ มตอ้ งการทราบ ต้นทนุ ขาย เพื่อจะได้คานวณกาไรขาดทุนของกจิ การสาหรับ กิจการซ้ือขายสนิ คา้ จะคานวณไดจ้ ากสนิ คา้ สาเรจ็ รูป ตน้ งวดบวกซอ้ื สุทธหิ ักสินคา้ สาเร็จรปู ปลายงวด ดงั น้ี

ส่วนการคานวณต้นทุนขายของกจิ การอุตสาหกรรมที่ ใชว้ ิธบี ญั ชสี ินคา้ คงเหลอื แบบสน้ิ งวด จะตอ้ งคานวณตน้ ทุนสินคา้ ท่ี ผลติ เสรจ็ หรือต้นทนุ สนิ ค้าสาเร็จรปู กอ่ นจึงจะคานวณตน้ ทนุ ขาย ได้โดยคานวณ ได้จากสนิ คา้ สาเร็จรปู ต้นงวดบวกตน้ ทนุ สนิ คา้ ท่ี ผลติ เสรจ็ หักสนิ คา้ สาเร็จรปู ปลายงวดสาหรับกิจการ ท่ีใชว้ ิธบี ัญชี สนิ ค้าคงเหลือแบบต่อเนอ่ื งไม่ต้องคานวณหาต้นทุนขายเพราะทุก คร้งั ทมี่ ีการจาหนา่ ย สินคา้ กิจการจะบันทึกตน้ ทนุ ขายทันทีการ คานวณตน้ ทุนขายเปน็ ดงั นี้







วงจรการผลติ วงจรการผลิต (Manufacturing Cycle หรือ Production Cycle) คือขั้นตอนในการผลิตสินค้าสาเร็จรูปของกิจการอุตสาหกรรมต้ังแต่ การรับคาส่ังผลิตจนกระทั่งผลิตเสร็จเป็นสินค้าสาเร็จรูปและส่งมอบ สินค้าดงั น้ี

1.คาสัง่ ผลิตมาถงึ (Order Arrival) ในการผลติ สนิ คา้ ของกจิ การอุตสาหกรรม เม่อื ฝา่ ยผลิตไดร้ บั คาส่งั ผลิต ก็จะทาการผลิตสนิ ค้าตามคาสง่ั การผลติ จะเกิดข้นึ ใน 2 ลักษณะคือ 1.1 Pull Manufacturingคือการผลิตตามคาสัง่ ซื้อของลูกคา้ การผลติ ในลกั ษณะน้ไี ม่คอ่ ย มี ความเสีย่ งหรอื มคี วามเสยี่ งนอ้ ย เพราะผลิตเมอ่ื ลกู คา้ ตอ้ งการ 1.2 Push Manufacturing คือการผลติ ตามอุปสงค์ในอนาคต การผลิตในลักษณะน้ีมีความเสย่ี ง มากกว่าลกั ษณะแรก เพราะผลิตเพือ่ ใหม้ ีสนิ ค้าในคลงั สนิ คา้ เพียงพอ ยังมิไดม้ ีคาส่ังซอ้ื จากลกู คา้ ความเส่ียง ท่ีเกิดขน้ึ นอกจากเงนิ ทุนทีจ่ มในสนิ ค้าแลว้ สินคา้ บางอย่างอาจล้าสมัย 2. จัดทาตารางการผลติ (Production Scheduling) ในการผลิตสินค้า ฝ่ายผลิตจะมี การวางแผนการผลติ โดยการจดั ทาตารางการผลิต เพ่ือผลิตสนิ ค้าให้เสรจ็ ทนั และเปน็ ไปตามความ ตอ้ งการ 3. ทาการผลติ และจดั สง่ สนิ ค้า (Manufacturing and Shipping) ฝา่ ยผลติ ทาการผลติ สินคา้ และจดั ส่งสนิ ค้าเกบ็ เข้าคลังสนิ ค้า 4. การรับมอบสนิ คา้ (Receiving) ฝา่ ยขายเบิกสนิ ค้าจากคลงั สนิ ค้า สง่ มอบใหล้ ูกค้า

วงจรการผลิต (Manufacturing Cycle)

ระบบบัญชขี องกจิ การอุตสาหกรรม ระบบบัญชขี องกจิ การอุตสาหกรรม จะแบ่งการบนั ทึกบญั ชี ออกเปน็ 2 ระบบคอื 1. ระบบตน้ ทุนงานสงั่ ทา (Job Order Costing System) 2. ระบบต้นทนุ ผลิตชว่ ง (Process Costing System)

ระบบตน้ ทุนงานส่งั ทา (Job Order Costing System) ระบบตน้ ทุนงานส่ังทา เปน็ ระบบบัญชที ี่แยกตน้ ทุนการผลิตออกเป็นงานๆ สินค้าที่ทาการผลติ อาจไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น จานวนที่ผลิต รูปแบบ ขนาด หรือวัตถุดิบท่ีนามาใช้ในการผลิต การ บันทึกต้นทุนจะแยกบันทึกออกเป็นงานๆ จนกว่างานน้ันจะเสร็จสมบูรณ์ เอกสารท่ีใช้กับระบบต้นทุน งานสัง่ ทา ได้แก่ 1. ใบต้นทุนงานสั่งทา (Job Order Cost Sheet) เป็นเอกสารที่ทาข้ึนในแต่ละงานเพื่อรวบรวม ต้นทุนการผลติ คอื ต้นทนุ วัตถุดิบ ต้นทุนคา่ แรงงาน ตน้ ทนุ ค่าใชจ้ ่ายการผลติ 2. ใบเบิกวัตถุดิบ (Material Requisition) เป็นเอกสารท่ีใช้ในการเบิกวัตถุดิบท่ีใช้ในการผลิตแต่ละ ครงั้ เพื่อควบคมุ การเบิกวตั ถดุ ิบ 3. บัตรลงเวลาคา่ แรงงาน (Labor Time Cards) เป็นเอกสารแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการทางาน ของคนงานท่ที าหนา้ ท่ีผลิตสนิ ค้า เช่น ระยะเวลาในการทางาน อัตราค่าแรงงานของคนงาน

ระบบต้นทนุ ผลิตช่วง (Process Costing System) ระบบตน้ ทนุ ผลติ ชว่ ง เป็นระบบต้นทนุ การผลิตทช่ี ว่ งการผลติ แต่ละช่วงจะตดิ ต่อกนั ไปเรอ่ื ยๆ จากแผนกหนง่ึ จะโอนไปผลิตตอ่ อกี แผนกหนึ่ง จนกว่ากระบวนการผลิตจะเสรจ็ สิน้ เปน็ สนิ ค้าสาเรจ็ รูป โดยปกติ กิจการท่ีมีการผลิตเป็นต้นทุนช่วงน้ัน จะผลิตสินค้าที่มีลักษณะแบบเดียวกันและมี จานวนมาก การผลิตจะเป็นการผลิตต่อเน่ืองกันตลอดท้ังปี เช่น โรงงานผลิตบะหม่ีสาเร็จรูป โรงงานผลิตน้าอัดลม โรงงานผลิตยาสฟี ัน โรงงานผลติ เสอื้ ผา้ สาเร็จรปู เป็นต้น

หน่วยท่ี 2 วตั ถุดบิ และการบนั ทกึ รายการ

สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและประเภทของวัตถุดิบ 2. การรับจ่ายวตั ถุดิบ 3. การบนั ทกึ รายการเกย่ี วกับวตั ถดุ ิบวิธีบัญชีสินคา้ คงเหลือแบบสิ้นงวดและ แบบตอ่ เนือ่ ง 4. บตั รวตั ถดุ บิ

ความหมายและประเภทของวตั ถุดบิ วตั ถุดบิ (Materials) หมายถงึ สว่ นผสมหรือสว่ น ประกอบสาคญั ในการผลิตท่ีจะถกู เปลย่ี นสภาพกลาย เปน็ สินค้าสาเร็จรปู ต้นทุนวัตถุดิบท่ีใชใ้ นการผลติ สินคา้ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ 1.วตั ถดุ บิ ทางตรง (Direct Materials) 2.วตั ถุดิบทางออ้ ม (Indirect Materials)

วัตถดุ บิ ทางตรง (Direct Materials) วตั ถุดบิ หลกั ท่ใี ชใ้ นการผลิตสนิ ค้าสาเรจ็ รูป และเป็นส่วนสาคัญทค่ี ดิ เปน็ ตน้ ทุนของ หนว่ ยทผี่ ลิต เช่น ไมแ้ ปรรูป เป็น วตั ถุดิบทางตรง ในการผลิต เฟอร์นิเจอร์ ผา้ เปน็ วตั ถดุ ิบทางตรง ในการผลิต เส้ือผ้าสาเรจ็ รูป ดนิ เหนียว เปน็ วัตถุดบิ ทางตรง ในการผลติ ผลิตภณั ฑเ์ ซรามกิ ผลไม้ เป็น วัตถุดิบทางตรง ในการผลิต นา้ ผลไม้

วตั ถดุ บิ ทางอ้อม (Indirect Materials) วัตถุดิบท่ีใช้ในการผลิตสินค้าสาเร็จรูป แต่ใช้ในปริมาณไม่มาก วัตถุดิบทางอ้อมถือเป็นค่าใช้จ่ายการ ผลติ เช่น ตะปู กาว สกรู เปน็ วตั ถุดบิ ทางออ้ ม ในการผลติ เฟอร์นิเจอร์ ด้าย กระดมุ ซปิ ตะขอ เปน็ วัตถดุ ิบทางอ้อม ในการผลิต เสอื้ ผา้ สาเรจ็ รปู สี น้ามันชักเงา เปน็ วัตถดุ บิ ทางออ้ ม ในการผลิต ผลติ ภณั ฑ์เซรามิก นา้ ตาล เปน็ วตั ถุดิบทางอ้อม ในการผลติ นา้ ผลไม้ ในการพจิ ารณาวา่ รายการใดเป็นวตั ถุดิบทางตรงหรือวัตถุดิบทางอ้อมน้ัน ต้องพจิ ารณาถึง ปัจจยั สาคัญ 2 ประการคือ วตั ถุดิบทางตรงนนั้ ต้องเปน็ ส่วนประกอบทส่ี าคญั ในการผลิตสินค้าโดยตรง สามารถคานวณเขา้ เป็นต้นทุนของผลติ ภัณฑห์ รอื สินค้าได้โดยงา่ ย หากขาดปัจจัยข้อหนึ่งข้อใดย่อมถือ วา่ รายการนน้ั เป็นวัตถดุ ิบทางอ้อม

การรบั จ่ายวตั ถดุ บิ การรับจ่ายวัตถุดิบ คือ การจัดหาวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบทางตรงหรือวัตถุดิบทางอ้อม เพื่อให้มีวัตถุดิบในปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของแผนกผลิต การดาเนินการต้องทาอย่างมี ประสิทธิภาพเพอ่ื ให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบท่ีมีคุณภาพ มีต้นทุนต่า ตรงตามความต้องการของแผนกผลิตหรือแผนก อนื่ ที่ต้องการใช้และภายในกาหนดเวลาที่แผนกต่างๆ ต้องการ รวมทั้งการตรวจรับวัตถุดิบการเก็บรักษาและ การควบคุมวัตถุดิบ การส่งคืนวัตถุดิบให้กับผู้ขาย การเบิกวัตถุดิบไปใช้ในการผลิต การส่งคืนวัตถุดิบให้กับ แผนกคลังสินคา้ และการชาระหน้ีคา่ วัตถุดบิ ข้ันตอนทุกขนั้ ตอน ตอ้ งทาด้วยความระมดั ระวงั รอบคอบ เพอื่ ไมใ่ ห้เกิดการทุจรติ หรือวัตถุดิบถูก ยกั ยอก และตอ้ งมีการจัดทาเอกสาร โดยใหผ้ ทู้ เ่ี กีย่ วขอ้ งลงนามเพอ่ื เก็บไวเ้ ปน็ หลกั ฐานอ้างอิง

การรับจา่ ยวัตถุดบิ ในการจัดหาวัตถุดิบ กิจการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ จะมีแผนกจัดซ้ือ (Purchasing Department)ทาหน้าท่ใี นการจดั ซือ้ วัตถุดิบ ผู้จัดการฝ่ายจดั ซื้อมีหน้าท่ีรับผิดชอบในการจดั ซ้ือ ให้ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานและระเบียบที่กิจการกาหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองของเงื่อนไข คุณภาพ ของวัตถุดิบ และราคาของวัตถุดิบที่จะทาการจัดซื้อ เอกสารที่เก่ียวข้องกับการจัดซ้ือวัตถุดิบ ประกอบดว้ ย 1. ใบขอซื้อ (Purchase Requisition/PR) 2. ใบสั่งซอ้ื (Purchase Order/PO) 3. ใบรายงานการรับของ (Receiving Report/RR)

การขอซอ้ื เม่อื วัตถดุ บิ ในแผนกคลงั สินคา้ ใกล้หมดหรือถึงจดุ สั่งซ้ือ (จดุ สั่งซื้อคือจุดที่เตือนให้ทราบ ว่าถึงกาหนดท่ีจะสั่งซ้ือวัตถุดิบเพื่อมาแทนวัตถุดิบที่ใช้หมดไป) ผู้ทาหน้าที่ในการควบคุมดูแล วัตถุดบิ จะจดั ทาเอกสารคอื ใบขอซ้ือ (Purchase Requisition/PR) ข้ึน 3 ฉบบั โดย - ฉบับท่ี 1 สง่ ให้แผนกจัดซือ้ (ต้นฉบับ) - ฉบบั ที่ 2 สง่ ให้แผนกบัญชี (สาเนา) - ฉบบั ที่ 3 เก็บไว้เปน็ หลกั ฐาน (สาเนา)



การสัง่ ซอ้ื เม่ือแผนกจัดซ้ือได้รับใบขอซื้อจากแผนกคลังสินค้า จะนาเสนอเพื่อขออนุมัติจากผู้มี อานาจหากไม่ได้รับอนุมัติจะส่งเร่ืองคืนแผนกคลังสินค้า เพื่อทบทวน หากได้รับอนุมัติจะติดต่อกับ ผู้ขายหลายๆ รายเพอื่ ให้เสนอราคา และจัดทาเอกสารคือใบส่ังซ้ือ (Purchase Order/PO) ขึ้น 5 ฉบับ โดย - ฉบับที่ 1 ส่งใหผ้ ขู้ าย (ตน้ ฉบับ) - ฉบับที่ 2 สง่ ใหแ้ ผนกบญั ชี (สาเนา) - ฉบบั ท่ี 3 สง่ ใหแ้ ผนกรับสินค้า (สาเนา) - ฉบบั ท่ี 4 สง่ ให้แผนกคลังสินคา้ (สาเนา) - ฉบบั ท่ี 5 เกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน (สาเนา)



การตรวจรับวัตถดุ บิ เมื่อแผนกตรวจรับสินค้าได้รับวัตถุดิบ จะตรวจสอบกับใบขอซื้อท่ีได้รับจากแผนกจดั ซ้ือ ในเรื่องของคณุ ภาพ ราคา และปรมิ าณ เม่ือตรวจสอบเรยี บร้อยแล้วจะจัดทาเอกสารคือ ใบรายงาน การรบั ของ(Receiving Report/RR) ข้นึ 5 ฉบบั โดย - ฉบบั ที่ 1 สง่ ให้ผู้ขาย (สาเนา) - ฉบับท่ี 2 สง่ ใหแ้ ผนกคลงั สินค้า (สาเนา) พร้อมวัตถดุ ิบ - ฉบบั ที่ 3 ส่งใหแ้ ผนกจัดซ้อื (สาเนา) - ฉบบั ท่ี 4 ส่งให้แผนกบญั ชี (สาเนา) - ฉบบั ที่ 5 เก็บไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน (ตน้ ฉบบั )



การสง่ คนื วัตถุดบิ ให้กับผขู้ าย ในกรณีท่ีแผนกตรวจรับสินค้า ทาการตรวจรับวัตถุดิบท่ีได้รับจากผู้ขายสินค้าแล้วพบว่า วัตถุดิบมีคุณลักษณะหรือคุณภาพไม่ตรงกับที่แผนกจัดซื้อได้สั่งซ้ือไป หรือวัตถุดิบมีตาหนิ แตกหัก หรือเสยี หายแผนกตรวจรบั สนิ ค้าจะตอ้ งแจง้ ใหแ้ ผนกจัดซื้อทราบ เพอื่ จะได้ดาเนินการส่งวัตถุดิบคืน ใหผ้ ูข้ ายสินคา้ การคนื วัตถดุ บิ อาจคืนท้ังหมดหรอื คืนบางส่วน แผนกจดั ซ้ือจะจัดทาเอกสารคือ ใบหกั หน(ี้ Debit Memorandum/Dr.Memo) และใบส่งคืนวัตถดุ บิ ขึ้น 3 ฉบบั (ชดุ ) โดย - ฉบบั ที่ 1 ส่งใหแ้ ผนกบัญชี (ต้นฉบับ) - ฉบับท่ี 2 สง่ ใหแ้ ผนกตรวจรับสินคา้ (สาเนา) - ฉบบั ที่ 3 เก็บไวเ้ ปน็ หลักฐาน (สาเนา)

การเกบ็ รกั ษา และ ควบคมุ วตั ถุดบิ เม่ือแผนกคลังสินค้าได้รับวัตถุดิบจากแผนกตรวจรับสินค้า พร้อมใบ รายงานการรับของแล้วแผนกคลังสินค้าจะทาการตรวจสอบรายการวัตถุดิบที่ ได้รับมาว่าถูกต้องตรงกับในใบรายงานการรับของหรือไม่ หากไม่ถูกต้องหรือ ได้รับวัตถุดิบไม่ครบถ้วน จะได้ทาการทักท้วง หากถูกต้องแล้วจะทาการบันทึก รายละเอียดวัตถุดิบที่รับเข้ามาลงในบัตรวัตถุดิบ และดาเนินการจัดเก็บและ จัดเรยี งให้เป็นหมวดหม่ใู ห้อยูใ่ นสภาพพร้อมใช้หรอื พรอ้ มสง่ ให้แผนกผลติ ต่อไป



การเบกิ วัตถุดิบ เม่ือแผนกผลิต หรือแผนกงานใดๆ แจ้งความต้องการใช้วัตถุดิบมายัง แผนกคลังสินค้า แผนกคลังสินค้าจะจัดเตรียมวัตถุดิบตามท่ีขอเบิกพร้อมกับจัดทา เอกสารคอื ใบเบกิ วัตถดุ ิบ ขน้ึ 3 ฉบับ โดย - ฉบบั ที่ 1 ส่งใหแ้ ผนกบญั ชี (ตน้ ฉบบั ) - ฉบบั ท่ี 2 ส่งให้แผนกผลติ (สาเนา) พรอ้ มวตั ถุดบิ - ฉบบั ที่ 3 เก็บไวเ้ ป็นหลักฐาน (สาเนา)

การสง่ คนื วตั ถดุ บิ ให้กบั แผนกคลังสนิ คา้ เมื่อแผนกผลิตหรือแผนกอื่นๆ ได้รับวัตถุดิบท่ีขอเบิกจากแผนกคลังสินค้าแล้ว จะทาการ ตรวจสอบหากพบว่าวัตถุดิบท่ีได้รับมาไม่ตรงกับท่ีขอเบิกไป หรืออาจเบิกวัตถุดิบมามากเกินไป จะต้อง ดาเนินการสง่ คืนวัตถุดบิ ใหก้ บั แผนกคลงั สนิ คา้ โดยจัดทาเอกสารคอื ใบนาสง่ คืนวัตถดุ ิบ จานวน 3 ฉบับ พร้อมกบั วัตถดุ ิบ โดย - ฉบบั ท่ี 1 ส่งใหแ้ ผนกบญั ชี (ต้นฉบบั ) - ฉบบั ท่ี 2 สง่ ให้แผนกคลงั สินค้า (สาเนา) พรอ้ มวัตถดุ บิ - ฉบับท่ี 3 เกบ็ ไวเ้ ปน็ หลักฐาน (สาเนา)

การจ่ายชาระหนค้ี ่าวัตถุดิบ ในกรณีที่กิจการซ้ือวัตถุดิบเป็นเงินเชื่อ แผนกบัญชีและการเงินจะต้องพิจารณาเงื่อนไขหรือ ข้อตกลงในการซ้ือวัตถุดิบ เช่น กาหนเวลาชาระหนี้ ส่วนลดรับ (ถา้ มี) ทั้งน้เี พ่ือประโยชน์สูงสุดของกิจการ โดยปกตผิ ขู้ ายจะสง่ ใบขอเรียกเก็บเงิน (ใบ วางบิล) มาให้กิจการ เมื่อแผนกบัญชีและการเงิน ไดร้ ับแล้ว จะต้องตรวจสอบเอกสารท่ีเกย่ี วขอ้ งทั้งหมด เช่น ใบส่ังซ้ือ ใบรายงานการรับของใบกากับสินค้า หรอื ใบกากับภาษี เป็นต้น และพึงระมัดระวังในกรณีท่ี กิจการส่งคืนวัตถุดิบหรือขส่วนลดกรณีวัตถุดิบชารุด หรอื ไม่ตรงตามท่ีส่งั ซ้ือ

การบันทึกรายการเกย่ี วกับวตั ถดุ ิบวิธบี ญั ชสี นิ คา้ คงเหลือแบบสนิ้ งวดและแบบตอ่ เน่อื ง การบันทึกรายการเกย่ี วกบั วัตถดุ บิ คงเหลอื เหมือนกับการบนั ทกึ รายการเกีย่ วกบั สินค้าคงเหลอื ของกิจการซ้อื ขายสนิ ค้า ซ่ึงมี 2 วิธี คือ 1. วิธบี ัญชีสนิ คา้ คงเหลอื แบบสน้ิ งวด (Periodic Inventory Method) 2. วิธบี ัญชสี นิ ค้าคงเหลอื แบบตอ่ เนอ่ื ง (Perpetual Inventory Method)

การบนั ทึกรายการเกย่ี วกบั วิธีน้ีกิจการจะบันทึกรายการเก่ียวกับวัตถุดิบ ใน วตั ถุดิบวิธบี ัญชสี ินค้า บัญชีท่ีเก่ียวข้อง เช่น ซ้ือวัตถุดิบ ค่าขนส่งเข้าส่งคืนวัตถุดิบ คงเหลือแบบสน้ิ งวด ส่วนลดรับ การบันทึกรายการเก่ียวกับวัตถุดิบแยกออกจาก กัน ทาใหก้ จิ การไมท่ ราบยอดคงเหลือของวัตถุดิบ ดังน้ันเม่ือ ถึงวันส้ินงวดบัญชีกิจการจะต้องตรวจนับวัตถุดิบคงเหลือ และคานวณต้นทุนวัตถุดิบคงเหลือ ตามวิธีที่กิจการเลือกใช้ ตามมาตรฐานการบัญชี ข้อดีของวิธีนีคือประหยัดเวลาใน การบันทึกบัญชี ข้อเสียคือกิจการจะไม่ทราบยอดคงเหลือ ของวัตถุดิบ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งการบันทึกรายการแบ่ง ออกเป็น 2 กรณีคือกรณีกิจการไม่จดทะเบียนเข้าสู่ระบ ภาษีมูลค่าเพ่ิมและกรณีกิจการจดทะเบียนเข้าสู่ระบบ ภาษีมลู คา่ เพิ่ม

การบนั ทึกรายการเก่ยี วกบั วตั ถดุ บิ วธิ บี ญั ชีสนิ คา้ คงเหลอื แบบส้นิ งวด

การบนั ทึกรายการเก่ยี วกบั วตั ถดุ บิ วธิ บี ญั ชีสนิ คา้ คงเหลอื แบบส้นิ งวด




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook