Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-08-24 23:26:21

Description: ดร.เสฐียร ทั่งทองมะดัน
www.Kalyanamitra.org
หนังสือ,เอกสาร,บทความ นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

๑๕๐ ถูกทาลาย พระพุทธรูปยงั คงประดิษฐานงดงามอยทู่ ุกซมุ้ เจดีย์ แมแ้ ต่อุณาโลมเพชร ทบั ทิม หรือมรกต ก็ยงั ไมม่ ีชาวพมา่ คนใดกลา้ ลกั ขโมย หลังจากสมยั พระเจา้ อโนรธาแลว้ พระพุทธศาสนาก็ไดร้ บั การอุปถัมภจ์ าก กษัตริย์เรื่อยมา จนกระทั่งสมัยพระเจ้านรปฏิสิทธุทรงส่งสมณทูตไปฟ้ ื นฟู พระพุทธศาสนาที่ลงั กา ในปี พ.ศ.๑๗๓๓ โดยมพี ระอุตราชีวะเป็ นประธาน คร้งั น้ันมี เด็กชาวมอญคนหน่ึงช่ือ ฉะบัฏ ไดบ้ วชเป็ นสามเณรติดตามไปยงั ลังกาดว้ ย และได้ อุปสมบทในลทั ธิลังกาวงศ์ ภายหลังเดินทางกลบั พม่าพรอ้ มกบั พระภิกษุอีก ๔ รูป ไดต้ ้ังนิกายใหม่ในพม่าคือนิกายสิงหล พระภิกษุนิกายน้ ี ไม่ยอมรบั วา่ พระนิกาย เดิมคือ มะระแหม่ง ไดร้ ับการอุปสมบทอย่างถูกตอ้ ง จึงเกิดการขัดแยง้ กันเป็ น เวลานานถึง ๓ ศตวรรษและในท่ีสุดนิกายสิงหลก็เป็ นฝ่ ายชนะ อาณาจกั รพุกามเจริญรุ่งเรืองมาโดยลาดบั จนกระทงั่ รชั สมยั ของพระเจา้ นร สีหปติ ในปี พ.ศ.๑๗๙๙-๑๘๓๐ กองทัพมองโกลบุกเขา้ ตีพุกามจนแตก ผลของ สงครามทาใหพ้ ุกามอ่อนแอลงมาก มะกะโทจึงประกาศเอกราชปลดแอกอาณาจกั ร มอญ หลงั จากเป็ นเมืองข้ ึนของพุกามต้งั แต่ปี พ.ศ.๑๖๐๐ และสถาปนาราชวงคช์ าน ข้ ึน มีศนู ยก์ ลางอยทู่ ี่เมืองเมาะตะมะ เมาะตะมะเป็ นเมืองหลวงของมอญจนถึงปี พ.ศ.๑๙๑๒ จึงยา้ ยไปยงั หงสาวดี ในสมยั พระเจา้ ธรรมเจดีย์ (พ.ศ.๒๐๑๕ - ๒๐๓๕) อาณาจกั รมอญเจริญสูงสุด ทรง รวมสงฆใ์ หเ้ ป็ นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งแต่เดิมแตกแยกเป็ น ๖ คณะ ทรงใหค้ ณาจารย์ ๖ สานักมาประชุมกัน ทรงขอรอ้ งใหไ้ ปอุปสมบทใหม่ในลงั กาเพื่อใหเ้ กิดความเสมอ ภาค คณะสงฆ์ก็เห็นชอบด้วยจึงเดินทางไปอุปสมบทใหม่ท่ีลังกา โดยมีพระ คณาจารย์ ๒๒ รปู พระอนุจรอีก ๒๒ รปู เมื่อกลบั มาสู่เมืองหงสาวดีแลว้ พระเจา้ ธรรมเจดียก์ ็ประกาศราชโองการให้ พระสงฆท์ วั่ แผ่นดินสึกใหห้ มด แลว้ บวชใหม่กบั คณะสงฆท์ ่ีบวชจากลงั กา โดยเรียก คณะใหม่ว่า คณะกัลยาณี ในคร้ังน้ันมีพระบวชในคณะกัลยาณีถึง ๑๕,๖๖๖ รูป คณะสงฆเ์ มืองหงสาวดีจึงเป็ นปึ กแผ่นอีกคร้งั แต่หลงั จากพระองคส์ วรรคตแลว้ สงฆ์ ก็แตกแยกกนั อีก ในพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ น้ ี (พ.ศ.๒๐๐๑ - ๒๑๐๐) ชนชาติโปรตุเกสเขา้ มา ติดต่อกับประเทศพม่า มีชาวโปรตุเกสคนหน่ึงไดช้ ่วยพระเจา้ ยะไข่ปราบกบฏ จนมี

๑๕๑ ความดีความชอบได้รับแต่งต้ังเป็ นเจา้ เมืองสีเรียม จึงถือโอกาสเผยแพร่ลัทธิ โรมนั คาทอลิก และเบียดเบียนพระพุทธศาสนา เช่น ริบทรพั ยส์ มบัติของวดั หา้ ม ประชาชนใส่บาตร พระสงฆ์ตอ้ งล้ ีภัยไปกรุง อังวะเพ่ือรอ้ งทุกข์ ในที่สุดพม่ากับ มอญไดร้ ว่ มมอื กนั กาจดั พวกโปรตุเกส จบั ตรึงไมก้ างเขนตายหลายคน หลังยุคพระเจา้ ธรรมเจดียแ์ ลว้ ในปี พ.ศ.๒๐๙๔ หงสาวดีก็เสียแก่พระเจา้ ตะเบงชเวต้ ี กษัตริยพ์ ม่า อาณาจกั รพม่ารุง่ เรืองถึงขีดสุดในสมยั บุเรงนอง ทรงขยาย อาณาจกั รออกไปกวา้ งขวางจนไดช้ อื่ วา่ ผชู้ นะสิบทิศ มีประเทศราชทวั่ สุวรรณภูมิ คือ อังวะ แปร เชียงใหม่ อยุธยา ยะไข่ ลา้ นชา้ ง และหัวเมืองไทยใหญ่ท้ังปวง ทรง ครองราชยอ์ ยไู่ ด้ ๓๐ ปี สวรรคตเมอื่ ปี พ.ศ.๒๑๒๔ เมื่อพระเจา้ บุเรงนองสวรรคตแลว้ พระโอรสข้ ึนเสวยราชย์แทน แต่ไม่มี อานาจเหมือนพระบิดา เมืองข้ ึนต่างๆ จึงประกาศตัวเป็ นอิสรภาพรวมท้ังไทยดว้ ย พวกมอญไดน้ ิมนต์ พระภิกษุชาวกะเหรี่ยงรูปหนึ่งชื่อว่า พระสะล่า เป็ นผูม้ ีความ เชย่ี วชาญทางเวทมนตรค์ าถา เชิญใหส้ ึกออกมาคิดแผนการไล่พมา่ จนสาเร็จ และได้ ทาพิธีราชาภิเษกเป็ นกษัตริยค์ รองนครหงสาวดีในปี พ.ศ. ๒๒๘๓ มพี ระนามวา่ พระ เจา้ สทิงทอพุทธเกติ ทรงแผ่อิทธิพลตีเมืองตองอูและเมืองแปรไดส้ าเร็จ แต่เรือง อานาจอยู่เพียง ๗ ปี เท่าน้ัน ในปี พ.ศ.๒๓๐๐ ก็ไดส้ ูญส้ ินอานาจใหแ้ ก่พม่าอีก และ ต้งั แตน่ ้ันมอญก็ไมม่ โี อกาสกอบกูเ้ อกราชอีกเลยตราบกระทงั่ ปัจจุบนั ในพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ อังกฤษทาสงครามกับพม่าและไดช้ ัยชนะ จากน้ัน พยายามตกั ตวงทรพั ยากรต่างๆ โดยท่ีกษัตริยพ์ ม่าไม่อาจจะแกป้ ัญหาได้ พระเจา้ มิ นดงจึงก่อการปฏิวตั ิยดึ อานาจจากพระเจา้ ปะกนั ในปี พ.ศ.๒๓๙๖ ในสมยั พระองคม์ ี การสงั คายนาพระไตรปิ ฎกนิกายเถรวาทคร้งั ท่ี ๕ ข้ ึน ณ เมืองมณั ฑะเลยใ์ นปี พ.ศ. ๒๔๑๔ ไดจ้ ารึกพระไตรปิ ฎกลงในหินอ่อน ๗๒๙ แผ่น โดยไดร้ บั การสนับสนุนจาก คณะสงฆห์ ลายชาติ คือ ศรลี งั กา ไทย กมั พชู า และลาว ต่อมาพระเจา้ ธีบอว์พระโอรสของพระเจา้ มินดงข้ ึนครองราชย์ใน พ.ศ. ๒๔๒๑ พระองค์ถูกอังกฤษเนรเทศไปอยู่อินเดีย ในช่วงน้ ีศาสนาคริสต์ไดโ้ จมตี พระพุทธศาสนา พระสงฆ์แสดงธรรมต่อตา้ นอังกฤษและเดินขบวนอย่างเปิ ดเผย พระบางรปู ถูกจบั ไปขงั คุกก็มี

๑๕๒ พม่าได้รับอิสรภาพจากอังกฤษเมื่อวันท่ี ๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๒ พระพุทธศาสนาจึงไดร้ บั การฟ้ ื นฟูอีกคร้งั มีการสังคายนาคร้งั ท่ี ๖ ข้ ึนที่กรุงยา่ งกุง้ เม่ือวนั ที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๗ และเสร็จส้ ินเมื่อวนั ท่ี ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ การทาสังคายนาน้ ีทาข้ ึนในโอกาสฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เพื่อพิมพ์ พระไตรปิ ฎก อรรถกถา และคาแปลเป็ นภาษาพม่า โดยเชิญพุทธศาสนิกชนจาก หลายประเทศเขา้ รว่ มพิธี เชน่ พมา่ ศรลี งั กา ไทย ลาว และกมั พชู า ๔) ประเทศลาว ประเทศลาวมีชื่อเป็ นทางการว่า สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao Peoples Democratic Republic) ปัจจุบันปกครองดว้ ยระบอบคอมมิวนิสต์ มี เมืองหลวงชื่อเวียงจันทน์ และเป็ นเมืองท่ี ใหญ่ ที่ สุด มีประชากรประมาณ ๕,๙๒๔,๐๐๐ คน (พ.ศ. ๒๕๔๘) ๖๐% นับถือพระพทุ ธศาสนาเถรวาท ๔๐% นับถือ ภูตผี (Animism) และอ่ืนๆ ดินแดนลาวมีมนุษยเ์ ขา้ มาอาศยั อยเู่ ป็ นเวลาชา้ นานแลว้ แต่ประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนเพ่ิงปรากฏข้ ึนในราวพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ในนามของ อาณาจกั รลา้ นชา้ ง สถาปนาข้ ึนโดยพระยาฟ้างุม้ เมื่อปี พทุ ธศกั ราช ๑๘๙๖ พระพุทธศาสนาเขา้ มาสู่อาณาจักรลา้ นชา้ งโดยพระนางแกว้ ยอดฟ้า พระ มเหสีของพระยาฟ้างุม้ ทรงทูลขอใหพ้ ระราชาส่งทูตไปนิมนตพ์ ระสงฆน์ ิกายเถรวาท จากกมั พูชาเขา้ มาเผยแผ่ในลา้ นชา้ ง คร้งั น้ันพระมหาปาสามานเจา้ เป็ นหวั หน้าคณะ เดินทางมาประกาศพระศาสนา ตามคานิมนตข์ องพระยาฟ้างุม้ พระมหาปาสามานเถระและคณะเดินทางออกจากกมั พูชาในปี พ.ศ.๑๙๐๒ ไดน้ าพระพุทธรูปปางหา้ มญาติช่ือ พระบาง และพระไตรปิ ฎกมาถวายแก่พระเจา้ ฟ้า งุม้ ด้วย เม่ือคณะสงฆ์เดินทางมาถึงเวียงจันทน์ เจา้ เมืองจันทน์ได้นิ มนต์พัก สมโภชน์พระบางอยู่ ๓ คืน ๓ วัน แลว้ เดินทางต่อไปยังเวียงคา ประชาชนไดม้ า สมโภชน์พระบางกัน ๓ คืน ๓ วนั เช่นกัน คร้นั จะเดินทางต่อไปกลับปรากฏเหตุ อัศจรรย์คือไม่สามารถยกพระพุทธรูปไปได้ จึงเสี่ยงทายว่าเทวดาอารักษ์คง ปรารถนาจะใหพ้ ระบางอยู่ท่ีเวียงคา คณะสงฆ์จึงเดินทางไปยงั เมืองเชียงทองโดย ไม่ไดน้ าพระพุทธรูปไปด้วย ไดเ้ ขา้ เฝ้าพระเจา้ ฟ้างุม้ กับพระมเหสี และเผยแผ่ พระพุทธศาสนา จนเจรญิ รุง่ เรอื ง

๑๕๓ สมยั พระเจา้ วชิ ุลราชาธิปัต (พ.ศ.๒๐๔๔ - ๒๐๖๓) พระองคท์ รงเอาพระทัย ใส่พระพุทธศาสนา เช่นกัน ทรงสรา้ งวดั บรมมหาราชวงั เวียงทอง วดั วชิ ุลราช และ อัญเชิญพระบางจากเวียงคามาประดิษฐานท่ีวดั น้ ี ในรัชสมัยพระเจา้ โพธิสารราช (พ.ศ.๒๐๖๓ - ๒๐๙๐) ทรงสรา้ ง วัดสุวรรณเทวโลก และมีพระราชโองการให้ พลเมืองเลิกนับถือผีสางเทวดา ใหร้ ้ ือศาลหลวง ศาลเจา้ ต่างๆ แลว้ ใหป้ ระชาชนหนั มานับถือพระพุทธศาสนาแทน หลงั จากพระเจา้ โพธิสารราชสวรรคตแลว้ พระโอรสต่างแยง่ ชิงราชสมบตั ิกนั อาณาจกั รลา้ นชา้ งจึงแตกเป็ น ๒ ฝ่ าย คือ ฝ่ ายเหนือ ฝ่ ายใต้ พระเจา้ ไชยเชษโฐแห่ง ล้านนาจึงยกทัพมาตีกรุงล้านช้างและยึดได้ท้ังสองอาณาจักร แล้วเสด็จข้ ึน ครองราชยโ์ ดยสถาปนา กรุงศรีสัตนาคณหุต เป็ นเมืองหลวง และทรงเปล่ียนพระ นามเป็ น พระเจา้ ไชยเชษฐาธิราช พระพุทธศาสนาในยุคของพระเจา้ ไชยเชษฐาธิราชมีความเจริญสูงสุด ทรง สรา้ งวดั สาคญั มากมาย เฉพาะในกาแพงเมืองมีวดั อยูป่ ระมาณ ๑๒๐ วดั ทรงสรา้ ง วดั พระแกว้ ข้ ึนเพื่อประดิษฐานพระแกว้ มรกตซึ่งอญั เชิญมาจากเมืองเชียงใหม่ ยุคน้ ี ราชอาณาจกั รไทยก็มีความสมั พนั ธ์กบั ลาวอยา่ งแน่นแฟ้นเพราะไดร้ ่วมมือกนั ต่อสู้ กบั พมา่ มีการสรา้ งเจดียพ์ ระธาตุศรีสองรกั ข้ ึนในอาเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย เพ่ือ เป็ นอนุสรณแ์ หง่ ความเป็ นพเี่ ป็ นนอ้ งกนั พระเจา้ ไชยเชษฐาธิราชทรงยา้ ยเมืองหลวงจากเชียงคามาอยูท่ ี่เวียงจนั ทน์ ทรงประดิษฐานพระแกว้ มรกตและพระพุทธสิหิงค์ไวท้ ่ีเวียงจันทน์ ส่วนพระบาง ประดิษฐานไวท้ ่ีเมืองเชียงทอง จึงไดช้ ่ือวา่ หลวงพระบางมาจนถึงบดั น้ ี ทรงสรา้ งพระ ธาตุหลวงข้ ึน นับเป็ นสถาปัตยกรรมช้ นิ ยอดเยยี่ มของลาวในปี พ.ศ.๒๑๐๙ ทรงสรา้ ง พระธาตุอ่ืนๆ และพระพุทธรูปอีกมากมาย เช่น พระเจา้ องค์ต้ ือ ที่เวียงจันทน์ ท่ี อาเภอท่าบ่อ จงั หวดั หนองคาย พระเสริม พระสุก พระใส พระอินทรแ์ ปลง พระองค์ แสน ทรงสรา้ งพุทธสถานที่หนองคายหลายแห่ง เช่น วดั พระธาตุ พระธาตุบังพวน วดั ศรีเมอื ง พระประธานในโบสถท์ ่ีวดั น้ ีมีนามวา่ พระไชยเชษฐา หลังจากพระเจา้ ไชยเชษฐาธิราชสวรรคตแลว้ ในปี พ.ศ. ๒๑๑๗-๒๑๑๘ พระเจา้ หงสาวดีบุเรงนองยกทัพมาตีลาวและไดร้ บั ชยั ชนะ ทรงนาโอรสของพระเจา้ ไชยเชษฐาธิราชไปเป็ นประกนั ต่อมาปี พ.ศ.๒๑๓๔ พระเถระเจา้ อาวาสวดั ต่างๆ ได้

๑๕๔ ประชุมกนั และลงมติใหส้ ง่ ทูตไปเชิญเจา้ ชายหน่อแกว้ โกเมน ซึ่งเป็ นตวั ประกนั อยใู่ น พม่ามาครองราชย์ ในเวลาน้ันพระเจา้ บุเรงนองสวรรคตแลว้ พม่าจึงอ่อนแอลง เจา้ หน่อแกว้ โกเมนข้ ึนครองราชย์สมบัติในปี พ.ศ.๒๑๓๕ มีพระนามว่า พระเจา้ สุริ ยวงศา และประกาศอิสรภาพไมข่ ้ ึนกบั พมา่ อีกต่อไป หลงั จากส้ ินรชั กาลของพระเจา้ สุริยวงศาแลว้ ในปี พ.ศ.๒๒๓๕ ลาวแตกเป็ น ๒ อาณาจกั ร คือ หลวงพระบางกบั เวยี งจนั ทน์ ในที่สุดพระเจา้ ตากสินมหาราชก็ได้ ยกทัพมาตีเวยี งจนั ทน์และยึดไดส้ าเร็จในปี พ.ศ.๒๓๒๑ ทรงอญั เชิญพระแกว้ มรกต ไปยังอาณาจักรไทยดว้ ย ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๓๖ อาณาจักรลาวก็ตกเป็ นเมืองข้ ึน ฝรงั่ เศส ถูกครอบครองอยู่ ๔๕ ปี ไดร้ บั เอกราชโดยสมบูรณ์เมื่อวนั ท่ี ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๒ พระพุทธศาสนาเป็ นรากฐานของวฒั นธรรมประเพณี ความคิด ความเชื่อ ของประชาชนลาว ประเพณีทาบุญธาตุหลวง เป็ นประเพณีประจาชาติที่เชิดหน้าชู ตาของประเทศ นอกจากน้ ียงั มีศิลปกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรมทางพุทธ ศาสนามากมาย พระพุทธศาสนายงั มีบทบาทในการสงเคราะห์ประชาชนในดา้ น ต่างๆ เช่น พระสงฆเ์ ป็ นที่พึ่งของชุมชนในดา้ นใหค้ าปรึกษา สงเคราะหป์ ัจจยั ส่ีแก่ ประชาชน วดั ไดเ้ ป็ นศูนยก์ ลางการพบปะของชาวบา้ น เป็ นตน้ ในปัจจุบนั ลาวอยู่ใน ภาวะสงบ พระพุทธศาสนาก็ได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐเป็ นอย่างดี มีการก่อต้ัง สถาบนั การศึกษาสงฆข์ ้ ึน เชน่ วทิ ยาลยั สงฆป์ ระจากรุงเวียงจนั ทน์ เป็ นตน้ ๕) ประเทศเวียดนาม เวียดนาม (Vietnam) แปลว่า อาณาจักรฝ่ ายทักษิณ มีช่ือทางการว่า สาธารณรฐั สังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) มีเมืองหลวงชื่อ ฮานอย เมืองใหญ่ ที่ สุ ดคือโฮจิมินห์ซิต้ ี เวียดนามมีประชากรประมาณ ๘๔,๒๓๘,๐๐๐ คน (พ.ศ.๒๕๔๘) โดย ๕๐% นับถือพระพุทธศาสนามหายาน และ อีก ๕๐% นับถือศาสนาขงจ๊อื และครสิ ตศ์ าสนา เวียดนามในอดีตแบ่งเป็ น ๓ อาณาเขต คือ ตังเก๋ีย (Tong king) ไดแ้ ก่ แถบ ลุ่มแม่น้าแดง อานัม (Annam) ไดแ้ ก่ แผ่นดินส่วนแคบยาวตามชายฝั่งทะเล อยู่ ตอนกลางระหว่างตงั เกี๋ยกบั โคชินจีน และโคชินจีน (Cochin China) ไดแ้ ก่ แผ่นดิน

๑๕๕ ส่วนล่างท้ังหมด อาณาจักรอานัมมีอายุเกือบ ๓ พันปี แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน จนกระทงั่ ปี พ.ศ.๔๓๓ ไดต้ กเป็ นเมืองข้ ึนของจีนและถูกปกครองอยนู่ านกวา่ ๑,๐๐๐ ปี จึงทาใหไ้ ดร้ บั อิทธิพลทางวฒั นธรรมจากจีนมาก ในระยะน้ ีเองเวียดนามมีชื่อวา่ อานัม พระพุทธศาสนาเขา้ สู่อาณาจักรอานัมประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๗ ซ่ึงอยู่ ระหวา่ งท่ีอานัมยงั ตกเป็ นเมืองข้ ึนของจีน สนั นิษฐานวา่ ท่านเมียวโป (Meou-Po) ได้ นานิกายมหายานจากจีนเขา้ มาเผยแผ่ และยงั สนั นิษฐานวา่ พระชาวอินเดีย ๓ รูป คือ พระมหาชีวก พระกลั ยาณรุจิ และพระถงั เซงโฮย เดินทางมาเผยแผ่ในยุคน้ ีดว้ ย แต่ไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าท่ีควร เพราะกษัตริย์จีน นับถือศาสนาขงจ๊ือ ทรงไม่พอ พระทยั ที่มคี นนับถือพระพทุ ธศาสนา ต่อมาปี พ.ศ.๑๔๘๒ ชาวเวียดนามกอบกูเ้ อกราชไดส้ าเร็จ พระพุทธศาสนา ไดร้ ับการฟ้ ื นฟูอย่างจริงจัง คร้ังน้ันพระภิกษุชาวอินเดียชื่อ วินีตรุจิ เดินทางมา ศึกษาพระพุทธศาสนานิกายเซนในจีน แลว้ เดินทางต่อเพื่อมาเผยแผ่ในเวียดนาม ต่อมาในปี พ.ศ.๑๕๑๑ - ๑๕๒๒ รัฐบาลจัดต้ังองค์การปกครองคณะสงฆ์ข้ ึน โดยรวมเอานักบวชเต๋ากับพระสงฆ์เข้าในระบบฐานันดรศักด์ิเดียวกัน พระ จกั รพรรดิทรงสถาปนาพระภิกษุงอ่ ฉนั่ หลู เป็ นประมุขสงฆแ์ ละแต่งต้งั เป็ นท่ีปรึกษา ของพระองคด์ ว้ ย พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยราชวงศ์ไล เพราะเป็ น ศาสนาเดียวท่ีไดร้ บั การอุปถมั ภ์จากกษัตริย์ รชั สมยั พระเจา้ ไลไทต๋อง (พ.ศ.๑๕๗๑ - ๑๕๘๘) โปรดใหส้ รา้ งวิหาร ๙๕ แห่ง รชั สมยั พระเจา้ ไลทันต๋อง (พ.ศ.๑๕๙๗ - ๑๖๑๕) ทรงเป็ นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเอาใจใส่ กิจการบา้ นเมืองและทะนุบารุง พระพุทธศาสนา โดยเจริญรอยตามพระเจา้ อโศกมหาราช เวยี ดนามตกเป็ นเมืองข้ ึนของจีนอีกคร้งั ในปี พ.ศ.๑๙๕๗ - ๑๙๗๔ จงึ ทาให้ พระพุทธศาสนาเส่ือมโทรมไปมาก เพราะกษัตริยร์ าชวงศ์หมิงของจีนส่งเสริมแต่ ลทั ธิขงจ๊ือและเต๋า จีนไดท้ าลายวดั เก็บเอาทรพั ยส์ ินและคัมภีรพ์ ุทธศาสนาไปหมด หลงั จากไดร้ บั เอกราชแลว้ สถานการณ์พระพุทธศาสนายงั ไม่ดีข้ ึน เพราะกษัตริย์ ราชวงศใ์ หมก่ ็ไมส่ ง่ เสริมพระพทุ ธศาสนา

๑๕๖ ต่อมาปี พ.ศ.๒๐๑๔ พระเจา้ เลทันต๋องรวบรวมอาณาจักรจัมปาเขา้ เป็ น ดินแดนส่วนหนึ่ง ของเวยี ดนามไดส้ าเรจ็ แต่หลงั จากน้ันไม่นานคือในปี พ.ศ.๒๐๗๖ เวียดนามไดแ้ ตกแยกเป็ น ๒ อาณาจักร คือ ฝ่ ายเหนือ ไดแ้ ก่ ตังเกี๋ยของตระกูล ตรินห์ (Trinh) และฝ่ ายใต้ ได้แก่ อานัมของราชวงศ์เหงียน (Nguyen) ท้ัง ๒ อาณาจักรทาสงครามกันมาเป็ นเวลา ๒๗๐ ปี ในช่วงน้ ีต่างฝ่ ายต่างทานุบารุง พระพุทธศาสนา มกี ารสรา้ งวดั และปฏสิ งั ขรณว์ ดั วาอารามมากมาย ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๒๒ ชาวตะวันตกหลายประเทศ เช่น โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรัง่ เศส สเปน และอังกฤษ เดินทางเขา้ มาคา้ ขายและเผยแพร่ศาสนา คริสต์ในเวียดนาม เผยแพร่ คาสอนอยู่ได้ ๒๐๐ ปี จนกระทัง่ ปี พ.ศ. ๒๓๗๐ - ๒๔๐๑ ชาวเวียดนามปราบปรามพวกคริสต์อย่าง เด็ดขาด นักสอนศาสนาถูกฆ่า ตายจานวนมาก และยงั ฆ่าชาวคริสตญ์ วนอีกนับ ๑๐๐,๐๐๐ คนดว้ ยเหตุการณ์น้ ีทา ใหเ้ วียดนามกบั องั กฤษขดั แยง้ กนั อยา่ งรุนแรง ในที่สุด ปี พ.ศ.๒๔๐๒ อังกฤษก็เขา้ ยดึ เวยี ดนามเป็ นเมืองข้ ึน หลงั พน้ จากการเป็ นอาณานิคมขององั กฤษแลว้ ในปี พ.ศ.๒๔๒๖ เวียดนาม ก็ตกเป็ นเมืองข้ ึนของฝรงั่ เศสอีก สมยั น้ ีพระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมลงมาก เพราะถูก เบียดเบียนจากพวกฝรัง่ เศส มีการหา้ มสรา้ งวดั เวน้ แต่ไดร้ ับอนุญาต จากัดสิทธิ พระสงฆใ์ นการรบั ไทยธรรม และจากัดจานวนพระภิกษุดว้ ย ชาวพุทธถูกกีดกัน จากตาแหน่งบริหารระดบั สูงในหน่วยงานราชการ ส่วนผูท้ ่ีเปล่ียนไปนับถือศาสนา คริสต์และโอนสัญชาติเป็ นฝรงั่ เศสจะไดร้ บั สิทธิพิเศษ ยุคน้ ีพระพุทธศาสนาจึงมี ท่าทีวา่ จะสูญส้ ินไปจากเวยี ดนาม ในท่ามกลางความทุกขย์ ากอนั เกิดจากการตกเป็ นเมืองข้ ึนของฝรงั่ เศสน้ ีเอง ไดม้ ีบุคคลผหู้ นึ่งถือกาเนิดข้ ึนที่เวยี ดนามตอนกลางในปี พ.ศ.๒๔๖๙ ซ่ึงตอ่ มาเป็ นท่ี รูจ้ กั กันอย่างกวา้ งขวางของชาวตะวนั ตกในนาม ติช นัท ฮันห์ ผูอ้ ุทิศชีวิตต่อตา้ น สงครามเพ่ือสนั ติภาพจนไดร้ บั การเสนอช่ือโดยดร.มารต์ ิน ลูเธอรค์ ิง จูเนียร์ ใหเ้ ขา้ รบั รางวลั โนเบล สาขาสนั ติภาพ ในปี พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านติช นัท ฮันห์ ออกบวชเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ในช่วงสงครามเวียดนาม (พ.ศ.๒๕๐๓ - ๒๕๑๘) ท่านออกจากวดั เพ่ือช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยและรณรงค์ ต่อตา้ นสงคราม ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ท่านเดินทางไปสหรัฐอเมริกาตามคาเชิญของ

๑๕๗ สมาพันธ์เพ่ือการสมานไมตรี ในคร้ังน้ันท่านได้กล่าวถึงความเจ็บปวดของชาว เวยี ดนามอนั เกิดจากผลของสงคราม การเคลื่อนไหวของท่านทาใหร้ ฐั บาลเวียดนาม ประกาศขู่ว่าจะจับกุม ดว้ ยเหตุน้ ีท่านติช นัท ฮันห์ จึงไม่อาจจะกลับบา้ นเกิดได้ ต้ังแต่บัดน้ัน ต่อมาไปปักหลักอยูท่ ่ีประเทศฝรงั่ เศส สรา้ งสถานที่ปฏิบัติธรรมคือ หมบู่ า้ นพลมั ข้ ึนในปี พ.ศ.๒๕๒๕ และพานักอยทู่ ี่นัน่ ตราบกระทงั่ ปัจจุบนั หลงั จากที่พระพุทธศาสนาไดร้ บั ผลกระทบจากการยึดครองของฝรงั่ เศส จน มีท่าทีวา่ จะสูญส้ ินไป ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ ก็ไดร้ บั การฟ้ ื นฟูข้ ึนใหม่ มีการจดั ต้งั สมาคม พระพุทธศาสนาศึกษา ข้ ึนหลายแห่งที่เมืองไซง่อน เมืองเว้ (อานั ม) และเมือง ฮานอย โดยมุ่งเน้นดา้ นการศึกษาและสังคมสงเคราะห์ มีการปฏิรูปพระวินัยของ สงฆแ์ ละส่งเสริมใหพ้ ระภิกษุศึกษาพระพุทธศาสนาแบบใหม่ ไดจ้ ดั พิมพว์ ารสารและ แปลคัมภีรต์ ่างๆ ท้ังฝ่ ายมหายานและเถรวาท การฟ้ ื นฟูพระพุทธศาสนาคร้งั น้ัน ประสบความสาเร็จมาก สามารถเปล่ียนความคิดของปัญญาชนผูผ้ ิดหวงั จากวตั ถุ นิยมตะวนั ตก ใหห้ นั มาสนับสนุนพระพทุ ธศาสนาไดม้ ากมาย ในปัจจุบนั ชาวเวยี ดนามนับถือพระพทุ ธศาสนา ลทั ธิเต๋า และขงจ๊อื เป็ นการ นับถือแบบผสมผสาน มีการเปิ ดสอนพระพุทธศาสนาข้ ึน ณ มหาวิทยาลัยวนั ฮนั ห์ จดั ต้งั ข้ ึนโดยสหพุทธจกั รเวียดนาม ปัจจุบนั เปิ ดสอน ๔ คณะ คือ คณะพุทธศาสตร์ และบูรพาวิทยา คณะอักษรศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตรแ์ ละคณะ ภาษาศาสตร์ โดยคณะพุทธศาสตร์ และบูรพาวิทยา มี ๙ ภาควิชา คือ ภาควิชา พุทธปรัชญา วรรณคดีพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาทัว่ ไป พระพุทธศาสนาในเวียดนาม ปรัชญาตะวนั ออก ปรชั ญา อินเดีย ปรชั ญาจีน และปรชั ญาตะวนั ตก ๖. ประเทศอินโดนีเซีย อินโดนี เซีย (Indonesia) มีช่ือเป็ นทางการว่า สาธารณรัฐอินโดนี เซีย (Republic of Indonesia) เป็ นประเทศหมู่เกาะท่ีใหญ่ที่สุดในโลก มีเมืองหลวงช่ือ จาการ์ตา และเป็ นเมืองที่ใหญ่ท่ีสุด มีประชากรประมาณ ๒๒๒,๗๘๑,๐๐๐ คน (พ.ศ.๒๕๔๘) นับถือศาสนาอิสลาม ๘๗% ศาสนาคริสต์ ๙.๕% ศาสนาพราหมณ์- ฮินดู ๑.๘% ศาสนาพทุ ธ ๑.๓% ประเทศอินโดนีเซียเป็ นประเทศท่ีมมี ุสลิมมากที่สุด ในโลกคือประมาณ ๑๙๓,๘๑๙,๔๗๐ คน ชาวมุสลิมเหล่าน้ ีมีความเคร่งครัดต่อ

๑๕๘ ศาสนามาก ในวนั ฮารีรายอ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ที่ผ่านมา มีผูเ้ ขา้ รว่ มประกอบ ศาสนกิจที่มสั ยดิ หลายลา้ นคน แมใ้ นปัจจุบันอินโดนีเซียจะเป็ นประเทศมุสลิม แต่ในอดีตพระพุทธศาสนา มหายานเคยเจริญมาก่อน มีอนุสรณ์สถานสาคัญท่ีบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของ พระพุทธศาสนา คือ โบโรบุดุร์ (Borobudur) หรือบรมพุทโธ ซึ่งเป็ นสถานที่ ศักด์ิสิทธ์ิและเป็ นส่ิงมหัศจรรยแ์ ห่งหนึ่งของโลก ต้ังอยู่ในท่ีราบเกตุ (Kedu) ภาค กลางของเกาะชวา มีรูปทรงคลา้ ยกับพุทธวิหารท่ีพุทธคยา แต่กดใหแ้ บนลง ฐาน เป็ นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัสสูง ๔๒ เมตร มีขนาดรวม ๑๒๓ ตารางเมตร ภายหลังถูก ฟ้าผ่าและภูเขาไฟระเบิดจึงทาใหค้ วามสูงลดลงเหลือเพียง ๓๑.๕ เมตร หินท่ีใช้ กอ่ สรา้ งและสลกั เป็ นหนิ ที่ไดจ้ ากลาวาภูเขาไฟประมาณ ๕๕,๐๐๐ ตารางเมตร ดร.กรอม (Krom) กล่าวว่า \"โบโรบุดุร์\" มาจากคาว่า \"ปะระ + พุทธ\" ดร. สตัทเตอ-ไฮม์ (Statterheim) สันนิษฐานว่า \"บุดุร\" มาจากคาวา่ \"บุดิว\" (Budue) ในภาษามีนังกะบวั (Minangebau) แปลวา่ \"เด่น ยื่นออกมา\" ฉะน้ัน \"โบโรบุดุร\"์ จึง ควรแปลวา่ \"วหิ ารที่เด่นอยบู่ นยอดเขา\" จานงค์ ทองประเสริฐ กล่าววา่ คาวา่ \"โบโร บุดุร์\" น่าจะเพ้ ียนมาจากคาว่า \"ปรมะ + พุทธ\" ซึ่งหมายถึง \"พุทธ (วิหาร) ท่ี ยง่ิ ใหญ\"่ พระพุทธศาสนาเขา้ สู่อินโดนีเซียในตอนตน้ ศตวรรษที่ ๑ (ค.ศ.๑-๑๐๐ / พ.ศ.๕๔๔-๖๔๓) ผ่านเสน้ ทางสายไหมทางทะเลระหวา่ งอินเดียและอินโดนีเซยี โดย คณะพ่อคา้ ชาวพุทธนาเขา้ มาเผยแผ่ ต้ังแต่บัดน้ันพระพุทธศาสนาจึงค่อยๆ เจริญ ข้ ึนและเจริญสูงสุดในชว่ งราชวงศไ์ สเล็นทรา (Sailendra) ในปี พ.ศ.๑๒๙๓ - ๑๓๙๓ เหล่ากษัตริยใ์ นราชวงศ์น้ ีนับถือพระพุทธศาสนา มหายานนิกายวชั รยาน ไดส้ รา้ ง มหาสถูปบรมพุทโธข้ ึนในช่วงปี พ.ศ.๑๓๒๓-๑๓๗๖ มหาสถูปน้ ี เป็ นอนุสรณ์สถาน ทางพระพุทธศาสนาอนั ยงิ่ ใหญ่ส่ิงแรกในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีอิทธิพลและเป็ น แบบอย่างต่อการก่อสรา้ งพุทธสถานในยุคต่อมา เช่น นครวดั (Angkor Wat) ใน ประเทศกมั พชู า เป็ นตน้ ตอ่ มาในชว่ งปลายศตวรรษที่ ๑๒ พ่อคา้ อาหรบั นาศาสนาอิสลามเขา้ มาเผย แผ่และได้ขยายไปทัว่ ประเทศประมาณศตวรรษที่ ๑๔ ยุคน้ ีเป็ นยุคเสื่อมของ พระพุทธศาสนา บรมพุทโธถูกปล่อยปละละเลยใหถ้ ูกหอ้ มลอ้ มอยู่กลางป่ ารกชัฏ

๑๕๙ จนกระทงั่ ปี พ.ศ.๒๓๕๗ เซอร์ โทมสั แรฟึ ล (Sir Thomas Raffles) ไดค้ น้ พบบรมพุท โธอีกคร้ังและทาการปฏิสังขรณ์จนอยู่ในสภาพดี ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๑๕ - ๒๕๒๕ รฐั บาลอินโดนีเซียรว่ มกบั องคก์ ารยเู นสโกไดป้ ฏิสงั ขรณ์บรมพุทโธคร้งั ใหญ่ และจดั ใหเ้ ป็ นหนึ่งในมรดกโลกอีกดว้ ย ต้ังแต่ศตวรรษที่ ๑๔ เป็ นต้นมาซ่ึงเป็ นช่วงท่ีอิสลามเจริญรุ่งเรือง พุทธศาสนิกชนชาวอินโดนีเซียอันน้อยนิดไดพ้ ิทักษ์รกั ษาพระพุทธศาสนาไวม้ ิให้ สูญส้ ินไป มีชาวพุทธจากประเทศต่างๆเขา้ ไปฟ้ ื นฟูพระพุทธศาสนาอยู่เป็ นระยะๆ ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ คณะสงฆ์ไทยจดั ส่งพระธรรมทูตเขา้ ไป ไดต้ ้ังสานักงานพระพุทธ เมตตาข้ ึนท่ีกรุงจาการต์ า เพ่ือเป็ นศูนยก์ ลางในการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ปัจจุบนั อินโดนีเซียมีวดั พระพุทธศาสนาอยู่ประมาณ ๑๕๐ วดั เป็ นวดั ฝ่ ายมหายาน ๑๐๐ วัด วัดนิกายเถรวาท ๕๐ วัด วัดเหล่าน้ ีส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของฆราวาส เน่ืองจากพระภิกษุมีอยนู่ อ้ ย ๔. พระพทุ ธศาสนาในเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ หรือตะวนั ออกกลาง ประกอบดว้ ยอะนาโตเลีย (Anatolia) หมายถึง เอเชียไมเนอร์ (Asia Minor) เป็ นพ้ ืนที่ส่วนที่เป็ นเอเชียของ ประเทศตุรกี ประเทศที่เป็ นเกาะคือ ไซปรัส ในทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน ดินแดนใน ตะวนั ออกใกล้ ไดแ้ ก่ ประเทศซเี รยี อิสราเอล จอรแ์ ดน เลบานอน และอิรกั ดินแดน ในคาบสมุทรอาหรบั ไดแ้ ก่ ประเทศซาอุดิอารเบีย สหรฐั อาหรบั เอมิเรตส์ บาหเ์ รน กาตาร์ โอมาน เยเมน อาจรวมถึงคูเวต อิหร่านและอัฟกานิ สถาน ปั จจุบัน ตะวนั ออกกลางเป็ นถ่ินมุสลิม สาหรบั ประวตั ิศาสตร์พระพุทธศาสนา ในดินแดน แหง่ น้ ี จะกลา่ วถึงประเทศอฟั กานิสถานเพียงประเทศเดียว เพราะมีหลกั ฐานเด่นชดั วา่ พระพทุ ธศาสนาเคยรุง่ เรอื งมากอ่ น ประเทศอฟั กานิสถาน ประเทศอัฟกานิ สถานมีช่ืออย่างเป็ นทางการว่า สาธารณรัฐอิสลาม อัฟกานิสถาน (Islamic Republic of Afghanistan) มีเมืองหลวงช่ือ คาบูล และเป็ น เมืองที่ใหญ่ท่ีสุด มีประชากรประมาณ ๓๑,๐๕๖,๙๙๗ คน (พ.ศ.๒๕๔๙) ชาว อัฟกานิสถานในปัจจุบันส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามคือ ๙๘% เป็ นนิกายสุหนี่

๑๖๐ ๘๓.๒% นิกายชีอะห์ ๑๔.๙% นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ ๑.๔% ศาสนาพราหมณ์ หรอื ฮินดู ๐.๔% และศาสนาครสิ ต์ ๐.๑% อัฟกานิสถานเป็ นที่รูจ้ ักของชาวพุทธไปทัว่ โลก เม่ือคร้ังท่ีกลุ่มตาลิบัน (Taliban) ซ่ึงเป็ นมุสลิมนิกายสุหนี่ ไดท้ าลายพระพุทธรูปยืนโบราณสององค์ใน เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๔ ท่ามกลางการประณามของยเู นสโก และพุทธศาสนิกชน ทัว่ โลก พระพุทธรูปองค์ใหญ่สูง ๕๓ เมตร และองค์เล็กกว่าสูง ๓๘ เมตร มีอายุ ประมาณ ๒,๐๐๐ ปี แกะสลักอยู่บนหน้าผาในเมืองบามิยัน ทางภาคกลางของ อฟั กานิสถาน แมอ้ ัฟกานิสถานในปัจจุบันจะมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ในอดีตท่ีแห่งน้ ีเคยเป็ นฐานท่ีมัน่ ของพระพุทธศาสนามาเป็ นเวลานานกว่า ๒,๐๐๐ ปี และยงั เป็ นเสน้ ทาง ผ่านของพระพุทธศาสนาจากอินเดียเขา้ ไปสู่เอเชีย กลาง จีน เกาหลี ญ่ีป่ ุน มองโกเลียอีกดว้ ย พระสงฆ์จากเอเชียกลาง จีน เกาหลี ญี่ป่ ุน และมองโกเลีย ใชเ้ สน้ ทางน้ ีผ่านเขา้ มาแสวงบุญในอินเดีย ซึ่งเรียกเสน้ ทาง สายน้ ีวา่ เสน้ ทางสายไหม นอกจากน้ ีอัฟกานิสถานยงั เป็ นทางผ่านของหลายอารย ธรรม เชน่ กรกี อิหรา่ น เปอรเ์ ซยี อีกดว้ ย พระพุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอัฟกานิ สถาน เพราะ โบราณสถานจานวนมากทวั่ ประเทศเป็ นของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะท่ีเมอื งบามิ ยัน จาลาลาบาด กันทาหาร์และกาซมี ในสมัยพุทธกาลเรียกดินแดนของ อัฟกานิสถานน้ ีว่า แควน้ คันธาระ และ กัมโพชะ ในสมัยพระเจา้ อโศกมหาราช เรียกว่า แควน้ โยนก หรือเยาวนะ ส่วนในสมัยพระถังซมั จงั๋ เรียกดินแดนแถบน้ ีว่า แควน้ อุทยาน แควน้ คนั ธาระ และแควน้ กปิ ศะ เป็ นตน้ พระพุทธศาสนาเขา้ ไปในอฟั กานิสถานต้งั แต่สมยั พุทธกาล คือเมื่อคราวที่ สองพอ่ คา้ ชื่อ ตปุสสะ และภลั ลิกะ ไดพ้ บพระพุทธองคแ์ ละประกาศตนวา่ เป็ นพุทธ มามกะ ก่อนกลบั พ่อคา้ ท้ังสองขอเสน้ พระเกศาไปประดิษฐานในพระเจดียท์ ่ีแควน้ อุทยาน ซ่ึงอยูใ่ นเขตของอัฟกานิสถานในปัจจุบัน นอกจากน้ ีพระเจา้ ปุกกุสาติแห่ง นครตักสิลา ก็เป็ นพระสหายของพระเจา้ พิมพิสารแห่งนครราชคฤห์ จึงทาให้ พระองค์เป็ นพุทธมามกะดว้ ย และเน่ืองจากเมืองตักสิลาในอดีต ซ่ึงปัจจุบันอยู่ใน

๑๖๑ เขตประเทศปากีสถาน มีพรมแดนติดกบั อฟั กานิสถาน จึงทาใหพ้ ระพุทธศาสนาเผย แผเ่ ขา้ สู่อฟั กานิสถานอีกเสน้ ทางหนึ่ง พระพุทธศาสนาแถบน้ ีรุ่งเรืองมากในสมยั ของพระเจา้ อโศกมหาราช (King Ashoka) ในคร้งั น้ัน พระมชั ฌันติกเถระและคณะไดน้ าศาสนาพุทธมาเผยแผ่ โดยไป จาพรรษาอยทู่ ี่เมืองมถุราและเมืองกิปิ น (Kipin) ไดเ้ ผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายเถร วาทแก่ชนพ้ ืนเมอื ง ในสมยั พระเจา้ มิลินท์ (King Milinda) หรือพระเจา้ เมนันเดอร์ (Menander) หรือช่ือในภาษากรีกว่า เมนันดรอส (Menandros) ทรงเป็ นกษัตริย์เช้ ือสายกรีก ครองราชย์ราวปี พ.ศ. ๕๐๐ เศษ อาณาจักรของพระองค์ครอบคลุมพ้ ืนท่ี อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดียตอนเหนือ ทิศใตข้ องอุซเบกิสถาน และบางส่วน ของอิหรา่ น ทรงทาใหพ้ ระพุทธศาสนาเจริญรุง่ เรืองใน ดินแดนแหง่ น้ ี และยุคน้ ีมี พระพุทธปฏิมาแทนองคพ์ ระพุทธเจา้ เป็ นครง้ั แรก โดยสกุลชา่ งคนั ธาระ (Gandhara Style) อนั เป็ นการผสมผสานของอารยธรรมกรกี โรมนั และแนวคิดพระพุทธศาสนา ในสมยั พระเจา้ กนิษกมหาราช (King Kanishka : พ.ศ.๖๒๑ - ๖๔๔) อาณา เขตของพระองค์ครอบคลุมแม่น้ากาบูลของอัฟกานิ สถาน คันธาระ สินธุ์ของ ปากีสถาน กัศมีร์ (แคชเมียร)์ รฐั มธั ยมประเทศของอินเดีย รวมถึงสาธารณรฐั ใน เอเชียกลางบางประเทศ พระองค์ทรงศรทั ธาในพระพุทธศาสนาอยา่ งมนั่ คง ทรงให้ ความอุปถัมภ์การสังคายนาคร้ังท่ี ๔ แมว้ ่าฝ่ ายเถรวาทจะไม่ยอมรบั แต่ก็มีส่วน สาคญั ในการรวบรวมพระธรรมวนิ ัยใหเ้ ป็ นหมวดหมู่ และไดเ้ ผยแผ่ไปทวั่ เอเชียกลาง อิหรา่ นบางสว่ น จีนและเกาหลี พระพุทธศาสนาเป็ นศาสนาประจาชาติของอัฟกานิสถานอย่างเต็มตัวใน สมัยพระเจา้ กนิษกมหาราช ทัว่ ท้ังประเทศมีการสรา้ งพุทธสถานข้ ึนมามากมาย พระสงฆ์ก็เพ่ิมจานวนมากข้ ึนและมีหลายรูปจาริกไปเผยแผ่ในเอเชียกลางด้วย ต่อมาที่หุบเขาบามิยัน (Bamiyan) มีการสรา้ งพระพุทธรูปองค์ใหญ่และเล็กข้ ึนท่ี หน้าผาสูงชนั แต่ละองค์ใชเ้ วลาสรา้ งไม่น้อยกวา่ ๒๐๐ ปี และมีการขุดเจาะถ้าข้ ึน ตามหน้าผามากมายเพ่อื เป็ นที่พกั สงฆ์ เนื่องจากอฟั กานิสถานเป็ นจุดศูนยก์ ลางระหวา่ งอาหรบั กบั อินเดีย และเป็ น ทางผ่านไปสู่จีน จึงถูกรุกรานจากศัตรูอยู่เสมอ เช่น กรีก มองโกล ฮนั่ ขาว อาหรบั

๑๖๒ องั กฤษ และโซเวียต เป็ นตน้ โดยเฉพาะกองทัพมุสลิมอาหรบั ไดท้ าลายพุทธสถาน อยา่ งหนัก บงั คบั ผูค้ นใหน้ ับถือศาสนาอิสลาม ในปี พ.ศ.๑๒๕๒ กษัตริยแ์ ห่งหุบเขา บามิยนั และผูป้ กครองเมืองอ่ืนๆจึงตอ้ งจายอมเปล่ียนศาสนาเพื่อความอยู่รอด เม่ือ ผนู้ าหนั ไปนับถืออิสลาม จึงทาใหส้ ถานการณพ์ ระพุทธศาสนายง่ิ เส่ือมลงอยา่ งหนัก หลงั การยดึ ครองของมุสลิมล่วงไปเพียง ๑๐๐ ปี อฟั กานิสถานก็กลายเป็ นประเทศที่ ปราศจากพระสงฆโ์ ดยส้ ินเชิง สงั ฆารามมากกว่า ๓,๐๐๐ แห่งตามรายงานของพระ ถังซัมจัง๋ เหลือแต่ซากโบราณสถานเท่าน้ัน ในปัจจุบันอัฟกานิสถาน จึงมีชื่อว่า สาธารณรฐั อิสลามอฟั กานิสถาน ๕. พระพทุ ธศาสนาในเอเชียกลาง เอเชียกลางเป็ นจุดเชื่อมระหว่างเอเชียและยุโรปเขา้ ดว้ ยกัน ประกอบดว้ ย ประเทศต่างๆ ดังน้ ี คือ คาซัคสถาน (Kazakhstan) อุซเบกิสถาน (Uzbekistan) ทาจิกิสถาน (Tajikistan) เติร์กเมนิ สถาน (Turkmenistan) และคีร์กีซสถาน (Kyrgztan) ปัจจุบนั เอเชยี กลางเป็ นถ่ินอิสลาม แทบไมม่ ีพุทธศาสนิกชนอยเู่ ลย แม้ ในอดีตพระพุทธศาสนาจะเคยเจริญรุ่งเรืองในแถบน้ ีมาก่อน เพราะประเทศเหล่าน้ ี อยูบ่ นเสน้ ทางสายไหม อันเป็ นเสน้ ทางการคา้ ระหวา่ งยุโรปและเอเชียและเคยเป็ น เสน้ ทางการเผยแผ่ศาสนาดว้ ยโดยเฉพาะพระพุทธศาสนา เอเชียกลางรับพระพุทธศาสนามาต้ังแต่สมัยพระเจา้ อโศกมหาราชและ เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระเจา้ กนิษกมหาราช ประมาณปี พ.ศ.๖๐๐ นอกจากน้ ี เอเชียกลางยังเป็ นแหล่งเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าไปสู่ประเทศจีนด้วย พระพุทธศาสนารุง่ เรืองอยใู่ นแถบน้ ีเป็ นเวลาพนั ปี จนกระทงั่ ประมาณปี พ.ศ.๑๒๐๐ เป็ นต้นไป กองทัพอิสลามเขา้ สู่เอเชียกลาง เม่ือตีได้แล้วก็บังคับให้คนแถบน้ ี เปลี่ยนเป็ นมุสลิม ขอ้ มลู ประวตั ิศาสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี กลางน้ันมีอยคู่ อ่ นขา้ งน้อย จึง กล่าวถึงโดยรวมๆ ไม่แยกบรรยายในแต่ละประเทศ หลักฐานความเจริญของ พระพุทธศาสนาในแถบน้ ีถูกคน้ พบโดยนักโบราณคดีรสั เซียเม่ือประมาณปี ๒๕๐๐ กว่าๆ เช่น ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ กรมโบราณคดีรัสเซียได้ค้นพบเมืองโบราณทาง พระพุทธศาสนาหลายแห่ง ณ อุซเบกิสถาน ซึ่งกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ทาง ภาคใต้ติดกับอัฟกานิ สถาน เช่น เมืองสมารกันด์ (Smarkand) เมืองบุขารา

๑๖๓ (Bukhara) เมืองเทอรเ์ มซ (Termez) เป็ นตน้ นอกจากน้ ียงั มีการคน้ พบพระพุทธรูป แกะสลกั มีพระอคั รสาวกท้งั สองยืนเคียงขา้ งพระศาสดา ซึ่งบ่งบอกวา่ เป็ นนิกายเถร วาท และยงั คน้ พบพระพุทธรปู ที่มีพระโพธิสตั วย์ ืนเคียงขา้ ง ซ่ึงบ่งบอกวา่ เป็ นนิกาย มหายาน ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ ปี เดียวกันน้ ี เอง นักโบราณคดีชาวรัสเซียยังค้นพบ พระพุทธรูปนอนองคใ์ หญ่ มีขนาดความยาว ๑๔ เมตร สูง ๒ เมตรคร่ึง ที่วดั อชินะ เทเป (Ajina-tepe) อยู่ขา้ งเชิงเขาทางทิศใตข้ องประเทศทาจิกิสถาน และยงั ไดพ้ บ พระพุทธรูปองคเ์ ล็กอีกหลายรอ้ ยองค์ บางองค์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ชาวบา้ นเรียก ภูเขาน้ ี ว่า ภูเขาบ้านแห่งพระพุทธเจ้าพันองค์ (Mountain of one thousand Buddhas Houses) นักโบราณคดีเชื่อวา่ พระพุทธรูปองคใ์ หญ่น้ ีสรา้ งราวปี พ.ศ.๘๐๐ ในยุคที่กุสาณะปกครองเอเชียกลาง ปัจจุบันไดต้ ้งั แสดงไวท้ ี่พิพิธภัณฑก์ รุงดูชานเบ (Dushanbe) ประเทศทาจิกิสถาน นักโบราณคดีชาวรสั เซียยงั ไดเ้ ขา้ ขุดคน้ โบราณสถานสาคัญแห่งหน่ึงช่ือว่า เกียอูร กาลา (Giaur Kala) ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งอยทู่ างตอนใตข้ องประเทศเติรก์ เมนิ สถาน พบเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ราวเมตรเศษฝังอยูใ่ ตด้ ิน นอกจากน้ ียงั พบ ช้ ินส่วนพระพุทธรูปและพระโพธิสัตวจ์ านวนมากกระจดั กระจายกนั อยูท่ ัว่ บริเวณที่ ขุดโดยรอบ ปัจจุบนั พระพุทธรูปไดถ้ ูกเก็บรกั ษาไวใ้ นพิพิธภัณฑ์ และยงั พบสถูป ๒ แหง่ ท่ีเมอื งเมิฟ (Merv) ดว้ ย จากความเป็ นมาของพระพทุ ธศาสนาในเอเชีย สรุปได้ ดงั น้ ี พระพุทธศาสนาในเอเชียยคุ ปัจจุบนั เจริญรุง่ เรืองอยใู่ นเอเชียตะวนั ออกเฉียง ใตแ้ ละเอเชียตะวนั ออก ซึ่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ไดแ้ ก่ ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ในแถบน้ ี ประชาชนส่วนใหญ่นับถือนิ กายเถรวาท ยกเวน้ ประเทศเวียดนามส่วนใหญ่นับถือนิกายมหายาน ส่วนเอเชียตะวันออก ไดแ้ ก่ ประเทศจีน เกาหลีใต้ ไตห้ วนั ทิเบต ญ่ีป่ ุน เป็ นตน้ ในแถบน้ ีประชาชนส่วนใหญ่ นับถือนิกายมหายาน ในเอเชียใตก้ ็มีบางประเทศท่ีพระพุทธศาสนายงั เจริญอยู่ เชน่ ประเทศศรีลงั กา และภูฏาน เป็ นตน้ พระพุทธศาสนาเข้าไปสู่ประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียไม่พรอ้ มกัน บาง ประเทศก็เขา้ ไปต้ังแต่เมื่อคร้งั พุทธกาล โดยเฉพาะประเทศท่ีอยู่ใกลอ้ ินเดีย เช่น

๑๖๔ ประเทศเนปาล บังกลาเทศ อัฟกานิ สถาน เป็ นต้น แต่ส่วนใหญ่แล้วได้รับ พระพุทธศาสนาคร้ังแรกในสมัยพระเจา้ อโศกมหาราช จากการจดั ส่งสมณทูต ๙ สาย ไปประกาศพระศาสนา หลังจากแต่ละประเทศรบั พระพุทธศาสนาไปแลว้ ก็มีท้ังยุคเจริญและยุค เส่ือม ความเส่ือมของพระพุทธศาสนา มีปัจจยั สาคญั มาจากท้งั ภายนอกและภายใน ซ่ึงสาเหตุภายในน้ันสาคญั ที่สุด คือ หากพุทธบริษัทไมไ่ ดเ้ ป็ นชาวพุทธท่ีแทจ้ ริง ไม่ หมนั่ ศึกษาท้ังปริยตั ิและปฏิบัติ ก็ไม่มีปฏิเวธ คือการบรรลุธรรมระดับต่างๆ จึง เป็ นเหตุใหม้ ีศรทั ธาไม่มนั่ คง และส่งผลเป็ นความเส่ือมของพระพุทธศาสนาในท่ีสุด ปัจจยั ภายนอกเป็ นเพียงปลายเหตุเท่าน้ัน ไม่ว่าจะเป็ นการเมือง หรือการรุกราน จากต่างศาสนา เป็ นตน้ แต่ถา้ พุทธบริษัทเป็ นชาวพุทธที่แทจ้ ริงแลว้ ก็จะส่งผลให้ พระพทุ ธศาสนารุง่ เรืองยง่ิ ๆ ข้ ึนไป ภยั ใดๆ ก็ไม่สามารถทาลายได้ อาจารยข์ อจบจดหมายฉบบั น้ ีไวเ้ พียงเท่าน้ ี ขอใหพ้ ระรตั นตรยั คุม้ ครอง อาจารย์

๑๖๕ จดหมายฉบบั ท่ี ๖ บา้ นกาญจนรชั ต์ นครราชสีมา พชิ ญา ศิษยร์ กั จดหมายฉบับน้ ี อาจารย์ต้ังใจจะให้เป็ นฉบับสุ ดท้าย ท่ี จะพูดถึ ง ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา จากจดหมายฉบับแรกถึงฉบับท่ี ๕ ไดก้ ล่าวถึง ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาต้ังแต่สมัยพุทธกาล หลังพุทธกาล ซ่ึงเป็ นช่วงท่ี พระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย จดหมายฉบับน้ ีจะกล่าวถึง ประวตั ิศาสตรพ์ ระพุทธศาสนาในโลกตะวนั ตก เมื่อมองภาพรวมพระพุทธศาสนาใน ตะวนั ตก สถานการณ์ พระพุ ทธศาสนาในตะวันตกยุคปั จจุ บันมี ความต่ื นตัวและ เจริญเติบโตรวดเร็วมาก จากการศึกษาของเฮนรี ซี.ฟิ นนี่ (Henry C. Finney) พบวา่ ในประเทศเยอรมนีมีอัตราการเพิ่มข้ ึนของศูนย์นั่งสมาธิทางพระพุทธศาสนา ประมาณ ๑๐ เท่าตัวภายในระยะเวลา ๒๒ ปี โดยในปี พ.ศ.๒๕๑๘ มีศูนยน์ ัง่ สมาธิ อยู่ประมาณ ๔๐ ศูนย์ แต่ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ มีจานวนเพิ่มข้ ึนมากกว่า ๔๐๐ ศูนย์ ในสหราชอาณาจกั รหรอื ประเทศองั กฤษมีอตั ราการเติบโตประมาณ ๔.๕ เท่าภายใน ระเวลา ๑๘ ปี กล่าวคือ ในปี พ.ศ.๒๕๒๒ มีศูนยน์ ัง่ สมาธิอยปู่ ระมาณ ๗๔ ศนู ย์ แต่ ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ มีจานวนเพมิ่ ข้ ึนเป็ น ๓๔๐ ศนู ย์ ในประเทศฝรงั่ เศสมีการสารวจความเห็นของเยาวชนใน พ.ศ.๒๕๔๐ พบวา่ มีเยาวชน ถึง ๕,๐๐๐,๐๐๐ คนที่มีความพึงพอใจต่อคาสอนของพระพุทธศาสนา ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ มีพุทธศาสนิ กชนอยู่ประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ คน แต่ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ มีจานวนเพิ่มข้ ึนเป็ น ๓,๐๐๐,๐๐๐ คน หรือ เพิ่มข้ ึน ๑๕ เท่าตัวภายในระยะเวลา ๔๔ ปี นอกจากในตะวนั ตกแลว้ ประเทศใน แถบโอเชียเนีย เชน่ ออสเตรเลีย เป็ นตน้ เฮนรี ซี.ฟิ นนี่ พบวา่ มีอตั ราการเติบโตของ พระพุทธศาสนาสูงเชน่ กนั คือ ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ มีพุทธศาสนิกชนอยู่ ๓๕,๐๐๐ คน แต่ในปี พ.ศ.๒๕๓๔ เพิ่มข้ ึนเป็ น ๔ เท่าตัวคือประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ คน และจาก ผลการวิจยั อตั ราการเติบโตของศาสนาต่างๆ ในประเทศออสเตรเลียระหวา่ งปี พ.ศ.

๑๖๖ ๒๕๒๙ - พ.ศ.๒๕๔๔ พบว่าพระพุทธศาสนามีอัตราการเติบโตรวดเร็วท่ีสุด แม้ จานวนพุทธศาสนิกชนในตะวนั ตกและโอเชียเนียปัจจุบนั จะยงั มีน้อย เมื่อเทียบกบั จานวนประชากรและจานวนผูน้ ับถือศาสนาเทวนิยม ในแต่ละประเทศ แต่จาก แนวโน้ มของการเติ บโตอันรวดเร็วดังกล่าว เป็ นไปได้ว่าในอนาคตจะมี พุทธศาสนิกชนเพิ่มข้ ึนอีกมาก นอกจากน้ ีโดยปกติแลว้ ชาวตะวนั ตกแมจ้ ะมีความ ศรทั ธาในพระพุทธศาสนา หรือศรทั ธาในศาสนาอ่ืนนอกเหนือจากศาสนาเดิมของ ตน ก็มักจะไม่เปิ ดเผยตนเอง เช่น เซอร์ เอดวิน อาร์โนลด์ ปราชญ์ชาวอังกฤษ ผูเ้ ขียนหนังสือประทีปแห่งเอเชียซ่ึงนิยมอ่านกันมากในตะวนั ตก เขาจะระมดั ระวงั มากในการประกาศตนต่อสาธารณชนถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพราะ ครสิ ตศ์ าสนิกชนโดยกาเนิดถือวา่ ผเู้ ปล่ียนศาสนาเดิมของตนยอ่ มถูกประณามอยา่ ง รา้ ยแรง ดว้ ยเหตุน้ ีจึงยากที่จะประเมินว่าพุทธศาสนิกชนในตะวันตกหรือในโอ เชียเนียจริงๆ แลว้ มีอยู่จานวนเท่าใด ท้ังน้ ีเพราะผูท้ ี่ไม่เปิ ดเผยตัวยงั มีอยู่จานวน มาก เจน เนทลิเออร์ (Jan Nattlier) กล่าวว่า ในประเทศสหรฐั อเมริกา มีชาวพุทธ แบบ night-stand Buddhists กวา่ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ คนซ่ึงชาวอเมริกันเหล่าน้ ีช่ืนชอบ คาสอนของพระพุทธศาสนา บางคนก็ใชเ้ ป็ นหลักในการดาเนิ นชีวิตแต่ไม่ได้ ประกาศตนวา่ เป็ นพุทธศาสนิกชน พระพุทธศาสนาเริ่มเป็ นที่รู้จักของชาวตะวันตกอย่างกวา้ งขวางเม่ือ ประมาณศตวรรษที่ ๑๙ น้ ีเอง โดยเฉพาะในช่วงคร่ึงหลังของศตวรรษปราชญ์ ตะวนั ตกหลายท่านไดผ้ ลิตตาราทางพระพุทธศาสนาออกมาเผยแพร่ เชน่ อารเ์ ธอร์ โชเปนเฮาเออร์ ชาวเยอรมันผู้แต่งตารายกย่องพระพุทธศาสนาไวอ้ ย่างสูงส่ง หนังสือของเขาสรา้ งแรงบันดาลใจในการศึกษาพระพุทธศาสนา แก่ชาวตะวนั ตก จานวนมาก ศ.ริส เดวิดส์ ชาวอังกฤษ ผู้ก่อต้ังสมาคมบาลีปกรณ์ ได้แปล พระไตรปิ ฎกและคมั ภีรท์ างพระพุทธศาสนาเป็ นภาษาองั กฤษออกเผยแพรม่ ากมาย ดร.เจมส์ มารต์ ิน พีเบิลส์ ปราชญ์ชาวอเมริกันผู้เผยแพร่หนังสือ Controversy at Panadura, Or, Panadura Vadaya ซ่งึ เป็ นบนั ทึกการโตว้ าทีเร่ืองพระพทุ ธศาสนากบั คริสตศ์ าสนา ระหวา่ งท่านคุณานันทเถระกบั นักบวชครสิ ต์

๑๖๗ นอกจากน้ ี ชาวตะวนั ตกจานวนมากรูจ้ ักพระพุทธศาสนาจากผลงานของ เซอรเ์ อดวิน อารโ์ นลด์ ผูเ้ ขียนหนังสือประทีปแห่งเอเชียวา่ ดว้ ยพุทธประวตั ิซึ่งนิยม อ่านกันมากในตะวนั ตกโดยมีสถิติการพิมพก์ ว่า ๑๕๐ คร้งั (นับถึงปี พ.ศ.๒๔๗๐) พระพุทธศาสนาในตะวนั ตกช่วงน้ ี โดยส่วนใหญ่เป็ นนิกายเถรวาท ซ่ึงแพร่หลายอยู่ ในหมู่นักวิชาการและผูส้ นใจศึกษาจากการอ่านตารา โดยมากจะอยู่ในประเทศ องั กฤษและเยอรมนี ท้งั สองประเทศน้ ีมีปราชญเ์ ถรวาทอยมู่ ากมาย พระพทุ ธศาสนา ยุคน้ ีจึงไมเ่ ป็ นที่รจู้ กั ของพลเมอื งทวั่ ไปในตะวนั ตกเท่าท่ีควร ต่อมาในศตวรรษที่ ๒๐ เม่ือพระพุทธศาสนานิกายมหายานเขา้ ไปเผยแพร่ มากข้ ึน ดว้ ยความมีเสน่ห์เรียบง่ายและหลากหลายในนิกายต่างๆ ของมหายาน ไดส้ รา้ งความสนใจแก่ชาวตะวนั ตกจานวนมากท้งั พลเมืองทวั่ ไปและนักวชิ าการ แม้ จะเขา้ ไปหลังแต่กลับไดร้ ับความนิยมมากกว่าเถรวาท จากการคน้ หาขอ้ มูลดว้ ย ระบบกูเกิล (Google) เฉพาะมหายานนิกายเซนอยา่ งเดียวพบวา่ มีคาวา่ Zen อยถู่ ึง ๗๔,๔๐๐,๐๐๐ รายการ ในขณะท่ีนิ กายเถรวาทมีคาว่า Theravana อยู่เพียง ๑,๓๙๐,๐๐๐ รายการเท่าน้ัน ต่างกนั ถึง ๕๐ กวา่ เท่าหากรวมมหายานนิกายอื่นดว้ ย คงต่างกนั นับ ๑๐๐ เท่า ขอ้ มูลน้ ีเป็ นเครื่องช้ ีวดั ไดอ้ ยา่ งหนึ่งวา่ พระพุทธศาสนานิกายมหายานเป็ น ท่ีสนใจของชาวโลกมาก ไม่วา่ จะเป็ นนิกายรินไซเซนจากประเทศญี่ป่ ุน ซ่ึงดร.ดี ที ซู สุกิ เป็ นผูบ้ ุกเบิกเผยแพร่รินไซเซน จากประเทศไตห้ วนั ที่เผยแพร่โดยคณะสงฆว์ ดั ฝ อกวงซนั ซ่ึงมีวดั สาขากว่า ๒๕๐ แห่งทัว่ โลก หรือเซนจากเวียดนามนาโดยท่านติช นัท ฮันห์ ผู้ท่ีทาใหค้ นเรือนแสนหันมาสนใจพระพุทธศาสนา นอกจากน้ ียังมี มหายานนิ กายนิ ชิเร็นที่รู้จักกันดีในนามองค์กรโซกะ กัคไค (Soka Gakkai International = SGI) ซึ่งมีสมาชิกกวา่ ๑๒ ลา้ นคนทัว่ โลก ก็เขา้ ไปเผยแผ่และไดผ้ ล อยา่ งดียงิ่ พระพุทธศาสนามหายานที่สาคัญท่ีสุดคือแบบทิเบต เพราะไดร้ บั ความ สนใจมากท่ีสุด ท้ังน้ ีอาจจะเป็ นเพราะความโดดเด่นขององค์ทะไล ลามะ เท็นซิน กยัตโซ (The ๑๔th Dalai Lama, Tenzin Gyatso) ผู้นาสงฆ์และประชาชนชาว ทิเบตในปัจจุบัน ท่านเดินทางไปกว่า ๕๒ ประเทศทัว่ โลก เขา้ พบผูน้ าของแต่ละ ประเทศ เพื่อสนทนาแลกเปล่ียนประสบการณ์กบั บรรดาผูน้ าเหล่าน้ัน โดยเฉพาะ

๑๖๘ ประเทศท่ีไม่ไดน้ ับถือพระพุทธศาสนา ท่านเขียนหนังสือเผยแพร่กว่า ๕๐ เล่ม ไดร้ บั รางวลั เกียรติยศกวา่ ๕๗ รางวลั รวมท้งั รางวลั โนเบลสาขาสนั ติภาพในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ด้วยเหตุน้ ีพระพุทธศาสนาทิเบตจึงได้รับความสนใจชาวชาวโลกมาก โดยเฉพาะชาวตะวนั ตก จาก จ าน วน ศู น ย์ (Center) พ ระพุ ท ธศ าสน าทั่วโลก ใน เว็บ ไซต์ www.buddhanet.net แสดงใหเ้ ห็นวา่ อย่างชดั เจนวา่ มหายานแบบทิเบตและเซน ไดร้ บั ความนิยมสูงมากดงั ตารางที่แสดงในหน้าถัดไป จานวนศูนยพ์ ระพุทธศาสนา เหล่าน้ ีหมายถึงวดั บา้ ง ศูนยน์ ั่งสมาธิบา้ ง เป็ นองค์กรทางพุทธศาสนาอ่ืนๆ บา้ ง ข้อมูลที่ยกมาน้ ี เป็ นเพียงส่วนหน่ึ งซึ่งผู้จัดทาเว็บไซต์ www.buddhanet.net รวบรวมได้ ในความเป็ นจริงมีศูนยพ์ ระพุทธศาสนาอีกจานวนไม่น้อยที่ไม่ไดแ้ จง้ ข้อมูลไว้ นอกจากน้ ี ยังมีบางเว็บไซต์ให้ข้อมูลเฉพาะนิ กายได้ล่าสุดกว่า แต่ เน่ืองจากว่าเว็บไซต์เหล่าน้ันไม่ไดใ้ หข้ อ้ มูลครอบคลุมทุกนิกาย ดว้ ยเหตุน้ ีจึงใช้ ขอ้ มลู จากเวบ็ ไซตน์ ้ ีเป็ นหลกั ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในตะวนั ตก ชาวตะวนั ตกมีโอกาสสัมผัสถ่ินพระพุทธศาสนาคร้งั สาคัญ ในสมัยท่ีพระ เจา้ อเล็กซานเดอรม์ หาราชแห่งกรีกกรีฑาทัพบุกอินเดียในระหวา่ งปี ๓๒๖ - ๓๒๓ ก่อนคริสตศ์ ตวรรษ ซึ่งตรงกบั พ.ศ. ๒๑๗ - ๒๒๐ หรือหลงั พทุ ธปรินิพพานได้ ๒๑๗ - ๒๒๐ ปี ซึ่งในขณะน้ันพระพุทธศาสนาด้งั เดิมคือเถรวาทกาลงั เจริญรุง่ เรืองอยใู่ น อินเดีย ระยะเวลาประมาณ ๓ ปี แห่งการมาของกองทัพกรีกคร้งั น้ัน เป็ นไปไดว้ ่ามี การศึกษาและแลกเปลี่ยนวฒั นธรรมระหวา่ งกนั พอสมควร ทหารกรีก คงไดส้ มั ผสั พระพุทธศาสนาผ่านวถิ ีชีวติ ของชาวพุทธในอินเดียสมยั น้ันไมม่ ากก็น้อยและคงเล่า ขานต่อๆ กนั ไปในยโุ รปหลงั จากที่ทหารเหลา่ น้ันกลบั ไปยงั อาณาจกั รมาซิโดเนียของ ตนแลว้ เมื่อพระเจา้ อเล็กซานเดอร์ยกทัพกลับแลว้ จันทรคุปต์ก็สามารถยึดเมือง ปาฏลีบุตรจาก \"พระเจา้ นันท์\" แห่งกรีกไดส้ าเร็จและปราบดาภิเษกตนเองเป็ นปฐม กษัตริยแ์ ห่งราชวงศโ์ มริยะในเมืองปาฏลีบุตร เม่ือปี พ.ศ.๒๒๒ และไดป้ กครองอยู่ นาน ๒๖ ปี ในรชั สมยั ของพระองค์ เมกาสเธเนส (Megasthenes) เอกอัครราชทูต จากเมืองอเล็กซานเดรียแห่งกรีก ไดเ้ ดินทางมายงั เมืองปาฏลีบุตร และไดบ้ ันทึก

