Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แมลง สัตว์ และพืชที่มีพิษและเป็นอันตราย 1

แมลง สัตว์ และพืชที่มีพิษและเป็นอันตราย 1

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-08-02 10:04:34

Description: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
หนังสือ,เอกสาร,บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษา

Search

Read the Text Version

แมลง สตั ว์ และพชื ทม่ี พี ษิ และเป็นอันตราย เลม่ 1 กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ กรม ิวทยาศาสต ์รการแพท ์ย

แมลง สัตว์ และพชื ที่มีพิษและเป็นอนั ตราย เลม่ 1 กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์

แมลง สตั ว์ และพชื ท่ีมีพษิ และเป็นอนั ตราย เลม่ 1 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

แมลง สตั ว์ และพชื ทม่ี ีพิษและเปน็ อนั ตราย บรรณาธกิ าร อรุ ุญากร จันทร์แสง กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พิมพค์ รง้ั ที่ 2 มิถนุ ายน 2557 จ�ำ นวน 5,000 เล่ม สงวนลิขสิทธิ์ ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของส�ำ นักหอสมุดแหง่ ชาติ National Library of Thailand Cataloging In Publication Data อุรุญากร จนั ทรแ์ สง แมลงสตั ว์และพชื ท่มี ีพษิ และเปน็ อันตราย. - - กรุงเทพฯ 146 หน้า 1. สตั ว์มีพิษ 2. พืชมพี ิษ 3. พษิ สตั ว์ I. กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์. II. ชือ่ เร่ือง 591.65 ISBN 978-974-7362-97-8 พมิ พท์ ่ี โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ�กัด

ค�ำ นยิ ม อนั ตรายทเ่ี กดิ จากแมลง สตั วแ์ ละพชื พษิ เปน็ ภยั ดา้ นสขุ ภาพอยา่ งหนง่ึ ที่เกดิ ขึน้ บอ่ ยครัง้ กับประชาชน ท�ำ ใหเ้ กดิ การเจบ็ ป่วยและบางครัง้ รนุ แรงจนถึง กับท�ำ ให้เสียชีวิต โดยที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานหนึ่งท่ีรับผิด ชอบตอ่ สขุ ภาพและชวี ติ ของประชาชนและไดเ้ ลง็ เหน็ วา่ อนั ตรายทเี่ กดิ จากแมลง สตั ว์ และพืชพิษดงั กล่าว เป็นสิง่ ทสี่ ามารถป้องกันไม่ใหเ้ กิดข้ึนไดถ้ า้ ประชาชน มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมทั้งสามารถดูแลรักษาตนเองได้ในเบ้ืองต้น หรือทราบว่าเม่ือมีอาการอย่างไรจึงควรไปพบแพทย์ จึงได้ด�ำ เนินการเผยแพร่ องค์ความรู้ดังกล่าวให้กับหน่วยงานต่างๆ รวมท้ังประชาชนทั่วไปเพื่อน�ำ ไปใช้ ป้องกันอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึน อย่างไรก็ตามหนังสือที่ได้รวบรวมเน้ือหาเร่ือง แมลง สตั ว์ และพชื ทมี่ พี ษิ และเปน็ อนั ตรายทง้ั เลม่ 1 และ 2 มผี นู้ ำ�ไปใชป้ ระโยชน์ เป็นจำ�นวนมากจนหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว คร้ังน้ีจึงได้ดำ�เนินการจัดพิมพ์ หนงั สอื เพม่ิ เตมิ รวมทงั้ ปรบั ปรงุ เนอ้ื หาบางสว่ นทง้ั เลม่ 1 และ 2 เพอ่ื ใหป้ ระชาชน ไดม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งและสามารถน�ำ ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนไ์ ด้ ซงึ่ นบั วา่ เปน็ การสนับสนุนการดูแลสขุ ภาพให้แกป่ ระชาชนในวงกวา้ งไดอ้ กี ทางหนึง่ นายแพทย์ อภชิ ัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ พฤษภาคม 2557



ค�ำ นำ� สืบเนื่องจากการท่ีประชาชนได้มีปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดจากแมลง สตั ว์และพชื พิษ และยังมคี วามเข้าใจไม่ถกู ตอ้ งทง้ั ดา้ นชนดิ ของแมลง สัตว์และ พชื พษิ เหลา่ นนั้ รวมทง้ั ดา้ นการปอ้ งกนั ตวั ทสี่ ามารถดำ�เนนิ การไดก้ อ่ นทจ่ี ะเกดิ ความเจ็บป่วย ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เคยพิมพ์หนังสือเร่ือง “แมลง สตั ว์ และพชื ทม่ี พี ษิ และเปน็ อนั ตราย เลม่ 1 และ 2 ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2550-2551 แตม่ หี นว่ ยงานและประชาชนมคี วามสนใจตอ้ งการน�ำ หนงั สอื ไปใชป้ ระโยชนเ์ ปน็ จำ�นวนมาก ทำ�ให้หนังสือไม่พอแจกและหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ เหน็ วา่ หนงั สอื ดงั กลา่ วนา่ จะมกี ารพมิ พใ์ หม่ พรอ้ มทงั้ มกี ารปรบั ปรงุ เนอื้ หาบางสว่ นใหเ้ ขา้ กบั สถานการณป์ จั จบุ นั เพอ่ื แจกจา่ ย ใหก้ บั สำ�นักงานสาธารณสุขจงั หวัด โรงพยาบาล ห้องสมดุ โรงเรียนและสถาบนั อดุ มศกึ ษาตา่ งๆ ตลอดจนผสู้ นใจท่ีมาศกึ ษาดงู านและประชาชนท่วั ไป เพอ่ื ให้ สามารถนำ�ข้อมูลไปใช้หรือนำ�ไปแนะนำ�ให้กับผู้อื่นให้ได้รับข้อมูลท่ีถูกต้อง สามารถปอ้ งกนั ตวั เองหรอื รกั ษาตวั เองไดใ้ นเบอ้ื งตน้ รวมทง้ั แพทยส์ ามารถรกั ษา ผเู้ จบ็ ปว่ ยไดถ้ กู ทางเมอ่ื ทราบชนดิ ของแหลง่ ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ พษิ ซง่ึ องคค์ วามรดู้ งั กลา่ วน้ี น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับประชาชนในด้านการรักษาสขุ ภาพได้เป็นอย่างดี ขอขอบพระคณุ นายแพทย์ อภชิ ยั มงคล อธบิ ดกี รมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ทไี่ ดเ้ หน็ ชอบและสนบั สนนุ ใหจ้ ดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ทง้ั สองเลม่ ดงั กลา่ ว เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ประโยชนใ์ นดา้ นการดแู ลและรกั ษาสขุ ภาพใหก้ บั ประชาชน รวมทง้ั ขอขอบคณุ แพทย์หญิงมยุรา กุสุมภ์ และนางสุนันท์ จำ�รูญ อดีตหัวหน้าสำ�นักวิชาการ วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ทง้ั สองทา่ น ทไ่ี ดใ้ หแ้ นวคดิ และเป็นผูร้ ิเร่ิมจัดทำ�หนงั สือจนเปน็ ผลส�ำ เร็จด้วยดี นายแพทย์ สมชาย แสงกจิ พร ผู้อำ�นวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข พฤษภาคม 2557



สารบญั หนา้ แมลงและสัตว์ขาข้อที่มพี ษิ และเปน็ อนั ตราย 3 แมลงในกลมุ่ ของดว้ ง 5 ดว้ งน้ำ�มัน 7 ดว้ งกน้ กระดก 11 แมลงตด 13 แมลงบกุ บา้ น 15 19 แมลงในกลุ่มที่มเี หล็กใน 21 ผง้ึ 25 ตัวตอ่ 27 31 แมลงในกลุ่มของมวน มวนเพชฌฆาต ตวั เรือด แมลงอืน่ ๆ หนอนบ้งุ และผเี สอ้ื กลางคนื แมลงสาบ

หน้า สตั ว์อนื่ ๆ 33 ไรชิกเกอร ์ 37 ไรฝุน่ บา้ น 39 แมงมุม 43 แมงป่อง 45 ตะขาบ 49 ก้ิงกอื 57 สตั ว์ทะเลทม่ี ีพิษและเปน็ อนั ตราย 59 ดอกไม้ทะเล 61 ปลากระเบน 63 ปลากระเบนไฟฟ้า 65 ปลาปกั เป้า 67 ปะการัง 69 ปะการังไฟ 71 แมงกะพรนุ ไฟ 73 แมงดาถว้ ย 75 แมงดาจาน 81 พืชท่ีมพี ิษและเป็นอนั ตราย พชื กลมุ่ ทท่ี ำ�ใหเ้ กิดพิษจากการสมั ผสั 82 กระบอก 85 กะทกรก

หนา้ ครสิ ตม์ าส 87 โป๊ยเซียน 89 พญาไรใ้ บ 91 รัก 93 สบดู่ �ำ 95 สบแู่ ดง 97 สลดั ไดปา่ 99 มะละกอฝรงั่ 101 พืชกลมุ่ ทีท่ �ำ ใหเ้ กิดพิษจากการบริโภค 102 กลอย 105 ขี้กาแดง 107 ชวนชม 111 ดองดึง 113 บานบุรีเหลอื ง 115 ปัตตาเวยี 116 ผกากรอง 118 ผกั เสย้ี น 120 ผักหนาม 122 ฟองสมุทร 125 มะกล่�ำ ตาหนู 127 ลำ�โพงกาสลัก

Index : ดชั นี 131 A – Y 134 ก – ห

แมลงและสัตว์ขาขอ้ ที่มีพษิ และเปน็ อนั ตราย อุรญุ ากร จนั ทรแ์ สง สถาบันวิจัยวทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์



แมลงและสตั วข์ าข้อทีม่ พี ิษ และเปน็ อนั ตราย แมลงและสตั ว์ขาข้อทที่ �ำ ให้เกิดอันตรายกับมนุษย์ แบ่งเปน็ 3 กลุม่ 1. อนั ตรายจากพษิ (venomous arthropods) ทเี่ กดิ จากการกดั สมั ผสั หรือการต่อย แล้วปล่อยน้ำ�พิษเข้าสู่บริเวณท่ีถูกกัดหรือสัมผัสผ่านทางฟันหรือ เขี้ยว เหล็กใน ขนพษิ หรือสัมผสั กับน้�ำ พษิ นัน้ โดยตรง แมลงและสตั ว์ในกลมุ่ น้ี ตัวอย่างเช่น ดว้ งน้�ำ มัน ดว้ งกน้ กระดก แมลงตด ผ้ึง ตัวต่อ มด มวนเพชฌฆาต ตัวเรอื ด หนอนบ้งุ และตวั ผเี สอ้ื ไรชกิ เกอร์ แมงมุม แมงป่อง ตะขาบ และกง้ิ กือ เป็นต้น 2. อนั ตรายจากการบริโภค (poisonous insect) เม่อื สารพิษนั้นเขา้ สู่ ร่างกายแล้ว อาจเปน็ อันตรายถงึ ชวี ิต ได้แก่ ดว้ งน้ำ�มัน 3. อนั ตรายจากสารก่อภมู แิ พ้ (allergenic arthropods) ท่ีร่างกายได้ รบั เม่ือแมลงและสตั ว์ในกล่มุ น้ีปล่อยออกมา ตวั อยา่ งเชน่ แมลงสาบ และไรฝุน่ เป็นต้น แมลงและสตั ว์ขาขอ้ ทม่ี พี ิษและเปน็ อันตราย 3

1. Mylabris phalerata 2. Epicauta hirticornis 3. Epicauta maliculi ด้วงน�ำ้ มัน 4 แมลง สตั ว์ และพืช ที่มพี ิษและเป็นอันตราย

ด้วงนำ�้ มัน (Blister beetles, 1. Mylabris phalerata, 2. Epicauta hirticornis, 3. Epicauta maliculi) ลักษณะ ดว้ งน�ำ้ มนั เปน็ แมลงปกี แขง็ จ�ำ พวกดว้ งชนดิ หนง่ึ ในประเทศไทย พบได้ประมาณ 13 ชนดิ โดยทุกชนิดมีพิษแบบเดียวกนั ชนดิ ที่ พบบ่อยและประชาชนเคยเสียชีวิตจากการกินมีอยู่ 3 ชนิด ประกอบด้วย Mylabris phalerata (เบอร์ 1) มีลักษณะคอื หวั อก ล�ำ ตวั และขาสดี �ำ มปี กี แขง็ และมลี ายขวางสเี หลอื งสม้ สลับด�ำ โดยจะเป็นสเี หลอื งสม้ 3 แถบ ดำ� 3 แถบ ล�ำ ตวั กวา้ ง h7-ir8ticมoมrn. isยา(เวบอ2ร2์ -22)7มมีลมกั ษ. ณชนะทิดทส่ี ำ�่ีสคอญั งคคือือชหนวัิดสนี E้�ำpตicาaลแuดtaง อก ลำ�ตัว ขา และ ปีกสีดำ� ไม่มีลายบนปีกแข็ง ขนาดของ ลำ�ตัวกว้าง 3-5 มม. ยาว 12-21 มม. ชนิดท่ีสามคือ Epicauta maliculi (เบอร์ 3) มีลักษณะสำ�คัญท่ีเห็นได้ เด่นชัดคือ ปีกคู่หน้ามีสีเหลืองและปลายปีกสีดำ� หัวสีแดง โดยล�ำ ตัวมขี นาดกวา้ ง 5-6 มม. ยาว 20-22 มม. แหล่งทพ่ี บ ดว้ งน�ำ้ มนั พบไดท้ ว่ั ทกุ ภาคของประเทศไทย โดยจะมชี อื่ ทอ้ งถน่ิ เรยี กแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะภาค เชน่ ภาคกลางเรยี ก ด้วงโสน แแมมงลลงาฮย่ึมขไเี้ ฮม้าโภดายคดใ้วตงเ้ รนยี ้ำ�กมวันา่ จดะว้ พงไบฟมเดาอืกนอหยาู้่ตทามางตภ้นาแคคเหนตอื้นเโรสยี นก พชื ตระกูลถ่วั มะเขอื เทศ และ ปอ โดยจะบินเปน็ กลมุ่ มากนิ ใบและดอกของพชื เหลา่ นี้ สว่ นที่เปน็ พษิ ด้วงน้ำ�มันเป็นแมลงท่ีมีสารพิษร้ายแรงชนิดแคนทาริดินอยู่ ภายในล�ำ ตวั อนั ตรายเกดิ จากการทปี่ ระชาชนมคี วามเขา้ ใจผดิ นำ�ไปเผาไฟรบั ประทานโดยคิดว่าเปน็ อาหาร หรอื เปน็ ยาบ�ำ รุงก�ำ ลัง แล้วได้รับพิษน้ัน โดยพบว่าความร้อนจากการเผาไฟหรือ แมลงและสตั วข์ าข้อทม่ี ีพิษและเป็นอนั ตราย 5

รดจบัาว้ กงตนกวั �ำ้อามรยปนัา่ งรใดหุงอว้ส้ งาลนหา�้ำายมรไนัจปะสไดไง่ มม้ ซ่สางึ่ าตกมรรวามจรวถวทิ เิทคยำ�ราลาศาะายหสพห์ติษลรภาก์ ยาาครยแรในงั้พตลทาำ�ยมตเ์ ลัวค�ำขยดอไบัดง้ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2532 จนถงึ ปจั จบุ นั เนอื่ งจากปญั หาทป่ี ระชาชน จากภาคต่างๆ นำ�ไปกินแล้วเกิดพิษ ทำ�ให้เจ็บป่วย หรือ บางรายถึงกับเสียชวี ติ อาการ เมอื่ ดว้ งน�ำ้ มนั ถกู รบกวนจะขบั สารแคนทารดิ นิ ออกมาทนั ที สารน้ี การปอ้ งกัน เมอื่ สมั ผสั ถกู กบั ผวิ หนงั จะท�ำ ใหเ้ กดิ อาการระคายเคอื งอยา่ งรนุ แรง และรักษา และเกดิ เปน็ ผน่ื พอง ปวดแสบปวดรอ้ น ถา้ เขา้ ตาจะท�ำ ใหต้ าอกั เสบ และทส่ี �ำ คญั คอื ถา้ กนิ เขา้ ไปจะท�ำ ใหถ้ งึ ตายได้ โดยอาการของผปู้ ว่ ย ทก่ี นิ สารพษิ จากดว้ งน�้ำ มนั เขา้ ไปคอื จะมอี าการปวดทอ้ งอยา่ ง รุนแรง คลน่ื ไส้ อาเจยี นมเี ลอื ดปน ถา่ ยอุจจาระและปสั สาวะ มนีเำ�้ ลมือันดเกปนินกดวว้ า่ย และถ้ารบั พิษเขา้ ไปในปริมาณมากคอื กนิ ด้วง 3 ตัว จะทำ�ให้ถงึ ตายได้ โดยสารพษิ ดงั กล่าว จะเข้าไปทำ�ให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรงต่อเย่ือเมือกในระบบ ทางเดนิ อาหาร หา้ มจบั แมลงทมี่ ลี กั ษณะดงั กลา่ วทง้ั 3 ชนดิ มารบั ประทานโดย เด็ดขาด และไมไ่ ปกระต้นุ หรอื สมั ผสั กบั แมลงเหล่านี้ รวมทง้ั หกใหา้า้รรมีบนรล�ำับม้าปงารแระบัผทลปาใรนหะแ้สทมะาลอนงามชดานดกดิ้วอ่ ใยนดสๆถบา้ ู่แทรลีไ่า่ มะงก่รนจู้าำ้�ยักถหหกูลรพังือจษิ ราขู้จกอกั นงแั้นดตทว้ ไ่ งม�ำ นค่เค�้ำวมยานัมมี สะอาดแผลด้วยแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรคในเบื้องต้น ถ้ามี อาการคันหรือปวดแสบปวดร้อนให้ทาด้วยยาคาลาไมน์ อาจใชย้ าปฏชิ วี นะประเภทครมี ทาบรเิ วณทถ่ี กู พษิ กรณที ต่ี มุ่ แผล คแตวรกไใปหพร้ บับปแรพะททยา์นแยตาถ่ ป้าฏไดชิ ้รวี ับนะพแิษลจะาปกดิกแาผรลกไนิ วด้ ถว้ า้ งอนา้�ำ กมาันรรในุ หแร้ รบี ง ไปพบแพทยท์ นั ที พรอ้ มทั้งนำ�ตัวอยา่ งแมลงไปดว้ ย 6 แมลง สตั ว์ และพืช ท่มี ีพษิ และเปน็ อนั ตราย

ดว้ งกน้ กระดก (Rove beetles, Paederus fuscipes) ลักษณะ ดว้ งกน้ กระดกเปน็ แมลงขนาดเลก็ มคี วามยาวประมาณ 4-7 มม. ชนดิ ทพ่ี บบอ่ ยในบา้ นเราคอื Paederus fuscipes มลี กั ษณะทเ่ี หน็ ได้เดน่ ชดั คือ ลำ�ตวั มสี สี ้มสลับดำ� ปีกคแู่ รกแข็ง สน้ั สีด�ำ เปน็ มัน ส่วนทอ้ งยาวออกมานอกปกี สงั เกตเหน็ ไดง้ า่ ย ปลายทอ้ งมสี ดี ำ� สาเหตุท่ีได้ช่ือว่าด้วงก้นกระดกเน่ืองจากเป็นแมลงท่ีชอบงอ สว่ นทอ้ งข้นึ ๆ ลงๆ ตลอดเวลา แหลง่ ทพี่ บ ดว้ งกน้ กระดกพบอาศยั อยตู่ ามกองมลู สตั ว์ ตามดนิ ใตห้ นิ และ กองไมต้ ่างๆ หรือตามต้นพชื ทมี่ ีลกั ษณะเปน็ เถาปกคลมุ ชอบ บินเข้ามาเล่นไฟในบ้านเรือนในเวลากลางคืน จึงทำ�ให้คนมี โอกาสได้สัมผัสกับแมลงชนิดน้ี บางครั้งประชาชนจะเรียก แมลงชนิดนี้ว่า แมลงเฟรชช่ี เน่ืองจากจะพบมากในช่วงเปิด เทอมซึ่งเป็นช่วงเข้าสฤู่ ดูฝน สว่ นทเี่ ป็นพษิ ดว้ งกน้ กระดกเปน็ ดว้ งทพ่ี บวา่ ท�ำ ใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ประชาชน อยู่เสมอ เน่อื งจากมีสารพิษชนิดพีเดอรนิ อยู่ภายในลำ�ตวั ของ แมลง อาการ ด้วงก้นกระดกจะไม่กัดคน แต่ถ้าเผอิญไต่ขึ้นมาตามร่างกาย แลว้ ไปตบตหี รอื ท�ำ ใหล้ �ำ ตวั แตกหกั สารพเี ดอรนิ จากตวั แมลง ก็จะซึมเข้าสู่ผิวหนังและร่างกายของเรา มีผลทำ�ให้เกิดเป็น แผลพพุ อง บวมแดง ปวดแสบปวดรอ้ นอยา่ งมาก และมไี ข้ โดย แผลพพุ องจะเปน็ อยหู่ ลายวนั เมอื่ แผลทเุ ลาแลว้ จะยงั เปน็ รอย ดำ�อยู่อีกระยะหนึ่ง และสารพีเดอรินนี้ถ้าเข้าตาก็จะทำ�ให้ตา อักเสบจนถึงตาบอดได้ แมลงและสัตว์ขาข้อทีม่ ีพิษและเปน็ อันตราย 7

ดว้ งกน้ กระดกหรือแมลงเฟรชช่ี อาการที่เกดิ จากการสัมผสั ด้วงก้นกระดก 8 แมลง สัตว์ และพืช ท่ีมีพิษและเปน็ อันตราย

การปอ้ งกนั หลีกเล่ียงไมไ่ ปสัมผสั กับแมลงชนิดน้ี แตถ่ า้ พบแมลงไต่ข้นึ มา และรกั ษา ตามรา่ งกายอยา่ ไปตหี รอื บี้ เพราะจะท�ำ ใหน้ �้ำ พษิ จากตวั แมลง ออกมาสมั ผสั กบั ผวิ หนงั ของเราได้ ควรใชไ้ ฟแบบบงั คบั ใหแ้ สง ส่องในบริเวณท่ีต้องการ เน่ืองจากด้วงก้นกระดกจะชอบบิน มาเลน่ ไฟในเวลากลางคนื แต่ถ้าผวิ หนังถกู น�้ำ พิษของดว้ งกน้ กระดก หา้ มแกะเกาเพราะจะท�ำ ใหน้ �ำ้ พษิ กระจายเกดิ เปน็ แผล พุพองเป็นบริเวณกว้างมากข้ึน ให้รีบล้างแผลให้สะอาดด้วย สบู่และนำ้� หลังจากนั้นทำ�ความสะอาดแผลด้วยแอลกอฮอล์ เพอ่ื ฆา่ เชอื้ โรคในเบอื้ งตน้ ถา้ มอี าการคนั หรอื ปวดแสบปวดรอ้ น ให้ทาด้วยยาคาลาไมน์ อาจใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีมทา บรเิ วณทถี่ กู พษิ กรณที ตี่ มุ่ แผลแตกใหร้ บั ประทานยาปฏชิ วี นะ และปิดแผลไว้ ถ้าอาการรนุ แรงควรไปพบแพทย์ แมลงและสตั วข์ าข้อทม่ี ีพิษและเปน็ อนั ตราย 9

แมลงตด 10 แมลง สตั ว์ และพืช ท่มี ีพษิ และเปน็ อนั ตราย

แมลงตด (Bombardier beetle, Pherosophus sp.) ลกั ษณะ แมลงตดเป็นแมลงประเภทด้วงปีกแข็งที่มีพิษอีกชนิดหน่ึงที่ สามารถทำ�ให้เกิดอันตรายกับประชาชนได้ ชนิดที่พบเห็นได้ ทวั่ ไปในประเทศไทย ได้แก่ ชนดิ Pherosophus javanus และ P. occipitalis มลี กั ษณะทว่ั ไปคือ มีลำ�ตวั กวา้ ง 5-6 มม. ยาว 17-21 มม. หัว ตา ริมฝีปากบนและดา้ นบนของอกปลอ้ ง แรกมสี เี หลอื งอมน�ำ้ ตาลคอ่ นขา้ งเปน็ มนั ดา้ นลา่ งของหวั สเี หลอื ง ผนน�้ำ ตงั รามิลฝอปียู่ขากอลบา่ปงีกสดดี า้ำ�นอบมนแดแงลหะรทอื ่ีกดล�ำ างปปกี ีกสเดี ห�ำ ็นมไลี ดา้เยดส่นเีชหดั ลอื งอม แหล่งที่พบ แมลงตดพบแพร่กระจายอยู่ทั่วไปในประเทศไทย โดยอาศัย อตย้นตู่ไมาม้ทพี่ตน้ืายดทนิ ่ีลใ้มนอชยอ่ ู่เงหใตนด้ ือนิ ดินกอหงหรืนอิ บหารงอื คใตรเ้ั้งปพลบอื ตกาไมมชใ้ นายกฝง่ิ หั่งนรอื้ำ� อาศยั จบั แมลงและสัตวเ์ ลก็ ๆ อื่นกินเปน็ อาหาร ส่วนที่เปน็ พษิ แมลงตดมสี ารพษิ ประเภทควโิ นน โดยจะปลอ่ ยออกมาทางกน้ ในลักษณะพ่นออกมาเป็นหมอกและมีเสียงดังคล้ายตด โดยสารพิษดังกล่าวจะผลิตจากต่อมภายในท้อง และมีกลไก ของรา่ งกายท�ำ ใหเ้ กดิ แรงดนั ฉดี สารพษิ ออกมาเปน็ ละอองละเอยี ด ปกตแิ มลงตดจะปลอ่ ยสารพษิ เพอ่ื ปอ้ งกนั ตวั หรอื เมอื่ ถกู รบกวน อาการ สารพิษควิโนนเมื่อถูกผิวหนังจะแสบร้อนและผิวไหม้คล้าย การป้องกัน ถูกกรด หากโดนทสี่ �ำ คัญเชน่ ตา จะทำ�ให้ตาบอดได้ และรกั ษา ใหหล้รกี ีบเลลยี่้างงไแมผไ่ ลปใสหมั ้สผะสั อกาบัดแดม้วลยงสเบหู่แลลา่ นะน้ี แ้ำ�ตถ่ แา้ ลผ้ววิ ใหช้นยางั ถปกูฏนิช�ำ้ีวพนษิะ ประเภทครมี ทาบรเิ วณทถี่ กู พษิ กรณที ผี่ วิ หนงั เปน็ ตมุ่ ไหมพ้ อง แลว้ เกดิ ตมุ่ แผลแตกใหร้ บั ประทานยาปฏชิ วี นะและปดิ แผลไว้ เพ่ือป้องกนั การติดเช้อื ซ้�ำ ถ้ามีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์ แมลงและสตั ว์ขาข้อท่ีมพี ษิ และเป็นอันตราย 11

ดว้ งปีกแขง็ ชนิด Alphitobius diaperinus ซ่ึงมกั พบเป็นขา่ วบุกบา้ นเรอื นประชาชนทจี่ งั หวดั ตา่ งๆ 12 แมลง สัตว์ และพชื ทม่ี พี ษิ และเปน็ อนั ตราย

แมลงบกุ บา้ น ด้วงบุกบา้ น (Alphitobius diaperinus) ลกั ษณะ แมลงชนดิ นเี้ ปน็ แมลงทพี่ บเปน็ ขา่ วอยเู่ สมอวา่ มแี มลงนบั เปน็ แสนๆ ตัว บุกเข้าไปอยู่ในบ้านเรือนของประชาชนแล้วสร้าง ความเดือดร้อนให้กับเจ้าของบ้านเป็นอันมาก แมลงชนิดน้ี เป็นด้วงปีกแข็งชนิดหน่ึง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Alphitobius diaperinus มีขนาดล�ำ ตัวยาว 6-8 มม. เปน็ แมลงทพี่ บไดท้ ว่ั โลกแต่จะพบมากในเขตร้อน รวมทงั้ ในประเทศไทย แหลง่ ท่ีพบ ดว้ งชนดิ นบ้ี นิ ไดไ้ กลพอสมควร ชอบคบื คลาน รวมทงั้ ชอบบนิ มาเลน่ ไฟในเวลากลางคนื กนิ อาหารไดห้ ลากหลาย ทง้ั จำ�พวก เมล็ดพืช ผลิตภัณฑ์จากพืชท่ีชื้นหรือข้ึนรา รวมทั้งวัตถุท่ี เน่าเป่ือย พบอาศัยอยู่ตามกองปุ๋ย มูลสัตว์ ปุ๋ยหมัก และไม้ผุ บางชนดิ รวมทง้ั บรเิ วณทมี่ เี ลา้ เปด็ ไก่ โดยแมลงชนดิ นส้ี ามารถ ท่ีจะเจริญเติบโตจนครบวงจรชีวิตและอยู่อาศัยได้ในบริเวณ ดงั กลา่ ว จะพบแมลงชนดิ นชี้ อบเขา้ มาอยใู่ นทอ่ี ยอู่ าศยั ของคน โดยเฉพาะถา้ บรเิ วณบา้ น หรือรอบๆ บา้ นนั้น มีไมผ้ ุพัง และ เป็นปา่ หรือมีเลา้ เป็ดเล้าไก่ สว่ นท่ีเป็นพษิ แมลงชนิดนี้ไม่มีรายงานว่าเป็นพาหะนำ�โรคมาสู่คนหรือมี น้�ำ พิษแต่อย่างใด แตเ่ นือ่ งจากตามลำ�ตวั และขาของแมลงจะ มหี นามแหลม ซงึ่ อาจจะขดี ขว่ นผวิ หนงั ของคน ซึง่ ผู้ท่ีแพก้ ็จะ มีอาการคัน บวมแดงหรือเป็นผื่นแพ้ได้ และเมื่อมีแมลงเป็น จำ�นวนมาก จะมักเข้ามาไต่ตามลำ�ตัว ใบหูและจมูกของคน ท�ำ ใหเ้ กดิ ความร�ำ คาญ รวมทงั้ เมอื่ เขา้ มาอาศยั และขยายพนั ธุ์ อยู่ภายในบ้าน จะมาออกไข่อยู่ตามร่องพ้ืน ขอบหน้าต่าง บนหลงั คาและรอบบรเิ วณบา้ นและท�ำ ให้เกดิ กลน่ิ เหม็น แมลงและสัตวข์ าข้อท่มี พี ษิ และเปน็ อนั ตราย 13

อาการ มักเป็นอาการแพ้จากการถูกหนามแมลงขีดข่วนรวมท้ังจาก กล่ินเหม็น การปอ้ งกัน ถา้ ถกู แมลงขดี ขว่ นใหร้ บี ลา้ งแผลใหส้ ะอาดดว้ ยสบแู่ ละน�้ำ และรกั ษา ถา้ มอี าการคนั พยายามอยา่ เกา อาจทาดว้ ยยาคาลาไมน์ หรอื ถ้ามีการอักเสบให้ทาด้วยยาปฏิชีวนะประเภทครีม ส่วนการ กำ�จัดแมลง ทำ�ได้โดยเตรียมนำ้�ละลายผงซักฟอกใส่ภาชนะ น�ำ ไปวางไวใ้ ต้ดวงไฟนอกบา้ น เพอื่ ดกั แมลงที่มาเล่นไฟใหจ้ ม น้�ำ ตาย รวมท้งั สามารถฉดี พ่นสารเคมกี ำ�จัดแมลงตามบรเิ วณ แหล่งเกาะพัก แหลง่ เพาะพนั ธ์ุนอกบา้ น เชน่ บรเิ วณโพรงไมผ้ ุ ใตก้ องไมช้ น้ื หรอื กองซากพชื ทบั ถม รวมทง้ั บรเิ วณกองมลู สตั ว์ หรอื ปุ๋ย 14 แมลง สตั ว์ และพชื ทีม่ ีพษิ และเปน็ อนั ตราย

ผง้ึ (Bees, Apis spp.) ลักษณะ ผึ้งเป็นแมลงท่ีมีเหล็กใน สามารถทำ�อันตรายกับคนโดยการ ต่อยด้วยเหล็กในท่ีอยู่ปลายท้อง ผ้ึงมีหลายชนิด ที่เรารู้จัก กนั ดี ไดแ้ ก่ ผงึ้ เลยี้ ง (Apis mellifera), ผงึ้ โพรง (Apis indica), ผ้ึงม้มิ (Apis florea) และผึง้ หลวง (Apis dorsata) เป็นตน้ ผึ้งมีลักษณะโดยทั่วไปคือ ลำ�ตัวมีสีเหลืองน้ำ�ตาล ขาหลังมี อวยั วะพเิ ศษส�ำ หรบั เกบ็ เกสรเรยี กวา่ ตะกรา้ เกบ็ เกสร มปี กี 2 คู่ มขี นตามล�ำ ตวั มลี กั ษณะเปน็ ขนละเอยี ด สว่ นปลายทอ้ งมเี หลก็ ในย่นื ออกมาเหน็ ได้เดน่ ชดั แหล่งท่พี บ ผ้ึงสามารถพบไดท้ ั่วไป โดยจะพบทำ�รงั อยูใ่ กลบ้ รเิ วณต้นไมท้ ่ี ผง้ึ สามารถไปหาอาหารได้ หรอื บางครง้ั อาจพบเขา้ มาท�ำ รงั ใน บริเวณบ้านของเรา บางครั้งเราอาจพบผ้ึงบินมาหาอาหาร บรเิ วณทมี่ ขี นม หรอื ของหวานไดเ้ ช่นกัน สว่ นท่ีเปน็ พิษ ภายในรา่ งกายของผ้งึ จะมตี อ่ มสรา้ งสารพิษ ซึง่ น�ำ้ พษิ ของผึง้ จะมหี ลายประเภท โดยสารพษิ เหลา่ นจ้ี ะถกู ปลอ่ ยออกมาทาง เหล็กในท่ีอยู่ปลายท้อง คนจะได้รับสารพิษผ่านทางเหล็กใน เมอื่ ถูกผึ้งต่อย อาการ เมอ่ื ผงึ้ ตอ่ ยแลว้ ผง้ึ จะทงิ้ เหลก็ ในไวต้ รงบรเิ วณทถ่ี กู ตอ่ ย ดงั นนั้ จึงไม่ควรบีบหรือขยี้บริเวณที่ถูกต่อยเพราะจะทำ�ให้เหล็กใน ยง่ิ ฝงั ลกึ ลงไปในผวิ หนงั และน�้ำ พษิ จะกระจายมากขนึ้ วธิ ที ถ่ี กู ตอ้ งคอื ควรคอ่ ยๆ ดงึ เหลก็ ในออกมา อาการเมอ่ื ไดร้ บั พษิ แลว้ จะเกดิ ไดต้ ้ังแต่อาการเฉพาะที่ในบริเวณท่ถี กู ตอ่ ย ไดแ้ ก่ ปวด แมลงและสัตวข์ าขอ้ ทม่ี ีพษิ และเป็นอันตราย 15

ผง้ึ หลวง ผงึ้ เล้ยี ง ลักษณะการตอ่ ยของผึง้ ลกั ษณะการท�ำ รงั ของผ้งึ ดว้ ยเหลก็ ในท่อี ยูป่ ลายทอ้ ง 16 แมลง สัตว์ และพืช ท่มี พี ิษและเปน็ อันตราย

การปอ้ งกนั บวม แดง รอ้ น หรือเป็นผ่ืนแพ้ จนถงึ อาการที่พิษเขา้ ไปตาม และรักษา กระแสเลอื ด ท�ำ ใหเ้ กดิ อาการทว่ั รา่ งกาย เชน่ หลอดเลอื ดบวม หายใจขัด คล่นื ไส้ อาเจียน แนน่ ทอ้ ง ท้องเดิน เปน็ ลม ช็อค และอาจเสียชวี ติ ไดใ้ นผทู้ ีม่ ีอาการแพพ้ ิษผงึ้ อย่างรุนแรง หรอื ได้รบั พิษในปริมาณมาก หลกี เลย่ี งไมไ่ ปรบกวนรงั ผง้ึ หรอื เขา้ ไปอยบู่ รเิ วณทม่ี รี งั ผงึ้ แต่ถ้าถูกผึ้งต่อย ให้ค่อยๆ ดึงเหล็กในออกจากบาดแผลดังที่ กล่าวมาแล้ว ส่วนการรักษาอาการพิษทำ�ได้โดย ใช้น้ำ�แข็ง ประคบบรเิ วณทถ่ี กู ตอ่ ย ถา้ ปวดมากใหร้ บั ประทานยาระงบั ปวด และอาจรบั ประทานยาปฏชิ วี นะเพอื่ ลดอาการอกั เสบและเพอื่ ป้องกันการติดเช้ือแบคทีเรียแทรกซ้อน ส่วนในบางรายท่ีมี อาการรุนแรง เช่น ช็อค หรือร้สู ึกว่ามีความผิดปกติในระบบ ทางเดินหายใจให้รีบไปพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตามความ รุนแรงของพิษจะขึ้นกับจำ�นวนแผลที่ถูกต่อย ปริมาณพิษที่ ไดร้ ับ อายุ นำ�้ หนกั ตวั และประวัติการแพ้ของผู้ถูกตอ่ ย เช่น ผทู้ ีม่ ปี ระวตั ิเปน็ โรคภมู แิ พ้ จะมอี าการรุนแรงกว่าคนอ่ืน แมลงและสัตวข์ าขอ้ ที่มีพษิ และเป็นอนั ตราย 17

ต่อหัวเสือ ลกั ษณะรังของตอ่ หวั เสอื 18 แมลง สตั ว์ และพชื ที่มพี ษิ และเป็นอนั ตราย

ตัวตอ่ (Wasps, Vespa affni is) ลกั ษณะ ตัวต่อ เป็นแมลงอยู่ในวงศ์ Vespidae ชนิดที่มีความสำ�คัญ และพบท�ำ อนั ตรายกบั คนบอ่ ยๆคอื ตอ่ หวั เสอื (Vespa affinis) ซ่งึ มีลักษณะโดยทว่ั ไปคือ ล�ำ ตัวมสี เี หลืองและด�ำ มคี วามยาว ต้งั แต่ 10-30 มม. สว่ นใหญ่เมอ่ื เกาะอยกู่ ับท่จี ะพับปีกไปตาม ความยาวของลำ�ตวั แหล่งทีพ่ บ ตัวต่อสามารถพบได้ท่ัวไป โดยบางครั้งจะเข้ามาท�ำ รังอยู่ใกล้ บริเวณท่ีอยู่อาศัยของคน หรือแม้แต่มาสร้างรังอยู่ในบริเวณ ที่พักอาศัยของเรา บางคร้ังจะพบตัวต่อเข้ามาหาอาหารใน ทพี่ ักอาศยั แต่รงั จะอยไู่ กลออกไป สว่ นท่ีเปน็ พิษ ตอ่ เปน็ แมลงทที่ �ำ รา้ ยคนดว้ ยการตอ่ ยโดยใชเ้ หลก็ ในทอี่ ยปู่ ลาย ท้องแล้วปล่อยน้ำ�พิษผ่านออกมาทางเหล็กในน้ัน โดยได้ ดดั แปลงอวยั วะทใ่ี ชใ้ นการวางไขใ่ หเ้ ปน็ เหลก็ ใน การตอ่ ยของ ต่อจะแตกต่างจากผ้ึงคือ ต่อสามารถต่อยโดยการฝังเหล็กใน เขา้ ในตวั ศตั รหู รอื เหยอ่ื ไดห้ ลายครง้ั ในขณะทผ่ี งึ้ สามารถท�ำ ได้ เพยี งครงั้ เดยี ว อาการ เม่ือได้รับพิษผู้ถูกต่อยจะมีอาการเช่นเดียวกับถูกผึ้งต่อยคือ จะเกดิ อาการไดต้ งั้ แตอ่ าการเฉพาะทใี่ นบรเิ วณทถ่ี กู ตอ่ ย ไดแ้ ก่ ปวด บวม แดงรอ้ น เปน็ ผื่นแพ้ หรอื ถ้ารุนแรงอาการปวดบวม อาจลามเป็นบริเวณกว้างได้ ส่วนอาการอื่นๆ ที่เกิดข้ึนได้คือ อาการทพ่ี ษิ เขา้ ไปตามกระแสเลอื ด ท�ำ ใหเ้ กดิ อาการทว่ั รา่ งกาย เช่นหลอดเลือดบวม หายใจขัด คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง แมลงและสตั วข์ าข้อทมี่ ีพษิ และเป็นอนั ตราย 19

ท้องเดิน เปน็ ลม ไตวาย ปสั สาวะเป็นเลือด รวมท้งั มีฤทธ์ิตอ่ ระบบหัวใจ ระบบประสาท ช็อค และอาจเสยี ชีวิตได้ในผูท้ มี่ ี อาการรนุ แรง การป้องกนั โดยการไมร่ บกวนรงั ของตัวตอ่ สว่ นในกรณีท่ีมีตวั ตอ่ มาสรา้ ง และรักษา ในบริเวณบ้านให้ทำ�การย้ายรังตั้งแต่ยังเป็นรังขนาดเล็ก ซึ่งภายในจะมีเพียงต่อนางพญาเท่านั้น ในกรณีท่ีจะย้ายรังท่ี เปน็ รงั ใหญค่ วรใหผ้ มู้ คี วามช�ำ นาญเปน็ ผกู้ ระท�ำ และหลกี เลยี่ ง ไม่เข้าไปอยู่บริเวณที่มีรังต่อ แต่ถ้าถูกตัวต่อต่อยจะสามารถ รักษาอาการพิษทำ�ได้โดย ใช้นำ้�แข็งประคบบริเวณท่ีถูกต่อย ถ้าปวดมากใหร้ ับประทานยาระงับปวด และอาจรบั ประทาน ยาปฏิชีวนะเพ่ือลดอาการอักเสบและเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แบคทเี รยี แทรกซอ้ น ในรายทมี่ ีอาการรุนแรง เช่น ช็อค ให้รีบ ไปพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตามความรุนแรงของพิษจะเช่น เดียวกับผ้ึงคือ จะข้ึนกับจ�ำ นวนแผลที่ถูกต่อย ปริมาณพิษที่ ไดร้ บั อายุ น�ำ้ หนกั ตวั และประวัตกิ ารแพ้ของผู้ถกู ตอ่ ย เช่น ผ้ทู ่ีมปี ระวัติเป็นโรคภูมแิ พ้ ก็จะมีอาการรนุ แรงกว่าคนอ่ืน 20 แมลง สตั ว์ และพชื ที่มีพษิ และเปน็ อันตราย

มวนเพชฌฆาต (Assassin bugs, Triatoma spp.) ลกั ษณะ มวนเพชฌฆาตเปน็ แมลงประเภทมวนชนดิ หนง่ึ เปน็ แมลงทมี่ ี ขนาดกลางจนถงึ ขนาดใหญ่ โดยมลี �ำ ตวั ยาวประมาณ 1-3 ซม. รา่ งกายมสี ดี �ำ น�ำ้ ตาล และจะมสี อี นื่ ๆ ปนอยดู่ ว้ ย เชน่ สเี หลอื ง แดง หรอื สม้ สว่ นหัวมลี กั ษณะเรยี วยาว สว่ นทอ่ี ย่หู ลังตาคอด ลกั ษณะเปน็ คอ ปากเปน็ แบบแทงดดู เมอ่ื ไมไ่ ดด้ ดู กนิ เลอื ดจะ โค้งงอพบั เกบ็ ไวใ้ ตส้ ่วนอก เมื่อต้องการดดู เลือดจึงจะยนื่ ส่วน ปากออกมา ชนดิ ทม่ี คี วามสำ�คญั และพบไดใ้ นประเทศไทยคอื Triatoma spp.และ Rhodnius spp. แหล่งที่พบ มวนเพชฌฆาตชอบหลบซ่อนตัวและอาศัยอยู่ตามบริเวณท่ี รกรุงรัง ตามกองวัสดุท่ีวางท้ิงไว้ เช่น ตามกองไม้ กองเชือก ตามรอยแตกของผนงั หอ้ ง เพดานหอ้ ง พน้ื หอ้ ง รวมทงั้ บรเิ วณ พน้ื ดนิ และพมุ่ ไมร้ อบๆ บา้ น ท�ำ ใหย้ ากทจี่ ะมองเหน็ ตวั ในเวลา กลางวนั ส่วนกลางคนื จะชอบออกมาหากินเมอื่ เราปิดไฟและ เข้านอนแล้ว ส่วนทเ่ี ปน็ พิษ มวนเพชฌฆาตเป็นแมลงที่ดูดกินเลือดคนและสัตว์ใหญ่ต่างๆ เปน็ อาหาร น�ำ้ ลายของมวนเพชฌฆาตบางชนดิ มสี ารพษิ ทำ�ให้ เกิดความเจ็บปวด และทำ�ให้เกิดแผล ส่วนในต่างประเทศมี รายงานว่าเป็นพาหะน�ำ โรคบางชนิด แมลงและสัตวข์ าขอ้ ทม่ี พี ิษและเปน็ อนั ตราย 21

มวนเพชฌฆาต ตัวมวนเพชฌฆาตซ่อนตวั อยูต่ ามรอยแตกของไม้ และออกมาดดู กนิ เลอื ดคนในเวลากลางคืน 22 แมลง สัตว์ และพชื ท่มี พี ิษและเปน็ อนั ตราย

อาการ การดูดกินเลือดของมวนเพชฌฆาตจะเบามากแต่จะเห็น ลักษณะเป็นรอยผ่ืนแดงทิ้งไว้บนผิวหนัง ซ่ึงต่อมาจะเกิดเป็น ผื่นแพ้ รวมทั้งนำ้�ลายของมวนเพชฌฆาตบางชนิดมีสารพิษ ทำ�ให้เกิดความเจ็บปวดและทำ�ให้เกิดแผล มวนเพชฌฆาต ชอบดูดกินเลือดคนบริเวณใบหน้าเป็นพิเศษ รวมท้ังบริเวณ ลกู นัยนต์ า ซ่งึ ท�ำ ใหเ้ กดิ อาการหนังตาบวมอักเสบขนึ้ ได้ การปอ้ งกนั รกั ษาความสะอาด ไมป่ ลอ่ ยบ้านให้สกปรกรกรุงรัง ซ่อมแซม และรักษา ผนงั หอ้ งเมื่อพบวา่ มีรอยแตก ส�ำ รวจบรเิ วณรอบๆ บา้ นไมใ่ ห้มี กองวสั ดุเหลือใช้ เกบ็ กวาดกองใบไม้ท่ีรกรุงรัง ทง้ั นีเ้ พ่ือไม่ให้ มที อ่ี ยอู่ าศยั และทห่ี ลบซอ่ นตวั และถา้ พบวา่ มรี อยผนื่ แพจ้ าก การดูดกินเลือดของมวนเพชฌฆาตให้รีบล้างแผลให้สะอาด ดว้ ยสบแู่ ละน�ำ้ แลว้ ใชย้ าปฏชิ วี นะหรอื ครมี ทาบรเิ วณทถี่ กู พษิ กรณที ตี่ มุ่ แผลแตกใหร้ บั ประทานยาปฏชิ วี นะ ถา้ อาการรนุ แรง ควรไปพบแพทยโ์ ดยเฉพาะถา้ ถกู ดดู กนิ เลอื ดบรเิ วณลกู นยั นต์ า แมลงและสัตวข์ าขอ้ ท่ีมพี ิษและเปน็ อันตราย 23

ตัวเรอื ด รอยแผลท่ีเกดิ จากการถูกตัวเรอื ดดดู กินเลอื ด 24 แมลง สัตว์ และพชื ที่มีพิษและเป็นอนั ตราย

ตัวเรือด (Bed bugs, Cimex spp.) ลกั ษณะ ตัวเรอื ดเป็นแมลงประเภทมวนชนิดหน่งึ มลี กั ษณะเป็นแมลง ขนาดเลก็ ลำ�ตัวกวา้ งเป็นรปู ไขแ่ ละแบน มสี ีนำ�้ ตาลแดง เมอื่ ดดู กนิ เลอื ดแลว้ สลี �ำ ตวั จะคล�้ำ ลง ล�ำ ตวั ยาวประมาณ 3-5 มม. ปากเปน็ แบบแทงดดู ลกั ษณะโคง้ งอสามารถสอดเขา้ ไปในรอ่ ง ด้านล่างของลำ�ตัว เม่ือต้องการดูดเลือดจึงจะย่ืนส่วนปาก ออกมา ชนิดที่มีความสำ�คัญและพบได้ในประเทศไทยคือ Cimex spp. แหลง่ ท่พี บ ในเวลากลางวนั ตวั เรอื ดจะชอบหลบซอ่ นตวั และอาศยั อยตู่ าม ทนี่ อน ซอกเตยี ง เกา้ อ้ี ตามรอยแตกของผนงั หอ้ ง เพดานหอ้ ง พื้นห้อง และตามรอยแตกของอาคาร รวมทั้งตามอาคารท่ี สาธารณะตา่ งๆ เชน่ โรงภาพยนตร์ โรงแรม โรงเรยี น โดยเฉพาะท่ี ท่ีค่อนข้างสกปรกและมีคนมาอยู่รวมกันเป็นจำ�นวนมาก และจะชอบออกมาดูดกินเลือดในเวลากลางคืน หรือในท่ีมืด เมื่อเราปิดไฟเข้านอน หรือในโรงภาพยนตร์ที่ปิดไฟมืดขณะ ฉายหนงั สว่ นทเ่ี ป็นพิษ ตวั เรอื ดเปน็ แมลงทดี่ ดู กนิ เลอื ดคนและสตั วเ์ ปน็ อาหาร โดยใน ขณะที่ดูดกินเลือดจะปล่อยนำ้�ลายเข้าไปในเนื้อเย่ือ ซึ่งใน นำ�้ ลายจะมีส่วนท่มี สี ารพษิ ท�ำ อันตรายกับคน แมลงและสตั วข์ าขอ้ ทม่ี พี ิษและเป็นอันตราย 25

อาการ ผู้ถูกดูดกินเลือดจะรู้สึกเจ็บในบริเวณท่ีถูกกัดโดยมองไม่เห็น ตวั เรอื ด แตจ่ ะทงิ้ รอยผน่ื แดงไวบ้ นผวิ หนงั ซง่ึ ตอ่ มาจะเกดิ เปน็ ผน่ื แพ้ เจบ็ ปวด และถา้ เกดิ อาการคนั และเกามากๆ จะยงิ่ เกดิ การอกั เสบ และอาจเกดิ การตดิ เชอื้ ซ�้ำ ท�ำ ใหร้ อยแผลหายยาก ยิ่งขึ้น ส่วนผูท้ ี่ถกู กดั ซำ�้ ๆ รา่ งกายจะถกู กระต้นุ ให้เกิดอาการ แพ้เหมือนกบั เป็นโรคภมู ิแพไ้ ด้ การป้องกัน ให้รกั ษาความสะอาดของสถานท่ี ซ่อมแซมผนังหอ้ ง พืน้ หอ้ ง และรกั ษา และตวั อาคารเมอ่ื พบวา่ มรี อยแตก ทงั้ นเี้ พอื่ ไมใ่ หม้ ที อ่ี ยอู่ าศยั และทห่ี ลบซอ่ นตวั ของตวั เรอื ด และถา้ พบวา่ มรี อยผนื่ แพจ้ าก การดดู กนิ เลอื ดใหร้ บี ลา้ งแผลใหส้ ะอาดดว้ ยสบแู่ ละน�ำ้ แลว้ ใช้ ยาปฏิชีวนะหรือครีมทาบริเวณท่ีถูกพิษ ให้รับประทานยา ปฏิชีวนะถ้าพบว่ามีการติดเชื้อซ้ำ�บริเวณรอยแผลที่ถูกกัด แต่ถ้ามีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์ 26 แมลง สตั ว์ และพืช ทมี่ พี ษิ และเปน็ อนั ตราย

หนอนบุ้ง และผีเส้ือกลางคืน (Hairy caterpillar และ Gypsy moth, Lymantria dispa) ลกั ษณะ แมลงในกลุ่มผีเสื้อที่เป็นอันตรายกับคนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม ของผเี สอื้ กลางคนื ซง่ึ ทง้ั ตวั ออ่ นทเ่ี ปน็ ตวั หนอนชนดิ ทเี่ ราเรยี ก ว่าหนอนบุ้งหรือหนอนร่าน รวมท้ังตัวผีเส้ือกลางคืนจะมีขน และเกล็ดปกคลุมอยู่ท่ัวลำ�ตัว ตัวหนอนบุ้งหรือหนอนร่าน จะมีสีสันสดใส และขนที่ปกคลุมจะมีลักษณะเป็นขนแข็ง สว่ นตวั ผเี สอื้ กลางคนื จะมสี ไี มฉ่ ดู ฉาด ล�ำ ตวั มลี กั ษณะอว้ นปอ้ ม และปกคลุมดว้ ยขนละเอยี ด แหล่งท่พี บ ผเี สอื้ ในกลมุ่ นจ้ี ะพบไดท้ วั่ ไป โดยตวั หนอนจะพบหากนิ อยตู่ าม พืชชนดิ ตา่ งๆ เน่อื งจากตอ้ งอาศัยกินใบพืชเหล่าน้เี ป็นอาหาร ส่วนตัวผีเสื้อจะออกหากินในเวลากลางคืน และชอบเข้ามา เล่นไฟ ทำ�ให้มีโอกาสเขา้ มาใกลช้ ิดกับคน ส่วนทเ่ี ป็นพษิ พบว่าขนหลายชนิดที่อยู่บริเวณลำ�ตัวของตัวหนอนบุ้งและ ตวั ผเี สื้อ มสี ารพิษหลายประเภททีเ่ ปน็ อนั ตรายกบั คน อาการ เมื่อไปสัมผัสถูกขนพิษเหล่าน้ีจะทำ�ให้เกิดอาการแสบร้อนได้ ทนั ที รวมท้งั ท�ำ ให้เกิดผื่นแพ้ขนึ้ ทผี่ ิวหนงั หลงั จากนัน้ จะเกิด อาการ บวม ชา นอกจากนน้ั เม่อื ถูกพิษแลว้ พษิ จะสามารถ แพรไ่ ปยงั สว่ นอน่ื ๆ ของรา่ งกายทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี งได้ เชน่ ทต่ี อ่ มน�ำ้ เหลอื ง ทำ�ให้เกิดอาการอักเสบบวม และถ้าขนพิษเหล่าน้ีไปถูกกับ เยอื่ เมอื กหรอื ระบบทางเดนิ หายใจสว่ นตน้ ตลอดจนลกู นยั นต์ า แมลงและสัตวข์ าข้อท่มี ีพิษและเปน็ อันตราย 27

หนอนบุ้ง ผเี สอื้ กลางคนื 28 แมลง สัตว์ และพืช ท่มี พี ษิ และเปน็ อนั ตราย

จะทำ�ให้เกิดความรุนแรงมากข้ึน ในเด็กถ้าขนพิษเข้าตาอาจ ท�ำ ใหต้ าบอดได้ และผมู้ อี าการแพม้ ากอาจมอี าการปวดศรี ษะ คลน่ื ไส้ อาเจียน ชา เป็นอมั พาต จนถึงกบั ชอ็ ค การปอ้ งกนั ตัวหนอนและตัวผเี สอ้ื ไม่ไดท้ �ำ อนั ตรายกบั คนโดยตรง แต่พษิ และรกั ษา จะเกิดจากการท่ีคนไปสัมผัสโดนตัวแมลงและขนพิษโดย บังเอิญ ดังนั้นควรมีความระมัดระวังไม่เข้าไปสัมผัสกับแมลง ในกลุ่มนี้ รวมท้ังไม่เข้าไปใกล้เนื่องจากขนพิษอาจปลิวมาถูก ผิวหนังของเราได้ ส่วนการรักษาอาการพิษ ทำ�ได้โดยการดึง เอาขนพิษออกจากผิวหนังด้วยเทปกาว ใช้นำ้�แข็งประคบ บรเิ วณทถ่ี กู ขนพษิ รกั ษาความสะอาด ทาดว้ ยแอมโมเนยี หรอื ครีมประเภทรักษาอาการแสบร้อน ให้กินยาแก้แพ้และ ยาระงับอาการปวด ส่วนในรายท่ีมีอาการแพ้รุนแรงหรือเกิด อาการชอ็ คให้รีบไปพบแพทย์ แมลงและสัตวข์ าขอ้ ที่มพี ษิ และเปน็ อนั ตราย 29

แมลงสาบอเมริกัน แมลงสาบเยอรมนั แมลงสาบผี 30 แมลง สัตว์ และพืช ท่มี พี ษิ และเป็นอนั ตราย

แมลงสาบ (Cockroaches, 1. Periplaneta americana, 2. Blattella germanica, 3. Neostylopyga rhombifolia) ลักษณะ แมลงสาบเป็นแมลงที่ทุกคนรู้จักกันดี มีความใกล้ชิดกับคน มากเนื่องจากเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านและกินอาหารของเรา แมลงสาบจัดเป็นแมลงท่ีมีขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ มีสี น�้ำ ตาลออ่ นจนถงึ ด�ำ ล�ำ ตวั แบนรปู ไข่ สว่ นหวั จะซอ่ นอยใู่ ตอ้ ก ปล้องแรกท่ีมีขนาดใหญ่ ชนิดที่พบเห็นได้บ่อยๆ ได้แก่ แมลงสาบอเมรกิ นั (Periplaneta americana) เปน็ แมลงสาบ ทมี่ ีสนี ำ้�ตาลแดงเปน็ มนั วาว มีขนาดใหญ่ ลำ�ตัวยาวประมาณ 30-40 มม.บนสนั หลงั อกสว่ นตน้ มจี ดุ สดี ำ�สองจดุ ลอ้ มรอบดว้ ย วงสีเหลืองและมีวงสีดำ�อยู่นอกสุดเห็นได้เด่นชัด ชนิดท่ีสอง คอื แมลงสาบเยอรมนั (Blattella germanica) เปน็ แมลงสาบ ทม่ี สี นี �ำ้ ตาลออ่ นเปน็ มนั ขนาดลำ�ตวั เลก็ ยาวประมาณ 10-15 มม. ระหวา่ งตาทงั้ สองขา้ งมแี ถบสดี �ำ พาดอยู่ รวมทงั้ บนสนั หลงั อก ส่วนตน้ มีแถบสีด�ำ สองแถบพาดตามความยาว ชนดิ ทสี่ ามคอื แมลงสาบผี (Neostylopyga rhombifolia) เป็นแมลงสาบ ท่ีมีสีนำ้�ตาลออกดำ�โดยมีสีเหลืองปะปนอยู่ทั่วลำ�ตัว เป็น แมลงสาบขนาดกลาง ล�ำ ตวั ยาวประมาณ 16-30 มม.บนสัน หลงั อกสว่ นตน้ มจี ดุ สดี ำ�สองจดุ ลอ้ มรอบดว้ ยวงสเี หลอื งและมี วงสดี �ำ อย่นู อกสุดเห็นไดเ้ ดน่ ชดั แหลง่ ท่พี บ แมลงสาบมีนสิ ัยชอบรวมตัวอยกู่ ันเปน็ กลมุ่ ชอบหลบซอ่ นตัว และอาศยั อยใู่ นทอี่ ยอู่ าศยั ของคนในบรเิ วณหอ้ งครวั ในชน้ั เกบ็ อาหารตา่ งๆ ตเู้ สอื้ ผา้ รวมทงั้ ทอ่ ระบายน�้ำ และสามารถขน้ึ มา แมลงและสัตวข์ าข้อทม่ี พี ษิ และเปน็ อันตราย 31

ตามท่อน้ำ�เข้ามาในที่พักอาศัยเพื่อเข้ามาหาอาหารได้ตลอด เวลา โดยในเวลากลางวนั จะหลบซอ่ นตวั อยใู่ นบรเิ วณดงั กลา่ ว และจะออกมาหาอาหารในเวลากลางคืน สว่ นท่ีเปน็ พษิ แมลงสาบนอกจากเป็นพาหะนำ�โรคโดยเป็นตัวแพร่กระจาย เช้ือโรคท่ีติดมาตามร่างกายและจากมูลของมันที่ถ่ายออกมา ทำ�ให้เชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ในอาหาร โดยเฉพาะโรคที่เก่ียวกับ ระบบทางเดินอาหารแล้ว ส่วนท่ีเป็นพิษของแมลงสาบคือ สารพิษหรือสารก่อภูมิแพ้ท่ีเจือปนอยู่กับกล่ิน และมูล ทมี่ ันปลอ่ ยออกมา อาการ สารพษิ ทแี่ มลงสาบปลอ่ ยออกมามสี ารกอ่ ภมู แิ พเ้ จอื ปน ทำ�ให้ ผิวหนังของเราเกิดอาการแพ้คันและอักเสบได้ รวมทั้งทำ�ให้ เกิดโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดในผู้ป่วยที่มีประวัติโรคภูมิแพ้ และพบว่าผู้ท่ีต้องใกล้ชิดกับแมลงสาบเป็นเวลานานๆ จะมี ปญั หาเปน็ โรคผวิ หนงั เรอ้ื รงั รา่ งกายออ่ นแอและเจบ็ ปว่ ยบอ่ ย รวมทง้ั ทำ�ให้เป็นคนทีม่ ีอาการแพต้ ่อส่งิ ตา่ งๆ ได้ง่าย การปอ้ งกัน ใหร้ กั ษาความสะอาดของสถานทไ่ี มใ่ หร้ กรงุ รงั เพอ่ื เปน็ การก�ำ จดั และรักษา แหล่งเพาะพันธุ์และที่ซ่อนตัวของแมลงสาบ อีกทั้งไม่ควรท้ิง เศษอาหารเรีย่ ราด โดยใหท้ งิ้ เศษอาหารและขยะในภาชนะท่ี มีฝาปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้มีแหล่งอาหารสำ�หรับแมลงสาบ ถ้าผิวหนังเกิดผื่นแพ้จากสารพิษที่แมลงสาบปล่อยออกมา พรอ้ มกบั กลน่ิ ของมนั ใหพ้ ยายามรกั ษาความสะอาดบรเิ วณที่ เกิดผ่ืนแพ้ และรับประทานยาแก้แพ้ ถ้ามีอาการเรื้อรังและ อาการหอบหืดจากการได้รับสารพิษจากแมลงสาบควรไป พบแพทย์ 32 แมลง สตั ว์ และพชื ทีม่ พี ษิ และเป็นอันตราย

ไรชิกเกอร์ (Chigger mite, Leptotrombidium spp.) ลักษณะ ไรชิกเกอร์เป็นชื่อเรียกไรชนิดหน่ึงเฉพาะระยะที่เป็นตัวอ่อน เปน็ ไรทมี่ ขี นาดเลก็ จนมองแทบไมเ่ หน็ ดว้ ยตาเปลา่ มสี เี หลอื ง หรือสสี ม้ ล�ำ ตัวออ่ นใสมขี นเล็กๆ ยาวๆ ปกคลุม เฉพาะระยะ ที่เปน็ ตวั อ่อนซ่งึ มี 6 ขานท้ี ี่ท�ำ อนั ตรายกับคน ส่วนตัวเตม็ วัย ซึ่งมี 8 ขาจะหากินอิสระโดยไม่ดูดกินเลือดและจะวางไข่อยู่ ตามพนื้ ดิน แหล่งท่พี บ ไรชกิ เกอรอ์ าศยั อยู่ตามพน้ื ดินช้นื ๆ หรือตามพ่มุ ไมท้ ีอ่ ยู่ในป่า ดงั นน้ั ผทู้ ไ่ี ดร้ บั อนั ตรายมกั เปน็ ผทู้ ช่ี อบเดนิ ปา่ รวมทงั้ ชาวบา้ น ทเ่ี กบ็ ของปา่ ส่วนทเ่ี ป็นพษิ ตัวอ่อนเม่ือฟักออกจากไข่ต้องการกินเลือดคนและสัตว์ เช่น เลือดหนูเป็นอาหาร การข้ึนมาดูดกินเลือดนอกจากจะทำ�ให้ คนได้รับเช้ือโรคสครัปไทฟัสจากการกัดของไรท่ีมีเชื้ออยู่แล้ว การกดั ของไรชกิ เกอร์ยังเป็นพษิ ทำ�ให้เกิดรอยแผลบนผวิ หนัง จากโปรตนี บางชนดิ ท่ปี ะปนอยู่ในน้�ำ ลายของไรชกิ เกอร์ อาการ นอกจากอาการป่วยของโรคสครัปไทฟัส ซ่ึงทำ�ให้ผู้ป่วยมี อาการเป็นไข้ ปวดศีรษะ และปวดตามร่างกายแล้ว การกัด ของไรชิกเกอร์ ทำ�ให้เกิดรอยแผลบนผิวหนังที่มีลักษณะ คลา้ ยถกู บหุ รจี่ ซ้ี งึ่ จะรกั ษาใหห้ ายไดย้ าก และโดยทรี่ อยแผลนี้ จะเกดิ ขนึ้ หลงั จากถูกไรชกิ เกอร์กดั แลว้ ประมาณ 2 วัน ทำ�ให้ ผปู้ ่วยไม่ทราบวา่ ถูกไรชิกเกอร์กดั แมลงและสตั วข์ าขอ้ ท่มี พี ิษและเป็นอนั ตราย 33

ไรชิกเกอร์ รอยแผลจาการถกู ไรชิกเกอร์กดั มีลักษณะคลา้ ยถูกบหุ รี่จ้ี 34 แมลง สัตว์ และพชื ท่มี พี ษิ และเปน็ อันตราย

การป้องกนั โดยการหลกี เลย่ี งไมไ่ ปอยบู่ รเิ วณทมี่ ไี รชกิ เกอรช์ กุ ชมุ เมอ่ื เดนิ ปา่ และรกั ษา ใหร้ ะมดั ระวงั ตวั เองโดยเฉพาะเวลาทน่ี ง่ั พกั อยตู่ ามพมุ่ ไม้ รวมทง้ั ใหถ้ างพงหญา้ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของไรชกิ เกอร์ ถา้ ถกู ไร ชนดิ นก้ี ดั ตอ้ งรบี ไปพบแพทยเ์ พราะอาจตดิ เชอ้ื ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ โรค สครปั ไทฟสั ดงั ทก่ี ลา่ วมาแลว้ และเพอื่ รกั ษาอาการบนผวิ หนงั ที่ถกู ไรกัด แมลงและสตั ว์ขาขอ้ ท่ีมีพิษและเป็นอันตราย 35

ไรฝุ่นบา้ น 36 แมลง สตั ว์ และพชื ที่มีพิษและเป็นอนั ตราย

ไรฝนุ่ บา้ น (House dust mites, Dermatophagoides spp.) ลกั ษณะ ไรฝนุ่ บา้ นเปน็ ตวั ไรทเ่ี ราไดย้ นิ ชอ่ื กนั อยบู่ อ่ ยๆ เนอ่ื งจากเปน็ ไร ท่พี บอาศยั อยู่ในบ้านเรอื น ไรฝุน่ บ้านเป็นไรที่มีขนาดเล็กมาก ผู้ที่ไม่คุ้นเคยจะไม่สามารถมองเห็นไรฝุ่นด้วยตาเปล่าโดย เฉพาะเมือ่ ตัวไรปะปนอยู่กบั ฝนุ่ ภายในบา้ น ล�ำ ตัวของไรฝุ่นมี ลักษณะกลมรี สีขาวใส มีขา 4 คู่ ผิวหนังเป็นรอยย่นคล้าย ลายพิมพ์น้ิวมือ ชนิดที่มีความส�ำ คัญก่อให้เกิดปัญหาท่ัวโลก คือ ไรฝ่นุ อเมรกิ นั Dermatophagoides farinae และไรฝุ่น ยโุ รป Dermatophagoides pteronyssinus ทง้ั สองชนดิ พบ ไดเ้ ปน็ จำ�นวนมากได้ทว่ั ไปในประเทศไทย แหล่งทพี่ บ ไรฝุ่นบ้านอาศัยอยู่ใกล้ชิดกับคนมาก เนื่องจากอาหารของไร ฝุ่นคือเศษขี้ไคลบนผิวหนังของคน และรังแคบนหนังศีรษะ โดยตัวไรจะพบปะปนอยู่กับฝุ่นภายในบ้านโดยเฉพาะบน ท่ีนอน หมอน ผ้าหม่ พนื้ ห้องนอน หอ้ งนั่งเล่น และตามพรม ซ่งึ เปน็ ทเ่ี กบ็ ฝุ่นไดด้ ี สว่ นทเี่ ป็นพษิ ไรฝุ่นบ้านเป็นตัวการท่ีสำ�คัญในการผลิตสารก่อภูมิแพ้ ภายในบ้านเรือนดังทก่ี ล่าวมาแล้ว โดยสารก่อภูมแิ พจ้ ะพบได้ ในตวั ของไรฝนุ่ ซากไรทตี่ ายแลว้ รวมทงั้ ของเสยี ทไ่ี รฝนุ่ ขบั ถา่ ย ออกมา แมลงและสตั ว์ขาข้อทีม่ พี ิษและเป็นอันตราย 37

อาการ ผทู้ ไี่ ดร้ บั สารกอ่ ภมู แิ พจ้ ากไรฝนุ่ เบอื้ งตน้ จะรสู้ กึ คนั ตามผวิ หนงั และเป็นผ่ืนแดง รวมทั้งมีอาการจามนำ้�มูกไหล ส่วนผู้ท่ี แพ้มากๆ และสัมผัสสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นเป็นเวลานานๆ จะทำ�ใหเ้ ป็นโรคภมู ิแพเ้ ร้อื รงั จนถงึ เปน็ โรคหอบหืดได้ โดยที่ บางคนจะไม่ทราบสาเหตุว่ามาจากการแพ้ไรฝุ่น แต่จะคิดว่า แพ้ฝุ่นละอองท่อี ย่ภู ายในบ้านเรอื น การปอ้ งกนั ตอ้ งรกั ษาสขุ ลกั ษณะภายในบา้ น เปดิ หนา้ ตา่ งใหแ้ สงแดดสอ่ ง และรักษา เข้ามาในห้องเพ่ือไม่ให้ห้องอับชื้นเกินไป หม่ันนำ�เครื่องนอน ออกซกั และผึง่ แดด เน่อื งจากความรอ้ นจากแสงแดดสามารถ ฆา่ ตวั ไรได้ และตอ้ งตที นี่ อนเพอ่ื กำ�จดั ซากตวั ไรทตี่ ายแลว้ รวม ทั้งมูลของตวั ไรออกไป เนอื่ งจากซากไรทตี่ ายแล้วยังมสี ารก่อ ภมู แิ พอ้ ยู่ ถา้ มเี ครอ่ื งดดู ฝนุ่ ใหใ้ ชเ้ ครอ่ื งดดู ฝนุ่ ดดู ฝนุ่ บนทนี่ อน และบริเวณอ่ืนของบ้านอย่างสมำ่�เสมอ ผู้ท่ีแพ้ไรฝุ่นอาจรับ ประทานยาแก้แพ้ ถ้ามีอาการเรื้อรังหรือรุนแรงควรไปพบ แพทย์ 38 แมลง สัตว์ และพชื ท่ีมพี ิษและเป็นอนั ตราย