44 ผลท่ีตามมาคือกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติก็ใช้ช่องว่างเหล่านี้แสวงหาผลประโยชน์และประกอบ อาชญากรรม (พรพล น้อยธรรมราช, ม.ป.ป.) ใน APSC Blueprint ได้กล่าวถึงอาชญากรรมข้ามชาติอยู่ 6 ประเภทนอกเหนือจากการก่อ การร้าย คือการลักพาตัวและค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด การประมงผิดกฎหมาย การค้าอาวุธเถื่อน ขนาดเล็ก อาชญากรรมทางไซเบอร์ และโจรสลัด อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมท่ีเป็นภัยต่อความม่ันคง ของประเทศสมาชิกท่ีต้องจัดการอย่างเร่งด่วนน้ันมี 3 ประเภทคือ การลักพาตัวและค้ามนุษย์ การค้า ยาเสพตดิ และโจรสลดั ถ้าพิจารณาถึงปัญหาในเร่ืองอาชญากรรมข้ามชาติ นายพรพล น้อยธรรมราช นักวิเคราะห์ เทคโนโลยีป้องกันประเทศ ให้ทัศนะว่า การร่วมมือกันในกลุ่มประเทศอาเซียนมีความคืบหน้าในการ รบั มือกบั ภยั คกุ คามรปู แบบใหม่น้อยมาก เน่อื งจากมีผลกระทบต่ออํานาจอธิปไตยของประเทศสมาชิก ทาํ ใหไ้ มค่ อ่ ยมปี ระเทศใดกล้าออกมาเป็นผู้นําอย่างจริงจัง อีกทั้งบางประเด็นยังถูกมองว่าเป็นประเด็น ระดับทวิภาคี เช่น ปัญหายาเสพติดของพม่าที่ไปไหลเข้าสู่ประเทศไทย ปัญหาโจรสลัดในช่องแคบ มะละกาซ่งึ ไม่ตอ้ งการใหป้ ระเทศทส่ี ามเขา้ มามีส่วนร่วม หรือบางประเด็นเป็นเรื่องเฉพาะของประเทศ ใดประเทศหน่ึง ทําให้วิถีอาเซียน (ASEAN Way) มักจะถูกนํามาใช้ทันที คือการไม่เข้าไปยุ่งเรื่อง ภายในประเทศของอีกฝ่าย หรือไม่เข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย และความขัดแย้งระดับ ทวภิ าคีใดๆ จะต้องไม่ทาํ ลายเสถยี รภาพและความเป็นหนึง่ เดยี วของอาเซยี น ขณะท่ีประเทศสมาชิกอาเซียนขาดแรงจูงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน กลับเป็นประเทศ ภายนอกอาเซียนท่ีเข้ามามีอิทธิพลและสร้างแรงจูงใจให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามาร่วมมือกัน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในประเด็นปัญหาเรื่องโจรสลัด โดยญ่ีปุ่นเป็นประเทศแรกท่ีเสนอการแก้ไขปัญหาโจร สลดั ในนา่ นนํา้ บริเวณเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ในปี พ.ศ.2542 หลังการประชมุ ASEAN + 3 จนกระทั่ง มีการลงนามข้อตกลง Regional Cooperation Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia (ReCAAP) ในปี พ.ศ.2547 และนํามาใช้บังคับในปี พ.ศ.2549 อีกตวั อย่างหนึง่ ทีเ่ หน็ ไดช้ ดั เจนคือการทจี่ นี เขา้ มาผลักดันโครงการต่อต้านการค้ายาเสพติดกับประเทศ ไทย ลาว และเมียนมาร์ โดยมีการจัดตั้ง ASEAN and China Cooperative Operations in Response to Dangerous Drugs (ACCORD) ในปี พ.ศ.2543 และปรับปรุงใหม่ในปี พ.ศ.2548 อย่างไรก็ตาม โครงการ ACCORD ก็ไม่ประสบความสําเร็จในการนําไปใช้และการปฏิบัติงานร่วมกัน ดังนั้น การสร้างประชาคมด้านการเมอื งและความม่นั คงในกลุม่ ประเทศอาเซยี นจะประสบความสําเร็จ
45 ได้ อาจจะต้องอาศัยแรงกดดันจากภายนอก เช่น ประเทศมหาอํานาจต่างๆ (พรพล น้อยธรรมราช, ม.ป.ป.) การจัดการภัยพิบัติ ประเทศในอาเซียนมีการฝึกร่วมกันในภาคพลเรือน ที่เรียกว่า ASEAN Disaster Relief Exercise โดยประเทศไทยส่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเป็นผู้เข้าฝึกร่วม โดยโครงการดังกล่าวริเริ่มโดย ASEAN Coordinating Center for Humanitarian Assistance on Disaster Management (AHA Center) แต่ AHA Center ยังเป็นเพียงแนวคิด ยังไม่มีความเป็น รูปธรรมเน่ืองมาจากความไม่ลงตัวของข้อตกลงในหลักการปฏิบัติ หรือ Standing Arrangement Standard of Procedures (SASOP) ประเทศสมาชิกยังคงไม่เห็นพ้องกันในบทที่ 6 ว่าด้วยเรื่อง สดั ส่วนการบรจิ าคเงินของแต่ละประเทศว่าประเทศตา่ งๆ ควรบรจิ าคเท่าใด นอกจากน้ีการไม่สามารถ หาข้อมูลท่ีถูกต้องชัดเจนถึงศักยภาพและขีดความสามารถทางทหารของแต่ละประเทศยังเป็น อุปสรรคต่อความร่วมมือ ทั้งนี้ ส่วนหน่ึงเป็นเพราะแต่ละประเทศยังคงมีข้อจํากัดในการนํากําลังออก นอกประเทศ รวมท้ังความพร้อมของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความร่วมมือดังกล่าวยังคง อยู่กับที่ นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านภัยพิบัติในระดับภูมิภาคเอเชียท่ีเรียกว่า ADPC ยังเป็นเพียง การให้ความรู้และการอบรมแก่สมาชิก แต่ไม่ได้เป็นศูนย์ท่ีมีเจ้าหน้าท่ีปฏิบัติการจริงเม่ือเกิดเหตุ ภยั พบิ ตั ิ (AseanWatch, 2555 : 1-4) กลไกสิทธิมนุษยชน : ปัญหาประการแรกท่ีทําให้อาเซียนยังไม่ใช่องค์กรของประชาชน อย่างแท้จริงคือ ปัญหาด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอาเซียน มาตรา 14 ของกฎบัตรอาเซียน กําหนดให้มีการจัดต้ังกลไกสิทธิมนุษยชนของอาเซียนข้ึน ท้ังน้ี ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 เมื่อปี พ.ศ.2552 ท่ีอําเภอชะอํา-หัวหิน ประเทศไทย ได้มีการประกาศจัดต้ังคณะกรรมาธิการ ระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นทางการ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ที่จัดต้ังข้ึนจะทํา หน้าท่ีเป็นหน่วยงานหลักในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับองค์การ ระหว่างประเทศและภาคประชาสังคมต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ซ่ึงจะมีส่วนสําคัญในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิ เสรีภาพ ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอาเซียนโดยรวม สําหรับประเทศไทยมี ดร.ศรีประภา เพชรมีศรี อาจารย์ประจําศูนย์สิทธิมนุษยชนศึกษา ของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับความ เหน็ ชอบจากคณะรัฐมนตรใี ห้ทาํ หนา้ ทเี่ ป็นกรรมาธกิ ารสิทธิมนษุ ยชนอาเซียน เมื่อได้พิจารณารายละเอียดของขอบเขตอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาล อาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Terms of Reference of ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights : ToR of AICHR) แล้ว กลไกดังกล่าวมีลักษณะของการเน้นการส่งเสริม แต่ไม่มี
46 บทบาทในการปกป้อง ไม่มีบทบาทในการรับเรื่องร้องทุกข์หรือร้องเรียน ไม่มีบทบาทในการไต่สวนเร่ือง ร้องเรียน และไม่มีบทบาทในการเสนอบทลงโทษต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากน้ี ToR of AICHR ยังกําหนดให้ยึดหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก ฉะนั้น เมื่อเรื่องการละเมิดสิทธิ มนุษยชนเป็นเร่ืองระหว่างรัฐบาลกับประชาชน หากยึดหลักไม่แทรกแซงกิจการภายใน กลไกนี้จึงไม่ สามารถทําอะไรได้ ในการน้ี รศ.ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี ได้ให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกลไกสิทธิมนุษยชนของ อาเซยี นไวน้ ่าสนใจ ดงั นี้ - เพ่ิมบทบาทของของกลไกในด้านการปกปอ้ ง - แก้ไขข้อความใน ToR of AICHR ในเร่ืองหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน โดยให้มี ข้อความในลกั ษณะให้หลกั การนี้มีความยดื หยนุ่ - ควรเพิ่มหลักการสากลขององค์การสหประชาชาติเข้าไปด้วย โดยเฉพาะหลักการความ รับผิดชอบในการปกป้อง (responsibility to protect) และหลักการแทรกแซงด้วยหลักการมนุษยธรรม (humanitarian intervention) - การเพิ่มบทบาทของกลไกในการรับเร่ืองร้องเรียนหรือร้องทุกข์ บทบาทในการไต่สวน เรอ่ื งร้องเรยี น และบทบาทในการเสนอมาตรการเพอ่ื ยุติการละเมิดสทิ ธมิ นุษยชน - เพ่ิมบทบาทให้กับเลขาธิการอาเซียน ให้มีลักษณะเหมือนกับบทบาทของเลขาธิการ สหประชาชาติในการช่วยดแู ลในเรือ่ งของการปกป้องและการส่งเสรมิ สิทธมิ นุษยชน - ควรเพ่ิมบทบาทให้กับภาคประชาสังคม องค์กรพัฒนาเอกชน (Non-governmental Organization : NGO) และประชาชน โดยเฉพาะบทบาทในการนําเสนอเร่ืองร้องทุกข์ร้องเรียนต่อกลไก ดังกล่าวได้ ตามหลักปฏิบัติสากลท่ีองค์การสหประชาชาติก็เปิดโอกาสให้องค์กรพัฒนาเอกชนเสนอเร่ือง ร้องเรยี นและเรอ่ื งการละเมดิ สิทธิมนษุ ยชนได้ - ในระยะยาว ควรผลักดันให้มีการพัฒนากลไกด้านตุลาการ โดยเฉพาะการจัดต้ังศาลสิทธิ มนุษยชนขึน้ (Court of Human Rights) (ประภสั สร์ เทพชาตร,ี 2552) ----------------------------------------
47 บรรณานกุ รม กรมอาเซียน. (2553). แผนงานการจดั ตัง้ ประชาคมการเมอื งและความมน่ั คงอาเซยี น. [ออนไลน]์ . วนั ทคี่ ้นข้อมลู 30 พฤษภาคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/asean/asean_web/media/Social_plan.pdf กรมอาเซยี น. (2555). (ร่าง) เอกสารการเตรียมความพรอ้ มของหน่วยราชการไทยท่ีรบั ผิดชอบภายใต้ เสาประชาคมการเมอื งและความมัน่ คงอาเซยี น. : ม.ป.ท. กรมอาเซียน กองอาเซยี น 1. (2554). “ประชาคมการเมืองและความม่ันคงอาเซียน.” ASEAN Highlights 2011, กรงุ เทพฯ : กระทรวงการต่างประเทศ. กรมอาเซียน กองอาเซียน 1. (2555). ประชาคมการเมอื งและความม่นั คงอาเซยี น. [ออนไลน]์ . วันท่ีคน้ ขอ้ มลู 21 สงิ หาคม 2555. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/asean/th/customize/16269-ประชาคมการเมอื งและความ มั่นคงอาเซียน.html กติ ตพิ งษ์ จันทรส์ มบรู ณ์ ร.น. (ม.ป.ป.). อนาคตภาพของประชาคมอาเซยี น. [ออนไลน]์ . วันทคี่ ้นข้อมลู 20 พฤษภาคม 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://dtad.dti.or.th/images/stories/pdf/prepareasean.pdf ประภัสสร์ เทพชาตร.ี (2552). ขอ้ เสนอการทาํ ให้อาเซยี นเปน็ องคก์ รของประชาชนอย่างแทจ้ ริง. [ออนไลน]์ . วันทีค่ ้นขอ้ มลู 6 พฤษภาคม 2555, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://thepchatree.blogspot.com/2009/03/blog-post.html พรพล น้อยธรรมราช. (ม.ป.ป.). อาชญากรรมข้ามชาติในอาเซียน. [ออนไลน์]. วันทคี่ ้นข้อมูล 20 พฤษภาคม2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://dtad.dti.or.th/images/stories/pdf/asean2015.pdf พิษณุ สุวรรณะชฎ. (2540). สามทศวรรษอาเซยี น. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.
48 ภชุ งค์ ประดษิ ฐธีระ น.อ. (2554). “ประชาคมอาเซียนกับบทบาทกองทพั เรอื .” วารสารนาวิกศาสตร,์ 4(8), 66 – 67. ภุชงค์ ประดิษฐธีระ น.อ. (2555). 2015 ประชาคมอาเซียน : ความร่วมมือเพ่ือความม่ันคงทาง ทะเล. [ออนไลน์]. วันท่ีคน้ ขอ้ มูล 4 เมษายน 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.navy.mi.th/navedu/stg/docs/asien2015.pdf ศนู ย์ขา่ วการศึกษาไทย. (2555). ประชาคมการเมอื งและความมนั่ คงอาเซยี น. [ออนไลน]์ . วนั ท่ีคน้ ข้อมูล 21 สิงหาคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.enn.co.th/2313- %E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8% A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8 %AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0% B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0 %B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2% E0%B8%99.html ศนู ย์ขา่ วอารเ์ อสยนู วิ ส์. (2555). สรุ เกยี รติ์ เสถียรไทย หนุนสรา้ งยทุ ธศาสตร์จังหวัดจับคู่ค้าประเทศ เพื่อนบ้าน – จนี . [ออนไลน]์ . วนั ท่คี น้ ข้อมลู 2 เมษายน 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.rsunews.net/index.php/news/detail/945 AseanWatch. สรุปการสัมภาษณเ์ ร่อื งความร่วมมอื ด้านความมนั่ คงของอาเซียน พัฒนาการและ แนวโนม้ ในอนาคต. [ออนไลน]์ . วนั ที่ค้นข้อมูล 6 พฤษภาคม 2555. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://aseanwatch.org/wp-content/uploads/2012/03/สัมภาษณท์ ี่วปอ..pdf
49 ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน ASEAN Economic Community ---------------------------------------------------------------------------- 1. พัฒนาการความร่วมมอื ด้านเศรษฐกจิ ของอาเซียน สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) ก่อต้ังขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เม่ือวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 (ค.ศ.1967) ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย อาเซียนก่อต้ังข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์ เริม่ แรกเพ่อื สร้างสนั ตภิ าพในภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันนํามาซึง่ เสถียรภาพทางการเมืองและ ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และเมื่อการค้าระหว่างประเทศในโลกมี แนวโน้มการกีดกันการค้ารุนแรงมากขึ้น ทําให้อาเซียนได้หันมามุ่งเน้นกระชับและขยายความร่วมมือ ด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกนั มากขึน้ โดยยังคงยึดมั่นวัตถุประสงคห์ ลัก 3 ประการ ดังน้ี - สง่ เสรมิ การพฒั นาเศรษฐกจิ สังคมและวฒั นธรรมในภมู ภิ าค - รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมนั่ คงในภูมภิ าค - ใช้เป็นเวทแี กไ้ ขปัญหาความขัดแย้งภายในภูมิภาค (กรมเจรจาการค้าระหวา่ งประเทศ, 2552) ทศวรรษท่ี 1 ในช่วง 10 ปีแรกหลังจากการก่อตั้ง อาเซียนยังไม่ค่อยมีผลสําเร็จอย่างเป็น รปู ธรรมมากนัก เนอ่ื งจากภูมภิ าคยังอยภู่ ายใตค้ วามขัดแยง้ ทางอุดมการณ์ทางการเมืองและข้อพิพาท ดินแดน อาเซียนจึงให้ความสําคัญในการจัดทํากรอบงานอย่างกว้างๆ และยืดหยุ่น เพื่อให้สอดรับกับ ความคิดเห็นอันหลากหลายของสมาชิก เพ่ือเป็นการสานสัมพันธ์ในการทํางานร่วมกันระหว่างรัฐบาล อาเซียนและเป็นรากฐานอันม่ันคงสําหรับจุดมุ่งหมายร่วมกันต่อไปในอนาคต ดังน้ัน ทศวรรษแรก ของอาเซียนน้ัน จึงเป็นการพยายามเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน ปรับตัวเข้าหากัน และวางรากฐานเบื้องต้น แห่งความร่วมมือกันของประเทศสมาชิก ซ่ึงในทางเศรษฐกิจนั้น งานหลักของอาเซียนในช่วงนี้จึงเป็น การพิจารณาหาลู่ทางสําหรับความร่วมมือ จึงทําให้ไม่ปรากฏผลงานในเชิงโครงการทางเศรษฐกิจ มากนกั อยา่ งไรก็ตาม ทิศทางในการดาํ เนินงานของอาเซียนเร่ิมชัดเจนข้ึนหลังจากท่ีอาเซียนได้จัดการ ประชุมสุดยอดครั้งแรกข้ึนที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย พ.ศ. 2519 (ค.ศ.1976) นับเป็นการพลิก โฉมหน้าครั้งใหม่ของอาเซียนและถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในสาขาต่างๆ ทางเศรษฐกิจ ท้ังด้านการค้า ด้านอุตสาหกรรมและการลงทุน ด้านคมนาคมขนส่ง ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเงิน
50 และการธนาคาร ด้านแร่ธาตุและพลังงาน ด้านอาหารการเกษตรและป่าไม้ และความร่วมมือกับ ประเทศนอกอาเซียน ทศวรรษที่ 2 ของอาเซียน เป็นช่วงของการเริ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับความร่วมมือในด้านอื่นๆ โดยอาศัยความตกลงแบบหลวมๆ และกลไกต่างๆ ที่เริ่มสร้าง ข้นึ ในช่วงน้ี ส่งผลให้มกี ารริเริ่มโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจมากมายและครอบคลุมสาขาต่างๆ และเน้นส่งเสริมให้มีการพ่ึงพากันระหว่างประเทศสมาชิก (inward-oriented) นอกจากโครงการ ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกันเองแล้ว ยังมีความร่วมมือกับประเทศนอกภูมิภาค โดยเน้นลักษณะของการรับความช่วยเหลือจากประเทศคู่ค้าสําคัญของอาเซียน (ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และประชาคมยุโรป) หรือที่เรียกว่า ความสัมพันธ์แบบ ผใู้ ห-้ ผู้รับ อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ของอาเซียนส่วนใหญ่ไม่สามารถก้าวหน้าถึงขั้นส่งผลทาง เศรษฐกิจต่อภูมิภาคได้ดังที่คาดหวังไว้ ซึ่งปัญหาที่ทําให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน ในระยะเวลาดังกล่าวไม่ก้าวหน้าน้ันมีอยู่มากมายแล้วแต่ลักษณะของโครงการ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็น ปัญหาร่วมนั้น สามารถสรุปได้ 3 ประการหลัก คือ 1) ระดับพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศ สมาชิกในช่วง 20 ปีแรกของอาเซียนน้ียังไม่สูงนัก 2) ที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจและการส่งออก คล้ายคลึงกันและขาดการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันเอง และ 3) ขาด เจตนารมณ์ทางการเมอื งของประเทศสมาชิก ทศวรรษท่ี 3 เมื่อสงครามเย็นส้ินสุดลง อาเซียนจึงเปิดศักราชใหม่ของความร่วมมือโดยเน้น ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ.2535 (ค.ศ.1992) ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ตกลงที่จะ จัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) ขึ้น อาเซียนมีความตกลง 2 ฉบับ ที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการดําเนินงาน AFTA ได้แก่ กรอบความตกลงแม่บทว่าด้วยการขยายความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน (Framework Agreement on Enhancing ASEAN Economic Cooperation) ซึ่งใช้เป็นกรอบการดําเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ และความตกลง ว่าด้วยอัตราภาษีพิเศษที่เท่ากันสําหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน (Agreement on the Common Effective Preferential Tariff (CEPT) Scheme for AFTA) ซึ่งใช้เป็นกลไกในการดําเนินงาน เขตการค้าเสรีอาเซียน ท่ีครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าเกษตรไม่ แปรรูป โดยมีความยืดหยุ่นให้แก่สินค้าอ่อนไหวได้ พร้อมกันนี้ อาเซียนได้ให้ความสําคัญกับ
51 ภาคเอกชนมากขึ้นและได้ยกระดับบทบาทของภาคเอกชนถึงระดับที่สามารถให้คําปรึกษาหารือกับ ภาครัฐบาลได้ นอกจากนี้ อาเซียนพยายามพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจด้วยการพึ่งพากันมากข้ึนระหว่าง ประเทศสมาชิกอาเซียน ควบคู่กับการเปิดตัวเองสู่ภายนอกมากข้ึน (outward-oriented) กล่าวอีก นยั หน่งึ คอื เป็นการขยายตลาดและชอ่ งทางติดตอ่ ทางเศรษฐกจิ การค้าให้กว้างขวางข้ึน ในลักษณะที่มี อํานาจต่อรองที่ทัดเทียมและด้วยความสัมพันธ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกันได้กับประเทศที่มี ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ แทนท่ีจะมีสถานะแบบผู้ให้-ผู้รับอย่างเช่นในอดีต (อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์, 2541) ทศวรรษท่ี 4 ในปี พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) อาเซียนประสบกับมรสุมหนักคือ วิกฤตเศรษฐกิจ เอเชีย ซึ่งต่อมาอาเซียนก็สามารถผ่านพ้นมรสุมดังกล่าวไปได้ และศักราชใหม่ของความร่วมมือ อาเซียนก็เกิดข้ึนในปี พ.ศ. 2546 ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย อาเซียนได้เดินหน้าบูรณาการเชิงลึกด้วยการต้ังเป้าหมายว่าจะพัฒนาไปเป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community : AC) ภายในปี พ.ศ.2563 (ค.ศ.2020) ภายใต้ 3 เสาหลัก คือ ประชาคม การเมืองความม่ันคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community : APSC) ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC) ซึ่งต่อมาผู้นําอาเซียนได้ร่นระยะเวลา การสร้างประชาคมอาเซียนให้เสร็จส้ินภายในปี พ.ศ.2558 (ค.ศ.2015) โดยเร็วกว่ากําหนดการเดิมที่ ประกาศแสดงเจตนารมณ์ไว้ตามแถลงการณ์บาหลีถึง 5 ปี ทั้งน้ี มีกฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) เป็นกรอบหรือพ้ืนฐานทางกฎหมายรองรับ ซึ่งจะสร้างกฎเกณฑ์สําหรับองค์กรให้สมาชิกอาเซียน มพี ันธกิจทีจ่ ะตอ้ งปฏบิ ัตติ าม (legal binding) (ประภสั สร์ เทพชาตร,ี 2552 : 4) ในสว่ นของประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน เปน็ เสาหลักท่จี ะเป็นพลังขับเคลอ่ื นใหเ้ กดิ การรวมตัว ทางเศรษฐกิจของอาเซียนภายในปี พ.ศ.2558 เพ่ือนําไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วมกัน (single market and single production base) และจะมีการเคล่ือนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินลงทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี รวมท้ังผู้บริโภคสามารถเลือกสรรสินค้า/บริการได้อย่าง หลากหลายภายในภูมิภาค และสามารถเดินทางในอาเซียนได้อย่างสะดวกและเสรีมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่สําคัญของอาเซียนที่จะต้องร่วมแรงร่วมใจและช่วยกันนําพาอาเซียนไปสู่ เปา้ หมายท่ตี ั้งไว้ (กรมเจรจาการคา้ ระหว่างประเทศ, 2552)
52 ทั้งน้ี นับตั้งแต่การก่อตั้งอาเซียนขึ้นในปี พ.ศ.2510 อาเซียนได้พัฒนาความร่วมมือทาง เศรษฐกิจด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านสินค้า การลงทุน บริการ การเงิน อุตสาหกรรมและ การทอ่ งเทย่ี ว โดยมีประเดน็ ท่นี า่ สนใจสรปุ ได้ ดังนี้ - เขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) การจัดตั้ง AFTA ในปี พ.ศ.2535 มุ่งขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งด้านภาษีและท่ีมิใช่ภาษี เพ่ือส่งเสริมการค้าภายในกลุ่ม อาเซียน (Intra-ASEAN Trade) จากตัวเลขการคา้ ภายในกล่มุ อาเซียนในปกี ่อนเร่มิ จดั ตง้ั AFTA จนถึง ปี พ.ศ.2545 เห็นได้ชัดว่า Intra-ASEAN Trade ขยายตัวขึ้นอย่างมาก สัดส่วนของ Intra-ASEAN Trade เทียบกับมูลค่าการค้าทั้งหมดของอาเซียน เพ่ิมขึ้นจากร้อยละ 19.3 ในปี พ.ศ.2536 เป็น ร้อยละ 22.6 ในปี พ.ศ.2545 โดยมูลค่าเพิ่มข้ึนจาก 82,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ.2536 เป็น 159,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ.2545 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ Intra-ASEAN Trade ในช่วง พ.ศ.2536 – พ.ศ.2545 คิดเป็นร้อยละ 9.4 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉล่ียของ การค้าอาเซียนกับนอกภูมิภาคอาเซียน ซ่ึงอยู่ในระดับร้อยละ 7.6 ต่อปี ดังน้ัน ผลของ AFTA ทําให้ เกิดการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจของอาเซียนทีแ่ น่นแฟน้ ขน้ึ - เขตการลงทุนอาเซียน (ASEAN Investment Area : AIA) อาเซียนเร่ิมดําเนินการ เขตการลงทนุ ของอาเซียนภายใตก้ รอบความตกลง AIA ในปี พ.ศ.2541 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทาง การแข่งขันของอาเซียน สร้างบรรยากาศการลงทุนที่เสรีและมีความโปร่งใสมากขึ้น รวมท้ังส่งเสริม การลงทุนท้ังในอาเซียนและดึงดูดการลงทุนจากนอกอาเซียน โดยมีโครงการความร่วมมือด้าน การลงทุน และให้การปฏิบัติท่ีเท่าเทียมกับคนในชาติ (national treatment) ซึ่งมีเป้าหมายเปิดเสรี การลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งหมดแก่นักลงทุนในอาเซียนภายในปี พ.ศ.2553 และนักลงทุนท่ัวไปในปี พ.ศ.2563 ต่อมาได้เร่งรัดให้กําหนดเวลาการเปิดเสรีด้านการลงทุนแก่นักลงทุนท่ัวไปเร็วขึ้น 10 ปี จากเดมิ ปี พ.ศ.2563 เปน็ ปี พ.ศ.2553 สว่ นประเทศสมาชกิ ใหมส่ ามารถยืดหยุ่นไดจ้ นถงึ ปี พ.ศ.2558 - การเปิดเสรีการค้าบริการ อาเซียนได้เร่ิมเปิดเสรีการค้าบริการภายใต้กรอบความตกลง การค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) ในปี พ.ศ.2539 โดยดําเนินการเจรจาเปิดตลาดการค้าบริการเป็นรอบ รอบละ 3 ปี ในช่วงปี พ.ศ.2539 - พ.ศ.2547 เพื่อมุ่งขจัดอุปสรรค/ข้อจํากัดด้านการค้าบริการภายในอาเซียน และปรับปรุงให้การให้บริการของ อาเซยี นมปี ระสทิ ธภิ าพและมขี ีดความสามารถทางการแข่งขัน นอกจากน้ี อาเซียนได้ตกลงจัดทําข้อตกลงยอมรับคุณสมบัติร่วมกัน (Mutual Recognition Agreements : MRAs) ของสาขาวิชาชีพ เพ่ืออํานวยความสะดวกในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
53 ทําให้บุคลากรผู้ให้บริการที่เป็นนักวิชาชีพและแรงงานท่ีมีฝีมือสามารถไปทํางานในประเทศสมาชิก อื่นๆ ได้สะดวกข้ึน โดยจัดทํา MRA ในสาขาวิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี และบุคลากรในธุรกิจ ทอ่ งเที่ยว เปน็ ต้น - ความร่วมมือด้านการเงิน ในปี พ.ศ.2546 อาเซียนได้จัดทํา Roadmap เพ่ือส่งเสริม ความร่วมมือด้านการเงิน ซึ่งครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาตลาดทุน 2) การเปิดเสรีบริการ ทางการเงิน 3) การเปิดเสรีบัญชีทุน และ 4) ความร่วมมือเก่ียวกับเงินสกุลอาเซียน การดําเนินการ เหล่านจี้ ะช่วยสนบั สนุนการค้าและการลงทุนของอาเซยี นตอ่ ไป - ความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านอ่ืนๆ ท่ีสําคัญ เช่น ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมภายใต้ ASEAN Industrial Cooperation Scheme (AICO) ความร่วมมือด้านขนส่ง ได้แก่ การอํานวย ความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าผ่านแดน ข้ามแดน และการขนส่งหลายรูปแบบ และความร่วมมือ ด้านการจัดทําโครงข่ายเช่ือมโยงท่อส่งก๊าซของอาเซียน (Trans-ASEAN Gas Pipeline Network) (ศูนยว์ ิจยั กสกิ รไทย, 2547) 2. การจัดตง้ั ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผลจากการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังที่ 8 ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2545 ณ ประเทศ กัมพูชา ได้มีการกําหนดทิศทางการดําเนินงานเพ่ือมุ่งสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยใน การประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังท่ี 9 เดือนตุลาคม พ.ศ.2546 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นําอาเซียนได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับท่ี 2 (Declaration of ASEAN Concord II หรือ Bali Concord II) เพื่อประกาศจัดต้ังประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ.2563 โดยสนบั สนนุ การรวมกลุม่ และความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยให้จัดต้ังประชาคมการเมือง และความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในส่วนของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้เร่งรัดการรวมกลุ่มเพ่ือเปิดเสรีสินค้าและบริการท่ีสําคัญ 11 สาขา (priority sectors) ได้แก่ การท่องเที่ยว การบิน ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง ส่ิงทอ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร ประมง เทคโนโลยีสารสนเทศ และสุขภาพ โดยผู้นําอาเซียนและ รฐั มนตรีเศรษฐกิจอาเซียนไดล้ งนามในกรอบความตกลงระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งท่ี 10 ในเดอื นพฤศจิกายน พ.ศ.2547 ณ กรงุ เวียงจันทน์ ประเทศลาว
54 ต่อมาผู้นําอาเซียนได้ตกลงให้เร่งรัดกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียนภายใต้ 3 เสาหลัก ให้เร็วข้ึนกว่าเดิมอีก 5 ปี คือภายในปี พ.ศ.2558 โดยเล็งเห็นว่าสถานการณ์โลกเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว อาเซียนจําเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถคงบทบาทในการดําเนินความสัมพันธ์ ในภมู ภิ าคและตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนอย่างแท้จรงิ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีเป้าหมายคือ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐาน ของการประสานผลประโยชนข์ องประเทศสมาชกิ โดยการส่งเสรมิ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในเชิงลึก และกว้างมากขึ้นผ่านความร่วมมือท่ีมีอยู่ในปัจจุบันและแผนการดําเนินงานใหม่ภายใต้กรอบ ระยะเวลาท่ีชัดเจน และประเทศสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามหลักการที่จะส่งเสริมระบบเศรษฐกิจแบบ เปิด มองบริบทภายนอกและส่งเสริมกลไกตลาดซ่ึงสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ในกรอบพหุภาคีและยึดม่ัน ในระบบกฎเกณฑ์ ดังนั้นในการประชุมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting : AEM) เม่อื เดอื นสงิ หาคม พ.ศ.2549 จึงมอบหมายใหเ้ จา้ หน้าท่ีอาวุโส (Senior Economic Officials Meetings : SEOM) จัดทําแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Blueprint : AEC Blueprint) และตารางเวลาดําเนินกิจกรรมต่างๆ (strategic schedule) เพือ่ เปน็ แนวทางการดําเนินงานไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2550 ผู้นําอาเซียนได้ให้การรับรอง AEC Blueprint และตารางเวลา การดําเนินงาน และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2550 ได้ลงนามใน “ปฏิญญาว่าด้วยแผนงานการจัดต้ัง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (Declaration on the AEC Blueprint) ซ่ึงเป็นเอกสารท่ียืนยันว่า สมาชิกอาเซียนทั้งหมดจะร่วมกันดําเนินการเปิดเสรีการค้าให้ลุล่วงตามแผนงาน (สํานักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย สาํ นักนโยบายและแผน, 2555 : 12-13) • เป้าหมายของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อาเซียนได้ร่วมกันจัดทําพิมพ์เขียว หรือ AEC Blueprint เพื่อกําหนดทิศทางการดําเนินงาน ด้านเศรษฐกิจให้มีความชัดเจนตามกรอบระยะเวลาที่กําหนด โดยสมาชิกอาเซียนจะต้องเจรจาตกลง กันว่าจะเปิดเสรีอะไร เท่าใด เช่นใด และเมื่อใด เพ่ือให้การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสามารถ เป็นไปตามเป้าหมายท่ีกําหนดไว้ในปี พ.ศ.2558 ซึ่ง AEC Blueprint ที่จัดทําขึ้น เป็นแผนงาน บูรณาการการดาํ เนินงานดา้ นเศรษฐกจิ เพอ่ื ให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ 4 ด้าน ดงั น้ี
55 1. การเปดิ ตลาดเดยี วและฐานการผลิตรว่ มกัน โดยจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี และ การเคลอ่ื นยา้ ยเงนิ ทนุ อย่างเสรมี ากขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมการรวมกลุม่ สาขาสาํ คญั ของอาเซยี นให้เป็น รูปธรรม โดยได้กําหนดเป้าหมายเวลาที่จะค่อยๆ ลดหรือยกเลิกอุปสรรคระหว่างกันเป็นระยะ ท้ังน้ี ได้มีการกําหนดเป้าหมายให้ลดภาษีสินค้าเป็นร้อยละ 0 และลดหรือเลิกมาตรการท่ีมิใช่ภาษี สําหรับ ประเทศสมาชิกเกา่ 6 ประเทศภายในปี พ.ศ.2553 เปิดตลาดภาคบริการและเปิดเสรีการลงทุนภายใน ปี พ.ศ.2558 และเปดิ เสรกี ารลงทุนภายในปี พ.ศ.2553 สําหรับกรอบความตกลงต่างๆ ท่ีจะทําให้การ เคล่ือนย้ายอย่างเสรีเป็นไปตามแผนงานที่กําหนดไว้ ได้แก่ ข้อตกลง AFTA กรอบความตกลง AFAS และกรอบความตกลงเขตการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) เปน็ ต้น 2. การสรา้ งขดี ความสามารถในการแข่งขนั ทางเศรษฐกิจของอาเซยี น AEC Blueprint มีเป้าหมายในการส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนให้มี ความแข็งแกร่งและเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในตลาดโลกได้ อาทิ นโยบาย การแข่งขัน การคุ้มครองผู้บริโภค สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-ASEAN) นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน (การเงนิ การขนสง่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและพลงั งาน) 3. การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค กําหนดแนวทางการเสริมสร้างขีดความสามารถผ่านโครงการต่างๆ อาทิ ข้อริเริ่มเพื่อ การรวมตัวของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration : IAI) รวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนา ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันซ่ึงจะ ช่วยให้ลดช่องวา่ การพัฒนาระหว่างประเทศสมาชกิ เก่า-ใหม่ 4. การบรู ณาการเข้ากบั เศรษฐกจิ โลก AEC Blueprint ยังครอบคลุมถึงการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียนกับ ประเทศภายนอกภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนมีท่าทีร่วมกันอย่างชัดเจน อาทิ การจัดทําเขตการค้าเสรีของ อาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมการสร้างเครือข่ายในด้านการผลิต/จําหน่าย ภายในภมู ภิ าคให้เชือ่ มโยงกับเศรษฐกจิ โลก (กรมอาเซียน, 2554 : 9)
56 • แผนงานสําคญั เพ่อื ดาํ เนินการไปสู่คุณลักษณะสําคัญในแต่ละด้าน 1. การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดยี ว 1.1 การเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรี ได้กําหนดแนวทางเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละด้าน ดงั ตอ่ ไปนี้ การลด/ยกเลิกภาษี - ประเทศสมาชิกเดิม 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และ บรูไนดารุสซาลาม ต้องยกเลิกอัตราภาษีสินค้าทุกรายการให้เหลือร้อยละ 0 ในปี พ.ศ.2553 ยกเว้น สินคา้ ออ่ นไหว - สําหรับประเทศสมาชิกทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ตอ้ งยกเลิกอัตราภาษีสินค้าบางรายการเหลือร้อยละ 0 ในปี พ.ศ.2558 และสินค้าบางรายการจํานวน ไม่เกนิ รอ้ ยละ 7 ของสินค้าทัง้ หมดและจะลดภาษีเหลอื รอ้ ยละ 0 ในปี พ.ศ.2561 การขจัดมาตรการท่มี ิใชภ่ าษี - ประเทศสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน ดารุสซาลาม ตอ้ งยกเลกิ มาตรการท่ีมิใช่ภาษีภายในปี พ.ศ.2553 - ประเทศฟิลิปปินส์ ยกเลกิ มาตรการท่ีมิใช่ภาษภี ายในปี พ.ศ.2555 - ประเทศสมาชิกใหม่ 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ต้องยกเลิก มาตรการท่ีมิใช่ภาษีภายในปี พ.ศ.2558-2561 โดยปฏิบัติตามภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ในเรื่องอุปสรรคทางเทคนิคมาตรฐานสุขอนามัย และการขออนุญาต นําเข้า รวมทั้งพัฒนาแนวทางการดําเนินงานที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าวสําหรับประเทศสมาชิก อาเซยี น เพ่อื นําไปสูก่ ารลด/เลิกมาตรการที่เปน็ อุปสรรคทางการคา้ การกาํ หนดกฎวา่ ดว้ ยถิ่นกําเนดิ สนิ คา้ มีจุดมุ่งหมายที่จะปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกําเนิดสินค้าให้มีความโปร่งใส มีมาตรฐานที่เป็น สากล และอํานวยความสะดวกให้แก่เอกชนมากขึ้น เช่น การจัดทํากฎการได้แหล่งกําเนิดสินค้าโดย วธิ กี ารแปรสภาพอยา่ งเพียงพอ (substantial transformation) และกฎการได้แหล่งกําเนิดสินคา้ ของ อาเซียนแบบสะสมบางส่วน (partial cumulation rule of origin) มาใช้เป็นทางเลือกสําหรับ การคํานวณแหลง่ กําเนิดสินค้า
57 1.2 การเคลอ่ื นยา้ ยบริการอยา่ งเสรี ผู้แทนจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้ต้ังเป้าหมายการเจรจาเปิดเสรีการค้าบริการ อย่างชัดเจน เพื่อให้การค้าบริการของอาเซียนเป็นไปอย่างเสรีภาพมากข้ึนและพัฒนาระบบการ ยอมรับร่วมกันเพ่ืออํานวยความสะดวกในการประกอบวิชาชีพในสาขาบริการ รวมทั้งส่งเสริมการร่วม ลงทนุ ของอาเซยี นไปยังประเทศท่สี าม 1.3 การเคล่ือนยา้ ยการลงทนุ อย่างเสรี ประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนล้วนมีจุดมุ่งหมายที่จะเพ่ิมและรักษาระดับความสามารถ ในการดึงดูดให้ต่างประเทศมาลงทุนในอาเซียน และการลงทุนในอาเซียนโดยอาเซียนเอง ดังน้ัน เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมาย อาเซียนได้ทบทวนกรอบความตกลง AIA ท่ีมีอยู่ให้เป็นความตกลงใหม่คือ ความตกลง ACIA ซ่ึงมีขอบเขตท่ีกว้างข้ึนและเปิดเสรี พันธกรณีความตกลงของ ACIA นั้นจะครอบคลุม ประเด็นหลักใหญ่ๆ 4 ประเด็น คือ การเปิดเสรี การส่งเสริม การอํานวยความสะดวก และการคุ้มครอง การลงทนุ โดยครอบคลมุ ท้งั การลงทุนทางตรงและการลงทนุ ในหลักทรัพย์ 1.4 การเคลื่อนยา้ ยเงินทุนทเ่ี สรมี ากขึน้ โดยส่งเสริมการพัฒนาและการรวมกลุ่มตลาดทุนของอาเซียน เช่น การปรับประสาน มาตรฐานด้านตลาดทุนในอาเซียนในด้านที่เก่ียวข้องกับกฎเกณฑ์ในการเสนอขายตราสารหน้ี ข้อกําหนดในการเปิดเผยข้อมูล และกฎเกณฑ์การจัดจําหน่ายระหว่างกันให้มากขึ้น การอนุญาตการ เคลอื่ นยา้ ยเงนิ ทุนท่เี สรีมากขึ้น เชน่ ยกเลกิ หรอื ผอ่ นคลายข้อกําหนดในการเคล่ือนยา้ ยทนุ เปน็ ตน้ 1.5 การเคลือ่ นยา้ ยแรงงานฝมี ืออยา่ งเสรี การสร้างมาตรฐานท่ีชัดเจนของแรงงานมีฝีมือ และอํานวยความสะดวกให้กับแรงงานมีฝีมือ ทม่ี ีคณุ สมบตั ิตามมาตรฐานท่กี าํ หนด ใหส้ ามารถเคล่อื นย้ายไปทํางานในกลมุ่ ประเทศสมาชิกได้ง่ายข้ึน เช่น อํานวยความสะดวกในการตรวจลงตราและใบอนุญาตทํางานสําหรับผู้ประกอบวิชาชีพและ แรงงานฝีมอื อาเซียนทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั การค้าขา้ มพรมแดน เป็นตน้ 1.6 การรวมกลุ่มสาขาสําคญั ของอาเซยี น ในระยะแรกอาเซียนจะมุ่งใช้ทรัพยากรในการพัฒนาการรวมกลุ่มที่จํากัดในบางสาขาสําคัญ จาํ นวน 12 สาขา เพื่อเป็นแรงกระตุ้นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภาพรวมของอาเซียน โดยประเทศ สมาชิกหลายประเทศได้รับหน้าที่การเป็นผู้ประสานงานในแต่ละสาขา โดยสาขาสําคัญแต่ละสาขาจะ มีแผนงานซึ่งรวมมาตรการเฉพาะสาขา และมาตรการในภาพรวมที่คาบเก่ียวการดําเนินงานทุกสาขา เช่น มาตรการอํานวยความสะดวกทางการคา้
58 1.7 ความร่วมมอื ด้านอาหาร การเกษตร และปา่ ไม้ ยกระดับการค้าภายในและภายนอกอาเซียน และความสามารถในการแข่งขันของสินค้า/ ผลิตภัณฑ์อาหาร เกษตร และป่าไม้ ในระยะยาว ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือ แนวทางร่วม และการถา่ ยโอนเทคโนโลยรี ะหวา่ งอาเซยี นกับองคก์ ารระดบั นานาชาติ ระดับภมู ิภาคและภาคเอกชน และส่งเสรมิ สหกรณ์การเกษตรของอาเซียน 2. การนาํ ไปสภู่ ูมภิ าคท่ีมคี วามสามารถในการแข่งขันสูง 2.1 นโยบายการแข่งขัน เพอ่ื ส่งเสริมใหเ้ กิดวฒั นธรรมการแข่งขันอย่างยุตธิ รรมภายในภูมิภาค เช่น ผลักดันให้ประเทศ สมาชิกอาเซียนทุกประเทศมีนโยบายด้านการแข่งขันทางการค้าภายในปี พ.ศ.2558 จัดต้ังเครือข่าย หน่วยงานกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องด้านนโยบายการแข่งขัน เพ่ือเป็นเวทีสําหรับหารือและประสานงาน ที่เก่ียวขอ้ งกบั นโยบายการแขง่ ขัน เปน็ ต้น 2.2 การค้มุ ครองผบู้ รโิ ภค ในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางน้ัน มาตรการ ทั้งหลายท่ีนําไปสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจจะต้องไม่ละเลยความสําคัญของผู้บริโภค ดังนั้น อาเซียน จึงดําเนินการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในอาเซียน และจัดต้ังเครือข่าย หน่วยงานท่ีเกย่ี วข้องกบั การคมุ้ ครองผูบ้ รโิ ภคเพอื่ อาํ นวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนขอ้ มูล 2.3 สทิ ธใิ นทรัพย์สนิ ทางปัญญา นโยบายทรัพย์สินทางปัญญานับเป็นแรงผลักดันที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เกิดความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์และการประดิษฐ์คิดค้น และเอื้ออํานวยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งที่มีอยู่เดิมและรายใหม่สามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่าน้ีอย่างเท่าเทียมกัน ความร่วมมือในภูมิภาคด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาได้มีการดําเนินการตามแนวทางของแผนปฏิบัติ การด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียน (ASEAN IPR Action Plan 2004-2010) และแผนงาน ความร่วมมืออาเซียนด้านลิขสิทธ์ิ (ASEAN Cooperation on Copyrights) ซ่ึงมุ่งพัฒนาวัฒนธรรม การเรียนรูแ้ ละนวตั กรรมใหมๆ่ ภายใตบ้ รรยากาศแห่งความร่วมมือกันระหว่างผู้เก่ียวข้องกับทรัพย์สิน ทางปัญญา ไมว่ ่าจะเปน็ นกั ธรุ กิจ นักลงทุน นักประดิษฐ์ และผคู้ ิดค้นในอาเซียน 2.4 การพัฒนาโครงสร้างพน้ื ฐาน การขนส่งในระบบเครือข่ายท่ีมีประสิทธิภาพ ม่ันคงและบูรณาการในอาเซียนเป็นปัจจัย สําคัญท่ีช่วยพัฒนาใช้ศักยภาพของเขตการค้าเสรีอาเซียนได้อย่างเต็มท่ี ลดช่องว่างของการพัฒนา
59 และจะช่วยเชื่อมโยงอาเซียนกบั ประเทศเพอื่ นบ้านทางดา้ นตะวันออกเฉยี งเหนอื และเอเชยี ใต้ ในการนี้ อาเซยี นมแี ผนปฏิบัติการดา้ นการขนส่งของอาเซียน แผนปฏิบัติการด้านการขนส่ง (ASEAN Transport Action Plan : ATAP 2005-2010) ซ่ึงครอบคลุมการขนส่งทางนํ้า ทางบก และทางอากาศ และ การอาํ นวยความสะดวกด้านการขนสง่ 2.5 ภาษีอากร ดําเนินการให้มีการสร้างเครือข่ายของความตกลงว่าด้วยการหลีกเลี่ยงการจัดเก็บภาษีซ้อน ระหวา่ งประเทศสมาชิกภายในปี พ.ศ.2553 เทา่ ท่ีจะสามารถดาํ เนนิ การได้ 2.6 พาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์ วางนโยบายและโครงสร้างทางกฎหมายสําหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และช่วยให้เกิดการค้า สินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) ภายในอาเซียน โดยการปฏิบัติตามกรอบ ความตกลง e-ASEAN และบนพ้ืนฐานของกรอบความตกลงร่วมอื่นๆ เช่น ดําเนินนโยบายการแข่งขัน ด้านโทรคมนาคม โดยใช้แนวทางการปฏิบัติท่ีดีและสนับสนุนการออกกฎหมายภายในประเทศ ดา้ นพาณิชย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 3. การพัฒนาเศรษฐกจิ อย่างเทา่ เทียมกัน 3.1 การพฒั นาวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ดําเนินการตามพิมพ์เขียวนโยบายของอาเซียนด้านการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (ASEAN Policy Blueprint for SME Development : APBSD 2004-2014) เพ่ือสร้าง ความสามารถในการแขง่ ขัน การปรบั ตัว และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกจิ ของภูมิภาค 3.2 ความรเิ รมิ่ เพอ่ื การรวมตวั ของอาเซยี น กําหนดแนวทางและเน้นความพยายามร่วมกันในการลดระดับช่องว่างของการพัฒนา ทง้ั ภายในอาเซียนและระหวา่ งอาเซียนกับประเทศอื่นๆ โดยครอบคลุมด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ตลอดจนการเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค พลังงาน บรรยากาศการลงทุน การท่องเท่ียว การลดระดับ ความยากจน และการปรบั ปรงุ คณุ ภาพชีวติ 4. การบรู ณาการเขา้ กับเศรษฐกจิ โลก 4.1 แนวทางการสรา้ งความเปน็ หนงึ่ เดียวกนั ตอ่ ปฏิสมั พนั ธด์ ้านเศรษฐกิจกับภายนอก ทบทวนพันธกรณีของ FTA/ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด (Closer Economic Partnership : CEP) เทียบกับพันธกรณีของการรวมกลุ่มภายในอาเซียน และดําเนินการให้มีระบบ
60 ท่ีจะสนับสนุนการประสานงานมากข้ึนในการเจรจาการค้ากับประเทศคู่เจรจาภายนอกอาเซียน และ ในเวทีการเจรจาการค้าในระดับภูมิภาคและระดับพหุภาคีโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือบรรลุกรอบท่าที การเจรจาร่วมกนั 4.2 ส่งเสรมิ การมีสว่ นร่วมในเครอื ขา่ ยอปุ ทานของโลก รับหลักปฏิบัติสากลท่ีดีและมาตรฐานในการผลิตและจําหน่ายมาใช้ในภูมิภาคอย่างต่อเน่ือง และพัฒนาความช่วยเหลือทางวิชาการเพื่อยกระดับขีดความสามารถและผลิตภาพด้านอุตสาหกรรม และส่งเสริมการเข้ามามีส่วนร่วมในการรวมกลุ่มระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับประเทศสมาชิกที่มี ระดับการพัฒนาต่ํากว่าของอาเซียน (สํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สํานักนโยบายและแผน, 2555 : 24-30) 3. การเตรยี มความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น ประเทศไทยได้มีการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งด้านนโยบายรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กลไกระดับประเทศ และการเตรียมพร้อมของหน่วยราชการไทย เพอื่ สนับสนุนการจดั ตง้ั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น 3.1 นโยบายรฐั บาล จากคําแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เม่ือวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2554 รัฐบาลได้กําหนดนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินโดยมี จุดมุ่งหมาย “เพ่ือนําประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 อย่างสมบูรณ์ โดยสร้างความพร้อมและความเข้มแข็ง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และการเมือง และความมั่นคง” (คณะรัฐมนตรี 2554 : 5) สําหรับนโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่าง ประเทศท่ีปรากฏในคําแถลงนโยบายของรัฐบาล มีส่วนเก่ียวข้องกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดงั ต่อไปนี้ หัวขอ้ รายละเอยี ด (ตามคําแถลงนโยบายของรฐั บาล) เรง่ สง่ เสริมและพฒั นาความสมั พันธ์ โดยส่งเสริมความรว่ มมือทง้ั ภาครัฐ เอกชน ประชาชน และส่ือมวลชน กับประเทศเพอ่ื นบ้าน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและความใกล้ชิดระหว่างกัน การส่งเสริมการท่องเท่ียว การขยายการคมนาคมขนส่ง และความ
61 หัวขอ้ รายละเอยี ด (ตามคําแถลงนโยบายของรัฐบาล) สรา้ งความสามคั คแี ละส่งเสริมความ ร่วมมือด้านอ่ืนๆ ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาค เพื่อส่งเสริม ร่วมมอื ระหว่างประเทศอาเซยี น ความเป็นเพ่ือนบา้ นทดี่ ตี อ่ กัน เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายการจดั ต้ังประชาคมอาเซียนและส่งเสริมความ ใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงข่ายคมนาคม รว่ มมอื กับประเทศอนื่ ๆในเอเชียภายใตก้ รอบความร่วมมือด้านต่างๆ ขนสง่ ในภมู ภิ าคอาเซียนและ และเตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใน อนภุ มู ิภาค ปี พ.ศ. 2558 ท้ังในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และความ มัน่ คง เพื่อใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การขยายฐานเศรษฐกิจท้ังการผลิต และการ ลงทุน โดยให้ความสําคัญในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่อยู่ ตามแนวระเบียงเศรษฐกจิ และเมืองชายแดน ท่ีมา : สํานักนโยบายและแผน สํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย “รายงานการศึกษาโอกาสและผลกระทบของ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นตอ่ กระทรวงมหาดไทย 2555” นอกจากนโยบายรัฐบาลท่ีแถลงต่อรัฐสภาแล้ว ภาครัฐยังได้ให้ความสําคัญกับการดําเนินงาน ของอาเซียนโดยใช้ ASEAN First Policy หรือ นโยบายอาเซียนต้องมาก่อน ในฐานะท่ีอาเซียนเป็น กลุ่มภูมิภาคท่ีมีความใกล้ชิดท้ังในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม ASEAN First Policy ช่วยส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการสร้างพันธมิตรในระดับภูมิภาค สร้างโอกาสและลู่ทางในด้าน การค้าและการลงทุน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการในประเทศให้สามารถ ปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการรวมตัวอย่างแน่นแฟ้นของอาเซียนจะช่วยเพ่ิมศักยภาพ การแข่งขันของอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย ในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยงั ช่วยสร้างอาํ นาจในการตอ่ รองในกรอบการเจรจาระดบั ภูมิภาคและพหุภาคี และพื้นฐานท่ีแข็งแกร่ง นจ้ี ะทาํ ให้การเชือ่ มโยงกับประเทศอ่นื ๆ ของไทยเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้นึ ด้วย (สถาบันดํารง ราชานุภาพ, 2554 : 26) ปัจจุบัน รัฐบาลมีโครงสร้างเครือข่ายและขยายความร่วมมือทางธุรกิจในอาเซียน หรือ ASEAN Hub โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ซ่ึงกําหนดยุทธศาสตร์ที่มีต่ออาเซียน ไว้ 4 ด้าน คือ
62 - การเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วน คือ ต้องทําให้อาเซียนเป็นท้ังพันธมิตรและหุ้นส่วนเพ่ือให้ ประเทศไทยเป็น Gateway ของอาเซียน ท้ังการค้าและการลงทุน โดยการใช้เวทีทวิภาคีที่มีอยู่และ ความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคต่างๆ เช่น ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา- แม่โขง ระหว่างกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม (Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) โครงการพัฒนาความร่วมมือทาง เศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ําโขง (Greater Mekong Sub-region : GMS) และโครงการความ ร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) เป็นตัวช่วยผลักดัน และต้องเปล่ียนแนวคิดการมองอาเซียนจากคู่แข่งมาเป็น หุ้นส่วนโดยการสร้างความไว้เน้ือเชื่อใจให้เกิดข้ึนทั้งแก่คนไทยและผู้ประกอบการไทยโดยการให้ ความชว่ ยเหลอื แกป่ ระเทศเพ่อื นบา้ น การเขา้ ไปลงทุนผลติ สินคา้ เกษตรท่ีขาดแคลน และการเชิญชวน ประเทศที่สามเขา้ รว่ มในการพัฒนา เปน็ ต้น - การเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สําคัญ เนื่องจากประเทศในอาเซียนมีความหลากหลายและ ความพร้อมทางเศรษฐกิจท่ีแตกต่างกัน ท้ังกลุ่มท่ีมีความชํานาญในด้านเทคโนโลยี กลุ่มท่ีเป็นฐานการ ผลิตและกลุ่มท่ีมีทรัพยากรและแรงงานสําหรับการผลิต ดังน้ัน ไทยจึงจําเป็นต้องพิจารณาเลือกใช้ ประโยชน์จากจดุ แขง็ ที่มีอย่ขู องแตล่ ะประเทศใหเ้ หมาะสม - การเป็นฐานการผลิตให้อุตสาหกรรมไทย ประเทศไทยควรพิจารณาเร่ืองการย้ายฐาน การผลิตของบางอุตสาหกรรมออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่ีใช้แรงงาน และแรงงานกึ่งฝีมือ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร สิ่งทอ เฟอร์นเิ จอรผ์ ลติ ภัณฑไ์ ม้ หรอื รว่ มลงทนุ กับประเทศเพ่ือนบ้าน เป็นตน้ - การเป็นตลาดที่มีประชากรกว่า 580 ล้านคน โดยไทยจะต้องรักษาตลาดเดิมและขยาย ตลาดให้กว้างมากขน้ึ (กรมเจรจาการค้าระหวา่ งประเทศ, 2554 ก : 48-49) 3.2 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 11 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555 - พ.ศ.2559) เป็นแผน ยุทธศาสตร์ที่ชี้นําทิศทางการพัฒนาประเทศระยะกลางเพ่ือมุ่งสู่วิสัยทัศน์ระยะยาวที่ทุกภาคส่วน ในสังคมไทยได้เหน็ พอ้ งร่วมกันกาํ หนดเป็นวิสยั ทัศนป์ ี พ.ศ.2570 ซงึ่ กาํ หนดไว้ว่า
63 “คนไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีมิตรไมตรีบนวิถีชีวิตแห่งความพอเพียง ยึดมั่นในวัฒนธรรม ประชาธิปไตยและหลักธรรมาภิบาล การบริการสาธารณะข้ันพ้ืนฐานที่ทั่วถึง มีคุณภาพ สังคมมี ความปลอดภัยและมั่นคงอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี เกื้อกูลและเอ้ืออาทรซึ่งกันและกัน ระบบการผลิต เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม มีความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน อยู่บนฐานทางเศรษฐกิจท่ีพ่ึงตนเองและ แขง่ ขันได้ในเวทีโลก สามารถอย่ใู นประชาคมภูมิภาคและโลกไดอ้ ยา่ งมีศกั ดศ์ิ ร”ี แม้ว่าแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 11 ไม่ได้กําหนดยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมของประเทศ ไทยเข้าสู่เป็นประชาคมอาเซียนไว้เป็นการเฉพาะ แต่ก็ได้ให้ความสําคัญกับการเตรียมความพร้อม ของประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไว้ครอบคลุมท้ังมิติด้านการเมืองและความม่ันคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม ในส่วนของมิติเศรษฐกิจ แผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 11 ได้กล่าวถึงแนวทาง การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจไว้ในแต่ละยุทธศาสตร์ โดยขอนําเสนอส่วนท่ีสําคัญ ดังน้ี ยทุ ธศาสตร์การพฒั นา การเตรยี มความพร้อมในการเปน็ ในแผนพฒั นาฯ ฉบับท่ี 11 ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน 1. ยุทธศาสตร์การสร้างความ - เช่อื มโยงแผนแม่บทชมุ ชนกับแผนระดับตา่ งๆ ในพน้ื ทีแ่ ละระดับชาติ เป็นธรรมในสังคม รวมท้ังให้ชุมชนท้องถ่ินสามารถเช่ือมโยงทิศทางการพัฒนาให้ สอดคล้องกับบริบทการเปล่ียนแปลงในโลก อาเซียนและอนุภูมิภาค สร้างความใกล้ชิดทางสังคมวัฒนธรรมและปฏิสัมพันธ์กับประเทศใน อนภุ มู ภิ าค - พัฒนามาตรฐานระบบการคุ้มครองผู้บริโภคเพ่ือการคุ้มครอง ภายในประเทศและรองรับการเคล่ือนย้ายสินค้าบริการและข้อมูล ข่าวสารอย่างเสรีในประชาคมอาเซียน โดยการเพ่ิมประสิทธิภาพการ บังคับใช้กฎระเบียบด้านมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของ สินค้าและบริการ การปรับปรุงกฎหมายระเบียบและข้อบังคับที่ เกี่ยวข้องโดยท่ีครอบคลุมถึงคุณภาพการให้บริการของหน่วยงาน ภาครัฐ การเพ่ิมช่องทางการเข้าถึงข้อมูลและองค์ความรู้เก่ียวกับสิทธิ และการคุ้มครองสิทธิ รวมถึงช่องทางการรับข้อร้องเรียน พร้อมท้ัง ปรับปรุงกลไกเฝ้าระวังคุณภาพมาตรฐานการตรวจสอบและติดตาม ความคืบหน้าของการดําเนินการจากการร้องเรียน การเพ่ิมสมรรถนะ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
64 ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา การเตรียมความพร้อมในการเป็น ในแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 11 ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค สร้างความตระหนักของผู้บริโภคในการ รกั ษาสทิ ธิและดูแลผลกระทบจากการใช้สินค้าและบริการควบคู่ไปกับ การกระตุ้นจติ สาํ นกึ ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคมของภาคธุรกจิ เอกชน 2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่ - ส่งเสริมการใช้และการอนุรักษ์ภาษาท้องถ่ิน การใช้ภาษาไทยอย่าง สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ถูกต้อง ควบคู่กับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศหลัก อยา่ งยัง่ ยืน รวมท้ังการเรียนรู้ภาษาสากลอื่นที่เหมาะสม และภาษาประเทศเพ่ือน บ้านตลอดจนการเรียนรวู้ ฒั นธรรมและสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตของ คนในกลมุ่ ประเทศอาเซียนเพื่อรองรบั การเปน็ ประชาคมอาเซียน - จดั ทาํ กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ แิ ห่งชาติ เพ่อื เป็นแนวทางในการพัฒนา ระบบคุณวุฒิวิชาชีพสนับสนุนการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิด เสรีด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเร่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้มีการนําคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ อ ย่ า ง เ ป็ น รู ป ธ ร ร ม เ พื่ อ ใ ห้ แ ร ง ง า น มี ส ม ร ร ถ น ะ แ ล ะ มี เ ส้ น ท า ง ความก้าวหน้าในวิชาชีพท่ีชัดเจน และนําไปประเมินค่าตอบแทนท่ี สอดคลอ้ งกบั ความรู้ ทักษะอาชพี และประสบการณ์ตามกลไกตลาด - เตรียมความพร้อมคนไทยในการรับประโยชน์และลดผลกระทบที่จะ เขา้ มาพร้อมกับการเข้าออกของแรงงานอย่างเสรี สร้างโอกาสและเพิ่ม ขีดความสามารถของคนไทยในการออกไปทํางานต่างประเทศ ยกระดับทักษะด้านอาชีพและทักษะด้านภาษาควบคู่กับการสร้าง ภูมิคุ้มกนั ทางสังคมจากผลกระทบของการเคลือ่ นย้ายแรงงานเสรี - เร่งบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบเพ่ือนําไปสู่การ กําหนดมาตรฐานการจ้างงาน การคุ้มครองแรงงาน และการพัฒนา ทักษะฝมี อื ที่เหมาะสม สอดคลอ้ งกับความต้องการของตลาดแรงงาน 3. ยุทธศาสตร์ความเข้มแข็งภาค - สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก เกษตร ความม่ันคงของอาหาร การนําเข้าสินค้าเกษตรและอาหารที่มีต้นทุนต่ําอันเป็นผลจาก และพลังงาน ข้อตกลงการเปิดการค้าเสรี โดยสนับสนุนการปรับตัวและเพ่ิมขีด ความสามารถให้เกษตรกรไทย สามารถผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร ให้ไดต้ ามมาตรฐาน พร้อมทั้งให้ความสําคัญกับการตรวจสอบคุณภาพ
65 ยุทธศาสตร์การพฒั นา การเตรียมความพร้อมในการเป็น ในแผนพฒั นาฯ ฉบับที่ 11 ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน และความปลอดภัยอาหารของสินค้าเกษตรและอาหารนําเข้าเพื่อ ป้องกันสินค้าที่มีคุณภาพไม่ได้ตามมาตรฐานที่กําหนดไว้ และส่งเสริม ให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและ อาหารจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยการปรับปรุง กระบวนการนําเข้าวตั ถุดบิ มาแปรรปู ให้สะดวกและรวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ - สง่ เสริมความร่วมมอื ระหว่างประเทศท้งั ในระดับพหุภาคีและทวิภาคี โดยเฉพาะประชาคมอาเซียน ในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ความร่วมมือในการผลิต การจัดตั้งระบบสํารองข้าวฉุกเฉิน ปรับปรุง กฎระเบยี บ และเสริมสรา้ งความเข้มแข็งให้กับกลไกท่ีมีอยู่ เพ่ือให้เกิด ความมน่ั คงด้านอาหารและพลังงาน 4 . ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ก า ร ป รั บ - พัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟโดยปรับปรุงทางรถไฟและจุดตัด โครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโต ระหว่างโครงข่ายรถไฟและโครงข่ายถนน เพื่อเพ่ิมความปลอดภัยใน อย่างมคี ุณภาพและยั่งยืน การให้บริการกอ่ สรา้ งทางค่ใู นเส้นทางรถไฟสายหลักและจัดหารถจักร และล้อเลื่อนรวมท้ังปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณให้มีความทันสมัย เพื่อเพ่ิมขีดความสามารถในการให้บริการ ขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงสู่ เมืองต่างๆ ในภูมิภาคและกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนให้ ความสําคัญกบั การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของการรถไฟแห่ง ประเทศไทย เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพการให้บริการและดําเนินงานใน อนาคต 5.ยุทธศาสตร์การสร้างความ - พฒั นาเขตเศรษฐกิจชายแดนและเมืองชายแดนให้มีบทบาทการเป็น เช่ือมโยงกับประเทศในภูมิภาค ประตูเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพื้นที่เศรษฐกิจ เพ่ือความม่ันคงทางเศรษฐกิจ ชายแดนที่พัฒนาต่อเน่ืองและพ้ืนท่ีใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบ และสงั คม คมนาคมขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ มาตรฐานการให้บริการและอํานวย ความสะดวกบริเวณจุดผ่านแดน ขีดความสามารถของบุคลากรและ ผู้ประกอบการท้องถ่ิน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการค้า การลงทุน การท่องเทีย่ ว และความสามารถในการสกัดกั้นแรงงาน ยาเสพติดและ สิ่งผิดกฎหมายข้ามแดน โดยคํานึงถึงศักยภาพด้านกายภาพ เศรษฐกิจ
66 ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นา การเตรยี มความพรอ้ มในการเป็น ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น สังคมและวฒั นธรรมของพ้ืนที่ และความสอดคล้องกับแผนการพัฒนา โครงสร้างพ้ืนฐานเชื่อมโยงระหว่างประเทศตามแผนแม่บทการ เชอ่ื มโยงภูมภิ าคอาเซียนและยุทธศาสตรใ์ นภาพรวมอ่ืนๆ - ผลักดันให้ไทยมีบทบาทนําท่ีสร้างสรรค์ในเวทีระหว่างประเทศใน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซ่ึงจะต้องมีการเตรียมการโดยพัฒนา บุคลากรในทุกภาคส่วนเศรษฐกิจ ภาคการผลิต อุตสาหกรรมแปรรูป รวมท้ังผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ยกระดับการ ให้บริการด้านสุขภาพและบริการสาธารณสุขท้ังบุคลากรและ มาตรฐานการให้บริการเพ่ือก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการให้บริการ สุขภาพของภูมิภาค เสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันการศึกษา ทั้งของรัฐและเอกชนให้มีมาตรฐานเป็นท่ียอมรับในระดับสากล และ กาํ หนดมาตรฐานขัน้ พืน้ ฐานของคุณภาพสินคา้ และบรกิ าร - สร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคด้านการพัฒนา ทรัพยากรมนษุ ย์ การเคล่ือนย้ายแรงงาน และการส่งเสริมแรงงานไทย ในต่างประเทศ ในลักษณะเก้ือกูลกันผ่านกิจกรรมเช่ือมโยงห่วงโซ่การ ผ ลิ ต แ ล ะ ก า ร เ ค ลื่ อ น ย้ า ย แ ร ง ง า น ร ะ ห ว่ า ง กั น อ ย่ า ง เ ส รี แ ล ะ มี ประสิทธภิ าพ - สนับสนุนการเปิดการค้าเสรีและกําหนดแนวทางป้องกันผลเสียที่จะ เกดิ ข้นึ โดยเรง่ ปฏิรูปกฎหมายเศรษฐกิจ และกฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้อ ประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจการค้า การลงทุนอย่างเป็นธรรม และ ผลกั ดนั ใหม้ ีการประกาศใชก้ ฎหมายใหม่ๆ เพือ่ รองรับการเปดิ เสรี เชน่ กฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมท้ังจัดทํากรอบแนวทาง มาตรการตามกฎหมาย เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมาย ของผู้ปฏิบัติให้มีความเป็นเอกภาพและเสมอภาค ตลอดจนพัฒนา บุคลากรและผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะ กฎหมายใหมๆ่ ท่ีรองรบั การเปิดเสรีทางการคา้ - เสริมสร้างความร่วมมือท่ีดีระหว่างประเทศในการสนับสนุนการ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีจริยธรรมไม่ส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม
67 ยุทธศาสตร์การพัฒนา การเตรียมความพร้อมในการเปน็ ในแผนพัฒนาฯ ฉบบั ที่ 11 ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น 6 . ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ก า ร จั ด ก า ร - จัดต้ังและพัฒนากองทุนคาร์บอน เพื่อเป็นแหล่งรับซื้อคาร์บอน ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ เครดิตและคาร์บอน ออฟเซ็ทในประเทศ ตลอดจนการศึกษาความ สิ่งแวดลอ้ มอย่างยงั่ ยนื เป็นไปได้ในการจัดตั้ง ASEAN Carbon Market ของกลุ่มประชาคม เศรษฐกิจอาเซยี น - เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทาง การค้าและข้อตกลงระหว่างประเทศเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ โดยเฉพาะมาตรการภาษีท่ีเก็บกักสินค้าข้างพรมแดน (Border Tax Adjustments : BTAs) ตามบทบัญญัติของข้อตกลง ทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (General Agreement on Tariffs and Trade : GATT) ซ่ึงอาจนํามาใช้ในการเก็บภาษีคาร์บอน ณ จุดผ่านแดน การบังคับซ้ือใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเก็บภาษีคาร์บอนกบั สนิ คา้ นาํ เข้า และการใช้มาตรการท่ีไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรการฉลากคาร์บอน ฉลากแสดงข้อมูลการใช้น้ํา (water footprint) เปน็ ต้น ทีม่ า : ทศพนธ์ นรทศั น์ “แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) กับการเตรียมความ พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” และสํานักนโยบายและแผน สํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย “รายงานการศึกษา โอกาสและผลกระทบของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อกระทรวงมหาดไทย” 3.3 กลไกระดบั ประเทศ รัฐบาลได้จัดต้ังสํานักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ (ASEAN National Secretariat) ตามกฎบัตรอาเซียน ข้อท่ี 13 เพ่ือทําหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักระดับประเทศในการประสานกิจการ อาเซียนและติดตามผลการดําเนินงาน ให้ทุกภาคส่วนของสังคมสามารถดําเนินงานในกรอบ ความร่วมมืออาเซียนในทุกมิติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สํานักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ เป็นหน่วยงานระดับกรมในกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิก สําหรับประเทศไทย หน่วยงานทรี่ บั ผิดชอบคอื กรมอาเซียน กระทรวงการตา่ งประเทศ (กรมอาเซียน, 2554 : 5) นอกจากนี้ กฎบัตรอาเซียนยังระบุให้รัฐมนตรีต่างประเทศเข้าร่วมเป็นองค์ประกอบของ คณะมนตรีประสานงานอาเซียนซึ่งมีหน้าที่สําคัญประการหน่ึง คือ การประสานประเด็นที่คาบเก่ียวกัน
68 (cross-cutting issues) กระทรวงการต่างประเทศจึงได้เสนอให้มี คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของกฎบัตรอาเซียนท่ีต้องการเพ่ิมประสิทธิภาพและความร่วมมือ ระหว่างกันในด้านนโยบาย รวมท้ังเพ่ือให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะ สํานักเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในการประสานนโยบาย ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในประเทศ การประสานงานระดับชาติเกี่ยวกับข้อตัดสินใจของอาเซียน และการดําเนินงานตามแผนงานสําหรับการจัดต้ังประชาคมอาเซียน ในฐานะคณะมนตรีประสานงาน อาเซียนให้เข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนงานของหน่วยงานต่างๆ ที่ เก่ียวข้องของไทย (สํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สาํ นกั นโยบายและแผน, 2555 : 46) คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติแต่งต้ังโดยมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี 24 สิงหาคม พ.ศ.2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานคณะกรรมการฯ ทําหน้าที่เป็นกลไกตัดสินใจและประสานงานระดับนโยบาย เพื่อบูรณา การการดําเนินการของหน่วยงานต่างๆ ของไทยในการเตรียมความพร้อมเพ่ือก้าวสู่การเป็นประชาคม อาเซียนในปี พ.ศ.2558 และผลกั ดนั ใหไ้ ทยสามารถบรรลเุ ปา้ ประสงค์ทีผ่ นู้ ําอาเซยี นไดต้ กลงร่วมกนั นอกจากน้ี ได้มีการจัดต้ังคณะอนุกรรมการด้านความเช่ือมโยงระหว่างกันในอาเซียน เพ่ือประสานงานและติดตามให้มีการดําเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกัน ในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity) ที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของไทยและ คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ประชาคมอาเซียน เพ่ือบูรณาการงานเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจและการสร้างความตระหนักรู้เรื่องอาเซียนแก่ทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อให้ประชาชนไทย มีส่วนร่วมกับการสร้างประชาคมอาเซียนและสามารถใช้โอกาสจากประชาคมอาเซียนได้อย่างเต็มที่ (กรมอาเซียน, ม.ป.ป. ก) ในระดับกระทรวง ทุกหน่วยงานยังมี ASEAN Unit เป็นกลไกการ ประสานงาน (focal point) เพ่ือสร้างความเป็นเอกภาพในการกําหนด ประสานงานและนํานโยบาย ไปปฏบิ ัติ รวมท้ังกาํ หนดระบบการติดตามประเมินผลในระดับประเทศต่อไป (สํานักงานปลดั กระทรวง มหาดไทย สํานักนโยบายและแผน, 2555 : 47) นอกจากน้ี ได้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการ สําหรับดําเนินการตามแผนงาน การจัดตั้งประชาคมอาเซียนในแต่ละเสาหลัก โดยหน่วยงานที่เป็นผู้ประสานงานหลักของแต่ละเสา ทําหน้าท่ีเป็นประธาน ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ–เสาการเมืองและความมั่นคง กระทรวง พาณิชย์–เสาเศรษฐกิจ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์–เสาสังคมและ วัฒนธรรม (กรมอาเซียน กลมุ่ งานนโยบาย, 2554 : 22)
69 ในสว่ นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น มีคณะอนกุ รรมการดาํ เนนิ การเพ่ือจัดตง้ั ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนรับผิดชอบในส่วนนี้ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ทําหน้าที่เป็นประธาน อนุกรรมการ และมีกระทรวงพาณิชย์ทําหน้าที่เป็นหน่วยงานประสานงาน คณะอนุกรรมการฯ มีอํานาจหน้าที่ในการพิจารราภาพรวมของความยืดหยุ่นท่ีไทยต้องการในการปฏิบัติตาม AEC Blueprint ซึ่งจะมีการตกลงล่วงหน้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (pre-agreed flexibilities) พิจารณาผลกระทบด้านกฎหมายและด้านเศรษฐกิจของการปฏิบัติตาม AEC Blueprint และ เตรียมการรองรับผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้น รวมท้ังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม ในการรับรู้และการให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์สําหรับการจัดทําแผนการดําเนินงานของไทยเพื่อ บรรลุการจัดต้ังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (กรมอาเซยี น, ม.ป.ป. ก) คณะกรรมการ อาเซียนแห่งชาติ คณะกรรมการดาํ เนนิ การเพื่อ คณะอนกุ รรมการดําเนินการ คณะอนุกรรมการดําเนินการ จัดตั้งประชาคมการเมอื งและ เพือ่ จดั ตง้ั ประชาคมเศรษฐกิจ เพื่อจัดตั้งประชาคมสังคมและ อาเซียน (กระทรวงพาณชิ ย)์ วัฒนธรรมอาเซียน (กระทรวง ความมนั่ คงอาเซยี น การพัฒนาสงั คมฯ) (กระทรวงการตา่ งประเทศ) คณะอนกุ รรมการด้านความเชอ่ื มโยงระหว่างกนั ในอาเซียน (กระทรวงการตา่ งประเทศ) คณะอนุกรรมการดา้ นการประชาสัมพันธ์ ประชาคมอาเซยี น ทม่ี า : กรมอาเซียน กระทรวงการตา่ งประเทศ
70 คณะอนุกรรมการดําเนินการเพ่ือจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประกอบไปด้วยผู้แทน จากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ธนาคารแห่งประเทศไทย สาํ นกั งานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค เพ่ือขับเคลื่อนการดําเนินงานตามแผนงานและเตรียมการรองรับผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นใน การดําเนินงานไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยแบ่งการดําเนินงานออกเป็นคณะทํางาน ในดา้ นตา่ งๆ ดังนี้ 1) คณะทาํ งานดา้ นการสินคา้ 2) คณะทาํ งานดา้ นการคา้ บริการ 3) คณะทาํ งานด้านการลงทนุ 4) คณะทาํ งานดา้ นการพฒั นาตลาดทนุ และการเคลือ่ นย้ายเงินทนุ 5) คณะทาํ งานดา้ นการเคลอื่ นย้ายบุคลากร 6) คณะทํางานด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน (การขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงาน และ พาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนิกส)์ 7) คณะทาํ งานเพอ่ื เสรมิ สร้างขดี ความสามารถ 8) คณะทํางานเพ่ือลดช่องว่างการพัฒนา (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ, 2554 ก : 106-109) กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ การขับเคล่ือนสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของไทย ยังได้มีการจัดต้ังศูนย์บริการข้อมูลประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (AEC Information Center) ขึ้น เพื่อทําหน้าท่ีประชาสัมพันธ์ ถ่ายทอดข้อมูล ข่าวสาร และสร้างการเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ด้วยการ สนับสนุนข้อมูล และให้คําปรึกษาเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนท่ีจะเกิดขึ้นจากข้อตกลงต่างๆ ให้สามารถกําหนดมาตรการท้ังเชิงรุกและเชิงรับในการดําเนินธุรกิจ/กิจการต่อไป (สํานักงาน ปลดั กระทรวงมหาดไทย สาํ นักนโยบายและแผน, 2555 : 49) นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้จัดทํา 5 ยุทธศาสตร์ของความเช่ือมโยงภายใต้แผนแม่บท ว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน เพ่ือพัฒนาระบบคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อ รองรับปริมาณการขนส่งที่จะเพ่ิมขึ้นและการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต ซ่ึงนับว่าเป็น
71 ยุทธศาสตร์หน่ึงที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ซ่ึงเป็นเป้าหมายของ การจดั ตง้ั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น ยทุ ธศาสตร์ มาตรการ 1. ก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงอาเซยี น ปรับปรุงถนน ติดป้ายจราจรร่วมกัน ศึกษาความ 2. โครงการสรา้ งทางรถไฟสงิ คโปร-์ คนุ หมงิ เปน็ ไปไดข้ องการเชอื่ มประเทศที่เป็นเกาะ ขยายทาง หลวงอาเซยี นไปยังจีนและอนิ เดยี 3. สรา้ งเครือขา่ ยการขนสง่ ทางนา้ํ เร่งก่อสร้างช่วงอรัญประเทศ-คลองลึก ศึกษาความ 4. สรา้ งระบบขนส่งทางทะเลท่ีเช่อื มโยง เป็นไปได้ในการขยายเส้นทางจากสิงคโปร์ไปยัง 5. สร้างระบบการขนสง่ ตอ่ เนื่องหลายรูปแบบ สุรานายา ในอนิ โดนีเซยี กําหนดแผนพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางนํ้าบน ภาคพ้ืนทวปี ในภมู ิภาคอาเซียนภายในปี พ.ศ.2555 พัฒนาศักยภาพของท่าเรือ 47 แห่ง ภายในปี พ.ศ.2558 ศึกษาแนวเส้นทางเพ่ือให้อาเซียนเป็นสะพาน เศรษฐกิจในการขนส่งของโลก ส่งเสริมแนวเส้นทาง เช่ือมเศรษฐกิจแม่น้ําโขง การพัฒนาท่าเรือนํ้าลึก ทวาย ทีม่ า : กรุงเทพธุรกจิ ออนไลน์ “ดัน ASEAN Connectivity ชู 5 ยทุ ธศาสตร์เชอ่ื มเออีซี” วันท่ี 6 ธนั วาคม พ.ศ.2554 สําหรับประเทศสมาชิกอื่นๆ ของอาเซียนก็ได้เตรียมความพร้อม ปรับปรุงและพัฒนา โครงสร้างพ้ืนฐานตามแผนแม่บทว่าด้วยความเช่ือมโยงระหว่างกันในอาเซียนเช่นกัน ทั้งโครงข่าย ทางหลวงอาเซียน โครงการสร้างทางรถไฟสิงคโปร์-คุนหมิง เครือข่ายการขนส่งทางนํ้า ทะเล และ ระบบการขนส่งต่อเน่ือง เพี่อรองรับการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตและการลงทุน จากทัง้ ภายในและภายนอกภูมิภาคของประเทศสมาชิกอาเซียน อันจะเป็นการเพ่ิมพูนการรวมตัวและ ความร่วมมือของอาเซียน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกของอาเซียนจากเครือข่าย การผลิตในภูมิภาคท่ีเข้มแข็ง เชื่อมต่อศูนย์กลางเศรษฐกิจ และลดช่องว่างการพัฒนา ส่งเสริม การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของท้องถ่ิน และสามารถจัดการกับผลกระทบทางลบท่ีเกิดจาก ความเช่อื มโยง (สาํ นกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย สาํ นักนโยบายและแผน, 2555 : 33)
72 3.4 การเตรียมความพร้อมของหนว่ ยราชการไทย หน่วยงานที่มีความเก่ียวข้องโดยตรง หรือทําหน้าท่ีเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการดําเนินการ เพ่ือให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการจัดต้ังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลงั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสํานักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นต้น (กรมอาเซียน, ม.ป.ป. ข) หน่วยงานเหล่าน้ีได้มีการกําหนดนโยบาย แผนงาน ยุทธศาสตร์ และทําหน้าท่ียกระดับกระบวนการ ทํางานในเชิงเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแนวทางของอาเซียน รวมท้ังทําหน้าท่ี เป็นกลไกผลักดนั ให้ทกุ ภาคส่วนทีเ่ กีย่ วข้องคอื ภาครฐั ภาคธุรกจิ และภาคประชาชนดําเนินการได้ตาม AEC Blueprint ทง้ั น้ี กรมเจรจาการคา้ ระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะสํานักประสานงาน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแห่งชาติ (National AEC Coordinating Agency) ทําหน้าที่เป็น หนว่ ยกลางของไทยในการขบั เคลอ่ื นบรู ณาการงานที่เก่ียวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนท้งั ระบบ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศยังมีพันธกิจสําคัญในการเป็นผู้แทนภาครัฐบาลไทย ในการเจรจาและดําเนินการต่างๆ ในด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ การเจรจาเพื่อเปิดเสรี ทางการค้าท้ังในกรอบต่างๆ กับประเทศคู่เจรจา ทั้งในระดับภูมิภาคและในเวทีเจรจาการค้าโลก ในการนี้ หน้าที่ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ปรับเปลี่ยนให้มีบทบาทที่เหมาะสม เพ่ือให้ ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและให้ก้าวทันโลกธุรกิจการค้าที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับเปลี่ยนการทํางานท้ังในด้านภาพลักษณ์ บุคลากร และเพ่ิมหน่วยงานต่างๆ ข้ึน อย่างเช่น การเปิด AEC Information Center ซ่ึงเป็นศูนย์ให้ความรู้เก่ียวกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียนควบคู่ไปกบั การให้คาํ ปรึกษาแกผ่ ปู้ ระกอบการวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อันเป็นการ แก้ไขปัญหาในเร่ืองของการสื่อสารระหว่างกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับผู้ท่ีเกี่ยวข้องที่มี ส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้ที่สนใจท้ังภาครัฐและเอกชน ที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ท่ีจะทําให้เกิด ความรู้ความเข้าใจ เพื่อนําไปสู่การใช้โอกาสและสิทธิประโยชน์ทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะ การทอี่ าเซียนจะรวมตัวกันทางเศรษฐกจิ ในปี พ.ศ.2558 (กรมเจรจาการคา้ ระหว่างประเทศ, 2554 ข : 4) นอกจากหน่วยงานหลักท่ีทําหน้าที่ขับเคล่ือนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจแล้ว ยังมีหน่วยงาน อื่นๆ ท่ีไม่ได้มีภารกิจหลักตาม AEC Blueprint อย่างไรก็ดี หน่วยงานเหล่านี้ต้องมีการปรับตัวและ เตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อรับผลกระทบท้ังเชิงบวกและเชิงลบ
73 ที่จะเกิดขึ้น และสร้างความสามารถในการแข่งขัน หรือเป็นแรงสนับสนุนที่จะทําให้การเป็นส่วนหนึ่ง ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศไทยเป็นไปอย่างราบร่ืนและเกิดประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างเช่น กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานภาครัฐท่ีมีภารกิจสําคัญในการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาค ได้เตรียมความพร้อมโดยได้ทําการศึกษาผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบที่จะเกิดข้ึนจาก ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อวางแผนปรับเปล่ียนองค์กรของกระทรวงมหาดไทยให้สอดคล้องกับ การเปล่ียนแปลงภายนอก และเพื่อให้การดําเนินภารกิจประสบความสําเร็จและเกิดประโยชน์ต่อ ประชาชน จากการวิเคราะห์แนวโน้มการพัฒนาจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนร่วมกับบทบาทภารกิจ ของกระทรวงมหาดไทยในงานการศกึ ษาเร่อื ง “โอกาสและผลกระทบของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ต่อกระทรวงมหาดไทย” สามารถสรุปได้ว่า กระทรวงมหาดไทยมีแนวโน้มได้รับโอกาสและผลกระทบ จากการรวมตัวทางเศรษฐกิจ คือ 1) ปัญหาความม่ันคงรูปแบบใหม่ (non-traditional security issues) เชน่ ปัญหายาเสพตดิ อาชญากรรมขา้ มชาติ การลกั ลอบนําเขา้ /เคล่ือนย้ายสินค้าผิดกฎหมาย เป็นต้น 2) การบริหารงานทางทะเบียน 3) การปรับตัวของการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 4) การค้าชายแดน 5) การประกอบอาชีพของประชาชน 6) การจัดต้ังเขตเศรษฐกิจพิเศษ 7) การ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 8) ความเหล่ือมล้ําทางสังคม 9) การขยายตัวของเมือง 10) ความต้องการ ด้านระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ 11) การจัดการความขัดแย้ง 12) การพัฒนาภาษาต่างประเทศ 13) การสร้างความสมั พันธร์ ะหวา่ งประเทศ และ 14) การสง่ เสริมประชาธิปไตยและสทิ ธมิ นุษยชน ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ.2558 รายงาน การศึกษาดังกล่าวเสนอว่า กระทรวงมหาดไทยควรดําเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ 3 ประเด็นหลัก ไดแ้ ก่ 1. การสร้างความพร้อมเชิงยุทธศาสตร์ระดับองค์กร ประกอบด้วยกลยุทธ์ คือ การเตรียม ความพร้อมด้านบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างและระบบบริหารจัดการ การปรับเปลี่ยนเชิงนโยบาย ระเบียบ กฎหมายและแนวปฏิบัติที่เก่ียวข้อง การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนา และ การพฒั นาภาพลกั ษณอ์ งค์กร 2. การเพิ่มขดี สมรรถนะการบริหารจัดการพื้นที่ในฐานะหน่วยงานหลักในการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาค ประกอบด้วยกลยุทธ์ คือ การเสริมสร้างสมรรถนะการบริหารราชการส่วนภูมิภาค และ การกระชับความร่วมมอื ระดบั จังหวดั /กลุ่มจังหวัดกบั ภาคส่วนอืน่ ๆ
74 3. การยกระดับการบริการ และอํานวยความเป็นธรรมต่อประชาชน ประกอบด้วยกลยุทธ์ คือ การพัฒนาการบริการประชาชน และการอํานวยความเป็นธรรมแก่ประชาชน (สํานักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย สํานักนโยบายและแผน, 2555 : บทสรุปผูบ้ ริหาร) ขณะนี้ กระทรวงมหาดไทยได้มีการดําเนินการบางส่วนแล้ว เพื่อให้การเตรียมความพร้อมสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกระทรวงมหาดไทยบรรลุผลสําเร็จ โดยได้มีการประชุมหารือระหว่าง สว่ นราชการของสาํ นักงานปลดั กระทรวงมหาดไทย เม่ือวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2554 เพื่อแบ่งเนื้อหา และขอบเขตการปฏิบัติงานอาเซียน อาทิ การจัดต้ังคณะทํางาน (task force) เพื่อจัดทําแผนงาน สําหรับกรอบความร่วมมือประชาคมอาเซียน การจัดทําชุดคู่มือความรู้พ้ืนฐานทั่วไปของอาเซียน รวมทั้งการบรรจุความรตู้ ามกรอบความร่วมมือฯ ในการฝึกอบรมของสถาบันดํารงราชานุภาพ การจัด รายการให้ความรู้ผ่านสื่อของกระทรวงมหาดไทย (VDO conference) โดยเชิญผู้เช่ียวชาญท้ังจาก ภายในและภายนอกหนว่ ยงานมาให้ความรู้ การจัดทาํ คําขอตง้ั งบประมาณ การจัดตั้งกลุ่มงานอาเซียน ขน้ึ ในกองการต่างประเทศ สาํ นักงานปลดั กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ทั้งนี้ ในเบ้ืองต้นจะมีการบูรณา การการทํางานร่วมกันของสํานัก/กองภายในสํานักงานปลัดกระทรวงก่อน แล้วจึงขยายต่อไปยัง หน่วยงานระดับกรมของกระทรวงมหาดไทย จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงาน ภายนอกกระทรวงมหาดไทยต่อไป (สาํ นกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย กองการตา่ งประเทศ, 2555) 3.5 ขอ้ เสนอแนะในการเตรียมความพร้อมของไทย การเตรียมความพร้อมตามที่กล่าวไว้ข้างต้นน้ันเป็นการเตรียมตัวที่ส่งผลดีต่อไทยเพราะ อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความใกล้ชิดกับไทยมากที่สุด ประกอบกับท่ีตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศได้ เอื้ออํานวยให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค และที่ผ่านมาอาเซียนมีความสําคัญ ทางเศรษฐกิจกับไทยท้ังด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และมีแนวโน้มท่ีจะทวีบทบาท สําคัญมากข้ึนเร่ือยๆ ดังน้ัน การเตรียมความพร้อมในเชิงนโยบายหรือยุทธศาสตร์ต้ังแต่ต้น จะทําให้ สินค้าไทยสง่ ออกไปอาเซียนไดม้ ากขึน้ จากการขจัดอุปสรรคทางการค้าท้ังด้านภาษีและด้านท่ีมิใช่ภาษี และสามารถดึงดูดการลงทนุ หรอื นกั ทอ่ งเทยี่ วจากท้งั อาเซยี นและนอกอาเซียนไดม้ ากข้นึ ในการนี้ จึงขอนําเสนอข้อแนะนําบางประการสําหรับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ซ่ึงจะเสริมสร้างให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งและสามารถใช้ประโยชน์จาก ข้อตกลงตา่ งๆ ไดอ้ ย่างเต็มทด่ี งั ต่อไปนี้ (ธิดารัตน์ โชตสิ ุชาติ, 2553 : 109 - 111) 1. ควรมีการวิเคราะห์การเปล่ียนแปลงห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไทยเพื่อใช้ ประกอบการปรับตัวของภาคการผลิต ภาครัฐควรศึกษารายละเอียดรวมถึงหามาตรการตั้งรับเพราะ
75 ภาคแรงงานในอุตสาหกรรมต้นนํ้าอาจถูกเลิกจ้างหากมีการย้ายฐานการผลิตไปหาแรงงานท่ีถูกกว่า ตลอดจนแรงงานวิชาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร บัญชี และอาจารย์ จากประเทศในอาเซียนจะเข้ามา ทาํ งานในไทยเพม่ิ ขึ้น 2. ภาครัฐควรประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลอย่างต่อเน่ือง พร้อมท้ังเร่งเสริมสร้าง ความเข้าใจและความรู้เก่ียวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนผ่าน สอ่ื ประเภทตา่ งๆ อยา่ งครบถ้วน เพื่อผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องเหล่านี้จะได้ใช้ประโยชน์จากความตกลงต่างๆ อย่างเตม็ ที่ 3. ควรให้ภาคเอกชนท่ีเก่ียวข้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ข้อคิดเห็นและกําหนด แนวทางการเจรจามากข้ึนในการเจรจา เพ่ือทําความตกลงการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากผู้ท่ีมี ส่วนเกี่ยวข้องเหล่าน้ีเป็นผู้ท่ีได้รับผลกระทบโดยตรง อีกท้ังยังมีประสบการณ์และมีความเข้าใจ ในเหตกุ ารณจ์ ริงมากกวา่ 4. ภาครัฐควรเร่งออกมาตรการหรือแผนรองรับผู้ประกอบการท่ีอาจได้รับผลกระทบทางลบ จากข้อตกลงในรูปแบบต่างๆ ท่ีเป็นรูปธรรมอย่างละเอียดและชัดเจน มิใช่แค่จะจัดตั้งกองทุนหรือ จดั ทาํ กฎหมายในภาพรวมเชิงนโยบายเทา่ น้ัน 5. ภาครัฐควรปรับปรุงและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพ้ืนฐาน โดยเฉพาะ ระบบโลจิสติกส์และพลังงานภายใตก้ รอบความรว่ มมือในอนภุ มู ภิ าคต่างๆ 6. ภาครัฐควรกําหนดแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจให้ชัดเจน และผลักดันการอํานวย ความสะดวกทางการค้าตามแนวชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน รวมถงึ ปัญหาแรงงานและแรงงานอพยพ 7. ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยตนเองก่อน อย่าหวังพึ่งเพยี งความช่วยเหลอื จากหนว่ ยงานต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง อาทิ การสร้างมูลค่าเพ่ิม และการเร่ง พัฒนาตราสินค้า การใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิต การพัฒนาในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ซ่ึงจะช่วยสร้าง จุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงให้ความสําคัญกับการพัฒนา ศกั ยภาพบคุ ลากรภายในองคก์ ร 8. ผู้ประกอบการควรสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับภาคเอกชนอื่นๆ ในภูมิภาค ดําเนินกลยุทธ์ การตลาดในเชิงรุก และทําการศึกษาลู่ทางการค้าใหม่ ๆ รวมถึงช่องทางในด้านธุรกิจอื่นๆ เพื่อรองรับ การเปล่ียนแปลง
76 9. เตรียมความพร้อมสําหรบั บคุ ลากรในสาขาต่างๆ อาทิ การพัฒนามาตรฐานด้านอาชีพและ ด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่น เน่ืองจากอาเซียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ในการประสานงาน ส่วนภาษาท้องถิ่นใช้สําหรับการติดต่อสื่อสารและอํานวยความสะดวกต่อประชาชน และนักท่องเทย่ี วของประเทศสมาชิกอาเซยี น (จไุ รรตั น์ แสงบุญนาํ , ม.ป.ป.) 10. พัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการร่วมพัฒนาบุคลากร ในทกุ ภาคสว่ นเศรษฐกิจ (จไุ รรตั น์ แสงบญุ นํา, ม.ป.ป.) 4. ความกา้ วหนา้ ในการจดั ต้ังประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน การพัฒนาไปสู่ประชาคมอาเซียนจะสร้างความเปล่ียนแปลงให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ท้ังระดับประเทศและระดับภูมิภาค ในส่วนของมิติเศรษฐกิจ แนวโน้มการพัฒนาที่คาดว่าจะเกิดจาก AEC Blueprint ได้แก่ การจัดระบบและการเพ่ิมขึ้นของการค้า การลงทุนและการบริการระหว่าง ประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและขยายตัวของเมือง การบริหารงานชายแดน การปฏิสัมพันธ์ ทางสังคมอย่างใกล้ชิด การเคลื่อนย้ายคน และการเปล่ียนแปลงด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร เป็นต้น (สํานักงานปลดั กระทรวงมหาดไทย สาํ นักนโยบายและแผน, 2555 : บทสรุปผูบ้ รหิ าร) AEC Blueprint เป็นแผนงานในเชิงบูรณาการทางด้านเศรษฐกิจและมีกรอบระยะเวลาท่ี ชัดเจนในการดําเนินมาตรการต่างๆ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในปี พ.ศ.2558 สําหรับการดําเนินงาน ประเทศสมาชิกสามารถกําหนดให้มีความยืดหยุ่นในแต่ละเร่ืองไว้ล่วงหน้าได้ แต่เมื่อตกลงกันได้แล้ว ประเทศสมาชิกจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ตกลงกันอย่างเคร่งครัดด้วย นอกจากนี้ อาเซียนยังได้จัดทําเครื่องมือติดตามวัดผลการดําเนินงานตาม AEC Blueprint ที่เรียกว่า AEC Scorecard ซึ่งเป็นเครื่องมือในการติดตามความคืบหน้าและประเมินผลการดําเนินงานในด้านต่างๆ ของประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ รวมทั้งภาพรวมการดําเนินงานในระดับภูมิภาคด้วย โดยจะเสนอ AEC Scorecard ใหผ้ นู้ าํ อาเซียนทราบในการประชุมสุดยอดอาเซียนทุกปีด้วย (สภาอุตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย, 2554)
77 การติดตามความคืบหน้าระดบั อาเซียน กฎบตั รอาเซียน (ASEAN Charter) กาํ หนดกรอบกวา้ ง ประชาคมการเมอื งและ ประชาคมเศรษฐกิจ ประชาคมสังคมและ ความมน่ั คงอาเซียน อาเซยี น วฒั นธรรมอาเซียน APSC Blueprint AEC Blueprint ASCC Blueprint AEC scorecard ASCC scorecard ทม่ี า : กล่มุ งานนโยบาย กรมอาเซียน “ไทยกบั ความคบื หนา้ ของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 (ค.ศ.2015)” ASEAN Highlights 2011 การวัดผลตาม AEC Scorecard จะดําเนินการเป็นช่วง ช่วงละ 2 ปีต้ังแต่ปี พ.ศ.2551 – พ.ศ.2558 โดยการวัดแต่ละช่วงจะเป็นอิสระต่อกัน กล่าวคือ มาตรการที่ต้องได้รับการวัดผลในแต่ละ ช่วงการวัดผลจะไม่ซํ้ากัน และคะแนนท่ีแสดงจะเป็นคะแนนของแต่ละช่วงการวัดเท่านั้น โดยคะแนน ที่แสดงจะเป็นคะแนนของอาเซียนในระดับภาพรวมของท้ังภูมิภาค และคะแนนของแต่ละประเทศ สมาชิก ในการน้ี สํานักเลขาธิการอาเซียนจะทํางานร่วมกับองค์กรรายสาขาระดับคณะทํางาน/ คณะกรรมการต่างๆ ของอาเซียน เพ่ือติดตามความคืบหน้าและปรับปรุงข้อมูลตาม AEC Scorecard และรายงานต่อท่ีประชุมระดับสูง เช่น ท่ีประชุมเจ้าหน้าท่ีอาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน ที่ประชุม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เป็นระยะๆ เพ่ือให้รับทราบและพิจารณาประเด็นสําคัญก่อนเสนอต่อ คณะมนตรปี ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นตอ่ ไป อาเซียนมีการประเมินผลด้วย AEC Scorecard แล้ว รวม 2 ครั้งได้แก่ (1) ช่วงการวัดผลปี พ.ศ.2551 - พ.ศ.2552 อาเซียนโดยรวมบรรลุเป้าหมายแล้วร้อยละ 83.8 สําหรับไทยบรรลุผลแล้ว ร้อยละ 94.55 (2) ช่วงการวัดผลปี พ.ศ.2553 – พ.ศ.2554 อาเซียนโดยรวมดําเนินการเสร็จส้ินตาม AEC Blueprint แล้วจนถึงเดือนกันยายน 2554 ร้อยละ 64.10 ในขณะที่ไทยบรรลุเป้าหมายแล้ว รอ้ ยละ 72.73 (กรมเจรจาการคา้ ระหวา่ งประเทศ, 2554 ค : 4)
78 กลไกดา้ นเศรษฐกิจ สถานะลา่ สุด เขตการค้าเสรอี าเซยี น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2553 สมาชิกอาเซียน 6 ประเทศ (ASEAN Free Trade Area : AFTA) ได้ลดภาษีเป็นร้อยละ 0 แล้ว สําหรับสินค้ากว่าร้อยละ 99 มีเป้าหมายเพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้า ภายใต้ความตกลง CEPT ส่วนประเทศ CLMV ได้ลดภาษีอยู่ที่ ทั้งด้านภาษีและท่ีมิใช่ภาษี (NTBs) เพื่อ ระดับรอ้ ยละ 0 - 5 แล้ว ส่งเสริมการค้าภายในกลุ่มประเทศอาเซียน สําหรับการยกเลิก NTBs น้ันอาเซียนเดิม 6 ประเทศ (ยกเว้น และเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขันของ ฟิลิปปินส์) ยกเลิก NTBs ชุดแรกในปี พ.ศ.2551 และสิ้นสุด อาเซียน ในฐานะที่เป็นการผลิตท่ีสําคัญใน ในปี พ.ศ.2553 (โดยฟิลิปปินส์ยกเลิก NTBs ชุดแรกในปี การป้อนสินคา้ สตู่ ลาดโลก พ.ศ.2553 และสิ้นสุดในปี พ.ศ.2555) ส่วนประเทศ CLMV จะยกเลิก NTBs ชุดแรกในปี พ.ศ.2556 และส้ินสุดในปี พ.ศ.2558 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้รับ ค ว า ม เ ห็ น ช อ บ จ า ก ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี ใ ห้ จั ด ตั้ ง ห น่ ว ย ง า น ประสานงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Coordinating Agency) เพ่ือทําหน้าท่ีติดตาม การดาํ เนินงานให้เป็นไปตาม AEC Blueprint โดยจะประสาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ และรายงาน ผลการปฏิบัติงานให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่าง ประเทศ (กนศ.) และคณะรฐั มนตรเี พื่อทราบเป็นระยะ กองทนุ เพ่อื การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ภมู ิภาคอาเซียน 2555 ท่ีประชุมได้มีมติเห็นชอบความตกลงของผู้ถือหุ้นท่ี (ASEAN Infrastructure Fund – AIF) เก่ียวข้องกับกองทุนเพ่ือการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานใน มีวัตถุประสงค์เพ่ือเร่งรัดการพัฒนา ภูมิภาคอาเซียนและเอกสารเข้าร่วมท่ีแนบท้ายความตกลงฯ โครงสร้างพ้ืนฐานภายในและระหว่าง ดังกล่าว และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พรมแดนของประเทศสมาชิกอาเซียนและ หรือผู้แทนเข้าร่วมการลงนามในเอกสารการเข้าร่วมที่แนบ ส่งเสริมการใช้เงินออมของอาเซียนในการ ท้ายความตกลงฯ ในการประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน คร้ังท่ี สนับสนุนทางการเงินสําหรับการพัฒนา 16 ในวนั ที่ 30 มนี าคม พ.ศ.2555 โครงสรา้ งพ้นื ฐานดังกลา่ ว โดยมเี ป้าหมายท่ี การประชุมผ้ถู อื หุน้ คร้งั แรก (Inaugural AIF Meeting) จัดข้นึ จะออกพันธบัตรที่ธนาคารกลางสามารถถือ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2555 ณ กรุงมะนิลา ประเทศ เพื่อเป็นทุนสํารองระหวา่ งประเทศได้ ฟิลิปปินส์ ในระหว่างช่วงการประชุมประจําปีสภาผู้ว่าการ
79 กลไกด้านเศรษฐกิจ สถานะลา่ สดุ ธนาคารพัฒนาเอเชยี ครัง้ ที่ 15 ไทยจะลงเงินในกองทุน AIF จํานวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 450 ล้านบาท) โดยจะแบ่งเป็น 3 งวด งวดละ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 150 ล้านบาท) ซึ่งจะเบิกจ่าย จากงบประมาณ และจะต้องลงเงินงวดแรกภายในไตรมาสท่ี 2 ของปี 2555 (ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2555) และ งวดท่ี 2 และ 3 ภายในไตรมาสท่ี 2 ของปี พ.ศ.2556 และ พ.ศ.2557 ตามลาํ ดับ ความริเริ่มเพ่ือการรวมตัวของอาเซียน ท่ีประชุมผู้นําอาเซียน คร้ังที่ 14 ที่ประเทศไทย เม่ือเดือน (Initiative for ASEAN Integration : กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 ได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนงานความ IAI) ริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียนฉบับที่ 2 (IAI Work Plan 2) IAI มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีด และเห็นควรให้ใช้เป็นกรอบการดําเนินงาน IAI ระหว่างปี ความสามารถของประเทศ CLMV เพ่ือลด พ.ศ.2552 – พ.ศ.2558 ต่อไป โดยในส่วนของประเทศไทย ปัญหาความยากจน ยกระดับความเป็นอยู่ รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบต่อร่างแผนงานเมื่อเดือนมกราคม ของประชากร พัฒนาระบบข้าราชการและ พ.ศ.2552 เสริมสร้างขีดความสามารถในการแขง่ ขัน ปัจจุบัน อาเซียนอยู่ในระหว่างการดําเนินการตามแผนงาน IAI ระยะท่ี 2 ซ่ึงมีสาระในการดําเนินงานต่างไปจากแผนงาน ระยะที1่ คือ แผนงานระยะที่ 2 จะขยายแผนการเสริมสร้างขีด ความสามารถของประเทศ CLMV ให้สอดคล้องกับแผนการ จดั ตง้ั ประชาคมอาเซียนทัง้ 3 เสาหลกั ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามในความตกลง ACIA เมื่อ (ASEAN Comprehensive Investment 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2552 ณ จังหวดั เพชรบุรี ประเทศไทย Agreement : ACIA) ความตกลง ACIA จะมีผลบังคับใช้เม่ือทุกประเทศย่ืนตาราง ความตกลง ACIA เป็นความตกลงท่ีเกิดจาก ข้อผูกพันการเปิดเสรีต่อสํานักเลขาธิการอาเซียนและเวียนให้ การผนวกความตกลงด้านการลงทุน ทุกประเทศทราบและคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี อาเซียน (AIA) ที่ว่าด้วยการเปิดเสรีการ พ.ศ.2555 ลงทุน ซ่ึงใช้มาต้ังแต่ปี พ.ศ.2541 และ ความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (ASEAN IGA) บงั คับใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2530
80 กลไกดา้ นเศรษฐกิจ สถานะลา่ สุด ความตกลง ACIA ประกอบด้วย 4 หลัก ใหญ่คือ เปิดเสรี ให้ความคุ้มครอง ส่งเสริม และอํานวยความสะดวกด้านการลงทุน โดยครอบคลุมการลงทุนในธุรกิจ 5 สาขา ซ่ึงประกอบด้วย เกษตร ประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงบริการที่เก่ียวเน่ืองกับ 5 สาขานี้ ทั้งทางตรง (FDI) และลงทุนในหลักทรัพย์ (portfolio) ทม่ี า : กรมเจรจาการคา้ ระหวา่ งประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมอาเซียน กระทรวงการตา่ งประเทศ 5. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น : ผลกระทบต่อประเทศไทย อาเซียนจัดเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศที่เก่าแก่กลุ่มหนึ่งในเอเชีย มีอายุกว่า 40 ปี โดยมผี ลงานความสาํ เร็จเป็นทย่ี อมรบั ในยคุ สงครามอินโดจนี ด้วยการรวมพลังกันคล่ีคลายปัญหาความ ขัดแย้งภายในภูมิภาค และไม่เคยปรากฏการใช้อาวุธต่อสู้กันอย่างรุนแรงจนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนบทบาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียนเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นในปี พ.ศ.2535 ด้วยการประกาศจัดตั้ง AFTA โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันที่จะขจัดอุปสรรคทางการค้าภายในกลุ่มให้หมดสิ้นท้ังด้านภาษีและ ไม่ใชภ่ าษภี ายในปี พ.ศ. 2553 – พ.ศ.2558 ซง่ึ ปจั จุบันอาเซยี นได้บรรลเุ ปา้ หมาย AFTA ในระดับหนึ่ง แล้ว โดยสินค้าเกือบท้ังหมด (ร้อยละ 99.6) ของประเทศสมาชิกเดิม 6 ประเทศ มีอัตราภาษีศุลกากร ลดลงเป็นลําดับ ปัจจุบันอยู่ในระดับเฉล่ียประมาณร้อยละ 2.39 ส่งผลให้การค้าขายภายในกลุ่ม เฟ่ืองฟู โดยเฉพาะอย่างย่ิงสําหรับประเทศไทย อาเซียนก้าวเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยนับตั้งแต่ ปี พ.ศ.2545 เปน็ ต้นมา ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียนเป็นเป้าหมายลา่ สุดทางเศรษฐกจิ ที่ทําให้อาเซียนมีตลาดและฐาน การผลิตร่วมกัน โดยจะเปิดเสรีทั้งการเคล่ือนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานที่มีทักษะ รวมท้ังมีการเคล่ือนย้ายเงินทุนที่เสรีขึ้น นับว่าเป็นรูปแบบของการรวมกลุ่มเศรษฐกิจทางภูมิภาค (regional economic integration) ที่ก้าวหน้ามากท่ีสุดในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม การรวมกลุ่ม ในลักษณะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนยังไม่ได้ก้าวไปถึงข้ันการเป็นสหภาพทางเศรษฐกิจ
81 (economic union) ดังเช่นสหภาพยุโรป (European Union : EU) ซ่ึงมีการใช้เงินสกุลเดียวกัน ควบคู่กับการเปิดเสรีการค้า การบริการ การลงทุน และการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิต พร้อมท้ังปรับ นโยบายเศรษฐกจิ การเงนิ และการคลงั ของประเทศสมาชิกในสหภาพยโุ รปใหป้ ระสานสอดคล้องกนั ดว้ ย • ผลกระทบเชิงบวกและประโยชน์ ความร่วมมือภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีความเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนในระบบ เศรษฐกจิ ดงั น้ี นักธุรกิจ รวมถึง SMEs : ได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดอาเซียนท่ีมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ประชากรกว่า 580 ล้านคน ทั้งในด้านการส่งสินค้าออกไปขายและการนําเข้าวัตถุดิบ สินค้า กึ่งสําเร็จรูปเพ่ือนํามาใช้ในการผลิต ด้วยต้นทุนที่ลดลงจากการลด/ยกเลิกอุปสรรคทางการค้า ทงั้ ดา้ นภาษแี ละที่มใิ ช่ภาษีในอาเซียน รวมถึงการลด/ยกเลิกอุปสรรคด้านการค้าบริการและการลงทุน และการอํานวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ซ่ึงจะช่วยสนับสนุนการย้ายฐานการผลิตไปยัง ประเทศสมาชิกที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละ ประเทศได้อยา่ งเตม็ ท่ี นักลงทุน : ได้ประโยชน์จากสิทธิในการลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยจะได้รับการ ปฏิบัติเสมือนนักลงทุนในประเทศ รวมถึงการได้รับความคุ้มครองการลงทุน นอกจากน้ี ยังได้รับ ประโยชนจ์ ากการรวมตวั ของตลาดทุนและการเปดิ เสรีการบริการด้านการเงินในอาเซียน ซ่ึงจะช่วยให้ มกี ารเคลื่อนยา้ ยเงินทุนทีเ่ สรมี ากขึ้น สนบั สนนุ การจัดทําธุรกิจร่วมทุนกับนักลงทุนในประเทศอาเซียน อ่นื และช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจายการลงทนุ ไปยังต่างประเทศ ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ : ได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายเสรีแรงงานฝีมือในอาเซียน ทําให้มีโอกาสการเข้าไปทํางานในประเทศอาเซียนอ่ืนได้ง่ายขึ้น และช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลน แรงงานฝีมอื ภายในประเทศ ผู้บริโภค : ได้รับประโยชน์จากโอกาสในการเลือกซ้ือสินค้าและบริการท่ีหลากหลายและมี คุณภาพในราคาที่เหมาะสม รวมถึงการได้รับความคุ้มครองการบริโภคเพิ่มข้ึน โดยเฉพาะในการ บริโภคสนิ คา้ บริการขา้ มพรมแดนจากความรว่ มมือของหน่วยงานทรี่ บั ผิดชอบในอาเซยี น ประเทศไทยในภาพรวม : 1. การขยายตัวทางเศรษฐกจิ เพ่ิมขน้ึ 2. อตั ราการจ้างงานภายในประเทศเพม่ิ ข้ึน
82 3. การดงึ ดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีข้ันสูง ซึ่งช่วย ให้มกี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยีและกจิ กรรมการค้นคว้าและวิจยั ในประเทศเพม่ิ ขน้ึ 4. ประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศ สงู ขึน้ จากการปรับปรงุ ด้านการจดั สรรทรัพยากรและการประหยัดจากขนาดการผลติ ท่ีเพิม่ ขน้ึ 5. การมีส่วนร่วมในเครือขา่ ยการผลิตและห่วงโซอ่ ปุ ทานโลก 6. การเพิม่ อาํ นาจการต่อรองของไทยในเวทรี ะหวา่ งประเทศ 7. การปฏิรูปโครงสร้างและกฎระเบียบภายในประเทศให้สอดคล้องกับพันธกรณีของ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซ่ึงจะสนับสนุนการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนในภูมิภาค (กรมเจรจา การค้าระหว่างประเทศ สาํ นกั อาเซยี น, 2554) • ผลกระทบเชงิ ลบและความเสยี่ ง แมว้ ่าการพัฒนาสกู่ ารรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีเป้าหมายและแนวทางใน การพัฒนาท่ีชัดเจน เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้รับประโยชน์สูงสุด แต่การที่ประเทศสมาชิกยังคงเป็น คู่แขง่ ขันทางการคา้ มากกวา่ ท่ีจะเปน็ คู่ค้า รวมถึงปญั หาต่างๆท่ียังคงพบ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือท่ียัง ไม่เต็มท่ี หรือความล่าช้าในการประสานงานภายในประเทศสมาชิกก็ดี ส่งผลให้การรวมตัวเป็น ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียนอาจส่งผลกระทบด้านลบ ดงั น้ี (สภาอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย, 2554) 1. คู่แข่งขันและสภาพการแข่งขันในตลาดเพ่ิมสูงขึ้น เนื่องมาจากประเทศสมาชิกอาเซียนมี โครงสร้างการส่งออกสินค้าที่ค่อนข้างเหมือนกันหรือคล้ายกัน ทําให้ประเทศไทยต้องมีการแข่งขัน ที่สูงข้ึน ดังน้ัน ศักยภาพและมาตรฐานการผลิต นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการสร้างความแตกต่างให้กับ สินคา้ จึงเป็นเร่ืองทจี่ าํ เปน็ สําหรบั ประเทศไทยในภาวะที่การแขง่ ขันทส่ี ูงขน้ึ 2. หากไทยไมม่ มี าตรการป้องกันสินค้าท่ีเขา้ มาวางจําหน่ายในประเทศไทยที่ดี สินค้าท่ีไม่ได้ มาตรฐานหรือคุณภาพต่ําอาจจะถูกเข้ามาวางจําหน่ายในไทยมากขึ้น ซ่ึงผู้บริโภคอาจได้รับอันตราย จากสนิ คา้ เหล่าน้ี ดังนัน้ กลไกในมาตรการการนําเข้าสู่ตลาดของสนิ ค้าด้อยคุณภาพเหล่านี้ รวมถึงการ ใหผ้ ูบ้ รโิ ภคตระหนกั ถึงการใช้การบรโิ ภคสินค้าท่มี ีคุณภาพจงึ เปน็ เรอื่ งทจี่ าํ เป็นและขาดไม่ได้ 3.จะเกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือของไทยไปยังประเทศท่ีให้ค่าตอบแทนสูงกว่า เช่น สิงคโปร์ บรูไน โดยเฉพาะสาขาการแพทย์และวิศวกร ทําให้ในอนาคตไทยอาจจะต้องเกิดการขาด แคลนแรงงานวิชาชีพที่มีความจําเป็นต่อการพัฒนาประเทศ โดยที่แรงงานต่างด้าวจากประเทศ ท่ีค่าแรงต่ํากว่าจะเข้ามาแทนที่โดยอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคมตามมา และถ้าหากในอนาคตไทย
83 หันมาใช้นโยบายรัฐสวัสดิการ งบประมาณส่วนหน่ึงจากตรงนี้อาจจะต้องถูกจัดสรรไปเป็นสวัสดิการ ให้กบั แรงงานต่างด้าวเหล่าน้ี 4. จะก่อใหเ้ กดิ การแข่งขนั แย่งชงิ แหล่งเงินทุนระหว่างอาเซยี นดว้ ยกันเอง โดยเฉพาะประเทศ ท่ีมีความได้เปรียบกว่าท้ังทางด้านทรัพยากร ค่าจ้างแรงงาน มาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างเช่น สิงคโปร์ (แหล่งลงทุนอันดับ 1 ในอาเซียน) เวียดนาม (แหล่งลงทุนอันดับ 2 ในอาเซียน) รวมถึง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ดังน้ัน สิ่งที่ไทยต้องให้ความสําคัญมากท่ีสุดในขณะน้ีก็คือ จะต้องมี การพัฒนาปัจจัยพ้ืนฐาน ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงาน รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั การลงทุนให้ทันสมัยมากขึน้ ก่อให้เกิดความสะดวกไม่เปน็ อปุ สรรคตอ่ นักลงทนุ 5. การเปิดเสรีของบางสาขาบริการ โดยเฉพาะสาขาท่ีมีความอ่อนไหวสูง เช่น ภาคการเงิน ซ่ึงเก่ียวข้องกับเสถียรภาพและความมั่นคงภายในประเทศ จําเป็นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ และเนื่องจากไทยเองยังไม่เคยมีกฎหมายที่เอ้ือต่อการลงทุนของต่างชาติเม่ือเทียบกับสิงคโปร์ จึงอาจ ทําใหน้ กั ลงทุนต่างชาตจิ ากประเทศท่ีมีประสบการณด์ า้ นการดําเนินธุรกิจการเงินสูงและแกร่งกว่าไทย จากนอกอาเซียนอาศัยสิทธินักลงทุนสัญชาติอาเซียนเข้ามาลงทุนในไทย ซ่ึงสาขาบริการที่เป็นห่วงว่า อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงคือ โทรคมนาคม ธนาคาร บริการโลจิสติกส์ บริษัทสถาปนิกขนาด กลางและเล็ก รวมถึงสาขาบริการท่ีต้องใช้เงินลงทุนและเทคโนโลยีสูง เนื่องจากข้อจํากัดทางด้าน เทคโนโลยี ด้านกฎหมาย และขีดความสามารถดา้ นบคุ คลจงึ ทาํ ให้ไทยอาจมศี ักยภาพด้อยกว่าสิงคโปร์ (ธนาคารกรงุ ไทย ฝ่ายวจิ ยั ความเส่ียงธุรกจิ : 2553) ----------------------------------------
84 บรรณานุกรม กรมเจรจาการคา้ ระหว่างประเทศ. (2552). ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน, กรุงเทพฯ : กรมเจรจา การค้าระหว่างประเทศ. กรมเจรจาการค้าระหวา่ งประเทศ. (2554 ก). ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น. [ออนไลน]์ . วันที่ค้น ข้อมลู 22 มนี าคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.dtn.go.th/images/document/ASEAN/book_ASEAN.pdf กรมเจรจาการค้าระหวา่ งประเทศ. (2554 ข). ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น (AEC Factbook). [ออนไลน์]. วนั ท่คี ้นขอ้ มลู 22 มนี าคม 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.dtn.go.th/images/aec_factbook.pdf กรมเจรจาการคา้ ระหวา่ งประเทศ. (2554 ค). “ASEAN Economic Community (AEC) Scorecard: เคร่ืองมือวดั ผลการดาํ เนนิ งานการไปสู่การเปน็ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น.” จุลสารรว่ มสร้างประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น AEC Focus, 1(4), หนา้ 4. กรมเจรจาการคา้ ระหวา่ งประเทศ. (ม.ป.ป. ก). เขตการคา้ เสรอี าเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA). [ออนไลน]์ . วันที่คน้ ข้อมลู 24 ตุลาคม 2555. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.dtn.go.th/images/stories/file/fta-progress_12.pdf ________________________. (ม.ป.ป. ข). ความตกลงว่าดว้ ยการลงทนุ อาเซยี น (ACIA). [ออนไลน์]. วนั ที่ค้นข้อมูล 24 ตุลาคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.dtn.go.th/filesupload/files/serviceandinvestment/ACIA.pdf กรมเจรจาการคา้ ระหว่างประเทศ สาํ นกั อาเซยี น. (2554, กันยายน). เอกสารประกอบการสมั มนา เรอ่ื งการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซยี น ดว้ ยปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียง, โรงแรมมริ าเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น, กรุงเทพฯ. กรมอาเซยี น. (2553). ประชาคมอาเซียน. [ออนไลน]์ . วันทค่ี น้ ขอ้ มลู 28 มนี าคม 2555. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/asean/ASEAN%20 Main.pdf
85 กรมอาเซียน. (2554). ASEAN Mini Book. [ออนไลน]์ . วันทีค่ น้ ข้อมลู 20 มกราคม 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.mfa.go.th/asean/asean_web/media/aseanMiniBook.pdf กรมอาเซียน. (ม.ป.ป. ก). คณะอนกุ รรมการดาํ เนินการเพ่ือจดั ตง้ั ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. [ออนไลน]์ . วันท่คี น้ ขอ้ มูล 26 มนี าคม 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/web/3020.php?sid=4436 กรมอาเซยี น. (ม.ป.ป. ข). โครงสร้างอาเซียนภายใต้กฎบตั รอาเซยี น. [ออนไลน์]. วนั ทีค่ ้นขอ้ มูล 26 มนี าคม 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.mfa.go.th/internet/document/5780.pdf กรมอาเซียน กลุ่มงานนโยบาย. (2554). “ไทยกบั ความคบื หนา้ ของการรวมตัวเปน็ ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 (ค.ศ.2015).” ASEAN Highlights 2011, กรุงเทพฯ : กระทรวงการตา่ งประเทศ. กรมอาเซียน กองอาเซยี น 3. (2555 ก). ความรเิ รมิ่ เพื่อการรวมตวั ของอาเซยี น (Initiative for ASEAN Integration : IAI). [ออนไลน]์ . วนั ท่คี น้ ข้อมูล 24 ตลุ าคม 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.mfa.go.th/asean/contents/files/customize-20120821-170659-811952.pdf กรมอาเซียน กองอาเซยี น 3. (2555 ข). กองทุนเพ่อื การพฒั นาโครงสรา้ งพนื้ ฐานในภมู ภิ าคอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund – AIF). [ออนไลน์]. วนั ทค่ี น้ ข้อมูล 24 ตุลาคม 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.mfa.go.th/asean/contents/files/customize-20120821- 165758-176981.pdf กรุงเทพธรุ กิจ. (6 ธนั วาคม 2554). ดนั ASEAN Connectivity ชู 5 ยทุ ธศาสตร์เชอ่ื มเออีซี. [ออนไลน์]. กรงุ เทพธรุ กจิ . วันทีค่ น้ ข้อมูล 25 เมษายน 2555. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business คณะรฐั มนตร.ี (2554). คาํ แถลงนโยบายของคณะรฐั มนตรี นางสาวยง่ิ ลักษณ์ ชินวัตร นายกรฐั มนตรี แถลงตอ่ รฐั สภา วนั องั คารที่ 23 สงิ หาคม 2554. [ออนไลน]์ . วันทคี่ ้นขอ้ มูล 21 มกราคม 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.sobkroo.com/img_news/file/A48906198.pdf
86 จไุ รรตั น์ แสงบญุ นํา. (ม.ป.ป.). การเตรยี มความพรอ้ มในการกา้ วสปู่ ระชาคมอาเซียนของ กระทรวงศึกษาธกิ าร. [ออนไลน]์ . วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 15 สิงหาคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.osmie4.moe.go.th/web/index.php?option=com...27... ทศพนธ์ นรทศั น์. (2554). แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) กบั การเตรยี มความพร้อมเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน. [ออนไลน์]. วนั ท่คี ้นขอ้ มลู 23 มีนาคม 2555. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.phk.ac.th/uploadajax/plan11.doc ธนาคารกรงุ ไทย ฝ่ายวิจยั ความเสย่ี งธุรกจิ . (2553). นบั ถอยหลงั AEC 2015 โอกาสท่มี าพรอ้ มกับ ความเสี่ยง. [ออนไลน์]. วันทีค่ น้ ข้อมลู 28 มีนาคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.ktb.co.th/upload/economy/top_stories_1/res3253.pdf ธิดารตั น์ โชตสิ ุชาต.ิ (2553, กรกฎาคม – ธนั วาคม). “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน : ความสําคัญและ การเตรียมความพรอ้ มของไทย.” วารสาร มฉก.วิชาการ,14 (27), 99-112. ประภสั สร์ เทพชาตรี (2552). สู่ประชาคมอาเซียน 2015, กรงุ เทพฯ : โรงพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. สํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม. (ม.ป.ป.). เปรียบเทียบนโยบายและมาตรการ การรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. [ออนไลน์]. วันที่สืบค้นข้อมูล 28 มีนาคม พ.ศ. 2555 เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.sme.go.th/SiteCollectionDocuments/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88 %E0%B8%B1%E0%B8%A2SMEs/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0 %B8%A2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A% E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81 %E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8% 81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8 %AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0% B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0 %B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AD% E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99/02.pdf
87 “แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 11” (14 ธันวาคม 2555) ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ 128 ตอนพิเศษ 152 ง. [ออนไลน์]. วนั ทสี่ ืบคน้ ข้อมลู 3 มีนาคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.sesa10.go.th/sesa10/data/dec54/1.pdf ศนู ยว์ ิจัยกสิกรไทย. (2547). ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (AEC) : ผลดี VS ผลเสยี ตอ่ เศรษฐกิจไทย. [ออนไลน์]. วนั ทส่ี ืบค้นข้อมลู 28 มนี าคม พ.ศ.2555 เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.positioningmag.com/prnews/printprnews.aspx?id=23505 สถาบนั ดํารงราชานภุ าพ. (2554). ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น เอกสารความรู้ สดร.ลาํ ดบั ท่ี ๑๕/ปงี บประมาณ ๒๕๕๔. [ออนไลน์]. วนั ที่ค้นขอ้ มูล 22 มกราคม 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.stabundamrong.go.th/web/book/54/b15_54.pdf สภาอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย. (2554). ถนนสู่ AEC เพื่อ SMEs ไทย. [ออนไลน์]. วันท่คี ้นขอ้ มูล 2 เมษายน 2555. เข้าถึงได้จาก : http://www.smi.or.th/data/data_detail.asp?id=54 สาํ นักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กองการต่างประเทศ. (2555). กระทรวงมหาดไทยกบั การรวมตัว เปน็ ประชาคมอาเซยี นในปี พ.ศ. 2558. [ออนไลน]์ . วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 8 สงิ หาคม 2555. เข้าถงึ ได้จาก : http://km.moi.go.th/index.php?option=com_content&task=view&id=719&Itemid=26 สาํ นักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สาํ นักนโยบายและแผน. (2555). รายงานการศึกษา โอกาสและ ผลกระทบของประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี นตอ่ กระทรวงมหาดไทย. [ออนไลน์]. วนั ที่ค้นข้อมูล 28 มนี าคม 2555. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.ppb.moi.go.th/midev01/upload/asean_final.pdf อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์. (2541). อาเซยี นใหม่, กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั
88 ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซยี น ASEAN Socio - Cultural Community -------------------------------------------------------------------------------- 1. พฒั นาการความรว่ มมอื ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรมของอาเซียน นับตั้งแต่ก่อนการก่อตั้งอาเซียนเมื่อปี พ.ศ.2510 นั้น ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉยี งใตไ้ ดม้ ีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับสังคมและวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่องท้ังทางด้าน สังคม ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านสารสนเทศ ด้านการพัฒนาสตรี เด็ก และเยาวชน ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการขจัดความยากจน ด้านการพัฒนาชนบท ด้านการพัฒนาและส่งเสริมสวัสดิการสังคม ด้านการจัดการด้านภัยพิบัติ ด้านแรงงานและด้านอ่ืนๆ ดังตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี 1. ด้านสังคม ได้มีการกระชับความร่วมมือเพ่ือสร้างสันติสุขในภูมิภาค โดยมีความร่วมมือ กันในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย การค้า อาวุธ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจและคอมพิวเตอร์ รวมท้ังให้ความสําคัญกับการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์เพื่อเป็นกลไกสําคัญในการลดช่องว่างระหว่างประเทศ (สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2555 ค) 2. ด้านการศึกษา ในระดับอุดมศึกษาได้เกิดเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (ASEAN University Network : AUN) ซึ่งเป็นแกนหลักในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของภูมิภาค และมีการ จัดตั้งมูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) เพื่อส่งเสริมการแลกเปล่ียนนักศึกษาและนักวิชาการ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชน สร้างความตระหนักรู้เก่ียวกับอาเซียน มีการสนับสนุน การจัดทําโครงข่ายรองรับทางสังคม เพื่อบรรเทาผลกระทบทางสังคมจากวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งมี การก่อตั้งองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of Education Organization : SEAMEO) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2508 (สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2555 ข) 3. ดา้ นสาธารณสขุ มีความรว่ มมอื ด้านการปราบปรามยาเสพตดิ อยา่ งจริงจังตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 จนถึงปี พ.ศ.2541 และตอ่ มาไดม้ ีมตใิ ห้ ปี พ.ศ.2545 – พ.ศ.2546 เปน็ ปีแหง่ การปลูกจิตสํานึกในการ ต่อต้านยาเสพติดในอาเซียน และที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วย การปลอดยาเสพติดอาเซียนในปี พ.ศ.2563 (กระทรวงการตา่ งประเทศ กรมอาเซียน, 2548)
89 นอกจากน้ี ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตระหนักถึงภัยอันเกิดจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ของโรคเอดส์ในเอเชียและผลกระทบที่จะมีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ดังนั้น ในการประชมุ สุดยอดอาเซยี น คร้งั ท่ี 7 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2544 จึงได้กําหนดระเบียบวาระ โดยเฉพาะสําหรับหารือเรื่องโรคเอดส์ (ASEAN Summit Session on HIV/AIDS) และท่ีประชุม ยังได้รับรองปฏิญญาของการประชุมสุดยอดอาเซียนว่าด้วยโรคเอดส์ ปี พ.ศ.2545 – พ.ศ.2548 (7th ASEAN Summit Declaration on HIV/AIDS 2002 – 2005) ด้วย (กรมองค์การระหว่างประเทศ กองการสังคม, 2548) 4. ด้านสารสนเทศ ได้มีการก่อตั้งสภาบรรณารักษ์แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Congress of Southeast Asian Librarians - CONSAL) ขึ้นท่ีประเทศสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ.2513 วัตถุประสงค์หลักเพื่อความร่วมมือในระหว่างประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการพัฒนา หอ้ งสมุดของแต่ละประเทศ (ประจกั ษ์ วฒั นานุสทิ ธ,์ิ 2555) 5. ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน เกิดโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ (Ship for Southeast Asian Youth Program) ซ่ึงมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจ อันดีระหว่างเยาวชนญ่ีปุ่นและเยาวชนอาเซียนเม่ือปี พ.ศ.2527 (สํานักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและ พทิ ักษ์เด็ก เยาวชน ผ้ดู อ้ ยโอกาส และผสู้ งู อาย,ุ 2555 : 1) 6. ด้านส่ิงแวดล้อม ได้เริ่มโครงการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเป็นคร้ังแรกในปี พ.ศ.2520 และได้จดั ทาํ โครงการสง่ิ แวดล้อมของอนภุ ูมิภาคอาเซยี น ระยะที่ 1 (ASEAN Subregional Environment Programme I : ASEP I) โดยคณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ อาเซียน (การดาํ เนินงานด้านสง่ิ แวดล้อมของประเทศไทยภายใต้กรอบอาเซียน, 2555) 7. ด้านอ่ืนๆ เช่น ความร่วมมือด้านกีฬาซีเกมส์ มหกรรมนาฎศิลป์อาเซียน วรรณกรรมซีไรต์ และดนตรอี าเซยี น เปน็ ต้น 2. การจดั ตง้ั ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซยี น ในการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังท่ี 9 ปี พ.ศ.2549 ท่ีเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ผู้นําอาเซียนได้แสดงเจตนารมณ์ในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับที่ 2 (Declaration of ASEAN Concord II หรือ Bali Concord II) เห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ.2563 (ค.ศ.2020) ซ่ึงประกอบด้วยประชาคม 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความ
90 มั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community : APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio- Cultural Community : ASCC) ในส่วนของประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนมี เป้าหมายให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง สังคมท่ีเอื้ออาทรและแบ่งปัน ประชากรอาเซียนมีสภาพความเป็นอยู่ท่ีดี และมีการพัฒนาในทุกด้านเพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตของ ประชาชน ส่งเสริมการให้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมอัตลักษณ์ของอาเซียน ทั้งน้ี ได้จัดทําแผนปฏิบัติการด้านสังคมและวัฒนธรรม (ASEAN Socio-Cultural Community Plan of Action) เพือ่ รองรับการเปน็ ประชาคมอาเซยี น ซึ่งเน้น 4 ด้าน ได้แก่ 1) การสร้างประชาคมแห่งสังคม ท่ีเอื้ออาทร 2) แก้ไขผลกระทบต่อสังคมอันเนื่องมาจากการรวมตัวทางเศรษฐกิจ 3) ส่งเสริมความ ยั่งยืนของส่ิงแวดล้อมและการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง และ 4) ส่งเสริมความเข้าใจระหว่าง ประชาชนในระดับรากหญ้า การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมทั้งรับรู้ข่าวสารซึ่งจะเป็น รากฐานที่จะนําไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ต่อมาในการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังท่ี 12 ผู้นํา อาเซียนได้ลงนามในปฏิญญาเซบูว่าด้วยการเร่งรัดการจัดต้ังประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ.2558 (Cebu Declaration on the Acceleration of the Establishment of an ASEAN Community by 2015) เพื่อเร่งรัดการเป็นประชาคมอาเซียนเร็วข้ึนอีก 5 ปี คือ จากปี พ.ศ.2563 เป็นปี พ.ศ.2558 (สํานักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการการศึกษาที่ 3, 2555) ปัจจุบันอาเซียนอยู่ระหว่างการ ดําเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community Blueprint) และมีกลไกดําเนินงาน ได้แก่ การประชุมรายสาขา (Sectoral Meeting) ระดับเจ้าหน้าท่ีอาวุโส (Senior Offcials Meeting) ระดับรัฐมนตรี (Ministerial Meeting) คณะ มนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community Council) รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการด้านสังคมและวัฒนธรรม (Senior officials Comittee for ASEAN Socio-Cultural Community) • วัตถุประสงค์ของการจัดต้ังประชาคมสงั คมและวัฒนธรรม ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี นมเี ป้าหมายหลักคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกด้าน ใหป้ ระชาชนมีความอยู่ดกี นิ ดีในสิ่งแวดลอ้ มทด่ี ี มีความมนั่ คงทางสังคม และพรอ้ มรับมือกับผลกระทบ อนั เนอ่ื งมาจากการรวมตวั ทางเศรษฐกิจ ตลอดจนมีความรู้สึกเป็นหน่ึงเดียวกัน มีสํานึกความเชื่อมโยง ทางประวัตศิ าสตร์มรดกทางวัฒนธรรมและมีสาํ นกึ รว่ มในอัตลกั ษณ์ของภูมภิ าค เพ่ือสร้างให้เกิดสํานึก
91 การเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและมีความรับผิดชอบ อันจะนําไปสู่การสร้างให้ประชาคมอาเซียนเป็นสังคม แหง่ ความหว่ งใยช่วยเหลอื เกื้อกูลกนั โดยมแี ผนงานทส่ี าํ คัญ ดงั น้ี 1. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการสนับสนุนการศึกษา สนับสนุนให้ประชาชนใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีสารสนเทศให้มากข้ึนตลอดจนสนับสนุนให้ประชาชนเสริมทักษะในการเป็น ผปู้ ระกอบการให้มากขน้ึ 2. ส่งเสริมสวัสดิการสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ด้วยการยกระดับความเป็นอยู่ให้พ้น จากความยากจน เสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนจาก กระบวนการพัฒนาและการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ส่งเสริมความม่ันคงด้านอาหาร พัฒนา ระบบสาธารณสุข และเสริมสร้างสุขภาวะท่ีดีให้กับประชาชน ต่อต้านยาเสพติดและให้อาเซียนเป็น สงั คมทพ่ี ร้อมรับมอื กับภัยพิบตั ิได้ 3. ส่งเสริมความยุติธรรมและสิทธิทางสังคมด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิ ตลอดจน สวสั ดิการของประชาชนและแรงงานอพยพ 4. ส่งเสริมความย่ังยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการและการป้องกันปัญหามลพิษทาง ส่ิงแวดล้อมขา้ มแดน เชน่ มลพิษหมอกควนั ขา้ มแดน มลพษิ จากของเสียท่ีมพี ิษขา้ มแดน เป็นต้น 5. สร้างอัตลักษณ์อาเซียนโดยการส่งเสริมให้ประชาชนอาเซียนเกิดสํานึกร่วมในเอกภาพ ท่ามกลางความหลากหลาย ส่งเสริมให้ประชาชนอาเซียนเกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกันทั้งในด้าน วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และศาสนา ส่งเสริมให้เกิดสํานึกร่วมในความเป็นเจ้าของมรดกทาง วัฒนธรรมของอาเซียน และส่งเสริมให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและสินค้าวัฒนธรรม ของอาเซยี น (ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร, 2555 ก) ในการนี้ เพ่ือให้การดําเนินการเป็นไปตามเป้าหมายหลักข้างต้น อาเซียนจึงเน้นการส่งเสริม ความร่วมมอื ในดา้ นสงั คมและวฒั นธรรมตา่ งๆ เชน่ 1. การพัฒนาสังคม โดยการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ด้อยโอกาสและผู้ท่ีอาศัยในถิ่น ทรุ กันดาร และสง่ เสริมการมสี ่วนรว่ มอย่างแข็งขันของกลุม่ ต่างๆ ในสังคม 2. การพัฒนาการฝึกอบรม การศึกษาระดับพื้นฐานและสูงกว่าการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การสร้างงาน และการคมุ้ ครองทางสังคม 3. การส่งเสริมความร่วมมือในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างย่ิงการป้องกันและควบคุม โรคติดตอ่ เชน่ โรคเอดส์ และโรคทางเดนิ หายใจเฉยี บพลนั รนุ แรง 4. การจัดการปัญหาดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม
92 5. การส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเขียน นักคิดและศิลปินในภูมิภาค (ศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษา, 2555) • สาระสาํ คญั ของแผนการจดั ต้ังประชาคมสงั คมและวฒั นธรรมอาเซยี น ในการมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน คราวประชุมสุดยอดอาเซียน คร้ังท่ี 13 ท่ีประเทศสิงคโปร์ เม่ือวันท่ี 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ได้เห็นพ้องให้จัดทําแผนงานการ จัดต้ังประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community Blueprint) เพอ่ื รองรับการดําเนนิ มาตรการต่างๆ เพ่ือส่งเสรมิ การจดั ตัง้ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน แผนงานการจัดต้ังประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ประกอบด้วยความร่วมมือใน 6 ด้าน ได้แก่ (กระทรวงการตา่ งประเทศ กรมอาเซยี น, 2555 ก) 1. การพฒั นามนุษย์ (human development) 2. การคุม้ ครองและสวสั ดิการสงั คม (social welfare and protection) 3. สิทธแิ ละความยตุ ธิ รรมทางสงั คม (social justice and rights) 4. ความย่ังยืนดา้ นส่งิ แวดล้อม (environmental sustainability) 5. การสรา้ งอัตลกั ษณอ์ าเซียน (building an ASEAN identity) 6. การลดชอ่ งว่างทางการพัฒนา (narrowing the development gap) โดยมอี งคป์ ระกอบยอ่ ยของแตล่ ะดา้ น ดังน้ี (กระทรวงมหาดไทย สาํ นกั บรหิ ารการทะเบียน, 2552) 1. การพฒั นามนษุ ย์ อาเซียนจะส่งเสริมความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตท่ีดีของประชาชน โดยประชาชนเข้าถึง โอกาสอย่างเที่ยงธรรมในการพัฒนามนุษย์ มีการส่งเสริมและลงทุนในด้านการศึกษาและการเรียนรู้ ตลอดชีวิต การฝึกอบรมและการเสริมสร้างขีดความสามารถ ส่งเสริมนวัตกรรมและการประกอบการ ส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษ เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาศาสตร์เชิงประยุกต์และเทคโนโลยีในการ ดาํ เนนิ กจิ กรรมการพฒั นาทางด้านสังคมและเศรษฐกจิ 1.1 ให้ความสําคญั กบั การศึกษา เน้นการบูรณาการด้านการศึกษาให้เป็นวาระการพัฒนาของอาเซียน การสร้างสังคมความรู้ โดยส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง ส่งเสริมการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัย และ
93 การสร้างความตระหนักรับรู้เรื่องอาเซียนในกลุ่มเยาวชน ผ่านทางการศึกษาและกิจกรรมต่างๆ เพื่อ สร้างอตั ลกั ษณอ์ าเซียนบนพ้นื ฐานของมติ รภาพและความรว่ มมอื ซึ่งกันและกนั 1.2 การลงทนุ ในการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ ส่งเสริมและพฒั นาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียน โดยดําเนินกิจกรรมเชิงยุทธศาสตร์ และพัฒนาคุณสมบัติ ความสามารถ การเตรียมความพร้อมท่ีดีให้กับแรงงานอาเซียน เพ่ือท่ีจะเอ้ือต่อ การรบั มือกับประโยชน์และกบั สิง่ ทา้ ทายตา่ งๆ ท่จี ะเกดิ ขน้ึ จากการรวมตวั ในภมู ภิ าคได้ 1.3 ส่งเสรมิ การจ้างงานท่เี หมาะสม เน้นส่งเสริมให้รวมหลักการการทํางานอย่างถูกต้องและเหมาะสมไว้ในวัฒนธรรมการทํางาน ของอาเซียน รวมถึงสุขภาพและความปลอดภัยในท่ีทํางาน และทําให้เกิดความม่ันใจว่าการส่งเสริม การบริหารกิจการจะเป็นส่วนหน่ึงของนโยบายการจ้างงานของอาเซียนเพื่อให้บรรลุผลตาม ยุทธศาสตร์การจ้างงาน 1.4 ส่งเสรมิ เทคโนโลยีสารสนเทศ เน้นการดําเนินโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ท่ีส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อริเร่ิมของภูมิภาค ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ 1.5 การอํานวยความสะดวกในการเข้าถึงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ชงิ ประยุกต์ พัฒนานโยบายและกลไกเพ่ือสนับสนุนความร่วมมือในด้านการวิจัย การพัฒนาทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การถ่ายทอดเทคโนโลยีรวมท้ังในเชิงพาณิชย์ การจัดตั้งเครือข่ายสถาบัน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยการมสี ว่ นรว่ มของภาคเอกชนและหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้อง 1.6 เสรมิ สร้างทักษะในการประกอบการสาํ หรบั สตรี เยาวชน ผสู้ ูงอายุ และผู้พิการ เน้นส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และกลุ่ม ชายขอบในกําลังแรงงานท่ีมีผลผลิต โดยการฝึกอบรมการฝีมือเพื่อปรับปรุงคุณภาพความเป็นอยู่ ซึ่งจะชว่ ยสง่ เสรมิ การพัฒนาชาติและการรวมตวั ทางเศรษฐกจิ ของอาเซยี น 1.7 พัฒนาสมรรถภาพของระบบราชการ เน้นการจัดตั้งระบบราชการท่มี ปี ระสิทธภิ าพ โปร่งใส มีความรับผดิ ชอบและมีความน่าเช่ือถือ โดยการเพ่ิมขีดความสามารถของทรัพยากรบุคคลในระบบราชการของอาเซียน และเพิ่มความร่วมมือ ระหว่างรัฐสมาชิกอาเซยี น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217