โปรเตสแตนต์ปฏิรูป ท่ี ๓ (Paul III) จงึ ทรงจัดให้มคี ณะกรรมาธิการของพระ อาทิตยเ์ ปน็ ศูนย์กลางของจกั รวาล ถือวา่ เป็นการเร่ิมตน้ คาทอลิกย้อนปฏิรปู ก็รบกนั ใหญ่ คารด์ ินัลขนึ้ มาก�ำกับ เป็นศาลสงู สดุ ในการไต่สวนศรทั ธา ปฏวิ ตั ิวทิ ยาศาสตร์ (scientific revolution) ซง่ึ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๑๓๑ (ค.ศ. 1588) โป๊ป/สนั ตะปาปา พ.ศ. ๒๐๘๓ หรอื ๒๑๐๒-๒๑๕๓ (ค.ศ. 1540 ซิกซตัสที่ ๕ (Sixtus V) ได้จัดต้งั ให้มีรปู รา่ งชดั เจนเปน็ แต่เพราะขัดกับค�ำสอนของศาสนาครสิ ต์ซึ่งยังมี หรอื 1559-1610) การปฏิรูปโดยโปรเตสแตนต์น้นั ตาม the Congregation of the Roman and Universal อำ� นาจอยู่มาก จึงเปน็ เหตใุ ห้นกั วิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ มาด้วยการยอ้ นปฏิรูป (Counter-Reformation) ของ Inquisition เรียกส้นั ๆ วา่ the Holy Office ความรเู้ ชน่ นนั้ ถกู จบั ขน้ึ ศาลไตส่ วนศรทั ธา (Inquisition) ฝ่ายโรมนั คาทอลิก ท่ีจะเรง่ ก�ำจัดพวกโปรเตสแตนตใ์ ห้ และลงโทษ เช่น บรโู น (Giordano Bruno) ถกู เผาทงั้ หมดส้นิ เร่มิ ตน้ ปฏวิ ตั วิ ิทยาศาสตร์ เปน็ ใน ค.ศ. 1600 กาลเิ ลโอ (Galileo Gali lei) แม้จะ ขัดกบั ศาลคริสต์ ยอมรับผดิ ลดโทษ ก็ถกู กกั ขังใหอ้ ยแู่ ต่ในบา้ นจนตายใน โป๊ปตงั้ ศาลสูงสุด ค.ศ. 1642 ก�ำกับการไต่สวนศรทั ธาอีกช้ัน พ.ศ. ๒๐๘๖ (ค.ศ. 1543) โคเปอร์นิคัส (Copernicus) พมิ พ์หนังสือ On the Revolutions of จากซ้าย: พ.ศ. ๒๐๘๕ (ค.ศ. 1542) เนอื่ งจากไดม้ ศี าสนา Celestial Spheres (ว่าดว้ ยปรวิ รรตแหง่ เวหาสมณฑล) สนั ตะปาปา ปอลท่ี ๓ ครสิ ต์นิกายโปรเตสแตนต์เกดิ ขน้ึ ซึ่งการก�ำจัด (perse- แสดงหลักความจรงิ ว่าโลกหมนุ รอบดวงอาทิตย์ โดยมดี วง สันตะปาปา ซกิ ซตัสท่ี ๕ cution) จะตอ้ งจดั การเป็นพิเศษ โป๊ป/สันตะปาปา ปอล นโิ คลัส โคเปอร์นคิ สั จอรด์ าโน บรโู น กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอิ 138 หา้ มซอื้ -ขาย อนญุ าตใหใ้ ช้เพ่ือการศกึ ษาส่วนตวั เทา่ น้ัน ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลขิ สทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน
จากซ้าย: พระนางแมรที ่ี ๑ พระเจา้ ฟรานซิสท่ี ๒ กับ พระนางแมรสี จ๊วร์ต วนั เซนตบ์ าร์โธโลมิว สเปนนักล่า ทำ� ลายแอสเทคแลว้ กวาดลา้ ง (persecution) พวกโปรเตสแตนต์อยา่ ง ในรัชกาลพระเจ้าฟรานซิสที่ ๒ มีการกวาดลา้ ง กถ็ ล่มอนิ คา รุนแรง เชน่ ใหจ้ �ำคุกบชิ อพแหง่ วูร์ซเตอร์ และบชิ อพแหง่ (persecution) พวกโปรเตสแตนต์ ทเ่ี รยี กว่าฮูเกนอตส์ ลอนดอน ๒ ปี ออกจากคกุ แลว้ กใ็ หเ้ อาทงั้ ๒ บชิ อพนนั้ ไป (Huguenot) อย่างรุนแรง ฮูเกนอตส์จึงสมคบกันวางแผน พ.ศ. ๒๐๙๖ (ค.ศ. 1553) หลังจากลม้ อาณาจกั ร เผาทง้ั เปน็ ทอ่ี อกซฟอรด์ เปน็ ตน้ จนไดส้ มญาวา่ “Bloody (Conspiracy of Amboise) จะโคน่ พวกคาทอลกิ ทป่ี กครอง แอสเทคลงในปี ๒๐๕๕-๕๗ แล้ว ถงึ ปนี ี้ นกั ลา่ อาณานิคม Mary” (แมร่ีกระหายเลอื ด หรือแมร่ลี ะเลงเลือด) ในปี ๒๑๐๓ แตแ่ ผนแตก เลยถกู จบั แขวนคอราว ๑,๒๐๐ คน ของสเปน ก็ตอี าณาจกั รอนิ คาพนิ าศ สงครามศาสนาในยโุ รป จากนน้ั อีก ๒ ปี ก็เกดิ สงครามศาสนากลางเมอื ง พระนางแมรี่ละเลงเลือด เปน็ ระยะๆ รวม ๓๖ ปี (๒๑๐๕-๒๑๔๑/1562-1598) โดย กวาดลา้ งโปรเตสแตนต์ในองั กฤษ “สงครามศาสนา” (Wars of Religion) ที่ประวตั ิ ทีพ่ วกฮูเกนอตส์ไดท้ ัพโปรเตสแตนตต์ ่างชาติมาช่วยดว้ ย ศาสตร์ตะวันตกเล่าไวน้ ้ี หมายถงึ สงครามในศาสนาครสิ ต์ พ.ศ. ๒๐๙๘ (ค.ศ. 1555) หลังสิน้ รัชกาลของ เอง ระหว่างคาทอลิกกบั โปรเตสแตนต์ ระหว่างนม้ี เี หตุการณใ์ หญ่ครง้ั ร้ายย่ิง คือ ชาว พระราชบิดา คือ เฮนรที ่ี ๘ ซึง่ ไดต้ ั้งศาสนจกั รอังกฤษ คาทอลกิ สังหารเหมาชาวโปรเตสแตนตใ์ นวนั เซนต์ ข้ึนแล้ว พระนางแมรที ี่ ๑ (Mary I หรอื Mary Tudor) พ.ศ. ๒๑๐๓ (ค.ศ. 1560) ฝรง่ั เศส ซงึ่ เปน็ ประเทศ บาร์โธโลมวิ (Saint Bartholomew’s Day Massacre) ซงึ่ เปน็ ราชธิดาของมเหสอี งค์เกา่ ข้ึนครองราชย์ กลับ คาทอลกิ ไดพ้ ยายามกวาดลา้ งโปรเตสแตนต์อยา่ งรนุ แรง ปี ๒๑๑๕/1572 ตัง้ แต่ ๒๔ ส.ค. ไป ๒ เดือนเศษ ตาย หนั ไปฟ้ืนฟูนิกายโรมนั คาทอลิก และด�ำเนินการกำ� จดั ตัง้ แตร่ ะยะแรก ถงึ กับเกิดสงครามศาสนาหลายครั้ง ราว ๑๓,๐๐๐ คน (หลงั จากนี้ราวครง่ึ ศตวรรษ จะถงึ รัชกาลพระเจา้ หลุยส์ท่ี ๑๓ ตอ่ ด้วยพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ ๑๔ มหาราช องค์ท่ี มไี มตรกี ับสมเด็จพระนารายณม์ หาราช สมัยอยธุ ยา ซง่ึ จะ กวาดลา้ งโปรเตสแตนตอ์ ย่างรนุ แรงย่งิ จนจบสิ้น) ห้ามซอ้ื -ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศึกษาส่วนตวั เท่านั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สทิ ธิ์ หากประสงค์จะนําไปใชต้ อ่ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของก่อน 139
อาณาจักรฮนิ ดูสุดทา้ ย วชิ ยั นคร ซง่ึ ชาวโปรตเุ กสที่เดนิ ทางมาไดเ้ ขียนบันทกึ ไว้ ราวปี ๒๐๖๓ วา่ ใหญ่โตอย่างกบั โรม พ.ศ. ๒๑๐๘ (ค.ศ. 1565) อาณาจกั รฮนิ ดสู ดุ ทา้ ย ที่เหลืออยูใ่ นทกั ษิณาบถ คอื วิชัยนคร (Vijayanagar (ดินแดนสว่ นลา่ งของอนิ เดียน้มี กี ารตดิ ต่อโดย Empire) ถงึ กาลอวสาน หลงั จากยืนหยดั อย่ไู ด้ทา่ มกลาง เฉพาะทางการคา้ กับโรมมานาน อยา่ งน้อยตัง้ แตต่ น้ ครสิ ต์ อ�ำนาจคกุ คามของอาณาจักรมุสลิมท่ลี อ้ มรอบเปน็ เวลา ศักราชในยคุ อาณาจกั รโจฬะ ดังที่ในทางโบราณคดีไดพ้ บ ๒๒๙ ปี เหรียญกระษาปณ์ของโรมันมากมายในผนื แผน่ ดินแถบนี้) จกั รวรรดวิ ชิ ยั นครนม้ี เี นอ้ื ทคี่ รา่ วๆ ขนาดใกลเ้ คยี ง กับอิรกั ในปจั จบุ ัน อยสู่ ว่ นลา่ งตลอดถงึ ปลายสดุ ของ แผน่ ดินอินเดีย เจรญิ รุ่งเรอื งมาก มีการตดิ ตอ่ คา้ ขายกับ กรุงโรม โปรตเุ กส ไปจนถงึ จีน มเี มืองหลวงชอ่ื เดยี วกันว่า จากซ้าย: แมรสี่ น้ิ สมัย น้องแมร่ีหันไป สเปน เนเธอรแ์ ลนด์ เมืองขนึ้ ในอเมริกา และดนิ แดน ราชินีเอลิซาเบธท่ี ๑ กำ� ราบคาทอลิก ของโปรตุเกสทง้ั หมด ได้ตงั้ พระทัยเดด็ เดีย่ ววา่ จะบดขย้ี พระเจา้ ฟลิ ิปส์ที่ ๒ พวกโปรเตสแตนต์ใหด้ ับสน้ิ จากดินแดนเหลา่ น้ี ทรงเริ่ม พ.ศ. ๒๑๐๖ (ค.ศ. 1563) เม่ือส้ินรชั กาลพระนาง ก�ำจัดโดยเขา้ โจมตีโปรเตสแตนต์ใน เนเธอร์แลนด์ แลว้ 140 แมรท่ี ี่ ๑ แลว้ ราชินีเอลิซาเบธที่ ๑ (Elizabeth I) ซง่ึ เปน็ กลายเปน็ สงครามรบกนั ยืดเย้ือถงึ ๘๐ ปี (๒๑๑๑-๙๑/ ราชธิดาของมเหสีองคใ์ หม่ ขนึ้ ครองราชย์ ทรงหนั กลบั 1568-1648) มาบำ� รงุ นกิ ายอังกฤษ และก�ำจัด (persecution) พวก คาทอลิก ระหว่างนนั้ ในปี ๒๑๓๑/1588 ก็ยกกองทัพเรอื มหมึ าไปปราบองั กฤษทเ่ี ปน็ ประเทศโปรเตสแตนต์ แต่ถูก ฝรงั่ เศสวา่ แรง ต้องเทียบสเปน เผาแพ้กลบั มายับเยิน พ.ศ. ๒๑๑๑ (ค.ศ. 1568) สเปนซงึ่ เปน็ ประเทศ ในทีส่ ุดก็ไมส่ ามารถเปลีย่ นพวกดทั ช์และพวก คาทอลิกส�ำคญั อีกหน่งึ กก็ วาดลา้ ง (persecution) องั กฤษให้เปน็ คาทอลกิ ไดด้ ว้ ยการบังคบั โปรเตสแตนตอ์ ยา่ งตอ่ เนื่อง ในสเปน การก�ำจัดคนผไู้ ม่เปน็ คาทอลกิ อีกดา้ น ปนี ้ี พระเจา้ ฟลิ ิปสท์ ่ี ๒ ซง่ึ ย่งิ ใหญ่มาก ปกครองทั้ง หน่ึง ซึ่งรนุ แรงมาก และยืดเยื้อยงิ่ คอื ศาลไต่สวนศรทั ธา (Spanish Inquisition) ซึง่ ใช้วธิ ีเผาทง้ั เปน็ เป็นตน้ ยาว นานถึงประมาณ ๓๕๐ ปี (๒๐๒๑-๒๓๗๗/1478-1834) หา้ มซ้อื -ขาย อนุญาตให้ใช้เพ่อื การศกึ ษาส่วนตวั เท่านน้ั ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลขิ สิทธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของกอ่ น
อวสานแหง่ วิชยั นคร มสุ ลมิ ครองสดุ อินเดยี หลงั จากสู้รบกับอาณาจักรข้างเคยี งครองอำ� นาจ ถึงคราวน้ีอำ� นาจของมสุ ลิมกค็ ลมุ ไปถงึ สุดแผ่นดนิ มาไดย้ าวนาน ในท่สี ุด ผ่านเข้ามาในยคุ ราชวงศ์โมกุล ถงึ จดมหาสมุทรอนิ เดีย ปี ๒๑๐๘ (ค.ศ. 1565) อาณาจักรมสุ ลิม ๔ แคว้น คอื พชิ าปุระ พีทร อาหหมดั นคร และกอลคอนดา ได้รวม กษตั รยิ แ์ ห่งวชิ ยั นครได้หนีไปตงั้ เมืองอยใู่ นทใ่ี หม่ ก�ำลงั กนั เขา้ ตี เอาชนะวชิ ัยนครได้ หา่ งออกไป และสืบราชย์กันมาอย่างไม่ราบรน่ื จนกระทั่ง ปี ๒๒๑๕ (ค.ศ. 1672) กษัตริย์องค์สดุ ทา้ ยสวรรคต ก็ ท้ังน้ี ผู้โจมตมี ิได้ตอ้ งการครอบครอง เพียงแต่จะ สิ้นวงศ์ ทำ� ลายอำ� นาจ เมอื่ ชนะแลว้ จงึ เขา้ เผาทำ� ลายบา้ นเรอื นทรพั ย์ สนิ ไลฆ่ า่ ฟนั ผคู้ นจนหมดสนิ้ โดยใชเ้ วลารวม ๕ เดอื น แลว้ อินเดีย ปล่อยทิ้งใหเ้ ปน็ ท่รี กร้างไรป้ ระโยชนไ์ มอ่ าจฟ้ืนขึน้ ได้อกี แหลมโคโมรนิ สวติ เซอรแ์ ลนด์ สงครามส�ำคญั พลกิ ผันอารยธรรม สงครามศาสนาในยุโรป ทร่ี นุ แรงกวา่ นี้ จะเกิดขน้ึ กลางทวีปยโุ รป เปน็ สงคราม ๓๐ ปี เริ่มแต่ปี ๒๑๖๑/ 1618 ขา้ งหน้า ผลสืบเน่อื งส�ำคัญอยา่ งหน่ึงของการกวาดลา้ ง (persecution) และสงครามศาสนา (religious wars) ในยุโรป ก็คือการถ่ายเทประชากรขนานใหญ่ เช่นยิว ราว ๑๗๐,๐๐๐ คน ถูกขับออกจากสเปนในปี ๒๐๓๕/1492 พวกฮูเกนอตสก์ ว่า ๔๐๐,๐๐๐ หนจี ากฝร่ังเศสในชว่ ง ใกล้ปี ๒๒๒๘/1685 และการอพยพหลบหนคี ราวใหญ่ นอ้ ยอ่ืนๆ ทั้งท่ไี ปในประเทศอ่นื ในยโุ รป ตลอดจนไปยงั อเมรกิ า การถ่ายเทประชากรนี้ นบั ว่าเปน็ ปจั จยั ส�ำคัญ อย่างหน่งึ ท่ีกอ่ รูปแปลงรา่ งอารยธรรมตะวันตก ห้ามซือ้ -ขาย อนญุ าตให้ใชเ้ พื่อการศึกษาสว่ นตวั เท่านนั้ ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของกอ่ น 141
โมกุลเริ่มให้เสรภี าพทางศาสนา เจ้านายฮนิ ดเู ข้ารบั ราชการ โดยเฉพาะพวกเจ้าราชบุตร อักบาร์ ได้ตำ� แหนง่ สงู ๆ พ.ศ. ๒๑๒๔ (ค.ศ. 1581) อักบาร์ (Akbar) จกั รพรรดิโมกลุ องคท์ ี่ ๓ ผู้ย่ิงใหญท่ ส่ี ุดในราชวงศ์ ซึ่งขน้ึ ยง่ิ กว่านน้ั ยงั ทรงให้ผรู้ ้ใู นศาสนาตา่ งๆ ทงั้ มสุ ลิม ครองราชย์ตัง้ แต่ปี ๒๐๙๙/1556 เม่ือพิชิตขยายดนิ แดน ฮนิ ดู เชน ครสิ ต์ ปาร์ซี มาถกถอ้ ยทางศาสนาตอ่ เบอ้ื ง ได้มากมายแลว้ ก็พยายามสร้างความจงรักภกั ดี รวมคน พระพักตรใ์ นพระราชวัง โดยให้เสรีภาพทางศาสนา ตอ่ มาถงึ กบั ทรงประกาศให้พระองคเ์ องเป็นผมู้ ี นอกจากยกเลิกภาษีรายหัวคนไมเ่ ป็นมุสลิมแล้ว อำ� นาจชขี้ าดสงู สดุ ในเรอ่ื งราวปญั หาเกยี่ วกบั ศาสนาอสิ ลาม กถ็ งึ กบั ทรงยกเลิกการบงั คับเชลยศกึ ใหน้ ับถอื อิสลาม เหนือกว่าศาสนบคุ คลทั้งปวง ทรงอภิเษกสมรสกับเจา้ หญิงฮนิ ดู เปดิ ใหเ้ จา้ ชายและ พระนเรศวรมหาราช เสยี กรุง ครัง้ ท่ี ๑ พระญาตขิ องพระเจา้ บเุ รงนอง ฝรง่ั เรยี ก Tabinshwehti) พระนเรศวรฯ กู้เอกราช รกุ รานแผข่ ยายอาณาเขต มฝี รง่ั รว่ มรบโดยชาวโปรตเุ กส ทมี่ าตัง้ บ้านเรือนค้าขายในกรงุ ศรอี ยุธยาเขา้ ประจ�ำการ พ.ศ. ๒๑๓๓–๒๑๔๘ (ค.ศ. 1590-1605) ทกี่ รงุ ๑๒๐ คน (ในสงครามรชั กาลตอ่ ไป ทัง้ ฝา่ ยไทยฝ่ายพม่า ศรอี ยุธยา หลังรัชกาลสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ โอรส ต่างก็มคี นโปรตเุ กสเข้ากองทัพมากข้ึน) จึงเริ่มมกี ารใช้ปืน ๒ พระองคค์ รองราชยต์ อ่ มา คอื สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช คาบศิลาและปนื ใหญใ่ นการรบ และหลงั ชนะศึก ทรง ท่ี ๓ (๒๐๓๑-๒๐๓๔/1488-1491) และสมเดจ็ พระรามา- ปูนบำ� เหนจ็ ต่างๆ รวมท้งั ทรงอนญุ าตให้สรา้ งโบสถ์ มี ธิบดีที่ ๒ (๒๐๓๔-๒๐๗๒/1491-1529 เข้ายุคโปรตเุ กส บาทหลวงสอนศาสนาครสิ ต์แต่นน้ั มา ครองมะละกา) จากนน้ั มกี ษตั รยิ อ์ กี ๒ พระองค์ คอื สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๔ (๒๐๗๒-๒๐๗๖/1529-1533 เมื่อพระชยั ราชาธิราช (ไชยราชาธิราช กเ็ ขียน) เพยี ง ๔ ปีกส็ วรรคตด้วยไขท้ รพษิ ) สมเด็จพระรษั ฎาธิราช สวรรคตในปี ๒๐๘๙ โอรสคอื พระแกว้ ฟา้ ซง่ึ มพี ระชนมายุ กุมาร (๒๐๗๖/1533 เพยี ง ๕ เดอื น กถ็ กู ส�ำเร็จโทษ) ก็ถึง ๑๑ พรรษา ครองราชยต์ อ่ มาได้ ๒ ปี กถ็ กู ขนุ วรวงศาธริ าช รัชกาลสมเด็จพระชัยราชาธริ าช (๒๐๗๗-๒๐๘๙/1534- คบคิดกับพระราชมารดา (เจา้ แมศ่ รีสุดาจนั ทร)์ ชิงราช- 1546) ในรชั กาลนี้ ไทยเรมิ่ มสี งครามกบั พม่าเปน็ คร้งั แรก สมบัติ โดยประหารชวี ิตเสยี เม่ือผชู้ ิงราชย์ครองราชย์ได้ ในปี ๒๐๘๑ เพราะพระเจ้าตะเบง็ ชเวตี้ (คอื มงั ตรา เปน็ ๔๒ วัน ถูกกำ� จัดแล้ว ก็มาถงึ รชั กาลสมเด็จพระมหาจกั ร- พรรดิราช (๒๐๙๑–๒๑๑๑/1548-1568) และมสี งคราม 142 ห้ามซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศกึ ษาส่วนตวั เทา่ นัน้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มลี ิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใช้ต่อ ต้องตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน
ศาสนาใหม่ของจักรพรรดอิ กั บาร์ เรยี กว่าศาสนาใหมข่ องอกั บาร์ มีผู้นับถือเพยี งไม่เกิน ๑๙ คน และเมอ่ื สวรรคตในปี ๒๑๔๘/1605 ศาสนานน้ั กด็ ับ เฉพาะอยา่ งยิ่ง ในปี ๒๑๒๔/1581 อกั บารไ์ ดท้ รง ลับไปด้วย ตั้งหลักศาสนาใหม่ อนั เนน้ ดา้ นจริยธรรมข้ึน โดยรวมคำ� สอนของศาสนาตา่ งๆ เข้าด้วยกัน เรียกว่า Din-e llahi อกี ครง่ึ ศตวรรษจากน้ี จกั รพรรดอิ อรงั เซบจะกำ� จดั (Divine Faith = ทพิ ยศรทั ธา) และมอี งค์อกั บาร์เองเป็น ฮินดอู ยา่ งรุนแรง ศนู ยร์ วมแหง่ ความจงรักภกั ดี แต่เรอื่ งนกี้ ลายเป็นการสร้างความไมพ่ อใจแก่ชาว มสุ ลมิ ที่เครง่ หลกั เกิดมปี ฏกิ ิรยิ า บ้างกบ็ นั ทกึ ว่าพระองค์ สร้างศาสนาใหม่ ละทิ้งอสิ ลาม แต่จะอยา่ งไรกต็ าม สิ่งท่ี The Tomb of Akbar Shah กบั พม่าต่อมา คร้นั พระเจา้ ตะเบ็งชเวตแ้ี หง่ พมา่ สวรรคต (ถ่นิ มอญต่อแดนไทย) ใน พ.ศ. ๒๑๒๗/1584 และพระ ฉาน ในปี ๒๐๙๓ และเมอ่ื พระเจ้าบเุ รงนอง (คือจะเดด็ ฝรั่ง เกยี รติยศยิ่งขจรขจายเมอ่ื ไดท้ รงชนะศึกยทุ ธหตั ถีในปี เรยี ก Bayinnaung) ขนึ้ ครองแผน่ ดนิ แลว้ กแ็ ผเ่ ดชานภุ าพ ๒๑๓๕/1592 ครน้ั พระราชบดิ า คือสมเด็จพระมหา- เชียงใหม่ หลวงพระบาง ต่อมาจนได้เชยี งใหม่ ประจวบพอดใี นฝา่ ยไทยทเ่ี ตรยี ม ธรรมราชาธิราช (๒๑๑๒–๒๑๓๓) สวรรคตแลว้ พระองค์ รับศึก พระเจา้ อยู่หัวทรงได้ช้างเผอื ก ๗ เชือก เฉลมิ พระ จงึ ไดท้ รงครองราชย์สืบตอ่ มา ๑๕ ปี (ถึง ๒๑๔๘/1605) หงสาวดี สโุ ขทัย เสียมราฐ ราชสมัญญา “พระเจา้ ชา้ งเผอื ก” พระเจ้าบเุ รงนองทรง เหน็ โอกาส จงึ ทำ� อบุ ายสง่ พระราชสาสน์ มาทลู ขอชา้ งเผอื ก ในรัชกาลน้ี นอกจากทหารอาสาชาวโปรตเุ กส อยธุ ยา ๒ เชอื ก เม่อื ฝ่ายไทยปฏเิ สธ สงครามใหญ่กเ็ รมิ่ ตัง้ แตป่ ี แลว้ กม็ ที หารญป่ี ุ่นในกองทพั ไทยด้วย (คราวยุทธหตั ถี ๒๑๐๖ จนในท่สี ุดจบลงในรัชกาลต่อมาของพระราชโอรส มีทหารญป่ี นุ่ ๕๐๐ คน) และนอกจากสเปนสง่ ทูตจาก นครปฐม คือสมเดจ็ พระมหินทราธริ าช ด้วยการทก่ี รงุ ศรอี ยธุ ยา มนลิ ามาทำ� หนงั สอื สัญญาทางพระราชไมตรแี ละการค้า เสียแกพ่ ม่าใน พ.ศ. ๒๑๑๒ ครนั้ แลว้ พระเจา้ บุเรงนองก็ แล้ว ผู้แทนดทั ชก์ ไ็ ดเ้ ข้าเฝ้าใน พ.ศ. ๒๑๔๗ อา่ วไทย ได้อภเิ ษกพระมหาธรรมราชาเปน็ พระศรีสรรเพชญ์ ครอง กรุงศรอี ยธุ ยา ในฐานะเจ้าเมอื งประเทศราชของพมา่ กาล ทะเลอนั ดามัน ผา่ นมา ๑๕ ปี สยามจงึ ไดเ้ ป็นเอกราชเม่ือสมเดจ็ พระ ไชยา นเรศวรมหาราชประกาศอิสรภาพจากพมา่ ทีเ่ มอื งแครง ลังกาสกุ ะ เคดาห์ รัฐมาเลย์ จักรวรรดิมชปหติ พระเจา้ บเุ รงนอง ห้ามซ้ือ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ช้เพ่ือการศกึ ษาสว่ นตัวเท่านั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สทิ ธิ์ หากประสงค์จะนําไปใชต้ อ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น 143
จากซ้าย: ญ่ีปุน่ ปดิ ประเทศ เมอ่ื รูเ้ จตนานักบวช ศาสนา (religious war) ระหว่างประเทศคาทอลกิ กบั Kamakura Buddha Daibutsu ท่มี ากบั นักล่าอาณานิคม ประเทศโปรเตสแตนต์ โดยกองทัพของจกั รวรรดโิ รมนั แมทธวิ เปอร์รี อันศักดิ์สิทธย์ิ กมาท�ำลายพวกโปรเตสแตนต์ แลว้ ก็มี Thirty Years War พ.ศ. ๒๑๔๐ (ค.ศ. 1597) หันไปทางญี่ป่นุ พวก ประเทศอ่นื ๆ มาช่วยฝา่ ยโน้นฝา่ ยน้ี เชน่ เดนมาร์ก โชกนุ ทป่ี กครองบา้ นเมอื ง ซงึ่ ได้ส่งเสริมและสนิทสนมเป็น นอรเวย์ สวีเดน ออสเตรยี ฝร่ังเศส และสเปน รบกนั จน อย่างดี กบั มิชชนั นารที ั้งหลายทมี่ ากับประดาเรือค้าขาย ยตุ ิใน พ.ศ. ๒๑๙๑ (ค.ศ. 1648) จึงเรียกว่า “สงคราม เกิดลว่ งรู้วา่ นักสอนศาสนาเหลา่ นั้นเปน็ ส่ือทอดไปสกู่ าร ๓๐ ปี” (Thirty Years’ War) ทหารและการเมอื ง ทจ่ี ะเขา้ มายึดครองอาณานิคม จึง พลกิ ท่าทีหนั ไปเปน็ ศตั รู แล้วด�ำเนนิ การกวาดลา้ ง (per- เยอรมนซี ง่ึ เป็นสนามรบหลักหมดประชากรไป ๗ secution) คนท่ไี ปถือครสิ ต์ ถึงกบั ออกเป็นประกาศ ล้านคน คอื ๑ ใน ๓ ของทงั้ ประเทศเวลานน้ั (คนเยอรมนั ราชการตอ่ เนอื่ งเปน็ ชดุ เร่ิมแตป่ ี ๒๑๔๙ และขบั ไล่ฝร่ัง ตายในสงครามน้ีมากกว่าตายในสงครามโลกครงั้ ที่ ๑) ออกไป แลว้ ปิดประเทศต้ังแต่ พ.ศ. ๒๑๘๓ (ค.ศ. 1640) และถงึ ตอนนี้ จักรวรรดโิ รมนั อันศักด์ิสทิ ธิ์ทอ่ี ่อนเปลยี้ มา เปน็ ต้นมา รวมเวลา ๒๐๐ ปเี ศษ กระทั่งนายพลแมทธิว ต้ังแตเ่ กดิ โปรเตสแตนต์ขึ้น ก็นบั ไดว้ า่ สลาย เหลอื สกั แต่ เปอร์รี นำ� เรือรบอเมริกันมาบงั คบั ให้ญีป่ ุน่ เปิดประเทศอีก ชือ่ จกั รวรรดแิ ละนามพระจักรพรรดทิ เ่ี ปน็ เกยี รติยศ ใน พ.ศ. ๒๓๙๗ (ค.ศ. 1854) คาทอลกิ -โปรเตสแตนต์ รบกัน ๓๐ ปี “เมอ่ื บ้านเมืองดี เยอรมนีย่อยยับ เขาสรา้ งวัดใหล้ ูกทา่ นเลน่ ” พ.ศ. ๒๑๖๑-๙๑ (ค.ศ. 1618-48) ช่วงเวลาใน พ.ศ. ๒๑๖๓–๒๑๗๑ (ค.ศ. 1620-1628) ทีก่ รงุ ยุโรป ซงึ่ มสี งครามศาสนาระหว่างโรมนั คาทอลกิ กับ ศรีอยุธยา หลังรัชกาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชแลว้ โปรเตสแตนต์ ทเ่ี รยี กวา่ “สงคราม ๓๐ ป”ี (Thirty พระราชอนชุ า คอื สมเดจ็ พระเอกาทศรถครองราชย์ตอ่ มา Years’ War) อกี ๑๕ ปี (๒๑๔๘/1605–๒๑๖๓/1620) จากน้นั เปน็ รัชกาลของโอรส ๒ พระองคต์ ดิ ตอ่ กัน คอื เจา้ ฟ้าศรี- ความขัดแย้งและทำ� ลายลา้ งกันระหวา่ งชาวคริสต์ เสาวภาคย์ ซง่ึ ครองราชยไ์ มถ่ งึ ๑ ปี กถ็ กู จมน่ื ศรเี สาวรกั ษ์ นิกายใหม่คอื โปรเตสแตนต์ กับนกิ ายเดิมคอื โรมนั กับพวกจบั สำ� เรจ็ โทษเสีย แลว้ ถวายราชสมบัติแก่โอรส คาทอลกิ รุนแรงและขยายกวา้ งออกไปเรือ่ ยๆ จนในท่ีสุด อกี พระองคห์ นง่ึ ท่ปี ระสูติแต่พระสนม ซ่ึงไดผ้ นวชอย่ทู ี่ เวลาผา่ นมา ๑๐๑ ปี ถึง พ.ศ. ๒๑๖๑ กเ็ กิดเป็นสงคราม 144 หา้ มซอ้ื -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพอ่ื การศึกษาสว่ นตัวเทา่ น้นั ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ตอ่ ต้องตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น
วัดระฆงั จนมีสมณศักดิ์เปน็ พระพมิ ลธรรม ลาสกิ ขามา โดยเฉพาะชาวญป่ี นุ่ ไดเ้ ขา้ มาอยนู่ านแลว้ มากมาย จากซา้ ย: ขึ้นเสวยราชย์ใน พ.ศ. ๒๑๖๓ (บางต�ำราว่า ๒๑๕๓) เป็น พระเจา้ ทรงธรรมทรงสง่ ทตู คณะแรกไปญปี่ นุ่ เมอ่ื ปี ๒๑๖๔ พระเจา้ เจมส์ที่ ๑ สมเดจ็ พระอนิ ทราชาธิราช (พระราชพงศาวดารฉบับ ชาวญป่ี ุ่นมบี ทบาทส�ำคัญ ถึงกับมกี รมทหารอาสาญปี่ ุ่น มณฑปพระพุทธบาท พระราชหัตถเลขา เรียกว่า สมเดจ็ พระบรมราชาที่ ๑) ซ่ึงหัวหนา้ ชื่อยามาดา นางามาซา มคี วามดีความชอบใน ออกญาเสนาภิมุข ประชาชนยกย่องถวายพระนามว่าพระเจ้าทรงธรรม ราชการหลายครง้ั จนพระเจา้ ทรงธรรมทรงตง้ั เปน็ ออกญา เสนาภมิ ุข (ต่อมาถกู พระเจา้ ปราสาททองสง่ ไปเปน็ เจ้า- บอกหนังสือพระภกิ ษสุ ามเณรท่พี ระท่ีน่งั จอมทองสาม ถงึ ยุคนี้ สยามไดม้ ีชาวต่างชาติเข้ามาค้าขาย เมืองนครศรธี รรมราช และท�ำอบุ ายก�ำจดั เสยี ) แต่ทหาร หลงั เนืองๆ (ในยคุ รตั นโกสนิ ทร์ ก็มีประเพณบี อกหนังสือ ต้งั ถ่นิ ฐาน ตลอดจนเขา้ รบั ราชการกนั มากแลว้ เรม่ิ ดว้ ย ญ่ีปุ่นกข็ ึน้ ต่อเจา้ นายที่ตา่ งกนั ไป จงึ มีบางพวกกอ่ ปญั หา พระในพระบรมมหาราชวงั สืบมา) เมื่อมผี พู้ บรอยพระ โปรตเุ กสมาในรชั กาลสมเด็จพระรามาธิบดที ี่ ๒ (๒๐๓๔- ขน้ั รนุ แรงถงึ กับเป็นขบถ เมอ่ื ถูกปราบไดห้ นีไปยึดเมือง พทุ ธบาทบนไหลเ่ ขาสวุ รรณบรรพต เมอื งสระบรุ ี กไ็ ดท้ รง ๒๐๗๒/1491-1529) สเปนและดัทชก์ ม็ ีทตู เข้ามาตง้ั แต่ เพชรบุรี แล้วหนตี อ่ ไปยดึ เมอื งบางกอก กวา่ จะแก้ปญั หา ถวายทดี่ นิ โดยรอบกว้าง ๑ โยชน์ โปรดให้สร้างมณฑป รัชกาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ตอ่ มาในรชั กาล เสรจ็ ใช้เวลาถึงปคี ร่งึ สวมรอยพระพทุ ธบาท สร้างพระอารามท่ีเชงิ เขา และให้ สมเดจ็ พระเอกาทศรถ นอกจากกษตั ริยฮ์ อลันดา (ดทั ช์) ฝร่ังส่องกลอ้ งตดั ถนนจากตำ� บลทา่ เรอื มาถึงเชิงเขา โปรด ไดส้ ง่ ทตู มาเพือ่ ไมตรีทางการคา้ แล้ว พระองคก์ ท็ รงสง่ พระเจ้าทรงธรรมไดท้ รงศึกษาพระปริยตั ธิ รรม ใหป้ ระชมุ ราชบณั ฑติ แตง่ กาพยม์ หาชาตใิ นปี ๒๑๗๐ และ ราชทตู ไปยงั ฮอลแลนด์ในปี ๒๑๕๐ และได้พระราชทาน ช�ำนาญมาแต่ยังผนวช และได้มีพระราชศรทั ธาเสด็จออก โปรดใหส้ ร้างพระไตรปิฎกไว้จบบรบิ รู ณ์ เมอ่ื มาถึงยุคนี้ ทีด่ นิ ให้พวกดทั ชต์ ้ังภมู ิล�ำเนาอยูท่ างใตก้ รุง บนริมแมน่ �้ำ ได้มีความนิยมสร้างวดั กันมากขนึ้ จนกระทั่งว่าผใู้ ดมเี งิน ฝัง่ ตะวนั ออก อังกฤษกน็ �ำเรอื คา้ ขายเขา้ มากรุงศรอี ยธุ ยา มฐี านะพอ ก็มักสรา้ งวดั ไว้ประจำ� วงศต์ ระกูล เปน็ ท่เี กบ็ เปน็ คร้ังแรกต้ังแตป่ ี ๒๑๕๕ ครน้ั ถึงรัชกาลพระเจ้า อฐั ิบรรพบรุ ุษ และวดั เป็นที่ศกึ ษาเลา่ เรียน จนมคี �ำกล่าว ทรงธรรมนี้ พระเจ้า James I แหง่ อังกฤษ (ครองราชย์ กนั มาว่า “เมื่อบา้ นเมืองดี เขาสรา้ งวดั ให้ลูกทา่ นเลน่ ” 1603/๒๑๔๖–1625/๒๑๖๘ ตอ่ จากพระราชินีเอลซิ าเบธ ที่ ๑) ได้มพี ระราชสาส์นเข้ามาขอรบั ความสนบั สนุนให้ ชาวองั กฤษได้รับความสะดวกในการค้าขาย อยา่ งไรกด็ ี การค้าขายของชาวต่างชาตเิ หล่าน้ีมกี ารแกง่ แย่งแขง่ ดกี นั มาก จนปะทะกันรนุ แรงหรือถึงกบั รบกนั เชน่ ในช่วงปี ๒๑๖๐–๒๑๖๒ คราวหนึ่ง พวกโปรตุเกสยึดเรอื ฮอลนั ดา ดว้ ยไม่พอใจว่าได้สิทธิทางการค้าเหนอื ตน ต่อมา เรอื องั กฤษ ๒ ลำ� รบกบั เรอื ฮอลนั ดา ๓ ล�ำ ในอา่ วปตั ตานี แต่กรงุ สยามก็แก้ปญั หาให้สงบไปได้ดว้ ยดี ห้ามซอื้ -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพอื่ การศกึ ษาส่วนตัวเทา่ น้นั ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใช้ต่อ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น 145
จากซ้าย: พระเจา้ ชาห์ ชะฮาน พระนางมมุ ตัซ มาฮาล พระเจา้ ออรังเซบ หนภี ยั ศาสนา สู่อเมริกา หาอิสรภาพ ในนวิ อิงแลนด์ (เขตรฐั แมสซาชูเซตส)์ เมอ่ื เดอื นธนั วาคม เกาะแมนฮตั ตนั นวิ ยอรก์ ราคา๒๔เหรยี ญ คณะนี้มี ๑๐๒ คน ได้ช่ือวา่ “พิลกรมิ ส”์ (Pilgrims) พ.ศ. ๒๑๗๓ (ค.ศ. 1620) ชาวคริสตพ์ วกเพยี ว- พ.ศ. ๒๑๗๙ (ค.ศ. 1626) พวกฮอลันดาซอ้ื เกาะ รติ นั (Puritans) ซงึ่ หนกี ารกำ� จดั กวาดลา้ ง (persecution) จากซ้าย: แมนฮตั ตัน (ในเมอื งนวิ ยอร์ก) จากชาวอินเดยี นแดง ของโปรเตสแตนตน์ ิกายอังกฤษไปยังอมั สเตอรด์ มั ใน เรอื Mayflower เจ้าถ่ิน ในราคา ๒๔ เหรยี ญ ($24) (ถ่นิ น้ชี าวดทั ชเ์ รียกว่า ฮอลแลนด์ตัง้ แต่ ค.ศ. 1608 ไดล้ งเรอื Mayflower มาหา ขึ้นฝั่งท่พี ลีมธั นิวอมั สเตอรด์ ัม/New Amsterdam; ต่อมาอังกฤษยดึ อสิ รเสรภี าพในแผน่ ดนิ อเมรกิ า ขนึ้ ฝง่ั ทพ่ี ลมี ธั (Plymouth) เกาะแมนฮตั ตัน ไปไดแ้ ละตงั้ ชือ่ ใหม่วา่ นวิ ยอร์ก/New York) กาลิเลโอขึ้นศาล 146 หา้ มซอื้ -ขาย อนญุ าตใหใ้ ช้เพื่อการศกึ ษาส่วนตวั เท่านนั้ ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ิขสิทธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ ่อ ต้องตดิ ต่อขออนุญาตจากเจ้าของก่อน
ทชั มาฮาล อนุสรณร์ ักตลอดกาล ชาฮ์ ชะฮานเตรียมการจะสร้างอนุสรณ์ทฝี่ ังศพ ของพระองคไ์ ว้เคียงค่ทู ชั มาฮาล แตเ่ มือ่ พระองค์ประชวร พ.ศ. ๒๑๙๑ (1648) ทชั มาฮาล (Taj Mahal) ณ ในปี ๒๒๐๐/1657 โอรสส่ีองค์ได้ชงิ อ�ำนาจกนั เมืองอัครา (Agra) ท่พี ระเจ้าชาฮ์ ชะฮาน (Shah Jahan) จกั รพรรดโิ มกลุ สรา้ งเป็นอนสุ รณ์ท่ฝี ังศพมเหสี มมุ ตัซ ออรงั เซบชนะแลว้ ปลดราชบดิ า ขึน้ เปน็ จกั รพรรดิ มาฮาล (Mumtaz Mahal) ซึ่งสวรรคตเมือ่ ปี ๒๑๗๒ โดย เอง และขงั พระเจา้ ชาฮ์ ชะฮานไวใ้ นปอ้ มอคั รา (Agra fort) เร่ิมสรา้ งในปี ๒๑๗๓ ได้เสร็จสนิ้ ลง ใชเ้ วลาสร้าง ๑๗ ปี จนสวรรคตในปี ๒๒๐๙/1666 (มุมตซั สวรรคตเมอื่ พระชนม์ ๓๔ พรรษา ขณะที่ ชาฮ์ ชะฮาน มพี ระชนม์ ๓๗ พรรษา หลังจากมโี อรสธดิ า ๑๔ องค)์ กาลเิ ลโอขึ้นศาลสอบศรทั ธา คาร์ดนิ ัลรเิ ชลลู รอดตายเพราะยอมสละค�ำสอน มหาราช (Louis XIV King of France หรอื Louis the พ.ศ. ๒๑๘๖ (ค.ศ. 1633) กาลเิ ลโอ (Galileo Great; คลุมรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แหง่ Galilei) นักวิทยาศาสตรย์ ่ิงใหญ่ เผยแพร่ความร้วู า่ ดวง กรงุ ศรอี ยธุ ยา พ.ศ. ๒๒๐๐-๒๒๓๑) อาทติ ย์เปน็ ศูนยก์ ลางของจักรวาล ถูกคริสตศ์ าสนจกั ร จบั ขนึ้ ศาลไตส่ วนศรัทธา (Inquisition) ยอมสละค�ำสอน อำ� นาจอนั ยิง่ ใหญ่ของรัชกาลนี้ สืบมาจากฐานท่ี ของตน ได้พ้นโทษประหาร แตต่ อ้ งโทษกักขงั อยใู่ นบ้าน วางไว้แลว้ ในสมัยของพระราชบิดา คือ พระเจ้าหลยุ ส์ที่ จนตายใน ค.ศ. 1642 ๑๓ ครั้งน้นั แม้วา่ ฝร่งั เศสจะเปน็ ดนิ แดนคาทอลกิ แตก่ าร กวาดลา้ งพวกโปรเตสแตนต์ ทไ่ี ดก้ ระทำ� อยา่ งรนุ แรงทสี่ ดุ บาทหลวงใหญ่ วา่ การแผ่นดนิ ฝรง่ั เศส อยา่ งทีเ่ รียกว่าใหเ้ หี้ยนแผน่ ดนิ นนั้ ก็เปน็ การกระทำ� อยา่ ง อิสระ ไมร่ อฟงั กรุงโรม โดยมบี าทหลวงใหญ่ช้นั คาร์ดินลั พ.ศ. ๒๑๘๖-๒๒๕๘ (ค.ศ. 1643-1715) ที่ (ระดบั รองโปป๊ ) ชือ่ ริเชลลู (Cardinal Richelieu, 1585- ฝรง่ั เศส เป็นรชั กาลท่ยี าวย่งิ ของพระเจา้ หลยุ สท์ ี่ ๑๔ 1642) เปน็ อคั รมหาเสนาบดี บัญชาการแผ่นดินแทนพระ องค์ นำ� ฝรงั่ เศสเขา้ ร่วมสงคราม ๓๐ ปี พยายามท�ำลาย อำ� นาจของสเปน และไดแ้ ผข่ ยายดนิ แดนออกไปอกี บนั่ ทอน จักรวรรดิโรมันอันศกั ด์ิสทิ ธใ์ิ ห้ออ่ นเปล้ยี หนกั ลงไป ห้ามซือ้ -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพอ่ื การศึกษาสว่ นตวั เทา่ นน้ั ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ขิ สทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน 147
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แล้วพระศรสี ุธรรมราชา อนชุ าของพระเจ้าปราสาททอง หน้าตรงข้ามจากบน: ครองราชย์ได้ ๒ เดอื น กอ่ เร่อื งขัดเคอื งพระทยั แกส่ มเดจ็ ราชทตู ฝรั่งเศสเข้าเฝา้ กษัตริย์ไทย พระนารายณ์ซ่งึ ไดร้ ่วมสังหารเจา้ ฟ้าชยั มาด้วยกนั จงึ ถูก โกษาปาณถวายราชสาส์น ปลงพระชนม์ บัดน้ี พ.ศ. ๒๑๙๙ มาถึงรัชกาลอันยาว ๓๒ ปี ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ซ่ึงเป็นพระ ฝรัง่ เศสมา พาการทตู คกึ คกั ลงท้าย ราชโอรสของพระเจา้ ปราสาททอง ฝรัง่ เศสถกู ไล่ พาเมืองไทยเข้าเงยี บ ในรัชกาลนี้ ความสัมพันธ์กบั ประเทศตา่ งๆ พ.ศ. ๒๑๙๙–๒๒๓๑ (ค.ศ. 1656-1688) ท่ีกรงุ เจรญิ สืบตอ่ มา แต่คราวหน่งึ ไดเ้ กดิ พพิ าทกับองั กฤษถงึ ศรีอยธุ ยา ส้นิ รัชกาลพระเจา้ ทรงธรรมแลว้ ๒๘ ปีต่อมา กับประกาศสงคราม จงึ ขาดไมตรกี นั ไปช่วงหนึ่ง และมี มกี ษตั รยิ ถ์ งึ ๕ พระองค์ และใน ๕ พระองคน์ นั้ ๔ พระองค์ ประเทศมิตรใหม่คอื ฝรั่งเศสซ่ึงเร่ิมเขา้ มาคา้ ขายท่ีกรุงศร-ี มเี วลาครองราชย์รวมกนั เพียง ๓ ปี กลา่ วส้นั ๆ ว่า ๒ อยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๒๒๔/1681 แต่ในความสมั พนั ธ์กบั พระองคแ์ รก คอื พระราชโอรสของพระเจา้ ทรงธรรม ไดแ้ ก่ ฝรงั่ เศสนี้ เน่อื งจากจดุ หมายของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ สมเด็จพระเชษฐาธิราชครองราชย์ได้ปเี ศษหรือไม่ถึงปี ก็ ทรงมุ่งจะนำ� ศาสนาคริสตน์ ิกายโรมันคาทอลกิ เขา้ มาเปน็ ถูกเจ้าพระยากลาโหมสรุ ิยวงศ์ส�ำเรจ็ โทษเสีย (พระเจ้า สำ� คัญ ดังทพี่ ระองค์ทรงดำ� เนนิ การอยา่ งถึงทสี่ ดุ ใน ทรงธรรมเอง เอกสารบางแหลง่ กว็ ่าทรงถูกเจ้าพระยา ประเทศฝรั่งเศสเอง เปา้ หมายนเี้ ปน็ แกนขับเคล่ือนให้ กลาโหมฯ วางยาพิษ) แลว้ พระอนุชาคอื สมเด็จพระ- สมั พันธไมตรีกับฝรง่ั เศสแขง็ ขนั โดยความสัมพนั ธ์ทาง อาทิตยวงศ์ พระชนมายุ ๙ พรรษา ครองราชยไ์ ด้ ๓๘ วัน ศาสนานน้ั พว่ งพนั กนั ไปกบั ความสมั พนั ธท์ างดา้ นการเมอื ง ก็ถูกยกลงจากเศวตฉัตร (ตอ่ มากถ็ กู ประหารชวี ติ ) แล้ว และการทหาร ยิ่งมฟี อลคอน (Constantine Phaulkon, เจา้ พระยากลาโหมฯ กข็ น้ึ เปน็ กษตั รยิ พ์ ระนามวา่ พระเจา้ ชาวไอโอเนยี นกรกี /โยนก มากับเรอื พาณชิ ยข์ ององั กฤษ) ปราสาททอง ครองราชย์อยู่ ๒๕ ปี (๒๑๗๓/1630– ทม่ี ารับราชการกา้ วหนา้ จนได้เป็นเจา้ พระยาวชิ เยนทร์ ๒๑๙๘/1655) เมอ่ื สวรรคตแลว้ เจา้ ฟา้ ชยั ซงึ่ เปน็ พระราช- ชว่ ยจัดชว่ ยหนุนด้วย กจิ การงานเมืองดา้ นฝร่ังเศสกเ็ ปน็ โอรสองคใ์ หญ่ครองราชย์ได้ ๓-๔ วนั ก็ถกู จับส�ำเร็จโทษ เรือ่ งเดน่ จนความสมั พันธก์ ับประเทศอน่ื ๆ เลือนรางไป ไทยกส็ ่งคณะทูตไปฝรง่ั เศส และฝรงั่ เศสกส็ ง่ ทูตมาไทย ผลัดเปล่ยี นแลกกันไปมา โดยเฉพาะคร้งั สำ� คญั คอื ท่พี ระ วสิ ูตรสนุ ทร (โกษาปาน) เป็นหวั หน้าคณะน�ำไป คขู่ นาน กบั การทตู ฝรง่ั เศสกส็ ง่ ทหารมาจำ� นวนมาก ซง่ึ ไดไ้ ปประจำ� รักษาป้อมที่เมืองส�ำคญั ๆ โดยจัดเขา้ ในราชการไทย 148 ห้ามซื้อ-ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพื่อการศึกษาสว่ นตัวเท่านนั้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ตอ่ ต้องติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของกอ่ น
ในการนี้ ด้านประโยชนก์ ็มีมาก เช่น คนไทยไดฝ้ ึก ฝร่งั เศสได้เขยี นเป็นขอ้ สงั เกตส�ำคญั ไวใ้ น จดหมายเหตุ หดั การทหารและการช่างอย่างตะวนั ตก ได้เรยี นรวู้ ิชาการ การเดินทางของพระสังฆราชแห่งเบริธประมุขมิสซังสู่ ใหมๆ่ นกั เรยี นไทยไดไ้ ปศกึ ษาในฝรงั่ เศส แตใ่ นขณะเดยี วกนั อาณาจกั รโคจินจนี ว่า “ขา้ พเจ้าไม่เชอ่ื ว่าจะมปี ระเทศใด ก็กอ่ ใหเ้ กิดความหวาดระแวงว่าฝรง่ั เศสจะเปน็ ก�ำลังหนุน ในโลก ท่มี ศี าสนาอยู่มากมาย และแตล่ ะศาสนาสามารถ รว่ มกบั เจา้ พระยาวชิ เยนทรค์ ดิ การใหญค่ รอบครองเมอื งไทย ปฏิบตั พิ ธิ ีการของตนไดอ้ ยา่ งเสรีเทา่ กับประเทศสยาม” ในท่ีสดุ ขณะเมอื่ สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชประชวร (กรมศิลปากร, ๒๕๓๐) หนัก แลว้ เสดจ็ สวรรคตในปี ๒๒๓๑ พระเพทราชาและ ขนุ หลวงสรศกั ด์ิ (ต่อมาคือพระเจา้ เสือ) ก็ไดย้ ึดอ�ำนาจ ในดา้ นพระพทุ ธศาสนา ประเพณบี วชเรยี นที่สบื กำ� จดั เจา้ พระยาวชิ เยนทรก์ บั พวก และขบั ไลท่ หารฝรงั่ เศส มา คงเป็นท่ีนยิ มแพรห่ ลายมาก และในรัชกาลน้ี ผบู้ วช ออกจากเมืองไทย แลว้ พระเพทราชากข็ น้ึ ครองราชย์ กไ็ ด้รับพระบรมราชปู ถมั ภ์อย่างดี ทำ� ใหค้ นหลบเล่ียง ราชการไปบวชกนั มาก จึงคราวหน่ึงมีรบั สงั่ ให้ออกหลวง ต่อจากนี้ กรงุ สยามซง่ึ เคยเปิดกว้างในการต้อนรับ สรศักด์ิ เปน็ แม่กองประชุมสงฆ์สอบความรพู้ ระภกิ ษุ ชาวตา่ งชาติ กเ็ ปลย่ี นนโยบายกลบั ตรงขา้ ม แมจ้ ะไมถ่ งึ กบั สามเณร ผูท้ ่หี ลบลบ้ี วช สอบไดค้ วามชดั วา่ ไมม่ คี วามรใู้ น ปิดประเทศอยา่ งญ่ปี ่นุ (๒๑๔๐–๒๓๙๗/1597-1854) ก็ พระศาสนา ถกู บงั คบั ใหล้ าสกิ ขาจำ� นวนมาก นอกจากนี้ จำ� กดั และระมดั ระวงั ความสมั พนั ธก์ บั ตา่ งประเทศจงึ นอ้ ยลง ประเพณีบวชแล้วพน้ ราชภยั กไ็ ดป้ รากฏในรชั กาลน้ี ดว้ ย ดังปรากฏวา่ เม่ือประชวรจะสวรรคต พระเพทราชา ในดา้ นกจิ การศาสนา สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช กบั ขนุ หลวงสรศกั ดไ์ิ ดล้ อ้ มวงั ไวเ้ ตรยี มจะยดึ อำ� นาจ กท็ รงดำ� เนนิ ตามวถิ ไี ทยพ้ืนฐาน คอื ทรงใหเ้ สรภี าพในการ พระองคโ์ ปรดใหช้ ว่ ยชวี ติ บรรดาขา้ ราชการฝา่ ยในไว้ ดว้ ย นับถือศาสนา นอกจากทรงออกพระราชกฤษฎกี าอนุญาต การถวายพระราชวงั เปน็ วสิ งุ คามสมี า แลว้ พระสงฆม์ สี มเดจ็ ใหร้ าษฎรนบั ถอื ศาสนาใดๆ กไ็ ดแ้ ลว้ ยงั ทรงอปุ ถมั ภค์ รสิ ต์ พระสงั ฆราชเป็นประธานทำ� สังฆกรรมอุปสมบทบุคคล ศาสนาและศาสนาอนื่ ๆ เชน่ โปรดใหส้ รา้ งวดั เซนตโ์ ยเซฟ ท่ี เหล่านนั้ นำ� ไปพระอาราม เป็นอันพ้นภยั สถติ ของสงั ฆนายกทอ่ี ยธุ ยา และสรา้ งวดั เซนตเ์ ปาโลทล่ี พบรุ ี และตะนาวศรี เปน็ ตน้ พระเจ้าหลยุ สท์ ่ี ๑๔ ถงึ กบั ทรงคดิ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเอาพระทัยใส่ ว่าพระองคท์ รงเล่ือมใสในคริสต์ศาสนา และได้มพี ระราช ในการพระศาสนา การศึกษา และสง่ เสริมวรรณคดีมาก สาส์นทลู เชิญเข้ารีตดว้ ยใน พ.ศ. ๒๒๒๘ แตส่ มเด็จพระ- ดังไดท้ รงมพี ระราชปุจฉาไปยงั คณะสงฆห์ ลายครั้ง มี นารายณม์ หาราชทรงผ่อนผันดว้ ยพระปรีชาญาณว่า หาก วรรณคดพี ทุ ธศาสนาเหลอื มาถงึ ปจั จบุ นั หลายเรอ่ื ง เปน็ พระผู้เปน็ เจ้าพอพระทัยใหพ้ ระองค์เข้ารตี เมอ่ื ใด กจ็ ะ ยคุ หนง่ึ ทร่ี งุ่ เรอื งของวรรณคดี ทงั้ ทรงพระราชนพิ นธเ์ อง บนั ดาลใหเ้ กดิ ศรทั ธาขนึ้ ในพระทยั ของพระองคเ์ มอื่ นน้ั เอง และมกี วสี ำ� คญั มากทา่ น เชน่ ศรปี ราชญ์ พระมหาราชครู พระโหราธิบดี ขุนเทพกวี พระศรีมโหสถ เสรภี าพทางศาสนาในเมืองไทยนี้ บาทหลวง ห้ามซ้อื -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพื่อการศกึ ษาส่วนตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน 149
โมกลุ ก�ำจดั ฮินดอู กี พ.ศ. ๒๒๐๑ (1658) พระเจ้าออรังเซบ (Aurang- zeb) ข้ึนครองราชย์ ขยายอาณาเขตออกไปไดก้ วา้ งทีส่ ดุ ในยคุ โมกลุ แตไ่ ดม้ ุ่งมัน่ ห้�ำหั่นบฑี า (persecution) ชาว ฮินดแู ละสิกข์ เปน็ เหตุใหร้ าชวงศโ์ มกุลสญู เสียอำ� นาจ ปกครองราษฎรลงไปมาก ออรังเซบครองราชยอ์ ยู่ ๔๙ ปี เม่ือสวรรคตในปี ๒๒๕๐ แลว้ จกั รวรรดโิ มกุลได้แตกสลายอยา่ งรวดเร็ว ท้ัง เพราะเกิดสงครามสบื ราชสมบตั ิ ทง้ั ตา่ งประเทศรุกราน และแควน้ ใหญน่ อ้ ยกต็ ้ังตัวเป็นอิสระ ฝรงั่ เศสสมยั พระนารายณ์ ครัน้ ถงึ ปี ๒๒๕๘ (ค.ศ. 1715) พระเจ้าหลยุ สท์ ่ี กำ� จัดครสิ ต์ตา่ งนกิ าย ๑๔ กป็ ระกาศวา่ พระองคไ์ ดท้ ำ� ใหก้ ารทกุ อยา่ งของศาสนา โปรเตสแตนตใ์ นฝรั่งเศสจบสิ้นแลว้ ในพ.ศ. ๒๒๐๘ (ค.ศ. 1665) พระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔ (Louis XIV) ดำ� เนินการก�ำจดั กวาดล้าง (persecution) พวกฮเู กนอตส์ (โปรเตสแตนต)์ ครง้ั ใหม่ และยงิ่ กวา่ นน้ั ใน พ.ศ. ๒๒๒๘ (ค.ศ. 1685) ไดย้ กเลกิ โองการแห่งแนนต์สท์ ี่ พระเจา้ เฮนรที ี่ ๘ ประกาศไว้ แลว้ กำ� จดั หนกั ขนึ้ เพอ่ื ลา้ งใหส้ น้ิ การนที้ ำ� ใหช้ าวโปรเตสแตนตห์ นไี ปอยตู่ า่ งประเทศ เชน่ องั กฤษ ปรสั เซยี เนเธอรแ์ ลนด์ และอเมรกิ า มากกวา่ ๔ แสนคน หลายจงั หวดั ถงึ กับร้างทเี ดยี ว (“...several provinces were virtually depopulated.” <The Concise Columbia Encyclopedia, 1991) ท�ำให้ ฝรัง่ เศสสญู เสียกำ� ลังคนที่มีคณุ ภาพ ขาดกำ� ลงั งานของ ชาตใิ นยคุ ปฏิวัติอตุ สาหกรรม ทก่ี ำ� ลงั จะมาถงึ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี ๑๔ 150 หา้ มซือ้ -ขาย อนุญาตให้ใช้เพอ่ื การศกึ ษาสว่ นตัวเท่านัน้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลขิ สทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ อ่ ต้องตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน
ชาหต์ เี ดลี ขนทรพั ย์ไป ทพั ชาห์ทำ� ลายพระ พ.ศ. ๒๒๘๒ (ค.ศ. 1739) เนเดอร์ ชาห์ แห่ง อนึ่ง กองทัพของเนเดอร์ ชาหน์ ้ี เปน็ ผ้ทู ำ� ลายพระ จักรวรรดิอิหรา่ น ตอ้ งการทุนทรพั ยจ์ �ำนวนมาก จึงมาตี พักตร์พระพทุ ธรูปใหญ่ ๒ องค์ (สงู ๕๓ และ ๓๗ เมตร) ยึดนครเดลีของโมกลุ ในปี ๒๒๘๒ แลว้ ขนเอาสมบตั ิ ทพ่ี ามยิ าน อนั อยูบ่ นทางผา่ นสู่เดลี ซ่ึงตอ่ มาพวกทาลบิ นั มหาศาลไป รวมทัง้ บลั ลงั ก์นกยงู และเพชรโกอนิ วั ร์ ไดท้ ำ� ลายครงั้ สุดท้ายหมดทัง้ องค์ เม่อื ตน้ ปี ๒๕๔๔ (Koh-i-noor diamond คือเพชร ๑๐๙ กะรตั ท่มี าอยู่ ในมงกุฎพระราชนิ วี กิ ตอเรยี ตลอดถึงกษตั ริยอ์ งั กฤษใน หนา้ ตรงข้ามจากซา้ ย: บดั นี้) ชว่ ยใหง้ ดเกบ็ ภาษีในอิหร่านไดถ้ ึง ๓ ปี เนเดอร์ ชาห์ บัลลังก์นกยูง เพชรโกอนิ วั ร์ ................... มงกุฎพระราชินีวิกตอเรีย อหิ ร่านห�ำ้ ห่ันมุสลิมสหุ นี่ ท่ีต่างนกิ าย เปอรเ์ ซียอ่อนก�ำลัง และอา้ งการที่มุสลมิ สุหน่ีถกู รังแก ก็ “เนเดอร์ ชาห”์ (Nadir Shah) จากนั้นกร็ บขยายดนิ แดน บุกเขา้ มา ทางฝ่ายพระเจ้าซารแ์ หง่ รสั เซียก็ฉวยโอกาส จนจักรวรรดอิ หิ ร่านหรอื เปอรเ์ ซยี นั้น ยิ่งใหญไ่ มห่ ย่อน พ.ศ. ๒๒๖๒ (ค.ศ. 1719) เนื่องจากอหิ รา่ น หรือ ขยายแดนเข้ามา แล้วทงั้ สองก็มาตกลงเอาดนิ แดนรอบ กว่าสมยั กอ่ น รวมท้ังทะลุอัฟกานสิ ถานเข้ามา และไดม้ าตี เปอร์เซยี ซึ่งประชากรส่วนใหญเ่ ป็นมสุ ลิมนกิ ายชีอะฮ์ นอกของเปอรเ์ ซียมาแบ่งกัน ยึดนครเดลขี องราชวงศ์โมกลุ ในปี ๒๒๘๒ ขนทรัพยไ์ ป ได้ห้ำ� หั่นบฑี า (persecution) พวกมสุ ลมิ นิกายสุหนี่ มากมาย ทเ่ี ปน็ ข้างน้อย คร้งั น้ันเฮราท (Herat; ปัจจุบันอยูใ่ น ชาห์ผไู้ ม่ชอบสวรรค์ อัฟกานิสถาน ต.ตก ฉ.เหนอื ) ซงึ่ เปน็ สุหน่ี ไดแ้ ขง็ เมอื ง อยา่ งไรกด็ ี ความเก่งกาจของเขาทีว่ า่ รบไหนชนะ ชาห์แหง่ ราชวงศ์ซาฟาวิด (Safavid dynasty) จึงสง่ ทัพ พ.ศ. ๒๒๗๙ (ค.ศ. 1736) ระหวา่ งนน้ั ขา่ นผหู้ นงึ่ นัน่ นั้นขน้ึ ชอื่ แต่ในเร่ืองความโหดรา้ ย ข้รี ะแวง วนุ่ กบั การ ไปปราบ แตพ่ ลาดพา่ ยสูญเสียก�ำลังมาก ซง่ึ เป็นขา้ เก่าท่จี งรกั ภักดีของชาหแ์ ห่งราชวงศซ์ าฟาวดิ หาทนุ มาทำ� สงคราม และสนใจแต่การรบราฆา่ ฟนั ปราบ ไดซ้ อ่ งสุมก�ำลงั และเขา้ มารบจนในทีส่ ดุ กก็ ูบ้ ัลลงั ก์ท่เี สยี ปราม ถึงขนาดทเี่ มอ่ื มผี ูท้ ูลว่าในสวรรค์ไม่มีสงคราม ก็ ตอ่ มาอกี ๓ ปี (ค.ศ. 1722) เจ้าผู้ครองกันทหาร ไป ๔ ปี จากพวกอฟั กันคืนให้แก่โอรสของชาห์องคเ์ กา่ ได้ ตรสั ว่า “แล้วอย่างนนั้ ในสวรรคจ์ ะไปสนุกอะไร” (Kandahar ในอฟั กานิสถาน) ซ่งึ เคยเป็นส่วนหน่ึงของ แล้วออกรบกูด้ นิ แดนจากพวกออตโตมานเตอรก์ ตลอด เปอรเ์ ซีย ก็ยกทพั มาตชี นะเปอรเ์ ซีย ตั้งตัวเป็นชาหเ์ อง จนเอาดนิ แดนคนื จากรัสเซีย เนเดอร์ ชาห์ ไม่ใส่ใจบำ� รุงสขุ ของประชาชน แถม ฆ่าฟนั ล้างโคตรลม้ ราชวงศ์ซาฟาวิดกับทงั้ ขนุ นางข้าราช- ย่ิงชรากย็ ิ่งร้าย ไปไหนกส็ ั่งฆา่ สัง่ ทรมานคน ราษฎรเดือด บริพารเปน็ ตน้ อยา่ งโหดเหย้ี ม แต่แลว้ ตัวเขาเองก็เกดิ ในที่สดุ คงเห็นว่าชาห์และโอรสอ่อนแอ ก็เลยข้ึน ร้อนมาก ต่อมาก็เกดิ ความไมส่ งบข้ึนท่ีโน่นที่น่ี ต้องปราบ เสยี จรติ หลานขนึ้ ครองแทน และการฆา่ ฟนั สงั หารก็ ครองราชยเ์ องในปี ๒๒๗๙ (ค.ศ. 1736) เฉลิมพระนามวา่ กันเรื่อย ในทส่ี ุดทหารของชาหก์ ป็ ลงชีพพระองคเ์ สยี เอง ด�ำเนนิ ต่อไป ใน พ.ศ. ๒๒๙๐ (ค.ศ. 1747) ฝา่ ยสลุ ต่านแหง่ ออตโตมานเตอรก์ ฉวยโอกาสที่ หา้ มซอ้ื -ขาย อนญุ าตให้ใชเ้ พ่อื การศึกษาสว่ นตวั เท่านั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลิขสิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น 151
หา้ มซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศึกษาสว่ นตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ขิ สิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจ้าของกอ่ น
๘ ๐ ๐ ปี ที่ อิ น เ ดี ย ไ ม่ มี พุ ท ธ ศ า ส น า ข) ฝรง่ั มา พทุ ธศาสนากลับเร่มิ ฟ้นื หา้ มซือ้ -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พื่อการศึกษาสว่ นตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสทิ ธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ต่อ ตอ้ งตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน
ค) ยุคอังกฤษปกครอง อังกฤษชนะฝรง่ั เศส ไดเ้ บงกอล องั กฤษรว่ มปกครองอินเดีย พ.ศ. ๒๓๐๐ (ค.ศ. 1757) อังกฤษกบั ฝรง่ั เศส ตอ่ มาปี ๒๓๑๗/1774 บริษทั อนิ เดยี ตะวนั ออก หลังจากแขง่ อทิ ธพิ ลกันมานานเพื่อครองอ�ำนาจในอนิ เดีย ขององั กฤษ กเ็ ขา้ รว่ มจดั การปกครองประเทศอนิ เดยี โดย บรษิ ทั อินเดียตะวนั ออก ขององั กฤษ (British East มวี อร์เรน ฮาสตงิ ส์ (Warren Hastings) เป็นข้าหลวงใหญ่ India Company) รบชนะบรษิ ัทอนิ เดียตะวันออกของ อังกฤษคนแรก จากนัน้ ก็ขยายอำ� นาจออกไปเรื่อยๆ ฝร่งั เศส (French East India Company) ท่รี วมกำ� ลงั กบั กองทัพของกษัตรยิ โ์ มกุลแหง่ อนิ เดยี อังกฤษชนะแล้วได้อำ� นาจปกครองแควน้ เบงกอล อังกฤษร่งุ อตุ สาหกรรมเรม่ิ ปฏวิ ัตสิ ู่ความก้าวหน้ายุคใหม่ พ.ศ. ๒๒๙๓-๒๓๙๓ (ค.ศ. 1750-1850) เกดิ ความเปลยี่ นแปลงน้ี สบื เนอื่ งจากการคนื ชพี ของ การปฏวิ ัติอตุ สาหกรรม (Industrial Revolution) ซ่งึ ศลิ ปวิทยาการตัง้ แต่ปี ๑๙๙๖/1453 จนกระท่งั เกิดการ เริ่มข้ึนในประเทศอังกฤษ โดยมกี ารประดษิ ฐค์ ิดค้น การ ปฏวิ ตั ิวิทยาศาสตรท์ เ่ี ร่ิมขึ้นเมอ่ื ปี ๒๐๘๖/1543 และ พบแหล่งพลงั งานใหญอ่ ยา่ งใหม่ การใช้เคร่อื งจกั รกล เชน่ ดำ� เนนิ ตอ่ มาตลอด ค.ศต.ที่ ๑๖ และ ๑๗ ซงึ่ ทำ� ใหป้ ระชาชน เคร่ืองจกั รทอผ้า เครอ่ื งจักรไอนำ้� เป็นต้น มกี ารจัดตง้ั เกดิ ความต่นื ตวั ทางปัญญายงิ่ ขนึ้ จนทำ� ให้ ค.ศต.ท่ี ๑๘ โรงงาน นำ� ไปส่กู ารพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม ไดช้ อื่ วา่ เปน็ (ยคุ แหง่ ) การเรอื งปญั ญา (Enlightenment) สบื ต่อมา เมื่อมาประสานกับการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมนี้ ก็ จากบน: ทำ� ให้เกดิ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวิถีชวี ิตในยุโรป เครื่องจกั รทอผ้า ท้ังทางความคิด ความเชือ่ เศรษฐกิจ และสังคม มนุษย์ เคร่อื งจักรไอน้�ำ สมัยใหมพ่ ากนั เชือ่ ในคตแิ หง่ ความกา้ วหน้า (idea of พระอุบาลีเถระ progress) ว่าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะพามนษุ ยไ์ ป สู่ความเจริญและสขุ สมบรู ณ์ยง่ิ ข้นึ ไปไม่มีที่ส้นิ สุด 154 หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตให้ใช้เพอื่ การศกึ ษาส่วนตวั เทา่ นั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ีลิขสทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น
อังกฤษสำ� รวจโบราณสถาน หนา้ ตรงขา้ ม: วอร์เรน ฮาสตงิ ส์ บุคคลเร่มิ แรกส�ำคัญในดา้ นน้ี ท่จี ะเสริมความรู้ จากซา้ ย: ประวัติศาสตร์โลกโดยเชือ่ มโยงตะวันตก-ตะวันออก ดว้ ย เซอร์ วลิ เลียม โจนส์ เรอื่ งการเดนิ ทพั ของอเลกซานเดอรม์ หาราช กบั อาณาจกั ร แซมมวล จอหน์ สัน กรีก/โยนกในอาเซียกลาง คอื เซอร์ วิลเลยี ม โจนส์ (Sir William Jones) ผพู้ ิพากษาศาลฎีกาแห่งกลั กัตตา ทา่ นผนู้ ้ี เมอ่ื ปี ๒๓๑๗ ไดร้ ว่ มกบั แซมมวล จอหน์ สนั (Samuel Johnson เปน็ ผชู้ ำ� นาญงานพจนานกุ รม) เรง่ เรา้ ให้ผูส้ �ำเรจ็ ราชการขององั กฤษ ทป่ี กครองอินเดยี เวลาน้นั คอื วอรเ์ รน ฮาสตงิ ส์ (Warren Hastings) ดำ� เนนิ งานส�ำรวจ ซากโบราณสถานและสืบค้นหาเมืองเก่าๆ ในอนิ เดีย จน กระทงั่ ตอ่ มาอกี ๑๐ ปี กม็ กี ารตง้ั อาเซยี สมาคมแหง่ เบงกอล เกิดสยามวงศ์ในลังกาทวีป โปรตุเกสเปน็ นักล่าอาณานคิ มพวกแรกทีม่ าถงึ ลงั กาทวปี อปุ ถัมภเ์ รือเดินสมทุ ร ในปี ๒๐๔๘/1505 เมอ่ื มอี �ำนาจข้ึนกไ็ ด้ข่มเหงประชาชน (พวกดัทชน์ ี้ ไดช้ ว่ ยชาวลงั กาทวีปรบขบั ไล่พวก พ.ศ. ๒๒๙๓ (ค.ศ. 1750) เน่อื งจากศาสนวงศ์ใน ฆ่าพระสงฆ์ ทำ� ลายวดั บงั คบั คนใหเ้ ขา้ รตี เป็นคาทอลกิ ลงั กาทวีปสญู ส้นิ พระเจ้ากิตติสิรริ าชสิงห์จงึ ทรงส่งคณะ และขนทรพั ย์ไปเมืองของตน รวมทั้งขนบัลลังก์งาช้างของ โปรตเุ กสออกไปจนหมดในปี ๒๒๐๑/1658 แตแ่ ล้วพวก ทตู มายังราชอาณาจกั รสยาม ในรชั กาลพระเจ้าอยหู่ ัว กษตั รยิ ์สิงหฬไปยงั กรงุ ลสิ บอน ดทั ชก์ เ็ ขา้ ครองดนิ แดนชายทะเลแทนทพี่ วกโปรตเุ กส และ บรมโกศ แห่งกรุงศรอี ยธุ ยา ขอพระสงฆ์ไทยไปอปุ สมบท แผศ่ าสนาครสิ ต์นกิ ายโปรเตสแตนต์ แม้จะไมโ่ หดร้าย ชาวลังกา ได้พระอบุ าลเี ถระเปน็ หัวหน้าคณะเดินทางไป ตอ่ มา พระเจ้าราชสิงห์ท่ี ๑ รบชนะโปรตเุ กส ข้นึ มากอย่างพวกโปรตุเกส ชาวสิงหฬต้องรบกบั พวกดทั ช์ ในปี ๒๒๙๖ พำ� นกั ทวี่ ดั บุพพาราม กรุงแกนดี ประกอบ ครองราชย์ในปี ๒๑๒๔/1581 แต่พระองค์ไดท้ ำ� ปิตฆุ าต อกี เกือบ ๑๖๘ ปี จนพวกอังกฤษมาขบั ไลด่ ัทชไ์ ปใน พิธีผูกสมี าแล้วอุปสมบทกลุ บตุ ร ฟน้ื สังฆะในลังกาทวปี พระสงฆว์ า่ เป็นอนนั ตริยกรรมแก้ไขไมไ่ ด้ จงึ ทรงหนั ไป ปี ๒๓๓๙/1796 แต่แลว้ ในทสี่ ดุ ณ วันท่ี ๒ มีนาคม ขึ้นใหม่ เกิดเป็นคณะสงฆอ์ ุบาลีวงศ์ หรอื สยามวงศ์ หรอื บ�ำรงุ ศาสนาฮินดนู ิกายไศวะ และท�ำลายพระพุทธศาสนา ๒๓๕๘/1815 อังกฤษกป็ ลดพระเจ้าศรวี ิกรมราชสิงห์ สยามนกิ าย อนั เป็นคณะสงฆใ์ หญท่ ่สี ดุ ในศรลี งั กาจน โดยเผาคมั ภีร์ และฆ่าพระสงฆ์จนหมดส้ิน เช้อื สายทมิฬ จากราชบัลลงั ก์ เป็นอนั ส้ินวงศ์กษตั ริยข์ อง ปจั จุบนั สามเณรสรณงั กร ซงึ่ ได้รับอปุ สมบทในคราวน้ัน ลังกาทวปี และเอาประเทศเป็นเมอื งขึน้ หมดส้ิน) ได้รับสถาปนาเปน็ พระสังฆราชแหง่ ลังกาทวีป ครัน้ พระเจ้ากติ ติสิริราชสิงห์ขนึ้ ครองราชย์ จะ ทรงฟืน้ ฟพู ระพุทธศาสนา จงึ ทรงสง่ คณะทตู ไปยงั สยาม พงึ ทราบเหตทุ ี่สังฆะในศรีลังกาสูญสน้ิ ว่า พวก ประเทศ ทง้ั น้ี โดยไดร้ บั ความรว่ มมอื จากพวกดทั ช์ ช่วย หา้ มซอ้ื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พือ่ การศึกษาส่วนตวั เทา่ นั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน 155
เสียกรุงคร้ังท่ี ๒ สงั คมได้ คนท่จี ะมเี หย้าเรอื น ต้องไดบ้ วชเรียนเปน็ “คน เสยี และทรงตงั้ พระราชโอรสพระองค์น้อยคอื เจ้าฟ้า พระเจา้ ตากสิน กเู้ อกราช ตง้ั กรุงธนบรุ ี สุก” ก่อน ปรากฏว่า ในรชั กาลนี้ ผทู้ จ่ี ะเป็นขุนนางมียศ อทุ ุมพร กรมขนุ พรพินิต เปน็ พระมหาอปุ ราช เพือ่ สบื ตอ้ งเป็นผูท้ ไ่ี ดบ้ วชแลว้ จงึ จะทรงตง้ั ถึงเจ้านายในพระ ราชสมบัตติ ่อไป แตต่ อ่ มา เม่ือพระเจ้าบรมโกศประชวร พ.ศ. ๒๓๑๐–๒๓๒๕ (ค.ศ. 1767-1782) ท่กี รุง ราชวงศก์ ผ็ นวชทุกพระองค์ แตใ่ นลงั กาทวปี ศาสนวงศ์ หนัก เจา้ ฟ้าเอกทศั กล็ อบลาผนวชมาต้ังพระองคเ์ ปน็ ศรีอยุธยา ส้นิ รัชกาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ใน สูญสิน้ พระเจา้ กิตตสิ ริ ิราชสิงหจ์ งึ ทรงสง่ สิริวัฒนอำ� มาตย์ อสิ ระอยู่ในวงั ครนั้ เมอ่ื พระเจา้ บรมโกศสวรรคตในปี ปี ๒๒๓๑/1688 แล้ว ผ่านมาอีก ๓ รชั กาล คอื สมเดจ็ เปน็ ราชทตู มาใน พ.ศ. ๒๒๙๓/1750 เพอื่ ขอพระภกิ ษุ ๒๓๐๑/1758 แลว้ สมเดจ็ พระเจ้าอุทมุ พรครองราชยไ์ ด้ พระเพทราชา (ต้นราชวงศ์สดุ ทา้ ยของกรุงศรอี ยุธยา คอื สงฆ์ไปให้อปุ สมบทบวชกลุ บตุ รทนี่ น่ั คณะสงฆไ์ ทย มี ยงั ไมเ่ ตม็ ๒ เดอื น ทรงพระประสงคม์ ใิ หเ้ กดิ เหตเุ ดอื ดรอ้ น ราชวงศพ์ ลูหลวง, ๒๒๓๑–๒๒๔๖/1688-1703) พระเจา้ พระอุบาลีเปน็ หวั หนา้ เดนิ ทางไปในปี ๒๒๙๖ และได้ฟืน้ จึงถวายราชสมบตั ิแกเ่ จา้ ฟ้าเอกทัศ ซง่ึ ขน้ึ ครองราชย์ เสือ (สมเดจ็ พระสรรเพ็ชญท์ ี่ ๘ หรือขุนหลวงสรศักด์ิ สงั ฆะข้ึนใหม่ เกิดเปน็ คณะสงฆอ์ บุ าลีวงศ์ หรอื สยามวงศ์ เปน็ สมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวพระท่ีน่ังสุริยาสนอ์ มรินทร์ โอรสของสมเด็จพระนารายณ์ แตเ่ ป็นบุตรเลย้ี งของพระ หรือสยามนกิ ายสืบมา (“ขนุ หลวงข้เี รอ้ื น”) ส่วนพระองค์เองเสดจ็ ออกไปทรง เพทราชา, ๒๒๔๖–๒๒๕๑/1703-1708) และสมเดจ็ ผนวชแลว้ ประทับที่วดั ประดู่ ครัน้ พม่ายกทัพมาตีกรงุ พระเจา้ อยู่หวั ทา้ ยสระ (สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ี่ ๙ โอรส พระเจ้าบรมโกศครองราชยอ์ ยู่ ๒๖ ปี มีพระราช- ศรอี ยุธยาใน พ.ศ. ๒๓๐๓ จงึ ได้ลาผนวชออกมาช่วยแก้ไข องค์ใหญ่ของพระเจ้าเสอื , ๒๒๕๑–๒๒๗๕/1708-1732) โอรสเปน็ เจา้ ฟา้ ชาย ๓ พระองค์ (มพี ระราชธดิ าทเี่ ปน็ เจา้ - สถานการณโ์ ดยทรงออกวา่ ราชการแผน่ ดิน จนเมื่อพม่า รวม ๔๕ ปี เม่ือจะข้ึนรชั กาลใหม่ เกดิ การแย่งราชสมบตั ิ ฟา้ หญิง และพระราชโอรสพระราชธดิ าที่เป็นพระองคเ์ จา้ ถอยทพั ไปแลว้ ทรงเหน็ พระเจา้ เอกทศั มพี ระอาการระแวง เปน็ ศึกกลางเมืองคร้ังใหญท่ ี่สดุ ระหว่างพระราชอนชุ าซ่ึง อกี หลายพระองค)์ พระองค์ใหญ่คือ เจ้าฟ้าธรรมธเิ บศร์ กไ็ ดเ้ สดจ็ ออกผนวชอกี จงึ ไดพ้ ระนามวา่ “ขนุ หลวงหาวดั ” เป็นกรมพระราชวังบวร (พระมหาอุปราช) กับพระราช- กรมขนุ เสนาพิทกั ษ์ (“เจ้าฟา้ กุง้ ”) ครัง้ หนงึ่ ท�ำความผดิ (ต่อมา เมอื่ พม่ายกทพั มาอกี และกรุงใกลจ้ ะแตกในปี โอรสองค์กลางที่ไดร้ บั มอบราชสมบตั ิ (พระองค์ใหญ่ไม่ ฉกรรจถ์ ึงโทษประหาร จึงทรงผนวชเพื่อพน้ ราชภยั และ ๒๓๑๐ ขา้ ราชการและราษฎรวงิ วอนใหล้ าผนวชถึงกับ ยอมรบั ราชสมบตั ิจึงออกผนวช) ในทสี่ ุด กรมพระราชวัง เลยได้ทรงศึกษาธรรม กับทั้งทรงสามารถเชงิ กวี ไดน้ พิ นธ์ เขยี นหนังสอื ทูลเชิญใส่ในบาตรยามเสดจ็ ออกบณิ ฑบาต บวรชนะแล้วขึน้ ครองราชย์ เรยี กกนั วา่ สมเดจ็ พระเจา้ วรรณคดเี รอื่ งนนั โทปนนั ทสตู รค�ำหลวง และพระมาลยั สตู ร ก็มไิ ดท้ รงยอมตามอีก) อย่หู ัวบรมโกศ (สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี ๓, ๒๒๗๕– ค�ำหลวง (ตอ่ มา ทรงนพิ นธก์ าพยเ์ หเ่ รอื และกาพยห์ อ่ โคลง ๒๓๐๑/1732-1758) และทรงก�ำจัดกวาดลา้ งข้าราชการ ท่ีขนึ้ ชอื่ ลือชาและเป็นแบบฉบบั , เจ้าฟา้ กุณฑล และ กษตั รยิ ์พม่า คอื พระเจา้ มงั ระ แหง่ กรงุ อังวะ ได้ วังหลวงเสยี มากมาย เปน็ เหตุหนงึ่ ให้บา้ นเมอื งออ่ นแอลง เจา้ ฟา้ มงกุฎ ซ่งึ เป็นพระกนษิ ฐภคนิ ี กไ็ ด้ทรงนพิ นธเ์ รือ่ ง โปรดให้เนเมยี วสีหบดี และมังมหานรธา ยกทพั มาตกี รงุ อิเหนาใหญ่ และอเิ หนาเล็ก) เม่อื ได้รบั พระราชทาน ศรีอยธุ ยา ไดล้ อ้ มกรงุ อยู่ ๒ ปี ในท่ีสดุ กเ็ สยี กรงุ แก่พม่า โดยท่วั ไป ในรัชกาลนี้ บา้ นเมืองสงบสขุ การบวช อภยั โทษแล้ว ต่อมาไดเ้ ปน็ พระมหาอุปราช แตใ่ นทสี่ ุด ได้ ในวนั ที่ ๗ เมษายน ๒๓๑๐ (จลุ ยุทธการวงศ์ วา่ ในปีจอ เรยี นคงจะไดเ้ ป็นประเพณีทางการศกึ ษาท่ีแนน่ แฟ้นขึ้น ลอบเปน็ ช้กู บั พระมเหสีองค์หน่งึ จงึ ถกู ลงพระราชอาชญา ต่อปีกุน วนั องั คาร เดือน ๕ ข้ึน ๙ คำ�่ ) พมา่ เก็บกวาดคน แลว้ ตามทชี่ าวบา้ นถอื กนั มาว่าคนทบี่ วชเรียนแล้วเป็น สิ้นพระชนม์ สว่ นพระราชโอรสพระองค์กลางคอื เจา้ ฟา้ และทรพั ยส์ มบัติเอาไป เผาพระนครหมดส้นิ และทำ� ลาย ทดิ (นา่ จะเปน็ “ฑิต” ซึ่งกรอ่ นจาก “บัณฑิต”) มีความรู้ เอกทัศ กรมขุนอนรุ กั ษม์ นตรี พระเจ้าบรมโกศทรงเหน็ ว่า แม้กระทงั่ ก�ำแพงเมือง เปน็ อวสานของกรงุ ศรอี ยุธยาท่ไี ด้ ความคิดเป็นผู้ใหญ่ พรอ้ มที่จะรับผิดชอบครอบครัวและ เปน็ ผู้โฉดเขลา จะพาใหบ้ า้ นเมืองพบิ ตั ิ จงึ โปรดให้ผนวช เป็นเมืองหลวงมา ๔๑๗ ปี มกี ษตั รยิ ์ ๓๔ พระองค์ 156 หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตให้ใช้เพื่อการศึกษาสว่ นตัวเท่าน้นั ภาพประกอบส่วนใหญ่มลี ขิ สทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น
เม่ือใกลท้ ่ีกรุงจะแตก พระยาตาก ซงึ่ มาชว่ ยรบ ทั้งสูร้ บกบั พมา่ ที่เขา้ มาเป็นคสู่ งคราม และแก้ปญั หา จากซา้ ย: ปอ้ งกันพระนคร มองเห็นความออ่ นแอของผูป้ กครอง แวน่ แคว้นขา้ งเคยี ง แตก่ ระนน้ั กท็ รงใส่พระทัยจดั การ พระเจา้ ตากสนิ บ้านเมืองและสถานการณ์ทจ่ี ะรกั ษาไวไ้ มอ่ ยู่ ได้ตดั สินใจ บา้ นเมอื งให้สงบและร่มเยน็ มัน่ คงในทางสนั ติ ดงั ทว่ี ่า วดั อรณุ นำ� พลจ�ำนวนหนึ่งตฝี ่าวงล้อมของพม่าออกไป แล้วย้อน พอเริ่มตัง้ กรุง กท็ รงตั้งหลักทางจิตใจ ศีลธรรม และการ กลับมาก้กู รุงกลบั ได้ แตม่ องเหน็ สภาพอนั ไม่เหมาะทีจ่ ะ ศึกษาใหแ้ ก่ประชาชน เฉพาะอย่างยง่ิ จัดวัดตา่ งๆ ในกรงุ สร้างสมุดภาพไตรภมู อิ นั วจิ ติ รขนาดใหญ่ย่งิ และกองทัพ กลบั ฟ้ืนคนื ขึ้นเปน็ ราชธานี จึงมาต้งั กรงุ ธนบุรี แล้วเร่ิม ข้ึนเป็นวดั หลวง เลอื กสรรพระภกิ ษทุ ท่ี รงศลี ทรงธรรม ที่ไปตีเวียงจันทน์ได้เมอื งแลว้ อัญเชญิ พระแกว้ มรกตลงมา เป็นกษตั ริยป์ กครองในวันท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๓๑๐ ทรงปญั ญาอาราธนามาสถาปนาเปน็ สมเด็จพระสงั ฆราช ตอนปลายรัชกาล ทรงใฝ่พระทัยในการบ�ำเพญ็ กรรมฐาน ตัง้ เปน็ พระราชาคณะ เปน็ ตน้ และโปรดให้รวบรวม มาก และทา้ ยสุด ในปี ๒๓๒๕/1782 มเี ร่ืองบันทกึ มาว่า ตลอดรชั กาลของพระเจ้าตากสินมหาราช ๑๕ ปี คมั ภีรพ์ ระไตรปิฎกจากหัวเมืองมาเลอื กคดั จดั เป็นฉบบั ทรงมีพระสตฟิ ัน่ เฟอื น ถงึ กบั ทรงพิสูจนค์ วามบริสุทธิ์ของ เต็มไปด้วยการศึกสงคราม ทั้งปราบก๊กต่างๆ ของคนไทย หลวง แมจ้ ะไมท่ นั เรียบรอ้ ยกอ่ นสิ้นราชการ โปรดใหจ้ ัด พระสงฆ์ดว้ ยการใหด้ ำ� นำ�้ และเขา้ พระทยั วา่ ทรงไดเ้ ปน็ ท่ีแตกแยกและต้ังตัวกันข้ึนมายามบา้ นเมอื งระส่�ำระสาย พระอริยบุคคล ทรงให้พระสงฆก์ ราบไหวพ้ ระองค์ และ ลงโทษพระสงฆท์ ไี่ มย่ อมตาม ในกรงุ กเ็ รมิ่ เกดิ เหตวุ นุ่ วายจน ตอ้ งระงบั เรอ่ื งโดยในวาระสดุ ท้ายพระองคถ์ ูกสำ� เรจ็ โทษ เป็นอนั สน้ิ รัชกาล หา้ มซื้อ-ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พือ่ การศกึ ษาส่วนตวั เทา่ นน้ั ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ อ่ ต้องตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน 157
อาเซยี สมาคม อังกฤษใฝศ่ กึ ษา ตัง้ อาเซยี สมาคม ผไู้ ดศ้ กึ ษาเล่าเรียนมากและมคี วามใฝร่ ู้ยงิ่ ข้นึ ไป การท่อี งั กฤษมาปกครองอนิ เดยี เมอื่ มองในแงผ่ ล พ.ศ. ๒๓๒๗ (ค.ศ. 1784) นกั ปราชญน์ ักศึกษา ชาวตะวันตกได้ตงั้ อาเซียสมาคมแห่งเบงกอลขึ้น เพ่อื ดี กท็ ำ� ใหเ้ กิดการศึกษาร้เู รอื่ งราวแต่โบราณ จนกระทง่ั เปน็ ที่ให้ชาวยโุ รปผสู้ นใจศลิ ปวิทยาของอาเซียมาพบปะ ประวตั ิศาสตรแ์ ห่งอารยธรรมของชมพทู วปี ปรากฏเด่นชัด หาความรูก้ นั โดยเฉพาะในเรอื่ งโบราณคดี เหรียญ ขนึ้ มา ดงั เชน่ ความเป็นมาของพระพทุ ธศาสนาและเร่ือง กระษาปณ์ และศิลาจารกึ ตา่ งๆ พร้อมท้งั วรรณคดีและ พระเจา้ อโศกมหาราช ท่ีจมซ่อนอยู่ใตผ้ นื แผ่นดนิ และจาง ต้นฉบบั บนั ทกึ ทั้งหลาย หายไปหมดแล้วจากความทรงจ�ำของชาวอินเดียเอง ก็ได้ ปรากฏขึน้ มาใหม่ด้วยอาศยั การศกึ ษาคน้ คว้าของชาว ท้งั นเี้ กิดจากความดพี ิเศษอนั เปน็ สว่ นทค่ี วรยกยอ่ ง อังกฤษเหลา่ น้ี ของชาวองั กฤษว่า แมจ้ ะมีขอ้ เสียท่ีไปมเี มอื งขึ้น แต่นกั ปกครองและนักบริหารขององั กฤษแทบทกุ คน เปน็ กปั ตนั คุกเดินเรือไป โลกได้รจู้ กั ทวปี ออสเตรเลีย องั กฤษไดอ้ าณานคิ ม พ.ศ. ๒๓๑๑ (ค.ศ. 1768) กปั ตันคกุ (Captain James Cook, เรียกกันว่า “Captain Cook”) ได้รบั มอบ หมายให้ไปท่เี กาะตาฮตี ิ (Tahiti) เพอ่ื ราชการบางอยา่ งใน งานทางดาราศาสตร์ แตม่ คี �ำส่งั ลบั วา่ รฐั บาลอังกฤษให้ เขาหาทางยึดครองแผน่ ดนิ ท่ลี อื กันวา่ เปน็ ทวปี ทางใต้ชอื่ วา่ Terra Australis เขาเดินเรือจากตาฮตี ติ อ่ ลงไปทางใต้ ถงึ จะไม่พบทวีปลึกลบั น้นั แตก่ ็ไปถึงนิวซแี ลนด์ (New Zealand) แล้วเลยไปทางตะวันตกจนพบแผ่นดนิ ทเ่ี ป็น ทวปี ออสเตรเลยี (Australia) ทำ� ใหอ้ งั กฤษไดอ้ าณานคิ ม อกี มากมาย เขาเดินทางหลายเทย่ี วไปจนถงึ ฝ่ังทวีป อเมรกิ าเหนอื ในทส่ี ุด ถูกคนพื้นถ่นิ ฆา่ ตายทเ่ี กาะฮาวาย National Library of Australia 158 ห้ามซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ช้เพือ่ การศึกษาสว่ นตัวเทา่ นัน้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของกอ่ น
องั กฤษอา่ นจารึกอโศกได้ สมาชกิ สำ� คัญคนหน่ึงของอาเซยี สมาคมแหง่ เบงกอลน้ี คอื เจมส์ ปรินเสป (James Prinsep; ช่วง ชวี ติ ค.ศ. 1799-1840) ได้เปน็ เลขานุการของสมาคม ตงั้ แตป่ ี ๒๓๗๕ และเป็นบุคคลแรกที่เพียรพยายามอา่ น ตวั อกั ษรพราหมี และอกั ษรขโรษฐี จนอ่านศลิ าจารกึ ของพระเจา้ อโศกมหาราชไดส้ �ำเร็จในปี ๒๓๘๐ จากซ้าย: เจมส์ ปรินเสป อักษรพราหมี อกั ษรขโรษฐี ประเทศอเมรกิ าเพิง่ เกิด นกั ดาราศาสตร์องั กฤษ พบดาวมฤตยู พ.ศ. ๒๓๑๘-๒๖ (ค.ศ. 1775-83) เกดิ ปฏิวัติ พ.ศ. ๒๓๒๔ (ค.ศ. 1781) เซอร์ วลิ เลยี ม เฮอเชล อเมริกัน (American Revolution) เป็นสงครามกบั (Sir William Herschel) นักดาราศาสตรช์ าวองั กฤษ อังกฤษ เพอื่ ปลดเปลื้องอเมรกิ าให้พน้ จากการเป็นอาณา- (เกดิ ในเยอรมนี) ค้นพบดาวเคราะห์ทตี่ ่อมาเรียกว่า นิคมคอื เมืองขึน้ ขององั กฤษ ซง่ึ ใชเ้ วลา ๘ ปคี ร่งึ โดย “ดาวมฤตยู” (Uranus) ซง่ึ อย่หู ่างดวงอาทติ ยป์ ระมาณ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า เกิดขึ้นดว้ ยการประกาศอิสรภาพ ๒,๘๗๐ ล้าน กม. เปน็ ลำ� ดับท่ี ๗ ในบรรดาดาวเคราะห์ ณ วันท่ี ๔ กรกฎาคม ๒๓๑๙/1776 ทง้ั ๙ เสน้ ผ่าศูนย์กลาง ๕๒,๒๙๐ กม. หมนุ รอบดวง อาทติ ยร์ อบละ ๘๔.๐๗ ปี อทิ ธิพลใหญ่ตอ่ โลกเวลาน้ี หนา้ ตรงขา้ มจากซา้ ย: พ.ศ. ๒๓๑๙ (ค.ศ. 1776) อดัม สมธิ (Adam กัปตันคุก Smith) ชาวสกอต พมิ พเ์ ผยแพร่ Wealth of Nations อนสุ าวรียเ์ ทพเี สรภี าพ อันเปน็ หนงั สือทมี่ ีอทิ ธิพลอย่างยิง่ ตอ่ ระบบทุนนยิ มท่ี หน้านจ้ี ากซ้าย: ครอบง�ำโลกยคุ ปัจจบุ ัน จอรจ์ วอชิงตัน อดมั สมิธ ระฆงั แห่งเสรีภาพ วิลเลยี ม เฮอเชล Wealth of Nations หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศึกษาสว่ นตัวเท่านน้ั ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ ่อ ต้องติดตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของก่อน 159
จากซ้าย: พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก พระบรมมหาราชวงั หนา้ ตรงข้ามจากซา้ ย: กฎหมายตราสามดวง วดั พระเชตพุ นฯ “... ยอยกพระพทุ ธศาสนา รตั นโกสนิ ทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรตั นราช- ป้องกันขอบขัณฑสมี า ธานบี ูรรี มย์ อุดมราชนิเวศนม์ หาสถาน อมรพิมานอวตาร- รกั ษาประชาชนและมนตร”ี สถติ สักกะทัตตยิ วิษณุกรรมประสิทธิ์”; เฉพาะ “อมร- รัตนโกสนิ ทร”์ ในรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ใหเ้ ปลย่ี นจาก พ.ศ. ๒๓๒๕ (ค.ศ. 1782) วนั ท่ี ๖ เมษายน ท่ี ค�ำเดิมวา่ “บวรรัตนโกสนิ ทร”์ ประเทศไทย พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก มหาราช เสดจ็ ข้ึนครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริยแ์ ห่ง ในรชั กาลน้ี (๒๓๒๕–๒๓๕๒/1782-1809) พม่า ราชวงศจ์ ักรี แล้วทรงย้ายเมืองหลวงมาตัง้ ทก่ี รุงเทพฯ ซงึ่ ก็ยังยกทพั มาตีอย่างต่อเนอื่ ง แตไ่ ทยกช็ นะในสงคราม ทรงสร้างข้ึนบนฝ่ังตะวนั ออกของแม่นำ้� เจ้าพระยา โดย ใหญท่ ุกครัง้ เร่มิ ตงั้ แต่สงครามเก้าทัพใน พ.ศ. ๒๓๒๘ ซึ่ง มีวดั พระศรีรตั นศาสดารามในพระบรมมหาราชวงั เป็น พระเจา้ ปดงุ มีกำ� ลังพลถงึ แสนสี่หม่นื สพ่ี นั คน จดั เป็น ๙ ท่ปี ระดิษฐานพระพุทธมหามณรี ตั นปฏมิ ากร พระแกว้ ทพั ยกมาตี ๕ ทาง วางกำ� หนดจะตกี รงุ เทพฯ พร้อมกนั มรกต เรมิ่ ยุครตั นโกสินทร์ จากทุกด้าน แตพ่ มา่ มาไมถ่ งึ กรุงเทพฯ ไทยมีก�ำลงั เพียง เจ็ดหม่ืนเศษ จดั เป็น ๔ ทพั กต็ ที พั พมา่ แตกกลบั ไป โดย กรงุ เทพฯ มชี ่ือเตม็ ว่า “กรงุ เทพมหานคร อมร- เผด็จศึกทีส่ นามรบทุ่งลาดหญา้ จ.กาญจนบรุ ี 160 หา้ มซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศึกษาส่วนตวั เทา่ น้ัน ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สิทธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใชต้ ่อ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น
ธนบุรี กรงุ เทพมหานครฯ แมน่ ำ�้ เจ้าพระยา แมว้ ่าบา้ นเมอื งยงั มีศกึ สงครามมากมาย กท็ รง จากการทบ่ี ้านเมืองยุ่งกบั ศึกสงครามระสำ�่ ระสาย พระสงฆแ์ ละคฤหัสถท์ �ำกจิ พิธมี คี วามสัมพนั ธ์ต่อกันและ มพี ระทยั มุ่งบ�ำรงุ ประโยชน์สขุ ของประชาราษฎร์ เริ่ม กวา่ จะกบู้ า้ นกู้เมอื งข้นึ มาฟน้ื ฟูจัดใหเ้ ข้ารปู ได้ ไม่นอ้ ย ประพฤตกิ ารท้ังหลายในทางพระศาสนาใหถ้ กู ต้อง เฉพาะ ด้วยดา้ นทส่ี ำ� คัญ งานรวบรวมพระไตรปิฎกทพ่ี ระเจา้ กวา่ ๒๐ ปี ราษฎรแตกกระสานซา่ นเซน็ ยากแค้น เตม็ ไป อย่างย่งิ ใหก้ ารบวชเป็นเรอื่ งของการศึกษาเลา่ เรยี นตาม กรงุ ธนบรุ ีไดท้ รงเรมิ่ ไวย้ งั ค้างอยู่ ครน้ั ถงึ ปี ๒๓๓๑ โปรด ด้วยการปลน้ ฆ่าแย่งชงิ เบยี ดเบยี นกันสุดลำ� เค็ญ ไมเ่ ป็น วัตถปุ ระสงค์ ดังความในกฎพระสงฆฉ์ บบั ที่ ๒ วา่ “...ถ้า ใหอ้ าราธนาพระสงฆป์ ระชมุ ท�ำสังคายนา ครั้งท่ี ๙ (คร้ัง อนั ไดศ้ ึกษาหรือคดิ การสรา้ งสรรค์ การบวชเรียนก็วปิ ริต สามเณรรปู ใด มีอายสุ มควรจะอปุ สมบทแล้ว ก็ให้บวช แรกของกรงุ เทพฯ) เสร็จแลว้ คดั ลอกสรา้ งเปน็ พระ พระสงฆข์ าดปัจจัยเครื่องอาศยั ฝดื เคืองเป็นอย่ไู มไ่ หว เขา้ ร่�ำเรยี นคนั ถธรุ ะ วิปสั นาธรุ ะ อย่าใหเ้ ที่ยวไปมาเรยี น ไตรปฎิ กฉบบั หลวง เรียกวา่ ฉบบั ทองใหญ่ (เดิมเรยี กวา่ ลาสกิ ขาไปจำ� นวนมาก แต่คนพวกหนง่ึ กลบั บวชมาหา ความรอู้ ิทธิฤทธใ์ิ หผ้ ิดธุระทง้ั สองไป .... จับได้ จะเอาตัว ฉบบั ทองทึบ) ประดษิ ฐานไวใ้ นหอพระมณเฑียรธรรม เพื่อ เล้ยี งชพี โดยใชค้ วามเช่อื เหลวไหลไสยศาสตร์ล่อหาลาภ สามเณรแลชีต้นอาจารยญาติโยมเปนโทษจงหนกั ” และ เปน็ หลักของแผ่นดิน (ตอ่ มาทรงสรา้ งเพม่ิ ๒ ฉบบั คอื การบวชมี แต่สารตั ถะคือการเรยี นหามีไม่ พระองคไ์ ด้ กฎพระสงฆ์ฉบับท่ี ๔ วา่ “… แตน่ ี้สืบไปเมื่อหนา้ ห้าม ฉบบั รองทอง และฉบบั ทองชบุ ) ทรงสรา้ งและปฏิสงั ขรณ์ ตรัสแสดงพระบรมราโชบายวา่ “ฝา่ ยพระพทุ ธจกั รพระ อย่าให้มีภกิ ษุโลเลละวฏั ะประนิบดั ... มไิ ด้ร่�ำเรียนธุระ พระอารามถงึ ๑๓ แหง่ เช่นทรงสรา้ งวดั พระเชตพุ นฯ ราชอาณาจักรยอ่ มพรอ้ มกนั ทงั สองฝ่ายชวนกนั ชำ� ระพระ ทงั สองฝา่ ย อย่าใหม้ ีได้เปนอนั ขาดทีเดยี ว” โปรดใหม้ ี (จัดวา่ เป็นวดั ประจ�ำรัชกาลท่ี ๑) ทรงฟื้นวรรณคดที ่ีถูก สาศนา” ถงึ กับได้ทรงตรากฎพระสงฆ์ รวม ๑๐ ฉบับ การสอนพระปริยตั ธิ รรมในพระบรมมหาราชวัง ตลอด เผาและสูญหายคร้งั กรงุ แตก เช่น รามเกียรติ์ อเิ หนา และ เพือ่ กวดขนั มิให้ภกิ ษสุ ามเณรประพฤตผิ ิดเพยี้ นจากพระ จนวงั เจ้านาย และบ้านข้าราชการผูใ้ หญ่ และทรงสบื ตอ่ อุณรทุ ธรรมวินยั มใิ ห้ติดหลงหรือชกั นำ� คนในไสยศาสตร์ ใหท้ ง้ั ประเพณีมพี ระราชปุจฉาถามคณะสงฆ์ ห้ามซื้อ-ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพือ่ การศึกษาสว่ นตัวเทา่ น้นั ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลขิ สิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ตอ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน 161
เนปาลเสียเอกราช พ.ศ. ๒๓๕๗-๒๓๕๙ (ค.ศ. 1814-16) เกดิ สงคราม กรู ขา่ ซ่ึงอังกฤษชนะแล้วผนวกเนปาลเขา้ มาเป็นรฐั ใน อารักขา (protectorate; ได้เอกราชในปี ๒๔๖๖/1923) นายทหารอังกฤษ กับกรู ขา่ ฝรัง่ เศสส่ปู ระชาธิปไตย ฝรงั่ เศสนำ� หน้า พาระบบเมตรกิ แพรไ่ ปทว่ั โลก พ.ศ. ๒๓๓๒-๒๓๕๘ (ค.ศ. 1789-1815) เกดิ การปฏิวตั ิฝรง่ั เศส (French Revolution) เป็นการ พ.ศ. ๒๓๔๒ (ค.ศ. 1799) ท่ปี ระเทศฝร่งั เศส เปล่ยี นแปลงทางการเมอื งท่ีลม้ ลา้ งระบอบเก่าในฝรง่ั เศส หลงั ปฏิวตั ใิ หญ่ (French Revolution) ในปี 1789 แลว้ ซึ่งมีขุนนาง (nobility) และคณะบาทหลวงคาทอลกิ ในปีตอ่ มา คือ 1790 มีการตง้ั คณะกรรมการข้ึนพิจารณา (clergy) เป็นผปู้ กครองประเทศ มาส่รู ะบอบการปกครอง แกป้ ญั หาการใช้มาตราช่งั -ตวง-วัด ที่ยงั ลักลน่ั สับสน ครั้น โดยรฐั ธรรมนญู ตามคำ� ขวัญวา่ “Liberty, Equality, ถงึ ปี 1793 ณ วันท่ี ๑ ส.ค. ไดม้ ขี อ้ ยตุ ขิ นั้ ตน้ ในการใช้ Fraternity” (เสรีภาพ สมานภาพ ภราดรภาพ) อนั ถือ ระบบเมตริก (metric system) เรม่ิ ด้วยการชั่งน�้ำหนัก กนั วา่ เปน็ แบบอย่างของการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นกิโลกรัม (kilogram) ต่อมา ๑๐ ธ.ค. 1799 จึงได้ ก�ำหนดค่าของมาตราลงไว้ในกฎหมายใหเ้ ป็นการแนช่ ัดลง รฐั ธรรมนญู ฝรงั่ เศสเรม่ิ ทคี่ ำ� ปรารภวา่ ดว้ ยประกาศ ไป จากนน้ั ความนยิ มในระบบเมตรกิ นกี้ ็แพร่ขยาย แห่งสิทธขิ องมนษุ ยแ์ ละพลเมอื ง (Declaration of the Rights of Man and Citizen) อันเป็นเอกสาร (อ่านเรอ่ื งเต็ม ใน ภาคพเิ ศษ ทา้ ยเลม่ ) ประวัตศิ าสตรส์ ำ� คญั Declaration of the Rights of Man and Citizen การปฏวิ ัตนิ ท้ี �ำให้ประเทศฝรั่งเศสเปลีย่ นจาก ราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐ แต่การขึน้ ครองอ�ำนาจ ของพระเจา้ นะโปเลียนไดแ้ ทรกคัน่ ให้กลบั ไปเปน็ ระบอบ สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ระยะหนึง่ 162 หา้ มซ้อื -ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พ่ือการศกึ ษาสว่ นตัวเท่าน้นั ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ ่อ ต้องตดิ ต่อขออนุญาตจากเจ้าของก่อน
พมา่ หมดอิสรภาพ องั กฤษ โจมตีคา่ ยพม่า พ.ศ. ๒๓๖๗-๒๓๖๙ (ค.ศ. 1824-26) ใกลก้ รงุ ยา่ งก้งุ สงครามพมา่ รบอังกฤษคร้งั แรก ต่อมาปี ๒๓๙๕ ก็มี สงครามคร้ังท่ี ๒ แต่ละครงั้ เสยี ดนิ แดนไปเพมิ่ ขน้ึ ๆ จน ในท่สี ดุ ปี ๒๔๒๙/1886 พม่าก็กลายเปน็ แควน้ หนึง่ ใน อนิ เดยี ขององั กฤษ จนมาได้เอกราชในปี ๒๔๙๑/ 1948 นะโปเลียนเปลี่ยนโฉมยโุ รป ภาษามือ เพ่อื คนหหู นวก ขยายโอกาส จากซา้ ย: ในการศกึ ษาออกไปกว้างไกล นะโปเลียน พ.ศ. ๒๓๔๗-๒๓๕๗ (ค.ศ. 1804-1814) ดยุคแห่งเวลลงิ ตัน พระเจา้ นะโปเลียนที่ ๑ จักรพรรดิฝรัง่ เศส (Napoleon พ.ศ. ๒๓๖๐ (ค.ศ. 1817) นักการศกึ ษาอเมรกิ นั ยุทธการท่ีวอเตอร์ลู I; เดิมเรียก Napoleon Bonaparte) แผ่อ�ำนาจไปทว่ั ชื่อ โธมสั แกลลอเดท (Thomas Hopkins Gallaudet) โธมสั แกลลอเดท ผืนแผน่ ดินใหญ่ของทวปี ยโุ รป ทำ� ให้จักรวรรดิโรมนั อัน หลังจากไปยโุ รปเพ่ือศึกษาหาวธิ สี อนเด็กหูหนวก ในท่สี ดุ ศกั ด์สิ ิทธิ์ถึงกาลอวสานในปี ๒๓๔๙/1806 ได้พอใจรบั เอาวิธีสอนภาษามอื หรือภาษาสญั ญาณ (sign คนหหู นวกใหเ้ ปล่าแห่งแรกของอเมรกิ า บตุ รชายทง้ั สอง language) จากฝรั่งเศส ครนั้ ถึงปี ๒๓๖๐ เขาได้ตั้ง ของเขาได้สืบตอ่ และขยายงานกุศลในการสอนคนหหู นวก แต่สุดทา้ ย นะโปเลียนก็ได้พ่ายแพ้แกก่ องทัพ Hartford School for the Deaf ขน้ึ เปน็ โรงเรยี นสอน ให้เจริญแพร่หลายย่ิงขนึ้ ไปอกี อังกฤษของ ดยุคแห่งเวลลิงตนั (Duke of Wellington) ในยทุ ธการที่ วอเตอรล์ ู (Waterloo) เมอ่ื ปี ๒๓๕๘/1815 หา้ มซอ้ื -ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พ่ือการศึกษาสว่ นตวั เทา่ นัน้ ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ต่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของก่อน 163
ในรชั กาลน้ี (๒๓๕๒–๒๓๖๗/1809-1824) อกั ษรเบรลล์ เพื่อคนตาบอด สมเด็จพระสงั ฆราช (ม)ี ไดข้ ยายหลักสูตรการเรยี นภาษา ความก้าวหนา้ ส�ำคญั ทางการศกึ ษา บาลี จาก ๓ ชนั้ (คอื เปรียญตรี-โท-เอก) เป็น ๙ ประโยค และสื่อสาร ก�ำเนดิ ธรรมยตุ ตกิ นิกาย พ.ศ. ๒๓๗๒ (ค.ศ. 1829) ทปี่ ระเทศฝร่งั เศส หลยุ ส์ เบรลล์ (Louis Braille) ตาบอดมาตงั้ แต่อายุ ๓ พ.ศ. ๒๓๗๒ (ค.ศ. 1829) ทีป่ ระเทศไทย ใน ขวบ ถงึ ปีนีม้ ีอายุ ๒๐ ปี ไดพ้ ฒั นาวิธีอา่ น เขยี น (และ รัชกาลท่ี ๓ เจา้ ฟ้ามงกุฎ (ร.๔ กอ่ นครองราชย)์ หลงั จาก พิมพ)์ หนังสือส�ำหรับคนตาบอดได้สำ� เร็จ เรยี กว่าอักษร โสกันต์แลว้ ไดท้ รงผนวชเป็นสามเณร ๗ เดอื น ตอ่ มา เบรลล์ เป็นรอยนูนของจุดทเี่ รียงกนั อา่ นด้วยการสมั ผสั ทรงผนวชเปน็ พระภิกษใุ นปี ๒๓๖๗ ประทบั ทว่ี ัดมหาธาตุ วสิ าขบูชาหายไปคราวส้ินอยธุ ยา อันเปน็ ท่ีสถติ ของสมเดจ็ พระสังฆราช ทรงสอบได้เปรยี ญ กลบั ฟื้นขึ้นมาเปน็ งานใหญ่ ๕ ประโยค ได้ทรงเล่ือมใสในความเครง่ วินยั ของพระ ภิกษมุ อญชอ่ื ซาย พทุ ฺธวโํ ส (ได้เป็นพระราชาคณะท่ี พ.ศ. ๒๓๖๐ (ค.ศ. 1817) ที่ประเทศไทย ใน พระสเุ มธาจารย์ อยวู่ ัดบวรมงคล) มพี ระประสงค์จะ รัชกาลท่ี ๒ (พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลัย) ประพฤตเิ ครง่ ครดั เชน่ นนั้ จงึ เสดจ็ ไปประทบั ทวี่ ดั สมอราย มีความในพระราชกำ� หนดพธิ ีวิสาขบชู า จ.ศ. ๑๑๗๙ วา่ (วัดราชาธิวาส) ใน พ.ศ.๒๓๗๒ ทรงอปุ สมบทใหม่ แลว้ “ทรงมีพระทยั ปรารถนาจะบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลใหม้ ผี ล ก�ำหนดด้วยการฝังลกู นิมิตผกู สมี าใหม่ของวดั สมอรายใน วเิ ศษย่งิ กว่าที่ไดท้ รงกระทำ� มา จงึ มพี ระราชปุจฉาถาม พ.ศ. ๒๓๗๖ วา่ เป็นการตัง้ คณะธรรมยตุ หรอื ธรรมยุต- คณะสงฆ์ มีสมเด็จพระสงั ฆราช (มี) เปน็ ประธาน ซง่ึ ได้ ติกนกิ าย (คณะธรรมยตุ ิกา ก็เรียก) จากนน้ั ไดเ้ สดจ็ มา ถวายพระพรถงึ โบราณราชประเพณีงานวิสาขบูชาดังสมัย ประทบั ณ วดั บวรนิเวศ ถอื เป็นศนู ยก์ ลางของคณะ พระเจา้ ภาตกิ ราช แหง่ ลงั กาทวีป” เป็นเหตุให้ทรงมี ธรรมยตุ ต่อมา พระราชโองการก�ำหนดวันพธิ ีวิสาขบชู านกั ขัตฤกษ์ใหญ่ ครงั้ ละ ๓ วนั จากซา้ ย: รชั กาลที่ ๒ หลยุ ส์ เบรลล์ อักษรเบรลล์ 164 หา้ มซื้อ-ขาย อนุญาตให้ใชเ้ พือ่ การศกึ ษาส่วนตัวเทา่ นนั้ ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ อ่ ตอ้ งติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน
เปิดแหง่ แรกของไทย และเมอ่ื วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๑ โดยชีวติ ส่วนใหญไ่ ด้เสียสละบ�ำเพญ็ ประโยชนใ์ หแ้ กส่ งั คม (วนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพของพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ ไทยมากมาย ตงั้ แต่กลางรัชกาลที่ ๓ ตลอดรชั กาลท่ี ๔ เจ้าอยูห่ ัว) ณ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนฯ มีพิธถี วาย (๒๓๙๔–๒๔๑๑/1851-1868) จนถึงต้นรัชกาลที่ ๕ เป็น ประกาศนียบตั รของยเู นสโก (UNESCO) ขนึ้ ทะเบยี น ผ้ทู ำ� การผ่าตัดแผนปจั จุบันครัง้ แรก รเิ ร่ิมปลกู ฝปี อ้ งกนั “จารึกวดั โพธ์ิ” เป็นเอกสารมรดกความทรงจ�ำของโลก ไขท้ รพษิ ตั้งโรงพมิ พห์ นังสอื ไทยครง้ั แรก ทำ� ให้คนไทย (Memory of the World) แหง่ ภมู ิภาคเอเชยี แปซฟิ ิก รจู้ ักสิง่ พิมพ์สมยั ใหม่และได้ประโยชนท์ างการศกึ ษาอยา่ ง มาก เชน่ พมิ พ์ประกาศห้ามสูบฝนิ่ ของทางราชการ ต�ำรา ในรชั กาลน้ี (๒๓๖๗–๒๓๙๓/1824-1850) ปลกู ฝี คมั ภรี ์ครรภร์ กั ษา ตำ� ราเรยี นภาษาอังกฤษ พระ นอกจากโปรดให้สรา้ งพระไตรปฎิ กฉบับหลวงเพ่มิ จำ� นวน ราชพงศาวดารไทย พงศาวดารจนี (เช่น สามก๊ก) นิราศ ขน้ึ มาก ทรงสร้าง ทรงปฏสิ ังขรณพ์ ระอาราม และทรง ลอนดอน กจิ จานกุ จิ อกั ขราภธิ านศรบั ท์ ปฏทิ นิ ภาษาไทย สง่ เสรมิ การสร้างและปฏสิ ังขรณว์ ัดมากเป็นพิเศษแล้ว ตลอดจนหนังสือรายปี (บางกอกกาลนั เดอร/์ Annual ทรงขยายการบอกพระปรยิ ตั ิธรรมแก่พระภิกษสุ ามเณร Bangkok Calendar) รายเดือน (บางกอกรีคอรเ์ ดอร์/ วัดโพธ์ิมีจารึกสรรพวิทยา ในพระบรมมหาราชวงั เตม็ ท้งั ๔ มขุ ของพระที่นั่งดุสติ Bangkok Recorder) และจดหมายเหตุ เม่อื ถงึ แกก่ รรม เปน็ มหาวทิ ยาลัยเปิดแห่งแรกของไทย มหาปราสาท โปรดให้จ้างอาจารยบ์ อกพระปรยิ ัติธรรม ณ ๒๓ มิ.ย. ๒๔๑๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ทกุ พระอารามหลวง พระราชทานอุปถมั ภแ์ กพ่ ระภิกษุ เจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานความชว่ ยเหลือเกย่ี วกับการศพ จากซ้าย: พ.ศ. ๒๓๗๔ (ค.ศ.1831) ทป่ี ระเทศไทย ใน สามเณรท่ีสอบได้ตลอดไปถึงโยมบดิ ามารดา และโปรดให้ รชั กาลท่ี ๓ รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา้ เจ้าอยูห่ วั โปรด จ้างอาจารย์สอนหนงั สอื ไทยแก่เด็ก เพราะครอบครวั ไม่มแี มแ้ ต่เงนิ ค่าทำ� ศพ หมอบรัดเลย์ ใหป้ ฏิสงั ขรณ์วดั พระเชตุพนฯ เป็นครง้ั ใหญ่ และโปรดให้ จารกึ วัดโพธิ์ ประชุมนักปราชญร์ าชบณั ฑติ ช่วยกันแต่งและรวบรวม หมอบรัดเลย์ ริเริม่ งานการแพทย์และ สรรพวทิ ยามาจารึกลงบนแผน่ หนิ ๑,๓๖๐ แผน่ ประดบั การพิมพแ์ ก่สังคมไทย ไว้ตามผนงั พระอุโบสถ เสาระเบยี งรอบพระอุโบสถ พระ วิหาร วหิ ารคด และศาลารายรอบพระมณฑป รวม ๘ พ.ศ. ๒๓๗๘–๒๔๑๔ (ค.ศ. 1835-1871) ที่ หมวด เช่น เรอื่ งพระพุทธศาสนา ตำ� รายาและแพทย์แผน ประเทศไทย หลังจากได้เรมิ่ มมี ชิ ชันนารอี เมรกิ นั เขา้ มาใน โบราณ วรรณคดี สภุ าษติ และภาพฤาษีดดั ตน เรยี กวา่ พ.ศ. ๒๓๗๑ แลว้ ถึงปี ๒๓๗๘ มิชชนั นารอี เมริกนั ทา่ น “ประชมุ จารกึ วดั พระเชตพุ น” หรอื เรยี กงา่ ยๆ วา่ “จารกึ หนงึ่ ทค่ี นไทยร้จู ักกันดีในช่ือวา่ หมอบรดั เลย์ (Rev. Dan วัดโพธิ์” ท�ำให้วัดพระเชตุพนฯ ไดช้ อื่ ว่าเปน็ มหาวทิ ยาลัย Beach Bradley) ได้เข้ามาท�ำงานเผยแพรค่ รสิ ตศ์ าสนา ห้ามซอ้ื -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพื่อการศกึ ษาส่วนตัวเท่านน้ั ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดต่อขออนญุ าตจากเจ้าของกอ่ น 165
ต้ังโรงเรียนอนุบาล ใหก้ ารเรยี น ได้ข้อยุตพิ อตง้ั ทฤษฎี ต้ังฐานความคดิ ของคอมมิวนสิ ต์ ไว้ใน เปน็ ประสบการณ์ ท่รี า่ เรงิ เบกิ บาน ว่าชวี ิตประกอบข้นึ ด้วยเซลล์ “The Communist Manifesto” พ.ศ. ๒๓๘๐ (ค.ศ. 1837) ที่ประเทศเยอรมนี พ.ศ. ๒๓๘๒ (ค.ศ. 1839) ท่ปี ระเทศเยอรมนี พ.ศ. ๒๓๙๑ (ค.ศ. 1848) ทก่ี รุงลอนดอน นักการศกึ ษาเยอรมนั ชือ่ เฟรอเบล (Friedrich Wilhelm นักพฤกษศาสตร์ ชอ่ื ชไลดนึ (Matthias Jakob Schlei- ประเทศอังกฤษ สนั นิบาตคอมมิวนสิ ต์ (Communist August Froebel) ตง้ั โรงเรียนอนบุ าล (kindergarten) den) กบั นกั สตั ววทิ ยาชื่อ ชวานน์ (Theodor Schwann) League) มีมตริ บั The Communist Manifesto ข้นึ เปน็ แหง่ แรก โดยม่งุ หวงั ให้การเรียนเปน็ ประสบการณ์ รว่ มกนั ศึกษาจนลงความเหน็ ว่า ชีวติ นั้น ไมว่ า่ สัตว์หรือ (Manifest des Kommunismus, “ค�ำประกาศ ทเ่ี ปน็ ไปเองแกเ่ ด็กด้วยความรา่ เริงสดใสเบกิ บาน ผลงาน พืช ลว้ นประกอบขนึ้ ด้วยเซลล์ กลา่ วคือ เซลลเ์ ป็น คอมมิวนิสต์” หรอื “ค�ำแถลงปณธิ านคอมมิวนสิ ต์”) ท่ี เลม่ ส�ำคญั ท่สี ดุ ของเขาช่อื ว่า The Education of Man องค์ประกอบพ้นื ฐานของชีวติ ถอื กันวา่ สองท่านนี้เป็นผู้ มาร์กซ์ (Karl Heinrich Marx) และเองเกลส์ (Friedrich (1826) วางรากฐานแห่งทฤษฎีว่าด้วยเซลล์ Engels) ไดเ้ ขยี นข้นึ อันเปน็ การแถลงหลกั การ เจตจ�ำนง และแนวปฏิบตั ิการของคอมมวิ นสิ ต์ เร่มิ ด้วยถือวา่ ไดโนเสาร์เพ่ือนรว่ มยุคของเต่าหายไป ประวตั ิศาสตร์ คือประวัตกิ ารตอ่ สู้ของชนชนั้ กรรมกร บ้างกลายเปน็ นก ทัว่ โลกจะต้องรวมตัวกันทำ� การปฏวิ ตั ิของคอมมวิ นิสต์ หมดจากโลกแต่ไดโนเสาร์ ในที่สุด ชัยชนะจะเปน็ ของชนกรรมาชีพ การตอ่ สขู้ อง แต่เตา่ ยงั อย่มู าเป็นคูข่ องกระต่าย ชนชน้ั จะจบสน้ิ โดยคอมมวิ นิสตจ์ ะเป็นทัพหน้าของชน กรรมาชีพน้นั ซึ่งมาล้มล้างการยึดครองทรัพย์สินส่วนตัว พ.ศ. ๒๓๘๕ (ค.ศ. 1842) กอ่ นนั้น ไมเ่ คยมใี คร และยกชนกรรมาชีพข้นึ เปน็ ผปู้ กครองอย่างไรกต็ าม ใน ไดย้ นิ คำ� ว่า “ไดโนเสาร์” หรือแม้แตเ่ คยนกึ เคยคดิ ถงึ สัตว์ ชว่ งเวลาระยะแรกท่ีประกาศนอ้ี อกมา ยงั ไม่มีอทิ ธพิ ลเปน็ อะไรอย่างนี้ จนกระทงั่ ถงึ ปี 1841 ทปี่ ระเทศอังกฤษ Sir ที่สนใจมาก มาร์กซ์และเองเกลส์เก็บตัวเงยี บอยหู่ ลายปี Richard Owen เชือ่ มโยงเร่ืองราวได้ความเข้าใจเป็นหลัก จนกระทงั่ ๑๖ ปตี อ่ มา ในปี 1864/๒๔๐๗ มกี ารชมุ นุม ขึน้ มา แลว้ ท�ำรายงานโดยเรยี กเปน็ ชอื่ รวมของสัตว์เหลา่ น้ี ตั้งสมาคมคนงานนานาชาตขิ ึน้ (เรยี กกันว่า “First Inter- วา่ “Dinosauria” พมิ พ์เผยแพร่ครั้งแรกในปี 1842 แลว้ national”) มารก์ ซจ์ งึ ได้ขึน้ มาเปน็ ผนู้ ำ� ความคิด และไม่ หลงั จากนั้น ความสนใจและศกึ ษาในเรื่องไดโนเสาร์ก็ ชา้ ลทั ธิมาร์กซ์กแ็ พรไ่ ปในประเทศต่างๆ บนผนื แผ่นดิน ขยายแพรห่ ลายออกไป จนคนพดู ค�ำวา่ “dinosaur” กนั ทวปี ยุโรปอย่างรวดเรว็ เปน็ สามัญ (อา่ นเร่อื งเตม็ ใน ภาคพเิ ศษ ทา้ ยเล่ม) จากบนซา้ ย: เฟรอเบล, ชไลดนึ , ชวานน์ โอเวน, เองเกลส์, มารก์ ซ์ 166 หา้ มซื้อ-ขาย อนุญาตให้ใชเ้ พื่อการศกึ ษาส่วนตัวเท่านัน้ ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของก่อน
สร้างเจดีย์ใหญ่ ไดภ้ เู ขาทอง ต่อมา มกี ารซ่อมใหญโ่ ดยกรมชลประทานเป็น ร. ๔ ทรงเริ่มพิธีมาฆบูชา เจา้ การ ในปี ๒๔๙๓–๒๔๙๗/1950-1954 และคร้งั ล่าสุด พ.ศ. ๒๓๙๓ (ค.ศ. 1850) ที่ประเทศไทย ใน ในปี ๒๕๐๙/1966 มกี ารบุโมเสกสที องหมุ้ พระเจดยี ์บน พ.ศ. ๒๓๙๔ (ค.ศ. 1851) ทป่ี ระเทศไทย ใน รัชกาลท่ี ๓ ท่ีวัดสระเกศ พระบาทสมเด็จพระน่งั เกล้า ยอด สรา้ งพระเจดยี ์เล็กขึน้ สี่มมุ และซุม้ เจดียท์ งั้ สที่ ิศ รัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ได้ เจา้ อยู่หัว มพี ระราชประสงคจ์ ะสร้างพระเจดยี ใ์ หญ่องค์ ทรงพระราชดำ� ริถงึ ความส�ำคัญของการประชมุ ใหญแ่ ห่ง หนึ่ง ให้เหมือน แตใ่ ห้ใหญ่กว่า “พระเจดยี ์ภูเขาทอง” ที่ บรมบรรพต (ภเู ขาทอง) สูง ๗๖ เมตร กว้างโดย พระอรหันตสาวก ทีเ่ รียกวา่ จาตรุ งคสันนบิ าต คราวท่ี วดั ภเู ขาทอง ท่กี รุงเกา่ แตพ่ ื้นดินบรเิ วณนั้นเปน็ ท่ีลมุ่ กอ่ เสน้ ผา่ ศนู ย์กลาง ๑๕๐ เมตร ฐานวัดโดยรอบ ๓๓๐ เมตร พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงพระโอวาทปาฏิโมกข์ คือหลักค�ำ พระเจดียข์ น้ึ ไปก็ทรดุ ลงมาทุกที จนตอ้ งหยุดทงิ้ ค้างไว้ มีบันไดเวยี น ๒ ทาง บันไดขึน้ ทางทิศใต้มี ๓๗๕ ข้ัน สอนส�ำคัญอนั เปน็ ใหญ่เปน็ ประธาน ดังนน้ั ในปีท่เี สด็จ ไมเ่ ปน็ รปู พระเจดยี ์ มแี ต่กองอิฐ แลว้ ตน้ ไมก้ ข็ ้ึนคลมุ รก บันไดลงทางทศิ เหนอื มี ๓๐๔ ขัน้ ข้ึนครองราชยน์ ้ันเอง จงึ โปรดให้จดั งานวนั มาฆบชู า ขึ้น ตอ่ มา คำ� ตน้ วา่ “พระเจดยี ”์ กห็ ายไป เหลอื แต่ “ภเู ขาทอง” เป็นคร้ังแรก ครั้นมาในรัชกาลที่ ๔ ได้โปรดใหซ้ อ่ มแปลงภูเขา ก่อ พระเจดยี ์ขึ้นไว้บนยอด โปรดเกล้าฯ ให้เปลย่ี นชอ่ื ภูเขาทองว่า “บรมบรรพต” เหมือนอย่างพระเมรบุ รม- บรรพตอันเคยสรา้ งท่ที ้องสนามหลวง และซอ่ มตอ่ มา ตลอดรชั กาล จนสำ� เร็จในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั โปรดให้อัญเชญิ พระบรม สารรี ิกธาตุทไ่ี ด้รกั ษาไว้ในพระบรมมหาราชวัง ไปทรง บรรจใุ นพระเจดยี ์ใหญ่ บนบรมบรรพต ใน พ.ศ. ๒๔๒๐ ต่อมา ในปี ๒๔๔๑/1898 อปุ ราชองั กฤษผปู้ กครอง อนิ เดีย ซึ่งเคยอยู่ทกี่ รงุ เทพฯ และค้นุ เคยกับพระองค์ ได้ ถวายพระบรมสารรี กิ ธาตุซึ่งขดุ พบทเ่ี มืองกบิลพัสดุ์ โปรด เกล้าฯ ให้เจา้ พระยายมราช (ปน้ั สขุ ุม) ไปอญั เชิญมา แล้วมพี ระราชพิธีบรรจุในพระเจดยี ์บนยอดบรมบรรพต เมือ่ ๒๓ พ.ค. ๒๔๔๒ นบั เปน็ การบรรจุคร้ังท่ี ๒ จากซา้ ย: ภเู ขาทอง รัชกาลท่ี ๔ ห้ามซอื้ -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพื่อการศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ นัน้ ภาพประกอบส่วนใหญ่มีลขิ สทิ ธิ์ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ อ่ ตอ้ งติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น 167
อังกฤษมาท�ำสัญญาค้าขาย ไทยเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตก อย่างนก้ี ับประเทศอ่นื ๆ ในยโุ รป ตลอดจนอเมริกาและ พ.ศ. ๒๓๙๘ (ค.ศ. 1855) ทป่ี ระเทศไทย ใน ญีป่ ุ่น แม้ว่าตามสนธิสญั ญาน้ี ไทยจะต้องเสยี เปรียบบาง รชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั อย่าง และเกิดสิทธิสภาพนอกราชอาณาเขต (extrater- กอ่ นครองราชย์ ไดผ้ นวชอยนู่ านถึง ๒๗ พรรษา ไดท้ รง ritoriality, extraterritorial rights) แต่เปน็ การกา้ วฝ่า ศกึ ษาพระธรรมวินัยจนเช่ียวชาญ และทรงเรยี นรู้ ไปในโลกยคุ ใหม่ทเ่ี วลานัน้ ประดาประเทศเจ้าอาณานคิ ม วทิ ยาการสมยั ใหม่ โดยทรงคบหาร้จู ักชาวตะวนั ตกเปน็ กำ� ลังแผข่ ยายอำ� นาจ โดยไทยยอมเสียสละบางอยา่ งทาง อย่างดี ทรงชำ� นาญท้งั ภาษาบาลแี ละภาษาอังกฤษ ทรง กฎหมายและการเงิน เปน็ การผ่อนผนั กนั ไมใ่ หเ้ ขาก้าวไป จาริกไปได้เห็นชวี ิตผู้คนและสภาพบ้านเมืองท่วั ไป เมือ่ ใช้อ�ำนาจทางทหารและความกดดันทางการเมอื งเขา้ มา เสดจ็ ขนึ้ ครองราชย์ จงึ ทรงรเิ รมิ่ การใหมๆ่ เปลยี่ นโฉมหนา้ ครอบงำ� อย่างทท่ี ำ� กบั ประเทศขา้ งเคียงรอบเมืองไทย ของบา้ นเมอื ง เรม่ิ นำ� ประเทศไทยเขา้ สสู่ มยั ใหม่ โดยเฉพาะ เร่ืองของเมอื งไทยน้ี มีข้อเทยี บคล้ายกบั ประเทศ การเปิดประเทศ มสี ัมพนั ธไมตรกี บั ประเทศตะวันตก ญป่ี ่นุ ซง่ึ โชกุนได้ปดิ ประเทศเพราะปัญหาจากโปรตุเกส ทว่ั ไป ทเ่ี ป็นก้าวใหญ่ คอื ในปี ๒๓๙๘/1855 น้ี พระ และสเปนใน พ.ศ. ๒๑๘๒ (เม่อื สมเด็จพระนารายณ์ ราชนิ วี กิ ตอเรีย (Queen Victoria) ได้ทรงสง่ เซอร์ จอหน์ มหาราชประสตู ไิ ด้ ๗ พรรษา) และเปดิ ประเทศด้วยสนธิ บาวริง (Sir John Bowring) เป็นผู้แทนพระองคเ์ ข้ามา สัญญากานากาวา/Treaty of Kanagawa กับอเมริกา เจรจาใหส้ ยามยกเลกิ ข้อจ�ำกัดตา่ งๆ ทางการคา้ ยอมให้ ในปี ๒๓๙๗ (ก่อนไทยท�ำสญั ญาบาวรงิ ๑ ป)ี จบระยะ องั กฤษตั้งกงสลุ ในกรุงเทพฯ เกดิ เปน็ สนธิสัญญาบาวริง เวลา “sakoku”/national seclusion (1639-1854) (Bowring Treaty) จากนน้ั ไทยกท็ ำ� สญั ญาหรือข้อตกลง (1688-1855) จากบนซา้ ย: พระราชินีวิกตอเรีย, เซอร์ จอหน์ บาวริง, ฟรานซสิ บี แซยร์, ประธานาธิบดวี ลิ สนั 168 หา้ มซ้ือ-ขาย อนญุ าตให้ใช้เพื่อการศกึ ษาสว่ นตัวเท่าน้นั ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ิขสทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ อ่ ต้องติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของกอ่ น
อนิ เดยี เปน็ เมอื งขน้ึ องั กฤษ เมื่อองั กฤษปราบกบฎเสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๔๐๑ ก็ ยบุ เลิกบริษทั อินเดียตะวนั ออกเสีย แลว้ รัฐบาลอังกฤษ พ.ศ. ๒๔๐๑ (ค.ศ. 1858) เมือ่ อังกฤษปราบ ก็เข้าปกครองอินเดยี เองโดยตรง ใหอ้ นิ เดียมีฐานะเป็น อาณาจักรสิกข์ลงไดใ้ นปี ๒๓๙๒/1849 แลว้ องั กฤษโดย อุปราชอาณาจกั ร คอื เปน็ เมืองขึ้นโดยสมบรู ณ์ บริษทั อนิ เดียตะวนั ออก (British East India Com- pany) กไ็ ดป้ กครองอนิ เดยี หมดส้ิน แต่ต่อมาปี ๒๔๐๐ ทหารอนิ เดียทางภาคเหนือได้กอ่ กบฎข้ึนแล้วราษฎรก็ รว่ มด้วยขยายกว้างออกไป ส่วนท่ีเมอื งไทย พระเพทราชาขบั ไล่ฝร่ังเศสออก ต่างประเทศ ไดร้ บั พระราชทานบรรดาศกั ดิเ์ ป็น พระยา ศกึ ษาโดยเดก็ เปน็ ศูนย์กลาง ไปใน พ.ศ. ๒๒๓๑ (เมอื่ สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช กัลยาณไมตรี) ไดไ้ ปเจรจาขอเปลีย่ นสญั ญากบั ประเทศ สวรรคต) ถึงจะไมไ่ ด้ปดิ ประเทศเป็นทางการอยา่ งญป่ี นุ่ ต่างๆ ในยโุ รปจนเสรจ็ สน้ิ ใน พ.ศ. ๒๔๖๘ (หลงั เสรจ็ พ.ศ. ๒๔๐๒-๙๕ (ค.ศ. 1859-1952) ชว่ งชีวติ แต่ความสมั พันธ์ต่างประเทศก็เบาบางลงไป จนมาเปดิ ภารกจิ พระยากัลยาณไมตรถี วายบงั คมลากลับอเมรกิ า ของจอห์น ดวิ อี้ (John Dewey) นักปรัชญาปฏิบัตนิ ยิ ม ประเทศแกก่ ารค้าเสรดี ว้ ยสนธิสัญญาบาวริง/Bowring ไปสอนท่ี ม.ฮารว์ ารด์ แต่ยังยนิ ดีเปน็ ขา้ ราชการของ และนักการศึกษาอเมรกิ นั ผู้ทำ� ใหก้ ารศกึ ษาแบบ Treaty กับองั กฤษในปี ๒๓๙๘ น้ี (หลงั ญป่ี นุ่ ท�ำสญั ญา ประเทศไทยโดยไม่รบั เงนิ เดอื น) กา้ วหนา้ (progressive education) ท่หี นุนแนวคิด กบั อเมรกิ า ๑ ปี) เรยี กได้ว่าจบช่วงเวลาจำ� กัดความ ให้เด็กเป็นศูนยก์ ลาง (child-centered education) สมั พนั ธ์ (1688-1855) โดดเด่นเป็นท่ีนยิ มขน้ึ มา เรือ่ งสิทธสิ ภาพนอกราชอาณาเขต ไดแ้ กไ้ ข ทฤษฎีววิ ัฒนาการอันลือลัน่ เสรจ็ ในรชั กาลที่ ๖ หลงั จบสงครามโลกครง้ั ท่ี ๑ โดย ประธานาธิบดีอเมรกิ นั (Woodrow Wilson) สนบั สนุน พ.ศ. ๒๔๐๑ (ค.ศ. 1858) ชาร์ลส์ ดารว์ นิ และแกส้ ญั ญาให้ไทยเปน็ ประเทศแรกในปี ๒๔๖๓/ (Charles Darwin) ชาวองั กฤษ ประกาศทฤษฎี 1920 ตามมาดว้ ยประเทศอน่ื ๆ คณะทตู พิเศษที่ไป วิวฒั นาการ (theory of evolution) วา่ ดว้ ยการ ด�ำเนนิ การเรอ่ื งนช้ี ว่ งทา้ ย มชี าวอเมรกิ ันรวมอยู่ด้วย คอื คัดเลอื กโดยธรรมชาติ อนั ลือลน่ั และส่ันสะเทอื น โดย ดร.ฟรานซิส บี แซยร์ (Francis B. Sayre, เปน็ บุตรเขย เฉพาะต่อวงการคริสตศ์ าสนา ของประธานาธบิ ดวี ิลสัน ไดเ้ ป็นศาสตราจารยแ์ ล้วมา เมอื งไทยในปี ๒๔๖๖ เขา้ รบั ราชการเปน็ ทีป่ รึกษาการ จากซ้าย: ชาร์ลส์ ดารว์ นิ จอหน์ ดวิ อ้ี หา้ มซ้อื -ขาย อนุญาตให้ใช้เพ่ือการศึกษาส่วนตวั เท่านัน้ ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใช้ตอ่ ต้องตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของกอ่ น 169
อเลกซานเดอร์ คนั นิ่งแฮม ความสนใจในเรือ่ งประวตั ิศาสตรอ์ ินเดยี และชอบศกึ ษา คนั น่งิ แฮม ผู้ไดท้ ำ� คุณไว้ ในการฟนื้ พทุ ธสถาน โบราณวตั ถุทง้ั หลาย จึงลาออกมาเพื่ออุทศิ เวลาใหแ้ ก่การ ขดุ คน้ วดั วาอารามโบราณสถาน อบั ราฮมั พ.ศ. ๒๔๐๖ (ค.ศ. 1863) องั กฤษต้ังหน่วยงาน ลินคอลน์ ส�ำรวจโบราณคดอี ินเดีย เรียกวา่ Indian Archaeo- ในปีท่ไี ด้รับแต่งตั้งในตำ� แหนง่ ดงั กล่าว กไ็ ปทำ� งาน logical Survey โดยมี เซอร์ อเลกซานเดอร์ คนั นงิ แฮม ขดุ ฟน้ื ทตี่ กั สลิ า (กอ่ นหนา้ นท้ี า่ นไดข้ ดุ คน้ มาแลว้ ทส่ี ารนาถ 170 (Sir Alexander Cunningham) เปน็ ผอู้ ำ� นวยการคนแรก เม่อื ปี ๒๓๘๐/1837 และทสี่ าญจใี นปี ๒๓๙๓/1850 รวมท้ังท�ำการสำ� คญั ในการขดุ ฟน้ื พุทธคยา; ท่านเกดิ ทา่ นผ้นู ี้มารับราชการทหารในอินเดยี ได้ ๒๘ ปี ถึง ค.ศ. 1814 ได้เปน็ เซอร์ ค.ศ. 1887 สนิ้ ชีพ ค.ศ. 1893) ปี ๒๔๐๔ ขณะเป็นพลตรี ก็ขอลาออก เพราะตั้งแต่ระยะ แรกทรี่ บั ราชการทหาร เม่ือได้พบกับเจมส์ ปรินเสป ก็เกดิ สงครามกลางเมอื งจบไป อเมรกิ าไดเ้ ลกิ ทาส ทาสในรฐั ที่มีอยูแ่ ลว้ เขาคิดว่าบรรพบรุ ุษผ้กู ่อต้งั ประเทศ อเมริกามุ่งให้ระบบทาสคอ่ ยๆ ลดจนหมดสิ้นไปในท่ีสดุ พ.ศ. ๒๔๐๔–๒๔๐๘ (ค.ศ. 1861–65) ทส่ี หรฐั จงึ ตอ้ งป้องกนั ไม่ใหร้ ะบบทาสน้ันขยายออกไปยงั ถ่นิ อน่ื อเมรกิ า เกิดสงครามกลางเมือง ระหว่างรัฐฝ่ายเหนอื เขาได้รบั เลอื กตงั้ เปน็ ประธานาธบิ ดีในปี ๒๔๐๓ โดยไม่ เรียกวา่ “Union” กบั รฐั ฝ่ายใตท้ ่ีถอนตวั แยกออกไป ซ่งึ ไดเ้ สียงจากรฐั ลกึ ภาคใต้ (Deep South) แม้แตค่ ะแนน เรียกกล่มุ ของตนว่า “Confederacy” (ทางใตเ้ รยี ก เดยี ว และยังไม่ทันถงึ วันปฏญิ าณตนเข้ารับต�ำแหนง่ (๔ สงครามนว้ี า่ “สงครามระหว่างรฐั ” แต่ทางเหนือเรียก ม.ี ค. ๒๔๐๔) รฐั South Carolina ก็ประกาศถอนตัวแยก เปน็ ทางการว่า “สงครามกบฏ”) สงครามน้ีมีเหตุปจั จัย ออกจากสว่ นรวมของประเทศ (ท่ีเรียกว่า Union, แยก หลายอยา่ งสะสมมาหลายปี รวมท้ังปัญหาวา่ รัฐบาลกลาง เมือ่ ๒๐ ธ.ค. ๐๓) ตามด้วยรัฐอ่ืนในภาคใต้อกี ๖ รฐั แล้ว ควรมีอำ� นาจควบคุมแค่ไหน แต่ละรัฐควรมสี ทิ ธ์เิ ทา่ ใด แต่ ๔ ก.พ. ๐๔ ก็รว่ มกนั ตรารฐั ธรรมนูญของตน ซ่งึ ก็คลา้ ย สำ� คญั ที่สดุ ก็คือปัญหาเร่ืองทาส ซง่ึ รองรบั เศรษฐกิจของ กบั รัฐธรรมนูญสหรัฐนนั่ เอง ต่างในขอ้ ที่รับรองสถาบนั รฐั ภาคใต้ ว่าควรจะมีตอ่ ไป หรือจะเลกิ เสีย และถ้าจะมี ทาสนิโกร และเรอ่ื งสิทธขิ องรฐั ตงั้ รฐั บาลชั่วคราวของ หรอื จะเลิก จะมใี นรูปลกั ษณะไหน หรอื จะเลิกอย่างไร ตนเองข้ึน เป็น Confederate States of America (เรยี กง่ายๆ วา่ Confederacy) มที ่ที ำ� การ มีธง มเี งนิ ตรา อบั ราฮัม ลนิ คอล์น (Abraham Lincoln) แสดง และเกบ็ ภาษีเอง พอถงึ ๑๒ เม.ย. สงครามกลางเมือง การต่อตา้ นระบบทาสมาตง้ั แต่ระยะแรกในชีวติ การเมอื ง แตไ่ ม่ถึงกับจะให้ล้มเลกิ โดยยอมรับสทิ ธิของรัฐทง้ั หลาย ที่จะจัดกจิ การของตน ถอื วา่ รฐั ธรรมนญู ก็ค้มุ ครองระบบ หา้ มซื้อ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พื่อการศกึ ษาสว่ นตวั เท่าน้ัน ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน
อดีตอนั รงุ่ เรือง ทีไ่ ม่เหลือแม้ร่องรอย ดินแดนชมพูทวปี ท่พี ระพุทธศาสนาเคยรงุ่ เรอื ง นับเฉพาะภาคเหนือ วดั ตั้งแต่เบงกอลข้ึนไป ถึงบากเตรีย หรือจากแคว้นอังคะถึงโยนก เป็นระยะทางตดั ตรงยาว ราว ๒,๗๐๐ กโิ ลเมตร ตลอดชว่ งเวลา ๑,๗๐๐ ปี เต็ม ไปด้วยมหาอาณาจักรตา่ งๆ มปี ราสาทราชวงั อันใหญ่โต มโหฬาร และวัดวาอาราม สถานศกึ ษา มหาสถปู เจดยี ์ ปูชนียสถาน ท่วี ิจติ รงดงาม มากมายสุดจะนับได้ แตใ่ น เวลาทน่ี กั โบราณคดีเหลา่ นีเ้ ริ่มขุดคน้ แทบไมม่ ีร่องรอย อะไรเหลอื อยู่เลยบนผนื แผน่ ดนิ (Civil War) ก็เรมิ่ ขน้ึ และมีรฐั แยกออกไปอกี ๔ รัฐ รวม สังคมอเมริกนั ไปอีกนาน และความขดั แย้งนี้ นอกจากทำ� ประชาชน โดยประชาชน เพ่ือประชาชน” (“… gov- เป็นฝ่าย Confederacy ๑๑ รฐั รบกนั ๔ ปี ถึง ๙ เม.ย. ใหอ้ เมริกาสญู เสียประธานาธบิ ดีทย่ี ่ิงใหญท่ ่สี ุดทา่ นหน่งึ ernment of the people, by the people, for the ๐๘ กองทัพฝ่ายใต้ยอมแพ้ แต่อกี ๕ วนั ตอ่ มา (๑๔ เม.ย.) ไปแล้ว กไ็ ด้สญู เสยี กำ� ลังคนไปท้ังหมดถึง ๖๑๘,๒๒๒ people, ...”) กเ็ ป็นคำ� ทีก่ ลา่ วในสงครามกลางเมืองน้ี คือ ประธานาธิบดลี ินคอล์นกถ็ กู ลอบสังหาร คน (ฝา่ ย Union สญู เสีย ๓๖๐,๒๒๒ คน โดยตายใน ในคำ� ปราศรยั ณ สุสานสงครามกลางเมอื งอทุ ศิ แกท่ หารที่ อย่างไรก็ตาม กอ่ นหนา้ นั้น ลนิ คอล์นได้เซน็ เหน็ การรบ ๑๑๐,๐๐๐ คน และฝา่ ย Confederacy สูญเสีย ล้มตายไป ทเ่ี มอื งเกตตีสเบอรก์ รัฐเพนซลิ เวเนีย เม่ือวนั ท่ี ชอบการแกไ้ ขรัฐธรรมนูญไปแล้ว โดยเพิ่มอนบุ ญั ญัติ ๒๕๘,๐๐๐ คน โดยตายในการรบ ๙๔,๐๐๐ คน และทง้ั ๑๙ พ.ย. 1863/๒๔๐๖ เรียกวา่ Gettysburg Address ข้อที่ ๑๓ ซึ่งให้เลกิ ทาสตามความว่า “การเป็นทาส ก็ สองฝา่ ยบาดเจบ็ อย่างน้อย ๔๗๑,๔๒๗ คน) เป็นสงคราม ดี การรับใช้โดยไมส่ มคั รใจ ก็ดี มิให้มีในสหรฐั …” พอ ที่คนอเมริกันตายมากท่สี ดุ ยงิ่ กว่าในสงครามใดๆ (ใน ประธานาธิบดจี อหน์ สันรบั ต�ำแหน่งแลว้ ก็รบี ดำ� เนินการ สงครามปฏวิ ตั อิ เมรกิ นั คอื คราวประกาศอสิ รภาพจาก ให้อนุบญั ญัติที่ ๑๓ น้นั ไดร้ ับมตเิ ห็นชอบ มผี ลบงั คับใช้ อังกฤษ ซึง่ จบในปี 1783/๒๓๒๖ คนอเมรกิ นั ตายในการ ตั้งแตว่ นั ท่ี ๑๘ ธันวาคม ๒๔๐๘ รบ ๔,๔๓๕ คน, ในสงครามโลกครั้งท่ี ๑ ทหารอเมรกิ นั สงครามกลางเมืองจบลง โดยเปน็ ความส�ำเร็จของ ตายประมาณ ๕๓,๕๑๓ คน และในสงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ประธานาธบิ ดลี นิ คอล์นท่ีรักษาประเทศให้คงอยู่รวมเป็น คนอเมริกนั ตายประมาณ ๒๙๒,๖๐๐ คน) อันเดยี วได้ และชือ่ ว่าเป็นผู้เลิกทาส แตส่ งครามน้ี แมจ้ ะ วาทะหนงึ่ ของประธานาธิบดีลินคอล์น ท่นี �ำมา เลกิ ทาสได้ กย็ ังไมส่ ามารถแกป้ มของเร่ืองทีซ่ ้อนลึกลงไป อ้างกนั บอ่ ยมาก โดยถือวา่ แสดงความหมายของประชา- อกี ชน้ั หนงึ่ คอื ปญั หาการแบง่ แยกเหยยี ดผวิ ทจี่ ะรงั ควาญ ธปิ ไตยได้กะทดั รดั ชัดเจน คือขอ้ ความวา่ “รัฐบาลของ Gettysburg national cemetery หา้ มซ้อื -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพ่ือการศึกษาสว่ นตวั เท่านั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ีลิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ตอ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น 171
จากรายงานของนักสำ� รวจ: ชดั เจนวา่ พระพทุ ธศาสนาทน่ี ่ี (ทเ่ี มืองกบิลพัสด์)ุ ได้ บางแห่ง กระดูกคนบ้าง เหล็กบ้าง ไม้บ้าง พระพุทธรูป ความสูญสนิ้ เพราะถูกทำ� ลาย ถกู ท�ำลายลา้ งด้วยไฟและดาบ” บ้าง ฯลฯ ถูกเอามารวมสมุ กันไวเ้ ป็นกองมหมึ า...” นักโบราณคดเี หลา่ นบ้ี นั ทึกไวว้ า่ สถานท่ีและสง่ิ นักโบราณคดอี ีกคนหนงึ่ ส�ำรวจอีกทหี่ นึง่ เขยี นว่า การทำ� ลายวัดใหญน่ ค้ี งต้องเกดิ ขนึ้ อยา่ งฉับพลนั ก่อสรา้ งเหล่านน้ั สูญสน้ิ ไปเพราะการทำ� ลายของคน และ “การขดุ คน้ ทกุ ท่ที กุ แหง่ ใกล้ๆ สารนาถ พบร่องรอยของ และไมไ่ ดค้ าดหมาย เพราะ พ.ต.คิตโต ได้พบซากเศษ เป็นการทำ� ลายแบบแทบส้นิ ซากส้ินเชิง เชน่ ที่ Mr. Carl- ไฟทง้ั นน้ั ตวั ขา้ พเจา้ เองกพ็ บไมท้ ี่ไหม้เกรยี ม และเมล็ด สง่ิ ของตามที่ต่างๆ ในลักษณะท่ที �ำใหม้ องเห็นเหตุการณ์ lyle เขยี นไว้ในรายงานการสำ� รวจโบราณคดี เล่ม ๑๘ ขา้ วสารทไ่ี หมไ้ ฟด�ำไปครง่ึ ๆ คอ่ นๆ” พนั ตรี คติ โต (Major วา่ เกิดไฟไหมช้ นดิ ท่คี นจดุ โหมเขา้ มาฉับพลันทันใด ทำ� ให้ (Archaeological Survey Reports, vol.18) วา่ “พบ Kittoe) เลา่ สรปุ วา่ “ทุกแหง่ ถกู บุกปลน้ และเผา ไมว่ า่ จะ ภกิ ษทุ ั้งหลายต้องละท้งิ อาหารที่กำ� ลงั ฉนั อยไู่ ปทนั ที กระดกู คนมากมาย และวตั ถทุ ถ่ี กู ไฟไหมด้ �ำเกรยี มนานาชนดิ เปน็ พระสงฆ์ กุฏิวหิ าร หรอื พระพุทธรูปหมดไปด้วยกนั อยตู่ ามหอ้ งชนั้ นอกและประตทู างเขา้ ออกทงั้ สองดา้ น เปน็ ที่ องค์กรขาวพิฆาตด�ำ รางวัลโนเบล (Nobel Prize) จากบนซ้าย: เพอ่ื ผู้ทำ� คณุ ประโยชนอ์ นั ยิง่ ใหญ่ คู คลักซ์ แคลน พ.ศ. ๒๔๐๙ (ค.ศ. 1866) ที่รฐั เทนเนสซี (Ten- เหรียญรางวัลโนเบล nessee) อเมริกา เกิดองคก์ รลบั “คู คลกั ซ์ แคลน” พ.ศ. ๒๔๐๙ (ค.ศ. 1866) นักเคมแี ละวิศวกรชาว อัลเฟรด โนเบล (Ku Klux Klan) ซึ่งถอื การแบง่ แยกรงั เกยี จผิวอยา่ ง สวีเดน ชอ่ื อลั เฟรด โนเบล (Alfred Bernhard Nobel) รนุ แรง โดยทำ� งานขู่ ฆา่ รงั ควานคนผิวดำ� และใครก็ตาม ประดษิ ฐ์ดนิ ระเบิด (dynamite) ส�ำเรจ็ แต่เขาไม่รู้สกึ ทจ่ี ะใหค้ นด�ำมสี ทิ ธิเท่าเทียมกับคนขาว แต่ราว ๑๐ ปี ชืน่ ชมกบั โชคลาภอยา่ งนน้ั และไดส้ ละเงนิ สว่ นใหญ่ตงั้ องค์กรนีก้ ซ็ บเซา ขนึ้ เปน็ กองทนุ ประเดมิ $9,200,000 เพื่อให้จดั สรรเป็น รางวลั ประจำ� ปแี กผ่ ทู้ ่ีสร้างสรรค์คุณประโยชนย์ ่ิงใหญ่ หลงั สงครามโลกครั้งท่ี ๑ คู คลักซ์ แคลน ฟ้ืน ใหแ้ ก่มนษุ ยชาติใน ๕ ดา้ น คือ ฟิสกิ ส์ เคมี สรรี วทิ ยา ใหม่และย่งิ ใหญข่ ้ึนมาก ในปี 1924 มสี มาชกิ ถึง ๔ ล้าน หรอื การแพทย์ วรรณคดี และสนั ตภิ าพ กองทุนได้ คน ครองอ�ำนาจการเมืองอเมริกาถึง ๗ รฐั ขยายความ เพิ่มพนู ขน้ึ และหลังจากเขาสนิ้ ชพี แล้วครบปีที่ ๕ จึงมี รงั เกยี จไปยังคนต่างชาติ ตา่ งนกิ ายศาสนาทั้งหมด ถอื การจดั มอบรางวัลทั้ง ๕ นั้นเปน็ ครงั้ แรกเมอ่ื ๑๐ ธ.ค. อดุ มการณ์ “White Supremacy” ชูป้าย “America ๒๔๔๔/1901 ตอ่ มาถึงปี ๒๕๑๒/1969 ได้จัดมอบรางวลั for Americans” เพ่มิ ข้ึนเปน็ สาขาที่ ๖ ทางเศรษฐศาสตร์ (เม่อื ปี ๒๕๓๕ รางวลั หนงึ่ ๆ มีมลู ค่าประมาณ $1.2 ล้าน) 172 ห้ามซื้อ-ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พ่ือการศกึ ษาส่วนตวั เทา่ นั้น ภาพประกอบส่วนใหญ่มลี ขิ สทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ตอ่ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น
คนั นง่ิ แฮมคดิ ถึงใคร ท่ีมาเผา-ฆ่า แม้แต่ตง้ั ใจไปขดุ ฟื้น บางแห่งก็ทำ� ไม่ได้ โดยเฉพาะทฝ่ี งั ศพมุสลมิ มากแห่งก็สรา้ งซ้อนขน้ึ ไว้ขา้ งบน ทบั สถานท่ซี งึ่ ถกู ทำ� ลายไปแลว้ นน้ั เอง ทำ� ให้ไม่ นายพลคนั นง่ิ แฮมร้สู ึกหงดุ หงิดขนุ่ เคอื ง เพราะ สถปู เจดีย์ ปูชนยี สถานทัง้ หลายเป็นอนั มาก เมื่อ สามารถจะไปขดุ คน้ ดูอะไรได้ กลายเปน็ อุปสรรคส�ำคญั ท่ี จะไปท่ซี ากปรักหกั พังของพทุ ธสถานทีไ่ หน ก็เจอกระดกู ถกู ท�ำลายลงไปแล้ว ชาวมุสลิมเตอร์กก็น�ำเอาวัสดจุ าก ขวางกั้นการขุดค้น ไหม้ดำ� และส่งิ ทบี่ ง่ บอกถงึ การจุดไฟเผาทุกแห่งไป ใคร สถานทท่ี ท่ี ำ� ลายไปแล้วน้ัน มาใชส้ รา้ งทฝี่ งั ศพมสุ ลิม ดงั หนอทีม่ าห�้ำหน่ั ข่มเหงชาวพุทธผ้ไู ม่เบียดเบยี นท�ำรา้ ยใคร ท่นี ายพลคนั นิ่งแฮมเขยี นไวว้ า่ “ทกุ ทิศของเมอื งพหิ ารจะ ทำ� เหมอื นอย่างที่ศาลไตส่ วนศรัทธาของครสิ ต์ในสเปน เหน็ ท่ีฝงั ศพมสั ซุลหมา่ น (musulman เปน็ คำ� เตอร์ก ตรง ได้ท�ำกบั คนท่ถี กู หาว่านอกศาสนา ตอนแรกนายพลคัน กับคำ� ว่ามสุ ลมิ ของอาหรบั ) ทขี่ นาดย่อมกส็ รา้ งด้วยอฐิ น่งิ แฮมคงคิดว่าเป็นพวกพราหมณ์ เขาจงึ ใชค้ �ำว่า “พวก ขนาดใหญก่ ็สรา้ งดว้ ยกอ้ นหนิ ทสี่ ะกดั และแกะสลกั แล้ว พราหมณใ์ จร้าย” (malignant Brahmans) ต่อมาก็ จากแหล่งสามัญของชาวมะหะหมัด คือ ซากสิง่ ก่อสรา้ ง ชดั เจนว่าเปน็ การกระท�ำของทพั มุสลมิ เตอร์ก ของพทุ ธหรือพราหมณ์ท่ีถูกทำ� ลายลงไปแล้ว” เทคโนโลย:ี เครอ่ื งพมิ พด์ ดี เกดิ ทอี่ เมรกิ า พม่าสร้างพระไตรปิฎกฉบับหนิ อ่อน จากซ้าย: Remington No.1 พ.ศ. ๒๔๐๙ (ค.ศ. 1866) มีคนอเมรกิ ันประดิษฐ์ พ.ศ. ๒๔๑๕ (ค.ศ. 1872) ที่มัณฑะเลย์ ในพมา่ Typewriter (1873) เครอ่ื งพมิ พด์ ดี ไดส้ ำ� เรจ็ ซงึ่ ทำ� ใหผ้ ลติ เครอื่ งพมิ พด์ ดี เรมงิ ตนั พระเจา้ มินดงทรงอุปถัมภ์สงั คายนาคร้ังที่ ๕ มกี ารแปล วดั มหรรณพาราม (Remington) เคร่อื งแรกออกมาในเดอื นกันยายน 1873 พระไตรปฎิ กครงั้ ใหญ่ และโปรดใหจ้ ารึกพระไตรปิฎกลง พระไตรปิฏกหนิ อ่อน ในแผน่ หนิ ออ่ นสีขาวจบใน ๗๒๙ แผ่น พระเจา้ มินดง ในกรงุ “โรงเรียนหลวงส�ำหรบั ราษฎร” เกดิ กอ่ นที่วัดมหรรณพ์ 173 พ.ศ. ๒๔๑๔ (ค.ศ. 1871) ท่ปี ระเทศไทย ใน รชั กาลที่ ๕ ดว้ ยพระบรมราชโองการ “โปรดเกลา้ ฯ จะให้ มอี าจารยส์ อนหนังสอื ไทยและสอนเลขทุกๆ พระอาราม” การศกึ ษาแบบสมยั ใหม่ในประเทศไทยก็เริม่ ต้ังต้น ทั้งนี้ โดยใหพ้ ระสงฆร์ ับภาระช่วยการศึกษาของชาติ ครัน้ แลว้ ใน พ.ศ. ๒๔๒๗ กโ็ ปรดให้ต้งั โรงเรียนหลวงส�ำหรบั ราษฎร ข้ึนตามวัด เร่ิมท่ีวัดมหรรณพาราม เปน็ โรงเรยี นแรก หา้ มซ้อื -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพ่อื การศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ น้นั ภาพประกอบส่วนใหญม่ ีลิขสิทธ์ิ หากประสงค์จะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน
ฝรัง่ แต่งหนงั สือธรรมโด่งดัง ลัทธิชงั ยวิ vs. ลทั ธยิ ิวรกั ถ่นิ พ.ศ. ๒๔๒๒ (ค.ศ. 1879) ทอ่ี งั กฤษ เซอร์ เอดวนิ พ.ศ. ๒๔๒๔ (ค.ศ. 1881) ท่ีรัสเซยี พระเจ้าซาร์ อาร์โนลด์ (Sir Edwin Arnold) แตง่ บทประพันธ์อนั อเลกซานเดอร์ ที่ ๓ ข้ึนครองราชย์ นอกจากหำ้� หั่น ไพเราะ แสดงพุทธประวตั แิ ละคำ� ตรสั สอน ชื่อเรอ่ื ง The (persecution) พวกโรมนั คาทอลิกแลว้ ก็ดำ� เนนิ การ Light of Asia (ประทปี แห่งทวีปอาเซยี ) ท�ำให้คนอินเดีย กวาดลา้ งยวิ ถงึ ขนาดปฏิญาณว่า จะกำ� จัดยิวให้หมด และชาวตะวนั ตกจำ� นวนมากสนใจพระพุทธศาสนา บ้างก็ ประเทศ โดยฆ่าเสยี ๑ ใน ๓ ขบั ไลอ่ อกไป ๑ ใน ๓ และ ถึงกับหันมานบั ถือ ทีเ่ หลือจากน้นั ใหเ้ ปลีย่ นศาสนา แลว้ ก็เร่มิ ตน้ สังหารทีละ มากๆ เปน็ เหตุใหใ้ นระยะ ๓๐ ปตี อ่ มา คนยวิ อพยพหนี ลอนดอน มอี งคก์ รพิมพ์พระไตรปิฎก จากรัสเซยี หลายลา้ นคนและท�ำใหเ้ กดิ ลัทธิไซโอน (Zion- ism คือ ลัทธมิ วลยวิ รกั ถิน่ หรอื ขบวนการรวมมวลชนยิว พ.ศ. ๒๔๒๔ (ค.ศ. 1881) ทีอ่ ังกฤษ ที.ดบั ลิว. ท่ัวโลกร่วมใจคืนถ่ินสร้างดินแดนของตนในปาเลสไตน)์ รสี เดวดิ ส์ (T.W. Rhys Davids) ต้ัง Pali Text Society (สมาคมบาลปี กรณ์) ข้นึ ในกรงุ ลอนดอน “to foster and การกวาดลา้ งยวิ ในรัสเซียดำ� เนนิ มาเร่อื ยๆ โดย promote the study of Pali texts” ไดพ้ ิมพ์คัมภีร์ แรงข้ึนเป็นระยะๆ เชน่ ชว่ งตอ่ มา ในปี ๒๔๔๖, ๒๔๔๘- พระพทุ ธศาสนาภาษาบาลี เริม่ แต่พระไตรปฎิ กและ ๙ (1903, 1905-6) มกี ารสงั หารหมูอ่ ย่างหนกั ยง่ิ หลัง อรรถกถา ด้วยอกั ษรโรมัน พร้อมทัง้ คัมภีรแ์ ปล ตลอด สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑ แล้ว ทฐิ ิชงั ยิว หรอื ลทั ธติ ่อตา้ นยิว จนพจนานกุ รมบาล-ี องั กฤษ อนั เกือ้ กูลต่อการศกึ ษา (anti-Semitism) กย็ ง่ิ รนุ แรงแผข่ ยายในยโุ รป กวา้ งออกไป พระพทุ ธศาสนาเปน็ อันมาก ดโู ลกปจั จุบัน จากบนซ้าย: อย่ามองข้ามนักเศรษฐศาสตรท์ า่ นน้ี เซอร์ เอดวิน อาร์โนลด์ ท.ี ดบั ลิว. รีส เดวิดส์ พ.ศ. ๒๔๒๖-๘๙ (ค.ศ. 1883-1946) ชว่ งชีวิต พระเจ้าซาร์ อเลกซานเดอร์ ท่ี ๓ ของจอหน์ เมยน์ าร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes) จอหน์ เมย์นารด์ เคนส์ ชาวอังกฤษผเู้ ป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มอี ิทธพิ ลมากทส่ี ดุ พระไตรปิฎกปาฬิ แหง่ คริสตศ์ ตวรรษที่ 20 จุลจอมเกลา้ บรมธมั มิกมหาราช (ชดุ ทไ่ี ดร้ บั พระราชทานและ เกบ็ รกั ษาไว้ในประเทศญีป่ ุ่น) 174 ห้ามซือ้ -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพือ่ การศึกษาสว่ นตัวเท่านั้น ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ขิ สิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ต่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน
อเมริกาออกหนา้ ร่วมดว้ ยแคนาดา มโี รงเรียนแลว้ ต้องมโี รงพยาบาล ชวนจัดเขตเวลาใช้กันทั้งโลก เปน็ ฐานของชวี ิตและสงั คม พ.ศ. ๒๔๒๗ (ค.ศ. 1884) ที่สหรฐั อเมรกิ า พ.ศ. ๒๔๓๑ (ค.ศ. 1888) ที่ประเทศไทย ใน และแคนาดา ย้อนหลังไปหลายปี กจิ การรถไฟได้เจรญิ รชั กาลที่ ๕ “ไดเ้ ปิดโรงพยาบาลรกั ษาคนไข้เปน็ ครง้ั แรก ขึ้นขยายออกไปๆ ทำ� ใหก้ ารคมนาคมขนสง่ ไปทัว่ ถงึ กนั เมอ่ื วันท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑ ตรงกับวนั พฤหสั บดี ความขยายออกไปของการเดนิ ทางรถไฟ กับความกวา้ ง แรม ๑ ค่�ำ เดือน ๖ ปชี วด และเมือ่ วนั ที่ ๒๕ ธันวาคม ใหญข่ องดนิ แดน ๒ ประการน้ี ไดเ้ ปน็ เงื่อนไขทีบ่ ังคบั พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้พระราชทานนามวา่ โรงศริ ริ าชพยาบาล ให้ต้องจดั การก�ำหนดเวลา คอื ให้มเี วลามาตรฐาน ตามพระนามสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ ศิริราช- (standard time) และจดั ตง้ั เขตเวลา (time zones) ซง่ึ กกธุ ภณั ฑ”์ (ประวตั กิ ระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๔๓๕–๒๕๐๗, ผแู้ ทนจาก ๒๗ ชาตไิ ด้มาประชุมท่ีกรุงวอชิงตัน ดีซี และ หนา้ ๖๕) ตกลงรับระบบการจัดเขตเวลามาตรฐาน ในเดือน ต.ค. 1884/๒๔๒๗ ใช้ ร.ศ. แทน จ.ศ. (อา่ นเรื่องเตม็ ใน ภาคพเิ ศษ ท้ายเลม่ ) พ.ศ. ๒๔๓๒ (ค.ศ. 1889) ตัง้ แต่วันที่ ๑ เมษายน เป็นเริม่ ต้น ทีป่ ระเทศไทย ในรัชกาลท่ี ๕ โปรดให้ใช้ ไทยพมิ พ์พระไตรปฎิ กเป็นเล่มหนังสือ รตั นโกสนิ ทรศก เปน็ ศกั ราชทางราชการ แทน “จลุ ศกั ราช” ชุดแรกของโลก ซ่งึ ใชก้ นั สบื มายาวนาน (เปน็ การใช้อยา่ งพมา่ ) ดงั น้นั ๑ เมษายน จ.ศ. ๑๒๕๑ (พ.ศ. ๒๔๓๒) จึงเปล่ยี นใช้ว่า ๑ พ.ศ. ๒๔๓๑ (ค.ศ. 1888) ทป่ี ระเทศไทย พระบาท เมษายน ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. = ร.ศ. + ๒๓๒๔; พ.ศ. = จ.ศ. สมเด็จพระจลุ จอมเกล้าฯ ร.๕ โปรดให้พมิ พ์พระไตรปฎิ ก + ๑๑๘๑; จ.ศ. = ร.ศ. + ๑๑๔๓) บาลี ดว้ ยอักษรไทย เป็นเลม่ หนังสือสมัยใหม่ อนั นับว่า เปน็ ครง้ั แรกของโลก จบละ ๓๙ เลม่ (ยงั ขาดปัฏฐาน) พระบาทสมเดจ็ ๑,๐๐๐ ชุด เสรจ็ และฉลองในปี ๒๔๓๖ พร้อมกบั พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว รชั ดาภิเษก แลว้ ส่งไปพระราชทานแกน่ านาประเทศ ห้ามซ้อื -ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พื่อการศกึ ษาสว่ นตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบส่วนใหญม่ ีลขิ สทิ ธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน 175
จากซ้าย: อนาคารกิ ธรรมปาละ พ.อ. ออลคอตต์ อนาคาริก ธรรมปาละ พระพทุ ธศาสนา โดยครองตนเปน็ อนาคารกิ เพอ่ื ใหท้ ำ� งาน ผู้นำ� การฟืน้ ฟูพุทธศาสนาในอนิ เดีย ได้สะดวก และใชช้ ื่อใหม่วา่ อนาคาริก ธรรมปาละ พ.ศ. ๒๔๓๔ (ค.ศ. 1891) อนาคารกิ ธรรมปาละ ณ วนั ท่ี ๒ มกราคม ๒๔๓๔ หลงั จากเยอื นสารนาถ (Anagarika Dharmapala) ชาวลงั กา เกดิ เมอ่ื พ.ศ. ธรรมปาละไดม้ าที่พุทธคยา เมอื่ เห็นสภาพของอภ-ิ ๒๔๐๗=ค.ศ. 1864 ในตระกลู ผู้ดีลงั กาท่ีเปล่ียนไปนบั ถือ สัมพทุ ธสถานทีถ่ ูกทอดท้ิงทรุดโทรมและตกอยู่ใตก้ าร คริสตส์ มยั เปน็ อาณานคิ มของอังกฤษ เดิมช่ือ David ครอบครองของพวกนกั บวชฮนิ ดทู เี่ รยี กวา่ มหนั ตแ์ ลว้ ได้ Hewavitharne ปฏญิ าณต่อหน้าตน้ พระศรมี หาโพธ์ิ วา่ จะอทุ ิศชวี ติ ของ ตนเพือ่ กูพ้ ทุ ธสถานสำ� คญั นน้ั กลับคืนข้ึนมาสู่ความเป็น ตอ่ มา David ได้เรยี นรจู้ ักพระพทุ ธศาสนาจากชาว ทศั นียปูชนยี สถานใหจ้ งได้ อเมรกิ นั ชอื่ พ.อ. ออลคอตต/์ Col. H.S. Olcott จึง หนั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนา และเมอื่ ไดร้ สู้ ภาพพระพทุ ธ- ศาสนาที่ถูกเบยี ดเบียนตา่ งๆ จงึ ได้ต้งั ปณธิ านท่จี ะฟน้ื ฟู วทิ ยาลยั แห่งแรกของไทย มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย ประกาศตงั้ เป็น มหาวิทยาลัยฝา่ ยพระพทุ ธศาสนา ๙ ม.ค. ๒๔๙๐ เปิด พ.ศ. ๒๔๓๒ (ค.ศ. 1889) ทป่ี ระเทศไทย พระบาท การศึกษา ๑๘ ก.ค. ๒๔๙๐ ให้ปรญิ ญาพทุ ธศาสตร- สมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ ฯ ร.๕ โปรดให้ย้ายที่ราชบัณฑติ บัณฑิต มฐี านะสมบรู ณต์ ามกฎหมายเม่ือรัฐตรา พรบ. บอกหนงั สอื พระ จากในวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ออกมา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๐ จดั เปน็ บาลีวทิ ยาลยั ขึ้นทว่ี ัดมหาธาตุ เรียกวา่ “มหาธาตุ วิทยาลัย” เปน็ ครัง้ แรกทีใ่ ชน้ ามวทิ ยาลัยในประเทศไทย จากบน: อาคารถาวรวตั ถุ ตอ่ มา ณ ๑๓ ก.ย. ๒๔๓๙ เสด็จไปทรงวางศิลา สงั ฆเสนาสน์ราชวิทยาลัย ฤกษส์ งั ฆเสนาสน์ราชวทิ ยาลัย ประกาศพระราชปรารภ หน้าตรงข้ามจากบน: เปลีย่ นนามมหาธาตวุ ทิ ยาลัยเปน็ “มหาจฬุ าลงกรณราช- สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ วทิ ยาลยั ” ให้เปน็ ท่ศี กึ ษาพระปรยิ ัตธิ รรมและวิชาช้ันสงู มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย 176 ห้ามซื้อ-ขาย อนญุ าตใหใ้ ชเ้ พ่ือการศึกษาส่วนตัวเทา่ น้ัน ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ขิ สิทธิ์ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ต่อ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น
ตัง้ มหาโพธิสมาคมเปน็ ฐาน ต่อมาเริ่มจดั คณะไปนมสั การพุทธคยา และพุทธ- เรม่ิ งานฟนื้ พุทธสถาน สถานอน่ื ๆ เปน็ ครงั้ แรกในเดอื น ธ.ค. ๒๔๓๗ แลว้ ในเดอื น ก.พ. ๒๔๓๘ ไดน้ ำ� พระพุทธรูปเข้าไปตัง้ บชู าในพระเจดีย์ ณ วนั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๓๔ นัน้ เอง ก็ได้ตง้ั พทุ ธคยา (พระพุทธรปู องคน์ ้ีเปน็ แบบญี่ป่นุ ) แตค่ นของ Maha Bodhi Society (มหาโพธิสมาคม) แหง่ แรกข้ึน ฮินดูมหันต์ได้น�ำพระพุทธรูปนนั้ ออกมาทิ้งขา้ งนอก เรอ่ื ง มาเป็นฐานในการทำ� งาน ใหช้ ื่อว่า Buddhagaya Maha เป็นความขน้ึ ศาลกนั และพยายามกันตอ่ มา จนใน ต.ค. Bodhi Society (พทุ ธคยามหาโพธิสมาคม แตต่ ั้งขนึ้ ท่ี ๒๔๔๔ แม้ชาวพทุ ธจะไดอ้ ิสรภาพในการเข้าไปบูชาใน ลงั กา) จากนนั้ ได้มุง่ มัน่ ท�ำงานเพอื่ จุดหมายทตี่ ง้ั ไว้ ต้อง พระพุทธคยาเจดีย์ แตอ่ งค์พระเจดียก์ ็ยังเปน็ ทรัพยส์ นิ เดินทางไปในประเทศตา่ งๆ มาก โดยเฉพาะไปเผยแผ่ ในความดแู ลของฮินดมู หันตก์ ับรฐั บาล คณะของทา่ น ธรรมในอเมรกิ า (แวะเมอื งไทย ก.พ. ๒๔๓๗) ตลอดจนไป ธรรมปาละท�ำไดเ้ พยี งซ้อื ท่ีสร้างที่พักไวใ้ กลๆ้ รว่ มประชมุ สภาศาสนาโลกทีช่ คิ าโกใน ก.ย. ๒๔๓๖ (the 1893 World’s Parliament of Religions in Chicago) ตอ่ มาไม่นานได้ซือ้ ที่เพอ่ื สร้างวหิ ารทีส่ ารนาถ จน กระท่ังสร้างมูลคันธกฏุ ีวหิ ารเสร็จท่ีนัน่ ในปี ๒๔๗๓ ตั้งกระทรวงธรรมการ ใหธ้ รรมะ มหาวทิ ยาลยั สงฆ์แหง่ แรก คุมศาสนา และเป็นแกนของการศึกษา ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๓๕ (ค.ศ. 1892) วนั ท่ี ๑ เมษายน ท่ี พ.ศ. ๒๔๓๖ (ค.ศ. 1893) ท่ีประเทศไทย ประเทศไทย ในรัชกาลท่ี ๕ มีพระบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ร.๕ เสดจ็ ไปทรงเปดิ ประกาศตั้งกรมธรรมการข้นึ เป็น “กระทรวงธรรมการ” “มหามกุฏราชวิทยาลยั ” ทีส่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ (พร้อมกับกระทรวงอ่ืนๆ รวมเป็น ๑๐ กระทรวง) ใหร้ บั กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสทรงจัดตง้ั ขนึ้ ผดิ ชอบการศกึ ษาท้ังฝา่ ยบ้านเมอื งและพระศาสนาเนื่อง อย่ใู นนโยบายอนั เดียวกัน โดยกอ่ นน้ี ในปี ๒๔๓๒ ได้ มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ประกาศตงั้ เปน็ มหาวทิ ยาลยั โปรดใหร้ วมกรมศึกษาธิการที่ตงั้ ขนึ้ แต่ พ.ศ. ๒๔๓๐ กับ สงฆ์ ชอื่ สภาการศกึ ษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย ณ ๓๐ กรมอน่ื ๆ อกี ๓ กรม เข้าในกรมธรรมการมาพร้อมแล้ว ธ.ค. ๒๔๘๘ เปิดการศกึ ษา ๑๖ ก.ย. ๒๔๘๙ ให้ปริญญา ศาสนศาสตรบัณฑติ มีฐานะสมบูรณต์ ามกฎหมายเมื่อรัฐ ตรา พรบ. มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๐ หา้ มซื้อ-ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พื่อการศกึ ษาส่วนตัวเท่านัน้ ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ อ่ ตอ้ งตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน 177
อเมริกันชายน�ำเข้ามา แมจ้ ะสน้ิ ชพี อเมรกิ นั หญิงช่วยทนุ ให้เดินหน้า ขอเกดิ มาทำ� งานพุทธศาสนาตอ่ ไป การเพ่อื พระศาสนาท้งั น้ี รวมทั้งการสรา้ งโรงเรยี น ต่อมา พ.ศ. ๒๔๗๔ อนาคารกิ ธรรมปาละ ชรา และโรงพยาบาลเพ่อื การสงเคราะหค์ วบคไู่ ป ไดร้ บั ความ ลง ได้บวชโดยมีนามว่า ศรี เทวมติ ร ธรรมปาละ จากน้ัน รว่ มมอื จากชาวพุทธหลายแห่ง โดยเฉพาะบคุ คลท่ชี ว่ ย อีก ๒ ปีกไ็ ดอ้ ปุ สมบท (ตรงนี้ ผู้บันทึกล�ำดับเหตกุ ารณ์ เหลอื โดยตลอดและมากท่ีสดุ จนสดุ ท้ายตง้ั เปน็ กองทุน ในประวตั ิเขยี นไว้สบั สนว่า ค.ศ. 1931: Ordained as a คอื เศรษฐนิ ีชาวอเมริกนั ชือ่ Mrs. Mary Foster Bhikkhu... แลว้ ค.ศ. 1933: Received Higher Ordi- (กองทนุ ชือ่ Mary Foster Permanent Fund, ตั้งใน nation. ทำ� ให้สงสัยว่าเปน็ การบันทกึ ผิดพลาด ครั้งแรก ก.ค. ๒๔๖๗) อาจบรรพชาเป็นสามเณร แล้วครั้งหลงั อุปสมบทเป็นพระ ภกิ ษุ หรอื เปน็ ภกิ ษุแล้วบวชซำ้� แบบทำ� ทฬั หีกรรม) เจดียพ์ ทุ ธคยา หลงั การบรู ณะ แต่เวลาผา่ นมาเพียง ๒ เดือนเศษ ณ ๒๙ เม.ย. ๒๔๗๖ ทา่ นกถ็ งึ มรณภาพทสี่ ารนาถ เมอื งพาราณสี กลา่ ว วาจาสดุ ทา้ ยวา่ “ขอใหข้ า้ พเจา้ ไดเ้ กดิ ใหม.่ ..ขา้ ฯ ขอเกดิ อกี ๒๕ ชาติ เพื่อเผยแพรธ่ รรมของพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ” ค้นพบเอกซเรย์ พ.ศ. ๒๔๓๘ (ค.ศ. 1895) ณ วันที่ ๕ พ.ย. นัก ฟสิ กิ สเ์ ยอรมัน ช่อื เรนิ ต์เกน (Wilhelm C. Roentgen) คน้ พบรงั สแี ม่เหล็กไฟฟา้ ความถี่สูง ท่เี รียกวา่ “เอกซเรย์ (X-ray)” และได้รับรางวลั โนเบล ประจำ� ปี ๒๔๔๔/1901 กีฬาโอลมิ ปิกคืนชพี พ.ศ. ๒๔๓๙ (ค.ศ. 1896) กฬี าโอลมิ ปกิ ของกรีก โบราณ ซงึ่ หยุดไปเพราะถกู พวกโรมันห้าม ตงั้ แตป่ ี ๗๓๗/ 194 ได้รับการฟ้ืนฟู เรม่ิ จดั ขนึ้ ใหมท่ เ่ี มอื งเอเธนส์ 178 หา้ มซอื้ -ขาย อนุญาตให้ใช้เพอื่ การศึกษาสว่ นตวั เท่านั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ลี ขิ สทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องติดต่อขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน
ปลกู เมลด็ พชื ไว้ บุคคลท่ไี ดบ้ �ำเพ็ญประโยชน์อยา่ งมากแก่พระพุทธศาสนา มหาโพธสิ มาคม ผลเผล็ดให้ผ้อู ื่นชื่นชมต่อไป และแกช่ าวพทุ ธสมยั ปัจจบุ นั โดยเฉพาะผทู้ ีม่ านมัสการ สงั เวชนียสถานคงจะอนุโมทนาอตั ถจริยาเพอื่ ก้พู ทุ ธสถาน กาลล่วงมาถงึ พ.ศ. ๒๔๙๒ (ค.ศ. 1949) หลังจาก ที่ท่านได้บ�ำเพ็ญแล้ว ทา่ นธรรมปาละส้ินชพี ไปแล้ว ๑๖ ปี งานทที่ ่านเพยี รทำ� ไว้จึงสำ� เร็จบ้างบางส่วน เมอ่ื รัฐบาลรัฐพิหารออก พรบ. ปราชญ์อินเดียตืน่ ตัวตามฝรง่ั ศาสนสถานพทุ ธคยา (Buddha Gaya Temple Act) ตั้งสมาคมทางพทุ ธ ก�ำหนดให้การจดั การมหาโพธเิ จดีย์เปน็ อ�ำนาจของคณะ กรรมการท่ีประกอบดว้ ยชาวฮนิ ดูและชาวพุทธมีจำ� นวน พ.ศ. ๒๔๓๕ (ค.ศ. 1892) ปราชญช์ าวอนิ เดยี เกดิ ฝา่ ยละเทา่ กัน ความตื่นตัวขนึ้ จากแรงกระตุน้ ทไี่ ด้เหน็ ชาวตะวนั ตกศกึ ษา ค้นควา้ พระพทุ ธศาสนากนั จรงิ จัง จึงไดต้ ั้ง Buddhist มหาโพธิสมาคมในอนิ เดีย มสี ำ� นกั งานใหญ่อยู่ที่ Text Society (สมาคมพทุ ธศาสนปกรณ)์ ขน้ึ บา้ งในเมอื ง เมอื งกลั กตั ตา (Kolkata หรือ Calcutta) มีสาขาหลาย กัลกตั ตา แหง่ หลายเมอื ง ออกวารสารช่ือ The Maha Bodhi อนาคารกิ ธรรมปาละ เป็นชาวพทุ ธผู้มบี ทบาท ส�ำคัญย่งิ ในการฟ้นื ฟพู ระพทุ ธศาสนาในชมพทู วีป เป็น ดี ที ซซู ูกิ พทุ ธแบบเซนเด่นกอ่ น ที่อเมรกิ า หน้าตรงข้ามจากซ้าย: Wilhelm C. Roentgen พ.ศ. ๒๔๔๐ (ค.ศ. 1897) ท่อี เมริกา ซูซกู ิ เอกซเรย์ช้นิ แรก (Daisetz Teitaro Suzuki) ปราชญ์แหง่ พระพทุ ธศาสนา 1896 Olympic Medal นกิ ายเซน ด้วยการบรรยายตามมหาวทิ ยาลยั อเมริกนั ตราสัญลักษณก์ ีฬาโอลมิ ปิก และเขยี นหนังสอื ได้ท�ำใหช้ าวตะวนั ตกรู้เข้าใจพระ พทุ ธศาสนา และนยิ มสมาธแิ พร่หลายออกไปมาก พร้อม กบั นิยมพระพทุ ธศาสนาแบบเซนด้วย ห้ามซ้ือ-ขาย อนญุ าตให้ใช้เพือ่ การศึกษาสว่ นตัวเทา่ นั้น ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สทิ ธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจ้าของก่อน 179
ในหวั เมือง เผดียงพระสงฆ์ ราชส�ำนกั องั กฤษ คดิ อา่ นตรวจตราสบื หาแบบแผน จากบนซา้ ย: สอนท่ัวราชอาณาจักร และทำ� ความเห็นวธิ ีที่จะแก้ไขจัดการศึกษา …” พระยา กรมหมน่ื ดำ� รงราชานุภาพ วิสทุ ธสุริยศักด์ไิ ด้ด�ำเนินการแลว้ สง่ มายงั กระทรวง ครูพระ พ.ศ. ๒๔๔๑ (ค.ศ. 1898) ที่ประเทศไทย ใน ธรรมการ และกรมศกึ ษาธกิ ารประมวลเรียบเรียงเสรจ็ พระยาวสิ ุทธสุริยศกั ดิ์ รัชกาลท่ี ๕ มีพระบรมราชโองการ “ประกาศจัดการ น�ำขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ ซง่ึ ทรงพอพระราชหฤทยั และตรสั ชม นักเรยี นยุโรปสมยั ร.๕ เล่าเรยี นในหัวเมอื ง” เผดยี งพระสงฆท์ ว่ั ราชอาณาจกั ร สำ� เร็จเปน็ “โครงการศึกษา พ.ศ. ๒๔๔๑” (บางทีเรียก ให้เอาใจใสส่ ่ังสอนธรรมแก่ประชาชน และฝึกสอนวิชา เป็น “โครงการศกึ ษาสำ� หรับชาติ พ.ศ. ๒๔๔๑” ก็ม)ี (กอ่ นเปล่ียนแปลงการปกครอง เรยี ก “โครงการ ความรตู้ า่ งๆ แกก่ ลุ บตุ ร เพอ่ื การน้ี ทรงอาราธนากรมหมน่ื อนั ควรถอื วา่ เป็นแผนการศกึ ษาแห่งชาติ ฉบบั แรกของ ศึกษา” เป็นพืน้ มีเรียกเปน็ แผนการศกึ ษาสลบั บา้ ง ต่อ วชิรญาณวโรรส เจ้าคณะใหญ่ บงั คับการพระอารามใน ประเทศไทย มา ตั้งแต่ปเี ปลีย่ นการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ จงึ เรยี ก หัวเมอื งในส่วนการพระศาสนาและการศกึ ษา และทรง ว่า “แผนการศกึ ษาชาต”ิ แลว้ ต่อมาอกี ถึงปี ๒๕๐๒ มี มอบหมายกรมหม่นื ด�ำรงราชานภุ าพเป็นเจ้าหน้าทอี่ นุกลู ตามโครงการศกึ ษา พ.ศ. ๒๔๔๑ น้ี การเล่าเรยี น ประกาศคณะปฏิวตั ิตัง้ สภาการศกึ ษาแห่งชาตขิ ึน้ แต่ ในฝา่ ยกจิ การของฆราวาส สามัญแบง่ ล�ำดบั ชั้นเปน็ ๔ คอื การเล่าเรยี นเบอื้ งแรก นีไ้ ปเตมิ “แหง่ ” เริม่ ด้วย “แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ (มลู ศึกษา) เบื้องตน้ (ประถมศกึ ษา) เบอื้ งกลาง (มัธยม พทุ ธศักราช ๒๕๐๓”) แผนการศึกษาแห่งชาติ ศกึ ษา) และเบ้อื งสูงสดุ (อดุ มศึกษา) ในตอนวา่ ดว้ ย ฉบับแรกของประเทศไทย อดุ มศกึ ษา มคี วามต่อท้ายว่า “หมายเหต:ุ ได้หวังใจไว้ว่า ในปสี วุ รรณาภิเษก ถา้ จะเป็นได้ จะไดร้ วมมหามกฏุ - พ.ศ. ๒๔๔๑ (ค.ศ. 1898) ท่ีประเทศไทย ใน ราชวทิ ยาลัย เปน็ สว่ นวทิ ยาลัยสำ� หรบั วินัยและศาสตร์ รชั กาลที่ ๕ เนื่องดว้ ย “การศกึ ษาท่ีได้เรม่ิ จัดการมาแต่ มหาธาตุวิทยาลยั เปน็ วทิ ยาลัยส�ำหรับกฎหมาย โรงเรียน ตน้ น้ัน ยงั ไม่ไดร้ ปู การลงเปน็ หลกั ฐานแนน่ อน จนใน แพทยากรเป็นวทิ ยาลัยสำ� หรบั แพทย์ และต้งั โรงเรียน พ.ศ. ๒๔๔๐ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว เป็นวิทยาลัยสำ� หรบั วิทยา และมีหอสากลวทิ ยาขน้ึ แห่ง เสดจ็ พระราชด�ำเนินประพาสทวปี ยุโรปครัง้ แรก ไดท้ อด หนึ่ง รวมวทิ ยาลยั ต่างๆ เหลา่ นี้ เขา้ เป็นรัตนโกสนิ ทร- พระเนตรเห็นนักเรยี นซึ่งไดม้ าเลา่ เรยี นอย่ชู ้านาน ยังเรียน สากลวทิ ยาลยั ” (สากลวิทยาลยั คอื คำ� คร้งั น้นั ส�ำหรบั ไม่สำ� เร็จทนั พระราชประสงคท์ จี่ ะทรงใชร้ าชการ เปน็ เหตุ university) แตพ่ ระองคไ์ ด้เสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๔๕๓ ให้ไมพ่ ึงพอพระราชหฤทยั จึงโปรดเกลา้ ฯ ให้เจา้ พระยา กอ่ นถึงปีสวุ รรณาภิเษก (พ.ศ. ๒๔๖๑) นน้ั การจึงไมเ่ ป็น พระเสดจ็ สุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว. เปยี มาลากุล) ซึง่ ขณะ ไปตามโครงการนี้ นัน้ เป็นพระยาวิสทุ ธสุรยิ ศกั ดิ์ อัครราชทตู พเิ ศษประจำ� 180 ห้ามซอื้ -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพอื่ การศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ นนั้ ภาพประกอบสว่ นใหญ่มีลขิ สทิ ธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใช้ตอ่ ตอ้ งตดิ ต่อขออนญุ าตจากเจา้ ของกอ่ น
วทิ ยาศาสตร์+เทคโนโลย:ี ความกา้ วหน้าท่ีควรสนใจ พ.ศ. ๒๔๔๓-๕๙ (ค.ศ. 1900-16) เปน็ ชว่ งทมี่ คี วาม ก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายอยา่ ง เชน่ ดา้ นวทิ ยาศาสตร:์ แมกซ์ แพลงค์ (Max Planck) นักฟสิ ิกส์เยอรมัน วางฐานแหง่ ทฤษฎคี วอนตัม ในปี ๒๔๔๓/1900; ไอนส์ ไตน์ (Albert Einstein) นกั ฟิสิกสอ์ เมริกนั (เยอรมัน โดยกำ� เนดิ ) พฒั นาทฤษฎพี เิ ศษแห่งสมั พทั ธภาพ ในปี ๒๔๔๘/1905 และเผยแพรท่ ฤษฎีทวั่ ไปแห่งสัมพัทธภาพ ในปี ๒๔๕๙/1916 ด้านเทคโนโลย:ี อเมรกิ นั ตา่ งกท็ ำ� หลอดไฟฟา้ ขนึ้ มาใชไ้ ดส้ ำ� เรจ็ ในปี ๒๔๐๓ จากบนซา้ ย: /1860 และ ๒๔๒๒/1879 เอดสิ นั เปน็ นกั ประดษิ ฐย์ งิ่ ใหญ่ แพลงค์ มาร์โคนี (Guglielmo Marconi) ชาวอติ าลี ใช้ ไอน์สไตน์ วิทยทุ ต่ี นประดิษฐข์ นึ้ ส่งขา่ วเป็นคร้งั แรก ในปี ๒๔๔๔/ มาร์โคนี 1901; ออรว์ ลิ ล์ ไรท์ (Orville Wright) ขับข่เี ครื่องบนิ ท่ี ออร์วิลล์ ไรท์ ตน และพ่ชี าย คือ วิลเบอร์ ไรท์ (Wilbur Wright) สร้าง วิลเบอร์ ไรท์ ขน้ึ สำ� เร็จครงั้ แรกในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๔๖/1903; เบกแลนด์ เบกแลนด์ (Leo Hendrik Baekeland) นกั เคมอี เมริกัน เบลล์ เชื้อสายเบลเย่ยี มสรา้ งสารสงั เคราะหเ์ ปน็ พลาสตกิ สมัย สแวน ใหมข่ ึน้ ในปี ๒๔๕๒/1909 เอดสิ นั ใกล้ๆ ก่อนชว่ งน:ี้ เบลล์ (Alexander Graham มีผลงานประดษิ ฐก์ ว่า ๑,๐๐๐ อยา่ ง และเป็นผตู้ งั้ โรง Bell) ชาวอเมรกิ นั ไดป้ ระดษิ ฐโ์ ทรศพั ทแ์ ลว้ ใชค้ รง้ั แรก ๑๐ ไฟฟ้ากลางแหง่ แรกของโลก ทเ่ี มอื งนวิ ยอรก์ (1881-2) มี.ค. ๒๔๑๙/1876; สแวน (Sir Joseph Wilson Swan) ชาวองั กฤษ และเอดสิ ัน (Thomas Alva Edison) ชาว ห้ามซอ้ื -ขาย อนญุ าตให้ใช้เพ่ือการศกึ ษาสว่ นตวั เทา่ นน้ั ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ อ่ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจ้าของกอ่ น 181
พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบับแรก ยาก พอถึงปี 1924 เกินครงึ่ ของรถยนตท์ ่ีใชก้ ันในโลก คอื ละม่อม รวมท้ังการเตรยี มอาชพี โดยเฉพาะทรงเหน็ ว่า ถดั จาก “กฎพระสงฆ”์ ใน ร. ๑ รถฟอรด์ Model T และในปี 1927 รถฟอร์ด คนั ที่ ๑๕ “การหนังสอื ” จะช่วยทาสใหเ้ ป็นไทยได้แท้จริง ดว้ ยการ ลา้ น กอ็ อกจากโรงงานในวาระครบ ๒๐ ปี มโี รงเรยี น อยา่ งมโี รงทาน จะเหน็ วา่ เรมิ่ แต่ พ.ศ. ๒๔๑๑ ก็ พ.ศ. ๒๔๔๕ (ค.ศ. 1902) วนั ที่ ๑๖ มิถุนายน ทรงออก “ประกาศว่าด้วยทาษลกู หน้ี จุลศกั ราช ๑๒๓๐” ทป่ี ระเทศไทย ในรชั กาลท่ี ๕ มพี ระบรมราชโองการ เฮนรี ฟอร์ด เป็นผนู้ ำ� assembly line คอื ระบบ ประกาศ “พระราชบญั ญัตลิ กั ษณะปกครองคณะสงฆ์ การใชส้ ายสง่ งานประกอบชนิ้ ส่วน (บางทีเรียกวา่ pro- พอถงึ ปี ๒๔๑๗/1874 ก็มี “ประกาศเกษียณอายุ ร.ศ. ๑๒๑” เพื่อให้ฝา่ ยพุทธจกั รมกี ารปกครองเปน็ duction line คือ สายการผลติ ) เข้ามาใชใ้ นโรงงาน เมื่อ ลกู ทาสลูกไทย” ใน จ.ศ. ๑๒๓๖ ดังน้ีเปน็ ต้น จนท้าย แบบแผนเรยี บรอ้ ยคูก่ ันกบั ฝา่ ยพระราชอาณาจกั รท่ีได้ ๗ ต.ค. 1913/๒๔๕๖ ทำ� ให้การผลิตฟอร์ด Model T รดุ สดุ หลังจากทรงเตรยี มการเป็นล�ำดับมา ๓๐ ปีเศษ ก็ แกไ้ ขขึน้ แลว้ “… การปกครองสงฆมณฑล ย่อมเป็นการ หน้ามาก จากทเ่ี คยใชเ้ วลาประกอบคันละ ๑๒.๕ ชว่ั โมง ทรงตรา “พระราชบัญญัตลิ ักษณะเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔” สำ� คัญ ทง้ั ในประโยชนแ์ ห่งพระศาสนา และในประโยชน์ เหลอื เพยี ง ๑.๕ ชัว่ โมง จงึ ผลิตรถได้จำ� นวนมาก และขาย อนั มผี ลตง้ั แต่วนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ และ ความเจรญิ ของพระราชอาณาจักรด้วย … จะชักน�ำ ไดใ้ นราคาถกู สมความต้ังใจ ก�ำกบั ท้ายด้วยกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ประชาชนท้งั หลายให้เลื่อมใสศรทั ธาในพระพุทธศาส- ๒๔๕๑) วางโทษผู้ซื้อขายทาสเทา่ กบั โจรปล้นทรพั ย์ โนวาท ประพฤติสัมมาปฏิบัติ และร่�ำเรยี นวิชาคุณใน ความส�ำเรจ็ ของฟอรด์ ทำ� ใหบ้ ริษัทอน่ื ต้องนำ� สงฆสำ� นกั ยง่ิ ข้นึ เป็นอนั มาก” ทัง้ น้ี โดยมพี ระราชด�ำรวิ ่า ระบบนี้ไปใช้ และแพร่ไปในอุตสาหกรรมอน่ื ๆ ท�ำใหเ้ กิด ก้าวใหม่ของการศึกษาพระปริยตั ิธรรม: การดำ� เนนิ การตามประกาศจัดการเล่าเรียนในหวั เมอื ง ความเปลย่ี นแปลงครั้งใหญใ่ นวงการอตุ สาหกรรม บาลีสอบเขยี น มีนักธรรมมาเคยี ง เม่อื พ.ศ. ๒๔๔๑ น้ันบรรลุผลท่ีประสงค์ สมควรตงั้ เป็น แบบแผนการปกครองคณะสงฆใ์ ห้ม่ันคงเรียบร้อยได้ (อ่านเรอื่ งเตม็ ใน ภาคพิเศษ ท้ายเลม่ ) พ.ศ. ๒๔๕๔ (ค.ศ. 1911) ทปี่ ระเทศไทย ใน รชั กาลท่ี ๖ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณ เฮนรี ฟอร์ด พาอเมรกิ ากา้ วข้นึ มานำ� เมอื งไทยเลกิ ทาส อย่างนุ่มนวล วโรรส ทรงใหน้ �ำวธิ ีแปลโดยเขยี น มาใชแ้ ทนการสอบ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยวิธกี ารเปน็ ข้นั ตอน แปลปากเปล่า ในการสอบบาลีสนามหลวง เปน็ คร้ังแรก เร่มิ ด้วยประโยค ๑-๒ และประกาศใชเ้ ป็นทางการสำ� หรับ พ.ศ. ๒๔๔๖ (ค.ศ. 1903) ทสี่ หรัฐอเมริกา เฮนรี พ.ศ. ๒๔๔๘ (ค.ศ. 1905) ทปี่ ระเทศไทย ในรชั กาล ทกุ ประโยคใน พ.ศ. ๒๔๕๘ ครบถงึ ประโยค ๙ ในปี ๒๔๖๙ ฟอร์ด (Henry Ford, 1863–1947) จัดตงั้ บรษิ ัทฟอร์ด ที่ ๕ แมว้ ่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั จะ มอเตอร์ (Ford Motor Co.) ขนึ้ และในปี 1908 ได้เรม่ิ ทรงมพี ระราชดำ� รใิ นการเลกิ ทาสมาแตต่ น้ รชั กาล แตส่ ถาบนั อน่ึง ได้ทรงจัดการศึกษาพระปริยัตธิ รรมขึน้ ใหม่ ผลิตรถฟอร์ด Model T สดี ำ� ราคาไมแ่ พง และหาซอื้ ไม่ ทาสมีความซบั ซอ้ น โดยเฉพาะเป็นเรอื่ งของผลประโยชน์ อีกหลักสูตรหนง่ึ โดยเมื่อเรมิ่ แรกเรยี กว่า “องคข์ อง ไมเ่ ฉพาะฝา่ ยนายเงนิ แมแ้ ตท่ าสเองบา้ งกไ็ มพ่ อใจ ยงั อยาก สามเณรรูธ้ รรม” แล้วเข้ารูปลงตวั เป็น “นักธรรม” สอบ เปน็ ทาส เพราะไมต่ อ้ งทำ� มาหากนิ และไมร่ จู้ กั ทางทจ่ี ะไป ครง้ั แรกเมอื่ เดอื นตุลาคม ๒๔๕๔ ทำ� มาหากิน จึงทรงเตรยี มการเป็นข้นั ตอนอยา่ งละมนุ 182 ห้ามซื้อ-ขาย อนญุ าตให้ใชเ้ พื่อการศกึ ษาสว่ นตวั เท่านนั้ ภาพประกอบสว่ นใหญม่ ีลขิ สิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งตดิ ตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น
เมอื งไทยเริ่มใช้ “พุทธศกั ราช” หอพระสมุดสำ� หรับพระนคร ก่อนมาเป็นหอสมุดแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๔๕๖ (ค.ศ. 1913) ต้ังแต่วนั ท่ี ๑ เมษายน เป็นต้นสบื ไป ที่ประเทศไทย ในรชั กาลที่ ๖ พระบาท พ.ศ. ๒๔๕๙ (ค.ศ. 1916) ท่ปี ระเทศไทย ใน สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หวั โปรดให้ใช้ พทุ ธศกั ราช รชั กาลท่ี ๖ โปรดให้ยา้ ย หอพระสมุดส�ำหรับพระนคร เป็นศกั ราชทางราชการ แทน “รตั นโกสินทรศก” (พ.ศ. = (เดิมทีเดยี ว คือหอพระสมุดวชิรญาณ ซ่ึงต้ังอยใู่ น ร.ศ. + ๒๓๒๔) พระบรมมหาราชวงั ) มาต้งั ทตี่ ึกสงั ฆเสนาสนร์ าชวิทยาลยั (ตรงข้ามสนามหลวง แถบวัดมหาธาตุ) และไดเ้ สด็จ จากบน: พระราชด�ำเนินทรงประกอบพธิ ีเปดิ เม่อื ๖ ม.ค. ๒๔๕๙ รชั กาลท่ี ๖ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั ตอ่ มา หลงั จากตั้งกรมศิลปากรขน้ึ ในปี ๒๔๗๖ และมกี องหอสมดุ หอพระสมดุ สำ� หรับพระนครไดเ้ ปลย่ี น สงครามโลกครั้งที่ 1 ชือ่ เปน็ หอสมดุ แหง่ ชาติ และตงั้ อยทู่ ่ีนนั่ จนถึง ๕ พ.ค. ๒๕๐๙ จึงได้มพี ิธเี ปิดอาคารหอสมุดแห่งชาติ ทไ่ี ด้สรา้ ง ความเปลย่ี นแปลงใหญ่ ขึน้ ใหม่ท่ีบรเิ วณทา่ วาสุกรี ท่นี �ำสคู่ วามเปลี่ยนแปลงตอ่ ไป พ.ศ. ๒๔๕๗-๖๑ (1914-18) สงครามโลก คร้ังท่ี เกิดจุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ๑ (World War I) ระหวา่ งฝา่ ยอ�ำนาจกลาง (Central มหาวิทยาลัยแหง่ แรกของประเทศไทย Powers มีเยอรมนี ออสเตรยี -ฮังการี บลั กาเรยี และ จักรวรรดิออตโตมาน ท่ีต่อมาสลายและตัง้ ส่วนทเ่ี หลือ พ.ศ. ๒๔๕๙ (ค.ศ. 1916) ท่ปี ระเทศไทย ใน เปน็ สาธารณรัฐเตอรก์ ี) กับฝ่ายสัมพนั ธมิตร (Allies มี รัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั องั กฤษ ฝรัง่ เศส รัสเซีย เบลเยยี่ ม อติ าลี ญ่ีปนุ่ สหรัฐฯ “...ได้ประกาศประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรอื น เปน็ ต้น) สนามรบส่วนใหญค่ อื ยโุ รป และตะวนั ออกกลาง ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั ข้ึนเปน็ ในทีส่ ุดฝ่ายแรกพา่ ยแพ้ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย เม่อื วนั ท่ี ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ และโอนไปขนึ้ อยใู่ นกระทรวงธรรมการแลว้ … จงึ ในสงครามใหญน่ ี้ คนตายทัง้ สนิ้ ๑๔.๖ ล้านคน ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตง้ั กรมมหาวิทยาลยั ข้นึ อกี (ทหาร ๘ + พลเรอื น ๖.๖) แยกเปน็ ฝา่ ยสมั พนั ธมิตร กรมหน่งึ เมือ่ วันท่ี ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๐” (ประวตั ิ ตาย ๘ ล้านคน (ทหาร ๔.๘ + พลเรอื น ๓.๒) ฝ่ายอ�ำนาจ กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒๔๓๕–๒๕๐๗, หน้า ๒๕๔) กลางตาย ๖.๖ ล้านคน (ทหาร ๓.๑ + พลเรอื น ๓.๕) หา้ มซ้ือ-ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พ่อื การศึกษาส่วนตัวเทา่ น้นั ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ต่อ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของกอ่ น 183
รัสเซียไปเป็นคอมมูนิสต์ จากพวกชาตินยิ มอาหรบั ทลี่ กุ ฮือกอ่ กบฎขึ้นภายใน และ ออตโตมานมาถึงอวสาน สงครามจากข้างนอก ออตโตมานก็สลายในที่สดุ พ.ศ. ๒๔๖๑ (ค.ศ. 1918) ผลแก่ฝ่ายแพจ้ าก เตอร์กฟบุ อาหรบั ฟื้น ยิวเข้าทางที่จะฟู สงครามใหญน่ ี้ นอกจากเยอรมนถี กู สนธสิ ญั ญากดบบี หนกั จนระเบดิ เปน็ สงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ ตอ่ มาแล้ว เหตุการณ์ ยกตัวอยา่ ง เร่มิ แตก่ ่อนสงครามโลก ซาอุด ซง่ึ ต่อ สบื เนือ่ งทงั้ ในระหว่างและภายหลงั ที่ส�ำคัญคือ เกดิ การ มาไดเ้ ป็นกษตั รยิ แ์ หง่ ประเทศซาอดุ อี าระเบยี ที่ตง้ั ขึน้ ปฏิวตั ิของพวกบอลเซวกิ ในรสั เซยี ในปี ๒๔๖๐ ทีท่ ำ� ให้ ใหม่ ไดบ้ กุ มารุกรบจนขับไลพ่ วกเตอรก์ ออกจากอาระเบยี รสั เซยี กลายเปน็ คอมมวิ นสิ ต์ จกั รวรรดอิ อสเตรยี -ฮงั การี ตะวนั ออกในปี ๒๔๕๖/1913) และในชว่ ง ค.ศ. 1916- หรอื เรยี กงา่ ยๆ ว่าจักรวรรดฮิ ับสเบอรก์ สน้ิ สลาย และที่ 1918 องั กฤษได้ชว่ ยและร่วมรบกบั เจา้ อาหรับ ขับไล่ นา่ สงั เกตพเิ ศษ ก็คืออวสานของจักรวรรดอิ อตโตมาน เตอรก์ ออกจากดนิ แดนสว่ นตา่ งๆ ของอาหรบั ตลอดจน ด�ำเนินการเม่อื สิ้นสงครามแล้ว ทำ� ใหเ้ จ้าไฟซาลไดเ้ ปน็ จักรวรรดสิ ลุ ตา่ นออตโตมานรุง่ เรอื งสดุ ถึงราว กษัตริย์ไฟซาลที่ ๑ ของราชอาณาจักรอิรักท่ตี ้งั ข้นึ ใหม่ กลางครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16 จากนนั้ กเ็ ริ่มเสอื่ ม ทำ� สงคราม และเจา้ อับดุลเลาะห์ได้เป็นเจา้ ผู้ครองทรานสจอรแ์ ดน แพพ้ วกยุโรปคราวใหญ่คร้ังแรกใน พ.ศ. ๒๑๑๔ (ค.ศ. ในปี ๒๔๖๔/1921) 1571) ต่อจากน้ันกร็ บแพ้พวกยโุ รปและเสียดนิ แดนไป เรอื่ ยๆ จนถกู ตง้ั สมญาว่า “บรุ ษุ อมโรคแหง่ ยโุ รป” (“Sick ส่วนอังกฤษเองก็ยกทัพเขา้ ยดึ เยรซู าเล็ม และ Man of Europe”) เหตุที่แพน้ อกจากเพราะภายใน ครอบครองปาเลสไตน์ ในเดอื นธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ อ่อนแอลงแล้ว ขอ้ ส�ำคัญคือ ตกเปน็ เบย้ี ลา่ งในทาง (ค.ศ. 1917) แลว้ จดั การดแู ลมาจนสนิ้ สงครามโลกครง้ั ที่ ๒ อาวธุ และอุปกรณต์ ่างๆ เพราะถงึ ยคุ นีว้ ิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยไี ด้เจริญข้ึนมาในประเทศตะวันตก จากบนซา้ ย: Abdul Aziz Al Saud จดุ พลาดสดุ ท้ายทท่ี �ำให้ถึงอวสานก็คือ การเขา้ เจา้ อับดลุ เลาะห์ สสู่ งครามโลกครัง้ ที่ ๑ โดยอยู่ข้างเยอรมัน รว่ มรบแลว้ มุสตาฟา เคมาล กเ็ ลยรว่ มแพด้ ว้ ย เฉพาะอยา่ งยิง่ ในชว่ งสงครามโลกครงั้ หนา้ ตรงข้าม: ท่ี ๑ นนั้ ไดเ้ กิดกระแสลทั ธิชาตนิ ยิ มแพร่ไปในหมู่ชนชาว พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั อาหรบั ฝรงั่ โดยเฉพาะอังกฤษกเ็ ขา้ หนนุ ชาวอาหรบั ให้ ลุกขน้ึ กชู้ าติกแู้ ผ่นดนิ จากพวกเตอร์ก เมอื่ ถกู โถมทบั ท้งั 184 หา้ มซือ้ -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพื่อการศึกษาส่วนตวั เท่าน้ัน ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสทิ ธิ์ หากประสงค์จะนาํ ไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดต่อขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน
จากจักรวรรดิออตโตมาน ก็ให้เปลย่ี นชอ่ื เมอื งคอนสแตนตโิ นเปลิ เปน็ อสิ ตันบลุ เป็นอนั สบื ตอ่ งานพมิ พพ์ ระไตรปิฎกบาลี ที่ ร. ๕ ทรงเร่มิ เป็นสาธารณรฐั เตอรก์ ี (Constantinople -> Istanbul) และเมอื งหลวงใหม่ ไวเ้ มอ่ื พ.ศ. ๒๔๓๑ คือ “พระไตรปิฎกบาฬี จลุ จอมเกล้า จากแองกอรา เป็นองั การา (Angora -> Ankara) บรมธมั มิกมหาราช” อนั ขาดคัมภีร์ปฏั ฐาน จงึ ยงั มี ๓๙ พ.ศ. ๒๔๖๔ (ค.ศ. 1921) หลังจากร่วมแพ้ใน เลม่ ให้ครบเตม็ ชุดสมบรู ณ์ เสร็จแลว้ พระราชทานไปใน สงครามโลกครัง้ ที่ ๑ จกั รวรรดิออตโตมานเตอร์ก แตก จบยุคมสุ ลิมเตอรก์ นานาประเทศประมาณ ๔๐๐–๔๕๐ จบ และโปรดให้จดั สลาย ดนิ แดนอาหรบั ในตะวันออกกลางหลดุ มอื ไปหมด มสุ ลิมอาหรับตั้งตวั ข้นึ ใหม่ งานฉลองในวันท่ี ๒๕–๒๗ พ.ย. ๒๔๗๓ แล้ว กไ็ ดม้ ีการจัดการปกครองประเทศกนั ใหม่ โดยนัยนี้ จักรวรรดิออตโตมาน (Ottoman Em- ในทส่ี ดุ ถงึ ปี ๒๔๖๔ สภามีมติประกาศชอ่ื ประเทศ pire) ของเตอร์ก ท่ีได้เปน็ ศนู ยอ์ �ำนาจของอสิ ลามมาเกนิ เป็นเตอร์กี ปี ๒๔๖๕ ยบุ เลิกตำ� แหน่งสุลตา่ น ปี ๒๔๖๖ กวา่ ๖ ศตวรรษ ต้ังแต่ ค.ศ. 1290 (พ.ศ. ๑๘๓๓) ต่อจาก ประกาศใหป้ ระเทศเปน็ สาธารณรฐั เตอรก์ ี โดยมมี สุ ตาฟา พวกเซลจกู เตอรก์ ทตี่ ่อจากอาหรบั กถ็ ึงกาลอวสาน เคมาล (เคมาล อะตาเตอร์ก) เป็นประธานาธบิ ดีคนแรก ปลอ่ ยทง้ิ คอนสแตนติโนเปลิ เมอื งหลวงเก่าของจกั รวรรดิ ตอ่ นี้ไป ศูนย์กลางของอิสลามกลบั ไปอยูใ่ นหมู่ ออตโตมาน (ที่ยดึ มาจากจกั รวรรดโิ รมนั ตะวนั ออกหรอื ชนชาวอาหรับแถบตะวนั ออกกลาง คลา้ ยยคุ เร่มิ ก�ำเนิด บแี ซนทนี ตง้ั แต่ ค.ศ. 1453=พ.ศ. ๑๙๙๖) เสยี ตง้ั แองกอรา คือ ส้นิ ยคุ มุสลมิ เตอรก์ เปน็ ใหญ่ กลับมาสยู่ ุคของมสุ ลิม เปน็ เมอื งหลวงของสาธารณรัฐใหม่ อาหรับ เตอร์กสลัดความเป็นรฐั อิสลาม พระไตรปฎิ กบาลีเมืองไทย พมิ พ์ใหม่ ครบชดุ ครงั้ แรก เรยี กวา่ “ฉบบั สยามรฐั ” ปีต่อมา ๒๔๖๗ ยุบเลิกต�ำแหนง่ กาหลิฟ ล้มราช- วงศ์ออตโตมานทส่ี ลุ ตา่ นออสมาน/อสุ มาน ที่ ๑ ตงั้ ไว้เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๘ (ค.ศ. 1925) ท่ปี ระเทศไทย ใน ปี ๑๘๓๓/ค.ศ. 1290 และขบั สมาชิกราชวงศ์ออตโตมาน รัชกาลท่ี ๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัว เสดจ็ ออกจากเตอร์กีหมดสน้ิ และปี ๒๔๗๑ ให้เตอรก์ ีเป็น ขนึ้ ครองราชย์ โปรดใหจ้ ดั พมิ พพ์ ระไตรปฎิ กฉบบั สยามรฐั คามยิ รฐั หรอื รฐั คามยิ การ (secular state) แท้ๆ ลว้ นๆ จบละ ๔๕ เลม่ จ�ำนวน ๑,๕๐๐ จบ เพือ่ อุทิศถวายพระ สตรีเอาผา้ คลุมหน้าออก ชาวเตอรก์ หันไปแตง่ กายอยา่ ง ราชกุศล แดพ่ ระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั ชาวตะวันตก ใชอ้ ักษรโรมันแทนอักษรอาหรบั และนับ วันเวลาตามปฏทิ ินฝรงั่ แทนฮจิ เราะห์ ครน้ั ถึง พ.ศ.๒๔๗๓ หา้ มซอื้ -ขาย อนุญาตใหใ้ ช้เพ่ือการศึกษาสว่ นตัวเท่านั้น ภาพประกอบสว่ นใหญ่มลี ิขสิทธ์ิ หากประสงคจ์ ะนําไปใชต้ ่อ ตอ้ งติดตอ่ ขออนญุ าตจากเจา้ ของก่อน 185
วรี บุรษุ ผมู้ ชี ัย น�ำความสำ� เรจ็ มาให้ พระเณรเรยี นนักธรรมกนั สบื มา แก่เพ่ือนร่วมชาตแิ ละมวลชาวโลก คฤหสั ถ์เร่ิมมธี รรมศกึ ษาให้เรยี น พ.ศ. ๒๔๗๐ (ค.ศ. 1927) ทสี่ หรฐั อเมรกิ า มีขา่ ว พ.ศ. ๒๔๗๒ (ค.ศ. 1929) ท่ีประเทศไทย ใน ใหญท่ ีค่ นสนใจตนื่ เต้นกันไปทว่ั ท้ังโลก เมื่อชาร์ลส์ เอ. รัชกาลที่ ๗ เรมิ่ เปดิ โอกาสใหค้ ฤหัสถเ์ รยี นพระปรยิ ตั ิธรรม ลินด์เบอรก์ (Charles A. Lindbergh) นำ� เคร่ืองบนิ ล�ำ แผนกธรรม โดยแยกจากแผนกนกั ธรรมสำ� หรบั พระภิกษุ น้อยชื่อ Spirit of St. Louis ข้นึ จากเมอื งนิวยอร์ก ใน สามเณร เรยี กวา่ “ธรรมศึกษา” ตอนเช้าของวันที่ ๒๐ พ.ค. ไปลงจอดที่เมืองปารสี ในคืน วันรุ่งขน้ึ ๒๑ พ.ค. ๒๔๗๐ รวมใช้เวลาบิน ๓๓ ชั่วโมงครงึ่ นักดาราศาสตรอ์ เมรกิ นั พบดาวยม เป็นระยะทาง ๕,๘๐๐ กม. (๓,๖๐๐ ไมล)์ นค่ี ือการบิน เด่ียวรวดเดยี วข้ามมหาสมทุ รแอตแลนติกส�ำเรจ็ ครัง้ แรก พ.ศ. ๒๔๗๓ (ค.ศ. 1930) ที่สหรัฐอเมริกา นกั (first nonstop solo flight across the Atlantic) ดาราศาสตร์อเมริกัน ชื่อว่า ทอมบอฆ์ (Clyde W. Tom- baugh) ค้นพบดาวเคราะหท์ ่เี รยี กวา่ “ดาวยม” (Pluto, อเมรกิ าจัดงานต้อนรบั ลนิ ดเ์ บอร์กอย่างวีรบรุ ษุ พระยม ก็เรยี ก) ซ่งึ อยูห่ า่ งท่ีสุดจากดวงอาทิตย์ ไกลโดย ผู้ย่งิ ใหญ่ เปน็ งานฉลองชยั ครั้งย่งิ ใหญท่ ส่ี ุดของชาตหิ ลัง เฉลย่ี ประมาณ ๕,๙๑๔ ลา้ น กม. เปน็ ลำ� ดับสุดท้าย คอื การชนะในสงครามโลกครงั้ ที่ ๑ นอกจากเงนิ รางวลั และ ที่ ๙ ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้ง ๙ ไม่อาจมองเห็นด้วย เคร่ืองหมายเกยี รติยศที่ประธานาธิบดอี เมริกันมอบให้ ตาเปล่า เส้นผ่าศนู ย์กลางประมาณ ๒,๓๐๐ กม. (บ้าง แล้ว รัฐสภาอเมริกนั (Congress) ไดอ้ อกกฎหมายพิเศษ วา่ ๓,๓๐๐ กม., ไมถ่ ึงคร่งึ หนงึ่ ของโลก) หมุนรอบดวง มอบเหรยี ญ Congressional Medal of Honor แก่เขา อาทติ ย์รอบละ ๒๔๘.๔ ปี (อ่านเร่ืองเตม็ ใน ภาคพิเศษ ทา้ ยเลม่ ) จากบน: เมอื งไทยเปล่ียนการปกครอง ทอมบอฆ์ เป็นประชาธปิ ไตย รัชกาลที่ ๗ ลนิ ด์เบอรก์ พ.ศ. ๒๔๗๕ (ค.ศ. 1932) ทป่ี ระเทศไทย ในวันที่ หน้าตรงข้ามจากบน: ๒๔ มถิ นุ ายน คณะราษฎร ไดย้ ดึ อำ� นาจ เปลยี่ นการปกครอง พุทธทาสภิกขุ จากสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย ปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ 186 ห้ามซือ้ -ขาย อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาสว่ นตวั เท่าน้นั ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ิขสทิ ธ์ิ หากประสงค์จะนาํ ไปใช้ต่อ ตอ้ งตดิ ต่อขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน
กำ� เนิดพุทธทาสภิกขุ สถาปนาราชบณั ฑิตยสถาน (The Royal Institute) สืบ และสวนโมกขพลาราม แทนราชบัณฑติ ยสภา ซึง่ ได้โปรดให้ตัง้ ขน้ึ โดยประกาศลง วันที่ ๑๙ เม.ย. ๒๔๖๙ พ.ศ. ๒๔๗๕ (ค.ศ. 1932) ทีป่ ระเทศไทย พระ มหาเงือ่ ม อนิ ฺทปญฺโ ซ่ึงมาศึกษาพระปริยตั ธิ รรมอยใู่ น มหาวทิ ยาลยั วชิ าธรรมศาสตรแ์ ละการเมอื ง กรุงเทพฯ ไดต้ ดั สินใจหยุดการเล่าเรยี นแล้วเดินทางกลับ มาเป็นมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ไปยังบา้ นเกิดทพี่ ุมเรยี ง ไชยา สุราษฎรธ์ านี หลงั จากหา เสนาสนะอันวเิ วก กไ็ ดพ้ บ แล้วเข้าอย่ใู นวดั ร้างตระพังจกิ พ.ศ. ๒๔๗๗ (ค.ศ. 1934) ทป่ี ระเทศไทย ใน เนือ้ ท่ีประมาณ ๖๐ ไร่ ในวันวิสาขบชู า ท่ี ๑๒ พฤษภาคม รชั กาลท่ี ๘ โดย “พระราชบัญญัติมหาวทิ ยาลัยวิชา- ๒๔๗๕ เนือ่ งจากที่นั่นมีต้นโมกและตน้ พลามาก จงึ คิดคำ� ธรรมศาสตร์และการเมือง พทุ ธศักราช ๒๔๗๖” ข้ึนมาตั้งชื่อทีน่ ั้นว่า “สวนโมกขพลาราม” แลว้ ด้วยใจม่งุ มหาวทิ ยาลยั วิชาธรรมศาสตร์และการเมืองได้เกิดข้นึ มัน่ ท่จี ะมอบกายถวายชวี ติ สนองงานของพระพทุ ธเจ้า จงึ และได้ทำ� พธิ เี ปิดเม่ือวันที่ ๒๗ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ซ่งึ เรียกตนวา่ “พุทธทาส” และตอ่ มาในเดือนพฤษภาคม ถอื เป็นวนั สถาปนามหาวทิ ยาลยั โดยมีหลวงประดิษฐ์ ๒๔๗๖ กไ็ ดอ้ อกหนงั สอื พมิ พร์ ายตรมี าส ชอ่ื “พทุ ธสาสนา” มนูธรรม คอื ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เปน็ “ผู้ เปน็ ข้ันต้นของงานเผยแผธ่ รรมของพทุ ธทาสภิกขุ ซึ่งต่อ ประศาสน์การ” คนแรก เมือ่ เรมิ่ ก่อต้งั มหาวทิ ยาลยั มชี ่ือ มาได้แพร่ขยายออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง เป็นท่ีรทู้ ัว่ ไปใน ว่า “มหาวิทยาลยั วิชาธรรมศาสตร์และการเมือง” สังคมไทย โดยเฉพาะในหมูช่ นระดบั ทเ่ี คยเรยี กว่าปญั ญา (ม.ธ.ก. หรือตามนิยมวา่ มธก.) และนบั ว่าไดร้ ับชว่ ง ชน ตลอดจนในวงการพทุ ธศาสนาระหวา่ งประเทศ การศกึ ษาทางกฎหมายจากโรงเรยี นกฎหมายเดิม (ท่ี เชิงสะพานผา่ นพิภพลีลา) มเี ปา้ หมายทจ่ี ะเป็นตลาด ราชบณั ฑติ ยสถาน เครอื ขา่ ยทางปญั ญา วิชา ตอ่ มา ในปี ๒๔๙๕ รัฐบาลได้ตรา “พระราชบญั ญตั ิ แหล่งอ้างองิ ทางวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พทุ ธศักราช ๒๔๙๕” เปน็ เหตุ ใหช้ ือ่ ของมหาวิทยาลัยไม่มีค�ำวา่ “การเมือง” และสน้ั พ.ศ. ๒๔๗๖ (ค.ศ. 1933) ที่ประเทศไทย ใน เข้าเป็น มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ (ม.ธ. หรือ มธ.) ดงั รชั กาลท่ี ๗ สภาผ้แู ทนราษฎรตราพระราชบัญญัตวิ า่ ด้วย ปรากฏในปัจจบุ นั ราชบัณฑติ ยสถาน พทุ ธศักราช ๒๔๗๖ ใหป้ ระกาศใชเ้ ปน็ กฎหมาย ในวันที่ ๓๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ซง่ึ ถือเป็นวนั ห้ามซ้ือ-ขาย อนุญาตใหใ้ ชเ้ พือ่ การศึกษาสว่ นตวั เทา่ นัน้ ภาพประกอบส่วนใหญม่ ลี ขิ สทิ ธ์ิ หากประสงคจ์ ะนาํ ไปใช้ต่อ ต้องติดตอ่ ขออนุญาตจากเจา้ ของก่อน 187
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289