๑๖๙ เรื่องพราหมณ์และสมณะท้งั หลายในอินเดียไว้ นักเขียนกรีกและละตินหลายท่าน ใชบ้ นั ทึกน้ ีอา้ งอิงเรือ่ งราวในอินเดีย เมื่อถึงยุคของพระเจา้ อโศกมหาราช (พ.ศ.๒๗๖ - ๓๑๒) ไดม้ ีการจัดส่ง สมณทูตออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายงั ดินแดนต่างๆ เสถียร โพธินันทะ ปราชญ์ ดา้ นพระพุทธศาสนา กล่าววา่ ในคร้งั น้ันพระพทุ ธศาสนาไดเ้ ผยแผ่ไปสู่ประเทศกรีก ในทวปี ยโุ รปดว้ ย๑ คาว่า พระพุทธเจา้ ปรากฏคร้ังแรกในเอกสารของกรีก เมื่อกาลผ่านไป ๕๐๐ ปี หลงั จากเมกาสเธเนส คลีเมนท์ (clement) เสียชีวติ ซึง่ เขียนพรรณนาไวเ้ มื่อ พ.ศ.๗๔๓ วา่ \"ชาวอินเดีย ท้ังหลายไดป้ ฏิบัติเคร่งครดั ซึ่งศีลของพระพุทธเจา้ และ เคารพนับถือพระพุทธเจา้ ดุจเทพเจา้ ...\" หลังจากน้ันชาวตะวนั ตกไม่ค่อยไดร้ บั รู้ พระพุทธศาสนาอีกจนกระทัง่ พ.ศ.๑๗๙๗ นักบวชวิลเลม แวน ลุยส์โบรก และ นักบวชนิกายฟรานซิสแกน ผูเ้ ดินทางไปอยู่ในเมืองคะราโกรัมนาน ๖ เดือน ได้ เขียนหนังสือชื่อ Itinerarium บรรยายเร่ืองภิกษุลามะในประเทศทิเบตได้อย่าง ถูกตอ้ งพรอ้ มกลา่ วถึงบทสวดมนต์ ...โอม มณี ปัทเม หุม...ดว้ ย อย่างไรก็ตาม ชาวตะวันตกทราบเร่ืองราวพระพุทธศาสนาโดยละเอียด ถูกตอ้ งสมบูรณ์จากหนังสือ Description of the World ของมาร์โค โปโล (Marco Polo) ซึ่งเดินทางไปอยู่ในประเทศจีนนานถึง ๑๖ ปี ระหว่าง พ.ศ.๑๘๑๘ - พ.ศ. ๑๘๓๔ ไดพ้ บพุทธศาสนิกชาวจนี มากมาย เขาเขียนไวว้ า่ \"ตาบลซาจู อยใู่ นเมอื งตงั กุก ประชาชนท้ังหลายนับถือพุทธปฏิมา ยกเวน้ ชาวเตอรก์ และพวกซะราเซนบาง คนท่ีเป็ นคริสเตียน ประชาชนท่ีนับถือพุทธปฏิมาเหล่าน้ ี มีภาษาพูดของตวั เอง ไม่ ประกอบการคา้ ขาย เล้ ียงชีพดว้ ยการเพาะปลูกธัญพืช มีภิกษุและวดั มากหลาย วดั ท้ังหลายมีพุทธปฏิมาแบบต่างๆ ประชาชนเคารพนับถือพุทธปฏิมาเหล่าน้ันอยา่ ง ท่วมทน้ หวั ใจ...\" เมื่อ มารโ์ ค โปโล เดินทางกลับจากประเทศจีนมาถึงประเทศอิตาลี เขาได้ เล่าเร่ือง ดงั กล่าวแก่ชาวอิตาลีแมไ้ ม่ค่อยมีคนเช่ือ แต่ภายหลังพระสนั ตะปาปา นิ โคลาสที่ ๔ (Nicholas) ก็ไดจ้ ดั ส่งพวกนักบวชไปสืบพระพุทธศาสนาในประเทศจีน โดยท่านแรกคือ นักบวชจอหน์ แหง่ มอนเตคอรว์ โิ น เขาพานักอยทู่ ่ีจนี หลายปี และได้ ส่งจดหมายทูลรายงานพระสันตะปาปาถึงความเป็ นไปของพระพุทธศาสนาใน

๑๗๐ ประเทศจีน หลังจากน้ันเป็ นตน้ มาก็มีการจัดส่งพวกนักบวชคริสต์ไปเป็ นระยะๆ เร่ืองราวการเดินทางของนักบวชเหล่าน้ ีก่อใหเ้ กิดความสนใจแก่ชาวยุโรปมาก ในปี พ.ศ.๒๐๘๕ บาทหลวงฟรานซิสคัส ซาเวริอุส (Franciscus Xaverius) แห่งประเทศ สเปนเดินทางมาอินเดียและอีก ๑ ปี หลงั จากน้ันไดเ้ ดินทางไปถึงกวั (Gua) คร้งั น้ัน บาทหลวงไดพ้ บพอ่ คา้ ชาวญี่ป่ ุนชื่อ ยาจิโร (Yagiro) พอ่ คา้ ผูน้ ้ ีเล่าใหฟ้ ังถึงเรื่องพุทธ ประวตั ิและหลักคาสอนของพระพุทธศาสนา คณะนักบวชคริสต์จึงบันทึกเร่ืองราว เหล่าน้ ีรายงานกลบั ไปยงั ทวปี ยุโรปท้งั หมด แต่มิไดม้ ีการจดั พิมพเ์ ผยแพร่ ส่วนมาก จะเก็บรกั ษาไวใ้ นหอ้ งสมุด ต่อมาเม่ือถึงยุคล่าอาณานิคมต้ังแต่ศตวรรษท่ี ๑๗ หรือต้งั แต่ พ.ศ.๒๑๔๔ เป็ นตน้ ไป ประเทศในแถบตะวนั ตกหลายประเทศทยอยกันออกล่าเมืองข้ ึน เช่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี โปรตุเกส เบลเย่ียม อิตาลี รัสเซียและ สหรฐั อเมริกา เป็ นตน้ ไดเ้ ขา้ ยึดครองประเทศดอ้ ยพัฒนาในทวีปเอเชีย แอฟริกา และโอเชียเนียไวไ้ ดม้ ากมาย ในช่วงน้ ีจึงมีการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนวฒั นธรรมไปสู่ กนั และกนั ชาวตะวนั ตกจานวนไม่น้อยไดส้ ัมผสั พระพุทธศาสนาในยุคน้ ี นอกจาก นักล่าเมืองข้ ึนแลว้ คณะมิชชันนารีจากยุโรปหลายคณะก็ไดเ้ ดินทางมาเผยแพร่ คริสต์ศาสนาด้วย โดยเขา้ มาในประเทศจีน ญี่ป่ ุน ไทย ศรีลังกาและประเทศ อินโดนีเซีย คริสต์ศาสนจกั รหลายประเทศอาศัยฝ่ ายการเมืองเป็ นเคร่ืองมือบงั คับ ให้ชาวเอเชียในประเทศท่ีตกเป็ นเมืองข้ ึนเปล่ี ยนศาสนา แต่ถึงกระน้ันก็มี ชาวตะวนั ตกอยู่ไม่น้อยท่ีเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา นอกจากน้ ี เร่ืองราว พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ก็ถูกส่งกลบั ไปใหช้ าวตะวนั ตกไดศ้ ึกษากนั อยา่ งต่อเน่ือง รายงานท่ีคณะมิชชนั นารีส่งไปกลับไปประเทศในตะวนั ตกน้ัน ไดจ้ ากการ สงั เกตและสนทนากบั พุทธศาสนิกชนเป็ นหลกั มิไดเ้ ป็ นความรทู้ ่ีไดจ้ ากการคน้ ควา้ คัมภีรพ์ ระพุทธศาสนา จนกระทัง่ ถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ (ค.ศ.๑๘๐๑ - ๑๙๐๐ หรือ พ.ศ.๒๓๔๔ - ๒๔๔๓) หนังสือไวยากรณ์ภาษาบาลีเล่มแรก ที่จดั พมิ พเ์ ผยแพร่ ในทวปี ยุโรป เป็ นผลงานของเบอรน์ ูฟ และ แลสเซน เบอรน์ ูฟเป็ นคนแรกที่บอกว่า ชาวยุโรปคนแรกที่ศึกษาภาษาบาลีคือ บาทหลวงซิมมอน เดอ ลา ลู แบร์ (Simon de La Loubere) ซึ่งเป็ นผูร้ ่วมคณะเอกอคั รราชทูตของพระเจา้ หลุยส์ ที่ ๑๔ แห่ง ฝรงั่ เศส เดินทางมาประเทศไทยในรชั สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เม่ือ พ.ศ.

๑๗๑ ๒๒๓๐ - ๒๒๓๑ บาทหลวงซิมมอน เดอ ลา ลู แบร์ ไดพ้ ิมพห์ นังสือ Description du Royaume de Siam เผยแพร่ใน พ.ศ.๒๒๓๔ โดยแทรกเร่ืองประวตั ิพระเทวทัตและ พระปาติโมกขย์ อ่ เอาไวด้ ว้ ย ต่อมาในศตวรรษท่ี ๒๐ เป็ นยุคทองของนิกายมหายาน ชาวพุทธนิกายมหายานหลายนิกายเขา้ ไปเผยแผ่ในตะวนั ตกและไดร้ บั การตอบรบั เป็ นอย่างดี พุทธศาสนิกชนในแต่ละประเทศจึงมีจานวนเพ่ิมมากข้ ึนเรื่อยๆ ตราบ กระทงั่ ปัจจุบนั ๑) ประเทศองั กฤษ ประเทศองั กฤษมีชื่ออยา่ งเป็ นทางการวา่ สหราชอาณาจกั รบริเตนใหญ่และ ไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) หรือ นิยมเรียกส้ันๆ ว่า สหราชอาณาจกั ร (United Kingdom ย่อว่า UK) ประกอบดว้ ย ดินแดน ๔ ส่วน คือ ๓ ชาติบนเกาะบริเตนใหญ่ ไดแ้ ก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ และ เวลส์ กับอีก ๑ ชาติบนเกาะไอร์แลนด์ คือ ไอร์แลนด์เหนือ สหราชอาณาจักรมี ประชากรประมาณ ๖๐,๔๔๑,๔๕๗ คน (ก.ค.๒๕๔๘) ประชาชนส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาคริสต์ (ประมาณ ๗๐-๘๐ %) และจากขอ้ มูลใน The ๒๐๐๑ UK census (พ.ศ.๒๕๔๔) มีประชากรจานวนไม่น้อยท่ีไม่มีศาสนา (Non-Religious) คือ ประมาณ ๙,๓๓๗,๕๘๐ คน หรือประมาณ ๑๐ ล้านคน คิดเป็ น ๑ ใน ๖ ของ ประชากรท้ังหมด นอกจากน้ ี จากการสารวจของ BBC ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ พบว่ามี ประชากรถึง ๔๐ % คือ เกือบครึ่งหน่ึงของประเทศ ที่ไม่เช่ือเรื่องการมีอยู่ของพระ เจา้ (Atheists, Agnostic) สาหรบั พุทธศาสนิกชนในประเทศองั กฤษน้ัน จากขอ้ มูลใน The ๒๐๐๑ UK census (พ.ศ.๒๕๔๔) ระบุวา่ มปี ระมาณ ๑๕๑,๒๘๓ คน ปัจจุบนั มีองคก์ รท่ีเก่ียวขอ้ ง กบั พระพุทธศาสนาประมาณ ๔๓๕ องค์กร และมีแนวโน้มวา่ จะเพ่ิมมากข้ ึนเร่ือยๆ แมป้ ริมาณพุทธศาสนิกชน ท่ีเปิ ดเผยตนเองเหล่าน้ ีจะยังมีไม่มาก แต่ชาวพุทธ เหล่าน้ ีก็เป็ นผูม้ ีศักยภาพ เพราะมีปราชญ์ ผูเ้ ชี่ยวชาญในพระพุทธศาสนาอยู่ จานวนมาก โดยเฉพาะศาสตราจารยร์ ิส เดวิดส์ ผูก้ ่อต้ังสมาคมบาลีปกรณ์ (The Pali Text Society) ซึ่งทาหน้าท่ีในการแปลและจดั พิมพค์ มั ภีรท์ าง พระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิ ฎกและอรรถกถา เป็ นตน้ โดยแปลจากภาษาบาลีเป็ นภาษาต่างๆ

๑๗๒ ออกสู่ชาวโลก ทาใหพ้ ระธรรมคาสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจา้ แพร่หลายอย่าง กวา้ งขวาง ดร.ริชารด์ มอรร์ ิส ประธานสมาคมนิรุกติศาสตร์ กล่าวปราศรยั สรรเสริญ ศ.ริส เดวิดส์ ไวใ้ นปี พ.ศ.๒๔๑๘ วา่ \"มีปราชญ์ภาษาบาลีมากหลายในประเทศน้ ี แต่ ศ.ริส เดวิดส์ เท่าน้ันท่ีสรา้ งองคก์ รการศึกษาภาษาบาลีข้ ึนในตะวนั ตก ปูทางให้ พระพุทธศาสนากลายเป็ นคาพดู ประจาครอบครวั แสดงคุณค่าของพระพุทธศาสนา ใหเ้ ป็ นภาษาแห่งความรูป้ ระเภทพิเศษ แสดงใหเ้ ห็นถึงความสมั พันธ์ทางจิตภาพ หรอื ทางศาสนาต่อมนุษยชาติ...\" พระพุทธศาสนาเร่ิมเผยแผ่เขา้ สู่ประเทศอังกฤษ เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๙๓ โดยนายสเปนเซอร์ อาร์คี ไดพ้ ิมพ์หนังสือศาสนจักรแห่งบูรพาทิศออก เผยแพร่ แต่ยงั ไม่มีผูส้ นใจมากนัก จนกระทัง่ เซอร์ เอ็ดวิน อารโ์ นลด์ เขียนหนังสือ ประทีปแหง่ เอเชียข้ ึนและพิมพเ์ ผยแพร่ใน ปี พ.ศ. ๒๔๒๒ หนังสือเล่มน้ ีไดร้ บั ความ สนใจจากชาวอังกฤษและชาวตะวนั ตกอย่างกวา้ งขวาง มีสถิติการพิมพ์มากกว่า ๑๕๐ ครง้ั (นับถึงปี พ.ศ.๒๔๗๐) เซอร์ เอ็ดวิน อาร์โนลด์ เขียนหนังสือเล่มน้ ีในช่วงเวลาที่ประเทศอังกฤษ เผชิญกบั วกิ ฤตการณใ์ นเร่ืองประเทศทางตะวนั ออก ดินแดนที่เป็ นเมืองข้ ึน เขาเขียน ท่ี Hamlet House และในรถไฟขณะเดินทาง เขาเขียนลงบนซองจดหมายบ้าง ขอบกระดาษที่วา่ งของหนังสือพิมพบ์ า้ ง ดา้ นหลงั รายการอาหารบา้ ง แมห้ ลงั กระดุม ขอ้ มือเส้ ือเช้ ติ ก็เคยใชใ้ นการเขียนบทกวี ในยามท่ีไมม่ ปี ากกาอยใู่ นมือ ก็จะใชด้ ินสอ เขียน หากไม่มีดินสอ ก็จะใชช้ ้ ินเล็กๆ ของไมจ้ ุดไฟเตาผิง เป็ นอุปกรณ์การเขียน พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ของไทยไดพ้ ระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ ฺ์ สกุล ชา้ งเผือกแก่เขา ในฐานะที่ไดป้ ระกอบคุณงามความดีเผยแพร่พระพุทธศาสนา ใน พระราชสาสน์ ที่ พระราชทานมาพ ร้อมเคร่ืองราชอิ สริยาภรณ์ ระบุ ชัดเจน ว่า คาอธิบายเร่ืองพระพุทธศาสนาของเขามไิ ดถ้ ูกตอ้ งสมบูรณ์ แต่ทรงแสดงความขอบ พระทัยในฐานะที่เขาเขียนเรื่องพระพุทธศาสนาเผยแพร่ในภาษาที่ใชก้ ันกวา้ งขวาง ที่สุดในโลก ศ.ที ดับเบิลยู ริส เดวิดส์ ไดจ้ ดั ต้ังสมาคมบาลีปกรณ์ข้ ึนในปี พ.ศ.๒๔๒๔ เขากล่าว ถึงวัตถุประสงค์ในการจัดต้ังว่า \"...ข้าพเจา้ มีปณิธานแน่วแน่ท่ีจะ

๑๗๓ ถ่ายทอดคลังมหาสมบัติของคัมภีร์พระพุทธศาสนา ซึ่งกาลบัดน้ ี ยังมิได้มีการ จดั พิมพ์ และมิไดถ้ ูกนามาใชป้ ระโยชน์ในวิถีชีวิตประจาวนั คัมภีรเ์ หล่าน้ ีถูกเก็บ รกั ษาไวก้ ระจดั กระจายในหอ้ งสมุดมหาวทิ ยาลยั ท้งั หลาย และในหอ้ งสมุดสาธารณะ ท้ังหลายทัว่ ทวีปยุโรป...\" พระไตรปิ ฎกภาษาอังกฤษ ๒ เล่มแรกท่ีจัดพิมพ์ในชุด Scared Books of the Buddhist Series ใน ปี พ .ศ.๒ ๔ ๓ ๘ และ พ .ศ.๒ ๔ ๔ ๒ ตามลาดับ ไดร้ ับทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว ส่วนพระไตรปิ ฎก เล่มที่ ๓ และ ๔ ไดร้ บั ทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั แหง่ ราชอาณาจกั รไทย เมื่อพระพุทธศาสนาเป็ นท่ีรูจ้ กั ของชาวอังกฤษมากข้ ึน จึงเป็ นผลใหเ้ ร่ิมมีผู้ ศรัทธาออกบวชเป็ นบรรพชิต โดยในปี พ.ศ.๒๔๔๒ กอร์ดอน ดักลาส (Gordon Douglas) ไดอ้ ุปสมบทเป็ นพระภิกษุรูปแรกของชาวอังกฤษในกรุงโคลมั โบ ประเทศ ศรลี งั กา และเป็ นพระภิกษุชาวตะวนั ตกรปู แรกดว้ ย ไดร้ บั ฉายาวา่ อโศกะ หลังจากน้ัน ในปี พ.ศ.๒๔๔๕ ชารล์ ส์ เฮนรี่ อัลเลน เบอรเ์ นตต์ (Charles Henry Allen Bernett) เกิดศรทั ธาในพระพุทธศาสนาเพราะไดอ้ ่านหนังสือประทีป แห่งเอเซีย จึงสละเพศฆราวาสอุปสมบทในโคลมั โบเช่นกนั ไดร้ บั ฉายาวา่ อานันท เมตเตยยะ เม่ือบวชได้ ๑ ปี ก็เดินทางไปประเทศพม่า ไดอ้ อกวารสารรายเดือน ภาษาองั กฤษในพม่าช่ือ The Buddhist ซึ่งเป็ นวารสารท่ีลงข่าวความเคล่ือนไหวของ พระพุทธศาสนาทัว่ โลก โดยมีพระศีลาจาระ ชาวสกอตแลนด์ ซ่ึงอุปสมบทในพม่า เป็ นผูช้ ่วย วารสาร The Buddhist ส่งไปจาหน่ายในสหราชอาณาจักรดว้ ย โดยมี เป้ าหมายที่จะผลักดันพระพุทธศาสนาซึ่งขณะน้ั นเพียงแค่ศึกษากั นในร้ัว มหาวิทยาลัย ให้กลายเป็ นศาสนาท่ีมีชีวิตคืออยู่ในวิถีชีวิตประจาวันของ ชาวตะวนั ตก พระอานันทเมตเตยยะยงั เป็ นพระภิกษุรูปแรกท่ีนาพระธรรมทูตจาก พมา่ ไปเผยแผใ่ นตะวนั ตก พระพุทธศาสนาในประเทศอังกฤษเร่ิมออกจากร้วั มหาวทิ ยาลยั ไปอยใู่ นวิถี ชีวติ ของประชาชนเมื่อ อาร.์ เจ.แจกสัน (R.J.Jackson) ไดป้ ระกาศต่อสาธารณชนว่า เขาคือชาวพุทธผูด้ ารงชีวติ ตามหลกั พุทธธรรมโดยไม่หวาดหวนั่ ต่อการถูกประณาม เช่ือกันว่าเขาคือชาวพุทธอังกฤษคนแรกที่ประกาศตนอย่างเปิ ดเผย หลังจาก

๑๗๔ ประกาศตนแลว้ ในปี พ.ศ.๒๔๔๙ อาร.์ เจ.แจกสัน ก็เริ่มเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดย ยนื บรรยายบนลงั สบ่ใู นสวนสาธารณะ ในช่วงเวลาเดียวกันน้ ี เจ.อาร์.เปน (J.R.Pain) อดีตทหารบกซึ่งเคย ประจาการอยู่ในพม่าได้เปิ ดรา้ นขายหนังสือพระพุทธศาสนา ณ ถนนเบอร์รี่ ตาบลบูมเบอรร์ ี่ และไดร้ บั วารสาร The Buddhist จากพม่ามาขายดว้ ย ชาวอังกฤษ สนใจซ้ ืออ่านวารสารน้ ีกันมาก อาร์.เจ.แจกสัน และเจ.อาร.์ เปน ร่วมมือกันก่อต้ัง พทุ ธสมาคมแหง่ แรกข้ ึนในกรุงลอนดอน และในปี พ.ศ.๒๔๕๐ ดว้ ยความรว่ มมอื กบั ศ.ริส เดวิดส์ และพระอานันทเมตเตยยะ พุทธสมาคมแห่งน้ ี ไดข้ ยายเครือข่ายเป็ น พุทธสมาคมแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ (Buddhist Society of Great Britain and Ireland ) โดย ศ.ริส เดวิดส์ เป็ นประธาน ไดพ้ ิมพว์ ารสารพุทธศาสตรป์ ริทัศน์ เผยแพรด่ ว้ ย หลงั จากน้ันพุทธสมาคมตา่ งๆ ก็ไดก้ ่อต้งั ข้ ึนตามเมืองต่างๆ ในองั กฤษ โดย ในปี พ.ศ.๒๔๙๑ นาง เอ.เรนท์ (A.Rant) ไดจ้ ดั ต้งั สมาคมพุทธวิหารประเทศอังกฤษ (Buddhist Vihara Society of England) และรวบรวมผูม้ ีจิตศรทั ธาช่วยกันก่อสรา้ ง วดั พุทธวิหารกรุงลอนดอนข้ ึนในปี พ.ศ.๒๔๙๗ โดยเร่ิมแรกสรา้ งบนพ้ ืนท่ีเช่าในโอ วิงตัน การเ์ ดน พระดร.เอช.สัทธาติสสะ ชาวศรีลังกาเป็ นเจา้ อาวาส ต่อมาไดซ้ ้ ือ ท่ีดินและสรา้ งวดั ข้ ึนใหม่ ต้ังอยู่เลขท่ี ๕, Heathfield Gardens, London, W๔ ท่าน สัทธาติสสะเป็ นพระภิกษุท่ีฉลาดในการเทศน์สอนธรรมะดว้ ยภาษาง่ายๆ จึงมีผู้ เล่ือมใสมากมาย พุทธศาสนิกชนที่เขา้ วดั เป็ นประจายุคน้ันมีประมาณ ๒๐๐ คน ส่วนมากเป็ นชาวองั กฤษ นอกจากน้ ี เมอื งใหญ่ๆ ในองั กฤษเกือบทุกเมืองสมยั น้ันจะ มีชุมนุมศึกษาพระพุทธศาสนา (Buddhist Study Circles) ทาหน้าที่เผยแผ่พุทธ ธรรมเพื่อเป็ นแสงสวา่ งนาทางชวี ติ แกช่ าวองั กฤษ นอกจากพระสงฆจ์ ากประเทศศรีลังกาแลว้ ยงั มีพระสงฆช์ าวเอเชียชาติอื่น เช่น พม่า จีน ญี่ป่ ุน เป็ นตน้ ไดเ้ ขา้ ไปเผยแผ่เช่นกัน ในวนั ท่ี ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๙ จึงมีการจดั ต้งั คณะสงฆค์ ณะแรกข้ ึนในองั กฤษ ท้งั น้ ีก็เพื่อใหก้ ารทางานพระ ศาสนาเป็ นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ก่อต้งั โดยท่านกบิลวฑั โฒภิกขุ (W. A. Purfust) ซง่ึ อุปสมบทที่วดั ปากน้า ภาษีเจรญิ กรุงเทพมหานคร เม่ือปี พ.ศ.๒๔๙๗ จากน้ันไม่ นานในปี พ.ศ.๒๕๑๐ พระภิกษุชาวองั กฤษชื่อพระสงั ฆรกั ษิตสถวรี ะ ซึ่งอุปสมบทใน

๑๗๕ อินเดีย ไดก้ ่อต้งั สหายสงั ฆมณฑลพระพุทธศาสนาประเทศตะวนั ตก [The Friends of The Western Buddhist Order (FWBO)] ข้ ึนในประเทศอังกฤษ ปัจจุบนั FWBO เป็ นองคก์ รพระพุทธศาสนาในระดบั แนวหนา้ มสี าขาขยายไปมากมายทวั่ องั กฤษ ส่วนคณะสงฆ์ไทยก็ไดจ้ ดั ส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่ในอังกฤษดว้ ยเช่นกัน เรมิ่ โดยประธานสงั ฆสมาคมประเทศองั กฤษ สง่ หนังสือเชญิ ผูแ้ ทนสงฆไ์ ทยไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ ในขณะน้ันรัฐบาลไทยโดยการนาของจอมพล ถนอม กิตติขจร อนุมตั ิใหด้ าเนินการ โดยมีพระธรรมทูตชุดที่ ๑ คือ พระราชสิทธิ มุนี (โชดก ปธ.๙) พระมหาวิจิตร ติสสทตโต เป็ นพระสหจร และนายภานุพงษ์ มุทุ กนั ต์ เป็ นไวยาวจั กร มีกาหนดเวลาเผยแผ่เป็ นเวลา ๓ ปี เร่มิ ปฏิบตั ิศาสนกิจวนั แรก เมือ่ วนั ท่ี ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๗ ต่อมา ชาวพุทธไทยในอังกฤษได้ช่วยกันสรา้ งวัดไทยวัดแรกข้ ึนในกรุง ลอนดอน สรา้ งเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๐๘ และจัดพิธีเปิ ดเม่ือวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจา้ -อยู่หวั และสมเด็จพระนางเจา้ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเป็ นประธานในพิธีเปิ ด ทรงพระราชทาน นามวา่ วดั พุทธประทีป หลงั จากน้ัน มวี ดั และองคก์ รพุทธเกิดข้ ึนอีกหลายองคก์ ร เชน่ ศูนยว์ ิปัสสนากรรมฐานนานาชาติ (พ.ศ.๒๕๑๔) วดั สังฆทาน (พ.ศ.๒๕๓๒) วดั ป่ าจิตตวิเวก (พ.ศ.๒๕๓๙) วดั พุทธ วหิ ารแอสตนั (พ.ศ.๒๕๓๗) เป็ นตน้ สาหรับพระพุทธศาสนามหายานนิ กายต่างๆ ในประเทศอังกฤษน้ัน เร่ิมแรกนิกาย โซกะ กคั ไค (SGI) ซ่ึงเป็ นสายหน่ึงของมหายานนิกายนิชิเร็นไดเ้ ขา้ มา เผยแผ่ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ โดยเร่ิมจากเพียงคนเดียว จากน้ันมีการเติบโตรวดเร็วมาก ปัจจุบนั โซกะ กคั ไค เป็ นองคก์ รพทุ ธที่ใหญ่ท่ีสุดในองั กฤษ มีมากกวา่ ๔๕๐ กลุม่ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เพ็กกี เค็นเน็ ท (Peggy Kennett) ภิกษุ ณีชาว องั กฤษ ไดน้ าพระพุทธศาสนานิกายโซโตเซน (Soto Zen) จากประเทศญ่ีป่ ุนเขา้ มา เผยแผ่ โดยก่อต้งั สมาคม British Zen Mission Society ข้ ึน ภายหลงั เปล่ียนชื่อใหม่ เป็ น OBC (the Order of Buddhist Contemplatives) ปั จจุบัน OBC เป็ นองค์กร พุทธท่ีใหญ่ที่สุดของนิกายเซนในเกาะองั กฤษและมีขนาดเป็ นอนั ดบั ท่ีสี่เมือ่ เทียบกบั นิกายอ่ืนๆ โดยโซกะ กัคไค เป็ นอันดับหนึ่ง องค์กร FWBO ซึ่งก่อต้ังโดยท่านสังฆ รกั ษิตสถวีระเป็ นอันดับสอง และพระพุทธศาสนาทิเบตกลุ่ม NKT เป็ นอันดับสาม

๑๗๖ แต่เดิม เพ็กกี เค็นเน็ท เป็ นชาวพุทธนิกายเถรวาท ภายหลังหนั มานับถือมหายาน นิกายเซนโดยการชกั นาของ ดร.ดี ที ซสู ุกิ และไดบ้ วชเป็ นภิกษุณีโดยคณะสงฆจ์ ีนที่ ประเทศมาเลเซีย หลงั จากน้ันก็ไปศึกษาเซนท่ีประเทศญ่ีป่ ุน ส่วนพระพุทธศาสนาทิเบตน้ัน ในปี พ.ศ.๒๕๓๔ พระภิกษุชาวทิเบตชื่อ เกส เช เคนซงั กะยทั โซ (Geshe Kelsang Gyatso) ไดก้ ่อต้ังองคก์ ร The New Kadampa Tradition (NKT) ข้ ึ น ปั จจุ บั น NKT ป ระส บ ค วาม ส าเร็ จสู งสุ ด ใน บ รรด า พระพุทธศาสนาทิเบตทุกนิ กายในอังกฤษ NKT อยู่ในนิ กายกาดัมหรือเกลุก (Kadam or Gelug) ซ่ึงเป็ นนิกายในสงั กดั ขององคท์ ะไล ลามะ ผนู้ าสงฆแ์ หง่ ทิเบต ๒) ประเทศเยอรมนี ประเทศเยอรมนีมีชื่ออย่างเป็ นทางการว่า สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Federal Republic of Germany) มีประชากรประมาณ ๘๒,๔๓๘,๐๐๐ คน (พ.ศ. ๒๕๔๘) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ (ประมาณ ๖๘%) และจากการสารวจ ประชากรเยอรมันมากกว่า ๑๐,๐๐๐ กลุ่มในปี พ.ศ.๒๕๔๙ พบว่า มีคนท่ีไม่มี ศาสนา (Non-Religious) หรือผูท้ ี่ไม่เช่ือเร่ืองการมีอยูข่ องพระเจา้ (Atheists) อยูถ่ ึง ๒๙.๖% คิดเป็ น ๒๔,๔๐๐,๐๐๐ คน หรือ ๑ ใน ๔ ของประชากรท้ังหมด สาหรับ พุทธศาสนิ กชนในประเทศเยอรมนี น้ัน จากสารวจในปี พ.ศ.๒๕๔๙ พบว่ามี ประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ คน มีองคก์ รทางพระพุทธศาสนาประมาณ ๖๖๑ องคก์ ร และ มีแนวโน้มวา่ จะเพมิ่ มากข้ ึนเรือ่ ยๆ พระพุทธศาสนาเร่ิมเผยแพร่ในเยอรมนีจากงานเขียนของ ไอแซค จาคอบ สมิท (Isaac Jacob Schmidt) ในปี พ.ศ. ๒๓๒๒- ๒๓๙๐ บุคคลผูม้ ีบทบาทสาคัญ มากในการเผยแผ่พระพุทธศาสนายุคแรกๆ คือ อาเธอร์ โชเปนเฮาเออร์ (Arthur Schopenhauer) เขาเริ่มตน้ ศึกษาพระพุทธศาสนาจากงานเขียนของไอแซค จาคอบ สมิท ต่อมาอาเธอร์ โชเปนเฮาเออร์ เขียนหนังสือชื่อ The World as will and Representation พิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ.๒๓๖๒ และไดเ้ ขียนเล่มอื่นๆ อีกมากมาย หนังสือของเขามีคนอ่านมากที่สุดนับแต่ ๒๕ ปี แรกแห่งคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ หลาย ต่อหลายคนเมื่อไดอ้ ่านหนังสือเขาแลว้ หนั มาขอถึงพระรตั นตรยั เป็ นท่ีพ่ึงที่ระลึกไป ตลอดชีวติ

๑๗๗ อาเธอร์ โชเปนเฮาเออร์ เชิดชูพระพุทธศาสนาไวว้ ่า \"เป็ นที่ประจักษ์ว่า ภาษาเก่าแก่ที่สุดคือความสมบูรณ์ที่สุดฉันใด ศาสนาท่ีเก่าแก่ท่ีสุดก็คือความ สมบูรณ์ที่สุดฉันน้ัน ถา้ หากวา่ จะถือเอาผลแห่งปรชั ญาของขา้ พเจา้ เป็ นมาตรฐาน แห่งความจริงแลว้ ขา้ พเจา้ จะยกใหพ้ ระพุทธศาสนามีความโดดเด่นเหนือแนวคิด อ่ืนๆ... วตั ถุประสงค์ของพระศากยมุนีพุทธเจา้ คือ การแยกเอาเมล็ดในออกจาก เปลือก เพ่ือแยกคาสอนท่ีสูงเด่นออกจากส่วนผสมของจินตนาการและเทพเจา้ เสริมสรา้ งคุณค่าภายในอันบริสุทธ์ิผุดผ่องของพระพุทธศาสนาใหเ้ ป็ นที่เขา้ ใจได้ โดยง่ายของประชาชน ในเร่ืองน้ ี พระศากยมุนีพุทธเจา้ ประสบความสาเร็จอย่าง มหศั จรรยท์ ี่สุด เพราะฉะน้ันศาสนาของพระองค์จึงเป็ นศาสนาดีที่สุดของโลก มีศา สนิกนับถือมากท่ีสุด\"๔ ไฟรดริช ซิมเมอร์มานน์ (Friedrich Zimmermann) วิศวกรโยธาชาว เยอรมนั เป็ นผูห้ นึ่ง ท่ีไดแ้ รงบนั ดาลใจจากหนังสือของอาเธอร์ โชเปนเฮาเออร์ เขา เกิดความศรทั ธาในพระพุทธศาสนายง่ิ นัก ในปี พ.ศ.๒๔๒๓ ไดเ้ ปล่ียนชื่อตวั เองเป็ น ภิกษุสุภัททะ โดยมิไดเ้ ขา้ พิธีอุปสมบท มิไดป้ ลงผมและหนวด ยังคงแต่งกายดุจ ฆราวาสทัว่ ไป เขาเขียนหนังสือช่ือ Buddhistischen Katechismus ซึ่งเป็ นเร่ืองการ ปุจฉา-วิสัชนาทางพระพุทธศาสนา โดยยึดหลักฐานจากคัมภีรพ์ ระสุตตันตปิ ฎก และพระวนิ ัยปิ ฎกเป็ นหลกั พิมพเ์ ผยแพรใ่ นปี พ.ศ.๒๔๓๑ หนังสือของเขามี ผูน้ ิยม อ่านกันมากในหลายประเทศดุจหนังสือประทีปแห่งเอเซีย ตอ้ งจดั พิมพใ์ หม่ถึง ๑๔ คร้งั และแปลออกเป็ นหลายภาษา เช่น ภาษาองั กฤษ ฝรงั่ เศส ญ่ีป่ ุน อิตาลี ฮังการี สเปน และรสั เซีย พระพุทธศาสนาในเยอรมนีช่วงแรกเผยแผ่โดยผ่านหนังสือเป็ นหลกั ยงั ไม่มี การจดั ต้ังองค์กรอย่างเป็ นทางการ จนกระทัง่ ปี พ.ศ.๒๔๔๖ ดร.คารล์ โซเดนสตัก เกอร์ (Karl Seidenstuecker) เป็ นผูน้ าชาวพุทธเยอรมนั กลุ่มหน่ึงก่อต้งั สมาคมเพ่ือ การเผยแผ่พระพุทธ-ศาสนาในเยอรมนี (Society For Buddhist Mission in Germany) ข้ ึนในเมืองไลป์ ซิก (Leip-Zig) ซึ่งเป็ นสมาคมพระพุทธศาสนาแหง่ แรกใน เยอรมนี จากผลงานน้ ีทาให้ ดร.คารล์ โซเดน-สตักเกอร์ ไดร้ บั การยกย่องว่าเป็ น มหาสาวก (Apostle) ของพระพุทธศาสนาแห่งเยอรมนี เขาสรา้ งสายสัมพันธ์

๑๗๘ ขบวนการชาวพุทธตะวนั ออกกับชาวพุทธเยอรมนั ใหป้ ระสานเป็ นเอกภาพ และได้ รเิ รม่ิ จดั ต้งั มหาโพธิสมาคม สาขาเยอรมนีข้ ึน พระภิกษุชาวเยอรมนั รูปแรกท่ีอุปสมบทในพระพุทธศาสนาสายเถรวาทช่ือ แอนตนั วอลเตอร์ ฟลอรสั กูเอธ (Anton Walter Florus Gueth) มีฉายาวา่ ญาณ ติโลกะ อุปสมบทที่กรุงย่างกุง้ ประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๗ เป็ นศิษยข์ องท่าน อานันทเมตเตยยะ พระภิกษุชาวอังกฤษ พระญาณติโลกมหาเถระ (Nyanatiloka Maha Thera) เป็ นพระภิกษุท่ีไดร้ ับความเคารพนับถือสูงยิ่ง ในบรรดาพระภิกษุ ชาวตะวันตกท้ังหลาย เพราะท่านเคร่งครัดในพระวินัยและอุทิศตนเผยแผ่ พระพุทธศาสนา หลงั จากอุปสมบทแลว้ ท่านเดินทางไปประเทศศรีลงั กา และพกั อยู่ ท่ีเกาะเล็กเกาะหน่ึงในทะเลสาบโททันทุวา ซึ่งไรค้ นอาศัย และเป็ นแหล่งงูพิษรา้ ย ท่านถือรุกขมูลธุดงค์บาเพ็ญสมาธิท้ังกลางวนั และกลางคืน ตอนรุ่งอรุณชาวศรี ลงั กาผศู้ รทั ธาจะนาภตั ตาหาร ลงเรอื ไปถวายทุกเชา้ ขณะนัง่ สมาธิท่ีโคนไม้ งูรา้ ยจะ เล้ ือยเพ่นพ่านไปมารอบตน้ ไม้ บางคร้ังเล้ ือยผ่านหน้าตักแต่ก็ไม่ไดท้ ารา้ ยท่าน ตอ่ มาชาวบา้ นผศู้ รทั ธาไดส้ รา้ งกระท่อมใหท้ ่านอยู่ ในเวลาไม่นานนักชาวตะวนั ตกหลายชาติ เช่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรงั่ เศส อเมริกา อิตาลี และยิวไดส้ ละเพศฆราวาส อุปสมบทเป็ นพระภิกษุไปอาศัยอยูก่ ับ ท่านจานวนมาก เกาะน้ ีจึงมีช่ือเสียงว่า เป็ นบุญสถานท่ีพระภิกษุชาวตะวนั ตกผู้ เคร่งครดั ในพระวินัยมาบาเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทุกวนั พระและวนั จันทรเ์ พ็ญ ชาวพุทธชาวศรีลังกานับพนั หลัง่ ไหลมาจากทุกภาคของประเทศเพื่อมาตักบาตร ไหวพ้ ระ สวดมนต์ และฟังพระธรรมเทศนา พระญาณติโลกมหาเถระเขียนหนังสือ เล่มแรกชื่อ The World of the Buddha พิมพเ์ ผยแพร่ในปี พ.ศ.๒๔๔๙ หนังสือเล่ม น้ ีสรา้ งชื่อเสียงใหท้ ่านมาก จดั พิมพถ์ ึง ๙ ภาษา บางภาษาพิมพ์ ๑๐,๐๐๐ เล่ม ขาย หมดดว้ ยเวลาเพียงไม่นาน และไดจ้ ดั พิมพซ์ ้าแลว้ ซ้าอีกหลายคร้งั ยาวนานถึง ๖ ชวั่ อายุคน ท่านมรณภาพ เม่ือวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๐ รัฐบาลศรีลังกา ประกอบ พิธีพระราชทานเพลิงศพใหอ้ ย่างสมเกียรติ ชาวศรีลังกามาร่วมงานถึง ๕๐๐,๐๐๐ คน และได้บรรจุอัฏฐิของท่านไว้ ณ Independence Square กรุง โคลมั โบ กอ่ นมรณภาพท่านต้งั จติ อธิษฐานวา่ ขอใหก้ ลบั มาเกิดเป็ นบุรุษในศรีลงั กา และไดอ้ ุปสมบทเป็ นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา

๑๗๙ เพื่อใหก้ ารเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเยอรมนีกวา้ งขวางมากข้ ึน ชาวพุทธ เยอรมันนาโดยท่านธัมมสารี จึงจัดต้ังสานักพิมพ์ข้ ึนท่ีเบรสเลา (Breslau) ในปี พ.ศ.๒๔๕๒ เพ่ือพิมพว์ ารสารทางพระพุทธศาสนาเผยแพร่ และในปี เดียวกนั น้ ี ไดม้ ี การจดั ต้ังสมาคมบาลีเยอรมนั ข้ ึน (German Pali Society) โดยมีภารกิจสาคัญคือ การสรา้ งวดั พุทธศาสนาในตะวนั ตก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ๓ ปี ก็ตอ้ งปิ ดตัวลง และมี สมาคมใหม่เกิดข้ ึนชื่อ League For Buddhist Life ในปี พ.ศ.๒๔๕๖ ทาหน้าท่ีเผย แผพ่ ทุ ธศาสนาสายเถรวาท งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศเยอรมนีกวา้ งขวางแพร่หลายมากข้ ึน เมื่อชาวเยอรมันผูห้ นึ่งหันมาเลื่อมใสศรทั ธาในคาสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจา้ บุคคลน้ันคือ ยอร์จ กริมม์ (George Grimm) บิดามารดาตอ้ งการใหเ้ ขาบวชใน ศาสนาคริสตน์ ิกายคาทอลิก แต่เม่ือเขาไดอ้ ่านหนังสือปรชั ญาของอารเ์ ธอร์ โชเปน เฮาเออร์ ดว้ ยความยกย่องอย่างสูงของอารเ์ ธอร์ ที่มีต่อพระพุทธศาสนาและการ ประกาศตวั เป็ นชาวพุทธของเขา ทาให้ ยอรจ์ กริมม์ เริ่มสนใจและเม่ือไดศ้ ึกษามาก เขา้ ทาใหเ้ กิดความซาบซ้ ึงในรสพระธรรม ตัดสินใจออกจากงานตุลาการเพ่ือศึกษา พระพุทธศาสนาและเผยแผ่พระธรรมคาสอนใหก้ วา้ งไกล เขาประกาศวา่ จะปฏิบัติ พุทธธรรมใหบ้ รรลุโสดาบนั ในชีวติ น้ ีใหจ้ งได้ ในปี พ.ศ.๒๔๖๔ ยอร์จ กริมม์ และดร.คาร์ล ไซเดนสตักเกอร์ ได้จัดต้ัง ชุมชนหมู่บา้ นสหายชาวพุทธเยอรมันข้ ึนใน Utting am Ammersee นอกจากชาว เยอรมนั แลว้ ยงั มีชาวพุทธฝรงั่ เศสจานวนมากมาฟังบรรยายและร่วมประชุมเสวนา เร่ืองพระพุทธศาสนากบั เขา ยอรจ์ กริมมเ์ ขียนหนังสือพระพุทธศาสนา ๘ เล่ม และ เขียนบทความเผยแพร่ในวารสารมากฉบบั ดร.อนั ส์ มุช ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นวณั โรคของ โลก ไดป้ ระกาศตนเป็ นชาวพุทธผูเ้ คร่งครัด เพราะไดอ้ ่านหนังสือของเขา ยอร์จ กริมมร์ ูส้ ึกวา่ ตนเองเป็ นหน้ ีบุญคุณทุกคนท่ีใหค้ วามรูเ้ ร่ืองพระพุทธศาสนาแก่เขา เขานาภาพขนาดใหญ่ของอารเ์ ธอร์ โชเปนเฮาเออร์ ประดบั พวงดอกไมส้ ดแขวนไว้ เหนือเตียงนอน และพรา่ พรรณนาคุณความดีของเค.อี.นูมานน์ และดร.ปอล ดุสเซน ผใู้ หค้ วามชว่ ยเหลือแก่เขาในการศึกษาพระพทุ ธศาสนาอยเู่ สมอไมข่ าด พระภิกษุชาวเยอรมันอีกท่านหน่ึ งชื่อ ซิกมันด์ เฟนิ เกอร์ (Siegmund Feniger) ไดอ้ ุปสมบทเป็ นพระภิกษุในประเทศศรลี งั กา ในปี พ.ศ.๒๔๗๙ ไดร้ บั ฉายา

๑๘๐ วา่ ญาณโปนิกะ เป็ นศิษยข์ องพระญาณสตั ตมหาเถระ ซิกมนั ด์ เฟนิเกอรศ์ รทั ธาใน พระพุทธศาสนาจากการอ่านหนังสือ เขาไดจ้ ดั ต้งั ชมรมการศึกษาพระพุทธศาสนา (Buddhist Study Circle) และจัดต้ังหอ้ งสมุดพระพุทธศาสนาข้ ึนที่โกนิกสเบอร์ก โดยใหป้ ระชาชนยืมหนังสืออ่านฟรี หลงั จากอุปสมบทแลว้ ไดเ้ ดินทางมารว่ มกระทา ฉัฏฐมสังคายนาที่ประเทศพม่าในสมัยที่อูนุเป็ นนายกรัฐมนตรี ไดร้ บั คัดเลือกให้ เป็ นรองประธานคนหน่ึงขององค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (The World Fellowship of Buddhist) พระญาณโปนิ กมหาเถระ (Nyanponika Maha Thera) จดั ต้งั สมาคมการพิมพห์ นังสือพระพุทธศาสนาในเมืองแคนดี ประเทศศรีลงั กา โดย ดารงตาแหน่งบรรณาธิการและประธานตรวจการพิมพข์ องสมาคม พิมพห์ นังสือ จุล สาร แปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท และเอกสารทุกประเภทเก่ียวกับ พระพทุ ธศาสนา จานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เลม่ สง่ ไปเผยแพร่ ๗๐ ประเทศทวั่ โลก ปราชญ์ชาวพุทธเยอรมนั ท่ีมีบทบาทสาคญั ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนามี อีกหลายท่าน เช่น เฮอร์มานน์ โอลเดนเบอรก์ (Hermann Oldenburg) บุตรชาย นักบวชคริสตน์ ิกายโปรเตสแตนท์ เป็ นคนแรกที่จดั ทาเร่ืองเถรคาถาและเถรีคาถา เผยแพร่แก่ชาวยุโรป ดร.ปอล ดาห์ลเก (Paul Dahlke) ผูท้ ่ีอนาคาริก ธรรมปาละ กล่าวยกย่องว่า รักษาศีล ๕ เคร่งครัด ไม่ยอมให้ด่างพรอ้ ย ปฏิบัติหน้าท่ีไม่ บกพร่อง เป็ นนักมังสวิรตั ิ ไม่ดื่มสุราเมรยั ยากนักหนาที่จะหาชาวพุทธที่ดีไปกว่า ดร.ปอล ดาหล์ เก นอกจาน้ ีก็มี วิลเฮลม์ ไกเกอร์ (Wilhelm Geiger) ผูจ้ ดั ทาคัมภีร์ และแปลคัมภีร์มหาวงศ์ ซ่ึงถือว่าเป็ นผลงานช้ันยอดเย่ียมของนิรุกติศาสตร์เชิง วิพากษ์ โดยพิมพเ์ ผยแพร่ระหวา่ งปี พ.ศ.๒๔๕๑ - ๒๔๗๓ และนางมายา เกลเลอร์ กริมม์ (Maya Keller Grimm) ผูแ้ ต่งหนังสือปุจฉา-วิสัชนาเรื่องพระพุทธศาสนา นางเป็ นผูศ้ รทั ธาลึกซ้ ึงต่อพระพุทธศาสนามาต้ังแต่เยาวว์ ยั น้าตาของนางจะไหล อาบแกม้ ทุกคร้งั เม่ือไดอ้ ่านมหาปรินิพพานสูตร เพราะอาลัยรกั ในพระสัมมาสัม พทุ ธเจา้ สาหรบั พระพุทธศาสนามหายานในเยอรมนี เริ่มตน้ จากนิกายเซน หลงั จาก ที่ ดร.ดี ที ซูสุกิ ทาใหเ้ ซนเป็ นท่ีรูจ้ ักของชาวตะวันตกแลว้ ในประเทศเยอรมนี ศาสตราจารย์ยูเจ็น เฮอริ-เก็ล (Eugen Herrigel) ก็ท าให้ชาวเยอรมันและ ชาวตะวนั ตกรูจ้ กั เซนมากข้ ึนผ่านงานเขียนช้ ินสาคญั ชื่อ Zen in the Art of Archery

๑๘๑ ซ่ึงเป็ นหนังสือที่ไดร้ บั ความนิยมมากติดอนั ดบั bestseller ติดต่อกนั นานกวา่ ๔๐ ปี หนังสือเล่มน้ ีเร่ิมตน้ จากเม่ือคร้งั ที่ ยูเจ็น เฮอริเก็ลไปสอนวิชาปรัชญาที่ประเทศ ญ่ีป่ ุนเป็ นเวลา ๖ ปี ในปี พ.ศ.๒๔๖๗ - ๒๔๗๒ ในระหวา่ งน้ันเขาไดศ้ ึกษาและฝึก ปฏิบัติพระพุทธศาสนานิกายเซนไปดว้ ย เมื่อเขากลับมาเยอรมนีแลว้ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ไดเ้ ขียนถ่ายทอดความรูเ้ ร่ืองเซนตีพิมพ์ในวารสารฉบับหน่ึงของเยอรมัน ภายหลังไดจ้ ดั ทาเป็ นหนังสือและแปลเป็ นภาษาต่างๆ ใน พ.ศ.๒๔๙๖ ต้งั แต่น้ันมา ชาวเยอรมันจึงรูจ้ กั เซนเพ่ิมมากข้ ึน โดยเฉพาะในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๓ - ๒๕๑๓ พระพทุ ธศาสนาแบบเซนเป็ นที่สนใจศึกษาและฝึกปฏิบตั ิกนั มากในเยอรมนี ในช่วงที่เซนกาลังไดร้ บั ความนิยมจากชาวเยอรมัน กลุ่มโซกะ กัคไค ของ นิกายนิชิเร็นจากญี่ป่ ุนก็เริ่มเขา้ ไปเผยแผ่ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ หลงั สงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ ประมาณ ๘ ปี โดยกลุ่มชาวญี่ป่ ุนท่ีเดินทางไปทางานที่นัน่ ผูบ้ ุกเบิกเหล่าน้ ีทางาน อย่างเขม้ แข็งต่อสูก้ ับวฒั นธรรมและศาสนาพ้ ืนเมือง ในปัจจุบันมีสมาชิกเพ่ิมข้ ึน เป็ นจานวนมาก ส่วนพระพุทธศาสนาทิเบตน้ันเป็ นท่ีนิยมกันอย่างแพร่หลายของ ชาวเยอรมันต้ังแต่ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๒๓-๒๕๓๓ มีศูนยก์ ระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Diamond Way ของนิกายการจ์ ู (Kagyu) ปัจจุบันมีอยูถ่ ึง ๑๒๖ ศูนย์/กลุ่ม และยังมีนิ กายอื่นๆ อีกจานวนมาก เม่ือวันที่ ๒๘ - ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ องค์ทะไล ลามะ ไดเ้ ดินทางไปบาเพ็ญศาสนกิจท่ีประเทศ เยอรมนี เวลาท่ีพระองค์ไปเยือนแต่ละเมือง มีประชาชนในเยอรมนีมาตอ้ นรบั และ ฟังปาฐกถาธรรมกันลน้ หลาม เช่น เมืองเบอร์ลิน มีผูศ้ รัทธามาตอ้ นรบั และฟัง ธรรมถึง ๑๘,๐๐๐ คน และเมืองมวิ นิกอีก ๑๐,๐๐๐ คน เป็ นตน้ ๓) ประเทศรสั เซีย ประเทศรัสเซียมีช่ืออย่างเป็ นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation) เป็ นหนึ่งใน ๑๕ ประเทศที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตเมื่อคร้งั ท่ี การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ล่มสลายในปี พ.ศ.๒๕๓๔ รสั เซียเป็ นประเทศท่ี ใหญ่ท่ีสุดในโลก แบ่งการปกครองเป็ น ๗ เขต ประกอบดว้ ย เขตสหพนั ธ์กลาง เขต สหพนั ธใ์ ต้ เขตสหพนั ธต์ ะวนั ตกเฉียงเหนือ เขตสหพนั ธต์ ะวนั ออกไกล เขตสหพนั ธ์ ไซบีเรีย เขตสหพนั ธ์อูรลั ส์และเขตสหพนั ธ์วอลกา ประชากรในประเทศมีประมาณ ๑๔๒,๘๙๓,๕๔๐ คน (พ.ศ.๒๕๔๙) ส่วนใหญน่ ับถือศาสนาคริสตแ์ ละอิสลาม

๑๘๒ ส่วนพุทธศาสนิ กชนมีประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ คน คิดเป็ น ๐.๕% ของ ประชากรท้ังหมด โดยมากเป็ นนิกายวชั รยานจากทิเบต พระพุทธศาสนาเขา้ สู่เขต ไซบีเรียคร้งั แรก เม่ือพระเจา้ อโศกมหาราชส่งสมณทูตออกประกาศพระศาสนา ซึ่ง อยู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๗๖-๓๑๒ อย่างไรก็ตาม จากผลงานวิจัยของนักธรณีวิทยา สหภาพโซเวียต ไดใ้ หข้ อ้ พิสูจน์อยา่ งชดั เจนวา่ ความสมั พนั ธท์ างวฒั นธรรมระหวา่ ง ประชาชนในเอเชียกลางกับอินเดียมีสายสัมพันธ์สืบต่อกันมานับจากยุคโมเฮน โจ ดาโร และฮารปั ปา วรรณกรรมรสั เซียท้งั หลายจะพรรณนาขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรมของอินเดีย ภาพลักษณ์ประเทศอินเดียในสายตาของชาวรัสเซียก็คือ ดินแดนท่ีมงั่ คงั่ ประชาชนฉลาด อจั ฉรยิ ะ มสี ิ่งประหลาดอศั จรรยเ์ หลือคณนา... หลังจากยุคพระเจา้ อโศกมหาราชแลว้ พระพุทธศาสนาเขา้ ไปสู่ประเทศ รสั เซียคร้งั สาคญั อีกคร้งั หนึ่งในปี พ.ศ.๑๗๖๖ ในสมยั ท่ีรสั เซียตกอยู่ใตอ้ านาจการ ปกครองของเจงกิสข่านแห่งมองโกล ปกติชาวมองโกเลียจะนับถือศาสนาพุทธ และ ลทั ธิ \"เต็งกรี\" หรือลัทธิบูชาเทพ แต่เจงกิสข่านก็ใหเ้ สรีภาพในการนับถือศาสนา ในพระบรมราชวงศ์ของพระองค์มีผูน้ ับถือศาสนา เกือบทุกศาสนา และในกลาง ศตวรรษท่ี ๑๗ หรือประมาณ พ.ศ.๒๑๙๓ ลามะจากมองโกล และทิเบตไดเ้ ผยแผ่ พระพุทธศาสนาเขา้ ไปยงั ดินแดนชายฝั่งตะวนั ออกของทะสาบไบคาล (Baikal) ตอน ใตข้ องสหพันธ์ไซบีเรีย ในเวลาไม่นานประชาชนในถิ่นใกล้เคียงคือตูวา(Tuva) และบูเรีย-ตียา (Buryatia) ก็ไดห้ ันมานับถือพระพุทธศาสนา สมาคมและวัดถูก สรา้ งข้ ึนหลายแหง่ นอกจากน้ ี ชาวจีนจานวนหน่ึงไดอ้ พยพเขา้ ไปอาศยั อยูท่ ี่คลั มียคี ยา (Kalmykia) ทางตอนใตข้ องไซบีเรีย ชาวจีนเหล่าน้ ีไดน้ าพระพุทธศาสนาเขา้ มา ดว้ ย พระพุทธศาสนาค่อยๆ เจริญสืบเน่ืองกนั มาเร่ือยๆ จนกระทงั่ ปี พ.ศ.๒๓๔๗ ไดม้ ีการจัดต้ังคณะภาษาตะวนั ออกข้ ึนในมหาวิทยาลัยมอสโคว์ มหาวิทยาลัยกา ซาน มหาวิทยาลัย-ขารก์ อฟ อธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยขารก์ อฟ คือ ไอ. ริซสก้ ี (I.Rizhsky) เขาใหค้ วามสาคัญกับภาษาสันสกฤตมาก ซึ่งเป็ นภาษาหน่ึงที่ บนั ทึกคมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนาแห่งแดนตะวนั ออก เอส.ยูวารอฟ (S.Uvarov) ประธาน The Academy of Science กล่าวพรรณนาความสาคัญของดินแดนตะวนั ออกไวว้ า่ เป็ นแหล่งกาเนิดวฒั นธรรมโลก ศาสนาทุกศาสนา ศาสตรท์ ุกศาสตร์ ปรชั ญาทุก

๑๘๓ ลทั ธิ ทวปี เอเชยี เท่าน้ันไดพ้ ิทกั ษ์ไวซ้ ึ่งของขวญั มหศั จรรยแ์ หง่ การผลิตปรากฏการณ์ ทางศีลธรรมอนั ยงิ่ ใหญ่ การศึกษาปรัชญาตะวนั ออกค่อยๆ ดาเนินสืบต่อมาเรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๑๗ อิแวน มินาเยฟ (Ivan Minayev) ผูไ้ ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็ นบิดาแห่งสถาบนั รสั เซียตะวนั ออกคดีและพระพุทธศาสนาศึกษา ไดเ้ ดินทางไปศรีลงั กา อินเดีย และ เนปาล เพื่อศึกษาศาสนาต่างๆ ทางตะวนั ออก อันไดแ้ ก่ พระพุทธศาสนา ศาสนา เชน และศาสนาฮินดู บันทึกการเดินทางของเขาไดร้ ับการพิมพ์เผยแพร่ใหช้ าว รัสเซียศึกษาในหนังสือช่ือ Studies of Ceylon and India From the Travel Notes of a Russian ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๒๑ อิแวน มินาเยฟ ไดเ้ ดินทางไปประเทศพม่า ซ่ึง เป็ นดินแดนที่พระพุทธศาสนายังมีชีวิตอยู่ เขาพบว่า คัมภีร์ทรงคุณค่าของ พระพุทธศาสนา ไดถ้ ูกละเลยทอดท้ ิงไวใ้ นวดั วาอาราม ในหอ้ งสมุด ในบา้ น... เขา รวบรวมคัมภีรม์ ากหลายกลับไปรสั เซีย เรื่องท่ีทาใหเ้ ขาตื่นตระหนกขณะท่ีอยู่ใน พม่าคือ มิไดม้ ีการศึกษาคัมภีรพ์ ระพุทธศาสนาในพม่าเลย ความฉลาดอัจฉริยะ รอบรใู้ นภาษาบาลีของเขา ทาใหน้ ักปราชญแ์ ละภิกษุชาวพมา่ รวมท้งั ชาวองั กฤษ พา กนั ต่ืนเตน้ และประหลาดใจมาก การศึกษาอินเดียคดีศึกษาและพระพุทธศาสนาในรสั เซียยุคอิแวน มินาเยฟ จึงถือว่ารุ่งโรจน์มาก และไดร้ บั การพัฒนาถึงข้ันสูงสุดในยุคไฟโอดอร์ สเชอบาร์ท สกอย (Fyodor Scherbatskoy) ซ่ึงเป็ นศิษยข์ องเขา งานของปราชญผ์ นู้ ้ ีไดร้ บั การยก ย่องว่าเป็ นยุคพุทธศาสตร์โลก วรรณกรรมของเขาไดร้ ับการจัดพิมพ์ในประเทศ ต่างๆ คร้งั แลว้ คร้งั เล่าอย่างต่อเนื่อง ไฟโอดอร์ สเชอบารท์ สกอยมีความสนใจใน ตรรกวทิ ยาในพระพุทธศาสนามาก จึงเขียนหนังสือชื่อ Theory of Knowledge and Logic According to Later Buddhists ข้ ึนพิมพเ์ ผยแพรใ่ นปี พ.ศ.๒๔๔๖ หนังสือเล่ม น้ ีทาใหเ้ ขาเป็ นที่รจู้ กั กนั ในระดบั นานาชาติ ไมก่ ่ีปี ต่อมา การเมืองในรสั เซยี ก็เปลี่ยนแปลงครง้ั ใหญ่ คือ ในปี พ.ศ.๒๔๖๐ พรรคบอลเชวิค นาโดย วลาดีมีร์ เลนิน ทาการปฏิวตั ิลม้ ลา้ งระบบกษัตริย์ ซึ่งคร้งั น้ันอยู่ในยุคของพระเจา้ ซารน์ ิโคลัสท่ี ๒ เลนินไดจ้ ดั ต้ังรฐั บาลคอมมิวนิสตข์ ้ ึน ผล จากการปฏวิ ตั ิกระทบต่อพระพุทธศาสนาอยา่ งมาก วดั และสมาคมต่างๆ ตอ้ งปิ ดตวั ลง หน่วยทหารได้ต้ังที่ทาการอยู่ในเขตวัด พุทธสถานต่างๆ ชารุดทรุดโทรม

๑๘๔ พระพุทธรูปและคัมภีรท์ างพระพุทธศาสนาถูกทาลาย เหล่าทหารคอมมิวนิสตฉ์ ีก กระดาษจากคมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนา ซึ่งบนั ทึกคาสอนของพระสมั มาสัมพุทธเจา้ มา มว้ นทาเป็ นมวนบุหรีแ่ ลว้ จุดสูบ สถานการณพ์ ระพุทธศาสนาในชว่ งน้ ีจึงระสา่ ระสายมาก แต่เมื่อพน้ จากชว่ ง ปฏิวตั ิไปแลว้ ก็เร่ิมดีข้ ึน ในปี พ.ศ.๒๔๖๑ เซอรจ์ ี โอลเดนเบอรก์ ปราชญ์ระดบั แนว หนา้ ดา้ นพระพทุ ธศาสนา ศิษยอ์ ีกคนหนึ่งของอิแวน มินาเยฟ ไดเ้ ขา้ พบวลาดีมีร์ เล นิน ผลจากการเขา้ พบคร้งั น้ัน เลนิน อนุญาตใหเ้ ขาจดั ต้ังกรมประวตั ิศาสตร์และ นิรุกติศาสตรข์ ้ ึนอยา่ งเป็ นทางการ จึงทาใหก้ ารคน้ ควา้ พระพุทธศาสนาทาไดอ้ ยา่ ง สะดวกและไดพ้ ัฒนาใหก้ า้ วหน้าไปมาก ท่ีสาคัญในเดือนสิงหาคมปี พ.ศ.๒๔๖๒ ประเทศรสั เซยี ไดจ้ ดั งานมหกรรมมรดกพระพุทธศาสนาที่ยงิ่ ใหญท่ ี่สุดของโลกข้ ึน ณ นครเปโตกราด ในงานมีการแสดงพุทธศิลป์ คัมภีรท์ างพระพุทธศาสนา และวิถี ชีวิตประจาวันของประชาชนในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา เช่น จีน ญ่ีป่ ุน ทิเบต มองโกเลีย ศรีลงั กา กล่าวไดว้ า่ ทุกประเทศในโลกแมป้ ระเทศไทยเราเองก็ไม่ เคยจดั งานมหกรรมพระพุทธศาสนาเช่นน้ ีมาก่อน ในงานปราชญ์คนสาคัญหลาย ท่านไดแ้ สดงปาฐกถาธรรมดว้ ย เชน่ เซอรจ์ ี โอลเดนเบอรก์ ปาฐกถาเร่อื ง พระพุทธ ประวตั ิพระบรมครแู หง่ ชวี ติ เป็ นตน้ วลาดีมีร์ เลนิน เสียชีวติ ในปี พ.ศ.๒๔๖๖ จากน้ัน โจเซฟ สตาลิน ไดส้ ืบทอด ตาแหน่ งประธานพรรคคอมมิวนิ สต์แทน ในยุคของสตาลินสถานการณ์ พระพุทธศาสนาและศาสนาตา่ งๆ เริ่มตึงเครียดอีกครง้ั ในปี พ.ศ.๒๔๗๓ วดั ท้งั หมด ในประเทศถูกสัง่ ปิ ด พระลามะประมาณ ๑,๐๐๐ รูป ไดร้ ับการกลัน่ แกลง้ จาก รฐั บาล สตาลินนาระบบคอมมูนมาใชป้ กครองประเทศ คือ หา้ มทุกคนมีทรพั ยส์ ิน ส่วนตัว ทุกอย่างรวมท้ังตัวบุคคลเป็ นของพรรคคอมมิวนิสต์ ยุคน้ันมีคนอดตาย หลายลา้ นคนโดยเฉพาะในยูเครนตายถึง ๕ ลา้ นคน ท้ังน้ ีเป็ นเพราะการใชร้ ะบบ รวมผลผลิต ที่สตาลินเชื่อว่าจะทาให้เศรษฐกิจดีกว่าที่เคยเป็ นมา ผูท้ ่ีต่อต้าน นโยบายจะถูกส่งไปค่ายกักกันและเสียชีวิตราว ๑๐ ลา้ นคน สตาลินแกป้ ัญหาผูม้ ี ความเห็นขัดแยง้ ดว้ ยความตาย เขากล่าววา่ \"ความตายแกป้ ัญหาไดห้ มด เม่ือไม่มี คนก็ไม่มีปัญหา\" ต่อมาเมื่อรสั เซียเขา้ สู่สนามแห่งสงครามโลกคร้งั ที่ ๒ ในปี พ.ศ.

๑๘๕ ๒๔๘๔-๒๔๘๘ สหภาพโซเวยี ตชนะสงคราม โดยแลกกบั ชีวติ ประชาชน ๒๐ ลา้ นคน และชวี ติ ทหารอีก ๑๐ ลา้ นคน ยุคน้ ีจงึ ถือเป็ นยคุ มืดของชาวโซเวียต ช่วงระยะเวลาประมาณ ๖๒ ปี นับต้ังแต่ยุคโจเซฟ สตาลิน เป็ นต้นไป ศาสนาต่างๆ ไดร้ บั การกดดันจากพรรคคอมมิวนิสต์อย่างหนัก โดยเฉพาะศาสนา เทวนิยมคือคริสตศ์ าสนาและศาสนาอิสลามซ่ึงสอนใหศ้ รทั ธาในพระเจา้ รฐั ตอ้ งการ แทนที่พระเจา้ ด้วยวิทยาศาสตร์อันเป็ นศาสตร์ที่ว่าด้วยเหตุผล ถึงแม้พรรค คอมมิวนิสต์จะไม่ไดใ้ ชเ้ หตุผลในการปกครองก็ตาม ในช่วงน้ันวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งสหภาพโซเวียตกาลังเจริญรุ่งเรือง โซเวียตเป็ นชาติแรกท่ีประสบ ความสาเรจ็ ในการสง่ ดาวเทียมข้ ึนไปโคจรในอวกาศ ซ่งึ ก็คือดาวเทียมสปุตนิค ๑ ถูก ส่งข้ ึนไปในวนั ที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๐ ดว้ ยความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตรแ์ ละแรง กดดนั จากรฐั ที่มีต่อศาสนา ส่งผลใหช้ าวรสั เซียกลายเป็ นผูไ้ ม่มีศาสนาและไมเ่ ชื่อใน เร่ืองพระเจา้ เพิ่มมากข้ ึนเร่ือยๆ และยังส่งผลมาถึงยุคปัจจุบัน แมจ้ ะผ่านยุคการ ปกครองดว้ ยระบอบคอมมิวนิสตม์ าแลว้ จากการสารวจใน พ.ศ.๒๕๔๕ พบวา่ มีชาว รสั เซียประมาณ ๓๒% ท่ีไมม่ ีศาสนาและไมเ่ ชอื่ เรื่องการมีอยขู่ องพระเจา้ เสรีภาพทางศาสนาหวนคืนมาอีกคร้งั ในยุคของมิฮาอิล กอรบ์ าชอฟ คือ ต้งั แต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็ นตน้ ไป กิจการทางพระศาสนาเริ่มกลบั มาเจริญรุ่งเรืองอีก หลังจากที่ซบเซาไปหลายสิบปี รัฐบาลสหภาพโซเวียตประกาศใชก้ ฎหมายวา่ ดว้ ย สิทธิเสรีภาพอย่างเป็ นทางการในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ กฎหมายน้ ีอนุญาตใหป้ ระชาชน เลือกนับถือศาสนาและปฏิบตั ิกิจกรรมทางศาสนาไดอ้ ย่างเสรี ในยุคกอรบ์ าชอฟน้ ี ไดเ้ กิดการเปล่ียนแปลงทางการเมืองคร้งั สาคัญข้ ึนอีกคร้งั คือในปี พ.ศ.๒๕๓๔ มิ ฮาอิล กอรบ์ าชอฟไดป้ ระกาศยกเลิกพรรคคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียตจึงล่มสลาย สาธารณรัฐต่างๆ ท้ัง ๑๕ สาธารณรฐั แยกตัวเป็ นอิสระ ศูนยก์ ลางของสหภาพโซ เวียตน้ั นได้เปล่ียนช่ือใหม่เป็ นสหพันธรัฐรัสเซีย ในยุคน้ ี พระพุทธศาสนา เจริญรุ่งเรืองข้ ึนมาก จากการสารวจพุทธศาสนิกชนในปี พ.ศ.๒๕๓๔ พบวา่ มีชาว พทุ ธอยปู่ ระมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คน มีศนู ยพ์ ระพุทธศาสนา อยู่ ๔๓๒ ศูนย์ มีวดั อยู่ ๑๖ วดั มีลามะประมาณ ๗๐ รูป ชาวพุทธโดยส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ในแถบไซบีเรียและ เมืองเลนิ นกราด พุทธศาสนิ กชนเหล่าน้ ี ได้ช่วยกันเผยแผ่สืบทอดอายุของ พระพุทธศาสนาใหส้ ืบเนื่องเรอื่ ยมาตราบกระทงั่ ปัจจุบนั

๑๘๖ ๔) ประเทศฝรงั ่ เศส ประเทศฝรัง่ เศส (France) มีช่ืออย่างเป็ นทางการว่า สาธารณรัฐฝรงั่ เศส (French Republic) มีประชากรประมาณ ๖๑,๐๔๔,๖๘๔ คน (พ.ศ.๒๕๔๙) จาก สารวจในปี พ.ศ.๒๕๔๖ พบวา่ ชาวฝรงั่ เศสประมาณ ๖๒% นับถือศาสนาคริสต์ และ ๒๖% ไม่มศี าสนา (no religion) นอกจากน้ ีมีชาวฝรงั่ เศสอยถู่ ึง ๗๔% ท่ีไม่เชื่อ เร่ืองพระเจ้า (atheists, unlikely) และ Gallup International รายงานว่า มีชาว ฝรงั่ เศสเพียง ๑๕% เท่าน้ัน ที่เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาเป็ นประจา การนับถือ ศาสนาจึงเป็ นเพียงในนามเสียเป็ นส่วนใหญ่ขาดการปฏิบัติตามหลักศาสนา ส่วน พระพุทธศาสนาน้ันปัจจุบันมีอยู่ประมาณ ๓๓๔ ศูนย์ บา้ งก็เป็ นวดั บา้ งเป็ นศูนย์ ปฏิบตั ิธรรม นัง่ สมาธิ และศูนยก์ ิจกรรมทางพระพุทธศาสนาต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็ น นิกายมหายานโดยเฉพาะสายทิเบตและเซน พระพุทธศาสนาในฝรงั่ เศสเริ่มตน้ โดย ยูยิน เบอร์นูฟ (Eugene Bernouf) นักเขียนวรรณกรรมตะวนั ออกคนสาคญั ของฝรงั่ เศส ยูยิน เบอรน์ ูฟเขียนและพิมพ์ เผยแพรห่ นังสือพระพุทธศาสนาชื่อ Essai sur le Pali ในปี พ.ศ.๒๓๖๙ อาจกล่าวได้ วา่ ยูยิน เบอรน์ ูฟ เป็ นบิดาแห่งพระพุทธศาสนาคดีศึกษาในทวีปยุโรป ท้ังน้ ีเพราะ ก่อนหน้าน้ ี ภาษาบาลีไม่มีใครในตะวนั ตกรูจ้ กั และเขา้ ใจวา่ เป็ นภาษาอะไร สาคัญ อย่างไร ยูยิน เบอร์นู ฟ ได้ศึกษาคัมภีร์พระพุทธศาสนาท่ี บี.เอช.ฮอดสัน (B.H.Hodgson) ขณะดารงตาแหน่ง British Resident-General ในประเทศเนปาล หนังสือพระพุทธศาสนานิกายมหายานของยยู ิน เบอรน์ ูฟ เล่มท่ีชาวยุโรปรูจ้ กั กนั ดี ที่สุดคือ หนังสือประวตั ิศาสนาพระพุทธศาสนาในอินเดีย (Introduction a Historie du Buddhisme Indien) ซึ่งพิมพเ์ ผยแพรใ่ นปี พ.ศ.๒๓๘๗ นอกจากฝรงั่ เศสจะมีนักปรชั ญาศาสนาแลว้ ยงั มีนักศึกษาพุทธศิลป์ ที่สาคญั ที่สุดอยู่ท่านหน่ึ งคือ เอ.ฟูเชอร์(A.Foucher) บุคคลผู้น้ ี เขียนหนังสือพุทธศิลป์ เผยแพร่ถึง ๗ เล่ม หนังสือเล่มท่ี ๑ พิมพ์ในกรุงปารีส ปี พ.ศ.๒๔๓๙ ช่ือ Les Scenes Figureers de la legende de Bouddha หลังจากน้ันในปี พ.ศ.๒๔๔๘ เขา เขียนหนังสือพุทธศิลป์ สมัยคุปตะ ช่ือ Lart grecobouddhique du Gandhara และ

๑๘๗ ในปี พ.ศ.๒๔๖๐ เอ.ฟูเชอร์ พิมพ์หนังสือช่ือ The Beginnings of Buddhist Art and Other Essays ณ กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ พุทธศาสนิ กชนชาวฝรัง่ เศสที่มีชื่อเสียงมากในอดีตคือ อเล็กซานดรา เดวิด-นีล (Alexandra David neel) ผูม้ ีจิตใจเด็ดเดี่ยว อดทน ไม่ย่นย่อต่อความ ยากลาบากใดๆ ใชช้ ีวิตอยู่ในทิเบตนานปี แต่งกายแบบชาวทิเบต รับประทาน อาหารทิเบต ดารงชีวติ เรียบง่ายแบบชาวทิเบต จนเป็ นผูเ้ ช่ียวชาญภาษาทิเบตและ พระพุทธศาสนาทิเบต เธอกล่าวว่า ถา้ หากว่า สตรีเพศมิใช่เพศตอ้ งหา้ มสาหรับ สมณเพศของทิเบตแลว้ ขา้ พเจา้ คงบวชเป็ นสมณะ ปฏิบัติธรรมในวัดทิเบตได้ สมบูรณ์แบบแน่นอน เธอเขียนหนังสือพระพุทธศาสนาเผยแพร่ ๑๕ เล่ม เป็ นภาษา ฝรัง่ เศส ๑๐ เล่ม ภาษาเยอรมัน ๕ เล่ม เช่น หนังสือ Buddhism, Its Doctrines and Methods, ห นั งสื อ My Journey to Lhasa, With Mystics and Magicians, หนังสือ Tibetan Journey เป็ นตน้ หนังสือทุกเล่มของอเล็กซานดรา เดวิด-นีล ไดร้ บั การแปลเป็ นภาษาโปแลนด์ สวเี ดน เชกโก-สโลวาเกีย และภาษาสเปน อเล็กซานดรา เดวิด-นี ล เขียนบทความเร่ือง Buddhism and Social Problems ลงพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Buddhist Review ที่กรุงลอนดอน ฉบับ ประจาเดือนกรกฎาคม-กันยายน พ.ศ.๒๔๕๓ มีใจความตอนหน่ึงว่า \"จงเชื่อใน ความเชื่อท่ีวา่ ตัวท่านตอ้ งยอมรบั ในส่ิงท่ีเป็ นจริงและมีเหตุผลถูกตอ้ ง...จงอย่าเช่ือ สิ่งใดท่ีเป็ นอานาจของคนอ่ืน...การกระทาท่ีมีผลคือการกระทาที่ท่านไดว้ ิเคราะห์ ถูกตอ้ งแลว้ และไดป้ รากฏชดั ว่า สามารถปฏิบัติไดต้ ามหลกั เหตุผล นาไปสู่ สวสั ดิ ภาพของตนเองและคนอ่ืน...ท่านจงเป็ นประทีปใหแ้ กต่ นเองเถิด (และ) พระพุทธเจา้ ตรสั สงั่ สอนวา่ ขอท่านท้งั หลาย จงท่องเท่ียวไปเพอ่ื ประโยชน์เก้ ือกูล เพ่อื ความสุขแก่ มหาชนดว้ ยจิตเมตตาเถิด...พระบรมครูของเราตรสั ไวด้ งั น้ ี..ชดั เจนยงิ่ นัก ไมต่ อ้ งมวั เสียเวลาอภิปรายความหมายของพระดารสั น้ ีอีกต่อไป จงไปเถิด ไปเพื่อประโยชน์ และเพ่ือความสุขของมหาชน...\" ในปี พ.ศ.๒๔๗๒ นางสาวคอนสแตนท์ เลารเ์ บอร่ี (Constant Lounsbery) นางพยาบาล ชาวอเมริกนั ไดจ้ ดั ต้งั พุทธสมาคมฝรงั่ เศส (Les Amis du Buddhisme) สมาคมน้ ีเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาท พลังจูงใจสาคัญท่ีผลักดันใหเ้ ธอต้ังพุทธ สมาคมฝรงั่ เศสข้ ึนก็คือ เธอได้ พบความทุกขย์ ากของคนไขจ้ ึงทาใหเ้ ธอสนใจศึกษา

