Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-04-20 07:56:41

Description: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร์
หนังสือ,เอกสาร,บทความที่เผยแพร่นี้เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

144 และบรูไนสนับสนุนข้อประสงค์น้ี ส่วนสิงคโปร์เห็นว่าอาเซียนควรพิจารณาผลประโยชน์ เชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียนและส่ิงท่ีอาเซียนจะได้รับ จึงมีข้อสรุปว่าไม่ควรยกระดับปากีสถานเป็น ประเทศคู่เจรจา เนื่องจากปากีสถานไม่สามารถให้ผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่อาเซียน ไม่มีโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปร่างสําคัญทั้งที่เป็นคู่เจรจาเฉพาะด้านมาหลายปี อีกทั้งไม่ประสงค์ ที่จะนําปัญหาต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับปากีสถานมาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กระทรวงการ ต่างประเทศ, 2554 ฎ) ----------------------------------------

145 บรรณานกุ รม กรมอาเซยี น. (2555). ความร่วมมือกบั ประเทศคเู่ จรจา. วันท่ีคน้ ข้อมลู 27 สิงหาคม 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.mfa.go.th/asean/th/partnership กระทรวงการต่างประเทศ. (2554 ก). กรอบความร่วมมอื อาเซียน+3 (จนี ญ่ีปุ่น และสาธารณรฐั เกาหล)ี . [ออนไลน์]. วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 5 มถิ นุ ายน 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/internet/document/3784.pdf __________________ . (2554 ข). การประชมุ สดุ ยอดเอเชยี ตะวันออก (East Asia Summit – EAS). [ออนไลน]์ . วันท่คี ้นขอ้ มูล 5 มถิ นุ ายน 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/3785.pdf __________________ . (2554 ค). ความสัมพันธ์อาเซยี น – เกาหลีใต้. [ออนไลน]์ . วนั ทคี่ น้ ข้อมูล 5 มถิ นุ ายน 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/internet/document/656.pdf __________________ . (2554 ง). ความสมั พันธอ์ าเซยี น – แคนาดา. [ออนไลน]์ . วันท่คี ้นขอ้ มูล 5 มิถนุ ายน 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/651.pdf __________________ . (2554 จ). ความสมั พันธอ์ าเซียน – ญี่ป่นุ . [ออนไลน์]. วันทค่ี น้ ข้อมูล 5 มถิ นุ ายน 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/3783.pdf __________________ . (2554 ฉ). ความสัมพันธ์อาเซียน – นวิ ซีแลนด.์ [ออนไลน]์ . วนั ที่คน้ ขอ้ มลู 5 มถิ ุนายน 2555. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/817.pdf

146 __________________ . (2554 ช). ความสัมพันธอ์ าเซยี น – ปากสี ถาน. [ออนไลน]์ . วันท่ีคน้ ขอ้ มลู 5 มิถนุ ายน 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/658.pdf __________________ . (2554 ซ). ความสมั พันธ์อาเซียน – สหภาพยโุ รป. [ออนไลน]์ . วนั ทคี่ ้น ข้อมลู 5 มิถนุ ายน 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/internet/document/653.pdf __________________ . (2554 ฌ). ความสมั พันธอ์ าเซยี น – ออสเตรเลยี . [ออนไลน]์ . วันท่ีคน้ ขอ้ มลู 5 มถิ ุนายน 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/internet/document/815.pdf __________________ . (2554 ญ). ความสัมพนั ธอ์ าเซยี น – อนิ เดีย. [ออนไลน]์ . วนั ที่ค้นขอ้ มลู 5 มถิ ุนายน 2554. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/654.pdf. __________________ . (2554 ฎ). อาเซยี น – สหประชาชาติ. [ออนไลน]์ . วนั ทคี่ น้ ข้อมลู 5 มถิ ุนายน 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/6178.pdf มหาวิทยาลัยเชยี งใหม,่ คณะรัฐศาสตรแ์ ละรัฐประศาสนศาสตร.์ (ม.ป.ป.). อาเซียนกับประเทศคู่ เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ. [ออนไลน์]. วันที่คน้ ขอ้ มลู 8 ตลุ าคม 2555. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.pol.cmu. ac.th/article-download.php?id=754. สาํ นกั งานเศรษฐกจิ การคลัง. (2554). กฎบตั รสมาคมแหง่ ประชาชาตเิ อเชียตะวนั ออกเฉียงใต้และ ความตกลงดา้ นเศรษฐกิจของอาเซียน. กรงุ เทพฯ : ดเี อฟ ดิจติ อล พรินทต์ ง้ิ . ASEAN. (2012 a). ASEAN trade by partner country/region Annual 2010. [Online]. Retrieved. June 5, 2012, from http://www.aseansec.org/stat/Table24_27.pdf ______ . (2012 b). Top ten ASEAN trade partner countries/regions, 2010. [Online]. Retrieved. June 5, 2012, from http://www.aseansec.org/stat/Table19_27.pdf

147 ______ . (2012 c). Top ten country/regional sources of visitors to ASEAN Annual: 2008 - 2010. [Online]. Retrieved. June 5, 2012, from http://www.aseansec.org/stat/Table30.pdf ______ . (2012 d). Top ten sources of ASEAN foreign direct investments inflow Annual: 2008 – 2010; Cumulative annual: 2008 – 2010. [Online]. Retrieved. June 5, 2012, from http://www.aseansec.org/stat/Table27.pdf New York Times. (2010). Offering to Aid Talks, U.S. Challenges China on Disputed Islands. [Online]. Retrieved. June 5, 2012, from http://www.nytimes.com/2010/07/24/world/asia/24diplo.html World Nuclear Association. (2012). Nuclear Power in Vietnam. [Online]. Retrieved. June 5, 2012, from http://www.world-nuclear.org/info/vietnam_inf131.html

148 รฐั สภาไทยกบั การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ---------------------------------------------------------------------------- รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 มาตรา 190 ไดว้ างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ การจัดทําหนังสือสัญญาระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศไว้ว่า พระมหากษตั ริยท์ รงไว้ซง่ึ พระราชอาํ นาจในการทําหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญา อ่ืนกับนานาประเทศกับองค์การระหว่างประเทศ โดยหนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต ของประเทศ หรือเขตพ้ืนท่ีนอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอํานาจตามหนังสือ สญั ญา หรอื ตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือ สัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรอื สังคมของประเทศอยา่ งกวา้ งขวาง หรือมีผล ผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสําคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบ ของรัฐสภาก่อนทปี่ ระเทศไทยจะเข้าผูกพนั ตามหนังสอื สญั ญานน้ั เนอื่ งจากสมาคมประชาชาตแิ ห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (The Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) เป็นองค์การระหว่างประเทศ ดังนั้น การที่ประเทศไทยจะเข้า ทําหนังสือสัญญากับอาเซียน หรือกับประเทศอื่นๆ ในการขับเคลื่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจึงต้อง ไดร้ ับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนเชน่ เดยี วกนั ในบทนี้จึงขอนําเสนอข้อมูลสองส่วนเพ่อื ให้ทราบเป็น เบื้องต้นถึงความเก่ียวข้องของรัฐสภาไทยในการดําเนินงานภายใต้บริบทประชาคมอาเซียน โดยส่วน แรกเป็นการอธิบายเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 ซึ่งเป็นบทบัญญัติท่ีมีผลให้รัฐสภาเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดําเนินงานของอาเซียน ในด้านกฎหมาย และส่วนที่สองเป็นการนําเสนอข้อมูลบางส่วนเก่ียวกับพระราชบัญญัติ กรอบการ เจรจาระหว่างประเทศ ญัตติ และกระทู้ถามเกี่ยวกับการดําเนินการเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนท่ีได้ นําเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรและท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณา ซ่ึงข้อมูลนี้ได้จากฐานข้อมูล นติ ิบัญญตั ิของสาํ นักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

149 1. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190∗ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2550 มาตรา 190 บญั ญตั ิวา่ “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซ่ึงพระราชอํานาจในการทําหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และ สัญญาอืน่ กบั นานาประเทศหรือกับองค์การระหวา่ งประเทศ หนังสอื สญั ญาใดมบี ทเปลยี่ นแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพนื้ ท่ีนอกอาณาเขตซ่ึงประเทศไทยมีสิทธิ อธิปไตยหรือมีเขตอํานาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออก พระราชบญั ญัติเพอ่ื ให้การเปน็ ไปตามหนงั สอื สัญญา หรือมีผลกระทบต่อความม่ันคงทางเศรษฐกิจหรือสังคม ของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่าง มนี ัยสําคญั ต้องได้รับความเห็นชอบของรฐั สภา ในการน้ี รัฐสภาจะตอ้ งพิจารณาให้แล้วเสรจ็ ภายในหกสบิ วัน นบั แตว่ ันทีไ่ ดร้ บั เรอ่ื งดงั กล่าว ก่อนการดําเนินการเพ่ือทําหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศตาม วรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องช้ีแจงต่อ รัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญาน้ัน ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความ เห็นชอบด้วย เมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว ก่อนท่ีจะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรี ต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญาน้ัน และในกรณีท่ีการปฏิบัติตามหนังสือ สญั ญาดังกล่าวกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ ประชาชนหรอื ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรี ต้องดาํ เนินการแก้ไขหรือเยยี วยาผไู้ ด้รับผลกระทบน้นั อยา่ งรวดเรว็ เหมาะสม และเป็นธรรม ให้มีกฎหมายว่าด้วยการกําหนดประเภท กรอบการเจรจา ขั้นตอนและวิธีการจัดทําหนังสือสัญญา ทม่ี ผี ลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกจิ หรอื สังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรอื งบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสําคัญ รวมท้ังการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก การปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าว โดยคํานึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ท่ีได้รับ ผลกระทบจากการปฏบิ ัติตามหนงั สอื สญั ญาน้นั และประชาชนท่ัวไป ในกรณีท่ีมีปัญหาตามวรรคสอง ให้เป็นอํานาจของศาลรัฐธรรมนูญท่ีจะวินิจฉัยช้ีขาดโดยให้นํา บทบัญญัติตามมาตรา 154 (1) มาใช้บงั คบั กบั การเสนอเร่อื งต่อศาลรัฐธรรมนญู โดยอนโุ ลม” ∗∗ ∗ วเิ คราะห์โดยนางสาวศรนั ยา สมี า นิติกรชํานาญการ สาํ นกั วชิ าการ สาํ นักงานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร ∗∗ แก้ไขเพ่มิ เติมโดยรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พทุ ธศกั ราช 2554

150 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 เป็นเร่ืองเก่ียวกับ หลักเกณฑ์กระบวนการในการจัดทําหนังสือสัญญาหรือข้อตกลงต่างๆ ระหว่างประเทศไทยกับ ต่างประเทศ ซ่ึงหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ไม่ใช่เร่ืองใหม่ท่ีเพิ่งมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่าน้ัน หากแต่ได้มีการบัญญัติหลักเกณฑ์เร่ืองนี้มาต้ังแต่ในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน สยามช่ัวคราว พุทธศักราช 2475 เร่ือยมาจนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติม ในรายละเอียดเพื่อใหส้ อดคล้องกบั สภาวะความเปน็ ไปของบ้านเมอื งในช่วงเวลานน้ั รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 224 ได้วางหลักเกณฑ์ ในการทําหนังสือสัญญาระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศไว้ว่า หนังสือสัญญาซ่ึงมีบทเปลี่ยนแปลง อาณาเขตไทยหรือเขตอํานาจแห่งรัฐ หรือหนังสือสัญญาซ่ึงจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่ออนุวัติการ ให้เป็นไปตามหนังสือสัญญา จะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อนจึงจะกระทําได้ หากไม่ใช่ การทําหนังสือสัญญาใน 3 ลักษณะดังกล่าวแล้ว เป็นอํานาจของฝ่ายบริหารคือคณะรัฐมนตรีท่ี สามารถแสดงเจตนาเข้าผูกพันได้โดยลําพังตนเอง หลังจากที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2540 มีผลใช้บังคบั แล้ว คณะรัฐมนตรขี องไทยไดต้ กลงเจรจาทาํ ข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจาตกลงเกี่ยวกับเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) กับต่างประเทศหลาย ประเทศ โดยไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดการเจรจาให้ประชาชนท่ัวไปทราบและขอความเห็นชอบ จากรัฐสภาก่อน เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเห็นว่าการเจรจาทําข้อตกลงเก่ียวกับเขตการค้าเสรีนี้ไม่ใช่ การทําหนังสือสัญญาที่มีลักษณะที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนจึงจะกระทําได้ แต่เป็น อํานาจของฝ่ายบริหารท่ีสามารถทําได้โดยตนเอง ทําให้เกิดการกล่าวหาว่าคณะรัฐมนตรีเจรจา ทําข้อตกลงกับต่างประเทศโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ ใช้อํานาจรัฐเอื้อผลประโยชน์ให้แก่กลุ่ม ธุรกิจของเครือญาติ ซ่ึงถือเป็นการทุจริตคอร์รัปชันประการหนึ่งและส่งผลให้ประเทศไทยเสีย ผลประโยชน์จากการจดั ตัง้ เขตการคา้ เสรีน้ัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้ให้ความสําคัญกับการแก้ไขปัญหา การทุจริตคอร์รัปชันในทุกภาคส่วนของประเทศ ดังน้ัน จึงมีการแก้ไขเพ่ิมเติมหลักเกณฑ์ในการทํา หนังสือสัญญากับต่างประเทศ เพื่อสร้างกระบวนการรับมือกับยุคโลกาภิวัฒน์ให้เกิดความรอบคอบ และถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลมากขึ้น เกิดผลประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนโดยรวม อย่างแท้จริง ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มธุรกิจการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหน่ึง สร้างกระบวนการ ตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ และเพ่ิมบทบาทของภาคประชาชนให้มีส่วน ร่วมในการเจรจาและตรวจสอบการทําหนังสือสัญญาตลอดจนข้อตกลงระหว่างประเทศมากข้ึน

151 โดยแกไ้ ขเพิ่มเตมิ ลักษณะของหนงั สอื สัญญาหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศที่จะต้องไดร้ ับความเหน็ ชอบ จากรัฐสภาเสียก่อนท่ีเข้าเจรจาหรือลงนามได้ เป็น 5 ลักษณะ คือ 1) หนังสือสัญญาที่มีผลเป็นการ เปล่ียนแปลงอาณาเขตของประเทศไทย 2) หนังสือสัญญาที่มีผลเป็นการเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนที่ นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือเขตอํานาจตามหนังสือสัญญา หรือตามกฎหมาย ระหว่างประเทศ 3) หนังสือสัญญาที่ต้องมีการตราพระราชบัญญัติอนุวัติการ 4) หนังสือสัญญาท่ีมี ผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง และ 5) หนังสือสัญญา ที่มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสําคัญ เพื่อแก้ไขปัญหา การตีความว่าหนังสือสัญญาลักษณะใดบ้างที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และเพื่อให้การ เจรจาทําข้อตกลงในเร่ืองเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน เพราะถือเป็นเร่ืองท่ีกระทบกระเทือนต่อกลไกการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและความเป็นอยู่ของ ประชาชนโดยส่วนรวม โดยได้มีการกําหนดระยะเวลาว่ารัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นบั แต่วนั ท่ีไดร้ ับเรอ่ื งท่ีคณะรฐั มนตรเี สนอมา นอกจากน้ันแล้ว ยังได้กําหนดเพ่ิมเติมเก่ียวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบ การทําหนังสือสัญญาระหว่างประเทศของคณะรัฐมนตรี โดยกําหนดหน้าที่ให้คณะรัฐมนตรีต้องให้ ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต้องชี้แจงเกี่ยวกับหนังสือสัญญาและเสนอ กรอบการเจรจาตอ่ รัฐสภาเพอ่ื ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะดําเนินการเพ่ือ ทําหนังสือสัญญากับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ และเมื่อคณะรัฐมนตรีได้ลงนามใน หนังสือสัญญาแล้ว ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึง รายละเอียดของหนังสือสัญญานั้นได้ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงผลกระทบที่ตามมาภายหลังการท่ี หนังสือสัญญามีผลผูกพัน ในกรณีที่การปฏิบัติตามพันธกรณีก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้น อย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม นอกจากน้ันแล้ว คณะรัฐมนตรีต้องจัดทํากฎหมายว่าด้วยการ กําหนดประเภท ขั้นตอน วิธีการทําหนังสือสัญญา และการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการ ปฏิบัติตามหนังสือสัญญาท่ีมีผลกระทบต่อความม่ันคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่าง กว้างขวางหรือมีผลผูกพันด้านการค้าหรือการลงทุนอย่างมีนัยสําคัญ โดยต้องคํานึงถึงความเป็นธรรม ระหวา่ งผไู้ ดร้ ับประโยชนก์ ับผไู้ ดร้ ับผลกระทบและประชาชนทว่ั ไปดว้ ย หากพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 นี้ จะเห็นได้ว่าการกําหนดหลักเกณฑ์ในการทําหนังสือสัญญากับต่างประเทศนี้ มุ่งเน้นให้

152 ความสําคญั กบั ความโปร่งใสในการทําหนังสือสญั ญามากยิ่งข้ึน โดยกําหนดลักษณะของหนังสือสัญญา ระหว่างประเทศที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้สมาชิกรัฐสภา ในฐานะตัวแทนของประชาชนสามารถตรวจสอบการทํางานของคณะรัฐมนตรีได้ดียิ่งข้ึน ส่งเสริมให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยคณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชนก่อนเข้าทําหนังสือสัญญา ประชาชนสามารถทราบถึงเน้ือหาและผลกระทบ ที่จะเกิดข้ึนจากการเข้าทําหนังสือสัญญา สามารถแสดงความคิดเห็นและเตรียมพร้อมรับผลกระทบ ท่ีจะเกิดข้ึนได้ และการกําหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญทําหน้าที่ชี้ขาดกรณีท่ีเกิดปัญหาโต้แย้งว่าหนังสือ สัญญานั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือไม่ ทําให้ปัญหาการโต้แย้งในเรื่องการตีความ เก่ียวกับหนังสอื สญั ญามีความชัดเจนมากขน้ึ อย่างไรก็ตาม การกําหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความ เห็นชอบก่อนการดําเนินการเพื่อทําหนังสือสัญญา และการท่ีคณะรัฐมนตรีจะต้องให้ข้อมูลและรับฟัง ความคิดเห็นจากประชาชนก่อนน้ัน อาจเป็นการเพ่ิมข้ันตอนปฏิบัติท่ีมีความยุ่งยากเข้ามาใน กระบวนการทําหนังสือสัญญา อาจทําให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการเจรจา เพราะการเสนอกรอบ การเจรจาจะทําให้ประเทศคู่เจรจาทราบจุดมุ่งหมายและความต้องการที่แท้จริงของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยจะไม่ทราบความประสงค์ท่ีแท้จริงของประเทศคู่เจรจา ทําให้ประเทศไทยอาจ เสยี ประโยชนจ์ ากการทาํ หนังสอื สัญญาน้นั ได้ ต่อมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 ได้มีการแก้ไข เพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2554 ซึ่งกําหนด เพ่ิมเติมให้มีการตรากฎหมายกําหนดรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของหนังสือสัญญาและกรอบ การเจรจาท่ีมีผลกระทบต่อความม่ันคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผล ผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสําคัญ ที่จะต้องนําเสนอให้ รัฐสภาเห็นชอบ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ไม่เป็นการเพ่ิมภาระให้แก่รัฐสภามากเกินไป และไม่เกิด ความล่าชา้ จนประเทศไทยได้รบั ความเสียหายหรือเสียผลประโยชน์ได้ สําหรับการตรากฎหมายว่าด้วยการกําหนดประเภท กรอบการเจรจา ขั้นตอนและวิธีการ จดั ทาํ หนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคหา้ น้ัน อยู่ในความรบั ผดิ ชอบของกระทรวงการต่างประเทศ เมือ่ กระทรวงการต่างประเทศดาํ เนนิ การยกร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้วจะส่งให้สํานักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมาย แล้วจึงส่งให้คณะรัฐมนตรีเพื่อนําร่างกฎหมายในรูปของ ร่างพระราชบัญญัตินั้นเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป ในอดีตน้ันได้เคยมีการเสนอร่างกฎหมาย

153 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 วรรคห้า เข้าสู่การพิจารณา ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการจัดทําหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ พ.ศ. .... (นายสุริชัย หวันแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ) คณะรัฐมนตรีซึ่งมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ขอรับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปพิจารณาก่อนรับหลักการและเมื่อ คณะรัฐมนตรีได้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตมายังสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติให้เล่ือนการพิจารณาออกไปก่อนจนกระทั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส้ินสุดลง ต่อมาในสมัยท่ีนายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เคยมีการเสนอกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 วรรคหา้ เข้าสูก่ ารพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ไดแ้ ก่ ร่างพระราชบญั ญัติข้ันตอนและวิธกี ารจดั ทาํ หนังสอื สญั ญา พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้นําร่างพระราชบัญญัติการจัดทําหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ พ.ศ. .... (นางสาวรัชดา ธนาดิเรก กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติในทํานองเดียวกัน มาพิจารณารวมกัน ต่อมาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งท่ี 16/2552 เมื่อวันท่ี 18 มีนาคม พ.ศ.2552 คณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติฯ ได้ขอถอนร่าง พระราชบัญญัติท้ังสองฉบับออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เน่ืองจากมีปัญหาว่าอาจมี บทบัญญตั ิขัดกบั รฐั ธรรมนญู และในปจั จบุ ันยังมิไดม้ ีการเสนอร่างกฎหมายวา่ ดว้ ยการกําหนดประเภท กรอบการเจรจา ข้ันตอนและวิธีการจัดทําหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550 มาตรา 190 วรรคห้า กลับเขา้ สู่การพจิ ารณาของสภาผ้แู ทนราษฎรแต่อยา่ งใด ข้อดีและข้อเสียของมาตรา 190 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2550 • ขอ้ ดี 1. สมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนและเป็นองค์กรท่ีใช้อํานาจนิติบัญญัติสามารถเข้า ตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อํานาจของฝ่ายบริหารในการทําหนังสือสัญญากับต่างประเทศและองค์การ ระหว่างประเทศได้มากขนึ้ 2. ประชาชนสามารถตรวจสอบการใช้อํานาจของฝ่ายบริหาร เน่ืองจากรัฐธรรมนูญกําหนดให้ ฝ่ายบริหารต้องให้ข้อมูลเพื่อให้ประชนชนเข้าถึง ทราบถึงเนื้อหารายละเอียดในหนังสือสัญญา ผลกระทบต่อตนเองและประเทศชาติที่จะเกิดข้ึนจากการที่ฝ่ายบริหารจะเข้าทําหนังสือสัญญาน้ัน เป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทําหนังสือสัญญา นน้ั ด้วย

154 3. ประชาชนสามารถเตรียมความพร้อมในการรับผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นจากการเข้าทําหนังสือ สญั ญาได้ลว่ งหนา้ 4. ประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเข้าทํา หนังสือสัญญากับต่างประเทศ จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างรวดเร็ว เหมาะสมและ เปน็ ธรรม 5. การท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กําหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการ กําหนดประเภท กรอบการเจรจา ขั้นตอน และวิธีการจัดทําหนังสือสัญญาท่ีมีผลกระทบต่อความ มั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุน อย่างมีนัยสําคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญา ดังกล่าวโดยคํานึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตาม หนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป ทําให้ขั้นตอนในการจัดทําหนังสือสัญญากับต่างประเทศและ องค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนมาตรการในการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทําหนังสือ สญั ญามีความแน่นอนชัดเจน 6. มีองค์กรของรัฐท่ีเป็นกลางทําหน้าที่เป็นผู้ชี้ขาดกรณีที่เกิดการโต้แย้งว่าหนังสือสัญญานั้น มีลักษณะที่ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากรฐั สภาก่อนทาํ หนงั สือสัญญาหรอื ไม่ • ขอ้ เสีย 1. การทีร่ ัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550 บัญญัติเพ่ิมเติมให้หนังสือสัญญา ที่มีผลกระทบต่อความม่นั คงทางเศรษฐกจิ หรือสงั คมระหวา่ งประเทศอย่างกวา้ งขวาง หรือมีผลผูกพัน การค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสําคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ก่อนทาํ หนงั สอื สัญญาน้นั อาจกอ่ ใหเ้ กิดปญั หาในการตคี วามได้ว่าอย่างไรจึงจะถือว่าหนังสือสัญญานั้น มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพัน การค้า การลงทนุ หรืองบประมาณของประเทศอยา่ งมนี ยั สําคญั 2. เม่ือเกิดกรณีท่ีมีการโต้แย้งกันว่าหนังสือสัญญาน้ันต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน หรือไม่ ซงึ่ ตอ้ งมีการส่งเรือ่ งไปยงั ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยช้ีขาด อาจทําให้เกิดความล่าช้าในการทํา หนงั สอื สัญญา และประเทศไทยอาจเสยี ประโยชนจ์ ากการเข้าทําหนงั สอื สญั ญาล่าช้าได้ 3. การที่ฝ่ายบริหารต้องให้ข้อมูลเก่ียวกับหนังสือสัญญา และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชนก่อนดําเนินการทําหนังสือสัญญา รวมท้ังต้องเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอ ความเห็นชอบน้ัน อาจทําให้เกิดความล่าช้าในการทําหนังสือสัญญา ประเทศคู่สัญญาจะทราบถึง

155 ความต้องการหรือจุดมุ่งหมายในการเจรจาของประเทศไทย ทําให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือเสีย ประโยชน์ที่ควรจะไดร้ ับจากการทาํ หนงั สอื สญั ญานัน้ ได้ 4. การท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 190 วรรคสี่ ได้วาง หลักเกณฑ์ว่า เม่ือลงนามในหนังสือสัญญาท่ีมีบทเปล่ียนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นท่ี นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอํานาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมาย ระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมี ผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพัน ด้านการค้า การลงทนุ หรืองบประมาณของประเทศอย่างมนี ัยสําคัญ ก่อนทจ่ี ะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญาน้ัน และในกรณี ท่ีการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน หรือผู้ประกอบการ ขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดําเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้น อย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเปน็ ธรรมนน้ั ยอ่ มเกดิ ปญั หาได้ แม้ว่าการลงนามในหนังสือสัญญาจะเป็น เพียงการรับรองว่าข้อความในร่างหนังสือสัญญาน้ันถูกต้องตามท่ีตกลงกัน โดยยังไม่มีผลผูกพัน ทางกฎหมายก็ตาม แต่ในทางปฏิบัตินั้นการลงนามมีผลผูกพันคู่สัญญาบางส่วนแล้ว กล่าวคือ รัฐคู่สัญญาจะต้องไม่กระทําการใดอันเป็นการละเมิดต่อหลักเกณฑ์และเจตนารมณ์ของหนังสือสัญญา ดังกล่าวดว้ ย 2. พระราชบัญญัติ กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ ญัตติ และกระทู้ถามท่ีเก่ียวข้อง กบั การดําเนินการเพ่ือเข้าสูป่ ระชาคมอาเซยี น อาเซยี นเป็นองค์การระหว่างประเทศท่ีมีความเก่ียวข้องกับประเทศไทยมาต้ังแต่ปี พ.ศ.2510 รัฐบาลไทยซึ่งทําหน้าท่ีบริหารประเทศ ได้ดําเนินการด้านต่างๆ ตามกรอบความร่วมมือของอาเซียน ท้ังด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและ เพื่อประโยชน์ของชาติและภูมิภาคโดยรวม เมื่อรัฐบาลไทยได้เข้าผูกพันที่จะร่วมสร้างประชาคม อาเซียนในปี พ.ศ.2558 ตามปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับที่ 2 (Declaration of ASEAN Concord II /Bali Concord II) รัฐบาลจึงต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อขับเคล่ือน ประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้ตามกําหนดการ รัฐสภาในฐานะเป็นองค์กรด้านนิติบัญญัติจึงต้อง เข้าไปมีส่วนเก่ียวข้องในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย โดยเฉพาะการตรา กฎหมาย และการพิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจาระหว่างประเทศและสนธิสัญญาต่างๆ

156 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2550 มาตรา 190 รวมท้ังการตรวจสอบนโยบาย และการดําเนินงานของรัฐบาลว่าสอดคล้องกับข้อตกลงในกรอบอาเซียนหรือไม่ และเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยรวมหรือไม่ และได้มีมาตรการรองรับปัญหาท่ีคาดว่าจะ เกิดขนึ้ เม่อื ประเทศเขา้ ส่ปู ระชาคมอาเซยี นในปี พ.ศ.2558 หรือไม่อยา่ งไร ในส่วนนี้ จึงเป็นการรวบรวมพระราชบัญญัติ กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ ญัตติและ กระทู้ถามท่ีสําคัญบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย โดยเปน็ ข้อมลู ต้ังแต่รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550 มีผลบังคบั ใช้จนถึงปัจจุบัน* ปัจจุบัน* แต่ท้ังนี้ไม่ได้หมายความว่า ก่อนการประกาศจัดตั้งประชาคมอาเซียน รัฐสภาไม่ได้ตระหนัก ถึงความสําคัญในการดําเนินงานของรัฐบาลตามกรอบอาเซียน ตัวอย่างเช่น เม่ือปี พ.ศ.2542 นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ความสนใจเรื่องความร่วมมือของไทยใน กรอบอาเซียน โดยการต้ังกระทู้ถามเร่ือง การนําประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ของอาเซียน (กระทู้ถามที่ 421 ร.) โดยมีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง ได้ตอบกระทู้ถามใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนท่ี 92 ก วันท่ี 9 ตุลาคม พ.ศ.2542 (ดรู ายละเอยี ดในภาคผนวก 1) สําหรับพระราชบัญญัติ กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ ญัตติ และกระทู้ถามท่ีเก่ียวข้อง กับการดําเนินการเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของไทยภายหลังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2550 มผี ลบังคับใช้ มีรายละเอียดดังนี้ • ประชาคมการเมอื งและความมน่ั คงอาเซยี น พระราชบัญญัติ กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ ญัตติ และกระทู้ถามที่เกี่ยวข้องกับ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ท่ีเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. พระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติคุ้มครองการดําเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. 2551 (มีความเกี่ยวข้องกบั ประชาคมทงั้ 3 เสาหลกั ) * สถานะของข้อมูล ณ วันท่ี 31 พฤษภาคม พ.ศ.2555

157 ผู้เสนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดําเนินงานของ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... ลงมติในวาระท่ี 1 รับหลักการแห่งร่าง พระราชบัญญัติฯ ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งท่ี 2 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันท่ี 7 สิงหาคม พ.ศ.2551 และได้ต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญเพ่ือพิจารณา เม่ือคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ได้เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครง้ั ท่ี 12 (สมยั สามญั นิติบญั ญัต)ิ วันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2551 สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาในวาระ ที่ 2 เรียงตามลําดับมาตรา และลงมติในวาระที่ 3 เห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว แลว้ ส่งให้วุฒิสภาเพอื่ พิจารณาตอ่ ไป ในคราวประชุมวุฒิสภาคร้ังที่ 6 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) เป็นพิเศษ วันอังคารท่ี 16 กันยายน พ.ศ.2551 ท่ปี ระชุมวฒุ สิ ภาไดพ้ ิจารณาในวาระท่ี 1 ลงมตริ บั หลักการแห่งร่างพระราชบัญญัตคิ มุ้ ครอง การดําเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... จากนั้นท่ีประชุมวุฒิสภา ได้มีมติให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้โดยกรรมาธิการเต็มสภา ซ่ึงเป็นการพิจารณา ข้ันคณะกรรมาธิการและการพิจารณาของวุฒิสภาในวาระท่ี 2 เรียงตามลําดับมาตรารวมกันไป โดยไม่มีการแก้ไข และลงมติในวาระที่สามเห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติฯ ของสภา ผ้แู ทนราษฎร พระราชบัญญัติคุ้มครองการดําเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ.2551 ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนท่ี 121 ก ลงวันท่ี 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 มผี ลใช้บังคับต้ังแตว่ นั ที่ 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2551 เปน็ ต้นไป สาระสําคญั : ของพระราชบัญญัตติ ิฉบับน้ีมสี าระสําคญั คือ 1) กําหนดให้ยอมรับนับถือว่าอาเซียนซ่ึงเป็นองค์การระหว่างประเทศในระดับรัฐบาลเป็น นิตบิ คุ คล และให้ถือว่ามภี ูมลิ าํ เนาในประเทศไทย 2) กําหนดให้อาเซียนได้รับความคุ้มกันและเอกสิทธิ์ในประเทศไทยท่ีจําเป็นเพ่ือให้บรรลุ ความมุง่ ประสงค์ของอาเซียนตามกฎบตั ร 3) กําหนดให้เลขาธิการอาเซียนและพนักงานของสํานักเลขาธิการอาเซียนซ่ึงเข้าร่วมใน กิจกรรมอันเป็นทางการของอาเซียนหรือทําการแทนอาเซียนในประเทศไทยได้รับความคุ้มกัน และเอกสิทธิท์ ่ีจาํ เป็นในการปฏิบตั หิ น้าทขี่ องตนโดยอสิ ระตามกฎบัตร

158 4) กําหนดให้ผู้แทนถาวรของรัฐสมาชิกประจําอาเซียน และเจ้าหน้าท่ีของรัฐสมาชิกอาเซียน ซ่ึงเข้าร่วมในกิจกรรมอันเป็นทางการของอาเซียนหรือทําการแทนอาเซียนในประเทศไทยได้รับ ความคุ้มกันและเอกสิทธิ์ที่จําเป็นในการปฏิบัติหน้าท่ีตามกฎบัตร หรือตามกฎหมายว่าด้วยเอกสิทธ์ิ และความคุ้มกนั ทางทูต 5) กําหนดใหร้ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงการตา่ งประเทศรักษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี เหตุผลในการประกาศใช้ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่รัฐบาลไทยได้ ลงนามในกฎบัตรของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 และกฎบัตรดังกลา่ วกําหนดใหร้ ฐั สมาชกิ ใหค้ วามค้มุ กัน และเอกสิทธทิ์ ีจ่ าํ เปน็ ตอ่ การปฏิบัติ หน้าทแี่ ก่อาเซียน เลขาธิการอาเซียน พนักงานของสํานักเลขาธกิ ารอาเซียน ผูแ้ ทนถาวรของรัฐสมาชิก ประจําอาเซียน และเจ้าหน้าท่ีของรัฐสมาชิกอาเซียน ดังนั้น เพื่อคุ้มครองการดําเนินงานของอาเซียน ในประเทศไทย จงึ จาํ เปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ินี้ 2. กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ 2.1 การให้ความเห็นชอบเอกสารสําคัญที่เกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบอาเซียนและการรวมตัว เปน็ ประชาคมอาเซียน - ร่างปฏิญญาเชยี งใหมว่ ่าดว้ ยแผนงานสาํ หรับประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ. 2009 - 2015 - ร่างแผนงานการจดั ต้ังประชาคมการเมอื งและความมน่ั คงอาเซียน - ร่างแผนงานการจดั ตง้ั ประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น - รา่ งแผนงานขอ้ ริเริม่ เพ่ือการรวมตวั ของอาเซยี น ฉบับทส่ี อง ค.ศ. 2009 - 2015 - ร่างปฏญิ ญาร่วมวา่ ด้วยเป้าหมายการพฒั นาของอาเซียน (มคี วามเกย่ี วข้องกบั ประชาคมท้งั 3 เสาหลกั ) ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณา เร่ือง การให้ความเห็นชอบเอกสารสําคัญ ที่เกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบอาเซียนและการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ในการประชุมร่วมกัน ของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2552 และลงมติให้ความ เห็นชอบตามท่ีคณะรัฐมนตรีเสนอ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังที่ 2 (สมัยสามัญท่ัวไป) วนั องั คารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552

159 2.2 กรอบการเจรจายกร่างขอบเขตอํานาจหน้าท่ีขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน และกรอบ การเจรจาประเดน็ กฎหมายภายใต้การพิจารณาของคณะผู้เช่ียวชาญดา้ นกฎหมายระดับสูงว่าด้วย กฎบัตรอาเซยี น (มีสว่ นเกย่ี วข้องกบั ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซยี น) ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้พิจารณากรอบการเจรจายกร่างขอบเขตอํานาจ หน้าท่ีขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน และกรอบการเจรจาประเด็นกฎหมายภายใต้การพิจารณา ของคณะผู้เช่ียวชาญด้านกฎหมายระดับสูงว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญท่ัวไป) วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2552 และในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครัง้ ที่ 2 (สมยั สามัญทั่วไป) วันอังคารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 ท่ีประชุมร่วมกนั ของรัฐสภามีมติใหต้ ง้ั คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ จํานวน 36 คน เพื่อพจิ ารณากรอบการเจรจาดังกล่าว ทั้งน้ี ที่ประชุมได้มีมติ ให้พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกําหนดเวลา 15 วัน เมื่อคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ได้เสนอรายงานต่อรัฐสภา ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติเห็นชอบด้วยกับรายงานและข้อสังเกต ของคณะกรรมาธิการฯ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 3 (สมัยสามัญท่ัวไป) วันอังคารท่ี 17 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2552 2.3 ร่างพธิ สี ารฉบับที่ 3 เพอื่ แก้ไขสนธิสัญญาไมตรีและความรว่ มมือในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ผู้เสนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่ 3 เพ่ือแก้ไข สนธิสญั ญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ตามท่ีคณะรัฐมนตรีเสนอ ในการประชุม รว่ มกันของรฐั สภา คร้ังท่ี 9 (สมยั สามัญทัว่ ไป) วนั พฤหสั บดที ่ี 14 พฤษภาคม พ.ศ.2552 2.4 สนธิสญั ญาวา่ ดว้ ยความชว่ ยเหลือซง่ึ กนั และกนั ในเรื่องทางอาญาของภมู ิภาคอาเซยี น (มีส่วนทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซียน) ผ้เู สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบสนธิสัญญาว่าด้วย ความช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในเรื่องทางอาญาของภูมิภาคอาเซียน ตามท่ีคณะรัฐมนตรีเสนอ ในการ ประชมุ ร่วมกนั ของรัฐสภา ครัง้ ท่ี 2 (สมัยสามัญนติ ิบญั ญตั )ิ วนั พุธที่ 8 กันยายน พ.ศ.2553

160 3. ญัตติ ญัตติ เรอ่ื ง ต้งั คณะกรรมาธิการวสิ ามัญเพื่อศึกษายกร่างกฎบตั รอาเซียน ผู้เสนอ : นายพชิ ยั วาสนาส่ง สมาชิกสภานติ บิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ ผลการดําเนินการ : นายพิชัย วาสนาส่ง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เสนอญัตติขอให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพ่ือศึกษาการยกร่างกฎบัตรอาเซียน เพื่อให้ ประชาชนจะได้มีส่วนร่วม และเสนอแนะข้อคิดเห็นตลอดจนให้คําปรึกษาเก่ียวกับนโยบายของ อาเซยี นตอ่ องคก์ รที่มีอํานาจตัดสินใจ ซึ่งต่อมาในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คร้ังท่ี 20/2550 วันท่ี 19 เมษายน พ.ศ.2550 ผู้เสนอได้ขอถอนญัตติออกจากระเบียบวาระการประชุม เพ่ือนําไป พิจารณารายละเอียดร่วมกันในคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเสียก่อนที่ ประชมุ สภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาตเิ ห็นชอบให้ถอนญตั ติ ต่อมาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เสนอรายงาน การพจิ ารณาร่างกฎบตั รอาเซยี นต่อสภานิติบญั ญัตแิ หง่ ชาติ ท่ปี ระชุมไดพ้ ิจารณาและรับทราบรายงาน ดังกล่าว ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คร้ังท่ี 3/2551 วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551 4. กระทถู้ าม 4.1 กระทู้ถามสด เร่ือง ผลกระทบท่ีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEAN SUMMIT ในวนั ที่ 27 กุมภาพันธ์ ถงึ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ผ้ถู าม : นายธนิตพล ไชยนันทน์ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร พรรคประชาธปิ ัตย์ จังหวัดตาก ได้ต้ังกระทู้ ถามสดถามนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร คร้ังท่ี 11 สมัยสามัญท่ัวไป วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2552 โดยสรุปดังนี้ 1. รฐั บาลไทยไดม้ ีการเตรยี มความพรอ้ มเก่ียวกับเรอ่ื งของการจัดงานอาเซียน ซัมมิท อย่างไร มีกระบวนการในการประเมินถึงความพึงพอใจของประเทศที่มาร่วมงาน และงานดังกล่าวจะสามารถ สรา้ งภาพลักษณท์ ่ดี ตี ่อประเทศไทยในดา้ นใดบ้าง 2. จากที่ได้มีการสํารวจความคิดเห็นของคนที่อยู่ในประเทศว่า ประเทศไทยจะได้รับ ประโยชน์จากการประชุมสุดยอดอาเซียนเท่าไหร่ ซึ่งปรากฏว่าร้อยละ 46 คิดว่าคนไทยจะได้รับ ประโยชน์ แต่อีกร้อยละ 53 คิดว่าประเทศไทยจะไม่ได้รับประโยชน์ในการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังนี้ ทางรัฐบาลไทยได้ประเมินไว้หรือไม่ว่า การประชุมดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อ

161 ประชาชนและประเทศอย่างไร รวมถึงสภาวการณ์เศรษฐกิจโลกที่ถดถอยในขณะนี้ การประชุม สดุ ยอดอาเซยี นจะมีส่วนชว่ ยให้ประเทศไทยหลุดพน้ จากสภาวการณน์ ไ้ี ด้หรือไม่ อยา่ งไร 3. เสนอให้รัฐบาลนําหลายๆ เร่ืองเข้าไปหารือด้วยนอกจากปัญหาคนหลบหนีเข้าเมือง การรวมกลุ่มกันเพ่ือค้าขายกับประเทศในทวีปยุโรปหรืออเมริกา เพื่อท่ีจะช่วยเหลือปัญหาราคาพืชผล การเกษตรตกต่ําได้เป็นอย่างดี อีกเรื่องที่อยากจะฝากคือปัญหายาเสพติด เพราะเป็นเรื่องสําคัญและ บ่อนทาํ ลายประเทศชาติ ขอใหร้ ฐั บาลนําเร่ืองนเี้ ขา้ หารอื ในเวทีอาเซยี นดว้ ย ผู้ตอบกระทู้ : นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ถามสดในประเด็นต่างๆ โดยสรุป ดงั น้ี 1. การจัดประชมุ สุดยอดอาเซยี นครง้ั ท่ี 14 ซึง่ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และเป็นประธานของ อาเซียนเป็นข้อผูกมัดท่ีรัฐบาลไทยรับมา การประชุมที่จะมีข้ึนท่ีชะอําและหัวหินนั้น ประเทศไทย มีความพร้อมอย่างเต็มที่ การดําเนินการท่ีมีความพร้อมแล้ว สามารถสร้างความพอใจให้กับประเทศ สมาชิก การประชุมน้ีจะส่งผลดีต่อความเชื่อม่ัน ภาพลักษณ์ ซ่ึงในที่สุดจะทําให้เราสามารถแก้ไข ปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองที่เป็นปัญหาภายในของประเทศได้ดีข้ึน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้อง ประชาชน 2. ในการสํารวจความคิดเห็นของประชาชนของเอแบคโพลน้ัน ร้อยละ 46.8 เห็นว่า มีประโยชน์มากถึงมากท่ีสุด แต่ร้อยละ 53.2 นั้น ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์แต่รวมคนท่ีระบุว่ามีประโยชน์ น้อยและคนทรี่ ะบวุ า่ ไม่มปี ระโยชนไ์ ว้ดว้ ยกัน ประเด็นนี้เป็นประเด็นท่ีรัฐบาลและบรรดากลุ่มประเทศในอาเซียนตระหนักเป็นอย่างดีว่า ในช่วงความร่วมมือหลายสิบปีที่ผ่านมาประชาชนยังสัมผัสอาเซียนได้น้อยมาก จึงได้ต้ังหัวข้อเอาไว้ว่า กฎบัตรอาเซียนสําหรับประชาชนอาเซียน และในการประชุมครั้งน้ีจะเป็นคร้ังแรกท่ีจะเปิดโอกาสให้ กลุ่มต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวแทนของสังคมสามารถที่จะส่งตัวแทนมาพบปะกับผู้นําของท้ัง 10 ประเทศโดยตรง นอกจากการพบปะกับภาคธรุ กิจ ในการประชุมครั้งน้ีจะได้มีการหารือถึงมาตรการท่ีเกี่ยวข้องกับการประสานแผนการกระตุ้น เศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและมีความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันมากย่ิงขึ้น รวมถึงปัญหา อีกหลายประการ เช่น คนหลบหนเี ข้าเมือง การจัดตัง้ องค์กรสทิ ธมิ นุษยชนอาเซยี น 3. ปัญหาที่สมาชิกหยิบยกขึ้นมาล้วนอยู่ในกรอบความร่วมมือของอาเซียนทั้งสิ้น จริงๆ แล้ว การขยายความร่วมมือจะมีหลายด้าน เช่นกรณีของกระทรวงกลาโหมก็จะไม่ประชุมเฉพาะเร่ือง

162 ความม่ันคงเท่าน้ัน แต่จะประชุมไปถึงเรื่องของความร่วมมือกันว่าหากวันข้างหน้าเกิดปัญหาภัยพิบัติ จะมีการรว่ มมือของหนว่ ยงานความมนั่ คงในระดบั นานาชาตมิ าแก้ปัญหามากข้ึน สําหรับสินค้าเกษตรนั้น อาเซียนเองต้องการที่จะให้ความมั่นใจว่าภูมิภาคน้ีมีความม่ันคงด้าน อาหาร มีความร่วมมือที่ทําเป็นการลักษณะชั่วคราวอยู่คือ การนําเอาสต็อกข้าวไปเป็นสต็อกท่ีถือว่า เป็นของอาเซียนเพื่อมีไว้ใช้สําหรับกรณีที่ประเทศในอาเซียนประสบความขาดแคลน โดยมี คา่ ตอบแทนใหก้ ับเจ้าของข้าว ความร่วมมือในแง่ของการค้าขาย นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพ่ิงเดินทางกลับมาจากประเทศเวียดนามได้มีการหารือกันในกรอบนี้อยู่แล้ว และตั้งใจว่าถ้าสามารถ นาํ มาสานต่อในการประชุมสุดยอดคร้งั น้ีได้ กจ็ ะดาํ เนินการเช่นเดยี วกนั 4.2 กระทู้ถามที่ 290 ร. เรื่อง การเตรยี มความพร้อมเขา้ สปู่ ระชาคมอาเซยี น (มีความเกยี่ วขอ้ งกับประชาคมท้งั 3 เสาหลกั ) ผู้ถาม : นายสกุ จิ ก้องธรนินทร์ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ บัญชีรายช่ือ ได้ต้ังกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลมีนโยบายในการเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วนของประเทศไทยเพ่ือการ เป็นส่วนหนงึ่ ของประชาคมอาเซยี นอย่างไร โดยขอใหต้ อบในราชกิจจานุเบกษา ผู้ตอบกระทู้ : พลเอกยุทธศักด์ิ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ เป็นผู้ตอบกระทู้ถาม ได้ตอบกระทู้ถามในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนพิเศษ 47 ง วันท่ี 9 มีนาคม พ.ศ. 2555 ความโดยสรุปว่า รัฐบาลมีนโยบายดังท่ีปรากฏในคําแถลงนโยบายของ คณะรัฐมนตรี นโยบายเร่งด่วนท่ีจะเริ่มดําเนินการในปีแรกคือ เร่งดําเนินการตามข้อผูกพันในการ รวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ท้ังในมิติเศรษฐกิจ สังคม และความม่ันคงตลอดจน การเชอ่ื มโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งภายในและภายนอกภูมภิ าค ซ่งึ จุดมุง่ หมายของนโยบายรัฐบาลคือ เพื่อนําประเทศไทยไปสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 อย่างสมบูรณ์ โดยสร้างความพร้อมและ ความเข้มแข็งในด้านต่าง ๆ ดังท่ีกล่าวไว้แล้วในคําแถลงนโยบายของรัฐบาล และนอกจากนี้รัฐบาล ยังมนี โยบายดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมอกี หลายประการเพือ่ รองรับการเขา้ สกู่ ารเปน็ ประชาคมอาเซยี น

163 • ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น กรอบการเจรจาระหว่างประเทศและกระทู้ถามท่ีเกี่ยวข้องกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทีเ่ ขา้ สู่การพจิ ารณาของสภาผูแ้ ทนราษฎรและรัฐสภา ดังตวั อย่างตอ่ ไปน้ี 1. กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ 1.1 ความตกลงหุน้ ส่วนเศรษฐกิจอาเซยี น–ญี่ปนุ่ ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ ความตกลงหุ้นส่วน เศรษฐกิจอาเซียน–ญี่ปุ่น ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังท่ี 3 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2551 1.2 ความตกลงการคา้ สินคา้ ของอาเซียน ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดาํ เนินการ : ทป่ี ระชุมรว่ มกนั ของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ความตกลง การค้าสินค้าของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังที่ 2 (สมัยสามัญท่ัวไป) วันอังคารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.3 พิธสี ารเพอื่ อนุวตั ขิ อ้ ผูกพนั ชุดที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงวา่ ดว้ ยบรกิ ารของอาเซยี น ผู้เสนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดาํ เนนิ การ : ที่ประชมุ รว่ มกนั ของรัฐสภาพิจารณาและลงมตใิ หค้ วามเหน็ ชอบ เรอ่ื ง พิธีสารเพื่อ อนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ในการประชุมร่วมกัน ของรฐั สภา ครั้งที่ 2 (สมยั สามญั ทั่วไป) วันองั คารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.4 ความตกลงดา้ นการลงทุนของอาเซียน ผู้เสนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ความตกลง ด้านการลงทุนของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งท่ี 2 (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552

164 1.5 ความตกลงวา่ ด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจซ่ึงครอบคลุม ด้านตา่ งๆ ระหวา่ งสมาคมประชาชาตแิ ห่งเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ละสาธารณรฐั ประชาชนจนี ผ้เู สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ความตกลง ว่าด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซ่ึงครอบคลุมด้านต่างๆ ระหว่าง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมร่วมกัน ของรฐั สภา ครั้งท่ี 2 (สมัยสามัญทัว่ ไป) วนั องั คารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.6 ความตกลงภายใต้กรอบเขตการคา้ เสรอี าเซยี น–สาธารณรฐั เกาหลี ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ความตกลง ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังที่ 2 (สมยั สามัญทัว่ ไป) วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.7 ความตกลงในกรอบอาเซยี น–อินเดีย ผ้เู สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ความตกลง ในกรอบอาเซียน – อินเดีย ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งท่ี 2 (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.8 ความตกลงเพอื่ จดั ตัง้ เขตการคา้ เสรี อาเซียน–ออสเตรเลีย–นวิ ซีแลนด์ ผ้เู สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ความตกลง เพ่ือจัดต้ังเขตการค้าเสรี อาเซียน–ออสเตรเลีย–นิวซีแลนด์ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามญั ทวั่ ไป) วันองั คารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.9 ร่างความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ร่างความตกลง พหภุ าคอี าเซียนวา่ ด้วยบรกิ ารเดินอากาศ และพธิ สี ารแนบทา้ ยความตกลงท้ังสองฉบับ ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ร่างความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ร่างความตกลง

165 พหุภาคีอาเซียนว่าด้วยบริการเดินอากาศ และพิธีสารแนบท้ายความตกลงท้ังสองฉบับ ในการประชุม ร่วมกันของรฐั สภา ครง้ั ท่ี 2 (สมัยสามัญทวั่ ไป) วันองั คารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.10 ร่างกรอบความตกลงอาเซยี นวา่ ดว้ ยการอาํ นวยความสะดวกในการขนส่งข้ามแดน ผูเ้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ร่างกรอบ ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกในการขนส่งข้ามแดน ในการประชุมร่วมกันของ รฐั สภา ครง้ั ท่ี 2 (สมัยสามญั ทัว่ ไป) วันอังคารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.11 รา่ งความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมนั่ คงทางปโิ ตรเลยี ม (มีสว่ นท่ีเกี่ยวข้องกบั ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซยี น) ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ร่างความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียม ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งท่ี 2 (สมัยสามัญทั่วไป) วันองั คารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.12 การให้ความเห็นชอบเอกสารสําคัญที่เกี่ยวกับความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาในกรอบ อาเซียน+3 และการประชุมสดุ ยอดเอเชยี ตะวันออก ผ้เู สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง การให้ ความเห็นชอบเอกสารสําคัญท่ีเก่ียวกับความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+3 และ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งท่ี 2 (สมัยสามัญทั่วไป) วนั อังคารท่ี 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.13 พิธีสารข้อผูกพันชุดท่ี 5 ของการบริการขนส่งทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วย บริการของอาเซียน ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดาํ เนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง พิธีสารข้อผูกพัน ชุดที่ 5 ของการบริการขนส่งทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ในการ ประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้งั ท่ี 5 (สมัยสามัญทวั่ ไป) วนั พฤหสั บดที ่ี 26 มนี าคม พ.ศ.2552

166 1.14 ความตกลงว่าด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซ่ึงครอบคลุมด้านต่างๆระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชีย ตะวันออกเฉยี งใตแ้ ละสาธารณรัฐเกาหลี ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ความตกลง ว่าด้วยการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซ่ึงครอบคลุมด้านต่างๆ ระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐ เกาหลี ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งท่ี 8 (สมัยสามัญท่ัวไป) วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2552 1.15 ข้อเสนอผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดท่ี 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วย บริการของอาเซยี น ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ข้อเสนอ ผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยชุดที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครัง้ ท่ี 9 (สมยั สามญั ทั่วไป) วันพฤหัสบดที ี่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2552 1.16 กรอบการเจรจาการค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลก และกรอบการเจรจาความตกลง การค้าเสรขี องไทยภายใต้การเจรจาอาเซียนกบั ประเทศนอกกลมุ่ ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง กรอบ การเจรจาการค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลก และกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีของ ไทยภายใต้การเจรจาอาเซียนกับประเทศนอกกลุ่ม ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัย สามญั นิตบิ ัญญัต)ิ วนั จันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 1.17 พธิ สี ารแกไ้ ขบนั ทึกความเข้าใจอาเซียนว่าดว้ ยบรกิ ารขนส่งสนิ คา้ ทางอากาศ ผู้เสนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง พิธีสาร แก้ไขบนั ทึกความเข้าใจอาเซียนว่าด้วยบริการขนส่งสนิ คา้ ทางอากาศ ในการประชมุ รว่ มกนั ของรัฐสภา ครัง้ ที่ 4 (สมยั สามญั นติ ิบัญญัต)ิ วันจนั ทร์ที่ 9 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2552

167 1.18 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเก่ียวกับแผนการส่งเสริมสินค้า เกษตรและป่าไม้ (มสี ่วนทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซียน) ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง บันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ (Memorandum of Understanding on ASEAN Co–operation in Agriculture and Forest Products Promotion Scheme) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งท่ี 6 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2552 1.19 บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ (อาเซียน) และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเกี่ยวกับความร่วมมือด้านทรัพย์สิน ทางปญั ญา (มสี ่วนที่เกย่ี วขอ้ งกับประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซียน) ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง บันทึก ความเข้าใจระหวา่ งรัฐบาลแห่งสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเกี่ยวกับความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา ในการประชุม ร่วมกันของรฐั สภา ครั้งที่ 7 (สมยั สามัญนติ ิบญั ญัต)ิ วันศกุ ร์ท่ี 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 1.20 ความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสาร ทางอากาศ และพิธีสารแนบท้ายความตกลง จํานวน 2 ฉบับ และพิธีสารเพ่ืออนุวัติข้อผูกพัน ชุดที่ 6 ของบริการขนสง่ ผโู้ ดยสารทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงวา่ ดว้ ยบรกิ ารของอาเซยี น ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ความตกลง พหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ และพิธีสารแนบ ท้ายความตกลง จํานวน 2 ฉบับ และพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 6 ของบริการขนส่งผู้โดยสาร ทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครงั้ ท่ี 8 (สมยั สามัญนติ ิบัญญัติ) วนั พฤหสั บดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2552

168 1.21 กรอบการเจรจาเพอ่ื การดาํ เนินงานความร่วมมือด้านการขนส่งภายใต้กรอบอาเซียน ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ความตกลง พหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มท่ีของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ และพิธีสารแนบ ท้ายความตกลง จํานวน 2 ฉบับ และพิธีสารเพ่ืออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 6 ของบริการขนส่งผู้โดยสาร ทางอากาศภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังที่ 8 (สมัยสามัญนิติบัญญตั ิ) วันพฤหัสบดีท่ี 19 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2552 1.22 พิธีสารเพอื่ แกไ้ ขความตกลงว่าด้วยการค้าสนิ ค้าอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี ผ้เู สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ทปี่ ระชุมร่วมกันของรฐั สภาพิจารณาและลงมติใหค้ วามเห็นชอบ เรื่อง พิธีสารเพื่อ แก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้งั ที่ 2 (สมยั สามญั นติ บิ ญั ญตั )ิ วนั พธุ ที่ 9 กนั ยายน พ.ศ.2553 1.23 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน–จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้และรัฐบาลแหง่ สาธารณรัฐประชาชนจนี ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง บันทึก ความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน–จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกสมาคมประชาชาติ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมร่วมกันของ รฐั สภา คร้งั ท่ี 2 (สมัยสามัญนติ บิ ญั ญัต)ิ วันพธุ ที่ 9 กนั ยายน พ.ศ.2553 1.24 พิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วย ความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจระหวา่ งสมาคมประชาชาตแิ หง่ เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐ ประชาชนจนี ฉบับท่ี 2 ผเู้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดาํ เนินการ : ท่ีประชมุ ร่วมกนั ของรฐั สภาพิจารณาและลงมติให้ความเหน็ ชอบ เร่ือง พิธีสารเพื่อ แก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับที่ 2 ในการประชมุ รว่ มกันของรฐั สภา คร้งั ท่ี 3 (สมยั สามัญนติ บิ ญั ญตั ิ) วนั พุธท่ี 15 กนั ยายน พ.ศ.2553

169 1.25 พธิ ีสารอนวุ ัติข้อผูกพนั ชดุ ที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการคา้ บริการของอาเซียน ผู้เสนอ คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง พิธีสาร อนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ในการประชุมร่วมกัน ของรฐั สภา ครัง้ ท่ี 5 (สมัยสามญั นิติบญั ญตั )ิ วนั อังคารท่ี 26 ตลุ าคม พ.ศ.2553 1.26 ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเข้าร่วมกับคู่เจรจาด้านบริการเดินอากาศของสมาคม ประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และร่างความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่าง รัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาล แห่งสาธารณรฐั ประชาชนจนี และรา่ งพธิ สี าร 1 แนบท้ายความตกลงฯ ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ร่างบันทึก ความเข้าใจว่าด้วยการเข้าร่วมกับคู่เจรจาด้านบริการเดินอากาศของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ และร่างความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐสมาชิกของ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ ร่างพิธสี าร 1 แนบทา้ ยความตกลงฯ ในการประชมุ ร่วมกันของรฐั สภา คร้งั ที่ 8 (สมยั สามญั นติ ิบัญญตั ิ) วนั อังคารท่ี 16 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2553 1.27 พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5 ภายใต้กรอบ ความตกลงว่าดว้ ยการค้าบรกิ ารของอาเซียน ผ้เู สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง พิธีสาร อนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน รอบที่ 5 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้า บริการของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญท่ัวไป) วันอังคารท่ี 19 เมษายน พ.ศ.2554 1.28 กรอบการเจรจาการจัดทําระบบการรับรองถิ่นกําเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน และ การเข้ารว่ มโครงการนาํ รอ่ ง ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี

170 ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง กรอบ การเจรจาการจัดทําระบบการรับรองถ่ินกําเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน และการเข้าร่วม โครงการ นํารอ่ ง ในการประชุมรว่ มกันของรัฐสภา คร้ังท่ี 5 (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารท่ี 19 เมษายน พ.ศ.2554 1.29 พิธสี ารอนุวัติข้อผกู พนั ชดุ ที่ 2 ภายใต้ความตกลงการคา้ บริการของกรอบความตกลงร่วมมือ ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ้เู สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง พิธีสาร อนุวัติข้อผูกพันชุดท่ี 2 ภายใต้ความตกลงการค้าบริการของกรอบความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชมุ รว่ มกนั ของรฐั สภา ครง้ั ที่ 5 (สมยั สามัญท่วั ไป) วันองั คารที่ 19 เมษายน พ.ศ.2554 1.30 กรอบการเจรจาจัดต้ังกองทนุ เพอื่ พัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐานในภูมภิ าคอาเซยี น (มีส่วนท่เี กีย่ วขอ้ งกบั ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น) ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง กรอบ การเจรจาจัดต้ังกองทุนเพ่ือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของ รฐั สภาครั้งที่ 4 (สมัยสามัญท่วั ไป) วนั เสาร์ที่ 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2554 1.31 รายการข้อสงวนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการการลงทุนอาเซียน (ACIA) และแนวทาง การเปิดเสรีรายการสงวนช่ัวคราว 3 สาขา ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยเขตการลงทุนอาเซียน (AIA) ผูเ้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง รายการ ข้อสงวนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการการลงทุนอาเซียน (ACIA) และแนวทางการเปิดเสรีรายการ สงวนช่ัวคราว 3 สาขา ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยเขตการลงทุนอาเซียน (AIA) ในการประชุม รว่ มกันของรฐั สภา คร้ังที่ 4 (สมัยสามัญท่วั ไป) วันเสาร์ที่ 12 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2554

171 2. กระทถู้ าม 2.1 กระทถู้ ามท่ี 358/ร. เร่อื ง มาตรการรองรบั การเป็นเขตการคา้ เสรีอาเซียน (มีสว่ นท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซยี น) ผถู้ าม : นายนคร มาฉมิ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร จังหวดั พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ต้ังกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี ว่า 1. รัฐบาลมีมาตรการป้องกันปัญหาท่ีจะเกิดข้ึนกับประชาชนชาวไทยจากข้อตกลงระหว่าง ประเทศไทยและอาเซยี นอย่างไร 2. รฐั บาลมแี ผนที่จะรองรับและมีแนวทางแก้ปญั หาจากกรณีดงั กล่าวที่จะเกดิ ขนึ้ อย่างไร 3. รัฐบาลมีแผนในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพ่ือรองรับเขตเสรีทางการค้าของกลุ่ม อาเซยี นอย่างไร ผู้ตอบกระทู้ : นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ถามในราชกิจจานุเบกษา เลม่ 128 ตอนที่ 43 ง วนั ที่ 12 เมษายน พ.ศ.2554 ดงั น้ี คาํ ตอบขอ้ ท่ี 1 โดยภาพรวมการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA จะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ สมาชิกอาเซียน แต่รัฐบาลก็มิได้น่ิงนอนใจต่อผลกระทบและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทําข้อตกลง AFTA ท้ังน้ี ในเชิงกลยุทธวิธีการดําเนินการ อาเซียนได้เปิดเสรีภายใต้กรอบ AFTA อย่างค่อยเป็น ค่อยไป โดยเรม่ิ ทยอยทําการเปดิ เสรีมาเป็นลําดับตง้ั แต่ปี พ.ศ.2535 ท้ังน้ีเพื่อให้ผู้อาจได้รับผลกระทบ มีระยะเวลาในการปรับตัว และสามารถเตรียมความพร้อมในการเปิดเสรีที่มากขึ้น และก่อนที่จะ ดําเนินการเปิดเสรีในระดับท่ีสูงขึ้น รัฐบาลโดยหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดทํา ข้อตกลงฯ ได้ทําการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนอย่างสมํ่าเสมอ เพื่อให้ข้อมูล ท่ีจําเป็นและกําหนดแนวทางในการเจรจาเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาจากการเปิดเสรีให้มากที่สุด เทา่ ทีจ่ ะทาํ ได้ ในส่วนของมาตรการในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดข้ึนกับประชาชนชาวไทยจากข้อตกลง ระหวา่ งประเทศไทยและอาเซยี น ไดม้ กี ารดําเนินการตามมาตรการ ดังนี้ 1) มาตรการรองรับผลกระทบอันเกิดจากการยกเลิกโควตา Tariff Rate Quota (TRQ) สินค้าเกษตร 22 รายการ รัฐบาลได้กําหนดแนวทางการดาํ เนินงานเปน็ 3 ระบบ ไดแ้ ก่

172 1.1) ระบบบริหารการนําเข้า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กําหนด มาตรการแนวทางเพื่อรองรับผลกระทบตามความอ่อนไหวของสินค้า เช่น กําหนดให้เป็นสินค้าท่ีต้อง ขออนญุ าตนําเข้า แสดงใบรบั รองสุขอนามัย เปน็ ตน้ 1.2) ระบบติดตามการนําเข้า ในการจัดทําฐานข้อมูลคิดตามตรวจสอบการนําเข้าสินค้าเกษตรภายใต้ ความตกลงองคก์ ารการคา้ โลก (World Trade Organization : WTO) ทัง้ 22 รายการ 1.3) ระบบติดตามตรวจสอบและประเมินผลการนําเข้า โดยศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์ความ เคล่ือนไหวท้ังปริมาณและราคาอย่างใกล้ชิดและรวดเร็ว เพื่อประสานหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและ วางมาตรการรองรบั 2) มาตรการปกป้องจากการนําเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure : SG) ภายใต้ พระราชบัญญัติมาตรการปกป้องการนําเข้าสินค้าท่ีเพ่ิมขึ้น พ.ศ.2550 หากพบว่ามีการนําเข้าสินค้า ท่ีเพ่ิมข้ึนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผู้ประกอบการ จะสามารถใช้มาตรการปกป้องฯ โดยการเรียกเกบ็ อากรขาเข้าเพ่ิมจากอากรปกติ การกําหนดปริมาณการนําเข้า หรือการใช้โควตาภาษี เป็นต้น ทั้งนี้ จะใช้มาตรการกับสินค้าที่นําเข้าจากทุกประเทศ โดยมีระยะเวลาในการใช้มาตรการ ไดค้ รั้งละไมเ่ กนิ 4 ปี 3) มาตรการตอบโตก้ ารทุ่มตลาดและการอุดหนุน (Anti-dumping : AD/ Countervailing : CVD) ภายใต้พระราชบัญญัติการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ.2542 หากพบว่ามีการนําเข้าสินค้าทุ่มตลาด หรือมีการอุดหนุนการส่งออกมาประเทศไทย ทําให้ อตุ สาหกรรมภายในผู้ผลิตสินค้าของไทยได้รับความเสียหายจะสามารถใช้มาตรการกับเฉพาะประเทศ ผ้ผู ลิต/ผู้สง่ ออกสินค้าท่มุ ตลาดหรอื อดุ หนนุ มายงั ประเทศไทย โดยกําหนดมาตรการ 5 ปี และสามารถ ตอ่ อายุไดอ้ กี คราวละไม่เกนิ 5 ปี สําหรับสถานะล่าสุดของการเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้ AFTA มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี 1) ไทยได้ทยอยยกเลิกโควตาภาษีสินค้าเกษตรแล้ว 12 รายการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 ได้แก่ มันฝร่ัง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลําไยแห้ง พริกไทย ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ เมล็ดพันธ์ุหอมหัวใหญ่ นํ้าตาล น้ํามันถ่ัวเหลือง กากถั่วเหลือง ให้สามารถนําเข้าโดยแสดง Form D เท่าน้ัน โดยในส่วนนํ้ามันปาล์ม ให้องค์การคลงั สนิ คา้ (อคส.) นาํ เขา้ และเส้นไหมดิบตอ้ งขออนุญาตนําเข้า 2) สนิ คา้ 9 รายการ ทต่ี ้องเปดิ ตลาดในวนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2553 ได้แก่ น้ํานมดิบและนม พร้อมด่ืม นมผงขาดมันเนย ชา เมล็ดกาแฟ กาแฟสําเร็จรูป มะพร้าว เมล็ดถ่ัวเหลือง เน้ือมะพร้าวแห้ง และนํ้ามันมะพร้าว คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับมาตรการ

173 รองรับการนําเข้าสินค้าดังกล่าว ขณะน้ี กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการพิจารณายืนยัน ร่างประกาศฯท่ีได้รับการตรวจพิจารณาแล้วจากคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและ ร่างอนุบัญญัติ คณะท่ี 2 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2553 และเม่ือกรมการค้าต่างประเทศแจ้ง ยืนยันแล้ว สํานักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะส่งร่างประกาศฯ มาเพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ลงนามตอ่ ไป 3) ข้าว คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติมีมติเห็นชอบมาตรการรองรับเม่ือวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2553 และคณะรัฐมนตรีอนุมตั หิ ลกั การร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เก่ียวกับมาตรการ รองรับการนําเข้าข้าวเม่ือวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2553 ขณะน้ี กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่าง การพิจารณายืนยันร่างประกาศฯ ที่ได้รับการตรวจพิจารณาแล้วจากคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ เม่ือวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2553 ก่อนการดําเนินการเสนอขอ ความเห็นชอบต่อคณะรฐั มนตรีเพื่อประกาศใชต้ อ่ ไป 4) พริกไทย ลําไยแห้ง กระเทียม หอมหัวใหญ่ เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่และมันฝร่ัง ซ่ึงเป็น สินค้าท่ีได้ประกาศยกเลิกโควตาภาษีไปแล้ว คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและ สหกรณ์ได้มีมติเม่ือวันท่ี 12 มีนาคม พ.ศ.2553 เห็นชอบมาตรการรองรับการเปิดตลาดเสรี AFTA ตามแนวทางเดียวกับสินค้า 9 รายการข้างต้น ขณะน้ีอยู่ระหว่างยกร่างประกาศเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมตั ิตอ่ ไป คาํ ตอบขอ้ ที่ 2 ในกรณีที่ข้อตกลงการเปิดเสรีทางการค้าได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้ัน รัฐบาลได้ จัดต้ังคณะอนุกรรมการกํากับดูแลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ซึ่งได้แต่งตั้งคณะทํางานข้ึนมา โดยเฉพาะเพอ่ื ดูแลการเยยี วยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบ โดยคณะทํางานดังกล่าวมีประธานผู้แทนการค้าไทย เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน รวมท้ังภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคณะทํางาน มีหน้าท่ีศึกษาและประเมินผลกระทบ รวมทั้งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทางลบ ตลอดจนบูรณาการมาตรการเยียวยาของหน่วยงานต่างๆ ให้สอดคล้องกัน ปัจจุบัน มาตรการเยียวยา ทางการค้าหลักมี 2 มาตรการ ได้แก่ โครงการช่วยเหลือเพื่อปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ซ่ึงดําเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์และกองทุนปรับ โครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ได้ดําเนินการโดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกท้ังผู้ได้รับผลกระทบอาจเข้าร่วมโครงการภายใต้แผนแม่บทเพ่ือ

174 การเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรม พ.ศ. 2551 - พ.ศ.2555 ดําเนินการโดย กระทรวงอตุ สาหกรรมได้อกี ทางหนึ่ง นอกจากน้ี รัฐบาลยังมีโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการ ท่ีได้รับผลกระทบจากเปิดเสรีทางการค้า หรือกองทุน FTA โดยมีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวง พาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบบริหารงานได้รับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ.2550 - พ.ศ.2554 วงเงิน 350 ล้านบาท โดยในปี พ.ศ.2554 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 70 ล้านบาท โครงการท่ีให้ ความชว่ ยเหลือไปแลว้ 24 โครงการ วงเงิน 182 ลา้ นบาท โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี 1) โครงการที่ดําเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จํานวน 9 โครงการ วงเงิน 45.29 ล้านบาท ประกอบดว้ ยสนิ คา้ ดงั นี้ โคเนอื้ สม้ ปลานํา้ จืด ยา ปลาป่น เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า และเครือ่ งหนัง 2) โครงการที่กําลังดําเนินการ จํานวน 15 โครงการ วงเงิน 136.71 ล้านบาท ประกอบด้วย 15 สินค้า ได้แก่ ร้านอาหารไทย อาหารโคนม สมุนไพร ชา ลิ้นจี่ ปลาป่น (ระยะ 2) ส้ม (ระยะ 2) โคเนื้อ (ระยะ 3) ยา (ระยะ 2) นมโคสดแท้ 100% บริการขนส่ง บริการท่องเที่ยว ข้าว ข้าวกล้อง งอก/ขา้ วฮาง และสัปปะรด คําตอบข้อท่ี 3 แผนงานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลน้ัน รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการได้จัดต้ัง คณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคล่ือนความร่วมมือด้านการศึกษาในอาเซียนสู่การบรรลุเป้าหมาย การจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ.2558 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานและมีหน่วยราชการต่างๆ ที่เก่ียวข้องเป็นกรรมการ คณะกรรมการน้ีมีหน้าที่กําหนด ทิศทางการพัฒนาบุคลากรและให้ความรู้กับภาคส่วนต่างๆ เพ่ือรองรับการก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียน โดยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาหลักสูตรอาเซียน รวมทั้งจัดต้ังห้องสมุดและศูนย์อาเซียนของโรงเรียน ในสังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 54 แห่ง ท่ัวประเทศ นอกจากน้ี ในระดับอุดมศึกษาได้มีการจัดทํายุทธศาสตร์อุดมศึกษาไทยในการเตรียม ความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 โดยสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา อีกด้วย นอกจากนั้น ในส่วนของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็ได้ให้ความสําคัญในเร่ืองน้ี และได้มีการ จัดการสมั มนาขา้ ราชการและภาคเอกชนท่เี กย่ี วขอ้ งโดยการสนับสนุนของกระทรวงการตา่ งประเทศดว้ ย

175 2.2 กระทู้ถามที่ 362/ร. เร่ือง แผนงานโครงข่ายขนส่งระบบรางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายบวั ใหญ่-มุกดาหาร–นครพนม สู่อินโดจนี สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐ สังคมนยิ มเวยี ดนาม สาธารณรฐั ประชาชนจนี (มีส่วนทเี่ กี่ยวข้องกับประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซียน) ผู้ถามกระทู้ : นางวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมชาติพัฒนา จังหวัด มกุ ดาหาร ได้ตัง้ กระท้ถู ามนายกรัฐมนตรี ดงั น้ี การคมนาคมขนส่งผลผลิตทางการเกษตรส่วนใหญ่ในจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียง ส่วนมากจะใช้บริการการขนส่งโดยรถขนส่งสิบล้อ หรือรถขนส่งสิบแปดล้อในการบรรทุก ซ่ึงในแต่ละ คร้ังก็จะบรรทุกไม่เกิน 27 ตัน 32 ตัน ตามที่กฎหมายกําหนดไว้ หากเกินกําหนดก็จะโดนดําเนินคดี จนเป็นท่ีมาของขบวนการสต๊ิกเกอร์ซึ่งระบาดไปท่ัว และเนื่องจากคนขับรถขนส่งต้องการส่งสินค้า ให้ได้ทันตามกําหนดให้ได้มากท่ีสุดและให้ได้เร็วท่ีสุด จึงเป็นที่มาของการใช้ยาบ้า ฉะน้ัน ภาครัฐมี แนวคิดแก้ไขการขนส่งทางบก นอกจากรถยนต์แล้ว ยังมีรถไฟรางคู่ รางเด่ียว เพ่ือขนส่งสินค้าไปสู่ ผู้ซือ้ ไดท้ นั เวลา ปัญหาเร่ืองยาบ้าและขบวนการสติ๊กเกอรก์ ็จะลดลงไป จงึ ขอเรียนถามวา่ 1. รัฐบาลมีการสํารวจและต้ังสถานีหัวรถจักรไว้ท่ีมุกดาหารแล้วท่ีบ้านโคกกลาง ตําบลหนอง สูงใต้ อําเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 โดยรัฐบาลมีนโยบายท่ีจะเพ่ิมเส้นทาง รถไฟรางคสู่ ายบัวใหญ่-มุกดาหาร ขอทราบว่าปจั จุบนั จะมกี ารกอ่ สรา้ งหรือไม่ อยา่ งไร 2. รัฐบาลได้มีข้อตกลงการขนส่งระบบโลจิสติกส์ระหว่างราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สามประเทศสู่ตอนใต้ของสาธารณรัฐ ประชาชนจีน เพ่ือสอดคล้องกับการเปิดเส้นทางการค้าดังกล่าว ขอทราบว่ารถไฟรางคู่สายบัวใหญ่- มกุ ดาหาร จะสามารถสร้างเสร็จใชก้ ารไดเ้ ม่ือใด 3. รัฐบาลได้เห็นความสําคัญในการขนส่งในเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร แหลมฉบัง- มุกดาหารน้ี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 แล้ว จนมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ําโขงแห่งที่ 3 ท่ีจังหวัด นครพนม ขอทราบว่าเหตใุ ดรัฐบาลจงึ ก่อสรา้ งเส้นทางรถไฟรางคู่สายบัวใหญ่-มุกดาหาร-นครพนม ช้า และรฐั บาลจะเปลยี่ นแผนเรง่ สรา้ งใหเ้ สรจ็ กอ่ นสะพานนครพนมไดห้ รือไม่ ขอใหต้ อบในที่ประชมุ สภา ผู้ตอบกระทู้ : นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ถามในราชกิจจานุเบกษา เลม่ 128 ตอนพิเศษ 13 ง วันท่ี 1 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2554 ดงั นี้

176 คําตอบขอ้ ที่ 1 ขอเรียนว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นความสําคัญของระบบการขนส่งทางรางโดยตระหนักว่า ระบบ การขนส่งทางรางจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศและศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในภาพรวม จึงได้กําหนดเป็นนโยบายในการบริหารประเทศ ซึ่งได้แถลงนโยบายดังกล่าวไว้ต่อท่ีประชุมรัฐสภา เม่ือวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2551 โดยครอบคลุมถึงการพัฒนาการขนส่งทางถนน ทางราง ทางนํ้า ทางอากาศ และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพการขนส่งและลดต้นทุน ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม สําหรับในส่วนของการพัฒนาระบบการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคมได้จัดทําแผนแม่บทเพ่ือพัฒนาระบบรางและรถไฟความเร็วสูง (พ.ศ.2553 - พ.ศ.2575) ซึ่งได้บรรจุแผนงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่เส้นทางบัวใหญ่-ร้อยเอ็ด- มกุ ดาหาร-นครพนม ระยะทาง 368 กิโลเมตร ไว้ในแผนระยะเรง่ ดว่ น โดยกําหนดจะดําเนินการศึกษา ความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด รวมทั้งดําเนินการก่อสร้างทางรถไฟสายดังกล่าวในช่วงปี พ.ศ. 2553 - พ.ศ.2557 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 รับทราบและ เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เม่ือวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 ที่มีมติ มอบหมายใหก้ ระทรวงคมนาคมเร่งศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการและแผนการลงทุน เส้นทางรถไฟเชื่อมโยงกับประเทศเพ่ือนบ้านในแนวเส้นทางเหนือใต้ (สายเด่นชัย-เชียงราย) และ ตะวันออก-ตะวันตก (สายบัวใหญ่-มุกดาหาร-นครพนม) ที่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือระหว่าง ประเทศ นอกจากน้ันในการประชุมหารือเร่ืองงานสําคัญของกระทรวงคมนาคมที่จะดําเนินการ ในปี พ.ศ.2553 ท่ีประชุมได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ดําเนินการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใหม่ ในเส้นทางบัวใหญ่-นครพนม และเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย เพ่ือเชื่อมโยงการขนส่งกับประเทศ เพือ่ นบา้ นดว้ ย คําตอบข้อที่ 2 ขอเรียนว่า รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม มีแผนดําเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ เส้นทางบัวใหญ่-มุกดาหาร-นครพนม โดยตามแผนกําหนดจะก่อสร้างเสร็จและเปิดให้บริการได้ ประมาณปี พ.ศ.2558 และมแี ผนงานการดําเนินงานในชว่ งตา่ งๆ ดงั นี้ 1. ปี พ.ศ.2554 - พ.ศ.2555 ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพ่ือดําเนินการศึกษา ความเหมาะสมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเส้นทางบัวใหญ่-นครพนม และออกแบบรายละเอียด ในช่วงเสน้ ทางบวั ใหญ-่ ร้อยเอ็ดกอ่ น ระยะดาํ เนนิ การ 14 เดอื น

177 2. ปี พ.ศ.2555 - พ.ศ.2556 ดําเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปี เพ่ือดําเนินการออกแบบรายละเอียดของเส้นทางช่วงร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ซ่ึงหากได้รับการ จดั สรรงบประมาณจะได้ดาํ เนนิ การต่อไป 3. ปี พ.ศ. 2555 - พ.ศ.2558 ขอรับการจัดสรรงบประมาณ เพ่ือให้การรถไฟแห่งประเทศ ไทยดาํ เนินการก่อสรา้ งเสน้ ทางบวั ใหญ่-ร้อยเอ็ด ก่อน ควบคู่กับการออกแบบรายละเอียดของเส้นทาง ช่วงร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ก่อน แล้วจึงดําเนินการก่อสร้างในช่วงร้อยเอ็ด-มุกดาหาร- นครพนม ตอ่ ไป คําตอบขอ้ ที่ 3 ขอเรียนว่า การก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่เส้นทางบัวใหญ่-นครพนม การรถไฟแห่งประเทศ ไทยได้ดําเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและวิศวกรรมของโครงการก่อสร้าง ทางรถไฟสายบัวใหญ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2537 - พ.ศ.2538 และได้รับความ เห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินลงทุนเบื้องต้นและกรอบระยะเวลาดําเนินการจากคณะรัฐมนตรี เม่ือวันท่ี 29 กรกฎาคม พ.ศ.2540 โดยในช่วงแรกได้มีการนําเสนอแนวทางการดําเนินงาน และให้ ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนเงื่อนไขบางอย่าง รวมทั้ง การเวนคนื ทด่ี นิ และอสังหาริมทรพั ยเ์ พือ่ การก่อสรา้ งทางสายใหม่ แตเ่ น่อื งจากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ในขณะน้ันจึงยังไม่ได้ดําเนินการก่อสร้าง ปัจจุบันระยะเวลาได้ผ่านมากว่าสิบปี สภาพพื้นท่ี ทางกายภาพมีการเปล่ียนแปลง จึงต้องดําเนินการสํารวจและศึกษาความเหมาะสมใหม่ ซึ่งกระทรวง คมนาคมจะได้เร่งรัดดําเนินการ และจะเป็นการทบทวนผลการศึกษาท่ีได้ดําเนินการไว้เมื่อปี พ.ศ.2537 - พ.ศ.2538 ให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน หากผลการศึกษามีความเหมาะสมและความคุ้มค่า ในการลงทุนก่อสร้าง กระทรวงคมนาคมจะได้เร่งรัดดําเนินการโครงการต่อไป ท้ังนี้ โครงการก่อสร้าง ทางรถไฟเส้นทางบัวใหญ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ต้องใช้ระยะเวลาในการดําเนินการ จึงไม่ สามารถเสร็จได้ทันก่อนสะพานข้ามแม่นํ้าโขงแห่งท่ี 3 เปิดให้บริการ สําหรับโครงการก่อสร้างสะพาน ข้ามแม่นํ้าโขงแห่งท่ี 3 จังหวัดนครพนม (นครพนม-ท่าแขก) ปัจจุบัน กรมทางหลวงโดยแขวงการทาง นครพนม ได้ลงนามในสัญญาจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) ดําเนินการ ก่อสร้างต้ังแต่วันท่ี 26 พฤษภาคม พ.ศ.2552 มีผลการดําเนินงานโครงการร้อยละ 53.52 เร็วกว่า แผนงานร้อยละ 12.39 คาดวา่ จะก่อสรา้ งแลว้ เสร็จและเปดิ ใช้งานได้ปลายปี พ.ศ.2554

178 2.3 กระทู้ถามท่ี 436 ร. เร่ือง ขอให้มีการบูรณะปรับปรุงถนนจากสิงห์บุรี บ้านหม่ี โคกสําโรง ชยั บาดาล ภเู ขียว ชมุ แพ จังหวดั เลย และสร้างสะพานข้ามแม่น้ําโขงไปสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว (มสี ่วนทเี่ กย่ี วขอ้ งกับประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซยี น) ผถู้ ามกระทู้ : นายนยิ ม วรปัญญา สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร พรรคเพอื่ ไทย จังหวดั ลพบรุ ี ไดต้ ้งั กระทถู้ าม นายกรฐั มนตรี ดงั นี้ ราษฎรขอให้มีการบูรณะปรับปรุงถนนจากจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดลพบุรี อําเภอบ้านหมี่ อําเภอโคกสําโรง อําเภอชัยบาดาล อําเภอแก่งค้อ อําเภอภูเข่ือ อําเภอชุมแพ เป็นเกาะสีตีตาราง ใหก้ ระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคมร่วมดาํ เนนิ การ จงึ ขอเรยี นถามว่า 1. รัฐบาลมีนโยบายในการดําเนินการบูรณะปรับปรุงถนนสายดังกล่าว เพ่ือเป็นการบรรเทา ทุกข์และให้ราษฎรได้มีเส้นทางสัญจรไปมาขนส่งสินค้าได้สะดวกหรือไม่ ประการใด ขอทราบ รายละเอยี ด 2. หากรัฐบาลไม่มีนโยบายบูรณะปรับปรุงถนนดังกล่าวจะมีนโยบายใดรองรับการแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรผู้สัญจรไปมาท่ีจําเป็นต้องใช้เส้นทางนี้หรือไม่ ประการใด และถ้าไม่ มจี ะขอให้เรง่ สํารวจออกแบบบรู ณะปรับปรงุ โดยเร่งด่วนจะไดห้ รือไม่ ประการใด 3. ถนนดังกล่าวเป็นเส้นทางลัดตัดตรง ต้ังแต่ภาคใต้คือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคกลาง ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ถนนดังกล่าวน้ีเป็นการย่นระยะการเดินทางได้มาก และเป็น ทางเช่ือมไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ รัฐบาลมีแผนและนโยบายจะดําเนินการไว้อย่างไรสําหรับถนนสายน้ี ถ้ายังไม่มีแผนนโยบายจะช่วย ราษฎรบริเวณนี้จะขอให้รัฐบาลช่วยเร่งสํารวจออกแบบเข้าแผนเร่งก่อสร้างให้เป็นถนน 4 ช่องจราจร แบบเกาะสีตีตาราง และปรับปรุงถนนท่ีลาดชันมากให้มีความลาดชันน้อยลงจะได้หรือไม่ ประการใด ขอทราบรายละเอยี ด ขอใหต้ อบในราชกิจจานุเบกษา ผู้ตอบกระทู้ : นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ถามในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนพเิ ศษ 181 ง วนั ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2552 ดงั นี้ คําตอบข้อท่ี 1 ขอ้ ที่ 2 และข้อที่ 3 ขอเรียนวา่ รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมได้ให้กรมทางหลวงตรวจสอบเส้นทางท่ีขอให้บูรณะ และปรบั ปรงุ แลว้ ทราบวา่ เส้นทางดงั กล่าวมีระยะทางประมาณ 225 กิโลเมตร แบง่ ออกเป็น 3 ชว่ ง คือ

179 1. สายสิงห์บุรี-บ้านหม่ี ใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3028 ระยะทางประมาณ 25 กโิ ลเมตร ปัจจุบนั เปน็ ทางขนาด 2 ชอ่ งจราจร มปี รมิ าณการจราจรเฉลย่ี ประมาณ 3,804 คัน/วัน 2. สายบ้านหมี่-โคกสําโรง-ม่วงค่อม-ลํานารายณ์-ชัยบาดาล-ชัยภูมิ ใช้เส้นทางทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 205 ระยะทางประมาณ 103 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นทางขนาด 2 ช่องจราจร และ 4 ชอ่ งจราจรบรเิ วณยา่ นชุมชน มปี รมิ าณการจราจรเฉลยี่ ประมาณ 7,590 คัน/วัน 3. สายชัยภูมิ-อําเภอแก้งคร้อ-อําเภอภูเขียว-อําเภอชุมแพ ใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ระยะทางประมาณ 97 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นทางขนาด 2 ช่องจราจร และ 4 ช่อง จราจรบริเวณย่านชุมชน มีปริมาณการจราจรเฉล่ียประมาณ 9,590 คัน/วัน สําหรับการก่อสร้าง เส้นทางดงั กลา่ วขา้ งต้นใหเ้ ปน็ ทางขนาด 4 ชอ่ งจราจร แบบเกาะสตี ีตารางน้ัน รัฐบาลโดยกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้ตระหนักและให้ความสําคัญถึงการแก้ไข ปญั หาถนนทั้ง 3 เสน้ ทางดงั กล่าว แตเ่ นอ่ื งจากข้อจาํ กัดด้านงบประมาณ ดังนั้น การพิจารณาปรับปรุง ขยายเส้นทางต่างๆ จะต้องพิจารณาความเหมาะสมตามลําดับความสําคัญ และความจําเป็นเร่งด่วน ของแต่ละสายทางท่ีจะดําเนินการปรับปรุงเพ่ิมมาตรฐานทางก่อน อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงมีแผน ที่จะทําการปรับปรุงเพ่ิมมาตรฐานทางต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการใช้เส้นทางหลวงอย่างต่อเน่ืองอยู่แล้ว แต่เพ่ือเป็นการ อํานวยความสะดวกและปลอดภัยในการใช้เส้นทางดังกล่าว รัฐบาลโดยกรมทางหลวง กระทรวง คมนาคม ได้ส่งั การให้หนว่ ยงานในพ้ืนทด่ี แู ลและอํานวยความสะดวกในการเดินทางตลอดเวลา โดยใช้ งบบํารุงปกตขิ องแตล่ ะพ้ืนท่ีเป็นผู้ดูแลรักษาเส้นทางเป็นประจําเพ่ือให้เส้นทางมีสภาพทางที่เหมาะสม แก่การใชง้ านอยเู่ สมอ 2.4 กระทู้ถามที่ 535 ร. เร่ือง ขอให้สร้างถนนจากภาคใต้มาสู่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดลพบุรี บ้านหม่ี โคกสําโรง ลํานารายณ์ จังหวัดชัยภูมิ แก่งค้อ ชุมแพ จังหวดั เลย สร้างสะพานขา้ มแม่น้ําโขง เพื่อเชือ่ มตอ่ ไปยงั ประเทศเพื่อนบ้าน ผถู้ ามกระทู้ : นายนยิ ม วรปญั ญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพอ่ื ไทย จงั หวดั ลพบรุ ี ไดต้ ั้งกระทูถ้ าม นายกรฐั มนตรี ดังน้ี ราษฎรร้องเรียนขอให้สร้างทางรถยนต์จากภาคใต้มาสู่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสงิ หบ์ รุ ี จังหวดั ลพบรุ ี บ้านหม่ี โคกสําโรง ลํานารายณ์ จงั หวัดชยั ภูมิ แกง่ ค้อ ชมุ แพ จังหวดั เลย เพ่ือข้ามสะพานแม่น้ําโขงเช่ือมต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเช่ือมโยง

180 เส้นทางเพ่ือการติดต่อกันและสามารถขนส่งสินค้าต่างๆ ได้ เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของการ อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ดังน้ัน การขนส่งจึงมีความจําเป็นมากต้องสร้างถนนเช่ือมโยงโครงข่าย ต่อกัน การสร้างถนนดังกล่าวต้องให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น กรมทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงชนบท กรมโยธาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องท่ี ผู้ว่าราชการจังหวัด ฯลฯ มาร่วม ประชุมพิจารณากนั เพ่ือหาแนวทางการดาํ เนินงานรว่ มกนั จงึ ขอเรียนถามว่า 1. รัฐบาลมีแผนหรือนโยบายที่จะสร้างถนนสายดังกล่าวเพื่อเช่ือมโยงติดต่อกันหรือไม่ อย่างไร ขอทราบรายละเอียด 2. ถ้ามีแผนหรือนโยบายดังกล่าว ขอให้รัฐบาลเร่งรัดดําเนินการในปี พ.ศ.2553 นี้ได้หรือไม่ ประการใด ขอทราบรายละเอยี ด 3. ถ้ายังไม่มีแผนหรือนโยบายดังกล่าวจะขอให้รัฐบาลเร่งสั่งการสํารวจ ออกแบบ และ กอ่ สรา้ งให้เสร็จโดยเร็วได้หรือไม่ อย่างไร ขอทราบรายละเอยี ด 4. ขอให้หน่วยงานต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ เช่น กรมทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงชนบท กรมโยธาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องที่ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอ นายก อบต. กํานัน ผู้ใหญ่บ้านท้องท่ีท่ีเส้นทางผ่าน มาประชุมร่วมกันเพ่ือปรึกษาเลือกเส้นทางหลักในการเช่ือมต่อกัน โดยตดั ใหเ้ ป็นถนนทางตรงได้หรือไม่ อย่างไร ถา้ ไมไ่ ด้เพราะเหตใุ ด ขอทราบรายละเอยี ด ขอใหต้ อบในราชกิจจานเุ บกษา ผู้ตอบกระทู้ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ถามในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 128 ตอนพเิ ศษ 21 ง วนั ที่ 22 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2554 ดงั นี้ คําตอบขอ้ ท่ี 1 ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ที่ 3 และข้อท่ี 4 ขอเรียนว่า รัฐบาลมีนโยบายในยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจกับประเทศ เพื่อนบ้านระหวา่ งกัมพชู า-ลาว-พมา่ -ไทย โดยมวี ตั ถุประสงค์เพือ่ 1. การอาํ นวยความสะดวกด้านการคา้ และการลงทุน 2. ความร่วมมือดา้ นการเกษตรและอุตสาหกรรม 3. การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม 4. ความร่วมมอื ดา้ นการท่องเท่ยี ว 5. การพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์ สําหรับการดําเนินการเพ่ือสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ดังกล่าว รัฐบาลโดยกระทรวง คมนาคม ไดม้ อบหมายให้กรมทางหลวงเปน็ หน่วยงานหลักในการดําเนินงานพัฒนาโครงข่ายคมนาคม

181 ทางถนนตามนโยบายของรัฐบาลในยุทธศาสตร์ข้างต้น โดยได้พิจารณาความเหมาะสมเบ้ืองต้น ของเส้นทางท่ีมีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับประเทศเพ่ือนบ้านและจัดลําดับความสําคัญโครงการ ระยะทาง รวมท้ังแหล่งเงินทุนท่ีจะใช้ในการก่อสร้าง เพื่อใช้ในการกําหนดรูปแบบให้ความช่วยเหลือ เช่น การศึกษาความเหมาะสม สํารวจออกแบบ รวมท้ังการก่อสร้างโครงการต่างๆ ซ่ึงขณะน้ี กรมทางหลวงอยู่ระหว่างการดําเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการทางหลวงเลียบชายแดน ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน สําหรับถนนที่ใช้เดินทางจากภาคใต้ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี จงั หวัดลพบรุ ี จงั หวดั ชยั ภูมิ ไปยงั จงั หวดั เลยน้นั สามารถใช้เสน้ ทางไดห้ ลายเส้นทาง ดังนี้ 1) ทางหลวงหมายเลข 338 สายพระป่ินเกล้า-นครชัยศรี เป็นทางมาตรฐานพิเศษขนาด 4 - 10 ชอ่ งจราจร ผวิ ทางคอนกรตี 2) ทางหลวงหมายเลข 340 สายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี เป็นทางมาตรฐานพิเศษขนาด 4 ชอ่ งจราจร ผิวทางลาดยาง 3) ทางหลวงหมายเลข 32 ถนนสายเอเชีย (บางปะอิน-นครสวรรค์) เป็นทางมาตรฐานพิเศษ ขนาด 8 ช่องจราจร ผวิ ทางคอนกรตี 4) ทางหลวงหมายเลข 1 - ตอนบางปะอิน-สระบรุ ี เป็นทางมาตรฐานพเิ ศษ ขนาด 10 ช่องจราจร ผวิ ทางคอนกรตี - ตอนสระบุรี-พแุ ค เปน็ ทางมาตรฐานพิเศษ ขนาด 6 ช่องจราจร 5) ทางหลวงหมายเลข 21 สายพุแค-เพชรบูรณ์-หล่มสัก เป็นทางมาตรฐานพิเศษขนาด 4 ชอ่ งจราจร ผวิ ทางลาดยาง สภาพทางดสี ามารถรองรบั การจราจรได้ดี อน่ึง เพ่ือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการคมนาคม สําหรับโครงข่าย เส้นทางนครปฐม-สุพรรณบุรี-ป่าโมก-สระบุรี (รวมกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี) ให้ดีย่ิงข้ึน กรมทางหลวง จึงได้มีโครงการขยายช่องจราจรให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) โดยแนวเส้นทางเริ่มจากจังหวัด สุพรรณบุรี (แยกทางหลวงหมายเลข 340) ไปอําเภอบางปะหัน อําเภอนครหลวง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา อําเภอภาชี อําเภอหินกอง จังหวัดสระบุรี รวมระยะทาง ประมาณ 84 กิโลเมตร ซึ่งจะได้ทยอยเสนอขอรับงบประมาณเพื่อดําเนินการต่อไป นอกจากน้ันแล้ว กรมทางหลวงยังมีแผน ที่จะก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม-ชะอํา ทางหลวงสายวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร รอบท่ี 3 ทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน-นครสวรรค์ ปัจจุบันผลการศึกษา

182 ความเหมาะสมแล้วเสร็จ และมีความคุ้มค่าในการลงทุน ซ่ึงจะได้เสนอขอรับงบประมาณเพื่อ ดาํ เนนิ การในโอกาสทเี่ หมาะสมตอ่ ไป • ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรม กรอบการเจรจาระหว่างประเทศและกระทู้ถามท่ีเกี่ยวข้องกับประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซยี น ท่เี ข้าสูก่ ารพจิ ารณาของสภาผแู้ ทนราษฎรและรฐั สภา ดังตัวอย่างต่อไปน้ี 1. กรอบการเจรจาระหว่างประเทศ 1.1 ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพแพทย์ของอาเซียน ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพ ทนั ตแพทยข์ องอาเซยี น และกรอบขอ้ ตกลงยอมรบั รว่ มสาขาวิชาชพี บัญชีของอาเซียน (มสี ว่ นที่เก่ยี วขอ้ งกับประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น) ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง ข้อตกลง ยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพแพทย์ของอาเซียน ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพทันตแพทย์ของอาเซียน และกรอบข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพบัญชีของอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังท่ี 2 (สมัยสามญั ท่วั ไป) วันองั คารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.2 แผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (AIFS) และแผนกลยุทธ์ ความม่ันคงด้านอาหารของอาเซียน (SPA-FS) ปี ค.ศ. 2009 – 2013 และร่างแถลงการณ์ กรงุ เทพฯ วา่ ด้วยความมั่นคงดา้ นอาหารในภมู ิภาคอาเซียน (มสี ่วนท่เี ก่ียวขอ้ งกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น) ผูเ้ สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง แผนนโยบายบูรณาการความม่ันคงด้านอาหารของอาเซียน (AIFS) และแผนกลยุทธ์ความมั่นคง ด้านอาหารของอาเซียน (SPA-FS) ปี ค.ศ. 2009 – 2013 และร่างแถลงการณ์กรุงเทพว่าด้วย ความม่ันคงด้านอาหารในภูมิภาคอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังที่ 2 (สมัยสามัญ ทั่วไป) วนั องั คารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552

183 1.3 ความตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสําหรับการตรวจผู้ผลิตภัณฑ์ยา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ดี ใี นการผลิต (GMP) (มีสว่ นทเ่ี กย่ี วข้องกบั ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น) ผู้เสนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนินการ : ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เร่ือง ความตกลง ว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสําหรับการตรวจผู้ผลิตภัณฑ์ยาตามหลักเกณฑ์และ วธิ กี ารทด่ี ใี นการผลติ (GMP) ในการประชมุ รว่ มกันของรัฐสภา ครง้ั ท่ี 2 (สมัยสามญั ทวั่ ไป) วันองั คารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2552 1.4 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชนระหว่างจีนและประเทศสมาชิก อาเซยี น ผ้เู สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : ท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบ เรื่อง บันทึก ความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านส่ือสารมวลชนระหว่างจีนและประเทศสมาชิกอาเซียน ในการ ประชมุ ร่วมกนั ของรัฐสภา ครัง้ ที่ 5 (สมยั สามญั ทั่วไป) วันพฤหัสบดที ่ี 26 มีนาคม พ.ศ.2552 1.5 รา่ งกฎบตั รเครือขา่ ยมหาวิทยาลัยอาเซียน ผ้เู สนอ : คณะรัฐมนตรี ผลการดําเนนิ การ : ทีป่ ระชมุ รว่ มกันของรฐั สภาพิจารณาและลงมติให้ความเหน็ ชอบ เรอื่ ง รา่ งกฎบัตร เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คร้ังท่ี 2 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วนั พธุ ท่ี 8 กนั ยายน พ.ศ.2553 1.6 ข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคณุ สมบตั บิ ุคลากรวชิ าชพี ด้านการทอ่ งเทีย่ วอาเซยี น (มสี ่วนท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน) ผเู้ สนอ : คณะรฐั มนตรี ผลการดําเนินการ : คณะรัฐมนตรีได้ขอถอน เรื่อง ข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากร วิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติยินยอมให้ถอนได้ตามข้อบังคับการประชุม รัฐสภา พ.ศ.2553 ข้อ 36 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 7 (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารท่ี 3 พฤษภาคม พ.ศ.2554

184 2. กระทถู้ าม กระทู้ถามท่ี 552 ร. เรื่อง การเปิดศูนย์วัฒนธรรมตามกรอบความร่วมมือเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเท่ียว การศึกษา วัฒนธรรมและกีฬา ของ 8 จังหวัด 3 ประเทศไทย- ลาว–เวียดนาม (มสี ว่ นที่เกี่ยวขอ้ งกบั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน) ผู้ถามกระทู้ : นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน พรรคภูมิใจไทย ได้ต้ัง กระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ดังน้ี ตามท่ีได้มีบันทึกข้อตกลงในความร่วมมือเพ่ือส่งเสริมเศรษฐกิจการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรมและกีฬา ของ 8 จังหวัด 3 ประเทศ ไทย-ลาว-เวียดนามน้ัน ท่ีประชุมได้เห็นชอบให้มีการสร้างศูนย์วัฒนธรรมในแต่ละจังหวัดของแต่ละประเทศ ซ่ึงคร้ังต่อไปจะ สร้างศูนย์วัฒนธรรมเมอื งหลักซาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จํานวน 3 หลัง แต่ละหลัง ให้มเี อกลักษณเ์ ป็นของแตล่ ะประเทศ ไทย-ลาว-เวยี ดนาม โดยแต่ละประเทศมีพันธะเรื่องงบประมาณ ดําเนินการในการสร้างศนู ย์วฒั นธรรมในส่วนของประเทศตนเอง จงึ ขอเรียนถามว่า 1. รัฐบาลไดม้ ีการตัง้ งบประมาณในการก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมดงั กล่าวหรอื ไม่ อยา่ งไร 2. รัฐบาลมคี วามพรอ้ มในการทจ่ี ะดําเนนิ การก่อสรา้ งอาคารดังกล่าวหรอื ไม่ อยา่ งไร 3. หากยงั ไม่มีการตัง้ งบประมาณหรือมีการตั้งงบประมาณแล้วก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายก่อสร้าง ศนู ยว์ ัฒนธรรมดังกล่าวอย่างใดบ้าง ขอให้ตอบในราชกจิ จานุเบกษา ผู้ตอบกระทู้ : นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ถามในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนพิเศษ 181 ง วันที่ 18 ธนั วาคม พ.ศ.2552 ดงั นี้ คําตอบ ข้อท่ี 1 ขอ้ ที่ 2 และขอ้ ท่ี 3 ขอเรียนว่า ความร่วมมือระหว่าง 8 จังหวัด 3 ประเทศ อันประกอบด้วยประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นกรอบความร่วมมือ ในระดับพื้นที่ระหว่าง 3 จังหวัดของไทย (จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร และจังหวัดหนองคาย) กับ 2 แขวงชายแดนของลาว (แขวงบอลิคําไซ และแขวงคําม่วน) และ 3 จังหวัดชายแดนของ เวียดนาม (จังหวัดเงอาน จังหวัดกวางบิง จังหวัดฮาติงห์) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรมและกีฬา ตามเส้นทางหมายเลข 8 และ 12 ซงึ่ เร่ิมเมอ่ื ปี พ.ศ.2540 ได้มีการจดั การประชุมเป็น 2 ระดบั ไดแ้ ก่

185 1. การประชมุ คณะอนกุ รรมการ 2. การประชุมผู้บริหารระดับสูงระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด/แขวง โดยจะจัดประชุมปีละ 1 ครั้ง และหมนุ เวียนกันเป็นเจา้ ภาพการประชมุ ระหว่าง 8 จงั หวดั /แขวง ของ 3 ประเทศ สาํ หรบั เรอ่ื งการกอ่ สร้างศูนย์วัฒนธรรมนน้ั ที่ประชุมคณะผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด/แขวง ของ 3 ประเทศ ไดม้ ีขอ้ ยุตริ ่วมกันวา่ ให้สร้างขึน้ จาํ นวน 1 หลงั ทห่ี ลักซาว เมอื งคาํ เกดิ แขวงบอลิคาํ ไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยให้แบ่งพ้ืนที่ภายในให้แต่ละจังหวัด/แขวงใช้ประโยชน์ รว่ มกัน โดยให้มีเอกลกั ษณ์ของแตล่ ะประเทศ สําหรับด้านงบประมาณให้เป็นพันธะของแต่ละจังหวัด/ แขวงของแต่ละฝ่ายดําเนินการ ซ่ึงในส่วนของประเทศไทยให้จังหวัดหนองคายดําเนินการในด้าน การออกแบบ จังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนมร่วมกันเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณของ กลุ่มจังหวัด และโดยท่ีศูนย์วัฒนธรรมจะดําเนินการก่อสร้างข้ึนในพื้นท่ีของสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว ดังน้ัน จึงต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพอื่ ประกอบการพจิ ารณาดว้ ย สําหรับในชั้นนี้ยังไมไ่ ดร้ ับการแจ้งหรือหยิบยกขึ้นหารือในระดับรัฐบาล ดังนั้น หากได้ข้อยุติท่ีชัดเจนในเรื่องของแบบและงบประมาณการก่อสร้าง รัฐบาลของแต่ละประเทศ จะตอ้ งมกี ารพิจารณาใหค้ วามเห็นชอบรว่ มกนั ในการสนับสนนุ ใหม้ ีการดําเนนิ การต่อไป ----------------------------------------

186 บทสรปุ ----------------------------------------------------------------------------------- หลังจากสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ส้ินสุดลงเมื่อ พ.ศ.2488 ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ดร้ ับการปลดปล่อยจากความเป็นประเทศอาณานิคมมาสู่ความเป็นรัฐชาติ (nation state) ซ่ึงเป็นประเทศที่มีอํานาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ประกอบกับแนวความคิดในการรวมกลุ่ม ระหว่างประเทศได้เกิดขึ้นอันเน่ืองจากบริบทแวดล้อมของสงครามเย็นที่เกิดข้ึนหลังสงครามโลก ครัง้ ที่ 2 ความขดั แยง้ ในระดบั สากลจากลัทธิการเมืองซึ่งมกี ารแบ่งขวั้ อย่างชัดเจน โดยในฝ่ายทุนนยิ มเสรี มีสหรัฐอเมริกาอยู่ในฐานะเสมือนเป็นประเทศผู้นํากลุ่ม ขณะท่ีฝ่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์มีสหภาพ โซเวียตอยู่ในฐานะเสมือนเป็นประเทศผู้นํากลุ่ม ทําให้บางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทยหรือฟิลิปปินส์ เร่ิมมีความสัมพันธ์กับประเทศมหาอํานาจเพื่อวัตถุประสงค์ของความม่ันคง ของประเทศในรูปแบบของภาคีสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศ เช่น องค์การสนธิสัญญาป้องกัน ร่วมกันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Treaty Organization : SEATO) ต่อมา การรวมกลุ่มเร่ิมเป็นรูปธรรมมากขน้ึ เมือ่ มกี ารจัดต้ังสมาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asia : ASA) ในปี พ.ศ.2504 โดยประเทศสมาชิกประกอบด้วยมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ ไทย ซ่ึงวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งคือ การส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม หลังจากน้ัน พัฒนาการของการรวมกลุ่มมีขึ้นตามลําดับ โดยในปี พ.ศ.2510 ได้มีความตกลงร่วมกัน ของ 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย เพื่อจัดต้ังสมาคมประชาชาติ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) หรือ “อาเซียน” ซ่ึงถือได้ว่าเป็นการรวมกลุ่มท่ีขับเคล่ือนโดยประเทศในภูมิภาค ไม่ใช่เกิดจากการผลักดัน โดยประเทศมหาอาํ นาจอยา่ งเช่นการจดั ต้ัง SEATO ถงึ แม้ว่าในปฏญิ ญากรุงเทพฯ ซ่ึงเป็นเอกสารการก่อต้ังอาเซียน จะมีการกําหนดวัตถุประสงค์ ของการก่อต้ังเพื่อความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมเป็นสําคัญ โดยไม่มีการ กล่าวถึงความร่วมมือทางการเมืองก็ตามที แต่มีการวิเคราะห์ว่าเหตุจูงใจหรือวัตถุประสงค์ของการ ก่อตั้งท่ีแท้จริงส่วนหน่ึงมาจากการรวมตัวเพ่ือป้องกันภัยลัทธิคอมมิวนิสต์ ซ่ึงในขณะนั้น สงคราม เวียดนามเร่ิมมีความรุนแรงขึ้นเป็นลําดับ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ ทั้งน้ี การดําเนินการของกลุ่มอาเซียนในระยะแรกจึงเป็นช่วงการ เปลี่ยนทัศนคติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันในอดีตท่ีผ่านมา และมีความเป็นไปได้ว่า

187 การเปล่ียนแปลงระบบการปกครองของประเทศกัมพูชา ลาว และเวียดนามในปี พ.ศ.2518 เป็นอีก ปัจจัยสําคัญประการหนึ่งที่ผลักดันให้มีการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังที่ 1 ในปี พ.ศ.2519 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ซ่ึงผลของการประชุมดังกล่าวถือเป็นจุดเร่ิมต้นของความร่วมมือในด้านต่างๆ ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ตลอดจนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาอ่ืนๆ สําหรับ ความรว่ มมือทางเศรษฐกิจในระยะแรกยังมีระดับความร่วมมือที่มีลักษณะไม่ชัดเจนมากนัก โดยความ ร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในระยะแรก คือ โครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (ASEAN Industrial Project : AIP) และโครงการเพิ่มการขยายตัวทางการค้าภายในกลุ่มประเทศสมาชิกในลักษณะของการให้สิทธิ พิเศษทางการค้าระหว่างกัน (ASEAN Preferential Trading Arrangement : ASEAN PTA) ต่อมา ในปี พ.ศ.2527 บรูไนได้เขา้ รว่ มเป็นสมาชิกกล่มุ อาเซียนตามลําดับ แมว้ ่าจะมีการเปล่ียนแปลงระบบการปกครองของกลุ่มประเทศอินโดจีนแล้ว แต่เหตุการณ์ยัง ไม่อาจยุติเนื่องจากความขัดแย้งของกลุ่มประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์กันเอง โดยในปี พ.ศ.2522 เกิดเหตุการณ์ที่กองทัพเวียดนามบุกเข้ายึดกัมพูชาและจัดต้ังรัฐบาลแทนพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งกัมพูชาหรือกลุ่มเขมรแดง โดยให้นายเฮง สัมริน เป็นผู้นํารัฐบาล ท้ังน้ี เหตุการณ์ดังกล่าวสร้าง ความกังวลเป็นอย่างย่ิงแก่กลุ่มประเทศโลกเสรีและกลุ่มประเทศอาเซียน ทําให้มีเกิดความร่วมมือ ต่อการจัดต้ังกลุ่มรัฐบาลผสมกัมพูชาประชาธิปไตย หรือกลุ่มเขมรสามฝ่าย (The Coalition Government of Democratic Kampuchea : CGDK) ที่ประกอบด้วยกลุ่มเขมรแดง หรือพรรค คอมมิวนิสต์แห่งกัมพูชา กลุ่มเจ้านโรดมสีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์กัมพูชา และกลุ่มเขมรเสรี เพื่อ ต่อส้กู บั รัฐบาลกมั พูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามและรัสเซีย ดังน้ัน สภาวะสงครามในกัมพูชา จึงแปรสภาพเป็นสงครามตัวแทน (proxy war) ระหว่าง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายแรกประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่มประเทศอาเซียน (เดิม) ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลผสมกัมพูชา ประชาธิปไตย หรือกล่มุ เขมรสามฝ่าย ส่วนฝ่ายท่ีสองประกอบด้วยสหภาพโซเวียต เวียดนาม และลาว ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนําของกลุ่มนายเฮง สัมริน ต่อมาเมื่อสงครามเย็น ได้คลี่คลายตามสถานการณ์ภายหลังการล่มสลายของระบบการปกครองแบบสังคมนิยมของสหภาพ โซเวียต จึงส่งผลให้สภาวะสงครามในกัมพูชาเริ่มผ่อนคลายตามลําดับเช่นกัน และเป็นช่วงเวลา เดียวกับท่ีรัฐบาลไทยภายใต้การนําของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ในขณะน้ัน ประกาศนโยบายต่อภูมิภาคอินโดจีนในการเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า โดยสนับสนุนให้ไทย ฟ้ืนฟูความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศอินโดจีนท้ังในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ และดําเนินการ ประสานงานให้มกี ารเจรจารว่ มระหวา่ งเขมร 4 ฝา่ ย เพอ่ื ยตุ กิ ารสรู้ บและจดั ตงั้ รฐั บาลใหมข่ ึน้ ส่งผลให้

188 ฝ่ายต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีสเพ่ือยุติสงครามในกัมพูชาเม่ือ ปี พ.ศ.2534 และมีการจัดทํารัฐธรรมนูญพร้อมท้ังการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาเมื่อ ปี พ.ศ.2536 ท่ามกลางบริบทดังกล่าว ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคท่ีมีฐานะเสมือนเป็นพันธมิตรของ คู่สงครามในแต่ละฝ่ายของสงครามกลางเมืองในกัมพูชา จึงได้เปล่ียนท่าทีทางการเมืองตาม สถานการณ์ด้วยการสร้างความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจมากข้ึน โดยกลุ่มประเทศอินโดจีนได้เร่ิม ผนวกเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียน เร่ิมต้นจากเวียดนามเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียน ในปี พ.ศ.2538 ต่อมาลาวเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียนในปี พ.ศ.2540 และกัมพูชาเป็นสมาชิก กลุ่มประเทศอาเซียนในปี พ.ศ.2542 สําหรับพม่าท่ีมีบทบาทเป็นกลางในสงครามกลางเมืองกัมพูชา ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียนในปี พ.ศ.2540 จากปรากฏการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนให้ เหน็ ถึงการขยายขนาดของกลุ่มอาเซียน โดยมีประเทศสมาชิกจํานวน 10 ประเทศเพ่ือแสวงหาจุดร่วม ของความรว่ มมอื ทางเศรษฐกิจและสงวนจดุ ตา่ งในเชิงอดุ มการณ/์ แนวนโยบายทางการเมือง ขณะเดียวกันพลวัตทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมได้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตามกระแสโลกาภิวัตน์จากการเรียกร้องให้มีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย การคุ้มครองสิทธิ มนษุ ยชน การค้าและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจเสรี การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ฉะนั้นประเทศใน ภูมิภาคต่างๆ ล้วนต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับกระแสโลกาภิวัตน์ข้างต้น ทั้งนี้จากการจัดต้ังองค์การ การค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ในปี พ.ศ.2538 เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่าง ประเทศ ตลอดจนการรวมกลุ่มของประเทศในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เช่น การจัดตั้งสหภาพยุโรป (European Union : EU) อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2536 หรือการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอเมริกา เหนือ (North American Free Trade Agreement : NAFTA) อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2537 จึงเป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการส่งเสริมการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศในภูมิภาคต่างๆ ในรูปแบบของการรวมกลุ่มไม่ว่าจะเป็นการจัดต้ังเขตการค้าเสรี หรือ การขยายความร่วมมือท้ังในมิติทางการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมในเชิงลึก และมีความกว้างขวางครอบคลุมในสาขาต่างๆ ตอ่ มา แม้ว่ากลุ่มอาเซียนจะดําเนินการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) ในปี พ.ศ.2535 ซึง่ เปน็ ความรว่ มมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่สําคัญในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ระดับการรวมกลุ่มของเขตการค้าเสรียังไม่เพียงพอสําหรับการขยายตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างสวัสดิการสังคมที่ดี และการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนของประชาชนในภูมิภาค

189 เพราะการรวมกลุ่มของเขตการค้าเสรีจะมุ่งไปที่มาตรการลดภาษีศุลกากรเป็นสําคัญ แต่การยกระดับ การพัฒนาภายในภูมิภาคต้องพิจารณาถึงมาตรการท่ีไม่ใช่ภาษีศุลกากร หรือการปรับโครงสร้างของ ประเทศเพื่อขจัดอุปสรรคท่ีมีต่อการค้า การลงทุน การเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตระหว่างประเทศ ตลอดจนความร่วมมือในมิติทางการเมือง ความม่ันคง สังคม และวัฒนธรรมในการเสริมสร้าง การพัฒนาด้วย จึงจําเป็นต้องขยายโครงข่ายความร่วมมือของภูมิภาคในรูปแบบประชาคม (community) เพ่ือการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน การเป็นภูมิภาคที่มีขีดความสามารถ ในการแข่งขันสูง การเป็นภูมิภาคท่ีมีพัฒนาการเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน การเป็นภูมิภาคที่บูรณาการ เข้ากับเศรษฐกิจโลกได้อย่างสมบูรณ์ รวมท้ังเพื่อปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย กฎเกณฑ์ ตลอดจน การปรับโครงสร้างท่ีเป็นอุปสรรคต่อการค้า การลงทุน ภาคบริการ การเคลื่อนย้ายทุน แรงงาน หรือ การเคล่ือนย้ายปัจจัยการผลิตอื่นๆ จากเหตุผลดังกล่าว ยุทธศาสตร์การพัฒนาจึงมุ่งไปสู่การรวมกลุ่ม ท่ีมีความสัมพันธ์ในมิติทางการเมืองและความม่ันคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม สําหรับ การพฒั นาในเชิงลกึ และกว้างขวางครอบคลมุ ในสาขาต่างๆ อยา่ งครบถ้วนสมบรู ณม์ ากกวา่ เดิม ดงั นั้นในการประชมุ สดุ ยอดอาเซียน คร้ังท่ี 9 พ.ศ.2546 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นําอาเซียน ได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับท่ี 2 เพื่อประกาศจัดต้ังประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ภายในปี พ.ศ.2563 ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลัก คอื - เสาหลักที่ 1 ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political- Security Community : APSC) โดยกําหนดให้มีความร่วมมือของสาขาต่างๆ ประกอบด้วยสาขา ความมน่ั คง กฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นตน้ - เสาหลักท่ี 2 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) โดยกําหนดให้มีความร่วมมือของสาขาต่างๆ ประกอบด้วยสาขาการค้า การลงทุน การเงิน การขนส่ง การท่องเที่ยว การสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ การเกษตรและอาหาร การป่าไม้ การพลังงาน และทรพั ยากรแร่ เปน็ ต้น - เสาหลักที่ 3 ประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio–Cultural Community : ASCC) โดยกําหนดให้มีความร่วมมือของสาขาต่างๆ ประกอบด้วยสาขาศิลปวัฒนธรรม การศึกษา การสาธารณสุข การสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชนบท การบริหารจัดการภัยธรรมชาติ ผู้หญิง และเยาวชน แรงงานและสวสั ดิการสงั คม เป็นต้น ต่อมาการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังท่ี 12 ในปี พ.ศ.2550 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ประชุมได้ประกาศเจตนารมณ์ท่ีจะเร่งรัดให้มีการจัดต้ังประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ.2558 และ

190 ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 พ.ศ.2550 ณ ประเทศสิงคโปร์ ผู้นําประเทศกลุ่มสมาชิก อาเซียนได้ลงนามในกฎบัตรสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Charter of The Association of Southeast Asian Nations/ ASEAN Charter) ซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญของ อาเซียนท่ีจะวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กรเพ่ือประสิทธิภาพในการดําเนินการตาม วัตถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมาย โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การขับเคลื่อนสําหรับการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ภายในปี พ.ศ.2558 พร้อมท้ังกําหนดให้มีคณะมนตรีประสานงานอาเซียนเพื่อประสานความร่วมมือ ในแต่ละเสาหลักด้านต่างๆ ของประชาคมอาเซียน ทั้งน้ี กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันท่ี 15 ธันวาคม พ.ศ.2551 หลงั จากทปี่ ระเทศสมาชกิ ทั้ง 10 ประเทศไดใ้ หส้ ตั ยาบัตรกฎบัตรอาเซียน ข้อมูลเบ้ืองต้นของภูมิภาคอาเซียนน้ัน มีพื้นที่ประมาณ 4.5 ล้านตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณรอ้ ยละ 3 ของพนื้ ท่ที ่เี ป็นแผน่ ดินของโลก สําหรับประชากรอาเซียนมีประมาณ 600 ล้านคน (ข้อมูลปีพ.ศ.2554) หรือประมาณร้อยละ 8.55 ของประชากรโลก และขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (ross Domestic Product: GDP) ของกลุ่มอาเซียนท่ีคํานวณแบบหลักความ เท่าเทียมของอํานาจซ้ือ (purchasing power parity : ppp) มีขนาดประมาณ 3.33 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลปี พ.ศ.2554) โดยมีขนาดทางเศรษฐกิจท่ีใหญ่กว่าประเทศเยอรมนี (3.099 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่ขนาดทางเศรษฐกิจเล็กกว่าประเทศญี่ปุ่น (4.44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 4.23 ของขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลก (78.89 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐ) ดังน้ัน การรวมกลุ่มในรูปแบบประชาคมก็จะทําให้กลุ่มอาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจท่ีใหญ่ เพียงพอ สําหรับส่งเสริมบทบาทและศักยภาพในการเจรจาให้มีมากข้ึน เพ่ือกําหนดความตกลง ระหว่างประเทศ ท้ังน้ี ประเทศต่างๆ ภายนอกภูมิภาคอาเซียนล้วนแต่ต้องการให้เกิดความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจและด้านอ่ืนๆ กับกลุ่มอาเซียน เพราะเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจของกลุ่มอาเซียน แล้วว่าจะเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน เช่น กรอบความร่วมมืออาเซียน+6 (กลุ่มประเทศ อาเซยี น จีน เกาหลใี ต้ ญี่ปุน่ อินเดยี ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด์) เปน็ ตน้ อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการรวมตัวเป็นประชาคมเปรียบเสมือน “เหรียญสองด้าน” เมื่อ มีความเช่ือมโยงระหว่างกันในการลงทุนในภาคบริการ การเคล่ือนย้ายทุน แรงงาน การส่งเสริม สนับสนุนหรือการอํานวยความสะดวกให้มีการเดินทางหรือการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างกัน ในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น ก็อาจทําให้เกิดปัญหาการค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด การขนส่งสินค้า ผิดกฎหมาย หรือการก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศ ฯลฯ เป็นผลกระทบที่ตามมา ดังน้ัน ในอีก ทางหนึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนจึงควรมีความร่วมมือทางความมั่นคงและการบังคับใช้ตามกฎหมาย

191 โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศท่ีทันสมัยหรือกลไกอื่นในทางปฏิบัติสําหรับการตรวจสอบติดตาม หรือ การระงับยบั ย้ังการกอ่ อาชญากรรมดงั กล่าว นอกเหนือจากผลกระทบด้านการละเมิดกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแล้ว ปรากฏการณ์ที่ เกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเคลื่อนย้ายของแรงงานท่ีมีฝีมือจาก ประเทศท่ีมีศักยภาพทางเศรษฐกิจไม่สูงนัก เช่น ผู้ประกอบอาชีพแพทย์หรือวิศวกรจากประเทศลาว กัมพูชา เป็นต้น ได้ย้ายไปทํางานในประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงกว่า เช่น ไทย หรือสิงคโปร์ ทําให้เกิดการขาดแคลนแรงงานในประเทศท่ีมีศักยภาพทางเศรษฐกิจน้อยกว่า นอกจากน้ัน กลุ่มทุน ทางธุรกิจของประเทศท่ีมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงก็สามารถใช้ช่องทางของการลงทุนในภาคบริการ หรือสาขาอื่นท่ีมีความสําคัญต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเข้าไปลงทุนที่มีลักษณะผู้ถือทุนรายใหญ่ โดยการครอบงํากิจการในประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจน้อยกว่า เช่น กิจการด้านโทรคมนาคม หรอื สถาบนั การเงนิ เป็นต้น สําหรับบทบาทของรัฐสภาต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนน้ัน มีหน้าท่ีในการตรากฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญาท่ีเป็นผลสืบเนื่องจาก การเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน โดยจาํ แนกในประเด็นทส่ี าํ คญั ได้ดังนี้ ก. การพิจารณาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เช่น การตรากฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ ประชาคมอาเซียนในด้านการอํานวยความสะดวกด้านการขนส่ง การเคลื่อนย้ายแรงงานหรือทุน เปน็ ตน้ ข. การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากคณะรัฐมนตรีหรือฝ่ายบริหาร มีอาํ นาจออกกฎหมายลาํ ดบั รอง เช่น พระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวง รวมท้ังมาตรการทางบริหาร อ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยที่ไม่ต้องมาขอความเห็นชอบจากรัฐสภา เช่น การกําหนดให้สถาบันการศึกษาในกลุ่มอาเซียนเปิดภาคเรียนในเวลาเดียวกัน เป็นต้น ดังน้ัน รัฐสภา จึงมีอํานาจหน้าท่ีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ สําหรับการติดตาม ตรวจสอบหรือควบคุมการ บริหารราชการแผ่นดนิ จากฝา่ ยบริหาร ค. การให้ความเห็นชอบในการทําหนังสือสัญญาใดใดกับนานาประเทศหรือองค์การ ระหว่างประเทศ ตามบทบัญญัติตามมาตรา 190 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เน่ืองจากกลุ่มอาเซียนอาจมีความตกลงทางการค้าหรือการลงทุนกับประเทศใดหรือกลุ่ม ความร่วมมือทางเศรษฐกิจใด ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 190 แห่งรัฐธรรมนูญแห่ง

192 ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ดังนั้น จึงต้องมีการรับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามข้ันตอนท่ี บทบัญญัติแห่งรฐั ธรรมนญู กําหนดต่อไป ดังนั้น รัฐสภาจึงจําเป็นต้องเตรียมความพร้อมในเร่ืองของกลไกการดําเนินงานต่างๆ อาทิ การสร้างระบบฐานข้อมูลด้านกฎหมายท่ีมีประสิทธิภาพ การเตรียมความพร้อมให้แก่ข้าราชการ ท้ังองค์ความรู้ด้านกฎหมาย อาเซียน และความสามารถทางภาษา เพื่อสนับสนุนภารกิจของสมาชิก รัฐสภาและคณะกรรมาธิการในด้านนิติบัญญัติ และในการขับเคล่ือนประเทศด้านกฎหมาย เพ่ือการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ตลอดจนการรองรับการเปลี่ยนแปลงและความ ท้าทายที่อาจจะเกิดข้นึ ในอนาคต ----------------------------------------

193 ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook