34 2. พระพรายล้มสงิ ขร คอื หมัดตรงตาม ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ให้ใช้ หมัดขวาชกพุ่งตรงพร้อมกับบิดตัว ตามหมัดโดยแรง เท้าขวา จะสืบ ไปพร้อมหมดั หรือไม่สืบแล้ว แตร่ ะยะสู้ ผูใ้ ช้ต้องพิจารณา เช่น ระยะตอ่ สูไ้ กล ก็ต้องสบื เทา้ เข้า ไปถ้าใกล้ก็ไม่ต้องสืบเท้า ที่หมาย คือ คางหรือหัวใจคู่ต่อสู้ใช้เวลารุก รับ หรือถอย (ถ้ารุกใช้สลับกัน ซ้ายขวาจะดีมาก) การปอ้ งกนั หมัดน้ใี ช้แขนหรือหมัด ซึง่ อย่ขู ้างหนา้ ถ้านกั มวยจดเหล่ยี มขวากใ็ ช้หมดั หรือแขน ซ้ายปดั ไปทางซา้ ย การตอบแก้ ใช้เท้าถีบจิกตรงท้องคู่ ต่อสู้โดยแรง เพื่อมิให้หมัดถึง ท่ีหมายได้ถ้านักมวยจด เหลี่ยมซา้ ย ใหก้ ลบั คาอธิบายเปน็ ขวา ทง้ั ส้นิ ภาพประกอบท่ี 3 เชิงหมัดพระพรายล้มสงิ ขร ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 125) 3.วานรหักดา่ น คือหมดั เหวี่ยงสน้ั ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาให้ใช้ หมัดขวายกขึ้นตั้งกาดปิดป้องคางไว้ ใช้หมัดซ้ายเหวี่ยงสั้นหรือ ทุบเฉยี งลงหมายท่ลี าคอหรอื ดง้ั จมกู ปลายคางคูต่ ่อสู้ ใช้เวลารกุ รับหรอื ถอย ในระยะหมัด การป้องกนั ให้ยกแขนซ้าย ขวาข้ึนขวางรับเหนอื ศรีษะ การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายเตะเหว่ียง หมายชายโครงข้างขวาของคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหล่ียม ซ้ายให้ กลับ คาอธิบายขวาเปน็ ซา้ ยท้ังสิ้น ภาพประกอบที่ 4 เชิงหมัดวานรหกั ดา่ น ทม่ี า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 125)
35 4. พระกาฬเปิดโลก คอื หมัดหงาย ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาให้ใช้ หมัดขวาหงายมือ งอข้อศอกและ ข้อมือหงายเสยหมัดจากต่า ไปหาสงู ขา้ งหนา้ พร้อมกบั สบื เท้าขวาไปข้างหนา้ ทีห่ มาย ปลายคางคตู่ อ่ สู้ ใชเ้ วลารบั หรอื ถอย การป้องกัน ใชแ้ ขนซา้ ยตบลงพรอ้ มกับเงยคางไปข้างหลงั การตอบแก้ ใชเ้ ท้าซา้ ยถีบจกิ ท้องคูต่ ่อสู้ แลว้ ใช้ศอกตีตรงทห่ี มายหน้าคตู่ ่อสู้ ถา้ นกั มวยจด เหลี่ยมซา้ ยใหก้ ลับคา อธิบายขวาเป็นซา้ ยทงั้ สิ้น ภาพประกอบท่ี 5 เชงิ หมัดพระกาฬเปิดโลก ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 126) 5. โขกนาสา คือหมดั งอตวดั ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวาใช้หมัด ขวาคว่ามืองอข้อศอกและข้อมือเล็กน้อย ชกคว่ามือจากสูง มาหาต่าพร้อมบิกด ตัว ไปข้างซ้ายโดยแรงสืบเท้าไปข้างหน้า ที่หมายด้ังจมูกหรือขากรรไกรด้าน ซ้าย ค่ตู อ่ สูใ้ ชเ้ วลารกุ การป้องกัน ใชม้ ือซ้ายขวางปัดขึ้น ไปขา้ งบนหรอื ปะทะพรอ้ มกบั เอนตัว ไปข้างหลงั เล็กน้อย การตอบแก้ ใช้เข่าซ้ายตะแคง ตีชายโครงข้างขวาของคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหลี่ยม ซ้ายให้ กลับคาอธบิ ายขวาเป็นซา้ ย ทั้งสนิ้ ภาพประกอบท่ี 6 เชงิ หมดั โขกนาสา ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 126)
36 6. อินทราขวา้ งจักร คือหมัดขว้าง ถา้ นักมวยจดเหล่ียมขวาใหใ้ ช้ หมดั ขวายกขึน้ ไปขา้ งหน้า แขนเหยียดตรงแล้วตีฟาดลงมาทาง ตรง พร้อมกับก้าวเท้าขวา ไปข้างหน้าท่ีหมายก้านคอหรือดั้งจมูกคู่ต่อสู้ ใช้เวลารุกรับหรือถอย ใน ระยะหมดั การป้องกนั ใหย้ กแขนซา้ ยขึ้นขวางรบั เหนอื ศรษี ะ การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายเตะเหวี่ยง หมายชายโครงข้างขวาของคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหลี่ยม ซ้ายให้ กลบั คาอธบิ ายขวาเปน็ ซ้ายทัง้ สิน้ ภาพประกอบท่ี 7 เชิงหมัดอนิ ทราขวา้ งจักร ทม่ี า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 127) 7. พระลกั ษณห์ า้ มพล คือหมัดอดั ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวาให้ใช้ หมัดขวาลดลงมากาหมัดหงายมือ สือก พุ่งตรงไปท่ีหลุมหัวใจ หรือหนา้ ท้องหรือชายโครงคู่ต่อสู้ พร้อมกับสืบเท้าขวาเข้าประชิด คู่ต่อสู้ใช้เวลารุกเข้าประชิด หรือคู่ ตอ่ สโู้ ถมเขา้ มา การป้องกัน ใช้แขนซ้ายตบ หมัดลงปัดไปทางซ้าย พร้อมกับบิดตัวไปทางขวา หันข้างให้คู่ ต่อสู้ ใชศ้ อกซา้ ย ปิดชายโครงซ้าย การตอบแก้ ใช้เข่าซ้ายตะแคง ตีชายโครงหรือหน้าท้องคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหล่ียมซ้ายให้ กลบั คาอธบิ าย ขวาเป็นซา้ ยทง้ั ส้นิ ภาพประกอบท่ี 8 เชงิ หมัดพระลกั ษณ์หา้ มพล ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 127)
37 8. ผจญชา้ งสาร คือหมดั พรอ้ มเตะ ถา้ นักมวยจดเหลีย่ มขวา ให้ใชห้ มัดขวา ชกตรงไปที่หมายคางคตู่ ่อสู้ พร้อมกับใช้เท้าซ้าย เตะ เหว่ียงท่ีหมายชายโครงของค่ตู อ่ สู้ใช้เวลา คู่ต่อสู้จดมวยวงกว้างรุกรับ และถอย การป้องกัน ใช้แขนซ้ายปัดหมัดคู่ต่อสู้ ไปข้างหลัง พร้อมกับเอียงตัวข้างขวา กดศอกขวา ลง ต่า ปดิ ชายโครงข้างขวาปะทะเทา้ คตู่ อ่ สู้ การตอบแก้ ใช้เท้าหรือหน้าแข้งซ้ายเตะ เหว่ียงหมายชายโครงคู่ต่อสู้ โดยแรง ถ้านักมวยจด เหลย่ี มซา้ ยให้ กลับคาอธบิ ายขวาเป็นซา้ ยทัง้ ส้ิน ภาพประกอบท่ี 9 เชงิ หมดั ผจญช้างสาร ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 128) 9. หนุมานถวายแหวน คือหมัดคู่ ให้ใช้หมัดท้ัง ข้างมารวมชก พร้อมกันข้างหน้า หงายฝ่ามือ เสือกหมัด เสยขึ้นที่หมายปลาย คาง คู่ต่อสู้ พร้อมกับเข่าท้ัง 2 ข้างย่อตัว กระโดดข้ึนกระแทกหน้าอกคู่ต่อสู้ โดยแรง ใช้เวลารุก รับ และถอย หรอื คู่ต่อสงู้ งเผลอตัว การป้องกนั ให้กระโดดถอย หลงั ให้พ้นระยะพรอ้ มกบั เคลอื่ น ศอกมารวมปิดตรงหน้าท้อง การตอบแก้ ให้ใช้เท้าขวาเตะ เหวี่ยง ท่ีหมายเท้าซ้ายของคู่ต่อสู้ อย่างแรงหรือใช้เท้าเดียว ถีบก็ได้ เพอื่ ใหค้ ตู่ อ่ ส้เู สียหลักแลว้ ใช้เชิง อนื่ ตาม ภาพประกอบท่ี 10 เชิงหมดั หนมุ านถวายแหวน ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 128)
38 10. ลว่ งแดนเหรา คือหมัดพรอ้ มเขา่ ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาให้ใช้ หมัดขวาชกเหวี่ยงท่ีหมายขากรรไกร ข้างซ้ายคู่ต่อสู้พร้อมกับ ใช้เข่าตะแคงเหวี่ยงตีชายโครง ขวาคู่ตอ่ สู้ เชิงนี้ใชเ้ ช่นเดียวกับ เชิง หนุมานถวายแหวน เชิง ผจญช้าง สาร (ชกพรอ้ มกบั เท้า) การป้องกัน ใช้แขนซ้ายปัดหมัดคู่ต่อสู้ ไปข้างหลัง พร้อมกับเอียงตัวข้างขวา กดศอกขวาปิด ชายโครงขวา การตอบแก้ ใชเ้ ขา่ เชน่ เดียว กับผจญชา้ งสาร ภาพประกอบที่ 11 เชิงหมดั ล่วงแดนเหรา ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 129) 11. นาคาพน่ ไฟกาฬ คอื หมัดสลบั ถ้านักมวย จดเหลยี่ มขวา ให้ใช้หมัดซ้ายหงายมอื ชกท้อง คู่ต่อสู้ สืบเท้าขวาพรอ้ มชกหมดั ขวา ตรง ที่หมายคางค่ตู อ่ ส้แู ลว้ ใชห้ มัด ซ้ายสลับมาชกคางคู่ต่อสใู้ ชเ้ วลา รุก ตดิ ตามคู่ตอ่ สู้ การป้องกนั โดยถอยใหพ้ ้นระยะ หมัดและใช้เทา้ ซ้ายถีบคู่ต่อสู้ การตอบแก้ ถา้ คู่ต่อสู้เขา้ ประชดิ ใช้ เข่าขวาพุ่งตรงหมายหน้าท้องคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหลย่ี ม ซา้ ย กลับคาอธบิ ายขวาเป็นซา้ ยทั้งสิ้น ภาพประกอบท่ี 12 เชิงหมัดนาคาพ่นไฟกาฬ ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 129)
39 12. หักดา่ นลมกรด คือหมดั ปนศอก ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ให้ใช้หมัดขวางอข้อศอก หมัดมาอยู่ข้างหน้าเหว่ียง หมัดพร้อมกับ สบื เท้าขวาท่ีหมายขากรรไกรข้างซ้ายของคู่ต่อสู้ขณะเดยี วกัน งอแขนพับ มาทางตัว ใช้ศอกตซี ้าที่เดิม หรือคอคู่ต่อสู้แล้วใช้ศอกเฉียงหลัง พุ่งตรงไปท่ีหมายปลายคาง คู่ต่อสู้ซ้าอีกก็ได้ใช้เวลารุก รับ และ ถอย การป้องกัน ใช้แขนซ้ายปัดหมัดคู่ต่อสู้ ไปทางซ้าย หรือใช้เท้าถีบจิก ปลายเท้าท่ีหมายท้องคู่ ตอ่ สู้ก็ได้ การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายตะแคงหลังเท้ามาทางขวาเตะเหวยี่ งหมาย ชายโครงขวาของคู่ต่อสู้ถ้า นกั มวยจดเหลยี่ มซ้ายกลับคาอธบิ ายขวาเปน็ ซ้ายทั้งสน้ิ ภาพประกอบที่ 13 เชงิ หมดั หักดา่ นลมกรด ทม่ี า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 130) 13. องคตควงพระขรรค์ คอื หมัดควง หมัดนี้ใช้เม่ือคู่ต่อสู้เข้าประชิดแล้วกระโดดถอยพลางสู้พลางในระยะหมัด ให้ใช้หมัดขวาและ ซ้ายชกเหวย่ี งเชน่ เดยี วกนั ทง้ั 2 หมดั ท่ขี ากรรไกรคู่ต่อสู้ การปอ้ งกัน ใช้แขนซ้ายและปดิ ขากรรไกรทัง้ 2 ข้าง การตอบแก้ ใชเ้ ทา้ ขวาหรอื ซ้ายถีบจกิ ทอ้ งคู่ต่อสู้ ภาพประกอบที่ 14 เชงิ หมดั องคตควงพระขรรค์ ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 130)
40 14. ฤๅษลี ืมญาณ คอื หมัดหลอก หมัดน้ีใช้ได้ท้ังนักมวยจดเหล่ียม ซ้ายและเหลี่ยมขวา และใช้หมัด ได้ท้ังซ้ายและขวาโดยใช้ หมัดขวา หลอกหมัดซ้ายชก เช่นหมัดขวา เอียงทาท่าชกหมัดเหวี่ยงแต่ยั้งไว้ พอคู่ต่อสู้เอียงหลบหมัด ขวาใช้ หมัดซ้ายชกเหว่ยี งหมายกรรไกร คตู่ ่อสู้หรือจะใชห้ มัดหลอกชก คาง ใชห้ มดั จริงชกด้ังจมูกก็ได้ หรอื จะใชเ้ ชงิ อน่ื ๆ แล้วแตผ่ ใู้ ชจ้ ะพลิกแพลงเอา ภาพประกอบที่ 15 เชิงหมัดฤาษีลมื ญาณ ทม่ี า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 131) 15. หนุมานจองถนน คอื หมดั คว่าบน ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาหรือซ้าย ก็ตาม ต้องจดเหลี่ยมให้บาง ถ้าจดเหล่ียม ขวาใช้หมัดขวา งอขอ้ ศอก หมดั อยู่แนว หูขวาหมัดซ้ายเฉียงมาข้างหน้า เอียงตัวข้างซ้ายลงพร้อมกับฟาดหมดั ขวา สืบ เทา้ ขวาไปข้างหนา้ ประชิดคู่ตอ่ ส้ทู ่ี หมายต้ังจมกู คตู่ อ่ ส้ใู ช้เวลารบั การป้องกัน ให้กระโดดถอย พร้อมกับใช้เท้าซ้ายเตะตะแคงมาทาง ขวาเตะที่หมายหน้าอก และทอ้ งค่ตู ่อสู้ ถา้ นักมวยจดเหลี่ยมซ้ายกลับคา อธบิ ายขวาเปน็ ซา้ ยท้ังสนิ้ ภาพประกอบท่ี 16 เชิงหมดั หนมุ านจองถนน ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 131)
41 เชิงเท้า หมายถึงการใช้อาวุธในระยะไกล เชิงเท้าใช้ได้สองรูปแบบคือการใช้เทา้ แตะและเท้า ถีบ การใช้เท้าเป็นอาวุธในการต่อสู้มวยไทย ใช้ได้ดีเม่ือเป็นฝ่ายรุก หรือสกัดการรุกของคู่ต่อสู้ เป็น อาวุธที่สาคัญที่สุด เป็นอาวุธท่ียาวที่สุด ในร่างกายของมวยไทย เชิงเท้ามีท้ังหมด 15 เชิง เชิงที่จะ นามาสรา้ งการออกกาลงั กายด้วยเชิงมวยมดี งั น้ี 1. เปดิ ทวาร (เตะนา) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวาใช้เท้าซ้ายเตะขึ้นตรง ๆ หมายปลายคางคู่ต่อสู้เม่ือคู่ต่อสู้เสียหลัก หรอื เปดิ วา่ งใหใ้ ช้หมัดขวาตรงชกท่หี นา้ คตู่ ่อส้ใู ช้เวลารกุ รบั ถอย การป้องกนั ใช้หมัดขวาตบลงหรอื ใชเ้ ทา้ ขวาเตะน่องซ้ายของคู่ต่อสู้เสียหลกั การตอบแก้ ใช้แขนขวาปัดเท้าคู่ต่อสู้ข้ึนเพ่ือให้เสียหลัก ใช้เท้าซ้ายเตะเหว่ียงชายโครงคู่ ตอ่ สู้ ถ้านักมวยจดเหล่ียมซา้ ยกลบั คาอธบิ ายขวาเปน็ ทางซา้ ยท้งั ส้ิน ภาพประกอบท่ี 17 เชงิ เทา้ เปิดทวาร ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 132) 2. ลงดานประตู (เตะเหวี่ยง) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ให้ใช้เท้าขวาเอียงหลังเท้าซ้าย เท้าเหวี่ยงตรงตัวบิดตัวพร้อมเท้า หมุนไปดว้ ยไปทางซา้ ยโดยแรงท่ีหมายขากรรไกรของคู่ตอ่ สขู้ ้างซ้ายใช้รบั หรอื ถอย การปอ้ งกนั ใช้แขนซ้ายยกป้องกนั การตอบแก้ เทา้ ซา้ ยถีบจิกหนา้ ท้องหรอื จับเทา้ กระชากใหค้ ู่ตอ่ สู้เสยี หลกั ถ้านกั มวยจดเหลยี่ ม ซา้ ย ใหก้ ลบั คาอธบิ ายขวาเปน็ ซา้ ยทัง้ สนิ้ ภาพประกอบที่ 18 เชิงเทา้ ลงดานประตู ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 132)
42 3. กระทู้ขรัวตา (เตะถบี ) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ให้ใช้เท้าขวาเตะข้ึนทางตรง แหวกหมัดคู่ต่อสู้ที่หมายปลายคางคู่ ต่อสู้ขณะเท้าลงมางอขาถีบท่ีลูกกระเดือกคู่ต่อสู้หรือออกเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ต้ังหลักแล้วใช้เชิงอ่ืนตาม ใช้ เวลารกุ รับ การป้องกัน ให้กระโดดถอยหลัง พร้อมยกแขนซ้ายป้องกัน การตอบแก้ ใช้เทา้ ขวาเตะน่องค่ตู ่อสู้ใหเ้ สียหลักแล้วใชเ้ ชิงอื่นตามถ้านกั มวยจดเหล่ียมซ้ายให้ กลบั คาอธิบายขวาเป็นซา้ ยทง้ั ส้ิน ภาพประกอบที่ 19 เชงิ เทา้ กระท้ขู รวั ตา ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 133) 4. โยธาสนิ ธพ (ถีบเตะตรง) ถ้านกั มวยจดเหล่ียมขวา ใชเ้ ท้าถีบตรงสะดือคู่ตอ่ สู้โดยแรงให้คะมากม้ ตวั มาทางเรา พรอ้ มกับ ใช้เทา้ ขวากระโดดขึ้นเตะตรงปลายคางคู่ต่อสู้ใชเ้ วลารุก รบั หรือถอย การป้องกัน บิดตัวเอียงข้าง ให้คู่ต่อสู้ให้มาก โดยยกส้นเท้าซ้ายข้ึนเล็กน้อยปลายเท้า จดพ้ืน บดิ เท้าไปทางซา้ ยบิดเอวไปทางขวาให้เหลี่ยมบางแล้วเอาศอกซ้ายรบั ลูกเตะของคู่ต่อสู้ การตอบแก้ ชัดหมัดเท้าปัดส้นเท้าคู่ต่อสู้ข้ึนเสียหลักแล้วใช้เชิงอ่ืนตาม ถ้านักมวยจดเหล่ียม ซา้ ย ให้กลบั คาอธิบายขวาเป็นซ้ายทัง้ สนิ้ ภาพประกอบที่ 20 เชิงเทา้ โยธาสนิ ธพ ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 133)
43 5. มานพเลน่ ขา (เทา้ หนา้ เตะเหว่ียง) ถา้ นักมวยจดเหล่ยี มขวา ให้ใช้เท้าซ้ายตะแคงหลังเท้ามาทางขวา ใช้หลังเท้าหรือหน้าแข้งเตะ ที่ชายโครงหรอื ขากรรไกรข้างขวาของคตู่ ่อสู้อาจเตะซา้ แบบเดมิ ถา้ คู่ต่อสเู้ ปดิ วา่ งใชเ้ วลารับ การป้องกนั เอยี งตัวงอข้อศอกขวาลงใชห้ มดั ปดั ขวาเทา้ คู่ต่อสไู้ ปทางขวา การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายถีบท้องคู่ต่อสู้เพื่อให้เสียหลักแล้วใช้เชิงอ่ืนอีกต่อไปถ้านักมวยจด เหล่ยี มซ้าย ใหก้ ลบั คาอธิบายขวาเป็นซ้ายท้ังสิน้ ภาพประกอบที่ 21 เชิงเท้ามานพเล่นขา ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 134) 6. มจั ฉาเล่นหาง (เตะสามไม้,เตะเท้า,คางและถบี ) ถา้ นักมวยจดเหล่ยี มขวาให้ใชเ้ ทา้ ขวาเอียงแขง้ ไปทางซ้ายเล็กนอ้ ยใช้กาลังขาขวาพร้อมกับบิด ตวั ไปขา้ งหน้าโดยแรง เหว่ียงขาเตะที่ขาข้างหน้าโดยแรง เหว่ียงขาเตะท่ขี าข้างซ้ายของคู่ตอ่ สู้ปล่อยให้ เท้าเลยไปข้างซ้าย บิดหลังเท้ามาทางขวางอเข่าเหว่ียงมาทางขวาหมายคางคู่ต่อสู้ และงอเท้าถีบที่ ลกู กระเดอื กหรือตาของค่ตู ่อสูใ้ ช้เวลารุกเขา้ หาคู่ต่อสู้ การป้องกัน กระโดดออกหา่ งจากค่ตู ่อสู้ การตอบแก้ จับเท้าคู่ต่อสู้กระชากให้เสียหลักแล้วตามด้วยเชิงอื่นเช่นเตะหรือหมัดตรงถ้า นักมวยจดเหลยี่ มซ้าย ให้กลับคาอธบิ ายขวาเป็นซ้ายท้งั ส้ินเชงิ นใ้ี ช้เทา้ เดียวสามไม้
44 ภาพประกอบท่ี 22 เชิงเท้ามจั ฉาเล่นหาง ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 135) 7. กวางเล่นโป่ง (กระโดดเตะ) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ใช้เท้าซ้ายเตะตรงคางหรือเปิดมือคู่ต่อสู้ให้ว่างพร้อมกระโดดเตะ ด้วยเทา้ ขวาตรงขณะทเ่ี ท้าซ้ายลดลงยังไมถ่ งึ พ้นื เป้าหมายปลายคาง หรือกรรไกรของคู่ต่อสู้ โดยแรง ใชเ้ วลารุกรับ หรอื ถอย การปอ้ งกนั กระโดดถอยหลังใหห้ ่างจากเท้า การตอบแก้ ใช้เท้าเตะน่องขา้ งซ้ายของคู่ต่อสู้ให้เสียหลักตามดว้ ยเชิงอ่ืนถ้านกั มวย จดเหลี่ยม ซ้าย ให้กลบั คาอธบิ ายขวาเป็นซา้ ยทงั้ สิ้น ภาพประกอบท่ี 23 เชิงเทา้ กวางเลน่ โป่ง ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 136) 8. ณรงค์พยุหบาท (ถบี เตะเหว่ียง) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้าย ใช้เท้าขวาจิกปลายเท้าถีบกระเดือกหรือคอคู่ต่อสู้เสียหลักใช้เท้า ซา้ ยเอยี งหลังเท้าไปทางขวาเตะเหวี่ยงท่ีชายโครงขวาของคตู่ ่อสู้ ใชเ้ วลารกุ รบั และถอย การป้องกัน เงยหน้าไปข้างหลังเล็กน้อยพร้อมกับใช้มือขวาปัดเท้าซ้ายของคู่ต่อสู้ลงเอียงตัว ซา้ ยมอื ปดิ ชายโครงขา้ งซา้ ย
45 การตอบแก้ ใช้หมัดขวาชกตรงหมายคางคู่ต่อสู้หรือใช้ปลายเท้าซ้ายคู่ต่อสู้ให้เสียหลักถ้า นกั มวยจดเหลีย่ มซ้าย ให้กลับคาอธบิ ายขวาเป็นซา้ ยท้ังสิ้น ภาพประกอบท่ี 24 เชงิ เทา้ ณรงคพ์ ยุหบาท ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 137) 9. จระเขฟ้ าดหาง (เตะเหวย่ี งหลงั ) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ใช้เท้าเป็นหลัก โดยยกส้นเท้าข้ึนเล็กน้อยบิดส้นเท้าไปทางซ้ายขา ขวาเหยียดตรงข้อเท้ามาข้างหลังเท้าหมุนตัวมาข้างหลังโดยแรงเป้าหมายท่ีขากรรไกรทางขวาของคู่ ต่อสู้หรือชายโครงข้างขวาของคู่ต่อสู้ก็ได้ถ้าคู่ต่อสู้จับเท้าได้ให้ยันตัวด้วยเท้าซ้าย พุ่งศอกเฉียงหลัง หมายคางคูต่ อ่ สู้ ใช้เวลารับคตู่ ่อสู้เผลอตวั การปอ้ งกนั ใชแ้ ขนขวาปดั เทา้ ขวาคูต่ อ่ สู้ไปทางขวา การตอบแก้ จบั เทา้ ขวาค่ตู ่อสู้พุ่งไปขา้ งหน้าใหเ้ สียหลกั ภาพประกอบท่ี 25 เชิงเทา้ จระเข้ฟาดหาง ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 137) 10. กนิ รเี ลน่ นา้ (ส้นเทา้ ตีขน้ึ ) เชิงน้ีใช้เมื่อคู่ต่อสู้ซุกรักแร้ ถ้าเป็นรักแร้ข้างซ้ายให้เอียงตัวข้างซ้ายกดศีรษะต่อสู้ให้ต่าลง พร้อมกบั กระดกสน้ เทา้ ข้นึ เขา้ ใบหน้าของคู่ต่อสู้ การปอ้ งกนั ใชแ้ ขนขวากั้นหนา้ การตอบแก้ ใชเ้ ชงิ ศอกกวางสะบัดหน้า (ศอกสลัด)
46 ภาพประกอบที่ 26 เชิงเทา้ กินนรีเล่นน้า ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 138) 11. ตามด้วยแข้ง (เตะดว้ ยแขง้ ) เชิงน้ีเหมือนกับเชิงลงดานประตู (เตะเหวี่ยง) ทุกประการแต่เปล่ียนใช้หลังเท้าเป็นใช้แข้ง เตะแทน และใช้เม่ือคู่ตอ่ สูเ้ ข้าประชดิ ในระยะแขง้ เท่าน้นั การป้องกัน ยกแขนซา้ ยป้องกัน การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายถีบจิกคู่ต่อสู้ถ้านักมวยจดเหล่ียมซ้าย ให้กลับคาอธิบายขวาเป็นซ้าย ท้งั ส้นิ ภาพประกอบท่ี 27 เชงิ เท้าตามด้วยแขง้ ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 138) 12. แปลงอินทรีย(์ เท้าพร้อมหมัด) ถ้านกั มวยจดเหลยี่ มขวาใช้เทา้ ซา้ ยเช่นเดียวกบั เชงิ มานพเล่นขา (เท้าหนา้ เตะเหว่ียง) แตเ่ พิ่ม ใชห้ มดั ขวาชกตรงทค่ี างคูต่ อ่ สพู้ ร้อมเท้าซ้ายเตะชายโครงทางขวาคู่ต่อส้ใู ช้รุก รบั หรอื ถอย การปอ้ งกัน เอยี งตัวกดศอกขวาลงกนั เท้าซ้ายของคู่ต่อสู้มือซ้ายปัดหมัดขวาของคตู่ ่อสู้ การตอบแก้ ใช้เช่นเดียวกับเชิงเท้ามานพเล่นขา (เท้าถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้าย ให้กลับ คาอธบิ ายขวาเปน็ ซา้ ยทง้ั สนิ้
47 ภาพประกอบที่ 28 เชงิ เท้าแปลงอนิ ทรยี ์ ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 139) 13. พาชสี ะบดั ย่าง (เตะตดิ ตาม) เชิงน้ีเมื่อคู่ต่อสู้เสียหลักถอย ใช้เท้าซ้ายและขวาเตะเหว่ียงท่ีขากรรไกรคู่ต่อสลับกันจนคู่ต่อสู้ ลม้ เชิงนเ้ี ตะจนชานาญ ปลายเท้าแตะพ้ืนดินนดิ ๆ ใชเ้ วลารุก การปอ้ งกัน ใชแ้ ขนท้ังสองปดิ ขากรรไกรไว้ การตอบแก้ ใชเ้ ทา้ ขวาถบี หรอื เตะรุกค่ตู ่อสเู้ พ่อื ให้ค่ตู ่อสเู้ สียหลัก ภาพประกอบที่ 29 เชงิ เท้าพาชีสะบดั ยา่ ง ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 139) 14. นางสลบั บาท (เตะสลบั เทา้ ) เชิงนี้ใช้เหมือนกับเชิงพาชีสะบัดย่าง (เตะติดตาม) แต่เปล่ียนเป็นเท้าข้างหน่ึงเตะขากรรไกร อกี ขา้ งเตะชายโครงคู่ต่อสู้ นอกนัน้ เช่นเดยี วกนั ทง้ั ส้ิน การปอ้ งกนั ใช้แขนข้างหนงึ่ บิดขากรรไกรอีกขา้ งหนึ่งกดศอกลงปิดชายโครง การตอบแก้ เหมือนกับเชิงพาชสี ะบดั ยา่ ง (เตะตดิ ตาม)
48 ภาพประกอบท่ี 30 เชงิ เท้านางสลับบาท ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 140 15. กวาดธรณี (เตะเหวี่ยงตา่ ) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ให้ใช้เท้าขวาเอียงแข้งมาทางซ้ายเล็กน้อยและหมุนบิดตัวเตะที่หมาย น่องขาซา้ ยของคู่ต่อสูโ้ ดยแรงเพ่อื ให้คูต่ ่อส้เู สยี หลัก ใชเ้ วลารุก รบั และถอย การปอ้ งกัน ใช้ยกเลอ่ื นเทา้ ซา้ ยบิดมาทางขวา การตอบแก้ หมุนตัวกลับหลัง ใช้ศอกตีขากรรไกรทางขวาของคู่ต่อสู้ ถ้านักมวย จดเหล่ียม ซ้าย ใหก้ ลบั คาอธบิ ายขวาเป็นซา้ ยทงั้ สิน้ ภาพประกอบท่ี 31 เชิงเทา้ กวาดธรณี ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 140) เชิงเข่า หมายถึงการใช้อาวุธในระยะกลางและระยะใกล้ ซึ่งอวัยวะท่ีใช้ในการออกอาวุธคือ หวั เข่าการใช้เข่า เขา่ เป็นอาวธุ ท่ีร้ายแรงและหนักหน่วง รองจากการเตะ นกั มวยทม่ี ี การใชเ้ ข่าได้ถูก วิธี และเก่งเข่า จะได้เปรียบคู่ต่อสู้เมื่อเข้าระยะประชิด จะเห็นว่ามีนักมวยถูกน็อคเอ๊าท์ด้วยเข่าบ่อย เข่ามักจะทาให้ค่ตู ่อสอู้ ่อนกาลงั ลง บางคร้ังกอ็ าจจะเปิดแผลทบ่ี ริเวณใบหน้าคตู่ ่อสู้ได้เช่นกนั เชิงเข่ามี ท้งั หมด 11 เชงิ นามาการออกกาลังกายในเชิงมวยไทย ดงั นี้
49 1. กุมภัณฐ์พุ่งหอก (เข่าตรง) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ให้ใช้เข่าขวาเหยียดปลายเท้าไปข้างหน้า หัวเข่าเฉียงไปทางซ้าย พร้อมบิดตวั พุง่ เขา้ ไปข้างหน้าทีท่ ้องค่ตู ่อสู้ ใช้เวลารกุ รับ หรอื ถอย การปอ้ งกัน บดิ ตัวพร้อมกบั กดศอกซ้ายลงปดิ ชายโครง การตอบแก้ ใช้เท้าขวาถีบจิกยันคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหล่ียมซ้ายให้กลับคาอธิบายขวาเป็น ซ้ายทัง้ สิ้น ภาพประกอบที่ 32 เชิงเขา่ กุมภณั ฐ์พุง่ หอก ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 141) 2. หยอกนาง (เข่าตะแคง) ถ้านักมวยจดเหล่ยี มขวาใช้เข่าซ้ายเอยี งเข่ามาทางขวาและหมนุ ตัวมาทางขวาพรอ้ มกับเหว่ียง เข่าโดยแรงทช่ี ายโครงข้างขวาค่ตู อ่ สู้ ใช้เวลารับเมื่อคู่ตอ่ สโู้ ถมเข้ามา การป้องกนั ให้เอยี งตัวขา้ งตัวข้างขวา กดศอกลงปิดชายโครง การตอบแก้ ใช้เข่าข้างซ้ายตีชายโครงข้างขวาของคู่ต่อสู้หรือพุ่งตรงหมายท้องคู่ต่อสู้ ก็ได้ถ้า นักมวยจดเหลีย่ มซ้ายใหก้ ลับคาอธิบายขวาเปน็ ซา้ ยท้ังสนิ้ ภาพประกอบที่ 33 เชงิ เขา่ หยอกนาง ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 141)
50 3. เชยคาง (เข่าค่)ู ถา้ นกั มวยจดเหลี่ยมขวา ให้เลื่อนเท้าขวามาชิดเท้าซ้ายย่อตัวงอเข่ากระโดดขึ้นเอาเข่าตีคางคู่ ตอ่ สูพ้ ร้อมกับใชศ้ อก 2 ข้างตหี น้าค่ตู อ่ ส้ดู ้วยกไ็ ด้ใช้เวลารุกหรอื ถอย การป้องกนั ให้กระโดดถอยหลงั ใช้แขนขา้ งซ้ายขวางรบั ศอกบน แขนขวาขวางรับเขา่ ขา้ งลา่ ง การตอบแก้ ให้ใช้ขาขวาเตะขาค่ตู ่อสู้เวลากระโดดขนึ้ ใหเ้ สียหลัก แลว้ ใช้ศอกขวาตามตีหมาย บรเิ วณหนา้ คตู่ อ่ สู้ ภาพประกอบท่ี 34 เชิงเขา่ เชยคาง ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 142) 4. พรางศตั รู (เขา่ ล่าง) เข่าน้ีใช้ได้ทั้งข้าง เพราะใช้เมื่อคู่ต่อสู้รุกเข้ามา หรือคู่ต่อสู้เสียหลักให้ใช้แขนหรือศอกตีคอคู่ ต่อสู้กดลงแลว้ ใช้เขา่ ขา้ งยกข้ึนตีหมายปลายคางหรืออกคู่ต่อสู้ ใชเ้ วลารบั ประชิดหรือคู่ตอ่ สูเ้ สยี หลกั การปอ้ งกนั ให้ยกแขนสองข้างและหมดั กนั หน้าและอก การตอบแก้ เม่ือตั้งหลกั ได้ให้บดิ ตวั ไปทางซ้ายหรอื ขวาเพ่ือหาทางตอบโต้ ภาพประกอบท่ี 35 เชงิ เข่าพลางศรัตรู ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 142)
51 5. งูไลต่ ุ๊กแก (เข่าสลบั ) เขา่ น้ีตีสลบั กัน เชน่ ถ้าจดเหล่ยี มขวาใหเ้ ข่าซา้ ยตะแคงตีชายโครงข้างซ้ายของคตู่ ่อสู้ เข่าขวาง งอตรงที่ท้องหรืออกคู่ต่อสู้สลับกัน เข่าขวาตีชายโครงข้างซ้ายคู่ต่อสู้เข่าซ้ายพุ่งตรงท้องหรืออกคู่ต่อสู้ ใช้เวลารกุ คูต่ อ่ ส้เู สยี หลกั ตดิ พัน การป้องกัน ให้เอียงตัวกดอกขวาลงปิดซ้ายโครงข้างขวา พร้อมบิดตัวหันไปทางขวากดศอก ซ้ายลงปดิ ชายโครงข้างซ้าย การตอบแก้ ใชเ้ ทา้ ถีบบริเวณคตู่ ่อสใู้ ห้คูต่ ่อสเู้ สยี หลกั แล้วตามดว้ ยเชิงอ่นื ภาพประกอบที่ 36 เชิงเขา่ งูไลต่ ุก๊ แก ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 143) 6. ตาแก่ตชี ดุ (เขา่ คู่ศอก) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาให้ใช้เข่าซ้ายตะแคงมาทางขวาตีเหว่ียงเข้าชายโครงข้างขวา คู่ต่อสู้ ใช้ศอกขวาคว่ามือลงงอแขนมาทางข้างหน้าตีเหว่ียงลงท่ีขากรรไกรข้างซ้ายของคู่ตอ่ สู้ ใช้เวลารับหรือ ถอยเมื่อคตู่ ่อสรู้ ุกเขา้ มา การป้องกัน เอียงกดศอกขวาลงต่าปิดชายโครงข้างขวากันเข่าซ้ายของคู่ต่อสู้ใช้แขนซ้าย ปดั ศอกขวาของคตู่ อ่ ส้ไู ปขา้ งหลงั การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายถีบจิกท่ีท้องคู่ต่อสู้ถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้ายให้กลับคาอธิบายขวา เปน็ ซ้ายทงั้ ส้นิ ภาพประกอบที่ 37 เชงิ เข่าตาแก่ตชี ดุ ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 143)
52 7. หยดุ โยธา (เขา่ พรอ้ มศอก) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ให้ใช้เข่าซ้ายตะแคงตีชายโครงข้างขวาของคู่ต่อสู้พร้อมกับใช้ศอก ขวาและซ้ายศอกซ้ายเสยปลายคางข้ึนขวาตีลงที่ไห้ปลาร้าหรือศอกคอคู่ตอ่ สู้ ใชเ้ วลารุก รบั ถอย การป้องกัน เอียงตัวพร้อมกดศอกขวาลงปิดชายโครงข้างขวากันเข่าซ้ายคู่ต่อสู้ใช้แขนซ้าย ยกขึ้นขวางรบั ศอกขวาคตู่ ่อสู้ การตอบแก้ ให้ใช้เทา้ ซา้ ยถบี จกิ หน้าทอ้ งคูต่ ่อสูใ้ ห้เสียหลัก แล้วใชเ้ ชงิ อืน่ ตาม ภาพประกอบท่ี 38 เชงิ เข่าหยุดโยธา ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 144) 8. ภูผาสะทา้ น (เขา่ อัด) เข่าอดั เชน่ น้ใี ชป้ ระชิดตวั คูต่ ่อสูใ้ ช้ไดท้ ้ังสองข้าง เชน่ ใชเ้ ข่าข้างขวาข้ึนดันอกค่ตู ่อสู้ใหห้ ่างจาก ตัวแลว้ ใชข้ ้างซา้ ยตที อ้ งค่ตู อ่ สู้พรอ้ มกับมือท้ังสองกอดคอคู่ต่อสใู้ หแ้ น่น ใช้เวลาประชดิ ตวั การปอ้ งกนั ใหใ้ ช้แขนท้ังสองข้างปิดอกและทอ้ ง การตอบแก้ พยายามถอยออกหา่ งใชห้ มัดตรงชกคางคูต่ ่อสู้ ภาพประกอบท่ี 39 เชิงเขา่ ภผู าสะทา้ น ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 144) 9. หกั คอชา้ งเอราวณั (โน้มคอตเี ข่า) ให้ใช้มือท้ังสองข้าง โอบรอบคอคู่ต่อสู้มาข้างหน้าพร้อมกับใช้เข่าท้ังสองงอขากระโดดตีคาง หรอื อกค่ตู ่อสู้ การป้องกัน ใช้ศอกทง้ั สองข้างข้างมารวมกนั เป็นขา้ งหน้าแล้วพยายามตีตรงโคนขาเหนือเข่า ทั้งสองข้างค่ตู อ่ สโู้ ดยแรง
53 การตอบแก้ แย่งสอดแขนเข้าใน แล้วยืดศีรษะข้ึนให้ตั้งตรงแล้วตีเข่าตอบโต้หรือใช้เข่าขวาง คา้ ยันไวท้ ท่ี อ้ งอีกวธิ ีหนงึ่ ใชค้ างคู่ต่อสู้ แล้วผลักสดุ แรง จงั หวะท่ีคตู่ อ่ สูต้ เี ข่าคูต่ อ่ สูจ้ ะหงายหลังหกล้ม ภาพประกอบที่ 40 เชิงเข่าหักคอชา้ งเอราวณั ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 145) 10. ดนั้ ภูผา (เขา่ พรอ้ มหมัด) ถา้ นักมวยจดเหล่ยี มขวา ใชเ้ ข่าขวางอเทา้ ไปข้างหลังพุง่ เข้าทางซา้ ยเลก็ น้อยที่ชายโครงคู่ตอ่ สู้ ที่ใช้หมัดขวาชกคางคู่ต่อสู้บิดตัวไปทางซ้ายพร้อมเข่าและหมัดตามไปที่หมายโดยแรงใช้เวลารับหรือ ถอย การป้องกนั ใช้แขนซ้ายปดั คตู่ อ่ สู้พรอ้ มกระโดดถอยหลงั การตอบแก้ ใช้เท้าขวาเตะขาซ้ายของคู่ต่อสู้ เพ่ือให้เสียหลัก แล้วใช้เชิงอื่นตามถ้านักมวยจด เหล่ยี มซา้ ยใหก้ ลบั คาอธิบายขวาเปน็ ซา้ ยทั้งสิ้น ภาพประกอบที่ 41 เชงิ เข่าดัน้ ภผู า ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 145) 11. ศิลากระทบ (เขา่ กระทบ) เข่านี้ใช้เวลาเขา้ ประชิดตัวใช้มอื ทั้งสองข้างโอบคอค่ตู ่อสูโ้ น้มศีรษะมาข้างหน้ากระโดดตีเข่าท่ี ชายโครงใชพ้ ร้อมกันทงั้ สองเข่าตีประกบท้ังสองขา้ งชายโครง การป้องกนั กระโดดถอยหา่ งค่ตู อ่ สู้แลว้ ใชเ้ ทา้ ถีบท้องคตู่ ่อสู้ การตอบแก้ ทาเหมือนกนั กับการตอบแกเ้ ชงิ หักคอชา้ งเอราวณั
54 ภาพประกอบท่ี 42 เชงิ เข่าศิลากระทบ ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 146) เชิงศอก หมายถึงการใช้อาวุธในระยะใกล้อวัยวะท่ีใช้คือศอก ศอกจึงเป็นอาวุธที่ใช้ในมวย ไทยกันมาก เพราะสามารถท่ีจะน็อคคู่ต่อสู้ได้ หรือไม่ก็ ทาให้คู่ต่อสู้แตกเป็นบาดแผลศอกท่ีใช้ในมวย ไทยมีหลายชนดิ สว่ นเชิงศอกนั้นมที ัง้ หมด 24 เชงิ ท่จี ะนามาฝกึ ปฏบิ ัติในการออกกาลงั กาย มีดงั นี้ 1.พงุ่ หอก (ศอกนา) ถ้านกั มวยจดเหล่ียมขวา ให้ใช้ศอกซ้ายซึง่ อยู่ข้างหน้ายกงอข้อศอกพับ แขนท่อนลา่ งมาทางหู ซา้ ย พุ่งหรือตีศอกไป บริเวณหน้าคู่ ต่อสู้โดยเร็ว พร้อมกับยกเข่าซ้ายพุ่งไปบริเวณชายโครงคู่ต่อสู้ ใช้ เวลารุกหรือรับ การปอ้ งกนั ใช้หมัดซา้ ยตบไปขา้ งหนา้ ศอกขวาลดลงปิดชายโครงขา้ งขวา การตอบแก้ ใช้เท้าถีบจิกหน้าของคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้ายให้ กลับคาอธิบายขวาเป็น ซา้ ยทงั้ สิ้น ภาพประกอบท่ี 43 เชงิ ศอกพุ่งหอก ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 146)
55 2. ศอกฝานหนา้ (ศอกฟันหน้า) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ให้ใช้ศอกขวางอข้อศอก กาหมัดงอข้อมือหันฝ่ามือเข้าหาหัวไหล่ แลว้ ยกตีไปข้างหน้าโดยแรง ทบี่ ริเวณหนา้ หรือไหปลาร้าของค่ตู อ่ สู้ ใชเ้ วลารุก รบั หรือถอย การปอ้ งกนั ใหย้ กแขนซา้ ยและขวาขึ้นรบั การตอบแก้ ใช้หน้าแข้งหรือเข่าซ้ายตีชายโครงขวาของคู่ต่อสู้ หรือใช้เท้าซ้ายถีบจิกบริเวณ ท้องคตู่ อ่ สถู้ ้านกั มวยจดเหลยี่ มซา้ ยให้กลับคาอธิบายขวาเป็นซ้ายท้งั สน้ิ ภาพประกอบท่ี 44 เชิงศอกศอกฝานหน้า ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 147) 3. พรา้ ยายแก่ (ศอกเหวย่ี ง) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาให้ใช้ศอกขวาคว่ามือใช้กาลังจากหัวไหล่เหว่ียงไปข้างหน้า ที่ขา กรรไกรซ้าย ของคู่ต่อสูพ้ ร้อมกับสบื เทา้ ขวาไปข้างหน้า ใชเ้ วลารกุ รับหรอื ถอย การปอ้ งกนั ใชแ้ ขนซ้ายปัดหรือปะทะไปทางซ้าย การตอบแก้ ใช้เช่นเดียวกับเชิงศอกฟันหน้าถ้านักมวยจดเหล่ียมซ้ายให้กลับคาอธิบายขวา เปน็ ซ้ายทงั้ สนิ้ ภาพประกอบที่ 45 เชิงศอกพร้ายายแก่ ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 147)
56 4. แง่ลกู คาง (ศอกตดั ) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ใช้ศอกขวางอตรง หันฝ่ามือเข้าหาหัวไหล่ขวาพร้อมกับสืบเท้าขวา ไปขา้ งหนา้ ใช้ศอกตีปลายคางคตู่ อ่ สู้ ใช้เวลาถอย การปอ้ งกนั ใชห้ มัดและแขนขวาปะทะปดั ลงหรอื ใชเ้ ท้าขวาถบี ท้องคูต่ ่อสถู้ ้านกั มวย จด เหลยี่ มซ้ายใหก้ ลบั คาอธบิ ายขวาเปน็ ซา้ ยท้ังส้ิน ภาพประกอบที่ 46 เชิงศอกแง่ลูกคาง ทม่ี า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 148) 5. ถางปา่ (ศอกคว่า) ถา้ นกั มวยจดเหลี่ยมขวา ใหใ้ ช้ศอกขวายกข้อศอกให้สูงกดหมดั ลงตา่ ตีนจากสงู มาต่าท่ีด้ังจมูก หรอื หน้าผากคู่ต่อสูม้ าตา่ พรอ้ มกบั สืบเทา้ ไปข้างหนา้ ประชดิ ตวั คู่ต่อสใู้ ช้เวลารกุ การปอ้ งกนั ใช้แขนซ้ายยกขึน้ ปะทะแนวขวางมือ การตอบแก้ ใช้เข่าขวาพุ่งตรงไปตีหน้าอกคู่ต่อสู้ถ้านักมวยจดเหล่ียมซ้ายให้กลับคาอธิบาย ขวาเป็นซ้ายทั้งส้นิ ภาพประกอบที่ 47 เชงิ ศอกถางป่า ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 148)
57 6. ฟา้ ล่ัน (ศอกปนแขน) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวา ใช้ศอกและแขนท่อนล่างข้างขวางอข้อศอกเล็กน้อยตีฟาดลงไป บริเวณหน้าคตู่ ่อสู้ พร้อมกบั เท้าขวาสืบไปข้างหนา้ แล้วหมุนตัวกลบั เล่ือนเทา้ ซ้าย หรือหน้าทอ้ งคู่ตอ่ สู้ ซา้ อกี ครัง้ หนงึ่ ก็ได้ใช้เวลาค่ตู อ่ สโู้ ถมเขา้ มา (ถอยรับ) การป้องกัน ให้ยกแขนซ้ายข้ึนขวางรับ พร้อมกับยกเข่าซ้ายตีเหว่ียงท่ีชายโครงของคู่ต่อสู้ หรือใช้เทา้ ขวาถีบท้องคู่ต่อสู้ยันไว้ แล้วใช้เชิงเดียวกันนี้ตามถา้ นักมวยจดเหล่ียมซ้ายให้กลับคาอธิบาย ขวาเป็นซา้ ยทั้งสิน้ ภาพประกอบที่ 48 เชิงศอกฟ้าล่นั ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 149) 7. ยนั พยัคฆ์ (ศอกอัด) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ให้ใช้ศอกซ้ายงอ หันหมดั ไปทางขวาควา่ มือแลว้ พุ่งศอกไปข้างหน้าท่ี ปลายคาง หรือลูกกระเดือกคู่ต่อสู้แล้วกดคอคู่ต่อสู้ให้ศีรษะหงายไปข้างหลังใช้ศอกขวาตีตรงบริเวณ หนา้ คู่ตอ่ สู้ซา้ อีกครัง้ หนงึ่ ใชเ้ วลารบั คู่ตอ่ สูโ้ ถมเขา้ มา การปอ้ งกนั ใหย้ กแขนขวาขนึ้ ปัดไปทางขวา ใช้แขนซา้ ยยกข้ึนขวางปะทะศอกขวาของคู่ต่อสู้ การตอบแก้ ใช้เข่าขวางอพุ่งตรงไปชายโครงซา้ ยของคู่ต่อสู้ หรือใช้เข่าซ้ายของคู่ต่อสู้ ก็ได้ ถ้านักมวยจดเหล่ียมซา้ ยใหก้ ลับคาอธบิ ายขวาเป็นซ้ายทั้งส้ิน ภาพประกอบท่ี 49 เชงิ ศอกยันพยัคฆ์ ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 149)
58 8. จกั รนารายณ์ (ศอกกลับ) ถา้ นักมวยจดเหล่ียมขวา ใช้ศอกขวางอศอกควา่ มือมาข้างหนา้ แขนขวาเสมออกหรือได้ระดับ คางคู่ต่อสู้หมุนตัวกลับหลังไปทางซ้ายโดยแรง โดยใช้เท้าซ้ายเป็นหลักตีศอกท่ีขากรรไกรหรือคางข้าง ขวาคู่ตอ่ สู้เมือ่ คู่ตอ่ ส่โู ถมเขา้ มา การตอบแก้ ใช้มือซ้ายหรือขวาก็ได้สอดเข้าที่รักแร้ของคู่ต่อสู้ใช้ข้อมือเหน่ียวคอคู่ต่อสู้มา หน้าเฉยี งขวาหรือซา้ ยแล้วแต่โอกาส ใชเ้ ข่ายกขึน้ ตีคางหรอื บริเวณหน้าคู่ตอ่ ส้ถู ้านกั มวยจดเหลี่ยมซ้าย ให้กลับคาอธิบายขวาเป็นซา้ ยทง้ั สิน้ ภาพประกอบท่ี 50 เชงิ ศอกจักรนารายณ์ ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 150) 9. ทรายเหลียวหลัง (ศอกเฉียงหลัง) ถ้านักมวยจดเหลีย่ มขวาเมอ่ื ใช้หมดั ขวาหรือใช้เท้าเตะ หรอื ศอกเหว่ียงผิดที่หมายแล้วชักกลับ มาในท่าเดิมไม่ทันจนเลยไปอยู่ในท่าหันข้างขวาให้คู่ต่อสู้ การใช้ศอกให้ข้อศอกคว่ามือแขนขวาท่อน ล่างข้างหน้าเสมออกแล้วพุ่งศอกเฉียงไปข้างหลังท่ีลูกกระเดือกหรือคางคู่ต่อสู้ ใช้เวลาคู่ต่อสู้โถมเข้า มาศอกนเี้ ปน็ ศอกชว่ ย การปอ้ งกัน ใชม้ ือซ้ายปดั ศอกไปข้างซา้ ยพรอ้ มกับเอีย้ วศรี ษะไปทางขวาเลก็ น้อย การตอบแก้ ใช้เท้าซ้ายเตะน่องขาของคู่ต่อสู้เหวี่ยงไปทางขวาโดยแรง(ระวังศอกซ้าย คู่ต่อสู้ กลบั ตคี างหรอื ชายโครงเรา) ถา้ นักมวยจดเหลยี่ มซ้ายใหก้ ลับคาอธิบายขวาเป็นซ้ายทั้งส้นิ ภาพประกอบท่ี 51 เชิงศอกทรายเหลยี วหลงั ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 151)
59 10. กวางสะบัดหน้า (ศอกสลดั ) ศอกสลัดนี้ใช้ได้ทั้งซ้ายและขวา เป็นศอกที่ใช้เมื่อเวลาเสียหลักเราขึ้นซุกรักแร้คู่ต่อสู้ เช่น ซุกใต้รักแร้ซ้ายคู่ต่อสู้เวลาเข้าซุกใช้แขนซ้ายและศีรษะย่ืนไปข้างหลังคู่ต่อสู้ เท้าซ้ายสืบไปอยู่ระหว่าง ขาคู่ต่อสเู้ ทา้ ขวาอยู่ข้างหลังแขนขวาแนบกับเท้าขวา งอขอ้ ศอกแล้วบิดตัวขวาเฉียงไปทางซา้ ยโดยแรง พร้อมกับใช้เข่าซ้ายกระแทกเข่าซ้ายคู่ต่อสู้ให้เสียหลักก้มมาข้างหน้าเพื่อให้ศอกท่ีสลัดตกบริเวณหน้า ของคู่ต่อสู้ การป้องกัน ใช้ศอกและแขนขวาขวางกัน (เพียงการตอบแก้) ใช้กาลังตัวแขนซ้ายกดศีรษะ ของคู่ต่อสตู้ ่าลงพรอ้ มกับย่อตัวงอข้อศอกขวาบิดตวั กลับหลังซ้ายใชศ้ อกขวาตีบริเวณหน้า คู่ตอ่ สู้ ภาพประกอบที่ 52 เชงิ ศอกกวางสะบัดหนา้ ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 152) 11. คชาตกมนั (ศอกฟันหลัง) เชิงศอกนี้คล้ายกับเชิงทรายเหวียงหลัง (ศอกเฉียง)ใช้ศอกตีปักลงตรง ๆ บริเวณหน้าผากคู่ ตอ่ สู้ ใชเ้ วลาคตู่ ่อสโู้ ถมเขา้ มา การป้องกนั ใชห้ มดั ซา้ ยชกตรงทีค่ างหรอื ลน้ิ ปคี่ ตู่ ่อสู้ การตอบแก้ ใช้แขนซ้ายยกขึ้นขวางรับหรือปัดไปบนศีรษะถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้ายกลับ คาอธิบายขวาเป็นซา้ ยท้ังส้ิน ภาพประกอบที่ 53 เชิงศอกคชาตกมนั ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 152)
60 12. พสธุ าสะท้าน (ตสี องศอกสลบั ) ถา้ นกั มวยจดเหลย่ี มขวา ใหใ้ ช้ศอกซา้ ยตีบรเิ วณหน้าคู่ต่อสู้แลว้ ใช้ศอกขวาเปน็ ศอกตามตแี บบ เดียวกบั เชิงศอกฝานหน้า (ศอกฟันหนา้ ) พร้อมกับเลื่อนเทา้ ขวาเข้าประชิดค่ตู ่อสู้ถ้าหากคู่ตอ่ สู้ถอยให้ ตามดว้ ยศอกซ้าย หมนุ ตัวกลบั ตีชายโครงขา้ งซ้าย หรือคางคตู่ อ่ สู้กไ็ ด้ ศอกน้ีใช้เวลารุก รับ หรอื ถอย การป้องกัน ใช้เข่าพุ่งตรงที่ชายโครงข้างซ้ายของคู่ต่อสู้ ถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้ายกลับ คาอธบิ ายขวาเปน็ ซา้ ยทั้งส้นิ ภาพประกอบที่ 54 เชิงศอกพสุธาสะทา้ น ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 153) 13. ยนั โยธี (ศอกอดั หลงั ) ศอกน้ีใช้เม่ือคู่ต่อสู้เข้าข้างหลัง ใช้ได้ท้ังศอกซ้ายหรือศอกขวาโดยยันคางคู่ต่อสู้หงายไปข้าง หลังแล้วใช้ศอกอีกข้างหน่ึงพุ่งไปข้างหลังท่ีบริเวณท้องหรือชายโครงคู่ต่อสู้ ใช้เวลาคู่ต่อสู้โถมเข้ากอด ข้างหลงั การปอ้ งกัน ให้ใช้ศอกท้ัง 2 ข้าง ปิดออกและท้อง ใชห้ มัด 2 ขา้ งกันคอ การตอบแก้ ใช้เท้าขวาหรือเท้าซ้ายเตะปัดขาคู่ต่อสู้ให้เสียหลัก ควรใช้ศอกติดต่อหรือลูกไม้ อื่น ๆ ติดต่อไปหลาย ๆ ลกู ไม้ ภาพประกอบท่ี 55 เชิงศอกยันโยธี ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 154) 14. อคั คีสอ่ งแสง (ศอกสลับหมดั ) ถ้านักมวยจดเหล่ียมขวา ให้ใช้หมดั ซา้ ยหงายฝ่ามือชกพุ่งไปยังบริเวณหน้าค่ตู ่อสพู้ รอ้ มกับใช้ ศอกขวาพ่งุ ตรงชายโครงข้างซา้ ยคูต่ ่อสู้ ใช้ไดท้ ั้งซา้ ยและขวา เวลาคู่ต่อสู้โถมเขา้ มา
61 การป้องกัน ใช้หมัดขวาตบหมัดซ้ายคู่ต่อสู้ลงข้างล่าง ใช้แขนซ้ายขวางรับศอกของคู่ต่อสู้ พร้อมกับบดิ ตัวไปทางขวา ภาพประกอบท่ี 56 เชิงศอกอัคคสี ่องแสง ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 155) 15. กาแพงภูผา (ศอกสลบั หลงั ) ศอกน้ีใช้เม่ือคู่ต่อสู้โถมเข้ามาขา้ งหลัง ใช้ศอกขา้ งใดข้างหนึ่งตีหรือเหวี่ยงหน้าคู่ตอ่ สู้ ศอกอีก ข้างพุ่งไปข้างหลังบริเวณท้องคู่ต่อสู้ สลับกันท้ังซ้ายและขวา ข้างหน่ึงตีหรือเหว่ียงข้างบน อีกข้าง หน่ึงก็พุ่งข้างล่างทาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเสียหลักหรือชกคู่ต่อสู้ผิดที่หมายกลับมาจดมวยอย่างเดมิ ไม่ ทนั การป้องกัน ใหก้ อดแนบตดิ คตู่ ่อสู้อย่าห่าง การตอบแก้ ให้ใช้แขนสอดเข้าไปใต้รักแร้คู่ต่อสู้ ใช้ข้อมือกดโน้มคู่ต่อสู้มาข้าง ๆ ให้ต่าลง ใชเ้ ขา่ ยกขึน้ ตีคางหรือบรเิ วณหน้าคตู่ ่อสู้ ภาพประกอบท่ี 57 เชงิ ศอกกาแพงภูผา ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 156) 16. นาคาคาบหาง (ศอกพรอ้ มเข่า) ถ้านกั มวยจดเหลีย่ มขวา ใช้ศอกขวาตีบริเวณหน้าคู่ตอ่ สู้ ใช้เข่าซา้ ยตะแคงตีชายโครงข้างขวา ของคูต่ อ่ สู้พร้อม ๆ กัน ใช้เวลารุกหรอื รบั
62 การปอ้ งกนั ใชแ้ ขนซา้ ยขวางยกขน้ึ รบั ศอกขวาของคตู่ ่อสพู้ รอ้ มกบั เอียงตัวกดศอกขวาลงปิด ชายโครงข้างขวา รบั เข่าขา้ งซา้ ยของคู่ต่อสู้ ภาพประกอบท่ี 58 เชิงศอกนาคาคาบหาง ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 156) 17. ชา้ งประสานงา (ศอกคู่) ศอกน้ีกระโดดตีคล้ายกับใช้เชิงเข่าคู่ แต่เปล่ียนใช้เข่าตีบริเวณท้องคู่ต่อสู้หรือจะใช้ศอกอย่าง เดียวกไ็ ด้เมือ่ คู่ต่อส้ไู มเ่ ปิดช่องวา่ งให้ใช้เข่า ใชเ้ วลารกุ หรอื รบั หรือถอย การป้องกัน ให้ถอยหลังพร้อมกับยกแขนข้ึนขวางรับศอกคู่ต่อสู้ แขนขวา ยกขึ้นขวางกัน เขา่ คู่ตอ่ สู้ การตอบแก้ ใช้เท้าขวาถีบที่เข่าหรือหน้าท้องคู่ต่อสู้ให้เสียหลักแล้วใช้เชิงอ่ืนแทน เช่น ชก ด้วยหมัดตรงหรอื ใช้ศอกตี ภาพประกอบที่ 59 เชิงศอกช้างประสานงา ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอนื่ ๆ (2553, 157)
63 18. สู่แดนนาคา (ศอกตบหลัง) ศอกน้ีใช้เมื่อคู่ต่อสู้ซุกใต้รักแร้ซ้ายให้สืบเท้าซ้ายไปในระหว่างเท้าทั้งสองของคู่ต่อสู้ เอียงตัว ข้างซ้ายกดศีรษะของคู่ต่อสู้ให้ต่าลงพร้อมกับใช้เข่าซ้ายกระแทกคู่ต่อสู้ให้เสียหลักซุกมาข้างหน้า ใช้ ศอกขวางอเหว่ยี งไปขา้ งหลงั พรอ้ มสลัด พลิกตวั ตามศอกไปท่ีบรเิ วณหนา้ คตู่ ่อสู้ การป้องกนั ใหย้ กแขนขวาขึน้ มาขวางหนา้ ไว้ การตอบแก้ ให้ใช้เชิงศอกกวางสะบัดหน้า(ศอกสลัด) ถ้าคู่ต่อสู้ซุกข้างขวาเรากลับคาอธิบาย ขวาเปน็ ซา้ ยทั้งส้ิน ภาพประกอบท่ี 60 เชิงศอกสู่แดนนาคา ทมี่ า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 158) 19. โยธาเคลอ่ื นทพั (ศอกพุ่งหน้า) ถ้านักมวยจดเหลี่ยมขวาใช้ศอกซ้ายงอแขนซ้ายคว่ามือปลายหมัดชี้ไปทางแขนขวาพร้อมกับ ศอกขวาหงายฝ่ามือปลายหมัดช้ีไปข้างหลัง บิดตัวไปทางขวาเล็กน้อย พุ่งศอกท้ัง 2 ไปข้างหน้าโดย แรงท่ีคางหรอื กระเดอื กคู่ตอ่ สู้ ใชเ้ วลารบั หรือถอย การป้องกัน กระโดดหนีใหพ้ น้ ระยะศอกและเขา่ การตอบแก้ ใช้เท้าถีบยันหน้าคู่ต่อสู้ และใช้เชิงอื่นตาม ถ้านักมวยจดเหลี่ยมซ้ายกลับ คาอธิบายขวาเปน็ ซ้ายทง้ั สนิ้ ภาพประกอบที่ 61 เชิงศอกโยธาเคลอ่ื นทัพ ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 158)
64 20. ยันสองกร (ศอกยักหลงั ) ศอกนี้ใช้เวลาคู่ต่อสู้เข้าประชิดตัวข้างหลัง ให้ใช้ศอกซ้ายและขวากระทุ้งไปข้างหลัง ท้ังซ้าย และขวาท่ีหน้าท้องหรือชายโครงทั้งซ้ายและขวาของคู่ต่อสู้ เวลากระทุ้งศอกให้ปลายศอกเฉียง เลก็ นอ้ ย การป้องกัน ให้กอดเอวหรอื กอดหนา้ อกรดั ใหแ้ นน่ การตอบแก้ ใหใ้ ชแ้ ขนขวาหรือซ้าย สอดเข้าไปใต้รกั แรค้ ตู่ อ่ สู้ ใช้ข้อมือเกาะคอคู่ต่อสู้กดโน้ม ศรี ษะ คู่ตอ่ สู้มาทางขวาหรือซ้ายแล้วแต่แขนข้างใด กก็ ดโน้มไปทางนั้นแล้วใช้เข่าข้างเดียวกันยกขึ้น ตีคางหรอื บรเิ วณหน้าคูต่ ่อสู้ ภาพประกอบที่ 62 เชิงศอกยันสองกร ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 159) 21. ฆอ้ นตีท่งั (ศอกปกั ) ศอกปักน้ีใช้เม่ือคู่ต่อสู้เสียหลักมาข้างหน้าหรือทางซ้ายและขวา ใช้ศอกเดียวหรือ 2 ศอกก็ ได้ ถ้าคู่ต่อสู้มาทางขวาใช้ศอกขวาตีปักลง ถ้ามาทางซ้ายใช้ศอกซ้ายตีปักลงถ้ามาข้างหน้าให้ตี 2 ศอกหรอื ศอกเดียวหรอื จะใชเ้ ขา่ ชว่ ยอีกแรงหนงึ่ ก็ได้ ตีที่ท้ายทอยค่ตู อ่ สู้ ถา้ ใช้เข่าตที ค่ี างคตู่ อ่ สู้ การปอ้ งกนั ใช้หมัดทงั้ 2 ข้างปิดคร่อมคอ ศอกทงั้ 2 ขา้ งกนั หนา้ อก การตอบแก้ ถ้ามโี อกาสให้พลกิ ตัวใช้ศอกซ้ายหรอื ขวาตีหน้าอกคูต่ ่อสู้ก็ได้ ภาพประกอบที่ 63 เชิงศอกค้อนตีทั่ง ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 159)
65 22. ขว้างพสุธา (ศอกขวาหลงั ) ศอกขวาหลังน้ีใช้เม่ือตีศอก หรือชกหมัดข้างหน้าผิดที่หมาย เช่น ชกด้วยหมัดขวาผิดแล้ว หมนุ ตวั กลับหลงั สบื เทา้ ซา้ ยเข้าประชิดคตู่ ่อสู้ พร้อมกับตีดว้ ยศอกซา้ ยข้างหลงั ตรงบริเวณหน้าค่ตู ่อสู้ ถา้ ชกดว้ ยหมัดซ้ายกใ็ ช้ศอกขวาตี ใชเ้ วลารกุ การป้องกัน ถ้าคู่ต่อสู้ตีด้วยศอกซ้าย ให้ยกแขนซ้ายขึ้นรับ ถ้าคู่ต่อสู้ตีด้วยศอกขวา ให้ยก แขนขวาขน้ึ รบั การตอบแก้ ใช้เท้าข้างเดียวกบั แขนท่ียกถบี ชายโครงคูต่ ่อสู้ แล้วใช้ศอกขา้ งตรงขา้ มตีบริเวณ คอหรือศีรษะคู่ตอ่ สู้ ภาพประกอบที่ 64 เชงิ ศอกขว้างพสุธา ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอ่ืน ๆ (2553, 160) 23. ฤาษีบดยา (ศอกค้าปัก) ศอกนี้ใชเ้ วลาเขา้ ประชิดตัวคู่ต่อสู้ข้างหน้า ตีปักลงซอกคอ หรือไหปลาร้าคู่ต่อสู้แลว้ กระดก แขนขา้ งเดียวกันตีขากรรไกรคู่ต่อสู้ การป้องกนั ให้บิด ตัวเอียงโดยถอยใหห้ ่างคู่ตอ่ สโู้ ดยเร็ว การตอบแก้ ใช้เข่าซา้ ยหรอื เขา่ ขวา พุ่งตรงทช่ี ายโครงคตู่ ่อสู้ ภาพประกอบท่ี 65 เชงิ ศอกฤาษบี ดยา ทมี่ า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 160)
66 24. นาคาเคลอื่ นกาย (ศอกควง) ศอกนี้ใช้เวลารับ หรอื ถอยในเม่อื คูต่ ่อสู้รุกเข้ามา ใช้ศอกท้ัง 2 ขา้ ง เปิดขึ้นคว่ามือลงปลายมือ ชนกันหรือห่างกันเล็กน้อยพอถนัด เสยออกใช้กาลังตัวเพียงบิดไปทางซ้ายและขวาพร้อมกับเหวี่ยง ศอกตามไปตคี างหรอื ขากรรไกรคตู่ อ่ สู้โดยแรง ศอกข้างหน่งึ อาจใช้ตีได้ท้ังสองข้าง เหวี่ยงไปและเหว่ียง กลับมา การปอ้ งกัน ใชแ้ ขนทง้ั สองขา้ ง ปิดกนั ขากรรไกรทงั้ 2 ข้าง การตอบแก้ ใช้เทา้ ถบี จิกปลายเทา้ ทหี่ น้าทอ้ งคู่ต่อสู้ ภาพประกอบท่ี 66 เชงิ ศอกนาคาเคล่ือนกาย ทมี่ า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 161) สรปุ เชงิ มวยซ่งึ ประกอบไปดว้ ย เชงิ หมดั 15 เชิง เชิงศอก 24 เชิง เชิงเข่า 11 เชิงและเชงิ เท้า 15 เชิง รวมท้ังสิ้นมีด้วยกันทั้งหมด 65 เชิง ซ่ึงจะใช้ได้ท้ังรุกและรับ หากฝึกฝนจนเกิดความชานาญ ครบทุกกระบวนท่าจะสามารถ ปรับเปลี่ยนพลิกแพงผสมผสานระหว่างเชิงได้กลมกลืนลงตัว ถือว่าผู้ นั้นมีทักษะมวยไทยข้นั สูงและยังสามารถนามาประยุกตใ์ นการออกกาลงั กายดว้ ยทา่ มือเปล่าได้ 6. การเคลือ่ นท่แี ละการเคล่อื นไหวมวยไทย ความหมายของการเคลอื่ นไหวมวยไทย การเคล่ือนไหวมวยไทย คือ การเคล่ือนที่เป็นพื้นฐานของการใช้แม่ไม้มวยไทย เชาวลิต ภูมิภาค และคนอื่น ๆ (2551) ได้กล่าวถึง การศึกษาและปฏิบัตใิ นรูปแบบของ ทักษะการเคลื่อนไหว เบอ้ื งตน้ ที่ถกู ต้องเป็นพ้ืนฐานสาคญั ทชี่ ่วยใหบ้ ุคคลเคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยและมปี ระสิทธภิ าพ วรศักดิ์ เพียรชอบ (2548) ได้ใหค้ วามหมายของการเคล่อื นไหวเบือ้ งตน้ (Basic movement) ไว้ว่า คือกระบวนการเคล่ือนไหวเพ่ือช่วยพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้มีการทางาน ร่วมกัน และ ประสานงานซ่ึงกันและกันในระหว่างระบบประสาทและกล้ามเน้ือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เหล่านั้น ให้สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทาให้ได้มาซ่ึงทักษะเบื้องต้น (Basic skill) ของ กระบวนการเคลื่อนไหวนัน้ ๆ ตอ่ ไป
67 สนิท พิเคราะห์ฤกษ์ (2524, 78) ได้ให้ความหมายของการการเคล่ือนไหวเบ้ืองต้น หมายถึง การนาทักษะการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของมนุษย์มาประกอบ จังหวะหรือเสียงดนตรี เป็นการ วางรากฐานการเคลื่อนไหวท่ีถูกต้อง เป็นการเสริมสรา้ งความแข็งแรง ความคล่องตัวและความสัมพันธ์ ระหว่างระบบประสาทและกล้ามเนื้อในการเคล่ือนไหวให้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน การเคล่ือนไหวและ การ เคลื่อนที่ของมนุษย์ เกิดจากการทางานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ร่วมกับระบบโครงร่าง (กระดูก) การที่กล้ามเนื้อหดตัว ย่อมทาให้เกิดแรง (force) ซึ่งเป็นเหตุของการเคล่ือนไหวนั่นเองทั้ง การรกุ และการรบั โดยการเคลอื่ นไหวในการฝึกมวยไทยมดี ังนี้ 1. การรุกและถอยเป็นเสน้ ตรง ก. การรุกหรือถอยแบบเดินหนา้ หรือถอยหลังโดยการลากเทา้ คือถ้ารุกไปข้างหน้ากเ็ ดินหน้า และให้เท้าหลังลากตามเป็นจังหวะโดยอาจยกเท้าหรือไม่ก็ได้ในขณะท่ีเวลาถอย ก็ใช้แรงส่งจากเท้า หนา้ ให้เท้าหลังกา้ วออกไป แล้วเทา้ หน้ากา้ วตามเปน็ จังหวะโดยอาจยกเท้าหรือไม่ก็ได้ ข. การรุกหรือถอยแบบสลับมือเท้า หมายถึง การรุกที่มีการสลับมือและเท้าตามข้อ 1) และ ถอยสลับมือและเท้าตามข้อ 1) เมื่อฝึกได้อย่างมีทักษะแล้ว ใช้เดินรุกสลับ เท้าและถอยสลับเท้าให้ คล่องแคลว่ จะชว่ ยให้นาไปใชใ้ นการฝกึ ทักษะข้ันสงู ต่อไป ภาพประกอบท่ี 67 การรุกและถอยเปน็ เส้นตรง ทม่ี า : ชาญชยั ยมดษิ ฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 255) 2. การรกุ และถอยฉาก ก. การรุกเป็นมุมฉาก หมายถึงการเพ่ิมจากการรุกธรรมดาโดยใช้เท้าที่ไม่ถนัดต้ังนา เท้าที่ไม่ ถนัดไปข้างเท้าที่ถนัดส่งตาม ต่อจากน้ัน ใช้เท้าท่ีไม่ถนัดลากออกไปด้านข้างส่งเท้าท่ีถนัดตามไปอยู่ ด้านหน้าเทา้ ทีไ่ มถ่ นดั ลักษณะการเคลื่อนที่เปน็ ลกั ษณะอยู่ในมุมฉาก ดังนี้ 1. การรกุ ฉากขวาแบบธรรมดาจากการต้งั ทา่ ขวานา วิธฝี ึก จังหวะที่ 1 รุกไปด้านหน้าในท่าธรรมดา จังหวะท่ี 2 ก้าวเท้าขวาฉากไปทางขวาเล็กนอ้ ย จงั หวะที่ 3 กา้ วเท้าซา้ ยฉากไปทางขวาโดยให้้เท้าซ้ายไปอยู่ขา้ งหน้าเทา้ ขวา
68 ภาพประกอบที่ 68 การรุกและถอยฉาก ทม่ี า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอ่นื ๆ (2553, 256) 2. การรกุ ฉากซ้ายแบบรุกเท้าสลับจากการต้งั ท่าขวานา วธิ ฝี ึก จังหวะที่ 1 รกุ ไปด้านหน้าแบบรกุ ธรรมดา จงั หวะท่ี 2 ก้าวเทา้ ซา้ ยฉากไปทางซา้ ยเลก็ น้อย จงั หวะที่ 3 ชักเท้าขวาฉากตามให้อยู่ดา้ นหน้าเทา้ ซา้ ย ข. การถอยฉาก หมายถึงการถอยเพื่อต้องการให้ตาแหน่งของการตั้งท่าเปล่ียนทิศทางไม่ให้ เปน็ เปา้ หมายของคตู่ อ่ ส้ใู นขณะรกุ สามารถถอยฉากได้ด้ังนี้ 1. ฉากขวาจากการตั้งทา่ มือซ้ายเทา้ ซ้ายอยหู่ น้า วธิ ฝี ึก จังหวะที่ 1 ถอยไปด้านหลังโดยการถอยแบบเทา้ นาเทา้ ตาม จังหวะท่ี 2 กา้ วเท้าขวาฉากไปทางด้านขวา จงั หวะท่ี 3 ก้าวเท้าซา้ ยเฉยี งไปทางขวาให้ ไปอยู่หนา้ เทา้ ขวา 2. ฉากขวา (ไมต่ ้องถอย) จากการต้ังท่ามือซา้ ยอยหู่ น้า วธิ ีฝึก จังหวะที่ 1 ก้าวเท้าขวาฉากไปทางขวาเพยี งเล็กนอ้ ย จังหวะที่ 2 ชักเท้าซา้ ยเฉยี งไปทางขวาให้มาอยู่หน้าเทา้ ขวา การตั้งทา่ เทา้ ซ้ายนา 3. ฉากซ้ายจากการตง้ั ท่ามือซ้ายเทา้ ซา้ ยอยหู่ นา้ วธิ ฝี ึก จังหวะที่ 1 ถอยไปขา้ งหลงั แบบเท้านาเทา้ ตาม จังหวะท่ี 2 กา้ วเทา้ ซา้ ยฉากไปทางดา้ นซา้ ย จังหวะที่ 3 ชักเท้าขวาถอยหลังให้ไปอย่หู ลงั เทา้ ซา้ ยในลักษณะการตงั้ ท่าซา้ ยอยหู่ น้า 4. ฉากซ้าย (ไมต่ ้องถอย) จากการต้ังทา่ มือซา้ ยเทา้ ซา้ ยอยูห่ น้า วธิ ีฝึก จงั หวะท่ี 1 ก้าวเท้าซ้ายเฉยี งไปทางซา้ ยเลก็ นอ้ ย จงั หวะที่ 2 ชกั เทา้ ขวาถอยหลังใหไ้ ปอยู่หลงั เท้าซ้ายในลกั ษณะการตั้งท่าซา้ ยอยู่หน้า
69 ภาพประกอบที่ 69 การรุกฉากและถอยฉาก ทม่ี า : ชาญชัย ยมดษิ ฐ์, และคนอน่ื ๆ (2553, 256) 3. การเคลอ่ื นท่เี ป็นวงกลม การเคล่ือนท่ีเป็นวงกลม คือ การเคล่ือนที่โดยใช้การรุกและการถอยแบบการเคล่ือนที่ของ แบบเท้าธรรมดาในลักษณะเท้านาเท้าตาม ที่เคลื่อนท่ีไปด้านหน้า ด้านหลัง ไปทางซ้าย หรือไป ทางขวา ก. การเคล่ือนท่ีตามแนวรอบวงกลม การเคล่ือนที่แบบน้ีให้เคล่ือนท่ีตามคู่ต่อสู้ไปเป็นวงกลม ถ้าจะรุกหรือถอยให้ใช้แบบการรุกและถอยแบบธรรมดา คือใช้แบบเท้านาเท้าตาม หรือจะใช้การรุก แบบเท้าสลับกไ็ ดท้ ัง้ น้ีขนึ้ อยูก่ ับโอกาสของการเคล่อื นท่ี ข. การเคลือ่ นทไี่ ปทางซา้ ย หรือทางขวา การเคลือ่ นท่ีแบบน้ีเป็นการเคลื่อนที่โดยมคี ู่ต่อสู้เป็น แกนกลาง มี 2 จังหวะ คือ จังหวะท่ี 1 การเคลื่อนท่ีแบบนี้เป็นการเคลื่อนที่ไปทางด้านขวาการ เคลื่อนท่จี ะต้องเอาเท้าหลังไปก่อน จังหวะที่ 2 ก้าวเท้าหน้าตามเท้าหลังหากเคล่ือนท่ีไปทางด้านซ้าย จะตอ้ งใช้เท้าหน้านาไปก่อน แลว้ เอาเท้าหลงั เคลอื่ นตามไป ภาพประกอบท่ี 70 การเคล่ือนทเ่ี ป็นวงกลม ทม่ี า : ชาญชยั ยมดิษฐ์, และคนอืน่ ๆ (2553, 256)
70 4. การกา้ วยา่ ง การกา้ วย่าง หมายถงึ การเดินหรือลากเทา้ น่ันเอง ใช้ในโอกาสท้ังรุกและถอยลักษณะการก้าว ย่างในมวยไทยนั้น คือการยกเข่าขึ้นสูงพร้อมทั้งยกแขนขึ้นเป็นแนว การยกเข่าข้ึนให้ติดกับศอกหรือ เกือบติดกับศอกเข่าท่ียกนั้นอาจยกก่อนแล้วลากเท้าการเคล่ือนท่ีลักษณะดังกล่าวน้ีเรียก้าว \"การก้าว ยา่ ง\" บางคร้ังอาจลากเท้าไปข้างหน้าก่อนยกเข่าขึ้น ในบางโอกาสอาจถอยแล้วยกเข่าเกือบติดศอกก็ ได้ การทีย่ กเขา่ ข้ึนตดิ ศอก เป็นการปอ้ งกนั คู่ต่อสบู้ างครัง้ อาจทาสลบั กันได้ทั้ง ด้านซา้ ยนาและขวานา การย่างสามขุม การย่างสามขมุ คือการเดินจุด 3 จดุ โดยการเปล่ียนต่าแหน่งของเทา้ การเดิน ให้กาหนดจุดท่ีใช้ในการเปลี่ยนต่าแหน่งของเท้า เช่น เท้าซ้ายอยู่หน้าให้เปล่ียนไปเป็นอยู่ข้างหลัง กล่าวคือ เป็นการเปลี่ยนเหล่ยี มของร่างกาย นั่นเอง การย่างสามขุม ใหช้ านาญน้ันจะต้องฝึก การย่าง การกา้ วย่าง การยา่ งสามขุม ทัง้ นกี ารกระทาดงั กล่าวอาจป้องกัน หลบหลีก บางจงั หวะใช้รุกและรบั ได้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ภาพประกอบที่ 71 การยา่ งสามขุม ทมี่ า : ชาญชัย ยมดิษฐ์, และคนอื่น ๆ (2553, 257) 5. การย่างสุขเกษม การย่างสุขเกษม คือ การก้าวยา่ ง หรือการเคลอ่ื นท่โี ดยการก้าวเท้าออกไปด้านนอกตัวพร้อม กับการยกตัวใช้มือ ปัดลงมาข้างล่าง ในขณะที่อีกมือห้น่งยกขึ้นระดับใบหน้าเพื่อป้องกันอาวุธ ส่วนที่ ปัดลงมา ใชใ้ นกรณีที่คู่ตอ่ สู้ถีบมาหาเราให้ใชม้ ือปดั ป้องกันสว่ นมือท่อี ยู่ขา้ งบนก็ใช้ป้องกันอาวุธไดท้ ้งั นี้ ในการกระทานั้นจะต้องบดิ สะโพกตามไปด้วย พร้อมกับปัดมือลา่ งให้ผ่านลาตัว ส่วนเท้าเคล่ือนที่ก้าว ไปพรอ้ มกบั การปัดมือผ่านลาตวั ดังน้ันพอสรุปได้ว่า การเคลื่อนไหวเบื้องต้น จึงเป็นการศึกษาท่ีเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ร่างกายของมนุษย์ท่ีจะร่วมพัฒนาส่วนต่าง ๆ ให้ทางานอย่างดีและเคล่ือนไหวอย่าง มีประสิทธิภาพ โดย การนาทักษะการเคล่ือนไหวตามธรรมชาติของมนุษย์มาประกอบจงั หวะหรือเสียงดนตรซี ่ึงจะเป็น พื้นฐาน ที่จะนาไปสู่การเรยี น กิจกรรมพลศึกษา ทจี่ ะสามารถเคลอื่ นไหวร่างกายไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ความ จาเป็น ดังกล่าว ครูพลศึกษาจาเป็นที่จะต้องสอนให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว เบ้ืองต้น ซึ่งเป็นทักษะ ท่ีใช้ใ นชวี ิตประจาวันให้เคลื่อนไหวไดอ้ ยา่ งถูกต้องและมปี ระสทิ ธิภาพ ซึง่ ต้องได้รับการ
71 พัฒนา ความสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทและกล้ามเน้ือในการเคล่ือนไหวให้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน และปลกู ฝัง ต้ังแต่ระดบั ช้ันประถมศึกษา เพื่อให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาไปสู่การเคล่ือนไหวทีซ่ ับซ้อนมากข้ึน จนเปน็ การเคล่ือนไหวเฉพาะกิจกรรม เช่น การเคลอื่ นท่แี ละการเคลือ่ นไหวพนื้ ฐานสาหรับการฝึกมวย ไทย ประกอบไปด้วย การรุกและถอยเท้าธรรมดา การรุกสลับถอยสลับ การรุกฉาก ถอยฉาก การ เคลื่อนท่ีเป็นวงกลม การก้าวย่าง ซ่ึงทักษะพื้นฐานน้ีหากผู้ฝึกนาไปฝึกฝนจนเกิดความชานาญจะ สามารถพฒั นาศักยภาพตวั เองในการฝกึ ทักษะมวยไทยข้ันสูงไดด้ ีน่ันเอง งานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วข้อง 1. งานวิจัยในประเทศ สนอง แย้มดี (2553, 80) ได้ศึกษาสมรรถภาพทางกายของนักศึกษาสถาบันการพลศึกษา ใน เขตภาคเหนือ ปีการศกึ ษา 2551 โดยความมุ่งหมายของการวิจัยครง้ั น้ี เพื่อศึกษาสมรรถภาพทางกาย และสร้างเกณฑ์สมรรถภาพ ทางกายของนักศึกษาชายและหญิง สถาบันการพลศึกษา ในเขต ภาคเหนือ ปีการศึกษา 2551 กลุ่ม ตัวอย่างนักศึกษาชาย จ านวน 200 คน หญิงจ านวน 200 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นอย่างไม่เป็น สัดส่วน เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานระหว่าง ประเทศ (International Committee for the Standardization of Physical Fitness Test = ICSPFT) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย ส่วน เบ่ียงเบนมาตรฐาน และคะแนนที ผลการวจิ ัยพบว่า 1. สมรรถภาพทางกายของ นักศึกษาชายและนักศึกษาหญิง ปีการศึกษา 2551 ในการ ทดสอบว่ิง 50 เมตร มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 6.64 วินาที และ 7.68 วินาที ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.48 และ 0.50 วินาที ยืนกระโดดไกล มีค่าเฉลย่ี เทา่ กบั 208.33 เซนติเมตร และ 177.83 เซนตเิ มตร ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 12.96 และ 13.63 เซนติเมตร ลุก-นั่ง ในเวลา 30 วินาที มีค่าเฉลี่ย เทา่ กบั 26.67 ครัง้ และ 19.47 ครัง้ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 4.19 และ 4.15 ครั้ง แรงบีบมือท่ี ถนดั มีค่าเฉลย่ี เท่ากบั 41.86 กโิ ลกรมั และ 30.33 กโิ ลกรมั ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.85 และ 3.25 กิโลกรัม ดึงข้อราวเดีย่ วสาหรับชาย มีค่าเฉลีย่ เท่ากับ 8.34 ครั้ง และงอแขนหอ้ ยตัวสาหรับหญิง มคี ่าเฉล่ียเท่ากับ 11.06 วินาที ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.53 คร้ัง และ 6.44 วินาที วิ่งเก็บของ มี ค่าเฉล่ียเท่ากับ 11.19 วินาที และ 12.40 วินาที ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 และ 1.03 วินาที นั่งงอตัวด้านหน้า มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 7.32 และ 15.22 เซนติเมตร ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เท่ากบั 5.62 และ 5.39 เซนติเมตร วิ่งทางไกล 1,000 เมตร ส าหรบั ชาย มคี า่ เฉลีย่ เทา่ กบั 4.41 นาท/ี วินาทีและ วิ่ง ทางไกล 800 เมตร สาหรับหญิง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.08 นาที/วินาที ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานเท่ากับ 0.27 และ 0.26 นาท/ี วนิ าที 2. สมรรถภาพทางกายนักศึกษาชายและนักศึกษาหญิง ปีการศึกษา 2551 ระดับสูงมากตรง กับคะแนนทีที่ 67ข้ึนไป และ 65ข้ึนไป ระดับสูงตรงกับคะแนนทีท่ี 59-66 และ 58-64 ระดับปาน กลางตรงกับคะแนนทีที่ 42-58 และ 43-57 ระดับต่าตรงกับคะแนนทีที่ 34-41และ 36-42 ระดับต่า มากตรงกบั คะแนนทีที่ 33 ลงมา และ 35 ลงมา เทพฤทธิ์ สิทธินพพันธ์ (2555, 55) ได้ศึกษาการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 2 ตามแนวการทดสอบสมรรถภาพทางกายของคณะกรรมการนานาชาติเพื่อจัด
72 มาตรฐาน การทดสอบความสมบูรณ์ทางกาย (ICSPFT) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโร ฒ กรุงเทพมหานคร การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 2 ตามแนวการทดสอบสมรรถภาพทางกายของคณะกรรมการนานาชาติเพื่อจัด มาตรฐานการทดสอบความสมบูรณ์ทางกาย (ICSPFT) 2) เพื่อเปรียบเทียบสมรรถภาพทางกายของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมพัฒนาสมรรถภาพทางกายตามแนวการ ทดสอบสมรรถภาพทางกายของคณะกรรมการนานาชาติเพ่ือจัดมาตรฐานการทดสอบความสมบูรณ์ ทางกาย (ICSPFT) และ 3) เพื่อสร้างเกณฑป์ กตขิ องคะแนนสมรรถภาพทางกายของนักเรียนชาย และ หญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) ตามแนวการทดสอบสมรรถภาพทางกายของคณะกรรมการนานาชาติเพื่อจัดมาตรฐานการ ทดสอบ ความสมบูรณ์ทางกาย (ICSPFT) ประชากรกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชายและหญิงชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) ปี การศึกษา 2553 จานวน 182 คน เป็นชาย 101 คน และเป็นหญิง 81 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบ วัดสมรรถภาพทางกายจานวน 5 รายการ ได้แก่ ว่ิงเร็ว 50 เมตร, ยืนกระโดดไกล, ลุก-นั่ง 30 นาที งอตัวไปข้างหน้า และว่ิงเก็บของ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน ค่าเปอร์เซน็ ไทล์ และคา่ คะแนนที ผลการวิจัยพบวา่ 1. ดัชนีมวลกายของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) พบว่า ค่าเฉลีย่ นา้ หนกั ส่วนสูง และ ดัชนีมวลกายของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) จาแนกตามเพศ โดยนักเรียนชายม้ีน้าหนักเฉล่ีย 35.47 กิโลกรัม ส่วนสูง เฉลยี่ 124.56 เซนตเิ มตร และดชั นีมวลกาย (BMI) มีคา่ เฉลีย่ 20.25 สว่ นนกั เรียนหญิงมี ้นา้ หนักเฉลี่ย 30.64 กิโลกรัม สว่ นสงู เฉลี่ย 123.47 เซนตเิ มตร และดัชนีมวลกาย (BMI) มีคา่ เฉล่ยี 19.99 เมื่อเทียบ กับเกณฑ์มาตรฐานดัชนีมวลกายสาหรับเด็กไทยอายุ 8 ปี แล้วพบว่า ทั้งนักเรียน หญิงและนักเรียน ชายช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ ประสาน มิตร (ฝ่ายประถม) มดี ัชนีมวลกายอยู่ในระดบั สงู 2. ค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและผลการพัฒนาสมรรถภาพทางกายทั้ง 5 รายการ ของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนคริน ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร (ฝา่ ยประถม) มรี ายละเอียดตามลาดับตอ่ ไปน้ี รายการลุก-น่งั 30 วนิ าที นักเรยี นชายหลังการพัฒนามเี วลาเฉลี่ยเทา่ กับ 18.16 ครั้ง ซึ่งดีกว่า ก่อนการพัฒนาที่มีเวลาเฉลี่ยเท่ากับ 14.91 คร้ัง อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนหญิง หลังการพัฒนามีเวลาเฉลี่ยเท่ากับ 15. 11 คร้ัง ซึ่งดีกว่าก่อนการพัฒนามีเวลาเฉล่ีย เท่ากับ 14.48 คร้ัง อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05 รายการน่ังงอตัวไปข้างหน้า นักเรียนชายหลังการพัฒนาวัดระยะเฉลี่ยได้เท่ากับ 7.48 เซนติเมตร ซึ่งดีกว่าก่อนการพัฒนาที่วัดระยะเฉลี่ยได้เท่ากับ 3.18 เซนติเตร อย่างมีนัยสาคัญ ทาง สถิติที่ระดับ .01 นักเรียนหญิงหลังการพัฒนาท่ีวัดระยะเฉลี่ยได้เท่ากับ 10.12 เซนติเมตร ซึ่ง ดีกว่า กอ่ นการพฒั นาที่วดั ระยะเฉล่ียไดเ้ ทา่ กับ 8.23 เซนตเิ ตร อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ .01
73 สุทธิพงศ์ ภูเก้าแก้ว (2559,62) ศึกษาการเปรียบเทียบผลของการฝึกกายบริหารด้วยแม่ไม้ มวยไทยและลูกไม้มวยไทยท่ีมีผลต่อสมรรถภาพทางกาย ภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่ม ก่อนการฝึก หลังการฝึก สัปดาห์ท่ี 4 และหลังการฝึกสัปดาห์ท่ี 8 สมรรถภาพทางกายประกอบไปด้วย ความ แข็งแรงของกล้ามเน้ือท้อง ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือขา ความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิตและ ระบบหายใจ ความอ่อนตวั และการทรงตวั กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาชั้นที่ ปี 4-6 จานวน 30 คน แบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน โดยการเลือกสุ่มอย่างง่าย เคร่ืองมือที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการฝึกกายบริหารด้วยแม้ไม้มวยไทย ลูกไม้มวยไทยและแบบ ผสมแม่ไม้มวยไทยและลูกไม้มวยไทย และแบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูลได้แก่การหาค่าเฉล่ีย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) วิเคราะห์ ความแปรปรวนภายในกลุ่มโดย การวิเคราะห์ (One-way ANOVA with repeated measure) ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลองทัง้ 3 กลุ่ม เมื่อทาการเปรยี บเทียบ ภายในกลุ่มพบว่า ก่อนการฝึก หลัง การฝึก สัปดาห์ที่ 4 และหลงั การฝกึ สปั ดาห์ท่ี 8 ความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อขา ความอดทนของระบบ ไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ ความอ่อนตัวและการทรงตวั แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดบั .01 ส่วนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้องไม่แตกต่างกัน เมอื่ เปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม กอ่ นการ ฝึก หลังการฝึก สัปดาห์ที่ 4และสปั ดาห์ที่ 8 พบว่า ความแขง็ แรงของกล้ามเนอ้ื ทอ้ ง ความแข็งแรงของ กล้ามขา ความอดทนของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ ความอ่อนตัวและการทรงตัว ไม่ แตกต่างกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิติ ระดบั .01
74 2. งานวจิ ัยต่างประเทศ ไดม้ ีผู้ศกึ ษาและวิจัยเก่ียวกบั การฝึกกายบริหาร การออกกาลังกาย สมรรถภาพทางกาย ดังนี้ เฮริกเกอร์ (Hoeger, 1989, 63) แห่งมหาวิทยาลัยนอริธ เทิร์นโคโลราโด ได้ศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายและสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของ นักเรียน ชั้น ป.1-ป.5 และเปรยี บเทยี บระดบั กิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายและสมรรถภาพทางกาย เพ่ือ สุขภาพของผู้มีส่วนร่วมโดยใช้เกณฑ์อายุ และเพศเป็นตัวแปร ของสมาคมสมรรถภาพทางกาย, การกีฬา และสถาบันการวิจัย กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 1-5 ในเมือง ชายและหญิง จานวน 298 เคล่ือนไหวทางกายได้จากการหาค่าจานวนก้าวที่เดิน โดยนักเรียนแต่ละ คน ต้องสวมเคร่ืองมือวัดจังหวะก้าวท่ีเดิน หมายเลขเครื่อง SW-401 หาค่าจากการเดินเป็นช่ัวโมงใน ตวั แปรของสมรรถภาพทางกายเพ่ือสุขภาพหาค่าจากเกณฑ์มาตรฐานของสถาบนั การทดลองและการ ใช้โปรแกรม สมรรถภาพ สถิติสาหรับด้านสังคมศาสตร์นามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลท่ีรวบรวมไว้ ทงั้ หมด ผลการศึกษาพบว่า เด็กประถมศึกษาท่ีดูแลในจังหวะก้าวเดินประจาวัน ในช้ัน ป.1-ป.5 เพศ ชายจะมี จงั หวะกา้ วท่เี ดินดกี ว่าเพศหญิง การก้าวเดินประจาวนั มีค่าเฉลี่ย 9,500-14,000 ก้าว เท่ากับ 4 ผู้ใช้เครื่องวัดจังหวะก้าวท่ีเดิน เครื่องมือวัดจานวนก้าวท่ีเดินใน 5 วัน/สัปดาห์ โดยสมาคม ทาง กายภาพและการกีฬา ผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ไม่ปรากฏความสัมพันธ์กับ ระดับ กิจกรรมการเคลอ่ื นไหวทางกายของนกั เรยี นระดับประถม 26% มคี ่าเปล่ียนแปลงด้านกจิ กรรม การ เคลื่อนไหวทางกาย สามารถวิเคราะห์ได้จากข้อทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่ือสุขภาพ โดยใช้ เกณฑ์มาตรฐาน Z-Score และ T-Test แสดงความแตกต่างในความหมายจานวนจังหวะก้าวท่ีเดิน ประจาวัน โดยนักเรียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและไม่เหมาะสม สาหรับรางวัลจานวน 3 รางวัล ของ สมาคมการ ทดลองใช้โปรแกรม คือ รางวัลการเคล่ือนไหวในชีวิตประจาวัน รางวัลสมรรถภาทางกาย และรางวัล สขุ ภาพทางกาย ลี (Lee, 1995, 34) ศึกษาการเปรียบเทยี บคะแนนทดสอบความพร้อมทางกาย โดยอายุ เพศ และขนาดของร่างกายต่อการแสดงออกในการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 6 รายการ กลุ่มตัวอย่างที่ ใช้ ในการศึกษาครั้งนีเ้ ป็นนักเรียนชายและนักเรยี นหญงิ ชาวเกาหลี อายุ 12-18 ปี จานวน 8,512 คน ลงทะเบยี นเรียนในโรงเรยี นระดับกลางและระดบั สูง โดยสุ่มตัวอย่างจากเมือง 6 เมือง และ 8 จังหวัด ในเกาหลี จากการศึกษาพบว่า อายุ เพศเป็นองค์ประกอบสาคัญในการจาแนก และประเมินการ แสดงออก ของนักเรียนในการทดสอบสมรรถภาพทางกายของเกาหลี (KYPFT; Korean Youth Physical Fitness Test) ดังนั้นการจัดเกณฑ์เฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์ ข้ึนอยู่กับอายุ เพศ สาหรับข้อสอบ 6 รายการ การทดสอบสมรรถภาพเยาวชนเกาหลี เด็กชายทุกกลุ่มแสดงออกได้ดีกว่าเด็กหญิง ในการ วิ่งระยะส้ัน 100 เมตร การลุก-นั่ง การขว้างลูกซอฟท์บอล การยืนกระโดดไกล สมรรถภาพของ เด็กชายยังคงดีขึ้นเร่ือย ๆ จนถึงอายุ 17 หรือ 18 ปี ในเวลาเดียวกันสมรรถภาพของเด็กหญิงยังคงดี ขึน้ จนถงึ อายุ 15 เท่านน้ั และมแี นวโน้มลดลง นอกจากการว่งิ ทางไกล ผลการศกึ ษาพบว่า 1. อายุและเพศมีความสัมพนั ธ์ตอ่ การปฏบิ ัตใิ นการทดสอบแต่ละรายการระดับสงู 2. อายุเพียงอย่างเดียวโดยไม่คานึงถึงขนาดของรูปร่างก็เพียงพอท่ีจะสร้างเกณฑ์แห่ง ความสาเรจ็ ในการทดสอบสมรรถภาพทางกายสาหรับเดก็ ชายและเด็กหญงิ โดยแยกกัน
75 3. แนวโน้มของเส้นกราฟในการปฏิบัติกิจกรรมสาหรับเด็กชายในเมืองและชนบท แตกต่าง กันมากในการวิ่งระยะส้ัน การลุก-นั่ง การขว้างลูกซอฟท์บอลและการยืนกระโดดไกล ในเด็กหญิงก็ เช่น เดียวกัน แตกต่างกันทุกรายการทดสอบ ยกเว้นการขว้างลกู ซอฟทบ์ อล เดลล์ (Dale, 2013, 41) ได้ศึกษาสมรรถภาพทางกายและผลการเรียนของนกั เรียนมัธยมต้น การศึกษาน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่าสมรรถภาพทางกายเช่ือมโยงกับความสาเร็จทางวิชาการ ของนักเรียนมัธยมต้นหรือไม่ วิธีการดาเนินการวิจัย ใช้เคร่ืองทดสอบ FITNESSGRAM ประเมิน นักเรียน จานวน 838 คน ในองค์ประกอบ 5 ด้านของการออกกาลังกายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การ ทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาตรฐานของรัฐอิลลินอยส์ (ISAT) ใช้เพ่ือประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนด้านการอา่ นและคณิตศาสตร์ พบความสัมพนั ธ์ที่มากทสี่ ุดสาหรบั การออกกาลงั กายแบบแอโรบิค และความทนทานของกล้ามเน้ือ (ตั้งแต่ 0.12 ถึง 0.27 ท้ังหมด ค่า p <0.05) เด็กผู้ชายท่ีอยู่ใน Healthy Fitness Zone (HFZ) สาหรบั การออกกาลงั กายแบบแอโรบคิ หรือความอดทนของกล้ามเนอื้ มีแนวโน้มที่จะผ่านการสอบคณิตศาสตร์หรือการอ่านหนังสือมากกว่า 2.5–3 เท่า เด็กผู้หญิงใน HFZ สาหรับการออกกาลังกายแบบแอโรบิคมีแนวโน้มท่ีจะมีคุณสมบัติตรงตามหรือสูงกว่ามาตรฐานการ ทดสอบการอ่านและคณติ ศาสตรป์ ระมาณ 2-4 เทา่ เวกา (Vega, 2015, 58) ได้ศึกษาผลของโปรแกรมพลศึกษาท่ีมีต่อสมรรถภาพทางกายที่ เก่ียวข้องกับสุขภาพและการบารุงรักษาในนักเรียนมัธยมปลายโดยใช้การทดลองแบบสุ่มควบคุม แบบคลัสเตอร์ การศึกษาครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลของโครงการพัฒนาและบารุงรักษาโดยใช้ พลศึกษาที่มีต่อวัตถุประสงค์และการรับรู้สมรรถภาพทางกายที่เก่ียวข้องกับสุขภาพในนักเรียนมัธยม กลุ่มตัวอย่างนักเรียน 111 คนที่มีอายุระหว่าง 12-14 ปี จาก 6 ช้ันเรียนได้รับการสุ่มกลุ่มให้กับกลุ่ม ทดลอง 54 คน หรือกลุ่มควบคุม 57 คน ในระหว่างชั้นเรียนพลศึกษานักเรียนกลุ่มทดลองได้เข้า โปรแกรมการฝึกสัปดาห์ละสองครั้งเป็นเวลาเก้าสัปดาห์ หลังจากนั้นเป็นเวลาสี่สัปดาห์ของกลุ่ม ควบคุมหลังจากน้ันนักเรียนกลุ่มทดลองจะเข้าโปรแกรมการบารุงรักษาสัปดาห์ละสองคร้ังเป็นเวลา แปดสัปดาห์ จุดมุ่งหมายเพ่ือสมรรถภาพทางเดินหายใจของหัวใจของนักเรียน (การทดสอบว่ิงรับส่ง 20 เมตร) สมรรถภาพของกล้ามเน้ือตามเป้าหมาย (การทดสอบการงอ-ยืดขา) และการรับรู้ สมรรถภาพทางกาย (International Fitness Scale และ Contour Drawing Rating Scale) ได้รับ การวัดท่ีจุดเร่ิมต้นและตอนท้ายของ โปรแกรมการพัฒนาเช่นเดียวกับในตอนท้ายของโปรแกรมการ บารุงรักษา ผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบสองทางแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมการพัฒนาโดยใช้ พลศึกษาช่วยเพิ่มระดับสมรรถภาพทางกายตามวัตถุประสงค์ของนักเรียนอย่างมีนัยสาคัญและผลที่ ได้รับยังคงอยู่หลังจากโปรแกรมการบารุงรักษา (p <0.01) อย่างไรก็ตามตัวแปลการแทรกแซงไม่ได้ แสดงอิทธิพลต่อการรับรู้สมรรถภาพทางกายของนักเรียน (p> 0.05) ตัวแปลการแทรกแซงโดยใช้พล ศกึ ษามีประสิทธผิ ลในการเพิ่มและรักษาสมรรถภาพทางกายตามวัตถปุ ระสงคข์ องนักเรียนมธั ยมปลาย ความรู้น้ีสามารถช่วยครูในการออกแบบโปรแกรมท่ีอนุญาตให้มีการพัฒนาที่เป็นไปได้ และมี ประสิทธภิ าพและการบารงุ รกั ษาสมรรถภาพทางกายทเ่ี กีย่ วข้องกับสขุ ภาพในสถานศึกษาพลศึกษา
76 จากการศกึ ษาเอกสารงานวิจัยต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ได้ให้ความสาคญั ต่อสขุ ภาพของ เยาวชนเป็นอย่างมาก ซ่ึงผลทไ่ี ด้จากการศึกษาสมรรถภาพทางกายของเยาวชนมีความสาคัญอย่างย่ิง ที่ จะเป็นตัวกาหนดนโยบายด้านการส่งเสริมสุขภาพการออกกาลังกายและการกีฬา รวมทั้งการ จดั การเรียนการสอนในวชิ าพลศึกษาให้มคี วามเหมาะสมและมปี ระสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดงั น้ันผู้วิจยั จึง ได้นาหลัการแนวคิดและทฤษฎีของการออกกาลังกาย พัฒนาการของเด็กประถมศึกษา เชิงมวยไทย มาสร้างกิจกรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยสาหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาเพ่ือศึกษาและ พัฒนากิจกรรมการออกกาลังกายของนักเรียนประถมศึกษาโรงเรียนเจริญรัฐอุปถัมภ์ สังกัดสานักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 และได้นาแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายของสานัก วิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา 2562 เป็นแบบทดสอบ เพ่ือ ทดสอบและเกณมาตรฐานของสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับประถมศึกษา (อายุ 7-12 ปี) ประกอบไปด้วย แบบทดสอบองค์ประกอบของร่างกาย (body composition) ความอ่อนตัว (flexibility) ความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อ (muscle strength and endurance) ความอดทนของระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด (cardiovascular endurance) โดย ผู้วิจัยได้เลือก แบบทดสอบจานวน 7 รายการ ดงั นี้ 1. ชง่ั น้าหนกั (weight) 2. วดั ส่วนสงู (height) 3. ดัชนมี วลกาย (body mass index: BMI) 4. นั่งงอตัวไปขา้ งหน้า (sit and reach) 5. ดันพื้นประยุกต์ 30 วนิ าที (30 seconds modified push ups) 6. ลกุ -น่ัง 60 วนิ าที (60 seconds sit ups) 16 7. ยืนยกเข่าข้ึนลง 3 นาที (3 minutes step up and down) มาใช้เป็นเคร่ืองมือในการทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับประถมศึกษา เพื่อให้ เหมาะสมและทันยคุ ทันสมัยรองรับการเปลยี่ นแปลงทางการศึกษาในทศวรรตท่ี 21
บทที่ 3 วธิ ีดำเนนิ กำรวิจยั ในการวิจัยครั้งน้ี เป็นวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาผลของการออกกาลัง กายด้วยเชิงมวยไทยของนักเรียนระดับประถมศึกษา 2) เพ่ือเปรียบเทียบผลของการออกกาลังกาย ด้วยเชิงมวยไทยที่มีต่อสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับประถมศึกษาของกลุ่มทดลองและกลุ่ม ควบคุม ก่อนการฝึก หลังการฝึกสัปดาห์ท่ี 4 และหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 ซึ่งผู้วิจัยได้ดาเนินการวิจัย ตามขั้นตอน ดงั น้ี 1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 2. ตัวแปรท่ีศกึ ษา 3. เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ัย 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. การวเิ คราะห์ข้อมลู และสถิติทใ่ี ช้ในการวิจยั ประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง ประชำกรและกลุ่มตวั อยำ่ ง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี เป็นนักเรียนชายและหญิง ที่กาลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น ประถมศึกษา ของโรงเรียนเจริญรัฐอุปถัมภ์ สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 ปีการศกึ ษา 2563 จานวน 200 คน กลุ่มตวั อย่ำง กลุ่มตัวอย่างที่ได้คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปีท่ี 1-6 โรงเรียนเจริญรัฐอุปถัมภ์ จานวน 60 คน ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้น (stratified random sampling) โดยมีเกณฑด์ ังน้ี 1.เป็นนักเรียน อายุ 7 ปี เพศชาย 4 คน เพศหญงิ 4 คน จากจานวนนักเรียน 28 คน 2.เปน็ นักเรียน อายุ 8 ปี เพศชาย 4 คน เพศหญงิ 4 คน จากจานวนนกั เรียน 28 คน 3.เปน็ นกั เรียน อายุ 9 ปี เพศชาย 8 คน เพศหญงิ 8 คน จากจานวนนกั เรียน 52 คน 4.เป็นนกั เรียน อายุ 10 ปี เพศชาย 4 คน เพศหญงิ 4 คน จากจานวนนักเรยี น 28 คน 5.เป็นนักเรยี น อายุ 11 ปี เพศชาย 6 คน เพศหญิง 4 คน จากจานวนนกั เรียน 32 คน 6.เป็นนักเรียน อายุ 12 ปี เพศชาย 6 คน เพศหญิง 4 คน จากจานวนนักเรียน 32 คน โดยผ้วู ิจัยได้ทาการทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนการฝึก และแบง่ กลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มทดลอง 30 คน กลุ่มควบคุม 30 คน โดยวิธีการจับคู่ (matching) มีขั้นตอน การแบง่ กลุ่มดงั ตอ่ ไปนี้ 1.ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จานวน 60 คน ทาการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ก่อนการฝึก ออกกาลงั กาย แลว้ บนั ทกึ ผล ท้ัง 5 ด้าน 2. นาผลสรุปรายบุคคลของรายการประเมินสมรรถภาพทางกายมาจัดลาดับ จาแนกตาม เพศและอายุ
78 3. จัดการแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 30 คน โดยผลสรุปรายบุคลของ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนการฝึกออกกาลังกาย ของผู้เข้ารับการทดสอบให้อยู่ในระดับ เดียวกัน (matching) และจบั ฉลากเพ่อื กาหนดกลุม่ ตัวอยา่ งดังนี้ 3.1 กลุ่มทดลองทาการฝกึ ออกกาลงั กายดว้ ยเชงิ มวยไทย จานวน 30 คน กลุม่ ควบคุมทาการออกกาลงั กายแบบปกติ จานวน 30 คน แบบการจบั คู่ (matching) เพศชาย เพศหญงิ กลมุ่ ทดลอง กลุ่มควบคมุ กลุม่ ทดลอง กลุม่ ควบคุม อายุ 7 ปี 1 ------------------ 2 อายุ 7 ปี 1 ------------------ 2 4 ------------------ 3 4 ------------------ 3 อายุ 8 ปี 1 ------------------ 2 อายุ 8 ปี 1 ------------------ 2 4 ------------------ 3 4 ------------------ 3 อายุ 9 ปี 1 ------------------ 2 อายุ 9 ปี 1 ------------------ 2 4 ------------------ 3 4 ------------------ 3 5 ------------------ 6 5 ------------------ 6 8 ------------------ 7 8 ------------------ 7 อายุ 10 ปี 1 ------------------ 2 อายุ 10 ปี 1 ------------------ 2 4 ------------------ 3 4 ------------------ 3 อายุ 11 ปี 1 ------------------ 2 อายุ 11 ปี 1 ------------------ 2 4 ------------------ 3 4 ------------------ 3 5 ------------------ 6 อายุ 12 ปี 1 ------------------ 2 อายุ 12 ปี 1 ------------------ 2 4 ------------------ 3 4 ------------------ 3 5 ------------------ 6 ตวั แปรท่ศี กึ ษำ 1. ตัวแปรอสิ ระ คอื 1.1 กิจกรรมการออกกาลังกายดว้ ยเชิงมวยไทย 1.2 การออกกาลังกายแบบปกติ 2. ตวั แปรตาม คือ 2.1 องคป์ ระกอบของรา่ งกาย 2.2 ความอ่อนตัว 2.3 ความแขง็ แรงและความอดทนของกลา้ มเน้ือแขนและกล้ามเน้ือส่วนบน 2.4 ความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือท้อง 2.5 ความอดทนของระบบหวั ใจและไหลเวียนเลอื ด
79 เครอ่ื งมือทใี่ ช้ในกำรวิจัย กจิ กรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย ประกอบไปด้วยเชิงหมดั เชิงเท้า เชิงเข่าและเชิง ศอก นามาผสมผสานกันทกั ษะการเคล่อื นทแ่ี ละการเคลื่อนไหวมวยไทยพ้ืนฐาน นามาฝึกเป็นกจิ กรรม การออกกาลังกายสาหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษา 8 สัปดาห์ โดยใช้หลักการเสริมสร้าง สมรรถภาพทางกาย “FITT”มาเปน็ ทางในการปฏบิ ตั ิ โดยมีขนั้ ตอนดงั น้ี ข้ันตอนที่ 1 ศึกษาทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านการสร้างกิจกรรมการออก กาลังกายและหลักการฝึกสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับประถมศึกษาท้ัง 5 ด้าน ประกอบไป ด้วย องค์ประกอบของร่างกาย ความอ่อนตัว ความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อ ความ อดทนของระบบหัวใจและไหลเวียนเลอื ด โดยกาหนดรายละเอียดในกจิ กรรมการออกกาลงั กายดงั นี้ 1. ความถข่ี องการออกกาลังกาย (frequency) 2. ความหนกั ของออกกาลงั กาย (intensity) 3. ระยะเวลาของการออกกาลังกาย (time) 4. กจิ กรรมในการออกกาลังกาย (type) ขั้นตอนที่ 2 ตารางกิจกรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยสาหรับนักเรียนระดับ ประถมศึกษาไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จานวน 3 ท่าน ท่ีมีความสามารถและความเช่ียวชาญด้านการสร้าง โปรแกรมและหลักการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายสาหรับนักเรียน เพื่อการพิจารณาความ สอดคล้องในการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC: index of item objective congruence) ได้ค่า IOC=1.00 (ภาคผนวก) ข้ันตอนท่ี 3 ทดลองกิจกรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยสาหรับนักเรียนระดับช้ัน ประถมศึกษาเพื่อหาประสิทธิภาพของเคร่ืองมือไปทดลองใช้ (try out) กับกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จานวน 30 คน ในการพัฒนากจิ กรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยทม่ี ผี ลต่อสมรรถภาพทางกาย ของนกั เรียนระดับชั้นประถมศึกษา มีเนอื้ หาครอบคลุม 5 ดา้ น ได้แก่ องคป์ ระกอบของร่างกาย ความ อ่อนตัว ความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อ ความอดทนของระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด โดยนาข้อบกพรอ่ งมาปรบั ปรงุ แก้ไข ขัน้ ตอนท่ี 4 นาเครอ่ื งมือไปใช้กับกลุ่มทดลองของการวิจัยต่อไป โดยผู้วิจัยได้ปรับปรุงแก้ไข กิจกรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยท่ีมีต่อสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดบั ประถมศกึ ษา ท้ัง 5 ด้าน พบข้อบกพร่องคือ การเชื่อมท่าบางท่ายังขาดความต่อเนื่องและมีผลต่อความพร้อมเพียง ในการออกกาลังกาย ซ่ึงผู้วิจัยได้ทาการปรับทิศทางการเคล่ือนที่ระหว่างเช่ือมบางท่าของเชิงมวยท่ีมี ผลต่อการออกกาลังกาย ทาให้กิจกรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยทั้ง 65 ท่าสมบูรณ์ยิ่งข้ึน และนาไปใชใ้ นการฝกึ ออกกาลังกายกับกลุม่ ทดลอง 1. กิจกรรมการฝึกการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย มีข้ันตอนการฝึกท่ีพัฒนาสมรรถภาพ ทางกายมี 3 ข้นั ตอน คือ 1.1 การอบอนุ่ ร่างกาย เป็นการเตรยี มร่างกายใหพ้ ร้อมกอ่ นการทางานหนกั นอกจากนยี้ ัง เป็นการปอ้ งกันการบาดเจบ็ ของกล้ามเนื้ออีกดว้ ย ใชเ้ วลา 5 นาที 1.2 การฝึกสมรรถภาพซ่ึงจะปฏิบัติต่อจากการอบอุ่นร่างกายท่ีพร้อมจะทางานแล้ว คือ เริ่มทาการออกกาลังกายด้วยท่าเชิงมวยไทยตั้งแต่เชิงหมดั 15 ท่า ต่อด้วยเชิงเทา้ 15 ท่า ตามด้วยเชิง
80 เข่า 11 ท่า และเชิงศอก 24 ท่า ต่อเนื่องรวมเป็น 65 ท่า ซึ่งแต่ละท่า จะมีจังหวะในการปฏิบัติ แตกต่างกันตามแต่ละเชิง โดยใช้ทักษะการเคลื่อนไหวมวยไทยข้ันพื้นฐานมาเชื่อมต่อระหว่างท่า โดย ใชก้ ระบวนการ วนจนครบ 65 ทา่ นับเป็น 1 เซท ปฏิบัตซิ า้ จนครบ 5 เซท แต่ละเซทใชเ้ วลาเซทละ 4 นาที รวมเวลาการฝึกกิจกรรมการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย 20 นาที กิจกรรมการฝึกควรท่ีจะ หนักพอควร คือ ประมาณ 60-80 เปอร์เซ็นต์ของความสามารถสูงสดุ ของอัตราการเต้นของหวั ใจ วัด ดว้ ยการจบั ชีพจรหลังการออกกาลงั กายทนั ที 1.3 การผ่อนคลาย เป็นช่วงภายหลังการฝึกสมรรถภาพแล้ว หลักการ คือลดระดับความ หนักลงแต่ร่างกายยังมีการเคลื่อนไหว เหตุผลคือ เพ่ือให้กล้ามเนื้อคลายตัวการทางานและส่งเลือด กลับเข้าสู่หัวใจ ซึ่งทาให้กรดแลคติกในกล้ามเน้ือ ตัวการท่ีทาให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อค่อย ๆ สลายไป เน่ืองจากออกซิเจนในเลือดสามารถไหลมาหล่อเลี้ยงได้เต็มท่ี และลดโอกาสที่จะปวดกล้ามเนื้อ หลังจากออกกาลังกายได้ ใช้เวลา 5 นาที 2. เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายนักเรียนนามาจาก แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย ของนักเรียนระดับประถมศึกษา (อายุ 7-12 ปี) สานักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. 2562 ซึ่ง ประกอบด้วย 5 ด้านดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 ดัชนีมวลกาย (body mass index: BMI) ช่ังน้าหนักและวัดส่วนสูง เพ่ือนาไป ประเมนิ สดั ส่วนของรา่ งกาย 2.2 น่ังงอตัวไปข้างหน้า (sit and reach) วัดความอ่อนตัว ของข้อไหล่ หลัง ข้อสะโพก และกลา้ มเนอ้ื ตน้ ขาดา้ นหลัง 2.3 ดันพื้นประยุกต์ 30 วินาที (30 seconds modified push ups) วัดความแข็งแรง และความอดทนของกล้ามเนื้อแขนและกลา้ มเน้ือสว่ นบน 2.4 ลุก-นั่ง 60 วนิ าที (Sit-Ups) วดั ความแขง็ แรงและความอดทนของกล้ามเน้ือหน้าท้อง 2.5 ยนื ยกเข่าขึน้ ลง 3 นาที (3 minutes step up and down) วัดความอดทนของระบบ หวั ใจและระบบไหลเวียนเลือด หมายเหตุ แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย ของนักเรียนระดับ ประถมศึกษา อายุ 7-12 ปี (ภาคผนวก ช) กำรเก็บรวบรวมข้อมูล ในดาเนนิ การรวบรวมขอ้ มูลการวจิ ัยครง้ั นี้ ผู้วิจัยดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง และมีผ้ชู ว่ ยวิจัยอกี จานวน 3 คน มีขน้ั ตอนในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลดงั น้ี 1. ศึกษารายละเอียดเก่ียวกับการฝึกการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย 65 ทา่ แล้วถ่ายทอด แกผ่ ู้ชว่ ยวิจยั เพื่อความเขา้ ใจตรงกนั 2. ทาหนังสอื ขอความร่วมมือในการทาวจิ ัยจากบัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมบู่ ้าน จอมบึง ไปยังผบู้ ริหารโรงเรียนเจรญิ รัฐอปุ ถัมภ์ เพือ่ ขอความร่วมมอื ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 3. จัดเตรียมอุปกรณแ์ ละสถานทีท่ ใี่ ชใ้ นการทดสอบและกิจกรรมการออกกาลงั กาย
81 4. ผู้วิจัยนัดหมายกับผู้ช่วยวิจัยและกลุ่มตัวอย่างในเรื่องวัน เวลา และการแต่งกายของกลุ่ม ตวั อย่างทจ่ี ะรบั การทดสอบ 5. แบง่ กลมุ่ ตวั อยา่ งเปน็ กลุ่มย่อย ประมาณกลุ่มละ 15 คน เพอื่ หมุนเวยี นการเขา้ ฐานทดสอบ สมรรถภาพทางกาย 6. นาแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สขุ ภาพไปทดสอบกับกลมุ่ ทดลองและกล่มุ ควบคุม โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 4 ฐาน ผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยอยู่ประจาคนละฐาน ทาการทดสอบและ บนั ทกึ ผล 7. กลมุ่ ทดลองและกลุม่ ควบคุมเวียนเขา้ ฐานเพอื่ ทดสอบสมรรถภาพทางกายจนครบทกุ ฐาน 8. กอ่ นการลงมือทาการทดสอบผู้วจิ ัยชแี้ จงจุดประสงค์ของการทดสอบและสาธติ วิธกี าร ทดสอบแตล่ ะรายการเพอื่ ให้ผูร้ ับการทดสอบดูจนเปน็ ทเ่ี ข้าใจ 9. เมื่อทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนการฝึกเสร็จ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม ทดลอง 1 กลุ่ม 30 คน เพื่อทาการฝึกการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย 65 ท่า และกลุ่มควบคุม 1 กล่มุ 30 คน เพ่อื ออกกาลังกายแบบปกติ ในตอนเช้าทกุ วนั ก่อนเขา้ ชนั้ เรยี น 10. กลุ่มทดลองเร่ิมฝึกการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน คือ วันจันทร์ วันพุธและ วันศุกร์ ฝึกการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย วันละ 30 นาที ช่วงเวลา 15.30-16.00 น. ท่าการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทย ทั้งหมด 65 ท่า กลุ่มควบคุม ออกกาลังกาย โดยใช้กายบริหารหน้าเสาธงและเต้นประกอบเพลงยามเช้าก่อนเข้าเรียนทุกวัน วันละ 10 นาทีเป็น เวลา 8 สปั ดาห์ ใชเ้ วลาในการออกกาลังกายหน้าเสาธง ช่วงเวลา 08.00-08.10 น. 12. ทดสอบสมรรถภาพทางกายกลมุ่ ตัวอยา่ งหลงั การฝกึ ออกกาลงั กายสัปดาห์ที่ 4 และ หลงั การฝึกสปั ดาหท์ ี่ 8 13. ทาหนงั สือขอบคุณไปยังผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาของกลุ่มตัวอย่าง กำรวเิ ครำะห์ข้อมูลและสถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นกำรวจิ ัย กำรวเิ ครำะห์ข้อมลู การวิจยั คร้ังนี้ ผวู้ ิจัยนาผลท่ีได้มาวเิ คราะห์ข้อมูลดว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โดยหาค่าต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. คา่ ร้อยละ ขอ้ มูลพน้ื ฐานของกลมุ่ ตัวอย่าง 2. คานวณหาค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ความ แข็งแรงของกล้ามเน้ือและความอดทนของกล้ามเนื้อ ความอดทนของระบบหัวใจและระบบไหลเวียน เลือด ความอ่อนตัว ค่าองค์ประกอบของร่างกาย ก่อนการฝึก ภายหลังการฝึกสัปดาห์ท่ี 4 และ ภายหลังการฝกึ สัปดาห์ที่ 8 ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง 3. ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉล่ียสมรรถภาพทางกาย ก่อนการฝึก ภายหลังการฝึก สัปดาห์ท่ี 4 และภายหลังการฝึกสัปดาห์ท่ี 8 ทุกตัวแปรโดยใช้ dependent t-test (paired t-test) ระหว่างกลมุ่ ทดลองกับกลมุ่ ควบคมุ ใช้ independent t-test 4. ทดสอบความมีนยั สาคัญทางสถิติท่รี ะดบั .05 5. นาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ในรปู แบบตารางประกอบความเรยี งและแผนภูมิกราฟ
82 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล การวิจัยเร่ืองผลของการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยที่มีต่อสมรรถภาพทางกายของ นักเรียนระดับประถมศึกษา ผู้วิจัยนาเสนอข้อมูลในรูปตารางข้อมูล โดยกาหนดสัญลักษณ์ท่ีใช้ในการ วเิ คราะหข์ ้อมลู เพอื่ ใช้การคานวณ ดังน้ี n แทน กลุม่ ตวั อยา่ ง X แทน คา่ เฉล่ีย (mean) S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) t แทน คา่ ทดสอบสถิติ (t-test) * แทน แตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติทรี ะดบั .05 Sig แทน คา่ ระดบั นัยสาคญั ทางสถติ ิ (significance) ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผ้วู ิจัยได้วิเคราะห์ผลตามวัตถุประสงค์การวิจัย ซ่ึงได้ดาเนนิ การแบง่ เป็น 2 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 การศึกษาผลของการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยของนักเรียนระดับประถมศึกษา และตอนที่ 2 การเปรียบเทียบผลการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยที่มีต่อสมรรถภาพทางกายของนัก เรียนระดับ ประถมศึกษาของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ก่อนการฝึก หลังการฝึกสัปดาห์ท่ี 4 และหลังการฝึก สปั ดาห์ที่ 8 โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี ตอนที่ 1 ผลการศึกษาการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยของนักเรียนระดับ ประถมศึกษา สาหรับผลของการออกกาลังกายด้วยเชิงมวยไทยของนักเรียนระดับประถมศึกษาผู้วิจัยขอ แสดงผลตามตารางและความเรียง ดังนี้
83 ตารางท่ี 1 ขอ้ มลู พนื้ ฐานของกลุ่มตวั อยา่ ง รายการ จานวนคน (60 คน) รอ้ ยละ (100) รวม กลมุ่ ควบคมุ กลมุ่ ทดลอง กล่มุ ควบคุม กลุ่มทดลอง เพศ 16 16 53.33 53.33 ชาย 14 14 46.67 46.67 หญงิ 4 4 13.33 13.33 อายุ 4 4 13.33 13.33 7 ปี 8 8 26.67 26.67 8 ปี 4 4 13.33 13.33 9 ปี 5 5 16.67 16.67 10 ปี 5 5 16.67 16.67 11 ปี 12 ปี 30 30 100 100 จากตารางท่ี 1 พบวา่ กลุ่มตัวอย่างมีจานวน 60 คน โดยมีกลุม่ ควบคุมมีจานวน 30 คน เป็น เพศชาย 16 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 53.33 และเพศหญงิ 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 และกลุ่มทดลองมี จานวน 30 คน เป็นเพศชาย 16 คน คิดเป็นร้อยละ 53.33 และเพศหญิง 14 คน คิดเป็นร้อยละ 46.67 จะเห็นไดว้ า่ กลมุ่ ควบคุมและกลุ่มทดลอง มีจานวนคน เพศ อายุ และคา่ รอ้ ยละเทา่ กนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245