คำนำ รายงานผลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคของสถานศึกษา เล่มน้จี ดั ทำขึน้ โดยมวี ตั ถุประสงคใ์ นการศกึ ษาสภาพแวดล้อมภายนอกและสภาพแวดล้อมภายในที่ส่งผลต่อการ บริหารจัดการสถานศึกษาและการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา อีกทั้งเพื่อใช้สำหรับการวางแผนในการ ขับเคลื่อนการดำเนินงาน โครงการ กิจกรรมต่าง ๆ ของสถานศึกษา และการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนให้ เป็นไปตามเปา้ หมายของการศกึ ษา เกิดประโยชน์สูงสดุ ในการศึกษาสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในครั้งน้ี ไดด้ ำเนนิ การโดยอาศัยความร่วมมือจากคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนอนบุ าลวาปีปทุมเป็นผู้ให้ ข้อมูลและประเมินผลสถานภาพสถานศึกษา และสามารถสรุปผลการประเมินสถานภาพสถานศึกษาได้ว่า สภาพแวดล้อมภายนอกมลี ักษณะเอื้อต่อการบริหารจัดการสถานศึกษา การดำเนนิ งานและการพฒั นาคุณภาพ การศึกษา สภาพแวดล้อมภายในเป็นจุดแข็งในการปฏิบัติงาน การบริหารจัดการ การดำเนินงานและการ พฒั นาคุณภาพทางการศึกษา เชน่ น้ันแลว้ โรงเรียนจึงมีโอกาสท่จี ะดำเนินการและพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพสูงขึ้นในอนาคตขา้ งหน้าได้ ขอขอบพระคุณ นายจักรกฤษณ์ อนุฤทธิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวาปีปทุม พร้อมทั้งคณะ ผู้บริหารสถานศึกษา ที่อำนวยความสะดวกในการดำเนินงานและให้คำแนะนำ คำปรึกษา ด้วยดีตลอดมา ขอขอบคุณคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนอนุบาลวาปีปทุม ทุกคนที่มีส่วนในการให้ข้อมูลและ ประเมินผลสถานภาพสถานศึกษา จนก่อให้เกิดเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์ สามารถนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุปผลและแปลผล และสำเร็จเป็นรายงานเล่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์ จากข้อมูลในการศึกษา สภาพแวดล้อมภายนอกและภายใน ในครั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นข้อมูลสารสนเทศที่มีประโยชน์ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผน การพัฒนาสถานศึกษาในอนาคตต่อไป การบริหารจัดการสถานศึกษา ตลอดจนการขบั เคลอ่ื นการดำเนินงานต่าง ๆ ของสถานศกึ ษา สคู่ วามเปน็ เลศิ ในทุก ๆ ดา้ น การจัดการศึกษาที่ บรรลุเป้าหมายของการศึกษา การพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพครู ตลอดจนการเป็นสถานศึกษาทม่ี ีมาตรฐานทางการศึกษา มผี ลงานเป็นท่ี ประจักษแ์ ก่สาธารณชนสืบไป ฝา่ ยวิชาการโรงเรียนอนุบาลวาปปี ทุม มถิ ุนายน 2565
สารบญั เรือ่ ง หนา้ คำนำ ................................................................................................................................................. ก สารบญั .............................................................................................................................................. ข สว่ นท่ี 1 ขอ้ มูลพื้นฐานของสถานศกึ ษา ........................................................................................... 1 ส่วนที่ 2 บริบทที่เกี่ยวข้องและการวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) ของโรงเรียน อนุบาลวาปปี ทุม ............................................................................................................................... 10 1. ทศิ ทางของการพฒั นาการศกึ ษา ............................................................................................... 10 2. บริบทที่เกี่ยวข้องและการวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis)ของโรงเรียนอนุบาล วาปปี ทุม ............................................................................................................................................ 21 สว่ นที่ 3 ผลการวเิ คราะห์บริบทของโรงเรียนอนบุ าลวาปปี ทมุ ...................................................... 31 1. การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในของโรงเรยี นอนบุ าลวาปปี ทมุ ....................... 31 2. ผลการวเิ คราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) สภาพแวดลอ้ มภายนอก ................................ 53 3. ผลการวเิ คราะหส์ ถานการณ์ (SWOT Analysis) สภาพแวดล้อมภายใน ................................... 54 4. ผลการวเิ คราะห์บรบิ ทของโรงเรยี นอนุบาลวาปีปทมุ ................................................................. 56 5. การแสดงสถานภาพของโรงเรียนอนุบาลวาปปี ทุม .................................................................... 64 ส่วนที่ 4 ทิศทางการดำเนินงานและการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียนอนุบาล วาปีปทมุ ............................................................................................................................................ 67 ภาคผนวก .......................................................................................................................................... ค ภาคผนวก ก ตัวอย่างแบบวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในสถานศึกษาและแบบ ประเมินสภาพสถานศึกษา ................................................................................................................. 71 ภาคผนวก ข ขอ้ มลู การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูล จุดแขง็ จดุ ออ่ น โอกาสและอปุ สรรค จากคณะครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาโรงเรียนอนบุ าลวาปีปทมุ ...................................................... 83 ภาคผนวก ค สรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากข้อมูลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค เพื่อใช้สำหรับการดำเนินการSWOT Analysis จากคณะครูและบุคลากร ทางการศึกษาโรงเรยี นอนุบาลวาปปี ทมุ ............................................................................................. 108 ภาคผนวก ง ตารางการให้คะแนนการประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกจากคณะครูและบุคลากร ทางการศึกษาโรงเรียนอนบุ าลวาปีปทมุ ............................................................................................. 119
ส่วนท่ี 1 ข้อมูลพน้ื ฐานของสถานศกึ ษา 1. สัญลักษณ์โรงเรียน 2. คำขวัญของโรงเรยี น เรยี นดี กีฬาเด่น เน้นวนิ ยั ใชค้ ุณธรรม นำประชาธิปไตย 3. ปรัชญาของโรงเรียน ปญฺญาโลกสมฺ ิ ปฺชโชโต (ปญั ญา เป็นแสงสว่างในโลก) 4. สีประจำโรงเรยี น ขาว– แดง ขาว หมายถงึ จิตใจทบ่ี รสิ ุทธิ์ นำพาความดี แดง หมายถงึ ความมีพลงั ในการทำความดี ใฝใ่ จศกึ ษา 5. สัญลักษณ์ประจำโรงเรยี น: ดอกบวั เปน็ สญั ลกั ษณ์แทนคณุ งามความดี 6. อตั ลักษณข์ องโรงเรยี น ยิ้มงา่ ย ไหว้สวย 7. ประวตั ิโรงเรยี น เดมิ โรงเรียนอนบุ าลวาปีปทุม เปน็ โรงเรยี นรฐั บาลหวั เมือง ชอ่ื ว่า โรงเรียนตวั อย่างอำเภอวาปีปทุมเม่ือ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2468 ทางราชการได้กำหนดให้เป็นโรงเรียนประชาบาล และให้ชื่อใหม่ว่า “โรงเรียน ประชาบาลตำบลหนองแสง 1 (บ้านหนองแสง)” มีนายฮวด ศิริเลิศ เป็นครูใหญ่คนแรก เปิดทำการสอนจากชั้น เตรยี มประถมศึกษาถงึ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 พ.ศ. 2483 ได้รับงบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 6,000 บาท เพอ่ื สร้างอาคารเรียนหลัง ใหม่ แบบ ป. 2 ขนาด 6 ห้องเรียน ในที่ดินแปลงปัจจุบัน จำนวน 19 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา ต่อมาในปี 2508 ได้ตอ่ เตมิ อาคารไปทางทศิ ใตอ้ ีก 3 หอ้ งเรยี น ชนั้ เดยี ว พ.ศ. 2495 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2495 เป็น“โรงเรียนบ้านหนองแสง (วาปีวทิ ยาคม)” พ.ศ. 2505 ได้ขออนุญาตเปิดทำการสอน ชั้นเด็กเล็ก จำนวน 1 ห้องเรียน ดำเนินการสอนตาม หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช 2503 วันท่ี 1 ตุลาคม 2509 ทางราชการไดโ้ อนโรงเรียนจากกระทรวงศึกษาธิการ ไปสงั กัดองคก์ ารบรหิ ารส่วน จังหวัด วันที่ 7 ตุลาคม 2519 ได้เปิดขยายการศึกษาภาคบังคับ ถึงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 7)
2 วนั ที่ 20 มกราคม 2519 คณะครู ผูป้ กครองของโรงเรียนบ้านหนองแสง (วาปวี ทิ ยาคม ) และโรงเรียน บ้านหนองแสง (อุปถัมภ์สตรี) ได้ประชุมร่วมกันว่าควรยุบรวมโรงเรียนทั้งสองเข้าด้วยกัน รวมทั้งบุคลากรและ ทรัพย์สินต่าง ๆ เนื่องจากเคยเป็นโรงเรียนเดียวกัน และโรงเรียนเมืองวาปีปทุมก็ได้ย้ายจากกรมสามัญศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ มาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด กระทรวงมหาดไทย จะทำให้โรงเรยี นแยง่ เขตบริการกัน ปีการศึกษา 2519 ได้ย้ายนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายไปเรียนที่โรงเรียนบ้านหนองแสง (อปุ ถัมภส์ ตรี) และเปลยี่ นช่อื เปน็ โรงเรยี นบา้ นหนองแสง (วาปีวทิ ยาคม) มีครูไปทำการสอน 8 คน ปีการศึกษา 2520 ได้ย้ายนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย กลับมาเรียนที่โรงเรียนบ้านหนองแสง (วาปีวิทยาคม) เนื่องจากจำนวนนักเรยี นลดลง อาคารเรยี นเพียงพอกบั จำนวนนกั เรยี น ปีการศึกษา 2522 ได้จัดการเรียนการสอน โดยใช้หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 ซึ่งมี 5 กลุ่มประสบการณ์ 1. กลมุ่ ทักษะ ได้แก่ วชิ าภาษาไทย และวชิ าคณติ ศาสตร์ 2. กลุ่มสรา้ งเสริมประสบการณช์ ีวิต 3. กลุม่ สรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั 4. กลุ่มการงานพ้นื ฐานอาชีพ 5. กลุม่ ประสบการณ์พเิ ศษ ไดแ้ ก่ วิชาภาษาองั กฤษ เปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และได้รับงบประมาณก่อสร้าง บ้านพักครู 1 หลัง ปีงบประมาณ 2524 ได้รับงบประมาณต่อเติมใต้ถุนอาคาร 1 หลัง โรงฝึกงาน 1 หลัง ส้วม 3 ที่น่ัง นอกจากนั้นยงั ไดร้ ับเงินบรจิ าคจากคณะครู ผ้ปู กครองนักเรียน ติดต้ังระบบประปาในโรงเรียน ปีงบประมาณ 2525 ไดร้ บั งบประมาณสร้างสว้ ม 1 หลงั 2 ท่ีน่ัง ปีงบประมาณ 2526 ไดร้ ับงบประมาณสรา้ งสว้ ม 1 หลัง 3 ทีน่ ั่ง ปงี บประมาณ 2527 ได้รบั งบประมาณสรา้ งสว้ ม 1 หลัง 4 ที่นัง่ ปีงบประมาณ 2528 ได้รับงบประมาณต่อเติมชั้นล่างอาคาร 3 จำนวน 2 ห้องเรียน สร้างส้วม 2 หลัง 6 ที่นั่ง โดยที่โรงเรียนบ้านหนองแสง (วาปีวิทยาคม) ได้ 1 หลัง 4 ที่นั่ง และสร้างที่โรงเรียนบ้านหนองแสง (อุปถัมภส์ ตร)ี จำนวน 1 หลงั 2 ที่นัง่ และไดร้ บั งบประมาณสรา้ งถังเกบ็ น้ำฝนแบบ ฝ.33 จำนวน 2 ถงั ปีงบประมาณ 2529 ได้รับงบประมาณสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบ สปช.205 จำนวน 1 หลัง และ ถงั เก็บนำ้ ฝนแบบ ฝ.33 จำนวน 3 ถงั เรือนเพาะชำ 1 หลงั ปงี บประมาณ 2530 ไดร้ ับงบประมาณต่อเติมห้องศูนย์วชิ าการ 2 หอ้ ง บา้ นพกั เรอื นแถว 2 คหู า 1 หลัง ปงี บประมาณ 2531 ได้รับงบประมาณสร้างบา้ นพักเรอื นแถว 3 คูหา 1 หลงั ปกี ารศกึ ษา 2534 ไดเ้ ปิดสอนจากชั้นอนบุ าล ถึง ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6
3 วันที่ 29 ตลุ าคม 2542 ไดเ้ ปลี่ยนชื่อเปน็ “โรงเรยี นอนุบาลวาปีปทมุ ” เนื่องจากเป็นโรงเรยี นเครอื ข่าย สหวทิ ยาเขตมหามงคล วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ได้ประกาศใหโ้ รงเรียน อนบุ าลวาปีปทมุ เปน็ โรงเรียนอนบุ าลประจำเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษามหาสารคามเขต 2 ปงี บประมาณ 2556 ไดร้ ับจดั สรรงบประมาณก่อสรา้ งอาคารเรียนแบบ สปช.105/29 ใต้ถุนโล่ง 1 หลัง งบประมาณ 3,483,100 บาท และอาคาร สพฐ.4 (ส้วม 4 ทน่ี ่ัง) งบประมาณ 352,000 บาท ปีการศึกษา 2546 ได้จัดการเรียนการสอน โดยใช้หลักสูตรสถานศึกษา พ.ศ. 2546 ตามพระราชบัญญัติ การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งมี 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ดังน้ี 1. กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 2. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ 3. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 4. กลุม่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5. กลุ่มสาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 6. กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ 7. กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี 8. กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ 9. กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น 9.1 กจิ กรรมแนะแนว 9.2 กิจกรรมลูกเสือ – ยวุ กาชาด 9.3 กิจกรรมชมุ นมุ ปกี ารศกึ ษา 2553 ได้จดั การเรยี นการสอน โดยใช้หลักสตู รสถานศึกษา พุทธศกั ราช 2553 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งมี 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้และ 1 กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ดงั น้ี 1. กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 2. กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 3. กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 4. กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5. กลุ่มสาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 6. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ 7. กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
4 8. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ 9. กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 9.1 กจิ กรรมแนะแนว 9.2 กจิ กรรมลูกเสือ – ยวุ กาชาด 9.3 กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 9.4 กิจกรรมชุมนมุ ปงี บประมาณ 2556 ไดร้ บั งบประมาณก่อสรา้ งอาคารเรยี นแบบ สปช.105/29 จำนวน 1 หลัง ปีงบประมาณ 2558 ไดร้ บั งบประมาณก่อสรา้ งอาคารเรยี นแบบ 2/28 จำนวน 1 หลัง ปีงบประมาณ 2559 ได้รับงบประมาณก่อสรา้ งสว้ มนักเรียนชาย 6ที/่ 49 จำนวน 1 หลัง ปงี บประมาณ 2559 ไดร้ บั งบประมาณก่อสรา้ งสว้ มนกั เรยี นหญงิ 6ท่/ี 49 จำนวน 1 หลัง ปีงบประมาณ 2560 ได้รบั งบประมาณก่อสร้างอาคารเรยี นแบบ 324 ล./55-ก จำนวน 1 หลงั 8. สภาพภูมศิ าสตรข์ องโรงเรียน 8.1 ท่ีต้ัง ตัง้ อยทู่ ี่ 200 หมู่ท่ี 3 ถนนกฤษมานิต อำเภอวาปีปทุม จังหวดั มหาสารคาม 44120 สงั กัดสำนกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 8.2 อาณาเขต ทศิ เหนือ ติดต่อกบั สำนักงานเทศบาลตำบลหนองแสง ทิศตะวันออก ตดิ ต่อกบั ชมุ ชนสำโรง ( หมูท่ ่ี 3 ) ทิศตะวันตก ติดต่อกบั สถานีตำรวจอำเภอวาปีปทมุ ทศิ ใต้ ติดต่อกบั ห้องสมุดสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา สยามบรมราชกมุ ารี 9. ข้อมลู ครูและบคุ ลากร ที่ ชือ่ – สกลุ ตำแหน่ง/วิทยฐานะ วฒุ ิ วิชาเอก การศึกษา 1 นายจกั รกฤษณ์ อนุฤทธ์ิ ผ้อู ำนวยการ/ ชำนาญการพเิ ศษ กศ.บ. เทคโนโลยีทางการศึกษา ศษ.ม บริหารการศึกษา 2 นางสชุ าดา นสิ ยนั ท์ รองผู้อำนวยการ/ชำนาญการพเิ ศษ กศ.บ. ชีววิทยา ศษ.ม การบรหิ ารการศึกษา 3 นายศราวธุ กางสำโรง รองผอู้ ำนวยการ/ชำนาญการ ค.บ. คอมพวิ เตอร์ศกึ ษา ค.ม การบรหิ ารจดั การการศึกษา
5 ที่ ชือ่ – สกลุ ตำแหน่ง/วิทยฐานะ วุฒิ วิชาเอก การศกึ ษา 4 นางสาวกุสุมา โกษาทอง ครู / ชำนาญการพเิ ศษ บรรณารกั ษศาสตร์ กศ.บ. คอมพิวเตอร์ศึกษา 6 นายมณฑล เทศนิติกลุ ครู / ชำนาญการ ค.ม. 7 นางอัจฉรา โกษาทอง ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.บ. สงั คมศึกษา 8 นางสุวฒั นา นามวิเศษ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. เคมี 9 นางสุจติ รา ปานาเต ครู / ชำนาญการพเิ ศษ สส.บ. ค.บ. สงั คมสงเคราะห์ 10 นายชศู ักด์ิ ปัดทมุ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ศษม. คหกรรมศาสตร์ ค.บ. บริหารการศึกษา 11 นางนยั นา เอกศิริ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ เทคโนโลยแี ละนวัตกรรม ค.บ. ทางการศกึ ษา 12 นางเนตรดาว อนุ่ พิกุล ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.บ. จิตวทิ ยาและการแนะแนว กศ.ม. การศกึ ษาปฐมวัย 13 นางจุฬาพันธ์ นัยวัฒน์ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. การประถมศึกษา 14 นางสวุ รรณี ศรพี วงเพิศ ครู / ชำนาญการพิเศษ กศ.บ. การศึกษาปฐมวัย 16 นายสมัย มณที ัพ ครู / ชำนาญการพิเศษ คบ. ศษม. ศิลปศึกษา 17 นายสำรวล ชาวบา้ นใน ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.บ. ภาษาไทย 18 นางสาวรจนี เสนามาตย์ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. บริหารการศกึ ษา 19 นางสาวอุบล ปะโมโท ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.บ. สังคมศึกษา 21 นางชลุ จี ติ ชมมาก ครู / ชำนาญการพิเศษ วท.บ. คหกรรมศาสตร์ กศ.ม. ประถมศึกษา 22 นางขวญั ใจ คุณแกว้ ครู / ชำนาญการพิเศษ ศศ.บ. วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ ศษ.ม เทคโนโลยกี ารศึกษา 23 นางณิรดา ภาควรรธนยั ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ศศ.บ. การประถมศึกษา ศษ.ม. การบริหารการศึกษา 24 นางปรีญา ไหมหรือ ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.บ. ภาษาองั กฤษ 25 นางเบญจมาศ ทบซิน ครู / ชำนาญการ ค.บ. การบรหิ ารการศึกษา เคมี ปฐมวยั
6 ที่ ชอ่ื – สกลุ ตำแหนง่ /วทิ ยฐานะ วุฒิ วชิ าเอก การศึกษา 26 นางเยาวลักษณ์ ประพาศพงษ์ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ การศกึ ษาปฐมวยั ค.บ. คณติ ศาสตรศกึ ษา 27 นางนรศิ ร ปทุมพร ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.ม. ศศ.ม. ภาษาองั กฤษ 28 นางประภากานท์ มณที พั ครู / ชำนาญการพิเศษ ศษ.ม. การบรหิ ารการศึกษา 29 นางรัศมี อัคราช ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. การศึกษาปฐมวยั 30 นางสมใจ ปรปิ ุณณะ ครู / ชำนาญการพิเศษ คบ. ค.บ. ภาษาองั กฤษ 31 นายปฏภิ าณ หงษ์ษา ครู ศษ.ม. การศกึ ษาปฐมวยั 32 นายณัฏฐกติ ต์ิ จันปสั สา ครูผู้ชว่ ย กศ.บ. การบรหิ ารการศึกษา 34 นางสาวสวุ มิ ล จนั ทราศรี ครู / ชำนาญการพิเศษ กศ.บ. 35 นางธญั ภร วฒั นบตุ ร ครู / ชำนาญการพิเศษ ค.บ. คณิตศาสตร์ 36 นางอรนภา สดีวงษ์ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ. คณติ ศาสตร์ ค.บ. นาฏศิลป์ 37 นางมยรุ ี ตดิ วงษา ครู / ชำนาญการพิเศษ ศษ.ม. ประถมศกึ ษา 38 นางอรทยั เรอื งบุญ ครู / ชำนาญการพเิ ศษ ค.บ วิทยาศาสตร์ ค.บ หลกั สตู รและการสอน 39 นางสาวพชั ราลยั อปั มะโน ครผู ู้ช่วย ค.ม การประถมศึกษา 40 นางสาววมิ ลรัตน์ นวนเทา่ ครอู ัตราจ้าง ค.บ เทคโนโลยีและนวตั กรรมฯ 41 นางสาวจนั ธรณ์ เฉลมิ ฉตั ร ครูอตั ราจ้าง ค.บ. หลกั สูตรและการสอน 42 นางสาววิลัยภรณ์ ประวนั เนย์ ครอู ัตราจา้ ง ค.บ. ภาษาองั กฤษ 43 นางสาวกนกวรรณ พันธศ์ รี ครอู ตั ราจา้ ง ค.บ. วทิ ยาศาสตร์ 44 นางสาวจิตติมา ทาพิลา ครูอัตราจา้ ง ค.บ. การศึกษาปฐมวัย 45 นางมยุรี บวั บาน เจ้าหน้าทีธ่ รุ การ ค.บ. ภาษาไทย 46 นายพรภิรมย์ ศรสี าพนั ธ์ นกั การภารโรง ค.บ. การศกึ ษาปฐมวยั 47 นายปฏวิ ฒั น์ ปะโมโท นักการภารโรง ม. 6 การศกึ ษาปฐมวัย 48 นางสาวชดารตั น์ นะตะสัตย์ นักการภารโรง ม. 6 คอมพวิ เตอร์ศกึ ษา ม. 6
7 10. ข้อมูลนกั เรยี น ข้อมูลนักเรยี น ปกี ารศึกษา 2565 จำนวนนักเรียนในเขตพ้ืนที่บริการทงั้ หมด 895 คน จำแนกตามระดบั ช้ันท่เี ปิดสอน ดังนี้ จำนวนนกั เรียน (คน) รายการ ห้องเรียน ชาย (คน) หญงิ (คน) รวม (หอ้ ง) อนบุ าล 2 4 57 44 101 อนุบาล 3 4 42 58 100 รวมอนบุ าล 8 99 102 201 ประถมศกึ ษาปีที่ 1 4 48 43 91 ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 5 65 53 118 ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 5 68 69 137 ประถมศึกษาปีท่ี 4 4 52 59 111 ประถมศึกษาปีที่ 5 4 54 70 124 ประถมศกึ ษาปีที่ 6 4 42 62 104 รวมประถมศึกษา 26 329 356 685 รวมทั้งสิน้ 34 428 458 886 11. การบรหิ ารจดั การของสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลวาปีปทุมแบ่งโครงสร้างบริหารเป็น 4 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มงานบริหารวิชาการ กลุ่มงานบริหารงานบุคคล กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานบริหารงานงบประมาณ โดยมีผู้รับผิดชอบในการ บรหิ ารกลุ่มงานดังน้ี นอกจากนี้ยังมี คณะกรรมการสถานศึกษาขึ้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน คณะกรรมการเครือข่าย ผู้ปกครองทุกระดับชั้นเข้ามามสี ่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบาย กำกับ ติดตาม การดำเนนิ งานและกิจกรรมตา่ ง ๆ ของสถานศึกษาอยทู่ ุกโอกาส
12. โครงสรา้ งการบริหารจดั การสถานศึกษา ผ้อู ำนวยการส เครือข่ายต่างๆ รองผอู้ ำนวยการสถานศึกษา รองผ้อู ำนวยการสถานศึกษา ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายบรหิ ารงานทวั่ ไป หัวหน้ากล่มุ งานบรหิ ารงาน หัวหนา้ กลุม่ งานบริหารงาน วิชาการ ทวั่ ไป กลมุ่ งานวชิ าการ ประกอบดว้ ย กล่มุ งานบรหิ ารทว่ั ไป ประกอบดว้ ย 1.1 การพัฒนาหรอื การดำเนนิ การ 1.1 งานพฒั นาระบบเครอื ข่ายขอ้ มูล เกย่ี วกับการให้ความเหก็ ารพัฒนา สารสนเทศ สาระหลักสูตรทอ้ งถ่ิน 1.2 งานประสานงานและพฒั นา 1.2 การวางแผนงานดา้ นวชิ าการ เครอื ขา่ ยการศกึ ษา 1.3 การจัดการเรียนการสอนใน 1.3 งานวางแผนการบริหารงาน สถานศึกษา การศกึ ษา 1.4 การพฒั นาหลักสูตรของ 1.4 งานวจิ ัยเพื่อพฒั นานโยบายและ สถานศึกษา แผน 1.5 การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 1.5 งานจดั ระบบการบรหิ ารและ 1.6 การวัดผล ประเมนิ ผลและ พัฒนาองคก์ ร ดำเนนิ การเทยี บโอนผลการเรยี น 1.6 งานพัฒนามาตรฐานการ 1.7 การวิจัยเพื่อพัฒนาคณุ ภาพ ปฏิบัตงิ าน [พกามิ รพศท์ กึ ่ีนษ่ี]าในสถานศึกษา 1.7 งานเทคโนโลยีเพ่ือการศกึ ษา 1.8 งานดำเนนิ งานธรุ การ
สถานศกึ ษา 8 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน หวั หนา้ กล่มุ งานบรหิ ารงาน หวั หน้ากลุม่ งานบริหารงาน บุคคล งบประมาณ กลมุ่ งานบคุ คล ประกอบดว้ ย กลุม่ งานงบประมาณ ประกอบดว้ ย 1.1 งานวางแผนอัตรากำลงั 1.1 งานจดั ทำแผนงบประมาณ และ 1.2 งานจดั สรรอัตรากำลงั คำขอตั้งงบประมาณ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการ 1.2 งานจัดทำแผนปฏิบัตริ าชการ ศกึ ษา การใช้จ่ายเงนิ และอนมุ ตั ิการใช้จ่าย 1.3 งานสรรหาและบรรจุแตง่ ตง้ั งบประมาณตาม 1.4 งานเปลีย่ นตำแหน่งใหส้ งู ขนึ้ แผนปฏบิ ัตริ าชการ การยา้ ยขา้ ราชการครแู ละบุคลากร 1.3 งานตรวจสอบ ติดตาม งาน ทางการศึกษา รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ 1.5 การดำเนนิ การเก่ียวกบั การเลอ่ื น 1.4 งานตรวจสอบติดตามและ ขั้นเงินเดอื น รายงานผลการใชผ้ ลลติ จาก 1.6 งานดำเนนิ การเก่ยี วกบั งานลา งบประมาณ ของบคุ ลากร 1.5 งานระดมทรพั ยากรและการ ลงทุนเพอื่ การศกึ ษา 8
1.8 การพฒั นาและส่งเสริมใหม้ ี 1.9 งานดแู ลอาคารสถานท่ีและ แหล่งเรยี นรู้ สภาพแวดลอ้ ม 1.9 การนิเทศการศกึ ษา 1.10 งานจดั ทำสำมะโนผู้เรยี น 1.10 การแนะแนว งานรบั นักเรียน 1.11 การพฒั นาระบบประกนั 1.11 งานเสนอความเหน็ เกย่ี วกบั คณุ ภาพภายในและมาตรฐาน การตั้ง ยุบ รวม หรอื เลิกสถานศึกษา การศึกษา 1.12 งานประสานงานเก่ยี วกับ 1.12 การส่งเสริมชุมชนใหม้ ีความ การศกึ ษาในระบบ นอกระบบ เข้มแขง็ ทางวิชาการ และตามอธั ยาศยั 1.13 การประสานความรว่ มมือใน 1.13 งานระดมทรพั ยากรเพื่อ การพัฒนาวิชาการกบั สถานศกึ ษา การศึกษา และองคก์ รอื่น 1.14 งานทัศนศึกษา 1.14 การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ งาน 1.15 งานกจิ การนักเรียน วชิ าการแก่บคุ คล ครอบครัว องคก์ ร 1.16 งานประชาสมั พนั ธ์งาน หนว่ ยงานสถานประกอบการและ การศึกษา สถาบนั อืน่ ทีจ่ ดั การศึกษา 1.17 งานสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ 1.15 การจดั ทำระเบียบและแนว การศกึ ษาของบคุ คล ชมุ ชน องคก์ ร ปฏบิ ัติเก่ยี วกับงานดา้ นวชิ าการของ หน่วยงานและสถาบนั ทางสังคมอ่ืน สถานศกึ ษา 1.18 งานประสานราชการกับสว่ น 1.16 การคัดเลือกหนงั สือ แบบเรยี น ภูมภิ าค และสว่ นทอ้ งถ่ิน เพื่อใชใ้ นสถานศกึ ษา 1.19 งานรายงานผลการปฏบิ ตั งิ าน 1.17 การพฒั นาและใชส้ อื่ เทคโนโลยี 1.20 งานจัดระบบควบคมุ ภายใน [พเพิม่อืพกท์ าี่นร่ี]ศกึ ษา หน่วยงาน 1.21 งานวนิ ยั นกั เรยี น การลงโทษ นกั เรียนในโรงเรยี น
9 1.7 งานประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน 1.6 งานบริหารกองทนุ การศึกษาใน ร้องทุกข์ โรงเรยี น 1.8 งานดำเนนิ การทางวินยั และการ 1.7 งานบรหิ ารจัดการทรพั ยากรเพ่อื ลงโทษ การอุทธรณ์ และการ การศึกษา 1.9 งานสั่งพกั ราชการ และการสั่งให้ 1.8 งานวางแผนพสั ดุ ออกราชการไวก้ อ่ น งานออกจาก 1.9 งานกำหนดรูปแบบรายการ หรอื ราชการ คณุ ลักษณะเฉพาะครุภณั ฑ์ 1.10 งานจัดทะเบยี นประวตั ิ สงิ่ กอ่ สรา้ ง 1.11 งานจดั ทำรายชอ่ื และให้ 1.10 งานพัฒนาระบบขอ้ มูล ความเหน็ เก่ยี วกับการเสนอขอ สารสนเทศ เพอื่ การจัดทำและจดั หา พระราชทานเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ พัสดุ 1.12 งานสง่ เสรมิ การประเมินวทิ ย 1.11 งานจดั หาพสั ดุ ควบคุม ฐานะขา้ ราชการครูและบุคลากร บำรงุ รักษา และจำหน่ายพสั ดุ ทางการศึกษา 1.12 งานรบั เงิน จดั เก็บรกั ษาเงนิ 1.13 งานสง่ เสรมิ และยกยอ่ งเชดิ ชู จดั ทำบญั ชกี ารใช้จา่ ยเงนิ ทะเบยี น เกยี รติ และรายงานการใช้ 1.14 งานส่งเสริมมาตรฐานวชิ าชีพ จา่ ยงบประมาณ และจรรยาบรรณวชิ าชพี 1.15 งานสง่ เสริมวินยั คณุ ธรรม จริยธรรมสำหรับข้าราชการครู และ บคุ ลากรทางการศกึ ษา 9
สว่ นท่ี 2 บริบททีเ่ กีย่ วข้องและการวิเคราะหส์ ถานการณ์ (SWOT Analysis) ของโรงเรียนอนบุ าลวาปีปทุม 1. ทศิ ทางของการพัฒนาการศกึ ษา 1.1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 134 ตอนที่ 40 ก 6 เมษายน 2560 มาตรา 54 รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลาสบิ สองปี ตงั้ แต่ ก่อนวัยเรียนจนจบ การศึกษาภาคบังคับอย่างมคี ุณภาพโดยไม่เก็บคา่ ใช้จ่าย รฐั ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ ด็กเล็กได้รบั การดูแลและพัฒนาก่อน เข้ารับการศึกษาตามวรรคหนึ่ง เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย โดย ส่งเสริมและสนับสนุน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วยรัฐต้อง ดำเนินการให้ประชาชนไดร้ ับการศึกษาตามความ ต้องการในระบบตา่ ง (รวมทั้งส่งเสรมิ ให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวติ และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษา ทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษาดังกล่าวมีคุณภาพและได้ มาตรฐานสากลทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษา แห่งชาติซึ่งอย่างน้อย ต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดท ำ แผนการศึกษาแห่งชาติ และการดำเนินการและตรวจสอบการดำเนินการ ให้เป็นไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติ ด้วยการศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ ตามความถนัด ของตน และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติในการดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการ ดูแลและพัฒนาตามวรรคสอง หรือให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามรรคสาม รัฐต้องดำเนินการให้ผู้ขาดแคลน ทุนทรัพย์ได้รับกรสนับสนุนค่าใช้จา่ ยในการศึกษาตามความถนัดของตน ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาและเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพ ครู โดยให้รัฐจดั สรรงบประมาณให้แก่กองทุน หรือใช้มาตรการหรือกลไกทางภาษีรวมทั้งการให้ผู้บริจาคทรัพยส์ ิน เขา้ กองทุนไดร้ ับประโยชนใ์ นการลดหย่อนภาษีดว้ ย ทง้ั นี้ ตามทกี่ ฎหมายบัญญตั ซิ ึ่งกฎหมายดงั กล่าวอย่างน้อยต้อง กำหนดให้การบริหารจัดการกองทุน เป็นอิสระและกำหนดให้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ดงั กลา่ ว 1.2 แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 เป็นแผนยุทธศาสตรด์ ้านการศึกษาระยะยาว โดยมุ่งจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคนสามารถเขา้ ถึงโอกาส และความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษาท่ีมปี ระสิทธิภาพพัฒนากำลังคน ใหม้ สี มรรถนะในการทำงานท่สี อดคล้องกับความต้องการของตลาดงาน และการพัฒนาประเทศเพื่อให้หน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาได้นำไปเป็นกรอบและแนวทาง การพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับพลเมือง ทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต ภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและของโลกที่ขับเคลื่อนด้วย นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งความเป็นพลวัตรเพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวขา้ มกับดักประเทศที่มี รายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งภายใต้กรอบแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 ได้กำหนด
11 สาระสำคัญสำหรับบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาการศึกษาใน 5 ประการ ได้แก่ การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา (Access) ความเท่าเทียมทางการศึกษา (Equity) คุณภาพการศึกษา (Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และ ตอบโจทย์บริบทเปลี่ยนแปลง (Relevancy) ในระยะ 20 ปีข้างหน้า และมียุทธศาสตร์ 6 ประการ คือ 1) การ จัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคม และประเทศชาติ 2) การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3) การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคม แห่งการเรียนรู้ 4) การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา 5) การจัดการศึกษา เพ่ือสรา้ งเสริมคณุ ภาพชีวิตท่เี ปน็ มติ รกับสง่ิ แวดลอ้ ม 6) การพฒั นาประสทิ ธิภาพของระบบบริหารจดั การศึกษาและ แผนแม่บทภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติได้กำหนดประเด็นการพัฒนาไว้ 23 ประเด็น มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยเฉพาะ คือ ประเดน็ ท่ี 11 การพัฒนาศกั ยภาพคนตลอดช่วงชวี ติ และประเดน็ ท่ี 12การพฒั นาการเรยี นรู้ 1.3 แผนปฏิบตั ิการดา้ นการจดั การศึกษาปฐมวัย ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (พ.ศ. 2563 - 2565) กระทรวงศึกษาธิการตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัย และพิจารณาเห็นว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน มีปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยมากขึ้นทั้งใน ด้านกฎหมาย ด้านโยบายและแผน รวมถึงบริบทอื่นที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับการจั ด การศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศึกษาธิการ มีกรอบทิศทางและเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจนเป็นไปตาม ข้อกำหนดของกฎหมาย สอดคล้องกับแนวนโยบายและเป้าหมายการพฒั นาของยุทธศาสตรซ์ าติแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา แผนการศึกษาแห่งชาติ นโยบายรัฐบาลนโยบาย กระทรวงศึกษาธิการ และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง เพื่อเป็นการรวมพลังในการผลักดันและขับเคลื่อน การพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้เด็กปฐมวัยได้รับการดูแล และ พัฒนาให้มีพัฒนาการสมวัย มีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ในระตับที่สูงขึ้น เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพตาม เป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ผ่านการขับเคลื่อน 6 ประเด็นยุทธ์ศาสตร์ 1) สร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการ การศกึ ษาปฐมวยั อย่างท่ัวถึง เท่าเทียม และเปน็ ธรรม 2) พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัย 3) สง่ เสริม และ พัฒนาพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนในการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย4) ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และ เผยแพรอ่ งค์ความรู้ ส่ือ นวัตกรรมการจัดการศึกษาปฐมวัย5) พฒั นาประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย 6) จดั ระบบขอ้ มูลและสารสนเทศการศึกษาปฐมวยั และ 7) ปรบั ปรุงกฎหมาย กฎ ระเบยี บที่เก่ยี วข้องให้เอ้ือต่อการ จัดการศึกษาปฐมวัย
12 1.4 แผนปฏบิ ัตริ าชการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) ของกระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทำแผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) ที่สอดคล้อง เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 - 2580 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) นโยบายและแผนระดับชาติวา่ ดว้ ยความ มั่นคง เพื่อให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ ซึ่งมีสาระสำคัญ 5 เรื่อง ได้แก่ 1) การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ 2) การผลิตและ พัฒนากำลังคน การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3) การพัฒนา ศักยภาพคน ทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ 4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคและความเท่าเทียม ทางการศึกษา และ 5) การพฒั นาประสิทธิภาพของระบบบรหิ ารจดั การศึกษา 1.5 แผนปฏบิ ตั ิราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการบา้ นเมืองท่ีดี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2562 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) ที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคง และแผนปฏิบัติราชการ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) ของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ใชเ้ ปน็ กรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน และแผนอื่น ๆ ในปี พ.ศ. 2563 ถึง 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญ 6 เรื่อง ได้แก่ 1) การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ 2) การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3) การพัฒนาศักยภาพคน ทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ 4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคและ ความเท่าเทียมทางการศึกษา 5) การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) การ พัฒนาประสิทธิภาพของระบบบรหิ ารจดั การศึกษา โดยมเี ปา้ หมาย ตวั ชีว้ ดั แนวทางการพฒั นา แผนงาน/โครงการ สำคญั ในแผนปฏบิ ัติราชการแตล่ ะเร่ืองดังกลา่ ว เนื่องด้วยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีการปรับเปลี่ยนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ และนโยบาย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เดิมในแผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ.2563-2565) ของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดสาระสำคัญไว้ 6 เรื่องตามนโยบายและจุดเน้นเดิมของ กระทรวงศึกษาธิการ และนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่ เปลี่ยนแปลงไป กระทรวงศึกษาธิการมีประกาศนโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี 2564-2565 และนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีการปรับเปลี่ยน จึงมีการปรับ แผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ.2563-2565) มาสู่แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2564-2565 ซึ่ง
13 กำหนดสาระสำคัญไว้ 4 เรื่อง ที่สอดคล้องกับ นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมี การบูรณาการ เป้าหมาย ตัวชี้วัดแนวทางการพัฒนา และแผนงาน/โครงการสำคัญ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการ พฒั นาคณุ ภาพทางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานของประเทศต่อไป 1.6 แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2564 - 2565) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน(พ.ศ. 2564 - 2565) เพือ่ ใชเ้ ป็นกรอบทิศทางในการดำเนินงานของหน่วยงานท่ีเกีย่ วข้อง เพ่ือให้บรรลเุ ปา้ หมายท่ีกำหนดไว้อย่าง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เชื่อมโยงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติพ.ศ. 2561 - 2580 แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12(พ.ศ. 2560 - 2564) แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 แผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565) กระทรวงศึกษาธกิ าร แผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 - 2565 สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน นโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 และ นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 รวมทั้ง ใช้เป็นแนวทาง ในการกำกับ ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ซึ่งมีสาระสำคัญ 4 เรื่อง ได้แก่ 1) ส่งเสริมการจัดการศึกษาให้ ผู้เรียนมีความปลอดภัยจากภัยทุกรูปแบบ 2) สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรวัย เรยี นทกุ คน 3) ยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปล่ียนแปลงในศตวรรษท่ี 21 1) เพิ่มประสิทธภิ าพ การบรหิ ารจดั การศกึ ษา โดยมีเป้าหมาย จำนวน 14 เปา้ หมาย ตวั ช้ีวดั จำนวน 18 ตัวชี้วดั และแนวทางการพฒั นา จำนวน 49 แนวทาง เพ่อื ใชใ้ นการขับเคลื่อนการพฒั นาคุณภาพทางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานของประเทศต่อไป 1.7 นโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 นโยบายการจัดการศกึ ษา 12 ขอ้ ดงั น้ี ข้อ 1 การปรับปรงุ หลักสูตรและกระบวนการเรยี นรูใ้ ห้ทันสมัย และทันการเปล่ียนแปลงของโลกใน ศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกระดับการศึกษาให้มีความรู้ ทักษะและคุณลักษณะที่เหมาะสมกับบริบท สงั คมไทย ข้อ 2 การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและอาจารย์ในระดับการศึกษาขั้นพื้ นฐานและ อาชีวศึกษาให้มีสมรรณะทางภาษาและดิจิทัล เพื่อให้ครูและอาจารย์ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะทั้งด้านการ จัดการเรยี นรู้ ด้วยภาษาและดิจิทลั สามารถปรบั วิธกี ารเรียนการสอนและการใช้สื่อทันสมัยและมีความรับผิดชอบ ตอ่ ผลลัพธท์ างการศกึ ษาท่ีเกดิ กบั ผู้เรียน
14 ข้อ 3 การปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลแห่งชาติ(NDLP) และ การส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีหน่วยงานรับผิดชอบพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วย ดจิ ทิ ลั แห่งชาติ ที่สามารถนำไปใช้ในกระบวนการจดั การเรียนรู้ทีท่ ันสมัยและเข้าถึงแหลง่ เรยี นรู้ ได้อย่างกว้างขวาง ผ่านระบบออนไลน์ และการนำฐานขอ้ มูลกลางทางการศึกษามาใชป้ ระโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหาร และการจดั การศกึ ษา ข้อ 4 การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษา โดยการส่งเสริมสนับสนุน สถานศกึ ษาให้มีความป็นอสิ ระและคล่องตัว การกระจายอำนาจการบริหารและการจดั การศึกษาโดยใชจ้ ังหวัดเป็น ฐาน โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายการศึกษาแห่งชาติที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อกำหนดให้มีระบบบริหารและการ จดั การ รวมถึงการจัดโครงสร้างหนว่ ยงานใหเ้ อ้อื ต่อการจดั การเรียนการสอนใหม้ ีคณุ ภาพสถานศกึ ษาให้มีความเป็น อิสระและคล่องตัว การบริหารและการจัดการศึกษโดยใช้จังหวัดเป็นฐานมีระบบการบริหารงานบุคคลโดยยึดหลกั ธรรมาภบิ าล ขอ้ 5 การปรบั ระบบการประเมินผลการศึกษาและการประกันคณุ ภาพ พรอ้ มจดั ทดสอบวัดความรู้ และทักษะที่จำเป็นในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาทั้งสายวิชาการและสายวิชาชีพ เพื่อให้ระบบการประเมินผล การศึกษาทุกระดับและระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยตอบสนองผลสัพธ์ ทางการศกึ ษาไดอ้ ย่างเหมาะสม ข้อ 6 การจัดสรรและการกระจายทรัพยากรให้ทั่วถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการระดมทรัพยากร ทางการศึกษาจากความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษามีความเป็นธรรมและสร้าง โอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพทัดเทียมกลุ่มอื่นๆกระจายทรัพยากรทั้งบุคลากรทาง การศึกษา งบประมาณ และส่อื เทคโนโลยไี ดอ้ ย่างท่วั ถึง ข้อ 7 การนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ( NOF) และกรอบคุณวุฒิอ้างองิ อาเซยี น (AQRF) สู่การปฏิบตั ิ เป็นการผลิตและการพัฒนากำลังคนเพื่อการพัฒนาประเทศโดยใช้กรอบคุณวุฒิแห่งชาติเชื่อมโยงระบบการศึกษา และการอาชีพโดยใช้กลไกการเทียบโอนประสบการณ์ด้วยธนาคารหนว่ ยกิตและการจัดทำมาตรฐานอาชีพในสาขา ทสี่ ามารถอา้ งองิ อาเซียนนได้ ข้อ 8 การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาเพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย เพื่อเป็นการขับเคลื่อนแผนบูรณาการการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ตามพระราชบญั ญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 สกู่ ารปฏบิ ตั ิเป็นรปู ธรรมโดยหนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้องนำไปเป็น กรอบในการจัดทำแผนปฏิบัตกิ ารเพอื่ พฒั นาเดก็ ปฐมวัย และมีการติดตามความกา้ วหนา้ เปน็ ระยะ
15 ข้อ 9 การศึกษาเพื่ออาชีพและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ผู้จบการ ศึกษระดับปริญญาและอาชีวศึกษามีอาชีพและรายได้ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีมีส่วนช่วย เพ่มิ ขีดความสามารถในการแช่งขนั ในเวทีโลกได้ ข้อ 10 การพลกิ โฉมระบบการศึกษาไทยดว้ ยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยที ี่ทนั สมัยมาใช้ในการ จัดการศึกษาทุกระดับการศึกษา เพ่อื ให้สถาบนั การศึกษาทกุ แห่งนำนวัตกรรมและเทคโนโลยที ่ีทันสมยั มาใช้ในการ จัดการศกึ ษาผา่ นระบบดิจิทัล ข้อ 11 การเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพของกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา และผเู้ รียนทีม่ ีความต้องการจำเป็นพิเศษ เพ่ือเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพของกลมุ่ ผู้ด้อยโอกาส ทางการศกึ ษา และผเู้ รียนทม่ี ีความต้องการจำเปน็ พิเศษ ข้อ 12 การจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย โดยยืดหลักการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเก่ียวข้อง เพื่อเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาท่ีมคี ุณภาพของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ทางการศกึ ษาและผ้เู รียนทม่ี คี วามตอ้ งการจำเปน็ พิเศษ 1.8 นโยบายระยะเรง่ ด่วน (Quick Win) ของกระทรวงศึกษาธกิ าร 1. ความปลอดภัยของผู้เรียน โดยจัดให้มีรูปแบบ วิธีการ หรือกระบวนการในการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มีความสุข และได้รับการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยท้ัง ด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการสร้างทักษะให้ผู้เรียนมีความสามารถในการดูแลตนเองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ทา่ มกลางสภาพแวดลอ้ มทางสังคม 2. หลักสูตรฐานสมรรถนะ มุ่งเน้นการจัดการเรยี นรูท้ ี่หลากหลายโดยยดึ ความสามารถของผูเ้ รียนเปน็ หลกั และพฒั นาผู้เรยี นให้เกดิ สมรรถนะที่ต้องการ 3. ฐานข้อมูล Big Data พัฒนาการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและไม่ซ้ำช้อน เพื่อให้ได้ข้อมูลภาพ รวมการศึกษาของประเทศทีม่ ีความครบถ้วน สมบูรณ์ ถูกต้องเป็นปัจจุบนั และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่าง แท้จรงิ 4. ขบั เคล่อื นศนู ยค์ วามเป็นเลศิ ทางการอาชวี ศกึ ษา (Excellent Center) สนบั สนุนการดำเนนิ งานของ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) ตามความเป็นเลิศของแต่ละสถานศึกษาและตาม บริบทของพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของประเทศท้ังในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนมีการจัดการเรียนการ สอนดว้ ยเคร่ืองมอื ทท่ี นั สมัย สอดคลอ้ งกบั เทคโนโลยปี ัจจุบัน 5. พัฒนาทักษะทางอาชีพ ส่งเสริมการจัดการศึกษาที่เน้นพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียนเพื่อพัฒนา คณุ ภาพชีวติ สรา้ งอาชีพและรายไดท้ ่ีเหมาะสม และเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ 6. การศกึ ษาตลอดชีวิต การจดั เรียนรู้ตลอดชวี ติ สำหรบั ประชาชนทุกช่วงวัยให้มคี ุณภาพและมาตรฐาน ประชาชนในแตล่ ะช่วงวยั ไดร้ ับการศกึ ษาตามความต้องการอย่างมมี าตรฐาน เหมาะสมและเต็มตามศกั ยภาพต้ังแต่ วัยเด็กจนถึงวัยชรา และพฒั นหลกั สูตรท่เี หมาะสมเพือ่ เตรยี มความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สงู วัย
16 7. การจัดการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ส่งเสริมการจัดการศึกษาให้ผู้ที่มีความ ต้องการจำเป็นพิศษได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ สามารถดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีเกียรติศักดิ์ศรีเท่าเทียม กับผอู้ ่ืนในสงั คม สามารถช่วยเหลอื ตนเอง และมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาประเทศ 1.9 นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - พ.ศ. 2565 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาชน้ั พืน้ ฐาน ตระหนักถึงนโยบายด้านการศกึ ษา ซึง่ ถือเปน็ ส่วนสำคัญ ยิ่งในการพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในทุกด้านดังนั้น เพื่อให้การ ดำเนนิ การเกดิ ผลสัมฤทธิแ์ ละสอดคล้องกบั แผนการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะกจิ กรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) ที่มีความสำคัญเร่งด่วน และสามารถดำเนินการ และวัดผลได้อยา่ งเป็นรูปธรรมในชว่ งปี พ.ศ. 2564 - พ.ศ. 2565 ซ่ึงเกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ได้แก่ (1) การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย (2) การพัฒนาการ จดั การเรยี นการสอนสกู่ ารเรียนรูฐ้ านสมรรถนะเพ่ือตอบสนองการเปลย่ี นแปลงในศตวรรษที่ 21 และ (3) การสร้าง ระบบการผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณภาพ จึงกำหนดนโยบายสำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - พ.ศ. 2565 ดงั นี้ 1) ด้านความปลอดภัย พัฒนาระบบและกลไกในการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา และสถานศึกษา จากภัยพิบัติและภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี สามารถปรับตัวตอ่ โรคอบุ ัติใหมแ่ ละโรคอุบตั ซิ ้ำ 2) ด้านโอกาส 2.1 สนับสนุนให้เด็กปฐมวัยได้เข้าเรียนทุกคน มีพัฒนาการที่ดี ทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา ใหส้ มกบั วัย 2.2 ดำเนนิ การ ให้เด็กและเยาวชนได้รบั การศกึ ษาจนจบการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน อยา่ งมีคุณภาพ ตามมาตรฐาน วางรากฐานการศึกษาเพื่ออาชีพ สามารถวิเคราะห์ตนเองเพื่อการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ ตรงตามศกั ยภาพและความถนัดของตนเอง รวมท้ังส่งเสริมและพฒั นาผเู้ รยี นท่มี ีความสามารถพเิ ศษส่คู วามเป็นเลิศ เพ่ือเพม่ิ ขดี ความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ 2.3 พัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่อยู่ในการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้ ออกจากระบบการศึกษา รวมท้งั ชว่ ยเหลือเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคันให้ได้รับการศึกษาข้ันพื้นฐานอย่างเท่า เทยี มกนั 2.4 ส่งเสริมให้เด็กพิการและผู้ด้อยโอกาส ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพมีทักษะ ในการดำเนินชีวิต มีพน้ื ฐานในการประกอบอาชีพ พ่งึ ตนเองได้อย่างมีศักด์ิศรีความเปน็ มนษุ ยต์ ามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง
17 3) ด้านคุณภาพ 3.1 ส่งเสริมการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะการเรียนรู้และทักษะที่จำเป็นของโลก ในศตวรรษที่ 21 อย่างครบถ้วน เป็นคนดี มีวินัย มีความรักในสถาบันหลักของชาติ ยึดมั่นการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ มที ศั นคตทิ ่ถี ูกตอ้ งตอ่ บา้ นเมือง 3.2 พัฒนาผเู้ รียนให้มีสมรรถนะ และทักษะด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ การคิดขั้นสูง นวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิทัล และภาษาต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการเลือก ศกึ ษาต่อเพอื่ การมีงานทำ 3.3 ปรับหลกั สตู รเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ ทีเ่ น้นการพฒั นาสมรรถนะหลักท่ีจำเป็นในแต่ละ ระดับ จัดกระบวนการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจรงิ รวมทั้งส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่สร้างสมดุลทุกด้าน ส่งเสริม การจดั การศึกษาเพอื่ พฒั นาพหปุ ญั ญา พัฒนาระบบการวัดและประเมนิ ผลผู้เรยี นทุกระดบั 3.4 พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้เป็นครูยุคใหม่ มีศักยภาพในการจัดการเรียน การสอนตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ มีทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ได้ดี มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ดิจิทลั มีการพัฒนาตนเองทางวิชาชพี อย่างตอ่ เนื่อง รวมทัง้ มจี ิตวิญญาณความเปน็ ครู 4) ด้านประสิทธิภาพ 4.1 พัฒนาระบบบรหิ ารจดั การโดยใชพ้ นื้ ที่เป็นฐาน มีนวัตกรรมเปน็ กลไกหลกั ในการขบั เคลอ่ื น บนฐานข้อมูลสารสนเทศทถ่ี กู ต้อง ทนั สมัย และการมีส่วนร่วมของทกุ ภาคส่วน 4.2 พัฒนาโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง โรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนขนาดเล็กและ โรงเรียนที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ (Stand A Ione) ให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับบริบทของ พนื้ ที่ 4.3 บริหารจัดการโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ที่มีจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปที ี่ 1 - 3 น้อยกวา่ 20 คน ให้ได้รบั การศกึ ษาอยา่ งมคี ุณภาพ สอดคลอ้ งกบั นโยบายโรงเรียนคณุ ภาพของชมุ ชน 4.4 ส่งเสริมการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพในสถนศึกษาท่ีมีวัตถุประสงคเ์ ฉพาะ และสถานศึกษา ที่ต้ังในพ้นื ท่ลี กั ษณะพเิ ศษ 4.5 สนับสนุนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาให้เป็นต้นแบบการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาและการ เพมิ่ ความคล่องตัวในการบรหิ ารและการจดั การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 4.6 เพิ่มประสทิ ธภิ าพการนิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน
18 1.10 จดุ เน้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน วสิ ัยทศั น์ \"สร้างคณุ ภาพทนุ มนุษย์ สูส่ งั คมอนาคตทยี่ งั่ ยนื \" พันธกิจ 1. จัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติและการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ 2. พัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อสร้างขีดความสามารถในการ แขง่ ขัน 3. พฒั นาศักยภาพและคุณภาพผู้เรยี นใหม้ สี มรรถนะตามหลักสูตรและคุณลกั ษณะในศตวรรษที่ 21 4. สร้างโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ผู้เรียนทุกคนได้รับบริการทางการศึกษา อยา่ งทว่ั ถึงและเทา่ เทยี ม 5. พัฒนาผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาให้เป็นมอื อาชีพ 6. จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพยี ง และเปา้ หมายการพฒั นาท่ยี งั่ ยนื (Sustainable Development Goals : SDGs) 7. ปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาทุกระดับ และจัดการศึกษาโดยใช้ เทคโนโลยีดิจทิ ลั ผลสัมฤทธ์ิและเปา้ หมายการใหบ้ รกิ ารหน่วยงาน 1. ผู้เรียนมีความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ รวมถึงผู้เรียนในเขต พฒั นาพศิ ษเฉพาะกจิ จังหวดั ชายแดนภาคใต้ไดร้ ับกรศึกษาสอดคล้องกับอตั ลกั ษณข์ องจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ 2. ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพชีวิตที่มีคุณภาพ และส่งเสริมทักษะที่จำเป็นใน ศตวรรษท่ี 21 3. ประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับโอกาสในการเข้าถึงบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพ และมีมาตรฐาน อย่างเสมอภาคและเทา่ เทียมกนั 4. ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ มีทักษะ ความเป็นเลิศทางวิชาการ เพื่อตอบสนองความ ตอ้ งการของประเทศ 5. พฒั นาระบบบริหารจดั การเพื่อเพ่ิมประสทิ ธภิ าพใหส้ งู ขึน้ กลยทุ ธห์ นว่ ยงาน กลยุทธท์ ่ี 1 สง่ เสริมการจัดการศึกษาใหผ้ ้เู รยี นมีความปลอดภยั จากภยั ทกุ รูปแบบ กลยุทธท์ ี่ 2 สรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษาให้กับประชากรวยั เรียนทุกคน กลยทุ ธ์ท่ี 3 ยกระดับคุณภาพการศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงในศตวรรษที่ 21 กลยุทธท์ ่ี 4 เพ่ิมประสิทธิภาพการบรหิ ารจดั การศึกษา
19 1.11 จุดเน้นสำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษามหาสารคาม เขต 2 วิสัยทัศน์ (Vision) \"เปน็ องคก์ รบรหิ ารจัดการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน สร้างคณุ ภาพทนุ มนุษย์ สมู่ าตรฐานสากลบนวิถี พอเพียงอย่างยง่ั ยืน\" พันธกจิ (Mission) 1. จัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติและการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข 2. พัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถความเป็นเลิศทางวิซาการเพื่อสร้างขีดความสามารถใน การแข่งขัน 3. พฒั นาศกั ยภาพและคณุ ภาพผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามหลักสตู รและคุณลกั ษณะในศตวรรษท่ี 21 4. สร้างโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ผู้เรียนทุกคนได้รับบริการทางการศึกษา อยา่ งทัว่ ถึง และเทา่ เทยี ม 5. พัฒนาผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษาให้เป็นมืออาชพี 6. จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง และเปา้ หมายการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื (Sustainable Development Goals : SDGs) 7. ปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาทุกระดับ และจัดการศึกษา โดยใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) เพอื่ พฒั นามงุ่ สู่ Thailand 4.0 เปา้ ประสงคห์ ลกั (Goals ) 1. นักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีพัฒนาการเหมาะสมตามวยั และมคี ณุ ภาพ 2. ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับโอกาสในการศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างทั่วถึง มีคุณภาพและ เสมอภาค 3. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีสมรรถนะตรงตามสายงานและมีวัฒนธรรรมการทำงานท่ี มงุ่ เน้นผลสัมฤทธิ์ 4. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา มีประสิทธิภาพ และเป็นกลไกขับเคลื่อน การศึกษาขัน้ พน้ื ฐานตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง สูค่ ณุ ภาพระดับมาตรฐานสากล 5. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 เน้นการทำงานแบบบูรณาการ มีเครือข่ายการบริหารจัดการ บริหารแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการจัดการศึกษา กระจายอำนาจ และ ความรับผดิ ชอบสู่สถานศกึ ษา 6. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 บริหารอย่างมีประสิทธิภาพ และมีรูปแบบการบรหิ ารจัดการศกึ ษาท่ีเหมาะสมตามบริบทของพื้นท่ี 7. สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถศึกษามหาสารคาม เขต 2 และสถานศึกษา มีส่ือ เทคโนโลยี และระบบข้อมลู สารสนเทศเพอ่ื การบรหิ ารจดั การศึกษาอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
20 กลยทุ ธ์เชิงนโยบาย จากวสิ ัยทศั น์ พันธกจิ เป้าประสงค์ สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 จึงกำหนดประเด็นกลยทุ ธเ์ ชิงนโยบาย ปงี บประมาณ 2564 จำนวน 4 ประเด็น ดังตอ่ ไปนี้ นโยบายที่ 1 ด้านความปลอดภยั นโยบายท่ี 2 ด้านโอกาส นโยบายที่ 3 ดา้ นคณุ ภาพ นโยบายท่ี 4 ดา้ นประสทิ ธภิ าพ สรุปไดว้ ่า จากการศึกษาเอกสาร หลกั ฐานและข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ ทงั้ ในระดบั หนว่ ยงานผู้กำหนด นโยบายและหน่วยงานต้นสังกัดในการดูแลและขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาระดับพื้นที่ จึงส่งผลให้ได้รับทราบ ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกบั แนวทางการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาเพ่ือนำมาประกอบกับแนวคิด ทฤษฎีที่ใช้ใน การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกสถานศึกษาท่ีเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของสถานศึกษาแต่ สถานศึกษาไม่สามารถควบคุมได้หรือควบคุมไม่ได้ในระยะสั้น ๆ อันประกอบด้วย 1) ด้านสังคมและวัฒนธรรม (Social – Cultural Factors : S) ได้แก่ จำนวนประชากร ระบบการศึกษา ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี แนวโน้มทางสังคม การคมนาคม การสื่อสาร อาชีพและปัญหาสังคม ฯลฯ 2) ด้านเทคโนโลยี(Technological Factors : T) ได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการผลิต เครื่องจักรกลต่าง ๆ เทคโนโลยีสารสนเทศ และ ภูมิปัญญาชาวบา้ น ฯลฯ 3) ด้านเศรษฐกจิ (Economic Factors : E) ได้แก่ รายได้ของผปู้ กครอง ภาวะทางการเงิน การว่างงาน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย การลงทุนต่าง ๆ ฯลฯ 4) ด้านการเมืองและกฎหมาย (Political and Legal Factors : P) ได้แก่ รัฐธรรมนูญพระราชบัญญัติการศึกษา หลักสูตร นโยบายรัฐบาล นโยบายหน่วยงานต้นสังกัด กฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ การแทรกแซงทางการเมือง ฯลฯ และการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมภายในเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อการปฏิบัติงานของสถานศึกษาและสถานศึกษาสามารถ ควบคุมปัจจัยเหล่านี้ได้ อันประกอบด้วย 1) โครงสร้างและนโยบายของสถานศึกษา (Structure : S1) ได้แก่ โครงสรา้ ง นโยบายระบบงานของสถานศกึ ษา ฯลฯ 2) ผลผลติ และการบริการ (Product and Service : S2) ได้แก่ ประสิทธิภาพของการให้บริการทางการศึกษา คุณภาพของการให้บริการของการศึกษา และคุณภาพของผู้เรียน ฯลฯ 3) บุคลากร (Man : M1) ได้แก่ ปริมาณและคณุ ภาพของบุคลากรในสถานศกึ ษา 4) ประสทิ ธิภาพทางการเงิน (Money : M2)ได้แก่ ความเพียงพอ ความคล่องตัวในการเบิกจ่ายเงิน ประสิทธิภาพของการใช้เงินที่เน้นผลผลิต การระดมทรัพยากร และการใช้ทรัพยากรของสถานศึกษา ฯลฯ 5) วัสดุ อุปกรณ์(Material : M3) ได้แก่ ความเพียงพอและคุณภาพของวสั ดุอปุ กรณ์ในสถานศึกษา 6) การบรหิ ารจดั การ (Management : M4) ได้แก่ การ มีส่วนร่วมของบุคลากรในสถานศึกษา การมอบอำนาจ การกระจายอำนาจในการบริหารจัดการของสถานศึกษา การประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ก็จะส่งผลให้โรงเรียนสามารถศึกษาสภาพแวดล้อมของหน่วยงาน บริบทที่เกี่ยวข้องและ การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) เพื่อให้ทราบว่าปัจจุบันหน่วยงานเป็นอย่างไร มีปัจจัย จากสภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นโอกาสและอุปสรรค มีปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อน อะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลในการวางทิศทางของหน่วยงานและการท่ีจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาใน อนาคตต่อไป
21 2. บริบททเี่ กีย่ วขอ้ งและการวเิ คราะหส์ ถานการณ์ (SWOT Analysis)ของโรงเรียนอนบุ าลวาปีปทุม 2.1 การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) สภาพแวดล้อมภายนอกจากข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมภายนอกท่สี ง่ ผลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โดยดำเนินการคือ โรงเรียนได้จัดทำแบบวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและ อุปสรรค (SWOT Analysis) ของสถานศึกษาเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในสถานศึกษาและ นำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลวาปีปทุม เพื่อให้คณะครูและบุคลากร ทางการศึกษาได้มีส่วนร่วมในการระดมความคิดตามปัจจัยที่ 4 ด้าน อันประกอบด้วย ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจและด้านการเมืองและกฎหมาย จากนั้นได้ดำเนินการจัดกระทำข้อมูลโดยเ ขียน ข้อความที่ได้จากการะดมความคิดมาเรียบเรียงใหม่โดยเขียนให้เป็นประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ มีปัจจัยเหตุท่ี ส่งผลต่อการจัดการศึกษา มีประเด็นเดียวในประโยคนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่าประเด็นสำคัญ และหากข้อความที่มีหลาย ประเด็นใหส้ รุปประเด็นคล้ายกนั หรอื ซำ้ ซ้อนกันให้เป็นประเดน็ สำคัญเพียงประเด็นเดยี ว (อา้ งอิงในภาคผนวก ค) จากนั้นคณะกรรมการดำเนินงานระดับสถานศึกษาช่วยกันวิเคราะห์ประเด็นสำคัญ ทั้งโอกาสและ อุปสรรค ต่อการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และคัดเลือกประเด็นสำคัญแล้วจัดเตรียมประเด็นสำคัญเหล่าน้ัน ทัง้ 4 ด้าน เพ่อื นำไปใช้ในการใหค้ ่าคะแนนในข้ันตอนประเมนิ ผลสถานศึกษา ซงึ่ จากทคี่ ณะกรรมการดำเนินงานได้ ช่วยกันวิเคราะห์ประเด็นสำคัญทั้งโอกาสและอุปสรรค สามารถแสดงข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการประเมินผล สถานศกึ ษาไดด้ งั นี้ โอกาส (Opportunities) อปุ สรรค (Threats) ด้านสังคมและวฒั นธรรม (S) ด้านสังคมและวัฒนธรรม (S) 1. ผู้ปกครองให้ความไว้วางใจและมีความเชื่อมั่น 1. สภาพของปัญหาครอบครัวที่มีความหลากหลายและ ต่อการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เกิดความ แตกต่างกันด้านเศรษฐกิจ องค์ความรู้ของผู้ปกครอง ศรทั ธาจากชุมชนและสงั คม อกี ทงั้ ชมุ ชนและสังคมมี ปัญหาการแยกทางของพ่อแม่ ฐานะทางครอบครัว จึง ทัศนคตทิ ดี่ ตี ่อโรงเรียน สง่ ผลตอ่ นักเรียน 2. มีแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่เอื้อต่อการจัด 2. โรงเรียนมีถนนเส้นหลักตัดผ่าน ทำให้การสัญจรไปมา กิจกรรมการเรียนรู้ เช่น ศูนย์การศึกษานอกระบบ หน้าบริเวรโรงเรียนมีรถมากซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ (กศน.) วัด สถานีตำรวจ ที่ว่าการอำเภอ สำนักงาน ต่อนักเรียนได้ และจำเป็นต้องอาศัยเจ้าหน้าที่อำนวย สาธารณสุข และแหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆในชมุ ชนเปน็ ต้น ความสะดวกใหก้ บั นักเรียนทุกวนั 3. ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัด 3. จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นและระดับการศึกษาของ การศกึ ษา ใหค้ วามช่วยเหลอื ใหบ้ ริการ พรอ้ มทง้ั ผปู้ กครอง สนับสนุนการดำเนนิ งานต่างๆของสถานศกึ ษาดว้ ยดี
22 4. สภาพแวดล้อมที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในแหล่ง 4. ฐานะทางครอบครัวและสถานะทางการเงินของ ชุมชนที่มีบรรยากาศดี เอื้ออำนวยต่อการคมนาคม นกั เรยี นทแี่ ตกต่างกัน ทำให้ผู้ปกครองสามารถรับส่งบุตรหลานได้สะดวก 5. บริเวณใกล้เคียงโรงเรียนมแี หลง่ บรกิ ารด้านเทคโนโลยี การตดิ ตอ่ สื่อสารกบั ผปู้ กครองทำได้อยา่ งรวดเร็ว ทชี่ ักจูงใจใหน้ ักเรยี นไปใช้บริการทอ่ี าจไมเ่ หมาะสมได้ 5. มีแหลง่ เรียนรู้ทางวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา ทอ้ งถนิ่ ท่สี ่งผลให้ผู้เรียนมีแหลง่ เรียนรทู้ ีด่ ี โอกาส (Opportunities) อปุ สรรค (Threats) ด้านเทคโนโลยี (T) ดา้ นเทคโนโลยี (T) 1. เทคโนโลยี มบี ทบาทในชีวิตประจำวนั มากขึน้ ทำ 1. แหล่งเรียนรู้และสืบค้นภายนอกโรงเรียนบางที่อาจ ใหต้ อ้ งมกี ารจัดการเรียนรูอ้ ยา่ งเหมาะสม ให้บริการนกั เรยี นในการใช้เทคโนโลยไี ม่เหมาะสม ไม่ตรง 2. มีระบบเครือข่ายที่สนับสนุนการจัดการเรียน จุดประสงค์ และไม่รู้จักแบ่งชว่ งเวลาในการใช้งาน ส่งผล อย่างทั่วถึงประกอบกับภายนอกโรงเรียนมีการ กระทบต่อสขุ ภาพและการเรียน ใช้เทคโนโลยใี นทางที่ผิด ให้บริการสื่อเทคโนโลยีเพื่อการสืบค้นข้อมูล และใช้ เช่น เล่นเกม เล่นติ๊กต๊อก แชทออนไลน์ ขาดความสนใจ ในการจัดการเรียนการสอนอย่างสะดวกรวดเร็ว ในการเรียน ส่งผลให้การจัดการเรียนรู้มีรูปแบบที่หลากหลาย 2. การเข้าถึงคอมพิวเตอรเ์ ม่ืออยู่นอกโรงเรยี นไม่เพียงพอ และทันสมัย และมีแหล่งการเรียนรู้ที่ให้นักเรียน บ้านนักเรียนบางคนไม่มีระบบอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงการ สามารถสืบค้นข้อมูลความรู้จากเทคโนโลยีมาใช้ใน เรียนรู้ หรือ ความไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เช่น บาง การเรยี นได้ ครอบครัวมีโทรศัพท์หนึ่งเคร่ือง แต่มีบุตรหลานหลายคน 3. ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์ ทำใหไ้ มพ่ อใช้งาน อินเทอร์เน็ต) ส่งผลทำให้นักเรียนเกิดความรอบรู้ 3. ขาดศูนยก์ ารเรียนรู้ออนไลน์ และสามารถแสวงหาความรู้ไดด้ ้วยตนเอง 4. นักเรียนมีสมาธิในการเรียนรู้สั้น เนื่องจากการใช้ 4. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้ผู้เรียนมี เทคโนโลยีไม่เหมาะสม เช่น การเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ที่ ทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยีใหม่ ๆ บ้านและยังส่งผลต่อการแสดงออกที่โรงเรียนต่อเพื่อน 5. เทคโนโลยีช่วยใหเ้ ด็กเรยี นรู้โลกกว้างขึ้นรู้เท่าทนั ด้านพฤติกรรมที่ก้าวร้าว และเมื่อนักเรียนกลับถึงบ้าน ข่าวเหตุการณ์ต่างๆอย่างรวดเร็ว อีกทั้งนักเรียน ตนเอง นักเรียนอาจใช้เทคโนโลยีมากเกินความจำเป็น อาจมีผลต่อสุขภาพและสายตา สามารถสืบค้นข้อมูลความรู้จากอินเทอร์เน็ตได้ 5. ค่านิยมที่เปลี่ยนไปทำให้เด็กจะติดอยู่กับการใช้ สง่ ผลใหม้ ผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขน้ึ โทรศัพท์ไม่สนใจคนอ่นื หรอื ส่ิงอื่น
23 โอกาส (Opportunities) อปุ สรรค (Threats) ดา้ นเศรษฐกิจ (E) ด้านเศรษฐกิจ (E) 1. ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจาก 1. รายได้ของผปู้ กครองบางคนไมแ่ น่นอน เนอ่ื งจากภาวะ หน่วยงานในท้องถิ่น ผู้ปกครอง คณะกรรมการ เศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนการจัด สถานศึกษาในการบริจาคทุนทรัพย์ วัสดุ อุปกรณ์ การศึกษา ค่าครองชีพในปัจจุบันค่อนข้างสูง ทำให้มี เพื่อสนับสนุนการศึกษา ส่งผลให้การจัดการศึกษา รายจา่ ยเพ่มิ ข้นึ ส่งผลใหก้ ารสนบั สนุนการศึกษามีนอ้ ยลง ของโรงเรียนพัฒนา มีประสทิ ธภิ าพมากข้ึน 2. ผู้ปกครองมีงบประมาณน้อยมีค่าใช้จ่ายสูง ในบาง 2. นักเรียนรู้จักการออม เพื่อนำเงินออมมาใช้จ่าย กรณไี ม่มีงบในการใช้จ่ายให้กบั นักเรียนอยา่ งเพียงพอ ด้านการศึกษาในอนาคต เช่น เด็กนักเรียนรู้จักฝาก 3. มีความเหลื่อมล้ำทางด้านฐานะครอบครัว และความ เงินกับธนาคารโรงเรียน เป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของ 3. โรงเรียนตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจ หรือแหล่งชุมชน นกั เรียน ภาวะเศรษฐกิจในชุมชนดีเอื้อประโยชน์ในการ 4. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ พัฒนาการศึกษาของโรงเรียน ผู้ปกครองและ ผู้ปกครองมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือน หนว่ ยงานใกลเ้ คียงให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ ค่าครองชีพเพ่ิมสงู ข้ึน แตร่ ายไดเ้ ทา่ เดมิ และทรัพยากรทางการศกึ ษา 5. นักเรียนบางส่วนไม่ได้อยู่กับผู้ปกครอง ผู้ปกครอง 4. ผู้ปกครองที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีจะส่งเสริมให้ ทำงานตา่ งจังหวัดต้องทำใหน้ ักเรียนอาศัยกบั ตายายหรือ นักเรียนเรียนเพิ่มเติมจากสถาบันต่าง ๆ ส่งผลให้ ญาตๆิ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น อีกทั้งมี ความพร้อมในการสนับสนุนการขับเคลื่อน สถานศกึ ษา 5.ชุมชนมีทัศนคติที่ดีในการยอมรับและศรัทธาต่อ โรงเรียนให้ความร่วมมือและสนับสนุนการจัด การศึกษาของโรงเรียน โอกาส (Opportunities) อปุ สรรค (Threats) ด้านการเมอื งและกฎหมาย (P) ดา้ นการเมืองและกฎหมาย (P) 1. รัฐบาลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ปกครอง 1. นโยบายของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้การ เข้าใจนโยบายการจัดการศึกษา ให้การสนับสนุน ดำเนินงานต้องปรับเปลี่ยนตามรัฐบาลจึงขาดความ ดา้ นงบประมาณในการจดั การศกึ ษา ต่อเน่อื งในการพฒั นา 2. มีนโยบายและมีโครงการในการพฒั นาผู้เรียนและ 2. มีความแตกตา่ งในด้านมุมมอง แนวคดิ ทศั นคติ ความ ยกผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนอยา่ งชดั เจน นำมาปฏิบัติ แตกตา่ งทางการเมืองของคนในชุมชน ได้จริง ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรม 3. มผี ูป้ กครองบางคนมคี วามเห็นต่างในบางนโยบายและ บางเร่อื ง เช่นทรงผมนกั เรยี น การนำโทรศัพท์มาโรงเรยี น
24 ผู้นำท้องถิ่น นักการเมือง ส่งเสริมการจัดกิจกรรม 4. มีความคิดที่แตกต่างกันกับผู้ปกครองบางกลุ่มที่เห็น การศึกษาของโรงเรียน ด้วยกับโรงเรียนและบางกล่มุ ท่ีไมเ่ หน็ ดว้ ย 3. พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาให้ทุกคนมีโอกาสศึกษา 5.นโยบายเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้ขาดความ ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล อีกทั้ง หน่วยงานต้น ตอ่ เนอ่ื งในการดำเนินงาน สังกัดมีนโยบายในการจัดการศึกษาที่ชัดเจนในการ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้การสนับสนุนในดา้ นต่าง ๆ ดว้ ยดี 4. ผู้บริหารมีการนำนโยบายด้านการศึกษาที่ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงการเมืองและปฏิบัติ ตามข้อกฎระเบยี บ และกฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั 5. ผู้ปกครองและชุมชนเข้าใจต่อนโยบายของ โรงเรียนและรับฟังการชี้แจง ทำความเข้าใจกับ โรงเรียนอยู่เป็นประจำ และมีการติดต่อสื่อสารกัน ระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองเป็นระยะทั้งใน ภาพรวมของโรงเรียนของสายชั้นและของห้องเรียน หรอื แมแ้ ตส่ ่วนตวั อยู่เปน็ ประจำ 2.2 การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) สภาพแวดล้อมภายในจากข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพแวดล้อมภายในที่สง่ ผลตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา โดยดำเนินการคือ โรงเรียนได้จัดทำแบบวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและ อุปสรรค (SWOT Analysis) ของสถานศึกษาเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในสถานศึกษาและ นำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลวาปีปทุม เพื่อให้คณะครูและบุคลากร ทางการศึกษาได้มีส่วนร่วมในการระดมความคิดตามปัจจัยที่ 6 ด้าน อันประกอบด้วย ด้านโครงสร้างและนโยบาย ของสถานศึกษา ด้านผลผลิตและการบริการ ด้านบุคลากร ด้านประสิทธิภาพทางการเงิน ด้านวัสดุ อุปกรณ์ และ ด้านการบริหารจัดการ จากนั้นได้ดำเนินการจัดกระทำข้อมูลโดยเขียนข้อความที่ได้จากการะดมความคิดมา เรียบเรยี งใหมโ่ ดยเขียนให้เป็นประโยคท่ีมีใจความสมบูรณ์ มีปจั จัยเหตุท่ีส่งผลต่อการจัดการศึกษา มีประเด็นเดียว ในประโยคนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่าประเด็นสำคัญ และหากข้อความที่มีหลายประเด็นให้สรุปประเด็นคล้ายกัน หรือ ซำ้ ซอ้ นกนั ใหเ้ ปน็ ประเด็นสำคัญเพียงประเด็นเดยี ว (อา้ งอิงในภาคผนวก ค)
25 จากนั้นคณะกรรมการดำเนินงานระดับสถานศึกษาช่วยกันวิเคราะห์ประเด็นสำคัญทั้งจุดแข็งและ จุดอ่อน ต่อการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และคัดเลือกประเด็นสำคัญแล้วจัดเตรียมประเด็นสำคัญเหล่านั้น ทั้ง 6 ดา้ น เพื่อนำไปใช้ในการให้ค่าคะแนนในข้ันตอนประเมินผลสถานศึกษา ซ่งึ จากท่คี ณะกรรมการดำเนินงานได้ ช่วยกันวิเคราะห์ประเด็นสำคัญทั้งโอกาสและอุปสรรค สามารถแสดงข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการประเมินผล สถานศึกษาได้ดังนี้ จุดแขง็ (Strength) จุดออ่ น (Weaknesses) ด้านโครงสร้างและนโยบายของสถานศึกษา (S1) ด้านโครงสรา้ งและนโยบายของสถานศึกษา (S1) 1. โรงเรียนมีการบริหารจัดการในด้านต่าง ๆ ที่ 1. ผู้ปฏบิ ตั ิงานมีความซำ้ ซ้อนในสายงานต่าง ๆ บุคลากร ชัดเจน เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา บางส่วนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนทำให้เข้าไม่ถึง ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ สอดคล้องกับบริบทและ โครงสร้างการบริหารที่ชัดเจน อีกทั้งบางคนมีภาระงาน ความต้องการของชุมชน มีโครงสร้างการจัด พิเศษมาก ส่งผลให้การเตรียมการสอนไม่เต็ม การศึกษาทชี่ ัดเจนเป็นเอกภาพ และกำหนดบทบาท ประสทิ ธิภาพ หน้าที่การบริหารงานของแต่ละกลุ่มงานที่ชัดเจน มี 2. มบี ุคลากรส่วนนอ้ ยขาดความร่วมมอื ในการปฏิบัติตาม การบริหารงานท่เี ป็นระบบ นโยบายและขาดความทมุ่ เท เสยี สละเพอ่ื สว่ นรวม 2. มีการประชุม บริหารที่ชัดเจน โปร่งใส มีคำสั่ง 3.นักเรียนและผู้ปกครองบางกลุ่มยังไม่เข้าใจนโยบาย มอบหมายงานบคุ ลากรทชี่ ัดเจน และมอบหมายงาน ของทางโรงเรียน เช่น ไม่มาปฐมนิเทศทำให้ไม่เข้าใจ ตามความถนัดและความเหมาะสม บริหารงานแบบ นโยบายของโรงเรยี น มีส่วนร่วม และมีผลงานผลงานเชิงประจักษ์โดดเด่น 4. นโยบายการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐยังไม่ เปน็ รปู ธรรม จนสามารถเป็นแหล่งศึกษาดูงานให้กับ เพยี งพอในการบรหิ ารจัดการด้านการศึกษา หน่วยงานอื่นๆได้ บุคลากรมีความรู้ ความชำนาญ 5. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ และประสบการณ์หลากหลายในการจัดการศึกษาที่ ไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้บุคลากรในหน่วยงานทำงานได้ มีประสทิ ธภิ าพ ไม่เต็มท่ี บางกิจกรรม/โครงการไมไ่ ด้ดำเนนิ การ บุคลากร 3. นักเรียนได้รับการปลูกฝังในเรื่องของความ ในสถานศกึ ษาทำงานไม่เต็มท่ีเทา่ ท่ีควร รับผิดชอบต่อหน้าที่ ทั้งในด้านการเรียนการสอน และงานที่ได้รับมอบหมาย ส่งผลให้คุณภาพผู้เรียน เน้นไปในทางที่ยั่งยืน ผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น เด็กมี ระเบยี บวนิ ยั 4. การประสานงานต่างๆกับภาคึเครือข่ายเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ มีทีมงานที่เข็มแข็งทำให้การ บริหารจดั การสถานศกึ ษามปี ระสิทธิภาพ
26 เกิดประสิทธิผลสูงสุด มีความชัดเจนในโครงสร้าง และนโยบายของสถานศึกษาที่ชัดเจน มีการรับรอง เอกสารหลกั ฐานจากผู้มีสว่ นร่วมในการจดั การศึกษา ไม่ว่าจะเป็นภาคี 4 ฝ่าย กรรมการสถานศึกษา และ ผ่านการรับรองจากผู้ปกครองนักเรียนจากการ ปฐมนเิ ทศ 5. ผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทส่งเสริม และ บริหารการจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและ เกิดประสิทธผิ ล จดุ แขง็ (Strength) จดุ ออ่ น (Weaknesses) ด้านผลผลติ และการบริการ (S2) ด้านผลผลิตและการบรกิ าร (S2) 1. โรงเรยี นมีกระบวนการบรหิ ารจัดการสถานศึกษา 1. บุคลากรบางส่วนยังขาดความเข้าใจ และยังไม่ได้รับ ที่เป็นเลิศ ส่งผลให้ได้รับรางวัลสถานศึกษา การส่งเสริมในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Leaning พระราชทานระดับก่อนประถมศึกษา ประจำปี อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องและการจัดกิจกรรมการ การศกึ ษา 2562 เรยี นร้ทู เี่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ 2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้สูงขึ้นทุกปี 2. การให้บรกิ ารแหลง่ การเรยี นรูอ้ ยา่ งหลากหลายภายใน นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีสุนทรียภาพและ โรงเรียนไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน เช่น ห้องสมุด ค่านิยมที่ดีงาม นักเรียนมีความรู้ ทักษะพื้นฐานตาม โรงเรียน ซึ่งเป็นแหล่งสบื ค้นข้อมูลควรจัดให้มีขนาดใหญ่ หลักสตู รทค่ี รอบคลุมผลสัมฤทธิต์ ามสาระการเรียนรู้ และมีความพร้อมสำหรบั ใชง้ าน ของแต่ละระดับชั้น นักเรียนที่จบจากโรงเรียน 3. เด็กนักเรียนมีความแตกต่างการชอบที่ไม่เหมือนกัน สามารถไปศึกษาต่อและได้รับคำชมเชยจากสถาบัน เช่น บางคนชอบดนตรี บางคนชอบกีฬา บางคนชอบ ทไ่ี ปศึกษาตอ่ ต่าง ๆ เหลา่ นน้ั เรียน 3. โรงเรียนมีการประชาสมั พันธ์ขอ้ มูลขา่ วสารต่างๆ 4. ความแตกต่างของศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน อีกทั้งมีช่องทางสำหรับติดต่อสื่อสารสร้างความ และมีนักเรียนบางส่วนยังไม่ตระหนักและไม่เห็น เข้าใจกับผู้ปกครองหลายช่องทาง เพื่อร่วมกัน ความสำคัญของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและผลการ ขับเคลอ่ื นการดำเนนิ งาน ทดสอบระดับชาติ 4. โรงเรียนให้บริการแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน 5. การจดั การเรียนการสอนขาดการส่งเสริมกิจกรรมการ หรือหน่วยงานอื่นที่เข้ามาติดต่อราชการได้อย่าง เ ร ี ย น ร ู ้ แ บ บ Active Leaning ท ี ่ เ ป ็ น ร ู ป ธ ร ร ม รวดเร็วและทั่วถึง มีการบริการชุมชน ผู้ปกครอง ควรจัดให้มีการอบรม เพื่อพัฒนาบุคลากรอยู่เสมอ และ และนักเรียนด้วยความเป็นมิตร และทัดเทียมกัน ควรมีการพัฒนาบุคลากรในด้านอื่นๆ โดยจัดให้มีการ เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับการศึกษาดูงานของภาค อบรมพัฒนาบคุ ลากรอยู่เสมอ สว่ นต่างๆทั้งในระดับเขตและระดับจังหวัด 5.ครู/บุคลากรมีการให้บริการผู้เรียนและผู้ปกครอง อย่างเต็มใจไมเ่ ลือกปฏบิ ตั ิ
27 จดุ แขง็ (Strength) จุดออ่ น (Weaknesses) ด้านบคุ ลากร (M1) ด้านบคุ ลากร (M1) 1. ครแู ละบุคลากรมีความเสียสละ ทมุ่ เท และพร้อม 1. ครบู างคนสอนไม่ตรงวิชาเอก ขาดแคลนบางวิชา จะขับเคลื่อนนโยบายของโรงเรียนสู่การปฏิบัติ 2. บุคลากรส่วนน้อยขาดความรู้ความสามารถในการใช้ มีความพร้อมในการจัดกิจกรรมและการเรียนการ เทคโนโลยี ควรมีการส่งเสริมและจัดอบรมเพื่อพัฒนาใน สอนและภาระงานที่ได้รับมอบหมาย ความพร้อมใน สถานศกึ ษา และบคุ ลากรบางส่วนยงั ใช้เทคโนโลยีในการ การดำเนินงาน และพัฒนาเด็ก สามารถจัดกิจกรรม ปฏิบัติงานในหน้าที่ทัง้ ด้านการจัดการเรียนการสอนและ การเรยี นการสอนไดเ้ ตม็ ความสามารถ เต็มเวลา งานพเิ ศษไมค่ ่อยคล่องเท่าทีค่ วร 2. โรงเรยี นมวี ฒั นธรรมองค์กรท่ีดี ในการปฏิบัติงาน 3. ขาดการนิเทศตดิ ตาม การเรียนรู้งานของครูผู้มีอาวุโสมากต่อครูผู้มีอาวุโส 4. ครูและบุคลากรในโรงเรียนขาดการจัดกิจกรรมการ นอ้ ย บุคลากรมปี ฏสิ ัมพนั ธท์ ด่ี ตี ่อกนั แบบครอบครวั เรียนรู้ การส่งเสริมกิจกรรมที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ มีความสามัคคีกันในหมู่คณะ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ยังคงเน้นครูใหค้ รเู ป็นผใู้ หค้ วามรู้ มีขวัญกำลังใจท่ดี ตี ่อการปฏบิ ตั งิ าน 5. บคุ ลากรมกี ารงานมาก การกระจายงานไมเ่ ทา่ กนั 3. ผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะผู้นำ และ ภาระงานอืน่ เยอะมากเกินไปทำใหเ้ สียเวลาในการจัดการ ความสามารถในการบริหารจัดการสถานศึกษา เรียนรู้ในหอ้ ง มีความชัดเจนและคำนึงถึงผลที่เกิดกับผู้เรียนเป็น สำคญั 4. บุคลากรมีความรักความศรัทธา ในวิชาชีพ ใฝ่หา ความรู้ และพฒั นาตนเองอยู่เสมอ 5. ครูมีการจัดทำสื่อที่หลากหลายให้เป็นไปตาม ความต้องการของนักเรียน ที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ การสร้างเสรมิ ประสบการณ์ และการพัฒนาคณุ ภาพ ผเู้ รยี น
28 จุดแข็ง (Strength) จุดออ่ น (Weaknesses) ดา้ นประสทิ ธภิ าพทางการเงนิ (M2) ด้านประสิทธภิ าพทางการเงนิ (M2) 1. การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปตามแผนงาน/ 1. การจดั สรรงบประมาณมีความล่าช้า โครงการและเป็นระบบ การดำเนินงานด้าน 2. การจัดทำเอกสารต่าง ๆ มีจำนวนมาก อาจเกิดความ งบประมาณมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการจัดการ ซ้ำซอ้ น และล่าช้า การเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นไปตามระเบียบ 3. อยากใหม้ ีเเผนงานโครงการได้ลงมอื ปฏิบตั ิ ราชการ และมีประสทิ ธิภาพคมุ้ คา่ 4. การปฏิบัติหน้าที่การเงิน พัสดุบางครั้งก็ต้องรีบเร่งให้ 2. การบริหารมีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส คุ้มค่า ทนั ตอ่ การทำงาน ขน้ั ตอน เบกิ จ่ายงบประมาณ ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพสูง และโรงเรียนมี 5. งบประมาณบางอย่างจะน้อยและไม่สนองต่อความ แผนการใช้จ่ายงบประมาณและใช้จ่ายตาม ขาดเเคลนของนักเรยี น แผนงาน/โครงการ/กิจกรรมที่กำหนดอย่างเป็น ระบบ โปรง่ ใส ตรวจสอบได้ 3. ด้านงบประมาณแม้จะได้งบไม่เต็มที่ แต่การ บริหารจัดการที่ดีของผู้บริหารก็สามารถจัดสรร งบประมาณให้เกิดการพัฒนาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และเห็นประสิทธภิ าพของการทำงานได้เป็นอย่างดี 4. มีการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอต่อความ ต้องการให้บุคลากรทางการศึกษาได้จัดกิจกรรม การเรยี นรกู้ ารสอนเปน็ อยา่ งดี 5. โรงเรียนได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ หน่วยงานอื่น และชุมชนในการพัฒนาการศึกษา อยา่ งต่อเนอ่ื ง
29 จุดแขง็ (Strength) จุดอ่อน (Weaknesses) ด้านวสั ดุ อปุ กรณ์ (M3) ด้านวสั ดุ อปุ กรณ์ (M3) 1. มีสื่อ นวัตกรรมทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น 1. คอมพิวเตอร์ ไม่เพียงพอ ห้องเรียนห้องพิเศษไม่ DLTV สมาร์ททีวี สื่อการเรียนรู้และอุปกรณ์ในการ เพยี งพอต่อการใชง้ าน ทำสื่อการสอนที่เพียงพอ มีสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ 2. ขาดการดูแลรักษา และการซ่อมบำรุงและนำไปใช้ ที่ทันสมัยครบถ้วน ส่งผลดีต่อการจัดการเรียนการ แล้วไมเ่ ก็บวสั ดอุ ุปกรณใ์ ห้อย่ทู ี่เดิม สอน 3. การซ่อมบำรุงยงั มคี วามลา่ ช้า 2. มีวัสดุอุปกรณ์เพียงพอต่อการดำเนินงาน และ 4. ขาดบคุ ลากรที่เข้าใจในระบบส่ือ และขาดบุคลากรท่ีมี การจัดการเรียนการสอน และในด้านวัสดุปกรณ์ใน ความรู้ความสามารถเรื่องการนำสื่อไปใช้และการ การจดั ทำสื่อการเรยี นรู้ฝ่ายพัสดุก็ได้จัดสรรและสรร บำรุงรักษาสือ่ วสั ดุอุปกรณ์ หาวัสดุปกรณ์ท่ีคุณครูมคี วามประสงค์จะใช้ทำสือ่ ได้ 5. ห้องสมุดมีหนังสือ สื่อเทคโนโลยีไม่เพียงพอต่อ เพียงพอกับความต้องการ นอกจากนี้สื่อนวัตกรรม การศกึ ษาและสืบคน้ ทางIT, Smart TV และระบบดิจิตอล Internet ก็ ช่วยเสริมทักษะได้ดีอีกด้านหนึ่งในการจัดการเรียน การสอน 3. โรงเรียนมีอาคาร สถานที่เพียงพอสำหรับผู้เรียน มีห้องเรียน ที่สะอาด ปลอดภัย สภาพแวดล้อม ร่มร่ืนเปน็ ระเบียบ 4. มีสื่อการเรียนรู้ และอุปกรณ์ที่พร้อมในการจัดทำ สื่อท่เี พียงพอ ทีจ่ ะใหค้ รูใชใ้ นการผลิตสื่อแก่นักเรียน การจัดการเรียนรู้ การจัดสรรงบสื่ออุปกรณ์ วัสดุ ไดต้ ามความประสงค์ของครู 5. โรงเรียนนำสือ่ และเทคโนโลยี ที่ทันสมัยมาใช้ใน การจัดการศึกษา มีระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการจัด กจิ กรรมการเรียนการสอนและใหบ้ ริการในโรงเรียน อย่างท่ัวถึง
30 จุดแขง็ (Strength) จดุ ออ่ น (Weaknesses) ดา้ นการบรหิ ารจดั การ (M4) ดา้ นการบรหิ ารจัดการ (M4) 1. โรงเรียนมผี ู้บริหารสถานศึกษาทม่ี วี ิสัยทศั น์ ทำให้ 1. การกำกับ นิเทศ ติดตามและประเมินผลทางการ การบรหิ ารจัดการด้างตา่ งๆมีประสทิ ธภิ าพ ผบู้ ริหาร ศึกษายงั ไมท่ ่วั ถึงและต่อเนื่องเท่าท่ีควร มีภาวะความเป็นผู้นำมีคุณธรรม จริยธรรม ส่งเสริม 2. การทำฐานขอ้ มลู สารสนเทศมาใชร้ ่วมกันน้อย ให้บุคลากรเลือกปฏิบัติงานตามความถนัด และ 3. การประสานงานในบางครั้งอาจเกิดความเข้าใจ ความสนใจ มีบุคลากรเพียงพอ มีนวัตกรรมทางการ คลาดเคลือ่ น บริการจัดการที่โดดเด่น ส่งเสริมให้บุคลากรทุกคน 4. การปรับเปลี่ยนบางอย่างที่อาจไม่ได้อยู่ในแผนอาจทำ ทุกภาคสว่ นร่วมในการบริหารจดั การ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจคลาดเคลอ่ื นและลา่ ชา้ 2. มีระบบบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพและเป็น 5. ติดตามประเมนิ ผลขาดความต่อเนือ่ ง ระบบ มีความเปน็ ระเบียบ การบริหารจัดการเป็นไป อย่างมีคุณภาพส่งผลให้เกิดประโยชน์กับนักเรียน อย่างแท้จริง และมีการบริหารจัดการ มีโครงสร้างท่ี ชัดเจน เช่น ผู้บริหาร, หัวหนา้ งาน, หวั หนา้ สายชัน้ 3. โรงเรียนมีการจัดสรรงบประมาณในการไป บริหารงานทั้ง 4 ฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ก่อประโยชน์ในการเรียนการสอน มีแผนปฏิบัติการ และตัวชี้วัดความสำเร็จและมีการปฏิบัติตามแผน มีการกำกับ ติดตาม นิเทศและรายงานผลอย่าง ต่อเน่อื ง 4. มีกระบวนการ PLC และการ AAR สะท้อนผล หลงั ทำกจิ กรรมเพื่อพฒั นา 5. ผบู้ ริหารสง่ เสรมิ สนบั สนุนบคุ ลากรในการพัฒนา ตนเองและการจดั ทำแผนพัฒนาตนเอง
ส่วนที่ 3 ผลการวเิ คราะห์บริบทของโรงเรยี นอนบุ าลวาปปี ทุม 1. การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในของโรงเรียนอนบุ าลวาปีปทุม โรงเรียนอนุบาลวาปีปทุม ได้นำข้อมูลจากแบบประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกจากข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพแวดลอ้ มภายนอกท่ีส่งผลต่อการดำเนินงานและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและสภาพแวดล้อมภายในจาก ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายในที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลของคณะ ครูและบุคลากรทางการศึกษาและดำเนินการคัดเลือกประเด็นสำคัญทั้ง โอกาส อุปสรรค จุดแข็งและจุดอ่อนจาก คณะกรรมการดำเนินงาน และเพื่อให้ทราลว่าปัจจุบันสภาพแวดล้อมภายนอกและสภาพแวดล้อมภายในของ โรงเรียนอนุบาลวาปีปทุมเป็นอย่างไร แล้วดำเนินการเพื่อทำการประเมินสภาพของโรงเรียน ซึ่งดำเนินการ ตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 1.1 นำประเด็นที่สำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปัจจัยภายนอกที่เป็นโอกาส (Opportunities) อุปสรรค (Threats) และปัจจัยภายในที่เป็นจุดแข็ง (Strengths) และเป็นจุดอ่อน (Weaknesses) ต่อการการดำเนินงานและการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของโรงเรียน มาดำเนินการศึกษา เพอ่ื ให้ได้ข้อมลู ท่จี ะนำไปใช้ในการพัฒนาสถานศึกษาต่อไป 1.2 คณะกรรมการดำเนินงานร่วมกันกำหนดคะแนนเพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละคนให้คะแนน ผลกระทบทั้งที่เป็นโอกาส อุปสรรค จุดแข็งและจุดอ่อน ตามแบบประเมินการให้คะแนนปัจจัยที่ส่งผลต่อการ ดำเนนิ งานของโรงเรยี นทจี่ ดั ทำข้นึ พร้อมทั้งกำหนดเกณฑ์ในการให้คะแนนดงั นี้ ใหค้ ะแนน 5 คะแนน หมายถงึ เปน็ ปจั จยั ทส่ี ่งผลกระทบต่อการดำเนนิ งานของโรงเรียนมากที่สดุ ให้คะแนน 4 คะแนน หมายถงึ เป็นปัจจยั ทีส่ ง่ ผลกระทบต่อการดำเนนิ งานของโรงเรยี นมาก ใหค้ ะแนน 3 คะแนน หมายถึง เปน็ ปัจจัยทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การดำเนินงานของโรงเรียนปานกลาง ใหค้ ะแนน 2 คะแนน หมายถึง เป็นปจั จัยทส่ี ่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรยี นน้อย ให้คะแนน 1 คะแนน หมายถึง เปน็ ปจั จัยทีส่ ่งผลกระทบต่อการดำเนนิ งานของโรงเรียนน้อยทสี่ ุด 1.3 ดำเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมลู และหาคา่ เฉลย่ี ของปัจจยั แตล่ ะด้านทั้งสภาพแวดล้อมภายนอกและ สภาพแวดล้อมภายใน แล้วหาคา่ เฉลย่ี รวมของแตล่ ะดา้ น และสะท้อนผล ดังน้ี 1.3.1 การให้คะแนนประเดน็ สำคัญทเ่ี ปน็ ปจั จัยที่ส่งผลต่อการดำเนนิ การของโรงเรียนจากบรบิ ท สภาพแวดล้อมภายนอก ในแตล่ ะด้านและนำมาหาค่าเฉลีย่ รายด้าน ซึ่งสามารถแสดงผลขอ้ มูลได้ดังน้ี
1) การให้คะแนนประเดน็ สำคัญท่เี ป็นปัจจัยท่สี ง่ ผลต่อการดำ วัฒนธรรม (Social – Cultural Factors : S) ตารางที่ 1 การให้คะแนนประเด็นสำคญั จากสภาพแวดล้อมภายนอกด้านสังคมแ โอกาส (Opportunities) ประเด็นสำคญั เฉล 1. ผ้ปู กครองให้ความไวว้ างใจและมีความเชื่อม่ันในต่อการจัดการศึกษา 4.3 ของสถานศึกษา เกดิ ความศรทั ธาจากชุมชนและสังคม อกี ทัง้ ชุมชนและ สงั คมมที ศั นคติทด่ี ีตอ่ โรงเรียน 2. มแี หลง่ เรยี นรนู้ อกห้องเรียนทีเ่ อ้ือต่อการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เช่น 4.2 ศูนย์การศึกษานอกระบบ (กศน.) วัด สถานีตำรวจ ทวี่ า่ การอำเภอ สำนกั งานสาธารณสขุ และแหลง่ เรียนรตู้ ่างๆในชุมชนเปน็ ต้น 3. ภาคีเครอื ข่ายทกุ ภาคสว่ นมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา ให้ความ 4.3 ช่วยเหลอื ให้บรกิ าร พรอ้ มทัง้ สนับสนุนการดำเนินงานต่างๆของ 4.4 สถานศกึ ษาด้วยดี 4.1 4.3 4. สภาพแวดลอ้ มท่ีตง้ั ของโรงเรยี นอยใู่ นแหลง่ ชุมชนท่มี ีบรรยากาศดี เออ้ื อำนวยตอ่ การคมนาคมทำให้ผ้ปู กครองสามารถรับสง่ บุตรหลานได้ สะดวกการติดตอ่ ส่ือสารกบั ผู้ปกครองทำไดอ้ ย่างรวดเร็ว 5. มีแหล่งเรยี นรู้ทางวฒั นธรรม ประเพณี ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ทีส่ ง่ ผลให้ ผเู้ รียนมแี หลง่ เรียนรู้ทด่ี ี ค่าเฉลยี่ จากตารางที่ 1 พบว่า โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมภายนอกด้านสังคมแล 4.31 ซึ่งมากกว่าอุปสรรคที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.26 นั้นเพราะว่า เกิดจากปัจจ เอื้ออำนวยต่อการคมนาคมทำให้ผู้ปกครองสามารถรับส่งบุตรหลานได้สะดวกก เฉลี่ยสูงสุดในด้านนี้ รองลงมาคือ ผู้ปกครองให้ความไว้วางใจและมีความเชื่อมั่น
32 ำเนนิ การของโรงเรียนจากบริบทสภาพแวดลอ้ มภายนอกด้านสงั คมและ และวฒั นธรรม (Social–Cultural Factors : S) จากผูม้ ีสว่ นเก่ียวข้อง อปุ สรรค (Threats) ลีย่ ประเด็นสำคญั เฉลีย่ 37 1. สภาพของปัญหาครอบครัวทมี่ ีความหลากหลายและแตกตา่ งกนั 3.29 ด้านเศรษฐกจิ องค์ความรู้ของผ้ปู กครอง ปัญหาการแยกทางของ พ่อแม่ ฐานะทางครอบครวั จึงส่งผลต่อนักเรียน 29 2. โรงเรียนมีถนนเสน้ หลักตัดผ่าน ทำให้การสญั จรไปมาหน้าบรเิ วร 3.51 โรงเรียนมรี ถมากซึง่ อาจสง่ ผลใหเ้ กิดอุบตั ิเหตตุ ่อนักเรียนได้ และ จำเป็นต้องอาศยั เจา้ หน้าทอี่ ำนวยความสะดวกให้กับนักเรียน ทุกวัน 31 3. จำนวนประชากรเพม่ิ มากข้ึนและระดบั การศึกษาของผู้ปกครอง 3.37 43 4. ฐานะทางครอบครัวและสถานะทางการเงนิ ของนักเรยี นที่ 3.26 แตกตา่ งกนั 14 5.บรเิ วณใกล้เคียงโรงเรยี นมีแหลง่ บริการด้านเทคโนโลยีทีช่ ักจงู ใจ 2.86 32 ให้นักเรียนไปใชบ้ ริการท่ีอาจไม่เหมาะสมได้ 31 คา่ เฉล่ยี 3.26 ละวัฒนธรรม เป็นโอกาสต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ จัยในเรื่องสภาพแวดล้อมที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีบรรยากาศดี การติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองทำได้อย่างรวดเร็ว โดยมีค่าเท่ากับ 4. 43 ซึ่งเป็น นในต่อการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เกิดความศรัทธาจากชุมชนและสังคม
อีกทั้งชุมชนและสังคมมีทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.37 รอ ช่วยเหลอื ให้บริการ พร้อมทั้งสนบั สนนุ การดำเนินงานต่างๆของสถานศกึ ษาดว้ ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น ศูนย์การศึกษานอกระบบ (กศน.) วัด สถาน เปน็ ต้น โดยมีคา่ เฉลี่ยเท่ากบั 4.29 และมแี หล่งเรยี นรู้ทางวัฒนธรรม ประเพณี ภ การดำเนนิ งานของโรงเรียนในด้านน้ีน้อยที่สุดโดยมคี ่าเฉล่ยี เทา่ กบั 4.14 ตามลำ ขอ้ จำกัด (อปุ สรรค) โรงเรียนบาลวาปีปทุมมีข้อจำกัดท่ีเป็นอุปสรรคจากสภาพแวดล วางแผน พัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานของสถานศึกษาและขับเคลื่อนคุณ ยงิ่ ข้ึน ตามลำดบั ดงั นี้ คือ 1) โรงเรยี นมถี นนเสน้ หลักตดั ผ่าน ทำให้การสญั จรไป จำเป็นต้องอาศัยเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนทุกวัน 2) จำนวน หลานของตนเองได้ไมเ่ หมาะสม เกิดปัญหาทางสงั คม เกิดปญั หาครอบครัวในเร่ือ ความแตกต่างกัน จึงอาจทำให้การสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับเคล เขา้ ใจที่คลาดเคลื่อนไปได้ 3) สภาพของปญั หาครอบครัวท่ีมีความหลากหลายแล พ่อแม่ ฐานะทางครอบครัว จึงส่งผลต่อนักเรียนในการพัฒนาด้านต่างๆ 4) ฐ บรเิ วณใกล้เคยี งโรงเรียนมีแหลง่ บริการด้านเทคโนโลยที ช่ี ักจูงใจใหน้ กั เรียนไปใช
33 องลงมาคือ ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้ความ วยดี โดยมีค่าเฉลีย่ เท่ากับ 4.31 รองลงมาคือ มีแหล่งเรียนรู้นอกหอ้ งเรียนท่ีเออื้ นีตำรวจ ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานสาธารณสุข และแหล่งเรียนรู้ ต่างๆในชุมชน ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ที่ส่งผลใหผ้ ู้เรยี นมีแหล่งเรียนรทู้ ด่ี ี เป็นปัจจัยทีส่ ่งผลกระทบต่อ ำดบั ล้อมภายนอกด้านสังคมและวฒั นธรรม ที่เป็นข้อมูลที่ต้องคำนึงถึงเพื่อใช้ในการ ณภาพของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล และมีความสมบูรณ์ ปมาหน้าบริเวรโรงเรียนมีรถมากซ่ึงอาจส่งผลให้เกดิ อุบัตเิ หตุต่อนักเรียนได้ และ นประชากรเพิ่มมากขึ้น บางครั้งอาจส่งผลต่อการดูแล หรือให้การศึกษาแก่บุตร องการสนับสนุนด้านการศกึ ษา เป็นตน้ และระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ที่มี ลื่อนการดำเนินการของโรงเรียน ห รือการดำเนินนโยบายของโรงเรียนมีความ ละแตกต่างกนั ด้านเศรษฐกิจ องคค์ วามรู้ของผู้ปกครอง ปญั หาการแยกทางของ ฐานะทางครอบครัวและสถานะทางการเงินของนักเรียนที่แตกต่างกัน และ 5) ชบ้ ริการที่อาจไมเ่ หมาะสมได้ 33
2) การให้คะแนนประเด็นสำคัญท่เี ปน็ ปจั จยั ที่สง่ ผลตอ่ การดำ (Technological Factors : T) ตารางที่ 2 การให้คะแนนประเด็นสำคัญจากสภาพแวดล้อมภายนอกด้านเทคโน โอกาส (Opportunities) เฉล ประเดน็ สำคัญ 4.14 1. เทคโนโลยี มีบทบาทในชวี ติ ประจำวนั มากขนึ้ ทำให้ต้องมกี ารจัดการ เรียนรู้อย่างเหมาะสม 2.มรี ะบบเครือขา่ ยท่ีสนบั สนนุ การจัดการเรยี นอยา่ งทั่วถงึ ประกอบกบั 4.17 ภายนอกโรงเรยี นมีการใหบ้ รกิ ารสือ่ เทคโนโลยีเพือ่ การสืบคน้ ขอ้ มลู และใช้ 4.20 ในการจดั การเรยี นการสอนอย่างสะดวกรวดเรว็ สง่ ผลให้การจดั การเรยี นรู้ มีรูปแบบท่ีหลายหลายและทนั สมัย และมแี หลง่ การเรียนร้ทู ่ใี หน้ กั เรียน สามารถสบื ค้นข้อมลู ความรู้จากเทคโนโลยีมาใชใ้ นการเรยี นได้ 3.ความก้าวหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต็ ) ส่งผลทำให้ นักเรยี นเกิดความรอบร้แู ละสามารถแสวงหาความรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง 4.ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยสี ่งผลให้ผเู้ รียนมที ักษะในการใชเ้ ทคโนโลยี 4.26 ใหม่ ๆ 5.เทคโนโลยชี ว่ ยให้เด็กเรยี นรโู้ ลกกวา้ งขน้ึ รู้เท่าทนั ขา่ วเหตกุ ารณต์ ่างๆอยา่ ง 4.20 รวดเรว็ อีกท้งั นกั เรียนสามารถสบื ค้นข้อมลู ความรจู้ ากอนิ เทอรเ์ น็ตได้ สง่ ผล ใหม้ ีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นสงู ข้นึ 4.19 ค่าเฉล่ยี
34 ำเนินการของโรงเรยี นจากบริบทสภาพแวดลอ้ มภายนอกด้านเทคโนโลยี นโลยี (Technological Factors : T) จากผู้มสี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง อุปสรรค (Threats) ลยี่ ประเดน็ สำคญั เฉลีย่ 4 1.แหลง่ เรียนรู้และสบื ค้นภายนอกโรงเรยี นบางทีอ่ าจให้บริการ 3.23 นักเรยี นในการใชเ้ ทคโนโลยไี มเ่ หมาะสม ไม่ตรงจุดประสงค์ และไม่ รูจ้ กั แบง่ ชว่ งเวลาในการใช้งาน สง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพและการเรยี น ใชเ้ ทคโนโลยีในทางทผี่ ิด เช่น เลน่ เกม เล่นติ๊กต๊อก แชทออนไลน์ ขาดความสนใจในการเรยี น 7 2.การเข้าถึงคอมพวิ เตอร์เม่ืออยู่นอกโรงเรยี นไมเ่ พยี งพอ บา้ นนกั เรยี น 3.54 บางคนไมม่ รี ะบบอนิ เทอร์เนต็ ให้เขา้ ถึงการเรยี นรู้ หรือ ความไม่ เพยี งพอตอ่ การใชง้ าน เชน่ บางครอบครัวมีโทรศัพทห์ นง่ึ เคร่ือง แตม่ ี บุตรหลานหลายคนทำให้ไมพ่ อใช้งาน 0 3.ขาดศูนย์การเรียนรูอ้ อนไลน์ 3.11 6 4.นกั เรยี นมีสมาธใิ นการเรียนรสู้ ัน้ เนือ่ งจากการใชเ้ ทคโนโลยไี ม่ 3.40 เหมาะสม เชน่ การเลน่ เกมสใ์ นโทรศัพท์ทบี่ า้ นและยงั สง่ ผลตอ่ การ 3.63 แสดงท่ีโรงเรียนต่อเพือ่ นด้านพฤติกรรมท่ีกา้ วร้าว และเม่อื นกั เรียน กลับถึงบา้ นตนเอง นักเรียนอาจใชเ้ ทคโนโลยมี ากเกนิ ความจำเปน็ อาจมผี ลต่อสุขภาพและสายตา 0 5.คา่ นิยมที่เปลีย่ นไปทำใหเ้ ดก็ จะติดอยู่กับการใชโ้ ทรศพั ทไ์ ม่สนใจคน อื่นหรอื ส่ิงอน่ื 9 ค่าเฉล่ยี 3.38 34
จากตารางที่ 2 พบว่า โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมภายนอกด้านเทคโนโล มากกว่าอุปสรรคที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.38 นั้นเพราะว่า เกิดจากปัจจัยในเรื่องค โดยมีค่าเท่ากับ 4.26 ซึ่งเป็นเฉลี่ยสูงสุดในด้านนี้ รองลงมาคือ ความก้าวหน้าท รอบรู้และสามารถแสวงหาความรู้ไดด้ ้วยตนเอง โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากบั 4.20 ประ อยา่ งรวดเรว็ อกี ท้งั นกั เรยี นสามารถสืบค้นข้อมลู ความรูจ้ ากอินเทอร์เน็ตได้ สง่ ผ ระบบเครือข่ายที่สนับสนุนการจัดการเรียนอย่างทั่วถึงประกอบกับภายนอกโ การเรียนการสอนอย่างสะดวกรวดเร็ว ส่งผลให้การจัดการเรียนรูม้ ีรูปแบบที่หล ความรู้จากเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนได้ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 และเทค เหมาะสม เปน็ ปจั จัยทสี่ ่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรยี นและการพฒั น ขอ้ จำกดั (อปุ สรรค) โรงเรียนบาลวาปีปทุมมีข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคจากสภาพแวด พัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานของสถานศึกษาและขับเคลื่อนคุณภาพขอ ตามลำดับดังนี้ คือ 1) ค่านิยมที่เปลี่ยนไปทำให้เด็กจะติดอยู่กับการใช้โทรศัพ เพยี งพอ บ้านนกั เรียนบางคนไม่มีระบบอนิ เทอร์เน็ตให้เข้าถึงการเรียนรู้ หรอื คว หลานหลายคนทำให้ไม่พอใชง้ าน 3) นกั เรยี นมีสมาธิในการเรยี นร้สู ้นั เน่อื งจากก ต่อการแสดงออกที่โรงเรยี นต่อเพื่อนดา้ นพฤติกรรมท่ีกา้ วร้าว และเมื่อนักเรียนก สขุ ภาพและสายตา 4) แหล่งเรียนรูแ้ ละสบื ค้นภายนอกโรงเรียนบางท่ีอาจใหบ้ ริก ชว่ งเวลาในการใชง้ าน ส่งผลกระทบตอ่ สขุ ภาพและการเรยี น ใช้เทคโนโลยใี นทา 5) ขาดศูนย์การเรยี นรู้ออนไลน์
35 ลยี เป็นโอกาสต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.19 ซึ่ง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทางด้านเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต) ส่งผลทำให้นักเรียนเกิดความ ะกอบกับ เทคโนโลยีช่วยใหเ้ ด็กเรียนรู้โลกกว้างข้ึนรูเ้ ท่า ทนั ข่าวเหตุการณ์ตา่ งๆ ผลใหม้ ผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นสูงขน้ึ โดยมคี ่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.20 รองลงมาคือ มี โรงเรียนมีการให้บริการสื่อเทคโนโลยีเพื่อการสืบค้นข้อมูล และใ ช้ในการจัด ลายหลายและทันสมัย และมีแหล่งการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนสาม ารถสืบคน้ ข้อมูล คโนโลยี มีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ต้องมีการจัดการเรียนรู้อย่าง นาคุณภาพการศึกษาโดยมีค่าเฉลยี่ เท่ากบั 4.06 ตามลำดบั ดล้อมภายนอกด้านเทคโนโลยี ที่เป็นข้อมูลที่ต้องคำนึงถึงเพื่อใช้ในการวางแผน องสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล และมีความสมบูรณ์ยิ่งข้ึ น พท์ไม่สนใจคนอื่นหรือสิ่งอื่น 2) การเข้าถึงคอมพิวเตอร์เมื่ ออยู่นอกโรงเรียนไม่ วามไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เช่น บางครอบครัวมโี ทรศัพทห์ นึง่ เครอื่ ง แตม่ ีบุตร การใช้เทคโนโลยีไม่เหมาะสม เชน่ การเลน่ เกมส์ในโทรศัพท์ท่ีบ้านและยังส่งผล กลับถงึ บา้ นตนเอง นักเรียนอาจใช้เทคโนโลยีมากเกินความจำเป็น อาจมีผลตอ่ การนักเรียนในการใช้เทคโนโลยีไมเ่ หมาะสม ไม่ตรงจดุ ประสงค์ และไม่รู้จักแบ่ง างที่ผิด เช่น เล่นเกม เล่นต๊กิ ตอ๊ ก แชทออนไลน์ ขาดความสนใจในการเรยี น และ 35
3) การให้คะแนนประเดน็ สำคัญท่เี ป็นปจั จัยที่สง่ ผลต่อการดำ (Economic Factors : E) ตารางที่ 3 การให้คะแนนประเดน็ สำคญั จากสภาพแวดล้อมภายนอกดา้ นเศรษ โอกาส (Opportunities) ประเด็นสำคญั เฉล 1.ได้รบั การสนบั สนนุ และความรว่ มมอื จากหน่วยงานในท้องถน่ิ ผ้ปู กครอง 4.03 คณะกรรมการสถานศกึ ษาในการบริจาคทุนทรพั ย์ วัสดุ อปุ กรณเ์ พ่ือ สนบั สนนุ การศึกษา สง่ ผลใหก้ ารจัดการศกึ ษาของโรงเรียนพฒั นา มีประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ 2.นกั เรยี นรูจ้ ักการออม เพอ่ื นำเงินออมมาใชจ้ า่ ยด้านการศกึ ษาในอนาคต 4.29 เชน่ เด็กนักเรียนร้จู กั ฝากเงนิ กบั ธนาคารโรงเรียน 3.โรงเรียนต้ังอยใู่ นย่านเศรษฐกจิ หรอื แหลง่ ชุมชน ภาวะเศรษฐกจิ ในชมุ ชน 4.20 ดีเอื้อประโยชนใ์ นการพฒั นาการศกึ ษาของโรงเรียน ผ้ปู กครองและ หน่วยงานใกลเ้ คยี งใหก้ ารสนับสนุนดา้ นงบประมาณและทรัพยากรทางการ ศกึ ษา 4.ผูป้ กครองทีม่ ีฐานะทางเศรษฐกจิ ดจี ะส่งเสริมใหน้ ักเรียนเรียนเพ่ิมเติมจาก 3.80 สถาบนั ต่าง ๆ ส่งผลใหน้ ักเรยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นสงู ขึน้ อีกทั้งมี ความพร้อมในการสนบั สนนุ การขบั เคลื่อนสถานศึกษา 5.ชมุ ชนมที ศั นคตทิ ด่ี ใี นการยอมรับและศรัทธาตอ่ โรงเรียนใหค้ วามรว่ มมือ 4.26 และสนบั สนนุ การจดั การศกึ ษาของโรงเรยี น ค่าเฉลี่ย 4.12 จากตารางที่ 3 พบว่า โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมภายนอกด้านเศรษ ซึ่งมากกว่าอุปสรรคที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.45 นั้นเพราะว่า เกิดจากปัจจัยในเรื่อ
36 ำเนินการของโรงเรียนจากบริบทสภาพแวดล้อมภายนอกด้านเศรษฐกจิ ษฐกจิ (Economic Factors : E) จากผมู้ สี ว่ นเก่ียวข้อง เฉลย่ี อุปสรรค (Threats) 3.51 ลี่ย ประเดน็ สำคัญ 3.23 3 1.รายได้ของผปู้ กครองบางคนไม่แนน่ อน เน่อื งจากภาวะเศรษฐกิจ 3.31 ถดถอย สง่ ผลกระทบต่อการสนบั สนนุ การจดั การศึกษา คา่ ครองชีพ ในปจั จบุ นั คอ่ นข้างสูง ทำให้มรี ายจา่ ยเพมิ่ ข้ึน ส่งผลใหก้ ารสนับสนุน การศึกษามีน้อยลง 9 2. ผู้ปกครองมงี บประมาณน้อยมีค่าใช้จา่ ยสงู ในบางกรณไี ม่มงี บใน การใชจ้ ่ายให้กับนักเรียนอยา่ งเพียงพอ 0 3.มีความเหลอื่ มล้ำทางดา้ นฐานะครอบครัว และความเปน็ อยูท่ ี่ แตกต่างกนั ส่งผลต่อการพฒั นาการเรียนรู้ของนกั เรียน 0 4.สถานการณ์โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ทำให้ผปู้ กครองมีรายได้ 3.49 36 ไม่เพียงพอตอ่ คา่ ใชจ้ า่ ยในครัวเรอื น ค่าครองชีพเพิ่มสูงข้ึน แตร่ ายได้ เท่าเดมิ 6 5.นกั เรียนบางส่วนไมไ่ ดอ้ ยกู่ บั ผปู้ กครอง ผปู้ กครองทำงานต่างจงั หวัด 3.71 ต้องทำให้นกั เรียนอาศัยกับตายายหรอื ญาติๆ 2 ค่าเฉลยี่ 3.45 ษฐกิจ เป็นโอกาสต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.12 องนักเรียนรู้จักการออม เพื่อนำเงินออมมาใช้จ่ายด้านการศึกษาในอนาคต เช่น
เด็กนักเรียนรู้จักฝากเงินกับธนาคารโรงเรียน โดยมีค่าเท่ากับ 4.29 ซึ่งเป็นเฉลี่ย โรงเรียนให้ความรว่ มมือและสนับสนุนการจัดการศกึ ษาของโรงเรียน โดยมีคา่ เฉ ภาวะเศรษฐกิจในชุมชนดีเอื้อประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน ผปู้ ทางการศึกษา โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.20 รองลงมาคือ ได้รับการสนับสนุนแล ในการบริจาคทนุ ทรัพย์ วสั ดุ อปุ กรณเ์ พ่ือสนบั สนุนการศึกษา สง่ ผลให้การจดั กา และ ผู้ปกครองที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีจะส่งเสริมให้นักเรียนเรียนเพิ่มเติมจาก พรอ้ มในการสนับสนุนการขับเคลอ่ื นสถานศึกษา เป็นปจั จยั ท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ กา 3.80 ตามลำดับ ขอ้ จำกดั (อปุ สรรค) โรงเรียนบาลวาปีปทุมมีข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคจากสภาพแวด พัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานของสถานศึกษาและขับเคลื่อนคุณภาพขอ ตามลำดับดังนี้ คือ 1) นักเรียนบางสว่ นไม่ไดอ้ ยูก่ ับผูป้ กครอง ผู้ปกครองทำงาน คา่ ใช้จา่ ยในครวั เรือน หรือ คา่ ใช้จ่ายในการสนับสนนุ ด้านการศึกษา 2) รายไดข้ ต่อการสนับสนุนการจัดการศึกษา ค่าครองชีพในปัจจุบันค่อนข้างสูง ทำให้มีรา เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ทำใหผ้ ้ปู กครองมีรายได้ไม่เพยี งพอต่อคา่ ใชจ้ ่ายในครวั เร ครอบครัว และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของน ในการใช้จ่ายใหก้ บั นกั เรยี นอยา่ งเพยี งพอ
37 ยสูงสุดในด้านนี้ รองลงมาคือ ชุมชนมีทัศนคติที่ดีในการยอมรับและศรัทธาต่อ ฉลี่ยเท่ากับ 4.26 รองลงมาคือ โรงเรยี นตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจ หรือแหล่งชุมชน ปกครองและหน่วยงานใกล้เคยี งให้การสนับสนนุ ด้านงบประมาณและทรัพยากร ะความร่วมมือจากหน่วยงานในท้องถิ่น ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา ารศึกษาของโรงเรียนพฒั นา มีประสทิ ธิภาพมากขนึ้ โดยมคี ่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.03 กสถาบันต่าง ๆ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้ น อีกทั้งมีความ ารดำเนนิ งานของโรงเรยี นและการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาโดยมคี า่ เฉลยี่ เท่ากับ ดล้อมภายนอกด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นข้อมูลที่ต้องคำนึงถึงเพื่อใช้ในการวางแผน องสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล และมีความสมบูรณ์ยิ่งข้ึ น นต่างจังหวัดต้องทำให้นักเรียนอาศัยกับตายายหรือญาติ ๆ จึงอาจติดขัดในเรื่อง ของผู้ปกครองบางคนไม่แนน่ อน เนอื่ งจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบ ายจ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การสนับส นุนการศึกษามีน้อยลง 3) สถานการณ์โรคติด รือน คา่ ครองชีพเพม่ิ สูงข้ึน แตร่ ายได้เทา่ เดมิ 4) มีความเหลอ่ื มล้ำทางด้านฐานะ นักเรียน และ 5) ผู้ปกครองมีงบประมาณน้อยมีค่าใช้จ่ายสูง ในบางกรณีไม่มีงบ 37
4) การให้คะแนนประเด็นสำคัญทเ่ี ป็นปัจจัยที่สง่ ผลต่อการดำเนิน กฎหมาย (Political and Legal Factors : P) ตารางท่ี 4 การให้คะแนนประเดน็ สำคญั จากสภาพแวดล้อมภายนอกด้านการเม โอกาส (Opportunities) ประเดน็ สำคญั เฉล 1.รัฐบาลองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ผู้ปกครองเขา้ ใจนโยบายการจดั 3.94 การศกึ ษา ใหก้ ารสนบั สนนุ ดา้ นงบประมาณในการจดั การศึกษา 2.มนี โยบายและมโี ครงการในการพัฒนาผูเ้ รยี นและยกผลสมั ฤทธ์ิทางการ 4.00 เรียนอยา่ งชัดเจน นำมาปฏบิ ัติ ไดจ้ ริง สง่ ผลตอ่ คณุ ภาพผ้เู รียนอย่างเปน็ รปู ธรรม ผูน้ ำท้องถนิ่ นกั การเมอื ง ส่งเสริมการจดั กจิ กรรมการศกึ ษาของ โรงเรียน 3.พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาให้ทกุ คนมโี อกาสศึกษาตามศกั ยภาพของแต่ละ 4.00 บุคคล อกี ทั้ง หนว่ ยงานตน้ สงั กดั มีนโยบายในการจดั การศึกษาทีช่ ัดเจนใน การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น ให้การสนบั สนนุ ในด้านต่าง ๆ ด้วยดี 4.ผู้บรหิ ารมกี ารนำนโยบายดา้ นการศึกษาท่สี อดคลอ้ งกับการเปลีย่ นแปลง 4.14 การเมืองและปฏบิ ตั ิตามขอ้ กฎระเบยี บ และกฎหมายอยา่ งเคร่งครัด 5.ผ้ปู กครองและชมุ ชนเข้าใจตอ่ นโยบายของโรงเรยี นและรบั ฟังการชแ้ี จง 4.09 ทำความเข้าใจกบั โรงเรียนอยู่เปน็ ประจำ และมีการตดิ ตอ่ สื่อสารกนั ระหว่าง โรงเรียนกับผปู้ กครองเป็นระยะทง้ั ในภาพรวมของโรงเรียนของสายชน้ั และ ของหอ้ งเรยี นหรอื แมแ้ ตส่ ว่ นตวั อยเู่ ป็นประจำ ค่าเฉลยี่ 4.03 จากตารางที่ 4 พบว่า โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมภายนอกด้านการเ เท่ากับ 4.03 ซึ่งมากกว่าอุปสรรคที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.21 นั้นเพราะว่า เกิดจ เปล่ยี นแปลงการเมอื งและปฏบิ ัติตามข้อกฎระเบียบ และกฎหมายอยา่ งเคร่งครดั
38 38 นการของโรงเรียนจากบริบทสภาพแวดล้อมภายนอกด้านการเมืองและ มืองและกฎหมาย (Political and Legal Factors : P) จากผ้มู ีสว่ นเกี่ยวข้อง อุปสรรค (Threats) ล่ยี ประเดน็ สำคัญ เฉลี่ย 4 1. นโยบายของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้การดำเนินงานต้อง 3.60 ปรบั เปลี่ยนตามรัฐบาลจึงขาดความตอ่ เนอื่ งในการพัฒนา 0 2.มคี วามแตกต่างในด้านมุมมอง แนวคดิ ทัศนคติ ความแตกตา่ ง 3.23 ทางการเมืองของคนในชมุ ชน 0 3.มผี ู้ปกครองบางคนมีความเหน็ ตา่ งในบางนโยบายและบางเรอื่ ง เช่น 3.14 ทรงผมนกั เรียน การนำโทรศพั ทม์ าโรงเรียน 4 4.มีความคดิ ท่ีแตกต่างกนั กบั ผู้ปกครองบางกลุม่ ทเี่ หน็ ด้วยกับโรงเรียน 2.89 และบางกลมุ่ ทไ่ี มเ่ หน็ ด้วย 9 5.นโยบายเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาทำใหข้ าดความต่อเนอ่ื งในการ 3.17 ดำเนนิ งาน 3 คา่ เฉลีย่ 3.21 เมืองและกฎหมาย เป็นโอกาสต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยมีค่าเฉล่ีย จากปัจจัยในเรื่องผู้บริหารมีการนำนโยบายด้านการศึกษาที่สอดคล้องกับการ ด โดยมีคา่ เท่ากบั 4.14 ซงึ่ เป็นเฉล่ียสูงสดุ ในดา้ นนี้ รองลงมาคือ ผปู้ กครองและ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189