94 2. การคุม้ ครองและสวัสดิการสังคม อาเซียนมีพันธกรณีในการส่งเสริมความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนโดยลด ความยากจนและส่งเสริมการคุ้มครองและสวัสดิการสังคม การสร้างสภาพแวดล้อมท่ีม่ันคง ปลอดภัย และปลอดยาเสพติด การเตรียมความพร้อมเร่ืองภัยพิบัติ และการจัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับ การพฒั นาสขุ ภาพ 2.1 การขจัดความยากจน เน้นการแก้ไขปัญหาความเหล่ือมล้ําในด้านสังคมและเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียน รวมถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) ของสหประชาชาติในด้านการกําจัดความยากจนและความหิวโหย 2.2 เครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมและความคุ้มกันจากผลกระทบด้านลบจากการรวมตัว อาเซยี นและโลกาภิวัฒน์ ให้ความมั่นใจว่าประชาชนอาเซียนทุกคนได้รับสวัสดิการสังคมและการคุ้มกันจากผลกระทบ เชิงลบจากโลกาภิวัตน์และการรวมตัว โดยพัฒนาคุณภาพ ความครอบคลุม และความยั่งยืนของ การค้มุ ครองทางสังคม และเพม่ิ ความสามารถในการจดั การความเสีย่ งทางดา้ นสงั คม 2.3 ส่งเสริมความม่ันคงและความปลอดภยั ด้านอาหาร ให้ความม่ันใจว่าประชาชนอาเซียนทุกคนมีอาหารเพียงพอตลอดเวลา และให้ความม่ันใจ ในความปลอดภยั ดา้ นอาหารในประเทศสมาชิกอาเซียน 2.4 การเข้าถงึ การดูแลสุขภาพและสง่ เสริมการดํารงชวี ิตที่มสี ุขภาพสมบรู ณ์ เน้นการเข้าถึงการรักษาสุขภาพ การบริการทางการแพทย์และยาท่ีเพียงพอและราคาถูก และสง่ เสรมิ ให้ประชาชนอาเซียนดํารงชีวิตท่ีมสี ุขภาพสมบูรณ์ 2.5 การเพ่มิ ศักยภาพในการควบคุมโรคติดต่อ เสริมสร้างความพร้อมและประสิทธิภาพในระดับภูมิภาค โดยบูรณาการแนวทางการป้องกัน การเฝา้ ระวงั ควบคุม และการสนองตอบที่ทนั เวลาเพอ่ื แก้ปัญหาโรคตดิ ตอ่ และโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ 2.6 รบั ประกนั อาเซยี นท่ีปลอดยาเสพตดิ ลดการเสพยาเสพติดที่ผิดกฎหมายในหมู่ประชาชนท่ัวไป โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน เยาวชน และกลุ่มท่ีมีความเส่ียงสูง โดยเน้นมาตรการป้องกันและส่งเสริมการเข้าถึงวิธีการรักษา การฟื้นฟู เพื่อกลับเข้าสู่สังคมอีกคร้ัง และการบริการหลังการบําบัดเพื่อให้กลับเข้าสู่สังคมอย่างเต็มที่โดย ความร่วมมือระหว่างภาครฐั ภาคเอกชนและองค์กรภาคประชาสังคม
95 2.7 การสรา้ งรัฐทีพ่ ร้อมรบั กับภยั พบิ ตั ิและประชาคมทป่ี ลอดภัยย่ิงข้ึน เสริมสร้างกลไกให้มีประสิทธิภาพและสามารถป้องกันและลดการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ทางสังคม เศรษฐกิจและส่ิงแวดล้อมของประเทศสมาชิกอาเซียนอันเกิดจากภัยพิบัติ และร่วมมือกัน จัดการกับภัยพิบัติฉุกเฉินโดยใช้ความพยายามของรัฐบาล และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและ ระหว่างประเทศ 3. ความยตุ ิธรรมและสิทธิ อาเซียนมีพันธกรณีในการส่งเสริมความยุติธรรม โดยให้สิทธิของประชาชนสะท้อนอยู่ใน นโยบายและทุกวิถีของชีวิต ซ่ึงรวมถึงสิทธิและสวัสดิการสําหรับกลุ่มด้อยโอกาสและกลุ่มท่ีอ่อนแอ เช่น สตรี เด็ก ผูส้ ูงอายุ ผพู้ ิการ และแรงงานโยกยา้ ยถิน่ ฐาน เปน็ ตน้ 3.1 การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและสวัสดิการสาํ หรับสตรี เยาวชน ผู้สงู อายุ และผพู้ ิการ ปกป้องผลประโยชน์ สิทธิ รวมท้ังส่งเสริมโอกาสอย่างเท่าเทียม และยกระดับคุณภาพชีวิต มาตรฐานการดํารงชพี สําหรบั สตรี เดก็ ผูส้ ูงอายุ และผู้พกิ าร 3.2 การค้มุ ครองและสง่ เสรมิ แรงงานโยกยา้ ยถนิ่ ฐาน ส่งเสริมให้นโยบายแรงงานโยกย้ายถ่ินฐานมีความครอบคลุมและมีการคุ้มครองที่เหมาะสม ตามกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายของแต่ละประเทศสมาชิก และการดําเนินการให้สอดคล้องกับ ปฏญิ ญาอาเซยี นวา่ ดว้ ยการคุ้มครองและสง่ เสริมสทิ ธขิ องแรงงานโยกย้ายถ่ินฐาน 3.3 สง่ เสรมิ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมขององคก์ รธุรกจิ ส่งเสริมให้เรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจรวมไว้ในเรื่องท่ีภาคธุรกิจต้อง ดําเนินการเพอ่ื ใหม้ สี ่วนในการสนับสนนุ การพฒั นาที่ยง่ั ยืนในประเทศสมาชิกอาเซียน 4. สง่ เสรมิ ความยงั่ ยนื ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม อาเซียนจะมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รวมท้ังส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เขียวและสะอาดโดย การปกป้องทรัพยากรทางธรรมชาติเพื่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการจัดการบริหาร อย่างย่ังยืนและการอนุรักษ์ดิน นํ้า แร่ธาตุ พลังงาน ความหลากหลายทางชีวภาพ ป่าไม้ ทรัพยากร ชายฝั่งและทรัพยากรทางทะเล รวมท้ังการปรับปรุงคุณภาพน้ําและอากาศสําหรับภูมิภาคอาเซียน อาเซียนจะมีส่วนร่วมในความพยายามของโลก ในการจัดการแก้ปัญหาสิ่งท้าทายส่ิงแวดล้อมโลก รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและคุ้มครองช้ันโอโซน เช่นเดียวกับการพัฒนาและการปรับใช้ เทคโนโลยีด้านสง่ิ แวดล้อมสาํ หรบั การพฒั นาและสง่ิ แวดลอ้ มท่ีย่ังยืน
96 4.1 การจดั การปญั หาส่ิงแวดล้อมของโลก แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกโดยปราศจากผลกระทบต่อหลักการแข่งขันและการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม โดยอยู่บนพ้ืนฐานของหลักความเท่าเทียม ยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และหลักการ ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับท่ีแตกต่าง โดยสะท้อนถึงสภาพการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศที่แตกตา่ งกนั 4.2 การจดั การและการป้องกันปัญหามลพิษทางสงิ่ แวดล้อมขา้ มแดน ดําเนินมาตรการและส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เพื่อต่อต้าน ปัญหามลพิษจากส่ิงแวดล้อม ซ่ึงรวมถึงปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน การเคลื่อนย้ายปฏิกูล อันตรายข้ามแดน โดยการเสริมสร้างขีดความสามารถ ส่งเสริมการตระหนักรับรู้ต่อสาธารณชน เพ่ิมอํานาจการบังคับใช้กฎหมาย และสนับสนุนปฏิบัติการด้านส่ิงแวดล้อมท่ีย่ังยืน และดําเนินการ ตามความตกลงอาเซยี นวา่ ดว้ ยมลพิษหมอกควนั ข้ามแดน 4.3 ส่งเสริมการพัฒนาทย่ี ั่งยนื โดยการศกึ ษาด้านสิ่งแวดล้อมและการมสี ่วนรว่ มของประชาชน ทําให้อาเซียนมีสภาพแวดล้อมเขียวและสะอาด มั่งคั่งด้วยประเพณีวัฒนธรรม เป็นท่ีซ่ึง ค่านิยมและธรรมเนียมปฏิบัติของประชาชนสอดคล้องกลมกลืน และประสานกับธรรมชาติด้วยการท่ี ประชาชนมีความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เต็มไปด้วยชาติพันธ์ุทางสิ่งแวดล้อมและมีความตั้งใจและ ความสามารถในการส่งเสริมการพัฒนาท่ียั่งยืนของภูมิภาค โดยผ่านทางการศึกษาด้านส่ิงแวดล้อม และการมีสว่ นร่วมของประชาชน 4.4 ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม ใช้เทคโนโลยีด้านส่ิงแวดล้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยให้มีผลกระทบ น้อยท่สี ดุ ตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม 4.5 ส่งเสรมิ คณุ ภาพมาตรฐานการดาํ รงชีวิตในเขตเมอื งต่างๆ ของอาเซยี น และเขตชมุ ชน เพื่อรับประกันว่าเขตเมืองและชุมชนในอาเซียน มีส่ิงแวดล้อมที่ย่ังยืน รองรับความต้องการ ของประชาชนในด้านสังคมและเศรษฐกจิ ได้ 4.6 การทําการประสานกันเรอื่ งนโยบายด้านส่งิ แวดลอ้ มและฐานข้อมูล ส่งเสริมความพยายามที่เหมาะสมที่จะประสานนโยบายด้านส่ิงแวดล้อมและฐานข้อมูล ทีละขั้น โดยคํานึงถึงสภาวะแวดล้อมระดับชาติของประเทศสมาชิก เพ่ือสนับสนุนการบูรณาการ ด้านสิ่งแวดล้อม สงั คมและเป้าประสงค์ดา้ นเศรษฐกจิ ของภมู ิภาค 4.7 ส่งเสรมิ การใชท้ รัพยากรชายฝ่ัง และทรพั ยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
97 สร้างหลักประกันเร่ืองสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งว่าจะได้รับการพัฒนาอย่างย่ังยืน ระบบนเิ วศตัวอย่าง พชื และพ้ืนทด่ี งั้ เดมิ ได้รับการคุ้มครอง การดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับการ จัดการอย่างยั่งยืน และการตระหนักรับรู้และได้รับการปลูกฝังเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลและ ชายฝง่ั 4.8 ส่งเสรมิ การจดั การเก่ียวกับการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ อยา่ งยงั่ ยนื ให้ความมั่นใจว่าความหลากหลายทางชีวภาพท่ีสมบูรณ์ของอาเซียนจะได้รับการรักษาและ จัดการอย่างย่ังยนื โดยการเสริมสรา้ งสภาวะท่ดี ที างดา้ นสังคม เศรษฐกจิ และส่ิงแวดลอ้ ม 4.9 ส่งเสรมิ ความยั่งยนื ของทรัพยากรนาํ้ จืด ส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรน้ําจืด โดยให้ความเช่ือมั่นในเรื่องการเข้าถึงทรัพยากรน้ํา อย่างเท่าเทียมกัน และคุณภาพที่ได้รับการยอมรับได้ในปริมาณท่ีเพียงพอ เพ่ือรองรับความต้องการ ของประชาชนอาเซยี น 4.10 การตอบสนองต่อการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ิอากาศและการจดั การตอ่ ผลกระทบ ส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เพ่ือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลง ทางสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สุขภาพและสิ่งแวดล้อม ในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยดําเนินมาตรการในการบรรเทาและการปรับตัวบนพ้ืนฐานของหลัก ความเป็นธรรม ความยืดหยุ่น การมีประสิทธิภาพและความรับผิดชอบร่วมกัน และแตกต่างกัน ตามขีดความสามารถ รวมทัง้ สะทอ้ นสภาวะท่แี ตกต่างทางสงั คมและเศรษฐกิจของแตล่ ะประเทศ 4.11 สง่ เสรมิ การบรหิ ารจดั การป่าไม้อย่างยง่ั ยนื ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืนและขจัดกิจกรรมที่ ไม่ยั่งยืน รวมถึงการดําเนินการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ท่ีผิดกฎหมายและการค้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยการเสริมสร้างขีดความสามารถ การถ่ายโอนเทคโนโลยีและส่งเสริมการตระหนักรับรู้และส่งเสริม การบงั คบั ใชก้ ฎหมายและธรรมาภิบาล 5. การสร้างอตั ลักษณอ์ าเซียน อัตลักษณ์อาเซียนเป็นพ้ืนฐานด้านผลประโยชน์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็น ตวั ตนร่วมกนั จารีต ค่านยิ ม และความเช่อื รวมท้งั ความปรารถนาในฐานะประชาคมอาเซียน อาเซียน จะส่งเสริมให้ตระหนักและมีค่านิยมร่วมกันในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันท่ามกลางความแตกต่าง ในทุกช้นั ของสงั คม
98 5.1 สง่ เสริมการตระหนกั รบั ร้เู กี่ยวกับอาเซยี น และความรูส้ ึกของการเปน็ ประชาคม สร้างความรู้สึกของความเป็นเจ้าของ และการรวมกันเป็นเอกภาพท่ามกลางความหลากหลาย และสง่ เสรมิ ความเข้าใจอันดรี ะหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในเรื่องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา และอารยธรรม 5.2 การส่งเสรมิ และการอนุรกั ษม์ รดกทางวฒั นธรรมของอาเซียน ส่งเสริมการสงวนและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน เพื่อสร้างความเชื่อม่ันให้กับ ประชาคมว่าจะส่งเสริมความตระหนักรับรู้และความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เป็น เอกลักษณ์ของภูมิภาค และความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรมและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ของประเทศสมาชิก รวมท้ังเพื่อปกป้องความเป็นเอกลักษณ์ของมรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ในภาพรวม 5.3 สง่ เสริมการสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมและอตุ สาหกรรม ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียนและการดํารงอยู่ร่วมกันของอาเซียน โดยการสร้างสรรค์ทาง วฒั นธรรม และการส่งเสรมิ และร่วมมอื กันในอตุ สาหกรรมด้านวัฒนธรรม 5.4 การมสี ว่ นเก่ยี วขอ้ งกับชุมชน เพ่ือปลูกฝังอัตลักษณ์อาเซียนและสร้างอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการก่อตั้ง ประชาคมโดยสนบั สนุนทกุ ภาคส่วนให้มีสว่ นรว่ ม 6. การลดชอ่ งว่างทางการพฒั นา เสรมิ สร้างความรว่ มมอื เพ่อื ลดช่องว่างการพัฒนาโดยเฉพาะมิติการพัฒนาด้านสังคม ระหว่าง ประเทศสมาชิกเก่า 6 ประเทศ และประเทศสมาชิกใหม่ (Cambodia-Laos-Myanmar-Vietnam : CLMV) และในพ้นื ทขี่ องอาเซยี นที่ถกู ทอดท้งิ และด้อยพฒั นา 3. การเตรียมความพรอ้ มสู่ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555 – พ.ศ.2559) ได้ให้ความสําคัญ กบั การเตรยี มความพรอ้ มของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไว้ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง และความม่ันคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม ในส่วนของสังคมและวัฒนธรรม แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 ได้กล่าวถึงแนวทางการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมไว้ใน ยุทธศาสตร์เช่นกนั โดยขอนาํ เสนอสว่ นทีส่ ําคัญ ดงั นี้ (ทศพนธ์ นรทัศน,์ 2555)
99 ยทุ ธศาสตร์การพัฒนา การเตรียมความพร้อมในการเปน็ ในแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 11 ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรม 1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคม - สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวัฒนธรรมร่วมกับ แหง่ การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยัง่ ยนื ประชาคมโลก โดยเฉพาะประชาคมอาเซียน เพื่อให้ เกิดการไหลเวียนทางวัฒนธรรมในรูปแบบการ แลกเปล่ียนเรียนรู้ที่จะช่วยลดความเหลื่อมลํ้าทาง ความคิดและค่านิยม และเพ่ือประโยชน์ในการพัฒนา ประชาคมอาเซียนร่วมกนั 2. ยุทธศาสตรก์ ารสรา้ งความเชื่อมโยง - ยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพและบริการ ทางเศรษฐกิจและความม่ันคงใน ด้านสาธารณสุข ทั้งบุคลากรและมาตรฐานการให้ ภมู ภิ าค บริการ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการให้บริการ สุขภาพของภมู ภิ าค (medical hub) - เสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันการศึกษาทั้งของ รัฐและเอกชนให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับ สากล ตลอดจนการยกระดับทักษะฝีมือแรงงานและ ทักษะด้านภาษา เพ่ือเตรียมความพร้อมของแรงงาน ไทยเข้าสู่ตลาดแรงงานในภูมิภาคอาเซียน โดยไทยมี บทบาทนําในอาเซยี นรว่ มกบั ประเทศอ่ืนทีม่ ศี กั ยภาพ 3 . ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ก า ร จั ด ก า ร ด้ า น - การพฒั นาความร่วมมือในกลุ่มอาเซียนเพอ่ื ประโยชน์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ร่วมกันโดยเฉพาะความร่วมมือในการพัฒนาทาง อยา่ งย่ังยนื วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การลดก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัว รวมท้ังการบริหารจัดการและการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันอย่างย่ังยืน อาทิ ด้าน ทรัพยากรนํ้า ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจน สร้างแนวร่วม เพ่ือสร้างอํานาจต่อรองในเวทีระหว่าง ประเทศดา้ นการคา้ การลงทนุ และส่ิงแวดล้อม
100 นอกจากนี้ มีหลายหน่วยงานของภาครัฐที่รับผิดชอบในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคม สงั คมและวฒั นธรรม ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ 1. คณะทํางานการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ร่วมกับคณะทํางานการเกษตร และสหกรณ์ สภาท่ีปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดสัมมนาเรื่องการเตรียมความพร้อมของ ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้านทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและการเกษตร เพื่อศึกษารวบรวมข้อเท็จจริงท้ังประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ ตลอดจนศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าร่วมประชาคมอาเซียน ท่ีเก่ียวข้องกับ สถานการณ์ปัญหาและผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมและด้านการเกษตรกรรม รวมทั้งแนวทางการป้องกนั และแกป้ ญั หาท่อี าจเกดิ ขนึ้ (ประชาไท, 2554) 2. สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ ด้านการพัฒนามนุษย์ ในหัวข้อการพัฒนาสมรรถภาพของระบบราชการ หรือการสร้างศักยภาพของ ระบบราชการ (building civil service capability) และด้านสิทธิและความยุติธรรมทางสังคม ในหัวข้อการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ (Promoting Corporate Social Responsibility : CSR) ซงึ่ สํานักงาน ก.พ. ได้ดําเนินการมาอย่างต่อเนื่อง (สํานักงานข้าราชการพลเรือน, 2554) การสรา้ งศักยภาพของระบบราชการ สํานักงาน ก.พ. ได้ดําเนินการจัดทํายุทธศาสตร์พร้อมแผนงานโครงการตามแผนการดําเนินงาน ด้านกิจการพลเรือนอาเซียน พ.ศ.2553 – พ.ศ.2558 (ACCSM Work Plan 2010-2015) โดยส่งให้ ฝ่ายเลขานุการอาเซียนเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมต่างๆ ที่สํานักงาน ก.พ.ได้ดําเนินการภายใต้แผนงาน ข้างตน้ ไดแ้ ก่ 1) สํานักงาน ก.พ. ในฐานะ ASEAN Resource Center on Leadership Development ได้พัฒนาแนวทางการสร้างผู้นําในราชการพลเรือนของไทยท้ังในด้านการสรรหา การพัฒนา การเตรียมความพร้อม การแต่งตั้งและการส่งเสริมคุณธรรมของนักบริหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ปรากฏ ในพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 2) สํานักงาน ก.พ. ได้จัดอบรมหลักสูตรต่างๆ อย่างต่อเน่ืองสําหรับประเทศสมาชิกอาเซียน ท้ังในส่วนท่ีสํานักงาน ก.พ. จัดข้ึนโดยตรง หรือในส่วนที่จัดให้ตามความต้องการของประเทศสมาชิก เชน่
101 2.1 หลักสูตร HR Management สาํ หรับข้าราชการจากประเทศกัมพชู า เปน็ ต้น 2.2 สาํ นกั งาน ก.พ. ไดจ้ ดั ทาํ โครงการความรว่ มมือทางวิชาการระหว่างสาํ นักงาน ก.พ. กับประเทศสมาชิกอาเซียนระหว่างปี พ.ศ.2533 – พ.ศ.2555 รวมทงั้ สน้ิ 19 โครงการ ประกอบด้วย กลมุ่ ท่ี 1 ดา้ นการสง่ เสริมคณุ ธรรมจริยธรรมในราชการพลเรือน กลมุ่ ที่ 2 ด้านการส่งเสรมิ และพัฒนาภาวะผนู้ ํา กลมุ่ ท่ี 3 ด้านการส่งเสริมการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลมืออาชพี กลมุ่ ที่ 4 ด้านความร่วมมอื แบบทวภิ าคี 3) สํานักงาน ก.พ. เป็นศูนย์กลางการรวบรวมบัญชีรายชื่อผู้เชี่ยวชาญและวิทยากร ซึ่งเป็น เสมือนทรัพยากรบุคคล สําหรับการจัดฝึกอบรมและการสร้างศักยภาพของระบบราชการอย่าง ต่อเนอ่ื ง 4) สาํ นักงาน ก.พ. ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร \"บทบาทหญิงชายเพื่อการพัฒนา” และ “หลักสูตร เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมสําหรับนักบริหารระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง” ทั้งน้ี ท้ังสอง หลกั สตู รจะไดน้ าํ ไปจัดฝกึ อบรมให้กับข้าราชการของประเทศสมาชกิ อาเซยี นต่อไป 5) สาํ นกั งาน ก.พ. ไดจ้ ัดหลกั สูตรการฝึกอบรมตามหลักสมรรถนะ เพ่ือแบ่งปันและแลกเปลี่ยน ระหว่างกันในระบบราชการของประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้ความช่วยเหลือของการประชุม อาเซียนวา่ ด้วยกิจการด้านพลเรอื น (ASEAN Conference on Civil Service Matters : ACCSM) 6) สํานักงาน ก.พ. ได้พยายามสร้างความสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้กับ บางประเทศในอาเซียน เช่น เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสิงคโปร์มาให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร นักบริหารระดับสูง (หลักสูตรเตรียมความพร้อมสําหรับผู้ท่ีจะเป็นรองอธิบดี) ตลอดจนการจัด ฝกึ อบรมการบรรยายและการอบรมเชิงปฏิบัติการ โดยเชิญผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม โครงการดังกล่าวระหว่างปี พ.ศ.2553 – พ.ศ.2555 ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากสํานักพัฒนา ระบบบริหารงานบุคคลและนติ ิการ (สพร.) เป็นตน้ 7) สาํ นักงาน ก.พ. ไดผ้ ลกั ดันให้เกดิ นโยบายและยทุ ธศาสตรใ์ นเรื่องตา่ ง ๆ ได้แก่ 7.1. กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 34 ว่า การ จัดระเบียบข้าราชการพลเรือนต้องเป็นไปเพื่อผลสัมฤทธ์ิต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพและ ความคุ้มค่า โดยให้ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมีคุณภาพ คุณธรรมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีและใน มาตรา 42 ว่า การบริหารทรัพยากรบุคคลต้องคํานึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพขององค์กรและ ลกั ษณะของงานโดยไม่เลอื กปฏิบตั อิ ยา่ งไมเ่ ป็นธรรม
102 7.2. กาํ หนดใหม้ ียทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552 – พ.ศ.2555 7.3. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมคุณธรรมจรยิ ธรรมในภาครฐั พ.ศ. 2552 – พ.ศ.2555 7.4. ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาคุณภาพชวี ิตขา้ ราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2553 – พ.ศ.2555 7.5. ส่งเสริมให้ทุกส่วนราชการกําหนดตัวช้ีวัดความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและมีระบบการ ให้รางวลั จงู ใจหน่วยงานที่เป็นตวั อย่างในเรื่องดงั กล่าว 8) สาํ นักงาน ก.พ. สร้างและส่งเสริมกลไกของบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ให้มีมาตรฐานด้านการบริการ มีกระบวนการให้ข้อมูลย้อนกลับจากประชาชน และระบบการให้ คะแนนผลการปฏิบัติงานตามผลลัพธ์ โดยจัดให้มีตัวชี้วัดความพึงพอใจของผู้รับบริการในงานต่างๆ ท่ี เป็นงานให้บริการ และสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กําหนดเป็นตัวช้ีวัด ตามคํารับรองปฏิบตั ิงานระดบั ส่วนราชการด้วย โดยจะใหร้ างวัลตามผลการทํางานตามตวั ชว้ี ดั ดว้ ย 9) ขยายบทบาทภาคประชาสังคมและกลุ่มประชาชนในการสร้างมโนสุจริตและธรรมาภิบาล โดยสาํ นกั งาน ก.พ. รเิ ร่ิมให้มกี ารรวมตัวของภาครฐั ภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชนและองคก์ รอิสระ ต่างๆ ในการร่วมกันรณรงค์และขับเคล่ือนมาตรการสร้าง ความโปร่งใสในราชการพลเรือน โดยเริ่ม ดาํ เนินการมาต้งั แต่ปี พ.ศ.2552 โดยนายกรฐั มนตรเี ปน็ ประธานนาํ การดําเนินการในเรอ่ื งน้ี การสง่ เสรมิ ความรับผิดชอบต่อสงั คมขององค์กรธรุ กิจ สํานักงาน ก.พ. ได้ดําเนินการศึกษาเร่ือง \"แนวทางการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของ หน่วยงานภาครัฐในภาพกวา้ งและในบรบิ ททเ่ี ชอื่ มโยงกับการบริหารทรพั ยากรมนุษย์ภาครัฐ นอกจากน้ี สํานักงาน ก.พ. ยังได้จัดทําประมวลจริยธรรมและจัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรม เพ่ือคอยสอดส่องดูแลและเสริมสร้างจริยธรรมในองค์กร โดยดําเนินการจัดกิจกรรมด้านการกุศลและ บริการสาธารณประโยชน์ เช่น การถือศีล การทําบุญตามประเพณี การเล้ียงอาหารแก่ทหารบาดเจ็บ การบริจาคสิง่ ของให้แก่เด็กพกิ ารซา้ํ ซอ้ น การทาสโี รงเรียนในตา่ งจังหวัด เปน็ ตน้ 3. ท่ีประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ให้ความสําคัญกับประชาคมอาเซียนกับ อุดมศึกษาไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถาบันอุดมศึกษาเป็นสถานท่ีให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพของ บัณฑิตให้ออกไปสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการผลิตบุคลากรให้มีความพร้อมต่อสถานการณ์ ท่ีเปล่ียนแปลง นอกจากน้ี ทปอ. ได้จัดปาฐกถาพิเศษในท่ีประชุมวิชาการระดับชาติ ประจําปี พ.ศ.2554 เรื่อง “การเตรียมการอุดมศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน” (สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการ พฒั นา, 2555)
103 4. กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับปลัดกระทรวงศึกษาธิการของ ประเทศสมาชิกอาเซียนและขององค์กรรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของกลุ่มประเทศเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of Education Organization : SEAMEO) และ กระทรวงศึกษาธิการยังได้จัดโครงการ Coporate Social Responsibility for Kids ปีแห่งการพูด อังกฤษในปี พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศหลักเพ่ือ รองรับการเปน็ ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก (ไทยโพสต์, 2555) 5. กระทรวงวัฒนธรรมและกรมประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม คณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวัฒนธรรมและสารสนเทศ คร้ังท่ี 46 โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิก อาเซียน 10 ประเทศ และผู้แทนสํานักเลขาธิการอาเซียนเข้าร่วมประชุมระหว่างวันที่ 10 - 12 มกราคม พ.ศ.2555 ณ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วยการประชุม 2 คณะ ได้แก่ การประชุม คณะอนุกรรมการอาเซียนด้านวัฒนธรรม และการประชุมคณะอนุกรรมการอาเซียนด้านสารสนเทศ ซึ่งมีการนําเสนอโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมความตระหนักรู้ในเร่ืองอาเซียน อาทิ โครงการ คา่ ยเยาวชน โครงการส่งเสริมเครือข่ายด้านศิลปวัฒนธรรมระดับประชาชน โครงการอาเซียนทีวี และ โครงการเวบ็ ไซต์อาเซียน (กระทรวงวัฒนธรรม, 2555 : 4-10) 6. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดงานภายใต้แนวความคิด “120 ปี กรมวิทยาศาสตร์บริการ แหล่งรวมความเชี่ยวชาญ ร่วมสร้างเศรษฐกิจอาเซียน” เพื่อแสดงให้เห็น พัฒนาการ ผลงาน และความก้าวหน้าของงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกรมวิทยาศาสตร์ บริการ ที่พร้อมให้บริการและส่งเสริมสนับสนุนความก้าวหน้าภาคเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ ท่ีกําลังก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแสดงให้เห็นการผลักดันให้เกิด ศูนย์เชี่ยวชาญ ศูนย์ทดสอบเฉพาะทางของกรมวิทยาศาสตร์บริการท่ีสามารถให้บริการได้อย่างเป็น รูปธรรมสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการไทยควบคู่กับการให้คําปรึกษาหรือ ข้อเสนอแนะทางวิชาการ การช่วยแก้ปัญหา การพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมและถ่ายทอด เทคโนโลยี รวมทั้งยังสร้างเครอื ขา่ ยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เป็นมิติใหม่การให้บริการด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อให้ก้าวทันกับความเปล่ียนแปลงของสถานการณ์วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีท้ังจากภายในและภายนอกประเทศ ส่งเสริมการผลักดันงานบริการด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีท่ีส่งผลต่อการพัฒนาภาคการผลิต การค้า และการบริการ เป็นการช่วยเพ่ิมศักยภาพ การแขง่ ขันในสว่ นของกรมวิทยาศาสตร์บริการ (กระทรวงวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี 2555)
104 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังได้จัดตั้ง “ศูนย์เชี่ยวชาญด้านวัสดุสัมผัสอาหาร แห่งเดียวของอาเซียน” (ASEAN Center for Expertise in Food Contact Materials) ซึ่งศูนย์น้ี เป็นห้องปฏิบัติการกลางด้านวัสดุสัมผัสอาหารระดับชาติ เป็นแหล่งอ้างอิงและรับรองทางวิชาการ ด้านวัสดุสัมผัสอาหารแก่ผู้ประกอบการส่งออกอาหาร ต้ังเป้าพัฒนาเพ่ิมศักยภาพขีดความสามารถ ในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการเป็นแหล่งผลิตอาหารจํานวนมากสู่ตลาดโลกซ่ึงเป็นการ ส่งเสรมิ การพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ (กรมวิทยาศาสตร์บรกิ าร, 2553) 7. กระทรวงพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ จัดทําแผนกลยุทธ์สํานักงาน ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ.ศ.2555 – พ.ศ.2559 เพ่ือให้สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์ที่กําหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ.2555 – พ.ศ.2559) ทั้งนี้ สถาบันการพัฒนาสังคมได้มีการจัดประชุมสัมมนาหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด สํานักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ระหว่างวันท่ี 3 - 5 ตุลาคม พ.ศ.2554 เพื่อให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดและผู้ท่ีเก่ียวข้อง ทราบถึงบทบาท หน้าที่ ภารกิจและผลกระทบ ท่ีเกิดจากประชาคมอาเซียน รวมท้ังได้รับทักษะและความรู้ในการนําเสนอ การถ่ายทอด การสอน งาน การบรหิ ารจัดการบคุ ลากร และการสรา้ งเครือขา่ ยร่วมกันในการปฏิบัติงานแบบบรู ณาการ นอกจากน้ี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ยังได้เปิดเวทีวิชาการ “เปิดเสรีอาเซียน ปี 2558 : สังคมไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลง” เพ่ือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนการพัฒนาสังคมและจัดสวัสดิการในกลุ่มประเทศสมาชิก อาเซียน โดยมีผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ ผู้นําองค์การบริหารส่วนตําบล แกนนํากลุ่มองค์กร ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และผู้แทน จากสถานทตู ในกลมุ่ ประเทศอาเซียนเข้าร่วมงาน (สํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ ม่นั คงของมนษุ ย์ สํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร,์ 2555) 8. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ คร้ังที่ 11 ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ระหว่าง วันท่ี 8-9 ธันวาคม พ.ศ.2554 โดยท่ีประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการดําเนินงานตาม แผนแม่บท เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015 : AIM 2015) ในปีแรก ซึ่งมีโครงการรองรับการดําเนินงานจํานวน 17 โครงการ เช่น โครงการ ASEAN CIOs Forum โครงการ ASEAN ICT Awards โครงการความมั่นคงปลอดภัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (network security) โครงการการนําไอซีทีมาใช้ในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ICT
105 adoption by SMEs) โครงการเขตพื้นที่กระจายสัญญาณเครือข่ายส่ือสารข้อมูลความเร็วสูง ในอาเซียน (ASEAN Broadband Corridor) เป็นต้น โดยโครงการเหล่าน้ีจะเป็นพื้นฐานให้บรรลุ เป้าหมายการพัฒนาไอซีทีเพื่อมุ่งสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน และที่ประชุมฯ ยังได้พิจารณา อนุมัติงบประมาณจํานวน 450,000 เหรียญสหรัฐ จากกองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund) เพื่อใช้สาํ หรับดําเนนิ โครงการตามแผนแม่บทฯ ระหวา่ งปี พ.ศ.2555 – พ.ศ.2556 ด้วย (ความคบื หนา้ โครงการ, 2555) 9. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีส่ิงแวดล้อม อาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งท่ี 13 และการประชุมอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง ระหว่างวันท่ี 16 – 20 ตุลาคม พ.ศ.2554 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และการประชุมรัฐมนตรีส่ิงแวดล้อมอาเซียน+3 คร้ังที่ 11 เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2555 ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม, 2555) 10. กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทํากรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพเพื่อรองรับการเข้าสู่ ประชาคมอาเซียน และการประชุมเชิงปฏิบัติการ เร่ือง การแปลงกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพ เพื่อรองรับประชาคมอาเซียนสู่การปฏิบัติ ปี พ.ศ.2554 – พ.ศ.2558 เม่ือวันที่ 29 - 30 สิงหาคม พ.ศ.2554 และสํานักการสาธารณสุขระหว่างประเทศก็ได้จัดอบรมความรู้ให้กับข้าราชการในหัวข้อ กระทรวงสาธารณสุขและอาเซยี น (สํานกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ , 2554) 4. ความกา้ วหนา้ ในการจัดตัง้ ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมดําเนินการด้านต่างๆ เพ่ือเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซียน ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้ 1. การอนุวัติข้อผูกพันภายใต้กฎบัตรอาเซียน (realizing the commitments under the ASEAN Charter) ซ่ึงมผี ลบงั คบั ใช้ในปี พ.ศ.2551 โดยเฉพาะในเร่ืองการยกร่างขอบเขตอํานาจหน้าท่ี ขององค์กรต่างๆ ที่จะจัดข้ึน ได้แก่ กลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียน คณะกรรมการผู้แทนถาวรประจํา อาเซยี น ณ กรงุ จาการต์ า ประเทศอินโดนีเซีย และคณะมนตรปี ระสานงานอาเซียน เป็นตน้ 2. การฟ้ืนฟูอาเซียนให้เป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซ่ึงรวมถึงการเสริมสร้าง ความตระหนักรับรู้เก่ียวกับอาเซียนในหมู่ประชาชน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและ ภาคประชาสังคมในการสรา้ งประชาคมอาเซยี น
106 3. การเสริมสร้างการพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ สําหรับประชาชนทุกคนในภูมิภาค โดยส่งเสริมให้การดําเนินความร่วมมือของอาเซียนตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประชาชนมากท่ีสุด โดยเฉพาะการแกไ้ ขปญั หาท้าทายต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงดา้ นอาหาร พลงั งาน ภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาติ เปน็ ตน้ (สํานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ, 2555 ก) 4. โครงการจับตาอาเซียน (ASEAN Watch) มีวัตถุประสงค์ในการนําเสนอความคืบหน้า เก่ียวกับอาเซียน ส่วนหน่ึงของโครงการนี้ได้มีการระดมสมอง แลกเปล่ียนข้อมูลความคิดเห็นและ กาํ หนดโจทย์วิจยั เกยี่ วกบั อาเซยี นออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ 1) การวิจัยเพอื่ จุดม่งุ หมายเชิงปฏบิ ัติ หรือนโยบาย 2) การวจิ ยั เพอื่ ม่งุ เนน้ เชิงวิชาการ โดยเป็นการตอ่ ยอดความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ในด้านอน่ื ๆ 3) การวจิ ยั เชิงทางเลือก ซ่งึ ใหค้ วามสําคัญกับกลุม่ คนอ่นื ๆ ท่ีด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนเครอื ขา่ ยภาคประชาสังคม รวมทงั้ มีการจดั ทําเว็บไซต์ www.aseanwatch.org เพ่ือเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ความคบื หน้าของโครงการน้ี (ความคบื หน้าโครงการ, 2555) 5. การประชุมคณะกรรมการระดับชาติ เพ่ือขับเคล่ือนการศึกษาในอาเซียนสู่การบรรลุ เป้าหมายการจัดต้ังประชาคมอาเซียน โดยในปี พ.ศ.2553 ที่ประชุมคณะกรรมการระดับชาติ ได้ให้ ความเห็นชอบร่างนโยบายเพ่ือดําเนินงานตามปฏิญญาชะอํา-หัวหิน ด้านการศึกษา จํานวน 5 นโยบาย ดังน้ี นโยบายท่ี 1 การเผยแพร่ความรู้ ข้อมลู ขา่ วสาร และเจตคตทิ ่ีดีเกยี่ วกับอาเซียน นโยบายท่ี 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษาและประชาชนให้มีทักษะท่ี เหมาะสมเพ่อื เตรียมความพรอ้ มในการก้าวสปู่ ระชาคมอาเซยี น นโยบายท่ี 3 การพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษาและ ครูอาจารยใ์ นอาเซียน นโยบายที่ 4 การเตรียมความพร้อมเพ่ือเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียนเพื่อรองรับการก้าว สปู่ ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน นโยบายที่ 5 การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสําคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน (สาํ นักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย, 2555) 6. การพัฒนาเยาวชนอาเซียน มีการดําเนินการโครงการเก่ียวกับการพัฒนาเยาวชนเกิดข้ึน มากมาย เช่น การดําเนินโครงการพัฒนาผู้นําเยาวชนอาเซียน การดําเนินการกีฬามหาวิทยาลัย
107 อาเซียน การจัดต้ังกองทุนเยาวชนอาเซียนเพ่ือส่งเสริมโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของเยาวชน ในอาเซียน การจัดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนเครือข่ายและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับวิธีการและกลยุทธ์ในการ พัฒนาเด็กและเยาวชน การศึกษาและจัดทํา ASEAN Youth Development Index เพ่ือประเมิน ผลลัพธ์และประสิทธิผลโครงการเยาวชนภายในภูมิภาคอาเซียน (สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2555 ข) 7. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีการจัดการศึกษาและกิจกรรมเพ่ือสร้างเสริมมิตรภาพและ ความร่วมมือระหว่างกัน อาทิ การดําเนินโครงการระดับภูมิภาคในการจัดการศึกษาสําหรับ ผู้ด้อยโอกาส การฟ้ืนฟูความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและยูเนสโก การทบทวนโครงการทุนอาเซียน การนําเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการส่งเสริมการจัดการศึกษาและการศึกษาตลอดชีวิต การส่งเสริมความเสมอภาคด้านการศึกษาแก่สตรีและเด็กผู้หญิง การแลกเปล่ียนแนวปฏิบัติที่ดี เกี่ยวกับการจัดการศึกษาเก่ียวกับหลักสูตรความเสมอภาคทางเพศในโรงเรียน การส่งเสริม ความร่วมมือกับองค์กรด้านการศึกษาในระดับภูมิภาคและนานาชาติ การสอนด้านค่านิยมและมรดก วัฒนธรรมในหลักสูตรโรงเรียน การพัฒนาหลักสูตรอาเซียนศึกษาในโรงเรียน การสนับสนุนการเรียน ภาษาอาเซียนและส่งเสริมการแลกเปล่ียนนักภาษาศาสตร์ (สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2555ก) 8. สถาบันนาฏศิลป์ของไทยและลาว ได้มีการลงนามบันทึกความตกลงร่วมกันระหว่าง วิทยาลัยนาฏศิลป์ (สายอีสาน) และโรงเรียนศลิ ปะแหง่ ชาตลิ าว (ASEAN Watch, 2555) 9. เจ้าหนา้ ทตี่ าํ รวจอาเซียนพัฒนาความรเู้ กยี่ วกบั เทคโนโลยที ่ีก่อใหเ้ กิดอาชญากรรม มีการ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเร่ือง Joint ASEAN Senior Police Officers Course and Technology Enabled Crime Workshop ครั้งที่ 21 เพ่ือป้องกันและรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท เพื่อการเสริมสร้างสนั ติภาพ มิตรภาพ ความเป็นอิสระ และความร่วมมือระหว่างกัน (ASEAN Watch, 2555) 10. คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก (ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of Women and Children : ACWC) เปิดการหารือกับองค์กรภาคประชาสังคมระดับชาติและระดับภูมิภาคกว่า 40 องค์กร เพอ่ื แลกเปลีย่ นข้อมลู และความคิดเหน็ ในประเดน็ เกี่ยวกับความรุนแรงตอ่ สตรแี ละเด็ก รวมถึง ความทา้ ทายในการจัดการกบั ปัญหาดังกลา่ ว (ASEAN Watch, 2555)
108 11. ความร่วมมือด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ มีโครงการรองรับการดําเนินการจํานวน 17 โครงการ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาด้านโทรคมนาคม สารสนเทศและการส่ือสาร มุ่งสู่การ รวมตัวเป็นประชากรอาเซียน เช่น การประชุมผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศของอาเซียน (ASEAN CIOs Forum) โครงการรางวัลไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Awards) โครงการความม่ันคงปลอดภัย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ โครงการการนําไอซีทีมาใช้ในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น (ASEAN Watch, 2555) 12. สถานีโทรทัศน์แห่งอาเซียน (ASEAN Television) หรือ อาเซียนทีวี เป็นช่องรายการที่ ผลิตโดย บริษัท อสมท จํากัด (มหาชน) ในนามสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอ็มคอท ร่วมกับบริษัท เนชั่น บรอดแคสต้ิง คอร์เปอร์เรช่ัน จํากัด ตามมติของคณะรัฐมนตรี อาเซียนทีวีเร่ิมออกอากาศ เม่ือการประชุมสุดยอดผู้นําอาเซียน คร้ังที่ 14 ท่ีอําเภอชะอํา-หัวหิน ประเทศไทย ปี พ.ศ.2552 หลังจากน้ันอาเซียนทีวีมีรายการที่เกี่ยวกับอาเซียนและการถ่ายทอดสดสําคัญๆ (เนชั่น บรอดแคสต้ิง คอรเ์ ปอร์เรช่ัน, 2555) 13. ความร่วมมือด้านกีฬา รัฐมนตรีกีฬาของอาเซียนได้ร่วมลงนามในความตกลง 11 ฉบับ ซ่ึงรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะขยายการจัดการแข่งขันกีฬา โดยให้เพิ่มการแข่งขันฟุตบอลและ การแขง่ ขันวอลเลย์บอล ตลอดจนใหส้ มาพันธ์ฟตุ บอลอาเซียนศึกษาแนวทางเพ่ือเตรียมความพร้อมใน การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี พ.ศ.2573 อีกทั้งกําหนดให้ปี พ.ศ.2556 เป็น ปแี ห่งอตุ สาหกรรมกฬี าอาเซยี น (ASEAN Watch, 2555) 5. ความคิดเห็นตอ่ ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซียน นักวิชาการท้ังของไทยและต่างประเทศหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประชาคม สังคมและวัฒนธรรมอาเซียนไว้อย่างหลากหลาย ซึ่งมีประเด็นท่ีน่าสนใจอันจะเป็นประโยชน์ต่อการ เตรียมความพรอ้ มเพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซยี น ดงั น้ี รศ.สมหมาย ชินนาค ภาควิชาสังคมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้แสดงทัศนะเก่ียวกับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนว่า เป็นเพียงวาทกรรมท่ีถูกสร้างข้ึนมา เพื่ออุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ท่ีมุ่งแต่ภาคเศรษฐกิจ โดยเพียงหวังให้สังคมวัฒนธรรมเป็นเครื่องเคียง ประกอบ เน่ืองจากทุกประเทศต้องการความเป็นสมาชิกองค์การระดบั ภมู ิภาค เพ่ือสร้างความเข้มแข็ง ใหก้ บั ประเทศตนโดยไม่ต้องคํานงึ ถงึ การทาํ งานร่วมกนั อย่างจรงิ จัง
109 ทั้งน้ี เพื่อให้การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนประสบความสําเร็จ ทุกประเทศควรสร้างมรดกร่วม ทางวฒั นธรรมเพ่อื ให้รูส้ กึ เปน็ พวกเดียวกัน สะท้อนถึงปัญหาอุปสรรคและทางออกเพ่ือรองรับการก้าว ไปสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 สําหรับประเทศไทย นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้อง เตรียมความพร้อมให้ทันสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เพราะการเป็นประชาคมอาเซียนน้ันไม่ได้อยู่ที่ กรอบนโยบายเพียงอย่างเดียว ปัญหาสําคัญประการหนึ่งคือทําอย่างไรให้ประชาชนทั่วภูมิภาคได้รับรู้ รับทราบ และสรา้ งความเขา้ ใจตามหลักการ “วิสยั ทัศน์เดียว อตั ลักษณ์เดียว ประชาคมเดียว” ซ่ึงเป็น กรอบความม่งุ หวงั ของกลุม่ อาเซียน นอกจากนี้ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ศาสตราภธิ าน คณะนติ ิศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดตี รองนายกรฐั มนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถึงอุปสรรคในการก้าวสู่ การเป็นประชาคมอาเซียนว่า อาเซียนประกาศว่าภายในปี พ.ศ.2558 ประชาคมอาเซียนจะเกิดข้ึน แต่ประชาชนในกลุ่มอาเซียนยังขาดการเป็นเจ้าของและยังไม่มีโอกาสเข้ามีส่วนร่วม โดยเฉพาะทาง สังคมยังไม่เกิดเป็นรูปธรรม จะมีส่วนร่วมเฉพาะผู้นําระดับรัฐมนตรีหรือหน่วยราชการเท่านั้น นอกจากนี้ ยังไม่มีนโยบายร่วมกันในกิจกรรมภายนอก อีกท้ังปัญหาการเมืองภายในของแต่ละ ประเทศก็เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอาเซียน ดังนั้น ภาครัฐต้องยอมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม มากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดยอมรับการตัดสินใจ พร้อมจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ เพื่อ แก้ไขปัญหาเพื่อเสนอให้กลุ่มอาเซียนจัดทําแผนร่วมมือท่ีเป็นรูปธรรม (กรมประชาสัมพันธ์ สํานักข่าว แห่งชาติ, 2554) สําหรับประเด็นสําคัญท่ีรัฐบาลต้องเร่งดําเนินการน้ัน ศ.ดร.เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีความคิดเห็นว่า รัฐบาลต้อง บูรณาการแผนงานและงบประมาณของกระทรวงและกรมต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงทางเศรษฐกิจ ท่ีสําคัญคนไทยจํานวนมากยังไม่ต่ืนตัวในการเข้าเป็นสมาชิกของประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 บางส่วนเข้าใจว่าประชาคมอาเซียนกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งเป็นคําที่พบบ่อยกว่านั้น เป็นเร่ืองเดียวกัน แต่ความจริงแล้วประชาคมอาเซียนนั้นประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคม การเมืองและความม่ันคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน ซ่ึงในปี พ.ศ.2558 อาเซียนจะเร่ิมเป็นประชาคมเดียวกันครอบคลุมท้ัง 3 เสาหลักน้ี ไม่ใช่ เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่าน้ัน และค่อยพัฒนามากขึ้นไปตามลําดับ ในขณะน้ีเหลือเวลาอีก ประมาณ 3 ปีเศษก่อนท่ไี ทยจะเข้าสู่การเป็นสมาชิกของประชาคมอาเซียน รัฐบาลควรให้ความสําคัญ กับการเสริมสร้างความเข้าใจ การเตรียมความพร้อมให้กับคนไทยอย่างแท้จริง เพื่อประเทศไทย
110 จะไม่พลาดโอกาสจากการเข้าเปน็ สว่ นหน่งึ ของประชาคมอาเซยี น และเพือ่ ที่ผลกระทบที่จะเกิดข้ึนน้ัน จะไมร่ ุนแรงจนเกนิ ไป ปัจจุบัน ประเทศไทยมีศูนย์อาเซียนศึกษาท่ีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและในโรงเรียนที่ เข้าร่วมโครงการ Spirit of ASEAN ศูนย์ลาวศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร มหาวิทยาลัย มหาสารคาม ศูนย์อินโดนีเซียศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และศูนย์อินโดจีนศึกษา (ซ่ึงมีศูนย์ย่อยประกอบด้วย ศูนย์กัมพูชา ศูนย์เวียดนาม ศูนย์ลาว ศูนย์เมียนมาร์ และศูนย์มาเลเซีย) ท่ีมหาวิทยาลัยบูรพา แต่อย่างไรก็ตามศูนย์บรูไนศึกษา ศูนย์ฟิลิปปินส์ศึกษา ศูนย์สิงคโปร์ศึกษาน้ัน ดูเหมือนยังไม่เกิดขึ้นและภาครัฐควรสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยไทยจัดตั้งศูนย์ศึกษาประเทศต่างๆ ในอาเซียนให้ครบถ้วน และให้ศูนย์เหล่าน้ีศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมของไทย ไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตาม แกนของเสาหลักของประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ประเทศไทยควรจะมีการจัดต้ัง “สํานักงาน คลังสมองไทยเพื่อประชาคมอาเซียน” (Thai Think Tank for ASEAN Community) ภายใต้ สํานักงานเลขานุการกรมอาเซียนเพื่อทําหน้าท่ีในการประสานงาน สนับสนุนเรื่องงบประมาณในการ ศึกษาวจิ ยั และประชาสัมพนั ธเ์ ครือขา่ ยศูนยศ์ ึกษาต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นท่ีรู้จัก เพ่ือให้ประชาชนสามารถ เข้าถึงขอ้ มลู จากศูนยเ์ หล่านไ้ี ดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเร็วมากที่สุด (เกรยี งศกั ด์ิ เจริญวงศ์ศกั ดิ,์ 2554) ในดา้ นของแรงงานน้นั นายไพสิฐ พานิชกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เสนอแนะถึงการปฏิรูปกฎหมายแรงงานว่า จะต้องให้ความสําคัญกับการจ้างแรงงานแบบยืดหยุ่น เพราะปัจจุบันทั่วโลกลดจํานวนของการจ้างแรงงานประจําลง แต่กลับจ้างแรงงานยืดหยุ่น หรือ แรงงานนอกระบบมากขึ้น แรงงานในลักษณะน้ีจะเป็นการจ้างงานแบบชั่วคราวหรือจ้างตามฤดูกาล จึงควรมีการจัดระบบสวัสดิการของแรงงานเหล่าน้ี ควรให้ความสําคัญกับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามา ทํางานในประเทศไทย ควรมีนโยบายท่ีชัดเจนในการส่งออกแรงงานไปต่างประเทศ และควรจัดการ ระบบการศึกษาท่ีเอ้ือต่อคนทํางานท่ีจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อยกระดับตัวเองให้สามารถเข้าไปสู่ การจ้างงานแรงงานแบบใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม การที่จะปฏิรูปกฎหมายแรงงานจะต้องมองในเร่ืองของ ความเป็นธรรมต่างๆ เหลา่ นดี้ ้วย (พสิ ษิ ฐ์ ดิษยธนะสทิ ธ,์ิ 2555) ในประเด็นเดียวกันน้ี นายโกวิท บุรพธานินทร์ กรรมการมูลนิธินิคมจันทรวิทุร ได้แสดง ความคิดเห็นว่า การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ โดยกลุ่มบุคคลที่จะได้รับประโยชน์มากท่ีสุดคือบุคคลที่สามารถเข้าถึงโอกาสได้มากที่สุด ได้แก่ ผ้มู กี ารศึกษาสูง ผู้ท่ีได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และบุคคลกลุ่มเล็กซึ่งได้แก่เจ้าของกิจการ (เจ้าของทุน)
111 ส่วนแรงงานรากหญ้าส่วนใหญ่อีกกว่าร้อยละ 50 – 60 น้ัน จะไม่ได้รับประโยชน์จากการรวมกลุ่มใน สว่ นนี้ ภายใต้กลไกภาครัฐของประเทศไทยที่ยังมีปัญหาอย่างมากมายในปัจจุบัน เช่น ปัญหาความ ไม่ม่ันคงในชั่วโมงการทํางาน ค่าจ้าง ค่าชดเชย วันหยุดลาคลอด และยังรวมไปถึงความไม่มั่นคงของ ชีวิตหลังการทํางาน และเม่ือเทียบกับประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไนและ เวียดนามแล้ว ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อม และประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศอันดับหลังๆ สิ่งท่ีจะตามมาเมื่อรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจคือ จะมีการเข้ามาลงทุนของบริษัทข้ามชาติ ประเทศไทย ก็จะมีนักลงทุนมาต้ังบริษัทประเภทต่างๆ หรือแม้แต่บริษัทไทยที่ไปจะไปลงทุนในกลุ่มประเทศ อาเซียน การลงทุนเหล่าน้ีจะส่งผลให้มีการเคล่ือนย้ายทุนและส่งผลให้เกิดการเคล่ือนย้ายแรงงาน ทางด้านบริการระหว่างประเทศเป็นจํานวนมาก หากมีการเคล่ือนย้ายแรงงานเหล่านี้ บริษัทข้ามชาติ ต่างๆ ควรจะต้องปฏิบัติตามปฏิญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization : ILO) ซึ่งปฏิญญาของ ILO มีแนวทางอยู่ 4 เร่ืองคือ 1) เรื่องของการจ้างแรงงาน 2) การฝึกอบรม 3) สภาพการทํางาน และ 4) แรงงานสัมพันธ์ เพราะฉะน้ันไม่ว่าประเทศต่างๆ ใน กลุ่มอาเซียนจะมาตั้งบริษัทในประเทศไทยหรือประเทศไทยจะไปลงทุนในประเทศอ่ืนๆ นักลงทุนจึง ควรคํานึงถึง 4 เรื่องดังกล่าว เช่น การเน้นการฝึกอบรมให้กับแรงงานท้องถิ่น นอกจากนี้ สิ่งท่ี รัฐบาลไทยควรเร่งแก้ไขก่อนจะมีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน คือการพัฒนา ความสามารถของลูกจ้างให้มีทักษะท่ีจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมปรับเปล่ียนและเรียนรู้ ตามเทคโนโลยีที่มีการเปล่ียนแปลง แต่ทว่าในปัจจุบันหน่วยงานหลายหน่วยงานยังไม่มีความพร้อม ในเรื่องฝึกอบรม โดยการฝึกอบรมต่างๆ ของแรงงานยังไม่มีการพัฒนา หรือกําหนดมาตรฐาน คณุ สมบัตวิ ิชาชีพแห่งชาติ (พิสษิ ฐ์ ดิษยธนะสทิ ธิ,์ 2555) ท้ังน้ี นักวิชาการต่างประเทศอย่าง ศ.ดร.มาร์ค ดับบลิว. นีล (Prof. Dr. Mark W. Neal) ผู้ทรงคุณวุฒิจาก School of Oriental & Africa Studies, University of London ได้กล่าวถึงการ พัฒนาด้านต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียนว่า การพัฒนาด้านต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียนน้ัน นอกจากจะคํานึงถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องคํานึงถึงความสมดุลของส่ิงแวดล้อมด้วย ซึง่ ท่ผี า่ นมาประเทศตา่ งๆ ในภูมิภาคอาเซยี นเน้นการพฒั นาด้านอุตสาหรรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ท้ังมลพิษทางอากาศ น้ําท่วม หรือแม้กระท่ัง ภยั แลง้ และสิง่ เหลา่ น้ี ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างเล่ียงไม่ได้ ดังนั้นการพัฒนา
112 ท่ียั่งยืนต้องตอบสนองความต้องการในปัจจุบันโดยไม่ทําลายทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ สําหรับ ประชากรอนาคต (นีล, มาร์คดบั บลวิ , 2555) จากแนวคิดและมุมมองของนักวิชาการได้สะท้อนถึงปัญหาอุปสรรคและทางออกเพ่ือรองรับ กับการก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ของไทย นับเป็นความท้าทายอย่างย่ิง ท่ีจะต้องเตรียมความพร้อมให้ทันสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เพราะการเป็นประชาคมอาเซียนน้ัน ไม่ได้อยูท่ ี่กรอบนโยบายเพียงอย่างเดียว ปัญหาสําคัญคือ ทําอย่างไรให้ประชาชนท่ัวทั้งภูมิภาคได้รับรู้ รับทราบและสร้างความเข้าใจตามหลักการ “วิสัยทัศน์เดียว อัตลักษณ์เดียว ประชาคมเดียว” ซึ่งเป็น กรอบม่งุ หวังของกลมุ่ อาเซียน ในขณะท่ผี ลสาํ รวจการรับร้แู ละความเขา้ ใจในเร่ืองอาเซียนของชาวไทย อยู่ในอันดับท้ายๆ นับเป็นโจทย์สําคัญท่ีรอการแก้ไขที่ทุกภาคส่วนต้องผนึกกําลังกัน เพ่ือให้ ประเทศไทยไดร้ ับประโยชน์สูงสดุ ในการกา้ วเข้าไปสู่การเปน็ ประชาคมอาเซยี นในปี พ.ศ.2558 ----------------------------------------
113 บรรณานุกรม กรมประชาสมั พันธ์. สาํ นกั ขา่ วแห่งชาต.ิ (2554). บนยา่ งกา้ วสปู่ ระชาคมอาเซียน2015 : ปญั หาอปุ สรรค และโอกาส. [ออนไลน]์ . วันทีค่ น้ ข้อมลู 2 พฤษภาคม 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://202.29.93.22/asean/index.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=7 กรมวทิ ยาศาสตร์บริการ. (2553). ศนู ย์วัสดสุ ัมผสั อาหารแหง่ เดียวของอาเซียน. [ออนไลน]์ . วนั ทีค่ น้ ขอ้ มลู 27 กุมภาพันธ์ 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/science กรมองค์การระหว่างประเทศ กองการสังคม. (2548). ความร่วมมือระหวา่ งประเทศเรอ่ื งโรคเอดส์ (HIV/AIDS). [ออนไลน์]. วนั ทค่ี ้นขอ้ มูล 25 ตุลาคม 2555. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/main/th/issues/9897-HIVAIDS.html กระทรวงการต่างประเทศ. กรมอาเซียน. (2548). ความรว่ มมอื อาเซยี นดา้ นการป้องกนั และปราบปราม ยาเสพตดิ . [ออนไลน]์ . วันที่คน้ ข้อมูล 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/internet/document.647.doc _________. (2555ก). (คาํ แปลอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ) แผนงานการจดั ต้ังประชาคมสงั คมและ วฒั นธรรมอาเซยี น (ค.ศ. 2009-2015). [ออนไลน์]. วันที่ค้นข้อมลู 27 กุมภาพันธ์ 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/asean/asean_web/media/asccbluprint_social.pdf _________. (2555ข). ตารางการดาํ เนนิ มาตรการภายใต้แผนงานการจดั ต้ังประชาคมสงั คมและ วฒั นธรรมอาเซียนของหนว่ ยงานราชการที่ดแู ลดา้ นสังคมและวฒั นธรรม (มติ ครม. 12 ต.ค. 53). [ออนไลน์]. วนั ท่คี น้ ขอ้ มลู 27 กุมภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/asean/asean_web/docs/asean_culture.pdf _________. (2555ค). ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น. [ออนไลน์]. วนั ที่คน้ ข้อมูล 27 กุมภาพันธ์ 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/web/3020.php?sid=4153
114 กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม. (2555). การประชมุ IAMME คร้ังที่ 13 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจกั รกัมพูชา. [ออนไลน์]. วันทคี่ ้นขอ้ มลู 25 ตลุ าคม 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://flood.mnre.go.th/ewt_news.php?nid=127&filename=index กระทรวงมหาดไทย. สาํ นกั บริหารการทะเบยี น. (2552). (คาํ แปลอย่างไม่เปน็ ทางการ) แผนงาน การจดั ตั้งประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซยี น (ค.ศ. 2009 – 2015). [ออนไลน]์ . วนั ทค่ี น้ ขอ้ มูล 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://118.174.31.136/KM_asean/pdf/2/2_3.pdf กระทรวงวัฒนธรรม. (2555). กระทรวงวฒั นธรรมจดั การประชุมคณะกรรมการอาเซยี นวา่ ด้วย วฒั นธรรมและสนเทศ คร้งั ที่ 46. [ออนไลน]์ . วันทคี่ น้ ข้อมูล 27 กุมภาพันธ์ 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.m-culture.go.th/detail_page.php?sub_id=3365 กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2555). ขา่ วประชาสมั พันธ์. [ออนไลน์]. วนั ทค่ี น้ ข้อมลู 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.most.go.th/main/index.php/news/org- news.html การดาํ เนนิ งานด้านสงิ่ แวดลอ้ มของประเทศไทยภายใตก้ รอบอาเซียน. (2555). [ออนไลน์]. วันท่ีค้นข้อมูล 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://infofile.pcd.go.th/mgt/ ASEAN52.pdf?CFID=9754342&CFTOKEN=52622970 เกรยี งศักดิ์ เจริญวงศศ์ กั ด.ิ์ (2554). การเตรยี มความพรอ้ มส่กู ารเป็นประชาคมอาเซยี น. [ออนไลน์]. วนั ท่ีค้นขอ้ มูล 2 พฤษภาคม2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.drdancando. com/index.php?option=com_content&view=article&id=91:to-prepare-for- the-asean-community&catid=35:article-&Itemid=67 “ความคบื หน้าโครงการ.” (2555, มกราคม). จุลสารจับตาอาเซยี น ASEAN Watch, 1(1), 4-10. ทศพนธ์ นรทศั น์. (2555). แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) กบั การเตรยี มความพรอ้ มเขา้ สูป่ ระชาคมอาเซียน. [ออนไลน์]. วันท่คี น้ ขอ้ มูล 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://thaingo.org/web/?s=%E0%B8%97% E0% B8%A8%E0%B8%9E%E0%B8%99
115 ไทยโพสต์. (2555). การพูดองั กฤษ. [ออนไลน์]. วนั ทีค่ ้นขอ้ มูล 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.ryt9.com/s/tpd/1321128 นีล, มารค์ ดับบลวิ . (2555). นักวชิ าการเมอื งผดู้ หี ่วง“อาเซียน”พัฒนาแบบทําลายสงิ่ แวดล้อม. [ออนไลน]์ . วนั ทค่ี ้นขอ้ มูล 2 พฤษภาคม 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000049618 เนชนั่ บรอดแคสต้ิง คอร์ปอเรชั่น. (2555). อาเซียนทีวี พร้อมแล้ว อสมท - เนช่ัน ท่มุ ทุนสรา้ งส่ือ เพือ่ คน 10 ประเทศ. [ออนไลน]์ . วันทคี่ ้นขอ้ มูล 27 กุมภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.nbc.co.th/news-detail.php?id=66 ประจกั ษ์ วฒั นานสุ ิทธ์ิ. (2555). การประชมุ สภาบรรณารกั ษแ์ หง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ คร้งั ที่ 15. [ออนไลน์]. วันท่คี น้ ข้อมูล 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.nlt.go.th/Data/_บทความ%20consal.doc ประชาไท. (2554). การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น (AC) ดว้ ย ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง. [ออนไลน]์ . วนั ท่ีค้นข้อมลู 27 กุมภาพันธ์ 2555. เข้าถึงได้จาก : http://prachatai.com/activity/2011/02/33229 ประภสั สร์ เทพชาตรี. (2552). ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซียน. [ออนไลน์]. วันท่คี น้ ขอ้ มลู 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://thepchatree.blogspot.com/2009/02/ blog-post_25.html พสิ ษิ ฐ์ ดษิ ยธนะสทิ ธ.์ิ (2555). นักวิชาการหว่นั อีก3ปเี ปดิ อาเซยี นแรงงานไทยรงั้ ทา้ ยจเี้ รง่ พัฒนา ฝมี อื -ปฏริ ปู กฎหมาย. [ออนไลน]์ . วนั ทค่ี ้นขอ้ มูล 2 พฤษภาคม 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://prachatai.com/journal/2012/04/40296 ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา. (2555). ประชาคมอาเซยี น 2558. [ออนไลน์]. วนั ท่คี น้ ขอ้ มลู 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.ceted.org/tutorceted
116 ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสิรนิ ธร. (2555 ก). ประวตั ศิ าสตรฉ์ บบั ยอ่ ของ อาเซยี น และประชาคมอาเซียน. [ออนไลน]์ . วันทีค่ น้ ข้อมลู 2 พฤษภาคม 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.sac.or.th/databases/conference_asean_2011/?page_id=536 ศูนย์มานษุ ยวทิ ยาสิรนิ ธร. (2555 ข). อาเซยี น : ประชาคมในมติ วิ ัฒนธรรมความขัดแยง้ และ ความหวงั . [ออนไลน์]. วนั ที่ค้นข้อมลู 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.sac.or.th/databases/conference_asean_2011/?p=1 สถาบันระหวา่ งประเทศเพ่ือการค้าและการพัฒนา. (2555). การเตรียมการอุดมศกึ ษาสู่ประชาคม อาเซียน. [ออนไลน]์ . วันท่คี ้นขอ้ มลู 2 พฤษภาคม 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.facebook.com/notes/itd-international-institute-for-trade-and- development สํานักงานขา้ ราชการพลเรือน. (2554). แผนการจดั ตงั้ ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น (ASEAN Socio-Cultural Community Blueprint). [ออนไลน]์ . วนั ทค่ี น้ ขอ้ มลู 2 พฤษภาคม 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://hq.prd.go.th/prTechnicalDM/ewt_news.php?nid=1304 สํานักงานปลัดกระทรวงการพฒั นาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์ สาํ นักงานนโยบายและ ยุทธศาสตร,์ (2555). โครงการสาํ คญั . [ออนไลน์]. วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.bps.m-society.go.th/home สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2555ก). ASEAN Community. [ออนไลน]์ . วันที่ค้นข้อมลู 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.bic.moe.go.th/th/index.php? Option =com_content&view=article&id=191&Itemid=171 _________. (2555ข). การศกึ ษา : การสรา้ งประชาคมอาเซยี น 2558. [ออนไลน]์ . วันทคี่ ้นขอ้ มลู 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.lib.hcu.ac.th/asean/ 1TheRoleofED-building- ASEANcommunity 2015.pdf _________. (2555ค). ความรว่ มมืออาเซียน - ไทย. [ออนไลน]์ . วันท่คี ้นข้อมูล 27 กุมภาพันธ์ 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_ content&view=article&id=189&Itemid=150
117 สาํ นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข. (2554). (รา่ ง)กรอบยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาสขุ ภาพเพ่ือ รองรับการเขา้ สู่ประชาคมอาเซยี น. [ออนไลน]์ . วนั ที่ค้นขอ้ มลู 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.anamai.moph.go.th/.../ASEANBlueprint/ สํานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั . (2555). ASEAN. [ออนไลน์]. วันทีค่ ้นข้อมูล 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://203.172.142.8/en/index. php?option=com_content&view=article&id=4&Itemid=21 สํานักงานสง่ เสรมิ สวัสดภิ าพและพทิ กั ษเ์ ด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผสู้ งู อาย.ุ (2555). โครงการฝกึ อบรมผนู้ าํ เยาวชน ณ ประเทศญี่ปนุ่ ประจาํ ปี ๒๕๕๕ (Training Programme for Young Leaders) [ออนไลน]์ . วนั ทคี่ น้ ขอ้ มูล 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.opp.go.th/3-1-5-55.doc สาํ นักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการการศึกษาท่ี 3. (2555). ประชาคมสังคมและวฒั นธรรม อาเซยี น (ASEAN Socio-Cultural Community). [ออนไลน์]. วนั ทคี่ น้ ข้อมูล 27 กมุ ภาพันธ์ 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.inspect3.moe.go.th/strategy3/ upload/asean/203.pdf ASEAN Watch. (2555). ความคืบหนา้ อาเซยี น. [ออนไลน]์ . วันท่คี ้นขอ้ มลู 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://aseanwatch.org/category/asean-progress/
118 ความสัมพนั ธภ์ ายนอกภมู ิภาคของอาเซียน External Relations ---------------------------------------------------------------------------- อาเซยี นได้พัฒนาความสัมพนั ธ์ภายนอกภมู ิภาคทัง้ แบบทวภิ าคแี ละแบบพหุภาคีเพื่อเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับโลก โดยอาเซียนพยายามทําหน้าท่ีเป็นแกนกลางของความสัมพันธ์ หรือริเร่ิมความร่วมมือต่างๆ ในภูมิภาค ในการน้ี อาเซียนได้ดําเนินความสัมพันธ์กับประเทศและ องค์กรต่างๆ ภายนอกภูมิภาคในฐานะประเทศคู่เจรจา (dialogue partner) คู่เจรจาเฉพาะด้าน (sectoral dialogue partner) หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (development partner) ผู้สังเกตการณ์ พเิ ศษ (special observer) ประเทศ/องคก์ รผรู้ บั เชญิ (guest) และในฐานะอน่ื ๆ นอกจากน้ี ในกฎบัตรอาเซียนได้กําหนดเรื่องความสัมพันธ์ภายนอกภูมิภาคไว้ในหมวด 12 มีจํานวน 6 ข้อ (ข้อ 41 – 46) โดยมีสาระสําคัญคือ อาเซียนต้องพัฒนาความร่วมมือและความเป็น หุ้นส่วนเพ่ือผลประโยชน์ร่วมกันกับนานาประเทศ องค์การ และสถาบันในระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมสุดยอดอาเซียน (ท่ีประชุมสูงสุดของผู้นําฝ่ายบริหารของกลุ่ม ประเทศอาเซียน) จะทําหน้าที่กําหนดแนวนโยบายยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์โดยการเสนอแนะของ ท่ีประชุมรัฐมนตรตี ่างประเทศอาเซยี น ท้งั น้ี อาเซยี นอาจทําความตกลงกบั ประเทศต่างๆ หรือองค์การ และสถาบนั ในระดบั อนภุ มู ภิ าค ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยให้คณะมนตรปี ระสานงานอาเซียน หารือกับคณะมนตรีประชาคมอาเซียนเพอ่ื กําหนดกระบวนการทําความตกลงดังกลา่ ว สําหรับประเด็นสําคัญอีกประการหน่ึงท่ีกฎบัตรอาเซียนได้กําหนดไว้คือ วิธีประสานงานกับ คู่เจรจา โดยมอบหมายให้ประเทศสมาชิกผลัดกันรับผิดชอบในภาพรวมสําหรับการประสานงานและ ส่งเสริมผลประโยชน์ของอาเซียนในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา องค์การและ สถาบันระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศที่เก่ียวข้อง ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนใดที่ได้รับหน้าท่ีเป็น ประเทศผปู้ ระสานงานแล้ว จะมหี นา้ ทด่ี ังนี้ 1. เป็นผูแ้ ทนอาเซียนในการสรา้ งความสมั พนั ธ์ 2. เป็นประธานร่วมในการประชุมท่ีเกีย่ วข้องระหว่างอาเซียนและหุ้นส่วนภายนอก
119 3. รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการอาเซียนในประเทศที่สาม (ASEAN Committee in Third Countries)* และองคก์ ารระหวา่ งประเทศท่เี ก่ยี วขอ้ ง ในทีน่ ข้ี อนาํ เสนอความสัมพันธ์ของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาและประเทศคู่เจรจาเฉพาะด้าน ซึ่งมีบทบาทและอิทธิพลกับการดําเนินกิจกรรมระหว่างประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปน็ สําคญั โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี ลาํ ดับท่ี ประเทศ/องค์การ สถานะ ประเทศอาเซยี นทรี่ ับผิดชอบประสานงาน ความสมั พันธ์ ความสัมพนั ธ์กบั ประเทศค่เู จรจา 1 สหรัฐอเมริกา (ก.ค.55 – ก.ค.58) 2 สหพันธรฐั รัสเซยี ประเทศคู่เจรจา สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์ 3 สาธารณรฐั ประชาชนจนี ประเทศคู่เจรจา สหพันธ์มาเลเซยี 4 แคนาดา ประเทศคูเ่ จรจา ราชอาณาจกั รไทย 5 สหภาพยุโรป ประเทศคูเ่ จรจา สาธารณรฐั สิงคโปร์ 6 สาธารณรัฐอินเดยี ประเทศคู่เจรจา สาธารณรฐั สังคมนยิ มเวยี ดนาม 7 สาธารณรัฐเกาหลี ประเทศคู่เจรจา บรูไนดารุสซาลาม 8 เครอื รัฐออสเตรเลีย ประเทศคเู่ จรจา สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี 9 นวิ ซแี ลนด์ ประเทศคเู่ จรจา สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปินส์ 10 ญปี่ นุ่ ประเทศค่เู จรจา 11 อาเซยี น+3 (จีน ญป่ี ุ่น และ ประเทศคเู่ จรจา สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ราชอาณาจกั รกมั พชู า เกาหลีใต้) ประเทศคเู่ จรจา 12 การประชมุ สดุ ยอดเอเชยี ประเทศสมาชิกทที่ ําหนา้ ท่ี ประเทศค่เู จรจา เป็นประธานอาเซยี น ตะวันออก 13 องค์การสหประชาชาติ (UN) ประเทศคู่เจรจา ประเทศสมาชกิ ท่ีทําหน้าท่ี เป็นประธานอาเซียน ภายใตโ้ ครงการพฒั นาแหง่ สหประชาชาติ (UNDP) สาํ นักเลขาธกิ ารอาเซียน 14 สาธารณรัฐอิสลามปากสี ถาน ประเทศคเู่ จรจา สาํ นักเลขาธกิ ารอาเซยี น เฉพาะด้าน * คณะกรรมการอาเซียนในประเทศที่สาม ประกอบด้วยเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนในประเทศ คู่เจรจาทั้ง 10 ประเทศ และในประเทศอ่ืนๆ ที่อาเซียนเห็นสมควรให้มีการจัดต้ังคณะกรรมการอาเซียนในประเทศ ท่สี าม โดยทําหนา้ ทใ่ี หข้ ้อมลู และวิเคราะห์ทา่ ทขี องประเทศทีค่ ณะกรรมการอาเซยี นต้ังอยู่
120 1. ความสมั พนั ธอ์ าเซยี น - สหรฐั อเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2520 โดยในระยะแรกเน้นความร่วมมือด้านการพัฒนา ต่อมาจึงขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยประเทศสมาชิกอาเซียนประสงค์ที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับ สหรัฐอเมริกาท้ังในระดับทวิภาคีและในลักษณะกลุ่มประเทศ นอกจากน้ี สหรัฐอเมริกายังได้ให้ ความสําคัญต่อประเด็นด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและยังคงต้องการมีบทบาท สาํ คัญเชงิ ยทุ ธศาสตรใ์ นภมู ภิ าคมาโดยตลอด ปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีท่าทีท่ีจะให้ความสําคัญมากขึ้นกับภูมิภาคเอเชีย และเล็งเห็น ความสําคัญของอาเซียนท้ังในด้านการเมือง ความม่ันคง และเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้จากการที่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เข้าร่วมการประชุมผู้นําอาเซียน-สหรัฐอเมริกา (ASEAN-U.S. Leaders’ Meeting) รวม 3 คร้ัง และมีกําหนดจะเข้าร่วมการประชุมผู้นําฯ คร้ังท่ี 4 ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2555 โดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายํ้าเสมอว่า สหรัฐอเมริกาเป็นส่วนหนึ่งของ ภูมิภาคแปซิฟิก (Pacific Nation) และแสดงเจตนารมณ์ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย นอกจากน้ี ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก คร้ังท่ี 6 เม่ือวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซ่ึงนับว่าเป็นครั้งแรกท่ีผู้นํา สหรฐั อเมริกาเข้าร่วมการประชุมดงั กล่าว (กรมอาเซยี น, 2555) บทวเิ คราะหบ์ ทบาทของสหรัฐอเมรกิ าในอาเซยี น* ภายหลังภาวะสงครามในกัมพูชายุติในปี พ.ศ.2534 บทบาททางการเมืองของสหรัฐอเมริกา ในภูมิภาคนี้เริ่มลดลง พร้อมกับการเข้ามาขยายอิทธิพลเพิ่มข้ึนของจีนท้ังด้านการเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสัมภาษณ์ของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับผลประโยชน์ในการสัญจรทางทะเลของสหรัฐอเมริกา ในเขตทะเลจีนใต้ในปี พ.ศ.2553 (New York Times, 2010) และการที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit : EAS) ในปี พ.ศ.2554 ที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงเร่ิมมีการส่งสัญญาณว่า สหรัฐอเมริกาจะเพิ่มบทบาทในภูมิภาคนี้ เนื่องจาก * วเิ คราะห์โดยนายฐากรู จุลินทร วิทยากรชํานาญการพิเศษ สํานกั วิชาการ สํานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร
121 ยังมีบรรยากาศความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ของการอ้างอํานาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ทางทะเล เช่น หมู่เกาะ สแปรตลีย์ (Spratly Islands) ในเขตทะเลจีนใต้ท่ีไปมีผลกระทบต่อประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในขณะน้ีจะไม่มีฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่ประเทศฟิลิปปินส์แล้ว แต่สหรัฐอเมริกายังมี ความร่วมมือทางทหาร เศรษฐกิจ และการลงทุนท่ีแน่นแฟ้นกับฟิลิปปินส์ เน่ืองจากความเป็นมาทาง ประวัติศาสตร์ท่ีฟิลิปปินส์เคยเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา และทั้งสองประเทศร่วมต่อสู้ด้วยกัน ทงั้ ในสงครามโลกคร้ังท่ี 2 และสงครามเวียดนาม นอกจากน้ัน ทั้งสองประเทศยังมีสนธิสัญญาป้องกัน ประเทศร่วมกัน (US-Philippines Mutual Defense Treaty) เม่ือฟิลิปปินส์เข้าไปเป็นคู่ขัดแย้ง กับจนี จงึ ทาํ ใหส้ หรัฐอเมริกาตอ้ งติดตามสถานการณด์ ังกล่าวอยา่ งใกลช้ ดิ สําหรับสิงคโปร์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความสําคัญทางยุทธศาสตร์สําหรับสหรัฐอเมริกา เน่ืองจากเป็นจุดสําหรับเติมนํ้ามันให้กับเรือรบและเครื่องบินรบของสหรัฐอเมริกา และเป็นประเด็น น่าสนใจอย่างยิ่งท่ีสิงคโปร์เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีข้อตกลงในเรื่องเขตการค้าเสรีกับ สหรัฐอเมริกา ในขณะที่กรอบของเขตการค้าเสรีระหว่างกลุ่มอาเซียนกับสหรัฐอเมริกายังไม่มีข้อยุติ ทั้งน้ี สหรฐั อเมริกาและสงิ คโปร์ตา่ งก็มแี นวทางสนบั สนุนการคา้ เสรเี ช่นกัน สิงคโปร์ไม่มีฐานทรัพยากร หรือฐานผลิตด้านการเกษตร ฉะนั้น การค้าเสรีจึงเป็นประโยชน์ต่อสิงคโปร์อย่างยิ่ง และในทาง เดียวกนั สหรฐั อเมริกากไ็ ด้รับประโยชน์โดยมีสิงคโปร์เป็นช่องทางสําหรับส่งเสริมการค้าและการลงทุน ในกลมุ่ อาเซียน สําหรบั ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสหรฐั อเมริกากับอนิ โดนเี ซยี นน้ั เป็นไปดว้ ยดเี ป็นลาํ ดับเน่ืองจาก อินโดนีเซียเป็นประเทศมุสลิมท่ีมีนโยบายเดินสายกลาง ประกอบกับสองประเทศได้มีความร่วมมือ ในการต่อต้านการก่อการร้าย ทําให้ท้ังสองประเทศมีความสัมพันธ์ท่ีดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่าน้ันเป็นเรื่อง เฉพาะตัวท่ีประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้ชีวิตในวัยเด็กในอินโดนีเซีย จึงทําให้สหรัฐอเมริกามี ทัศนคติในทางบวกกับอินโดนีเซีย ประกอบกับสหรัฐอเมริกาให้ความสําคัญกับอินโดนีเซียในฐานะ ประเทศที่มีบทบาทนําของกลุ่มอาเซียน เช่น การคล่ีคลายปัญหาไทย–กัมพูชา ในส่วนของ ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ได้มีความร่วมมือด้วยดีมาโดยตลอด แต่มีข้อสังเกตว่าในช่วง 10 ปีท่ีผ่านมาท่ีไทยเสนอผู้แทนเข้าแข่งขันในตําแหน่งผู้อํานวยการองค์การการค้าโลกและเลขาธิการ องค์การสหประชาชาติ กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาเท่าท่ีควร โดยในตําแหน่ง ผู้อํานวยการองค์การการค้าโลกกลับได้รับการคัดค้านจากสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณา ในภาพรวมแล้ว ไทยเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ท่ีดีทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนทั้งด้านการเมืองและ ด้านเศรษฐกิจ ดังน้ัน ไทยจึงอาจดําเนินนโยบายที่รักษาความสมดุลความสัมพันธ์เชิงอํานาจกับ
122 สองประเทศมหาอํานาจดังกล่าว เพ่ือประโยชน์ของกลุ่มอาเซียนสําหรับการรักษาสันติภาพในภูมิภาค ทอ่ี าจจะมปี ัญหาความขดั แยง้ มาจากปญั หาอ้างอํานาจอธปิ ไตยเหนือพ้นื ทที่ ะเลจนี ใต้ ในภาพรวมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาจากข้อมูล ปี พ.ศ.2553 สหรฐั อเมรกิ าเปน็ คูค่ า้ ลาํ ดบั 4 ของกล่มุ อาเซียน โดยเปน็ ลําดับรองจากจนี สหภาพยุโรป (ในขณะที่มีสมาชิก 25 ประเทศ) และญี่ปุ่น โดยสหรัฐอเมริกาจะเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับ กลุ่มประเทศอาเซียนหรือกล่าวได้อีกนัยหน่ึงว่า สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดสินค้าส่งออกที่สําคัญของ อาเซียน (ASEAN, 2012 a) ดังนน้ั เม่อื สหรัฐอเมรกิ าเกดิ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ อาเซียนย่อมได้รับ ผลกระทบด้วย เมื่อพิจารณาถงึ การลงทนุ แล้ว ปรากฏว่ามูลค่าการลงทุนสะสมระหว่างปี พ.ศ.2551 – พ.ศ.2553 ประมาณ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผู้ลงทุนลําดับ 3 ในกลุ่มอาเซียน โดยเป็นลําดับ รองจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น (ASEAN, 2012 d) แต่เม่ือพิจารณาถึงตัวเลขนักท่องเท่ียว สหรัฐอเมริกาที่เดินทางมายังประเทศในกลุ่มอาเซียนในปี พ.ศ.2553 ปรากฏว่าจํานวนนักท่องเท่ียว คอ่ นข้างน้อยโดยเป็นลําดับท่ี 5 และเป็นตัวเลขที่น้อยกวา่ ออสเตรเลยี (ASEAN, 2012 c) 2. ความสัมพันธ์อาเซยี น - สหพนั ธรฐั รสั เซยี ความสมั พนั ธ์อาเซียน-รัสเซียเริ่มต้นจากการที่รัสเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ในฐานะคู่หารือ (consultative relations) กับอาเซียนในปี พ.ศ.2534 และพัฒนาความสัมพันธ์จนได้รับสถานะ ประเทศคู่เจรจากับอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยที่ 29 เม่ือเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2539 ท่ีกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และต่อมารัสเซียได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญา ไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia : TAC) เมื่อวันท่ี 29 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2547 สําหรับกลไกความสัมพันธ์ของอาเซียน-รัสเซีย ได้แก่ 1) ASEAN-Russia Summit (ระดับ ผู้นํา) จัดข้ึนครั้งแรก เม่ือปี พ.ศ.2548 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และครั้งท่ี 2 ในช่วง การประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังท่ี 17 เม่ือวันท่ี 30 ตุลาคม พ.ศ.2553 ณ กรุงฮานอย ประเทศ เวียดนาม 2) การประชุมระดับรัฐมนตรี (ASEAN Post Ministerial Conference (PMC) + 1) ประชุมปีละคร้ัง 3) การประชุมระดับเจ้าหน้าท่ีอาวุโส (ASEAN-Russia Senior Officials’ Meeting) ประชุมทุก 18 เดือน 4) การประชุมระดับผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกอาเซียน ประจําอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย (ASEAN-Russia Joint Cooperation Committee) ประชุม ปีละคร้ัง และ 5) การประชุมระดับผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกอาเซียนประจําอาเซียนท่ี
123 กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย (ASEAN-Russia Joint Planning and Management Committee) ประชมุ ปีละครั้ง (กรมอาเซียน, 2555) บทวเิ คราะหบ์ ทบาทของรสั เซียในอาเซยี น* ภายหลังท่ีสหภาพโซเวียตล่มสลายและสงครามในกัมพูชายุติลงในปี พ.ศ.2534 บทบาท ทางการเมืองของรัสเซียในภูมิภาคนี้เร่ิมลดลงตามลําดับ โดยในปี พ.ศ.2545 รัสเซียได้ปิด ฐานทัพใน เวยี ดนาม ซ่ึงทําให้ศักยภาพทางทหารในภมู ิภาคน้ีลดลงไปด้วย ขณะเดียวกันรัสเซียมีความสัมพันธ์ท่ีดี ขึ้นกับกลุ่มอาเซียน (เดิม) ตามลําดับ หลังจากเผชิญหน้ากันระหว่างสงครามในกัมพูชา โดยรัสเซีย เข้ามาเป็นประเทศคู่เจรจากับอาเซียนในปี พ.ศ.2539 และเป็นสมาชิกกลุ่ม APEC ในปี พ.ศ.2541 ท้ังนี้ รัสเซียยังรักษาความสัมพันธ์ทางการเมืองท่ีดีกับประเทศเวียดนาม กัมพูชา และลาว ในฐานะท่ี เคยมีบทบาทในกลุ่มการเมืองเดียวกันมา โดยมีการเยือนของผู้นําในระดับสูงของสามประเทศนี้ อยู่เสมอ แต่ถึงกระนั้นความร่วมมือทางการค้าและการทุนในลาวและกัมพูชายังไม่มีความโดดเด่น เน่ืองจากศักยภาพทางเศรษฐกิจของสองประเทศยังไม่ค่อยสูงมากนักเม่ือเปรียบเทียบกับเวียดนาม โดยในปี พ.ศ.2553 เวียดนามเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนท่ีเป็นคู่ค้าลําดับที่ 3 ของรัสเซีย (รองจาก ไทยและสิงคโปร์) สําหรับประเด็นท่ีน่าสนใจ คือ รัสเซียมีบทบาทอย่างสูงสําหรับการก่อสร้างโรงงาน ไฟฟ้านิวเคลียร์ในเวียดนาม ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้าง การให้สนับสนุน การกู้ยืมเงินประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกันน้ันยังให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคไม่ว่าจะ เป็นการจัดส่งเช้ือเพลิงและจัดเก็บกากเช้ือเพลิงภายหลังการผลิตไฟฟ้าแล้ว รวมท้ังการส่งบุคลากรไป รับการอบรมดา้ นนิวเคลียร์ในรัสเซยี (World Nuclear Association, 2012) อย่างไรกต็ าม เม่อื พิจารณาระดับการค้าและการลงทุนของรัสเซยี แลว้ ยังมีช่องทางท่ีจะขยาย ได้อีก โดยจากข้อมูลในปี พ.ศ.2553 ปรากฏว่า กลุ่มอาเซียนมีสัดส่วนทางการค้ากับรัสเซียเพียง ร้อยละ 0.4 เท่าน้ัน ซึ่งยังน้อยกว่าสวิสเซอร์แลนด์ อันเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่ารัสเซีย แต่กลับมีสัดส่วนทางการค้าในระดับร้อยละ 0.6 (ASEAN, 2012 a) หรือระดับการลงทุนสะสมจาก รัสเซียท่ีลงทุนโดยตรงในกลุ่มอาเซียนระหว่างปี พ.ศ.2551 – พ.ศ.2553 ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ถือว่ามีสัดส่วนท่ีน้อยมากเพียงร้อยละ 0.2 ซ่ึงเมื่อเปรียบเทียบกับระดับการลงทุนของญี่ปุ่น * วเิ คราะห์โดยนายฐากรู จลุ นิ ทร วทิ ยากรชาํ นาญการพเิ ศษ สํานักวิชาการ สาํ นักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร
124 ในกลุ่มอาเซียนช่วงเวลาเดียวกันน้ี มีถึงร้อยละ 10.1 หรือกล่าวได้อีกนัยหน่ึงว่า การลงทุนของรัสเซีย มีเพียงร้อยละ 2 ของการลงทนุ จากญี่ปนุ่ เทา่ นน้ั (ASEAN, 2012 d) สําหรับในภาคท่องเท่ียวน้ัน แม้ว่าระดับรายได้ของประชาชนรัสเซียโดยเฉล่ียจะเพ่ิมขึ้น จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การท่องเท่ียวของชาวรัสเซียที่เดินทางมาท่องเท่ียวในประเทศกลุ่ม อาเซียน ยังมีตัวเลขประมาณ 860,000 คน ในปี พ.ศ.2553 หรือประมาณร้อยละ 1.2 ของ นักท่องเท่ียวทั้งหมด ซ่ึงมีตัวเลขไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอ่ืนๆ (ASEAN, 2012 c) แต่เป็นท่ีน่าสังเกตว่า การท่องเที่ยวของชาวรัสเซียมีการกระจุกตัวที่ประเทศไทย โดยในปี พ.ศ.2553 มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาประเทศไทย ประมาณ 640,000 คน แม้ว่าจํานวนนักท่องเท่ียว ชาวรัสเซียที่เดินทางมาที่ไทยจะอยู่ในระดับท่ีสูง แต่ปัญหาการจัดตั้งองค์กรอาชญากรรม (mafia gang) ของชาวรัสเซียในไทยก็เป็นประเด็นปัญหาที่ติดตามมาด้วย เพราะเป็นที่รับทราบโดยท่ัวกันว่า ไทยเป็นฐานขององค์กรอาชญากรรมชาวรัสเซีย ท่ีมีการก่อคดีการฟอกเงินหรืออาชญากรรมอ่ืนๆ อันจะกระทบตอ่ ความมั่นคงแหง่ รัฐได้ ในความร่วมมือในส่วนอื่นท่ีสําคัญที่รัสเซียมีศักยภาพที่สามารถสร้างความร่วมมือกับกลุ่ม อาเซียนได้ คือ ในเร่ืองวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่รัสเซียมีความเจริญก้าวหน้ามาก เช่น ด้านผลิตภัณฑ์ยา การขนส่งและอวกาศ ฯลฯ โดยเฉพาะศักยภาพด้านด้านพลังงาน โดยกลุ่มอาเซียน อาจเพิ่มความร่วมมอื ด้านการลงทนุ และการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี บั รสั เซียในประเด็นดังกล่าว 3. ความสมั พนั ธ์อาเซียน - สาธารณรฐั ประชาชนจนี ความสัมพันธ์กับจีนในฐานะคู่เจรจาของอาเซียนเร่ิมต้นขึ้นเม่ือนายนายเฉียน ชีเชิน (Qian Qichen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศอาเซียน คร้ังท่ี 24 เม่ือเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2534 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในฐานะแขกของรัฐบาลมาเลเซีย ต่อมาในปี พ.ศ.2539 จีนได้รับสถานะคู่เจรจาอย่างเต็มรูปแบบ ของอาเซียน ต่อมาในปี พ.ศ.2549 ได้มีการจัดประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ เพื่อฉลอง ครบรอบ 15 ปี ความสัมพนั ธอ์ าเซยี น–จนี ท่ีนครหนานหนงิ ประเทศจนี และในปี พ.ศ.2554 อาเซยี น และจีนเห็นพ้องให้การประชุมสุดยอดอาเซียน–จีน ครั้งที่ 14 ท่ีเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เป็นการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน ซ่ึงมีมิติความร่วมมือ 3 ด้าน คือด้านการเมืองความม่ันคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านพัฒนา สังคมและ วัฒนธรรม (กรมอาเซียน, 2555)
125 บทวิเคราะห์บทบาทของจีนในอาเซยี น* สภาวะสันติภาพเกิดข้ึนในกัมพูชาเมื่อปี พ.ศ.2534 ประกอบสถานการณ์ของโลกที่มีความ เปล่ียนแปลงไปเน่ืองจากสงครามเย็นยุติลงในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นผลให้จีนเริ่มเข้ามามีบทบาท ในด้านเศรษฐกิจมากขึ้นทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยก่อนหน้าน้ันจีนภายใต้การนําของพรรค คอมมิวนิสต์ได้สนับสนุนการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ หรือกล่าวได้อีกนัยหน่ึงว่า จีนส่งออกสินค้าแทนท่ี “การปฏิวัติ” ทําให้ระดับ ความรว่ มมือของกลุม่ อาเซยี นกับจนี เป็นไปไดด้ ้วยดี อย่างไรก็ตาม มีข้อขัดแย้งท่ียังไม่มีข้อยุติที่สําคัญในเร่ืองอํานาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะ สแปรตลีย์บริเวณทะเลจีนใต้ โดยที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ บรูไน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย รวมทั้งกลุ่มประเทศนอกอาเซียน ได้แก่ จีน และไต้หวัน ซึ่งต่างก็อ้างอํานาจอธิปไตยเหนือ ดินแดนดังกล่าว โดยประเด็นนี้ยังเป็นกรณีที่หลายประเทศในกลุ่มอาเซียนยังมีท่าทีซ่ึงไม่เป็น ในทางบวกในเรื่องนี้กับจีน โดยเฉพาะเวียดนาม ได้พยายามดึงสหรัฐอเมริกาเข้ามาสนับสนุน โดยนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวเกี่ยวกับ ผลประโยชน์ในการสัญจรทางทะเลของสหรัฐอเมริกาในเขตทะเลจีนใต้ในการประชุมระหว่างประเทศ ท่ีประเทศเวียดนาม ในปี พ.ศ.2553 จึงเป็นเรื่องท่ีน่าติดตามว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้ามามีบทบาทเพื่อ ถว่ งดลุ อํานาจกับจนี ในภมู ภิ าคนีล้ กั ษณะใด ท้งั น้ี จีนมคี วามไดเ้ ปรียบในเชงิ ภมู ิศาสตร์และวฒั นธรรมมากกวา่ ประเทศมหาอํานาจอื่นๆ ใน การสร้างความร่วมมือกับกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายการขนส่งทางถนนกับเวียดนาม ลาว และเมียนมาร์ เพ่ือกระจายสินค้าไปสู่ท่าเรือต่างๆ ในขณะท่ีสหรัฐอเมริกาและกลุ่มสหภาพยุโรป มีทา่ ทกี ารเมืองไม่ยอมรบั รัฐบาลเมยี นมาร์อย่างเต็มท่ีเน่ืองจากอยู่ระหว่างการติดตามระดับพัฒนาการ ของระบอบประชาธิปไตย แต่จีนมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเมียนมาร์ท้ังในความร่วมมือทาง การเมืองและทางทหารไม่ว่าเมียนมาร์จะมีรูปแบบการปกครองในลักษณะท่ีเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ โดยจีนเป็นผู้ขายอาวุธรายสําคัญให้กับเมียนมาร์ ทั้งนี้ หากเมียนมาร์มีการฟื้นฟูการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยและปรบั โครงสร้างทางเศรษฐกจิ อย่างจริงจังเพือ่ รองรบั กับการเข้าสปู่ ระชาคมอาเซียนแล้ว จึงเชอ่ื ได้ว่าจนี จะเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์ทั้งการลงทุนหรือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านป่าไม้ * วิเคราะห์โดยนายฐากรู จุลนิ ทร วิทยากรชาํ นาญการพิเศษ สํานกั วชิ าการ สํานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร
126 และพลังงานจากเมียนมาร์ นอกจากนั้น ยังอาจใช้เมียนมาร์ เป็นช่องทางการส่งสินค้าไปสู่กลุ่มประเทศ ต่างๆ ดา้ นมหาสมุทรอนิ เดยี สําหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับกลุ่มอาเซียนมีการเพ่ิมข้ึนอย่างมีนัยสําคัญ โดยในปี พ.ศ.2547 ได้มีการลงนามรับรองข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน–จีน นอกจากนั้น ในปี พ.ศ.2552 จีนเป็นประเทศคู่ค้าลําดับที่ 1 ของอาเซียน โดยมีส่วนแบ่งทางการค้าในสัดส่วนร้อยละ 11.6 (ASEAN, 2012 b) แต่การลงทุนสะสมระหว่างปี พ.ศ.2551 – พ.ศ.2553 ปรากฏว่าจีนมีส่วน แบ่งการลงทุนในกลุ่มอาเซียนเป็นลําดับที่ 4 (เป็นลําดับรองจากสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา) ในสัดส่วนร้อยละ 5.5 เท่าน้ัน (ASEAN, 2012 d) ด้านการท่องเที่ยว นักท่องเท่ียวจีน เดินทางมาอาเซียนมากเป็นลําดับที่ 2 (เป็นลําดับรองจากสหภาพยุโรป) ในสัดส่วนร้อยละ 5.5 (ASEAN, 2012 c) ทั้งน้ี เม่ือพิจารณาอัตราการเพ่ิมของการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ก็พบว่า มีการเพ่ิมข้ึนตามลําดับในแต่ละปี เพราะฉะน้ันจึงอาจกล่าวได้ว่ากลุ่มอาเซียนมีภาวะความพึ่งพิง ทางเศรษฐกจิ กบั จนี มากขน้ึ หากมกี ารเปลยี่ นแปลงท่สี ําคัญในจนี ก็จะส่งผลกระทบตอ่ กลุม่ อาเซยี นได้ มีข้อสังเกตประการหน่ึงคือ ความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างไทยกับจีนเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น มากยิ่งข้ึน ถึงกลับกลายเป็นประเพณีแล้วว่า เม่ือไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาแล้ว ก็จะมี กําหนดการเดินทางไปเยือนประเทศจีนเป็นลําดับแรกๆ โดยในรอบ 35 ปี นายกรัฐมนตรีไทยท่ีไม่ได้ เดินทางไปเยือนจีน มีเพียงพลเอกสุจินดา คราประยูร เพียงคนเดียวเน่ืองจากดํารงตําแหน่งใน ระยะเวลาสัน้ ๆ ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting : ASEM) ที่ประเทศจีน 4. ความสัมพนั ธอ์ าเซยี น - แคนาดา ความสัมพนั ธร์ ะหว่างอาเซียน-แคนาดาเร่ิมตน้ อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2520 โดยท่ีผ่านมา ได้มีการดําเนินความร่วมมือท่ีครอบคลุมมิติต่างๆ ทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง การค้าและ การลงทุน ความสมั พันธร์ ะดับประชาชน รวมทั้งความรว่ มมอื เพ่อื การพัฒนา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2552 อาเซียนได้จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (Post Ministerial Conference : PMC) กับแคนาดา ที่จังหวัดภูเก็ต โดยท่ีประชุมได้ให้ ความเห็นชอบปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพ่ิมพูนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา (Joint Declaration on the ASEAN-Canada Enhanced Partnership) ซึ่งจะเป็นแผนแม่บทในการ ดําเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต นอกจากนั้น ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
127 ครง้ั น้ี ไทยไดร้ ับหน้าทปี่ ระเทศผปู้ ระสานงานความสมั พันธอ์ าเซียน-แคนาดาเป็นเวลา 3 ปี (กรกฎาคม พ.ศ.2552 - กรกฎาคม พ.ศ.2555) เมื่อวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ.2553 อาเซียนได้จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน กับแคนาดา (PMC+1) ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซ่ึงท่ีประชุมได้ให้การรับรองอย่างเป็น ทางการต่อแผนปฏิบัติการเพ่ือดําเนินการให้เป็นไปตามปฏิญญาร่วมฯ (Plan of Action to Implement the Joint Declaration on the ASEAN Canada Enhanced Partnership 2010-2015) เพ่ือเป็นแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2553 - พ.ศ.2558) ซึ่งสอดคล้องกับแผนการสร้างประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ.2558 และแคนาดาได้ ภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งม่ันของแคนาดาต่อการส่งเสริมสันติภาพ และความมัน่ คงในภูมิภาค ในปัจจบุ นั แคนาดาใหค้ วามสนใจพัฒนาการในอาเซยี นมากขนึ้ รวมทงั้ ติดตามพฒั นาการของ สถาปัตยกรรมในภูมิภาคเอเชียท่ีมีอาเซียนเป็นแกนกลาง สถานะของความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดา มพี ัฒนาการเชิงบวกที่ส่งสัญญาณวา่ แคนาดาจะมีความรว่ มมือกับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมมากย่ิงข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC นอกจากนี้ แคนาดายังได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูต ประจาํ อาเซียนและจัดต้ัง Canada’s ASEAN Network ซึ่งเป็นเครือข่ายของเอกอัครราชทูตแคนาดา ในประเทศสมาชิกอาเซียน เพือ่ เป็นกลไกกาํ หนดและขบั เคลื่อนนโยบายต่ออาเซียนร่วมกัน นอกจากน้ี จากผลการเลือกต้ังทั่วไปของแคนาดาเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2554 รัฐบาลแคนาดาได้รับคะแนน เสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา และได้แสดงความเช่ือม่ันต่อเสถียรภาพของ รัฐบาลท่ีจะบริหารประเทศและดําเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างต่อเน่ือง แคนาดาจึงได้ประกาศ ยํ้าเจตนารมณ์ท่ีจะร่วมมือกับอาเซียน รวมท้ังความสนใจต่อพัฒนาการในอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย โดยยํ้าว่าแคนาดาเป็นประเทศเอเชีย-แปซิฟิก มีความใกล้ชิดกับอาเซียนและเอเชียทั้งในด้านการค้า และการลงทุน ความร่วมมือเพ่ือการพัฒนาและความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และชาวเอเชียจํานวน มากไดย้ ้ายถ่นิ ฐานเข้ามาอย่ใู นแคนาดา รฐั บาลแคนาดาปัจจุบนั พรอ้ มท่จี ะหนั กลบั มามองเอเชยี มากขึน้ ในฐานะประเทศผู้ประสานงาน ไทยประสงค์จะเร่งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับ แคนาดาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและได้พยายามผลักดันให้เกิดความคืบหน้าในการดําเนินงาน ตามแผนปฏิบัติการร่วมฯ โดยย้ํากับฝ่ายแคนาดาถึงความสําคัญของการดําเนินโครงการความร่วมมือ กับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม และเชิญชวนให้แคนาดาร่วมสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียน ภายในปี พ.ศ.2558 และการเสริมสร้างความเช่ือมโยงในภูมิภาค และการสรุปการจัดทําแถลงการณ์
128 ร่วมด้านการค้าและการลงทุน (Joint Declaration on Trade and Investment) เพื่อให้เป็นกลไก ในการเพิ่มพูนปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างกันในโอกาสครบรอบ 35 ปีของความสัมพันธ์ อาเซียน-แคนาดาในปี พ.ศ.2555 อาเซียนและแคนาดาได้เห็นพ้องจัดกิจกรรมฉลองโอกาสดังกล่าว เพ่ือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดา รวมทั้งเสริมสร้างความตระหนักรู้เก่ียวกับ อาเซียนและแคนาดาในหมู่ประชาชนในวงกว้าง อาทิ การเยือนระดับสูง การจัดการสัมมนา กิจกรรม ของภาควชิ าการ การจดั สรรทุนการศึกษาด้านภาษา ท้ังนี้ ไทยได้เสนอจัดการสัมมนาในประเด็นท่ีเป็นที่สนใจร่วมกันของอาเซียนและแคนาดา ในช่วงท่ีไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ASEAN-Canada Dialogue ครั้งที่ 9 ในช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ.2555 ซ่ึงเป็นหน่ึงในกิจกรรมฉลองครบรอบ 35 ปีของความสัมพันธ์อาเซียน-แคนาดาดังกล่าว (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2554 ง) 5. ความสัมพันธอ์ าเซยี น - สหภาพยโุ รป อาเซียนและสหภาพยุโรป (European Union : EU) มีความสัมพันธ์ในระดับกลุ่ม โดยเป็น คู่เจรจาอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 และพัฒนาเป็นคู่เจรจาอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2520 บรูไนดารุสซาลามเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์ต้ังแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2552 โดยมีวาระ 3 ปี ปจั จบุ ัน เวยี ดนามเป็นประเทศผ้ปู ระสานงาน และการดําเนนิ ความสัมพนั ธ์อาเซยี น-สหภาพยุโรป เป็นไปตาม Plan of Action to Implement the Nuremberg Declaration on an EU-ASEAN Enhanced Partnership 2007-2012 สหภาพยุโรปได้จัดสรรงบประมาณ 30 ล้านยูโร สําหรับโครงการความร่วมมือในกรอบ อาเซียน-สหภาพยุโรป (Multi-Annual Indicative Program 2011–2013) เพื่อสนับสนุนการจัดตั้ง ประชาคมอาเซียนและการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสถิติของสํานักเลขาธิการอาเซียน สนับสนนุ การรวมตัวทางเศรษฐกจิ ทรัพยส์ ินทางปัญญา การยา้ ยถ่ินฐานและการจัดการชายแดน ด้านการเมืองและความมั่นคง สหภาพยุโรปได้เข้าร่วมความร่วมมือด้านการเมืองและ ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) ซ่ึงก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรป ได้แสดงความความจํานงท่ีจะภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC แต่ติดขัดท่ีสนธิสัญญา TAC เปิดโอกาสให้ รัฐเท่าน้ันท่ีจะสามารถเข้าร่วมเป็นภาคีได้ สหภาพยุโรปจึงขอให้อาเซียนจัดทําพิธีสารแก้ไขสนธิสัญญา TAC เพือ่ เปิดให้ non-state เข้าร่วมได้
129 ช่วงที่ไทยดํารงฐานะประธานอาเซียน มีบทบาทสําคัญในการดําเนินการให้มีพิธีสารต่อท้าย สนธสิ ญั ญา TAC ฉบับท่ี 3 เพือ่ รองรบั การเข้าเป็นภาคีของสหภาพยุโรป ซ่ึงในส่วนของไทยร่างพิธีสาร ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วเม่ือวันท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ.2552 และภาคีทั้ง 28 รัฐ ได้ลงนามในร่างพิธีสารดังกล่าวแล้วเม่ือ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2553 ในช่วงการประชุม ARF คร้ังที่ 17 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในด้านเศรษฐกิจ ท่ีประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป ได้จัดประชุม AEM-EU Trade Commissioner Consultations ขึ้นเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ท่ีประชุมมีมติเห็นชอบ ASEAN-EU Trade and Investment Work Program และการจัดต้ัง ASEAN-EU Business Council และมอบหมายให้ที่ประชุมระดับ เจา้ หนา้ ท่อี าวุโสระหว่างอาเซยี นกบั สหภาพยุโรป กําหนดสาขาความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ส่วนการเจรจาจัดทําความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สหภาพยุโรป รวม 7 ครั้ง ต้ังแต่ปี พ.ศ.2550 คณะกรรมการร่วมจัดทําความตกลงการค้าเสรีอาเซียนและสหภาพยุโรปได้มีมติให้พักการเจรจาไว้ ชว่ั คราว (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2554 ซ) 6. ความสมั พันธอ์ าเซยี น - สาธารณรฐั อินเดีย อาเซียนกับอินเดียเร่ิมต้นความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2535 ในลักษณะคู่เจรจา เฉพาะด้านและยกระดับขึ้นเป็นคู่เจรจาอย่างสมบูรณ์เม่ือปี พ.ศ.2538 ต่อมาได้พัฒนาความสัมพันธ์ สู่ระดับการประชุมสุดยอดคร้ังแรก เม่ือวันท่ี 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2545 ท่ีกรุงพนมเปญ ประเทศ กมั พชู า ความสมั พนั ธ์อาเซยี น-อินเดีย เป็นความสัมพันธ์อย่างรอบด้านในฐานะหุ้นส่วน โดยมีเอกสาร ASEAN-India Partnership for Peace, Progress and Shared Prosperity กําหนดแนวทางในการ ดําเนินความร่วมมือระหว่างกันในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาโดยมี แผนปฏิบัติการรองรับ ทั้งสองฝ่ายได้จัดต้ังกองทุน ASEAN-India Fund เพ่ือสนับสนุนความร่วมมือ ดงั กล่าว ปจั จบุ นั อยภู่ ายใตแ้ ผนปฏบิ ตั กิ ารฉบบั ปี พ.ศ.2553 - พ.ศ.2558 ด้านการเมืองและความม่ันคง อินเดียได้เข้าร่วมความร่วมมือ ARF ต้ังแต่ปี พ.ศ.2539 โดยมี บทบาทในเรื่องความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล และได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC เมื่อปี พ.ศ.2546 อีกทั้งได้รับรองแถลงการณ์ร่วมกับอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือเพ่ือต่อต้านการก่อการร้าย สากลในปีเดยี วกัน
130 อินเดียยังได้เข้าเป็นสมาชิกของ EAS ในปี พ.ศ.2548 ด้านเศรษฐกิจ อาเซียนและอินเดียได้ ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน เม่ือปี พ.ศ.2546 และได้ ลงนามความตกลงด้านการค้าสินค้า เม่ือเดือนสิงหาคม พ.ศ.2552 ซึ่งมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2553 เป็นต้นมา ประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ได้ให้สัตยาบันต่อความตกลงอาเซียน- อนิ เดียด้านการคา้ สนิ คา้ แลว้ สาํ หรับไทยได้ให้สัตยาบันและมีผลบงั คับใช้ตั้งแตม่ กราคม พ.ศ.2553 ในปัจจุบันอาเซียนและอินเดียกําลังเจรจาความตกลงด้านการค้าสินค้าบริการ ซึ่งมี ความก้าวหน้าไปประมาณร้อยละ 70 ส่วนการเจรจาความตกลงด้านการลงทุนมีความก้าวหน้าเพียง ร้อยละ 15 เน่ืองจากทั้งสองฝ่ายยังมีความแตกต่างในแนวทางการเปิดตลาดการลงทุน ซึ่งอาเซียน ต้องการเปิดบนพ้ืนฐานของ negative list แต่อินเดียต้องการเปิดแบบ positive list อาเซียนและ อินเดยี มมี ูลค่าการคา้ สองฝ่ายเมื่อปี พ.ศ.2553 ประมาณ 51,355 ล้านดอลลาร์สหรฐั โดยอาเซียนเป็น ฝา่ ยได้ดุลการค้าประมาณ 5,157 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ การประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งท่ี 7 เม่ือเดือนตุลาคม พ.ศ.2552 ผู้นําท้ังสองฝ่ายได้ เห็นชอบให้ขยายเป้าหมายมูลค่าการค้าเป็น 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ.2555 อินเดีย ส่งเสริมความร่วมมือกับอาเซียนในสาขาที่อินเดียมีศักยภาพ เช่น ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ รวมทั้งการแพทย์ และเภสัชกรรม นอกจากน้ี ทั้งสองฝ่ายจัดต้ังกองทุน ASEAN-India Science & Technology Fund เพ่ือพัฒนาความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมท้ัง กองทุน ASEAN-India Green Fund เพ่ือสนับสนุนกิจกรรมในการส่งเสริมการปรับตัวและลด ผลกระทบจากการเปลยี่ นแปลงสภาพภูมิอากาศในภมู ภิ าค อินเดียยังสนับสนุนความร่วมมือด้านการแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบัน โดยส่งเสริม ความร่วมมือด้านการเภสัชกรรมและการผลิตยาเพ่ือใช้ในระบบสาธารณสุขของรัฐ ทั้งนี้ อินเดียให้ ความสาํ คัญเป็นพเิ ศษแกก่ ารพัฒนาและลดชอ่ งวา่ งในอาเซยี น โดยไดจ้ ัดต้ังศูนย์ฝึกอบรมภาษาอังกฤษ ศูนย์ฝึกอบรมผู้ประกอบการและศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนใหม่ คือ กัมพูชา-ลาว-เมียนมาร์-เวียดนาม (Cambodia-Laos-Myanmar-Vietnam : CLMV) โครงการ ให้บริการทางการแพทย์ และการศึกษาผ่านระบบอินเตอร์เน็ตร่วมกับ CLMV นอกจากน้ัน อาเซียน และอินเดียมีโครงการแลกเปล่ียนการเยือนระหว่างประชาชนหลายกลุ่ม เช่น เยาวชน นักศึกษา ผู้สือ่ ขา่ ว และนักการทูต อีกทั้งกําลังจะริเริ่มให้มีการเยือนระหว่างสมาชิกรัฐสภาในด้าน การเชื่อมโยง กับอาเซียน อินเดียให้ความสําคัญกับการเชื่อมโยงแบบรอบด้านและพยายามหาทางเช่ือมโยงกับ อาเซียนผ่านทะเลอนั ดามนั โดยใช้เมอื งทะวายของพมา่ เปน็ ประตสู ําคัญ
131 นอกจากอินเดียจะสนับสนุนการสร้างทางหลวงสามฝ่ายไทย-เมียนมาร์-อินเดียแล้ว อินเดีย ยังมีสนับสนุนแนวคิดในกรอบอาเซียน+6 ท่ีมอบให้ Economic Research Institute for ASEAN and East Asia (ERIA) ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจโฮจิมินห์-พนมเปญ- กรงุ เทพ-ทะวาย-เจนไน (Mekong-India Economic Corridor) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคลุ่มแม่นํ้าโขงกับ อินเดียฝั่งตะวันออก โดยใช้เป็นเส้นทางลัดสําหรับการขนส่งสินค้าระหว่างกันพร้อมกับพัฒนาเขต เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมควบคู่กันไปด้วย นอกจากน้ี อินเดียแสดงความสนใจที่จะให้ภาคเอกชน อินเดียเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการภายใต้แผนแม่บทความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity) ในลักษณะของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) โดยเสนอให้คณะมนตรีประสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Committee : ACC) พิจารณาจัดการประชุมเฉพาะเร่ือง PPP Concession Agreements เน่ืองจาก อินเดียมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ซ่ึงสอดคล้องกับความประสงค์ของไทยที่ต้องการผลักดันให้อินเดีย มีส่วนร่วมในการสร้างความเช่ือมโยงระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคเอเชียใต้ (กระทรวงการต่างประเทศ, 2554 ญ) 7. ความสัมพันธอ์ าเซยี น - สาธารณรฐั เกาหลี สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ เริ่มมีความสัมพันธ์กับอาเซียนเมื่อปี พ.ศ.2532 ในฐานะ คู่เจรจาเฉพาะด้านและยกสถานะเป็นประเทศคู่เจรจาเต็มรูปแบบในปี พ.ศ.2534 ต่อมาปี พ.ศ.2547 ได้ลงนาม Joint Declaration on Comprehensive Partnership เพ่ือส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วน ที่รอบด้าน ในปี พ.ศ.2552 เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ สมัยพิเศษ ท่ีเกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เพ่ือเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ในการ ประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ คร้ังที่ 13 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2553 อาเซยี นและเกาหลีใต้ได้เห็นชอบให้ยกระดับความสัมพันธ์จากหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้าน เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และได้รับรอง Joint Declaration on ASEAN-Republic of Korea Strategic Partnership for Peace and Prosperity ความร่วมมือด้านการเมืองความมั่นคง เกาหลีใต้ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC ในปี พ.ศ.2547 และได้ลงนามใน Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism ในปี พ.ศ.2548 นอกจากน้ี เกาหลีใต้ได้พิจารณาจัดต้ังคณะผู้แทนถาวรประจําอาเซียน ภายในปี พ.ศ.2555
132 ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ อาเซียนและเกาหลีใต้ได้ลงนามใน Framework Agreement on Comprehensive Economic Cooperation ในปี พ.ศ.2548 ซึ่งกําหนดให้มีการจัดตั้ง เขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าในปี พ.ศ.2549 ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการในปี พ.ศ.2550 และความตกลงว่าด้วยการลงทุนในปี พ.ศ.2552 ในปี พ.ศ.2552 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของอาเซียน รองจากจีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมรกิ า มลู คา่ การค้า 74,700 ลา้ นดอลลาร์สหรฐั หรอื รอ้ ยละ 4.5 ของมลู คา่ การคา้ ทั้งหมด และในปี พ.ศ.2553 เพ่ิมขึ้นร้อยละ 22.88 ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 13 เม่ือเดือนตุลาคม พ.ศ.2553 ที่ประชุมมอบหมายให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจเร่งรัดการดําเนินการเพ่ือเพิ่ม การใช้สิทธิประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี เพื่อให้บรรลุเป้าการเพิ่มปริมาณการค้าเป็น 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ.2558 นอกจากน้ี ในปี พ.ศ.2552 ได้มีการจัดต้ังศูนย์ อาเซียน-เกาหลี ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพ่ือส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน การท่องเท่ยี ว และการแลกเปล่ียนด้านวัฒนธรรมระหว่างกนั ด้านความร่วมมือด้านการพัฒนา เกาหลีใต้ได้จัดต้ังกองทุน ASEAN-ROK Future Oriented Cooperation Projects (FOCP) และกองทุน ASEAN-ROK Special Cooperation Fund (SCF) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ สมัยพิเศษ ปี พ.ศ.2552 เกาหลีใต้ได้ประกาศเพ่ิมการให้เงิน สมทบทุนแกท่ ้ังสองกองทนุ หลงั จากปี พ.ศ.2553 จากปีละ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 5 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ สําหรับการลดช่องวา่ งดา้ นการพฒั นา อนึ่ง ประเด็นที่เกาหลีใต้ให้ความสนใจอย่างยิ่งคือ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี เกาหลีใต้ แสวงหาการสนับสนุนจากนานาชาติ รวมถึงจากอาเซียน ในการตอบโต้ต่อการใช้กําลังของเกาหลี เหนือ และกดดันให้เกาหลีเหนือกลับเข้าร่วมการเจรจา 6 ฝ่ายอีกคร้ังหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ.2553 ซ่ึงได้เกิดเหตุการณ์อับปางของเรือรบเชียวนัน (Cheonan) และการโจมตีเกาะยอนพยอง (Yeonpeong) ซึ่งได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตท้ังทหารและพลเรือนเป็นจํานวนมาก โดยอาเซียนได้มี ถอ้ ยแถลงต่อเหตกุ ารณ์ทเ่ี กาะยอนพยอง เม่ือวันที่ 25 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2553 นอกจากน้ี เกาหลีใต้ยัง สนใจส่งเสริมการค้าและการลงทุนในอาเซียน ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าระหว่างกันที่มีแนวโน้ม เพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าท่ีมีการค้ามากเป็นอันดับต้น ได้แก่ เคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์จากนํ้ามัน เครื่องจักร และเรือ เป็นต้น เกาหลีใต้เป็นผู้ลงทุนลําดับต้นในประเทศ CLMV นอกจากนี้ ศูนย์อาเซียน-เกาหลี ได้จัดกิจกรรม Trade Mission, Industry Familiarization Trip
133 และ Investment Seminar เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลโอกาสการลงทุนในอาเซียนแก่นักลงทุน เกาหลีใตอ้ ย่างตอ่ เนือ่ ง (กระทรวงการต่างประเทศ, 2554 ค) 8. ความสัมพันธอ์ าเซียน - เครอื รฐั ออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกท่ีได้สถาปนาความสัมพันธ์เป็นประเทศคู่เจรจากับอาเซียน ในปี พ.ศ.2517 และดําเนินความสัมพันธ์กันอย่างราบร่ืน มีการปรับเปลี่ยนลําดับความสําคัญ ของความร่วมมือในสาขาต่างๆ ไปตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและความจําเป็นอ่ืนๆ เพื่อสนอง ความต้องการของท้ังสองฝ่าย ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ครอบคลุมความร่วมมือด้านการเมืองและ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา โดยมีสิงคโปร์เป็นประเทศผู้ประสานงาน (กรกฎาคม พ.ศ.2552 – กรกฎาคม พ.ศ.2555) ความร่วมมือด้านการเมืองและความม่ันคง ออสเตรเลียได้ภาคยานุวัติ สนธิสัญญา TAC เม่ือเดือนธันวาคม พ.ศ.2548 และได้ร่วมรับรองเอกสารแผนงานโครงการในการ ปฏิบัติตามปฏิญญาอาเซียนและออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ออสเตรเลียเคยเป็นเจ้าภาพร่วมกับไทยในการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ARF Workshop on Stockpile Management Security : Man-Portable Air Defense Systems (MANPADS) & Small Arms and Light Weapons (SALW) ทั้งน้ี ออสเตรเลียให้ความสําคัญกับสถานการณ์ทางการเมือง และความม่ันคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะเร่ืองการก่อการร้าย อาชญากรรมขา้ มชาติ การคา้ มนุษย์ และยาเสพติด เน่ืองจากมผี ลกระทบต่อเสถียรภาพและความม่ันคง โดยตรงของออสเตรเลยี ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ อาเซียนพยายามเพ่ิมช่องทางการเข้าสู่ตลาดออสเตรเลียให้มาก ย่ิงขึ้นรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้ร่วมลงนามความตกลงเขตการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (ASEAN Australia-New Zealand Free Trade Area : AANZFTA) เม่ือวันท่ี 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังที่ 14 ณ อําเภอชะอํา-หัวหิน จังหวัดเพชรบุรี โดยความตกลง AANZFTA มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันท่ี 1 มกราคม พ.ศ.2553 สาํ หรับประเทศออสเตรเลีย นวิ ซีแลนด์ มาเลเซีย เมยี นมาร์ ฟิลิปปนิ ส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม และมผี ลบงั คับใชส้ ําหรบั ไทยตง้ั แต่วันที่ 12 มนี าคม พ.ศ.2553 ความร่วมมือด้านการพัฒนา AusAID เป็นหน่วยงานหลักของออสเตรเลียที่ดูแลความร่วมมือ ด้านการพัฒนาระหว่างออสเตรเลียกับอาเซียน โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนาม MOU on ASEAN- Australia Development Cooperation Program Phase II ในช่วงการประชุมรัฐมนตรี
134 ต่างประเทศ ท่ีจังหวดั ภเู กต็ ประเทศไทย เมอ่ื วนั ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2552 อาเซียนและออสเตรเลีย ได้ลงนามเอกสาร Joint Declaration on ASEAN-Australia Comprehensive Partnership ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับออสเตรเลีย เม่ือวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2550 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยเอกสารดังกล่าวถือเป็นแนวทางในการดําเนินความสัมพันธ์ ระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียท่ีครอบคลุมถึงด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และ การพัฒนา ต่อมาอาเซียนและออสเตรเลียได้จัดทํา Plan of Action to Implement the Joint Declaration on ASEAN-Australia Comprehensive Partnership สําหรับสถานะล่าสุด ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-ออสเตรเลีย ในปี พ.ศ.2554 ท่ีเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ท่ีประชุมได้เน้นความร่วมมือด้านการพัฒนาและ การรวมตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ การลดช่องว่างการพัฒนา การจัดการภัยพิบัติ และการส่งเสริมการติดต่อระหว่างประชาชน ท้ังน้ี ไทยได้เสนอให้ออสเตรเลียเข้ามามีบทบาทสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเน้นในเรื่อง 1) การจัดการภัยพิบัติ 2) ความร่วมมือด้านความม่ันคง โดยเสนอให้มีการเช่ือมโยง ระหว่างสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนวิ เคลยี ร์ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Nuclear- Weapon-Free Zone Treaty : SEANWFZ) และ South Pacific Nuclear Weapon Free Zone (SPNWFZ) และ 3) ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากความตกลง AANZFTA ในการขยายการคา้ และการลงทนุ ระหวา่ งกัน นอกจากนี้ ออสเตรเลยี ได้เนน้ ความสําคญั 3 ดา้ น คือ 1) ด้านการศกึ ษาจะเป็นแกนกลางของ ยุทธศาสตรก์ ารใหค้ วามช่วยเหลือของออสเตรเลีย 2) ความมั่นคงทางอาหาร 3) การช่วยเหลือผู้พิการ ให้เข้าถึงการพัฒนา โดยอาจพิจารณาสร้างโรงเรียนสําหรับผู้พิการในภูมิภาคน้ี (กระทรวงการ ตา่ งประเทศ, 2554 ฌ) 9. ความสมั พันธ์อาเซยี น - นิวซแี ลนด์ ความสัมพันธ์อาเซียน-นิวซีแลนด์เร่ิมต้ังแต่ปี พ.ศ.2518 โดยนิวซีแลนด์เป็นประเทศคู่เจรจา ลําดับที่ 2 ของอาเซียนหลังจากออสเตรเลีย เดิมความสัมพันธ์เป็นไปในลักษณะประเทศผู้รับกับ ประเทศผใู้ ห้ โดยมจี ุดมุง่ หมายหลกั คือความรว่ มมือเพ่ือการพัฒนา นิวซีแลนด์และอาเซียนมีการหารือ และปรับแนวทางความร่วมมือในอนาคตเป็นระยะๆ เพ่ือให้สนองตอบต่อความต้องการ การจัดลําดับ ความสําคัญ ความชํานาญ และผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ซ่ึงในปัจจุบันความสัมพันธ์
135 อาเซียน-นิวซีแลนด์ได้ครอบคลุมความร่วมมือด้านการเมืองและความม่ันคง ความสัมพันธ์ด้าน เศรษฐกิจและความร่วมมอื เพื่อการพัฒนา กลไกของความสมั พันธร์ ะหว่างอาเซียน-นิวซแี ลนด์ ได้แก่ 1. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-นิวซีแลนด์ จัดข้ึนเป็นประจําทุกปีในช่วงเดือน กรกฎาคมหรือสิงหาคม 2. ASEAN-New Zealand Dialogue เป็นท่ีประชุมระดับอธิบดีกรมอาเซียนกับเจ้าหน้าที่ อาวุโสนิวซีแลนด์ โดยมีเจ้าหน้าท่ีอาวุโสประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-นิวซีแลนด์เป็น ประธานร่วม เพ่ือทบทวนและพิจารณาเชิงนโยบายเกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือ ด้านการเมอื ง ความมัน่ คง เศรษฐกิจและการพฒั นา โดยการประชมุ มีข้นึ ทุก ๆ 18 เดือน 3. ASEAN-New Zealand Joint Management Committee เป็นการประชุมเพ่ือทบทวน การดําเนินการของโครงการต่างๆ ในกรอบความร่วมมือ ASEAN-New Zealand Framework for Cooperation และกรอบอ่นื ๆ โดยมีการประชุมปลี ะสองคร้ัง ความร่วมมือด้านการเมืองและความม่ันคง นิวซีแลนด์ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC เม่ือ เดือนธันวาคม พ.ศ.2548 และเป็นผู้เข้าร่วมการประชุม ARF โดยเป็นประธานร่วมกับไทยในการ ประชุม ARF Inter-Sessional Meeting on Disaster Relief (ISM-DR) ท่ีกรุงเวลลิงตัน ประเทศ นิวซีแลนด์ เม่ือปี พ.ศ.2540 และที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เม่ือปี พ.ศ.2541 ตามลําดับ และยังได้ ลงนามในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากลกับอาเซียน (ASEAN - New Zealand Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) ระหว่างการประชมุ รัฐมนตรตี ่างประเทศอาเซยี น เมื่อปี พ.ศ.2548 ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ อาเซียนพยายามเพิ่มช่องทางการเข้าสู่ตลาดให้มากยิ่งข้ึน ถึงแม้นิวซีแลนด์จะเป็นตลาดท่ีไม่ใหญ่นัก (การค้าสินค้าระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์ในปี พ.ศ.2553 มีมูลค่ารวมประมาณ 7,622 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาเซียนส่งสินค้าไปนิวซีแลนด์เป็น มูลค่า 4,453 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาเซียนนําเข้าสินค้าจากนิวซีแลนด์เป็นมูลค่า 3,178 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ) รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ร่วมลงนามความตกลง AANZFTA เม่ือวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังที่ 14 โดยมีผล บงั คบั ใช้ตั้งแต่วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2553 สาํ หรับประเทศออสเตรเลยี นิวซีแลนด์ มาเลเซยี เมยี นมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยไทยได้แจ้งถึงความพร้อมในการบังคับใช้ความตกลงต่อ
136 ประเทศภาคี เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ.2553 ซ่ึงทําให้ความตกลง AANZFTA มีผลบังคับใช้สําหรับ ไทยตงั้ แตว่ ันท่ี 12 มีนาคม พ.ศ.2553 เป็นต้นมา ความร่วมมือด้านการพัฒนา มีหน่วยงาน NZAID เป็นหน่วยงานของนิวซีแลนด์ที่ดูแล ความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างนิวซีแลนด์กับอาเซียน จัดตั้งข้ึนเมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ.2545 ด้วยวัตถุประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือกับประเทศในแถบแปซิฟิก และกลุ่มประเทศใน อนุภูมิภาคแม่นํ้าโขง ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-นิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2553 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ทปี่ ระชมุ ไดใ้ หก้ ารรบั รองเอกสาร 2 ฉบับ คือ ปฏิญญาร่วม วา่ ดว้ ยความเป็นหุ้นส่วนท่ีครอบคลุมทุกด้านระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์ (Joint Declaration for an ASEAN-NZ Comprehensive Partnership) และแผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมว่า ด้วยความเป็นหุ้นส่วนท่ีครอบคลุมทุกด้านระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์ พ.ศ. 2553 – พ.ศ.2558 (Plan of Action to Implement the Joint Declaration for an ASEAN-NZ Comprehensive Partnership 2010-2015) เพ่ือเป็นแนวทางการดําเนินความร่วมมือทางการเมืองและความม่ันคง เศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม และการพฒั นาระหวา่ งอาเซียนและนวิ ซแี ลนด์ ในการประชุม ASEAN-NZ Commemorative Summit เมื่อวันท่ี 30 ตุลาคม พ.ศ.2553 ท่ีประชุมได้เห็นพ้องให้มีความร่วมมือใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การจัดการภัยพิบัติ 2.การดําเนินการ ตามปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้านฯ พ.ศ. 2553-2558 และ 3.การใช้ ประโยชน์จาก AANZFTA เพือ่ ส่งเสริมการคา้ และการลงทุน นอกจากนี้ นิวซีแลนด์ได้ประกาศว่าจะให้ความร่วมมือกับอาเซียนใน 4 กรอบ คือ 1) ASEAN New Zealand Scholarships Program 2) Young Business Leaders Exchange Program 3) Initiatives on Disaster Risk Management และ 4) Agricultural Diplomacy โดยเน้น เปา้ หมายไปท่ีกลุ่มประเทศกําลังพัฒนาในอาเซียน (CLMV ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย) (กระทรวงการ ตา่ งประเทศ, 2554 ฉ) 10. ความสมั พนั ธ์อาเซียน - ญีป่ นุ่ ญ่ีปุ่นเริ่มความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับอาเซียนในปี พ.ศ.2516 และยกระดับ ความสมั พันธเ์ ปน็ ประเทศค่เู จรจาอยา่ งเปน็ ทางการของอาเซยี นในปี พ.ศ.2520 หลงั จากนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี พ.ศ.2546 ได้มีการจัดประชุม สุดยอดอาเซียน-ญ่ีปุ่น (ASEAN-Japan Commemorative Summit) สมัยพิเศษ ท่ีกรุงโตเกียว
137 ประเทศญ่ีปุ่น ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น และได้มีการลงนาม Tokyo Declaration for the Dynamic and Enduring ASEAN-Japan Partnership in the New Millennium และรับรอง ASEAN-Japan Plan of Action เพื่อกําหนดทิศทางความร่วมมือระหว่าง สองฝ่าย ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่เจรจาประเทศแรกท่ีได้จัดตั้งคณะผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจําอาเซียน ณ กรงุ จาการ์ตา ประเทศอินโดนเี ซีย เมือ่ วันท่ี 26 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่เจรจาลําดับที่ 4 ท่ีได้ ภาคยานุวัติสนธิสัญญา TAC ในปี พ.ศ.2547 และเป็นประเทศแรกที่จัดตั้งกรอบการประชุมความ รว่ มมือด้านการต่อต้านการก่อการรา้ ยอย่างเป็นทางการกบั อาเซียนในปี พ.ศ.2547 ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ญ่ีปุ่นเป็นคู่ค้าท่ีสําคัญอันดับที่ 3 ของอาเซียนรองจากจีน และ สหภาพยุโรปในด้านการลงทุน และเป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากสหภาพยุโรป โดยในปี พ.ศ.2552 มีมูลค่าการลงทุน 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อย 13.4 ของมูลค่า การลงทุนต่างชาติ เม่ือเดือนเมษายน พ.ศ.2551 อาเซียนและญ่ีปุ่นได้ลงนามความตกลงหุ้นส่วน เศรษฐกิจอาเซียน-ญ่ีปุ่น (ASEAN-Japan Closer Economic Partnership : AJCEP) ซึ่งเป็นเสมือน การรวมเอาความตกลงเขตการค้าเสรีทวิภาคีระหว่างสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศกับญี่ปุ่นเข้าไว้ ด้วยกัน โดยไทยไม่ได้เปิดตลาดสินค้ามากไปกว่าที่เปิดให้ตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญ่ีปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement: JTEPA) ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ญี่ปุ่นให้ความสําคัญกับการแลกเปลี่ยนระหว่าง ประชาชนโดยเฉพาะในระดับเยาวชนโดยในปี พ.ศ.2550 ได้เริ่มจัดโครงการเชิญเยาวชนจากประเทศ อาเซียนเข้าร่วมโครงการ Japan-East Asia Network of Exchange for Students and Youths (JENESYS) เพ่ือส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรของอาเซียน เดือนกันยายน พ.ศ.2553 ญ่ีปุ่นได้รับเยาวชนจากอาเซียนเยือนญ่ีปุ่นภายใต้โครงการดังกล่าวแล้ว ท้ังส้ิน 26,993 คน และได้ส่ง เยาวชนญีป่ นุ่ เยอื นประเทศสมาชกิ อาเซียน รวม 5,374 คน ความร่วมมือด้านการพัฒนา ญ่ีปุ่นได้ให้การสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียนโดยจัดต้ัง กองทนุ Japan-ASEAN Integration Fund (JAIF) ซึ่งจดั ตัง้ ขึ้นในปี พ.ศ.2549 ตามข้อเสนอของญี่ปุ่น เพ่ือสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียน โดยในช้ันต้นได้กําหนดสาขาความร่วมมือไว้ ได้แก่ การป้องกัน ไข้หวัดนกและโรคระบาดอื่นๆ การต่อต้านการก่อการร้าย การจัดตั้งระบบเตือนภัยพิบัติ การรวมตัว ทางเศรษฐกิจ รวมถึงการลดช่องว่างด้านการพัฒนา การแลกเปล่ียนเยาวชน และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และสรรพาวุธท่ียังไมร่ ะเบิด และยงั เปน็ ผูส้ นับสนุนรายใหญ่ท่ีสุดของกรอบข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของ
138 อาเซียน ริเร่ิมความร่วมมือกับประเทศลุ่มน้ําโขง (Mekong-Japan Cooperation) วัตถุประสงค์เพ่ือ ลดช่องว่างด้านการพัฒนา ในการประชุมเดือนตุลาคม พ.ศ.2553 ท่ีกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ท่ีประชุมเห็นว่าการพัฒนาในอนุภูมิภาคควรเป็นแบบอย่างของการพัฒนาท่ีสนับสนุนการรวมตัว ในภูมิภาคเพ่ือนําไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไทยได้เชิญชวนให้ ญี่ปุ่นสนับสนุนการสร้างเส้นทางรถไฟตามแนว East-West Economic Corridor และ South Economic Corridor และให้ญ่ีปุ่นมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมบุคลากรจากประเทศลุ่มน้ําโขงโดยใช้ ประโยชน์จากสถาบันการศึกษาที่มีอยู่ในไทย ส่วนประเด็นที่อยู่ในความสนใจของญี่ปุ่นคือ การ สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื เร่ืองการจดั การภัยพิบตั ิ และบทบาทของญีป่ ุ่นในเร่ืองความเช่ือมโยงของอาเซียน (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2554 จ) 11. กรอบความร่วมมืออาเซียน+3 (สาธารณรฐั ประชาชนจนี ญปี่ ุน่ และสาธารณรฐั เกาหล)ี กรอบความร่วมมืออาเซียน+3 เริ่มต้นข้ึนเมื่อปี พ.ศ.2540 ในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเงิน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยมีการพบหารือระหว่างผู้นําของประเทศสมาชิกอาเซียนและผู้นําของ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นครั้งแรก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การประชุมสุดยอด อาเซียน+3 ได้จัดขึ้นเป็นประจําทุกปี เริ่มเป็นรูปร่างภายหลังการออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วย ความร่วมมือเอเชียตะวันออกเมื่อปี พ.ศ.2542 และการจัดต้ัง East Asia Vision Group (EAVG) เพ่ือ วางวิสัยทัศน์ความร่วมมือในเอเชียตะวันออก EAVG ได้เสนอแนะแนวคิดการจัดตั้งประชาคมเอเชีย ตะวันออก (East Asian Community : EAC) และมาตรการความร่วมมือในด้านต่างๆ เพ่ือนําไปสู่ การจัดต้ัง EAC ในอนาคต การประชุมสุดยอดอาเซียน+3 คร้ังท่ี 9 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี พ.ศ.2548 ผู้นําได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการประชุมสุดยอดอาเซียน+3 (Kuala Lumpur Declaration on the ASEAN+3 Summit) กําหนดให้การจัดตั้งประชาคมเอเชียตะวันออกเป็น เป้าหมายระยะยาว และให้กรอบอาเซียน+3 เป็นกลไกหลักในการนําไปสู่เป้าหมายระยะยาวในปี พ.ศ.2550 ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของกรอบอาเซียน+3 ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วย ความรว่ มมือเอเชยี ตะวนั ออกฉบับท่ี 2 และแผนงานความร่วมมอื อาเซยี น+3 (พ.ศ.2550 - พ.ศ.2560) พัฒนาการทส่ี าํ คญั ในกรอบความรว่ มมืออาเซยี น+3 1. ความร่วมมือในกรอบอาเซียน+3 ครอบคลุมความร่วมมือมากกว่า 20 สาขา ภายใต้กรอบ การประชุมในระดับต่างๆ ประมาณ 60 การประชุม ความร่วมมือด้านการเงินภายใต้มาตรการริเร่ิม
139 เชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative : CMI) ซึ่งเร่ิมข้ึนเม่ือปี พ.ศ.2543 โดยมีการจัดตั้ง CMI Multi- lateralization (CMIM) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นกลไกช่วยรักษาเสถียรภาพ ทางการเงินในภูมิภาค วันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ.2553 และจัดต้ัง ASEAN+3 Macroeconomic Research Office (AMRO) ที่ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2554 เพื่อวิเคราะห์และ ติดตามสภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคและสนับสนุน CMIM นอกจากน้ี ยังได้มีการจัดต้ังกลไกคํ้าประกัน สินเชื่อและสนับสนุนการลงทุน (Credit Guarantee and Investment Facility : CGIF) ซึ่งมีวงเงิน เริ่มต้น 700 ล้านดอลลารส์ หรัฐ เพอ่ื สนับสนุนการออกพนั ธบัตรของภาคเอกชน 2. เม่ือเดือนเมษายน พ.ศ.2552 อาเซียน+3 จัดต้ังกองทุน ASEAN Plus Three Cooperation Fund (APTCF) โดยมีเงินทุน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพ่ือสนับสนุนการดําเนินโครงการ และกจิ กรรมต่างๆ 3. ท่ีประชุมสุดยอดอาเซียน+3 คร้ังที่ 12 เมื่อวันท่ี 24 ตุลาคม พ.ศ.2552 ที่อําเภอชะอํา- หัวหิน ประเทศไทย ได้รับรองแถลงการณ์ว่าด้วยความม่ันคงด้านอาหารและการพัฒนาพลังงาน ชีวภาพ เพ่ือส่งเสริมความร่วมมือด้านอาหารและพลังงาน การจัดต้ังระบบสํารองข้าวฉุกเฉิน อาเซียน+3 (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve : APTERR) เพื่อประกันความมั่นคง ด้านอาหารของภูมิภาค และจัดทํายุทธศาสตร์แบบบูรณาการเก่ียวกับการผลิตและการบริโภคอาหาร และพลังงานชวี ภาพที่ยง่ั ยืนและเปน็ อันหนง่ึ อนั เดยี วกนั (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2554 ก) 12. การประชมุ สุดยอดเอเชยี ตะวนั ออก (East Asia Summit : EAS) การประชุม EAS เดิมทีเป็นข้อริเริ่มในกรอบอาเซียน+3 โดยจะเป็นการวิวัฒนาการของ การประชุมสุดยอดอาเซียน+3 ไปสู่การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก อย่างไรก็ดี อาเซียนเห็นว่า ควรเปิดกว้างให้ประเทศนอกกลุ่มอาเซียน+3 เข้าร่วมด้วย โดยได้กําหนดหลักเกณฑ์ 3 ประการ สาํ หรับการ เขา้ รว่ ม ไดแ้ ก่ (1) การเป็นคู่เจรจาเต็มตัวของอาเซยี น (2) การมคี วามสัมพันธท์ แี่ นน่ แฟ้นกบั อาเซยี น (3) การภาคยานวุ ัติสนธสิ ัญญา TAC ในปัจจุบันมีประเทศท่ีเข้าร่วมในการประชุม EAS จํานวน 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ ออสเตรเลีย จีน อินเดยี ญ่ีปุ่น เกาหลใี ต้ นวิ ซแี ลนด์ รสั เซียและสหรัฐอเมรกิ า โดยรัสเซียและ
140 สหรัฐอเมริกาจะเข้าร่วมการประชุม EAS เป็นคร้ังแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 ท่ีเกาะบาหลี ประเทศอนิ โดนเี ซยี ในการประชุม EAS คร้ังท่ี 1 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เม่ือวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2548 ได้มีการลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (Kuala Lumpur Declaration on East Asia Summit) กําหนดให้การประชุม EAS เป็นเวทีหารือทางยุทธศาสตร์ ที่เปิดกว้างโปร่งใสและครอบคลุม ที่ประชุมยังเห็นพ้องกับแนวความคิดของไทยท่ีให้การประชุม EAS เป็นเวทีของผู้นําท่ีจะแลกเปลี่ยนความเห็นและวิสัยทัศน์ในประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ในลักษณะ top-down การประชุม EAS มีขึ้นเป็นประจําทุกปีในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยประเทศที่ เป็นประธานอาเซยี นทําหน้าท่เี ป็นประธานในการประชุมดงั กลา่ ว ในการประชุม EAS ครั้งท่ี 5 เม่ือวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2553 ท่ีกรุงฮานอย ที่ประชุมได้ รับรอง Hanoi Declaration on the Commemoration of the 5th Anniversary of the East Asia Summit เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นําในการส่งเสริมความร่วมมือและเสริมสร้าง ความเข้มแข็งให้กับการประชุม EAS ในฐานะเป็นเวทีหลักของการหารือในประเด็นยุทธศาสตร์ระดับ ผู้นํา ยํ้าบทบาทและความสําคัญของอาเซียนในการประชุม EAS และโครงสร้างสถาปัตยกรรม ในภูมิภาค และประกาศเชิญรัสเซียและสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในการประชุม EAS ในปี พ.ศ.2554 ตามที่ท้ังสองประเทศไดแ้ สดงความจํานง ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งท่ี 18 เมื่อวันท่ี 7 - 8 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นําอาเซียนได้หารือในประเด็นทิศทางในอนาคตของการ ประชุม EAS อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาความเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคภายหลังท่ี เชญิ สหรัฐอเมรกิ าและรัสเซียเข้ารว่ มการประชมุ EAS ซง่ึ ผูน้ าํ มาเลเซยี มีความกังวลว่าการประชมุ EAS อาจถูกใช้เป็นเวทีแข่งขันและการแสดงความเห็นท่ีไม่ลงรอยกันของชาติมหาอํานาจ ในขณะที่อาเซียน กลายเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่รอบนอก ดังน้ัน อาเซียนจึงต้องมีบทบาทเชิงรุกในการกําหนดวาระ ทสี่ อดคลอ้ งกบั ผลประโยชน์ของอาเซยี นสงู สุด ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ EAS ท่ีเกาะบาหลี เมื่อวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ.2554 ที่ประชมุ ได้หารอื เรือ่ งทิศทางในอนาคตของการประชมุ EAS และเหน็ พอ้ งว่าการประชมุ EAS เปน็ เวที ผู้นําสําคัญที่ควรมีการหารือยุทธศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างและรักษาความสันติภาพ เสถียรภาพและ ความมั่งค่ังของภูมิภาค ควบคู่ไปกับการมีความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในสาขา 5 หลัก ที่ได้ตกลง กันไว้ ตลอดจนควรใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมของสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ในการร่วมกันรับมือกับ
141 ความท้าทายใหม่ๆ ของภูมิภาค โดยพึงระวังไม่ซ้ําซ้อนกับกรอบหรือกลไกความร่วมมืออื่น ตลอดจน คํานึงถึงระดับความสบายใจของประเทศที่เข้าร่วม ทั้งน้ี นอกเหนือจากความร่วมมือใน 5 สาขาหลัก ที่ประชุมได้มีการหยิบยกประเด็นเร่งด่วนอื่นท่ีการประชุม EAS ควรให้ความสําคัญ โดยมีการให้ ความสําคัญกับความมั่นคงด้านอาหาร และประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศต้องการให้ ความเช่ือมโยงในภูมิภาคเป็นประเด็นสําคัญในการประชุม EAS และได้มีการเสนอให้การประชุม EAS ครงั้ ท่ี 6 ออกปฏญิ ญาวา่ ดว้ ยความเชือ่ มโยงในภูมภิ าค ประเดน็ สําคัญทม่ี ีการหารอื ในการประชมุ ระดบั ผูน้ าํ ในปี พ.ศ.2554 ไดแ้ ก่ 1. การส่งเสริมความร่วมมือท่ีมีความสําคัญในลําดับแรก 5 สาขา ได้แก่ พลังงาน การเงิน การจัดการภัยพิบัติ การศึกษา และการป้องกันไขหวัดนก ซ่ึงจะขยายกรอบเป็นการสาธารณสุขระดับ โลกและโรคระบาด 2.การออก Declaration of the East Asia Summit on the Principles for Mutually Beneficial Relations เพ่อื สะท้อนให้เห็นถงึ การยอมรบั ร่วมกันในหลักการและแนวปฏิบัติต่างๆ ที่จะ เป็นตัวกําหนดรูปแบบและแนวทางในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศท่ีเข้าร่วมในการประชุม EAS ต่อไป 3. ประเด็นเรื่องการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งได้รับความสนใจจากหลายประเทศ โดยเฉพาะญ่ีปุ่น และสหรฐั อเมริกา นวิ ซแี ลนด์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลยี และไทย 4. การหารือและออกปฏิญญาเก่ียวกับการส่งเสริมการเช่ือมโยงและการผลักดันการจัดทํา Comprehensive Economic Partnership for East Asia (CEPEA) (กระทรวงการต่างประเทศ, 2554 ข) 13. ความสมั พันธอ์ าเซียน – องคก์ ารสหประชาชาติ ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) เร่ิมขึ้นบน พื้นฐานของความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างอาเซียนกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ซ่ึงได้เริ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2513 และต่อมา UNDP ได้รับสถานะประเทศคู่เจรจาของอาเซียนในปี พ.ศ.2520 ต่อมาองค์การสหประชาชาติพยายามที่จะ พัฒนาความร่วมมือกับอาเซียน โดยส่งเสริมให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสององค์การ ภายใต้ยุทธศาสตร์ ของสํานักงานเลขาธิการสหประชาชาติที่จะส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนกับองค์การระดับภูมิภาคทั่วโลก เพ่ือช่วยแก้ไขปัญหาระดับโลกและภูมิภาค ในชั้นนี้องค์การสหประชาชาติยังไม่มีสถานะเป็นประเทศ
142 คู่เจรจากับอาเซียน แต่มีการประชุมระหว่างผู้นําอาเซียนกับเลขาธิการสหประชาชาติอย่างสมํ่าเสมอ รวมทั้งได้จัดทําความเป็นหุ้นส่วนรอบด้านกับสหประชาชาติ (ASEAN-UN Comprehensive Partnership) โดยส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นท่ีมีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น การปฏิบัติการรักษา สันติภาพ การบรหิ ารจดั การภยั พิบตั ิ และการสง่ เสริมความมัน่ คงทางทะเล เป็นต้น การประชุมสุดยอดอาเซียน–สหประชาชาติ ครั้งท่ี 1 จัดข้ึนท่ีกรุงเทพฯ เม่ือปี พ.ศ.2543 ในระหว่างการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development : UNCTAD) สมัยท่ี 10 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือส่งเสริมความสัมพันธ์ และสร้างการเช่ือมโยงท่ีต่อเนื่องระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนกับองค์การสหประชาชาติและ เพ่ือสนับสนุนการทํางานของ UNCTAD ในการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมได้หารือใน 3 หัวข้อหลัก คือ 1) ประเด็นด้านการเมืองและความมั่นคง 2) ประเด็นด้านการพัฒนา และ 3) ความร่วมมือระหว่าง อาเซียนกับองค์การสหประชาชาติในเรอ่ื งของการเมืองและความมัน่ คง การประชุมสุดยอดอาเซียน–สหประชาชาติ ครั้งท่ี 2 จัดขึ้นท่ีนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2548 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การ สหประชาชาติ เพ่ือให้อาเซียนเป็นที่ยอมรับมากข้ึนย่ิงข้ึนในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งเพ่ือติดตามผล การประชุมสุดยอดครั้งที่ 1 โดยมีประเด็นหารือท่ีสําคัญ 1) การสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยม (Multilateralism) และการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติซ่ึงต้องมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบันและให้ความสําคัญกับการขจัดความยากจน 2) การสนับสนุนการพัฒนาและการขยายสมาชิก ภาพของคณะมนตรีความม่ันคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) โดยยึดหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้ 3) ความร่วมมือเพ่ือช่วยประเทศสมาชิกอาเซียนบรรลุการ พัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) ในปี พ.ศ.2558 4) ความร่วมมือ เพ่ือช่วยอาเซียนในการจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ.2558 ทั้งประชาคมการเมืองและ ความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 5) ความร่วมมอื ในประเด็นเฉพาะดา้ น เช่น การจัดการภยั พบิ ัติ และ 6) การสร้างสนั ตภิ าพ ปัจจุบัน อาเซียนได้รับสถานะผู้สังเกตการณ์ในองค์การสหประชาชาติ ซ่ึงแสดงให้เห็นถึง การยอมรับนับถือบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของอาเซียนในร่วมมือกันสร้างความสงบสุขและส่งเสริมการ พัฒนา สําหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ คร้ังท่ี 3 จัดข้ึนเม่ือวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2553 ระหว่างการประชุมสุดยุอดอาเซียนคร้ังที่ 17 ท่ีกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยท้ังสอง
143 ฝ่ายได้หารือในเรื่อง 1) ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การสหประชาชาติเพ่ือช่วยให้ประเทศ สมาชิกอาเซียน สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษภายในปี พ.ศ.2558 2) การให้ ความสําคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซ่ึงรวมถึงการสาธารณสุข การศึกษาและสิทธิมนุษยชน 3) การเข้ามามีส่วนร่วมขององค์การสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศในการเสริมสร้าง ความเช่ือมโยงในอาเซียน โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ปัญหาผลกระทบข้างเคียง สืบเนื่องจากการมี ความเช่ือมโยงระหว่างประเทศ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย เป็นต้น และ 4) การมีส่วน ร่วมของสหประชาชาติในการศักยภาพให้กับกลุ่มอาเซียนสําหรับปฏิบัติการรักษาสันติภาพและ การจัดการภัยพิบตั ิ (กระทรวงการต่างประเทศ, 2554 ช) 14. ความสมั พันธ์อาเซียน - สาธารณรฐั อสิ ลามปากีสถาน ปากีสถานเป็นประเทศคู่เจรจาเฉพาะด้านของอาเซียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ได้ภาคยานุวัติ สนธิสัญญา TAC ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมอื่นๆ ท่ีเกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2547 กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และได้รับรองพิธีสาร ฉบับท่ี 3 แก้ไขสนธสิ ัญญา TAC เดอื นกรกฎาคม พ.ศ.2553 ณ กรงุ ฮานอย ประเทศเวียดนาม เม่ือวันที่ 5 - 6 มิถุนายน พ.ศ.2551 ท่ีประชุมคณะกรรมการอาเซียน (ASEAN Standing Committee) มีมติให้จัดการประชุม ASEAN-Pakistan Joint Sectoral Cooperation Committee (APJSCC) ซ่ึงเป็นการประชุมระดับรองอธิบดีทุกปี โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียนกับปากีสถาน สําหรับสาขาความร่วมมือ ได้แก่ การค้าและการลงทุน วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี การต่อต้านและป้องกันการค้ายาเสพติด ส่ิงแวดล้อม การท่องเที่ยว และการพัฒนา ทรัพยากรมนษุ ย์ ตั้งแตป่ ี พ.ศ.2547 ปากีสถานได้พยายามขอปรับสถานะเป็นค่เู จรจาเต็มรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ทุกปี และที่ประชุม APJSCC ครั้งที่ 4 เม่ือปี พ.ศ.2551 เห็นพ้องกันว่าให้ปฏิบัติตามมติท่ีประชุม รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนปี พ.ศ.2550 ที่ขอให้ทั้งสองฝ่ายกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ ท่ีมีอยู่ก่อน ไทยสนับสนุนคําขอของปากีสถานในการจัดต้ังเขตการค้าเสรีปากีสถาน–อาเซียน ปากีสถานได้เห็นชอบต่อข้อกําหนด (Terms of Reference) การศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งขณะนี้ กําลงั อยู่ในขั้นตอนการศึกษา ในการประชุมเจ้าหน้าท่ีอาวุโสอาเซียนเม่ือวันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ได้ยกประเด็นการ ยกระดับความสัมพันธ์เป็นประเทศคู่เจรจากับอาเซียนอย่างเต็มตัวขึ้น ซึ่งไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217