สาระการเรยี นรเู้ พ่มิ เติม สาระการเรียนร้ทู ้องถ่นิ ของสารต้งั ต้นนั้น โดยสารที่เป็นคูก่ รด-เบสกัน จะมโี ปรตอนตา่ งกัน 1 โปรตอน 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียส กล่าวว่า กรด คือ สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน ส่วน เบส คอื สารทีล่ ะลายนำ้ แลว้ แตกตัวให้ไฮดรอกไซด์ไอออน ทฤษฎีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี กลา่ ววา่ กรด คอื สารทใี่ ห้โปรตอนแกส่ ารอืน่ ส่วนเบส คือ สารท่ีรับ โปรตอนจากสารอนื่ สารท่เี ปน็ ค่กู รด-เบสกันจะมีจำนวนโปรตอนต่างกัน 1 โปรตอน สารบางชนิดสามารถทำหน้าที่เป็นไดท้ ัง้ กรดและเบส เช่น น้ำ เรียกสารประเภทน้ีว่า แอมโฟเทอรกิ หรือ แอมฟโิ พรติก ทฤษฎีกรด-เบสของลิวอิส กล่าวว่า กรด คือ สารที่รับคู่อิเล็กตรอนจากสารอื่น ส่วนเบส คือ สารที่ให้คู่ อเิ ล็กตรอนแก่สารอน่ื 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 1) ทักษะการสงั เกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทักษะการทำงานร่วมกัน 4) ทกั ษะการวิเคราะห์ 5) ทักษะการทดลอง 6) ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรปุ 7) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instruction Model) ช่วั โมงที่ 1 ขน้ั นำ ขน้ั ท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรียนรายวิชาเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 กรด-เบส ว่า “ส่ิงใดใช้ระบุความแตกต่างระหว่างสารละลายกรดและ สารละลายเบส” แลว้ ให้นักเรียนรว่ มกันตอบคำถาม จากนัน้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปราย (แนวตอบ : สารละลายกรดจะมไี ฮโดรเนียมไอออนเป็นองค์ประกอบ ส่วนสารละลายเบสจะมี ไฮดรอกไซดไ์ อออนเปน็ องคป์ ระกอบ)
2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรู้เกีย่ วกบั สารละลายกรดและสารละลายเบส ดงั นี้ • สารละลายกรดทุกชนดิ มไี อออนทีเ่ หมือนกัน คอื H3O+ ซ่ึงเป็นไอออนท่ีแสดงสมบัติของ กรด ทำให้สารละลายกรดเปลย่ี นสีกระดาษลติ มัสจากสีน้ำเงนิ เปน็ สีแดง • สารละลายเบสทุกชนิดมีไอออนที่เหมอื นกนั คอื OH- ซึ่งเปน็ ไอออนที่แสดงสมบตั ิของเบส ทำให้สารละลายกรดเปลีย่ นสีกระดาษลติ มัสจากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน ข้นั สอน ขนั้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. นกั เรียนจบั คกู่ บั เพื่อน โดยแตล่ ะคู่ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎกี รด-เบสของอาร์เรเนียส จากหนงั สือเรียนรายวชิ าเพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส แลว้ รว่ มกันแสดงความคิดเหน็ จนเกดิ ความเขา้ ใจทตี่ รงกัน 2. ครูยกตัวอยา่ งกรดหรือเบสบางชนดิ ท่ีไม่สามารถอธิบายความเป็นกรด-เบสโดยใชท้ ฤษฎีกรด-เบส ของอาร์เรเนียสได้ เชน่ NH3 เพือ่ ช้ีให้เห็นถึงขอ้ จำกัดของการใช้ทฤษฎนี ้ี เพ่อื เชื่อมโยงเขา้ สู่การ อธบิ ายสมบัติของกรด-เบสโดยใช้ทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี 3. จากนน้ั นกั เรยี นแต่ละคู่ศกึ ษาข้อมูลเกี่ยวกบั ทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี จากหนังสอื เรยี นรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 กรด-เบส แล้วรว่ มกัน แสดงความคิดเหน็ จนเกิดความเขา้ ใจที่ตรงกนั (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ ) 4. ครูตัง้ คำถามใหน้ กั เรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับทฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนียสและ เบรินสเตด-ลาวรี ดงั นี้ 1) จงอธิบายนิยามของกรดและเบสตามทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียส (แนวตอบ : กรด คือ สารท่ลี ะลายน้ำแลว้ แตกตวั ให้ไฮโดรเจนไอออน เบส คอื สารท่ลี ะลายนำ้ แล้วแตกตัวใหไ้ ฮดรอกไซดไ์ อออน) 2) ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียสไม่สามารถใช้อธิบายความเป็นกรด-เบสของสารชนดิ ใด (แนวตอบ : สารท่ีไมล่ ะลายในน้ำ หรือละลายในตัวทำละลายอ่นื ไม่ได้) 3) จงอธบิ ายนิยามของกรดและเบสตามทฤษฎกี รด-เบสของและเบรนิ สเตด-ลาวรี (แนวตอบ : กรด คือ สารทสี่ ามารถให้โปรตอนแก่สารอ่ืน เบส คือ สารทีส่ ามารถรับโปรตอนจากสารอ่นื ) 5. นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายเพื่อหาขอ้ สรุปเกี่ยวกับทฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนยี ส และเบรนิ สเตด-ลาวรี ซึ่งได้ข้อสรปุ ดงั นี้ • ทฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนยี ส กลา่ วว่า กรด คือ สารที่ละลายน้ำแล้วแตกตัวให้ไฮโดรเจน ไอออน ส่วนเบส คอื สารทีล่ ะลายน้ำแล้วแตกตัวใหไ้ ฮดรอกไซดไ์ อออน • ทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี กล่าวว่า กรด คือ สารทใี่ ห้โปรตอนแกส่ ารอื่น สว่ นเบส คอื สารทรี่ บั โปรตอนจากสารอื่น • ทฤษฎกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรีใชอ้ ธิบายสมบัตขิ องกรด-เบสไดก้ ว้างกวา่ ทฤษฎกี รด- เบสของอาร์เรเนียส เน่อื งจากพจิ ารณาความเป็นกรด-เบสของสารจากการถ่ายโอน โปรตอน รวมทงั้ ไมจ่ ำเป็นต้องอยใู่ นสารละลายที่มีนำ้ เปน็ ตัวทำละลาย (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล)
ช่วั โมงท่ี 2 ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 6. ครูทบทวนความรู้เกย่ี วกับทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี จากนั้นใหน้ ักเรียนระบุและ อธิบายสมบตั ิความเป็นกรดหรือเบสของสารจากสมการการแตกตัวในน้ำ โดยใช้ทฤษฎกี รด-เบส ของเบรนิ สเตด-ลาวรี 7. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน เพอ่ื ทำการทดลอง เรอ่ื ง ปฏกิ ริ ยิ าการให้และรับโปรตอนของ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 กรด-เบส 8. ครูใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมอื เทคนคิ LT มาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหนา้ ที่ของตนเอง ดังนี้ • สมาชิกคนที่ 1 : ทำหนา้ ท่ีเตรยี มวัสด-ุ อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการทดลอง เรอื่ ง ปฏิกริ ยิ าการให้ และรับโปรตอนของโซเดยี มไฮโดรเจนคาร์บอเนต • สมาชกิ คนท่ี 2 : ทำหน้าทอ่ี า่ นวธิ กี ารทดลอง ทำความเข้าใจ และอธิบายให้สมาชกิ ในกลุ่ม ฟงั • สมาชกิ คนที่ 3 : ทำหนา้ ที่บันทกึ ผลการทดลอง • สมาชิกคนที่ 4 และ 5 : ทำหน้าทน่ี ำเสนอผลการทดลอง 9. สมาชิกทุกคนในกลมุ่ ช่วยกนั ลงมอื ทำการทดลอง (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม) 10. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทน (สมาชิกคนที่ 4 และ 5 ของกลมุ่ ) ออกมานำเสนอผลการทดลอง หลังจากนัน้ ใหน้ กั เรยี นทุกคนรว่ มกันอภิปรายผลการทดลองจนมีความเข้าใจท่ีตรงกัน (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบประเมินปฏบิ ัตกิ าร) 11. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติการทดลอง โดยใช้แนวคำถาม ดังนี้ 1) จงเขยี นสมการการแตกตัวของ NaHCO3 ในน้ำ (แนวตอบ : H2O NaHCO3 (s) → Na+ (aq) + HCO3- (aq)) 2) เมอื่ HCO3- ทำปฏิกิรยิ ากับ HCl จะทำหน้าทเ่ี ปน็ กรดหรือเบส จงอธิบาย พร้อมเขียน สมการประกอบ (แนวตอบ : HCO3- ทำหน้าท่ีเปน็ เบส เพราะจะได้รบั โปรตอนจากกรด HCl เกดิ เป็น H2CO3 ซง่ึ จะสลายตัวให้แก๊ส CO2 ดังสมการ HCO3- (aq) + H3O+ (aq) ⇌ H2CO3 (aq) + H2O (l) H2CO3 (aq) ⇌ H2O (l) + CO2 (g) ) 3) เมอ่ื HCO3- ทำปฏกิ ิรยิ ากับ Ca(OH)2 จะทำหน้าที่เป็นกรดหรือเบส จงอธบิ าย พร้อม เขียนสมการประกอบ (แนวตอบ : HCO3- ทำหน้าท่ีเปน็ กรด เพราะจะใหโ้ ปรตอนแก่ Ca(OH)2 เกิดเป็น ตะกอนขาวของ CaCO3 ดังสมการ HCO3- (aq) + OH- (aq) ⇌ CO32- (aq) + H2O (l) Ca2+ (aq) + CO32- (aq) ⇌ CaCO3 (s) )
12. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปผลจากการทำการทดลอง ซึ่งได้ขอ้ สรปุ ว่า “HCO3- สามารถให้และรบั โปรตอนได้ จงึ เป็นได้ทัง้ กรดและเบส ท้ังน้ขี ึ้นอยู่กบั สารที่ทำปฏกิ ริ ยิ าดว้ ย” (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ชั่วโมงที่ 3 ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 13. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกบั สมการการแตกตวั ในนำ้ เพือ่ เชือ่ มโยงเข้าสูเ่ รือ่ ง คกู่ รด-เบสของสาร โดยพจิ ารณาจากการถ่ายโอนโปรตอนของสาร 14. นกั เรียนจับคกู่ บั เพื่อน โดยแตล่ ะคู่ศึกษาเก่ียวกบั คู่กรด-เบสของสาร จากหนังสือเรียนรายวชิ า เพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 กรด-เบส แลว้ ร่วมกันแสดงความ คิดเห็นจนเกิดความเขา้ ใจที่ตรงกัน (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม) 15. ครูตงั้ คำถามใหน้ ักเรียนรว่ มกนั อภิปราย เรื่อง คู่กรด-เบสของสาร เช่น 1) สารท่ีทำหนา้ ที่เปน็ ไดท้ ั้งกรดและเบสเรยี กวา่ อยา่ งไร (แนวตอบ : สารแอมโฟเทอริก หรอื สารแอมฟโิ พรติก) 2) จงระบุค่เู บสของ H3O+ H2SO4 OH- และ HCl ตามลำดับ (แนวตอบ : H2O HSO4- O2- และ Cl- ตามลำดับ) 3) จงระบคุ ู่กรดของ HS- HCO3- NH3 และ CN- ตามลำดบั (แนวตอบ : H2S H2CO3 NH4+ และ HCN ตามลำดับ) 4) ถา้ เรียงลำดบั ความแรงของคเู่ บสได้ ดังนี้ NO3- < F- < NH3 < CN- < OH- คกู่ รดของคู่ เบสท่ีกำหนดให้จะเรียงลำดับความแรงของคเู่ บสจากนอ้ ยไปมากไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : H2O < HCN < NH4+ < HF < HNO3) 5) ในหม่แู ละในคาบเดยี วกนั ความแรงของกรดไฮโดรจะเพ่ิมข้นึ ตามค่าใด (แนวตอบ : ในหม่เู ดียวกัน ความแรงของกรดไฮโดรจะเพิ่มข้ึนตามเลขอะตอมของอโลหะ ในคาบเดียวกนั ความแรงของกรดไฮโดรจะเพิ่มขน้ึ ตามคา่ อิเล็กโทรเนกาติวิตีของอโลหะ) 6) กรดออกซีทม่ี ธี าตอุ งค์ประกอบเหมือนกัน ความแรงของกรดจะเพม่ิ ข้นึ ตามคา่ ใด (แนวตอบ : กรดออกซที ีม่ ธี าตอุ งคป์ ระกอบเหมือนกัน ความแรงของกรดจะเพิม่ ขึ้นตาม เลขออกซเิ ดชันท่ีเพิ่มข้ึน) 16. นักเรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายเพ่อื หาข้อสรปุ เก่ียวกับค่กู รด-เบสของสาร ซึง่ ได้ข้อสรุป ดงั นี้ • สารที่เป็นคกู่ รด-เบสกันจะมีจำนวนโปรตอนต่างกัน 1 โปรตอน • สารบางชนิดสามารถทำหน้าท่ีเป็นได้ทง้ั กรดและเบส เช่น นำ้ เรยี กสารประเภทนวี้ า่ แอม โฟเทอรกิ หรือแอมฟิโพรตกิ (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล)
ช่วั โมงที่ 4 ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 17. ครูยกตัวอย่างกรดหรือเบสบางชนิดที่ไม่สามารถอธิบายความเป็นกรด-เบสโดยใช้ทฤษฎีกรด-เบส ของอารเ์ รเนียสและทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี ได้ เช่น BF3 เพ่อื ชใี้ ห้เหน็ ถึงขอ้ จำกัด ของการใชส้ องทฤษฎนี ี้ เพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่การอธิบายสมบัติของกรด-เบสโดยใช้ทฤษฎกี รด-เบส ของลิวอิส 18. นกั เรียนแตล่ ะคนศึกษาเกยี่ วกับทฤษฎีกรด-เบสของลวิ อสิ จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส จากนัน้ นักเรยี นร่วมกนั แสดงความ คดิ เห็นจนเกิดความเขา้ ใจที่ตรงกนั (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 19. ครตู ้ังคำถามใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภิปราย เรือ่ ง ทฤษฎกี รด-เบสของลวิ อิส เช่น 1) จงอธิบายนยิ ามของกรดและเบสตามทฤษฎกี รด-เบสของลิวอสิ (แนวตอบ : กรด คอื สารทร่ี ับคอู่ เิ ล็กตรอนจากสารอ่นื สว่ นเบส คอื สารที่ใหค้ ู่ อิเล็กตรอนแก่สารอนื่ ) 2) เพราะเหตุใดทฤษฎีกรด-เบสของลวิ อิสจงึ ใช้อธิบายความเปน็ กรด-เบสไดด้ ีกวา่ ทฤษฎีอน่ื (แนวตอบ : เน่ืองจากสารทกุ ชนดิ มอี ิเล็กตรอน จงึ สามารถระบไุ ดว้ า่ เมือ่ สารทำปฏิกริ ิยา กัน สารใดให้และสารใดรับอเิ ล็กตรอน) 20. นกั เรียนและครูร่วมกนั อภิปรายเพอ่ื หาขอ้ สรุปเก่ยี วกับค่ทู ฤษฎกี รด-เบสของลิวอิสซงึ่ ไดข้ อ้ สรปุ ว่า “ทฤษฎีกรด-เบสของลวิ อิส กล่าวว่า กรด คอื สารที่รับคู่อิเลก็ ตรอนจากสารอื่น ส่วนเบส คือ สารท่ีให้คอู่ ิเล็กตรอนแก่สารอ่นื ” (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ช่วั โมงที่ 5 ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 21. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสัยในเนอื้ หา เรอ่ื ง ทฤษฎีกรด-เบส วา่ มีส่วนไหนทีย่ ังไม่ เขา้ ใจ และให้ความรู้เพ่ิมเติมในสว่ นนั้น เพ่อื จะใชเ้ ป็นความรู้เบ้ืองตน้ สำหรับการเรียนในเนื้อหา ต่อ ๆ ไป 22. นักเรยี นทำใบงานท่ี 4.3.1 เร่อื ง ทฤษฎกี รด-เบส 23. นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั ในหนังสอื แบบฝกึ หดั รายวชิ าเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส 24. นกั เรยี นทำ Topic Question จากหนงั สือเรยี นรายวิชาเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 กรด-เบส ลงในสมุดประจำตัว (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)
ข้นั สรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤติกรรมการทำงานกล่มุ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 4.3.1 เร่ือง ทฤษฎกี รด-เบส 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝึกหัด 4. ครตู รวจสอบผลจากการทำ Topic Question 5. ครูวดั และประเมินผลจากการนำเสนอผลการทดลอง เร่อื ง ปฏกิ ิรยิ าการใหแ้ ละรับโปรตอนของ โซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต 6. นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ เก่ียวกบั ทฤษฎีกรด-เบส ซึง่ ไดข้ อ้ สรุป ดังน้ี • ทฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนยี ส กลา่ วว่า กรด คือ สารท่ีละลายนำ้ แล้วแตกตวั ให้ไฮโดรเจน ไอออน สว่ นเบส คือ สารทีล่ ะลายน้ำแลว้ แตกตัวใหไ้ ฮดรอกไซดไ์ อออน • ทฤษฎกี รด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี กล่าววา่ กรด คือ สารที่ให้โปรตอนแก่สารอืน่ ส่วน เบส คอื สารท่ีรับโปรตอนจากสารอนื่ • สารที่เปน็ คกู่ รด-เบสกันจะมจี ำนวนโปรตอนตา่ งกัน 1 โปรตอน • สารบางชนดิ สามารถทำหน้าท่เี ป็นได้ท้ังกรดและเบส เชน่ นำ้ เรยี กสารประเภทน้วี ่า แอม โฟเทอริก หรอื แอมฟิโพรติก • ทฤษฎีกรด-เบสของลิวอิส กล่าววา่ กรด คอื สารท่รี ับคู่อิเล็กตรอนจากสารอน่ื ส่วนเบส คอื สารที่ให้ค่อู ิเลก็ ตรอนแก่สารอื่น 7. การวดั และประเมินผล รายการวดั วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจใบงานที่ 4.31 - ใบงานที่ 4.3.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กจิ กรรม - ตรวจแบบฝึกหดั การเรียนรู้ - ตรวจสมุดประจำตัว - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) ทฤษฎีกรด-เบส - ประเมนิ การปฎบิ ตั ิ การ - สมดุ ประจำตวั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การทดลอง เรอื่ ง ปฏกิ ิริยาการให้ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ การปฎิบตั ิ - ระดับคุณภาพ 2 และรับโปรตอน การทำงานรายบคุ คล ของโซเดียม การ ผ่านเกณฑ์ ไฮโดรเจน คาร์บอเนต - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรม การทำงาน รายบคุ คล
รายการวัด วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 4) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุม่ 5) คุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ และมุง่ มัน่ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียนรายวชิ าเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 กรด-เบส 2) หนังสือแบบฝกึ หัดรายวิชาเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 กรด-เบส 3) ใบงานที่ 4.3.1 เร่ือง ทฤษฎกี รด-เบส 4) วัสดุ-อปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการทดลอง เรอื่ ง ปฏกิ ิริยาการให้และรับโปรตอนของโซเดียมไฮโดรเจน คารบ์ อเนต 5) สมุดประจำตัว 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ - หอ้ งเรยี น 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วุฒิเศลา) ผู้เขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ......................................................... (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผู้อำนวยการกล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ ข้อเสนอแนะของผ้อู ำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................... (นายอดิศร แดงเรอื น) ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31
ใบงานที่ 4.3.1 เร่อื ง ทฤษฎกี รด-เบส คำชี้แจง : ตอบคำถามเกย่ี วกับทฤษฎีกรด-เบส 1. พิจารณาสมการที่กำหนดให้ แลว้ ระบวุ า่ สารตั้งตน้ เป็นกรดหรือเบสตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลประกอบ 1) CH3COOH (aq) + OH- (aq) ⇌ CH3COO- (aq) + H2O (l) 2) H2PO4- (aq) + H3O+ (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + H2O (l) 2. จากปฏิกิรยิ าท่กี ำหนดให้ จงระบุว่าสารต้ังต้นชนดิ ใดเปน็ กรดและเบสตามทฤษฎกี รด-เบสลิวอิส พร้อมให้ เหตผุ ลประกอบ 1) Fe3+ (aq) + 6H2O (l) ⇌ Fe(H2O)63+ (aq) 2) Ag+ (aq) + 2NH3 (aq) ⇌ Ag(NH3)22+ (aq) 3. จากสมการทกี่ ำหนดใหต้ ่อไปน้ี H2PO4- (aq) + OH- (aq) ⇌ H2O (l) + HPO42- (aq) H2PO4- (aq) + H2SO4 (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + HSO4- (aq) H2PO4- จัดเป็นสารแอมฟโิ พรติกหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
4. เตมิ คำตอบเก่ียวกบั คกู่ รด-เบสลงในตารางใหส้ มบูรณ์ คเู่ บส สตู รของคู่ คู่กรด สูตรของคู่กรด แอซีเตตไอออน เบส ………………………………….. CH3COOH SO42- กรดไฮโดรไซยานิก HSO4- CN- HPO42- H2PO4- S2- HS- 5. ถ้าเรยี งลำดับความแรงของคู่กรดตามข้อ 4. ได้ ดังน้ี HSO4- > CH3COOH > H2PO4- > HCN > HS- คู่เบส ของคูก่ รดท่ีกำหนดให้จะเรยี งลำดับความแรงของคเู่ บสจากมากไปน้อยอยา่ งไร
ใบงานที่ 4.3.1 เฉลย เรื่อง ทฤษฎีกรด-เบส คำชแ้ี จง : ตอบคำถามเกย่ี วกบั ทฤษฎีกรด-เบส 1. พจิ ารณาสมการทกี่ ำหนดให้ แล้วระบวุ ่าสารตัง้ ตน้ เป็นกรดหรอื เบสตามทฤษฏกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลประกอบ 1) CH3COOH (aq) + OH- (aq) ⇌ CH3COO- (aq) + H2O (l) CH3COOH เป็นกรดตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี เพราะให้ H+ แก่ OH- ส่วน OH- เป็น เบสตามทฤษฏกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี เพราะรับ H+ จาก CH3COOH 2) H2PO4- (aq) + H3O+ (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + H2O (l) H3O+ เป็นกรดตามทฤษฏกี รด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี เพราะให้ H+ แก่ H2PO4- ส่วน H2PO4- เป็น เบสตามทฤษฏีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี เพราะรับ H+ จาก H3O+ 2. จากปฏกิ ริ ิยาท่ีกำหนดให้ จงระบุว่าสารตง้ั ต้นชนิดใดเป็นกรดและเบสตามทฤษฎีกรด-เบสลิวอสิ พร้อมให้ เหตผุ ลประกอบ 1) Fe3+ (aq) + 6H2O (l) ⇌ Fe(H2O)63+ (aq) Fe3+ เป็นกรด เพราะรบั อิเลก็ ตรอนคโู่ ดดเด่ยี ว ส่วน H2O เป็นเบส เพราะมอี ิเล็กตรอนคู่โดดเด่ยี ว 2) Ag+ (aq) + 2NH3 (aq) ⇌ Ag(NH3)22+ (aq) Ag+ เป็นกรด เพราะรับอเิ ล็กตรอนคูโ่ ดดเดีย่ ว สว่ น NH3 เป็นเบส เพราะมีอิเล็กตรอนคโู่ ดดเด่ียว 3. จากสมการทก่ี ำหนดให้ต่อไปนี้ H2PO4- (aq) + OH- (aq) ⇌ H2O (l) + HPO42- (aq) H2PO4- (aq) + H2SO4 (aq) ⇌ H3PO4 (aq) + HSO4- (aq) H2PO4- จัดเป็นสารแอมฟิโพรติกหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด จากสมการ แสดงว่า H2PO4- สามารถท้งั ใหแ้ ละรับโปรตอนได้ กล่าวคอื H2PO4- ทำหนา้ ท่ีเปน็ ทั้งกรดและ เบส ดังน้นั จงึ จัดเป็นสารแอมฟโิ พรติก 4. เตมิ คำตอบเก่ียวกับค่กู รด-เบสลงในตารางใหส้ มบูรณ์ คู่กรด สตู รของคู่กรด คเู่ บส สตู รของคู่เบส กรดแอซตี ิก CH3COOH แอซีเตตไอออน CH3COO- ไฮโดรเจนซัลเฟตไอออน ซัลเฟตไอออน SO42- กรดไฮโดรไซยานกิ HSO4- ไซยาไนดไ์ อออน CN- ไดไฮโดรเจนฟอสเฟตไอออน ไฮโดรเจนฟอสเฟตไอออน HPO42- ไฮโดรเจนซลั ไฟด์ไอออน HCN ซลั ไฟด์ไอออน S2- H2PO4- HS- 5. ถ้าเรยี งลำดบั ความแรงของคกู่ รดตามข้อ 4. ได้ ดงั น้ี HSO4- > CH3COOH > H2PO4- > HCN > HS- คู่เบส ของคูก่ รดท่ีกำหนดให้จะเรยี งลำดบั ความแรงของคู่เบสจากมากไปน้อยอย่างไร S2- > CN- > HPO42- > CH3COO- > SO42-
วช-ร 06 แบบบนั ทกึ หลังการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ที่ 10 เรอื่ ง กรด-เบส แผนการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ทฤษฎกี รด-เบส รายวชิ า เคมี 4 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 รหัสวิชา ว 32204 ครูผสู้ อน นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย เวลาทีใ่ ช้ 5 ชว่ั โมง ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขอ้ ค้นพบระหว่าง ปัญหาทพ่ี บ แนวทางแกไ้ ข ทม่ี ีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ ประกอบการเรยี นรู้ พฤตกิ รรม/การมีส่วนรว่ มของผู้เรียน ลงชือ่ ครผู ูจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา) ตำแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 10 เร่อื ง กรด-เบส แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ ง การแตกตัวของกรดและเบส รายวชิ า เคมี 4 รหัสวชิ า ว 32204 ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 นำ้ หนักเวลาเรียน 1.5 หนว่ ยกิจ เวลาเรียน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 4 ช่ัวโมง 1. ผลการเรยี นรู้ คำนวณ และเปรียบเทียบความสามารถในการแตกตวั หรือความแรงของกรดและเบส 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการแตกตัวของกรดแก่ เบสแก่ กรดอ่อน และเบสอ่อน พรอ้ มท้งั เขยี นสมการการแตกตวั เปน็ ไอออนได้ (K) 2. เปรยี บเทียบความสามารถในการแตกตวั เปน็ ไอออนของกรดและเบส โดยพจิ ารณาจากคา่ คงที่การแตก ตวั ของกรดและเบสได้ (K) 3. อธิบายความหมายของกรดมอนอโปรติก กรดไดโปรติก และกรดพอลิโปรตกิ พร้อมท้ังเขียนสมการ การแตกตัวเป็นไอออนได้ (K) 4. คำนวณหารอ้ ยละของการแตกตวั ของกรดออ่ นและเบสอ่อนได้ (K) 5. คำนวณหาค่าคงทกี่ ารแตกตวั เปน็ ไอออนของกรดและเบสได้ (K) 6. ตรวจสอบหาความเข้มขน้ ของไอออนในสารละลายกรดแก่และเบสแก่ได้ (P) 7. ตรวจสอบความเขม้ ขน้ ของไอออนในสารละลาย เม่อื ทราบค่าคงท่ีการแตกตัวของกรดหรอื เบสได้ (P) 8. ต้งั ใจเรยี นรู้และแสวงหาความรู้ รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูเ้ พมิ่ เติม สาระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ - กรดและเบสแต่ละชนดิ สามารถแตกตัวในนำ้ ได้ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา แตกตา่ งกนั กรดแกห่ รือเบสแก่สามารถแตกตัว เปน็ ไอออนในนำ้ ไดเ้ กือบสมบรู ณ์ สว่ นกรดออ่ น หรอื เบสอ่อนแตกตวั เปน็ ไอออนไดน้ อ้ ย โดยความสามารถในการแตกตัวหรือความแรง ของกรดหรือเบสอาจพิจารณาไดจ้ ากค่าคงที่การ แตกตัวของกรดหรอื เบส หรือปริมาณการแตก ตวั เป็นร้อยละของกรดหรือเบส 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด กรดแก่และเบสแก่เป็นอิเล็กโทรไลต์แก่ ซ่งึ แตกตัวเปน็ ไอออนไดด้ มี าก หรอื แตกตัวได้หมด กรดอ่อนแตกตวั เปน็ ไอออนไดน้ อ้ ย การแตกตวั ของกรดอ่อนเป็นการเปล่ียนแปลงท่ีผนั กลบั ได้ ในสารละลายจงึ มที ้ังโมเลกุลของกรดออ่ นและไอออนที่เกดิ จากการแตกตัว
เบสอ่อนแตกตัวเป็นไอออนได้นอ้ ย การแตกตวั ของกรดเบสเป็นการเปลี่ยนแปลงทผี่ ันกลบั ได้ ในสารละลายจึงมีท้งั โมเลกลุ ของเบสอ่อนและไอออนท่ีเกดิ จากการแตกตวั 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 1) ทกั ษะการสังเกต 2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการเชื่อมโยง 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชัว่ โมงท่ี 1 ชน้ั นำ ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สือเรียนรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 กรด-เบส ว่า “อเิ ล็กโทไลตแ์ กแ่ ละอิเลก็ โทรไลตอ์ อ่ นแตกตา่ งกัน อย่างไร” แลว้ ใหน้ กั เรียนรว่ มกันตอบคำถาม จากน้นั ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ ราย (แนวตอบ : อิเลก็ โทไลต์แก่ คอื สารท่สี ามารถแตกตัวเป็นไอออนไดห้ มดหรอื เกอื บหมด สว่ นอิเลก็ โทรไลต์ออ่ น คอื สารที่แตกตัวเป็นไอออนไดน้ ้อย หรือแตกตวั ได้ไม่หมด) 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันทบทวนความรู้เกยี่ วกบั การสารละลายอิเลก็ โทรไลต์ จากนั้นครถู ามคำถาม เพ่ือเช่อื มโยงวา่ “กรดแก่ เบสแก่ กรดอ่อน และเบสอ่อนมคี วามสามารถในการแตกตัวได้แตกต่าง กนั หรอื ไม่ อย่างไร” ซงึ่ ครูยงั ไม่ตอ้ งเฉลยคำตอบท่ีถกู ต้อง ขน้ั สอน ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 1. นักเรียนจบั ค่กู บั เพอื่ น โดยแต่ละคู่ศึกษาขอ้ มูลเกยี่ วกับการแตกตวั ของกรดแกแ่ ละเบสแก่ และร่วมกนั ฝึกคำนวณการหาปรมิ าณหรอื ความเข้มข้นของไอออนในสารละลายกรดแก่และเบส แก่ ตวั อย่างท่ี 4.2-4.4 จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการ เรียนรู้ที่ 4 กรด-เบส จากน้นั ร่วมกันแสดงความคิดเห็นจนเกิดความเข้าใจท่ีตรงกนั (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )) 2. ครสู ่มุ นักเรียน 3 คู่ ออกมาแสดงวิธกี ารคำนวณตัวอยา่ งแต่ละขอ้ หนา้ ชน้ั เรียนใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครู คอยเสรมิ ความรู้ในสว่ นท่นี ักเรยี นยงั ไมเ่ ข้าใจ 3. ครูยกตวั อย่างโจทย์เก่ียวกับการแตกตัวของกรดแก่และเบสแก่ โดยครเู ขียนโจทย์และแสดงวิธีทำ ใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน ดงั นี้
1) HA เปน็ กรดแก่ สารละลายปริมาตร 2 ลกู บาศก์เดซิเมตร มกี รด HA ละลายอยู่ 0.5 โมล จะมคี วามเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนอยเู่ ท่าใด วธิ ีทำ สารละลาย 2 dm3 มีกรด HA ละลายอยู่ 0.5 mol ความเข้มข้นของสารละลาย HA = 0.5mol = 0.25 mol/dm3 dm3 HA เป็นกรดแก่ เม่อื ละลายนำ้ จะแตกตัวเปน็ ไอออนไดห้ มด ดงั สมการ HA (aq) + H2O (aq) → H3O+ (aq) + A- (aq) 0.25 0.25 mol/dm3 แสดงวา่ ในสารละลายมี [H3O+] = 0.25 mol/dm3 2) X(OH)2 เป็นเบสแก่ สารละลายของเบสน้ีเขม้ ขน้ 0.5 โมล/ลูกบาศก์เดซเิ มตร ปริมาตร 400 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร จะแตกตัวใหไ้ ฮดรอกไซด์ไอออนก่ีโมล วธิ ีทำ จำนวนโมลของ X(OH)2 ในสารละลาย 400 cm3 = 0.2mol / dm3 x 400cm3 = 0.08 mol 1000 X(OH)2 เปน็ เบสแก่ เมอ่ื ละลายนำ้ จะแตกตวั เป็นไอออนได้หมด ดังสมการ H2O X(OH)2 (s) → X2+ (aq) + 2OH- (aq) จากสมการ X(OH)2 1 mol จะแตกตวั ให้ OH- 2 mol X(OH)2 0.08 mol จะแตกตัวให้ OH- 0.08X2 mol 1 = 0.16 mol 4. นักเรียนและครูร่วมกันอภปิ รายเพ่อื หาข้อสรุปเก่ยี วกบั การแตกตัวของกรดแก่และเบสแก่ ซ่งึ ได้ ขอ้ สรุปวา่ “กรดแก่และเบสแก่เป็นอเิ ล็กโทรไลต์แก่ ซ่ึงแตกตวั เป็นไอออนไดด้ ีมาก หรือแตกตัวได้ หมด” (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล) ช่วั โมงที่ 2 ขัน้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 5. นกั เรียนจับคู่กบั เพอื่ น โดยแต่ละครู่ ว่ มกนั ศกึ ษาข้อมลู เก่ียวกบั การแตกตวั ของกรดอ่อน คา่ คงที่ การแตกตวั ของกรดอ่อน (Ka) ของกรดมอนอโปรตกิ กรดไดโปรติก และกรดพอลโิ ปรติก จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 กรด-เบส แล้วร่วมกนั แสดงความคิดเห็นจนเกิดความเข้าใจที่ตรงกนั 6. จากน้นั แต่ละครู่ ว่ มกนั ฝึกคำนวณการหาการแตกตัวเปน็ ร้อยละของกรดอ่อน จากตัวอย่างที่ 4.5-4.7 ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 กรด-เบส (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ) 7. ครสู ุ่มนกั เรียน 3 คู่ ออกมาแสดงวธิ ีการคำนวณตัวอยา่ งแต่ละขอ้ หนา้ ช้ันเรยี นใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครคู อยเสริมความรูใ้ นสว่ นท่นี กั เรยี นยังไมเ่ ขา้ ใจ
8. ครูตงั้ คำถามให้นกั เรียนร่วมกันอภปิ ราย เรือ่ ง การแตกตัวของกรดอ่อน เช่น 1) สารละลายกรดคารบ์ อนกิ (H2CO3) มีค่าคงท่กี ารแตกตัวของกรด 2 ค่า คือ Ka1 = 4.3 × 10-7 และ K a2 = 5.6 × 10-11 จงเปรยี บเทียบความเขม้ ข้นของ ไอออนตา่ ง ๆ ในสารละลาย (แนวตอบ : กรด H2CO3 แตกตวั ได้ 2 ข้นั ดังสมการ ขัน้ ท่ี 1 : H2CO3 (aq) + H2O (l) ⇌ H3O+ (aq) + HCO3- (aq) , Ka1 = 4.3 × 10-7 ขน้ั ท่ี 2 : HCO3- (aq) + H2O (l) ⇌ H3O+ (aq) + CO32- (aq) , Ka2= 5.6 × 10-11 จากคา่ Ka1 และ Ka2 บอกให้ทราบว่า ขนั้ ท่ี 1 แตกตัวเป็นไอออนได้มากกวา่ ขั้นท่ี 2 ซึง่ การแตกตัวทั้ง 2 ข้ันจะทำให้เกดิ H3O+ ดงั นน้ั จะเปรียบเทียบความเขม้ ขน้ ของไอออนใน สารละลายได้ ดังน้ี [H3O+] > [HCO3-] > [CO32-]) 2) สารละลายกรด HNO2 และ HClO มคี ่า Ka เป็น 4.5 × 10-4 และ 3.0 × 10-8 ตามลำดับ ถา้ สารละลายท้ังสองเขม้ ข้น 1 โมล/ลกู บาศกเ์ ดซเิ มตร เท่ากัน สารละลายของกรดใดจะ มคี วามเข้มข้นของ H3O+ มากกว่ากัน จงอธิบาย (แนวตอบ : สารละลายทง้ั สองมคี วามเข้มข้น 1 mol/dm3 เท่ากนั ความเขม้ ขน้ ของ H3O+ ในสารละลายกรด HNO2 จะมคี ่ามากกวา่ ในสารละลายกรด HClO เนื่องจากค่า Ka ของ HNO2 สงู กว่า Ka ของ HClO) 9. ครยู กตัวอย่างโจทย์เกีย่ วกับ การแตกตัวของกรดออ่ น โดยครูเขยี นโจทยแ์ ละแสดงวิธีทำให้ นักเรยี นดบู นกระดาน ดงั นี้ สารละลายกรดแอซีตกิ เข้มขน้ 0.5 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร จะมไี ฮโดรเนียมไอออนเข้มขน้ ก่โี มล/ลกู บาศกเ์ ดซเิ มตร (สารละลายกรดแอซีตกิ มีค่า Ka = 1.8 × 10-5) วธิ ที ำ CH3COOH (aq) + H2O (l) ⇌ H3O+ (aq) + CH3COO- (aq) mol/dm3 ความเขม้ ข้นเร่ิมต้น 0.5 - - ความเขม้ ข้น ณ ภาวะสมดลุ 0.5 – x ≈ 0.5 x x mol/dm3 Ka = [H3O][CH3COO- ] [CH3 COOH] 1.8 × 10-5 = x2 0.5 x2 = 0.5 × 1.8 × 10-5 x = 3 × 10-3 mol/dm3 ดงั นนั้ ในสารละลายจะมี [H3O+] = 3 × 10-3 โมล/ลูกบาศก์เดซเิ มตร 10. นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายเพื่อหาข้อสรปุ เก่ยี วกับการแตกตัวของกรดอ่อน ซง่ึ ได้ข้อสรปุ ดังนี้ • กรดออ่ นแตกตัวเปน็ ไอออนได้นอ้ ย การแตกตวั ของกรดอ่อนเป็นการเปลยี่ นแปลงที่ผัน กลบั ไดใ้ นสารละลายจงึ มีท้งั โมเลกุลของกรดอ่อนและไอออนที่เกิดจากการแตกตัว • ความสามารถในการแตกตัวของกรดอ่อนอาจบอกเป็นรอ้ ยละ หรือบอกเป็นคา่ คงท่ีการ แตกตวั ของกรด (Ka)
• กรดมอนอโปรติกแตกตัวไดข้ ้ันเดยี ว จึงมคี า่ Ka เพยี งคา่ เดยี ว กรดไดโปรติกแตกตวั ไดส้ อง ขน้ั จงึ มคี ่า Ka ได้ 2 ค่า สว่ นกรดพอลิโปรตกิ แตกตวั ได้หลายขนั้ จึงมคี ่า Ka หลายค่า เท่ากับจำนวนขน้ั ท่แี ตกตวั ได้ • คา่ Ka ขัน้ แรกจะมีค่าสูงกว่าคา่ Ka ในข้นั ตอ่ ไป ตามลำดับ • ในการเปรียบเทยี บปรมิ าณการแตกตัวเปน็ ไอออนของกรด ถา้ Ka1 สูงกวา่ Ka2 มาก ประมาณ 103 เท่า สามารถใช้ค่า Ka1 เพยี งคา่ เดียวได้ • กรดท่มี คี ่า Ka สูงจะมคี วามแรงของกรดมากกว่ากรดท่มี คี า่ Ka ต่ำ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล) ช่ัวโมงท่ี 3 ขัน้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 11. นกั เรียนจบั คกู่ ับเพอ่ื น โดยแต่ละคู่ศกึ ษาเกยี่ วกับการแตกตวั ของเบสอ่อน จากหนังสือเรียน รายวชิ าเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 กรด-เบส แลว้ รว่ มกนั แสดง ความคิดเหน็ จนเกิดความเขา้ ใจที่ตรงกนั 12. จากนนั้ แต่ละครู่ ่วมกันฝกึ คำนวณการหาการแตกตัวเป็นร้อยละของเบสอ่อนและความเข้มขน้ ของ ไอออนในสารละลาย จากตัวอย่างที่ 4.8-4.13 ในหนงั สอื เรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 กรด-เบส (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 13. ครูสุม่ นักเรยี น 6 คู่ ออกมาแสดงวธิ ีการคำนวณตวั อย่างแตล่ ะขอ้ หนา้ ชัน้ เรยี นใหถ้ กู ต้อง โดยครคู อยเสริมความร้ใู นสว่ นทีน่ กั เรียนยงั ไม่เข้าใจ 14. ครูต้ังคำถามให้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ ราย เรอ่ื ง การแตกตวั ของเบสอ่อน เช่น 1) สารละลายเบส NH3 และ N2H4 มีค่า Kb เปน็ 1.8 × 10-5 และ 1.7 × 10-6 ตามลำดับ ถา้ สารละลายท้ังสองเขม้ ข้น 2 โมล/ลกู บาศก์เดซิเมตร เท่ากัน สารละลายของเบสใดจะ มีความเข้มขน้ ของ OH- มากกว่ากัน จงอธิบาย (แนวตอบ : สารละลายทัง้ สองมีความเข้มข้น 2 mol/dm3 เทา่ กนั ความเข้มข้นของ OH- ในสารละลายเบส NH3 จะมคี ่ามากกว่าในสารละลายเบส N2H4 เน่อื งจากค่า Kb ของ NH3 สูงกว่า Kb ของ N2H4) 15. ครยู กตวั อย่างโจทย์เกย่ี วกับ การแตกตวั ของเบสอ่อน โดยครูเขียนโจทย์และแสดงวธิ ที ำให้ นักเรียนดบู นกระดาน ดังนี้ เบสอ่อนเมทิลเอมีน (CH3NH2) จำนวน 6.2 กรมั ในสารละลาย 250 ลกู บาศก์เซนติเมตร จะมีไฮดรอกไซด์ไอออนเขม้ ข้นก่โี มล/ลกู บาศกเ์ ดซิเมตร (กำหนดให้ คา่ Kb ของCH3NH2 = 3.7 × 10-4) วธิ ที ำ CH3NH2 หนกั 31 g คิดเป็น 1 mol หนัก 6.2 g คดิ เปน็ 6.2 = 0.2 mol 3.1 สารละลาย CH3NH2 250 cm3 มี CH3NH2 อยู่ 0.2 mol
สารละลาย CH3NH2 1000 cm3 มี CH3NH2 อยู่ 0.2x1000 = 0.8 mol 250 CH3NH2 (aq) + H2O (l) ⇌ CH3NH3+ (aq) +OH- (aq) - - mol/dm3 ความเข้มขน้ เรม่ิ ตน้ 0.8 ความเข้มขน้ ณ ภาวะสมดลุ 0.8 – x x x mol/dm3 อตั ราสว่ น C > 103 ดังน้นั 0.8 – x มีคา่ ประมาณ 0.8 Kb [CH3NH+3 [OH- ] Kb = [CH3NH2 ] 3.7 × 10-4 = ( x )( x ) 0.8 x2 = 2.96 × 10-4 x = 0.0172 mol/dm3 ดงั นัน้ สารละลายมีไฮดรอกไซด์ไอออนเขม้ ข้น 0.017 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร 16. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายเพ่ือหาข้อสรุปเกี่ยวกบั แตกตัวของเบสออ่ นซึ่งได้ขอ้ สรุป ดังนี้ • เบสอ่อนแตกตวั เป็นไอออนได้น้อย การแตกตวั ของกรดเบสเปน็ การเปลี่ยนแปลงที่ผนั กลบั ได้ ในสารละลายจงึ มีทง้ั โมเลกลุ ของเบสอ่อนและไอออนท่ีเกิดจากการแตกตัว • ความสามารถในการแตกตัวของเบสอ่อนอาจบอกเปน็ รอ้ ยละ หรือบอกเปน็ คา่ คงที่การ แตกตัวของเบส (Kb) • เบสทม่ี ีค่า Kb สงู จะมคี วามแรงของเบสมากกวา่ กรดทม่ี ีค่า Kb ตำ่ (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ชวั่ โมงที่ 4 ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 17. ครูถามคำถาม BIG QUESTION จากหนังสอื เรยี นรายวิชาเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส อีกครง้ั ดังนี้ • สารละลายกรดและเบสแต่ละชนดิ จะสามารถแตกตวั ไดเ้ ท่ากันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ : ไม่เทา่ กัน โดยสารละลายกรดแกแ่ ละเบสแก่จะสามารถแตกตัวเปน็ ไอออนได้ มาก หรอื แตกตวั ได้เกือบสมบูรณ์ สารละลายกรดออ่ นและเบสออ่ นจะสามารถแตกตัวเป็น ไอออนได้บางสว่ น) • เม่ืออณุ หภูมิเพิ่มขึ้น หรอื ความเขม้ ข้นของสารละลายเพมิ่ ข้ึน การแตกตัวของสารละลาย กรดและเบสจะเปน็ อยา่ งไร (แนวตอบ : เม่ืออุณหภูมเิ พ่มิ ข้ึน การแตกตวั ของสารละลายกรดออ่ นและเบสออ่ นจะสูงขึ้น แต่เมื่อความเขม้ ข้นของสารละลายเพิม่ ขึน้ การแตกตัวของสารละลายกรดอ่อนและเบส อ่อนจะลดลง)
18. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสยั ในเนอื้ หา เรอ่ื ง การแตกตัวของกรดและเบส ว่ามีสว่ น ไหนทีย่ งั ไมเ่ ข้าใจ และให้ความรู้เพมิ่ เติมในส่วนนนั้ เพอื่ จะใช้เป็นความรู้เบื้องต้นสำหรับการเรียน ในเน้อื หาตอ่ ๆ ไป 19. นักเรยี นทำใบงานท่ี 4.4.1 เร่ือง การแตกตัวของกรดและเบส 20. นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดในหนงั สอื แบบฝกึ หัดรายวชิ าเพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 กรด-เบส 21. นักเรยี นทำ Topic Question จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 กรด-เบส ลงในสมุดประจำตัว (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ขน้ั สรปุ ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม 2. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 4.4.1 เรื่อง การแตกตัวของกรดและเบส 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝึกหัด 4. ครตู รวจสอบผลจากการทำ Topic Question 5. นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปเกีย่ วกับการแตกตัวของกรดและเบสซึง่ ได้ขอ้ สรปุ ดังนี้ • กรดแก่และเบสแก่เป็นอเิ ลก็ โทรไลต์แก่ ซึง่ แตกตวั เป็นไอออนได้ดีมาก หรือแตกตัวได้หมด • กรดอ่อนแตกตวั เป็นไอออนได้น้อย การแตกตวั ของกรดออ่ นเป็นการเปลีย่ นแปลงทผ่ี ัน กลับได้ในสารละลายจึงมที ้งั โมเลกุลของกรดออ่ นและไอออนทเ่ี กดิ จากการแตกตวั • เบสออ่ นแตกตัวเปน็ ไอออนได้น้อย การแตกตัวของกรดเบสเปน็ การเปลีย่ นแปลงที่ผนั กลบั ได้ ในสารละลายจึงมีท้ังโมเลกลุ ของเบสออ่ นและไอออนทเ่ี กิดจากการแตกตวั 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วิธีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 4.4.1 - ใบงานที่ 4.4.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กิจกรรม - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การเรียนรู้ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) การแตกตวั ของ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ กรดและเบส - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 2) พฤตกิ รรม การทำงานกล่มุ การทำงานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์ การทำงาน รายบุคคล 3) พฤตกิ รรมการ ทำงานกลุ่ม
รายการวัด วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 4) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมั่นในการทำงาน อนั พึงประสงค์ 8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 กรด-เบส 2) หนงั สือแบบฝกึ หัดรายวิชาเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส 3) ใบงานที่ 4.4.1 เรอ่ื ง การแตกตวั ของกรดและเบส 4) สมดุ ประจำตัว 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ - 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ผู้เขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ......................................................... (นางกมลชนก เทพบ)ุ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
ข้อเสนอแนะของรองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่อื ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรยี น ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................... (นายอดิศร แดงเรอื น) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31
ใบงานที่ 4.4.1 เรื่อง การแตกตัวของกรดและเบส คำชี้แจง : ตอบคำถามเกี่ยวกับการแตกตวั ของกรดและเบส 1. สารละลายกรดไฮโดรโบรมิกเข้มขน้ 0.75 โมล/ลกู บาศกเ์ ดซเิ มตร ปริมาตร 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะมไี ฮโดรเนยี มไอออนอยูก่ ี่โมล 2. สารละลายเบสออ่ นชนดิ หนึง่ มคี วามเขม้ ขน้ เริม่ ตน้ 2.5 × 10-5 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร มีไฮดรอกไซดไ์ อออน เข้มข้น 10-7 โมล/ลูกบาศก์เดซเิ มตร จงคำนวณร้อยละการแตกตวั และค่า Kb ของเบสออ่ นชนดิ นี้
3. กรดไดโปรติก (H2X) มคี ่า Ka1 = 5.9 × 10-2 และ Ka2 = 6.4 × 10-5 จงคำนวณหา [H2X] [HX-] [X2-] และ [H+] ในสารละลายทมี่ ีความเข้มข้น 0.25 โมล/ลกู บาศก์เดซเิ มตร
ใบงานท่ี 4.4.1 เฉลย เร่อื ง การแตกตัวของกรดและเบส คำช้แี จง : ตอบคำถามเกี่ยวกับทฤษฎกี รด-เบส 1. สารละลายกรดไฮโดรโบรมิกเข้มขน้ 0.75 โมล/ลกู บาศกเ์ ดซิเมตร ปริมาตร 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะมีไฮโดรเนียมไอออนอยกู่ ี่โมล สารละลายปริมาตร 1,000 cm3 มี HBr อยู่ 0.75 mol 500 × 0.75 สารละลายปริมาตร 500 cm3 มี HBr อยู่ 1000 mol = 0.375 mol HBr (aq) → H+ (aq) + Br- (aq) กรดไฮโดรโบรมิกเป็นกรดแก่ สามารถแตกตัวได้หมด ดงั นน้ั สารละลายจะมไี ฮโดรเนียมไอออนอยู่ 0.375 โมล 2. สารละลายเบสออ่ นชนดิ หนึง่ มีความเขม้ ขน้ เริ่มตน้ 2.5 × 10-5 โมล/ลูกบาศกเ์ ดซเิ มตร มไี ฮดรอกไซด์ไอออน เข้มข้น 10-7 โมล/ลกู บาศก์เดซิเมตร จงคำนวณร้อยละการแตกตัว และค่า Kb ของเบสอ่อนชนิดนี้ เบสออ่ นเข้มขน้ 2.5 × 10-5 mol/dm3 แตกตัวให้ไฮดรอกไซดไ์ อออน 10-7 mol/dm3 10-7 × 100 เบสออ่ นเข้มขน้ 100 mol/dm3 แตกตัวใหไ้ ฮดรอกไซด์ไอออน 2.5 × 10-5 mol/dm3 = 0.4 mol/dm3 ดังนั้น เบสอ่อนชนิดน้ีแตกตวั ไดร้ ้อยละ 0.4 ร้อยละการแตกตัวของเบสออ่ น = √CKbb × 100 0.4 = √2.5 Kb × 100 × 10-5 0.16 = Kb × 100 2.5 × 10-5 Kb = 0.16 ×2.5 × 10-5 100 = 4 × 10-8 ดังนั้น เบสออ่ นชนิดนี้มีค่า Kb เทา่ กบั 4 × 10-8
3. กรดไดโปรติก (H2X) มีคา่ Ka1 = 5.9 × 10-2 และ Ka2 = 6.4 × 10-5 จงคำนวณหา [H2X] [HX-] [X2-] และ [H+] ในสารละลายที่มีความเข้มขน้ 0.25 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร สมมติให้ H2X แตกตวั ได้ x mol/dm3 H2X (aq) ⇌ H+ (aq) + HX- (aq) 0.25 - - mol/dm3 ความเขม้ ขน้ เริม่ ต้น ความเข้มขน้ ณ ภาวะสมดุล 0.25 – x x x mol/dm3 Ka1 = [H+][HX-] [H2A] 5.9 × 10-2 = (x)(x) (0.25-x) x2 = 0.01475 – 5.9 × 10-2 x x = -5.9 × 10-2 ± √(5.9 × 10-2)2-4(1)(-0.01475) 2 x = 0.0295 ดงั น้ัน ในข้ันท่ี 1 มี [H+] และ [HX-] = 2.95 × 10-2 mol/dm3 สมมติให้ HX- แตกตัวในขน้ั ท่ี 2 ได้ y mol/dm3 HX- (aq) ⇌ H+ (aq) + X2- (aq) mol/dm3 2.95 × 10-2 2.95 × 10-2 - ความเข้มข้นเร่ิมต้น ความเขม้ ขน้ ณ ภาวะสมดุล 2.95 × 10-2 – y 2.95 × 10-2 + y y mol/dm3 เนือ่ งจาก HX- แตกตวั ได้น้อยมาก (Ka2มคี า่ นอ้ ยมาก) ดงั นั้น y จงึ มีค่าน้อยมากเมอื่ เทยี บกบั 2.95 × 10-2 ดงั นัน้ 2.95 × 10-2 – y และ 2.95 × 10-2 + y จึงมคี า่ ประมาณ 2.95 × 10-2 mol/dm3 [H+][X2-] Ka2 = [HA-] 6.4 × 10-5 = (2.95 × 10-2)(y) (2.95 × 10-2) y = 6.4 × 10-5 ดงั นัน้ ในข้นั ที่ 2 มี [X2-] = Ka2 = 6.4 × 10-5 mol/dm3 ดงั นั้น ท่ีภาวะสมดลุ มี [H+] = [HX-] = 2.95 × 10-2 mol/dm3 [X2-] = 6.4 × 10-5 mol/dm3 [H2X] = 0.25 – (2.95 × 10-2) = 0.22 mol/dm3
วช-ร 06 แบบบนั ทึกหลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 10 เรอื่ ง กรด-เบส แผนการเรยี นร้ทู ี่ 4 เรอื่ ง การแตกตวั ของกรดและเบส รายวชิ า เคมี 4 ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 รหัสวชิ า ว 32204 ครผู ู้สอน นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา ตำแหนง่ ครูผู้ชว่ ย เวลาทใี่ ช้ 2 ชว่ั โมง ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขอ้ ค้นพบระหวา่ ง ปญั หาที่พบ แนวทางแกไ้ ข ทม่ี ีการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เนื้อหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมีสว่ นรว่ มของผเู้ รียน ลงช่ือ ครูผจู้ ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (นางสาวกานดา วุฒิเศลา) ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 10 เรื่อง กรด-เบส แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 5 เรอ่ื ง การแตกตัวเปน็ ไอนำ้ ของนำ้ รายวิชา เคมี 4 รหสั วิชา ว 32204 ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 น้ำหนักเวลาเรยี น 1.5 หน่วยกจิ เวลาเรยี น 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 2 ชั่วโมง 1. ผลการเรยี นรู้ คำนวณคา่ pH ความเข้มขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนหรอื ไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรดและเบส 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกสมบตั กิ ารนำไฟฟ้าของน้ำได้ (K) 2. บอกความสัมพันธ์ของค่าคงที่การแตกตวั ของนำ้ ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนกับไฮดรอกไซด์ ไอออนในนำ้ บรสิ ทุ ธท์ิ ่ี 25 องศาเซลเซียสได้ (K) 3. บอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประมาณการแตกตวั ของนำ้ บรสิ ทุ ธ์ิกบั อุณหภมู ิได้ (K) 4. อธบิ ายผลการรบกวนสมดุลของนำ้ เม่อื เตมิ กรดหรอื เบสลงในน้ำได้ (K) 5. ตรวจสอบความเขม้ ข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรอื ไฮดรอกไซด์ไอออนในนำ้ เมือ่ เติมกรดหรือเบสลงไป ได้ (P) 6. ทดลองเพอ่ื ศกึ ษาการนำไฟฟา้ ของนำ้ ได้ (P) 7. ใช้เครอื่ งมือและอปุ กรณท์ างวิทยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างถกู ต้อง (P) 8. ปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนการทดลองไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (P) 9. ตั้งใจเรยี นรแู้ ละแสวงหาความรู้ รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเติม สาระการเรยี นรูท้ ้องถิน่ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา - น้ำบริสทุ ธ์ิทอ่ี ณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซียสแตกตัว ใหไ้ ฮโดรเนียมไอออนและไฮดรอกไซดไ์ อออน ที่มคี วามเขม้ ข้นเทา่ กัน คือ 1.0 × 10-7 โมลตอ่ ลิตร โดยมีค่าคงที่การแตกตัวของนำ้ เทา่ กบั 1.0 × 10-14 - เมื่อกรดหรือเบสแตกตัวในน้ำ ค่าความเป็น กรด-เบสของสารละลายแสดงได้ด้วยคา่ pH ซ่ึงสมั พนั ธ์กับความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี ม ไอออน โดยสารละลายกรดมคี วามเข้มขน้ ของ
สาระการเรียนร้เู พม่ิ เตมิ สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ ไฮโดรเนยี มไอออนมากกว่า 1.0 × 10-7 โมลต่อ ลิตร หรอื มีคา่ pH นอ้ ยกว่า 7 สว่ นสารละลาย เบสมคี วามเข้มขน้ ของไฮโดรเนียมไอออนน้อย กว่า 1.0 × 10-7 โมลต่อลิตร หรือมีคา่ pH มากกว่า 7 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด นำ้ บรสิ ุทธิท์ อ่ี ุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส แตกตัวให้ไฮโดรเนยี มไอออน และไฮดรอกไซด์ไอออนทม่ี ีความ เขม้ ขน้ เท่ากนั คอื 1.0 × 10-7 โมลตอ่ ลิตร โดยมีค่าคงที่การแตกตวั ของนำ้ เท่ากับ 1.0 × 10-14 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 1) ทักษะการสังเกต 2) ทกั ษะการสำรวจค้นหา 3) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 4) ทักษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการทดลอง 6) ทกั ษะการตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ 7) ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี 1 ข้ันนำ ข้ันท่ี 1 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครตู ัง้ คำถามเพอื่ กระตนุ้ ความสนใจนักเรียนวา่ “นำ้ สามารถนำไฟฟา้ ได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด” ซงึ่ ครูยงั ไมต่ ้องเฉลยคำตอบท่ีถกู ตอ้ งกบั นักเรยี น 2. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 กรด-เบส ว่า “ทอ่ี ุณหภมู ิปกติ น้ำสามารถนำไฟฟ้าไดห้ รอื ไม่” แล้ว ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ตอบคำถาม จากนนั้ ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภิปราย (แนวตอบ : ท่อี ุณหภมู ปิ กติ นำ้ สามารถนำไฟฟ้าได้เลก็ นอ้ ย)
ขนั้ สอน ขั้นที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน เพอ่ื ทำการทดลอง เรอ่ื ง การนำไฟฟ้าของน้ำ จากหนังสอื เรียน รายวิชาเพ่มิ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 กรด-เบส 2. ครูใชร้ ปู แบบการเรียนรูแ้ บบร่วมมือ เทคนิค LT มาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิก แต่ละคนภายในกลุ่มมีบทบาทหน้าท่ีของตนเอง ดังนี้ • สมาชิกคนท่ี 1 : ทำหน้าท่ีเตรยี มวสั ดุ-อปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการทดลอง เรอ่ื ง การนำไฟฟ้าของนำ้ • สมาชกิ คนท่ี 2 : ทำหน้าทีอ่ ่านวิธกี ารทดลอง ทำความเขา้ ใจ และอธบิ ายใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ ฟัง • สมาชิกคนท่ี 3 : ทำหนา้ ท่ีบันทกึ ผลการทดลอง • สมาชิกคนท่ี 4 และ 5 : ทำหนา้ ท่ีนำเสนอผลการทดลอง 3. สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มชว่ ยกนั ลงมือทำการทดลอง (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ ) 4. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทน (สมาชิกคนที่ 4 และ 5 ของกลุ่ม) ออกมานำเสนอผลการทดลอง หลงั จากนั้นให้นักเรียนทกุ คนรว่ มกันอภิปรายผลการทดลองจนมคี วามเข้าใจทตี่ รงกัน (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ ปฏบิ ัตกิ าร) 5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั ิการทดลอง โดยใช้แนวคำถาม ดังน้ี 1) เม่อื ตรวจการนำไฟฟา้ ของนำ้ กลนั่ ทีอ่ ุณหภมู หิ อ้ ง และนำ้ กลั่นอณุ หภมู ิประมาณ 60 องศาเซลเซียส ด้วยเครอ่ื งตรวจการนำไฟฟา้ จะไดผ้ ลอย่างไร (แนวตอบ : หลอดไฟของเคร่ืองตรวจการนำไฟฟ้าไมส่ วา่ ง) 2) เมือ่ ตรวจการนำไฟฟ้าของนำ้ กลน่ั ทอี่ ณุ หภมู ิห้อง และน้ำกลั่นอุณหภูมปิ ระมาณ 60 องศาเซลเซยี ส ด้วยแอมมเิ ตอรจ์ ะได้ผลอย่างไร (แนวตอบ : น้ำกลนั่ ทอี่ ณุ หภมู ิห้องทำให้เขม็ ของแอมมเิ ตอรจ์ ะเบนไปเลก็ น้อย ส่วนกลั่น อณุ หภูมปิ ระมาณ 60 องศาเซลเซียส ทำใหเ้ ขม็ แอมมิเตอรเ์ บนไปมากกวา่ นำ้ กลน่ั ท่ี อุณหภมู ิห้อง) 6. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปผลจากการทำการทดลอง ซง่ึ ไดข้ อ้ สรุปว่า “นำ้ บรสิ ุทธิ์นำไฟฟ้าไดน้ อ้ ย มาก เน่อื งจากนำ้ บรสิ ทุ ธิ์แตกตัวเป็นไอออนได้น้อยมาก แตเ่ มื่อน้ำบรสิ ุทธิม์ ีอุณหภูมิสูงข้ึน จะ สามารถนำไฟฟา้ ไดม้ ากข้ึน เน่อื งจากสามารถแตกตัวเป็นไอออนไดม้ ากข้นึ ” (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ชั่วโมงท่ี 2 ขัน้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Explore) 7. นักเรียนจบั คูก่ ับเพ่อื น โดยให้แต่ละคศู่ กึ ษาขอ้ มลู เกี่ยวกบั การแตกตวั เปน็ ไอออนของน้ำ จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 กรด-เบส แลว้ รว่ มกนั แสดงความคิดเห็นจนเกดิ ความเข้าใจทต่ี รงกนั 8. จากนัน้ นกั เรยี นแต่ละค่รู ่วมกนั ฝกึ คำนวณหาความเขม้ ข้นของ H3O+ หรอื OH- เมอื่ ภาวะสมดุล เปลยี่ นแปลงไป จากตัวอยา่ งท่ี 4.14 ในหนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 กรด-เบส (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 9. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกับการรบกวนสมดุลของน้ำเมือ่ เตมิ กรดซง่ึ มี H3O+ หรือเตมิ เบสซง่ึ มี OH- ลงไป การปรับตัวเพ่อื รกั ษาสมดุลของน้ำ 10. ครูอธบิ ายเก่ยี วกับสมดุลการแตกตวั ของน้ำ และการหาคา่ คงท่ีการแตกตวั ของน้ำ (Kw) โดยเนน้ ว่า “ณ ภาวะสมดุล ท่ี 25 องศาเซลเซียส ค่า Kw จะเท่ากับ 1.0 × 10-14 โดยความเขม้ ข้นของ H3O+ และ OH- ในนำ้ จะมคี ่าเท่ากัน คอื 1.0 × 10-7 โมล/ลกู บาศกเ์ ดซิเมตร” 11. ครูส่มุ นักเรยี น 1 คู่ ออกมาแสดงวธิ ีการคำนวณตัวอยา่ งหนา้ ชั้นเรยี นให้ถกู ต้อง โดยครูคอยเสริม ความรู้ในสว่ นที่นกั เรยี นยังไม่เขา้ ใจ 12. ครตู ้ังคำถามใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปราย เร่อื ง การแตกตวั เป็นไอออนของน้ำ ดงั น้ี 1) ทอ่ี ณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซยี ส ค่าคงท่ีการแตกตัวของนำ้ มีคา่ เท่าใด (แนวตอบ : 1.0 × 10-14) 2) เมื่ออุณหภมู สิ ูงขนึ้ คา่ คงท่ีการแตกตัวของน้ำจะเปลี่ยนแปลงไปอยา่ งไร (แนวตอบ : เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าคงทีก่ ารแตกตัวของน้ำจะมคี า่ สงู ขน้ึ ) 3) เม่ือเตมิ เบสลงในนำ้ ค่าคงท่กี ารแตกตัวของน้ำ ความเขม้ ข้นของ H3O+ และ OH- จะ เปลย่ี นแปลงไปอยา่ งไร (แนวตอบ : คา่ คงท่ีการแตกตัวของนำ้ จะมีคา่ เท่าเดมิ ความเขม้ ข้นของ H3O+ จะมีคา่ น้อยกว่า 1.0 × 10-7 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร สว่ นความเขม้ ข้นของ OH- จะมีค่ามากกวา่ 1.0 × 10-7 โมล/ลกู บาศก์เดซิเมตร) 4) เมื่อเติมกรดลงในนำ้ ค่าคงทก่ี ารแตกตัวของน้ำ ความเข้มขน้ ของ H3O+ และ OH- จะ เปล่ยี นแปลงไปอยา่ งไร (แนวตอบ : ค่าคงที่การแตกตัวของนำ้ จะมคี ่าเทา่ เดิม ความเข้มขน้ ของ H3O+ จะมคี า่ มากกว่า 1.0 × 10-7 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร สว่ นความเข้มข้นของ OH- จะมีค่าน้อยกว่า 1.0 × 10-7 โมล/ลกู บาศกเ์ ดซิเมตร) (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล) ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 13. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามขอ้ สงสัยในเน้อื หา เรอ่ื ง การแตกตัวเป็นไอออนของน้ำ วา่ มสี ว่ น ไหนทย่ี งั ไม่เขา้ ใจ และให้ความรู้เพิ่มเติมในสว่ นนนั้ เพอื่ จะใชเ้ ป็นความรู้เบ้อื งต้นสำหรับการเรียน ในเน้ือหาตอ่ ๆ ไป 14. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ในหนงั สอื แบบฝึกหดั รายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 กรด-เบส 15. นกั เรยี นทำ Topic Question จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 กรด-เบส ลงในสมดุ ประจำตัว (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ข้นั สรปุ ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนกั เรียน โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัด
3. ครูตรวจสอบผลจากการทำ Topic Question 4. ครูวดั และประเมินผลจากการนำเสนอผลการทดลอง เรือ่ ง การนำไฟฟา้ ของนำ้ 5. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรปุ เกี่ยวกับทฤษฎกี รด-เบสซง่ึ ได้ข้อสรปุ ดังน้ี • น้ำบรสิ ุทธน์ิ ำไฟฟ้าได้นอ้ ยมาก เน่ืองจากน้ำบริสุทธ์ิแตกตัวเป็นไอออนได้นอ้ ยมาก แตเ่ ม่อื นำ้ บรสิ ุทธิ์มีอุณหภมู สิ งู ขนึ้ จะสามารถนำไฟฟ้าได้มากขนึ้ เนือ่ งจากสามารถ แตกตัวเป็นไอออนไดม้ ากขนึ้ • นำ้ บรสิ ทุ ธิ์ที่อณุ หภูมิ 25 องศาเซลเซียส แตกตัวให้ไฮโดรเนียมไอออน และไฮดรอกไซด์ ไอออนที่มีความเขม้ ขน้ เท่ากนั คอื 1.0 × 10-7 โมลตอ่ ลิตร โดยมีคา่ คงท่กี ารแตกตวั ของ น้ำ เท่ากับ 1.0 × 10-14 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกจิ กรรม - ตรวจสมุดประจำตัว การเรยี นรู้ - สมดุ ประจำตวั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) การแตกตวั เปน็ - ประเมินการปฎิบตั ิ ไอออนของนำ้ การ - แบบประเมนิ การปฎบิ ัติ - ระดบั คุณภาพ 2 2) การทดลอง เร่อื ง การ ผา่ นเกณฑ์ การนำไฟฟ้าของ นำ้ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2 3) พฤติกรรม การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ การทำงาน รายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ทำงานกล่มุ - ระดับคณุ ภาพ 2 - สงั เกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ 8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวิชาเพม่ิ เติมวทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 กรด-เบส 2) หนังสือแบบฝกึ หัดรายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 กรด-เบส 3) วสั ดุ-อุปกรณ์ท่ีใช้ในการทดลอง เรอื่ ง การนำไฟฟา้ ของนำ้ 4) สมุดประจำตวั 8.2 แหล่งการเรียนรู้ - ห้องเรียน
9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (นางสาวกานดา วุฒิเศลา) ผเู้ ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................... (นางกมลชนก เทพบ)ุ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ข้อเสนอแนะของรองผ้อู ำนวยการกล่มุ บริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่อื ...................................................... (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ ข้อเสนอแนะของผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................... (นายอดิศร แดงเรอื น) ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31
วช-ร 06 แบบบนั ทกึ หลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ชือ่ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 10 เรอ่ื ง กรด-เบส แผนการเรียนรทู้ ่ี 5 เรอื่ ง การแตกตัวเป็นไอนำ้ ของน้ำ รายวชิ า เคมี 4 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 รหสั วชิ า ว 32204 ครูผ้สู อน นางสาวกานดา วุฒเิ ศลา ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย เวลาที่ใช้ 2 ชว่ั โมง ************************* ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขอ้ ค้นพบระหว่าง ปัญหาที่พบ แนวทางแกไ้ ข ทมี่ ีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ ประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนรว่ มของผ้เู รียน ลงช่ือ ครผู ู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา) ตำแหน่ง ครูผูช้ ว่ ย
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรือ่ ง พลังงานความรอ้ น แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 เร่อื ง pH ของสารละลาย รายวชิ า เคมี 4 รหัสวชิ า ว 32204 ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 น้ำหนักเวลาเรยี น 1.5 หน่วยกิจ เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาทีใ่ ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 2 ชั่วโมง 1. ผลการเรียนรู้ คำนวณคา่ pH ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรดและเบส 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง pH กับความเขม้ ข้นของไฮโดรเนยี มไอออนได้ (K) 2. บอกความเป็นกรด-เบสของสารละลายเมอื่ ทราบ pH ได้ (K) 3. ตรวจสอบค่า pH ของสารละลาย เมอ่ื ทราบความเข้มขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออนหรือความเข้มขน้ ของไฮดรอกไซด์ไอออนได้ (P) 4. ตั้งใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ รับผดิ ชอบต่อหนา้ ทท่ี ีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พ่มิ เตมิ สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา - นำ้ บรสิ ุทธิ์ท่อี ณุ หภูมิ 25 องศาเซลเซยี สแตกตัว ใหไ้ ฮโดรเนยี มไอออนและไฮดรอกไซด์ไอออน ที่มคี วามเขม้ ข้นเทา่ กัน คอื 1.0 × 10-7 โมลต่อ ลิตร โดยมคี ่าคงทีก่ ารแตกตัวของนำ้ เท่ากับ 1.0 × 10-14 - เมื่อกรดหรือเบสแตกตัวในนำ้ ค่าความเป็น กรด-เบสของสารละลายแสดงไดด้ ้วยคา่ pH ซงึ่ สมั พันธ์กับความเข้มขน้ ของไฮโดรเนียม ไอออน โดยสารละลายกรดมีความเขม้ ข้นของ ไฮโดรเนียมไอออนมากกวา่ 1.0 × 10-7 โมลต่อ ลิตร หรือมีคา่ pH นอ้ ยกว่า 7 ส่วนสารละลาย เบสมีความเขม้ ข้นของไฮโดรเนยี มไอออนน้อย กว่า 1.0 × 10-7 โมลต่อลิตร หรอื มีคา่ pH มากกวา่ 7
4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด pH เป็นคา่ ทใ่ี ชบ้ อกความเข้มข้นของ H3O+ ในสารละลาย โดยกำหนดให้ pH = -log [H3O+] สารละลายที่มีสมบัติเปน็ กรดจะมี pH < 7 สารละลายทม่ี ีสมบัติเปน็ กลางจะมี pH = 7 ส่วนสารละลาย ทีม่ ีสมบตั ิเปน็ เป็นจะมี pH > 7 ผลคูณของ [H3O+] กับ [OH-] มีค่าเท่ากับ 1.0 × 10-14 ซึ่งเป็นค่าคงที่ ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ดังนน้ั สารละลายทมี่ ี [H3O+] มาก จะมี [OH-] นอ้ ย ส่วนสารละลายทมี่ ี H3O+] นอ้ ย จะมี [OH-] มาก สารละลายทม่ี ี [H3O+] มาก จะมีความเปน็ กรดมาก คา่ pH จะตำ่ สว่ นสารละลายที่มี [H3O+] นอ้ ย จะมี ความเป็นกรดนอ้ ย ค่า pH จะสงู 5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทำงาน 1) ทกั ษะการสงั เกต 2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 3) ทักษะการวเิ คราะห์ 4) ทกั ษะการเชื่อมโยง 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขนั้ นำ ขน้ั ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สือเรียนรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 กรด-เบส วา่ “เกณฑใ์ ดใช้ในการเปรยี บเทยี บความเป็นกรด-เบสของ สารละลาย” ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ตอบคำถาม จากน้ันครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ ราย (แนวตอบ : การเปล่ยี นสีกระดาษลิตมัส โดยกรดจะเปล่ียนสกี ระดาษลติ มัสจากสีน้ำเงนิ เป็นสีแดง สว่ นเบสจะเปล่ยี นสีกระดาษลิตมัสจากสแี ดงเปน็ สีนำ้ เงนิ ) 2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันทบทวนความรู้เกยี่ วกบั ความเขม้ ขน้ ของไฮโดรเนยี มไอออนหรอื ไฮดรอก ไซด์ไอออนในน้ำ เพอื่ เช่ือมโยงเข้าสกู่ ารคำนวณคา่ pH ของน้ำและสารละลายกรด-เบส ขั้นสอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 3 คน โดยแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศึกษา เรื่อง pH ของสารละลาย จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 กรด-เบส จากน้ันใหร้ ่วมกันอภปิ รายเรือ่ งทไี่ ดศ้ ึกษาไป จนเกดิ ความเข้าใจท่ตี รงกนั
2. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ฝึกคำนวณหาค่า pH ของสารละลาย จากตวั อย่างท่ี 4.15-4.19 ในหนงั สือเรียนรายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 กรด-เบส (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) ช่วั โมงท่ี 2 ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain) 3. ครสู ุม่ นกั เรียน 5 กลุ่ม ออกมาแสดงวิธีการคำนวณตัวอย่างแตล่ ะข้อหนา้ ช้ันเรียนให้ถกู ตอ้ ง โดยครคู อยเสรมิ ความรูใ้ นสว่ นที่นกั เรยี นยงั ไม่เข้าใจ 4. ครยู กตวั อย่างโจทย์เกย่ี วกบั pH ของสารละลาย โดยครูเขยี นโจทย์และแสดงวิธที ำให้นกั เรยี นดู บนกระดาน ดงั น้ี 1) สารละลาย NaOH เขม้ ขน้ 0.5 โมล/ลกู บาศก์เดซิเมตร จะมีคา่ pH เทา่ ใด (กำหนดให้ log 2 = 0.3010) วิธที ำ NaOH เปน็ เบสแก่ จึงแตกตวั ไดห้ มด ดังนัน้ สารละลาย NaOH 0.5 mol/dm3 จะแตกตัวให้ [OH-] 0.5 mol/dm3 [H3O+][OH-] = 1.0 × 10-14 [H3O+] × 0.5 = 1.0 × 10-14 [H3O+] = 1.0 x 10-14 0.5 = 2 × 10-14 สารละลาย NaOH มี [H3O+] = 2 × 10-14 pH = -log [H3O+] = -log(2 × 10-14) = 14 – log2 = 14 – 0.3010 = 13.699 ดังน้นั สารละลาย NaOH จะมีค่า pH เท่ากับ 13.699 2) สารละลาย KOH มี pH เทา่ กบั 8 จะมคี วามเข้มข้นเทา่ ใด วธิ ที ำ สารละลาย KOH มี pH เท่ากบั 8 จะมี [H3O+] = 10-8 mol/dm3 [H3O+][OH-] = 1.0 × 10-14 10-8 × [OH-] = 1.0 × 10-14 [OH-] = 1.0 x 10-14 10-8 = 2 × 10-6 mol/dm3 ดงั นัน้ สารละลาย KOH มีความเขม้ ข้น 2 × 10-6 mol/dm3
5. นักเรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายเพ่ือหาข้อสรุปเกีย่ วกบั pH ของสารละลาย ซง่ึ ได้ขอ้ สรปุ ดังน้ี • pH เปน็ คา่ ท่ีใช้บอกความเข้มขน้ ของ H3O+ ในสารละลาย โดยกำหนดให้ pH = -log [H3O+] • สารละลายทม่ี ีสมบัติเป็นกรดจะมี pH < 7 สารละลายทม่ี ีสมบัตเิ ป็นกลางจะมี pH = 7 ส่วนสารละลายท่มี สี มบัติเปน็ เปน็ จะมี pH > 7 • ผลคณู ของ [H3O+] กบั [OH-] มีคา่ เทา่ กบั 1.0 × 10-14 ซึ่งเปน็ ค่าคงที่ ที่อุณหภมู ิ 25 องศาเซลเซียส ดงั นน้ั สารละลายทีม่ ี [H3O+] มาก จะมี [OH-] นอ้ ย สว่ นสารละลายท่ีมี H3O+] นอ้ ย จะมี [OH-] มาก • สารละลายท่ีมี [H3O+] มาก จะมีความเปน็ กรดมาก ค่า pH จะต่ำ ส่วนสารละลายทมี่ ี [H3O+] น้อย จะมคี วามเปน็ กรดน้อย คา่ pH จะสูง • pH ของสารละลายอาจมีค่าตำ่ กว่า 0 หรอื สูงกว่า 14 กไ็ ด้ (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 6. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสัยในเน้อื หา เรอ่ื ง pH ของสารละลาย ว่ามีส่วนไหนทีย่ ังไม่ เขา้ ใจ และให้ความร้เู พมิ่ เตมิ ในส่วนนน้ั เพอ่ื จะใช้เป็นความร้เู บอื้ งต้นสำหรับการเรยี นในเนือ้ หา ตอ่ ๆ ไป 7. นักเรยี นทำใบงานท่ี 4.6.1 เร่อื ง pH ของสารละลาย 8. นกั เรียนทำแบบฝึกหดั ในหนังสือแบบฝกึ หัดรายวิชาเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 กรด-เบส 9. นกั เรียนทำ Topic Question จากหนงั สอื เรียนรายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 กรด-เบส ลงในสมดุ ประจำตัว (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล) ขนั้ สรุป ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชั้นเรยี น 2. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 4.6.1 เร่อื ง pH ของสารละลาย 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัด 4. ครตู รวจสอบผลจากการทำTopic Question
7. การวัดและประเมินผล รายการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ตรวจใบงานที่ 4.6.1 - ใบงานที่ 4.6.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจัดกจิ กรรม - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การเรียนรู้ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) pH ของ - ระดับคณุ ภาพ 2 - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ สารละลาย การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพ 2 2) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การทำงาน - ระดบั คุณภาพ 2 รายบุคคล การทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ทำงานกลุม่ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลักษณะ 4) คุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียนรายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 กรด-เบส 2) หนังสือแบบฝกึ หัดรายวิชาเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 กรด-เบส 3) ใบงานที่ 4.6.1 เรอ่ื ง pH ของสารละลาย 4) สมุดประจำตวั 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ -
9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.................................................. (นางสาวกานดา วุฒิเศลา) ผูเ้ ขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางกมลชนก เทพบ)ุ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ข้อเสนอแนะของรองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชื่อ...................................................... (นายวิเศษ ฟองตา) รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ข้อเสนอแนะของผอู้ ำนวยการโรงเรียน ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................... (นายอดิศร แดงเรือน) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31
ใบงานที่ 4.6.1 เรอื่ ง pH ของสารละลาย คำช้แี จง : ตอบคำถามเกยี่ วกบั pH ของสารละลาย 1. สารละลายกรดไนตริกเข้มข้น 10-5 โมล/ลูกบาศก์เดซเิ มตร ปริมาตร 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร จะมี pH เท่าใด 2. สารละลายโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ มี pH เท่ากับ 9 สารละลายนจ้ี ะมไี ฮดรอกไซดไ์ อออนเข้มขน้ เทา่ ใด 3. สารละลายเบสอ่อนเข้มขน้ 0.1 โมล/ลูกบาศกเ์ ดซิเมตร แตกตวั เปน็ ไอออนไดร้ อ้ ยละ 5 จะมี pH เท่ากบั เท่าใด (กำหนดให้ log 5 = 0.699)
4. สารละลายกรดแอซตี กิ เขม้ ขน้ 0.1 โมล/ลกู บาศก์เดซเิ มตร มคี ่า Ka เทา่ กับ 1.8 × 10-5 จะมีคา่ pH เท่าใด (กำหนดให้ log 1.34 = 0.1271)
5. ผสมสารละลาย HCl เข้มขน้ 0.15 โมล/ลูกบาศกเ์ ดซิเมตร กับสารละลาย CH3COOH เข้มขน้ 0.25 โมล/ ลูกบาศกเ์ ดซเิ มตร สารละลายผสมจะมี pH เท่าใด (กำหนดให้ Ka ของ CH3COOH = 1.8 × 10-5 และ log 1.52 = 0.1818)
ใบงานที่ 4.6.1 เฉลย เร่ือง pH ของสารละลาย คำช้ีแจง : ตอบคำถามเกีย่ วกับ pH ของสารละลาย 1. สารละลายกรดไนตรกิ เขม้ ข้น 10-5 โมล/ลูกบาศก์เดซเิ มตร ปรมิ าตร 100 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร จะมี pH เท่าใด สารละลายกรดไนตรกิ เข้มข้น 10-5 mol/dm3 จะมไี ฮโดรเนยี มไอออนเขม้ ขน้ 10-5 mol/dm3 pH = -log[H3O+] = -log (10-5) =5 ดงั นน้ั สารละลายกรดไนตรกิ มี pH เทา่ กับ 5 2. สารละลายโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ มี pH เท่ากบั 9 สารละลายนี้จะมีไฮดรอกไซดไ์ อออนเข้มขน้ เท่าใด สารละลายมี pH = 9 แสดงว่า มี pOH = 14 – 9 = 5 pOH = -log[OH-] 5 = -log[OH-] [OH-] = 10-5 mol/dm3 ดงั นัน้ สารละลายน้ีมไี ฮดรอกไซด์ไอออนเข้มขน้ 10-5 โมล/ลูกบาศกเ์ ดซิเมตร 3. สารละลายเบสออ่ นเข้มข้น 0.1 โมล/ลูกบาศกเ์ ดซิเมตร แตกตัวเป็นไอออนไดร้ อ้ ยละ 5 จะมี pH เท่ากับ เทา่ ใด (กำหนดให้ log 5 = 0.699) สารละลายเบสออ่ น 100 mol/dm3 แตกตวั ได้ 5 mol/dm3 สารละลายเบสอ่อน 0.1 mol/dm3 แตกตวั ได้ 5 × 0.1 = 5 × 10-3 mol/dm3 100 pOH = -log[OH-] = -log[5 × 10-3] = -log5 + 3 log 10 = -0.699 + 3 = 2.301 pH = 14 – pOH = 14 – 2.301 = 11.699 ดงั นน้ั สารละลายนีม้ ี pH เทา่ กับ 11.699
4. สารละลายกรดแอซีติกเขม้ ขน้ 0.1 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร มีค่า Ka เท่ากบั 1.8 × 10-5 จะมีค่า pH เท่าใด (กำหนดให้ log 1.34 = 0.1271) CH3COOH (aq) + H2O (l) ⇌ CH3COO- (aq) + H3O+ (aq) - - mol/dm3 ความเข้มขน้ เร่ิมตน้ 0.1 ความเขม้ ขน้ ณ ภาวะสมดลุ 0.1 – x ≈ 0.1 x x mol/dm3 K =a [CH3COO−][H3O+] [CH3COOH] 1.8 × 10-5 = (x)(x) 0.1 x2 = 1.8 × 10-6 x = 1.34 × 10-3 mol/dm3 ดงั นน้ั สารละลายน้ีจะมีไฮโดรเนียมไอออนเข้มขน้ 1.34 × 10-3 mol/dm3 pH = -log[H3O+] = -log (1.34 × 10-3) = -log 1.34 + 3 log 10 = -0.1271 + 3 = 2.8729 ดังนั้น สารละลายกรดแอซตี กิ มี pH เท่ากับ 2.8729 5. ผสมสารละลาย HCl เขม้ ข้น 0.15 โมล/ลูกบาศก์เดซิเมตร กบั สารละลาย CH3COOH เข้มข้น 0.25 โมล/ ลูกบาศกเ์ ดซเิ มตร สารละลายผสมจะมี pH เทา่ ใด (กำหนดให้ Ka ของ CH3COOH = 1.8 × 10-5 และ log 1.52 = 0.1818) HCl เป็นกรดแก่ จะแตกตัวได้หมด ดังน้นั [HCl] = 0.15 mol/dm3 แตกตัวให้ [H3O+] = 0.15 mol/dm3 ความเข้มข้นเรมิ่ ต้น CH3COOH (aq) + H2O (l) ⇌ CH3COO- (aq) + H3O+ (aq) 0.25 - - mol/dm3 ความเขม้ ข้น ณ ภาวะสมดุล 0.25 – x x x mol/dm3 K =a [CH3COO−][H3O+] [CH3COOH] 1.8 × 10-5 = (x)(x) 0.25 x = 2.12 × 10-3 mol/dm3 ดังนน้ั [CH3COOH] = 0.25 mol/dm3 แตกตัวให้ [H3O+] = 2.12 × 10-3 mol/dm3 ปริมาณ [H3O+] รวม = 0.15 + (2.12 × 10-3) = 1.52 × 10-1 mol/dm3 pH = -log[H3O+] = -log (1.52 × 10-1) = -log 1.52 + 1 log 10 = -0.1818 + 1 = 0.8182 ดังนน้ั สารละลายผสมมี pH เท่ากับ 0.8182
วช-ร 06 แบบบันทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ช่อื หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 10 เรอ่ื ง กรด-เบส แผนการเรยี นรู้ท่ี 6 เรอื่ ง pH ของสารละลาย รายวชิ า เคมี 4 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 รหสั วิชา ว 32204 ครผู ู้สอน นางสาวกานดา วุฒเิ ศลา ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย เวลาที่ใช้ 2 ชว่ั โมง ************************* ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขอ้ ค้นพบระหวา่ ง ปัญหาทีพ่ บ แนวทางแกไ้ ข ทมี่ ีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรู้ พฤตกิ รรม/การมสี ่วนร่วมของผเู้ รียน ลงช่อื ครูผูจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้ (นางสาวกานดา วฒุ เิ ศลา) ตำแหน่ง ครูผชู้ ่วย
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 10 เร่ือง กรด-เบส แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรื่อง อนิ ดิเคเตอร์สำหรบั กรด-เบส รายวิชา เคมี 4 รหสั วชิ า ว 32204 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 นำ้ หนกั เวลาเรียน 1.5 หนว่ ยกิจ เวลาเรยี น 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาทีใ่ ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ คำนวณคา่ pH ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรอื ไฮดรอกไซดไ์ อออนของสารละลายกรดและเบส 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกสมบตั ขิ องอินดเิ คเตอรส์ ำหรับกรด-เบสได้ (K) 2. อธิบายเหตุผลทท่ี ำให้อนิ ดเิ คเตอร์เปลี่ยนสไี ด้ (K) 3. บอกสขี องสารละลายเมอื่ ทราบ pH ของสารละลายและชนิดของอนิ ดเิ คเตอรท์ ีใ่ ช้ทดสอบ (K) 4. เขยี นคา่ pH และบอกความเป็นกรด-เบสของสารละลาย เม่อื ทราบสีท่เี ปลีย่ นและช่วง pH ท่ีเปลี่ยนสี ของอินดิเคเตอรไ์ ด้ (P) 5. ตง้ั ใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ รบั ผิดชอบต่อหน้าทท่ี ่ไี ดร้ บั มอบหมาย (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พมิ่ เติม สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา - น้ำบรสิ ุทธิ์ท่ีอณุ หภมู ิ 25 องศาเซลเซยี สแตกตวั ให้ไฮโดรเนียมไอออนและไฮดรอกไซด์ไอออน ทีม่ ีความเข้มข้นเทา่ กนั คือ 1.0 × 10-7 โมลตอ่ ลิตร โดยมคี ่าคงทีก่ ารแตกตวั ของนำ้ เท่ากับ 1.0 × 10-14 - เมอ่ื กรดหรอื เบสแตกตัวในน้ำ ค่าความเปน็ กรด-เบสของสารละลายแสดงได้ดว้ ยคา่ pH ซ่งึ สัมพันธ์กบั ความเข้มข้นของไฮโดรเนยี ม ไอออน โดยสารละลายกรดมีความเขม้ ขน้ ของ ไฮโดรเนยี มไอออนมากกวา่ 1.0 × 10-7 โมลต่อ ลติ ร หรอื มคี ่า pH น้อยกวา่ 7 ส่วนสารละลาย เบสมคี วามเขม้ ข้นของไฮโดรเนียมไอออนนอ้ ย กว่า 1.0 × 10-7 โมลต่อลิตร หรือมคี า่ pH มากกวา่ 7
4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด อินดเิ คเตอร์ คอื สารทีใ่ ช้บอกความเป็นกรด-เบสของสารละลายได้ อาจเป็นกรดหรอื เบสออ่ น ๆ ซง่ึ สามารถเปลยี่ นจากรูปหนง่ึ งไปเป็นอีกรูปหนงึ่ ได้ เมอื่ pH ของสารละลายเปล่ียนแปลงไป ดังน้นั สารประกอบทเี่ ปลย่ี นสีไดท้ ี่ pH เฉพาะตัวจะถกู นำมาใช้เปน็ อนิ ดิเคอเตอรไ์ ด้ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 1) ทกั ษะการสังเกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทกั ษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการเชื่อมโยง 5) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขั้นนำ ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครตู ัง้ คำถามกระตุ้นความคิดนกั เรียนวา่ “นกั เรียนคิดว่าอินดเิ คเตอร์แต่ละชนดิ จะใชท้ ดสอบค่า pH ของสารละลายแต่ละชนิดได้ดเี ท่ากนั หรือไม่” ซึ่งครยู ังไม่ต้องเฉลยคำตอบที่ถูกต้องนกั เรยี น 2. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สือเรียนรายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 กรด-เบส วา่ “สง่ิ ใดใช้ในการระบคุ า่ pH ของสารละลายได้” ให้นักเรียนรว่ มกนั ตอบคำถาม จากน้ันครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปราย (แนวตอบ : อินดเิ คเตอร์) ข้นั สอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore) 1. นกั เรยี นจบั คกู่ บั เพอ่ื น โดยให้แต่ละคูร่ ว่ มกันศึกษาขอ้ มลู เกี่ยวกบั อนิ ดิเคเตอร์สำหรับกรด-เบส จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 กรด-เบส จากน้นั รว่ มกนั อภิปรายจนเกดิ ความเข้าใจท่ีตรงกัน ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 2. ครตู ้ังคำถามให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปราย เร่ือง อนิ ดเิ คเตอร์สำหรับกรด-เบส ดังน้ี 1) หากนำสารละลายชนิดหน่ึงมาเตมิ อนิ ดิเคเตอร์ชนิดต่าง ๆ ปรากฏวา่ ได้สีของสารละลาย ดงั ตาราง สารละลายชนิดนค้ี วรมี pH เท่าใด
อินดเิ คเตอร์ สขี องสารละลาย เมทลิ ออเรนจ์ เหลือง เหลือง เมทิลเรด แดง ฟนี อลเรด ชมพอู ่อน ฟนี อล์ฟทาลนี (แนวตอบ : เมือ่ เติมเมทิลออเรนจแ์ ล้วสารละลายเปน็ สเี หลอื ง แสดงวา่ สารละลายควรมี pH ≥ 4.4 เมื่อเตมิ เมทิลเรดแลว้ สารละลายเป็นสีเหลือง แสดงว่า สารละลายควรมี pH ≥ 6.3 เมือ่ เติมฟีนอลเรดแลว้ สารละลายเป็นสีแดง แสดงวา่ สารละลายควรมี pH ≥ 8.4 และเมอื่ เติมฟีนอล์ฟทาลีนแลว้ สารละลายเป็นสีชมพูออ่ น แสดงวา่ สารละลาย ควรมี pH = 8.3 - 10.0 ดงั นั้น สารละลายชนดิ นค้ี วรมี pH ประมาณ 8.4 - 10.0 ) 2) หากนำสารละลายชนดิ หน่งึ มาเติมอนิ ดเิ คเตอร์ชนิดตา่ ง ๆ ปรากฏวา่ ได้สีของสารละลาย ดงั ตาราง สารละลายชนิดนคี้ วรมี pH เท่าใด อนิ ดเิ คเตอร์ สขี องสารละลาย โบรโมฟีนอลบลู นำ้ เงิน โบรโมไทมอลบลู นำ้ เงนิ ส้ม ฟีนอลเรด ไม่มสี ี ฟนี อล์ฟทาลนี (แนวตอบ : เมอ่ื เตมิ โบรโมฟีนอลบลู แล้วสารละลายเปน็ น้ำเงิน แสดงวา่ สารละลายควร มี pH ≥ 4.6 เมื่อเติมโบรโมไทมอลบูลแล้วสารละลายเป็นสนี ำ้ เงิน แสดงวา่ สารละลาย ควรมี pH ≥ 7.6 เมอื่ เตมิ ฟีนอลเรดแล้วสารละลายเป็นสีสม้ แสดงวา่ สารละลายควรมี pH = 6.8 - 8.4 และเม่อื เติมฟนี อล์ฟทาลนี แลว้ สารละลายไม่มสี ี แสดงวา่ สารละลาย ควรมี pH ≤ 8.3 ดงั น้ัน สารละลายชนดิ นี้ควรมี pH ประมาณ 7.6 – 8.3) 3. นักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายเพ่อื หาขอ้ สรุปเก่ียวกบั อนิ ดิเคเตอร์สำหรบั กรด-เบส ซึ่งได้ข้อ สรุปวา่ “การใช้อนิ ดเิ คเตอร์วดั ค่า pH ของสารละลาย ถ้าใช้อินดเิ คเตอร์เพยี งชนดิ เดยี วจะบอก pH ได้เป็นชว่ งกว้าง แต่ถ้าใช้อนิ ดิเคเตอรห์ ลายชนิดผสมกันจะบอกคา่ pH ได้ละเอียดและถูกต้อง มากขน้ึ ” (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล) ข้ันท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 4. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามข้อสงสัยในเนอื้ หา เรือ่ ง อินดิเคเตอรส์ ำหรับกรด-เบส ว่ามีสว่ น ไหนท่ียังไมเ่ ข้าใจ และให้ความรูเ้ พิ่มเติมในส่วนนัน้ เพ่อื จะใช้เป็นความรูเ้ บอื้ งตน้ สำหรับการเรียน ในเน้อื หาต่อ ๆ ไป 5. นักเรียนทำแบบฝกึ หดั ในหนงั สอื แบบฝึกหดั รายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 กรด-เบส
6. นกั เรียนทำ Topic Question จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 กรด-เบส ลงในสมุดประจำตัว (หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) ขนั้ สรปุ ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูประเมินผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกล่มุ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัด 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำTopic Question 7. การวดั และประเมินผล รายการวดั วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.2 ประเมินระหวา่ ง - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กจิ กรรม - ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การเรียนรู้ - ระดบั คณุ ภาพ 2 1) อินดิเคเตอร์ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ - ระดบั คณุ ภาพ 2 สำหรับกรด-เบส - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตวั ผา่ นเกณฑ์ 2) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม การทำงาน การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล รายบุคคล 3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่ การทำงานกลมุ่ 4) คุณลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน อนั พงึ ประสงค์ รับผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คุณลักษณะ และมุ่งม่นั ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.3 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวชิ าเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เล่ม 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 กรด-เบส 2) หนังสือแบบฝึกหัดรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี ม.5 เลม่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 กรด-เบส 3) สมุดประจำตัว 8.2 แหล่งการเรียนรู้ -
9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (นางสาวกานดา วฒุ ิเศลา) ผเู้ ขียนแผนการจัดการเรยี นรู้ ข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ......................................................... (นางกมลชนก เทพบ)ุ หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่ือ...................................................... (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรยี น ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................... (นายอดิศร แดงเรอื น) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244