๑๘๘ พระพุทธศาสนาจากคมั ภีรภ์ าษาบาลีและปฏิบตั ิสมาธิทุกวนั วนั ละหลายชวั่ โมง เผย แผ่พระพุทธศาสนาด้วยการสอนในช้ันเรียน บรรยาย เขียนบทความและเขียน หนังสือ เช่น หนังสือ Buddhist Meditation เป็ นหนังสือท่ีแพร่หลายมากในยุโรป และอเมริกา พุทธสมาคมฝรั่งเศสได้ออกวารสารรายปั กษ์ ช่ือ La Pensee Buddhique แต่เป็ นท่ีน่าเสียใจย่ิงนักท่ีพุทธสมาคมฝรงั่ เศสไดย้ ุติกิจการลงในเดือน ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ นอกจากน้ ี ยังมีปราชญ์ชาวพุทธฝรัง่ เศสอีกหลายท่านที่อุทิศตนในงาน พระพุทธศาสนา เช่น ซิล เวียน เลวี (Sylvain Lavi) กล่าวได้ว่า ในอาณาจักร การศึกษาพระพุทธศาสนามหายานน้ัน เขาไม่เป็ นสองรองใคร มีความรูล้ ึกซ้ ึงใน ภาษาจีน ทิเบต และภาษา Kuchean ซิลเวียน เลวี ไดจ้ ดั ทาคมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนา ไวห้ ลายคัมภีร์ เช่น คัมภีร์ธรรมบท และคัมภีร์ษฏปัญจาศติกะสโตตระ (พ.ศ. ๒๓๕๕) หนังสือ Le Nepal (พ.ศ.๒๔๕๐) เป็ นต้น หลุยส์ เดอ ลา วัลลี ปุสซิน (Louis De La Vallee Poussin) ศิษยข์ องซิลเวียน เลวี เป็ นปราชญ์คนสาคัญอีกคน หนึ่งใน พระพุทธศาสนามหายาน ไดจ้ ดั ทาคมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนามหายานหลาย คัมภีร์ เช่น ปัญจกรรม (พ.ศ.๒๔๓๙) ปรสันนปทา (พ.ศ.๒๔๔๖ - ๒๔๕๖) มหา นิเทศ (พ.ศ.๒๔๕๙-๒๔๖๐) เป็ นตน้ ในประเทศฝรัง่ เศสน้ันไม่มีความตายของ หนั งสื อเก่ี ยวกับพระพุ ท ธศาสน า เพราะมี การค้น คว้าอย่างต่ อเนื่ อง สถาบันการศึกษาระดับแนวหน้าท้ังหลายของประเทศฝรงั่ เศส เช่น มหาวิทยาลัย ซอรบ์ อนน์ ยอมจ่ายเงินมหาศาลในการวิจยั พระพุทธศาสนา ส่งผลใหช้ าวฝรงั่ เศส สนใจพระพุทธศาสนามากข้ ึนเรอื่ ยๆ ปัจจุบันผูท้ ี่มีชื่อเสียงมากในฝรัง่ เศสและในตะวันตกคือ ติช นัท ฮันห์ (Thich Nhat Hanh) พระภิกษุนิกายเซนชาวเวียดนาม ซ่ึงปักหลกั เผยแผ่พุทธธรรม อยู่ ณ หมู่บา้ นพลมั (Plum Village) ทางตอนใตข้ องประเทศฝรงั่ เศส ท่านอุทิศชีวิต เพื่อส่งเสริมแนวคิดความเมตตากรุณาและการไม่ใชค้ วามรุนแรง ประยุกต์พุทธ ศาสนาเพอื่ รบั ใชส้ งั คมจนไดร้ บั การขนานนามวา่ เป็ น \"บิดาแหง่ พระพทุ ธศาสนาเพ่ือ สงั คม\" (Engaged Buddhism) ท่านเขียนหนังสือมากกวา่ ๑๐๐ เล่ม ตีพิมพเ์ ผยแพร่ ไปทั่วโลกกว่า ๑,๕ ๐๐,๐๐๐ เล่ ม เจมส์ ชาฮี น บรรณ าธิ การนิ ตยสาร พระพุทธศาสนา ชื่อ ไตรไซเคิล (Tricycle) กล่าวว่า ในประเทศตะวนั ตก ท่านคือ

๑๘๙ สญั ลกั ษณ์ ผมไมค่ ิดวา่ จะมีพุทธศาสนิกชนในโลกตะวนั ตกคนไหนท่ีไม่รูจ้ กั ติช นัท ฮนั ห์ ท่านติช นัท ฮนั ห์ สรา้ งสถานที่ปฏิบัติธรรมคือหมู่บา้ นพลัมข้ ึนในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ปัจจุบนั มีพระภิกษุอาศยั อยปู่ ระมาณ ๑๕๐ รปู นอกจากน้ ียงั มีแมช่ ีและผูร้ กั ในการปฏิบตั ิธรรมพกั อยู่จานวนมาก ในชว่ งภาคฤดูรอ้ นของแต่ละปี จะจดั โครงการ ปฏิบัติธรรม มีผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการประมาณ ๑,๐๐๐ คน เป็ นชาวเวียดนามประมาณ ๕๐๐ คน และชาวตะวนั ตกอีกประมาณ ๕๐๐ คน นอกจากน้ ียงั ไดข้ ยายสาขาออกไป มากมายทวั่ ตะวนั ตก ความโดดเด่นในคาสอนและท่วงทานองการเขียนหนังสือของท่านติช นัท ฮนั ห์ อยู่ท่ีการทาใหป้ ระจกั ษ์วา่ การปฏิบตั ิธรรมสามารถกระทาไดใ้ นทุกขณะเวลา ไมจ่ าเป็ นวา่ ตอ้ งไปที่วดั หรอื แสวงหาสถานท่ีเพ่ือสรา้ งความสงบภายใน การอธิบาย ธรรมะของท่านเขา้ ใจงา่ ยเหมาะสม กบั ยุคสมยั เช่น เร่ืองศีล ๕ ท่านมีความเห็นวา่ ศีล ๕ เป็ นของเก่าแก่มาก พวกเรารูส้ ึกว่า มันควรได้รับการพูดเสียใหม่ ใน ความหมายท่ีเขา้ ใจไดง้ ่ายข้ ึนสาหรบั คนในปัจจุบัน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงกบั คนหนุ่ม สาวในตะวันตก ถ้าคุณบอกว่า \"อย่าทาอย่างน้ัน อย่าทาอย่างน้ ี\" ผูค้ นก็ไม่ชอบ เพราะเขารูส้ ึกว่ากาลังถูกบงั คับ การถือศีลก็คือการปกปักษ์รกั ษาตัวคุณเอง คนท่ี คุณรกั และสังคม นี่คือเหตุผลวา่ ทาไม ความกรุณาจึงเป็ นศีลขอ้ แรกที่เขา้ มาแทน การหา้ มเขน่ ฆา่ และศีลอีก ๔ ขอ้ ก็เป็ นไปในลกั ษณะเดียวกนั นอกจากน้ ี ท่านยงั เห็นว่าผูค้ นท้ังหลายท่ีมีความทุกข์ ก็เพราะเขาเขา้ ไป เกี่ยวขอ้ งกับมิติดา้ นลบ กับสิ่งที่ผิดพลาดมากเกินไป พวกเขาไม่ไดส้ ัมผัสสิ่งท่ีไม่ ผิดพลาดอยา่ งเพียงพอ ท่านยกตวั อย่างคนที่มีความทุกขเ์ พราะเจ็บป่ วยวา่ ใหม้ อง เขา้ ไปในตวั ของผูป้ ่ วยและคน้ หาสิ่งท่ีดีๆ โดยการสมั ผสั ส่ิงเหล่าน้ันและทาใหม้ นั เบ่ง บานข้ ึนมา ต่ืนข้ ึนมาในตอนเชา้ คุณสามารถระลึกรูว้ า่ ฉันมีชีวติ อยู่ และมีเวลา ๒๔ ชวั่ โมงเพื่อใชช้ ีวติ เพื่อเรียนรู้ มองสรรพชีวิตดว้ ยสายตาแหง่ ความกรุณา ถา้ หากคุณ ระลึกวา่ คุณมีชีวิตอยู่ และคุณมีเวลา ๒๔ ชวั่ โมงเพื่อท่ีจะสรา้ งความสุขใหม่ๆ ข้ ึนมา เท่าน้ ีก็อาจจะเพียงพอที่จะทาใหค้ ุณมีความสุข และผู้คนท่ีอยู่รอบขา้ งคุณก็มี ความสุข นี่คือการปฏิบตั ิเพ่อื ความสุข

๑๙๐ ท่านติช นัท ฮนั ห์ เป็ นผูท้ ่ีรกั การปฏิบตั ิธรรม แมจ้ ะมีงานมากแต่ก็ใหเ้ วลา สาหรบั การปฏิบัติธรรมมากท่ีสุด ท่านกล่าวว่า อาตมามีเวลามากโขใหต้ ัวเอง นี่ ไมใ่ ชเ่ รื่องงา่ ยนัก ธรรมชาติของอาตมาก็คือ ไม่ชอบทาใหผ้ คู้ นผิดหวงั และเป็ นเร่ือง ยากเมื่อตอ้ งบอกปฏิเสธคาเช้ ือเชิญต่างๆ แต่อาตมาก็เรียนรูใ้ นขอ้ จากดั ของตวั เอง เรียนรูท้ ี่จะปฏิเสธ และรูจ้ กั ท่ีจะหลีกเรน้ ไปสู่อาศรมของตัวเอง เพื่อมีเวลาสาหรบั เดินจงกรม นั่งเจริญภาวนา มีเวลากับการทาสวน อยู่กับดอกไม้และส่ิงต่างๆ เหล่าน้ ี อาตมาไมไ่ ดใ้ ชโ้ ทรศพั ท์มาถึง ๒๕ ปี แลว้ ตารางเวลาของอาตมาน้ันอิสระ ไร้ กฎเกณฑ์เป็ นสิทธิพิเศษ บางคร้ังอาตมาก็นึกถึงบาทหลวงคาธอลิกในประเทศ เนเธอรแ์ ลนด์ท่านหนึ่งที่ตอ้ งเฝ้าโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา อาตมาถามว่า ทาไมท่าน ถึงตอ้ งทาเชน่ น้ัน ท่านบอกวา่ ผมไมม่ ีสิทธิเลิกติดต่อกบั ประชาชนของผม ในกรณีน้ ี จาเป็ นตอ้ งมีผูช้ ่วย นั่นเพราะวา่ คุณไม่สามารถช่วยเหลือผูอ้ ่ืนต่อไปไดเ้ ร่ือยๆ หาก คุณไม่ดูแลตัวเอง ความสงบมนั่ คงของคุณ อิสรภาพของคุณ ความสุขของคุณ เป็ น เร่อื งสาคญั ยงิ่ ตอ่ คนอื่นๆ การดูแลตวั เองอยา่ งดีจึงเป็ น เรอ่ื งสาคญั มาก ในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาและการปฏิบตั ิธรรมท่านมุง่ เนน้ ความเป็ นทีม หรือสังฆะ ท่านกล่าวว่า การสรา้ งสังฆะน้ันสาคัญอย่างยิ่งยวด หากคุณอยู่โดย ปราศจากสงั ฆะ คุณจะละท้ ิงการปฏิบัติไปอย่างรวดเร็ว ธรรมเนียมของเรากล่าวว่า ปราศจากสงั ฆะคุณก็เป็ นเหมือนเสือโคร่งที่ละท้ ิงดงดอยมาอยพู่ ้ ืนราบ ซึ่งท่ีสุดจะถูก พวกมนุษยจ์ บั ฆา่ ดงั น้ันการสรา้ งชุมชนสงั ฆะ จึงเป็ นสิ่งแรกท่ีคุณตอ้ งทา นี่คือส่ิงท่ี พวกเราพูดย้ากระตุน้ เตือนเสมอเวลามีการอบรมสมาธิภาวนา อยา่ งในวนั สุดทา้ ย ของการอบรม เราจะจดั ใหม้ ีชว่ งของการสรา้ งชุมชนสงั ฆะ เราบอกวา่ สิ่งแรกที่ควรจะ ทาเม่ือกลบั ไปถึงบา้ นหลงั จากเสร็จการอบรม ก็คือการสรา้ งสงั ฆะข้ ึนมา เพ่ือใหก้ าร ปฏิบตั ิต่อเนื่องไปได้ ถา้ ตวั คุณแวดลอ้ มไปดว้ ยชุมชน คุณจะมโี อกาสนัง่ ร่วมกนั เดิน ร่วมกัน ได้เรียนรูร้ ่วมกัน คุณก็จะไม่ท้ ิงการปฏิบัติ มิฉะน้ันในเวลาแค่ ๒ - ๓ สปั ดาห์ หรือไมก่ ี่เดือน คุณจะทอดท้ ิงมนั ไป และคุณจะไมพ่ ดู ถึงมนั อีกเลย ๕) ประเทศอิตาลี ประเทศอิตาลีมีช่ือเป็ นทางการว่า สาธารณรฐั อิตาลี (Italian Republic) มี ประชากรประมาณ ๕๘,๗๕๑,๗๑๑ คน (พ.ศ.๒๕๔๙) ชาวอิตาลี ๙๐% นับถือ ศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะนิกายโรมันคาทอลิกมีถึง ๘๗.๘% ชาวอิตาลี ๓๖.๘%

๑๙๑ ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนานิกายคาทอลิกดว้ ยตนเองและ ๓๐.๘% จะเขา้ รว่ มกิจกรรมที่ โบสถ์ทุกวนั อาทิตย์ จากขอ้ มูลน้ ีช้ ีใหเ้ ห็นว่า คนอิตาลีมีความเคร่งครัดในคริสต์ ศาสนามากกว่าชาวตะวนั ตกชาติอ่ืนๆ ท้ังน้ ีอาจจะเป็ นเพราะอิตาลีเป็ นศูนยก์ ลาง ของคริสต์ศาสนา มีนครรฐั วาติกนั อยู่ใจกลางประเทศจึงทาใหค้ นอิตาลีใกลช้ ิดกบั ศาสนา เป็ นเหตุใหเ้ ครง่ ครดั มากกวา่ ชาติอื่นๆ ส่วนพุทธศาสนิกชนในอิตาลีปัจจุบนั มีประมาณ ๑๑๐,๐๐๐ คน มีองคก์ รทางพระพุทธศาสนาประมาณ ๑๑๐ องคก์ ร โดย ส่วนใหญ่จะเป็ นพระพุทธศาสนามหายาน โดยเฉพาะสายทิเบต (Tibetan) มีอยู่ ๔๗ องค์กร รองลงมาเป็ นพระพุทธศาสนาแบบเซนจากญ่ี ป่ ุน มี ๓๗ องค์กร พระพุทธศาสนาเถรวาทมีอยู่ ๑๕ องค์กร นอกน้ันก็เป็ นนิกายอ่ืนๆ หรือไม่สังกัด นิกาย ชาวอิตาลีไดร้ บั ทราบเรื่องราวพระพุทธศาสนาคร้งั แรกจากคาบอกเล่าของ มารโ์ ค โปโล เม่ือคร้งั ท่ีเขาเดินทางจากประเทศจีน ก่อนหน้าน้ัน มารโ์ ค โปโลไดพ้ กั อยู่ในจีนนานถึง ๑๖ ปี ระหวา่ ง พ.ศ.๑๘๑๘ - ๑๘๓๔ หลังจากที่มารโ์ ค โปโล เล่า เร่ืองพระพุทธศาสนาใหช้ าวอิตาลีฟังจบแลว้ ไม่มีใครเช่ือเขาและเจา้ หน้าท่ีไดจ้ บั เขา ขังคุกทันที มารโ์ ค โปโลใชเ้ วลาวา่ งขณะอยู่ในคุกเขียนหนังสือ Description of the World เล่าเร่ืองการเดินทางของเขา รวมท้ังเร่ืองพระพุทธศาสนาในประเทศจีน ซึ่ง ภายหลงั ไดร้ บั การจดั พิมพ์ หนังสือเล่มน้ ีทาใหช้ าวตะวนั ตกจานวน ไม่น้อยรูจ้ กั พระพทุ ธศาสนา จากเรื่องราวพระพุทธศาสนาท่ีมารโ์ ค โปโลเล่าใหช้ าวอิตาลีฟัง แมใ้ นคร้งั น้ันจะไม่มีใครเช่ือเรื่องท่ีเขาเล่า แต่ก็ส่งผลใหห้ ลังจากน้ันไม่นาน คือในปี พ.ศ. ๑๘๗๗ พระสันตะปาปานิโคลาส ท่ี ๔ (Nicholas) ไดส้ ่งนักบวชจอห์น แห่งมอนเต คอร์วิโน ไปสืบพระพุทธศาสนาที่ประเทศจีน นักบวชจอห์นพักอยู่ในจีนเป็ นเวลา หลายปี และส่งจดหมายทูลรายงานพระสนั ตะปาปาถึงเร่ืองประชาชนผูน้ ับถือพุทธ ปฏิมา ต่อมาเขาไดร้ ับแต่งต้ังเป็ นอาร์ชบิชอบแห่งนครข่านบาลิก (นครปักกิ่ง) ภายหลงั จากนักบวชจอหน์ เสียชวี ิตแลว้ นักบวชฟรานซิสแกน ช่อื โอดอริก เดอ ปอร์ เดโดเน ก็เดินทางไปทาหน้าที่แทนในปี พ.ศ.๑๘๗๓ และก็มีการส่งนักบวชคริสตไ์ ป เป็ นระยะๆ เร่ืองราวการเดินทางของคณะนักบวชเหล่าน้ ีก่อใหเ้ กิดความสนใจแก่ ประชาชนในยุโรปมาก ที่ไดร้ บั ความสนใจมากที่สุดคือ เรื่องราวในหนังสือ Voyages

๑๙๒ ของนักบวช จอห์น แมนเดอวิลเล (John Mandeville) ซ่ึงเขียนในปี พ.ศ.๑๙๐๘ หนังสือเล่มน้ ีมีตน้ ฉบบั ๓๐๐ เล่ม ถูกแปลเป็ นภาษาทุกภาษาในทวปี ยุโรป พิมพถ์ ึง ๒๒ ครง้ั ต้งั แต่ปี พ.ศ.๒๐๑๓ จนถึงส้ ินคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๘ หลงั จากน้ันพระพุทธศาสนาในอิตาลีไมม่ ีอะไรเคล่ือนไหวมากจนกระทงั่ ถึง ยุคของกูเซปเป เดอโลเรนโซ (Giusep pe de Lorenzo) และกู เซปเป ทู ซซี่ (Giuseppe Tucci) ปราชญ์พระพุทธศาสนาชาวอิตาลี ท้ังสองท่านไดส้ รา้ งผลงานไว้ มากมาย ศ.กูเซปเป เดอโลเรนโซ เกิดท่ีลาโก เนโกร ประเทศอิตาลี ในปี พ.ศ.๒๔๑๔ เป็ นผู้มีชื่อเสียงในฐานะเป็ นนักธรณีวิทยาช้ันนาของโลก เพราะความสนใจ พระพุทธศาสนา เขาจึงแปลหนังสือปรชั ญาของอาเธอร์ โชเปนเฮาเออร์ เป็ นภาษา อิตาลี และร่วมมือกับคาร์ล ยูยิน นิวแมนน์ นักปรัชญาพระพุทธศาสนาชาว เยอรมนี แปลคัมภีรม์ ชั ฌิมนิกายจากภาษาบาลีเป็ นภาษาอิตาลี เพื่อเผยแพร่แก่ ชาวอิตาลีและชาวตะวนั ตกท้งั หลาย ศ.กูเซปเป ทูซซี่ เป็ นผู้เช่ียวชาญพระพุทธศาสนาแบบทิ เบตและ ประวตั ิศาสตรพ์ ระพุทธศาสนา เขาเกิดในปี พ.ศ.๒๔๓๗ ที่มาเซราตา ประเทศอิตาลี เป็ นผูม้ ีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะท่ีจดั ทาหนังสือถึง ๒๑๐ เล่ม เป็ นนายกสมาคมนัก วรรณกรรมตะวันออกที่สาคัญของอิตาลี คือ Instituto Italaino Per il Medio Ed Estremo Oriente เป็ นอาจารยใ์ นมหาวิทยาลัย Rome La Sapienza กูเซปเป ทูซซี่ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาวา่ พระพุทธศาสนาคือศาสนาที่กาลงั มีชีวติ เป็ นศาสนา เดียวท่ีใหเ้ คร่ืองหมายแห่งพลงั ชีวติ และพลงั ขบั ท่ีชุม่ ช่นื ความสนใจพระพุทธศาสนา ที่อุบัติข้ ึนในโลกตะวนั ตกมิใช่เพียงทางวิทยาศาสตร์เท่าน้ัน แต่ในทางจิตภาพอีก ดว้ ย พระพุทธ-ศาสนามีสิ่งที่จะบอกใหท้ ราบในยามทุกข์ สมัยเม่ือคุณค่าทาง ศีลธรรมและคุณคา่ ทางศาสนามากหลายกาลงั เสื่อมโทรม ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ ขณะที่ศาสตราจารย์กูเซปเป ทูซซ่ี มีอายุ ๗๗ ปี เขา เดินทางไปประเทศทิเบตและไดส้ นทนากบั เทนซิง ผูพ้ ิชิตขุนเขาเอเวอรเ์ รสต์ เทนชิง เล่าวา่ จากการสารวจดินแดนทิเบต เขาไดพ้ บคัมภีรพ์ ระพุทธศาสนาโบราณ อายุ ประมาณ ๒,๐๐๐ ปี จารึกลงในเปลือกไม้ ศ.กูเซปเป ทูซซ่ีเช่ือวา่ ภาษาที่จารึกเป็ น ภาษาเตอรก์ ิสถาน ดินแดนท่ีพระพุทธศาสนา เคยเจริญรุ่งเรืองมาในอดีตกาล และ เช่ืออีกว่า คัมภีรเ์ หล่าน้ ีคงถูกนามาสู่ประเทศทิเบต แต่ยงั คน้ ไม่พบว่าคัมภีรส์ ่วน

๑๙๓ ใหญ่เก็บเอาไว้ ณ ที่ใด เขาพยายามสืบเสาะหาแหล่งเก็บคัมภีรเ์ หล่าน้ันในที่สุดก็ พบว่า เก็บไวท้ ่ีวดั ฆนั คาร์ (Ghangar) ซ่ึงกองสุมอยกู่ บั คมั ภีรอ์ ื่นๆ มีกองฝ่ ุนจบั หนา ทึบทีเดียว ท่านขอซ้ ือแต่พระลามะไมย่ อมขายให้ โดยบอกวา่ ความรมู้ ิไดม้ ีไวเ้ พ่ือซ้ ือ ขายแต่จะ ใหเ้ ปล่าแกค่ นผตู้ อ้ งการความรู้ พระภิกษุชาวทิเบตเองก็ไดเ้ ขา้ ไปปักหลกั เผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ อิตาลี เช่นเดียวกนั เช่น ลามะเกชเช จาปะ กยทั โซ (Lama Geshe Jampa Gyatso) ท่านเป็ นอาจารยส์ อนอยู่ท่ีสถาบนั Institute Lama Tzong Khapa ในเมือง Pomaia ก่อต้งั เม่ือปี พ.ศ.๒๕๑๙ เป็ นสถาบนั ท่ีสาคัญมากในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน อิตาลี นอกจากน้ ี ยังมี \"มูลนิ ธิลามะ กังเชนเพ่ือสันติภาพโลก\" (The Lama Gangchen World Peace Foundation) ก่อต้ังโดยลามะ กังเชน (Lama Gangchen) ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ที่เมืองมิลาน โดยมีสโลแกนว่า \"สันติสุขภายในคือรากฐานที่ดี ที่สุดเพ่ือสันติภาพโลก\" (Inner Peace is the Best Foundation for World Peace) ท่านลามะกงั เชนไดข้ ยายสาขาออกไปมากมายทวั่ โลก ปัจจุบนั มีมากกวา่ ๑๐๐ สาขา และยงั ไดต้ ้งั สานักพิมพข์ ้ ึนที่เมืองมิลาน เพ่ือพิมพเ์ ผยแพรห่ นังสือพระพุทธศาสนา แบบทิเบตดว้ ย จดั พิมพต์ น้ ฉบบั ไปแลว้ ประมาณ ๒๓ เล่ม เป็ นภาษาต่างๆ หลาย ภาษา บางเล่มพิมพ์ถึง ๑๑ ภาษา ท้ังน้ ีเพ่ือปรารถนาใหช้ าวโลกหลายชาติหลาย ภาษาไดม้ ีโอกาสสมั ผสั ขุมทรพั ยท์ างปัญญาในพระพุทธศาสนาแบบทิเบต บุคคลสาคญั ที่สุดท่ีทาใหค้ นอิตาลีและชาวโลกสนใจพระพุทธศาสนาทิเบต คือ องคท์ ะไล ลามะ ท่านเดินทางไปประเทศอิตาลีบอ่ ยมาก ไม่ตา่ กวา่ ๙ คร้งั ไปแต่ ละคร้งั ก็ไดร้ บั การตอ้ นรบั อยา่ งย่ิงใหญ่จากท้ังผูน้ าประเทศและผูน้ าแห่งคริตสจกั ร คือ พระสันตะปาปาแห่งนครรัฐวาติกัน ไปคร้ังล่าสุดเมื่อวนั ท่ี ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ไดส้ นทนากบั พระสนั ตะปาปาเบเนดิกตท์ ่ี ๑๖ เพอื่ แลกเปล่ียนทศั นะระหวา่ ง ศาสนาของกนั และกนั (dialogue) นอกจากน้ ี ในการไปแต่ละคร้งั ยงั ไดส้ นทนากับ นักการศึกษา นักธุรกิจ นักข่าวมากมาย ในปี พ.ศ.๒๕๔๔ ท่านเดินทางไปเทศน์ท่ีสถาบัน Institute Lama Tzong Khapa ในเมืองมิลาน คร้งั น้ันมีคนมาฟังมากกว่า ๓,๐๐๐ คน จาก ๒๒ ประเทศ รวมท้งั ชาวทิเบต ๑๕๐ คนที่อยใู่ นประเทศต่างๆ ของยุโรป ก็เดินทางมาฟังเทศน์ใน คร้งั น้ันดว้ ย ขณะเทศน์มีล่ามแปลเป็ นภาษาต่างๆ ๔ ภาษา คือ อิตาลี เยอรมัน

๑๙๔ สเปน และอังกฤษ การปรากฏขององคท์ ะไล ลามะแต่ละแห่งในอิตาลีจะมีสื่อต่างๆ มาถ่ายทาข่าวมากมาย เช่น เม่ือคร้งั ท่ีท่านไปสนทนากับ Mr.Claudio Martini ผูน้ า แห่งแควน้ ทสั คานี (Tuscany Region) ในวนั ท่ี ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๔ มีส่ือมวลชน ไปทาข่าวกวา่ ๘๐ คนจากหลายองคก์ ร หรือบางคร้งั ก็ไดร้ บั เชิญจากรายการทีวใี น อิตาลี เพอ่ื สมั ภาษณท์ ศั นะของท่านในเรอื่ งตา่ งๆ ถ่ายทอดสดไปทวั่ ประเทศ นอกจากพระพุทธศาสนาทิเบตแลว้ มหายานนิกายอื่นก็เขา้ ไปเผยแผ่ดว้ ย คือ นิกายโซกะ กัคไค โดยเร่ิมตน้ ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ จากนักศึกษาในระดับมัธยม ปลาย ๒ ท่าน คือ ไพไร บอร์ริ (Piero Borri) และมาร์โค มะกรินิ (Marco Magrini) ท้ังสองท่านน้ ีได้สัมผัสพระพุทธศาสนาคร้ังแรกโดยการรับฟังจากนักรอ้ งชาว อเมริกันสองคนช่ือ คาร์ล พอตเตอร์ (Karl Potter) และ มาร์วิน สมิท (Marvin Smith) ขณะที่ท้งั สองแสดงคอนเสิรท์ ในที่แหง่ หน่ึง ต้ังแต่น้ั นเป็ นต้นมา ไพไร บอร์ริ และมาร์โค มะกรินิ จึงเร่ิมศึกษา พระพุทธศาสนา นิกายโซกะ กคั ไค และเผยแผ่ไปสู่กลุม่ เพื่อนนักเรียนดว้ ยกนั ในช้นั เรียน ปรากฏวา่ เพ่ือนที่สนใจพระพุทธศาสนามีจานวนมากข้ ึนเรื่อยๆ จากสองเป็ น สาม จากสามเป็ นส่ี จนกระทงั่ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๙ ในปี เดียวกนั น้ันเอง ก็ ไดม้ ีการจัดประชุมสมาชิกข้ ึนคร้งั แรกท่ีหมู่บา้ น ปอปเปี ยโน (Poppiano) ซ่ึงเป็ น หมู่บ้านเล็กๆ ในซอกเขาใกลเ้ มืองฟลอเรนซ์ (Florence) ในคร้ังน้ัน มีสมาชิก ท้ังหมด ๖๐ คน ต่อมาก็เพิ่มจานวนมากข้ ึนตามลาดับ จนกระทัง่ ปี พ.ศ.๒๕๒๔ ผูน้ าองค์กรโซกะ กัคไค คือ ไดซาขุ อิเคดะ (Daisaku Ikeda) เดินทางไปอิตาลีเป็ น เวลา ๑ สปั ดาห์ เขาไดส้ รา้ งแรงบนั ดาลใจ ใหก้ าลงั ใจและตอบคาถามแก่นักเรียน กลุ่มน้ ี ดยใชเ้ วลาหลายชวั่ โมงพาพวกเขาเดินสนทนาไปตามทอ้ งถนน ในเมืองเรน เนสเซน (Renaissance) ผลจากการกระตุน้ ของไดซาขุ อิเคดะ ทาใหเ้ ยาวชนเหล่าน้ ีมีกาลงั ใจข้ ึนมาก และได้สร้างงานพระพุทธศาสนาบนพ้ ืนฐานแห่งปรัชญาโซกะ กัคไค ให้ เจริญกา้ วหน้าไปตามลาดบั ชาวอิตาลีท้ังผูใ้ หญ่และเยาวชนหนั มาดาเนินชีวิตตาม หนทางน้ ีกันมากข้ ึนเรื่อยๆ พวกเขาไดช้ ่วยกันออกนิตยสารพระพุทธศาสนาราย เดือนข้ ึน ใชช้ ่ือว่าIl..Nuovo..Rinascimento (The New Renaissance) ฉบับแรกออก ในเดือนกุมภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๕๒๕ กิจการไดข้ ยายใหญ่โตข้ ึนตามลาดับ ในปี พ.ศ.

๑๙๕ ๒๕๔๓ สามารถจดั ทานิตยสารไดเ้ ดือนละ ๒๑,๐๐๐ เล่ม นอกจากงานดา้ นนิตยสาร แลว้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ องคก์ รโซกะ กคั ไค อิตาลี ไดเ้ ร่มิ ตน้ จดั นิทรรศการ \"Toward a Century of Humanity\" ข้ ึนเพื่อให้ความรู้และกระตุ้นชาวโลกในเร่ืองสิทธิ มนุษยชนในปัจจุบัน (Human Rights in Todays World) โดยจดั หมุนเวียนไปตาม เมืองต่างๆ คือ โรม มิลาน เนเปิ ล เวนิส เป็ นตน้ ชาวอิตาลีกวา่ ๘๐,๐๐๐ คน เขา้ รว่ มชมนิทรรศการน้ ี องคก์ รโซกะ กคั ไค อิตาลี มคี วามเขม้ แข็งข้ ึนตามลาดบั จนสามารถทางานท่ี มีขนาดใหญ่ ได้ คือ ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ ไดร้ ่วมมือกับสมาคมคริสต์ศาสนารวบรวม ลายเซ็นของผูท้ ี่คัดคา้ นโทษประหารชีวิตรอบโลกเพื่อรณรงค์ใหย้ กเลิกกฎหมาย ประหารชีวิต เฉพาะในเมืองฟลอเรนซ์สามารถรวบรวมลายเซ็นไดก้ วา่ ๑๘๐,๐๐๐ คน และทัว่ ประเทศอิตาลีกวา่ ๔๓๕,๐๐๐ คน ซึ่งการทางานช้ ินน้ ีเป็ นโอกาสสาคัญ ในการเผยแผ่คาสอนของโซกะ กัคไคไปดว้ ย ท้ังน้ ีเพราะสมาชิก ตอ้ งเดินทางไปพบ กบั ผคู้ นมากมายในทุกสาขาอาชพี ดว้ ยเหตุน้ ีจึงทาใหส้ มาชกิ ขององคก์ รเพิ่มมากข้ ึน เร่ือยๆ ในปี พ.ศ.๒๕๔๓ เฉพาะเมืองฟลอเรนซม์ ีสมาชิกกว่า ๒,๕๐๐ คน หนึ่งใน สมาชิกคนสาคัญคือนายกเทศมนตรี ลีโอนาโด โดมินิซิ (Leonardo Dominici) ผู้ ประกาศยืนยันความศรัทธาว่า เมืองฟลอเรนซ์มีจุดยืนแห่งการสรา้ งสันติภาพ ภายใตห้ ลกั การของไดซาขุ อิเคดะ ผนู้ าแหง่ โซกะ กคั ไค พระภิกษุชาวอิตาลีนิกายเถรวาทก็มีอยู่พอสมควร ผูท้ ี่มีบทบาทสาคญั คือ พระอู.โลกนาถเถระ (U.Lokanatha Thera) อุปสมบทท่ีประเทศพม่าในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ จากน้ันไดจ้ าริกธุดงค์ไปในดินแดนพระพุทธศาสนาต่างๆ รวมท้ังไทย เม่ือ ศึกษาพระพุทธศาสนาจนมีความรูร้ ะดับหน่ึงแลว้ จึงกลับไปเผยแผ่ท่ีบา้ นเกิดคือ ประเทศอิตาลี แต่ไม่ไดผ้ ลเพราะศาสนาคริสต์มีอิทธิพลสูงมาก ท่านจึงเดินธุดงค์ ด้วยเท้าเปล่าขา้ มทวีปยุโรปตอนใต้และเอเชียไมเนอร์มุ่งสู่อินเดีย เดินทางถึง ประเทศพม่าในปี พ.ศ.๒๔๗๑ จากน้ันอีก ๕ ปี เต็มไดม้ ุมานะศึกษาพระไตรปิ ฎก นั่งสมาธิ ถือธุดงควัตร ๑๓ ขอ้ อย่างเคร่งครดั ฉันมังสวิรตั ิ ไม่เอนหลังนอนเลย ตลอด ๓๔ ปี เต็ม นับต้ังแต่ พ.ศ.๒๔๗๕-๒๕๐๙ ท่านไดน้ าขบวนธรรมทูตจาก พุทธคยาไปเผยแผ่ ๓ คร้ังคือ ในปี พ.ศ.๒๔๗๖ ไปประเทศพม่า พ.ศ.๒๔๘๒ ไป ประเทศไทย และพ.ศ.๒๔๘๓ ไปประเทศศรีลังกา โดยมีเป้าหมายเพื่อปลุกเรา้

๑๙๖ ประชาชนพมา่ ไทย และศรีลงั กา ใหส้ นใจพระพุทธศาสนามากยิ่งข้ ึน กวา่ ท่ีเป็ นอยู่ ในชว่ งเวลาน้ัน ๖) ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America) มีประชากรประมาณ ๓๐๐,๐๘๐,๙๙๗ คน (พ.ศ.๒๕๔๙) ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ (ประมาณ ๗๖.๗%) ส่วนที่เหลือ ประมาณ ๒๔.๓% นับถือศาสนาอ่ืนหรือไม่มีศาสนา จาก สารวจของ Pew Research Center ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ พบว่ามีประชากรท่ีไม่มี ศาสนา (Non-Religious) อยถู่ ึง ๑๘.๕% (อายุ<๓๐ = ๑๒.๕%,อายุ>๓๐ = ๖%) คิด เป็ น ๕๕,๕๑๔,๙๘๔ คน ประมาณ ๑ ใน ๖ ของประชากรท้ังหมด คนที่ไม่นับถือ ศาสนาใด ๆ ๕๕,๕๑๔,๙๘๔ คน น้ ีเกือบเท่ากบั ประชากรในประเทศไทยท้งั ประเทศ คือ ๖๐ กว่าลา้ นคน และจากขอ้ มูลใน Wikipedia ระบุว่าในปี พ.ศ.๒๕๓๙ มีการ สารวจความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตรใ์ นสหรฐั เมริกา ๑,๐๐๐ คน เรื่องเก่ียวกับ พระเจา้ มีนักวิทยาศาสตร์อยู่ถึง ๖๐.๗% ที่ไม่เชื่อเร่ืองการมีอยู่ของพระเจ้า (Atheists) และมีแนวโน้มเพมิ่ มากข้ ึนเร่อื ยๆ สาหรบั พุทธศาสนิกชนน้ันจากรายงาน ของ The U.S. State Department's International Religious Freedom ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ระบุว่า มีอยปู่ ระมาณ ๑% หรือประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ คน ส่วนใหญ่นับถือ พระพทุ ธศาสนามหายานนิกายเซนและทิเบต จุดเริ่มตน้ ที่สาคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศสหรฐั อเมริกา มาจากผล แห่งชยั ชนะของพระพุทธศาสนาในการโตว้ าทีท่ามกลางมหาชนครง้ั สาคญั ณ ปานะ ทุระ ประเทศศรีลังกา ในปี พ.ศ.๒๔๑๖ ระหว่างพระมิเคตตุวตั เต คุณานันทเถระ กับคณะบาทหลวงคริสต์ ซ่ึงมีบาทหลวงเดวิด เดอ ซิลวา เป็ นหัวหน้าคณะ หนังสือพิมพ์ The Time of Ceylon พาดหวั ข่าววา่ พระมิเคตตุวตั เต คุณานันทเถระ เพียงรูปเดียว ไดเ้ ผชิญหน้ากับบาทหลวงช้ันนาของศาสนาคริสต์ และมีชัยต่อ ปรปักษ์อยา่ งงดงาม ดร.เจมส์ มารต์ ิน พีเบิลส์ นาคาโตว้ าทีไปพิมพเ์ ผยแพร่ซ้าแลว้ ซ้าอีกในสหรฐั อเมริกา ทาใหช้ าวอเมริกนั เกิดความสนใจและหนั มาเล่ือมใสศรทั ธา ในพระพุทธศาสนาจานวนมาก หน่ึงในน้ันคือ พนั เอกเฮนรี่ สตีล โอลคอตต์ ในปี

๑๙๗ พ.ศ.๒๔๒๓ เขาและมาดามเอช.พี.บลาวตั สกี เดินทางไปประเทศศรีลังกาเพื่ออุทิศ ชีวติ ฟ้ ื นฟูพระพุทธศาสนา พันเอกเฮนรี่ สตีล โอลคอตต์ แต่งหนั งสือชื่อ ปุจฉาวิสัชชนาทาง พระพุทธศาสนา (Buddhist Catechism) พิมพเ์ ผยแพร่ในสหรฐั อเมริกา ในปี พ.ศ. ๒๔๒๔ แต่คนยงั ไม่ไดใ้ หค้ วามสนใจเท่าใดนัก จนกระทงั่ ปี พ.ศ.๒๔๓๖ ท่านอนาคา ริก ธัมมปาละ ชาวศรีลังกาเดินทางไปประชุมสภาศาสนา (Parliament of Religions) และเผยแผ่พระพุ ทธศาสนา ณ นครชิคาโก จึงเริ่มมี ผู้นั บถื อ พระพุทธศาสนาเพิ่มข้ ึน ส่วนใหญ่จะเป็ นชาวจีนและชาวญี่ป่ ุน ในคร้ังน้ัน มีชาว อเมริกนั คนหนึ่งช่ือ ซี.ที.เอส.สเตราส์ (C.T.S.Strauss) ไดป้ ฏิญาณตนเป็ นพุทธมาม กะ โดยรบั ไตรสรณคมน์และศีล ๕ จากท่านอนาคาริกธรรมปาละ กล่าวไดว้ า่ ซี. ที.เอส.สเตราส์ เป็ นชาวอเมริกันคนแรกท่ีปฏิญาณตนเป็ นพุทธมามกะในนคร นิวยอรก์ นอกจากน้ ี ท่านอนาคารกิ ธมั มปาละ ยงั ไดผ้ อู้ ุปถมั ภง์ านพระพุทธศาสนา คนสาคัญคือ นางแมรี่ มิกาฮาลา ฟอสเตอร์ (mary Mikahala Foster) สุภาพสตรี ชาวอเมรกิ นั ผมู้ งั่ คงั่ ในปี พ.ศ.๒๔๓๔ มีการจดั ต้งั ชมรมวรรณกรรมตะวนั ออกมหาวิทยาลยั ฮาร์ วารด์ ข้ ึน และในปี เดียวกันน้ ีเอง ทางชมรมไดพ้ ิมพ์หนังสือเล่มแรกข้ ึนเผยแพร่คือ หนังสือชาดกมาลา อนั เป็ นเรื่องราวในอดีตชาติของพระสมั มาสัมพุทธเจา้ หลงั จาก น้ันก็มีการจัดพิมพ์คัมภีร์พระพุทธ-ศาสนาออกเผยแพร่อีกจานวนมาก เช่น Buddhism Legends ซ่ึงเป็ นหนังสือคาแปลอรรถกถาธรรมบท หนังสือ The Buddha's Teachings แ ล ะ ห นั ง สื อ Being The Sutta Nipata or Discourse- Collection และคัมภีรว์ ิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์ เป็ นตน้ ศาสตราจารย์ แลนแมน บรรณาธิการคนแรกของชมรมได้อธิบายไวว้ ่า ชมรมน้ ีต้ังข้ ึนโดยมี เป้าหมายเพ่ือนาเสนอ บทเรียนท้ังหลายอนั หาที่เปรียบเทียบมิไดแ้ ก่ชาวตะวนั ตก บทเรียนเหล่าน้ ี ศาสดาท้ังหลาย ผู้อัจฉริยะสามารถสอนพวกเราได้ บทเรียน ท้ังหลายว่าดว้ ยความหวงั ดีแก่กันและกันระหว่างบุคคลต่อบุคคล ระหวา่ งชาติต่อ ชาติ ฝึกฝนจิตโดยการเอาชนะเจตจานงชวั่ รา้ ย ความวิตกกังวล ความเร่งรอ้ นใน การงาน ลดความปรารถนาท้ังหลายของเราลงระดับความเหมาะสมกับตัวเรา การ

๑๙๘ ดารงชีวิตแบบเรียบง่าย และเหนืออื่นใดก็คือ การแสวงหาพระเจา้ การรูแ้ จง้ ซ่ึงสัจ ธรรม ไมว่ า่ จะโดยตรรกยกรณ์ (Resoning) หรือโดยศรทั ธา... พระพุทธศาสนานิกายรินไซเซนจากประเทศญี่ป่ ุนเผยแผ่เขา้ สู่สหรฐั อเมริกา คร้งั แรกในปี พ.ศ.๒๔๓๖ โดยโซเยน ชากุ (Soyen Shaku) ซงึ่ ไดร้ บั นิมนตจ์ ากจอหน์ เฮนรี่ บาร์โร (John Henry Barrows) ให้มาร่วมสัมมนาที่สภาแห่งศาสนาโลก (World Parliament of Religions) ในนครชิคาโก ซ่ึงเป็ นการมาประชุมคร้งั เดียวกัน กับที่ท่านอนาคาริก ธรรมปาละเขา้ ร่วม ในคร้งั น้ันโซเยน ชากุ ไดก้ ล่าวถึงเรื่องกฎ แห่งกรรม การไม่ใชค้ วามรุนแรง และความปรองดองต่อศาสนาอื่นๆ ในกิจกรรม สัมมนาเขาได้มีโอกาสสนทนากับดร.ปอล คารุส (Dr.Paul Carus) ปราชญ์ พระพุทธศาสนาชาวอเมริกนั ดร.ปอล คารุสกล่าวกับเขาวา่ ใหช้ ่วยส่งผูเ้ ช่ียวชาญ พระพุทธศาสนา นิกายเซนซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษไดด้ ีมาท่ีสหรัฐอเมริกา เพอื่ ใหช้ ่วยสอนชาวอเมรกิ นั ท้งั หลายใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจในเซน หลงั จากท่ีโซเยน ชากุกลบั ไปท่ีญ่ีป่ ุนแลว้ จึงไดไ้ ปชวนดร.ดี ที ซูสุกิ ศิษยข์ องตน ซ่ึงเป็ นนักวิชาการ ประจามหาวิทยาลัยโตเกียว ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๐ ดร.ดี ที ซูสุกิก็ไดไ้ ปทางาน ร่วมกับดร.ปอล คารุส ท่ีมลรัฐอิลลินอยส์ ณ ท่ีน้ ีเองที่เป็ นจุดเร่ิมตน้ ใหเ้ ขาแปล คมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนานิกายเซนและคมั ภีรอ์ ื่น ๆ อีกมากมายออกสู่สงั คมตะวนั ตก ชาวตะวนั ตกโดยมากรจู้ กั เซนเพราะผลงานของเขา ดร.ปอล คารุส แมจ้ ะเป็ นบุตรของประมุขแห่งคริสต์ศาสนจักรปรัสเซีย ตะวนั ออกและตะวนั ตก แต่เขาก็มีความสนใจในพระพุทธศาสนาเป็ นอย่างย่ิง ได้ เขียนหนังสือช่ือ The Gospel of Buddha ซ่ึงเป็ นหนังสือเล่มแรกของเขา จดั พิมพ์ เผยแพรใ่ นปี พ.ศ.๒๔๓๗ ปรากกฎวา่ ขายดีมาก ในหนังสือตอนหน่ึงกล่าวไวว้ า่ \"จง ร่นื เรงิ ณ กระแสอนั น่ายินดี พระพุทธเจา้ พระบรมครูของเราไดท้ รงคน้ พบรากเหงา้ ของความชวั่ รา้ ยท้ังมวล พระองคไ์ ดต้ รสั ช้ ีมรรคาความหลุดพน้ จากความทุกขใ์ หแ้ ก่ พวกเรา\" หนังเล่มน้ ีถูกแปลเป็ นภาษาต่างๆ หลายภาษา และนาไปสอนในโรงเรียน ชาวพุทธที่ศรีลังกาและญ่ีป่ ุนดว้ ย กาลใดพระพุทธศาสนาถูกโจมตี กาลน้ันดร.ปอล คารุส จะถาโถมเขา้ ปกป้องดว้ ยชีวิต เช่น ตอนที่เซอร์ มอร์เนียร์ มอร์เนียร์ วิล เลียมส์ (Sir Monier monier Williams) เขียนหนังสือโจมตีพระสมั มาสัมพุทธเจา้ ว่า พระพุทธเจา้ น้ันไรค้ ุณคา่ เมอ่ื เปรียบเทียบกบั ประทีปของโลกคือพระเยซู

๑๙๙ ดร.ปอล คารุสไดต้ อบโตก้ ลบั ไปว่า หนังสือพระพุทธศาสนาของเซอร์ มอร์ เนี ยร์ เป็ นหนังสือช้ันเลว โดยความพยายามซ้าและซ้าอีกท่ีจะลดคุณค่าของ พระพุทธเจา้ ลงมาใหไ้ รค้ ุณค่า อย่างน้อยที่สุดพระพุทธเจา้ ก็เป็ นพระบรมครูผู้ ประสบความสาเร็จสูงสุดของโลกพระองค์หน่ึง... ขา้ พเจา้ มีความเช่ืออย่างมัน่ คง มากกว่าอดีตกาลเสียแล้วว่า ศาสนจักรคริสเตียนของพวกเรา ย่อมสามารถ กลายเป็ นศาสนาแทจ้ รงิ ทางวทิ ยาศาสตร์ เป็ นศาสนาสากลตรงตามหลกั ตรรกวิทยา และมคี วามสาคญั สากลก็โดยการเปลี่ยนแปลงรปู โฉมเป็ นอยา่ งพทุ ธศาสนาเท่าน้ัน นอกจากพระนิกายเซนจากญ่ีป่ ุนแลว้ ชาวตะวนั ตกก็มีพระภิกษุเซนที่มี ความสาคญั ตอ่ งานเผยแผ่พระศาสนาดว้ ย เชน่ พระภิกษุชาวองั กฤษ ชื่อ เออรเ์ นสท์ ชินการุ ฮันท์ (Ernest Shinkaru Hunt) ซึ่งบวชในประเทศญี่ป่ ุนปี พ.ศ.๒๔๖๗ ท่าน ไดต้ ้ังสถาบนั พระพุทธศาสนาข้ ึนที่ฮาวาย ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ ชื่อ The International Buddhist Institute of Hawaii และได้ต้ังคณะสงฆ์พระพุทธศาสนาชาวตะวันตก (The Western Buddhist Order) ข้ ึนดว้ ย เพื่อใหก้ ารทางานพระศาสนาเป็ นไปใน ทิศทางเดียวกนั มากข้ ึน ในคร้งั น้ันท่านดารงตาแหน่งเป็ นประธานสงฆ์ พระชินการุ เป็ นชาวตะวนั ตกนิกายเซนรูปแรกท่ีไดเ้ ล่ือนตาแหน่งสมณศักด์ิช้นั ๑ ตาแหน่งน้ ี เรียกว่า ได-โอโช (Dai-osho) และท่ีสาคญั ท่านเป็ นบุคคลที่ไดร้ บั คารวะจากพุทธ- ศาสนิกชนทุกนิกาย ซ่งึ มนี ้อยคนท่ีจะไดร้ บั เชน่ น้ ี ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ ปี เดียวกันน้ ีเอง มีผลงานวิชาการช้ ินสาคัญเกิดข้ ึน โดย ดร. ไดไวท์ กอดดารด์ (Dwight Goddard) เมธีชาวพุทธผูเ้ ครง่ ครดั ไดจ้ ดั ทาหนังสือ คมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนา (The Buddhist Bible) เผยแพรเ่ ป็ นคร้งั แรก เขาคดั เลือกคา สอนพระสัมมาสัมพุทธเจา้ จากคัมภีร์ บาลี สันสกฤต จีน ทิเบต มองโกเลีย เป็ น คมั ภีรร์ วมย่อคาสอนของพระพุทธเจา้ ท่ีดีเย่ียมเล่มหน่ึง ดไวท์ กอดดารด์ มีความ เชอื่ อยา่ งแน่วแน่วา่ ผลแหง่ คาสอนของพระพุทธเจา้ ยอ่ มสามารถรกั ษาความชวั่ รา้ ย ของโลกใหห้ มดไปได้ เขาปลุกเรา้ ชาวตะวนั ตกใหร้ บั เอาพระพุทธศาสนาเพื่อเป็ น ประทีปชวี ติ อาจารยน์ ิกายเซนที่เผยแผ่พุทธธรรมในสหรฐั อเมริกาน้ัน ยงั มีอีกหลาย ท่านท้ังชาวเอเชียและชาวตะวันตก เช่น โรเบิร์ต ไอเค็น (Robert Aitken ) ชาว อเมริกนั ผูก้ ่อต้งั The Diamond Sangha ข้ ึนท่ีฮาวาย ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ เขาไดข้ ยาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook