Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

Published by Rattanagorn Putiaek, 2021-09-14 05:14:01

Description: จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

Search

Read the Text Version

จวติ ัดรเทกวสรงั รฆามราม ผู้เขียน : นพิ ัทธ์พร เพ็งแกว้ | บรรณาธิการ : ผศ.ฟ้อน เปรมพนั ธุ์



ÁËÒ ÔÇ·จิตวดั รเทกวรสงัรฆมาราม UNIVERSITY ¨¹ºÃØ Õ ÂÒÅÂÑ ÃÒªÀ¯Ñ ¡ÒÞ KANCHANA BURI RA JABHAT ผูเ้ ขยี น : นิพัทธ์พร เพง็ แกว้ ภาพ : สายัณห์ ช่ืนอุดมสวสั ด์ิ บรรณาธกิ าร : ผศ.ฟ้อน เปรมพนั ธุ์





มุขกถา พระอโุ บสถหลงั เดมิ ของวดั เทวสงั ฆารามมคี วามสำ� คญั ในฐานะ “เปน็ สถานทเี่ กดิ ทางธรรม” กล่าวคือเป็นสถานท่ีบรรพชาอุปสมบทในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช องคท์ ี่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสนิ ทร์ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือคราวเสด็จประพาสไทรโยค คราวท่ี ๓ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๔๓๑ ไดเ้ สดจ็ ทอดพระเนตรวดั อกี ครงั้ หนง่ึ และทรงบรจิ าคพระราชทรพั ย์ สมทบในการรื้อและสร้างอุโบสถใหม่ในพื้นท่ีเดิมจ�ำนวน ๑๐ ช่ัง และน่าจะพระราชทานส่ง ช่างหลวงมาเขียนภาพจติ รกรรมทฝี่ าผนงั อุโบสถน้ใี นครงั้ น้ันดว้ ย สำ� นกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี เขา้ มาทำ� งานศกึ ษาและบนั ทกึ เรอ่ื งราวทางศลิ ปวฒั นธรรมของวดั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง และครง้ั หนง่ึ ไดป้ รารภเรอ่ื งสนใจทจ่ี ะศกึ ษา เรอื่ งราวของจติ รกรรมฝาผนงั ในพระอโุ บสถหลงั เดมิ เพอื่ ทำ� เปน็ ฐานขอ้ มลู ของวดั และวดั กจ็ ะ มีหนังสือเรื่องนี้ที่ได้มาตรฐานไว้มอบเป็นของที่ระลึกส�ำหรับบรรณาการแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยียน วดั หรอื จำ� หนา่ ยแกผ่ ทู้ ส่ี นใจอยากจะศกึ ษา ซงึ่ กจ็ ะเกดิ ประโยชนท์ งั้ แกว่ ดั และประชาชนทวั่ ไป อาตมภาพรู้สึกชื่นชมและขออนุโมทนาในความตั้งใจดีของส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี ทท่ี ำ� งานนอ้ี ยา่ งตงั้ ใจและประณตี ยงิ่ ความรทู้ เี่ กดิ ขน้ึ จากการ ศึกษารวบรวมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวัดและพระพุทธศาสนา สืบทอดแนวคิดการธ�ำรงรักษา พระพุทธศาสนาผ่านงานศลิ ปกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีมมี าแต่โบราณ ในนามของวัดเทวสังฆาราม ขอขอบใจผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยฟ์ ้อน เปรมพันธุ์ บรรณาธกิ าร คณุ นพิ ทั ธพ์ ร เพ็งแก้ว และคุณสายณั ห์ ชนื่ อุดมสวัสดิ์ ช่างภาพ ตลอดทั้งคนอ่ืน ๆ ท่มี สี ่วน เก่ียวข้องแก่การอันเป็นมงคลนี้ ขอบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดช่วยอ�ำนวยพรให้ท่าน ทง้ั หลายมกี ำ� ลงั กาย ก�ำลังปัญญาแก่กลา้ ทจ่ี ะท�ำงาน พบพาแตม่ งคลธรรมตลอดไป พระกติ ติสวุ ัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวดั เทวสังฆาราม จังหวดั กาญจนบุรี ๒๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๔





ค�ำนิยม ขอแสดงความชนื่ ชมกบั การนำ� เรอื่ งราวทางประวตั ศิ าสตรด์ า้ นการศาสนาทที่ รงคณุ คา่ ของ ชาวกาญจนบุรี มาถ่ายทอดผ่านทางข้อความและรูปภาพอันหาได้ยากของคุณนิพัทธ์พร เพง็ แกว้ ผเู้ ขยี นหนงั สอื จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม ขอบคณุ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยฟ์ อ้ น เปรมพนั ธ์ุ บรรณาธกิ ารและสำ� นกั ศลิ ปะและวฒั นธรรมของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี ทเ่ี หน็ คณุ คา่ ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมการท�ำนุบ�ำรุงศิลปวัฒนธรรมที่มีความส�ำคัญยิ่งแห่งหน่ึงของ ชาวไทย วัดเทวสังฆาราม หรือวัดเหนือ เป็นแหล่งสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่มีประวัติมาอย่าง ยาวนานต้ังแต่สมัยรัชกาลท่ี ๑ ผ่านการเย่ียมเยือนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลาย พระองค์ และทีส่ �ำคญั ย่งิ ตอ่ ชาวกาญจนบุรี เมอ่ื วัดเหนือเป็นที่บรรพชาอุปสมบทของสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก พระองค์ ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจและเป็นท่ียึดเหน่ียวจิตใจแก่ประชาชน ชาวกาญจนบุรตี ลอดมา ถึงแม้วา่ ในปัจจุบนั นี้ วดั เทวสงั ฆารามจะได้รับการบูรณะให้มีความ สวยงาม ทันสมัย ใหเ้ หมาะสมกบั สมยั นยิ มมากข้ึน แต่ก็ยังคงความขลงั และเป็นทร่ี ัก ศรทั ธา ไม่เพียงแต่ชาวกาญจนบุรีเท่านั้น ประชาชน นักท่องเที่ยวท่ีมีโอกาสเข้ามาเยี่ยมเยียนเมือง กาญจน์ก็ไม่พลาดโอกาสท่ีจะแวะมาเยี่ยมชมวัดเทวสังฆาราม และมาเรียนรู้เร่ืองราวและ ประวัตศิ าสตร์ด้านการศาสนาทีส่ ำ� คญั แห่งนีอ้ ย่างตอ่ เน่อื งตลอดมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การถ่ายทอดเรื่องราวของจิตรกรรมฝาผนังวัดเทวสังฆาราม หรือ วัดเหนือ ผ่านตัวอักษรและรปู ภาพของหนังสอื เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผสู้ นใจและเป็นการ สบื ทอดเรอื่ งราวของวดั เทวสงั ฆารามผา่ นสคู่ นรนุ่ อนชุ นรนุ่ ตอ่ ไป ขอบคณุ ผเู้ ขยี น บรรณาธกิ าร สำ� นกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั กาญจนบรุ ี และผเู้ กย่ี วข้องในการสร้างสรรค์ หนังสอื ท่ีทรงคุณค่าเล่มน้อี กี ครั้งด้วยความชื่นชมจากใจจรงิ ณรงคเ์ ดช รัตนานนทเ์ สถยี ร อธกิ ารบดมี หาวิทยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี

บทบรรณาธิการ วดั เทวสังฆาราม หรือท่ีชาวบ้านเรยี ก “วัดเหนือ” เป็นวัดส�ำคัญประจ�ำเมอื งกาญจนบุรีใหม่ คู่กับวัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) ทั้งสองวัดจึงเป็นหลักของเมืองมาแต่ต้นกรุง รตั นโกสนิ ทร์ ผมเคยเขยี นบทความเรอ่ื ง “วดั เทวสงั ฆาราม ตกั ศลิ าแหง่ กาญจนบรุ ”ี ในหนงั สอื ทร่ี ะลกึ งานกฐินพระราชทาน วัดเทวสังฆาราม ของมลู นธิ ิ บีเจซี บิ๊กซี ด้วยมุมมองทวี่ า่ วดั เหนือเป็นแหล่งทรี่ วบรวมและรักษาศิลปกรรม สถาปตั ยกรรม จิตรกรรม รวมท้ังวรรณกรรม ทอ้ งถน่ิ ในรูปของเอกสารโบราณ ทง้ั สมดุ ขอ่ ยและคมั ภีร์ใบลานไว้ไดม้ ากทีส่ ุดในกาญจนบรุ ี ท่ีผ่านมา ผมและครูสมปอง ดวงไสว ครธู ีรภาพ โลหติ กลุ และคณะ พยายามทจ่ี ะช่วยกนั รวบรวมเร่ืองราวของวัดเทวสังฆาราม และเผยแพร่ในนามของส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบรุ มี าอย่างตอ่ เน่ือง มีงานท่สี �ำคัญ ๒ เล่ม คอื หนงั สอื “รอยทาง เจริญธรรม” พมิ พ์ในโอกาส ๑๐๑ ปี ชาตกาลสมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกล มหาสังฆปรณิ ายก (เจริญ สวุ ฑฺฒโน) เมื่อปี ๒๕๕๗ และหนังสือ “นพมณกี าญจน์” ในรอย พระบาทยาตรากาญจนบุรี ทำ� ในวาระพเิ ศษเมอื่ ปี ๒๕๖๐ วัดเทวสังฆารามเป็นวัดเดียวในจังหวัดกาญจนบุรีท่ีมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและ สมบูรณท์ ี่สดุ ในเวลาน้ี ดงั นน้ั จึงเป็นความต้งั ใจของส�ำนกั ศิลปะและวัฒนธรรมวา่ อยากจะ ศึกษาเชิงลึกและเผยแพร่เร่ืองราวของ “ภาพจิตรกรรมฝาผนัง” ในพระอุโบสถหลังเก่า วัดเทวสงั ฆารามไวเ้ ป็นการเฉพาะอีกสกั ชุดหน่ึง เพ่ือใชเ้ ป็นฐานขอ้ มลู ทีส่ �ำคัญของวัดและคน จงั หวดั กาญจนบรุ ี และจะเปน็ ประโยชนส์ ำ� หรบั ผทู้ สี่ นใจเขา้ มาศกึ ษาเรอื่ งจติ รกรรมฝาผนงั ใน อนาคต โชคดที ีไ่ ดม้ โี อกาสคุยกันถงึ เรื่องนกี้ ับคณุ นพิ ัทธพ์ ร เพง็ แกว้ หรือคุณเอียด นกั เขียนสารคดี นามอุโฆษชาวเพชรบุรี และชักชวนให้มาชมภาพจิตรกรรมที่วัดเหนือ คุณเอียดได้ไปชม

จิตรกรรมฝาผนังท่ีสุพรรณบุรีมาก่อน เม่ือจะมาชมจิตรกรรมที่วัดเหนือ จึงเล่าให้ฟังว่า จติ รกรรมวดั เหนอื นา่ จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลบางอยา่ งเชอื่ มโยงกบั จติ รกรรมบางวดั ทส่ี พุ รรณบรุ ี เมอ่ื ผมชวนคณุ เอยี ดใหช้ ว่ ยมาเขยี นเรอื่ ง “จติ รกรรมวดั เหนอื ” เธอกร็ บั ปากจะมาทำ� งานชน้ิ นด้ี ว้ ย ความเต็มใจ พร้อมท้ังแนะน�ำคุณสายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ ช่างถ่ายภาพมืออาชีพให้มาเป็นผู้ ถา่ ยภาพจิตรกรรมท้ังหมดใหด้ ้วย ในระหว่างที่คุณเอียดเขียนเร่ืองราวภาพจิตรกรรมวัดเหนือ เธอได้ทุ่มเททั้งก�ำลังกาย ก�ำลังใจท้ังหมดศึกษาค้นคว้าข้อมูลอย่างเอาจริงเอาจัง จนเป็นงานเขียนสารคดีท่ีน่าอ่าน ทรงคุณค่า น่าภาคภูมิใจของส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี อกี เล่มหนงึ่ ขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณพระกิตติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม ที่มีวิสัยทัศน์และเมตตารับเป็นธุระในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ขอขอบคุณคุณนิพัทธ์พร เพง็ แกว้ นักเขียน คณุ สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ ช่างภาพ อาจารย์แสนประเสริฐ ปานเนยี ม แห่ง มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบุรี คณุ ภานวุ ัฒน์ ศลิ แดนจนั ทร์ และคณุ กติ ติพ์ พิ ฒั น์ ไชยพนั ธ์ุ ทีม่ ี ส่วนช่วยเหลือสนบั สนุนใหง้ านนีส้ ำ� เรจ็ ดงั ประสงค์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ฟอ้ น เปรมพันธุ์ ผ้อู �ำนวยการสำ� นกั ศิลปะและวฒั นธรรม

สารบญั ๐๑๔ ๑ ๐๒๖ ๑๑๖ วดั เทวสังฆาราม ๑๖๔ ๒(วดั เหนอื ) 12 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม ๓จติ รกรรมวัดเหนอื ภาพชีวิต ๔ในจิตรกรรมวดั เหนือ โลกทศั น์ของคนไทย ในจติ รกรรมวัดเหนอื

13จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

14 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม

15จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

16 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม

๑ วัดเทวสงั ฆาราม (วัดเหนือ) 17จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม |

วดั เทวสงั ฆารามเปน็ พระอารามหลวงชัน้ ตรี ตงั้ อยู่ ณ เลขท่ี ๑ ถ.เจา้ ขุนเณร ต.ปากแพรก อ.เมอื งกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี มเี น้ือท่ี ๕๖ ไร่ ๒๗ ตารางวา สังกัดคณะสงฆ์มหานกิ าย ไดร้ บั พระราชทานวสิ ุงคามสีมา เม่ือวนั ท่ี ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ เขตวสิ งุ คามสมี ากวา้ ง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร วัดเทวสงั ฆารามมอี าณาเขตดงั น้ี เสี่ยงยังเป็นสามเณรเด็กน้อยอยู่ท่ีเมือง ทิศเหนือ จรดวัดถาวรวราราม กาญจนบุรี ก็ได้ถูกทหารพม่ากวาดต้อนไป ทิศใต้ จรด ถ.ปากแพรก เมืองพม่าพร้อมมารดา จนได้อุปสมบทเป็น ทศิ ตะวันออก จรดโรงเรียนเทพมงคลรังษี พระภิกษใุ นเมอื งพมา่ และมคี วามปรารถนา โดยมี ถ.เจา้ ขนุ เณรผา่ นกลาง ตั้งใจกลับมาบ้านเกิด มารดาของท่านจึงได้ ทศิ ตะวนั ตก จรดล�ำน�ำ้ ศรสี วสั ด์ิ (ปจั จบุ นั บอกสถานท่ีฝังทรัพย์สมบัติในบ้านเก่า เรยี กแควใหญ่) กลางเมืองกาญจนบุรี ให้ท่านมาขุดทรัพย์ ประวัติวัดเทวสังฆาราม ไปใช้บ�ำรุงพระพทุ ธศาสนา วัดเทวสังฆารามน้ี ชาวบา้ นทั่วไปเรียกกัน ตดิ ปากวา่ “วดั เหนือ” กอ่ สรา้ งต้งั แต่ตน้ กรงุ เล่ากันอีกว่า พระภิกษุเสี่ยงได้ปลอมเป็น รัตนโกสินทร์ กลางแผ่นดินพระบาทสมเด็จ พระมอญจาริกกลับมายังบ้านเก่าในเมือง พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก รชั กาลที่ ๑ เมอ่ื ปี กาญจนบุรีพรอ้ มพรรคพวกอกี ๕-๖ คน เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ โดยพระภิกษุสมภารท่านแรก ท่านเข้ามาถึงแผ่นดินกาญจนบุรี บ้านเมือง คอื สมภารเส่ยี ง เปลยี่ นแปลงไปมาก เพราะทางราชการสยาม ชาวบา้ นเมอื งกาญจนบรุ ไี ดบ้ อกเลา่ ประวตั ิ ไดย้ า้ ยเมอื งกาญจนบรุ มี าตงั้ ใหมท่ ่ี ต.ปากแพรก ของสมภารเสี่ยงกับการสร้างวัดเหนือสืบต่อ เมอื งใหม่ เพอ่ื สะดวกในการคา้ ขาย เนอ่ื งดว้ ย กนั มาวา่ ในชว่ งสงครามเสยี กรงุ ครง้ั ท่ี ๒ เมอื่ สัญจรเส้นทางน้�ำได้สะดวกกว่าเมืองเก่า พม่าตีกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ทหาร แห่งเดมิ พมา่ ไดท้ ำ� ลายบา้ นเมอื งกาญจนบรุ แี หลกยบั หมดสนิ้ แลว้ ทหารพมา่ ไดก้ วาดตอ้ นชาวบา้ น เมอื่ ตัวเมืองย้ายมาตง้ั ขนึ้ ใหม่ ผูค้ นในเขต เมืองกาญจน์ ปลน้ ชงิ รวบรวมทรพั ย์สมบตั ิ เมอื งเกา่ กน็ อ้ ยลง สว่ นคนในเมอื งใหมไ่ ดเ้ พม่ิ ของคนไทยกลบั ไปพมา่ ขณะนน้ั ทา่ นสมภาร จำ� นวนมากขน้ึ ทา่ นภิกษเุ สี่ยงเห็นบ้านเมือง เปล่ียนแปลงไปเช่นน้ัน จึงมีด�ำริว่าหากจะ สร้างวัด หากก่อต้ังในเขตเมืองเก่า ผู้คน เบาบาง วัดคงจะร้างราทรุดโทรมไปได้ง่าย ดงั นนั้ ควรจะกอ่ ตงั้ วดั ในเขตใจกลางเมอื งใหม่ 18 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

หมู่พระเจดีย์ตงั้ อยูด่ ้านหนา้ มณฑป และด้านขา้ งอุโบสถหลังเก่า ท่เี จาะพบกรุพระทา่ กระดานใหญ่ และพระอ่ืน ๆ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๐๐ 19จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

จึงจะม่ันคงกว่า ท่านภิกษุเส่ียงจึงตัดสินใจเลือกสถานที่ใกล้กับเมืองกาญจนบุรีใหม่ ก่อตั้ง สำ� นกั สงฆ์ข้นึ มา ครั้นเรม่ิ ม่นั คงข้ึนก็ได้สร้างอุโบสถ กอ่ เปน็ “วัดเหนอื ” อยา่ งถาวร โดยมีทา่ น สมภารเส่ียงเป็นเจ้าอาวาสวัดเหนือท่านแรกมาต้ังแต่กลางแผ่นดินรัชกาลที่ ๑ ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๔๘ ในปี พ.ศ. ๒๓๗๔ สมัยรัชกาลท่ี ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างก�ำแพงเมืองกาญจนบุรีก่ออิฐถือปูน พระองค์ทรงสร้างวัดไว้ ๕ วัด สนั นิษฐานวา่ วดั เหนือเป็นวดั หนึง่ ทท่ี รงโปรดให้สร้างขนึ้ พร้อม ๆ กบั วดั ใต้ ปี พ.ศ. ๒๔๒๐ สมัยรชั กาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวเสดจ็ ประพาส ไทรโยคทางชลมารค ทรงแวะทอดพระเนตรวัดเหนือ ทรงเห็นวา่ พระอุโบสถชำ� รดุ มาก จงึ มี พระราชด�ำรัสให้พระยากาญจนบุรีเอาเงินส่วยมาซ่อมแซมพระอุโบสถ ปรากฏในพระราช นพิ นธเ์ สดจ็ ประพาสไทรโยค ดงั นี้ 20 | จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

ปูนปั้นรูปคนนงุ่ กางเกงขายาว สวมเสือ้ นอกคอปิด และมณฑป ของวดั เทวสงั ฆาราม “วนั เสาร์ข้ึนแปดคำ่� เดือนย่ี บ่ายห้าโมงเกือบคร่งึ ลงเรือสีแ่ จวไปเท่ยี วขึ้นทที่ า่ วดั เหนอื ขีม่ ้า เจา้ พระยามโนมยั ไปตามทางทเ่ี รยี กวา่ ตลาด หนทางกวา้ งสกั สบิ ศอก ถงึ รว้ั ทงั้ สองขา้ ง แตไ่ มม่ ี ตลาดเหมือนเมืองอ่ืน ทั้งสองข้างทางบ้านกั้นด้วยไม้รวกสูงๆ ขายของอยู่ในเรือน มีเจ๊ก มีญวนบ่อยๆ ส่งิ ทขี่ ายนัน้ เหน็ มยี าสูบแลเป็นอยา่ งมากกว่าสิ่งอ่ืน ของเคร่ืองถว้ ยชาม หนังมี บา้ งเลก็ นอ้ ย ของสดพรกิ นกเปน็ พนื้ มศี าลเจา้ กอ่ ขนึ้ ใหมแ่ หง่ หนงึ่ กบั รา้ นขายเครอื่ งยาของจนี ทำ� ใหม่ท่ีเดยี วรา้ นหนึ่ง ไมเ่ ห็นสนุกสง่ิ ไร “ไปสัก ๘-๙ เส้นถงึ เมอื งเขา้ ประตูตรงศาลากลาง เห็นบ้านเจ้าเมอื งและศาลากลางตกึ ดนิ หลงั กำ� แพงเมอื งชำ� รดุ มาก ออ้ มออกไป ประตทู จี่ ะไปวดั ใตแ้ ตไ่ มเ่ ลยี้ วลงไปทางวดั ใต้ ดว้ ยเคย ไปคราวก่อนทีหน่ึงแล้ว ครั้งนี้พระยากาญจนบุรีบอกว่าช�ำรุดรื้อลงท�ำใหม่ จึงอ้อมกลับมา ทางเกา่ ทางตงั้ แตข่ นึ้ ไปจากตนี ทา่ จนถงึ สดุ ทางกลบั ประมาณ ๑๒-๑๓ เสน้ เทา่ นนั้ เดนิ ผา่ นมา ทางหน้าป้อมกลางเมือง เห็นเนินสูงกว่าพื้นดินราบมาก แลดูลึกลงไป อนึ่งเม่ือขึ้นมานั้น พบพระกรงุ เทพฯ พวกนตี้ ามมานงั่ คอยอยทู่ ศ่ี าลาและพดู ดว้ ยหนอ่ ยหนง่ึ ครน้ั กลบั มาคราวน้ี แวะเข้าไปดวู ดั ๆนี้ สมภารเธอรกั ษาดีจริงๆ เตยี นตลอดรอบบริเวณ มตี ้นไม้เลก็ นอ้ ยเหมอื น กบั สวนฝร่ัง ข่ีมา้ ไปโดยรอบโบสถ์ เห็นโบสถช์ �ำรุดมาก ได้สงั่ ใหพ้ ระยากาญจนบรุ เี อาสว่ ยใน เมืองกาญจนบุรีซ่อมแซม ที่หน้าโบสถ์น้ันมีเก๋งยาวมีแต่ประตูไม่มีหน้าต่าง ว่าเป็นยายโก๋ท�ำ ในเมอื งกาญจนบุรเี จา้ แผน่ ดนิ ในกรุงรัตนโกสินทรไ์ ดเ้ สดจ็ มาทกุ พระองค.์ ..” พ.ศ. ๒๔๓๑ ปชี วด พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๕ เสดจ็ ประพาส ไทรโยคทางชลมารค พระองค์เสด็จมายังวัดเหนือซึ่งก�ำลังร้ือพระอุโบสถ พระยากาญจนบุรี 21จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

กราบบังคมทูลรายงานว่า ขณะนี้ก�ำลังรื้อ อนั มาก จนถึงพวกบา้ นหนองขาวก็พากันมา อโุ บสถเพอื่ สรา้ งใหมใ่ นทเ่ี ดมิ พระองคไ์ ดท้ รง พวกราษฎรหนองขาวนนั้ อยขู่ า้ งจะเกง่ ในการ บรจิ าคพระราชทรัพยเ์ ปน็ เงิน ๑๐ ชั่ง ชว่ ยใน พูดจากล้าหาญ เคยเฝ้ามาแต่รัชกาลที่ ๔ การก่อสรา้ ง ท้ังไดโ้ ปรดเกล้าฯ พระราชทาน กราบทูลให้ถอดพระยากาญจนบุรีคร้ังน้ัน กปั ปยิ ภณั ฑ์ (สงิ่ ของเครอื่ งใชท้ สี่ มควรแกพ่ ระ เสียคนหน่ึง ในแผ่นดินปัจจุบันน้ี ก็ได้ถอด ภิกษุสามเณร บริโภคใช้สอยได้ ไม่ผิดพระ เจา้ เมอื งเสยี คนหนึ่งเหมอื นกัน” วินัย) แก่พระภิกษุผู้ท�ำการองค์ละ ๒ บาท พระอุโบสถท่ีสร้างใหม่นี้ได้สร้างตรงท่ีเก่า พ.ศ. ๒๕๐๕ ในวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ส�ำเรจ็ เรยี บร้อยและฉลองในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ “วดั เทวสงั ฆาราม” ไดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล พ.ศ. ๒๔๕๒ ปีระกา พระบาทสมเด็จพระ อดลุ ยเดช รชั กาลที่ ๙ ยกขน้ึ เป็นพระอาราม จลุ จอมเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จทาง หลวงช้ันตรี ชนิดสามัญ ชลมารค ประพาสกาญจนบุรีและแวะท่ีวัด เทวสังฆารามอีกคร้ัง เป็นครั้งสุดท้าย โดย พ.ศ. ๒๕๐๖ ในวนั ที่ ๒๖ ตลุ าคม พระบาท ปรากฏในพระราชหตั ถเลขาพระบาทสมเดจ็ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาล พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส ท่ี ๙ ได้เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงทอด มณฑลราชบรุ ี ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒) ความ พระกฐินต้น และพระองค์ได้พระราชทาน วา่ นามพระประธานในพระอโุ บสถวา่ “พระพทุ ธ สุทธิมงคล” ซึ่งได้ทรงพระสุหร่ายศิลาจารึก “วนั ที่ ๗ วนั นไ้ี ดข้ น้ึ ไปดเู มอื ง ขน้ึ ตรงประตู พระนามพระราชทานนีด้ ้วย เหนือ แล้วเล้ียวมาหน้าเมืองดูป้อมก�ำแพง ช�ำรุดมากกว่าราชบุรี ไปจนถึงวัดท้ายเมือง แวะท่ีวัดเรียกว่าชุมพลชะนะสงคราม แล้ว กลับเข้าประตูข้างใต้ ซ่ึงแบ่งเขตเป็นฝ่าย ทหาร ดูท่ีว่าการแลโรงทหารแล้วไปแวะที่ หลักเมืองซึ่งมิศิลาจารึก ก�ำหนดเม่ือ สมเดจ็ เจา้ พระยาองค์ใหญข่ น้ึ มาสร้าง ดศู าล แลศาลากลาง ผ่านออกทางประตูเหนือไป ตามตลาดเหนอื เมือง จนถึงวัดเหนือเรยี กวา่ วดั เทวะสงั ฆาราม วดั แรกเปน็ พระครเู จา้ คณะ เมือง วัดหลังนี้เป็นพระครูเจ้าคณะรอง คล่องแคลว่ ทั้ง ๒ คน สวดมนตแ์ ข็ง สมทบ กันมาสวดท่ีแพตรงเรือข้ามทุกคืน สวด เหมือนพระบางกอกในวัดท่ไี มข่ เ้ี กียจด้วย “แต่วัดหลังเห็นจะมีสัปปุรุษติดมาก บริบูรณ์กว่าวัดแรก ราษฎรมาคอยหาเป็น 22 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

พ.ศ. ๒๕๖๓ ในวนั พุธท่ี ๑๒ สิงหาคม พระเดชพระคณุ ท่านเจ้าคณุ พระกติ ติสวุ ัฒนาภรณ์ ดร. เจา้ อาวาสวดั เทวสงั ฆาราม เปน็ ประธานประกอบพธิ เี จรญิ พระพทุ ธมนตน์ วคั คหายสุ มธมั ม์ เฉลมิ พระเกยี รติ และถวายพระพรชยั มงคลคาถา สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ๑๒ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ณ พระอุโบสถวดั เทวสงั ฆาราม พระอารามหลวง จ.กาญจนบุรี วัดเทวสงั ฆารามกบั สมเดจ็ พระสงั ฆราช พระอุโบสถหลังเก่าของวัดเทวสังฆารามเป็นสถานที่ซ่ึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก (๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ถงึ ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖) ทรงบรรพชาเปน็ สามเณร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก พระองค์ที่ ๑๙ แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ มีพระนามเดิม  “เจริญ คชวัตร” ทรงบรรพชาเปน็ สามเณรในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ขณะมีพระชนั ษาได้ ๑๔ ปี โดยมพี ระเทพมงคลรงั ษี (ดี พุทฺธโชต)ิ เจา้ อาวาสวดั เทวสงั ฆาราม เป็นพระอปุ ัชฌาย์ และพระครนู ิวฐิ สมาจาร (เหรยี ญ สุวณณฺ โชติ) เจ้าอาวาสวดั ศรอี ปุ ลาราม เป็นพระอาจารย์ให้สรณะและศีล และได้รับประทานนามฉายาจากสมเด็จพระสังฆราชว่า “สวุ ฑฒฺ โน” ซง่ึ มคี วามหมายวา่ “ผเู้ จริญดี” การบรรพชาเป็นสามเณรคร้ังนี้ของพระองค์ท่านก็เพื่อแก้บนที่หายจากอาการป่วยหนัก ในวัยเด็ก จากน้ันในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ พระองค์ท่านทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุท่ีพระอุโบสถ วดั เทวสงั ฆาราม  ภายหลงั จงึ เดนิ ทางเขา้ มาจำ� พรรษา ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร กรงุ เทพมหานคร เพ่ือทรงศึกษาพระธรรมวินัย และที่วัดบวรนิเวศวิหารนี่เอง พระองค์ท่านได้ทรงเข้าพิธี อปุ สมบทซ�้ำในธรรมยตุ กิ นกิ ายเม่อื วนั ที่ ๑๕ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ (นบั แบบปัจจบุ ันตรง กบั พ.ศ. ๒๔๗๗) โดยมสี มเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ทรงเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ พระเทพเมธี (จู อสิ สฺ รญาโณ) เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ ลำ� ดบั เจา้ อาวาสวดั เทวสงั ฆาราม จากอดตี จนถึงปจั จุบนั ๑. ท่านสมภารเสยี่ ง ผูส้ ร้างวดั พ.ศ. ๒๓๔๘-๒๓๖๘ ทา่ นเป็นชาวสยาม สมัยกรุงศรีอยธุ ยาแตก ท่านเป็นเณรถูกตอ้ นไปเป็นเชลย อปุ สมบทใน พม่า ต่อมาท่านปลอมตัวเป็นมอญกลับเข้ามาเพ่ือกลับแผ่นดินเกิด เดิมท่านจะสร้างวัดใน บริเวณกาญจนบุรีเกา่ ซง่ึ เป็นบ้านเกดิ แต่เปลีย่ นใจมาสร้าง ณ ท่ีปจั จบุ ัน เนอ่ื งจากอีกไม่นาน จะมกี ารย้ายเมืองกาญจนบรุ ีมาต้ังอยู่ ณ บรเิ วณท่แี มน่ ำ�้ แควนอ้ ยและแม่น้�ำแควใหญไ่ หลมา บรรจบกนั ซง่ึ รชั กาลท่ี ๓ ทรงยา้ ยเมอื งกาญจนบรุ ี และตงั้ เสาหลกั เมอื งเสาทส่ี องของประเทศ ต่อจากกรุงเทพมหานคร เมอ่ื วนั ที่ ๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๓๗๔ 23จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

๒. ทา่ นอธิการจู พ.ศ. ๒๓๖๘-๒๓๗๕ ๓. ทา่ นอธิการอินทร์ พ.ศ. ๒๓๗๕-๒๓๘๐ ๔. ทา่ นอธกิ ารแดง พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๗ ๕. ทา่ นอธิการออ่ น พ.ศ. ๒๓๘๗-๒๔๑๑ ๖. ทา่ นอธกิ ารกล่ิน พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๒๐ ๗. ท่านอธิการเอย่ี ม พ.ศ. ๒๔๒๐-๒๔๒๙ ๘. พระครูสงิ คบิ รุ คณาจารย์ (สุด) พ.ศ. ๒๔๒๙-๒๔๕๔ อดีตรองเจ้าคณะเมอื งกาญจนบุรี ผชู้ กั ชวนหลวงปู่ดีมาอยู่วดั เหนอื เนือ่ งจากทา่ นอาพาธ อยู่เนือง ๆ ๙. พระเทพมงคลรังษี (ดี เอกฉันท์ พุทธฺ โชติ) พ.ศ. ๒๔๕๔ ถึง ๑๗ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๑๐ (พระมงคลรังษีวิสุทธิ์, พระวิสุทธิรังษี, พระครูอดุลยสมณกิจ) อดีตเจ้าคณะจังหวัด กาญจนบุรี รูปแรกและรูปเดียวของวัดแห่งนี้ เป็นชาวบ้านทุ่งสมอ ต.ทุ่งสมอ อ.พนมทวน จ.กาญจนบรุ ี เดมิ อยวู่ ัดทงุ่ สมอ แล้ววางแผนจะยา้ ยไปอยพู่ ระนคร แตไ่ ด้รับมอบหมายจาก สมภารรูปเดมิ ใหด้ ูแลวัด ด้วยอปุ นสิ ยั ของท่าน ท�ำใหเ้ ปน็ ท่ยี �ำเกรงและนับถอื ในหมูพ่ ระภิกษุ ในวัด ท่านจึงเป็นเจ้าอาวาสตัง้ แต่อายไุ มม่ ากตราบจนมรณภาพ เป็นเวลา ๕๖ ปี ซึ่งนานกวา่ เจ้าอาวาสรูปใดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ท่านบรรพชาและอุปสมบทให้สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณสังวร ทง้ั นี้ วดั เทวสงั ฆารามไดร้ บั การยกฐานะขน้ึ เปน็ พระอารามหลวง ชนดิ สามญั เปน็ วดั สำ� คญั ของหัวเมือง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ ก่อนการเสด็จพระราชทานพระกฐินต้นครั้งแรกในรัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระมหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงทรงปลูกตน้ พระศรมี หาโพธ์จิ ากพทุ ธคยา เมื่อวันที่ ๒๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๐๖ ๑๐. พระอดุ มญาณเถร (หัง หอมเย็น ธมมฺ สรโณ) พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๒๕ บางบนั ทึกว่าท่านไดร้ ับพระราชทานสมณศกั ดทิ์ พี่ ระโสภณสมณกิจ ทา่ นเปน็ ผ้จู ัดระเบยี บ การท�ำวตั รเช้า-เย็นของวดั เหนืออกี ด้วย ๑๑. พระครสู งิ คคี ณุ ธาดา (กิมซา้ พมุ่ สุวรรณ ญาณสํวโร) พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๒๖ ๑๒. พระราชมงคลโมลี (สน่ัน ดอกรัก ปญฺญาธโร) พ.ศ. ๒๕๒๖ ถึง ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ (พระวิสทุ ธิรังษ,ี พระครสู ิงคีคุณาทร) ชาวบ้านดอนรัก ต.บ้านเหนือ (ขณะนนั้ ) อ.เมืองฯ จ.กาญจนบรุ ี เปน็ ผรู้ เิ รมิ่ สรา้ งอาคารเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระญาณสงั วร ๙ ชน้ั โรงพยาบาล พหลพลพยุหเสนา โรงพยาบาลประจ�ำจังหวัดกาญจนบุรี ท่านมีฝีมือในการแต่งโคลงฉันท์ กาพยก์ ลอนอีกดว้ ย ๑๓. พระกติ ตสิ วุ ัฒนาภรณ์ (บุญเพมิ่ ดอนเจดยี ์ อานนโฺ ท, ป.ธ. ๔, พธ.บ., ศศ.ม., ปร.ด. รฐั ประศาสนศาสตร)์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน 24 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม

25จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

26 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม

27จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

28 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม

๒ จิตรกรรมวัดเหนือ 29จิตรกรรมวดั เทวสังฆาราม |

30 | จติ รกรรมวัดเทวสังฆาราม

ภาพ ๑ แถวบนสุดสองแถวของฝาผนงั เฟทพากเทซวา้ ดย-าขวนาางคฟร้าูช่านงักเขสยี ทิ นธภ์ิ าพ วทิ ยาธร อยู่ทา่ มกลางหมูเ่ มฆ ไปเฝ้าสักการะพระพุ ทธเจา้ ๑ 31จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม |

ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ เม่อื พระองค์เสดจ็ ประพาสไทรโยคทางชลมารค ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๓๑ พระองค์ได้เสดจ็ ไปท่ี “วัดเหนอื ” ซ่ึงช่วงนัน้ พระองคไ์ ด้ทรงทราบเร่อื งราวของวดั เหนอื ดังน้ี “พระยากาญจนบุรี กราบบงั คมทลู รายงานวา่ ขณะนกี้ �ำลังรอื้ พระอุโบสถ เพือ่ สร้างใหมใ่ นทีเ่ ดิม ในการนไี้ ดพ้ ระราชทานพระราชทรัพย์ รว่ มสมทบในการกอ่ สรา้ งเปน็ จ�ำนวน ๑๐ ช่ัง พร้อมทงั้ พระราชทาน กัปปิยภัณฑ์แก่พระภิกษุสงฆร์ ูปละ ๒ บาท อุโบสถหลงั นี้ แล้วเสร็จ และมงี านฉลองต่อมาในปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๓๕\" ด้วยเหตุท่ีการซ่อมพระอุโบสถวัดเหนือ จะเรียงลำ� ดบั เรอื่ งราวในภาพจิตรกรรม จาก ด ้ ว ย ก า ร รื้ อ พ ร ะ อุ โ บ ส ถ ห ลั ง เ ดิ ม เ มื่ อ ป ี บนลงลา่ ง ดังนี้ พ.ศ. ๒๔๓๑ และสรา้ งแล้วเสร็จจดั งานฉลอง ได้ในปี พ.ศ. ๒๔๓๕ ใชเ้ วลาบูรณะจนสำ� เร็จ ๑. แถวบนสุดสองแถวของฝาผนังฟาก สิ้นในช่วง ๕ ปี ดังน้ัน จิตรกรรมฝาผนัง ซา้ ย-ขวา ครชู า่ งเขยี นภาพเทพเทวดา นางฟา้ วัดเหนือจึงน่าจะเขียนข้ึนในช่วงเวลาน้ี โดย นกั สทิ ธิ์ วทิ ยาธร อยทู่ า่ มกลางหมเู่ มฆ ไปเฝา้ ปรากฏชัดว่า น่าจะเป็นฝีมือของช่างหลวง สกั การะพระพทุ ธเจา้ ทเ่ี ปน็ พระประธานปาง มิใช่เพียงช่างพ้ืนบ้าน และเขียนขึ้นโดยได้ มารวิชยั ในพระอุโบสถแห่งน้ี (ปจั จบุ นั ใช้เปน็ รับอิทธิพลจากตะวันตกแล้วด้วย โดยที่มี พระวิหารมาต้ังแต่มีการสร้างพระอุโบสถ การเขียนภาพฝร่งั ทงั้ หญงิ ชาย หนุ่ม แก่ มี หลงั ใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑) (ภาพ ๑) กระท่ังภาพหมาฝรั่งใส่ปลอกคอเรียบร้อย และบางภาพยังเริ่มเขียนเป็นภาพสามมิติ ๒. แถวที่ ๓ จากเพดานลงมา บรเิ วณฝาผนงั (Perspective) มีระยะใกล้-ไกลอยู่บ้างแล้ว ฟากซ้าย-ขวาเปน็ ภาพเทวดา ยักษ์ และครุฑ ด้วย เรยี งรายหนั หนา้ เขา้ เฝา้ สกั การะพระพทุ ธเจา้ ลำ� ดับภาพในจิตรกรรมวดั เหนอื ท่เี ป็นพระประธานในโบสถ์ (ภาพ ๒) เนื้อหาจิตรกรรมฝาผนังที่วัดเหนือเขียน ๓. ตอนกลางระหวา่ งหนา้ ตา่ ง ครชู า่ งเขยี น เปน็ ๔ สว่ น เมือ่ หนั หนา้ เข้าหาพระประธาน ภ า พ พุ ท ธ ป ร ะ วั ติ ต า ม ล� ำ ดั บ เ ร่ื อ ง ใ น ปฐมสมโพธิกถา เริ่มต้นจากผนังช่องที่ ๒ ด้านซ้าย เป็นภาพการเข้าสู่พระราชพิธี อภิเษกสมรสของเจ้าชายสุทโธทนะกับ พระนางสิริมหามายา เนื้อหาในคัมภีร์ 32 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

๒ ภาพ ๒ ภาพ ๓ จากเพดานลงมา บริเวณฝาผนังฟากซา้ ย-ขวา ตอนกลางระหว่างหน้าต่าง ครูช่างเขยี นภาพพุทธประวัติตามล�ำดบั เร่ือง เปน็ ภาพเทวดา ยักษ์ ครุฑ เรียงรายหันหน้า ในปฐมสมโพธกิ ถา เร่มิ ต้นจากผนังช่องท่ี ๒ ด้านซา้ ย เปน็ ภาพการเขา้ สู่ เขา้ เฝ้าสกั การะพระพุทธเจ้า พระราชพิธอี ภิเษกสมรสของเจา้ ชายสุทโธทนะกบั พระนางสริ ิมหามายา แลว้ ไลล่ �ำดับเวยี นอุตราวัตร (เวียนซา้ ย) จากพระประธาน ไปสน้ิ สุดท่กี าร ถวายพระเพลิงพุ ทธสรีระ ๓ 33จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม |

ปฐมสมโพธกิ ถา ปริจเฉทท่ี ๑ ววิ าหมงคลปรวิ รรต แลว้ ไล่ลำ� ดบั เวียนอตุ ราวรรต (เวยี นซ้าย) จากพระประธาน ไปยังผนังหุ้มกลองฝั่งตรงข้ามพระประธาน ต่อเร่ือยไปยังผนังด้านขวา แล้วไปส้ินสุดท่ีการถวายพระเพลงิ พุทธสรีระ บนผนังชอ่ งท่ี ๑๔ ของคัมภีรป์ ฐมสมโพธิกถา ปรจิ เฉทที่ ๒๗ ธาตวุ ิภชั นปริวรรต (ภาพ ๓) ๔. ภาพเขยี นสว่ นล่างสดุ เป็นเรอ่ื งราวของการท�ำผิดทำ� บาปตา่ ง ๆ ของมนุษย์ แล้วตกนรก ถูกพญามัจจุราชลงโทษด้วยวิธีโหดเหย้ี มรนุ แรงต่าง ๆ และใหไ้ ปเป็นเปรตขอส่วนบญุ จนกว่า จะสน้ิ บาปกรรมทท่ี �ำไว้ (ภาพ ๔-๖) ภาพ ๔-๖ ภาพเขยี นสว่ นลา่ งสุดเปน็ เร่ืองราว ของการท�ำผิดทำ� บาปตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ แลว้ ตกนรก ถูกพญามัจจุ ราชลงโทษ ดว้ ยวธิ ีโหดเหย้ี มรุนแรงต่าง ๆ และใหไ้ ปเปน็ เปรตขอส่วนบุญ จนกว่าจะสน้ิ บาปกรรมท่ที �ำไว้ ๕ ๔ ๖ 34 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

ภาพ ๗ ๗ ภาพผนังหุ้มกลองด้านหลงั พระประธาน เปน็ ภาพฟากฟ้า อากาศ มีพระจันทร์ พระอาทิตย์ นางเมขลา พระรามสูร ทวยเทพเทวา คนธรรพ์ นักสิทธ์ิ วทิ ยาธร สำ� เรงิ ส�ำราญ อยู่ในหมูเ่ มฆงดงาม ๘ ภาพ ๘ ผนังช่องแรกดา้ นซา้ ยท่ขี นาบ พระประธานอยู่นนั้ ไล่ล�ำดบั ลงมา บนสุดคือภาพเทวดากลางกลุ่มเมฆ ใตล้ งมาคือภาพเทพเจ้าจนี เง็กเซียงฮอ่ งเตแ้ ละชายา ต่ำ� ลงมา อกี คอื ภาพนักสทิ ธ์ิ วทิ ยาธร คนธรรพ์ จากนนั้ มีเส้นสินเทา กนั้ แบง่ ใตส้ ุดคอื ภาพเห้งเจีย เทพเจา้ หน้าลิงในวรรณกรรมไซอ๋ิว ของจีน ส�ำหรับภาพผนังหุ้มกลองด้านหลังพระประธาน เป็นภาพฟากฟ้าอากาศ มีพระจันทร์ พระอาทติ ย์ นางเมขลา พระรามสูร ทวยเทพเทวา คนธรรพ์ นักสิทธิ์ วทิ ยาธร ส�ำเริงส�ำราญ อยู่ในหมเู่ มฆงดงาม (ภาพ ๗) ผนงั ชอ่ งแรกดา้ นซา้ ยทข่ี นาบพระประธานอยนู่ นั้ ไลล่ ำ� ดบั ลงมา บนสดุ คอื ภาพเทวดากลาง กลุ่มเมฆ ใต้ลงมาคือภาพเทพเจ้าจีน เง็กเซียงฮ่องเต้และชายา ต่�ำลงมาอีกคือภาพนักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ จากนั้นมีเส้นสินเทาก้ันแบ่ง ใต้สุดคือภาพเห้งเจีย เทพเจ้าหน้าลิงใน วรรณกรรมไซอ๋วิ ของจีน (ภาพ ๘) 35จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

ส่วนผนังช่องแรกด้านขวาของพระประธาน บนสุดเป็นภาพเทวดาในหมู่เมฆ ต่�ำลงมาคือ คนธรรพ์ นักสิทธิ์ วิทยาธร ก�ำลังส�ำราญใจสูบกัญชาด้วยตุ้งก่า และรินสุราเมรัยด่ืมกัน ปล้ืมเปรม ใต้ลงไปมีเส้นสินเทาค่ันอยู่เหนือภาพเทพเจ้าตือโป้ยก่าย ในวรรณกรรมไซอ๋ิว ของจีน (ภาพ ๙) สว่ นผนังหมุ้ กลองดา้ นตรงขา้ มพระประธาน ดา้ นบนสุดเป็นภาพเทพ เทวดา ฤษี นักสิทธ์ิ มากราบสักการะพระพุทธเจ้าปางปาลิไลยก์ มีช้างคอยรับใช้ และมีลิงน�ำน�้ำผึ้งมาถวาย (ภาพ ๑๐) ใต้ลงมาระหว่างบานประตูทางเข้า มีภาพพระพุทธเจ้าลอยถาดอธิษฐาน ภาพมารวิชัย พระพทุ ธเจ้าชนะพญามาร ภาพพระพุทธเจา้ เสวยวิมตุ ติสขุ ๔๙ วนั ส่วนดา้ นบนเพดาน มภี าพราหูอมจนั ทรอ์ ยูท่ ่ามกลางหมูเ่ มฆและลายดอกไม้ (ภาพ ๑๑) ส�ำหรับภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถเก่าของวัดเทวสังฆารามน้ัน มีรายละเอียดของแต่ละ เร่อื งราวดงั น้ี ภาพ ๙ ส่วนผนังช่องแรกด้านขวาของ พระประธาน บนสุดเปน็ ภาพเทวดา ในหมูเ่ มฆ ต่ำ� ลงมาคือคนธรรพ์ นักสิทธ์ิ วทิ ยาธร กำ� ลงั ส�ำราญใจ สูบกญั ชาด้วยตุ้งก่า และรนิ สุราเมรัย ด่ืมกันปล้ืมเปรม ใต้ลงไปมเี สน้ สินเทาค่ัน ใอนยวูเ่ หรนรณือภการพรเมทไพซอเจ๋ิวา้ ขตอืองโจป้นียก่าย ๙ 36 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม

๑๐ ภาพ ๑๐ สว่ นผนงั หุ้มกลอง ดา้ นตรงขา้ มพระประธาน ดา้ นบนสดุ เปน็ ภาพเทพ เทวดา ฤษี นักสทิ ธ์ิ มากราบสกั การะพระพุทธเจ้า ปางปาลิไลยก์ มีชา้ งคอยรบั ใช้ และมลี ิงน�ำน้�ำผ้งึ มาถวาย ใต้ลงมามภี าพมารวิชัย พระพุ ทธเจ้าชนะมาร 37จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

ภาพ ๑๑ ด้านบนเพดาน มีภาพราหูอมจนั ทร์ อยูท่ ่ามกลางหมู่เมฆและลายดอกไม้ ๑๑ 38 | จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม

39จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

ฟากฟา้ ดาราจักร ในจติ รกรรมวดั เหนอื นี้ ครชู า่ งไดว้ าดภาพฟากฟา้ และทวยเทพไวอ้ ยา่ งงามวจิ ติ ร (ภาพ ๑๒) โดยมีรายละเอียดดังน้ี คือ พระจันทร์กลางหมู่เมฆที่มุมซ้ายบน (ภาพ ๑๓) พระอาทิตย์ สดกระจ่าง มุมขวาบน (ภาพ ๑๔) นางเมขลากำ� ลังล่อแกว้ (ภาพ ๑๕) พระรามสูรขวา้ งขวาน ใสน่ างเมขลา (ภาพ ๑๖) ที่น่าสนใจย่ิงก็คือ ในภาพเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ในยามดึก แล้วมี พญามารมาขวางทางไว้ บรเิ วณทอ้ งฟา้ เหนอื ภาพพญาวสวตั ตมี าร ครชู า่ งไดว้ าดภาพกลมุ่ ดาว ตา่ ง ๆ ไว้ แสดงความหมายของเวลาดึกสงดั โดยภาพดวงดาวบนสดุ ด้านซ้าย ครชู า่ งได้วาด ๑๒ 40 | จิตรกรรมวัดเทวสังฆาราม

ภาพดาวหางเอาไวด้ ว้ ยอยา่ งเด่นชดั (ภาพ ๑๗) นับเป็นภาพดาวหางภาพเดียวในจติ รกรรม ฝาผนงั ทพี่ บอยขู่ ณะนี้ เพราะปกตภิ าพดาวหางในจติ รกรรมโบราณของไทยในสมยั อยธุ ยาและ ตน้ สมัยรตั นโกสินทรจ์ ะพบอย่ใู นสมุดข่อยเทา่ นน้ั เป็นไปได้ที่ครูช่างเขียนภาพดาวหางดวงน้ีจากการเห็นด้วยสองตาตนเองในสมัยรัชกาล ท่ี ๕ จงึ ไดบ้ ันทกึ ภาพอัศจรรยบ์ นท้องฟ้าไวเ้ ปน็ หลักฐาน ที่นา่ สนใจคอื ในปี ค.ศ. ๑๘๘๒ (พ.ศ. ๒๔๒๕) สมยั รัชกาลท่ี ๕ ได้มดี าวหางใหญ่ในกลมุ่ ครอตชป์ รากฏบนฟา้ เปน็ ดาวหางสว่างมาก สามารถมองเหน็ ได้ในเวลากลางวัน ซึ่ง ก.ศ.ร. กุหลาบ (พ.ศ. ๒๓๗๗-๒๔๖๔) นักหนังสือพิมพ์ นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ในหนังสือ พงศาวะดารท้องฟา้ อากาศ ของท่าน พิมพเ์ ผยแพร่เมอื่ ปี ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔) ว่า ภาพ ๑๒ ภาพ ๑๔ ๑๔ ครูช่างวาดภาพฟากฟ้าและทวยเทพไว้อยา่ งงามวจิ ติ ร พระอาทติ ยส์ ดกระจา่ งอยูท่ ่ีมุมขวาบน ภาพ ๑๓ พระจันทร์นวลดวงโตอยู่กลางหมู่เมฆขาวพลิว้ ๑๓ ๑๖ ภาพ ๑๕ นางเมขลากำ� ลังล่อแก้ว ภาพ ๑๖ ๑๕ พระรามสรู ขวา้ งขวานใสน่ างเมขลา 41จติ รกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

ภาพ ๑๗ ภาพเจ้าชายสิทธัตถะเสดจ็ ออก มหาภเิ นษกรมณใ์ นยามดึก แล้วมี พญามารมาขวางทางไว้ โดยภาพ ดวงดาวบนสุดด้านซา้ ย ครูช่าง ไดว้ าดภาพดาวหางเอาไวด้ ว้ ย อยา่ งเด่นชัด นบั เปน็ ภาพดาวหาง ภาพเดียวในจติ รกรรมฝาผนงั ท่พี บอยูข่ ณะน้ี ๑๗ 42 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

43จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

“ดาวหางดวงท่ี ๓๒ นี้ บังเกิดมีขึ้นใน เพดานราหูอมจันทร์ กรุงเทพฯ เม่ือคริษตะศกั ราช ๑๘๘๒ ปี ตรง เม่ือเข้าไปในพระอุโบสถเก่าของวัดเทว- กนั กับวนั อังคารเดอื นสิบแรมห้าค่�ำ ปีมะเมยี จตั วาศก จฬุ ศักราช ๑๒๔๔ ปี เปนปที ่ี ๑๕ สงั ฆารามแหง่ น้ี แหงนหนา้ มองเพดาน จะได้ ในรชั กาลท่ี ๕ กรุงเทพฯ ดาวหางดวงน้มี ขี น้ึ เห็นผลงานครูช่างเขียนภาพราหูอมจันทร์ ทท่ี ศิ ตวนั ออก หางนน้ั เรไ่ ปทที่ ศิ ตวนั ตกเฉยี ง ท่ามกลางลายเมฆ ดอกไม้ ไว้อย่างงดงาม ใต้ เปนดาวหางอยา่ งขนาดใหญท่ ส่ี ดุ เคยมใี น (ภาพ ๑๙) กรงุ สยาม หางนัน้ มรี ูปพรรณสณั ฐานใหญโ่ ต มีรัศมีสีแดงโชติช่วง หางบานคล้ายดอก และโดยทว่ั ไป เรายงั ไดพ้ บภาพจติ รกรรม ล�ำโพง มแี สงสวา่ งกระจ่างมาก เปนรัศมีขาว ประติมากรรมปูนปั้น ลายแกะไม้ภาพราหู ราวดอกไมเ้ ทยี น ปรากฎอยใู่ นทอ้ งฟา้ อากาศ อมจนั ทร์ อยู่ตามวดั ต่าง ๆ เปน็ ปกตทิ ั่วทกุ มีอยู่สองเดือน ๒๒วัน จึ่งสูญหายไปหมด” ภูมิภาคของประเทศไทย อันชวนให้สงสัยย่ิง (ภาพ ๑๘) ว่า เหตุใดภาพราหูอมจันทร์จึงเข้าไปอยู่ใน พื้นที่ของศาสนสถานในพุทธศาสนา และยงั ภาพ ๑๘ พบได้เป็นปกติในสมุดไทยขาว สมุดไทยด�ำ เปน็ ไปไดว้ ่าครูช่างเขยี นภาพดาวหางดวงน้ี ทีม่ เี น้อื เร่อื งเกย่ี วกบั พทุ ธศาสนา จากการเห็นด้วยสองตาตนเองในสมยั รชั กาลท่ี ๕ โดยในปี พ.ศ. ๒๔๒๕ ได้มีดาวหางใหญ่ในกลุม่ ครอตช์ อ.โกวิท เขมานนั ทะ ศิลปนิ แห่งชาตผิ เู้ ป็น ปรากฏบนฟ้า เปน็ ดาวหางสว่างมาก จนสามารถ ท้ังกวี จติ รกร ประติมากร และวิปัสสนกิ ได้ มองเหน็ ได้ในเวลากลางวัน สร้างงานศิลปธรรมไว้ที่โรงมหรสพทาง ๑๘ 44 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม

ภาพ ๑๙ ๑๙ เม่ือเขา้ ไปในพระอุโบสถเก่าของวดั เทวสังฆาราม แล้วแหงนหนา้ มองเพดาน จะได้เหน็ ผลงานครูช่างเขียนภาพ ในการปฏิบัติภาวนา อันเป็นความรู้ท่ีท�ำให้ ราหูอมจันทร์ท่ามกลางลายเมฆ ดอกไม้ ไว้อยา่ งงดงาม เกดิ ความเหน็ แจง้ เขา้ ใจสภาวะของสง่ิ ทง้ั หลาย ตามเป็นจริง ในชว่ งจติ สลัดหลดุ จากอารมณ์ วญิ ญาณ สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี นั้น อรรถกถาจารยไ์ ดเ้ คยเปรยี บเทยี บล�ำดบั เคยให้ความกระจ่างในประเด็นน้ีว่า ในพระ ญาณข้ันตา่ ง ๆ กบั สัญลกั ษณ์ท่ีใชอ้ ย่เู ดมิ ใน ไตรปฎิ กนัน้ เวลาพระพุทธเจา้ เทศนม์ ักจะมี ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่คนรู้จัก เห็นกัน สงิ่ แปลก ๆ มาฟงั เชน่ ครฑุ นาค กนิ นร และ ทัว่ ไปอยแู่ ลว้ ค�ำอธบิ ายทางพทุ ธศาสนาในหลาย ๆ ตอน อรรถกถาจารย์ต่าง ๆ ท่านมักนำ� สญั ลักษณ์ ทา่ น อ.โกวทิ เขมานนั ทะ กลา่ ววา่ ในสมยั ทม่ี อี ยเู่ ดมิ อยา่ งเชน่ ครฑุ นาค มาใชใ้ นภาษา ทที่ า่ นบวชอยทู่ ส่ี วนโมกข์ ทา่ นไดเ้ คยคดั ลอก ใหม่ หยบิ เทวปกรณมั เดิมมาใชท้ างพทุ ธ ดัง ภาพจิตรกรรมจากสมุดข่อยโบราณของ เชน่ เรอื่ งของวปิ สั สนาญาณ ๙ ซง่ึ เปน็ อารมณ์ วัดโมถ่าย ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ลงบน ฝาผนังโรงมหรสพทางวิญญาณ ภาพส�ำคัญ ที่ทา่ นคดั ลอกก็คอื ชดุ “วิปัสสนาญาณ ๙” 45จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

โดยญาณขน้ั ท่ี ๖ คอื “มญุ จติ กุ มั ยตาญาณ” ซงึ่ หมายถงึ ญาณอนั คำ� นงึ ดว้ ยใครจ่ ะพน้ ไปเสยี คอื เมอ่ื หนา่ ยสงั ขารทงั้ หลายแลว้ ยอ่ มปรารถนาทจี่ ะพน้ ไปเสยี จากสงั ขารเหลา่ นนั้ อรรถกถา- จารยอ์ ธบิ ายญาณลำ� ดบั น้ดี ว้ ยภาพ “ราหอู มจันทร์” วา่ เป็นอุปมาของ “มญุ จติ ุกัมยตาญาณ” “มญุ จติ กุ มั ยตาญาณ” คอื ญาณใครจ่ ะหลดุ พน้ ดงั พระจนั ทรใ์ ครพ่ น้ ปากราหู และนเี่ องเปน็ เหตุให้สัญลักษณ์ราหูอมจันทร์ปรากฏทั้งในภาพจิตรกรรมและปฏิมากรรมปูนปั้น ประดับ ตกแต่งอยู่ตามโบสถ์ วหิ ารของศาสนาพุทธในเมอื งไทยโดยทั่วไป และบนเพดานพระอุโบสถเก่า ซ่ึงบดั นค้ี อื พระวหิ ารหลวงของวดั เทวสงั ฆาราม ครชู า่ งกไ็ ด้ วาดภาพสญั ลกั ษณ์อปุ มาธรรมของ “มุญจติ กุ ัมยตาญาณ” เปน็ ภาพราหูอมจันทร์ อันหมาย ถึงวิปัสสนาญาณ ๖ แสดงสภาวะจติ ทเ่ี บอื่ หน่ายสดุ ขดี สดุ ก�ำลัง ต้องการไปพ้นจากสภาพน้นั เสมอื นดวงจนั ทรท์ ด่ี น้ิ รนไปใหพ้ น้ จากการบบี คนั้ กำ� กบั ยดึ ครองของพระราหู ในวนั จนั ทรคราส เทพเจ้าจนี จติ รกรรมฝาผนงั หลงั พระประธาน และชอ่ งแรกขนาบซา้ ยขวาของพระประธาน ทา่ มกลาง หมเู่ มฆ ทส่ี ถติ ของนกั สทิ ธิ์ วทิ ยาธร นางฟา้ เทวดาไทยนน้ั เราไดพ้ บภาพเทพเจา้ จนี ในคตนิ ยิ ม ทางเทวปรัชญา ศาสนาของคนจีนปรากฏอยู่ในอุโบสถแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ดังที่ปรากฏอยู่ ตรงดา้ นขา้ งไหลข่ วาของพระประธานในโบสถ์ (ภาพ ๒๐) เทพเจ้าจีนท้ัง ๒ องค์นี้ คุณพิเชษฐ์ วนวิทย์ ผู้ศึกษาเร่ืองจีน-นักแปลงานพุทธศาสนา วัชรยานตนั ตระ ใหค้ วามเห็นวา่ เป็นภาพเงก็ เซียงฮ่องเต้ (จักรพรรดหิ ยก) กบั พระชายา คือ เจ้าแม่ซีหวังหมู่ เจ้าแม่แห่งสวรรค์ทิศประจิม ผู้ควบคุมกาลเวลา มิติ และความตาย ซ่ึง เงก็ เซยี งฮอ่ งเตผ้ คู้ มุ้ ครองดแู ลสวรรคน์ ้ี คอื คกู่ รณโี ดยตรงกบั “เหง้ เจยี ” เทพเจา้ ลงิ ในวรรณกรรม “ไซอว๋ิ ” ท่เี หาะขน้ึ ไปถลม่ สวรรค์ ในจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วัดเหนือ ใต้ภาพเง็กเซียงฮ่องเต้และพระชายา มีภาพคนธรรพ์ นักสทิ ธ์ิ วิทยาธร และใต้เส้นสินเทาแบง่ เขตไว้ ครูชา่ งไดเ้ ขยี นภาพ “เห้งเจีย” ที่คนจีนนบั ถอื เปน็ เทพเจ้าเอาไวด้ ้วย (ภาพ ๒๑) และผนังฝัง่ ตรงข้าม ข้างแขนซ้ายของพระประธาน ครชู ่าง ก็ไดเ้ ขยี นภาพ “ตอื โปย้ กา่ ย” ตวั ละครสำ� คญั ในไซอิ๋วไวด้ ้วยเช่นกัน (ภาพ ๒๒) สำ� หรบั เทพเจา้ จนี อย่างเง็กเซยี งฮอ่ งเตก้ บั พระชายา เทพลงิ เหง้ เจีย เทพหมูตอื โป้ยกา่ ย ตัวละครส�ำคัญในวรรณกรรมไซอิ๋ว มาเก่ียวข้องกับพุทธปรัชญา จนมาปรากฏอยู่ในภาพ จติ รกรรมฝาผนงั วหิ ารทางพทุ ธศาสนาไดอ้ ยา่ งไรนน้ั ผสู้ นใจหาคำ� ตอบในประเดน็ นี้ ควรศกึ ษา เพมิ่ เตมิ จากหนงั สอื “ลงิ จอมโจก” ของทา่ นโกวทิ เขมานนั ทะ ทไ่ี ดต้ รวจสอบวเิ คราะหไ์ วอ้ ยา่ ง ละเอียด ดังที่ท่านเขมานันทะเขียนไว้ในค�ำน�ำหนังสือลิงจอมโจก (เดินทางไกลกับไซอิ๋ว) ฉบับพมิ พ์คร้ังที่ ๑ ว่า “ความเยยี่ มยอดและวเิ ศษของไซอว๋ิ ทไี่ มเ่ หมอื นวรรณกรรมอน่ื อยทู่ ผี่ อู้ า่ นจะตอ้ งลมื ความ เป็นคนใหห้ มด ไมม่ ีพระถงั ซัมจง๋ั ไมพ่ ระเจา้ หลีซบิ ิ๋น ไมม่ ีพระพุทธเจา้ ไม่มีลิงเห้งเจีย ไม่มี 46 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม

๒๐ ภาพ ๒๐ เทพเจ้าจนี ในคตินยิ มทางเทวปรัชญา ศาสนาของคนจีนปรากฏอยูใ่ นอุโบสถ แหง่ นี้ด้วย ภาพ ๒๑ ครูช่างเขยี นภาพ “เห้งเจยี ” ท่ีคนจนี นบั ถอื เปน็ เทพเจ้าเอาไว้ใต้เสน้ สนิ เทา ภาพ ๒๒ สภำ�าคพัญ“ใตนอืไซโปอ้ย๋วิ กา่ ย” อกี หน่งึ ตัวละคร ๒๑ ๒๒ 47จิตรกรรมวัดเทวสงั ฆาราม |

หมูตือโปย้ กา่ ย ไมม่ เี งือกซวั เจ๋ง มแี ต่ “คุณะ” หรอื “คา่ ” ทย่ี ืมช่อื ของบคุ คลในประวัติศาสตร์ มาเรียกเท่าน้นั มิฉะน้ันความทไี่ ซอิว๋ นั้นซับซ้อนน่ันเอง จะปกปิดอรรถรสเสียหมด แลว้ ท่าน ผู้อ่านเองจะเป็นฝ่ายลดระดับค่าของวรรณกรรมน้ีลง ขณะท่ีอ่านน้ัน เรามักจะเผลอไปจาก ระนาบนี้ เพราะวา่ พระพทุ ธองคท์ ปี่ ระทบั อยทู่ ว่ี ดั ลยุ อมิ ยนี่ นั้ กห็ าใชพ่ ระพทุ ธเจา้ ทางกายภาพ ไม่ แตก่ ลับเป็นพุทธภาวะ และดังนั้น ขันตคิ ุณแห่งชีวติ (พระถงั ) ทอ่ี าศัยโพธจิ ิต (เห้งเจยี ) และบารมอี ่ืนประกอบสนับสนุน จึงได้บรรลถุ งึ พทุ ธภาวะ “สมยั ใดท่ีเห้งเจยี ไมน่ �ำทาง ใหโ้ ปย้ กา่ ย (ศีล) น�ำ คือจงู ม้า (วิรยิ ะ) โป้ยก่ายจะน�ำเข้ารก เข้าพง เข้าถ้�ำผีจนถูกกักขงั และรอให้เหง้ เจีย (ปญั ญา) มาช่วยปลดปล่อยดงั นี้เป็นต้น “แม้แตเ่ จดีย์ หาบห่อ ต้นไม้ ภูเขา ถ�้ำ ลำ� ธาร และอาวุธวิเศษตา่ ง ๆ กล็ ้วนเปน็ ความหมาย ทางธรรมทงั้ สนิ้ และทย่ี ง่ิ ไปกวา่ นนั้ พระสงฆก์ ห็ าไดห้ มายถงึ พระสงฆไ์ ม่ กลบั หมายถงึ เจตสกิ ธรรม “ในขณะท่อี า่ นไซอิ๋วเปน็ ปรศิ นานี้ ทา่ นจะพบกบั ความขบขนั ในปรศิ นาธรรมขั้นลกึ ความ ขบขันที่โพธิปัญญาดูหมิ่นดูแคลนศีล หรือว่าโพธิปัญญาทะเลาะกับขันติ ท่ีมันเอาแต่จะทน ฝา่ ยเดยี ว มไิ ดเ้ ชอ่ื โพธใิ นการฆา่ กเิ ลส อรรถรสในปรศิ นาธรรมทไี่ มม่ คี น ไมม่ สี ตั วช์ า่ งแสนสนกุ ตรงทไี่ ดน้ กึ ทายหรอื คาดการณว์ า่ ปศี าจตวั นค้ี อื กเิ ลสตวั ไหนหนอ และปญั ญาจะผา่ นปศี าจได้ อย่างไรหนอ เม่ือกระท�ำในใจเพื่อจะอ่านไซอ๋ิวเช่นน้ี จะได้ความหรรษาในธรรมสโมธาน อย่างลกึ ซ้ึง “ผู้อ่านจะพบว่า การอ่านไซอิ๋วเป็นดุจการได้สนทนากับชีวิต ไซอิ๋วจึงเป็นคัมภีร์ที่ลึกซึ้ง เท่า ๆ กบั ความเปน็ วรรณกรรม” ดว้ ยความลกึ ซึง้ ในมิติทางพุทธศาสนาของวรรณกรรม “ไซอิ๋ว” ดังท่ีทา่ นโกวิท เขมานันทะ ได้วิเคราะห์ไว้เช่นนี้ จึงท�ำให้ครูช่างรุ่นร้อยกว่าปีก่อน วาดภาพเทพเจ้าจีนในไซอิ๋วไว้ใกล้ชิด เป็นเร่อื งราวหนึ่งเดียวกนั กับพระประธานปางมารวิชยั เอาชนะมารในการบรรลุโลกุตรธรรม ของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ท่มี าประดิษฐานอยใู่ นพระอโุ บสถหลงั เดมิ ของวัดเทวสงั ฆาราม ลำ� ดบั ภาพพุทธประวัติ หากตอ้ งการชมภาพพทุ ธประวตั ใิ นพระอโุ บสถเกา่ วดั เหนอื ใหเ้ ขา้ ใจตามลำ� ดบั เรอ่ื ง เราควร หนั หนา้ เขา้ หาพระประธาน แลว้ หนั ซา้ ย มองไปทผ่ี นงั ดา้ นซา้ ย เรม่ิ ตน้ จากผนงั ชอ่ งท่ี ๒ ทเ่ี ลา่ เรื่องการเข้าสู่พิธีวิวาหะของเจ้าชายสุทโธทนะและเจ้าหญิงสิริมหามายา จากนั้นเวียนซ้าย อตุ ราวรรตไปทลี ะผนงั ทลี ะชอ่ งหนา้ ตา่ ง ตลอดถงึ ผนงั ดา้ นสกดั ตรงขา้ มพระประธาน อนั เปน็ ลำ� ดบั ผนงั ชอ่ งที่ ๗-๘-๙ แลว้ หกั มมุ เวยี นซา้ ยตอ่ ไปยงั ผนงั ชอ่ งท่ี ๑๐ ดา้ นขวาของพระประธาน ต่อเนื่องเร่ือยไปยังผนังช่องที่ ๑๑-๑๒-๑๓ จนไปจบที่ผนังช่องท่ี ๑๔ ตอนถวายพระเพลิง พุทธสรีระ เนอ้ื หาในจติ รกรรมซงึ่ เขยี นไวท้ พ่ี ระอโุ บสถเกา่ หรอื บดั นค้ี อื พระวหิ ารของวดั เทวสงั ฆาราม 48 | จติ รกรรมวดั เทวสงั ฆาราม

มีเร่ืองราวตามล�ำดับเร่ืองอิงอยู่กับวรรณคดี “ปฐมสมโพธิกถา” พระนิพนธ์ของสมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พ.ศ. ๒๓๓๓-๒๓๙๖) ที่นิพนธ์ไว้ตั้งแต่สมัย รชั กาลที่ ๓ ดังนี้ ๑. อภิเษกสมรส เจ้าชายสทุ โธทนะกับพระนางสิริมหามายา เมื่อพระเจ้าสีหหนุศากยะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ได้ตัดสินใจให้พระราชโอรสสุทโธทนะวิวาหะ กบั เจ้าหญงิ สริ มิ หามายาแหง่ กรงุ เทวทหะ พระอนิ ทร์ พระพรหม หมเู่ ทวดา ก็ไดเ้ สด็จลงมา รว่ มยนิ ดแี สดงตวั ใหพ้ ระเจา้ ชนาธริ าช พระราชบดิ าของพระนางสริ มิ ายาไดท้ อดพระเนตร และ เทพยดาทัง้ หลายกม็ าประชมุ เลน่ มหรสพสมโภชในท่นี ้นั (ดูภาพ ๒๓ และ ๒๔ ผนงั ชอ่ งที่ ๒ ดา้ นซา้ ยพระประธาน) โปรดสงั เกต บนเชงิ เทนิ ของก�ำแพงเมืองเทวทหะ ดา้ นขวาบนของภาพ ครชู า่ งได้วาดภาพ สองหนุ่มก�ำลงั แข่งวา่ วจุฬากับวา่ วปักเปา้ อยดู่ ้วยกนั ซงึ่ เปน็ การละเลน่ ทชี่ าวบา้ นสมยั รัชกาล ท่ี ๕ ชืน่ ชอบอยา่ งยงิ่ อ่านรายละเอยี ดพุทธประวัตติ อนนใ้ี นปฐมสมโพธกิ ถา ปรจิ เฉทที่ ๑ ววิ าหมงคลปรวิ รรต ภาพ ๒๓-๒๔ เม่อื พระเจา้ สหี หนศุ ากยะแห่งกรุงกบลิ พสั ดต์ุ ดั สนิ ใจใหพ้ ระราชโอรสสทุ โธทนะวิวาหะ กับเจา้ หญิงสิริมหามายาแห่งกรุงเทวทหะ พระอินทร์ พระพรหม หมู่เทวดา ก็เสดจ็ ๒๓ ลงมาร่วมยินดี แสดงตัวให้พระเจ้าชนาธริ าช พระราชบดิ าของพระนางสิรมิ ายา ไดท้ อดพระเนตร และเทพยดาทงั้ หลายก็มาประชุมเลน่ มหรสพสมโภชในท่ีนัน้ ๒๔ 49จิตรกรรมวดั เทวสงั ฆาราม |

ภาพ ๒๕-๒๖ พระเจา้ สหี หนรุ าชแห่งกรุงกบิลพัสดไ์ุ ด้จดั ขบวน พยุหยาตราให้พระราชโอรสสทุ โธทนะเสด็จไป กรุงเทวทหะ เพ่ือเขา้ พิธีววิ าหมงั คลาภิเษก อยา่ งย่งิ ใหญ่ท่กี รุงเทวทหะ ๒๕ ๒๖ ๒. ขบวนเสด็จไปกรุงเทวทหะ พระเจา้ สหี หนรุ าชแหง่ กรงุ กบลิ พสั ดไ์ุ ดจ้ ดั ขบวนพยหุ ยาตราใหพ้ ระราชโอรสสทุ โธทนะเสดจ็ ไปกรุงเทวทหะ เพ่ือเข้าพิธีวิวาหมังคลาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ท่ีกรุงเทวทหะ (ดูภาพ ๒๕ และ ๒๖ กรอบหน้าตา่ งบนผนังช่องท่ี ๓ ด้านซ้ายพระประธาน) ครั้นเสร็จพิธี กลับถึงนครกบิลพัสดุ์แล้ว พระเจ้าสีหหนุได้ทรงสละราชสมบัติให้พระราช โอรสสุทโธทนะเปน็ กษตั รยิ ค์ รองแผ่นดนิ กบิลพัสดุ์ต่อไป โปรดสงั เกต ภาพนค้ี รชู า่ งไดเ้ ขยี นภาพฝรงั่ ขมี่ า้ นำ� หนา้ ขบวนพยหุ ยาตราไปกรงุ เทวทหะดว้ ย อา่ นรายละเอยี ดพุทธประวัติตอนน้ใี นปฐมสมโพธิกถา ปรจิ เฉทที่ ๑ วิวาหมงคลปรวิ รรต ๓. อญั เชญิ พระโพธสิ ตั วม์ าจุติ หลังพิธีอภิเษกสมรส และพระเจา้ สุทโธทนะพาพระนางสิริมหามายาพระมเหสกี ลับสกู่ รุง กบลิ พสั ดแ์ุ ลว้ บนสวรรค์ เหลา่ เทพเทวดาหมน่ื โลกจกั รวาล พระอนิ ทร์ พระพรหม ไดเ้ ขา้ เฝา้ ฯ เพอื่ ทลู อาราธนาพระสนั ดสุ ติ เทวราช พระโพธสิ ตั วบ์ นสวรรคช์ น้ั ดสุ ติ ใหล้ งมาจตุ ใิ นพระครรภ์ ของพระนางสริ มิ หามายา (ดภู าพ ๒๗ ด้านบนของกรอบหนา้ ตา่ งบนผนังชอ่ งท่ี ๓) โปรดสังเกต ภาพนี้ครูช่างได้วาดภาพวิมานบนสวรรค์ช้ันดุสิตกลางหมู่เมฆไว้อย่างงดงาม แต่ภาพพระโพธิสัตว์สนั ดสุ ิตเทวราชวิมาน และภาพเทวดา พระอินทร์ พระพรหม ทมี่ าทลู 50 | จติ รกรรมวดั เทวสังฆาราม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook