Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ประถมศึกษา

แผนการจัดการเรียนรู้ ประถมศึกษา

Published by nanthintungtong06, 2019-11-04 02:37:12

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ประถมศึกษา

Search

Read the Text Version

แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู กศน. แบบบูรณาการ ตามรูปแบบ ONIE Modal หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 – 5 หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ....... ปก ารศกึ ษา ................ สาํ นกั งานสง เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวดั กาญจนบุรี สํานกั งานสง เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สาํ นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร

คาํ นํา แผนการสอน หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ฉบับน้ี จัดทาํ ข้ึนเพอ่ื เปนแนวทางในการจดั กิจกรรมการเรียนรู 6 ช่ัวโมงตอสัปดาห มีเน้ือหา รายวิชา 3 รายวิชาหลักที่มีการลงทะเบียนเรียน คือ ทักษะการเรียนรู (ทร11001) วิทยาศาสตร (พว11001) เศรษฐกิจพอเพียง (ทช11001) จุดเนนการปฏิบัติในการจัดทําแผนการสอนเลมนี้ ผูจัดทําไดรวบรวมองคความรู ทักษะและสภาพปญหาจากการจัดกระบวนการเรียนรูท่ีผานมา เพ่ือนํามาปรับปรุงเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพ กระบวนการจัดการเรียนรู ใหม ปี ระสิทธิภาพมากยงิ่ ข้นึ มกี จิ กรรมการเรยี นรทู ค่ี รบตามเน้ือหา ตวั ชว้ี ดั และพัฒนา ผูเรยี นใหม ีคุณสมบัติทพ่ี ึงประสงคข องสถานศกึ ษา ขอขอบคุณ ภาคีเครือขายและผูท่ีมีสวนเกี่ยวของทุกทาน ที่ใหความรู คําแนะนําและให คาํ ปรึกษาเปนแนวทาง ทําใหแผนการจัดการะบวนการเรียนรูเ ลมนี้จนสาํ เร็จ เปนรปู เลม สมบูรณ ผูจดั ทําหวงั เปน อยางยิ่งวาเอกสารเลม น้ี จะเปนประโยชนสาํ หรบั ผูน ําไปใชจดั กจิ กรรมการเรยี นรู ไดอ ยางมปี ระสทิ ธิภาพ หากพบ ขอผดิ พลาดหรือมขี อ เสนอแนะประการใด ผูจัดทาํ ขอนอมรับไวแ กไ ขปรบั ปรุงดว ยความขอบคุณยิง่ ผูจ ัดทํา กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบรุ ี

แนวนโยบาย จดุ เนนการปฏบิ ตั ใิ นการจดั การศกึ ษาเพอ่ื ยกระดับคุณภาพการศกึ ษานอกระบบแบบมุง ผลสมั ฤทธ์ิ กระทรวงศึกษาธิการ กาํ หนดใหเปนปแ หงการยกระดับคณุ ภาพการศึกษา สานกั งาน กศน.จึงปรบั ปรุง การจัดการศกึ ษาตา งๆ เพ่ือยกระดบั คุณภาพการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ดงั น้ี การจดั การเรียนการสอนการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน 1. ผเู รียน เปน นกั ศึกษาท่ลี งทะเบยี นเรียน มีตวั ตนจรงิ มเี ลขบตั รประชาชน และสามารถมาเรียนที่สถานศกึ ษาได อยา งตอเนื่อง 2. ครู 2.1 ครสู อนการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน หมายถงึ ครู กศน.ตําบล ครู ศรช. และ ครอู าสาสมคั ร ครู 1 คน รบั ผิดชอบผเู รยี น 1 กลมุ ๆ ละ 50 คน 2.2 ครสู อนผูพ กิ ารทางสตปิ ญญา ครู 1 คน รบั ผดิ ชอบผูเรียน 1กลมุ ๆละ 5 คนไมเกิน 8คน 2.3 ครูสอนผูพิการทางรางกายครู 1คน รับผดิ ชอบผเู รยี น 1 กลุม ๆ ละ 10คน ไมเกิน 15คน 2.4 ครู ศศช. ครู 1 คน รบั ผิดชอบผูเ รียน 1 กลมุ ๆ ละ 40 – 80 คน ใหน ับรวมผเู รยี นระดบั ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนตน มธั ยมศึกษาตอนตน และผูไมร หู นังสือดว ย 2.5 ครู English Program ครู 1คน รับผิดชอบผเู รยี น 1 กลุมๆละ 30 คน ไมเ กิน 35คน 2.6 ขาราชการครู ขาราชการท่ีปฏบิ ตั ิงานในสถานศกึ ษาที่จดั การศกึ ษา และสํานกั งาน กศน.จงั หวดั ให ทําหนาทสี่ อนเสริมในวชิ าที่ถนดั สปั ดาหล ะ 6 ชั่วโมง และการศกึ ษาตามอัธยาศยั ใหครบ 6 ช่ัวโมง 2.7 ครูประจาํ กลุม ครปู ระจาํ กลุมใหแตง ตัง้ ครปู ระจํากลมุ 3 หนว ยงานคือ หนวยงานทหาร เรือนจํา และ อสม. เทาน้นั 2.7.1 ครูประจํากลมุ 1 คน รบั ผดิ ชอบผเู รยี น 1 กลุมๆ ละ 80 คน 2.7.2 ครูประจาํ กลมุ ใหมีในหนวยงานทหาร เรอื นจํา และ อสม. เทา น้นั 2.7.3 บุคลากร กศน. ทุกคนท่ีรับเงินเดือนจาก สานักงาน กศน. และตองการขอใบประกอบวิชาชีพครูใหแตงต้ัง ครูประจํากลุมได และตองปฏิบัติการสอนจริงโดยไมเบิกคาตอบแทน เมื่อมีใบประกอบวิชาชีพครูแลวไมตองทํา การสอน 3. การจัดการเรียนการสอน 3.1 กําหนดใหมีการเรียนการสอน 9 ชั่วโมง แทนการพบกลุมแบบเดิม และใชคําวา การเรียน กศน. กลาวคือ ครูและผูเรียนตองมีการเรียนการสอน และทํากิจกรรมรวมกัน 9 ช่ัวโมง แบงเปนการจัดการเรียนการ สอนในรายวิชาท่ีลงทะเบียนเรียนและสอนเสริม จํานวน 6 ช่ัวโมง จํานวน 3 ช่ัวโมงที่เหลือ เปนการจัดกิจกรรม รว มกันระหวางผูเ รียนและครู ซึ่งเปน กิจกรรมในแหลง เรียนรู หรอื ICT ฯลฯ 3.2 ผูเรียนทม่ี ีเวลาเรยี นไมค รบรอ ยละ 75 ไมมสี ิทธิเขาสอบตน ภาคเรียน

3.3 ใหจ ดั ทาตารางการเรยี นการสอน ชั่วโมงท่ี 1 ,ชั่วโมงท่ี 2 …….. สอนวชิ าอะไร สอนเสริมอะไร เวลา เทาไร 3.4 ใหจ ดั ทาตารางการสอนของขา ราชการครทู ี่ทาํ หนา ท่สี อนเสรมิ ดว ย โดยผบู รหิ ารจัดทาํ คาํ สงั่ แตงตงั้ 3.5 การสอนเสริมใหขาราชการครูทําหนาที่สอนเสริมกลุมละ 1 ชั่วโมง ถาขาราชการครูไมพอจึงจาง บุคคลภายนอกมาสอนเสริม บุคคลภายนอกท่ีสอนเสริม จะสอนเสริมไดไมเกิน 3 ช่ัวโมงตอสัปดาห สวนจะสอน จาํ นวนกี่สปั ดาหใหพิจารณาจากความเหมาะสม ความจําเปน และวงเงนิ งบประมาณของสถานศึกษา 4. กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) กําหนดใหทํากิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต (กพช.) 200 ชั่วโมง ตลอดหลักสูตร แมว าผูเรียนเทียบโอน ผลการเรียนแลวและเหลือระยะเวลาเรียน 1-2 ภาคเรียน ก็ตองทํา กพช. 200 ช่ัวโมง โดยใหใชหลักเกณฑ ดงั กลา วกบั ผเู รยี นทั้งเกาและใหมท ่ีลงทะเบียนเรียน 5. การเทียบระดับการศึกษา 5.1 การเทยี บระดับการศกึ ษา (เดิม) ใหร บั สมัครใหมเฉพาะระดับประถมศึกษาเทานั้น ระดับมัธยมศึกษา ตอนตนและตอนตน ใหรับประเมินซอมเฉพาะผูขอเทียบระดับการศึกษาท่ีมีผลคะแนนบางมิติอยูแลว ซึ่งจะเปด ประเมินอีก 2 คร้ัง เทานั้น การเทียบระดับการศึกษาระดับประถมศึกษา ใหมีการประเมินทักษะการอาน เขียน ภาษาไทยกอ นจบดว ย 5.2 การเทยี บระดับการศกึ ษา (เดมิ ) และการเทยี บระดับการศึกษาในระดบั สูงสุดการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน (การเทียบระดับสงู สุด) ใหม กี ารจดั สมั มนาวิชาการ 3 วนั 2 คืน หรอื 50 ช่ัวโมง โดยใชแ นวปฏิบตั ิเชน เดียวกบั การเทียบระดบั การศึกษา (เดมิ ) 6. การจดั การศกึ ษาตามหลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 6.1 จงั หวัดใดทย่ี ังไมเ คยจัดการเรียนการสอน ปวช.ใหเปดได 1 หอง 6.2 จงั หวดั ท่ีเคยจัดการเรียนการสอน ปวช.แลว ใหเปด เพิ่มไดอกี 1 หอ ง 6.3 ใหส านักงาน กศน.จังหวัด จั ดทา MOU (Memorandum Of Understanding) กับส ถา น ประกอบการ และสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา สําหรับสถานศึกษาขึ้นตรงให ผูบริหารสถานศึกษาจัดทา MOU ไดโดยตรง 6.4 ครู ปวช. 1 คน รบั ผดิ ชอบผเู รยี น 1 กลุม ๆ ละ 40 คน ไมเ กิน 45 คน 7. การจัดการเรียนการสอนผูไมร หู นังสือ 100 % 7.1 การสาํ รวจขอ มลู ผูไมร หู นงั สือและความตอ งการทางการศึกษา ใหส าํ รวจประชากรทุกคน 7.1.1 ทม่ี อี ายุ 15 ปขน้ึ ไป 7.1.2 เกบ็ ขอ มลู ทุกครัวเรอื น ทกุ คนและเก็บเปนรายบคุ คล แมคนท่ีมชี ื่อแตไมอยบู านใหเ กบ็ ขอมูลทางโทรศัพท หรือสอบถามผใู กลช ดิ ท่ีทราบขอมูล 7.1.3 การรวบรวมขอมูลใหครู กศน. และอาสาสมัคร กศน.เปน ผดู าํ เนนิ การ และเบิกจา ยคาตอบแทนใหถกู ตอง ตามระเบยี บราชการ

7.2 การประเมินระดบั การรูหนงั สือ การประเมินระดับการรหู นังสือ ประเมนิ เฉพาะผทู ี่มีอายรุ ะหวา ง 15-59 ป 7.3 การสอนผไู มร หู นังสือ สอนโดย ครู กศน.ทุกคน โดยเฉล่ียกลมุ เปาหมายใหค รทู ุกคนรบั ผดิ ชอบ ตวั อยาง จากการประเมนิ ระดับการรูหนังสอื แลว มีผไู มร หู นังสอื 20 คน สถานศกึ ษามคี รู 5 คน (ครู กศน.ตาํ บล, ครู ศรช., ครูอาสาสมคั ร) ใหเฉล่ยี ความรบั ผิดชอบใหครูทง้ั 5 คน 8. อ่นื ๆ ใหแ ตง ตงั้ หัวหนา กศน.ตําบล ใหค รบทุกตําบล โดยคดั เลอื กจากครูอาสาสมัครเปนอันดับแรก

วิเคราะหส ภาพปญหา ผลกระทบตอการจดั การเรียนรูของผเู รียน การจัดกระบวนการเรียนรูตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มุงพัฒนาใหผูเรียนสูความเปนคน “คิดเปน” โดยเนนพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู ประยุกตใชความรู และสรางองคกรความรูสําหรับตนเอง และชุมชน สังคม ซ่ึงกําหนดการจัดกระบวนการเรียนรูแบบ กศน. หรือ ONIE MODEL เปนการจัดกระบวนการเรียนรทู ม่ี คี วามหลากหลาย ประกอบดวย 4 ขน้ั ตอน ดงั น้ี ขนั้ ที่ 1 กําหนดสภาพ ปญหา ความตอ งการในการเรียนรู (O: Orientation) ขนั้ ท่ี 2 แสวงหาขอ มูลและจัดการเรียนรู (N: New ways of learning) ขัน้ ที่ 3 ปฏบิ ัติและนาไปประยุกตใ ช (I: Implementation) ข้นั ท่ี 4 ประเมนิ ผลการเรียนรู (E: Evaluation) การจัดกระบวนการเรยี นรูทเี่ หมาะสมกับผูเรียนท่ีหลากหลาย มีความแตกตางกนั ทั้งดาน อาชพี อายุ สภาพสังคม ศาสนา ฯลฯ จาเปนตองวิเคราะหสภาพปญหาท่ีสงผลกระทบตอการเรียนรูของผูเรียนดานตางๆ แลวนํามาจัดกระบวนการเรียนรูใหตรงกับความตองการของผูเรียนโดย บูรณาการสภาพปญหาท้ังหมด เขา กับหนวยการเรียนรู ตัวชี้วัด และวัตถุประสงคการเรียนรู เพ่ือมุงสูผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามวัตถุประสงคของ การจดั การเรียนรู สามารถวิเคราะหสภาพปญหาในปจจบุ นั ได ดังน้ี ดานการศึกษา การสบื คน ขอมลู จากสื่อแหลง เรียนรู อินเตอรเ น็ต ความสําคัญของการเรียนรูแบบ กศน. และการนํา ความรไู ปปรับใชใ นชีวติ ประจําวัน ดานการเมืองการปกครอง กฎหมาย การเมืองการปกครอง สถานการณทางการเมอื ง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตริยทรงเปน ประมขุ ดา นสังคม การวางแผนการดํารงชพี ทเี่ หมาะสมกบั สภาพสังคมปจจุบัน การปรบั ตัวเขา กบั สภาพชุมชน จารีต ประเพณี ธรรมเนยี มปฏบิ ัติในการอยูรว มในสังคม ดา นวฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ความสาํ คัญของวฒั นธรรมประเพณี คุณธรรม จรยิ ธรรมในการดําเนินชวี ิต วฒั นธรรมตางประเทศ การ ปฏิบตั ิตนตามหลกั คาสอนของพุทธศาสนา ดา นสงิ่ แวดลอ ม มลพศิ ทางเสยี ง ทางอากาศ ทางนํา้ ปา ไมและการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ การดาํ เนนิ ชวี ติ ตามแนว ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ดา นสุขภาพ ความรู ความเขา ใจในดานสาธารณสขุ การใชย าสมนุ ไพรในการรักษาโรค ก กฎหมายที่เกย่ี วขอ งกบั การ คุมครองผบู ริโภคพฤติกรรมการเลยี นแบบ ความรูเรอ่ื งสารเสพตดิ ดา นเทคโนโลยสี ารสนเทศ ความรูเร่ืองการใชคอมพิวเตอร อินเตอรเน็ท และสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศท่ี ทันสมัย การเขา ถึงแหลง สงเสรมิ การใชส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศอยา งทวั่ ถงึ

รายวิชาท่ลี งทะเบยี นเรยี น แผนการลงทะเบียนท่ี 4 รายวิชาทล่ี งทะเบยี นเรียน ภาคเรยี นที่ .......... ปก ารศึกษา ........... สาระการเรยี นรแู ละรายวิชาทลี่ งทะเบยี นเรยี นภาคเรียนท่ี ........... ปก ารศึกษา ........ ที่ สาระการเรยี นรู รหัส รายวชิ าบังคบั หนว ยกติ ทร 11001 รายวชิ า 1 ทกั ษะการเรยี นรู 5 2 ความรูพ ้ืนฐาน พว 11001 ทักษะการเรียนรู 3 3 ทักษะชีวิต ทช 11001 วิทยาศาสตร 1 เศรษฐกจิ พอพยี ง 9 รวม

ปฏทิ ินการเรยี นรูน กั ศกึ ษา กศน. หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา แผนการเรียนที่ 4 ภาคเรยี นที่ .............. ปการศกึ ษา ...................... กศน.ตําบล.............................. กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จังหวดั กาญจนบรุ ี

ปฏทิ ินการเรียนรูนักศกึ ษา กศน. หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ............ ปก ารศกึ ษา ........................ กศน.ตาํ บล.................... กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบรุ ี สัปดาหท ่ี ว/ด/ป การเรียนรูแบบบูรณาการ กจิ กรรมการเรยี นรู 1 ปฐมนเิ ทศนกั ศกึ ษาภาคเรียนที่ ......../....................... 2 วชิ า ทักษะการเรียนรู ทร11001 วิชา ทกั ษะการเรียนรู ทร11001 - ฝกทกั ษะพืน้ ฐานทางการศึกษา แกป ญหา เทคนิคในการเรียนรูดวยตนเอง ทกั ษา ใหผูเรียนไดดูคลปิ ในเร่ืองเก่ียวกบั การเรยี นรดู วยตัวเอง และให การวางแผน การประเมินผลการเรยี นรู การวเิ คราะหวิจารณ ผเู รียนสรปุ เปนรายงาน แผนพับ พรอมนาํ มาใหเ พ่ือนฟงในการพบ กลุมที่ กศน.ตําบล ครูสรุปอกี ครัง้ เพื่อใหผเู รียนไดมีความคิดทเ่ี ปน การเรยี นรดู ว ยตวั เอง 3 วิชา ทกั ษะการเรยี นรู ทร11001 วิชา ทกั ษะการเรยี นรู ทร11001 - ศกึ ษาเรียนรกู ารใชอ นิ เทอรเนต็ การเขาถึงขอมลู สารสนเทศและศักยภาพการ ใหผูเรียนไปศกึ ษานอกสถานท่ี พรอมเรื่องราวท่ีไดเ รียนมา 5 เร่ือง ประกอบอาชีพโดยเนน และอภิปรายแลกเปล่ยี นเรยี นรู ใหเพื่อนฟง ครแู ละผูเรยี นสรุปพรอม - ศกั ยภาพของทรพั ยากรธรรมชาติในแตละพ้ืนท่ี กันอีกคร้ัง และใหผูเรยี นทําเปนรายงาน จับใจความสาํ คัญ สง เพอ่ื - ศักยภาพของศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของแตล ะพนื้ ท่ี เปนคะแนนเกบ็ 4 วิชา ทักษะการเรยี นรู ทร11001 วชิ า ทกั ษะการเรียนรู ทร11001 ฝกทักษะกระบวนการจัดการเรยี นรู การแสวงหาการประยุกตใชความรู การ ใหผเู รยี นศึกษาแนวทางการเรยี นรใู นส่ิงรอบตัวเรา และจัดบอรด แลกเปลี่ยนเรียนรแู ละการพัฒนาขอบขายความรู ความรู เพื่อใหเพ่ือนไดศึกษา และอธบิ ายใหเพ่ือนฟงในการพบกลุมท่ี กศน.ตาํ บล

ปฏทิ นิ การเรียนรูนักศกึ ษา กศน. หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ............ ปก ารศึกษา ........................ กศน.ตาํ บล.................... กศน.อาํ เภอเมอื งกาญจนบรุ ี จังหวัดกาญจนบุรี 5 วชิ า ทกั ษะการเรียนรู ทร11001 วิชา ทักษะการเรยี นรู ทร11001 ศกึ ษาฝกทกั ษะสถติ อิ ยางงา ยเพอื่ การวจิ ยั เครื่องมือการวิจัย และการเขียน ใหผูเรียนเลาการดําเนินชีวิตประจําวันของแตละคน และลอง โครงการวิจยั ดําเนินการวิจัยวาการดําเนินชีวิตของเรามีความสุขหรือไม พรอม ศัพทภาษาอังกฤษท่ีเก่ียวของกับการดําเนินชีวิตอยางนอย 5 คํา นํามาสรุปเปนแผนผังความคิด และอธิบายใหเพื่อนฟงในการพบกลุม ที่ กศน.ตําบล และครูเปนผสู รปุ ในภาพรวมทัง้ หมดของผูเ รียน 6 วิชา ทกั ษะการเรยี นรู ทร11001 วชิ า ทกั ษะการเรยี นรู ทร11001 ทบทวนความเขาใจความเช่ือพื้นฐานทางการศึกษาผใู หญการศกึ ษานอกระบบ การ ใหผเู รียนไปศึกษาแนวทางดานคณุ ธรรม จริยธรรม ที่เหมาะสมของ เชือ่ มโยงไปสูการเรียนรู ความหมายความสาํ คัญของการคิดเปน ประชาชนและการเลือกใชผ ลติ ภัณฑท เี่ ปนมิตรกับสิง่ แวดลอม นํามา แกปญหา จาก สื่อออนไลน หนงั สือ ครอบครวั ผรู ใู นชุมชน แลว นาํ มาอภิปรายแลกเปลย่ี นเรยี นรใู หเ พอ่ื นฟงในการพบกลมุ ท่ี กศน. ตําบล 7 วิชา ทกั ษะการเรียนรู ทร11001 วิชา ทกั ษะการเรยี นรู ทร11001 การฝกทักษะในการพจิ ารณาขอ มลู และการนําไปใช การฝกปฏิบตั ิการคิด การ ใหผ ูเ รียนไปศึกษาคน ควา การอนุรักษทาํ นบุ ํารงุ สง เสริม ตดั สินใจ อยางเปนระบบในการแกป ญหา ศิลปวัฒนธรรม จากวัดไชยชมุ พลชนะสงคราม แหลงเรียนรู โดยการ เปนจิตอาสาในการทาํ ความสะอาดหองน้ําวดั และสรา งสถิตใิ นการ เปน จติ อาสาของแตละคนนํามาทํารายงาน และอธบิ ายเพิ่มเติมให เพ่อื นฟง ในการพบกลมุ ที่ กศน.ตําบล

ปฏิทนิ การเรยี นรนู กั ศึกษา กศน. หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ............ ปก ารศกึ ษา ........................ กศน.ตาํ บล.................... กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จังหวัดกาญจนบุรี 8 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี - ใหผเู รยี นไปศกึ ษาเร่ืองวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี จํานวน 1 เร่ือง จาก สอื่ ออนไลน หอ งสมุด หนงั สือ แหลง เรยี นรู ผูร ู ภมู ปิ ญ ญา 9 วิชา วิทยาศาสตร พว11001 ทองถ่นิ สรุปเปน รายงานนํามาเสนอใหเพื่อนฟง และครกู ับผเู รียน 1. สิ่งมีชีวิตและส่งิ แวดลอ ม สรุปเนื้อหาท่เี ชือ่ มโยงกับวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ในการพบกลมุ 2. ระบบนิเวศ ที่ กศน.ตําบล - ใหผ เู รียนไปศกึ ษาคน ควา วิทยาศาสตรของตนเอง จาก สือ่ ออนไลน หนงั สือ ผูรู สรุปเปน แผนพบั และแสดงบทบาทสมมตุ ใิ หเพ่ือนดู พรอมทัง้ ครูและผูเรียนสรปุ รว มกนั ในการพบกลุมที่ กศน.ตําบล วิชา วิทยาศาสตร พว11001 - ใหผ ูเ รียนศึกษาคนควา ลักษณะของส่ิงมีชีวติ จาก สื่อออนไลน หนงั สือ แหลงเรยี นรู สรุปเปน แผนผังความคิด และนาํ มานําเสนอให เพือ่ นฟง พรอมทั้งครูและผูเรียนสรุปรวมกันในการพบกลุมท่ี กศน. ตําบล - ใหผ ูเรยี นไปศกึ ษาคน ควา เกณฑในการจัดกลุมว่ิงมีชีวติ จาก สอื่ ออนไลน แหลง เรยี นรู ผูรู นาํ มาจัดนทิ รรศการ และครอู ธบิ าย เพิ่มเติมใหผ ูเ รยี นฟงในการพบกลมุ ท่ี กศน.ตาํ บล

ปฏิทนิ การเรยี นรูนักศกึ ษา กศน. หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ............ ปการศกึ ษา ........................ กศน.ตําบล.................... กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จังหวัดกาญจนบุรี 10 วิชา วิทยาศาสตร พว11001 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 1. ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ ม - ใหผเู รียนฝก ทกั ษะการอานจากสอ่ื ท่ีชืน่ ชอบจากหองสมุด แหลง 2. การอนรุ ักษท รัพยากรธรรมชาติ เรียนรู แลวใหเขียนสรปุ เปนชิน้ งาน เสนอหนาหองเรยี นในวนั พบ กลุมโดยครูและผูเรยี นรวมกนั สรปุ บทเรยี น พรอมใหบันทึกลงใน 11 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 - ใหผเู รยี นแสดงบทบาทสมมุติ เปนดาราท่ีชืน่ ชอบ และสรุปถงึ ขอดี 1. ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ ม ขอ เสีย ของการแตงกาย พรอมอบหมายใหผูเรียน นาํ เสนอ โดย 2. การอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติ จัดเปนบอรดความรู ในวันพบกลมุ โดยครูและผูเรียนรวมกันสรุป 12 วิชา วิทยาศาสตร พว11001 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 1. แรงและการเคล่อื นที่ของแรง - ใหผเู รียนแบงกลมุ ศึกษาคน ควา ถึงระบบนิเวศ จากอินเทอรเ น็ต 2. พลงั งานในชวี ิตประจาํ วนั จากแหลง เรียนรู นาํ มาสรปุ หนาชน้ั เรียนโดยครูและผเู รยี นรว มกนั สรปุ บทเรียน พรอ มใหบนั ทึกลงใน -. จัดสอนเสริมและคายวิชาการ ใหกับผูเรียนในรายวิชาทีย่ ากโดย เชญิ วิทยากร ผรู มู าใหความรูแกผเู รยี นใน กศน.ตําบล โดยครูและ ผูเรยี นรวมกนั สรปุ องคความรูทีไ่ ดร บั วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 - ใหผูเรยี นศึกษาวิธกี ารของแรงและการเคลอื่ นทีข่ องแรง จากผรู ู จากสอ่ื อินเทอรเ น็ต และบันทกึ การเรียนรลู งใน กรต. พรอมท้งั ครู นาํ ผเู รยี นเขารว มกิจกรรมการใชพ ลังงาน ครแู ละผเู รียนรว มกันสรุป ถึงผลการเขารว มกิจกรรมดงั กลาวและบันทึกลงในสมดุ - ใหผ เู รียนแบงกลุมนกั ศกึ ษาทาํ แผนภาพแสดงความคดิ เร่อื งสิทธิและ ประโยชนในการมีสว นรว มในดาราศาสตรพ รอมนาํ เสนอหนาชัน้ เรียน ครแู ละผูเรียนรว มกันสรุปรวมกนั

ปฏิทินการเรยี นรูนกั ศึกษา กศน. หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ............ ปก ารศึกษา ........................ กศน.ตําบล.................... กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จังหวดั กาญจนบุรี 13 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 วชิ า วิทยาศาสตร พว11001 1. แรงและการเคล่อื นที่ของแรง - ใหผ ูเรียนแบง กลมุ ศึกษาเร่ืองการใชพ ลังงานเชงิ อนรุ ักษ จากแหลง 2. พลังงานในชีวิตประจาํ วัน เรียนรู อินเทอรเน็ต และจดั เปน บอรด ความรูในหอ งเรียนครูและ ผเู รยี น รว มกนั สรปุ ถงึ สาเหตุการเกิดภยั พิบัติ บนั ทกึ ลงใน กรต. 14 วชิ า เศรษฐกิจพอเพียง ทช11001 - แนวคดิ หลกั การ ความหมาย ความสาํ คญั วชิ า เศรษฐกิจพอเพียง ทช11001 - ประกอบอาชพี อยา งพอเพยี ง ใหผูเรยี นไดด ูคลิป ในเรื่องเกี่ยวกับการเมือง การปกครอง และ - สรา งเครอื ขายดําเนินชวี ติ แบบพอเพียง บทบาทหนา ท่ีของประชาชนและใหผเู รียนสรปุ เปนรายงาน แผนพับ และนาํ มาใหเพื่อนฟงในการพบกลุม ท่ี กศน.ตําบล ครูสรปุ อีกครั้ง 15 วิชา เศรษฐกิจพอเพียง ทช11001 ขนบธรรมเนยี มประเพณวี ัฒนธรรม วชิ า เศรษฐกิจพอเพียง ทช11001 ใหผูเรียนไปศกึ ษา ความพอเพยี งที่ประชาชนควรรู และสทิ ธิหนา ท่ี ของตนเอง จาก สือ่ ออนไลน หนังสือ แลวใหสรุปเปน แผนผงั ความคดิ พรอมคาํ ศัพทภาษาอังกฤษทเี่ กี่ยวกับกฎหมายทปี่ ระชาชน ควรรูมา 5 คํา และอภปิ รายแลกเปล่ียนเรียนรู ใหเ พือ่ นฟง ครูและ ผูเรียนสรปุ พรอมกนั อีกครัง้ และใหผ เู รยี นทําเปนรายงาน จับใจความสาํ คัญ สง เพอื่ เปนคะแนนเกบ็

ปฏทิ นิ การเรยี นรูน กั ศกึ ษา กศน. หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ............ ปการศกึ ษา ........................ กศน.ตาํ บล.................... กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จังหวัดกาญจนบุรี 16 วิชา เศรษฐกิจพอเพียง ทช11001 วิชา เศรษฐกิจพอเพียง ทช11001 การดูแลรกั ษาสุขภาพดว ยการออกกาํ ลังกาย ใหผเู รยี นศกึ ษาแนวทางการทาํ อาชพี ทพี่ อเพียง จาก สอ่ื ออนไลน แหลง เรยี นรู หองสมดุ สรปุ ใจความสาํ คัญลงในกระดาษชารต และจัด บอรทความรู เพ่ือใหเพื่อนไดศกึ ษา และอธิบายใหเ พ่ือนฟงในการพบ กลุมท่ี กศน.ตาํ บล 17 สอบกลางภาคเรยี นที่ ………/…………. 18 สอบปลายภาคเรียนท่ี ............./............

แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู กศน. แบบบูรณาการ ตามรูปแบบ ONIE Model หนวยการเรยี นรูท ่ี 1 หวั เรอื่ ง แสวงหาความรสู กู ารคดิ เปน หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี 2 ปก ารศึกษา 2562 สํานักงานสง เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวดั กาญจนบุรี สาํ นกั งานสง เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ

คํานาํ ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเมืองกาญจนบุรีไดดําเนินการ จดั ทําแผนกจิ กรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หนวยการเรยี นรูท่ี 1 หัวเรื่อง แสวงหาความรูสกู ารคดิ เปน เพ่ือใหครูผูสอนใชเปนคูมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหกับผูเรียนไดเกิดการเรียนรูอยางมีคุณภาพตาม หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี 2 ปการศกึ ษา 2562 เอกสารประกอบการจัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หนวยการ เรียนรูที่ 1 หัวเรื่อง แสวงหาความรูสูการคิดเปน ประกอบดวยแผนผังการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบ ONIEModel แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ ใบความรู แบบประเมนิ การจัดกจิ กรรมการ เรยี นรู แนวตอบ และแบบบนั ทกึ หลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู การดําเนินการจดั ทําแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู กศน.แบบบูรณาการ หลกั สตู รการศกึ ษา นอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2562 ในคร้ังนี้ ประสบความสําเร็จไดดวยดี ตองขอขอบพระคุณ นายศักด์ิชัย นาคเอ่ียม ผูอํานวยการ กศน.อําเภอ เมืองกาญจนบุรี นางสาวชมพู จันทนะ ครูชํานาญการเปนอยางสูงที่เปนผูใหค ําปรึกษา ในการดําเนนิ การจดั ทํา แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หนวยการเรยี นรทู ่ี 1 หัวเร่ือง แสวงหาความรูสูการคิดเปน หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2562 มาโดยตลอด และขอขอบคุณบุคลากรสํานักงาน กศน.จังหวัดกาญจนบุรีท่ีขับเคลื่อนทําให การดําเนินการจัดทําแผนการเรยี นรูแ บบบรู ณาการบรรลตุ ามวตั ถุประสงค จดั ทําโดย กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี

สารบัญ หนา เรือ่ ง ก ข คํานาํ 1 สารบญั 3 8 แผนผงั การจดั หนว ยการเรยี นรู กศน.แบบบรู ณาการ 12 แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบรู ณาการตามรปู แบบ ONIE MODEL 19 20 ใบความรทู ี่ 1 25 ใบความรทู ี่ 2 30 ใบความรทู ่ี 3 35 ใบความรทู ี่ 4 36 แบบประเมนิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู 37 แนวตอบแบบประเมนิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู บันทกึ หลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู บรรณานุกรม คณะทาํ งาน

แผนผังหนวยการจัดกิจกรรมการเรยี นรู กศน. แบบบรู ณาการ หนวยการเรียนรูท่ี 1 หัวเรอ่ื ง แสวงหาความรูสกู ารคดิ เปน หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี 2 ปก ารศกึ ษา 2562 รายวิชา ทักษะการเรียนรู(ทร11001) รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู(ทร11001) หวั เรอ่ื ง2 การใชแหลง เรียนรู หวั เร่ือง3 การจดั การความรู เนื้อหา - ศึกษาเรยี นรูก ารใชอนิ เทอรเ น็ต การเขา ถึงขอมลู เนอ้ื หา สารสนเทศและศักยภาพการประกอบอาชีพโดยเนน ฝกทักษะกระบวนการจัดการเรยี นรู การแสวงหาการ - ศกั ยภาพของทรัพยากรธรรมชาตใิ นแตละพน้ื ท่ี ประยุกตใชความรู การแลกเปลีย่ นเรยี นรแู ละการพัฒนา - ศกั ยภาพของศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ชี วี ติ ของแตละ ขอบขายความรู พน้ื ที่ รายวชิ า ทักษะการเรียนรู(ทร หนว ยที่ 1 เนือ้ หาเสริม (ภาษาองั กฤษ) 11001) คําศัพทภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ หัวเรื่อง1 การเรยี นรูด ว ยตนเอง หวั เรือ่ ง“เรยี นรูงา ยไดด วยตัวเอง” กฎหมายทีป่ ระชาชนควรรู เนื้อหา สภาพปญ หา -Self-learning=การเรยี นรดู ว ย -ฝกทกั ษะพ้ืนฐานทางการศึกษา 1. เรียนดว ยตัวเองอยา งไรใหไดความรู ตนเอง 2. ไปเรียนที่ไหนไดบ าง - Using learning resources= แกป ญหา เทคนคิ ในการเรยี นรูดวย 3. ขาดความรกู ารใชส ิ่งรอบตัวใหเ กดิ การใชแ หลง เรยี นรู ประโยชน - Knowledge Management= ตนเอง ทักษาการวางแผน การ 4. การขาดความตระหนักรถู งึ ความสําคญั ของ การจดั การความรู แหลงเรยี นรู ประเมนิ ผลการเรียนรู การ สอนเสริม (เศรษฐกิจ พอเพียง ทช21001) วิเคราะหวิจารณ แนวคิด หลกั การ ความหมาย ความสาํ คญั

การกาํ หนดประเด็น/ปญ หา/สิ่งจาํ เปนทตี่ อ ง การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู เรยี นรู 1. ใหผเู รียนไดดคู ลปิ ในเร่อื งเก่ียวกบั การเรียนรดู ว ยตัวเอง 1. ผูเ รียนขาดความรแู ละประสบการณการเรยี นรู และใหผ ูเรียนสรปุ เปนรายงาน แผน พับ พรอ มนํามาใหเพื่อน ดว ยตัวเองใหไ ดความรู ฟง ในการพบกลุมท่ี กศน.ตําบล ครูสรุปอกี คร้งั เพ่ือใหผ เู รียน 2. ผูเ รยี นไมท ราบวา เรยี นรูดว ยตวั เองที่ไหนไดบาง ไดม คี วามคดิ ท่เี ปน การเรียนรูดว ยตวั เอง 3. ผเู รียนขาดความรเู กีย่ วกบั การเรียนรูใ นสงิ่ 2. ใหผ ูเรียนไปศกึ ษานอกสถานที่ พรอ มเรอื่ งราวท่ไี ดเรยี นมา รอบตวั เรา 5 เรื่องและอภิปรายแลกเปลยี่ นเรียนรู ใหเ พือ่ นฟง ครแู ละ 4. ผเู รยี นไมเห็นคณุ คา ในความสําคัญในแหลง ผูเรยี นสรปุ พรอมกนั อีกครั้ง และใหผเู รยี นทาํ เปนรายงาน จับ เรยี นรตู าง ๆ ใจความสาํ คญั สง เพ่อื เปน คะแนนเกบ็ 3. ใหผเู รยี นศึกษาแนวทางการเรียนรูใ นสิ่งรอบตวั เราและจัด บอรดความรู เพ่ือใหเ พื่อนไดศกึ ษา และอธิบายใหเพ่ือนฟงใน การพบกลุมท่ี กศน.ตาํ บล 4. ใหผูเรียนศึกษาคุณคาในความสําคัญในแหลงเรียนรูตาง ๆ จากสื่อออนไลน หนังสือผูรูและทําเปนรูปเลมรายงาน อภิปรายใหเพ่ือนฟงในการพบกลุมที่ กศน.ตําบลจัดทําตาราง เปรียบเทียบ ความเชื่อถือ แลวอภิปรายใหเพื่อนฟงในการพบ กลุม ที่ กศน.ตําบล

แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู กศน. ตามรปู แบบ ONIE MODEL หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 หัวเร่ือง แสวงหาความรสู ูก ารคดิ เปน หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ 2 ปก ารศกึ ษา 2562 ครง้ั วนั / ตวั ช้วี ดั เนื้อหาสาระ หัวเรือ่ ง ประเดน็ / กจิ กรรมการ หมาย ที่ เดอื น/ป การเรียนรู เรยี นรู เหตุ ปญ หา/ สงิ่ จําเปนท่ตี อ ง เรยี นรู 1. บอก วชิ าทักษะ หนว ยท่ี 1 ผู เ รี ย น ข า ด การจดั กจิ กรรม ความหมาย การเรยี นรู แสวงหา ค ว า ม รู แ ล ะ การเรียนรู ตระหนกั รหัสวชิ า ทร ความรูส ู ประส บการ ณ ข้นั ท่ี 1 กําหนด และเห็น 11001 การคดิ เปน การเรียนรูดวย สภาพปญ หาการ ความสาํ คญั หวั เรอ่ื ง1. 1. ตั ว เ อ ง ใ ห ไ ด เรียนรู ของการ การเรยี นรู ความหมาย ความรู 1. ใหผ ูเ รียนไดดู เรียนรดู วย ดว ยตนเอง ตระหนัก คลิป ในเรอื่ ง ตนเอง และเห็น เกย่ี วกับการ ความสําคัญ เรียนรูดว ยตัวเอง ของการ และใหผูเ รยี น เรียนรูด ว ย สรุปเปน รายงาน ตนเอง แผน พับ พรอม นาํ มาใหเพ่ือนฟง ในการพบกลมุ ท่ี กศน.ตาํ บล ครู สรุปอกี ครง้ั เพ่อื ใหผเู รียนไดมี ความคดิ ทเี่ ปน การเรยี นรูด ว ย ตัวเอง

ครง้ั วนั / ตัวชว้ี ัด เน้ือหาสาระ หัวเรื่อง ประเด็น/ กิจกรรมการ หมาย เรยี นรู เหตุ ที่ เดอื น/ป การเรียนรู ปญ หา/ สิ่งจําเปนทต่ี อ ง เรยี นรู 2. อธิบาย วิชาทกั ษะ 2.การใช ผูเรยี นไมท ราบ ขั้นที่ 2 แสวงหา ความหมาย การเรียนรู แหลง ความสําคัญ รหัสวชิ า ทร เรยี นรู วา เรียนรูด วย ขอ มูลและการจัด ของการใช 11001 ตวั เองที่ไหนได กจิ กรรมการ หองสมดุ หัวเรอ่ื ง2. บาง เรียนรู อาํ เภอ การใชแ หลง กจิ กรรมที่ 2 เรียนรู ใหผ เู รียนไปศึกษา นอกสถานที่ พรอ มเรอ่ื งราวท่ี ไดเรยี นมา 5 เรอ่ื ง และ อภปิ ราย แลกเปล่ยี นเรยี นรู ใหเ พอื่ นฟง ครู และผูเรยี นสรุป พรอ มกันอกี ครั้ง และใหผเู รยี นทํา เปน รายงาน จับ ใจความสําคัญ สง เพอื่ เปนคะแนน เกบ็

ใบความรูท่ี 1 ใบความรู เร่ืองที่ 1 ความหมายและความสาํ คัญของการเรยี นรูด วยตนเอง ในปจจุบันโลกมีความกาวหนาทางดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีความรูตางๆไดเพ่ิมข้ึนเปนอันมาก การเรยี นรูจากสถาบันการศึกษาไมอ าจทําใหบคุ คลศึกษาความรูไดค รบทง้ั หมดการไขวค วาหาความรูดวยตนเอง จึงเปนอีกวิธีหน่ึงท่ีจะสนองความตองการของบุคคลไดเพราะเมื่อใดก็ตามที่บุคคลมีใจรักที่จะศึกษาคนควาส่ิงที่ ตนตองการจะรูบุคคลนั้นก็จะดําเนินการศึกษาเรียนรูอยางตอเนื่องโดยไมมีใครตองบอกประกอบกับระบบ การศึกษาและปรัชญาการศึกษาเพ่ือเตรียมคนใหสามารถเรียนรูไดตลอดชีวิตแสวงหาความรูดวยตนเองใฝหา ความรูรแู หลงทรัพยากรการเรียนรูวิธกี ารหาความรูมคี วามสามารถในการคิดเปนทําเปนแกปญหาเปนมีนิสัยใน การทํางานและการดํารงชีวติ และมีสว นรวมในการปกครองประเทศ การเรยี นรูด ว ยตนเองสามารถชวยใหผเู รยี นพฒั นาและเพ่ิมศักยภาพของตนเองโดยการคน พบความสามารถ และสงิ่ ที่มีคุณคาในตนเองที่เคยมองขา มไป (“...it is possible to help learners expand their potential by discovered thatwhich is yet untapped…”) (Brockett & Hiemstra, 1991) ความหมายและความสําคญั ของการเรียนรูดว ยตนเอง การเรียนรูเปนเรื่องของทุกคนศักดิ์ศรีของผูเรียนจะมีไดเม่ือมีโอกาสในการเลือกเรียนในเร่ืองท่ี หลากหลายและมีความหมายแกตนเองการเรียนรูมีองคประกอบ 2 ดานคือองคประกอบภายนอกไดแก สภาพแวดลอมโรงเรียนสถานศึกษาสิ่งอํานวยความสะดวกและครูองคประกอบภายในไดแกการคิดเปน พ่ึงตนเองไดมีอิสรภาพใฝรู ใฝสรางสรรคมีความคิดเชิงเหตุผลมีจิตสํานึกในการเรียนรูมีเจตคติเชิงบวกตอการ เรียนรูการเรียนรูท่ีเกิดข้ึนมิไดเกิดข้ึนจากการฟงคําบรรยายหรือทําตามที่ครูผูสอนบอกแตอาจเกิดขึ้นไดใน สถานการณต างๆตอไปนี้ 1. การเรียนรูโดยบังเอญิ การเรียนรูแบบน้เี กิดข้นึ โดยบังเอิญมิไดเ กดิ จากความต้งั ใจ 2. การเรียนรูดวยตนเองเปนการเรียนรูดวยความต้ังใจของผูเรียนซึ่งมีความปรารถนาจะรูในเร่ืองน้ัน ผูเรียนจึงคิดหาวิธีการเรียนดวยวิธีการตางๆหลังจากน้ันจะมีการประเมินผลการเรียนรูดวยตนเองจะเปน รปู แบบการเรียนรูท่ีทวีความสําคัญในโลกยุคโลกาภิวัฒนบุคคลซึ่งสามารถปรับตนเองใหตามทันความกาวหนา ของโลกโดยใชส่ืออปุ กรณยุคใหมไดจ ะทําใหเ ปนคนที่มีคุณคา และประสบความสาํ เร็จไดอยางดี ความพรอ มในการเรยี นรดู ว ยตนเอง ในการเรียนรูดวยตนเองเปนบุคลิกลักษณะสวนบุคคลของผูเรียนท่ีตองการใหเกิดข้ึนในตัวผูเรียนตาม เปาหมายของการศึกษาผูเรียนที่มีความพรอมในการเรียนดวยตนเองจะมีความรับผิดชอบสวนบุคคลความ

รับผิดชอบตอ ความคิดและการกระทําของตนเองสามารถควบคุมและโตตอบสถานการณส ามารถควบคุมตนเอง ใหเ ปน ไปในทิศทางทีต่ นเลือกโดยยอมรับผลทีเ่ กิดข้ึนจากการกระทาํ ที่มาจากความคิดตดั สนิ ใจของตนเอง 3. การเรียนรูโดยกลุมการเรียนรูแบบนี้เกิดจากการที่ผูเรียนรวมกลุมกันแลวเชิญผูทรงคุณวุฒิมา บรรยายใหกับสมาชกิ ทําใหสมาชกิ มคี วามรเู ร่อื งท่วี ิทยากรพดู 4. การเรียนรูจากสถาบันการศึกษาเปนการเรียนแบบเปนทางการมีหลักสูตรการประเมินผลมี ระเบียบการเขาศึกษาทีชัดเจนผูเรียนตองปฏิบัติตามกฎระเบียบทีกําหนดเมื่อปฏิบัติครบถวนตามเกณฑท่ี กําหนดก็จะไดรับปริญญาหรือประกาศนียบัตรจากสถานการณการเรียนรูดังกลาวจะเห็นไดวาการเรียนรูอาจ เกิดไดหลายวิธีและการเรยี นรูนน้ั ไมจ ําเปนตอ งเกิดข้ึนในสถาบนั การศึกษาเสมอไปการเรียนรอู าจเกิดข้ึนไดจาก การเรียนรูดวยตนเองหรือจากการเรียนโดยกลุมก็ไดและการท่ีบุคคลมีความตระหนักเรียนรูอยภู ายในจิตสํานึก ของบุคคลนั้นการเรียนรูดวยตนเองจึงเปนตัวอยางของการเรียนรูในลักษณะที่เปนการเรียนรูท่ีทําใหเกิดการ เรยี นรตู ลอดชวี ิตซง่ึ มคี วามสําคัญสอดคลองกบั กาเปลีย่ นแปลงของโลกปจ จุบนั และสนบั สนนุ สภาพ “สังคมแหง การเรียนรู” ไดเ ปน อยา งดี การเรยี นรดู วยตนเองคืออะไร เม่ือกลาวถึงการเรียนดวยตนเองแลวบุคคลโดยท่ัวไปมักจะเขา ใจวาเปนการเรียนที่ผูเรียนทาํ การศกึ ษา คนควาดวยตนเองตามลําพังโดยไมตองพ่ึงพาผูสอนแตแทท่ีจริงแลวการเรียนดวยตนเองท่ีตองการใหเกิดขึ้นใน ตัวผูเรียนน้นั เปนกระบวนการเรียนรูที่ผูเรยี นริเร่มิ การเรียนรูดวยตนเองตามความสนใจความตองการและความ ถนัดมีเปาหมายรูจักแสวงหาแหลงทรัพยากรของการเรียนรูเลือกวิธีการเรียนรจู นถงึ การประเมินความกาวหนา ของการเรียนรูของตนเองโดยจะดําเนินการดวยตนเองหรอื รวมมือชว ยเหลอื กบั ผูอ่นื หรือไมก็ไดซ ึ่งผูเรียนจะตอง มีความรับผิดชอบและเปนผูควบคุมการเรียนของตนเองท้ังน้ีการเรียนดวยตนเองน้ันมีแนวคิดพื้นฐานมาจาก แนวคิดทฤษฎีกลุมมนุษยนิยมท่ีมีความเชื่อในเรื่องความเปนอิสระและความเปนตัวของตัวเองของมนุษยวา มนุษยทุกคนเกิดมาพรอมกับความดีมีความเปนอิสระเปนตัวของตัวเองสามารถหาทางเลือกของตนเองมี ศักยภาพและสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองไดอยางไมมีขีดจํากัดรวมทั้งมีความรับผิดชอบตอตนเองและ ผอู ่ืนซึ่งการเรยี นดวยตนเองกอใหเกิดผลในทางบวกตอการเรียนโดยจะสงผลใหผูเรียนมีความเช่ือม่ันในตนเองมี แรงจงู ใจในการเรียนมากขึน้ มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงข้ึนและมีการใชวิธีการเรียนที่หลากหลายการเรียนดวยตนเองจึงเปนมาตรฐาน การศึกษาท่ีควรสงเสริมใหเกิดขึ้นในตัวผูเรียนทุกคนเพราะเมื่อใดก็ตามที่ผูเรียนมีใจรักท่ีจะศึกษาคนควาจาก ความตอ งการของตนเองผูเรียนก็จะมกี ารศกึ ษาคนควาอยางตอเนื่องตอไปโดยไมตองมีใครบอกหรือ“การเรียนรู เปน เพอื่ นทดี่ ีทีส่ ุดของมนษุ ย”(LEARNING makes a man fit company for himself) ... (Young)... การเรียนดวยตนเองมีอยู 2 ลักษณะคือลักษณะท่ีเปนการจัดการเรียนรูที้มี่จุดเนนใหผูเรียนเปน ศูนยกลางในการเรียนโดยเปนผูรับผิดชอบและควบคุมการเรียนของตนเองโดยการวางแผนปฏิบัติการเรียนรู และประเมินการเรียนรูดวยตนเองซ่ึงไมจําเปนจะตองเรียนดวยตนเองเพียงคนเดียวตามลําพังและผูเรียน สามารถถายโอนการเรียนรูและทักษะที่ไดจากสถานการณหน่ึงไปยังอีกสถานการณหนึ่งไดในอีกลักษณะหนึ่ง

เปนลักษณะทางบุคลิกภาพที่มีอยูในตัวผูท่ีเรียนดวยตนเองทุกคนซึ่งมีอยูในระดับที่ไมเทากันในแตละ สถานการณการเรียนโดยเปนลักษณะท่สี ามารถพัฒนาใหสูงข้ึนไดแ ละจะพัฒนาไดสูงสุดเม่ือมีการจัดสภาพการ จัดการเรยี นรูท ีเ่ ออื้ กัน การเรยี นรูดวยตนเองมคี วามสาํ คญั อยางไร การเรียนรูดวยตนเอง (Self-Directed Learning) เปนแนวทางการเรียนรูหนึ่งท่ีสอดคลองกับการ เปล่ียนแปลงของสภาพปจจุบันและเปนแนวคิดท่ีสนับสนุนการเรียนรูตลอดชีวิตของสมาชิกในสังคมสูการเปน สังคมแหงการเรียนรูโดยการเรียนรูดวยตนเองเปนการเรียนรูที่ทําใหบุคคลมีการริเร่ิมการเรียนรูดวยตนเองมี เปาหมายในการเรียนรูท่ีแนนอนมีความรับผิดชอบในชีวิตของตนเองไมพึ่งคนอ่ืนมีแรงจูงใจทําใหผูเรียนเปน บุคคลที่ใฝรูใฝเรียนท่ีมีการเรียนรูตลอดชีวิตเรียนรูวิธีเรียนสามารถเรียนรูเรื่องราวตางๆไดมากกวาการเรยี นท่ีมี ครูปอนความรูใหเพียงอยางเดียวการเรียนรูดวยตนเองไดนับวาเปนคุณลักษณะท่ีดีที่สุดซึ่งมีอยูในตัวบุคคลทุก คนผูเรยี นควรจะมีคุณลักษณะของการเรียนรูดวยตนเองการเรียนรูดวยตนเองจัดเปนกระบวนการเรียนรูตลอด ชีวติ ยอมรบั ในศักยภาพของผูเ รียนวา ผเู รียนทุกคนมีความสามารถทจี่ ะเรยี นรูสิ่งตางๆไดดว ยตนเองเพอื่ ที่ตนเอง สามารถท่ีดํารงชีวิตอยูในสงั คมทม่ี ีการเปลยี่ นแปลงอยูต ลอดเวลาไดอยางมคี วามสุขดงั นน้ั การเรียนรดู วยตนเอง มีความสาํ คัญดงั นี้ 1. บุคคลที่เรียนรูดวยการริเริ่มของตนเองจะเรียนไดมากกวาดีกวามีความต้ังใจมีจุดมุงหมายและมี แรงจูงใจสูงกวาสามารถนําประโยชนจากการเรียนรูไปใชไดดีกวาและยาวนานกวาคนท่ีเรียนโดยเปนเพียงผูรับ หรือรอการถา ยทอดจากครู การเรียนดว ยตนเอง(Self-Directed Learning) เปน กระบวนการเรยี นรูท่ีผเู รียนริเร่ิมการเรยี นรูดวยตนเองตาม ความสนใจความตองการและความถนัดมีเปาหมายรูจักแสวงหาแหลงทรัพยากรของการเรียนรูเลือกวิธีการ เรียนรูจนถึงการประเมินความกาวหนาของการเรียนรูของตนเองโดยจะดําเนินการดวยตนเองหรือรวมมือ ชว ยเหลอื กบั ผูอนื่ หรือไมก็ไดซึ่งผูเ รยี นจะตอ งมคี วามรับผิดชอบและเปนผูควบคมุ การเรียนของตนเอง 2. การเรียนรูดวยตนเองสอดคลองกับพัฒนาการทางจิตวิทยาและกระบวนการทางธรรมชาติทําให บุคคลมีทิศทางของการบรรลุวุฒิภาวะจากลักษณะหน่ึงไปสูอีกลักษณะหนึ่งคือเม่ือตอนเด็กๆเปนธรรมชาติที่ จะตองพ่ึงพิงผูอื่นตองการผูปกครองปกปองเลี้ยงดูและตัดสินใจแทนใหเมื่อเติบโตมีพัฒนาการข้ึนเรื่อยๆพัฒนา ตนเองไปสูความเปนอิสระไมตองพึ่งพิงผปู กครองครูและผูอ่ืนการพัฒนาเปนไปในสภาพที่เพ่ิมความเปนตัวของ ตัวเอง 3. การเรียนรูดว ยตนเองทําใหผูเรียนมีความรับผิดชอบซึ่งเปน ลักษณะที่สอดคลองกับพัฒนาการใหมๆ ทางการศึกษาเชนหลักสูตรหองเรียนแบบเปดศูนยบริการวิชาการการศึกษาอยางอิสระมหาวิทยาลัยเปดลวน เนน ใหผูเ รยี นรับผดิ ชอบการเรียนรเู อง 4. การเรียนรูดวยตนเองทําใหมนุษยอยูรอดการมีความเปลี่ยนแปลงใหมๆเกิดขึ้นเสมอทําใหมีความ จําเปนทีจ่ ะตองศกึ ษาเรยี นรกู ารเรยี นรดู ว ยตนเองจงึ เปน กระบวนการตอเน่ืองตลอดชวี ิต

การเรียนรูดว ยตนเองมีลกั ษณะอยางไร การเรยี นรดู ว ยตนเองสามารถจาํ แนกออกเปน 2 ลกั ษณะสําคญั ดงั น้ี 1. ลักษณะท่ีเปนบุคลิกคุณลักษณะสวนบุคคลของผูเรียนในการเรียนดวยตนเองจัดเปนองคประกอบ ภายในท่ีจะทําใหผูเรียนมีแรงจูงใจอยากเรยี นตอไปโดยผูเรียนท่ีมีคุณลักษณะในการเรียนดวยตนเองจะมีความ รับผิดชอบตอความคิดและการกระทําเก่ียวกับการเรียนรวมทั้งรับผิดชอบในการบริหารจัดการตนเองซ่ึงมี โอกาสเกดิ ข้ึนไดสูงสุดเมือ่ มกี ารจัดสภาพการเรียนรทู ่สี งเสรมิ กัน 2. ลักษณะที่เปนการจัดการเรียนรูใหผูเรียนไดเรียนดวยตนเองประกอบดวยข้ันตอนการวางแผนการ เรียนการปฏิบัติตามแผนและการประเมินผลการเรียนจัดเปนองคประกอบภายนอกท่ีสงผลตอการเรียนดวย ตนเองของผูเรียนซ่ึงการจัดการเรียนรูแบบนี้ผูเรียนจะไดประโยชนจากการเรียนมากท่ีสุด Knowles (1975) เสนอใหใชสัญญาการเรียน (Learning contracts) เปนการมอบหมายภาระงานใหแกผูเรียนวาจะตองทํา อะไรบา งเพ่ือใหไ ดรบั ความรูตามเปาประสงคและผูเรียนจะปฏบิ ตั ติ ามเงื่อนไขนน้ั องคป ระกอบของการเรยี นรูดวยตนเองมีอะไรบาง การเรียนรดู วยตนเองเปน คณุ ลกั ษณะท่สี าํ คัญตอการดาํ เนินชวี ิตทีม่ ีประสทิ ธิภาพชวยใหผ ูเรยี นมคี วาม ตั้งใจและมีแรงจงู ใจสูงมีความคิดริเรมิ่ สรางสรรคมีความยืดหยุนมากขึ้นมีการปรับพฤติกรรมการทํางานรวมกับ ผูอนื่ ไดรจู กั เหตุผลรจู ักคิดวิเคราะหปรับและประยุกตใ ชว ิธีการแกปญหาของตนเองจัดการกบั ปญ หาไดด ีขน้ึ และ สามารถนําประโยชนของการเรยี นรไู ปใชไดดีและยาวนานข้ึนทาํ ใหผ ูเรยี นประสบความสําเรจ็ ในการเรยี น องคป ระกอบของการเรยี นรดู วยตนเองมดี ังน้ี 1. การวิเคราะหความตองการของตนเองจะเริ่มจากใหผูเรียนแตละคนบอกความตองการและความ สนใจของตนในการเรียนกับเพื่อนอีกคนทําหนาที่เปนท่ีปรึกษาแนะนําและเพื่อนอีกคนทําหนาท่ีจดบันทึกและ ใหกระทําเชนนี้หมุนเวียนทั้ง 3 คนแสดงบทบาทครบทั้ง 3 ดานคือผูเสนอความตองการผูใหคําปรึกษาและผู คอยจดบนั ทกึ การสงั เกตการณเพ่ือประโยชนใ นการเรยี นรวมกนั และชวยเหลอื ซงึ่ กันและกันในทุกๆดา น 2. การกําหนดจุดมุงหมายในการเรียนโดยเริ่มจากบทบาทของผูเรียนเปนสําคัญผูเรียนควรศึกษา จุดมุงหมายของวิชาแลวเขียนจุดมุงหมายในการเรียนของตนใหชัดเจนเนนพฤติกรรมท่ีคาดหวังวัดไดมีความ แตกตา งของจุดมุงหมายในแตละระดบั 3. การวางแผนการเรียนใหผูเรียนกําหนดแนวทางการเรียนตามวัตถุประสงคท่ีระบุไวจัดเนื้อหาให เหมาะสมกับสภาพความตองการและความสนใจของตนระบกุ ารจัดการเรียนรใู หเหมาะสมกบั ตนเองมากทส่ี ุด 4. การแสวงหาแหลง วทิ ยาการทั้งท่ีเปน วัสดแุ ละบุคคล 4.1 แหลงวิทยาการทเ่ี ปน ประโยชนใ นการศึกษาคนควา เชนหองสมดุ พิพธิ ภัณฑเ ปน ตน 4.2 ทักษะตางๆที่มีสวนชว ยในการแสวงแหลงวทิ ยาการไดอ ยางสะดวกรวดเรว็ เชน ทกั ษะการตั้ง คําถามทักษะการอานเปน ตน 5. การประเมินผลควรประเมนิ ผลการเรยี นดวยตนเองตามที่กําหนดจุดมงุ หมายของการเรียนไวและให สอดคลองกบั วตั ถปุ ระสงคเก่ียวกบั ความรคู วามเขาใจทักษะทัศนคตคิ านิยมมขี นั้ ตอนในการประเมนิ คือ

5.1 กาํ หนดเปา หมายวัตถุประสงคใ หชดั เจน 5.2 ดาํ เนนิ การใหบรรลวุ ตั ถุประสงคซงึ่ เปนส่ิงสาํ คัญ 5.3 รวบรวมหลักฐานจากผลการประเมินเพ่ือตัดสนิ ใจซ่งึ ตอ งตัง้ อยูบนพ้นื ฐานของขอมูลทีส่ มบรู ณ และเช่ือถือได 5.4 เปรยี บเทียบขอมูลกอ นเรียนกับหลงั เรียนเพ่ือดูวา ผเู รยี นมคี วามกาวหนา เพียงใด 5.5 ใชแหลง ขอมลู จากครูและผเู รยี นเปนหลกั ในการประเมนิ องคประกอบของการเรียนรูดวยตนเองผูเรียนควรมีการวิเคราะหความตองการวิเคราะหเนื้อหากําหนด จุดมุงหมายและการวางแผนในการเรียนมีความสามารถในการแสวงหาแหลงวิทยาการและมีวิธีในการ ประเมินผลการเรียนรูดวยตนเองโดยมีเพื่อนเปนผูรวมเรียนรูไปพรอมกันและมีครูเปนผูชี้แนะอํานวยความ สะดวกและใหคําปรึกษาทั้งนี้ครูอาจตองมีการวิเคราะหความพรอมหรือทักษะท่ีจําเปนของผูเรียนในการกาวสู การเปน ผเู รียนรูดวยตนเองได กระบวนการของการเรยี นรดู วยตนเอง กระบวนการของการเรียนรูดวยตนเองความรับผิดชอบในการเรียนรูดวยตนเองของผูเรียนเปนสิ่ง สาํ คัญที่จะนําผูเรียนไปสูการเรยี นรูดวยตนเองเพราะความรับผดิ ชอบในการเรียนรดู วยตนเองนั้นหมายถึงการท่ี ผูเรียนควบคุมเน้ือหากระบวนการองคประกอบของสภาพแวดลอมในการเรียนรูของตนเองไดแกการวาง แผนการเรียนของตนเองโดยอาศยั แหลงทรัพยากรทางความรูตางๆท่ีจะชวยนําแผนสกู ารปฏิบตั แิ ตภ ายใตความ รับผิดชอบของผูเรียนผูเรียนรูดวยตนเองตองเตรียมการวางแผนการเรียนรูของตนและเลือกส่ิงที่จะเรียนจาก ทางเลือกท่ีกําหนดไวรวมท้ังวางโครงสรางของแผนการเรียนรูของตนอีกดวยในการวางแผนการเรียนรูผูเรียน ตอ งสามารถปฏิบัติงานท่ีกําหนดวนิ ิจฉัยความชวยเหลือที่ตองการและทําใหไดค วามชวยเหลือนั้นสามารถเลือก แหลงความรูวิเคราะหและวางแผนการการเรียนทั้งหมดรวมท้ังประเมินความกาวหนาในการเรียนของตน กระบวนการในการเรียนรูดวยตนเองเปนวิธีการที่ผูเรียนตองจัดกระบวนการเรียนรูดวยตนเองโดยดําเนินการ ดังน้ี 1. การวนิ ิจฉัยความตองการในการเรียน 2. การกําหนดจดุ มุงหมายในการเรียน 3. การออกแบบแผนการเรยี น 4. การดาํ เนนิ การเรียนรูจากแหลง วทิ ยาการ 5. การประเมินผล

ใบงานท่ี 1 การแสวงหาความรูด ว ยตนเอง ความหมายและความสําคัญของการแสวงหาความรูดวยตนเอง 1ใหอ ธิบายความหมายของคําวา “การแสวงหาความรดู วยตนเอง” ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 2ใหอธิบาย “ความสาํ คัญของการเรียนรูดวยตนเอง” ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 3ใหสรุปสาระสาํ คัญ “ลกั ษณะการเรียนรดู ว ยตนเอง” ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 4. “องคป ระกอบของการเรียนรูดวยตนเอง” มีอะไรบาง ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ผตู รวจ.......................................................... (...............................................................) ครกู ศน.ตําบล

ใบความรเู รื่องท่ี 2 การทําสัญญาการเรยี นรู กระบวนการเรียนรูดวยตนเองประกอบดว ยข้นั ตอนวินิจฉยั ความตอ งการในการเรียนรูของผเู รียน กาํ หนดจุดมุง หมายในการเรยี นวางแผนการเรยี นโดยใชส ัญญาการเรียนเขยี นโครงการเรียนรูดาํ เนินการเรยี นรู และประเมินผลการเรียนรนู น้ั ผูเ รียนจะไดป ระโยชนจากการเรียนมากท่ีสดุ “สญั ญาการเรียน (Learning Contract)” เปนการมอบหมายภาระงานใหกับผูเรียนวา จะตอ งทาํ อะไรบางเพอ่ื ใหไ ดร บั ความรตู าม เปา ประสงคและผเู รยี นจะปฏิบตั ติ ามเง่ือนไขน้นั สัญญาการเรยี น (Learning Contract) คาํ วาสัญญาโดยท่วั ไปหมายถึงขอ ตกลงระหวางบุคคล 2 ฝา ยหรอื หลายฝายวาจะทําการหรือ งดเวน กระทําการอยางใดอยา งหน่งึ ความจรงิ นั้นในระบบการจัดการเรียนรูกม็ ีการทําสญั ญากนั ระหวา งครกู บั ผเู รียนแตสวนมากไมไดเปน ลายลักษณอกั ษรวาถาผเู รยี นทําไดอยางนั้นแลวผูเรียนจะไดร ับอะไรบา งตาม ขอ ตกลง สญั ญาการเรียนจะเปน เครื่องมอื ทชี่ ว ยใหผเู รียนสามารถกําหนดแนวการเรียนของตัวเองไดด ียิ่งข้นึ ทําใหประสบผลสําเร็จตามจุดมงุ หมายและเปน เครื่องยนื ยนั ที่เปน รปู ธรรม ทา นคงแปลกใจทไ่ี ดยนิ คาํ วา “สญั ญา” เพราะคําน้ีเปนคาํ ท่ีคนุ หกู ันดีอยแู ตไมแนใ จวา ทานเคยไดยนิ คําวา “สัญญาการเรียน” หรอื ยังคําวา สญั ญาการเรยี นมีผูเรม่ิ ใชเปน คนแรกคือ Dr. M.S. Knowles ศาสตราจารยสอนวชิ าการศึกษาผใู หญ มหาวทิ ยาลัย North Carolina State ในสหรัฐอเมรกิ า 24 คําวาสัญญาแปลตามพจนานกุ รมฉบับ ราชบณั ฑิตยสถานแปลวา “ขอตกลงกัน” ดังนั้น สญั ญาการเรยี นก็คอื ขอ ตกลงท่ีผูเ รียนไดทาํ ไวก บั ครวู าเขาจะปฏิบตั อิ ยางไรบา งในกระบวนการเรียนรูเพ่ือให บรรลุ จดุ มุงหมายของหลักสตู รน่ันเอง สญั ญาการเรยี นเปนรปู แบบของการเรียนรูทแี่ สดงหลกั ฐานของการเรยี นรโู ดยใชแฟมสะสมผลงาน หรือ Portfolio 1. แนวคดิ การจดั การเรยี นรใู นระบบเปนการเรียนรทู ่ีครูเปน ผูก ําหนดรูปแบบเน้ือหากจิ กรรมเปน สว นใหญผูเรียนเปน แตเ พยี งผูปฏิบัติตามไมไดม โี อกาสในการมีสวนรวมในการวางแผนการเรยี นนักการศึกษาท้งั ในตะวนั ตกและแอฟริกามองเหน็ วา ระบบการศึกษาแบบนเี้ ปน ระบบการศึกษาของพวกจักรพรรดนิ ยิ มหรือเปน การศกึ ษาของพวกชนช้นั สูงบางเปน ระบบการศึกษาของผูถูกกดขี่บางสรปุ แลวกค็ ือระบบการศึกษาแบบนี้ไมได ฝกคนใหเปนตัวของตัวเองไมไ ดฝกใหคนรจู กั พึ่งตนเองจึงมผี ูพยายามท่ีจะเปล่ยี นแนวคิดทางการศึกษาใหม อยางเชน ระบบการศึกษาทเ่ี นนการฝก ใหค นไดร ูจ กั พง่ึ ตนเองในประเทศแทนซาเนียการศึกษาท่ีใหค นคดิ เปน ใน ประเทศไทยเราเหลา น้เี ปนตนรปู แบบของการศึกษาในอนาคตควรจะมุงไปสตู วั ผูเรียนมากกวา ตวั ผสู อน เพราะวาในโลกปจ จบุ ันวิทยาการใหมๆ ไดเ จริญกาวหนา ไปอยางรวดเรว็ มีหลายสง่ิ หลายอยา งท่ีมนุษยจะตอ ง เรยี นรถู าจะใหแตมาคอยบอกกนั คงทําไมไดด งั นั้นในการเรียนจะตอ งมกี ารฝกฝนใหคดิ ใหร ูจักการหาวิธกี ารท่ีได ศึกษาสง่ิ ที่คนตองการกลาวงา ยๆกค็ ือผเู รียนทไ่ี ดร ับการศึกษาแบบทีเ่ รียกวา เรียนรเู พ่ือการเรยี นในอนาคต

2. ทําไมจะตองมีการทําสัญญาการเรียน ผลจากการวจิ ัยเกย่ี วกับการเรียนรูของผูใหญพ บวา ผใู หญ จะเรียนไดดีทีส่ ดุ ก็ตอเม่ือการเรยี นรูดว ยตนเองไมใชการบอกหรอื การสอนแบบที่เปน โรงเรียนและผลจากการ วิจยั ทางดานจติ วิทยายงั พบอีกวา ผใู หญม ีลกั ษณะท่ีเดน ชัดในเรือ่ งความตองการทจี่ ะทาํ อะไรดว ยตนเองโดยไม ตอ งมีการสอนหรือการชีแ้ นะ มากนักอยางไรก็ดีเม่ือพูดถึงระบบการศกึ ษาก็ยอมจะตองมีการกลาวถงึ คุณภาพของบุคคลทเ่ี ขามาอยูใ นระบบ การศึกษาจึงมีความจาํ เปน ที่จะตองกาํ หนดกฎเกณฑข้นึ มาเพื่อเปน มาตรฐานดังน้นั ถงึ แมจะใหผ ูเ รยี นเรียนรดู ว ย ตนเองก็ตามกจ็ าํ เปน จะตองสรางมาตรการขึ้นมาเพื่อการควบคมุ คุณภาพของผเู รยี นเพื่อใหมมี าตรฐานตามที่ สังคมยอมรับ เหตนุ ้สี ญั ญาการเรียนจงึ เขามามบี ทบาทในการเรียนการสอนเปนการวางแผนการเรยี นที่เปนระบบขอดีของ สญั ญา-การเรียนคือเปนการประสานความคิดทวี่ าการเรยี นรูควรใหผเู รยี นกําหนดและการศึกษาจะตองมเี กณฑ มาตรฐานเขา ดว ยกันเพราะในสญั ญาการเรียนจะบงระบวุ า ผูเรยี นตอ งการเรียนเรื่องอะไรและจะวดั วาไดบรรลุ ตามความมุงหมายแลว น้นั หรือไมอยางไรมหี ลกั ฐานการเรยี นรอู ะไรบา งท่บี งบอกวา ผเู รียนมีผลการเรยี นรู อยา งไร 3. การเขียนสญั ญาการเรียน การเรียนรดู ว ยตนเองซึ่งเริ่มจากการจัดทาํ สัญญาการเรยี นจะมีลําดับ การดําเนินการดงั น้ี ข้นั ที่ 1 แจกหลักสตู รใหกับผเู รยี นในหลกั สูตรจะตองระบุ จดุ ประสงคข องรายวชิ านี้ รายชื่อหนังสอื อา งองิ หรือหนังสือสาํ หรบั ท่ีจะศกึ ษาคน ควา หนวยการเรยี นยอยพรอมรายชื่อหนังสอื อางอิง ครอู ธิบายและทําความเขาใจกับผูเรียนในเร่ืองหลักสูตรจุดมุงหมายและหนว ยการเรยี น ยอย ข้นั ที่ 2 แจกแบบฟอรมของสญั ญาการเรียน จุดมุงหมาย แหลงวิทยาการ/วธิ กี าร หลักฐาน การประเมินผล เปน สว นที่ระบวุ า ผูเรยี น เปน สวนทรี่ ะบวุ าผเู รยี น เปนสว นท่มี ีสิ่งอางอิง เปนสว นทีร่ ะบุวา ผูเรยี น ตอ งการบรรลุผลสําเร็จ จะเรยี นรูไดอยา งไร หรอื ยนื ยนั ทเี่ ปน สามารถเกดิ การเรยี นรู ในเรื่องอะไร อยา งไร จากแหลง ความรใู ด รูปธรรมทแ่ี สดงใหเ ห็น ในระดบั ใด วา ผูเ รยี นไดเกิดการ เรยี นรูแ ลว โดยเกบ็ รวบรวมเปน แฟม สะสมงาน

ขั้นท่ี 3 อธิบายวิธกี ารเขยี นขอตกลงในแบบฟอรม แตละชองโดยเรม่ิ จาก จุดมงุ หมาย วธิ กี ารเรยี นรหู รอื แหลง วทิ ยาการ หลกั ฐาน การประเมนิ ผล ขั้นท่ี 4 ถามปญหาและขอสงสัย ขนั้ ท่ี 5 แจกตัวอยางสัญญาการเรยี นใหผ เู รยี นคนละ 1 ชุด ข้นั ท่ี 6 อธิบายถงึ การเขยี นสัญญาการเรียน ผูเรยี นลงมือเขียนขอตกลงโดยผูเ รยี นเองโดยเขยี น รายละเอยี ดทงั้ 4 ชองในแบบฟอรมสญั ญาการเรยี น นอกจากนีผ้ เู รยี นยังสามารถระบุระดับการเรยี นท้ังใน ระดบั ดีดีเยย่ี มหรือปานกลางซ่ึงผูเรยี นมคี วามต้ังใจที่จะบรรลุการเรยี นในระดบั ดีเยีย่ มหรือมีความต้ังใจท่จี ะ เรียนรูในระดับดหี รือพอใจผูเรียนกต็ อ งแสดงรายละเอยี ดผูเรยี นตองการแตระดบั ดคี ือผเู รียนตองแสดง ความสามารถตามวัตถุประสงคท่ีกลา วไวในหลักสตู รใหค รบถวนการทาํ สัญญาระดบั ดีเยีย่ มนอกจากผเู รียนจะ บรรลุวัตถปุ ระสงคต ามหลักสูตรแลว ผูเ รยี นจะตองแสดงความสามารถพเิ ศษเรอื่ งใดเร่ืองหนง่ึ โดยเฉพาะอนั มี สว นเกย่ี วของกับหลักสูตร ขัน้ ท่ี 7 ใหผูเ รียนและเพอ่ื นพิจารณาสัญญาการเรียนใหเรยี บรอ ยตอไปใหผ ูเรียนเลือกเพื่อนในกลมุ 1 คนเพื่อจะไดช วยกนั พจิ ารณาสัญญาการเรยี นรขู องท้ัง 2 คน ในการพิจารณาสญั ญาการเรยี นใหพิจารณาตาม หวั ขอ ตอ ไปนี้ 1. จดุ มุงหมายมีความแจม ชดั หรือไมเ ขาใจหรือไมเปน ไปไดจริงหรือไมบอกพฤตกิ รรมท่ีจะใหเกิด จริงๆหรือไม 2. มจี ดุ ประสงคอืน่ ที่พอจะนาํ มากลาวเพ่ิมเตมิ ไดอ ีกหรอื ไม 3. แหลง วชิ าการและวธิ กี ารหาขอมลู เหมาะสมเพยี งใดมปี ระสทิ ธิภาพเพียงใด 4. มวี ธิ กี ารอื่นอีกหรอื ไมท่ีสามารถนํามาใชเพ่ือการเรียนรู 5. หลกั ฐานการเรยี นรมู คี วามสอดคลอ งกบั จุดมุงหมายเพียงใด 6. มีหลักฐานอ่ืนท่ีพอจะนาํ มาแสดงไดอกี หรือไม 7. วธิ กี ารประเมินผลหรือมาตรการทใ่ี ชว ัดมีความเช่อื ถือไดมากนอยเพยี งใด 8. มีวธิ กี ารประเมินผลหรือมาตรการอ่ืนอีกบา งหรือไมใ นการวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู ขั้นที่ 8 ใหผูเรียนนําสัญญาการเรยี นไปปรบั ปรุงใหเ หมาะสมอีกครั้งหนง่ึ ข้นั ที่ 9 ใหผเู รยี นทําสญั ญาการเรยี นที่ปรบั ปรุงแลว ใหครูและท่ีปรกึ ษาตรวจดูอีกครง้ั หนึ่งฉบบั ที่ เรียบรอ ยใหดําเนนิ การไดตามที่เขยี นไวในสัญญาการเรียน ขน้ั ที่ 10 การเรียนกอ นท่จี ะจบเทอม 2 อาทติ ยใหผ เู รียนนาํ แฟม สะสมงาน (แฟม เก็บขอมูล Portfolio) ตามท่รี ะบุไวในสญั ญาการเรยี นมาแสดง ขน้ั ที่ 11 ครแู ละผเู รียนจะตงั้ คณะกรรมการในการพิจารณาแฟม สะสมงานทผ่ี เู รยี นนาํ มาสงและ สง คืนผูเรียนกอ นสิ้นภาคเรียน

(ตัวอยา ง) การวางแผนการเรียนโดยใชสัญญาการเรียน จุดมงุ หมาย วธิ กี ารเรยี นรู/ หลกั ฐาน การประเมนิ ผล แหลงวิทยาการ 1. สามารถอธิบายความ ใหผ ูเรียน 2-5 คน ตอ งการความสนใจ 1. อานเอกสารอา งองิ 1. ทาํ รายงานยอ ประเมนิ แรงจูงใจ ความสามารถ รายงานและบันทกึ การ และความสนใจของ ทเ่ี สนอแนะในหลกั สตู ร ขอ คิดเห็นจากหนงั สือ อภิปรายการประเมินให ผูใหญได ประเมินตามหวั ขอ 2. อานเอกสารที่ ทีอ่ าน ตอไปนี้ 1. รายงานครอบคลมุ เก่ียวของอ่นื ๆ 2. บนั ทกึ การอภิปราย เนื้อหาตามความมุง หมาย 3. รวมกลุม รายงานและ 3. ทาํ รายงานและ เพียงใด 54321 อภิปรายกับผเู รยี นอน่ื เสนอแนะเกี่ยวกบั 2. รายงานมคี วาม ชดั เจน หรือกลุมการเรยี นอ่นื ทฤษฎี เพยี งใด 54321 การเรยี นรูเพื่อนาํ ไป 3. รายงานมีประโยชน ในการเรยี นของผเู รยี น ใชกบั ผูเรียนผใู หญ ผูใ หญเ พยี งใด 54321 (โดยจัดทาํ ในรูปแบบ แฟมสะสมงาน) โดยขา พเจา จะเริ่มปฏิบัติตั้งแตว ันที่.....เดอื น.................พ.ศ. .........ถงึ วนั ท.ี่ ......เดอื น................พ.ศ. ....... ลงชือ่ ............................................................ผทู ําสัญญา (.......................................................... ) ลงชอ่ื .............................................................พยาน (.......................................................... ) ลงชอื่ ............................................................พยาน (.......................................................... ) ลงชือ่ ............................................................ครูผูสอน (.......................................................... )

ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง การวางแผนการเรียนโดยใชส ัญญาการเรียนรู จดุ มุงหมาย วิธกี ารเรยี นร/ู แหลง หลกั ฐาน การประเมนิ ผล ปญหา/แกไ ขปญ หา วทิ ยาการ โดยขาพเจา จะเริ่มปฏิบตั ติ ้งั แตวนั ท.ี่ ..........เดือน............ พ.ศ.......................ถงึ วันที่...........เดือน................พ.ศ............ ลงช่ือ......................................................ผูทําสญั ญา (................................................) ลงช่ือ......................................................พยาน (................................................) ลงชื่อ......................................................พยาน (................................................) ลงช่อื ......................................................ครผู สู อน (................................................)

แบบประเมินการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู หนวยที่ 1 เรื่อง แสวงหาความรูสูการคิดเปน แบบทดสอบยอยคร้ังท่ี 1 ระดบั ประถมศึกษา รายวิชาทกั ษะการเรียนรู รหัสวชิ า ทร๑1001 เรอ่ื ง การวางแผนการเรยี นโดยใชส ญั ญาการเรยี นรู จุดมงุ หมาย วธิ กี ารเรยี นร/ู แหลง หลักฐาน การประเมนิ ผล ปญหา/แกไขปญ หา วทิ ยาการ โดยขาพเจา จะเริม่ ปฏิบตั ิตั้งแตว นั ที่...........เดือน............ พ.ศ.......................ถงึ วันท.ี่ ..........เดือน................พ.ศ............ ลงช่ือ......................................................ผทู าํ สญั ญา (................................................) ลงช่ือ......................................................พยาน (................................................) ลงชอ่ื ......................................................พยาน (................................................) ลงชือ่ ......................................................ครูผูสอน (................................................)

แบบทดสอบยอยครั้งท่ี 2 ระดับประถมศกึ ษา รายวิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม รหัสวิชา สค21003 แบบทดสอบ กอ น – หลังเรียน วิชาทกั ษะการเรียนรู ระดับมธั ยมศกึ ษา 1. ขอใดไมใชค วามสําคญั ของการเรียนรูดวยตนเอง ก. ทาํ ใหผ เู รียนมคี วามตั้งใจและมแี รงใจสงู ข. ทาํ ใหเ ปนคนมีความคิดรเิ ร่ิมสรางสรรค ค. มเี หตุผลและทาํ งานรว มกับผูอ นื่ ได ง. มรี ะเบยี บวินยั ในตนเองสงู 2. การเรียนรูด ว ยตนเองมีกี่ลักษณะ ก.2 ข.3 ค.4 ง. 5 3. สิง่ ท่เี ปนตวั ควบคมุ ท่ีสาํ คัญทส่ี ดุ ตอ การเรียนรดู วยตนเองคืออะไร ก. ความเช่อื ม่นั ในตวั เอง ข. ความซ่อื สตั ยต อตนเอง ค. ความอยากรูอยากเห็น ง. ความรบั ผดิ ชอบตอ ตนเอง 4. ขอ ใดคือการเรียนรูด ว ยตนเอง ก.นอ ยชอบลอกการบานเพ่ือน ข. นดิ ทํานํ้าสม ปน ตามท่คี รแู นะนาํ ค.หนอยชอบดูสาระคดชี ีวิตสัตวโ ลกทางอินเตอรเ น็ต ง. นชุ สอนนองใหรูจักวิธีสบื คนขอ มูลจากอนิ เตอรเนต็ 5. การเรยี นรูด วยตนเองแบบ กศน.คือการเรียนในขอ ใด ก. มแี รงจงู ใจอยากเรยี นก็เรียน ข. แสวงหาความรดู ว ยตนเองท้งั หมด ค. มีการวางแผนและใชส ัญญาการเรยี นรู ง. ผูเรยี นตอ งบริหารเวลารับผิดชอบตนเองทัง้ หมด

6.ขอใดไมใ ชองคประกอบของการเรยี นรู ก.วางแผนการเรียน ข.วเิ คราะหความตองการ ค.ตรวจสอบและติดตามผล ง.กาํ หนดจดุ มงุ หมายในการเรียน 7. เหตใุ ดจึงตอ งมีการทําสัญญาการเรียนรู ก.เพอ่ื ใหผเู รียนควบคมุ ตนเองได ข.เพอ่ื ควบคุมความประพฤติของผูเรยี น ค.เพ่ือกาํ หนดใหผ เู รียนมีแนวทางในการเรียน ง.เพอื่ ควบคมุ คุณภาพของผูเรียนใหม มี าตรฐาน ตามท่สี งั คมยอมรับ 8. สิง่ หน่งึ ท่นี ํามาใชใ นการประเมนิ ผลการเรยี นแบบการเรยี นรูด วยตนเอง คือขอใด ก.การสงั เกต ข.การมีสวนรว ม ค.แฟมสะสมงาน ง.พฤตกิ รรมกลมุ 9.ขอ ใดคือ“ การเรียนรดู ว ยตนเอง ” ก. ลนิ ดาโทรศัพทส อบถามอาจารย ข. กนกจา งครูมาสอน ค. อษุ าสืบคนขอ มูลทางอินเทอรเ น็ต ง. โสพายมื หนงั สอื เพื่อนมาอาน 10. การเรยี นรดู ว ยตนเองขัน้ ตอนแรกคอื ขอใด ก. การออกแบบการเรยี น ข. การกาํ หนดจุดมุงหมาย ค. จัดหาแหลง เรียนรู ง. การวเิ คราะหความตอ งการในการเรียน

แนวตอบแบบประเมนิ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู หนว ยท่ี 1 เรอื่ ง แสวงหาความรูสูการคิดเปน แบบทดสอบยอยครั้งท่ี 1 ระดบั ประถมศกึ ษา รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู ทร11001 1. การพฒั นาตนเองคือ ตอบ การพัฒนาตนเองคือการปรับปรุงดวยตนเองใหด ีข้ึนกวา เดิมท้งั ดานรา งกายจิตใจอารมณแ ละสงั คมเพื่อให สามารถทํากจิ กรรมทพ่ี งึ ประสงคต ามเปา หมายทต่ี นตั้งไวเพื่อการดํารงชีวิตรว มกบั ผูอื่นไดอ ยา งปกตสิ ขุ รวมทงั้ เพ่อื ใหเปนสมาชกิ ที่ดีของครอบครัวชุมชนและสงั คม 2. ใหนักศึกษาบอกความสําคัญของการพัฒนาตนเองมา 3 ขอ ตอบ 1. มีความเขาใจตนเองเห็นคุณคาของตนเองทําใหสามารถทําหนาที่ตามบทบาทของตนเองใน ครอบครวั ชมุ ชนและสงั คมไดอยา งเตม็ กาํ ลังความสามารถ 2. สามารถปรับปรงุ การปฏิบัตติ นและแสดงพฤติกรรมใหเ ปน ท่ียอมรับของบุคคลรอบขา งในครอบครัว ชมุ ชนและสงั คม 3. สามารถกาํ หนดแนวทางการพฒั นาตนเองใหพัฒนาไปสเู ปาหมายสูงสุดของชวี ติ ตามที่วางแผนไว 3. จงบอกถงึ แนวทางในการพัฒนาตนเอง ตอบ 1. การสาํ รวจตนเอง2. การปลกู ฝง คณุ สมบตั ิทด่ี งี าม 3. การปลุกใจตนเอง4. การสงเสรมิ ตนเอง 5. การลงมือพัฒนาตนเอง 4. พัฒนาชมุ ชนคอื ตอบพฒั นาชมุ ชนคือการกระทาํ ท่ีมงุ ปรบั ปรุงสงเสรมิ ใหก ลุมคนที่อยรู วมกนั มีการเปลยี่ นแปลงไปในทิศทางท่ดี ี ข้ึนในทุกๆดานทั้งดานที่อยูอาศัยอาหารเครื่องนุงหมสขุ ภาพรา งกายอาชพี ท่ีมัน่ คงความปลอดภยั ในชีวิตและ ทรพั ยส ินโดยอาศัยความรวมมอื จากประชาชนภายในชุมชนและหนวยงานองคก รตางๆท้งั จากภายในและ ภายนอกชมุ ชน 5. จงบอกถึงความสําคญั ของพัฒนาชุมชนมา 5 ขอ ตอบ 1. สง เสริมและกระตุน ใหประชาชนไดม ีสว นรว มในการแกไ ขปญ หาพฒั นาตนเองและชมุ ชน 2. เปนการสง เสรมิ ใหประชาชนมีจิตวิญญาณรจู กั คิดทําพัฒนาเพอ่ื สวนรวมและเรยี นรซู ง่ึ กันและกัน 3. เปน การสง เสริมการรวมกลุมในการดําเนินชีวิตตามระบอบประชาธิปไตย 4. ทาํ ใหปญหาของชมุ ชนลดนอยลงและหมดไป 5. ทาํ ใหสามารถหาแนวทางปอ งกนั ไมใ หปญหาในลักษณะเดียวกันเกิดข้นึ อีก

แบบทดสอบยอยครงั้ ที่ 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนตน รายวิชาทักษะการเรียนรูทร21001 1. จงบอกถึงหลักการพัฒนาชุมชน ตอบ 1. ประชาชนมสี วนรว ม 2. พิจารณาวัฒนธรรมและสภาพความเปนอยูของชุมชน 3.ใหความสําคญั กับ คนในชุมชนโดยคนในชุมชนตองเปนหลกั สาํ คัญหรือเปนศนู ยกลางของการพัฒนา 4. การพฒั นาตองไมร วบรดั และเรง รบี การดาํ เนนิ งานควรคาํ นึงถงึ ผลของการพัฒนาในระยะยาวดาํ เนินงานแบบคอ ยเปน คอยไป 5. ทาํ เปน กระบวนการและประเมนิ ผลอยา งตอเนื่อง 2. ขอ มลู หมายถงึ ตอบ ขา วสารหรอื ขอเทจ็ จริงท่ีเกดิ ขน้ึ กบั ส่ิงตา งๆที่เปน สญั ลกั ษณต ัวเลขขอความภาพหรือเสียงทีไ่ ดมาจาก วิธีการตางๆเชนการสงั เกตการนบั การวัดและบนั ทึกเปนหลักฐานใชเ พ่ือคนหาความจรงิ 3. จงบอกความสาํ คัญและประโยชนของขอมูล ตอบ 1. เพอ่ื การนําไปสูการปรบั ปรุงแกไขในสง่ิ ท่ีดกี วา 2. เพื่อเปนแนวทางการพฒั นาดานตาง ๆ 3. เพื่อการเรียนรศู ึกษาคนควา 4. เพ่อื ใชประกอบเปนหลักฐานอางองิ ประเดน็ สาํ คัญ 5. เพือ่ การวางแผนการปฏบิ ัติและการประเมนิ ผล 6. เพ่อื การตัดสินใจ 4. จงบอกถึงขอมลู ท่ีเกยี่ วขอ งกับการพัฒนาชมุ ชน ตอบ 1. ขอมลู เก่ียวกับครอบครัวและประชากร 2. ขอมูลดานเศรษฐกจิ 3. ขอ มูลดา นประเพณแี ละวัฒนธรรม 4. ขอมูลดานการเมืองการปกครอง 5. ขอมลู ดา นสังคม 6. ขอ มูลดานระบบนเิ วศและสิ่งแวดลอม 5. จงบอกถึงเทคนคิ และวิธกี ารเก็บขอ มูลชุมชน ตอบ 1. การสงั เกต 2. การสมั ภาษณ 3. การใชแบบสอบถาม 7. การจดั เวทปี ระชาคม 5. การสนทนากลุม 6. การสาํ รวจ

บนั ทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู คร้ังที่ .......... วนั ...........................ท.่ี ............เดือน.................................พ.ศ........................ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน จาํ นวนนกั ศกึ ษา ทั้งหมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จํานวนนกั ศกึ ษามาเรยี น ท้งั หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จํานวนนักศึกษาขาดเรียน ทัง้ หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ สภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ปญ หาท่ีพบและการแกไ ขปญหา ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ การดาํ เนินการแกไ ข/พฒั นา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ขอ เสนอแนะ/ความคดิ เห็นผนู ิเทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………….............................… (ลงชือ่ )...................................................ครูผูสอน (ลงชอ่ื )....................................................ผนู เิ ทศ (............................................) (...........................................) ………….. /….……… /…….…… ………….. /….……… /…….…… (ลงชื่อ) ………………………………..………….......... ผอ.กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี (นายศกั ดิ์ชัย นาคเอย่ี ม) ………….. /….……… /…….……

บรรณานกุ รม เรือ่ ง การเรียนรดู วยตนเอง http://taamkru.com/th/%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B9 %E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%9D%E0%B9 %88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0 %B8%B9%E0%B9%89/#article104 วนั ทส่ี ืบคนวันท่ี 15 ตลุ าคม 2562 เรอ่ื ง การพฒั นาตนเอง sk.nfe.go.th/.../Self%20Development%20Community%2021003.do... วันที่สืบคนวันที่ 15 ตุลาคม 2562เรอ่ื ง เทคนคิ และวธิ กี ารเรียนรู https://sites.google.com/site/siyamonthammatasila/1-7-kar-cad-keb-khxmul วันท่ีสืบคนวันท่ี 15 ตุลาคม 2562

คณะผจู ัดทาํ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบรู ณาการ ตามรูปแบบ ONIE MODEL หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ 2 ปการศกึ ษา 2562 ทีป่ รกึ ษา ผอู าํ นวยการ กศน.อาํ เภอเมอื งกาญจนบรุ ี 1. นายศกั ดิ์ชยั นาคเอยี่ ม ครู คศ.2 บรรณารกั ษณป ฏบิ ัติการ 2. นางสาวชมพู จนั ทนะ 3. นางสาวสภุ าภรณ หวังเลิศพาณชิ ย คณะผจู ดั ทําหนวยการเรียนรู หนวยการเรยี นรูท่ี 1 หวั เร่ือง แสวงหาความรูส กู ารคดิ เปน 1. นางสุนีย ทนั ไกร ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน กศน.อาํ เภอเมอื งกาญจนบรุ ี 2. นายสชุ าติ สุกใส ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 3. นางสาวอารีย โพธน์ิ าคร ครู กศน.ตําบลบานเหนือ กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 4. นางกชกร ชา งงา ครู กศน.ตําบลเกาะสาํ โรง กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 5. นางจนิ ตนา กระดังงา ครู กศน.ตาํ บลวังเย็น กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 6. นางอําพรรตั น แดงกูล ครู กศน.ตําบลชอ งสะเดา กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 7. นางสาวดรณุ ี สมคดิ ครู กศน.ตําบลแกงเสีย้ น กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 8. นางสาวนิตยา ถนิ่ ทุง ทอง ครู ศรช.ตาํ บลเกาะสําโรง กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 9. นางสาวจารุณี สําราญวงศ ครู ศรช.ตําบลหนองบัว กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 10.นางสาวอนงคน าฏ บษุ บงก ครู ศรช.ตาํ บลบานใต กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 11.นางสาวอังคษญิ าร มั่นคง ครู ศรฃ.ตําบลบา นเกา กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 12.นางดารนิ ทร ราคา ครู ศรฃ.ตาํ บลลาดหญา กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี คณะทํางานจดั ทําและรวบรวมเอกสาร ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น กศน.อาํ เภอเมอื งกาญจนบรุ ี 1. นางสนุ ยี  ทันไกร 2. นายสชุ าติ สกุ ใส ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน กศน.อําเภอเมืองกาญจนบรุ ี 3. นางสาวอารีย โพธิ์นาคร 4. นางกชกร ชา งงา ครู กศน.ตําบลบานเหนือ กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 5. นางจินตนา กระดงั งา 6. นางอําพรรตั น แดงกลู ครู กศน.ตําบลเกาะสําโรง กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 7. นางสาวดรณุ ี สมคดิ ครู กศน.ตาํ บลวงั เยน็ กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี ครู กศน.ตาํ บลชอ งสะเดา กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี ครู กศน.ตาํ บลแกงเส้ยี น กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี

8. นางสาวนติ ยา ถ่นิ ทุงทอง ครู ศรช.ตาํ บลเกาะสาํ โรง กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 9. นางสาวจารุณี สาํ ราญวงศ ครู ศรช.ตําบลหนองบวั กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี 10.นางสาวอนงคน าฏ บษุ บงก ครู ศรช.ตําบลบานใต กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 11.นางสาวอังคษิญาร ม่ันคง ครู ศรฃ.ตาํ บลบานเกา กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี 12.นางดารนิ ทร ราคา ครู ศรฃ.ตาํ บลลาดหญา กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี



แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู กศน. แบบบรู ณาการ ตามรปู แบบ ONIE Model หนวยการเรยี นรูท่ี 2 หวั เร่อื ง คดิ เปนตามแหลงวิจยั ในชมุ ชน หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ……… ปการศึกษา …………… สาํ นักงานสงเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดกาญจนบรุ ี สํานกั งานสง เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร

คาํ นาํ ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเมืองกาญจนบุรี ไดดําเนินการ จัดทําแผนกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หนวยการเรียนรูที่ 2 หัวเรื่อง คิดเปนตามแหลงวิจัยใน ชุมชน เพื่อใหครูผูสอนใชเปนคูมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหกับผูเรียนไดเกิดการเรียนรูอยางมีคุณภาพ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาค เรียนที่ ....... ปก ารศกึ ษา ............. เอกสารประกอบการจัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หนวยการ เรียนรทู ี่ 2 หวั เร่ือง คิดเปน ตามแหลง วิจัยในชมุ ชน ประกอบดว ย แผนผงั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู กศน. แบบ ONIE Mode แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ ใบความรู แบบประเมินการจดั กิจกรรมการ เรียนรู แนวตอบ และแบบบันทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู การดาํ เนินการจัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หลักสตู รการศกึ ษา นอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ......... ปการศึกษา ......... ในคร้ังนี้ ประสบความสําเร็จไดดวยดี ตองขอขอบพระคุณ นายศักด์ิชัย นาคเอี่ยม ผูอํานวยการ กศน. อําเภอเมืองกาญจนบุรี นางสาวชมพู จันทนะ ครูชํานาญการเปนอยางสูงที่เปนผูใหคําปรึกษา ในการ ดําเนนิ การจดั ทาํ แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู กศน.แบบบูรณาการ หนว ยการเรียนรูท ่ี 2 หวั เรือ่ ง คิดเปนตาม แหลงวิจัยในชุมชน หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ .......... ปการศึกษา ............... มาโดยตลอด และขอขอบคุณบุคลากรสํานักงาน กศน.จังหวัดกาญจนบุรีท่ีขับเคล่ือนทําใหการดําเนินการจัดทําแผนการเรียนรูแบบบูรณาการบรรลุตาม วัตถปุ ระสงค จัดทาํ โดย กศน.อาํ เภอเมอื งกาญจนบุรี

สารบญั หนา เร่ือง ก ข คาํ นาํ 1 สารบญั 2 7 แผนผงั การจดั หนวยการเรยี นรู กศน.แบบบรู ณาการ 11 แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู กศน.แบบบรู ณาการตามรปู แบบ ONIE MODEL 13 16 ใบความรูท่ี 1 17 ใบความรูที่ 2 19 ใบความรูที่ 3 20 ใบความรทู ่ี 4 23 ใบความรูท่ี 5 แบบประเมินการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู แนวตอบแบบประเมินการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู บนั ทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู บรรณานกุ รม คณะทํางาน

แผนผังหนว ยการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู กศน. แบบบูรณาการ หนวยการเรยี นรูที่ 2 หวั เรือ่ ง คดิ เปนตามแหลง วิจยั ในชุมชน หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ......... ปก ารศึกษา ............ รายวิชา ทักษะการเรียนรู (ทร11001) รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู (ทร11001) หวั เร่ือง การคดิ เปน หัวเรื่อง การคิดเปน เนือ้ หา เน้อื หา ทบทวนความเขาใจความเช่ือพ้ืนฐานทาง การฝกทักษะในการพิจารณาขอ มูล และ การศึกษาผูใหญการศึกษานอกระบบ การ การนําไปใช การฝกปฏิบตั ิการคิด การ เชอ่ื มโยงไปสกู ารเรียนรู ความหมาย ตัดสนิ ใจ อยา งเปน ระบบในการแกป ญ หา ความสําคัญของการคิดเปน รายวชิ า ทักษะการเรียนรู หนว ยท่ี 2 เนื้อหาเสริม (ภาษาไทย) (ทร11001) - ความสาํ คัญการวจิ ยั หวั เร่อื ง การวิจยั อยางงาย หวั เรื่อง “คดิ เปนตามแหลงวิจยั ในชุมชน” - กระบวนการ เนอ้ื หา สภาพปญ หา ศกึ ษาฝกทกั ษะสถติ ิอยางงา ย 1. การคดิ วจิ ัยอยา งไร ใหเ ขาใจ เน้อื หาเสรมิ (ภาษาอังกฤษ) 2. การคดิ อยางไร แกป ญหาได Classroom Action เพอ่ื การวิจยั เครือ่ งมือการ 3. การสรา งสถิตอิ ยา งา ยใหเขาใจ Research = การวิจยั อยา ง 4. การตดั สนิ ใจอยางเปนระบบและแกปญหาได งา ย วจิ ัย และการเขียน Thinking = การคิดเปน โครงการวิจยั

การกาํ หนดประเดน็ /ปญหา/สงิ่ จําเปน ที่ การจดั กิจกรรมการเรียนรู ตอ งเรียนรู 1. ใหผูเรียนเลาการดําเนินชีวิตประจําวันของแตละคน และลอง 1. ผูเรียนขาดการคิดวจิ ยั อยางไร ใหเ ขาใจ ดําเนินการวิจัยวาการดําเนินชีวิตของเรามีความสุขหรือไม พรอมศัพท 2. ผูเรยี นขาดการแกปญ หาท่ีถูกวธิ ี ภาษาอังกฤษท่ีเกี่ยวของกับการดําเนินชีวิตอยางนอย 5 คํา นํามาสรุป 3. ผูเ รียนขาดการสราสถติ ิในการ เปนแผนผังความคิด และอธบิ ายใหเพ่อื นฟงในการพบกลุม ที่ กศน.ตําบล ปฏิบัตงิ าน และครเู ปนผูสรปุ ในภาพรวมท้ังหมดของผเู รียน 4. ผูเรียนไมกลา ตดั สินใจ 2. ใหผูเรียนไปศึกษาแนวทางดานคุณธรรม จริยธรรม ที่เหมาะสมของ ประชาชนและการเลือกใชผลิตภัณฑท่ีเปนมิตรกับสิ่งแวดลอม นํามา แกปญหา จาก ส่ือออนไลน หนังสือ ครอบครัว ผูรูในชุมชน แลวนํามา อภิปรายแลกเปลีย่ นเรียนรใู หเพ่ือนฟง ในการพบกลุมที่ กศน.ตําบล 3. ใหผูเรียนไปศึกษาคนควา การอนุรักษทํานุบํารุงสงเส ริม ศลิ ปวัฒนธรรม จากวัดไชยชมุ พลชนะสงคราม แหลงเรียนรู โดยการเปน จิตอาสาในการทําความสะอาดหองนํ้าวัด และสรางสถิติในการเปนจิต อาสาของแตละคนนํามาทํารายงาน และอธิบายเพ่ิมเติมใหเพื่อนฟงใน การพบกลมุ ท่ี กศน.ตาํ บล 4. ใหผูเรียนไปศึกษาคนควาการเปนพลเมืองท่ีดีตามวิถีประชาธิปไตย จาก สื่อออนไลน แหลงเรียนรู ผูรู และตัดสินใจดูวาเรื่องน้ันถูกหรือผิด อยางไร นํามาสรุปใจความสําคัญลงในกระดาษชารต พรอมอภิปรายให เพ่ือนฟง ในการพบกลุม ท่ี กศน.ตาํ บล

แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู กศน. ตามรูปแบบ ONIE MODEL หนวยการเรยี นรทู ่ี 2 หัวเรื่อง คดิ เปนตามแหลงวิจัยในชุมชน หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ....... ปก ารศึกษา .................. คร้งั ที่ วัน/ ตวั ชีว้ ดั เนือ้ หาสาระ หัวเร่อื ง ประเดน็ / กจิ กรรมการเรียนรู หมายเหตุ เดอื น/ป การเรยี นรู ปญ หา/ สิง่ จาํ เปนท่ี ตองเรยี นรู 1. อธบิ าย วิชาทกั ษะ หนว ยท่ี 2 1. ผูเ รียน การจัดกจิ กรรมการ และฝก การเรียนรู คิดเปนตาม ขาดการคดิ เรียนรู ปฏบิ ตั ิการ รหัสวิชา ทร แหลง วจิ ัยใน วิจยั อยา งไร ขั้นที่ 1 กําหนดสภาพ คดิ เปน จาก 11001 ชมุ ชน ใหเขา ใจ ปญ หาการเรยี นรู กรณี หัวเรื่อง 1. 1. 2. ผูเรียน 1. ใหผเู รยี นเลาการ ตัวอยาง การคดิ เปน กระบวนการ ขาดการ ดาํ เนินชวี ิตประจาํ วัน ตา งๆ ถงึ คิดการ แกป ญ หาท่ี ของแตละคน และลอง กระบวนการ แกป ญหา ถูกวธิ ี ดาํ เนนิ การวจิ ัยวา การ แกป ญหา อยางคนคิด ดาํ เนินชีวิตของเรามี อยา งคนคิด เปน ใน ความสขุ หรือไม พรอ ม เปน ไดอยาง รายละเอียด ศัพทภาษาอังกฤษท่ี เปนระบบ พรอม เก่ยี วของกับการดาํ เนิน ตวั อยางการ ชวี ิตอยา งนอย 5 คํา นําไปปฏิบัติ นาํ มาสรุปเปน แผนผัง ในวถิ กี าร ความคดิ และอธิบาย ดําเนินชีวติ ใหเพอื่ นฟง ในการพบ จรงิ กลมุ ที่ กศน.ตําบล และครเู ปนผูสรุปใน ภาพรวมทั้งหมดของ ผเู รยี น 2. ใหผ ูเรียนไปศกึ ษา แนวทางดา นคุณธรรม

คร้งั ที่ วนั / ตัวช้ีวัด เนอื้ หาสาระ หวั เรื่อง ประเด็น/ กิจกรรมการเรยี นรู หมายเหตุ เดอื น/ป การเรียนรู ปญ หา/ ส่ิงจําเปนท่ี ตองเรียนรู จรยิ ธรรม ทีเ่ หมาะสม ของประชาชนและการ เลือกใชผ ลิตภัณฑท่ี เปน มติ รกับสิ่งแวดลอม นาํ มาแกปญหา จาก สือ่ ออนไลน หนงั สือ ครอบครวั ผูร ูในชุมชน แลวนาํ มาอภปิ ราย แลกเปลยี่ นเรียนรูใ ห เพอ่ื นฟง ในการพบกลมุ ท่ี กศน.ตาํ บล 2. มที กั ษะ วชิ าทักษะ 2. ฝกทักษะ 1. ผเู รียน ขน้ั ที่ 2 แสวงหาขอ มลู ในการใช การเรียนรู สถิตงิ า ยๆ ขาดการสรา และการจัดกิจกรรม สถิตงิ า ยๆ รหัสวชิ า ทร เพอื่ การวจิ ยั สถิติในการ การเรยี นรู เพ่ือการวจิ ยั 11001 เครอ่ื งมือ ปฏบิ ตั ิงาน กิจกรรมที่ 2 และจัดทาํ หวั เรื่อง 2. การวิจัย 2. ผูเรียนไม 1. ใหผูเรียนไปศึกษา กลาตดั สินใจ คนควา การอนุรักษ เครื่องมือใน การวจิ ัย ทํ า นุ บํ า รุ ง ส ง เ ส ริ ม การเก็บ อยา งงาย ศิลปวฒั นธรรม จากวัด รวบรวม ขอมูล ไชยชุมพลชนะสงคราม แหลงเรียนรู โดยการ เปนจิตอาสาในการทํา ความสะอาดหองน้ําวัด และสรางสถิติในการ เปนจิตอาสาของแตละ ค น นํ า ม า ทํ า ร า ย ง า น และอธิบายเพ่ิมเติมให เพื่อนฟงในการพบกลุม ที่ กศน.ตาํ บล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook