รายวชิ า สังคมศกึ ษา ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย รหสั วิชา ส22101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ผู้สอน ครูสรายุธ ธานา
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สามารถบอกความหมายของกฎหมายไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. สามารถจาแนกประเภทของกฎหมายพร้อมยกตัวอย่างได้อยา่ ง ถูกต้อง 3. สามารถระบุความสาคญั ของกฎหมายไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
ภาพขบั รถบนทางเทา้ ภาพขับรถย้อนศร 1. ภาพขบั รถบนทางเทา้ โดย ไทยรัฐออนไลน์ จากเว็บhttps://www.thairath.co.th/news/society/1611180เมื่อวนั ที่ 19/07/62 2. ภาพขับรถย้อนศร โดย most posts จากเวบ็ https://board.postjung.com/1021747 เมอ่ื วนั ที่ 19/07/62
จากภาพดงั กล่าว การกระทาในภาพใดเปน็ การกระทาท่ีไม่ถูกต้องหรือไมส่ ามารถกระทา ได้ในสงั คม
นกั เรยี นคดิ วา่ สงิ่ ใดท่ีใช้ในการตดั สินวา่ การกระทา ตา่ งๆ เหลา่ นี้สามารถทาไดห้ รือไมไ่ ดใ้ นสังคม กฎ, ขอ้ ตกลง, ระเบียบ, กฎหมาย
โดยปกตบิ ุคคลมักจะทาในส่งิ ทตี่ นเองต้องการตามใจชอบ แต่เม่ือบคุ คลมาอยู่ร่วมกันในสงั คม หากจะทาตามใจของตนเองจน เกนิ ขอบเขต ยอ่ มสรา้ งความเดือนรอ้ นให้แกผ่ ู้อนื่ ดงั นนั้ จึงมีการ กาหนด ขอบเขตการกระทาตา่ ง ๆ ของบคุ คลในสงั คมขึ้นมาซึ่งก็คอื กฎหมายนัน่ เอง ดังน้นั วันนเี้ ราจะมาเรียนร้เู กี่ยวกบั ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมายกัน
กฎหมาย มีลกั ษณะแตกต่างกัน ซึ่งการแบง่ ประเภทของกฎหมายน้ัน นกั นิตศิ าสตร์ไดแ้ บง่ กลุม่ กฎหมายออกเป็นหลายลักษณะ ไดแ้ ก่ 1) ประเภทท่ีแบง่ ตามลกั ษณะการใชก้ ฎหมาย 2) ประเภทที่แบ่งตามลักษณะการตรากฎหมาย 3) ประเภทท่ีแบง่ ตามขอ้ ความในบทบัญญตั ขิ องกฎหมายหรอื ตามความสมั พนั ธ์ของผูท้ ีเ่ กี่ยวขอ้ ง”
นกั เรียนจงเติมตัวอยา่ งของกฎหมายตามประเภทของกฎหมาย ท่แี บ่งตามลักษณะตา่ ง ๆ บนกระดานหนา้ หอ้ งเรยี น 1) ประเภทท่ีแบ่งตามลกั ษณะการใช้กฎหมาย ........................................................................................................ 2) ประเภทที่แบ่งตามลักษณะการตรากฎหมาย ........................................................................................................ 3) ประเภททแี่ บ่งตามขอ้ ความในบทบญั ญัติของกฎหมายหรอื ตามความสัมพนั ธ์ ของผู้ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ........................................................................................................
สาหรับประเภทท่แี บ่งตามลกั ษณะการใชก้ ฎหมายเป็นการเน้นให้ เห็นว่ากฎหมายถูกนาไปใชอ้ ย่างไร ซึ่งมี 2 ประเภท คือ 1. กฎหมายสารบญั ญัติ คือ กฎหมายทบี่ ญั ญตั ิถงึ เนอ้ื หาหรอื เร่อื งทว่ั ๆ ไป เป็นกฎหมายที่ใช้ควบคมุ ความประพฤติรวมไปถงึ กาหนดสิทธแิ ละ หนา้ ทตี่ ่าง ๆ ของพลเมืองไว้ เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ประมวลกฎหมายอาญา
สาหรับประเภททแี่ บง่ ตามลักษณะการใช้กฎหมายเปน็ การเนน้ ให้ เห็นว่ากฎหมายถูกนาไปใชอ้ ย่างไร ซ่ึงมี 2 ประเภท คือ 2. กฎหมายวธิ สี บญั ญัติ คือ บทกฎหมายที่บัญญัตถิ งึ กระบวนการหรือ วิธกี ารทีจ่ ะบังคับหรอื ดาเนนิ การให้เป็นไปตามกฎหมายสารบญั ญตั ิ
สาหรบั ประเภทท่แี บ่งตามลักษณะการตรากฎหมาย มี 3 ประเภท 1. กฎหมายของฝา่ ยนิติบัญญัติ 2. กฎหมายของฝ่ายบริหาร 3. กฎหมายท้องถ่ิน
กฎหมายของฝา่ ยนติ ิบัญญัติ มี 2 ประเภท พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ http://library.nhrc.or.th/ULIB/dublin.php?ID=3511
กฎหมายของฝา่ ยนิตบิ ญั ญัติ มี 2 ประเภท พระราชบญั ญัติ http://www.tsm.go.th/pcc/2019/06/19/พระราชบัญญัติการอานวย
กฎหมายของฝา่ ยบรหิ าร มี 3 ประเภท พระราชกาหนด http://www.soutpaisallaw.com พระราชกฤษฎกี า https://www.kroobannok.com/81303
กฎหมายของฝ่ายบริหาร มี 3 ประเภท กฎกระทรวง https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/609027
กฎหมายทอ้ งถิ่น เปน็ กฎหมายอันดับรองที่รฐั มอบอานาจใหอ้ งคก์ ร ปกครองส่วนท้องถ่ินตราออกใชบ้ งั คบั ในท้องถนิ่ ได้ ซง่ึ มชี ่ือเรยี กต่างกนั ไปตามรูปแบบปกครอง ได้แก่ ข้อบัญญตั อิ งคก์ ารบริหาร ส่วนจงั หวัด เทศบัญญตั ิ ขอ้ บญั ญตั อิ งค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ขอ้ บัญญัติกรงุ เทพมหานคร และข้อบัญญตั เิ มอื งพัทยา
การแบ่งตามลกั ษณะของความสัมพันธ์ของค่กู รณี เปน็ การแบง่ ตาม ขอ้ ความในบทบญั ญตั ิของกฎหมายมี 3 ประเภท 1) กฎหมายเอกชน 2) กฎหมายมหาชน 3) กฎหมายระหวา่ งประเทศ
กฎหมายเอกชน กฎหมายเอกชน เป็นกฎหมายท่ีกาหนดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอกชน ด้วยกันบนพ้ืนฐานความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนที่อยู่ในฐานะ เท่าเทียมกัน เม่ือมีข้อขัดแย้งหรือข้อโต้แย้งกันก็จะต้องใช้กฎหมาย เอกชนมาเป็นเคร่ืองมือพิจารณาหรือตัดสินเพื่อหาข้อยุติ รวมทั้งหากรัฐ มปี ัญหาขอ้ ขดั แย้งกับเอกชนหรอื พลเมืองของรัฐ รฐั กต็ ้องถกู พจิ ารณา ในฐานะท่ีเท่าเทยี มกับเอกชน
กฎหมายมหาชน กฎหมายมหาชน เปน็ กฎหมายท่ใี ช้บังคับความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรฐั กับ ประชาชนของรฐั ในฐานะท่รี ัฐเป็นฝา่ ยปกครองและมอี านาจเหนอื ประชาชน ของรัฐ กฎหมายทอ่ี อกมากเ็ พ่ือใชบ้ ังคับและกาหนดความประพฤตขิ อง ประชาชนทงั้ หมด กฎหมายมหาชน เชน่ รัฐธรรมนญู กฎหมายปกครอง กฎหมายอาญา พระธรรมนูญศาลยตุ ธิ รรม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความแพ่ง
กฎหมายระหวา่ งประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ เป็นกฎหมายทก่ี าหนดถึงกฎเกณฑ์ ความสัมพันธร์ ะหว่างประเทศ เช่น กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง กฎหมายระหวา่ งประเทศแผนกคดีอาญา กฎหมายระหวา่ งประเทศแผนกคดีบุคคล
กจิ กรรม “นักกฎหมายนอ้ ย” โดยมีข้ันตอนในการปฏิบัตกิ จิ กรรมดงั น้ี ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนอ่านคดีความตอ่ ไปน้ี จากน้นั วเิ คราะหว์ ่า เก่ียวขอ้ งกบั กฎหมายประเภทใด โดยตอบคาถามดว้ ยการยกมอื ดังนี้ - ถ้าคาตอบ คอื กฎหมายเอกชน ยกมือขวา - ถ้าคาตอบ คอื กฎหมายมหาชน ยกมอื ซ้าย - ถ้าคาตอบ คอื กฎหมายระหวา่ งประเทศ ยกมอื ทั้งสองข้าง
กรณตี วั อยา่ งท่ี 1 นายมงั คุดทะเลาะกบั นาย ทุเรียน นายมงั คดุ บันดาลโทสะใช้ไมต้ ศี รี ษะนาย ทุเรียนแตก นายทุเรียนไปแจง้ ความตอ่ เจา้ หนา้ ทต่ี ารวจให้ดาเนนิ คดีกับนายมงั คดุ กฎหมายเอกชน
กรณีตวั อยา่ งที่ 2 เจา้ หน้าทีข่ องกรมการขนส่ง ทางนา้ ฟ้องคดตี อ่ ศาลปกครองเพื่อมคี าส่งั ให้ เอกชนรือ้ ถอนสะพานหรอื บา้ นทีป่ ลกู รกุ ลา้ แมน่ า้ กฎหมายมหาชน
กรณตี ัวอยา่ งที่ 3 นาย ก. แบ่งซอื้ ท่ีดินของนาย ข. โดย ตกลงกนั ว่า นาย ก. จะไม่ปลูกตกึ แถวบังบ้านของนาย ข. ทางทศิ เหนอื ตอ่ มานาย ก. ฝา่ ฝืนข้อตกลง ดังน้นั นาย ข. จึงฟอ้ งนาย ก. ต่อศาลเพ่ือใหร้ ้อื ถอนตึกแถวออก กฎหมายเอกชน
กรณีตัวอย่างท่ี 4 ทางการไทยได้รอ้ งขอไปยังทางการอังกฤษเพ่อื ให้ ส่งตวั นายปิน่ ซงึ่ กระทาความผดิ อาญาในประเทศไทยรวม 45 ข้อหา ถอื เป็นผูร้ ้ายข้ามแดนมายังประเทศไทย โดยนายปนิ่ ถกู จับ ตัวในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันท่ี 11 ธนั วาคม 2542 กฎหมายระหวา่ งประเทศ
กรณีตัวอยา่ งที่ 5 เทศบาลเมืองนครปฐมละเลยต่อหน้าที่ ปลอ่ ย ให้มีการประกอบกิจการอเู่ คาะพน่ สรี ถยนต์ อนั เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ความเดือดรอ้ นราคาญแก่ผฟู้ ้องคดีและประชาชนในบริเวณ ใกลเ้ คยี ง กฎหมายมหาชน
กฎหมายคอื อะไร ? กฎหมายเป็นระเบยี บหรอื ข้อบังคับของรฐั ทีก่ าหนดแนวทาง การปฏบิ ตั ิตนของประชาชน หากฝ่าฝืนจะตอ้ งถูกลงโทษ โดย กฎหมายจะมีรูปแบบและลักษณะทต่ี า่ งกนั
?กฎหมายมีไวเ้ พื่ออะไร กฎหมายเป็นเคร่ืองมือสาคญั ทีจ่ ะทาใหม้ นษุ ย์อยรู่ ว่ มกันในสงั คมได้ อยา่ งสันติสขุ
?ถา้ ไมม่ กี ฎหมายสงั คมจะเปน็ อย่างไร ขาดความมรี ะเบยี บวินัย ไม่สามารถอยู่รว่ มกันได้อยา่ งสงบสขุ
รายวชิ า สงั คมศกึ ษา กระบวนการตรากฎหมาย และลาดับศกั ดิข์ องกฎหมาย รหัสวิชา ส22101 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 ผ้สู อน ครูสรายธุ ธานา
จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. จดั ลาดับศกั ดขิ์ องกฎหมายไทยได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. รว่ มกันอภิปรายเพอื่ สรุปองค์ความรเู้ กย่ี วกับกระบวนการ ตรากฎหมายไดอ้ ย่างถูกต้อง 3. บอกความสาคัญและประโยชนข์ องการมสี ่วนร่วมในกระบวน การตรากฎหมายได้อยา่ งเหมาะสม
ทบทวนความร้เู ดมิ ?ในคาบทแ่ี ลว้ เราไดศ้ กึ ษาเก่ยี วกบั เรื่องอะไรบา้ ง
ทบทวนความร้เู ดมิ ? ให้นกั เรยี นลองตอบครูอีกสกั รอบว่า กฎหมายคอื อะไร
ทบทวนความรู้เดมิ นักเรียนคดิ ว่ากฎหมายต่าง ๆ ทีใ่ ช้อยใู่ นปัจจบุ ัน ที่กระทบตอ่ ชีวติ ประจาวันของเรา ?อย่างไร
“กฎหมายมีมากมายหลากหลายประเภท หลายระดบั แตก่ ฎหมาย ระดบั ประเทศท่จี ะส่งผลต่อการดาเนนิ ชีวติ ของประชาชนมากที่สุด คือ พระราชบญั ญตั ิ โดยเป็นกฎหมายท่ีตราขน้ึ โดยฝ่ายนิตบิ ัญญัติ คือ รัฐสภา ซง่ึ ในวันนีเ้ ราจะมาเรียนรู้ ถงึ ขน้ั ตอนในการตรากฎหมายกันวา่ กวา่ จะมาเป็นกฎหมายทีบ่ งั คับใช้ในสังคมนัน้ จะต้องผ่านกระบวนการ หรือข้ันตอนใดบา้ ง และกฎหมายตา่ ง ๆ ในประเทศเรานน้ั กฎหมาย แต่ละฉบบั มศี กั ดิ์มากนอ้ ยต่างกนั อย่างไรบ้าง”
ใบความรู้ กระบวนการตรากฎหมาย 1. ลาดบั ชัน้ หรอื ศักดิข์ องกฎหมายไทย ภาพกฎหมาย โดย matichon จากเว็บhttps://www.matichon.co.th/columnists/news_724879ม่อื วนั ที่ 19/07/62
กฎหมายที่ตราขึน้ โดย 1. รัฐธรรมนูญ กฎบัญญตั กิ ฎหมายแมบ่ ท พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อนุบัญญัติกฎหมายลกู 2. พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมายทอี่ อกโดยสามัญชน 3. พระราชบญั ญตั ิ 4. พระราชกาหนด 5. พระราชกฤษฎีกา 6. กฎกระทรวง 7. ประกาศคาส่งั
ลาดับฐานะหรอื ความสูงต่าของกฎหมายท่มี คี วามสาคัญสงู กว่าหรอื ต่ากว่ากนั การจดั แบ่งลาดับชัน้ ของกฎหมายไทยสามารถจัดแบง่ ลาดับชน้ั ออกเป็น 7 ประเภท ดงั น้ี 1. รัฐธรรมนูญ 4. พระราชกฤษฎกี า 7. ประกาศคาส่ัง 2. พระราชบัญญตั ิ 5. กฎกระทรวง 3. พระราชกาหนด 6. ข้อบังคบั หรอื ขอ้ บัญญัติ
1. รัฐธรรมนญู เปน็ กฎหมายสูงสดุ ของประเทศ กฎหมายใดขดั แยง้ ไม่ได้ โดยจะมเี นือ้ หาเกี่ยวกับการใช้อานาจอธปิ ไตย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สถาบนั การเมอื ง สิทธเิ สรีภาพของประชาชน 2. พระราชบัญญตั ิ ประมวลกฎหมาย เปน็ กฎหมายทร่ี ฐั สภาตราข้ึน
3. พระราชกาหนด เปน็ กฎหมายทพ่ี ระมหากษตั ริยท์ รงตราขน้ึ ตาม คาแนะนาของคณะรฐั มนตรีตามบท บญั ญัตใิ นรัฐธรรมนญู ใช้ในกรณีจาเปน็ รีบด่วนหรือเร่ืองที่จะรกั ษาความมนั่ คงในทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัย ของประเทศ แตต่ อ้ งเสนอตอ่ รฐั สภาโดยเร็ว
4. พระราชกฤษฎกี า เป็นกฎหมายทีต่ ราขึ้นโดยพระมหากษตั ริยต์ าม คาแนะนาของคณะรฐั มนตรี เพอื่ กาหนดรายละเอยี ดตามพระราชบัญญัติ ที่กาหนดไว้ 5. กฎกระทรวง เปน็ กฎหมายที่รฐั มนตรตี ราขึน้ ผ่านคณะรัฐมนตรีเพ่อื ดาเนินการให้เปน็ ไปตามพระราชบญั ญัตหิ รอื พระราชกาหนด
6. ข้อบงั คับหรอื ข้อบัญญตั ิ เปน็ กฎหมายขององค์กรปกครองทอ้ งถนิ่ เช่น เทศบาล กรงุ เทพมหานคร เมอื งพทั ยา เป็นต้น 7. ประกาศคาส่งั เปน็ กฎหมายเฉพาะกจิ เชน่ พระบรมราชโองการ ประกาศคณะปฏวิ ัติ คาสั่งหน่วยงานราชการ เป็นต้น
ประโยชน์การจดั ลาดับศกั ด์ิของกฎหมาย - การจัดลาดับศกั ด์ขิ องกฎหมายกเ็ พ่ือประโยชนใ์ นการเริ่มตน้ จดั ทา ร่างกฎหมายว่ากฎหมายประเภทนรี้ ะดับใดเปน็ ผู้จัดทารา่ งเพือ่ ตราและ ประกาศใชบ้ งั คบั - ทาใหผ้ ู้ใช้กฎหมายทราบลาดับชนั้ ของกฎหมายทใ่ี ช้อย่วู ่าประเภทใด หรอื ฉบบั ใดมีศักด์แิ ละความสาคญั สูงกวา่ กนั
ประโยชนก์ ารจดั ลาดบั ศักดิ์ของกฎหมาย - สามารถพิจารณาตรากฎหมายฉบบั ใหมเ่ พื่อแก้ไข เพ่มิ เติมหรือ ยกเลิกฉบับเดมิ ได้ตามศักดิ์ของกฎหมาย รวมทั้งกรณมี ปี ญั หา ในการวินิจฉยั และตคี วามกฎหมาย โดยยดึ หลักวา่ กฎหมายที่ใช้บงั คบั อยู่ขณะนั้นต้องให้กฎหมายทมี่ ศี กั ดิ์ระดับเดยี วกนั หรือสงู กว่ามาแกไ้ ข เพ่มิ เตมิ หรอื ยกเลกิ จึงจะมีผลบงั คบั ไดต้ ามกฎหมาย
ขัน้ ตอนการตรากฎหมาย การเสนอรา่ งพระราชบญั ญัติ การเสนอรา่ งพระราชบัญญตั ิ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย มาตรา 142 ไดบ้ ญั ญตั วิ า่ การเสนอรา่ งพระราชบญั ญตั จิ ะเสนอได้ ก็แตโ่ ดย
1) คณะรฐั มนตรี 2) สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรจานวนไมน่ อ้ ยกวา่ 20 คน 3) ศาลหรือองคก์ รอสิ ระตามรัฐธรรมนญู เฉพาะกฎหมายทเี่ กย่ี วกับ การจดั องค์กรและกฎหมายท่ปี ระธานศาล และประธานองค์กรนน้ั เป็นผ้รู กั ษาการ 4) ผมู้ สี ิทธเิ ลือกตั้งจานวนไมน่ อ้ ยกวา่ 10,000 คน โดยจะเข้าช่อื เสนอ กฎหมายได้เฉพาะหมวดสิทธแิ ละเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และ หมวดแนวนโยบายพืน้ ฐานแห่งรฐั เทา่ นนั้
ข้ันตอนการตรากฎหมาย การพิจารณาร่างพระราชบญั ญตั ขิ องสภาผแู้ ทนราษฎร กระบวนการพจิ ารณาร่างพระราชบัญญตั ินั้น จะต้องเสนอต่อสภา ผู้แทนราษฎรกอ่ น ซ่งึ สภาผูแ้ ทนราษฎรจะต้องพิจารณาเป็น 3 วาระ ตามลาดบั ดงั นี้
ข้นั ตอนการตรากฎหมาย วาระท่ี 1 เป็นการพจิ ารณาหลักการทว่ั ไปของร่างพระราชบัญญัติ ว่าสมควรจะลงมติรบั หลกั การหรอื ไมร่ บั หลักการแหง่ รา่ ง พระราชบัญญัตนิ นั้
ข้ันตอนการตรากฎหมาย วาระท่ี 2 เปน็ การพจิ ารณาในรายละเอยี ดของรา่ งพระราชบัญญตั ิ โดยคณะกรรมาธกิ ารทสี่ ภาตงั้ หรอื คณะกรรมาธกิ ารเต็มสภา คณะกรรมาธิการทส่ี ภาตงั้ ในการพิจารณาร่างพระราชบญั ญัติ โดยคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะให้คณะกรรมาธกิ ารสามัญ หรอื คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั เป็นผูพ้ จิ ารณาก็ได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191