Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู หลักภาษาฯ ม.6

คู่มือครู หลักภาษาฯ ม.6

Published by pearyzaa, 2021-05-18 02:40:38

Description: คู่มือครู หลักภาษาฯ ม.6

Search

Read the Text Version

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เกรด็ แนะครู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%) (แนวตอบ คําถามประจาํ หนวย คาำ ถามประจำาหนว่ ยการเรียนรู้ การเรียนรู 1. บนั เทงิ คดที ี่ดีตอ งมีลกั ษณะ ๑. บันเทิงคดที ดี่ ตี อ้ งมีลกั ษณะอยา่ งไร ๒. เร่ืองส้นั แบง่ ตามลกั ษณะองคป์ ระกอบของเรอ่ื งออกเปน็ กช่ี นิด จงอธิบาย ดงั นี้ ๓. วิธีเขียนเรอื่ งสนั้ ให้น่าอา่ นชวนใหต้ ิดตามควรมีรายละเอยี ดอะไรบา้ ง • ใหความเพลิดเพลนิ ประเทือง กิจกรรมสรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ อารมณ • สง เสรมิ สตปิ ญญา ๑. นกั เรียนเลือกอ่านเรอื่ งสัน้ ทต่ี นเองสนใจหรอื ประทบั ใจ จากนัน้ ใหเ้ ขยี นเรื่องยอ่ และ • มขี อ คิดคติเตอื นใจ โดย วิเคราะห์วา่ เรอื่ งส้นั ที่นกั เรียนเลอื กอ่านมกี ลวิธกี ารเขียนอยา่ งไร ความยาวไมเ่ กิน ๑ หน้ากระดาษรายงานส่งครูผู้สอน ผเู ขียนมีเจตนาหรอื ไมก็ตาม • มคี วามคิดริเริม่ สรา งสรรค ๒. นกั เรียนเขยี นเรอ่ื งสั้นแนวใดก็ไดต้ ามความสนใจ ๑ เรอื่ งแล้วนา� มาแลกเปล่ียนกับ • สง เสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม เพอื่ นวิเคราะห์วิจารณง์ านเขยี นตามรายละเอียดในการเขยี นเรื่องสั้น ของผูอา น 94 • การใชถ อ ยคาํ สํานวนโวหาร เหมาะสมกบั ยุคสมยั 2. เร่อื งสัน้ สามารถแบง ไดห ลาย ประเภทโดยขึ้นอยูกบั เกณฑท ่ีใช ในการแบง เชน • เรอื่ งสั้นชนิดผูกเรื่อง • เรอ่ื งสน้ั ชนดิ เนน แนวความคดิ • เรอ่ื งสนั้ ชนดิ เนน ตัวละคร • เรื่องสั้นชนิดเนนบรรยากาศ 3. วิธีการเขยี นเรื่องสน้ั ใหนาอา น มีรายละเอียด ดงั น้ี • สรางแรงบนั ดาลใจ ซึ่ง แรงบนั ดาลใจของนกั เขยี น อาจมแี หลงท่มี าแตกตา งกัน บางคนไดจากการเปน นกั อา น บางคนไดจากการเดินทาง ทอ งเทีย่ ว บางคนไดจากการ เปนนกั คดิ มองโลกและชวี ติ ในมมุ ทแ่ี ปลกและแตกตา ง แรงบันดาลใจท่ดี ีจะกอใหเกิด แนวคิดท่ดี ี • สรางโครงเรอื่ ง คือ ลําดับ เหตุการณทจี่ ะเกิดข้ึนภายใน เรื่อง ซ่งึ โครงเรื่องที่ดีจะตอง มีความซับซอนและปมขัดแยง ท่เี รา อารมณความรูสึกของ ผูอา น) 94 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตอนท่ี ๒ เปา หมายการเรยี นรู สามารถประเมนิ งานเขยี นของ ผูอน่ื ไดโดยปราศจากอคตแิ ลวนํามา พฒั นางานเขียนของตนเอง óหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี งานเขียน กระตุนความสนใจ แตล่ ะเรอ่ื งอาจนา� เสนอแนวคดิ ครูชวนนกั เรียนสนทนาเก่ียวกบั โดยใชก้ ลวิธกี ารนา� เสนอทแ่ี ตกตา่ งกัน วรรณกรรมปจจุบันหรอื หนังสือ ประเภทตา งๆ ทนี่ ักเรยี นอานใน ผอู้ า่ นจงึ ควรเรยี นรแู้ นวทางในการประเมิน ชวี ิตประจําวัน จากนั้นตง้ั คําถามกับ คุณคา่ งานเขียนเพือ่ น�าไปใช้ประเมินงานเขียน นักเรยี นเพ่อื นาํ เขาสหู นว ยการเรยี นรู ที่ได้อา่ นและนา� ไปใชพ้ ฒั นางานของตนเอง • นกั เรียนมเี รอ่ื งสนั้ นวนิยายหรอื บทประพนั ธท่ีประทับใจบา ง การประเมนิ คณุ คา่ งานเขยี น หรอื ไม ยกตวั อยา งเนื้อความ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ท่ีนักเรียนจดจําได แลกเปล่ียน ความประทับใจรว มกบั เพือ่ น • ประเมินงานเขียนของผู้อน่ื แล้วนา� มาพัฒนางานเขียน • การประเมนิ คุณค่างานเขียนในด้านต่างๆ ในชั้นเรียน (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถ ของตนเอง (ท ๒.๑ ม.๔-๖/๕) ตอบไดอยางหลากหลาย ตาม พนื้ ฐานประสบการณสว นตน) เกร็ดแนะครู ครผู ูสอนควรใหนักเรยี นไดฝกฝน การประเมินคุณคา งานเขยี นโดยเรมิ่ จากรอ ยแกว แลว จงึ พฒั นาไปสู บทรอ ยกรอง ซึง่ วธิ ีการแรกอาจเพียง ใหน กั เรยี นอา นแลว บอกวา ชอบ ไมช อบ ดวยเหตผุ ลใด ฝก ฝนอยางเปนประจํา จะทําใหนักเรยี นสามารถประเมิน งานเขียนในระดบั ท่ีสงู ขน้ึ ได เชน ประเมนิ ไดว า งานเขยี นนนั้ มปี ระโยชน ตอชีวิตประจําวนั ของตนเองหรอื ไม อยา งไร คมู อื ครู 95

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 20%) ครชู วนนักเรียนสนทนาเก่ียวกบั ๑ การประเมินคณุ ค่างานเขยี น นักวจิ ารณท ีม่ ีชือ่ เสียงในดานตา งๆ เชน นกั วจิ ารณงานศลิ ปะ นักวจิ ารณ ชุตมิ า สัจจานนท ์ และคณะ (๒๕๔๒) ได้เสนอหลักเกณฑก์ ารประเมนิ คณุ คา่ วรรณกรรม ภาพยนตร นักวจิ ารณหนงั สอื ฯลฯ ไทย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาวิเคราะห์ ประเมินคุณค่าวรรณกรรมและเป็นแนวทางใน โดยครูช้แี นะกับนักเรียนวา อาชพี การสร้างสรรค์วรรณกรรมท่ีมีคุณค่าด้วยเกณฑ์การประเมินคุณค่าน้ี นักเรียนสามารถน�าไปใช้ใน เหลาน้ีเปน อาชพี ท่นี าสนใจและ การอ่านเพื่อประเมินคุณค่างานเขียนทั้งของตนเองและผู้อ่ืน เพื่อน�ามาใช้ในการพัฒนางานเขียน ไดร ับการยอมรับในสงั คม จากนัน้ ของตนเองได ้ โดยใชแ้ นวทางการประเมนิ เปน็ เครอื่ งชว่ ยกา� หนดทศิ ทางและขอบเขตงานเขยี นเพอื่ ต้งั คาํ ถามกับนกั เรียนวา ให้ผลงานมีเอกภาพและมคี ุณภาพ • ในความคิดเหน็ ของนักเรียน ๑.๑ การประเมนิ คณุ ค่าเร่อื งสัน้ นักวิจารณท ่ดี คี วรมลี ักษณะ อยางไร การประเมินคุณค่างานเขียน คือการศึกษาวิเคราะห์งานเขียน ท้ังด้านแนวคิด การใช้ (แนวตอบ นกั วจิ ารณท ี่ดีควร ภาษา กลวธิ ีการแตง่ รวมถึงคณุ คา่ ทีไ่ ด้รบั จากงานเขยี น โดยวธิ กี ารศึกษา ดงั น้ี มคี วามรู ความเขา ใจในสิง่ ๑) เรอื่ งยอ่ คือการสรุปประเดน็ เนือ้ หาของงานเขียนทีศ่ กึ ษา เพื่อเป็นการปแู นวทาง ทจ่ี ะวิจารณ มเี หตุผลและ พื้นฐานในการศกึ ษา และเปน็ การสรา้ งความเข้าใจร่วมกนั กับผอู้ ่าน วจิ ารณญาณท่ีดี นอกจากนย้ี ัง ๒) แกน่ เรอื่ ง ถือเป็นส่วนส�าคัญที่ผู้เขียนต้องการน�าเสนอสู่ผู้อ่าน ท่ีผู้เขียนก�าหนด ควรมีทกั ษะการใชภ าษาไทย ไว้เป็นแนวทางในการเขียน ซ่ึงโดยมากมักสรุปแก่นเร่ืองออกเป็นวลีหรือประโยคส้ันๆ ให้กระชับ ทง้ั การพดู การฟง การดูและ ได้ใจความ การพิจารณาแก่นเรื่องต้องพิจารณาว่าแก่นเรื่องหรือแนวคิดท่ีผู้แต่งสื่อสารมายัง การอาน เพอื่ ส่ือสารใหผ ูอ ืน่ ผอู้ า่ นนน้ั มคี วามสมจรงิ ตอ่ สภาพสงั คมและมนษุ ยเ์ พยี งใด ทา� ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจสงั คมและเขา้ ใจตนเอง เขาใจงาย เปน ตน) ในฐานะมนษุ ยค์ นหนง่ึ ไดม้ ากขน้ึ หรอื ไม ่ ผแู้ ตง่ แสดงลกั ษณะธรรมชาตขิ องมนษุ ยไ์ ดช้ ดั เจนหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ช่วยให้เกิดความร ู้ ความเขา้ ใจในโลกและชีวติ เพม่ิ มากขนึ้ อยา่ งไร สาํ รวจคน หา ๓) การเปดิ เรอื่ ง คือการทผ่ี เู้ ขียนน�าเสนอใหผ้ ้อู า่ นทราบเรือ่ งราว เหตุการณเ์ บ้อื งต้น อันเป็นพน้ื ฐานในการท�าความเขา้ ใจเร่อื ง โดยอาจเปน็ การแนะนา� ตวั ละครหลกั หรือตวั ละครรอง นกั เรยี นจับคกู บั เพื่อนรว มกัน ฉาก การเปิดเร่ือง ต้องสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้และกระตุ้นท�าให้เกิดอารมณ์ สืบคนความรใู นประเดน็ แนวทาง ความรู้สึกอยากติดตามอ่าน การประเมินคณุ คา งานเขียนประเภท ๔) ปมปญั หา คอื การสร้างปมความขดั แยง้ ตา่ งๆ ภายในเรอื่ ง อันมผี ลตอ่ พฤตกิ รรม เรือ่ งสั้น โดยนกั เรยี นสามารถสบื คน และการตดั สินใจของตัวละคร การพิจารณาปมปญั หาภายในเรื่องนนั้ ต้องมีความสมจริง มีเหตผุ ล ความรูไดจากหนังสือเรยี น ท่ีน่าเชอื่ ถือได้ หนา 96-97 หรอื จากแหลง เรียนรู ๕) จุดวิกฤต คือจุดที่เหตุการณ์ที่ด�าเนินไปจนถึงทางตัน ตัวละครต้องเผชิญกับ ประเภทอืน่ ๆ ทีน่ ักเรยี นสนใจและ การตดั สนิ ใจบางอยา่ งเพือ่ ท�าใหเ้ รอื่ งดา� เนินไปทางใดทางหน่งึ สามารถเขาถงึ ได เชน อนิ เทอรเ นต็ ๖) จดุ คลคี่ ลาย คอื เนอื้ หาทค่ี ลค่ี ลายลงภายหลงั จากทตี่ วั ละครตดั สนิ ใจไดว้ า่ จะท�าให้ เรือ่ งด�าเนินไปในแนวทางใด ส่วนมากจดุ คลีค่ ลายของเร่อื งมกั จะอยตู่ อนท้ายของเรือ่ ง 96 96 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate ๗) ปดิ เรอื่ ง คอื การสรปุ ประเดน็ สาระสา� คัญของเร่ือง ทิง้ ท้ายเพอ่ื ความเขา้ ใจรว่ มกนั อธิบายความรู ของผูอ้ ่าน ๘) การดาํ เนนิ เรอื่ ง คอื วธิ กี ารทผ่ี แู้ ตง่ ใชเ้ พอ่ื เลา่ เรอ่ื งหรอื เหตกุ ารณ ์ สว่ นมากจา� แนก ครูสมุ เรยี กชอ่ื นักเรยี นประมาณ ออกเป็น ๓ แบบ คอื 3 คู ออกมาอธิบายความรูเก่ยี วกบั แนวทางการประเมนิ คณุ คางานเขียน (๑) การด�าเนินเร่ืองตามเข็มนาฬิกา คือการด�าเนินเรื่องไปตามล�าดับเวลา ล�าดับ ทีไ่ ดศ ึกษารว มกัน จากน้ันใหน กั เรียน เหตกุ ารณ์ ยืนในลกั ษณะวงกลมเพือ่ รวมกนั อธิบายความรูแ บบโตตอบรอบวง (๒) การด�าเนินเรื่องทวนเข็มนาฬิกา คือการเล่าเร่ืองย้อนเหตุการณ์ กล่าวคือ โดยการซักถามจากครู กลา่ วถึงเหตุการณป์ ัจจบุ นั แลว้ ยอ้ นไปเลา่ ถงึ เหตุการณใ์ นอดีต • นักเรยี นมแี นวทางอยา งไร (๓) การด�าเนินเรื่องแบบสลับไปมา คือการด�าเนินเรื่องท่ีผู้แต่งใช้วิธีการ ๒ แบบ เพอ่ื ตัดสนิ วานกั เรยี นชอบหรือ ขา้ งตน้ สลบั กนั ไปมาในการเลา่ เรอื่ ง การดา� เนนิ เรอื่ งทด่ี จี ะตอ้ งทา� ใหผ้ อู้ า่ นเกดิ ความรสู้ กึ เพลดิ เพลนิ ประทับใจในหนงั สือทไ่ี ดอา น สนกุ ตน่ื เตน้ หวาดเสยี ว และใครร่ ู้อยตู่ ลอดเวลา (แนวตอบ คําตอบไมมผี ดิ หรือถูก ๙) กลวธิ กี ารเลา่ เรอ่ื ง คือวธิ กี ารท่ีผแู้ ตง่ ใช้ในการเล่าเรอื่ ง เชน่ ตวั ละครเปน็ ผ้เู ลา่ นักเรียนสามารถตอบไดอยา ง หรือเล่าผา่ นสายตาของบุคคลท่สี าม หลากหลาย ขน้ึ อยูก บั พน้ื ฐาน ๑๐) กลวธิ กี ารตงั้ ชอื่ เรอ่ื ง ชอ่ื เรอ่ื งเปน็ สว่ นสา� คญั ทสี่ ดุ สว่ นหนงึ่ ของงานเขยี นทกุ ประเภท ความรแู ละความเขาใจ) ดว้ ยเป็นจุดดงึ ดูดความสนใจของผู้อา่ นให้สนใจ และติดตามต่อไป ๑๑) การสรา้ งตวั ละคร คอื การศึกษาการสรา้ งตวั ละครแต่ละตัวว่ามคี วามสมั พนั ธก์ ับ • เม่ือนกั เรยี นไดศึกษาเกยี่ วกบั เรื่องท่ีศึกษา และตัวละครตัวอื่นๆ อย่างไร การพิจารณาตัวละครต้องดูว่าตัวละครเป็นตัวละคร แนวทางการประเมนิ คุณคา ประเภทใด มพี ฤตกิ รรมลกั ษณะใดและลกั ษณะนสิ ยั ของตวั ละครมคี วามสมจรงิ ตามเนอื้ เรอ่ื งหรอื ไม่ งานเขียนประเภทเร่อื งส้ัน ๑๒) การสรา้ งฉาก คือการจดั วางองคป์ ระกอบดา้ นสถานทใี่ หส้ อดคลอ้ ง หรอื สมั พันธ์ นักเรยี นคิดวา แนวทางดังกลาว กับเหตกุ ารณ์ต่างๆ ในเรื่อง การพิจารณาฉากตอ้ งค�านงึ ถึงความถกู ต้องชดั เจน และสอดคลอ้ งกับ มลี ักษณะคลา ยคลึงกบั แนวทาง เหตุการณ์ในเรอ่ื งและกลวธิ ขี องการสรา้ งฉากต้องสอดคล้องกับการดา� เนินเรื่อง ทนี่ ักเรยี นเคยใชป ระเมนิ คา ๑๓) บทสนทนา มีความส�าคัญในการด�าเนินเรื่อง ช่วยให้รู้จักหน้าตา ลักษณะนิสัย หนังสือทไี่ ดอ านหรือไม อยา งไร พฤตกิ รรมของตัวละคร การพจิ ารณาบทสนทนา ตอ้ งดคู วามสอดคลอ้ งของการสรา้ งบทสนทนา (แนวตอบ นกั เรียนสามารถ ๑๔) คณุ คา่ คอื จดุ เดน่ สา� คญั ทปี่ รากฏในเรอ่ื ง ซงึ่ อาจแยกประเดน็ การศกึ ษาไดห้ ลายกรณ ี ตอบไดอยา งหลากหลาย ครู เชน่ ควรชแ้ี นะขอ มลู ทถ่ี ูกตอ ง แกนักเรยี น) (๑) คุณค่าดา้ นวรรณศิลป คือการศกึ ษากลวิธีการใช้ถอ้ ยค�า สา� นวน โวหาร หรอื รสทางวรรณคด ี ทีป่ รากฏในเรื่อง นักเรียนควรรู (๒) คณุ คา่ ดา้ นสงั คม คอื การศกึ ษาสภาพสงั คม ประเพณ ี วฒั นธรรม รวมถงึ แนวคดิ กลวธิ ีการตงั้ ช่อื เรื่อง เปนเสมือน หรือสาระหลักทป่ี รากฏอยู่ในเร่ือง อนั สะทอ้ นใหเ้ ห็นตามกระบวนการทเี่ ป็นอยใู่ นสงั คม ประตบู านแรกทน่ี าํ พาผูอานไปสู เหตกุ ารณต า งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ภายในเรอื่ ง 97 ชอ่ื เรอื่ งจํานวนมากทช่ี ว ยเรา อารมณ ความสนใจใครรูของผูอ าน ผูประเมนิ เกร็ดแนะครู คุณคางานเขียนทด่ี จี ึงไมควรละเลย การพิจารณากลวธิ ีการต้ังชื่อเรื่อง เพ่อื เปนการขยายองคค วามรเู ก่ียวกับกลวธิ กี ารดาํ เนนิ เรื่องของงาน ของผูเ ขียน ซ่งึ จะเปนประโยชนเพือ่ บันเทิงคดปี ระเภทเรอ่ื งส้ัน ครูผสู อนควรยกตวั อยา งเร่อื งส้นั ท่มี กี ลวธิ ี นาํ ความรูมาใชพ ัฒนางานเขยี นของ การดาํ เนินเรอ่ื งในแบบทหี่ นังสือเรยี นไดนาํ เสนอไว ตนเอง คมู อื ครู 97

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand Evaluate สํารวจคนหา (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%) นกั เรยี นอา นเร่ืองสัน้ พสิ จู นร กั ... จากกระบวนการศึกษาดังกล่าว ทีน่ จี้ ะแสดงตวั อย่างการประเมินคุณคา่ วรรณกรรม จาก ดว ยความดี ผลงานของ เร่อื งสั้น เรอื่ ง “พิสูจนร์ ัก...ด้วยความดี” ของ กลั ยา นอ้ ยพรหม จากหนังสือเรื่องสั้นสา� นวนไทย กัลยา นอยพรหม ตั้งแต หนา 98-105 และบทประเมินคุณคา การประเมนิ คุณคา่ เรอื่ งสน้ั (ตวั อยาง) ทแี่ สดงไวในหนังสอื เรยี น พสิ จู นร กั ...ดว้ ยความดี หนา 105-108 บนั ทกึ ความรูทไ่ี ดรับ กลั ยา นอ้ ยพรหม จากการอา นลงสมดุ รวมถึงบนั ทึก ขอ สงสยั เพือ่ ไวซ ักถามรวมกนั ภายใน แมค่ ะ... ชน้ั เรยี น คืนนี้ท้องฟ้าสีด�ามืดไม่มีดาวสักดวงแต่งแต้มสีสันให้ฟ้าสวยเลยค่ะ แม่คะ...แม่อยู่ไหน ในฟ้ากว้าง แม่มองเห็นลกู ไหมคะ ลูกหนาวย่งิ กว่าหนาว เหงาย่งิ กวา่ เหงา ความรสู้ ึกขณะนีค้ ดิ ถงึ เกรด็ แนะครู แมเ่ หลือเกนิ อยากใหแ้ ม่อย่ใู กล้ อยากซกุ อยู่ในออ้ มกอดท่ีอบอุ่นของแม่ นานนกั หนาแลว้ นะคะแม่ ท่ีลูกไม่ได้สัมผัสความละมุนละไมจากอ้อมแขนท่ีแสนจะอ่อนโยนของแม่ ทุกสัมผัสท่ีแม่เคยมีให้ ครูผสู อนอาจเลอื กใชเรือ่ งส้นั ยังตรึงอยู่ในความทรงจ�าไม่รู้คลาย แม่เคยบอกลูกเสมอว่าให้เข้มแข็ง ช่วยตัวเองให้ได้ ลูกเหมือน เร่อื งอื่นท่มี ีความยาวเหมาะสมมาให นกน้อยท่ีแม่คอยประคับประคอง สอนให้หัดบินเม่ือปกกล้าขาแข็ง แม่ก็จะปล่อยให้บินถลา นกั เรียนอานรวมกันภายในชน้ั เรียน สู่โลกกว้างเอง แต่แม่คะลูกปกยังไม่กล้า เรียวขายังอ่อนแอนัก แม่ก็มาด่วนทิ้งลูกไปเสียก่อน ลูก ชวยกันสรุปเรอ่ื งยอ และใหน ักเรยี น ต้องฝกตัวเองให้ปกกล้า สร้างก�าลังขาให้กร้าวแกร่ง ความอ่อนเดียงสา เมื่อโผบินจึงระหกระเหิน ประเมนิ คุณคาของเรอื่ งสัน้ ท่คี รูนํามา ไร้จดุ หมายปลายทาง เสน้ ทางชวี ิตที่ไมม่ แี มค่ อยช้นี �า มันเวิ้งว้าง เควง้ คว้าง แม่คะ ลูกคิดถึงแม่... โดยใชแ นวทางท่ีไดศึกษา บนผนื ฟา้ อนั สวยงาม แมพ่ บพอ่ ไหมคะ จา� ไดว้ า่ ลกู เคยนอนหนนุ ตกั แม ่ แมเ่ ลา่ นทิ านพลาง มือแม่ลูบไล้เรือนผมลูกอย่างแผ่วเบา เม่ือลูกบอกคิดถึงพ่อ แม่กระชับลูกไว้ในอ้อมกอด น้�าเสียง นกั เรยี นควรรู ออ่ นโยนแฝงความอาทรของแมส่ ่นั เครือ เม่อื แม่บอกว่า... “พ่ออยบู่ นสวรรค์ คอยจอ้ งมองเรา ฝากความรกั และไออุ่นผ่านหมอกควนั และสายลม ปกกลา ขาแขง็ หมายถงึ พงึ่ ตนเอง ส่งใจมาอยู่ใกล้ๆ ลูกหลับตานะจะ๊ คนด ี ลูกจะไดเ้ หน็ พ่อในความฝนั ท่ีสวยงามนะจ๊ะ” ลูกพริม้ ตา ได มักใชในลกั ษณะทผี่ ูใหญกลาว ดว้ ยรอยยิ้ม หลบั ในอ้อมใจของแม่ ตําหนผิ นู อ ย ลกู ยังเล็กนักเมอื่ สูญเสียพ่อ ภาพของพอ่ เลือนรางในห้วงความคดิ จ�าได้เพียงเลาๆ วา่ พอ่ ใจดี เปน็ ความรสู้ กึ ดๆี ทีเ่ กิดขึน้ ในจติ ใจเมือ่ นึกถึงพ่อ “พ่อประสบอุบัติเหตุ รถคว�่า” แม่เล่า ลูกคิดถึงพ่อ รู้สึกถึงความผิดปกติที่ไม่มีพ่อ เหมือนคนอ่ืนๆ แต่ไม่เคยรู้สึกมีปมด้อย เพราะแม่ทดแทนส่วนท่ีขาดหายได้อย่างดีเยี่ยม แม่เป็น ท้ังพ่อและแม่ได้อย่างวิเศษที่สุด แต่เมื่อขาดแม่ มันเหมือนกับลูกสูญส้ินท้ังชีวิตและวิญญาณ ไม่มีใครไม่มีสิ่งใดจะทดแทนได้ แม่จากลูกไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลว หมอบอกอย่างน้ัน แม่จากไป อย่างกะทนั หนั ไมม่ ีโอกาสได้รา�่ ลา ไม่มโี อกาสได้เยยี วยารักษาแม่ แม่คะลูกปวดรา้ ว เสยี ใจ ลูกของแมไ่ ม่โชคร้ายเลยทีเดียว ยังมคี วามรัก ความเอือ้ อาทร ของญาตพิ ่นี ้องทพี่ ร้อมจะให้ลูกก�าพรา้ อยา่ งลูก ลูกสาวคนเดียวของแม่ 98 98 คูม อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate แมค่ ะ การเปน็ ลกู คนเดยี วไมไ่ ดท้ า� ใหล้ กู เหงา เพราะมแี มค่ อยเปน็ เพอ่ื น คอยใหค้ วามรกั อธบิ ายความรู อย่างท่วมทน้ แต่เม่ือไมม่ ีแม่ แม่คะ ลกู เหงา ยิ่งกว่าเหงา แม่คะ คุณยายเลี้ยงดู ให้อาหารใจ ให้อาหารกาย ให้ความรัก ความเมตตา ไม่มี ครสู ุม เรยี กช่อื นกั เรยี นเพอื่ เลา ส่วนใดขาดตกบกพรอ่ ง อยา่ หว่ งเลยนะคะ แมข่ า เรื่องยอของเรื่องสน้ั พิสูจนรกั ... แม่อย่าตกใจนะคะ ถา้ ลกู จะบอกวา่ ลกู แตง่ งานแล้วกับคนทลี่ กู รัก กับคนทล่ี ูกคิดวา่ เขา ดวยความดี จากนั้นตั้งคําถามกับ ดพี อท่ีจะนา� ทางชวี ติ ลกู ได ้ คุณยายเห็นด้วย ญาตพิ ีน่ อ้ งช่ืนชมเขาทุกคนค่ะ แตป่ ราการด่านสา� คญั นักเรียนวา ทีท่ า� ใหล้ ูกขมขนื่ กค็ อื แมข่ องเขา แม่คะ ลกู จะท�าให้แมท่ ุกขใ์ จมากเกินไปไหมคะถา้ แม่ตอ้ งรบั รู้วา่ แม่เขาไม่ช่ืนชมลูกสะใภ้คนน้ีเลย ท่านจ�าใจต้องยอมรับลูกในฐานะลูกสะใภ้ ทั้งๆ ท่ีใจไม่ยอมรับ • นกั เรยี นรูส กึ อยา งไรตอ การ ด้วยไม่อาจขัดใจลูกชายคนเดียวได้ ตงั้ ชอื่ เรื่องของผเู ขยี นและ ภาสกร เขาเป็นคนดี อยู่ในโอวาท ท�าทุกอย่างเพ่ือแม่ของเขามาตลอด ส่ิงเดียวท่ีเขา ถาเปนนกั เรียนจะต้งั ชอื่ เรือ่ ง ขอจากแม่คือ ขอเลือกคู่ครองด้วยตนเอง สัญญาเกียรติยศที่เคยให้ต่อกัน ท่านจึงต้องมาสู่ขอ อยางไร ตบแตง่ ลกู ใหล้ กู ชายทา่ น ทง้ั ๆ ทไ่ี มพ่ งึ ปรารถนาลกู สะใภค้ นนแี้ มแ้ ตน่ อ้ ย แมล้ กู ของแมจ่ ะมกี ารศกึ ษา (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ มกี ารมงี านท�ามน่ั คง แตช่ าตติ ระกลู ท่ีสูงส่งสบื ทอดเช้อื สาย “ผดู้ เี ก่า” มาต้งั แตบ่ รรพบุรษุ ของท่าน ไดอ ยางหลากหลาย เพราะ ท�าให้ท่านไม่อยากลดตัวลงมาเก่ียวข้องกับสาวชาวบ้านธรรมดาๆ คนน้ี และอีกอย่างหน่ึงที่ท�าให้ เปน การแสดงความคดิ เหน็ อยา ง ลกู สะเทือนใจนกั อิสระ แตน ักเรยี นควรแสดง “เด็กก�าพร้าขาดทั้งพ่อและแม่อบรมกิริยามารยาทคงใช้ไม่ได้” ค�าปรามาสท่ีลูกแอบ เหตผุ ลท่ชี ัดเจนเพื่อสนับสนุน ได้ยินจากปากคณุ แมข่ องภาสกรกอ่ ให้เกิดความรสู้ กึ ขมขื่น สะเทือนใจ แม่คะ ลูกจะพิสูจนใ์ หไ้ ด้วา่ ความคดิ เห็นของตน) ลกู ก�าพร้าคนน้มี ีสายเลือดทีด่ งี าม การวัดคณุ ค่าของคนมไิ ดข้ ึ้นอยทู่ ีช่ าตติ ระกูลไมใ่ ชห่ รอื คะ คณุ คา่ ความเปน็ ผูด้ อี ยู่ที่การกระทา� ต่างหากใช่ไหมคะแม่ • นกั เรียนคดิ วา การตั้งชอ่ื เรอ่ื ง ลูกเขา้ มาอยบู่ า้ นน ี้ บ้านแมส่ ามี ดว้ ยความร้สู กึ เจียมตัว เจียมใจทสี่ ดุ บ้านเขาใหญโ่ ต ของผเู ขียนมคี วามเหมาะสม หรูหรา มีคนรับใช้ชายหญิงมากเกินความจ�าเป็นในสายตาของลูก ทุกอย่างในบ้านดูมีกฎเกณฑ ์ หรอื สอดคลองกบั เน้ือหาของ เปน็ ระเบยี บระบบไปหมด ทกุ สง่ิ มีพธิ ีรีตอง ภายใต้เง่อื นไขทแ่ี ม่เขาก�าหนด การรับประทานอาหาร เรอื่ งหรือไม อยางไร แม้จะน่ังโต๊ะเพียงสองสามคนก็ดูวุ่นวาย ยุ่งยาก เหมือนจะเลี้ยงคนสักร้อยคน เคร่ืองอ�านวย (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบ ความสะดวกมีครบครัน ลูกแทบจะไม่ตอ้ งหยบิ จบั อะไรเลย อยากไดอ้ ะไร ตอ้ งการสิง่ ไหน เขามใี ห้ ไดอยางหลากหลาย ครูควร ครบครัน แต่สิ่งที่มีน้อยและหายากเต็มทนในบ้านกว้างหลังนี้ก็คือ “รอยย้ิม” และ “น�้าใจ” ลูก สนบั สนนุ ใหน กั เรยี นทกุ คนไดม ี รู้สกึ อย่างนีจ้ ริงๆ นะคะแม ่ ลูกไม่เคยต้องล�าบาก ลกู ไมเ่ คยต้องเหนือ่ ยกายเลยค่ะแม ่ แต่ลกู กลับ โอกาสแสดงความคิดเหน็ ) รสู้ กึ “เหนื่อยใจ” ต้ังแต่วนิ าทแี รกทกี่ า้ วเข้ามาเปน็ สะใภ้ตระกูลนี้ “ฉันรบั เธอเขา้ มาอยู่ในบา้ นนีฐ้ านะลกู สะใภ้ ไม่ใชค่ นใช ้ กรณุ าทา� ตัวให้ถกู ตอ้ งเหมาะสม เกร็ดแนะครู ฉันไม่ชอบให้ใครมาต�าหนิว่าเลี้ยงเธอเหมือนคนใช้รู้ไว้ด้วย” น้�าเสียงชาเฉย แววตาต�าหนิอย่าง เปดิ เผย เพียงแตท่ ่านเห็นลกู ปดั ฝุ่นหลงั ต้เู ยน็ ดว้ ยความเคยชนิ ทีไ่ มเ่ คยหยดุ นงิ่ และการชอบท�าอะไร ครูควรใหคาํ แนะนําแกน กั เรยี นวา ด้วยตนเองของลูก แค่นั้นจริงๆ นะคะแม่ ท่านท�าราวกับว่าลูกท�าผิดคิดร้ายใหญ่โตเสียเหลือเกิน เพ่อื ใหเ ขาใจกลวิธกี ารเลาเรือ่ ง ไดด ขี ้นึ นกั เรยี นควรอานเรือ่ งสน้ั 99 ทใี่ ชกลวธิ ีการเลาเรอ่ื งทหี่ ลากหลาย จากนน้ั ใหตั้งคาํ ถามหลังจากอานจบ ดงั น้ี 1. ผเู ขยี นใชก ลวธิ ีการเลา เรอ่ื ง ประเภทใด 2. ถาเปลย่ี นไปใชกลวิธกี าร เลาเร่อื งประเภทอน่ื จะเกดิ ผลเสียหายอยางไร หรือไม เพราะเหตุใด คมู อื ครู 99

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%) ครสู ุมเรียกชอ่ื นักเรยี นอธบิ าย นี่ถ้าแววตาท่านอ่อนโยน น้�าเสียงคลายความเข้มลงสักนิด ลูกคงช่ืนใจเหลือประมาณว่าท่านรัก ความรเู กี่ยวกับตวั ละครภายในเรือ่ ง ท่านอาทร แตก่ ิริยาของทา่ นทา� ไมลกู จะดไู มอ่ อกวา่ ทา่ น “จงเกลียด” ลูกสะใภ้คนเดยี วนีย้ ิ่งนกั เชน ช่อื อะไรบาง ลกั ษณะนสิ ยั “แก้วส�าหรับฉันไม่ใช่ใบน้ี ทีหลังถ้าไม่ใช้แล้วอย่าท�า เคยบอกแล้วน่ี แจ๋น ยายแจ๋น พฤตกิ รรมสอดคลอ งกับเรอ่ื ง ขอน�า้ ให้ฉันใหม ่ ทีหลงั รูห้ น้าท่ีหนอ่ ยนะยะ เจา้ นายบา้ นนที้ จ่ี ะสง่ั ใครท�าอะไรได้มฉี ันคนเดยี ว อยาก และสงเสรมิ ซ่งึ กนั และกนั หรือไม โดนไล่ออกหรือยังไง” ท่านต�าหนิเสียงเข้มเกือบเป็นตะคอก เม่ือลูกกุลีกุจอหาน�้าให้ท่านด่ืม เม่ือ อยา งไร จากนนั้ ตงั้ คําถามกับ เห็นท่านกลับเข้าบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยล้า กิริยาและค�าพูดของท่าน ลูกแทบน�้าตาเอ่อ แต่ต้อง นักเรียนวา กลา�้ กลนื ใหห้ ยาดน้�าใสน้นั ไหลคืนสใู่ จ ไม่เชน่ น้ันถา้ ทา่ นเหน็ นา้� ตาลูก ท่านคงชายตามองแล้วท�าเมิน ตวัดเสยี งใส่อยา่ งหมน่ั ไส ้ “มารยา” อยา่ งท่ที า่ นเคยพดู เมื่อลกู รอ้ งไห้ให้ท่านเหน็ • นกั เรยี นคิดวาเร่อื งส้ัน พสิ ูจน แมค่ ะ บางครง้ั ลกู กท็ อ้ เสยี เหลอื เกนิ กไ็ หนแมเ่ คยบอกวา่ ความดยี อ่ มชนะทกุ สงิ่ นา้� ใจจะ รัก...ดว ยความดี มกี ลวธิ กี าร เปน็ เกราะปอ้ งกนั ภยั ใหเ้ ราแคลว้ คลาดจากการเกลยี ดชงั ของทกุ คน แมค่ ะ คาถา “ทา� ความดมี นี า�้ ใจ” สรางตวั ละครอยา งไร โดยใช ของแม ่ จะใหล้ ูกต้องพิสูจน์อีกยาวนานแค่ไหนคะแม่ สังคมของผดู้ ีเขาวัดค่ากันท่เี งนิ ตราหรือคะแม่ ความรจู ากหนวยการเรยี นรูท ่ี 2 ขนาดลูกอยู่ในฐานะลูกสะใภ้ท่ีลูกชายท่านรักท่านชอบ ท่านยังรังเกียจถึงเพียงนี้ กับคนใช้แม่คง มาบรู ณาการในการตอบ นึกภาพออกนะคะว่าช่องว่างของความผูกพันจะมากถึงเพียงไหน ลูกคิดว่าถ้าคนเรารู้จักใช้น้�าเงิน (แนวตอบ ตวั ละครในเรอ่ื งสัน้ ควบคูก่ ับน้า� ใจและน�า้ ค�า โลกเราคงมีแตส่ นั ติสุข ไม่แกง่ แย่ง ไม่เหน็ แก่ตวั เชน่ ทุกวันนี้นะคะ แม่ขา เร่ืองนม้ี จี าํ นวนไมมาก ตวั ละคร แมอ่ ยา่ หว่ งนะคะ ถึงยังไงภาสเขากเ็ ป็นคนดี ลกู รวู้ า่ เขาอึดอดั ไมป่ รารถนาใหเ้ หตกุ ารณ์ หลัก คือ ม้ินต ซงึ่ ผูเขียนได เป็นแบบนี้ เขาสู้เป็นตวั เช่ือม พยายามลดชอ่ งว่างระหวา่ งแม่กับเมีย แม้จะรู้ว่ายากเย็นเพยี งใดที่จะ สรา งตวั ละครข้นึ มาใหม คี วาม ท�าให้แม่ยอมรับในตัวลูก แต่เขาก็ยังพยายามค่ะแม่ ถ้อยค�าที่แสดงถึงความห่วงหาอาทร สัมผัสท่ี สมจริงกบั อารมณความรูสกึ ของ อบอุ่นที่เขามีให้โดยไม่เสแสร้ง แววตาที่ปลุกปลอบให้ก�าลังใจมันเหมือนหยาดน้�าทิพย์ชโลมจิตใจที่ มนุษยผ ูหญงิ ทจ่ี ะตองมีความ แหง้ ผากของลูกใหเ้ ตม็ ต้นื ขน้ึ ไดบ้ า้ ง ออนแอ โหยหาความรกั “คนฉลาดย่อมไม่สร้างความแตกหัก” แม่เคยบอก ลูกจ�าได้ แล้วท�าไมลูกถึงจะต้อง โดยผเู ขยี นแนะนําใหผอู า นรูจัก สรา้ งความกดดันใหเ้ ขาต้องเลอื กระหว่างแม่กบั เมยี ไม่ฉลาดเลยใช่ไหมคะแม่ ท่ีจะให้เขาเลอื ก ลกู กับตวั ละครดว ยการใหผอู า น ควรท�าใหเ้ ขาเห็นซคิ ะวา่ แม่เขาก็เหมอื นแม่ของลกู เม่อื ลูกรกั เขา ลกู กต็ อ้ งรักตอ้ งหว่ งใยแม่เขาดว้ ย ลวงรคู วามในใจของตวั ละครซึ่ง จริงไหมคะ ลูกสัญญาค่ะแมว่ า่ ลูกจะไมท่ า� ใหเ้ ขาหนกั ใจ ลกู จะอดทน จะพสิ ูจนใ์ ห้แม่ของเขาเหน็ วา่ เม่ือผอู า นไดอ านแลว กจ็ ะสัมผสั ลกู ไมไ่ ดแ้ ย่งลกู ชายของท่าน แตล่ กู เข้ามาเปน็ ส่วนหนงึ่ ของท่าน มาช่วยเติมความรัก มาช่วยท�าให้ ไดถ งึ ลกั ษณะนสิ ยั ของตวั ละคร) ท่านมีความสุข มีความอบอุ่นมากข้ึน คุณพ่อของภาสท่านเสียไปนานแล้วค่ะ ลูกเข้าใจความรู้สึก ของทา่ นที่ท่มุ เทใหล้ ูกชายคนเดียวดคี ่ะ แมเ่ ปน็ ก�าลงั ใจใหล้ กู นะคะแม่ สักวันหน่ึง ลกู ตอ้ งท�าได้ดว้ ย • “ตวั ละครทดี่ ี จะตอ งมีความ ใจท่ตี ้งั มน่ั จรงิ ใจ ไมใ่ ช่เสแสรง้ เชือ่ ลูกนะคะ ขอเพียงแค่แม่รบั ฟัง แมช่ ่วยผอ่ นคลายความอดึ อัด สมจริงและมสี ว นสําคัญตอการ บางช่วง บางขณะท่ีลูกเกิดอารมณ์อ่อนไหวท้อแท้ แค่น้ีลูกก็มีพลังใจที่จะลุกข้ึนมาต่อสู้แล้วค่ะแม่ ดําเนินเรื่อง” นักเรียนเหน็ ดว ย กแ็ มส่ อนนกั สอนหนาไมใ่ ชห่ รอื คะวา่ “ไฟในอยา่ นา� ออก ไฟนอกอยา่ นา� เขา้ ” ลกู สาวของแมจ่ งึ ไมเ่ คย หรือไมกบั ประโยคขางตน ปรปิ ากบน่ ความในใจ ความเปน็ ไปทุกอย่างจากการกระท�าของแม่สามีให้ใครๆ ไดร้ บั ทราบ แม้แต่ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ ไดอยา งหลากหลาย แตน กั เรยี น 100 จะตอ งมีเหตผุ ลทช่ี ัดเจนในการ สนับสนนุ ความคดิ เหน็ ของตน) เกรด็ แนะครู • นกั เรียนคดิ วาตนเองไดเรียนรู ครูอาจชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับขอ ความ “คนฉลาดยอ มไมส รางความแตกหกั ” สง่ิ ใดจากพฤติกรรมของ โดยตัง้ ประเดน็ เพื่อใหน กั เรียนรวมกนั อภิปรายวาขอ ความดงั กลา วมคี วามหมายอยา งไร ตวั ละครภายในเรื่อง จากนั้นนักเรียนรว มกนั คน หาสาํ นวน คําพังเพย ซึ่งมคี วามหมายคลา ยคลงึ กับขอความ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ ดังกลา ว เชน น้ําเชย่ี วอยา ขวางเรอื เปนตน ไดอยางหลากหลาย ครคู วร สนบั สนุนใหนักเรยี นไดแสดง ความคิดเหน็ เพ่อื ฝก ฝนการ ประเมนิ คณุ คา เรอ่ื งส้นั ) 100 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate คุณยายผแู้ สนจะอาร ี ทกุ คนจึงมองลกู วา่ มคี วามสุขเสยี จรงิ ๆ ใหใ้ ครๆ คิด ให้ใครๆ รสู้ กึ อย่างน้นั อธิบายความรู ดแี ลว้ นะคะแมข่ า “ท้องแก่เต็มทีแล้ว ม้ินต์ลาออกจากงานเถอะครับ ผมอยากให้คุณได้เลี้ยงดูลูกเต็มที่ ครูสุมเรยี กชอื่ นักเรียนเพื่ออธิบาย ผมเลยี้ งคณุ และลกู ได ้ ไมท่ ราบวา่ คณุ จะตอ้ งลา� บากทนทา� งานอยทู่ า� ไม” ภาสกรกอดภรรยาไวห้ ลวมๆ ความรูเ กีย่ วกับปมขดั แยงที่เกดิ ข้ึน ใบหนา้ คมคายนั้นแนบกบั เรอื นผมยาวสลวยของภรรยาอย่างรักใคร่ ภายในเร่อื ง จากน้ันสุม เรียกช่อื “ภาสคะ เราเคยคยุ กนั แล้วนะคะก่อนแต่งงาน ไหนภาสว่าจะให้อสิ ระกับมน้ิ ตใ์ นเร่อื งนี้ นกั เรียนอีกคนเพอื่ อธิบายความรู งานคือคุณค่าในชีวิตของม้ินต์นะคะ ม้ินต์บอกแล้วไงคะ เม่ือคลอดมิ้นต์จะลาพักดูแลลูกให้เต็มที่ เกยี่ วกับจุดคล่คี ลายของเรือ่ ง เม่ือครบก�าหนดการลาเราก็จะจ้างพยาบาลมาดูแลลูก นอกเวลาท�างานม้ินต์ก็จะทุ่มเวลาท่ีมีให้ลูก ต้ังคาํ ถามกบั นักเรยี นในชั้นเรียน อยา่ งเตม็ ท่ี ใครๆ เขาก็ทา� กันอยา่ งนี ้ มิ้นตค์ ิดวา่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ” หญิงสาวใหเ้ หตุผล เพ่อื อธิบายความรูร ว มกัน กระแสเสียงน้ันอ่อนหวาน แววตาออดอ้อน สัมผัสตอบการกอดรดั นั้นสอ่ื ถึงความจงรักเทิดทนู ย่งิ นัก เธออยากจะเอ่ยกับสามีเหลือเกินว่า คุณแม่ก็อยู่ท้ังคนคงจะดูหลานได้ดีกว่าใครๆ แต่ปราการใจ • ปมขดั แยงและจุดคลคี่ ลายของ ที่แม่สามีก่อไว้กางกั้นไม่ให้เธอมีสิทธ์ิสัมผัสใจท่านนั้น ยังคงความแข็งแกร่ง มิสั่นคลอน เธอจึง เรื่องสัน้ พสิ ูจนร ัก...ดวยความดี ไมม่ ัน่ ใจว่าทา่ นจะยอมรบั เลอื ดเน้อื เชอ้ื ไขลกู ชายที่มีเธอท่ีทา่ น “ชัง” เป็นแม่ ไดก้ ี่มากนอ้ ย มคี วามสมจริงหรอื ไม อยา งไร “กระบวนการจองหอง ไมม่ ใี ครเกนิ เงินเดอื นเทา่ น้จี ะไปพอยาไสอ้ าไร้ ชอบนักท่จี ะให้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ ใครดถู กู ถงึ วงศต์ ระกลู ” ทา่ นเคยเปรยกระทบใหไ้ ดย้ นิ เมอื่ เธอยนื กรานขอท�างานนอกบา้ น ใครหนอ ไดอยา งหลากหลาย เพราะ ที่ดูถูก เธอยังไม่เห็นใครหมิ่นแคลนตระกูลนี้สักที มีแต่เธอที่ถูกคนในตระกูลอันทรงเกียรตินี้ เปนการแสดงความคิดเห็น เหยยี ดหยาม ชา่ งทา่ นเถดิ ทา่ นคงไมอ่ ยากใหเ้ ราลา� บาก หญงิ สาวคดิ เขา้ ขา้ งตวั เองเพอื่ ความสบายใจ อยา งอสิ ระ และฝกการเปน “ตาภาส นมสด มะพรา้ วอ่อน ผลไม้ตา่ งๆ ในถุงใหญ่ทั้งหมดน่ะ แม่ซ้ือมาส�าหรบั บา� รงุ นักวิจารณท ่ดี )ี หลานแม่นะ” ท่านเข้าใจใช้ค�าพูดหลีกเลี่ยงท่ีจะไม่เอ่ยถึงลูกสะใภ้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ นิมิตที่ดี ปรากฏข้ึนร�าไร ลูกอาจเป็นตัวเช่ือมที่ท�าให้แม่ยอมรับและเลิกอคติกับภรรยาท่ีน่าสงสารของเขาได ้ • ถา นกั เรยี นมโี อกาสแกไ ขปรบั ปรงุ เขารอวันน้ันอย่างใจจดใจจอ่ ปมขัดแยง ภายในเรือ่ งได “ท�าแตง่ านงกๆ จะคดิ อ่านหาอะไรบ�ารุงลกู ในท้องเป็นไม่ม”ี ทา่ นคอ่ นขอด เขาไมอ่ ยาก นักเรยี นจะปรบั อยางไรและ แย้งให้ขัดใจท่าน ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าภรรยาดูแลทะนุถนอมเอาใจใส่บ�ารุงตัวเองเพื่อลูกในท้องมาตลอด จะทาํ ใหเร่อื งราวนาอานหรือ ต�ารับต�าราก็หาซ้ือมาอ่านเพื่อเตรียมพร้อมในการต้อนรับชีวิตใหม่ท่ีเป็นส่วนหนึ่งของเลือดเน้ือและ มีความเขมขน มากกวา เดมิ วิญญาณของเขาและเธอ อยา งไร ทูนหวั ของลูก... (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบ แม่ขา...ลูกอยากให้แม่อยู่ใกล้ๆ ลูกเหน่ือยเหลือเกินขณะนี้ นาทีที่ลูกมีความอ่ิมเอิบ ไดอ ยา งหลากหลาย เชน สราง ยนิ ดีนี้ แม่น่าจะได้อยใู่ กล้ๆ ช่วยซับน้�าตาแห่งความสขุ ใหล้ กู และร่วมเปิดรอยย้ิมแห่งความช่นื ชม ปมขัดแยงใหมคี วามเขมขน ร่วมกับลูกในช่วงส�าคัญช่วงหนึ่งในชีวิตของลูก ลูกคิดว่าน่าจะเป็นความรู้สึกด่ืมด�่าอ่อนหวานท่ี มากขึน้ ดวยการเพิ่มเหตกุ ารณ ผู้หญงิ ที่ได้ชื่อวา่ “แม่” ทกุ คนพงึ รู้สึก ใหมคี วามรนุ แรง สงผลให จดุ คลค่ี ลายของเร่ืองมีความ นา เชื่อถือและสมควรตอ การ ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมของ คณุ ยา หรอื แมส ามี ซง่ึ กลวิธีนี้ จะทาํ ใหเรื่องนาอาน นาติดตาม มากยิง่ ขนึ้ ) 101 คูม อื ครู 101

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) ครสู มุ เรยี กชอ่ื นักเรียนอธิบาย หลานชายของแม่เขาลืมตาออกมาดูโลกแล้วค่ะแม่ แม่ขาก่อนหน้านี้ลูกตระหนักถึง ความรูเกย่ี วกับฉากในเรอ่ื งสนั้ พิสูจน ความรกั ที่แม่มีใหล้ กู มาตลอด ลกู คิดว่าลูกเข้าใจความรสู้ ึกของแมท่ ่มี ตี อ่ ลูกเต็มหัวใจแลว้ นะคะ แต่ รัก...ดวยความดี จากน้ันต้ังคาํ ถาม เมื่อลูกเห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก ความรักความเข้าใจความรู้สึกผูกพันของคนท่ีเป็นแม่ที่มีให้กับลูก ลูก กับนกั เรยี นวา คิดวา่ ลูกเพิ่งจะเขา้ ใจยิง่ กว่าท่ีเคยเขา้ ใจอีกนะคะ แม่ขามันเป็นความรู้สึกท่ีวิเศษอะไรเช่นน้ี เจ้าเนื้อแดงๆ ตัวเล็ก ผมดกด�า จมูกโด่ง • ฉากในเร่อื งสั้น พิสจู นรกั ...ดวย เน้ือหนังย่นที่พริ้มตาหลับอยู่แทบทั้งวัน ดูน่ารัก น่าเอ็นดูในสายตาลูกเหลือประมาณ ลูกรู้สึก ความดี มีความเหมาะสม ด้วยวิญญาณของความเป็นแม่ว่าไม่มีใครจะหล่อ จะน่ารักเท่าเจ้าตัวน้อยนี้อีกแล้วค่ะแม่ ตอนลูก หรือไม อยา งไร เพราะเหตุใด ตัวเท่านี้แม่เคยรู้สึกเช่นนี้ไหมคะ ลูกเพ่งมองผ่านม่านน้�าตาด้วยความมหัศจรรย์ใจ นี่หรือชีวิต (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบ อกี ชวี ิตของลูก ลกู แบง่ ภาค แบง่ รา่ งมาเป็นเขาได้อย่างไร เลอื ดเนื้อ...ชวี ติ ...วิญญาณ...และความรกั ไดอยา งหลากหลาย เพราะ ของคนสองคนรวมกนั เป็นอีกหน่งึ ชีวิต มันเป็นธรรมชาติทีแ่ ปลกมากนะคะแม ่ ธรรมชาตชิ า่ งหาวิธี เปนการแสดงความคดิ เห็น แตกหน่อสืบเช้ือสายของคนไม่ให้ดับสูญเผ่าพันธุ์ ย่ิงการสืบเหล่ากอนั้นแต่งเติมความรัก ความ อยางอิสระและนักเรียนควร เขา้ ใจไปในเลอื ดเนื้อและวิญญาณ ผลผลติ ของค�าว่า “มนุษย”์ มันจงึ ดมู คี ่า มีความหมาย กอ่ ให้ แสดงเหตผุ ลประกอบความ เกดิ ความอ่มิ เอมในจิตใจอยา่ งที่ลกู เป็นอยู่ขณะน้ีคะ่ แม่ขา มอื เล็กๆ ปอ้ มๆ ที่แกวง่ ไกวไม่รูท้ ศิ ทาง คิดเห็นของตนเองอยางชัดเจน) ของเทพบุตรตัวน้อยน่นั ก็อีกที่ลกู ร้สู ึกว่าเปราะบางจนลูกแทบจะไมก่ ล้าสัมผสั ไมก่ ลา้ จะอ้มุ จะจับ เขาก็ดูเคอะเขินไปหมด ลูกกลัวค่ะแม่ กลัวเขาพลัดหล่นหลุดมือไป เพียงแต่คิดว่าถ้าเขาเจ็บ • เมอ่ื นกั เรยี นไดอานเรื่องสัน้ ลูกก็รู้สึกแยม่ ากๆ แลว้ คะ่ แม่ พสิ จู นร กั ...ดว ยความดี นักเรยี น แม่คะ ลูกไม่เคยเจ็บปวดอะไรเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต แม่เข้าใจใช่ไหมคะแม่ ก่อนจะ เกดิ อารมณ ความรูส ึกอยา งไร คลอดเจ้าตัวเล็กลูกเจ็บปวด ด้ินจนพยาบาลแทบเอาไม่อยู่ ภาสเขาอยากให้ผ่าออกนะคะแต่ลูก และเพราะเหตุใดจึงรสู ึกเชน นั้น ไมย่ อม ลูกอยากมสี ติสมั ปชญั ญะรบั ร้กู ารกอ่ ก�าเนดิ ชีวติ อกี ชีวิตทุกข้นั ทุกตอน ลูกเจบ็ จนตาพรา่ ลาย (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ ไปหมด นับดาวได้ต้ังหลายดวงค่ะแม่ วูบหนึ่งของความรู้สึกลูกเห็นแม่มายืนข้างๆ จับมือ ย้ิมให้ ไดอยา งหลากหลาย เพราะ ลูกอบอุ่นที่สุด พอลืมตาอีกที แม่หายไปแล้ว มีแต่พยาบาลชุดขาวยืนอยู่แทน คงไม่ใช่ฝันนะคะ เปนการแสดงความคดิ เหน็ แม ่ พลังใจจากแมท่ า� ใหล้ ูกร้สู กึ วา่ แมอ่ ยู่เคียงใกลต้ ลอด คนดีของลูก เมอื่ คลอดเจา้ ตัวนอ้ ยออกมา อยางอิสระ คําตอบข้นึ อยูก บั ได้เหน็ หน้าเขา ความเจ็บปวดกลบั เป็นความทรงจ�าทีล่ กู อยากนึกถึงอยูท่ ุกเวลา เพราะมันเป็นความ ดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู อน) ร้สู กึ ท่ีทา� ให้ลกู ไดม้ ีเจา้ กระจ้อยรอ่ ยตัวน ้ี แม่คะ นยิ ามของค�าว่าลูกไม่มขี อ้ จา� กดั ไมม่ ีขอบเขตสน้ิ สดุ นะคะแม ่ รู้แต่ว่ามันเปน็ นิยามของ “ความรัก” อยา่ งแทจ้ รงิ แมค่ ะลูกรักแมค่ ะ่ • นกั เรียนคิดวาถาตนเองเปน “ฉนั อยูท่ ั้งคน ผคู้ นเต็มบ้านจ้างมาท�าไมพยาบาลนะ่ หลานฉันไมใ่ ช่คนเจบ็ ป่วย” คณุ ย่า ผสู รางสรรคผ ลงานเร่อื งน้ีจะใช ทา� คอแขง็ หน้าเชดิ ปรายตามองพยาบาลที่หญิงสาวจ้างมาอยา่ งไมค่ อ่ ยจะพอใจ กลวธิ ที างภาษาสรา งฉากใหม ี “นห่ี ลอ่ นไม่อยากใหฉ้ ันเลย้ี ง ไม่อยากใหฉ้ นั จับต้องลกู หลอ่ นหรอื ยะ” ทา่ นเข้าใจไปโน่น ลักษณะอยา งไร ด้วยอคตทิ ีม่ ตี ่อเธอเป็นทนุ เดมิ อยแู่ ล้ว หญงิ สาวรีบแกต้ วั เสยี งออ่ น (แนวตอบ คาํ ตอบของนักเรียน “ไม่ใช่นะคะคุณแม่ ลูกเพียงแต่ไม่อยากให้คุณแม่ต้องเหน่ือยมาก เด็กเล็กๆ โยเย ขนึ้ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) อ้อนเก่ง มีอะไรคุณแม่จะได้เรียกใช้พยาบาลไงคะ พอโตหน่อยลูกก็จะเปล่ียนเป็นหาคนเลี้ยงแทน 102 102 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate พยาบาล เมื่อเจ้าหนูเดินได้วิ่งได้ ก็ไม่ต้องจ้างใคร ฝากไว้กับคุณแม่ก็คงได้นะคะ” ปลายเสียงน้ัน อธิบายความรู ประจบเอาใจ “น่ตี าภาส บอกเมยี แกใหร้ ู้ไวน้ ะ พยาบาลคนนใ้ี ช้ไมไ่ ด้ มีอย่างทไี่ หนปล่อยใหห้ ลานฉัน ครสู ุม เรยี กชอ่ื นักเรียนเพือ่ อธิบาย ร้องอยู่เป็นนานสองนาน พอแม่สั่งให้ชงนมให้กินตาลูกหมีเงียบเสียงเชียว แม่ต่อว่าเจ้าหล่อนยัง ความรูเกีย่ วกบั คณุ คาของเรือ่ งส้นั มีหน้ามาย้อนว่า ยังไม่ถึงเวลาให้นม ถ้าตามใจให้นมทุกครั้งที่ร้อง เด็กจะติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง พิสจู นรกั ...ดวยความดี จากนั้นครู หนอยมันจะมากา� หนดกฎเกณฑอ์ ะไรนักหนากับเด็กตวั เทา่ น”ี้ ตงั้ คาํ ถามกบั นักเรยี นวา เป็นความหนักใจอีกข้อหนึ่ง ที่สองผัวเมียรู้สึกล�าบากใจ ด้วยแนวคิดการเลี้ยงดูของ ผู้เฒ่ากับหนุ่มสาวแตกต่างกันโดยส้ินเชิง ผนวกกับความไม่พอใจในตัวลูกสะใภ้ อะไรท่ีเธอคิดอ่าน • ขอคดิ ท่ีไดร ับจากเรือ่ งส้ัน เพอื่ ให้สิ่งดีๆ แกล่ ูกรัก ดูจะขดั ความพอใจของหญิงชราไปเสยี ทง้ั หมด เธอพยายามใช้ความอดทน พิสูจนรกั ...ดวยความดี มอี ะไร อยา่ งทส่ี ุดเพอื่ ไมใ่ ห้ลูกนอ้ ยมีผลกระทบ อะไรพอทา� ตาม พอผอ่ นปรนไดเ้ ธอไมร่ ีรอทจ่ี ะปฏบิ ตั ิตาม บา ง ความต้องการของท่าน แต่ส่ิงไหนท่ีมากเกินไป เธอก็ไม่อาจจะปล่อยให้ท่านปลูกฝังสิ่งท่ีเธอคิดว่า (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ ไม่ถูกต้องลงในจิตใจของลูกน้อย แต่วิธีการของเธอเป็นไปด้วยความละมุนละม่อม จนท่านไม่ทัน ไดอ ยางหลากหลาย เชน คนดี รสู้ กึ วา่ โดนลดิ รอนหักหาญน้�าใจ ภาสกรอดท่งึ และอดชมเชยความฉลาดในการเป็น “นักแกป้ ญั หา” ตกนํ้าไมไหล ตกไฟไมไหม ของเธอไมไ่ ด้ ธรรมะยอมชนะอธรรม เปนตน ) หญงิ สาวอยากใหล้ กู ชายเตบิ โตเปน็ คนดี มีน้า� ใจ เออ้ื เฟ้อื ไมด่ ถู ูกใคร เห็นคุณคา่ ของคน ทุกคนเทา่ เทียมกนั ไม่แบ่งช้ันวรรณะ อยากให้เขาคดิ และปฏิบตั เิ หมอื นเธอและสามี พรอ้ มกระนั้น • นกั เรยี นสามารถนาํ ขอ คดิ ทไี่ ดร บั ก็อยากใหเ้ ขารักวงศต์ ระกลู รักเกียรติ รักศกั ดศ์ิ รอี ยา่ งทีค่ ณุ ยา่ ของเขายึดม่นั “เกยี รติยศควรคู่กับ จากเรือ่ งส้นั พสิ ูจนร ัก...ดว ย ความดีงามในจติ ใจ” เธอปรารถนาให้ส่งิ น้เี กดิ ขน้ึ ในจิตใจลูกหมีตัวน้อยทเ่ี ธอรักปานดวงใจ ความดี ไปปรับใชใ น ถ้ามองข้ามความหยิ่งในวงศ์ตระกูลจนเกือบกลายเป็น “ดูแคลน” คนที่ด้อยกว่าและ ชีวติ ประจําวนั ดานใดไดบา ง ลบอคติที่มีต่อลูกสะใภ้ออกไปได้ คุณย่าของลูกหมีก็คือหญิงชราธรรมดาคนหน่ึงท่ีรักและลุ่มหลง (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ หลานเปน็ ชีวติ จิตใจ เธอแอบไดย้ นิ ทา่ นผกู บทกลอนรอ้ งเปน็ ท�านองขบั กลอ่ มหลานชายด้วยน�้าเสยี ง ไดอ ยา งหลากหลาย เพราะ ท่ีไพเราะกินใจ ซ่ึงเธอผู้เป็นแม่แท้ๆ ยังไม่เคยได้ขับกล่อมบทเพลงให้ลูกน้อยได้ฟังเพราะยุคสมัย เปน การแสดงความคดิ เหน็ อยา ง เปลี่ยนไป บทเพลงที่แม่เคยขับกล่อมเม่ือเยาว์วัยก็เลือนหายไปจากความทรงจ�าด้วยความยาวนาน อิสระ ครูสังเกตการประเมิน ของกาลเวลา คุณคาขอคดิ ท่นี ักเรียนไดร ับ “เจา้ ตัวน้อยกลอยใจสายสวาท จากเรื่อง) งามพิลาศเหนือใครแก้วใจย่า เจา้ อยา่ อ้อนเจ้างามจิตจงนทิ รา NET ขอ สอบ ป 49 หลบั เถดิ หนาย่าจะกลอ่ มจอมขวัญเอย” หญิงสาวเกิดอารมณ์หวิวไหว คิดถึงบรรยากาศเก่าก่อนเมื่อยังมีแม่ เธอรีบกรีดหยาด ขอ สอบถามวา ขอ ใดเปนแนวคดิ นา�้ ใส ปลกุ ตวั เองให้ต่นื จากภวังค์ สาวเทา้ ก้าวจากไปอยา่ งรบี เรง่ กอ่ นท่ีคณุ ย่าจะทนั ได้เหน็ แลว้ ของขอ ความตอ ไปน้ี “คาํ วา ขอโทษ พาลหมดอารมณข์ บั กลอ่ มด้วยไมพ่ อใจในตวั สะใภ้ เปนคําทแี่ สดงความสาํ นึก ความ นอบนอมและความมีมารยาท เราจึง 103 ควรหัดพดู ไวใ หต ิดปากดว ยขึน้ ชอื่ วา เปน มนษุ ย ตอ ใหย งิ่ ใหญห รอื มตี าํ แหนง ใหญโตเพยี งใดกต็ าม กย็ อมมโี อกาส กระทาํ ผดิ ดวยกันทั้งนั้น” 1. การขออภัย 2. การถอ มตน 3. การยอมรบั ผดิ 4. การทาํ ตามคา นยิ มของสงั คม (วเิ คราะหค าํ ตอบ สํานกึ นอกจาก จะใชใ นความหมายวา ซาบซ้งึ ในสง่ิ ที่ไดรับแลว ยงั ใชใ น ความหมายวารูสึกสํานกึ ผิดใน ความผดิ ทไ่ี ดทําลงไป ดังนั้นจึง ตอบ ขอ 3.) คูมอื ครู 103

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) ครสู ุมเรยี กช่อื นักเรียนเพื่อตอบ “คุณม้ินต์คะ คุณท่านเป็นลมหมดสติอยู่ในห้องพระค่ะ” สาวใช้หน้าตาตื่นมารายงาน คาํ ถาม เธอรีบวางงานในมือ ก้าวเท้ายาวจนเกอื บเป็นวงิ่ ไปยังห้องพระ ภาพท่เี หน็ ทา� ให้เธอตกใจจนท�าอะไร ไม่ถูก คุณย่าตาลูกหมีฟุบหน้าน่ิงอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ในมือท่านก�าหนังสือบทสวดมนต์เอาไว้แน่น • นกั เรยี นคดิ วา การประเมิน ใบหนา้ ซดี ขาวราวแผ่นกระดาษ ทนั ทที ีเ่ รียกสติกลบั คนื มา หญงิ สาวรบี เรยี กคนขับรถใหช้ ่วยอมุ้ ท่าน คณุ คางานเขยี นกอ ใหเ กิด ไปขึ้นรถ ก่อนจะพาท่านไปโรงพยาบาลเธอไม่ลืมส่ังสาวใช้โทรศัพท์ตามสามีซึ่งเข้าประชุมท่ีบริษัท ประโยชนต อนกั เรียนอยา งไร ใหร้ ีบตามไปยังโรงพยาบาลท่ีคณุ ยา่ ลูกหมเี ป็นคนไขป้ ระจา� (แนวตอบ คาํ ตอบไมม ผี ดิ หรือถกู คุณหมอลงความเห็นภายหลังการตรวจรักษาว่าท่านป่วยเป็นโรคหัวใจและความดัน นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยาง โลหติ สูง ตอ้ งดูแลเอาใจใสอ่ ย่างใกล้ชดิ แต่ไม่มอี าการรุนแรงมากนัก ตลอดเวลาที่อยโู่ รงพยาบาล หลากหลาย) เธอเฝา้ ปรนนบิ ตั ริ บั ใชท้ า่ นดว้ ยความรสู้ กึ หว่ งใยอยา่ งแทจ้ รงิ ภาพของทา่ นทเี่ หก่ ลอ่ มพดั วหี ลานชาย ตัวนอ้ ยผดุ ข้ึนมากลางใจ ถึงเวลาแล้วทเ่ี ธอจะได้แสดงความกตัญูต่อทา่ น แมท้ ่านจะเกลยี ดชงั แต่ นักเรยี นควรรู เธอไม่เคยนา� พาความรู้สกึ นั้น ความอ่อนโยนทีเ่ ธอปฏบิ ัติตอ่ หญงิ ชราแม่ของสาม ี กอ่ ให้เกดิ ประกาย วิบวับเต็มต้ืนในแววตาแห้งผากด้วยวัยชราคู่นั้น ความดีมีน้�าใจยังเป็นคาถาของคนดีท่ีใช้ได้ทุกยุค สังฆทาน หมายถงึ การถวายทาน ทุกสมัย ดังท่ีเธอผู้ยึดม่ันความดีคนน้ีได้พิสูจน์ให้เห็นแม้ต้องใช้เวลายาวนานในการพิสูจน์ แต่ แดพ ระสงฆโ ดยไมเจาะจงองค บทพสิ ูจนน์ นั้ กค็ ้มุ ค่า คุ้มเวลาทีร่ อคอย ซง่ึ ตน กาํ เนิดของการถวายสงั ฆทาน คุณย่าขอตัวไปพักฟื้นท่ีบ้านเพราะคิดถึงเจ้าหมีน้อยเต็มทน แม่ตาลูกหมีลางานมาเฝ้า มีมาต้ังแตส มยั พทุ ธกาล ผูเปน ปรนนิบัติ กิริยาท่ีอ่อนโยนยอมรับการเอาใจจากลูกสะใภ้แม้ไม่มีถ้อยค�าใดๆ กล่าวช่ืนชมให้ได้ยิน ตน แบบการถวายสงั ฆทาน คอื ก็ดูเหมือนเป็นการยอมรับคุณค่าความดีงามของลูกสะใภ้ไปในตัวจากท่าทีนั้น ภาสกรแอบสังเกต พระนางปชาบดโี คตมี กลา วคือ สัมพันธภาพน้นั ด้วยความรสู้ ึกปลืม้ ปต ิ สายตาท่จี ับจ้องภรรยาบ่งบอกความเสนห่ าอาทร เม่อื พระพุทธองคเสดจ็ ไปโปรด แมข่ องลูก... พระญาติ พระนางปชาบดโี คตมี แม่คะ วันนี้ลูกไปวัดถวายสังฆทาน แผ่ส่วนกุศลให้พ่อกับแม่ พ่อแม่ได้รับไหมคะวันนี้ หรือพระมาตุจฉาไดต ระเตรยี ม ตาลูกหมีอายุครบขวบหนึ่งพอดีค่ะแม่ คุณย่าเห่อหลานมาก จัดงานวันเกิดให้ เชิญใครต่อใครมา ผา ไตรจีวรสําหรบั ถวายพระพุทธองค มากมายเลยค่ะแม่ ลูกเห็นท่านมีความสุข อีกอย่างคงไม่เสียหายอะไรมากนักก็เลยไม่อยากขัด หากแตพ ระพทุ ธองคไ มท รงรบั ความสุขท่าน ท้ังๆ ทลี่ ูกไม่เหน็ ด้วยเทา่ ไร กลัวตาลูกหมจี ะยึดตดิ แล้วตอ้ งจดั ต้องทา� ให้ทกุ ป  ลกู เนื่องดวยตอ งการใหพ ระมาตุจฉา พยายามสอนให้เขามีเหตุผลเม่ือโตขึ้น ลูกคิดว่าตาลูกหมีคงไม่ท�าให้ลูกหนักใจหรอกค่ะ สังเกตดู ไดอานสิ งสส งู สุด คือไมเจาะจงเพ่ือ แกเป็นเด็กอารมณ์ดี ไม่งอแง ไม่เคยแผลงฤทธิ์เวลาถูกขัดใจ ลูกไม่ควรคิด ไม่ควรระแวงในส่ิงท่ี เปน แบบอยางของการถวายทาน ยงั ไม่เกดิ ข้นึ เกินไปนักใชไ่ หมคะแม่ เพ่ือมุงหวังอปุ ถมั ภพระพุทธศาสนา แมค่ ะ ตาลกู หมีมอี ะไรหลายๆ อย่างคล้ายแม่นะคะ เชน่ ชอบเขา้ หอ้ งพระไปนัง่ ข้างๆ โดยรวม ดงั นน้ั พระพุทธองคและ คณุ ยา่ เวลาทา่ นสวดมนต ์ เป็นท่ีถูกใจคุณย่ามาก อกี ท้ังยงั ชอบไปวัดอกี นะคะแม่ ไปวัดไปนัง่ ใกล้ๆ พระเถระผูใหญจงึ ไมรับผา ไตรจวี ร พระคุณเจ้า ท�าตาแปวแหววน่าตีเชียวค่ะแม่ พระคุณเจ้าเจ้าอาวาสวัดท่ีคุณย่าพาลูก ภาส และ สุดทา ยพระนางปชาบดโี คตมี ตาลูกหมีไปบ่อยๆ ยังหัวเราะชอบใจลูบหัวแกพลางบอกว่า “เจ้านี่รู้ความ เจ้าน่ีรู้ความ” เลยค่ะ เสียพระทยั มากจึงนําไปถวาย แปลกไหมคะแม ่ นี่ถ้าลูกไม่ใช่คนในยุคโลกาภิวตั น์ลกู คงจะทกึ ทกั ว่าแม่กลับมาอยู่กับลูก แตแ่ ค่คดิ พระภิกษุบวชใหม ทงั้ พระพทุ ธองค และพระเถระจงึ เปลง “สาธุการ” 104 ขน้ึ พรอมกัน ยงั ความปตโิ สมนสั ให เกิดขึ้นแกพระนางปชาบดโี คตมี 104 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate เทา่ น้ันนะคะ ไม่กล้าพดู ใหใ้ ครฟัง กลัวเขาจะหาวา่ ลกู เพ้ียนไปค่ะแม่ อธบิ ายความรู แมค่ ะ คุณยายและญาติทุกคนสบายดี คณุ ยายแม้จะแกไ่ ปมากแตท่ ่านยังความจ�าดีค่ะ แม ่ สุขภาพก็แข็งแรง ลกู ไปเยีย่ มทา่ นเสมอ แมอ่ ย่าห่วงนะคะ • นักเรียนคดิ วา เรื่องสน้ั พสิ จู นรัก... แมค่ ะ ท�าความดมี นี า�้ ใจ สดุ ยอดคาถาให้คนรัก คา� สอนของแมข่ ลังจริงๆ คะ่ ลกู พสิ ูจน์ ดวยความดี มกี ลวธิ ีการเขียน แล้วค่ะว่าเป็นจริง แม่รู้แล้วใช่ไหมคะ เพราะแม่ต้องติดตามดูแลลูกทุกย่างก้าว แม่คะเม่ือก่อน ที่เหมาะสมหรอื ไม อยางไร ลูกเคยแอบเปรียบเทียบความรู้สึกของคุณย่าของตาลูกหมีท่ีมีต่อลูกและตาลูกหมีว่า “เกลียดตัว โดยใหนักเรยี นใชความรูจาก กินไข ่ เกลียดปลาไหลกินน�้าแกง” แตเ่ ดีย๋ วน้ี สา� นวนน้คี งไม่ต้องนา� มาใชแ้ ลว้ คะ่ ลูกสามารถทา� ให้ หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 มา ท่านรักโดยไม่ทิ้งร่องรอยความเกลียดไว้ในใจท่านอีกต่อไปแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะแม่ที่ปลูกฝังสิ่งท่ี บรู ณาการในการตอบ และถา ดีงามให้กับลูก ขอบคุณแม่ท่ีก่อก�าเนิดนกน้อยตัวน้ี เด๋ียวน้ีนกตัวนี้เหินบินในฟ้ากว้างได้แล้ว นกั เรียนเปนผูสรา งสรรคเ รอื่ งสนั้ นะคะแม่ ขอบคุณสายใยรักของพอ่ แม่ทใ่ี หช้ วี ิตลูก เรอ่ื งนจ้ี ะมกี ลวิธกี ารเขียนอยางไร แมค่ ะ...ลกู รักแม่ (แนวตอบ คาํ ตอบของนกั เรยี น ขนึ้ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) ๑.๒ ตัวอยา่ งการประเมินคณุ ค่าเร่ืองสัน้ : พิสูจน์รัก...ด้วยความดี เกร็ดแนะครู การประเมนิ คณุ คา่ งานเขยี นคอื การศกึ ษาวเิ คราะหง์ านเขยี น ทง้ั ดา้ นแนวคดิ การใชภ้ าษา กลวิธีการเขียน รวมถึงคุณค่าท่ีได้รับ ซึ่งการประเมินคุณค่างานเขียนยังมีประโยชน์ต่อนักเรียน ครผู ูสอนควรพิจารณางานเขยี น กล่าวคือ สามารถน�าแนวทางท่ีดีต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพ่ือสร้างสรรค์งานเขียนตนเอง ซึ่งในท่ีนี้ เร่ืองส้ันของนักเรียนโดยมงุ เนน จะประเมินคุณคา่ เรือ่ งส้นั “พิสจู น์รัก...ด้วยความดี” ของ กัลยา น้อยพรหม จากหนังสือเร่ืองส้นั ในลักษณะของการเปรยี บเทยี บ สา� นวนไทยเพอื่ ให้นกั เรียนเหน็ แนวทางการเขียนเพอ่ื น�ามาพฒั นางานเขยี นของตนเอง ดังนี้ ระหวา งเร่อื งทน่ี ักเรยี นเลือกกับเรื่องที่ “พสิ ูจน์รกั ดว้ ยความดี” เปน็ เรอื่ งของ “ม้นิ ต์” หญงิ สาวทกี่ �าพร้าบดิ าด้วยอุบัติเหตเุ ม่ือเธอ นกั เรยี นเขยี นขนึ้ เองหรืออาจกลา ว ยงั เลก็ ตลอดเวลาแมเ่ ปน็ ผเู้ ลยี้ งดแู ละเตมิ เตม็ ความรกั สว่ นทข่ี าดหายไป จนกระทงั่ วนั หนง่ึ แมข่ อง ไดว าเปน เร่ืองทม่ี แี นวคดิ เดียวกัน เธอก็จากไปดว้ ยโรคหวั ใจล้มเหลว เธอจึงตอ้ งใช้ชีวติ อยใู่ นความดูแลของญาตผิ ้ใู หญ่ แตใชก ลวธิ ีการเขยี นท่แี ตกตางกนั ต่อมา “มิ้นต์” ตัดสินใจแต่งงานกับ “ภาสกร” ชายหนุ่มผู้มีฐานะ ชาติตระกูลที่สูงส่ง แตกตา่ งจากเธอ ดว้ ยความแตกตา่ งนเ้ี มอื่ “มน้ิ ต”์ เขา้ ไปอยใู่ นบา้ นของสาม ี จงึ ไมไ่ ดร้ บั การยอมรบั NET ขอสอบ ป 52 จากแม่สามี แต่เธอก็ใช้ความอดทนและใช้ค�าส่ังสอนของแม่เฝ้าดูแลปรนนิบัติสามีและแม่สามี ด้วยดี และเม่ือเธอตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดบุตรชาย ซึ่งได้กลายเป็นจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ขอสอบถามวา คําสอนตอ ไปนี้ ระหวา่ งเธอกบั แมส่ าม ี เหตกุ ารณด์ า� เนนิ ไปในลกั ษณะถอ้ ยทถี อ้ ยอาศยั แมส่ ามรี กั และเอน็ ดบู ตุ รชาย ขอใดเปน การกระทาํ หรือลักษณะที่ ของเธอแตก่ ย็ งั ตงั้ ขอ้ รงั เกยี จลกู สะใภ ้ และวนั หนงึ่ เหตกุ ารณไ์ มค่ าดคดิ กเ็ กดิ ขนึ้ เมอื่ แมส่ ามเี ปน็ ลม ควรละเวน ในห้องพระ “มิ้นต์” น�าแม่สามีไปส่งที่โรงพยาบาล หมอวินิจฉัยว่าแม่สามีเป็นโรคหัวใจและ ความดนั โลหติ สูง “ม้นิ ต”์ เฝา้ ดูแลปรนนบิ ตั ิแมส่ ามดี ้วยความเตม็ ใจ และดว้ ยความดนี ้นั เอง จึง 1. ใครเกะกะระราน อดกลั้น ทา� ใหป้ ัญหาความสมั พนั ธ์ระหว่างเธอกบั แมส่ ามีคล่ีคลายลง 2. เท็จและจริงจานเจอื คละเคลา 3. รอบคอบชอบแลผดิ กอ นพรอง 105 4. เหนิ หางโมหะรอ น ริษยา (วเิ คราะหคาํ ตอบ คาํ สอนในขอ 1., 3. และ 4. เปนคาํ สอนท่แี นะนาํ ใหพ ึงปฏิบัติ ยกเวนคําสอนใน ขอ 2. ดงั นั้นจงึ ตอบขอ 2.) คูม ือครู 105

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explore Explain Evaluate ขยายความเขา ใจ (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%) 1. นักเรยี นเลอื กอานเรอ่ื งสั้นที่ตนเอง “พสิ จู นร์ กั ...ดว้ ยความด”ี ผเู้ ขยี นไดก้ า� หนดแนวคดิ หรอื แกน่ เรอ่ื งเพอ่ื เปน็ กรอบในการเขยี น ประทบั ใจหรือสนใจที่มคี วามยาว ว่า “ทา� ความดมี นี ้�าใจ สุดยอดคาถาใหค้ นรัก” ขอ้ สังเกตเก่ียวกับการสรา้ งแนวคิดเพือ่ สร้างสรรค์ ขนาดเหมาะสมโดยใชเวลาในการ งานเขียนนนั้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นวลหี รอื ประโยคส้ันๆ ท่กี ระชบั เขา้ ใจไดโ้ ดยท่ไี มต่ ้องตีความ อานไมเกนิ 20 นาที จากนั้นเขียน ผเู้ ขียนเปดิ เรือ่ ง ดว้ ยขอ้ ความพรรณนาของผู้หญิงคนหนง่ึ ในลักษณะการรา� พงึ ร�าพันถึง ประเมนิ คณุ คา ของเรอ่ื งสั้น โดยใช แมผ่ ูเ้ ป็นทีร่ กั ซ่ึงท�าให้ผู้อ่านรจู้ กั ภูมิหลังของตวั ละครหลกั ของเรือ่ ง จากนนั้ จึงสรา้ งปมขดั แย้งข้นึ แนวทางทไี่ ดศึกษา ความยาว ภายในเรอ่ื ง โดยให ้ “มนิ้ ต”์ ซงึ่ เปน็ ตวั ละครหลกั ตดั สนิ ใจแตง่ งานกบั “ภาสกร” ในขอ้ เทจ็ จรงิ ทบ่ี คุ คล ตง้ั แตหนง่ึ หนา กระดาษรายงาน ทั้งสองมีสถานภาพทางสังคมและฐานะทางการเงินที่แตกต่างกัน ปมขัดแย้งมีความเข้มข้นและ สงครูผูสอน ดสู มจริงเมอ่ื ผูเ้ ขยี นสรา้ งตวั ละครอกี ตัวข้นึ มาคือ “แม่สาม”ี เพื่อท�าให้เรื่องมคี วามเขม้ ข้นมากข้ึน ดว้ ยการสรา้ งลกั ษณะนสิ ยั ของแมส่ ามใี หถ้ อื ยศ ถอื ศกั ด ิ์ มอี คตกิ บั คนทมี่ ฐี านะตา�่ กวา่ ตนเอง ดงั นนั้ 2. นักเรยี นเขียนสรางสรรคง าน แมส่ ามจี งึ ตั้งข้อรังเกยี จ “ม้นิ ต์” และแมว้ า่ จะพยายามทา� ความดอี ยา่ งไร อคตินน้ั กไ็ มเ่ คยลดลง บนั เทิงคดีประเภทเรือ่ งส้นั ดวย เม่ือปมปัญหาเดินทางมาถึงจุดสูงสุด จนส่งผลให้มิ้นต์ท้อถอยและเร่ิมตั้งค�าถามกับ ตนเอง โดยใชแ นวทางการเขียน ค�าสอนของแม่ท่ีวา่ “ท�าความดีมนี �า้ ใจ สดุ ยอดคาถาให้คนรกั ” ผ้เู ขยี นจึงสรา้ งจดุ วิกฤตของเรอ่ื ง ท่ีไดศกึ ษามาแลว ในหนวย เพื่อให้ตัวละครตัดสินใจบางอย่างเพ่ือให้เร่ืองด�าเนินไปในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งในเร่ืองน้ีคือ “ม้ินต์” การเรยี นรูที่ 2 ซ่งึ นักเรียนจะตอ ง ต้องตัดสินใจว่าจะท�าอย่างไรเมื่อทราบว่าแม่สามีป่วย ดังน้ันจุดคล่ีคลายของเรื่องจึงเกิดข้ึน โดย สรางสรรคโดยใชแนวคิดเดียวกบั ผเู้ ขียนสร้างให้ “มน้ิ ต์” ดูแลปรนนบิ ัตแิ มส่ ามเี ปน็ อยา่ งดตี ลอดเวลาทอ่ี ยู่โรงพยาบาล จุดคลี่คลาย เรื่องสนั้ ทีน่ กั เรียนประเมินคุณคา จงึ มคี วามสอดคลอ้ งกบั แนวคดิ หลกั ของเรอื่ ง และปดิ เรอ่ื งดว้ ยการเนน้ ยา�้ ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ วา่ แกน่ เรอื่ ง ของเรื่องสั้นนี้ เป็นสัจธรรมหรือความจริงแท้ ดังจะเห็นได้จากตอนจบท่ีแม่สามียอมรับ “มิ้นต์” นกั เรียนควรรู ก็เพราะความดที เี่ ธอปฏิบตั ิ “พสิ จู นร์ กั ...ดว้ ยความด”ี ใชก้ ลวธิ กี ารดา� เนนิ เรอ่ื งแบบทวนเขม็ นาฬกิ า กลา่ วคอื ผเู้ ขยี น การสรางตัวละคร นอกจาก ใช้เหตุการณ์แรกที่ “มิ้นต์” ตัวละครหลักพรรณนาความอึดอัดล�าบากใจในการใช้ชีวิตครอบครัว ผเู ขยี นจะสรางใหม คี วามสมจริง ทา่ มกลางอคตขิ องแมส่ าม ี และปดิ เรอื่ งดว้ ยการใหต้ วั ละครหลกั พรรณนาความรสู้ กึ ขอบคณุ สา� นกึ ดานลักษณะนสิ ัยและพฤตกิ รรมแลว ในค�าสอนของแม่ ซ่ึงการเปิดเรื่องและการปิดเร่ืองเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบันที่ปัญหาความขัดแย้ง การตงั้ ชื่อตัวละครกน็ ับวามีความ ต่างๆ ในครอบครัวได้คลี่คลายลงแล้ว ส่วนเน้ือเร่ืองท่ีผู้อ่านรับรู้นั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ในอดีตที่ สาํ คญั เชน กนั กลาวคอื ควรตัง้ ให ผเู้ ขยี นให้ตวั ละครหลกั เปน็ ผู้เลา่ ต่อมารดาในลักษณะจดหมายหรือบนั ทกึ เหมาะสมกับรปู รา ง หนา ตา เพศ กลวธิ กี ารตง้ั ชอ่ื เรอ่ื ง นบั เปน็ สว่ นสา� คญั สา� หรบั การสรา้ งสรรคง์ านเขยี นทกุ ประเภท เพราะ อาชีพ และสถานภาพทางสังคมของ เป็นส่วนแรกท่ีดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน เร่ืองสั้นเร่ืองน้ีมีกลวิธีการตั้งชื่อเร่ืองด้วยประโยคที่ ตัวละครแตล ะตวั เชน ตวั ละครของ เรียบงา่ ย สอดคลอ้ งกับแนวคดิ หลกั ของเร่ือง และส่งผลให้มนี า�้ หนกั น่าเช่ือถอื ไม เมอื งเดิม เชน เร่มิ เชย สารภี ม่งั ลักษณะเฉพาะของเร่ืองสั้นนอกจากจะมีความยาวไม่มากแล้ว เรื่องส้ันยังมีตัวละคร ถม ฯลฯ ยอมเหมาะสมแกตัวละคร เพียงไม่ก่ีตัวเพ่ือด�าเนินเร่ือง ส�าหรับเรื่องส้ันเรื่องนี้ผู้เขียนมีกลวิธีการสร้างตัวละครให้มีความ ซึง่ เปนชาวชนบท ช่ือตัวละครของ สมจริง ท้ังลักษณะนิสัยและพฤติกรรม ซ่ึงตัวละครที่มีลักษณะสมจริงมากท่ีสุดคือ “แม่สามี” กฤษณา อโศกสิน เชน อันวดิ า รณรงค วรรณราย ฯลฯ ยอ มเหมาะสม 106 แกตวั ละครท่ีเปนชาวกรงุ หรอื ชาวเมือง 106 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand ตรวจสอบผล 1. ครตู รวจสอบแนวทางการประเมนิ คณุ คางานเขียนประเภทเรอื่ งสัน้ ระยะแรกของการด�าเนินเรื่องแม่สามีจะต้ังข้อรังเกียจ “ม้ินต์” แม้ว่าเธอจะพยายามท�าความดี ของนักเรียนผา นผลงานการ อยา่ งไร แต่ในท้ายท่สี ดุ เม่อื “แมส่ ามี” ได้รับการช่วยเหลอื ดูแล ปรนนบิ ตั ิจากลกู สะใภ้ อคตินัน้ ประเมินท่นี าํ สง ได้กลับกลายเป็นการยอมรับ ซ่ึงลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของตัวละครตัวนี้มีอยู่จริงในสังคม กล่าวคือ คนทกุ คนสามารถปรบั เปล่ียนพฤติกรรมของตนเองได้ ดงั น้ันแลว้ การสรา้ งตัวละครให้มี 2. ครูตรวจสอบงานเขียนบันเทิงคดี ประเภทเรื่องสนั้ ผลงานการ ลักษณะสมจริง มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจึงเป็นแนวทางหน่ึงส�าหรับ สรา งสรรคของนักเรียน การสรา้ งสรรค์งานเขยี นทมี่ ีคณุ ภาพ นอกจากการศกึ ษาในสว่ นตา่ งๆ ดงั ทกี่ ลา่ วมาแลว้ การศกึ ษาอกี ประการหนงึ่ ในเรอ่ื งสนั้ คอื การสร้างฉาก หรือการจัดวางองค์ประกอบด้านสถานทีใ่ ห้มคี วามสอดคลอ้ ง สมั พันธก์ บั เหตุการณ์ หแสลดักงฐผานลการเรยี นรู ตา่ งๆ ในเรอื่ ง ซง่ึ เรือ่ งสน้ั เร่ืองน้ีมฉี ากท่สี า� คัญ ๒ แหง่ คือ บ้าน เปน็ ฉากส�าคัญของเรอ่ื ง คอื เป็นท่ีรวมของเหตุการณ์ความขัดแยง้ ต่างๆ ท่เี กิดข้ึน การประเมนิ คณุ คางานเขยี น ประเภทเรื่องสั้นท่เี ลอื ก ความยาว โรงพยาบาล เป็นฉากเลก็ ๆ ทป่ี รากฏเพยี งตอนเดียวสั้นๆ ในเร่ือง แตม่ คี วามส�าคัญกับ ตัง้ แตห นึ่งหนา กระดาษรายงาน การดา� เนนิ เรอ่ื ง เพราะเปน็ ฉากท่ีรองรับความสมเหตุสมผลของจุดคลค่ี ลายของเร่อื ง โรงพยาบาล และผลงานการเขียนเร่อื งส้นั เปน็ สถานทบี่ า� บดั ทกุ ข ์ คอื การรกั ษาโรค ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ภายในเรอื่ ง คอื บา� บดั ทกุ ขข์ องตวั ละครเอกหรอื “มน้ิ ต”์ ใหห้ มดไป คอื ไดร้ บั การยอมรบั จากแมส่ าม ี ดงั นนั้ กลวธิ กี ารสรา้ ง ฉากจงึ เปน็ สง่ิ ทผ่ี สู้ รา้ งสรรคง์ านเขยี นตอ้ งใหค้ วามสา� คญั กลา่ วคอื ผเู้ ขยี นจะตอ้ งใชก้ ลวธิ ที างภาษา สรา้ งฉากใหม้ คี วามสมจริง ถา่ ยทอดสภาพสังคมอย่างตรงไปตรงมา และใหม้ ีความสอดคลอ้ งกับ นักเรียนควรรู เหตกุ ารณห์ รือพฤติกรรมของตัวละคร คณุ คา่ ของงานบนั เทงิ คดที ง้ั นวนยิ ายและเรอ่ื งสนั้ นอกจากความงดงามดา้ นการใชถ้ อ้ ยคา� การสรางฉาก เรอ่ื งสัน้ และ ความสมบูรณ์ขององค์ประกอบต่างๆ คุณค่าประการส�าคัญยังอยู่ท่ีการให้สาระ แนวคิด ท่ีเป็น นวนยิ ายประเภทลึกลบั สยองขวัญ ประโยชน์ต่อผู้อ่านเพ่ือน�าไปปรับใช้ในชีวิตประจ�าวันตามพื้นฐานความรู้และประสบการณ์ส่วนตน และเหนือธรรมชาติ จะถือวาฉาก หรอื อาจกลา่ วได้ว่างานบันเทิงคดที ด่ี ีจะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงหรอื สร้างพลงั ให้แก่คนในสังคม เปน สิ่งสําคญั อยางยง่ิ ถา ผปู ระพนั ธ ส่งผลให้สังคมพัฒนาไปในทิศทางท่ีดีงาม เร่ืองสั้น “พิสูจน์รัก...ด้วยความดี” เป็นเร่ืองสั้นอีก สามารถสรา งฉากใหม ีความนา กลัว เรื่องหน่ึงท่ีให้สาระ แนวคดิ ทเ่ี ป็นประโยชนต์ ่อผู้อา่ น สรา้ งกา� ลังใจสา� คญั ใหแ้ ก่คนทีอ่ าจจะท้อถอย และตวั ละครไดร บั อทิ ธพิ ลจากฉากนนั้ ในการทา� ความดี โดยเขียนขึ้นภายใต้องค์ประกอบต่างๆ ของเรอ่ื งส้นั เพอ่ื ถ่ายทอดแนวคิดส�าคัญ อยางเตม็ ที่ กน็ ับวาผูประพนั ธไดร บั ความสําเร็จในการเขยี นเรอ่ื งส้ัน ของเร่อื ง สัจธรรม ความจรงิ แท้ ผู้ประกอบกรรมดียอ่ มไดร้ ับผลดตี อบแทน ดงั พทุ ธศาสนสภุ าษติ ประเภทนี้ ทวี่ า่ ธรรมย่อมรกั ษาผปู้ ระพฤตธิ รรม จากการประเมนิ คณุ คา่ ทไี่ ดน้ า� เสนอแลว้ นน้ั จะเหน็ ไดว้ า่ ผเู้ ขยี นเรยี งรอ้ ยเรอื่ งราวอยา่ งมี เอกภาพ กลา่ วคอื นา� เสนอแกน่ เรอ่ื งผา่ นโครงเรอื่ งทกี่ ระชบั เปน็ เหตเุ ปน็ ผล ตลอดจนกระบวนการ สรา้ งตวั ละครทชี่ ว่ ยเสริมตัวละครหลัก และกอ่ ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งชดั เจน โดยไม่ขดั แย้งกนั ทัง้ นกั เรียนควรรู ฉากยังมีส่วนรองรับให้การด�าเนินเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่น ซ่ึงลักษณะดังกล่าวนอกจากจะช่วย โครงเรือ่ ง ในการพจิ ารณา 107 โครงเร่อื งของเรือ่ งส้ันประเภทตา งๆ นกั เรียนควรพจิ ารณาตามหัวขอ ดงั น้ี 1. เร่ืองสนั้ เรอื่ งน้ันๆ มีโครงเรอื่ ง หรอื ไม 2. เร่อื งส้นั เร่อื งน้นั ๆ มคี วามขดั แยงหรอื ไม และเปนความขัดแยงประเภทใด 3. เรื่องสน้ั เรื่องนนั้ ๆ มกี ลวิธกี ารสรา งความใครรใู หแ กผ อู า นหรือไม อยางไร 4. เรอ่ื งสั้นเรอ่ื งน้ันๆ มีเหตบุ งั เอญิ หรือไม และเหตบุ ังเอญิ น้ันมีความสมเหตุ สมผลหรอื ไม อยางไร 5. เรื่องส้ันเรอ่ื งนัน้ ๆ จบลงแบบท่นี ักเรยี นคาดหวังหรือไม คูม ือครู 107

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) ครคู ดั เลอื กบทกวนี พิ นธท มี่ ชี อ่ื เสยี ง เอื้อประโยชน์ต่อการท�าความเข้าใจงานเขียนเร่ืองนี้แล้ว ยังอาจใช้เป็นแนวทางเพ่ือน�ามาพัฒนา ทเี่ ขียนโดยนักเขียนทไ่ี ดร บั การ งานเขยี นของตนเองได้อีกประการหน่งึ ยอมรับ เชน บทกวีนพิ นธ “ทงุ ขาว” ขององั คาร กัลยาณพงศ หรือ ๑.๓ การประเมนิ คณุ ค่ากวนี ิพนธ์ เรื่องอ่ืนๆ ท่ีสามารถหาได มาอาน ออกเสียงใหน กั เรยี นฟงหรอื ขอ การประเมินคุณค่ากวีนิพนธ์ คือการพินิจพิจารณาว่ากวีนิพนธ์น้ันมีคุณค่ามากน้อย อาสาสมัครจากนักเรียน จากนนั้ ครู เพยี งไร โดยอาศัยหลกั เกณฑ์ ดังนี้ ต้ังคําถามกับนักเรยี นวา ๑) เน้ือหา คือการศึกษาเน้ือความท้ังหมดของกวีนิพนธ์ ว่ามีการแสดงออกซึ่ง แนวความคดิ ใด หรอื เสนอทรรศนะเฉพาะบคุ คล • บทกวีนพิ นธท คี่ รนู ํามามี ๒) รูปแบบคําประพันธ์ คือการพิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาว่ามีความ ลกั ษณะทีโ่ ดดเดน อยางไร สมั พนั ธก์ บั รปู แบบฉนั ทลกั ษณท์ เี่ ลอื กนา� มาใชม้ ากนอ้ ยเพยี งไร รวมถงึ การพจิ ารณาวา่ กวสี ามารถ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบ แตง่ กวนี พิ นธน์ ั้นๆ ไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามระเบียบแบบแผนของค�าประพนั ธห์ รอื ไม่ อยา่ งไร ไดอ ยางหลากหลาย คําตอบ ๓) ความงามดา้ นการประพนั ธ ์ คอื การศึกษากลวธิ ีทีก่ วใี ชใ้ นการประพันธ์ กลา่ ว ของนกั เรียนข้ึนอยูก ับพ้นื ฐาน คือ มีการเลือกใชค้ �า ความ ภาพพจน์ เพอื่ แสดงออกซงึ่ อารมณ์และความงามของบทกวี ความรแู ละความเขา ใจของ ๔) คณุ คา่ ของกวนี พิ นธ ์ คอื การศกึ ษากวนี พิ นธว์ า่ กอ่ ใหเ้ กดิ อารมณส์ ะเทอื นใจ สรา้ ง นกั เรียน) จนิ ตนาการ ใหข้ ้อคิด ทา� ใหต้ ระหนกั และเข้าใจชีวิตอย่างลุ่มลึก หรือเสนอแงค่ ดิ แกผ่ ู้อ่านอย่างไร • บทกวนี พิ นธท่คี รูนํามาแสดงมี ๕๘. ๏ สารสยามภากยพรอ้ ง กลกานท นฤ้ี ๅ เนอ้ื หาเก่ยี วกบั อะไร คอื คู่มาลาสวรรค์ ช่อช้อย (แนวตอบ บทกวนี ิพนธ “ทุงขาว” เบญญาพิศาลแสดง เดอมเกยี รติ ์ พระฤๅ แสดงขอ คิดเก่ยี วกบั มนุษยและ คือคไู่ หมแสรง้ รอ้ ย ก่งึ กลาง ธรรมชาติโดยแสดงใหเ ห็นวา ๕๙. ๏ เปนสร้อยโสภติ พ้น อุปรมา สรรพสงิ่ ทงั้ หลายลว นเปนศตั รู โสรมสรวงศริ ธิรางค์ เวี่ยไว้ ตอกัน เบยี ดเบยี นกนั แตแ ฝง จงคงคกู่ ลั ปา ยืนโยค อยูภายใตความงดงาม แตศัตรู หายแผ่นดนิ ฟาไหม ้ อยา่ หาย ท่ีแทจรงิ และนากลัวมากทส่ี ดุ ของทกุ สรรพสง่ิ คือ มนุษย (ยวนพ่ายโคลงดัน้ ) ในขณะท่พี ชื และสตั วบ ริโภค เพียงอยา งใดอยา งหน่งึ แต มนุษยบริโภคทกุ สรรพส่ิง) ๑.๔ ตัวอย่างการประเมนิ คุณคา่ กวีนพิ นธ์ : ยวนพา่ ยโคลงด้ัน โคลงบทท ่ี ๕๘-๕๙ จากยวนพา่ ยโคลงดนั้ สามารถประเมนิ คณุ คา่ ตามหลกั เกณฑไ์ ด ้ ดงั นี้ NET ขอสอบ ป 52 ยวนพ่ายโคลงด้ัน เป็นวรรณคดีประวัติศาสตร์และวรรณคดียอพระเกียรติ ด้วยเหตุที่ เนื้อเรื่องเปรียบเสมือนบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยา สุโขทัย ขอสอบถามวา ขอใดไมใชค าํ สอน และลา้ นนา กลา่ วถึงพระราชสงครามระหวา่ งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งอยุธยาและพระเจา้ เฉพาะผเู ปนหัวหนาเทา นน้ั 1. ความลบั อยาใหท าส จับที 108 ปกปด มิดของดี อยา แผร 2. ดูขา ดเู มือ่ ใช งานหนกั ดมู ิตรพงศารัก เมื่อไร 3. ซอ นเง่ือนงําน้ําขนุ ขังใน ภายนอกทาํ แจม ใส สดหนา นกั เรยี นควรรู 4. จัดทาํ โทษแกผู ผิดฉกรรจ น้ันนา ใจจงุ เมตตามัน มากไว วรรณคดียอพระเกียรติ เปน (วเิ คราะหคาํ ตอบ พจิ ารณาจากคําตอบในขอ 1., 2. และ 4. เปนคําสอนสําหรบั ผเู ปน หวั หนา วรรณคดีที่บันทกึ เหตุการณข อง โดยสังเกตจากคําวา ทาส ขา และทาํ โทษ ตามลาํ ดับ ดงั นัน้ จึงตอบ ขอ 3.) แผนดนิ ในทํานองสรรเสริญ พระเกียรตยิ ศของพระมหากษตั รยิ  108 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ติโลกราชแห่งล้านนา ในการแยง่ ชิงสทิ ธใิ นการครอบครองเมอื งศรสี ชั นาลยั หรือเชียงชนื่ สาเหตุ สาํ รวจคน หา ที่ถอื ว่าวรรณคดเี รอ่ื งนเี้ ป็นวรรณคดีประวตั ิศาสตร ์ เพราะเน้อื ความส่วนใหญ่มีความสอดคล้องกับ เอกสารทางประวตั ิศาสตร ์ เชน่ พระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสริฐอักษรนติ ์ิ ต�านาน แบง นกั เรียนออกเปน 3 กลมุ ใน พื้นเมืองเชียงใหม่ เป็นต้น นอกจากน้ียังมีเหตุการณ์บางอย่างท่ีปรากฏในยวนพ่ายโคลงด้ัน แต่ จาํ นวนทเี่ ทาๆ กนั หรอื ตามความ ไม่มีการบันทึกไว้ในเอกสารทางประวัติศาสตร์ วรรณคดีเรื่องนี้จึงมีความส�าคัญต่อการสอบทาน เหมาะสม จากน้นั ใหแตล ะกลมุ เหตุการณท์ างประวตั ศิ าสตร์ สง ตัวแทนออกมาจบั สลากประเด็น อีกประการหน่งึ เนอื่ งจากเป็นเอกสารฝ่ายอยธุ ยา เน้อื หาส่วนใหญ่จงึ เปน็ การสรรเสริญ สําหรบั การสบื คน ความรรู ว มกนั ดงั น้ี หรือยอพระเกียรติพระราชสงครามของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ จึงถือว่ายวนพ่ายโคลงดั้น จัดเป็นวรรณคดียอพระเกียรติ ส�าหรับเนื้อความตอนท่ียกมาแสดงน้ี เป็นการปรารภของกวีที่ หมายเลข 1 ความหมายของ ประสงค์จะให้งานกวีนิพนธ์ของตนเป็นท่ีนิยมอย่างแพร่หลาย และคงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป ซ่ึง กวนี ิพนธ สามารถอธบิ ายถอดความแต่ละบาทได้ ดงั น้ี หมายเลข 2 คุณสมบตั ขิ อง กวนี พิ นธ หมายเลข 3 การประเมินคา กวีนพิ นธ ๕๘. บาท ๑ ถ้อยค�าในหนังสืออันเป็นสยามพากย์ภาษาไทยที่กล่าวออกมาอย่างไพเราะ อธบิ ายความรู ค�าแปล ตอ้ งดว้ ยระเบียบแห่งกล และขนบของกวีนพิ นธน์ ีห้ รอื บาท ๒ คอื คู่แห่งมวลดอกไมบ้ นสรวงสวรรคอ์ ันมดี อกและพวงชอ่ ทอ่ี อ่ นชอ้ ยงดงาม นกั เรียนกลุมที่ 1 สงตัวแทนออก บาท ๓ ปัญญาอันกว้างขวาง ไพศาลนี้จะแสดงให้เห็นพระเกียรติคุณของพระองค์ มาอธิบายความรูเ กี่ยวกับความหมาย น้ีหรอื ของกวีนพิ นธ บาท ๔ เปน็ ประหน่ึงคู่เส้นไหมที่ประจงรอ้ ยดอกไมส้ วรรค์นัน้ ไวต้ รงก่งึ กลาง (แนวตอบ กวนี พิ นธ หมายถึง ๕๙. บาท ๑ (กลกวีที่ร้อยกรองขึ้นด้วยปัญญาอันกว้างขวางอันเปรียบได้กับมาลาสวรรค์ ถอยคําที่เรียบเรยี งข้ึนโดยมีรปู แบบ ค�าแปล อันงดงามน้ัน) เป็นสร้อยอันงดงามเกินกว่าจะเอ่ยอ้างเปรียบเทียบหรือ ทีก่ าํ หนดตามฉนั ทลกั ษณ มคี วาม อปุ มาได้ ไพเราะดวยการสรรคาํ การใชเสยี ง บาท ๒ ขอสวรรคจ์ งน�ามาประดับไว้เหนอื ศีรษะของนักปราชญ์ สมั ผสั และจงั หวะลีลา มคี วามหมาย บาท ๓ (ขอให้กวนี พิ นธ์นี้) จงประกอบอยอู่ ย่างยั่งยืนค่กู ันไปตลอดกัลป์ กวา ง ลกึ และเขมขน กระทบอารมณ บาท ๔ แม้ว่าแผ่นดินแผ่นฟ้าจะไหม้หมดส้ินด้วยไฟประลัยกัลป์ก็ตาม ขออย่าให้ ความรสู กึ ของมนุษย บทกวีนพิ นธ กวีนพิ นธน์ อ้ี ยา่ สญู หายไปดว้ ย แตกตางจากบทรอ ยกรองธรรมดา ดานการสรรคํา การเลนคํา กระบวนการจินตภาพ การใช จากการถอดความขา้ งตน้ สามารถสรปุ ใจความโดยรวมไดว้ า่ ถอ้ ยคา� หนงั สอื อนั เรยี บเรยี ง ภาพพจน และกลวิธกี ารประพันธ ซึง่ ข้ึนด้วยภาษาสยาม (ภาษาไทย) อย่างถูกต้องตามขนบและกลวิธีแห่งการประพันธ์น้ีเปรียบได้ เน้อื หาของกวนี ิพนธอ าจมีหลายมิติ เชน เกี่ยวกบั ปญญาความรู ประสาท สมั ผสั อารมณ ความจรงิ และ จินตนาการ) 109 คมู อื ครู 109

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) นักเรียนในกลมุ ที่ 2 สงตวั แทน ออกมาอธบิ ายความรเู กย่ี วกบั ลักษณะเฉพาะของกวีนพิ นธ กับมวลดอกไมส้ วรรค์อนั มีชอ่ ดอกอ่อนชอ้ ย งดงาม (ด้วย) ปัญญาท่ีกวา้ งขวางนใ้ี นการจะแสดงให้ เหน็ ซงึ่ พระเกยี รตยิ ศแหง่ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ เปรยี บไดก้ บั คไู่ หมทป่ี ระจงรอ้ ยดอกไมส้ วรรค์ (แนวตอบ บทกวนี ิพนธควรมี นั้นไว้ตรงกึ่งกลาง ให้เป็นประหนึ่งสร้อยท่ีมีความงดงามเกินท่ีจะพรรณนาได้ (จ่ึง) ขอให้สวรรค์ ลกั ษณะทเ่ี ดน ชัด ดงั น้ี • ถึงพรอมดว ยเสยี งเสนาะ มี (หรือผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์) น�ามาสวมประดับไว้เหนือเศียรเกล้าของบรรดานักปราชญ์ท้ังขอให้กวี ความหมายทล่ี กึ ซ้ึงกินใจ เกดิ นิพนธ์นี้จงอยู่คู่กับแผ่นดินนี้ตราบกัลปาวสาน แม้แผ่นดินแผ่นฟ้าจะไหม้หมดด้วยไฟประลัยกัลป์ จนิ ตภาพขณะอาน ล้างโลกแล้ว ก็ขอจงอย่าให้กวีนิพนธ์น้ีสูญหายไป • เขา ถงึ จติ ใจของผอู า น ทําให เหน็ ไดยิน ไดสมั ผสั และรูสึก สา� หรบั รปู แบบคา� ประพนั ธท์ ใี่ ชใ้ นการประพนั ธย์ วนพา่ ยโคลงดน้ั ประกอบดว้ ยคา� ประพนั ธ์ รวมไปกบั ประสบการณของกวี ๒ ชนิด คอื รา่ ยดั้น อันเปน็ บทประณามพจน์ คอื การไหวค้ รู และยอพระเกยี รติสมเด็จพระบรม- • แสดงอารมณค วามรูสกึ และ ไตรโลกนาถ ในตอนตน้ และส่วนท่ี ๒ ซึ่งเป็นการดา� เนนิ เรอื่ งทัง้ หมด แต่งด้วยโคลงดนั้ บาทกุญชร ความคดิ อนั ลึกซึง้ โดยพยายาม ตคี วามใหผ อู า นเขาใจใน จากลกั ษณะดงั กลา่ ว จงึ ทา� ใหน้ กั วชิ าการหลายทา่ นเรยี กวรรณคดเี รอ่ื งนว้ี า่ “ลลิ ติ ยวนพา่ ย” ความหมายท่แี ฝงเรนในชวี ติ ด้วยเหตทุ ีม่ รี ่ายและโคลงคกู่ นั แตก่ ารศึกษาในชัน้ หลงั พิจารณาเหน็ วา่ การจะเรยี กว่าลิลติ ได้น้นั และธรรมชาติ จะตอ้ งแตง่ ดว้ ยโคลงและรา่ ยสลบั กนั ไป ท�านองเดยี วกบั ลลิ ติ พระลอ จงึ ท�าใหน้ ยิ มเรยี กกนั ภายหลงั • สรางสรรคข้นึ ดวยภาษาพเิ ศษ ว่า โคลงยวนพ่าย หรือยวนพ่ายโคลงด้นั มคี วามงดงาม สงา ภาคภมู ิ ยิ่งกวา ภาษาทม่ี นษุ ยใชสื่อสาร ส�าหรับโคลงด้ันบาทกุญชร ดังค�าประพันธ์ท่ียกมานั้น เป็นรูปแบบค�าประพันธ์ประเภท โคลงซง่ึ นยิ มแพรห่ ลายกนั ในชว่ งอยธุ ยาตอนตน้ ดงั ปรากฏในวรรณคดเี รอื่ งอน่ื ๆ เชน่ โคลงกา� สรวล สมุทร เป็นต้น ซง่ึ สามารถอธิบายฉันทลกั ษณข์ องโคลงดัน้ บาทกุญชรได้ ดงั น้ี กันในชีวติ ประจําวนั ) ๐ ๐ ๐ ๐้่ ๐่้ ๐ ๐ (๐ ๐) ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐่ ๐้ ๐ ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐่ (๐ ๐) NET ขอ สอบ ป 53 ๐ ๐่ ๐ ๐ ้ ๐้ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐่้ ๐่้ ขอสอบถามวา ขอ ใดเปน เจตนา ๐ ๐ (๐ ๐) ของผูแ ตง คาํ ประพนั ธต อไปนี้ ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐่ ๐้ อนั ความคดิ วทิ ยาเหมือนอาวธุ ๐ ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐่ (๐ ๐) ประเสริฐสดุ ซอนใสเสยี ในฝก ๐ ๐่ ๐ ๐้ ๐้ ๐่ ๐ สงวนคมสมนกึ ใครฮกึ ฮัก จึงคอ ยชักเชือดฟน ใหบรรลยั 1. สอนใหร ูจ กั เลือกใชอ าวธุ และ จากแผนผงั ฉันทลักษณ์ดงั กลา่ ว สามารถอธบิ ายได้ว่า โคลงด้นั หน่ึงบท มี ๒๘ ๓๐ หรอื สตปิ ญ ญาใหถูกเวลา ๓๒ ค�า และอธิบายการส่งสัมผสั วา่ คา� ท่ี ๗ ของบาทท่ี ๑ ส่งสมั ผัสมายงั คา� ท่ี ๕ ของบาทที่ ๓ 2. สอนเรื่องการใชสตปิ ญ ญาและ (อนุโลมให้เปน็ คา� ที่ ๓ และค�าที่ ๔ ได)้ และคา� ท่ี ๗ ของบาทท่ี ๒ สง่ สัมผสั มายงั ค�าท่ี ๕ ของ ความรใู หถ กู จังหวะ บาทท่ี ๔ (อนุโลมใหเ้ ปน็ ค�าที่ ๓ และคา� ที่ ๔ ได)้ 3. แนะนําวิธีการใชอ าวธุ ใหเกิด 110 ผลดตี ามความปรารถนา 4. แนะนาํ วิธีการเก็บอาวุธเพอ่ื ให คมกรบิ เหมอื นมีสติปญ ญา อยเู สมอ (วิเคราะหคําตอบ คําตอบในขอ 1., 3. และ 4. ไมใชคําตอบเพราะเน้อื หาของคําประพนั ธมไิ ด มงุ ถงึ การใชอ าวธุ วิธกี ารใชอาวธุ และวธิ ีการ เกบ็ อาวธุ ดงั นั้นจึง ตอบ ขอ 2.) 110 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate นอกจากนี้ยงั มกี ารส่งสมั ผสั ระหว่างบท โดยกา� หนดใหค้ �าที่ ๗ ของบาทที่ ๓ สง่ สัมผัส อธบิ ายความรู ไปยงั คา� ท่ี ๕ ของบาทที่ ๑ และใหค้ า� ท ี่ ๗ ของบาทที่ ๔ ส่งสัมผัสมายังค�าที ่ ๕ ของบาทท ่ี ๒ (อนุโลมใหเ้ ป็นค�าที ่ ๓ และค�าท่ ี ๔ ได้) นักเรยี นในกลมุ ท่ี 3 สงตวั แทน คา� ประพนั ธป์ ระเภทโคลง ยงั เปน็ ค�าประพนั ธท์ มี่ คี วามหมายกวา้ งและแฝงนยั อยา่ งลกึ ซง้ึ ออกมาอธบิ ายความรเู กี่ยวกับ ด้วยเหตุที่เป็นค�าประพันธ์ที่บังคับให้ใช้ค�าน้อย กวีจึงจ�าเป็นต้องสรรหาค�าเพ่ือน�าเสนอเนื้อความ แนวทางการประเมนิ คุณคากวนี ิพนธ ใหค้ รบถว้ นตามเจตนา หลงั การอธบิ ายความรขู องนักเรยี น จากลกั ษณะดังกลา่ ว เมอ่ื พิจารณาจากโคลงตัวอยา่ ง กวเี ลอื กใชค้ �าประพนั ธ์ไดเ้ หมาะสม ครูตัง้ คําถามกับนักเรยี น ดวยวิธีการ กบั เน้อื ความ ดว้ ยการใช้โคลงทแี่ ม้จะมีคา� น้อย แต่กวีสามารถอธบิ ายความไดอ้ ย่างลกึ ซึง้ สมุ เรยี กช่อื เพื่อตอบคาํ ถาม จากการศึกษาเน้ือเรือ่ ง และรปู แบบคา� ประพันธ์ดงั กล่าว จึงน�าไปสูก่ ารศึกษาความงาม ดา้ นการประพนั ธ์ โดยสามารถจัดแบ่งเปน็ ประเด็นได ้ ดงั น้ี • แนวทางการประเมนิ คุณคา กวีนิพนธชวยทําใหการอาน (๑) กลวธิ ี คอื วธิ กี ารทกี่ วใี ชใ้ นการนา� เสนอความคดิ ในบทประพนั ธ ์ ซงึ่ จากโคลงตวั อยา่ ง ของนักเรียนมปี ระสิทธิภาพได บทที่ ๕๘ กว ี ใชก้ ลวธิ ีการเสนอภาพแบบคู่เทยี บ ๒ คู ่ ดงั นี้ อยา งไร • บาทท ี่ ๑-๒ กวีวางบทกวีนิพนธ ์ (สารสยาม) เปน็ ตวั ต้งั แล้วเทยี บว่าบทกวนี ิพนธ์ (แนวตอบ การอา นทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ นเี้ ป็นคู่กบั ดอกไมส้ วรรคอ์ ันออ่ นช้อยงดงาม ในบาทท่ี ๒ คอื การอา นทผี่ ูอา นไดรับ • บาทที ่ ๓-๔ กวีวางสติปัญญาอันกวา้ งขวางเปน็ ตัวตั้ง แล้วเทียบวา่ ปัญญา เปน็ ประโยชนจ ากการอานและ ประหน่งึ ของคกู่ ันกับเส้นไหม หรือประหนง่ึ เป็นเส้นไหมทีร่ ้อยกรองดอกไม้สวรรค์ไว้กึง่ กลาง ประโยชนเ หลา น้นั อาจสง ผล จากโคลงบทนี้ กวีได้สรุปความคิดรวบยอดไว้ประหนึ่งว่าสติปัญญา โดยเทียบความ ถึงผูอนื่ สังคมสว นรวม ไมใ ช ในบาทที่ ๑, ๓ กับความในบาทท ่ี ๒, ๔ ว่าความคิดท่ีเรียบเรียง รอ้ ยกรองถ้อยคา� อย่างไพเราะ เปน การอา นเพือ่ ฆา เวลา ดังนน้ั สวยงามนน้ั เป็นเหมอื นเส้นไหมท่ผี ูกร้อยดอกไม้สวรรคไ์ วอ้ ย่างสวยงาม แนวทางการประเมินคุณคา โคลงตวั อยา่ งบทที่ ๕๙ กวีใชก้ ลวธิ ีการน�าเสนอแบบความเปรียบ โดยอาศัยเคา้ ความ กวนี พิ นธจงึ เปนเสมอื นกรอบท่ี จากโคลงบทที่ ๕๘ วา่ มาลัยดอกไมส้ วรรคท์ รี่ อ้ ยขน้ึ ด้วยเส้นไหมเปน็ ประหน่ึงสร้อยทีส่ วยงามเกนิ กําหนดทิศทางการอา น ไมอาน ท่ีจะอุปมาได้ และขอให้น�าสร้อยดอกไม้น้ีประดับไว้เหนือศีรษะของนักปราชญ์ ซึ่งความตอนน้ี อยา งไรท ศิ ทาง แตเ ปนการอาน เป็นการเปรยี บสร้อยดอกไม้ บทกวนี พิ นธท์ ่ถี ึงพรอ้ มด้วยถ้อยค�าทง่ี ดงาม และถอ้ ยความที่ไพเราะ อยา งมจี ดุ มงุ หมาย อานเพ่อื ลึกซึง้ อนั นักปราชญ์ราชบัณฑิตควรใฝใ่ จศกึ ษา และจดจา� ไวเ้ ปน็ แบบแผน สงั เคราะห อา นเพอื่ มองเหน็ โคลง ๒ บาท สุดทา้ ยของบทที ่ ๕๙ กวยี ังคงนา� เสนอเปน็ คูค่ วามเปรยี บอีกคู่หนึง่ คือ ความงดงามของภาษา เปน ตน) แผน่ ดนิ แผน่ ฟา้ -บทกวนี พิ นธ ์ แตค่ เู่ ปรยี บในสว่ นนเ้ี ปน็ ไปในลกั ษณะตรงกนั ขา้ ม คอื แมว้ า่ แผน่ ดนิ แผน่ ฟา้ จะไหมด้ ว้ ยไฟประลยั กลั ปก์ ต็ าม แตข่ อใหก้ วนี พิ นธบ์ ทนย้ี งั คงอยคู่ แู่ ผน่ ดนิ ตราบกลั ปาวสาน • นกั เรียนคิดวา บทประพนั ธที่นํา มาแสดงเปนตัวอยางมลี กั ษณะ (๒) ภาพพจน์ จากโคลงตวั อยา่ ง นอกจากกวจี ะใชก้ ารเสนอภาพพจนแ์ บบอปุ ลกั ษณ ์ คอื เปน กวนี ิพนธห รือไม อยา งไร กวีนิพนธ์-ดอกไม้สวรรค์ ปัญญา-เส้นไหม ดังอธิบายแล้วข้างต้น เน้ือความส่วนใหญ่ยังเสนอ (แนวตอบ มีลกั ษณะเปนกวีนิพนธ ภาพพจนแ์ บบอตพิ จน ์ คือ การกลา่ วเกินจรงิ เน่อื งดวยมคี วามถึงพรอมดวย เสยี งเสนาะ มีความหมายลึกซึง้ 111 กนิ ใจ เกิดจินตภาพ ทําใหเห็น คุณคาและความสาํ คัญของ บทกวแี ละมีการใชภ าษาท่ี งดงามท่ีไมไ ดใ ชส อ่ื สารใน ชีวิตประจาํ วัน) NET ขอ สอบ ป 51 ขอ สอบถามวา ขอ ใดคือความคดิ รวบยอดของคาํ ประพันธตอไปน้ี ครืนครนื เสียงครวญคราง ไมส ิน้ สรา งทโี่ ศกหา พน้ื แผนพสุธา ทว มนํา้ ตาตลอดไป 1. ความปน ปว นของธรรมชาติ 2. ความรนุ แรงของพายฝุ น 3. ความสญู เสยี อนั ยิง่ ใหญ 4. ความเสียหายรา ยแรง (วเิ คราะหคาํ ตอบ คาํ ประพนั ธด งั กลา วแสดงถงึ ความโศกเศรา อันเน่อื งมาจากความสูญเสียครง้ั ยิง่ ใหญ โดยสงั เกตจาก คําวา “โศกหา” ดงั น้นั จึง ตอบ ขอ 3.) คมู อื ครู 111

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explore Explain Evaluate ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%) นักเรียนคดั เลอื กบทกวีนิพนธที่ (๓) การจดั วางคา� หมายถงึ วธิ ีการจดั วางลา� ดบั ค�า ภายในวรรค และการวางค�ารับสง่ ตนเองสนใจหรอื ประทบั ใจ จากนั้น สมั ผสั ซึ่งสามารถอธิบายได ้ ดงั นี้ นํามาอานเพ่ือเขียนประเมินคณุ คา ๑. การจดั วางลา� ดับคา� หมายถึง การจดั วางค�าในแต่ละวรรคใหม้ เี สยี งสูงต่า� เพ่อื ให้ ของกวนี พิ นธ โดยใชแ นวทางทไ่ี ด เกิดความไพเราะประหนึ่งเสียงดนตร ี เชน่ ศกึ ษา ซง่ึ นกั เรยี นอาจทบทวน ความรหู รอื เทยี บเคยี งไดจ ากตัวอยาง สารสยามภากยพร้อง กลกานท นีฤ้ ๅ การเขียนประเมนิ คณุ คากวนี พิ นธ ยวนพายโคลงดัน้ จากหนังสอื เรยี น โคลงบาทน้ี กวีจัดวางค�าเป็นคพู่ ยัญชนะตน้ ตัวเดียวกัน ๓ ค ู่ คอื ส-ส(ย)/ ภ-พ/ ก-ก หนา 108-113 ความยาวของ เพื่อให้เกิดเปน็ เสียงวรรณยกุ ตเ์ ดยี วกนั สลบั สงู ต่�า ๓ คู ่ คือ จตั วา-จัตวา/ โท-ตรี/ สามญั -สามัญ บทประเมินคุณคา ต้ังแตห นงึ่ หนา แล้วยกระดบั เสยี งเปน็ เสยี งตร ี ในคา� ว่า “นี”้ เพอ่ื ทอดเสียงกลบั สู่เสยี งสามญั ในคา� วา่ ฤๅ ซง่ึ จะ กระดาษรายงาน เหน็ ไดว้ า่ กววี างคา� ทมี่ รี ะดบั เสยี งตา�่ สลบั กบั คา� ทมี่ รี ะดบั เสยี งสงู ในลกั ษณะ ตา�่ -สงู -กลาง- สงู -ตา่� (สารสยาม/ ภากยพรอ้ ง กลกานท/ น/ี้ ฤๅ) NET ขอสอบ ป 52 ๒. การวางคา� รับส่งสมั ผัส คือ การจดั คู่คา� สง่ สมั ผัสซึง่ กันและกนั ในท่ีนี้มที ั้งสัมผสั บังคับ และสมั ผสั ท่ไี มบ่ ังคบั ดังนี้ ขอ สอบถามวา ขอความตอไปน้ี • สัมผัสบงั คับ เช่น ค�าว่า “กานท” ในโคลงบทท ่ี ๕๘ บาทที ่ ๑ คา� สดุ ท้าย ท่สี ง่ ใชภาพพจนก ่แี หง สมั ผสั มายงั คา� วา่ “พิศาล” ในบาทท่ ี ๓ ค�าท่ ี ๔ สัมผสั คู่นจ้ี ะเห็นไดว้ ่า กวีใช้คเู่ สยี งที่มีระดบั เสยี ง ตา่ งกนั คอื กานท-พศิ าล (สามญั -จตั วา) ทงั้ นเ้ี พอ่ื เพม่ิ มติ ขิ องเสยี ง และทา� ใหม้ คี วามไพเราะมากขน้ึ ผลเด่อื เมอื่ สุกไซร มีพรรณ • สมั ผสั ไมบ่ งั คบั ในทนี่ ค้ี อื คา� ทไี่ มบ่ งั คบั สมั ผสั ตามฉนั ทลกั ษณ ์ แตก่ วอี าจใชเ้ ปน็ ภายนอกแดงดฉู นั ชาดบาย สัมผสั ภายในวรรค เพื่อเพมิ่ ความกลมกลนื ของเสียง เช่น ภายในยอมแมลงวนั หนอนบอน ดุจดง่ั คนใจราย นอกนนั้ ดูงาม เบญญาพิศาลแสดง เดอมเกยี รต ์ิ พระฤๅ 1. 1 แหง 2. 2 แหง ตวั อยา่ งขา้ งต้น กวเี ลอื กใชถ้ ้อยคา� ทม่ี ีเสียงพยัญชนะเดียวกนั คือ ด-ด ในค�าวา่ แสดง- 3. 3 แหง 4. 4 แหง เดอม (เดิม) เพื่อเช่ือมความกลมกลืนระหว่างวรรคหน้ากับวรรคหลัง ในลักษณะคล้ายสัมผัส ระหว่างวรรค ซ่ึงลักษณะดังกล่าวมิใช่สัมผัสบังคับตามฉันทลักษณ์ แต่เป็นกลวิธีหน่ึงที่ช่วยเพ่ิม (วิเคราะหคาํ ตอบ โวหารภาพพจน ความกลมกลืนของเสียงได้เปน็ อย่างดี ในโคลงท่ียกมามี 2 แหง ซึง่ เปน จากกระบวนศกึ ษาขา้ งตน้ สามารถพจิ ารณาอธบิ ายคณุ คา่ ไดว้ า่ เปน็ กวนี พิ นธท์ ถี่ งึ พรอ้ ม ภาพพจนป ระเภทอปุ มา ดว้ ยการเลอื กใชถ้ อ้ ยคา� ในการนา� เสนอดว้ ยการจดั วางลา� ดบั เสยี งสงู ตา่� คลา้ ยเสยี งดนตร ี นอกจากนี้ แหง แรก เปรยี บผลมะเดอ่ื สุก เนอื้ ความยงั แสดงความลมุ่ ลกึ ในการสรรคา� และสรรความใหเ้ ขา้ คเู่ ทยี บกนั ไดอ้ ยา่ งกลมกลนื สง่ ผล วา มีสแี ดงเหมอื นปา ยดวยชาด ใหเ้ นอ้ื ความของกวนี พิ นธบ์ ทนไ้ี พเราะ ลกึ ซง้ึ และกวา้ งขวาง ดงั มผี ใู้ หค้ า� จา� กดั ความของคา� ประพนั ธ์ โดยพิจารณาจากคาํ วา “ฉัน” ประเภทโคลงวา่ “ใช้ค�านอ้ ย แต่กนิ ความลกึ ซง้ึ กวา้ งขวางประหนึง่ มหาสมทุ ร” แหงทสี่ อง เปรียบผลมะเด่ือสุก ทมี่ ีแมลงวนั อยูภ ายในวา 112 เหมอื นคนหนาตาดที ีม่ ีจิตใจชวั่ พจิ ารณาจากคาํ วา “ดจุ ” ดังนน้ั จงึ ตอบ ขอ 2.) 112 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Evaluate Engage Explore Expand นอกจากจะปรากฏคุณค่าด้านวรรณศิลป์แล้วความหมายโดยรวมยังแสดงให้เห็นความ ตรวจสอบผล อหังการของกวี ที่ต้ังความปรารถนาจะให้บทกวีนิพนธ์ของตนเป็นประหนึ่งต�าราการประพันธ์ท่ี นกั ปราชญ์ร่นุ หลงั ต้องศึกษา (โสรมสรวงศิรธิรางค์ เวยี่ ไว)้ ทั้งยังตงั้ ความปรารถนาจะฝากผลงาน 1. ครตู รวจสอบแนวทางการประเมิน อนั ทรงคณุ ค่านใ้ี หอ้ ย่คู ู่กับแผ่นดนิ สบื ไป อันเป็นการแสดงความปรารถนาอย่างย่ิงยวดของกวี คุณคา งานเขยี นประเภทกวนี ิพนธ การประเมินคุณค่างานเขียนทั้งที่เป็นงานเขียนทั่วไป หรืองานเขียนกวีนิพนธ์ ถือเป็น ของนกั เรียนผา นผลงานการ การตดั สนิ คุณคา่ ของงานเขียนทีผ่ ้อู า่ นตอ้ งวเิ คราะหแ์ ยกแยะรายละเอยี ดของเร่ืองท่อี ่าน โดยผ่าน ประเมนิ ท่นี าํ สง กระบวนการตีความ ก่อนทจ่ี ะประเมินคณุ คา่ โดยใช้วิจารณญาณตัดสนิ อยา่ งมเี หตุผล การประเมิน จา� เปน็ ตอ้ งอาศยั หลกั เกณฑใ์ นการประเมนิ ทถ่ี กู ตอ้ ง แมน่ ยา� ทง้ั ยงั ตอ้ งอาศยั ความร ู้ ประสบการณ์ 2. นกั เรียนตอบคําถามประจาํ หนวย และความเทยี่ งตรงของผปู้ ระเมิน การเรยี นรู การประเมนิ คณุ คา่ เปน็ ขน้ั ตอนทพ่ี ฒั นาขน้ึ มาจากการรบั สาร เพราะตอ้ งอาศยั การตคี วาม เนอ้ื หาทอี่ า่ น รวมถงึ บรบิ ททางสงั คมและภมู หิ ลงั ของผแู้ ตง่ เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานในการประเมนิ คา่ และ B พืน้ ฐานอาชีพ การเรยี บเรยี งงานเขยี นประเมนิ คณุ คา่ วรรณกรรมเรอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ และยงั ถอื เปน็ การพฒั นาทกั ษะ ดา้ นการเขยี นเพือ่ ถ่ายองคค์ วามร ู้ และแนวคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ B ครผู สู อนสามารถจัดกจิ กรรม การประเมนิ คณุ คา่ งานเขยี นตามแนวทางทถี่ กู ตอ้ งและปราศจากอคตจิ ะทา� ใหน้ กั เรยี น การเรียนการสอนเพ่อื ปพู ้ืนฐานไปสู สามารถมองเห็นแนวทางหรือกลวิธีการเขียน การสร้างสรรค์ของผู้ประพันธ์แต่ละท่านซ่ึงม ี อาชพี นกั วิจารณวรรณกรรมใหแก รปู แบบเฉพาะทแี่ ตกต่างกนั โดยทน่ี ักเรยี นสามารถนา� แนวทางทีด่ เี หลา่ นนั้ มาปรับใช้เพือ่ พฒั นา นักเรยี นได โดยใหน กั เรยี นไดอ าน งานเขียนของตนเองได้ เช่น ถ้านักเรียนเขียนเรื่องส้ันก็จะต้องมีความรู้เก่ียวกับองค์ประกอบ งานบันเทิงคดหี ลากหลายประเภท ทง้ั หมด รู้จักน�ารปู แบบเฉพาะท่ไี ดร้ ับจากการศกึ ษางานของผอู้ ่ืนมาใช้และพฒั นาไปสู่ความเป็น วิเคราะห วจิ ารณ และประเมินคณุ คา เอกลักษณใ์ นงานเขยี นของตนเอง อยางสมาํ่ เสมอ จะทาํ ใหนกั เรียน สามารถประเมินคุณคาของงานเขียน ไดอยา งมีประสทิ ธภิ าพ และสง ผลถงึ การนําไปพัฒนางานเขยี นของตนเอง แหสลดักงฐผานลการเรียนรู การประเมนิ คณุ คางานเขียน ประเภทกวีนพิ นธท่เี ลือกความยาว ตั้งแตห นึ่งหนา กระดาษรายงาน 113 คูม ือครู 113

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เกรด็ แนะครู (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%) (แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ย คำาถามประจำาหนว่ ยการเรยี นรู้ การเรยี นรู 1. การประเมนิ คุณคาเรือ่ งส้นั ๑. นกั เรียนมีแนวทางในการประเมนิ คณุ คา่ เรื่องสั้นอยา่ งไร อธิบายพอสังเขป ๒. หลักในการประเมินคณุ ค่างานเขยี นทส่ี �าคัญมีอะไรบา้ ง จงอธบิ าย ตองพิจารณาจากเรื่องยอ ๓. ในการประเมินคา่ งานเขียน นกั เรียนสามารถพจิ ารณาส�านวนโวหารในงานเขยี น แกนเร่ือง การเปดเร่ือง ปม ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง ปญหา จดุ วิกฤต จดุ คล่ีคลาย การปด เรอื่ ง การดาํ เนนิ เรื่อง กจิ กรรมสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้ กลวธิ กี ารเลาเร่อื ง กลวิธกี าร ตั้งช่อื เร่ือง การสรา งตัวละคร ๑. นักเรียนแบ่งกล่มุ ออกเปน็ ๕ กลุ่ม รว่ มกันประเมนิ คุณค่างานเขยี นเรื่องใด การสรางฉาก บทสนทนา เร่อื งหนึง่ ที่นักเรียนสนใจจากบทเรียนในระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ มากลุ่มละ คณุ คา ดา นตางๆ ๑ เรอื่ ง 2. การประเมินคณุ คา งานเขยี น ทส่ี าํ คญั คอื การพจิ ารณา ๒. นกั เรยี นเลือกอา่ นวรรณกรรมท่ีเป็นรอ้ ยแกว้ หรือร้อยกรองมา ๑ เรื่อง แล้วสรุป แนวคิดสําคัญของเร่อื งวาให สาระสา� คญั และประเมินคณุ คา่ งานเขยี น โดยพิจารณาตามหลักการประเมินคณุ คา่ ประโยชนตอผูอา นอยา งไรและ งานเขยี น พิจารณาสํานวนโวหารถอยคํา ท่ใี ชม ีลลี าชัน้ เชงิ และมศี ิลปะ ทางภาษาหรือไม อยา งไร 3. สํานวนโวหารท่ใี ชในงานเขยี น ที่สามารถนํามาพิจารณาคือ ความไพเราะของคําท่ีเลือกใช ถอยคาํ ส่ือความหมายและสรา ง จินตภาพใหเกิดแกผอู า น) 114 114 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Explore Expand Evaluate óตอนท่ี กระตนุ ความสนใจ การฟัง การด ู การพูด 1. ครูยกตวั อยา งสํานวน สุภาษติ หรอื คําพังเพยท่ีมคี วามหมายหรอื มคี วามเกีย่ วของกับทักษะการฟง การดู และการพูด โดยใหนักเรียน เปน ผบู อกความหมายของสาํ นวน ทคี่ รูยกตวั อยา งเพือ่ นาํ เขา สูห นว ย การเรยี นรู 2. ครชู วนนักเรียนสนทนาเกยี่ วกบั ชองทางการรับสารและสงสาร ในชีวิตประจําวันของมนษุ ย จากน้นั ตง้ั คาํ ถามกบั นักเรียนวา • นักเรยี นคิดวา ทักษะการฟง การดูและการพูด เปนทักษะท่มี ี ความสัมพนั ธกนั อยา งไร (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ ไดอ ยางหลากหลาย คําตอบ ข้ึนอยกู ับดุลยพนิ ิจของครผู ูส อน ซึ่งควรสนบั สนุนใหนักเรยี นได แสดงความคิดเห็นอยางอิสระ) การฟง การดูและการพูด เปนทักษะท่ีสําคัญในชีวิตประจําวัน การที่ มนุษยฟงมากอานมากจะทําใหเปนผูรอบรู ทันสมัย ทันเหตุการณ โดยเฉพาะ ปจจุบันขาวสารเทคโนโลยีมีความหลากหลายและรวดเร็ว สามารถติดตอถึงกัน ไดท่ัวโลกภายในเวลาไมก่ีนาที การสื่อสารดวยการฟงและการดูจึงย่ิงทวีความ จําเปนมากข้ึน ซ่ึงเราควรฝกฝนการใชทักษะดังกลาวอยางสม่ําเสมอและควรใช วจิ ารณญาณเลอื กฟง ดแู ละพดู ในสง่ิ ทใ่ี หส าระประโยชน ใหแ งค ดิ สอนใจ เพอ่ื พฒั นา ตนเองทง้ั ในดา นทักษะการใชภ าษา สตปิ ญ ญา และยกระดับจิตใจ ซงึ่ จะทําใหเ รา เปน คนทม่ี คี ณุ ภาพและสามารถสรางสรรคพ ัฒนาสงั คมใหม ีคุณภาพตอไป คูม ือครู 115

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู (ยอ จากฉบบั นักเรียน 20%) • สามารถสรปุ แนวคิดและแสดง ตอนท่ี ๓ ความคดิ เหน็ จากเรื่องทเ่ี ลือกฟง และดไู ด • สามารถวเิ คราะหแนวคดิ การใช ภาษา ความนา เชือ่ ถือของเรอื่ ง ท่เี ลือกฟง และดไู ด กระตุน ความสนใจ ñหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ การฟังและการด ู 1. ครชู วนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกบั เป็นทักษะท่ีมีความส�าคญั ต่อ ภาพประกอบหนา หนว ย จากนั้น ชีวติ ประจา� วนั ของมนษุ ย์การฟังและดสู อ่ื ตง้ั คําถามกบั นักเรียนวา จา� เปน็ ตอ้ งใช้สติปัญญาในการคิดวิเคราะห์วา่ • นกั เรยี นคดิ วา ทักษะการรับสาร สงิ่ ที่ฟังและดูนนั้ น่าเช่อื ถอื มากนอ้ ยเพียงใด ประเภทใดทนี่ กั เรียนใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั มากทส่ี ุด เพอ่ื ช่วยพัฒนาทักษะการฟังและดูใหม้ ี (แนวตอบ ทักษะการฟง เปน ประสิทธภิ าพ ทักษะทีจ่ าํ เปนตองใชใ นการ รับสารมากทส่ี ดุ ) การฟงั และดอู ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 2. นักเรียนรวมกนั แลกเปล่ียนและ เลา ประสบการณส วนตนเกีย่ วกับ • สรุปแนวคิดและแสดงความคดิ เหน็ จากเรื่อง • การพดู สรปุ แนวคดิ และการแสดงความคิดเหน็ จาก ทกั ษะการฟง ของนกั เรยี น โดยครู ท่ีฟังและดู (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑) เรื่องท่ฟี งั และดู ตง้ั คําถามกบั นกั เรียนวา • นักเรียนมวี ธิ ีการอยา งไร • วเิ คราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความน่าเชอื่ ถือ • การวเิ คราะห์แนวคดิ การใชภ้ าษาและความน่าเชือ่ ถอื สําหรับเลอื กฟง และดูสอื่ ใน จากเร่อื งท่ีฟังและดูอย่างมีเหตผุ ล (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๒) จากเร่ืองท่ีฟงั และดู ชวี ติ ประจําวนั ของตนเอง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ • ประเมนิ เรื่องท่ีฟงั และดแู ลว้ กา� หนดแนวทางนา� ไป • การเลอื กเรื่องท่ฟี งั และดูอยา่ งมวี จิ ารณญาณ ไดอ ยา งหลากหลาย คาํ ตอบ ประยุกต์ใชใ้ นการดา� เนนิ ชวี ิต (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๓) • การประเมินเรอ่ื งที่ฟงั และดูเพอ่ื กา� หนดแนวทางนา� ไป ขึ้นอยูก บั ดลุ ยพนิ จิ ของครูผูส อน ซึง่ ควรสนบั สนนุ ใหน กั เรียนได ประยกุ ต์ใช้ แสดงความคิดเหน็ อยา งอสิ ระ) เกร็ดแนะครู ครูควรสนบั สนนุ ใหนักเรยี น ไดฟ งและดูเร่อื งตางๆ จากส่อื ที่ หลากหลาย ดว ยการจัดกิจกรรมให นักเรียนปฏบิ ตั ิในลักษณะของใบงาน หรือแบบบนั ทึกการฟง โดยครเู ปน ผูจ ัดทาํ แลว แจกใหแ กนกั เรียน เพ่อื ฝกทักษะการฟงอยา งมวี ิจารณญาณ ใหเกดิ ความชาํ นาญ 116 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๑ การฟังและดอู ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ กระตนุ ความสนใจ ปจั จบุ นั มขี า่ วสารจากสอ่ื ประเภทตา่ งๆ ทา� ใหม้ นษุ ยจ์ า� เปน็ ตอ้ งรจู้ กั เลอื กฟงั เพราะไมส่ ามารถ ครูตั้งคําถามกับนกั เรียนเพอ่ื ให ฟังได้ทั้งหมด พิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผลในการฟังว่าควรเช่ือถือหรือไม่เพียงใด เช่น การฟัง นักเรียนรวมกนั แสดงความคดิ เหน็ และดูข่าว โฆษณา บทเพลงและละครต่างๆ การใช้ความคิดพิจารณาในการฟังก่อนแล้วจึงเชื่อ เป็นการฝึกการคิดทา� ใหเ้ กดิ ปญั ญาแตกฉาน แล้วน�าสง่ิ ท่มี ีคณุ ค่าตอ่ ตนเองมาพัฒนาคุณภาพชีวติ • นกั เรียนตดิ ตามขอ มลู ขาวสาร ให้มคี วามสขุ กาย สบายใจ ท้ังตนเอง ครอบครัวและสงั คม หรอื เนือ้ หาสาระตางๆ จากสอ่ื ๑.๑ ความหมาย ประเภทใดบา ง การฟงและด ู คอื กระบวนการรบั สารผา่ นคลืน่ เสยี งและสญั ลักษณท์ ่มี า จากนั้นผู้รบั สาร (แนวตอบ ในปจจุบันมีส่อื หลากหลายประเภททที่ าํ ให มนษุ ยสามารถรบั ขอ มูลขา วสาร ตางๆ ได เชน วิทยุ โทรทศั น อินเทอรเ นต็ เปนตน ) จงึ แปลคลน่ื เสยี งทไี่ ดย้ นิ หรอื ภาพทเ่ี หน็ เปน็ ความหมายตา่ งๆ ผรู้ บั สารจะสามารถแปลความหมาย สาํ รวจคนหา ตรงตามที่ผู้ส่งสารส่งมาได้ครบถ้วน ข้ึนอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ เปน็ ตน้ แบงนกั เรยี นออกเปน 3 กลมุ ๑.๒ แนวทางฝกทกั ษะการฟงั และดูอย่างมีประสทิ ธิภาพ ในจํานวนเทาๆ กนั หรอื ตามความ การปฏบิ ตั ติ นใหส้ ามารถเปน็ ผู้ฟงั และดูได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ควรหมน่ั ฝกึ ฝนอย่เู สมอ เหมาะสม จากนั้นใหสงตัวแทนออก ทงั้ ควรร้จู ักตงั้ ค�าถาม สรุปประเดน็ เน้อื หาท่ไี ด้รบั ดังแนวทางต่อไปน้ี มาจบั สลากประเดน็ สําหรับการ ๑) กอ่ นฟงั และด ู ควรปฏิบัติ ดังน้ี คน ควา ความรรู ว มกนั ดังตอ ไปนี้ ๑.๑) ฝกทกั ษะการได้ยนิ หรอื ทกั ษะการดู คอื ผูร้ ับสารตอ้ งฝกึ ฝนประสาทสมั ผัสที่ เกยี่ วขอ้ งใหส้ ามารถรบั เสยี งและภาพไดร้ วดเรว็ ถกู ตอ้ ง แยกเสยี งรบกวน ตลอดจนสามารถสงั เกต หมายเลข 1 การปฏิบตั ติ น รายละเอียดต่างๆ ของส่งิ ทไี่ ด้ฟังและดู กอนฟง และดู ๑.๒) ฝก สมาธ ิ ผรู้ บั สารตอ้ งฝกึ ฝนสมาธิ ไมว่ อกแวก ตลอดจนบงั คบั จติ ใจใหอ้ ดทน ต่อความไม่สะดวกต่างๆ ที่อาจเกดิ ข้นึ ในขณะท่ฟี ังและดู หมายเลข 2 การปฏิบัตติ น ๑.๓) เปดใจใหก้ ว้าง ผ้รู บั สารตอ้ งยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื ตลอดจนเปดิ ใจ ขณะฟง และดู ยอมรบั การเปลย่ี นแปลงทอี่ าจเกิดขึ้น เชน่ ในการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการอาจพบหลักฐานหรอื ขอ้ มูลใหม่ ทเ่ี ป็นเหตเุ ปน็ ผลและสามารถหักล้างทฤษฎแี นวคิดเดิมได้ เป็นตน้ หมายเลข 3 การปฏิบัติตน ๑.๔) ศึกษาหาความรู้ล่วงหน้า ผู้รับสารควรศึกษาข้อมูลล่วงหน้าเพื่อช่วยให้ท�า หลังฟง และดู ความเขา้ ใจเรือ่ งทฟี่ ังและดูไดร้ วดเร็วยง่ิ ขึ้น โดยนกั เรียนอาจคนควา ความรูได จากส่ือทีห่ ลากหลายตามความสนใจ เชน อินเทอรเน็ต ตําราวิชาการ หรือ จากหนังสอื เรยี น หนา 117-118 ๑.๕) กา� หนดจดุ มงุ่ หมายในการฟง วา่ ตอ้ งการขอ้ มลู ความรู้ ขอ้ คดิ เหน็ ความบนั เทงิ หรือความจรรโลงใจ เพอื่ ให้สามารถก�าหนดทิศทางในการดูและฟังไดใ้ นแตล่ ะคร้งั ๒) ขณะฟงั และด ู ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๒.๑) ทา� ความเขา้ ใจ เปน็ ขนั้ ตอนเบอ้ื งตน้ ซงึ่ ผรู้ บั สารอาจใชว้ ธิ ตี ง้ั คา� ถาม แลว้ ตอบ ให้ได้ว่าเนอ้ื หาของสารท่ีไดร้ บั คอื อะไร ปรากฏแนวคดิ ใด เปน็ ตน้ 117 คูม ือครู 117

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรยี น 20%) 1. นกั เรียนในแตละกลุมสง ตวั แทน ออกมาหนา ช้นั เรยี นเพอ่ื อธบิ าย ความรูในประเดน็ ทก่ี ลุม ของ ๒.๒) จับใจความ เมื่อผ่านกระบวนการท�าความเข้าใจ ผู้รับสารควรสรุปใจความ ตนเองไดร บั มอบหมาย เพือ่ นๆ สา� คญั ทไี่ ดร้ บั จากการฟงั และดู โดยอาจสรปุ เปน็ ประเดน็ หรอื เรยี บเรยี งขน้ึ ใหมต่ ามความเขา้ ใจของตน ในกลมุ อื่นๆ บนั ทกึ ความรูท ไี่ ดร ับ ๒.๓) วิเคราะห์จุดมุ่งหมาย หมายถึง การประเมินสาระส�าคัญของสารที่ส่งมาว่ามี จากการฟง จุดประสงค์ใด เช่น มุ่งให้ความรู้ ความบันเทงิ เป็นต้น 2. นกั เรียนยนื ในลกั ษณะวงกลมเพอ่ื ๒.๔) ตีความ หมายถึง การอาศัยทักษะต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ของผู้รับสาร รว มกันอธิบายความรูแบบโตต อบ รวมถงึ บริบทตา่ งๆ ตคี วามนัยทแี่ ฝงมาในสาร รอบวง โดยครูเปน ผูต ้งั คําถาม ๒.๕) ประเมนิ คา่ หมายถงึ กระบวนการทผี่ รู้ บั สารตอ้ งใชว้ จิ ารณญาณประเมนิ วา่ สาร สมุ เรียกชือ่ นกั เรียนเพอ่ื ตอบ ท่ไี ดร้ บั จากการฟังและดู “ดี” หรอื “ไม่ดี” อย่างไร มคี วามสมเหตสุ มผลนา่ เชื่อถือมากน้อยเพยี งไร • การฟงและดสู ือ่ ประเภทตา งๆ ๒.๖) จดบันทึก ในขณะรับสารผู้รับสารอาจใช้วิธีการจดบันทึกรายละเอียดส�าคัญๆ เพอ่ื ทา� ความเข้าใจภายหลงั ใหเกิดประสิทธิภาพสูงสดุ ควร ๓) หลงั ฟงั และด ู ควรปฏิบัติ ดงั นี้ มีหลักการอยางไร ๓.๑) ต้ังค�าถาม อาจปฏิบัติได้ ๒ กรณี คือ หาโอกาสซักถามผู้พูดเม่ือมีโอกาส (แนวตอบ ฟง และดอู ยา งต้ังใจ อนั สมควร หรอื ตงั้ ค�าถามกับตวั เองเพื่อทบทวนความรู้ มสี มาธกิ บั เรื่องท่ฟี ง ๓.๒) ทบทวนบนั ทกึ ผรู้ บั สารควรบนั ทกึ สาระสา� คญั ทไ่ี ดร้ บั ทนั ทภี ายหลงั จากรบั สาร และประเมินค่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นควรทบทวนดูบันทึกเพ่ือเพ่ิมเติมรายละเอียดหรือตัดทอน ฟงแลว จบั ใจความสําคัญของ รายละเอียดที่ไม่ส�าคัญ เรอ่ื งที่ฟง ได ๓.๓) แลกเปล่ียนความคิดเห็นกับผู้อ่ืน ผู้รับสารควรแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้อื่น เพ่ือตรวจสอบว่าส่ิงท่ีตนรับรูม้ าถูกต้องหรือไม่ อยา่ งไร ฟง ส่ิงที่กอ ใหเ กดิ ประโยชน ๓.๔) นา� ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน ์ ผรู้ บั สารควรนา� ขอ้ คดิ สาระความรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการฟงั ฟง อยางมีวจิ ารณญาณ ฝกฝนทกั ษะการฟง อยา ง สม่ําเสมอ ดวยการฟง สอื่ ประเภทท่ีหลากหลาย) และดู ทป่ี ระเมนิ คา่ ความนา่ เชอ่ื ถอื แลว้ ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนท์ งั้ ตอ่ ตนเองและสงั คมอยา่ งเหมาะสม จากกระบวนการดงั กลา่ ว ยอ่ มน�าไปสคู่ วามมที กั ษะในการรบั สารส�าคญั จากการฟงั และดู หากมกี ารฝกึ ฝนอยา่ งสมา่� เสมอยอ่ มทา� ใหเ้ ปน็ ผมู้ คี วามสามารถในการฟงั และดไู ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ NET ขอ สอบ ป 52 ๒ แนวทางการประเมินคา่ เรอื่ งท่ฟี งั และดู ขอ สอบถามวา วินัยฟง รายการ วทิ ยุ มีขอความตอนหนง่ึ วา “ตลอด ปจั จุบันมกี ารน�าเสนอข่าวสารผา่ นส่ือประเภทต่างๆ เชน่ วทิ ยุ โทรทศั น์ หนงั สือ ตา� รา ชีวิตท่ผี า นมาเราจะรูสึกวา เรายังมี หรอื สอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เปน็ ตน้ จงึ มคี วามจา� เปน็ ทผ่ี รู้ บั สารจะตอ้ งพจิ ารณาความนา่ เชอื่ ถอื ของสาร ไมพ อ ตอ งมีนนั่ มนี ่เี สียกอน แลวเรา การน�าไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม โดยจะน�าเสนอเฉพาะส่ือที่ใช้ทักษะด้านการฟัง จะอม่ิ จะเต็ม สง่ิ หน่ึงท่ีเราไมเคยได และดู ดังน้ี รับการสอนกค็ อื ไมวา เราจะพัฒนา ความสามารถในการหาเงินทอง หาของ หาความรกั ใหไดม าก สักเทา ใดก็ตาม น้ําในแกว ไมมี วันเตม็ เพราะความอยากในใจเรา 118 ไมเ คยหยดุ ” หลังจากฟง แลว เขา บอกกบั ตนเองวา ผพู ูดตองการให คนเราลดความตอ งการของตัวเองลงเพ่อื ความสขุ ในชีวติ จากสถานการณใ นขอ ความขางตนแสดงวาวินยั มสี ัมฤทธผิ ลในการฟง ระดับใด 1. เขา ใจจุดประสงคข องผูพูด 2. รบั รูข อ ความไดครบถว น 3. บอกไดวา ส่งิ ท่ฟี ง นา เช่อื ถอื 4. ประเมนิ ไดว าสิ่งทีฟ่ งมปี ระโยชน (วเิ คราะหค าํ ตอบ สัมฤทธผิ ลในการฟง หรอื ความสาํ เรจ็ ในการฟง มีหลายขน้ั ตอน คาํ ตอบในขอ 2., 3. และ 4. แสดงสมั ฤทธผิ ลของการฟง ใน ข้นั ที่ตอ งใชว จิ ารณญาณเพ่ือประเมินคุณคาความนาเชื่อถอื ตลอดจนประโยชนท ไี่ ดร บั ดงั นัน้ จงึ ตอบ ขอ 1.) 118 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๒.๑ รปู แบบ สํารวจคน หา ๑) ลกั ษณะรปู แบบ จะน�าเสนอรูปแบบส่ือเพียง ๔ ประเภท ดังนี้ แบงนกั เรยี นเปน 4 กลมุ ในจาํ นวน ๑.๑) ข่าว พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน ๒๕๔๒ ใหค้ วามหมายค�าว่า “ข่าว” เทาๆ กัน หรือตามความเหมาะสม ว่า ค�าบอกเลา่ เร่อื งราวซึง่ โดยปกตมิ ักเป็นเรอ่ื งเกิดใหมห่ รอื เป็นทสี่ นใจ ค�าบอกกลา่ ว ค�าเล่าลอื จากนั้นใหส ง ตัวแทนออกมาจบั สลาก ประเดน็ สําหรับการสืบคนความรู รปู แบบของขา่ วจะประกอบดว้ ยขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ คอื ภายในเนอ้ื ของขา่ วจะ รว มกัน ดังตอ ไปน้ี นา� เสนอเหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ณ ชว่ งเวลาใดเวลาหนง่ึ แตใ่ นขณะเดยี วกนั จะสอดแทรกขอ้ คดิ เหน็ หรือถ้อยค�าที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียนลงไปในเนื้อหาของข่าว เช่น “ไทยผวา พิษ หมายเลข 1 รปู แบบของขา ว เศรษฐกจิ ซา�้ เตมิ นกั ลงทนุ ” วธิ กี ารนา� เสนอขา่ วจะมงุ่ ใหผ้ อู้ า่ นรบั รเู้ หตกุ ารณว์ า่ ใคร ทา� อะไร ทไ่ี หน หมายเลข 2 รปู แบบของโฆษณา เมื่อไร ทา� ไม อย่างไร โดยสามารถแบ่งประเภทของขา่ วได้ ดังน้ี หมายเลข 3 รูปแบบของเพลง (๑) ขา่ วการเมอื ง นา� เสนอความเคลอื่ นไหวของพรรคการเมอื ง นกั การเมอื ง หมายเลข 4 รปู แบบของละคร กระบวนการต่างๆ ตลอดจนกลไกและนโยบายทางการเมอื ง โดยนักเรียนอาจคน หาความรไู ด (๒) ขา่ วสงั คม น�าเสนอข่าวของบุคคลซ่งึ เป็นท่จี ับตามองของสังคม ณ ชว่ ง จากหนงั สอื เรยี น หนา 119-121 เวลาใดเวลาหน่งึ เชน่ กลมุ่ ไฮโซ นักธรุ กิจ หรอื จากแหลง การเรยี นรปู ระเภทอน่ื ๆ (๓) ขา่ วเศรษฐกจิ นา� เสนอความเคลอ่ื นไหวทางเศรษฐกจิ การเงนิ ราคาสนิ คา้ ทน่ี กั เรยี นสนใจหรอื สามารถเขา ถงึ ได ดชั นที ีใ่ ช้วดั ค่าทางเศรษฐกิจต่างๆ (๔) ขา่ วอาชญากรรม นา� เสนอคดอี าชญากรรมตา่ งๆ การเขา้ จบั กมุ ปราบปราม อธบิ ายความรู คนรา้ ย (๕) ข่าวบันเทงิ นา� เสนอความเคลื่อนไหวในวงการบันเทิงของดารา นักร้อง นกั เรยี นกลุมทีจ่ ับสลากได ศิลปิน ผทู้ ่ีเปน็ ทีช่ นื่ ชอบ หมายเลข 1 และ 2 สง ตัวแทน (๖) ข่าวกีฬา น�าเสนอเร่ืองกีฬาต่างๆ เช่น การแข่งขัน ผลการแข่งขัน ออกมาอธบิ ายความรหู นา ชัน้ เรียน การจดั การบรหิ ารสมาคมกฬี าตา่ งๆ เปน็ ต้น เพือ่ นๆ ในแตล ะกลุมบนั ทกึ ความรทู ่ี ๑.๒) โฆษณา เปน็ การนา� เสนอแนวความคดิ สนิ คา้ และบรกิ ารนนั้ ๆ สกู่ ลมุ่ เปา้ หมาย ไดร บั จากการฟง ตามจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน การโฆษณาสินค้าแต่ละประเภทย่อมมีจุดมุ่งหมายท่ีแตกต่างกัน แม้แต่สนิ ค้าประเภทเดยี วกนั การโฆษณาตา่ งเวลาก็ย่อมมจี ดุ มงุ่ หมายทีไ่ มเ่ หมอื นกนั NET ขอ สอบ ป 49 จดุ มงุ่ หมายหลกั ของการโฆษณา คอื การขายสนิ คา้ แตจ่ ดุ มงุ่ หมายทต่ี อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ ขอสอบถามวา พาดหัวขา วขอ ใด ฉับพลัน คอื การตดิ ต่อสือ่ สาร (Immediate purpose is to communicate) หนา้ ท่ีสา� คญั ของการ แสดงเฉพาะขอเท็จจรงิ โฆษณามีหลายประการ เชน่ กระตนุ้ ให้รบั รู้ สร้างภาพลักษณ์ทดี่ ี จูงใจกล่มุ เป้าหมาย เพ่มิ มลู คา่ สินคา้ เป็นตน้ 1. ไฟไหมในกรุงสยองคลอก 4 ศพ 2. ไทยหงอญปี่ ุน ในการเจรจา สว่ นประกอบทกุ สว่ นทปี่ ระกอบขน้ึ เปน็ ชนิ้ งานโฆษณา ถา้ เปน็ การโฆษณาทางสอ่ื สง่ิ พมิ พ์ รปู แบบของโฆษณาจะเป็นข้อความ สัญลกั ษณ์ รูปภาพ เสน้ กรอบ และเสน้ ประดบั ทงั้ หมด แตถ่ า้ การคา 3. งมงายเลขเด็ด ยกยอ งสาว 21 119 เปนผวู ิเศษ 4. จอหัวยิงคนไฟฟาดับคาวดั ไมพ อใจมิเตอรสูง (วเิ คราะหค ําตอบ คําวา สยอง หงอ งมงาย แสดงอารมณความ รสู กึ ความคดิ เห็นและทรรศนะ ตามลําดบั ดงั นนั้ จึง ตอบ ขอ 4.) คมู ือครู 119

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) 1. นกั เรียนกลุมทีจ่ บั สลากได เปน็ โฆษณาทางสอ่ื วทิ ยุ โทรทัศน์ จะเปน็ บทบรรยาย บทสนทนา ภาพ แสง สี เสียง ดนตรี การ หมายเลข 3 และ 4 สง ตัวแทน ใชเ้ ทคนิคต่างๆ ประกอบการโฆษณา ออกมาอธบิ ายความรหู นาช้ันเรียน ๑.๓) เพลง คือ การบรรเลงและการขับร้อง แต่เดิมอาจจ�าแนกออกเป็นเพลงใน ในประเดน็ ทกี่ ลุมไดร บั มอบหมาย ราชส�านักและเพลงพนื้ บา้ น ดงั น้ี เพอ่ื นๆ ในแตล ะกลุมบนั ทึก (๑) เพลงในราชสา� นกั คอื เพลงทใี่ ชบ้ รรเลงประกอบในพระราชพธิ ี บรรเลง ความรูทไี่ ดร ับจากการฟง ขับกล่อม เลา่ นทิ าน เช่น บทมโหรี กลอ่ มพระบรรทม ดษุ ฎีสังเวยกล่อมชา้ ง เป็นตน้ ซึ่งภายหลัง นยิ มเรียกรวมๆ ว่าเพลงไทยเดิม 2. จากขอมลู ความรทู ่ีนักเรียนไดรับ (๒) เพลงพ้ืนบ้าน เป็นการเล่นเพลงตามภูมิภาคต่างๆ มีท้ังเพลงที่เน้น จากการฟง บรรยายใหนกั เรยี น การขับล�า หรือเนื้อร้องเป็นส�าคัญ โดยมีเคร่ืองก�ากับจังหวะประกอบ เช่น เพลงปรบไก่ ล�าตัด รวมกันอภิปรายเพอ่ื ใหไดแ นวทาง อีแซว เป็นตน้ และอีกประเภทหน่ึงท่อี าศัยการบรรเลงดนตรเี ป็นท�านองประกอบการขับรอ้ ง เช่น สาํ หรับการประเมนิ คารูปแบบของ ขบั ซอ เปน็ ตน้ ภายหลังเพลงได้มกี ารพัฒนาข้ึนเปน็ เพลงลูกทุ่ง ลกู กรงุ สตริง แจส เปน็ ตน้ ขา ว โฆษณา เพลงและละคร (แนวตอบ การพิจารณาประเมนิ คา รปู แบบของเพลงจะประกอบดว้ ยเนอ้ื รอ้ งและทา� นอง โดยทที่ งั้ สองสว่ นนจี้ ะทา� หนา้ ที่ รูปแบบของขาวที่ฟง และดู ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกหรอื แนวคดิ สา� คญั ของเพลงมายงั ผูฟ้ งั ควรพิจารณาวา เนอื้ หาสาระของ ๑.๔) ละคร เดิมหมายถึงมหรสพประเภทหน่ึง ใช้วิธีการร�าแสดงเป็นเรื่องราว ขา วแสดงขอเทจ็ จริงใด มีความ ดา� เนนิ เรอื่ งไปโดยลา� ดบั โดยมวี งปพี าทยท์ า� ดนตรปี ระกอบอริ ยิ าบถตา่ งๆ รวมถงึ อารมณข์ องตวั ละคร นาเช่ือถือมากนอยเพยี งใด โดย เชน่ บทโศก บทรกั บทโกรธ และการแสดงอทิ ธฤิ ทธต์ิ า่ งๆ อาจอธบิ ายพฒั นาการของการละครไทย พิจารณาจากแหลงขา วประกอบ ได้ ดงั นี้ การพจิ ารณาประเมินคารปู แบบ (๑) ละครระยะแรก เปน็ ละครทตี่ วั ละครไมม่ าก ยงั ไมใ่ หค้ วามสา� คญั กบั เครอ่ื ง ของโฆษณาควรพิจารณาวามี แต่งกาย โดยเฉพาะตวั ละครรองมักถอดเสอื้ แสดง ท้ังยงั ไม่มกี ารตกแตง่ ฉากใหส้ มจริง รวมถงึ ใช้ รูปแบบการนาํ เสนออยางไร และ เครื่องดนตรีประกอบเพียงไม่ก่ชี ้นิ เชน่ ละครชาตรี โนรา ซ่งึ นิยมแสดงเรอ่ื ง พระสธุ น-มโนราห์ รปู แบบการนาํ เสนอในลกั ษณะ (๒) ละครที่พัฒนาจากระยะแรก คือ ละครที่พัฒนาข้ึนเป็นแบบแผนเป็นที่ ดังกลาวสามารถดึงดดู ความสนใจ ยอมรับท้ังในราชส�านัก และของประชาชนทั่วไป ละครระยะน้ีมีการพัฒนาเครื่องแต่งกายคล้าย แกผ ชู มไดมากนอยเพียงใด เครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ เครื่องดนตรีประกอบมีมากชิ้นข้ึน มีการจัดระเบียบกระบวนการ การพจิ ารณาประเมินคา รปู แบบ ร้องร�า แต่ยังไม่มีการตกแต่งฉากให้สมจริง เช่น ละครนอก ที่นิยมแสดงเรื่อง สังข์ทอง คาวี ของเพลงควรพิจารณาวาเนื้อรอง มณีพชิ ยั เปน็ ตน้ และละครใน เช่น อิเหนา รามเกยี รติ์ อณุ รุท เปน็ ต้น และทาํ นองมคี วามสอดคลอ งกนั (๓) ละครที่เร่ิมรับอิทธิพลจากตะวันตก ละครระยะนี้เร่ิมพัฒนาราวรัชกาล อยา งไร และบทเพลงนาํ เสนอ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว เชน่ ละครดกึ ด�าบรรพ์ ละครร้อง ที่พัฒนาจากละคร แนวคิดใด การพิจารณาประเมิน โอเปรา และยงั มกี ารพัฒนาไปสู่ละครพูดอกี ดว้ ย ละครในระยะนน้ี อกจากการแตง่ ตวั จะสมจริงแล้ว คารปู แบบของละครควรพิจารณา ยังมีการตกแต่งฉาก รวมถงึ การใช้เทคนคิ พเิ ศษ แสงสีต่างๆ ประกอบเพื่อชักจงู อารมณใ์ หค้ ลอ้ ย กลวธิ กี ารนําเสนอ การสรางฉาก ตามอกี ดว้ ย ฯลฯ วาทําหนาทสี่ อดรับกัน อยางไร เปน ตน) 120 นักเรยี นควรรู วงปพาทย เปน ชอ่ื เรยี กรวมของ วงดนตรีไทยประเภทหนง่ึ วงปพาทย แบงออกเปน 6 ชนดิ คอื วงปพาทย ไมแ ข็ง วงปพ าทยเ สภา วงปพ าทย ไมนวม วงปพาทยน างหงส วงปพ าทยด กึ ดาํ บรรพและวงปพาทย มอญ 120 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate (๔) ละครปัจจุบัน เป็นละครท่ีรับแนวคิดอิทธิพลตะวันตกมาปรับปรุง เช่น สํารวจคน หา ละครวทิ ยุ และละครโทรทศั น์ เปน็ ตน้ แบงนักเรียนเปน 4 กลมุ ในจํานวน จากการนา� เสนอพฒั นาการของละครไทยตงั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั สามารถสรปุ รปู แบบ เทา ๆ กันหรือตามความเหมาะสม ของละครไดว้ า่ ละครเรื่องหน่ึงๆ มกั จะมีตวั ละครชาย หญงิ และตัวละครรองลงมา เพื่อช่วยใหเ้ กิด จากนัน้ ใหส งตัวแทนออกมาจบั สลาก การด�าเนินเรื่อง ซ่ึงลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของตัวละครทุกตัวจะส่งผลให้แนวคิดของเร่ืองมี ประเดน็ สําหรบั การสบื คน ความรู ความชดั เจนและโดดเดน่ เพราะนอกเหนอื จากการใหค้ วามบนั เทงิ แลว้ ละครแตล่ ะเรอื่ งยงั สอดแทรก รว มกัน ดังตอ ไปน้ี ทรรศนะ แนวคดิ ด้านตา่ งๆ ของผปู้ ระพันธท์ ีน่ �าเสนอมาสูผ่ ูร้ ับสารไมว่ ่าจะโดยเจตนาหรอื ไมก่ ็ตาม ในปัจจุบันรูปแบบการน�าเสนอของละครได้พัฒนาให้มีความเป็นสากลมากข้ึน โดยการน�าดนตรี หมายเลข 1 ลกั ษณะการใชภ าษา บทเพลง และองคป์ ระกอบศลิ ปต์ า่ งๆ เชน่ ฉาก แสง สี เสยี ง เครอื่ งแตง่ กาย มาชว่ ยในการนา� เสนอ ในขาว เพ่อื สรา้ งความบนั เทิงให้แก่ผู้ชมมากข้นึ ๒) แนวทางการประเมนิ คา่ รปู แบบ ของสอ่ื ท่ีฟังและดู มีดงั น้ี หมายเลข 2 ลักษณะการใชภ าษา ๒.๑) ขา่ ว การพจิ ารณาประเมินค่ารปู แบบของขา่ วทไี่ ดฟ้ ังหรอื ดู ควรพจิ ารณาวา่ ในโฆษณา เนื้อหาสาระของข่าวแสดงข้อเท็จจริงใด และข้อคิดเห็นนั้นมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ อย่างไร แหลง่ ทีม่ าของข้อมลู มคี วามเชอื่ ถือเพยี งใด หมายเลข 3 ลักษณะการใชภาษา ๒.๒) โฆษณา การพจิ ารณาประเมนิ คา่ รปู แบบของโฆษณา ควรพจิ ารณาวา่ โฆษณา ในเพลง ที่ได้ฟังและดูมีรูปแบบการน�าเสนอเป็นอย่างไร ดึงดูดความสนใจหรือสร้างความสนใจแก่ผู้ชม มากน้อยเพียงใด และรวมถึงท�าให้เกิดความต้องการ กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความต้องการ หมายเลข 4 ลักษณะการใชภ าษา ทีจ่ ะซ้ือสนิ คา้ และบรกิ ารไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด ในละคร ๒.๓) เพลง การพจิ ารณาประเมนิ คา่ รปู แบบของบทเพลง ควรพจิ ารณาความสอด ประสานระหวา่ งเนือ้ รอ้ งและท�านอง เพื่อน�าเสนอความคิดรวบยอดของบทเพลง โดยนกั เรียนอาจสืบคนความรู ๒.๔) ละคร การพิจารณาประเมินค่ารูปแบบของละคร ควรพิจารณาว่ากลวิธีการ ไดจ ากหนังสือเรยี น หนา 121-123 นา� เสนอ การสรา้ งฉาก ตวั ละคร โครงเรอื่ ง และองคป์ ระกอบศลิ ปท์ ใี่ ชใ้ นละคร ท�าหนา้ ทส่ี อดรบั กนั หรอื จากแหลงการเรยี นรปู ระเภทอนื่ และมีความเหมาะสมกับเนื้อหาของละครอย่างไร ช่วยน�าเสนอแนวคิดหลักของเรื่องให้โดดเด่น ทนี่ กั เรยี นสนใจหรอื สามารถเขา ถงึ ได ไดอ้ ย่างไร อธิบายความรู ๒.๒ การใชภ้ าษา นักเรยี นกลมุ ทีจ่ ับสลากได ๑) ลกั ษณะการใชภ้ าษาในสอื่ ประเภทตา่ งๆ หมายเลข 1 สงตัวแทนออกมา ๑.๑) ขา่ ว การใชภ้ าษาในขา่ วเปน็ ไปตามเงอ่ื นไขของการนา� ประโยคมาประกอบกนั หนา ชั้นเรยี นเพื่ออธิบายความรูใน เพอ่ื เล่าเรอ่ื งราวหรือเหตกุ ารณต์ ่างๆ บนเนอื้ ท่จี า� กดั ดงั น้นั จงึ ตอ้ งตัดส่วนท่ีไมส่ �าคญั ออกไปคงไว้ ประเดน็ ทกี่ ลมุ ของตนเองไดร ับ เพยี งสาระสา� คญั ซึง่ ลักษณะการใช้ภาษาในขา่ วสามารถสรุปได้ ดงั น้ี มอบหมาย เพ่อื นๆ ในกลมุ อน่ื ๆ บันทกึ ความรูที่ไดรับจากการฟง 121 เกรด็ แนะครู ครอู าจมอบหมายช้นิ งานยอ ย ใหแ กน กั เรยี น โดยจัดทําใบงานให นักเรยี นบนั ทึกขอ มลู เกย่ี วกบั การ พาดหวั ขา วของหนงั สอื พมิ พฉ บบั ตา งๆ โดยรวบรวมลักษณะการพาดหัวขาว จากประเภทขาวทหี่ ลากหลาย เชน ขาวการเมือง ขาวอาชญากรรม ขา วสงั คม ขา วดารา และขา วกีฬา จากน้ันใหสรปุ ลกั ษณะการใชภาษา เพื่อพาดหัวขา วของหนงั สอื พมิ พใน ปจจบุ ัน คมู อื ครู 121

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) 1. นักเรยี นยืนในลักษณะวงกลมเพอ่ื (๑) การใช้ภาษาในระดับปานกลาง กล่าวคือ มีการใช้ค�าง่ายๆ เพื่อส่ือ อธบิ ายความรูเ กยี่ วกับลกั ษณะ ความหมายแกค่ นทกุ กลมุ่ ทกุ เพศ ทกุ วยั โดยใชภ้ าษาทง้ั ในระดบั กง่ึ แบบแผน และภาษาแบบแผน การใชภ าษาในขา ว โดยครสู มุ ปะปนกนั ในเนอื้ หาของข่าว เช่น เรียกช่ือนกั เรียนใหทกุ คนไดม ี โอกาสในการแสดงความรู ซงิ่ สยอง ๑๖ ศพ บนโทลเวย์ ความเขา ใจและความคิดเห็น ชน ๖ คนั ตาย ๒ ศพ รถ นร.ปลอดภัย 2. ครูสุมเรยี กชื่อนกั เรยี นเพ่ือยก ตัวอยางขอ ความหรือประโยค (๒) การเลือกสรรค�า โดยเฉพาะค�ากริยา ค�าวิเศษณ์ โดยจะเลือกค�าที่ท�าให้ ซึง่ เปน ลักษณะการใชภ าษาของ เหน็ อากัปกริ ยิ าชดั เจน รวมถงึ การใช้ค�าขยายเพื่อถ่ายทอดภาพ อารมณ์ ความรสู้ ึก เชน่ หนังสอื พมิ พ คนละไมต ่าํ กวา 2 ประโยค เล่น “ดงึ ผา้ ปโู ต๊ะ” ไม่ระวงั ตลู้ ม้ ทบั น้องชาย NET ขอสอบ ป 52 (๓) การเลือกใช้คา� สัน้ แตส่ ื่อเนื้อความไดค้ รบถว้ น เชน่ ขอ สอบถามวา พาดหัวขา วขอ ใด สวนสตั วเ์ ชียงใหม่ไดส้ มาชกิ เพิม่ ไมแสดงความคดิ เห็น “พทิ บลู ” จ�ากล่นิ ไม่ได้ ขย้�าคอสาหสั 1. ทมี เศรษฐกจิ เรง มอื ฉดุ ความเชอื่ ม่นั ตา งชาติ (๔) การใชค้ า� สแลง คา� เฉพาะกลมุ่ คา� ไมส่ ภุ าพ คา� ตลาด และรวมถงึ การเรยี ก ช่อื บุคคลท่ีปรากฏในเน้อื หาของขา่ วมักจะไมเ่ รยี กตรง แตจ่ ะใชฉ้ ายา ช่อื เล่น คา� ลา� ดบั ญาติหรือ 2. ผวาการเมอื งระหวางประเทศ ต�าแหนง่ หน้าที่ เชน่ ถงึ จดุ เดอื ด เกมมหนั ตภยั ท�า ๒ โจเ๋ ป็นโจร 3. สินคา โภคภัณฑร วงระนาว นกั เก็งกาํ ไรหงอย ค่รู ักกมิ จิ ยกภูเก็ตเปน็ สดุ ยอดสถานทด่ี ื่มน้า� ผง้ึ พระจันทร์ 4. ผดิ คาดตลาดหุนอเมริกา พงุ ทะยานกวา 480 จุด (วิเคราะหคาํ ตอบ คําท่แี สดง ความคิดเหน็ ไดแ ก ผวา จุดเดอื ด, ระนาว หงอย, ผดิ คาด ทะยาน ดังนน้ั จึง ตอบ ขอ 1.) ปล้นบ้าน-กลางกรุง โจรรถตูก้ วาดเพชร ๑.๕ ลา้ น 122 NET ขอ สอบ ป 53 ขอ สอบถามวา พาดหวั ขาวขอใดแสดงความคิดเหน็ ของผเู ขียน 1. สว.ไมผ า นพรก.ข้ึนภาษีนา้ํ มัน 2. รมช.ศธ.เรงหาคนทาํ ผิดรบั นอ งใหม 3. ปด 3 วัน 3 ร.ร.ในเขต กทม. หวัดลาม 4. หว่นั โรคไขหวัดสุนัขครา “แพนดานอย” (วเิ คราะหค าํ ตอบ คาํ ทแี่ สดงความเห็นของผูเขยี นคอื “หว่นั ” ดงั น้ันจึง ตอบ ขอ 4.) 122 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate ‘ราชันชุดขาว’ เล็งสง่ ‘เปเป้’ แลก ‘ลุยซ’์ อธิบายความรู (๕) การใช้ค�าและสา� นวนตา่ งประเทศ เพอ่ื ใหไ้ ด้อารมณค์ วามรูส้ ึก เชน่ 1. นักเรยี นกลุมท่จี ับสลากได หมายเลข 2 สงตวั แทนออกมา ไนก้ี เปิดรับทีมบู๊แมนเชสเตอรฯ์ พรีเมียรค์ พั ๒๐๑๒ หนา ชน้ั เรยี นเพ่อื อธบิ ายความรู ในประเด็นทีก่ ลุมของตนเองไดร บั สเต็ปงา่ ยๆ กบั เกริ ล์ ส เกิร์ลส MOVE WITH PASSION มอบหมาย เพอื่ นๆ ในกลุมอืน่ ๆ อักษรยอ่ เช่น บันทึกความรทู ีไ่ ดร ับจากการฟง (๖) การใช้เครื่องหมายตา่ งๆ เช่น ปรศั นี อัศเจรีย์ อญั ประกาศ และรวมถึง 2. นกั เรยี นยนื ในลกั ษณะวงกลมเพื่อ “เศรษฐา-เฉลมิ ชยั -ประภัสสร” นั่งแท่นศลิ ปินแหง่ ชาติ ๕๔ รวมกนั แสดงตวั อยางขอความ หรอื ประโยคทม่ี ลี กั ษณะการใช ซุกกล่องขมังเวทย์ใกล้ กฟผ. ภาษาเพอื่ การโฆษณา ดังนี้ • การใชภ าษาเพ่อื ดงึ ดูด เตอื น “บุหรก่ี านพลู” อนั ตรายกวา่ บหุ ร่ที ่วั ไป ความสนใจของผรู ับสาร • การใชภ าษาเพ่ือใหเกดิ ความ ๑.๒) โฆษณา ใช้ภาษาแปลกใหม่ ไม่ซ้�าใคร จนบางคร้ังการเรียงรูปประโยคเป็น ตองการในตัวสินคาและบรกิ าร แบบเฉพาะท่ีต่างไปจากไวยากรณ์และโครงสร้างภาษา ท้ังน้ีเพ่ือจูงใจให้ผู้รับสารคล้อยตามและ ซือ้ สินคา้ บริการ ซึ่งลักษณะการใช้ภาษาในโฆษณาสามารถสรปุ ได้ ดังน้ี 3. ครตู ัง้ คาํ ถามกับนกั เรียนวา (๑) การใช้ภาษาเพ่ือดึงดูดความสนใจของผู้รับสาร ท�าให้เกิดความสนใจต่อ • โฆษณาทน่ี กั เรยี นประทบั ใจ สินคา้ และบริการ เช่น หรอื จดจําไดน ้ัน ชวยใหจาํ สนิ คาและบรกิ ารที่นําเสนอ ทา� ไมนกั ธุรกิจชนั้ น�า...จึงเลอื กใช้คอมพวิ เตอรข์ องเรา ไดอยา งไร (แนวตอบ คาํ ตอบไมมีถกู หรอื ผิด ขึ้นอยกู บั ประสบการณสว นตน ของนกั เรยี นแตล ะคน) • โฆษณาทนี่ กั เรยี นไดฟ ง และดนู น้ั ชว ยทาํ ใหน กั เรยี นตอ งการใช สนิ คา ชนดิ นน้ั หรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ ไดอ ยางหลากหลาย เพราะ เปนการแสดงความคิดเหน็ อยางอสิ ระ) หายห่วงเร่ืองผิวหมองคล�้า ร่องรอยจากกาลเวลา (๒) การใช้ภาษาเพื่อให้เกิดความต้องการ เพ่ือกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิด ความตอ้ งการในสนิ ค้าและบริการ เชน่ 123 NET ขอ สอบ ป 52 ขอ สอบถามวา ขอใดไมใ ชบ ทโฆษณาที่มีสารโนม นา วใจ 1. โรงเรียนอนุบาลนําสมัย... 2. การบริหารกายเปน กจิ กรรมที่มีลลี าเชอื่ งชา ... 3. รถยกรถขดุ พลังปศ าจ... 4. ละครเรอ่ื งใหมโดยนกั แสดงมอื อาชพี .... (วิเคราะหค ําตอบ การใชภาษาในขอ 2. เปน เพียงการบรรยายถงึ ลักษณะของการบริหารรา งกาย สวนขอ 1., 3. และ 4. เปน บทโฆษณาทีม่ กี ารโนม นาวใจดวยการนําเสนอความดีพิเศษของสนิ คา ดงั น้ันจึง ตอบ ขอ 2.) คมู อื ครู 123

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นกั เรียน 20%) นกั เรียนกลุมที่จับสลากได โมเดริ น ทีเปน ชาผงสาํ เร็จรปู ชงงาย เพียงละลายในนํา้ เย็น หมายเลข 3 และ 4 สงตวั แทน ออกมาหนาชั้นเรยี นเพื่ออธบิ าย คลีน วอช ผงซักฟอกมหัศจรรย ซักสะอาด ลา งงาย รดี ล่นื ความรูในประเด็นทกี่ ลุมของตนเอง ไดร บั มอบหมาย เพอื่ นๆ ในกลมุ อนื่ ๆ บนั ทึกความรทู ่ไี ดรบั จากการฟง นกั เรียนควรรู ๑.๓) เพลง ใชภาษาท่ไี พเราะ สละสลวย มถี อยคาํ คลอ งจองสมั ผัสกนั ใชภาพพจน โวหารเพ่ือถายทอดเรื่องราวหรือแนวคิดหลักของเพลงเพ่ือชักจูงใหผูฟงเกิดจินตภาพคลอยตาม เพลง ในปจจบุ ัน มที ้ังเพลงสากล และสรางความบนั เทิง จรรโลงจติ ใจ เชน เพลงไทยสากล เพลงลูกกรงุ และ เพลงลูกทงุ ซึง่ ผรู บั ฟง สามารถเลือก โลกมนุษยย อมจะดกี วาน้แี น เพราะมผี ไู มย อมแพแมถ กู หยัน รบั ฟงไดต ามอธั ยาศัย โดยบทเพลง คงยืนหยัดสูไปใฝประจัญ ยอมอาสญั ก็เพราะปองเทดิ ผองไทย แตละประเภทมีลกั ษณะท่ีแตกตา ง (ความฝน อันสูงสุด : พระบาทสมเด็จพระเจาอยหู วั*ทรงพระราชนพิ นธทาํ นอง) กนั ออกไป เชน เพลงลูกทุง คอื เพลงท่สี ะทอ นวถิ ีชีวิต สภาพสงั คม พ่ีอยากเปนปลารว มหนอง พอี่ ยากเปนทองรวมแผน อุดมคติและวัฒนธรรมไทย โดยมี พอ่ี ยากเปน ปลารว มแดน พอี่ ยากเปน แหวนรวมวง ทวงทาํ นอง คาํ รอ ง สาํ เนยี งและลลี า โอวาสนาของชายมนั ตก จึงไมไ ดเ ปน นกรว มกรง การรองบรรเลงทเี่ ปน แบบแผน มีลักษณะเฉพาะใหบ รรยากาศ (รานเิ กลิง) ความเปนลกู ทุง ๑.๔) ละคร ในบทสนทนาของตัวละครจะใชภ าษาท่ีมคี วามสมจริง เพ่ือสอื่ อารมณ ความรูสึกนึกคิด รวมถึงบรรยากาศของเร่ืองใหผูรับสารเกิดอารมณรวมและเกิดจินตภาพคลอย ตามได เชน นกั เรียนควรรู (เสยี งหวดู เรอื ดังอกี ครัง้ เวลากําลังจะหมดลงทุกท)ี ความฝนอันสงู สุด เปน เพลง นพพร คาํ พูดกย็ ังมอี กี เปน ลาน ผมจะบอกออกไปไดอ ยา งไร เวลามันนอ ยลงทุกที ไมม เี พยี งพอ พระราชนิพนธลาํ ดบั ที่ 43 ทรง ใหพ ูดไป พระราชนพิ นธใ น พ.ศ. 2514 โดยทรง พระราชนพิ นธท ํานอง และประพันธ กีรติ จงพดู เทา ทีท่ าํ ไดเถดิ นะ เนื้อรองโดยทานผูห ญงิ มณรี ตั น นพพร อยากหามเวลา บุนนาค กีรติ นพพร อยา กงั วล อยาหวนั่ ไหว นพพร อยากหามฟา ดิน กรี ติ คาํ ใดๆ กต็ าม เปน หม่นื เปนลาน จะอานจากสายตา... นักเรียนควรรู *“พระบาทสมเดจ็ พระเจา อยูห วั ” ในทนี่ หี้ มายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ๑๒๔ รานิเกลงิ อานวา รา-น-ิ เกลงิ เปน ทาํ นองเพลงหลกั ทใี่ ชสาํ หรบั รอง ดาํ เนินเรือ่ งในการแสดงลเิ ก 124 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate นพพร จงอา่ นผมด้วยสายตา แทนคา� ในหัวใจ อยากจะบอกใหร้ ้วู ่า... “ผมรักคณุ หญงิ ” อธบิ ายความรู (นพพรซบกับมือของคุณหญิงกีรติ ทั้งหล่ังน�้าตาให้กันแต่คุณหญิงกีรติพยายามข่มความเจ็บปวด เหลา่ น้นั ไว)้ 1. จากขอ มูลความรทู ่นี ักเรียนไดรบั กีรติ นพพร...ฉนั จะคดิ ถึงเธอ จากการฟงบรรยาย ใหนักเรยี น (เสยี งหวูดเรือดงั อีกครง้ั ) รว มกนั อภปิ ราย เพอ่ื ใหไ ดแ นวทาง สําหรบั การประเมินคาภาษาใน นพพร ไดโ้ ปรดบอกผมมาเถิด รกั ผมบ้างไหม ขาว โฆษณา เพลงและละคร กรี ติ นพพร...ฉนั เป็นเพือ่ นตายของเธอ (แนวตอบ การประเมนิ คาดาน นพพร ท�าไมคณุ หญงิ ไม่ตอบผมให้ไดร้ ู้ รักกันบอกมาสกั คา� ภาษาควรพจิ ารณาการเลอื กใช กรี ติ ค�าตอบตรงน้จี ะทา� ร้ายเธอและฉัน ถอยคําเพือ่ ส่อื ความมายังผรู ับสาร นพพร บอกผม ไมว่ า่ เป็นเชน่ ไร ทแ่ี ลว้ มา รกั ผมหรือไม.่ ..แคพ่ ดู ตรงๆ ใหผ้ มได้ฟัง วาถูกตอ งตรงประเดน็ ครบถวน หรอื ไม อยางไร รวมถงึ พิจารณา ๒) แนวทางการประเมนิ คา่ ดา้ นภาษา แนวทางการประเมินค่าดา้ นภาษาของสือ่ การใชว รรณศิลป ความกลมกลนื ทีใ่ ช้ทักษะการฟังและดู อาจสรปุ แนวทางได้ ดงั น้ี ระหวา งภาษากบั เนอื้ เร่อื ง การใช ๒.๑) พจิ ารณาการเลอื กใชถ้ อ้ ยค�าเพื่อสอ่ื ความ หมายถงึ การพจิ ารณาวา่ ผสู้ ่งสาร ถอ ยคาํ สํานวน โวหารทม่ี ีผล เลือกใช้ถ้อยค�าเพ่ือสื่อความมายังผู้รับสารได้ถูกต้อง เหมาะสมแก่ความและกาลเทศะหรือไม่ กระทบตอ อารมณ ความรูส กึ ของ รวมถึงส่ือความได้ตรงความหมายมากน้อยเพียงไร เช่น ข่าว ต้องไม่ใช้ถ้อยค�าท่ีส่ือไปในทาง ผฟู ง และดู เปน ตน) บิดเบือนเน้ือข่าวให้ผู้รับไขว้เขวหรือเข้าใจผิด โฆษณาสามารถเลือกใช้ถ้อยค�าเพ่ือชักจูงให้ คลอ้ ยตามไดม้ ากนอ้ ยเพียงไร 2. ครตู ้งั คาํ ถามกับนกั เรียนวา ๒.๒) พิจารณาการใช้วรรณศิลป์ หมายถึง การพิจารณาความกลมกลืนระหว่าง • ภาษาท่ีใชใ นบทเพลงปจจบุ ัน การใชภ้ าษากบั เนื้อเร่อื ง ตลอดจนการใชโ้ วหาร เชน่ บรรยาย พรรณนา เปน็ ตน้ หากเป็นละคร มลี ักษณะเปน อยางไร หรือบทเพลงควรพจิ ารณาการใชภ้ าพพจน์ เชน่ อปุ มา อตพิ จน์ บุคคลวัต เป็นตน้ เพอ่ื พิจารณา (แนวตอบ นักเรยี นสามารถตอบ ความสอดคล้องของอารมณก์ ับบทประพนั ธ์ ไดอ ยา งหลากหลาย เพราะ เปน การแสดงความคดิ เหน็ อยา ง ๒.๓ แนวคิด อิสระ โดยนักเรียนอาจตอบใน มุมมองของการใชค าํ ศัพทว ยั รุน แนวคิด คือข้อคิดเห็นหรือข้อมูลที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติท่ีผู้ส่งสารส่งมายัง สมัยใหมในเนอื้ เพลง เปนตน ) ผรู้ บั สาร ทงั้ นแ้ี นวคดิ ของผสู้ ง่ สารถกู สรา้ งขน้ึ ภายใตก้ รอบ บรบิ ททางสงั คมทหี่ ลากหลาย การประเมนิ • นักเรียนคิดวา แนวคิดของ เร่ืองท่ีฟังและดูในชีวิตประจ�าวัน ส่ิงท่ีส�าคัญที่สุด คือผู้รับสารสามารถประเมินได้ว่าแนวคิดที่ได้ บทเพลงมีสว นสาํ คญั ตอการฟง รบั จากการฟงั มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรและจะนา� ไปปรบั ใชก้ บั ชวี ติ ประจา� วนั ไดอ้ ยา่ งไร ดงั นนั้ การรบั สาร และดบู ทเพลงอยา งไร (แนวตอบ แนวคิดของเพลงเปน 125 สว นสะทอ นคุณคา ทาํ ใหการ ฟง เพลงเกดิ ประโยชนตอ ผฟู ง เกรด็ แนะครู ชว ยจรรโลงและยกระดับจติ ใจ ของผูฟ ง ) ครคู วรชแี้ นะแกน ักเรยี นวา การพจิ ารณาการใชภาษาในบทละครเพื่อการฟงและดอู ยา งมีประสทิ ธิภาพ • ผถู า ยทอดบทเพลงไดดีใน ผูชมควรตัง้ คาํ ถาม ดงั น้ี ความคดิ เหน็ ของนักเรยี นควรมี ลักษณะอยางไร • ภาษาเรยี กรองความสนใจจากผูชมหรือไม (แนวตอบ นกั รอ งหรอื ผูถ ายทอด • ภาษาเหมาะสมกบั ฐานะวยั ของตวั ละครหรอื ไม บทเพลงใหไ พเราะจะตอ งมี • ภาษามีสว นชว ยทําใหผ ชู มเขาใจสภาพเหตกุ ารณภ ายในเรือ่ งหรือไม เปนตน ทกั ษะภาษาดา นการออกเสียง และการตคี วามหมายของ เน้อื เพลง เขา ใจเนอ้ื เพลงอยาง ลึกซึ้งจงึ จะสามารถถายทอด อารมณข องบทเพลงไปยงั ผฟู ง ได เปน ตน ) คูมือครู 125

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สํารวจคนหา (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%) แบงนักเรยี นเปน 4 กลุม ดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆ จึงเปน็ การเปดิ มมุ มอง โลกทัศนใ์ ห้กวา้ งขวางข้ึน หากผู้รับสารสามารถตคี วาม ในจํานวนเทาๆ กันหรอื ตามความ ประเมินคา่ แนวคิดทีส่ ง่ มาได้ ดงั นี้ เหมาะสม จากนนั้ ใหสง ตัวแทนออก ๑) การนา� เสนอแนวคดิ มาจบั สลากประเด็นสําหรับการ ๑.๑) ขา่ ว แนวคดิ สา� คญั ทส่ี อ่ื มาพรอ้ มเนอ้ื หาของขา่ ว คอื มงุ่ นา� เสนอวา่ ใคร ทา� อะไร สบื คนความรูร ว มกนั ดังตอไปน้ี ทไี่ หน อยา่ งไร เชน่ ขา่ วการเมอื ง มงุ่ นา� เสนอประเดน็ หรอื นโยบายทางการเมอื ง ความเคลอ่ื นไหว ของพรรคการเมอื ง เปน็ ตน้ หมายเลข 1 แนวคดิ ของขาว ๑.๒) โฆษณา แนวคิดคือการน�าเสนอคุณสมบัติ สมรรถนะของสินค้าและบริการ หมายเลข 2 แนวคิดของโฆษณา ท่ีต้องการชักจูง โน้มน้าวให้ผู้รับสารเกิดความสนใจและเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกใช้สินค้า หมายเลข 3 แนวคดิ ของเพลง และบริการดังกลา่ ว เชน่ “เบริ ด์ แอร์ ใหบ้ ริการดว้ ยใจ” เปน็ การจูงใจใหผ้ ้บู รโิ ภคซื้อบริการจากสาย หมายเลข 4 แนวคดิ ของละคร การบินท่ีเสนอแนวคิดหลักสู่ผู้รับสารให้เข้าใจว่า สายการบินให้ความส�าคัญกับลูกค้าและพร้อม โดยนกั เรยี นอาจคนหาความรู ใหบ้ รกิ ารด้วยความเต็มใจ ไดจากหนังสือเรียน หนา 126 หรอื ๑.๓) เพลง มลี กั ษณะคลา้ ยละคร คอื มงุ่ ความบนั เทงิ และจรรโลงใจ ทง้ั ยงั สอดแทรก จากแหลงการเรยี นรูป ระเภทอ่ืนๆ ท่ี แนวคดิ ตา่ งๆ ลงไป เช่น เพลงสถาบนั มุง่ เสนอแนวคิดให้คนในสถาบนั มีความรักสมคั รสมานและ นักเรยี นสนใจหรือสามารถเขาถงึ ได ภมู ใิ จต่อสถาบนั ของตน เป็นต้น ๑.๔) ละคร แนวคิดส�าคัญมุ่งให้ความบันเทิงเป็นหลักและในขณะเดียวกันก็มีการ อธิบายความรู สอดแทรกแนวคดิ ทรรศนะ คา� สอนของผสู้ ง่ สารลงไปดว้ ย เชน่ “ตา� นานสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช” ม่งุ เน้นแนวคดิ หลกั เรอ่ื งการเทดิ ทูนวรี บุรษุ และปลกู ฝงั ความรักชาติ เป็นตน้ 1. นกั เรยี นแตละกลมุ สง ตัวแทนออก ๒) แนวทางการประเมนิ คา่ แนวคดิ กระบวนการพิจารณาประเมินค่าแนวคิดที่ มาหนาชั้นเรียนเพอ่ื อธบิ ายความรู ปรากฏในสารท่ฟี งั และดู คือการพจิ ารณา ใคร่ครวญ ไตรต่ รองว่าแนวคิดทป่ี รากฏน้นั สง่ ผลหรอื มี ในประเดน็ ทกี่ ลุมของตนเองไดรบั อิทธิพลอย่างไรต่อตัวบุคคลหรือสังคมโดยรวม มีประโยชน์ต่อความเป็นไปในสภาวการณ์ปัจจุบัน มอบหมาย หรือไม่ อย่างไร 2. จากขอ มลู ความรทู น่ี กั เรียนไดรับ การประเมนิ ค่าสารใดกต็ าม ผู้รบั สารแต่ละคนมสี ทิ ธิในการตีความ เหน็ ด้วย ไม่เห็นด้วย จากการฟง บรรยายใหน ักเรียน กบั สารทไี่ ดร้ บั อยา่ งอสิ ระ ทง้ั นข้ี นึ้ อยกู่ บั ประสบการณ์ ความรู้ บรบิ ทของแตล่ ะสงั คมเปน็ สา� คญั แต่ รว มกนั อภปิ รายเพ่ือใหไ ดแ นวทาง อยา่ งไรกต็ าม การประเมนิ คา่ ทดี่ มี ใิ ชก่ ารประเมนิ คา่ ดว้ ยเหตผุ ลสว่ นตน คอื ความรสู้ กึ ชอบ ไมช่ อบ สําหรับการประเมินคาแนวคดิ ของ แต่ควรใช้เหตผุ ลในการพจิ ารณาและต้องสามารถยกเหตผุ ลมาประกอบความคิดเหน็ ของตนได้ ขา ว โฆษณา เพลงและละคร ๒.๔ ตัวอยา่ งการดกู ารฟงั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ NET ขอสอบ ป 53 โดยจะนา� เสนอตวั อยา่ งการฟงั และดอู ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตามกระบวนการดงั กลา่ วขา้ งตน้ ขอสอบถามวา ขอความตอ ไปนี้ ผ่านส่ือ ๔ ประเภท คือ ข่าว โฆษณา เพลงและละคร ดังนี้ เสนอแนวคิดเกีย่ วกับเร่อื งอะไร “หัวลา นไดหวี ตาบอดไดแวน ” 126 1. การไดร ับของทพ่ี นสมัย 2. การไดรบั ของทผ่ี รู บั รงั เกียจ 3. การไดรบั ของท่ไี มเปน ประโยชน แกผ ูรบั 4. การไดรับของทป่ี ราศจากคุณคา (วเิ คราะหคําตอบ คนหวั ลา นใช ประโยชนจากหวไี มไ ด และคน ตาบอดก็ใชป ระโยชนจ ากแวน ไมไ ด ดังนน้ั จงึ ตอบ ขอ 3.) 126 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate ๑) การฟงั และด ู : ขา่ ว สํารวจคน หา โพลเผย นกั บนิ - แอรโ ฮสเตส อาชพี ในฝนของเดก็ 1. นักเรยี นจับคูกับเพอ่ื นรวมกนั อา น ขา ว “โพลเผยนกั บิน-แอรโฮสเตส ส�านักวิจยั เอแบคโพล มหาวทิ ยาลยั อสั สัมชญั เผยผลวิจยั เชงิ สา� รวจ เรอื่ ง มองต่างมุม อาชีพในฝนของเด็ก” จากนน้ั ให พอ่ แม-่ ลกู วา่ ดว้ ยอาชพี ในฝนั และวนั เวลาทมี่ ใี หก้ นั : กรณศี กึ ษาตวั อยา่ งพอ่ แมผ่ ปู้ กครองและบตุ รหลาน รวมกันบันทึกความรูที่ไดร บั จาก อายุไม่เกนิ ๑๙ ปใี นเขตกรุงเทพมหานคร จ�านวนทัง้ สน้ิ ๑,๒๐๕ ตวั อย่าง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน- การอา นลงสมดุ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พบวา่ 2. นกั เรยี นคเู ดิมรว มกนั ศึกษา • ถามทเี่ ปน็ พอ่ แม่ และผปู้ กครอง วา่ อาชพี ในฝนั ทอี่ ยากใหบ้ ตุ รหลานเปน็ มอี ะไรบา้ ง ตัวอยา งการพิจารณารูปแบบ ผลส�ารวจพบว่า ภาษา แนวคิด ของขาว “โพลเผย นกั บิน-แอรโฮสเตส อาชีพในฝน - รอ้ ยละ ๓๖.๑ ระบอุ ยากใหเ้ ป็นแพทย์ ของเด็ก” จากหนงั สือเรยี น - รอ้ ยละ ๒๙.๔ อยากให้เปน็ นกั ธุรกจิ หนา 127-128 - รอ้ ยละ ๒๖.๓ อยากให้เป็นครู อาจารย์ นกั วิชาการ - ร้อยละ ๑๒.๔ อยากให้เปน็ พยาบาล อธบิ ายความรู - ร้อยละ ๑๒.๔ อยากให้เปน็ ตา� รวจ อนั ดบั รองๆ ลงไปคอื อยากใหเ้ ป็นขา้ ราชการ ทหาร วิศวกร ทนายความ ผพู้ ิพากษา อยั การ พนกั งานธนาคาร นักบิน แอร์โฮสเตส นักเรียนยนื ในลักษณะวงกลม - มเี พียงร้อยละ ๐.๔ เทา่ น้ันที่อยากให้เป็นนักการเมอื ง เพ่อื รวมกันอธิบายความรูเกีย่ วกับ • ถามเด็กๆ ทีเ่ ปน็ บตุ รหลานวยั ไม่เกนิ ๑๙ ปี พบว่า อาชพี ทอี่ ยากเป็น ตัวอยางทไ่ี ดศ ึกษา จากน้นั ครู - ร้อยละ ๓๐.๘ อยากเป็นนักบนิ แอรโ์ ฮสเตส ต้งั คาํ ถามกับนักเรียนวา - รอ้ ยละ ๒๙.๑ อยากเป็นดารา นักร้อง นักแสดง - ร้อยละ ๒๘.๙ อยากเปน็ แพทย์ • จากตวั อยา งทนี่ กั เรียนไดศึกษา - รอ้ ยละ ๒๕.๗ อยากเปน็ นกั ธุรกิจ คน ควานัน้ ปรากฏแนวทางการ - รอ้ ยละ ๒๔.๔ อยากเปน็ ตา� รวจ และรองๆ ลงไปคอื อยากเปน็ พยาบาล ครอู าจารย์ ฟง และดูอยางมีประสทิ ธิภาพ นักวิชาการ ทหาร วิศวกร พนกั งานธนาคาร ท่ีนกั เรยี นสามารถนํามา - มเี พียงร้อยละ ๐.๒ เทา่ นัน้ ทอี่ ยากเป็นนักการเมือง ประยกุ ตใชไดห รอื ไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดง ความคิดเห็นไดอ ยางอิสระ คาํ ตอบขึน้ อยูกับดลุ ยพนิ จิ ของ ครูผูส อน) ๑.๑) รปู แบบ พจิ ารณาวธิ กี ารพาดหวั ขา่ ว “โพลเผย นกั บนิ -แอรโ์ ฮสเตส อาชพี ในฝนั ขยายความเขา ใจ ของเด็ก” กระตนุ้ ความสนใจโดยใช้ประธานคือ “โพล” และกรยิ า “เผย” จากนนั้ จึงใส่กล่มุ วลที เี่ ปน็ กรรมของประโยค การเรยี งประโยคจะน�าส่วนขยาย “นักบนิ -แอร์โฮสเตส” ขนึ้ ต้นประโยคและตาม ครมู อบหมายใหนักเรยี นฟงและดู ดว้ ยกรรมตรง คอื “อาชีพ” เพือ่ เปน็ การเนน้ ย้า� ให้เห็นความส�าคัญอาชพี วา่ เป็นประเดน็ ท่ตี อ้ งการ ขาวทม่ี ีลักษณะเปนการเลา ขาว น�าเสนอ จากนัน้ นักเรียนสังเกตวิธีการ นาํ เสนอขาวของผดู ําเนนิ รายการ 127 ในหวั ขอ ตอไปน้ี นกั เรียนควรรู • การนําเสนอขอเท็จจริง • การแสดงขอคิดเหน็ สํานักวิจยั เอแบคโพล กอ ตงั้ ขึน้ เม่อื พ.ศ. 2538 เปนองคกรทท่ี ําหนาท่สี าํ รวจ วจิ ัยขอมลู • ลักษณะการใชภ าษาขณะ ทางสถติ ิ โดยเริ่มตน จากการใหนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั อสั สมั ชญั ทาํ โพลมาตัง้ แต พ.ศ. 2536 เพือ่ นาํ เสนอผลการสาํ รวจตอสือ่ มวลชน ดาํ เนนิ รายการ บนั ทึกผลการศกึ ษาเพ่ือนําเสนอ หนา ช้ันเรยี น คมู อื ครู 127

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate สํารวจคน หา (ยอ จากฉบับนักเรียน 20%) 1. นักเรียนจับคูกับเพอ่ื นรวมกนั รูปแบบการน�าเสนอเนื้อหาเป็นเชิงเปรียบเทียบ ๒ ส่วน คือ อาชีพท่ีผู้ปกครอง ศึกษาตัวอยา งการพจิ ารณา ตอ้ งการใหล้ กู เปน็ กบั อาชพี ทเ่ี ดก็ ตอ้ งการเปน็ โดยขา่ วไดใ้ หร้ ายละเอยี ดเบอ้ื งตน้ เกยี่ วกบั หนว่ ยงาน รปู แบบ ภาษา แนวคดิ ของ ท่ีจดั ทา� สา� รวจ กลมุ่ ผูใ้ ห้สมั ภาษณ์ จา� นวน อายุ จากนน้ั จึงนา� เสนอข้อมลู ด้วยการให้คา่ สถติ จิ าก โฆษณาจากหนังสือเรียน มากไปนอ้ ย ซึ่งรปู แบบดงั กล่าวเป็นการเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา หนา 128-130 ๑.๒) การใชภ้ าษา เนอ่ื งจากเปน็ โพลสา� รวจ การนา� เสนอรายละเอยี ดจงึ เปน็ คา่ ตวั เลข ทางสถติ ิอย่างตรงไปตรงมาวา่ อาชีพใดเปน็ ที่นยิ มรอ้ ยละเทา่ ไหร่ เช่น “รอ้ ยละ ๓๐.๘ อยากเป็น 2. นักเรยี นคูเ ดิมรวมกันสืบคน นกั บนิ แอรโ์ ฮสเตส” เปน็ ตน้ จากลกั ษณะดงั กลา่ วจะท�าใหผ้ รู้ บั สารทา� ความเขา้ ใจไดเ้ ปน็ ลา� ดบั ขนั้ ตอน โฆษณาทไี่ ดรบั ชมทางสอ่ื โทรทัศน ๑.๓) แนวคดิ ผนู้ �าเสนอขา่ วมิไดใ้ สแ่ นวความคดิ ของตนเพอ่ื ช้ีนา� แตส่ าระท่ีปรากฏ จากนน้ั ใหบนั ทกึ เนื้อหาสาระของ อาจพิจารณาแนวคิดของบุคคล ๒ กลุ่ม ในสังคมไทยปัจจุบันที่มีค่านิยม มุมมองในการเลือก โฆษณาที่เลอื ก ประกอบอาชีพแตกต่างกันในแต่ละช่วงวยั ดังน้ี อธบิ ายความรู กลมุ่ พอ่ แมผ่ ปู้ กครอง อาชพี ทค่ี าดหวงั ตอ่ บตุ รหลานมลี กั ษณะทมี่ น่ั คงและไดร้ บั การ ยอมรบั ในสังคม เช่น แพทย์ นักธรุ กิจ ครูอาจารย์ เปน็ ต้น ในขณะทีก่ ลุม่ เด็กอายุไม่เกิน ๑๙ ปี นกั เรียนยืนในลักษณะวงกลม มมี มุ มองตอ่ การประกอบอาชพี ตา่ งไป ดงั จะเหน็ วา่ มคี า่ นยิ มตอ่ อาชพี ซงึ่ เปน็ ทย่ี อมรบั ในสงั คมของ เพือ่ รวมกันอธิบายความรูเ กี่ยวกับ คนชว่ งวยั เดยี วกนั คอื นกั บิน-แอรโ์ ฮสเตส ดารานกั ร้อง-นกั แสดงและนกั ธุรกจิ ซ่งึ แนวคิดท่ีไดร้ ับ ตัวอยา งท่ไี ดศกึ ษา จากนน้ั ครู จากขา่ วดงั กลา่ ว ทา� ใหเ้ หน็ วา่ ชว่ งวยั ทแ่ี ตกตา่ งกนั ของบคุ คลยอ่ มสง่ ผลใหม้ คี วามคดิ และความเชอื่ ตั้งคําถามกบั นกั เรียนวา ทแ่ี ตกตา่ งกนั ๒) การฟงั และด ู : โฆษณา โดยจะน�าเสนอโฆษณาของบริษัทประกันชีวิตแห่งหน่ึง • นกั เรยี นคิดวาโฆษณาตัวอยา ง ซ่ึงเปน็ เร่อื งราวเกย่ี วกับเดก็ สาววยั ร่นุ คนหนึง่ ที่ถูกกดดนั ท้งั จากตวั เองและคนรอบขา้ ง ด้วยขอ้ หา ท่แี สดงไวในหนังสอื เรียน ที่ว่า “พ่อเป็นใบ้” ซ่ึงท�าให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจท่ีเกิดมามีพ่อเป็นคนพิการ จนบางคร้ังเธอได้แสดง ใหข อคดิ ทเี่ ปนประโยชนตอ กิริยาก้าวร้าวกับพ่อ แต่แล้วในวันเกิดของเธอ เธอถูกคนรักบอกเลิก เธอเศร้าเสียใจจนคิด นักเรียนหรอื ไม อยา งไร ท�าร้ายตัวเอง และในขณะท่ีเธอก�าลังนั่งคร�่าครวญถึงคนอ่ืนอยู่น้ัน พ่อกลับก�าลังต้ังอกตั้งใจ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบ ซอ้ มอวยพรวันเกดิ ใหเ้ ธออย่างแข็งขนั และเม่ือพ่อรบั ร้วู า่ ลูกกา� ลังจะตาย เขาทา� ทกุ วิถที างเพือ่ ที่ ไดอ ยางหลากหลาย ครูควร จะย้ือชีวติ ลูกจงึ ท�าใหเ้ ธอรู้ว่าพ่อรักอยา่ งสุดหัวใจ สนบั สนุนใหน ักเรยี นไดแ สดง ๒.๑) รูปแบบ โฆษณาชิ้นน้ีเป็นการน�าเสนอผ่านบทสนทนาและภาพเคลื่อนไหว ความคดิ เห็นอยางอิสระ) โดยเปดิ เรอื่ งใหก้ ระทบใจผู้รบั สารดว้ ยคา� พูดของลกู สาวว่า NET ขอ สอบ ป 53 ขอ สอบถามวา ขอใดไมมกี าร “หนูอยากได้พอ่ ที่ดกี วา่ นี”้ โนม นา วใจ “พ่อที่ไมเ่ ปน็ ใบ้” 1. สถาบนั อบรมการวางแผน “พอ่ ทเี่ หมอื นคนอื่น” การขายแบบเหนือช้นั “พอ่ ทไ่ี ดย้ ินในสิง่ ท่ีหนูอยากบอก” ทกุ ขน้ั ตอน “พอ่ ที่พูดได้ และก็เขา้ ใจหนูได”้ 2. ศูนยห วั ใจใหบ รกิ ารตรวจ วินจิ ฉยั รกั ษาโรคหัวใจและ 128 หลอดเลือด 3. ตลาดนํา้ กลางเมอื งหลวง ทย่ี ังคงอนุรกั ษภ าพชีวิตแบบ โบราณ 4. กระจกสองหนา ท่ีเพ่ิมลกู เลน เอาใจสภุ าพสตรผี รู ักสวยรักงาม (วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 2. เปนการเสนอขอมูลซึง่ เปนขอเท็จจรงิ ไมมถี อยคาํ ท่ีมุง เรา ใหผ รู ับสารเกิดอารมณความรูสึก คลอ ยตาม ดังนัน้ จึง ตอบ ขอ 2.) 128 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate ซึ่งภาพประกอบค�าพูดดังกล่าวคือ ภาพของเด็กสาวที่ไม่มีความสุข ก�าลังยืนอยู่ อธิบายความรู หน้ากระจก ส่งต่อมายังภาพที่โดนเพื่อนแกล้งล้อเลียนว่า “ลูกไอ้ใบ้” ภาพที่พ่อมาส่งท่ีโรงเรียน แล้วยืนมองพ่อส่งภาษามือด้วยความไม่เข้าใจ ภาพการแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว ก้าวร้าวต่อพ่อ นักเรียนยืนในลกั ษณะวงกลม ของตน ภาพทถ่ี กู คนรกั บอกเลกิ ภาพพอ่ ทน่ี ง่ั ซอ้ มอวยพรวนั เกดิ ใหแ้ กล่ กู ภาพลกู สาวท�ารา้ ยตวั เอง เพอ่ื รว มกนั อธิบายความรเู กี่ยวกบั ภาพพอ่ ทน่ี า�้ ตานองหนา้ อมุ้ ลกู สาวไปสง่ โรงพยาบาลและสอ่ื สารดว้ ยภาษามอื เพอื่ ใหแ้ พทยช์ ว่ ยชวี ติ แนวทางการฟง และดสู ่ือโฆษณา ของลูกสาว อยา งมีประสิทธภิ าพ โดยครูเปน ผตู ้ังคําถามและสุมเรียกช่อื นกั เรยี น “อยา่ ให้ลกู ผมเป็นอะไรนะคณุ หมอ” ตอบคาํ ถาม “ผมมีเงิน ลูกสาวผมตอ้ งไม่ตาย” • หลักการใชภ าษาในโฆษณา จากน้ันจึงตัดภาพไปเฉลยภาษามือและท่าทางต่างๆ ท่ีพูดกับลูกสาว ซึ่งน�าเสนอ มีลกั ษณะเดนอยา งไร ครงั้ แรกผ่านมมุ มองของลกู สาวให้ผูช้ มเข้าใจมากข้นึ (แนวตอบ ลักษณะของภาษา โฆษณา คือ ใชค ํานอ ย กระชบั “ลูกตอ้ งกนิ เยอะๆ จะไดโ้ ตเรว็ ๆ” เพอื่ ใหผดู ู ผูฟง จดจําช่อื และ “ตอ้ งตง้ั ใจเรียนหนังสือ” คุณสมบตั ิของผลิตภณั ฑไดง าย “พ่ออยากให้หนมู ีความสขุ ” ข้นึ ) สลบั กับภาพความร้อนใจของผเู้ ปน็ พอ่ ต่ออาการของลกู สาว จากน้ันจงึ ปรากฏภาพ • นักเรยี นมวี ิธีพิจารณาความ พอ่ ซ้อมบทสนทนาท่จี ะพดู กับลกู ขณะรอฉลองวนั เกดิ นา เชอื่ ถือของโฆษณาสนิ คา และ บรกิ ารตา งๆ อยางไร “พอ่ เกิดมาเปน็ ใบ้ พอ่ ขอโทษ พ่อพดู ไมไ่ ด้เหมือนพ่อคนอืน่ ” (แนวตอบ คาํ ตอบไมมถี ูกหรือผดิ “แตพ่ อ่ อยากให้หนูรู้ว่า พอ่ รักหนูมากทส่ี ดุ ” เพราะเปน การแสดงความคดิ เหน็ อยา งอิสระ แตค าํ ตอบของ จากนน้ั เปน็ ภาพการใหเ้ ลอื ด ความคดิ ยอ้ นอดตี ทพ่ี อ่ กา� ลงั อมุ้ ชลู กู สาวในวยั เดก็ สลบั นกั เรยี นควรอยูในขอบขายของ กบั ภาพลกู สาวทกี่ า� ลงั นอนใหเ้ ลอื ด แลว้ นา� ไปสกู่ ารรสู้ า� นกึ และคดิ ไดข้ องลกู สาว ดงั ภาพทฟี่ น้ื ขนึ้ มา การพจิ ารณาจากขอ เท็จจริง ร้องไห้ พลางเอื้อมมอื ไปจับมือพอ่ ทนี่ อนหลับจากการให้เลอื ด สุดท้ายจงึ เป็นการสรปุ แนวคดิ หลัก และขอ คิดเหน็ ) ของโฆษณาน�าเสนอผ่านประโยคที่ว่า “บางทีอาจจะไม่มีพ่อที่ดีท่ีสุด แต่มีพ่อที่รักคุณมากที่สุด ดแู ล...คนทด่ี ูแลคณุ ” และปิดท้ายด้วยช่ือของบริษทั พร้อมภาพสัญลกั ษณ์ NET ขอ สอบ ป 53 รปู แบบการนา� เสนอของโฆษณาดงั กลา่ ว แนวคดิ หลกั ของโฆษณาตอ้ งการกระตนุ้ ให้ ขอ สอบถามวา ขอ ความตอ ไปนี้ มนษุ ยเ์ หน็ ความสา� คญั ของชวี ติ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ คนในครอบครวั ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั เจา้ ของโฆษณา ไมใชก ลวธิ โี นมนา วใจตามขอใด 129 “หมบู า นทา มกลางธรรมชาติรมรนื่ อากาศบริสุทธ์ิเหมาะแกก ารสรา ง เสรมิ สุขภาพ สภาพแวดลอ มดเี ดน จนมรี างวัล 4 ป ซอ นเปนประกนั ” 1. แสดงใหเ หน็ ถงึ ความนาเช่ือถอื ของขอ มลู 2. ชใี้ หเหน็ ประโยชนข องผรู ับสาร 3. นําเสนอจดุ เดนของสนิ คา 4. ใชค ําเรา อารมณ (วเิ คราะหคาํ ตอบ คาํ เรา อารมณ คือ ถอยคาํ ท่เี รา อารมณของผรู บั สารใหเกิด ความตอ งการอยางแรงกลาไมใ ชเหตผุ ลในการ พจิ ารณาและนําไปสกู ารตดั สินใจคลอยตาม ผูสง สารไดโ ดยงาย ดังน้ันจงึ ตอบ ขอ 4.) คูม ือครู 129

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explore Explain Evaluate ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 20%) นักเรียนเลือกชมโฆษณาทีส่ นใจ ซง่ึ เปน็ บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ จงึ ไดว้ างรปู แบบการดา� เนนิ เรอื่ งเพอ่ื ชกั จงู ความรสู้ กึ ของผชู้ ม โดยนา� เสนอ หรือประทบั ใจแลวศกึ ษาตามหวั ขอ เร่ืองราวความขัดแย้งในครอบครัว การมองไม่เห็นความส�าคัญของพ่อแม่ โดยท่ีเร่ืองราวเหล่านี้ ตอไปน้ี เป็นเร่ืองท่ีกระทบต่อความรู้สึกและสร้างอารมณ์ความรู้สึกคล้อยตามได้เป็นอย่างดี ลักษณะการ ดา� เนนิ เรอ่ื งของโฆษณามสี ว่ นคลา้ ยกบั เรอ่ื งสน้ั ทท่ี า� ใหผ้ รู้ บั สารรจู้ กั ภมู หิ ลงั ของตวั ละคร จากนนั้ จงึ • สาระสําคญั ผกู ปมขดั แยง้ ขนึ้ ภายในเรอื่ ง ซง่ึ ในโฆษณาชนิ้ น้ี คอื ลกู สาวรสู้ กึ ไมพ่ อใจทมี่ พี อ่ เปน็ ใบ้ ถกู ลอ้ เลยี น • ภาษาที่ใช จากนนั้ ปมขดั แยง้ จงึ มคี วามเขม้ ขน้ ขนึ้ เมอื่ เดก็ สาวถกู คนรกั บอกเลกิ และเธอทา� รา้ ยรา่ งกายตนเอง • ความนา เช่ือถอื ซง่ึ ถอื เปน็ จดุ วกิ ฤตของเรอ่ื ง และสดุ ทา้ ยจดุ คลคี่ ลายของเรอื่ งจงึ ไดเ้ กดิ ขน้ึ เมอ่ื ผเู้ ปน็ พอ่ เสยี สละเลอื ด บันทกึ ผลการศึกษาเพ่อื นาํ เสนอ ของตนให้แก่ลูกสาวท�าใหค้ วามรสู้ กึ ของเธอท่ีมตี อ่ ผู้เปน็ พอ่ เปลีย่ นแปลงไปในทศิ ทางทีด่ ขี ้นึ หนาช้ันเรยี นภายในเวลา 3 นาที ๒.๒) ภาษา ภาษาในโฆษณาเรื่องนี้ น�าเสนอเป็น ๒ ลกั ษณะ คอื ภาษาพดู หรือ วจนภาษาและภาษามือหรืออวจนภาษา ซ่ึงทั้งสองส่วนมีลักษณะการใชถ้ อ้ ยค�าคล้ายกัน คอื เป็น NET ขอสอบ ป 51 ประโยคทส่ี นั้ กระชบั สอื่ ความชดั เจนและกอ่ ใหเ้ กดิ อารมณส์ ะเทอื นใจ เชน่ “หนอู ยากไดพ้ อ่ ทด่ี กี วา่ น”้ี “แต่พ่ออยากให้หนูรู้ว่า พอ่ รกั หนมู ากที่สดุ ” ทงั้ ลกั ษณะการใช้ประโยคเพือ่ เรียบเรียงเรอื่ งราวยงั มี ขอ สอบถามวา ขอความตอ ไปน้ี ลักษณะเป็นลา� ดับข้ันตอนเพ่ือปพู น้ื ฐานอารมณค์ วามรู้สึกของผู้รับชม แสดงกลวธิ กี ารโนม นาวใจตามขอใด รปู แบบการใชภ้ าษาในโฆษณาชนิ้ นม้ี คี วามนา่ สนใจ จากประโยคทว่ี า่ “บางทอี าจจะ “บา นพกั ตากอากาศทที่ า นควรสนใจ ไม่มพี อ่ ทีด่ ที ่ีสุด แตม่ พี อ่ ทีร่ ักคุณมากทส่ี ดุ ” การใชภ้ าษาของโฆษณาชนิ้ น้มี ีผลกระทบต่ออารมณ์ มีหอ งพักสดุ หรใู หเลือกมากมาย ความรสู้ กึ ของผชู้ มใหต้ ระหนกั ในความส�าคญั ของคนในครอบครวั จากชว่ งแรกของประโยค จากนนั้ พรอ มนวดแผนไทยทา มกลาง จงึ ชกั นา� เขา้ สจู่ ดุ ประสงคห์ ลกั ของการโฆษณา คอื การซอ้ื ประกนั ชวี ติ จากบรษิ ทั จากสว่ นทา้ ยของ ธรรมชาติรมิ นาํ้ สามารถเลอื ก ประโยค “ดูแล...คนท่ีดูแลคณุ ” กิจกรรมตา งๆ ในแหลง ทอ งเทย่ี ว ๒.๓) แนวคดิ โฆษณาเร่อื งนี้เสนอมมุ มองความรักของ “พอ่ แม่ ผปู้ กครอง” ทีม่ ีตอ่ ใกลเคียงมากมาย เชน ตกี อลฟ “ลูก” ผ่านตัวละคร “พ่อ” ซึง่ แมจ้ ะไมใ่ ช่พ่อท่สี มบรู ณ์ในแบบทลี่ ูกตอ้ งการ แต่ความมงุ่ หวงั สงู สุด ลองแกง ขึ้นเขา ชมวถิ ีชวี ิตสัตวป า ของ “พอ่ ” คอื ตอ้ งการใหล้ กู มีความสุข ซึ่งจะน�าไปสู่แนวคดิ สา� คญั ของโฆษณาวา่ “บางทอี าจจะ เท่ยี วชมพระราชวังและวัฒนธรรม ไม่มพี ่อที่ดที ส่ี ุด แตม่ พี อ่ ทร่ี ักคณุ มากทีส่ ุด ดูแล...คนทดี่ แู ลคุณ” ทั้งนหี้ ากพิจารณาลงไปอกี ระดับ ทอ งถน่ิ ” ในสิ่งที่โฆษณาไม่ได้กล่าวถึง แต่มีการน�าสัญลักษณ์ของบริษัทข้ึนต่อท้าย จึงอาจพิจารณาได้ถึง แนวคดิ หลักท่แี ฝงอยู่ คอื การทา� ประกันชีวติ กบั บริษัทซง่ึ เปน็ สงิ่ ทด่ี ีทส่ี ุดทั้งตอ่ ตวั เองและบคุ คลท่ี 1. แสดงใหเห็นถงึ ความนาเชื่อถือ อยใู่ นความดูแล ของผูโนม นาวใจ จากการประเมินค่าโฆษณาข้างต้น จะเห็นได้ว่ากระบวนการน�าเสนอท้ังรูปแบบ 2. แสดงใหประจกั ษถงึ ความรสู ึก ภาษา และแนวคิด ตา่ งกลมกลนื สอดคลอ้ งกัน ทง้ั อารมณ์สะเทือนใจทเ่ี กิดขน้ึ ยังสรา้ งแรงบันดาล หรอื อารมณร ว มกัน ใจต่อผู้รับสารให้มีเข้าใจและเห็นคุณค่าในความรักของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นคุณธรรมพ้ืนฐานในชีวิต ประจ�าวนั ทบ่ี ตุ รพึงมีตอ่ บดิ ามารดา 3. แสดงใหเ หน็ ความหนักแนนของ เหตุผล 130 4. แสดงใหเ หน็ ถึงทางเลือก ทั้งดา นดีและดานเสีย (วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ ความทใี่ หม า แสดงกลวธิ กี ารโนม นาวใจ โดยแสดงใหเ หน็ ความหนักแนน ของเหตผุ ลวา บา นพกั ตากอากาศ ทที่ า นควรสนใจ เพราะมหี อ งพกั สุดหรูใหเลอื กมากมาย มนี วดแผนไทย มธี รรมชาตริ มิ นาํ้ และมีกจิ กรรมตา งๆ ในแหลง ทอ งเท่ียวใกลเคยี ง ดงั นนั้ จึง ตอบ ขอ 3.) 130 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๓) การฟงั และด ู : เพลง สาํ รวจคน หา ชะตาชีวติ 1. นกั เรียนจับคูกับเพอื่ นรวมกนั อา นบทเพลง ชะตาชีวิต จากนน้ั นกนอ้ ยคลอ้ ยบนิ มาเดยี วดาย คิดคิดมิวายกังวลใหห้ ม่นฤทัยหมอง ใหรว มกนั สรปุ สาระสําคญั หรือ แนวคิดของบทเพลงทีส่ ามารถ ขาดมวลมิตรไรค้ นสนิทคเู่ คียงครอง หลงใหลหมายปองคนปราน ี นํามาประยุกตใ ชในชวี ติ ประจําวนั ของนกั เรยี นได ขาดเรือนแหลง่ พักพา� นกั นอน ขาดญาตบิ ดิ รและนอ้ งพ่ ี 2. นกั เรียนคูเดมิ รวมกนั ศึกษา บาปกรรมคงมีจ�าทนระทม ตัวอยา งการพิจารณารปู แบบ ภาษา และแนวคิดของบทเพลง ท้องฟา้ สายณั หต์ ะวันเลือน แสงลับนบั วนั จะเตอื นใหใ้ จต้องขื่นขม ชะตาชวี ิต จากหนงั สือเรียน หนา 131-132 หากเย็นลงฟา้ คงยง่ิ มืดยิ่งตรอมตรม ชีวติ ระทมเพราะรอมา จวบจันทร์แจม่ ฟา้ นภาผ่อง เฝ้ามองให้เดือนชบุ วิญญาณ ์ อธบิ ายความรู สกั วันบุญมาชะตาคงดี 1. นกั เรียนยนื ในลกั ษณะวงกลมเพื่อ รวมกนั อธบิ ายความรูเก่ยี วกบั ๓.๑) รูปแบบ เพลงพระราชนิพนธ์ชะตาชวี ิต ในพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา- ตวั อยา งการพจิ ารณารปู แบบ ภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงพระราชนิพนธท์ �านองและทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ ภาษา และแนวคิดในบทเพลง พระองคเ์ จา้ จกั รพนั ธ์เพญ็ ศิริ นพิ นธ์ค�ารอ้ งภาษาองั กฤษ และศาสตราจารย์ ดร. ประเสรฐิ ณ นคร พระราชนพิ นธชะตาชีวิต ประพนั ธ์เนือ้ รอ้ งภาษาไทย ซง่ึ ในทนี่ จ้ี ะกลา่ วถงึ เฉพาะเนอื้ ภาษาไทย 2. ครตู ง้ั คําถามกับนักเรยี น ดว ย รปู แบบทใี่ ชใ้ นการประพนั ธเ์ นอื้ รอ้ งภาษาไทย มลี กั ษณะคลา้ ยกบั กลอนสภุ าพ จา� นวน วิธกี ารสุมเรียกชอ่ื เพื่อตอบคาํ ถาม ๔ บท แตบ่ ทที่ ๒ และบทท่ี ๔ มเี พยี ง ๓ วรรค โดยละวรรคท่ี ๔ ของทง้ั ๒ บท จา� นวนค�าใน • นักเรียนคิดวา เพลงท่ีมีคณุ คา แตล่ ะวรรคมตี ง้ั แต่ ๗-๑๑ คา� เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งพอดกี บั จงั หวะและทา� นองเพลง นอกจากนยี้ งั มกี าร ควรมลี ักษณะอยางไร ใช้สมั ผสั แบบกลอนสุภาพท้ังที่เปน็ สัมผัสบังคบั และไม่บังคบั หรือสัมผัสใน (แนวตอบ คําตอบไมมีถูกหรือผดิ ๓.๒) ภาษา เพลง “ชะตาชวี ติ ” มลี ักษณะการใชภ้ าษา ดงั น้ี นักเรยี นสามารถตอบไดอยา ง (๑) การใชค้ วามเปรยี บในการนา� เสนอ เชน่ คา� วา่ “นกนอ้ ยคลอ้ ยบนิ มาเดยี วดาย” หลากหลาย เพราะเปน การ ผูป้ ระพนั ธใ์ ช้ “นกน้อย” เป็นสญั ลกั ษณแ์ ทนบุคคลที่โดดเด่ยี ว ขาดทพ่ี ง่ึ ตอ้ งการการปกป้องดแู ล แสดงความคดิ เห็นอยางอสิ ระ) (๒) การใช้ค�าแฝงความหมาย เช่น “คล้อย” ซึ่งตามปกติมักใช้ร่วมกับค�า “เคลอ่ื นคลอ้ ย” “คลาดคล้อย” ในความหมายว่าการเดนิ ทาง การเคลื่อนท่ี หากในท่นี ้ี “คลอ้ ย” คือ NET ขอ สอบ ป 50 “หยอ่ น” “ไมต่ รง” ซง่ึ อาจพจิ ารณาไดว้ า่ “นก” ตวั น้ี ใชช้ วี ติ ในวถิ ที เี่ คลอ่ื นออกหรอื ผดิ ไปจากวถิ ปี กติ คือจา� ตอ้ งอยูอ่ ยา่ งโดดเดี่ยว ขอสอบถามวา บคุ คลในขอใดขาด (๓) การใชค้ า� ซ�า้ เชน่ “คิดคดิ ” เพอ่ื แทนกริยาหมกมุ่น ย้า� คิดย�้าทา� แตก่ ลับ มารยาทในการฟง ไม่มีอะไรดขี ้ึนมา 1. กรองกาญจนปรบมือเสยี งดัง 131 หลังจากพธิ กี รแนะนาํ ผูบ รรยาย 2. ขณะฟงมาลซี กั ถามตลอดเวลา 3. เม่ือวทิ ยากรเริม่ บรรยาย สิรินาก็ฟงอยา งตง้ั ใจ 4. สชุ าดาสบตาอาจารยขณะฟง บรรยาย (วิเคราะหค ําตอบ การซักถามตลอดเวลาขณะท่ี วทิ ยากรบรรยายเปน การขาดมารยาทในการฟง เพราะรบกวนสมาธิของผอู ื่น ดังนน้ั จึง ตอบ ขอ 2.) คูมอื ครู 131

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Engage Explore Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%) นักเรียนยืนในลกั ษณะวงกลม (๔) การเล่นคา� เชน่ “ขาด” ใน “ขาดมวลมติ ร” “ขาดเรอื นแหล่งพัก” “ขาด เพอ่ื รวมกนั ตอบขอซักถามของครู ญาตบิ ดิ ร” เพ่ือเป็นการตอกยา�้ ให้เห็นภาพความทุกข์ระทม ความส้นิ ไรอ้ ยา่ งแสนสาหัส (๕) การเปรยี บเทยี บเปน็ คคู่ วาม ดงั เนอื้ เพลงทวี่ า่ “ทอ้ งฟา้ สายณั หต์ ะวนั เลอื น • นกั เรียนคิดวา บทเพลง แสงลบั นบั วนั จะเตอื นใหใ้ จตอ้ งขน่ื ขม หากเยน็ ลงฟา้ คงยง่ิ มดื ยง่ิ ตรอมตรม ชวี ติ ระทมเพราะรอมา” พระราชนพิ นธชะตาชวี ิต กบั “จวบจนั ทร์แจม่ ฟา้ นภาผอ่ ง เฝ้ามองให้เดอื นชุบวิญญาณ์ สกั วนั บญุ มาชะตาคงด”ี กล่าวคอื มีคุณคาในดา นใดบาง ผู้แต่งใช้ภาพท้องฟ้าที่มืดไร้แสงสว่างเป็นคู่เทียบกับภาพพระจันทร์ส่องแสงกระจ่างท้องฟ้า แล้ว (แนวตอบ คาํ ตอบไมมถี กู หรอื ผิด เชอื่ มโยงเปรยี บเทยี บไปสู่ “ชวี ติ ทท่ี ้อแท้ ส้ินหวงั หมดหนทาง” กับ “โอกาสดีๆ ท่ีเขา้ มาสร้างสรรค์ ขนึ้ อยูกับดุลยพนิ ิจของครูผสู อน ชีวิตให้ดขี ้ึน” ซึ่งควรสนบั สนนุ ใหน กั เรยี นได (๖) การใชค้ �าสัมผสั ในรูปแบบตา่ งๆ เช่น แสดงความคดิ เหน็ อยางอิสระ) ๑. ค�าเคียง คือ สระและพยัญชนะสะกดเดียวกันเรียงกัน ๒ ค�า เช่น • นกั เรยี นคดิ วาแนวคดิ ทป่ี รากฏ “ทอ้ งฟา้ สายณั ห์ตะวนั เลอื น” “นกนอ้ ยคล้อยบินมาเดียวดาย” ในบทเพลงยุคปจจุบนั มลี ักษณะ เปน อยา งไร ๒. ค�าแทรกเคียง คอื คา� สระเดียวกัน ๒ ค�าแต่มคี า� อ่นื มาคนั่ หนง่ึ ค�า เชน่ (แนวตอบ คาํ ตอบไมมถี ูกหรือผดิ “หากเยน็ ลงฟา้ คงย่งิ มดื ยิง่ ตรอมตรม” ขึ้นอยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูสอน ซง่ึ ควรสนับสนุนใหนกั เรียนได ๓. คา� คู่ คือ เสยี งพยญั ชนะเดียวกันเรยี งกัน ๒ ค�า เช่น “ขาดมวลมติ ร แสดงความคดิ เหน็ อยางอสิ ระ) ไร้คนสนทิ คเู่ คยี งครอง” ขยายความเขาใจ ๔. คา� เทียบคู่ คอื เสยี งพยัญชนะเดยี วกัน ๓ คา� เรียงกนั เชน่ “จวบจนั ทร์ แจม่ ฟา้ นภาผ่อง” 1. นักเรียนทบทวนตัวอยางแนวทาง การฟง และดบู ทเพลงจาก บทเพลงพระราชนิพนธ์ “ชะตาชวี ิต” ใช้คา� สัมผสั แบบต่างๆ เพ่ือสรา้ งความ หนังสอื เรียน หนา 131-132 กลมกลืนและความไพเราะใหบ้ ทเพลง ส่วนการใช้ถ้อยคา� แบบตา่ งๆ เชน่ ความเปรียบ สัญลักษณ์ จากน้นั ใหคดั เลอื กบทเพลงท่ี ช่วยให้ความหมายของเพลงมีความลึกซ้ึงกินใจ กระทบอารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟังให้คล้อยตาม ตนเองประทบั ใจ มีคุณคาทาง และร้สู ึกมคี วามหวัง ก�าลังใจในการใช้ชวี ิตตามสารทสี่ ื่อมาในบทเพลง ดา นเน้อื หาและวรรณศิลปม าฟง ๓.๓) แนวคดิ บทเพลงพระราชนพิ นธ์ “ชะตาชวี ิต” สอ่ื แนวคิดหลกั มาส่ผู ู้รับสารใน เพื่อศกึ ษาในหัวขอ ดงั น้ี เชงิ ใหค้ วามหวงั ใหก้ า� ลงั ใจ ดงั เนอื้ ความ ไมว่ า่ ชะตาชวี ติ จะตา่� ตอ้ ย โดดเดย่ี ว มดื มน สน้ิ ความหวงั • แนวคิดหรอื สาระสําคญั อยา่ งไร แตส่ กั วนั หนงึ่ ยอ่ มมโี อกาสทด่ี เี ขา้ มาเพอ่ื เตมิ เตม็ พลงั และความหวงั ในการดา� เนนิ ชวี ติ ซงึ่ • การใชภาษาหรอื สาํ นวนโวหาร แนวคิดน้ีสามารถน�ามาปรับใช้ในชีวิตประจ�าวันเพราะมนุษย์ทุกคนย่อมพบเจอกับอุปสรรคในชีวิต • ความนา เชอื่ ถอื อกี มากในอนาคตหากไม่ย่อทอ้ สักวันหนึง่ ก็จะเปน็ ผ้ทู ่ไี ดร้ บั ความสา� เร็จ บันทกึ ผลการศึกษาเพื่อนาํ เสนอ จากการประเมนิ คา่ จะเหน็ วา่ จ�านวนคา� และบทของเนอ้ื เพลงสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั ท�านอง หนาชั้นเรยี นภายในเวลา 3 นาที รวมถึงการใช้กลวิธีทางภาษาเอื้อให้แนวคิดของเพลงเด่นชัดข้ึน สามารถสื่อความและก่อให้เกิด 2. นักเรียนเขยี นแสดงความคิดเหน็ ความหวัง ก�าลงั ใจ พลังใจต่อสฟู้ ันฝ่าอปุ สรรคต่างๆ ไปสู่ความสา� เรจ็ ของตนเองเกีย่ วกบั การฟงและดู 132 บทเพลงสะทอ นใหเห็นคุณคา ดา นใดของสังคม (แนวตอบ สะทอ นคา นยิ ม วิถีชวี ติ ความเชอ่ื คา นยิ มของคนในแตล ะ สงั คมวัฒนธรรม) B พนื้ ฐานอาชพี B บทเพลง คือ ส่ิงที่แสดงถึงรสนยิ มของบคุ คล บคุ คลท่ีมีรสนิยมแตกตา งกนั ยอมมคี วามชื่นชอบในบทเพลง ที่แตกตางกนั บางคนชอบเพลงลูกทงุ บางคนชอบเพลงสากล ครูสามารถจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ปูพนื้ ฐานไปสอู าชพี นักแตงเพลงหรือนกั วิจารณเพลงใหแกนักเรยี นได เชน ใหน ักเรยี นเขยี นวิจารณ บทเพลงท่ีชนื่ ชอบหรือแตงเพลงท่มี ีเน้ือหาในเชงิ สรางสรรค โดยใชความรู ความเขาใจเกีย่ วกบั ภาษาใน 132 คูม อื ครู บทเพลงใหเ กดิ ประโยชน

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand Evaluate สํารวจคนหา ๔) การฟง และดู:ละคร ขอยกตวั อยา งละครเรอ่ื งพระมหาชนก ของอาจารยจ กั รกฤษณ 1. นักเรยี นจับคูก ับเพือ่ นรวมกนั ดวงพตั รา ซง่ึ ดดั แปลงจากบทพระราชนพิ นธใ นพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช อา นบทละครเร่อื งมหาชนก ของ ตอนทย่ี กมาเปน บทสนทนาโตต อบระหวา งนางมณเี มขลากบั พระมหาชนก ในขณะทพี่ ระมหาชนก อาจารยจักรกฤษณ ดวงพตั รา ซ่ึง เรือแตกและวา ยนํ้าอยใู นมหาสมุทร ดังนี้ ดัดแปลงจากบทพระราชนพิ นธ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร- มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เฉพาะตอนที่ ยกมาเปนตัวอยางในหนังสือเรียน - ฟอลโลวบรเิ วณท่ี ๑ หรล่ี งจนมืด - หนา 133-136 บันทึกสาระสําคัญ - ไฟบรเิ วณที่ ๘ สวางขนึ้ - ของละครและแนวคิดที่ไดรับจาก เร่ือง - เห็นเรือสําเภากําลังจมลงในมหาสมุทร บรรดาคนบนเรือกําลังต่ืนตระหนก แตพระมหาชนก 2. นกั เรยี นคูเดมิ รวมกนั ศกึ ษา สงบระงับ ทรงหยบิ ผาชุบนาํ้ มันมาพันพระองคผนื หนง่ึ และทรงนงุ อกี ผนื หน่งึ แลว จึงทรงยนื เกาะ เสากระโดง - ตัวอยา งการพิจารณารปู แบบ ภาษาและแนวคิดของละครเรอื่ ง มหาชนกลัวมรณภัย รองไหครํ่าครวญ กราบไหวเทวดาท้ังหลาย แตพระมหาสัตว พระมหาชนก จากหนงั สือเรียน ไมทรงกันแสง ไมทรงครํ่าครวญ ไมไหวเทวดาทั้งหลาย พระองคทรงทราบวาเรือจะจม จึงคลุก หนา 136-139 นํ้าตาลกรวดกับเนยเสวยไวจ นเตม็ ทอ ง แลวชบุ ผา เน้อื เกลี้ยงสองผืนดว ยนํา้ มนั จนชุม ทรงนุง ใหมั่น ทรงยนื เกาะเสากระโดง ข้ึนยอดเสากระโดงเวลาเรือจม ทรงกําหนดทศิ วาเมืองมถิ ิลาอยูทิศนี้ - เรอื จมลง เห็นพระมหาชนกทรงเกาะเสากระโดงเพยี งลาํ พัง - นักเรยี นควรรู - ไฟหลงั เวทสี วา งขนึ้ เปนสแี ดง สว นไฟบรเิ วณที่ ๘ หรล่ี งจนมดื ทกุ อยา งสงบนงิ่ - - เสยี งคลน่ื ลมสงบ และเสยี งคนเงยี บลง - ฟลตู เปน เครือ่ งดนตรีสากล - ฟอลโลวจับบริเวณที่ ๑ - ประเภทเครื่องเปา ลมไม ซ่ึงแตกตาง จากเคร่อื งเปา ลมประเภทอ่นื ๆ ท่ี มหาชนเปนภักษาแหงปลาและเตา นํ้าโดยรอบมีสีเหมือนโลหิต พระมหาสัตวเปนไป กาํ เนดิ เสยี งจากการสนั่ สะเทือนของ ล้ิน ฟลตู กาํ เนดิ เสยี งจากการผวิ ของ อยูในคล่ืนซึ่งมีสีดังแกวมณี เหมือนตนกลวยทองขามมหาสมุทรดวยกําลังพระพาหา ทรงวายขาม มหาสมทุ รอยเู จด็ วัน - เสียงปพ าทยท าํ เพลง โล ๑ เท่ียว - ลม ลักษณะเสยี งของฟลูตจะมคี วาม - ฟอลโลวจ ับบรเิ วณที่ ๑ และไฟหลงั เวทีหรล่ี งจนมืดทง้ั เวที - ไพเราะ นุม นวลออนหวาน - ไฟบรเิ วณที่ ๙ สวางขึน้ - - เหน็ นางมณเี มขลาประทบั อยใู นวมิ าน - ในกาลนนั้ เทพธิดาชอ่ื มณเี มขลา เปน ผูดูแลรกั ษาสตั วทัง้ หลายผูป ระกอบคุณ มีบํารงุ NET ขอสอบ ป 51 บิดา มารดา เปนตน เปนผูไมสมควรตายในมหาสมุทร นางตรวจดูก็เห็นพระมหาสัตว จึงคิดวา ขอ สอบถามวา สมศรีฟง “ถา พระมหาชนกกมุ ารจกั ตายในมหาสมทุ รเราจกั ไมไ ดเขาเทวสมาคม” คดิ ฉะน้แี ลว ตกแตง สรีระ คาํ ประพนั ธจากรายการวิทยุ สถิตอยใู นอากาศไมไกลพระมหาสตั ว ดงั ตอ ไปน้ี - เสียงฟลูตเดย่ี วเพลงเชดิ ฉ่งิ ตวั ๑ คลอ - แมม ไิ ดเปน ดอกกหุ ลาบหอม ๑๓๓ กจ็ งยอมเปนเพียงลดาขาว แมมิไดเ ปนจนั ทรอ ันสกาว จงเปน ดาวดวงแจม แอรมตา หลงั จากฟง แลวเธอรสู กึ ประทบั ใจ มาก เพราะใหแ งคดิ ในการดําเนนิ ชวี ติ วา คนเราควรพอใจกับสิ่งที่เราเปนอยู จากสถานการณใ นขอ ความขา งตนแสดงวา สมศรมี สี ัมฤทธิผลในการฟงขน้ั ใด 1. เขา ใจจดุ ประสงคข องผพู ูด 2. รับรูข อความไดค รบถวน 3. บอกไดวา สิ่งทฟี่ งนาเชื่อถอื 4. ประเมนิ ไดวาส่ิงทฟ่ี งมีประโยชน (วเิ คราะหคําตอบ สมศรมี สี มั ฤทธ์ผิ ลในการฟงขน้ั ประเมินไดว า สิง่ ที่ฟง นัน้ มีประโยชน 133ใหแงค ดิ ท่ีสามารถนําไปปรับใชใ นขีวิตประจาํ วนั ดงั นั้นจึง ตอบ ขอ 4.) คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) ครสู ุมเรียกชื่อนักเรียนออกมา - นางมณเี มขลาร�าเชดิ ฉิ่ง - อธิบายความรูหนา ชน้ั เรียนเกย่ี วกับ - ไฟบรเิ วณท่ี ๙ หร่ลี ง ฟอลโลวจ์ บั เฉพาะทนี่ างมณีเมขลา - ตัวอยางแนวทางการฟงและดลู ะคร - สไลดภ์ าพวาดมหาสมุทรจากดา้ นหลัง บริเวณด้านที่ ๘ สวา่ งข้นึ - อยางมีประสทิ ธิภาพ โดยครูสุมเรยี ก - เห็นพระมหาชนกทรงวา่ ยนา�้ อยใู่ นมหาสมุทร มีปูทะเลยักษห์ นุนพระบาทอยู่ - ไมต่ํากวา 3 คู - ฟอลโลว์ยังคงจบั ท่นี างมณีเมขลา - - เหน็ นางมณีเมขลาลอยเยื้องอยู่เบอื้ งบนใกลๆ้ - เกร็ดแนะครู - เสียงดนตรีเบาลง และคลออยู่ตลอดการปุจฉาวสิ ัชนาธรรมกถา - มณเี มขลา น้ีใคร เมื่อแลไมเ่ ห็นฝงั่ กอ็ ตุ สาหพยายามว่ายอยทู่ า่ มกลางมหาสมทุ ร ท่านรอู้ �านาจ ครูควรชี้แนะแกนกั เรยี นวา ละครเวทีเปน ศาสตรและศิลป ประโยชน์อะไร จงึ พยายามว่ายอย่อู ย่างน้ีนักหนา แขนงหน่ึงท่ีสรา งอาชีพใหแ กบ คุ คล พระมหาชนก ดูกอ่ นเทวดา เราไตรต่ รองเห็นปฏปิ ทาแห่งโลก และอานิสงส์แห่งความเพยี ร คือรู้วา่ เปน จํานวนมาก เชน ผูเขียนบทละคร ผูก าํ กบั การแสดง นกั ออกแบบฉาก ชือ่ ว่าความเพยี รของบุรษุ ย่อมไมเ่ สียหาย ยอ่ มตง้ั อยู่ในความสุข เพราะฉะน้นั ถงึ จะ นักออกแบบเสื้อผาเครื่องแตง กาย มองไม่เหน็ ฝง่ั เราก็ตอ้ งพยายาม คอื กระทา� ความเพยี ร วา่ ยอยทู่ า่ มกลางมหาสมุทร ชา งเทคนคิ ควบคมุ แสง สี เสยี ง เปน ตน มณีเมขลา มหาสมุทรลึกจนประมาณมิได้ และฝั่งย่อมไม่ปรากฏแก่ท่าน ความพยายามอย่าง ซง่ึ อาชพี เหลานต้ี างไดร ับการยอมรับ ลูกผชู้ ายของท่านนนั้ เปลา่ ประโยชน์ ท่านไมท่ นั ถงึ ฝ่ัง ก็จกั ตาย ในสังคมและทาํ งานรว มกนั เพ่ือ พระมหาชนก ท่านพดู อะไรอยา่ งนัน้ เราทา� ความพยายาม แม้ตายก็จกั พน้ ครหา บุคคลเม่ือกระทา� สรางสรรคละครที่มคี ุณภาพ ดังนนั้ ความเพียร แม้จะตายก็ช่อื วา่ ไมเ่ ปน็ หนี้ คอื ไม่ถกู ตเิ ตียนในระหวา่ งญาตทิ ั้งหลาย การเรียนรูในหวั ขอ น้ี ครูผูส อนควร เทวดาทั้งหลาย พรหมทั้งหลาย และบิดามารดา นาํ วีซีดีบนั ทึกการแสดงละครมาให มณีเมขลา การงานอนั ใด ยงั ไม่ถงึ ทส่ี ุดด้วยความพยายาม การงานอนั นน้ั ก็ไร้ผล มีความลา� บาก นกั เรยี นชม เพอื่ สรางแรงบนั ดาลใจ เกดิ ขนึ้ การทา� ความพยายามในฐานะอนั ไมส่ มควรใด จนมจั จรุ าช คอื ความตายนนั้ แล ในการประกอบอาชพี ในอนาคต ปรากฏขนึ้ ความพยายามอนั ไมส่ มควรน้ัน จะมีประโยชนอ์ ะไร พระมหาชนก ดกู อ่ นเทวดา ผใู้ ดรแู้ จง้ ในการงานทท่ี า� วา่ แมค้ วามเพยี รกไ็ มอ่ าจใหส้ า� เรจ็ ได้ ไมล่ ลุ ว่ ง NET ขอ สอบ ป 52 ไปไดจ้ รงิ ๆ ทีเดยี ว ชือ่ ว่าไม่รกั ษาชีวติ ของตน ถา้ ผนู้ นั้ ละความเพยี รในฐานะเช่นน้นั เสยี ก็พึงรู้ผลแห่งความเกยี จครา้ น ขอ สอบถามวา การฟงในขอ ใด มจี ุดมุงหมายตางกับขออนื่ ดกู อ่ นเทวดา คนบางพวกในโลกนี้ เหน็ ผลแหง่ ความประสงคข์ องตนจงึ ประกอบ การงานทง้ั หลาย มกี สกิ รรม และพาณชิ ยกรรม เปน็ ตน้ เมอื่ บคุ คลกระทา� ความเพยี ร 1. วนั ดีฟง ถา ยทอดสดการแถลง ทางกายและความเพียรทางใจ ว่าเราจักไปในท่ีนี้ จักเรียนส่ิงน้ี การงานเหล่านั้น นโยบายของรฐั บาล ย่อมสา� เร็จทีเดียว ฉะน้ัน จงึ ควรท�าความเพยี รแท้ 2. วนั เพ็ญฟงการอภปิ รายเรอื่ ง ดกู อ่ นเทวดา ทา่ นกเ็ หน็ ผลแหง่ กรรมประจกั ษแ์ กต่ นแลว้ มใิ ชห่ รอื คนอนื่ ๆ จมใน ใชชีวิตอยางไรใหพ อเพยี ง มหาสมทุ รเป็นภกั ษาแหง่ ปลาและเต่ากันหมด แตเ่ ราคนเดียวเทา่ นัน้ ยงั วา่ ยขา้ มอยู่ ท่านจงดูผลแห่งความเพียรของเรา แม้น้ี เราไม่เคยเห็นเทวดาโดยอัตภาพน้ีเลย 3. วนั รงุ ฟง วทิ ยุรายการตลาดเชา ขาวสด 134 4. วันงามฟง เพลงในรายการดนตรี กวีศลิ ป (วเิ คราะหคาํ ตอบ การฟง ในขอ 1., 2. และ 3. มจี ุดมงุ หมายเพื่อการ รับรู สวนขอ 4. มีจดุ มุง หมาย เพื่อความจรรโลงใจ ดังนน้ั จงึ ตอบ ขอ 4.) 134 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate เราน้ันกไ็ ดเ้ หน็ ทา่ นมาสถติ อยูใ่ กลๆ้ เรา โดยอตั ภาพทพิ ย์นี้ เรานนั้ จักพยายามต้งั สติ อธิบายความรู และก�าลงั ตน จักกระทา� ความเพียรทีบ่ รุ ษุ ควรท�า ไปใหถ้ งึ ฝง่ั แหง่ มหาสมุทร มณเี มขลา ทา่ นใดถึงพรอ้ มด้วยความพยายามโดยธรรม ไม่จมลงในห้วงน�า้ คือ มหาสมุทร ทลี่ กึ นกั เรียนยนื ในลักษณะวงกลมเพอ่ื ท่กี วา้ ง ซง่ึ ประมาณมไิ ด้ เห็นปานน้ี ดว้ ยกิจ คอื ความเพียรของบุรุษนัน้ จงไปใน รว มกนั ตอบขอซกั ถามของครู สถานท่ี ทใ่ี จของท่านยินดนี นั้ เถดิ ข้าแตท่ า่ นบัณฑติ ผู้มคี วามบากบัน่ มาก ขา้ พเจา้ จักน�าท่านไปท่ไี หน • จากการอธิบายความรขู อง พระมหาชนก มิถลิ านคร เพอ่ื นๆ นกั เรยี นคิดวาสิ่งสําคญั - เสยี งฟลูตเด่ียวเพลงดงั ข้นึ สกั ครู่ แล้วเบาลงคลอ - ที่สุดของการฟงและดูละคร - สไลด์บริเวณท่ี ๘ และฟอลโลว์หร่ีลงจนมืด - อยางมปี ระสทิ ธิภาพคืออะไร - ฟอลโลว์จับบริเวณที่ ๑ - (แนวตอบ การพิจารณาแนวคิด ผู้เล่าเรอ่ื ง เมื่อนางมณีเมขลาเทวดาได้ฟังค�าตรัสเช่นน้ัน นางจึงอุ้มพระมหาสัตว์ขึ้นดุจคนยก หรอื แกน เรือ่ งควรมีคุณคา ก�าดอกไม้ ใช้แขนท้ังสองประคองให้นอนแนบทรวง พาเหาะไปในอากาศเหมือน ดานขอ คิดหรือชวยจรรโลง คนอ้มุ ลูกรักฉะน้ัน จิตใจ ตองฟง และดูอยางมี - ฟอลโลวไ์ ฟบริเวณที่ ๑ หรีล่ งจนมืด - วจิ ารณญาณและควรพจิ ารณา - บรรเลงเพลงเชดิ ฉ่งิ - องคป ระกอบทกุ ดานของละคร - ฟอลโลวจ์ ับเหนอื บรเิ วณท่ี ๘ - เพื่อใหเกิดประสิทธิภาพสูงสดุ - เห็นนางมณเี มขลาอ้มุ พระมหาชนกลอยอยู่ - ในการรบั ชม) มณเี มขลา ขา้ แตบ่ ณั ฑติ วาจาอนั มปี าฏหิ ารยิ ม์ บิ งั ควรหายไปในอนาคต ทา่ นตอ้ งใหส้ าธชุ นไดร้ บั พรแหง่ โพธิญาณจากโอษฐ์ของทา่ น ถึงการอนั สมควร ท่านจงต้งั สถาบนั การศึกษา • นกั เรียนคิดวา ชื่อเรอื่ งใน ใหช้ ่ือว่า โพธยิ าลัยวชิ ชาลยั หมายความวา่ ที่อาศยั แหง่ แสงสว่างท่ีอาศยั แหง่ ความรู้ บทละครทัง้ ละครเวทีและ อันยิ่งใหญ่ ในกาลนน้ั ทา่ นจึงจะส�าเร็จกจิ ท่ีแท้ ละครโทรทัศน มีความสําคัญ - เสยี งฟลูตเดยี่ วเพลงดังข้ึนสกั ครู่ แลว้ เบาลงคลอ - ตอการฟง และดลู ะครอยา งไร - ฟอลโลว์เหนอื บรเิ วณท่ี ๘ หร่ีลงจนมืด - (แนวตอบ ชื่อเรอื่ งชว ยชีน้ าํ ถึง - ฟอลโลว์จบั บรเิ วณท่ี ๑ - เนอื้ หาของเรอื่ ง และมีสวนใน ผู้เลา่ เร่ือง พระมหาสตั วม์ สี รรี ะเศรา้ หมองดว้ ยนา�้ เคม็ ตลอดเจด็ วนั ไดส้ มั ผสั ทพิ ยผสั สะกบ็ รรทม การเรา ความสนใจจากผชู ม) หลบั - เสยี งฟลูตเดี่ยวเพลงเชิดฉง่ิ จบลง - • บทละครมคี วามแตกตา งจาก ลา� ดบั นนั้ นางมณเี มขลานา� พระมหาสตั วถ์ งึ มถิ ลิ านคร ใหบ้ รรทมโดยเบอื้ งขวา บนแผน่ ศลิ า นวนยิ ายหรือเรือ่ งสั้นอยา งไร อนั เปน็ มงคลในสวนมะมว่ ง มอบใหห้ มเู่ ทพเจา้ ในสวนคอยอารกั ขาพระมหาสตั ว์ แลว้ ไปสทู่ อ่ี ยขู่ องตน (แนวตอบ บทละครแสดง บทสนทนาของตวั ละคร มีบท 135 บรรยายฉากและทา ทางของ ตวั ละครเพยี งเล็กนอย สว น เรอ่ื งส้นั และนวนยิ ายมกี าร พรรณนาฉากและอารมณ ความรสู ึกของตัวละคร โดยละเอียด) เกร็ดแนะครู ครอู าจตง้ั คําถามเพอื่ ใหนกั เรียน ไดรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา พฤติกรรมของพระมหาชนกมี ลักษณะเปน อยา งไร หรอื ตรงกบั สาํ นวนไทยใด คูมอื ครู 135

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) ครสู ุมเรียกชอื่ นักเรียนเพื่ออธิบาย - ฟอลโลวบ ริเวณที่ ๑ หร่ีลงจนมดื - ความรเู กย่ี วกับแนวทางการฟง - ไฟบริเวณท่ี ๒ สวา งขน้ึ - และดูละครอยา งมีประสทิ ธิภาพ - เสียงปพาทยทําเพลง ตระบรรทมไพร - โดยการตอบขอซักถามของครู - เห็นพระมหาชนกบรรทมอยบู นแทน หนิ มเี ทพารักษ ๒ องค พดั วอี ยู - • เพราะเหตใุ ดมนุษยจึงควร ๔.๑) รปู แบบ ผปู ระพนั ธบ ทละครเรอื่ ง “พระมหาชนก” ไดอ ธบิ ายไวต อนตน ของหนงั สอื เรียนรูแนวทางการฟงและดู “บทสาํ หรบั แสดงและบทสาํ หรบั อา น เรอ่ื ง พระมหาชนก ดดั แปลงจาก พระราชนพิ นธใ นพระบาท- เนื้อหาสาระตางๆ เชน ขาว สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ถึงวิธีเลือกรูปแบบการนาํ เสนอวาหากจะตอ งนําเสนอ บทเพลง บทโฆษณา และ ในรูปแบบละครรํา ก็จะไมสามารถรักษาอรรถรสแหงบทพระราชนิพนธไดเน่ืองจากตองปรับเปน บทละคร รอยกรองหรือหากจะเสนอเปนบทละครพูด ก็ยอมจะไมแสดงลักษณะเดนแหงทวงทํานองภาษา (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดง ในบทพระราชนิพนธท่ีคลายกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเปนผูทรงเลา ความคดิ เหน็ ไดอ ยา งหลากหลาย พระราชทาน ดงั นนั้ ผปู ระพนั ธจ งึ สรา งตวั ละครสมมตขิ น้ึ มาใหม ๑ ตวั เปน พระภกิ ษุ ซงึ่ ทาํ หนา ทเ่ี ปน เชน เพราะเน้อื หาสาระตา งๆ ผูเลาเร่อื งดว ยวิธกี ารเทศนธรรมนทิ าน สว นการดาํ เนินเรอ่ื งใชว ิธีการตดั สลับระหวา งการเลา เรื่อง ปรากฏท้งั ขอเท็จจริงและ กบั การแสดงเหตุการณท่ีเลา ถึงตงั้ แตตน จนกระท่งั จบ ขอคิดเหน็ การใชภาษาท่ีมี ลกั ษณะโนม นาวใจ มนุษยจงึ จากคําอธิบายของผูประพันธ เมื่อพิจารณากับบทละครที่ยกมาจะเห็นวา รูปแบบ ควรมแี นวทางในการพิจารณา การนําเสนอจะมีบทบรรยายเพื่อสรางความเขาใจรวมกันกับผูชมหรือผูอาน ท้ังยังมีบทสนทนา สง่ิ ทไี่ ดฟ งและดู แยกแยะ โตตอบกันระหวางนางมณีเมขลากับพระมหาชนก ซ่ึงลักษณะดังกลาวทําใหผูชมสามารถติดตาม ขอ เทจ็ จรงิ ขอ คดิ เหน็ กลนั่ กรอง เรื่องราวไดโ ดยตลอด ทงั้ ยังเกดิ อารมณร ว มคลอ ยตามเปนสว นหนง่ึ กับการแสดง ความนา เชอื่ ถือของสาร โดยตั้ง อยูบ นวิจารณญาณจะทําให นอกจากบทบรรยายและการสนทนาแลว ยงั มีเพลงประกอบการแสดงตามรปู แบบ การฟง และดใู นแตละครง้ั การแสดงละครราํ ทวั่ ไป คอื เพลงหนา พาทย ซง่ึ ลกั ษณะอารมณข องเพลงสอดคลอ งกบั อารมณแ ละ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทําให การแสดงอากปั กริ ยิ าของตวั ละคร เชน ใช “เพลงเชดิ ฉง่ิ ” เพอื่ ประกอบการเหาะของนางมณเี มขลา สามารถเลือกฟงและดูสิ่งท่ีเปน ในขณะทีไ่ ปชว ยพระมหาชนก เปน ตน ประโยชนตอตนเองเพื่อนําไป ปรบั ใชใ นชีวิตประจําวัน) จากการพิจารณา ยงั ปรากฏบทบรรยายประกอบฉากเพอื่ ใหผ ูจดั การแสดงทราบวา แตล ะฉากตองจดั เตรียมอะไรบาง ใชไ ฟ ฉากอยา งไร เปน ตน เชน ฉากที่นางมณีเมขลาเหาะมา นกั เรยี นควรรู ชวยพระมหาชนกตลอดจนการสนทนาโตตอบกนั ผปู ระพนั ธไ ดกําหนดบทประกอบฉากดงั นี้ ตวั ละคร ในบทละครจะแบงตาม - นางมณีเมขลารําเชิดฉ่งิ - ลกั ษณะความสําคัญของบทบาทใน - ไฟบริเวณที่ ๙ หรี่ลง ฟอลโลวจ บั เฉพาะที่นางมณีเมขลา - เร่อื งเปน 3 ประเภท คอื ตัวละครเอก - สไลดภาพวาดมหาสมทุ รจากดา นหลงั บริเวณดานท่ี ๘ สวางขนึ้ - ตวั ละครประกอบ และตวั ละคร - เหน็ พระมหาชนกทรงวายน้าํ อยใู นมหาสมทุ ร มีปูทะเลยกั ษห นุนพระบาทอยู - ประกอบฉาก ตวั ละครเอกจะมลี กั ษณะ - ฟอลโลวยงั คงจับทนี่ างมณีเมขลา - เดน และมบี ทบาทสาํ คญั ตลอดทงั้ เรอ่ื ง สวนตัวละครประกอบจะมบี ทบาท ๑๓๖ สําคญั รองลงไปจากตัวละครเอก สําหรับตวั ละครประกอบฉากไมมี บทบาทสาํ คญั ตอ การดําเนินเร่อื ง 136 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate - เห็นนางมณเี มขลาลอยเย้ืองอยเู่ บือ้ งบนใกล้ๆ - อธบิ ายความรู - เสยี งดนตรีเบาลง และคลออยตู่ ลอดการปจุ ฉาวิสชั นาธรรมกถา - แม้ว่าบทบรรยายประกอบฉากดังกล่าว ผู้ชมไม่สามารถทราบได้ แต่การก�าหนด ครูสุมเรียกช่ือนกั เรียนเพือ่ อธิบาย ต�าแหน่งการเปิด-ปิด ไฟ และการฉายไฟตามตัวละครท่ีมีบทบาทส�าคัญในฉาก ก็สามารถช่วย ความรูเกี่ยวกบั แนวทางการฟงและ กา� หนดขอบเขตความสนใจของผชู้ มไดต้ ามเจตนาของผปู้ ระพันธ์ ดลู ะครอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ โดยการ ๔.๒) ภาษา บทละครเร่อื งนน้ี า� เสนอดว้ ยบทบรรยายเลา่ เรือ่ ง บทสนทนาและเพลง ตอบขอ ซกั ถามของครู หนา้ พาทย์ประกอบ ดงั นั้นการประเมนิ คา่ การใชภ้ าษาจึงอธบิ ายแยกเป็น ๒ ส่วน คอื ภาษาพดู และภาษาเพลง ดงั นี้ • ละครเวทีกับละครโทรทศั น (๑) ภาษาพดู ปรากฏการใช้ในลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ี มีความแตกตา งกนั อยา งไร ในความคิดเห็นของนกั เรยี น ๑. โวหาร มีการใช้พรรณนาโวหารเป็นโวหารหลักในการน�าเสนอ ทั้งนี้ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบ เพือ่ ส่งผ่านอารมณ์ ความร้สู กึ และทรรศนะสผู่ รู้ บั สารให้เกิดจนิ ตภาพร่วมกัน เช่น ไดอยา งหลากหลาย เพราะเปน การตอบตามพ้นื ฐานความรแู ละ มหาชนเป็นภักษาแห่งปลาและเต่า น�้าโดยรอบมีสีเหมือนโลหิต พระมหาสัตว์เป็นไป ความเขาใจ ซึ่งครคู วรชแี้ นะ อยู่ในคล่ืนซ่ึงมีสีดังแก้วมณี เหมือนต้นกล้วยทองข้ามมหาสมุทรด้วยก�าลังพระพาหา ทรงว่ายข้าม คําตอบทถ่ี กู ตองวา ละครเวที มหาสมุทรอยูเ่ จด็ วนั คือ บทละครท่เี ขยี นข้ึนเพอ่ื ใช แสดงบนเวที อาจจะดวยวิธีการ นอกจากนี้ยังปรากฏการใช้เทศนาโวหารเพ่ือประกอบการชักจูงให้คล้อย รองหรอื พูด สว นละครโทรทัศน ตามทรรศนะของตน ดงั ตอนทพ่ี ระมหาชนกชกั จงู ใหน้ างมณเี มขลาเหน็ ดว้ ยกบั การกระทา� ความเพยี ร คือ บทละครทเ่ี ขยี นขนึ้ เพื่อใช ของพระองค์ ดงั ข้อความ แสดงออกอากาศทางโทรทศั น ละครโทรทศั นไมมีการเปดมา น ท่านพูดอะไรอย่างนั้น เราท�าความพยายาม แม้ตายก็จักพ้นครหา บุคคลเม่ือกระท�า และปดมานแบบละครเวที แต ความเพียร แมจ้ ะตายก็ช่ือว่าไม่เปน็ หนี้ คอื ไม่ถูกติเตยี นในระหว่างญาติทง้ั หลาย เทวดาท้ังหลาย จะใชก ารเรม่ิ ถายภาพและให พรหมท้ังหลาย และบิดามารดา ภาพจางหายไป ในขณะที่ ละครเวทจี ะทําใหผฟู ง และดู ๒. ภาพพจน์ มีการนา� เสนอดว้ ยภาพพจน์ ดงั นี้ เกดิ อารมณความรูสึกคลอ ยตาม อปุ มา เชน่ “น�า้ โดยรอบมีสเี หมือนโลหติ พระมหาสตั วเ์ ปน็ ไปอยใู่ นคล่ืน ดว ยบรรยากาศในการแสดง ซ่ึงมีสีดังแก้วมณี เหมือนต้นกล้วยทองข้ามมหาสมุทรด้วยก�าลังพระพาหา” ตัวอย่างน้ี น�าเสนอ เสยี งรอง เสียงดนตรี แสง สี ภาพการตอ่ สดู้ นิ้ รนเพอ่ื เอาชวี ติ รอดของพระมหาชนกใหพ้ น้ จากการจมนา้� ตกเปน็ เหยอ่ื เตา่ และปลา เสอ้ื ผา เคร่อื งแตงกายและฉาก ในมหาสมุทรท่ีต่างรุมกัดกินลูกเรือคนอื่นๆ จนท�าให้น้�าทะเลเปล่ียนเป็นสีเลือด และท่ีอุปมาว่า เปน ตน) เหมือนต้นกล้วยทองกลางมหาสมุทร เพ่ือแสดงถึงลักษณะของพระมหาชนกว่าทรงแช่น้�าทะเล จนซดี ทัง้ ยงั มีลักษณะเป็นความเปรยี บว่าเป็นส่ิงเลก็ ๆ เปราะบาง เส่อื มสลายงา่ ยทอี่ ยทู่ า่ มกลาง นักเรียนควรรู คล่นื ลม มรสมุ และแรงปะทะอย่างใหญห่ ลวง ฉาก ท่ดี ีควรมคี วามสมจริง 137 สอดคลองกบั ชวงเวลาของเรื่องและ ขอ สาํ คัญทีส่ ดุ จะตองชว ยสราง บรรยากาศในการรบั ชม ชวยทาํ ให ผชู มเกดิ อารมณค วามรูสึกคลอยตาม ไปกับเรอ่ื งราวและอารมณความรูสกึ ของตัวละคร คมู ือครู 137

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 20%) ครูสุม เรียกชอื่ นกั เรยี นเพือ่ ตอบ การเปรียบเทียบเปนคูความ ดังขอความท่ีพระมหาชนกกลาวแก คาํ ถาม นางมณีเมขลาเปนความเปรียบ ๒ ลักษณะวา บคุ คลทรี่ แู จงในการทาํ งานและคดิ วา แมจ ะกระทาํ ความเพยี รกไ็ มส าํ เรจ็ จงึ ไมท าํ ไดช อื่ วา “ไมร กั ษาชวี ติ ของตน” ทา ยทส่ี ดุ จะรผู ลแหง ความเกยี จครา น • นกั เรียนคดิ วา การดูละครเวที อกี ขอ ความหนงึ่ กลา วถงึ บคุ คลทเ่ี หน็ ประโยชนใ นการกระทาํ ความเพยี รเพอื่ ประกอบอาชพี การงาน กับการดูละครโทรทศั นใ ห มงุ มน่ั ทจี่ ะฝก ฝนทกั ษะตา งๆ เพอื่ ความสาํ เรจ็ ในการงาน การนาํ เสนอความทง้ั สองน้ี เพอื่ ปทู างไปสู อารมณความรูสกึ ทแี่ ตกตางกัน การนาํ เสนอผลดี ผลเสยี ของการกระทําความเพียรและไมก ระทาํ ความเพยี ร ดังมเี น้อื ความตอ ไป อยางไร ทกี่ ลาวถึงลกู เรือทไ่ี มเพียรพยายามตางกจ็ มน้ําตายกลายเปน อาหารปลาและเตา สว นพระองคเ อง (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบ ท่ีเพียรวายน้ําอยูตลอดเจ็ดวัน จากที่ไมเคยพบเทวดาก็ไดพบและทรงตรัสวาจะยึดถือเทวดา คือ ไดอ ยางหลากหลายเพราะ นางมณเี มขลา ไวเปน สรณะในการกระทําความเพยี รวา ยน้าํ เพ่อื รักษาพระองคต ามสติกาํ ลงั ตอ ไป เปนการแสดงความคิดเหน็ อยางอสิ ระ) การเปรยี บเทยี บในลกั ษณะนี้ คลา ยกบั จะใหผ รู บั สารไตรต รอง ชง่ั นา้ํ หนกั ระหวางของ ๒ สิ่ง หรือทรรศนะ ๒ ทรรศนะ ท่ีแตกตางกัน หากแตขอความท่ีสรุปทายผลดี • นักเรียนคิดวา บทละคร ผลเสยี นน้ั จะชว ยใหผ รู บั สารสามารถจาํ แนกเนอ้ื ความ และรบั สาระสาํ คญั ทผ่ี สู ง สารตอ งการนาํ เสนอได แตล ะเรือ่ งสะทอนใหเห็นคุณคา ดังเชนท่ีกลาวขางตนที่ผูสงสารจงใจใหผูรับสารตองพิจารณาแนวทาง ๒ แนว คือการกระทํา ใดในสงั คม ความเพยี ร และไมก ระทาํ ความเพียร จนเมือ่ ผสู ง สารสรุปทา ยความทัง้ ๒ แลว กจ็ ะสามารถเขาใจ (แนวตอบ บทละครชวยสะทอน สารตั ถะทีแ่ ทจรงิ ของผสู งสารที่ตอ งการใหเ หน็ ประโยชนจากการกระทาํ ความเพยี รอยางยงิ่ ยวด ทศั นคตขิ องผูแตง วัฒนธรรม คานิยม วิถีชวี ิตของคนในสงั คม (๒) ภาษาเพลง ในท่ีน้ีจะอธิบายการใชเพลงหนาพาทยเพ่ือใหเห็นความ สะทอนคา นยิ มทางการบันเทงิ สอดคลองเชอื่ มโยงกบั อารมณแ ละการแสดงอากปั กริ ยิ าของตัวละคร ดังน้ี ของคนในแตล ะยคุ สมยั ) ๑. เพลงโล เปนเพลงท่ีใชประกอบการเดินทางทางน้ํา ในที่นี้ใชบรรเลง • การประเมนิ คาเรือ่ งทฟี่ ง และดู ประกอบตอนท่พี ระมหาชนกกาํ ลังวา ยน้ําขา มมหาสมทุ ร แตละเรือ่ ง สามารถใชห ลกั การ หรือแนวทางเดยี วกันไดห รอื ไม ๒. เพลงเชดิ ฉง่ิ มลี กั ษณะกระชนั้ รวดเรว็ ใชป ระกอบการตอ สู การเดนิ ทาง อยางไร และการเหาะ เปนตน ซึ่งในที่นี้ใชประกอบกิริยาอาการของนางมณีเมขลา ตอนเหาะไปชวย (แนวตอบ สามารถใชห ลกั การ พระมหาชนกและตอนทีอ่ ุม พระมหาชนกเหาะพาไปเมอื งมิถิลานคร เดียวกนั ได คอื พิจารณาที่ จดุ มงุ หมาย ความสมเหตุสมผล ๓. เพลงตระบรรทมไพร ใชสําหรับการนอนของตัวละครท่ีคางแรมในปา ความนา เชอ่ื ถอื และการใชภ าษา ในทน่ี ใ้ี ชป ระกอบตอนทพี่ ระมหาชนกประทบั บรรทมอยใู นสวนมะมว ง ณ เมอื งมถิ ลิ านคร นอกจาก แตจ ะมรี ายละเอยี ดการประเมนิ - เพลงหนาพาทยดงั กลา วแลว ยงั พบวา มกี ารใชอนื่ ๆ ประกอบ เชน เสียงคนรอ งใหช วย และเสียง คา ที่แตกตางกนั ตามรูปแบบ คลืน่ เสียงลม เปนตน ของเรอื่ งทฟี่ ง และดู เชน สารคดี ยอมมแี นวทางการประเมนิ คา ๔.๓) แนวคดิ บทละครเรอ่ื ง “พระมหาชนก” สอ่ื แนวคดิ หลกั เรอื่ งความเพยี รพยายาม ที่แตกตางจากละคร) ตรงกบั แนวพระราชดาํ รใิ นพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ซงึ่ ทรงพระราชนพิ นธ เรอ่ื งพระมหาชนกเพื่อสอนเรื่องความเพยี รพยายามอยา งย่งิ ยวด การกระทาํ ความเพยี รพยายาม • การพจิ ารณาภาษามคี วาม ในงานหรอื อปุ สรรคใดยอ มสามารถผา นพน ไปไดไ มว า จะดว ยตวั เองหรอื มผี เู หน็ ความอตุ สาหะวริ ยิ ะ สาํ คัญตอการประเมินคาเรอื่ ง ท่ฟี งและดูอยางไร ๑๓๘ (แนวตอบ การใชภ าษาเปน ส่ือกลางในการแสดงความคดิ นกั เรียนควรรู และเร่อื งราว หากใชภาษาดี จะทาํ ใหก ารส่อื สารบรรลุ แนวคิด ทด่ี จี ะตอ งมีความกลมกลืนกบั โครงเรอ่ื งและลักษณะนิสัยของตัวละคร จุดมุงหมายได) ไมใชการสงั่ สอนหรือบอกผูชมอยา งเปดเผย เพราะถาผชู มรสู กึ วากําลงั ถูกสอน จะเกดิ การตอตานละครเร่ืองน้ันๆ ทันที อาจกลาวไดวา คณุ คาของแนวคดิ อยทู ่ี 138 คมู อื ครู การตคี วามของผูชมผา นการแสดงของตัวละคร แสง สี บทเพลง และบรรยากาศบนเวที

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain กระทง่ั ย่ืนมอื เข้าชว่ ยเหลือ ดังทพ่ี ระมหาชนกไดร้ ับการช่วยเหลอื จากนางมณีเมขลาภายหลังจาก ขยายความเขาใจ พยายามว่ายน�้าข้ามมหาสมทุ รตลอดเจด็ วันเจ็ดคืน นักเรยี นเลือกชมละครเวทหี รอื จากการพจิ ารณาประเมนิ ค่าด้านรูปแบบ การใชภ้ าษา โวหาร ภาพพจน์ ตลอดจน ละครโทรทศั นท ก่ี าํ ลงั ออกอากาศทาง เพลงประกอบ ลว้ นรองรบั ใหเ้ กดิ ความกลมกลนื และนา� ไปสแู่ นวคดิ สา� คญั คอื “การกระทา� ความเพยี ร” สถานีโทรทัศน จากน้ันใหน กั เรียน ซ่ึงเป็นการน�าเสนอคุณธรรม สจั ธรรม ข้ันพื้นฐาน แนวคิดทไ่ี ด้รบั จากละครเร่ือง “พระมหาชนก” พิจารณาองคป ระกอบของละคร จึงเป็นแนวคิดทม่ี คี ณุ ค่า ควรคา่ แกก่ ารนอ้ มนา� มาปฏบิ ัติในชวี ิตประจา� วนั เช่น วยั ศึกษาเลา่ เรียน ตามหัวขอ ดงั นี้ ควรน้อมน�ามาปฏิบัติเพื่อศึกษาหาความรู้อย่างเต็มก�าลังความสามารถ ขยันหม่ันเพียรเพ่ือให้ได้ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ หรือในวัยท�างานก็ควรน้อมน�ามาปฏิบัติเพ่ือ • เนอ้ื หาหรอื สาระสาํ คญั ใหก้ ารงานของตนส�าเรจ็ ลุล่วงตามประสงค์ • แนวคิดหรือแกนเรอ่ื ง • ความสัมพันธของโครงเรอ่ื ง การฟังและดูข่าวสารเรื่องใดๆ ก็ตาม ทั้งทางวิทยุกระจายเสียง ทางสถานีโทรทัศน์ • การใชสาํ นวนภาษา หรือทางเว็บไซต์ต่างๆ ผู้ฟังจะต้องท�าความเข้าใจเร่ืองที่ฟังให้ชัดเจน แจ่มแจ้งและพิจารณา • ความนา เชื่อถอื ของบทละคร ไตร่ตรองข้อมูลต่างๆ ให้รอบคอบถ่ีถ้วน เพ่ือไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือมีความเข้าใจ จากนั้นใหนักเรียนแสดงความ คลาดเคลือ่ น ซ่ึงการคดิ วเิ คราะห ์ พิจารณาเรื่องราวท่ไี ด้ฟงั และดจู ะชว่ ยใหพ้ ัฒนาทักษะการฟัง คดิ เหน็ วา “การชมละครโดย และดใู หม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากข้นึ พจิ ารณาตามองคประกอบของละคร ชวยทําใหการฟงและดูเกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ไดอ ยา งไร” บันทกึ ผลการศึกษาเพื่อนําเสนอ หนาช้นั เรยี นภายในเวลา 3 นาที ตรวจสอบผล 1. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจ ของนกั เรยี นเกี่ยวกับแนวทาง การฟงและดขู าว โฆษณา เพลง และละครท่เี ลอื กตามความสนใจ 2. นักเรยี นตอบคําถามประจาํ หนวยการเรียน หแสลดกั งฐผานลการเรียนรู บทบรรยายแนวทางการฟง และดู ขาว โฆษณา เพลงและละคร ความยาวไมเ กิน 3 นาที 139 B พ้นื ฐานอาชีพ B การฟง และดลู ะครประเภทตา งๆ ทัง้ ละครเวที ละครโทรทศั น อยางมีประสทิ ธภิ าพจะเปนทกั ษะสําคัญ ไปสูอาชีพนกั วจิ ารณท ีด่ ไี ด ซง่ึ ครผู สู อนอาจจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนเพื่อเปนพื้นฐานไปสอู าชพี ดังกลาว ดวยการใหนักเรยี นฝก ฟง เน้อื หาสาระอยา งหลากหลาย เชน ขา ว โฆษณา บทเพลงหรือละคร และควรมีพน้ื ที่ใหนกั เรียนไดแ สดงความสามารถของตนเอง คูม ือครู 139

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate เกร็ดแนะครู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) (แนวตอบ คําถามประจําหนวย คำาถามประจำาหน่วยการเรยี นรู้ การเรียนรู 1. ภาษาขา วเนน การเรา ความสนใจ ในสวนพาดหัวขาว ใชถอ ยคํา ๑. นักเรียนบอกความแตกต่างระหวา่ งภาษาในข่าวกบั ภาษาในโฆษณา เพ่ือกระตุนความสนใจในเน้อื หา ๒. การฟงั และดูส่ือประเภทละครและเพลงจะต้องใชว้ ิจารณญาณในการฟังอย่างไร มงุ ใชภาษาแสดงขอ เท็จจรงิ ภาษาโฆษณาเนน การโนม นา วใจ จงอธบิ าย ใชค าํ สะดุดหูเพ่ือใหผ ูรบั สาร ๓. นกั เรียนบอกประโยชนข์ องการฟังและดอู ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๔. การฟังและดูสอ่ื ต่างๆ นกั เรียนมีวิธีการก�าหนดแนวทางเพ่ือน�าแนวคดิ ที่ได้รับ ไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจ�าวันอยา่ งไร เกิดความสนใจและจดจาํ ช่อื ของสินคา และบรกิ ารชนดิ นน้ั ๆ 2. การฟง และดูสือ่ ประเภทละคร ไมว า จะเปน ละครชนดิ ใดก็ตาม เชน ละครเพลง ละครรอง ละครพูดหรือละครโทรทศั น ผูช มจะตอ งใชวิจารณญาณ ในการรบั ชม เพราะเปนไปได ทเี่ ราอาจรบั ชมละครทนี่ อกเหนอื กิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ ไปจากประสบการณท่ีผา นมา ของตนเอง ดังนั้นจงึ ตองมี ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ๕ กลมุ่ เลอื กฟังเพลงทช่ี อบแลว้ วเิ คราะห์ตามหัวข้อต่อไปนี้ วจิ ารณญาณในการรบั ชมและ - การใช้ภาษาในเพลง ตัดสนิ ใจวาส่ิงใดควรเชื่อ ส่ิงใด - แนวคิดที่ได้จากเพลง ควรปฏิบตั ิตามและจะเกดิ - ความน่าเชอ่ื ถอื ประโยชน โดยผชู มอาจใช วิจารณญาณตดั สินจากจดุ จบ ๒. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ ๕ คน ดกู ารนา� เสนอขา่ วทางสถานโี ทรทัศนแ์ ล้ว ของตัวละครภายในเร่ือง เชน พจิ ารณาตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี ตลอดระยะเวลาของเรอื่ ง - ภาษาในขา่ ว ตัวละครนี้แสดงพฤติกรรม - สรุปแนวคิดจากขา่ ว ท่ีไมเหมาะสม อิจฉา ริษยา - ความน่าเช่ือถอื ของขา่ ว ใหรายผอู ่นื สุดทายจึงไดร ับผล ตอบแทนตอ งผิดหวังเสียใจ ๓. นกั เรยี นดกู ารพดู ในลกั ษณะต่างๆ เช่น การพดู ของพธิ ีกรรายการ ผูป้ ระกาศขา่ ว แล้วสงั เกตการแสดงกริ ยิ าท่าทาง สีหน้า สายตา วา่ บอกอารมณค์ วามรูส้ ึกอยา่ งไร ไมไ ดร บั การยอมรบั จากผอู ื่น จะตอ งใชช วี ติ อยอู ยา งโดดเดี่ยว ซึ่งมนษุ ยท ุกคนตองการความรกั ความเขา ใจและการยอมรบั จาก ผอู ่นื จุดจบของตัวละครนผ้ี ู 140 ชมจึงสามารถใชว ิจารณญาณ ตัดสินไดว าควรมพี ฤติกรรม เชนเดยี วกบั ตวั ละครน้หี รอื ไม 3. ทําใหรูจ ักตดั สนิ ประเมนิ คาเรือ่ งทฟ่ี งและดู ไดร ับประสบการณทกี่ วา งขวาง ชว ยเปด โลกทศั นใ หแ กต นเองและเกิดประโยชนท งั้ ในปจ จบุ ันและอนาคต 4. • พิจารณาไตรต รองใหร อบคอบวาผูสง สารมจี ดุ มุงหมายอยา งไร • ฝก การคดิ เม่อื ฟงและดูวา สมจริงหรือไม • พิจารณาคณุ คา ความนา เช่อื ถอื เสนอแนวคดิ วาเหมาะสมหรือไม อยา งไร) 140 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตอนที่ ๓ เปา หมายการเรยี นรู พูดในโอกาสตางๆ เพ่ือแสดง ทรรศนะ โตแ ยง โนมนา วใจ และ เสนอแนวคิดใหมด ว ยการใชภ าษา ทถี่ ูกตองเหมาะสมและมมี ารยาท òหน่วยการเรยี นรู้ท่ี การพูด กระตนุ ความสนใจ ประเภทต่างๆ เช่น การพดู อภปิ ราย 1. ครใู หนักเรียนชมรายการทอ่ี อก การพดู แสดงทรรศนะและการโต้แยง้ อากาศทางสถานโี ทรทัศนท มี่ กี าร พูดอภปิ รายหรอื พดู แสดงทรรศนะ ควรพจิ ารณาเนอื้ หาสาระท่เี ป็นประโยชน์ (เชน รายการวาระประเทศไทย และมคี ุณค่าแกผ่ ฟู้ ังเลอื กใชถ้ ้อยค�าทม่ี พี ลงั ออกอากาศทางสถานโี ทรทัศน ทางความคิดเพอ่ื ใหผ้ ฟู้ งั นา� แนวคดิ ไปปรบั ใชใ้ น ไทยพีบเี อส การแถลงนโยบายของ รัฐบาลตอรัฐสภา เปนตน) โดย ชวี ติ ประจา� วนั สงั เกตกลวิธกี ารใชภาษาในการ พูด บุคลิกภาพและมารยาทของ การพดู อภปิ ราย การพดู แสดงทรรศนะ และการโตแ้ ยง้ ผูพดู จากนั้นใหนักเรยี นรวมกนั สรปุ วธิ กี ารพดู ท่ีไดเ รยี นรูจากการ ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ชมรายการ • พดู ในโอกาสตา่ งๆ พดู แสดงทรรศนะ โต้แย้ง •• (แนวตอบ คําตอบไมมีถูกหรอื ผิด โนม้ นา้ วใจและเสนอแนวคดิ ใหม่ด้วยภาษาถกู ต้อง การพดู ในโอกาสต่างๆ เพราะเปน การแสดงความคดิ เห็น เหมาะสม (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๕) มารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด ตอสงิ่ ท่ไี ดด ูและฟงอยา งอิสระ มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด ครูผูสอนควรชีแ้ นะเพิ่มเตมิ ) • (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๖) 2. ครตู ้งั คําถามกับนักเรยี นวา เกรด็ แนะครู • กลมุ บุคคลในภาพกําลงั อยู ในสถานการณใ ดและเปน สาํ หรบั หนว ยการเรยี นรนู ี้ ครผู สู อนควรชแี้ นะแกน กั เรยี นวา การพดู อภปิ ราย การพดู แสดงทรรศนะ พฤติกรรมท่ีถกู ตองหรอื ไม การโตแ ยงเปน สง่ิ ที่เกดิ ขึน้ ในสงั คมประชาธปิ ไตยซึ่งมนษุ ยทกุ คนมสี ทิ ธิขนั้ พ้นื ฐาน คอื การแสดง อยางไร ความคดิ เห็น แตถงึ อยางไรก็ตาม การแสดงความคดิ เห็นทีด่ จี ะตอ งตัง้ อยบู นพืน้ ฐานของเหตผุ ล (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ และมหี ลักฐานที่นาเชื่อถอื ไดอ ยา งหลากหลาย โดยอนมุ าน จากภาพประกอบหนาหนวย ที่เห็น เชน นักเรยี นอาจตอบวา เปน การซักถามกนั หรือแสดง ความคิดเหน็ ในท่ีประชมุ ซึ่ง เปน พฤติกรรมท่ีถกู ตอง กลาว คือ เม่ือเกดิ ขอ สงสัยหรอื ขอ เสนอแนะควรยกมอื ขน้ึ เพอ่ื แสดงเจตนาและรอการเปด โอกาสใหซ กั ถามจากผพู ดู หรือ ผดู าํ เนินรายการ) คมู อื ครู 141

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) ครชู วนนักเรยี นสนทนาเก่ียวกับ ๑ การพดู อภิปราย การพูดอภปิ ราย โดยเกริ่นนําวาการ พูดอภปิ ราย คือการพดู แลกเปล่ยี น ความรู ความคดิ ตา งๆ ซง่ึ สามารถ เกดิ ข้นึ ไดในชวี ิตประจาํ วัน เชน การ การอภิปราย เปน็ การพูดเพอื่ แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น เกี่ยวกับเร่อื งใดเรอ่ื งหนง่ึ อภปิ รายกลมุ ของนกั เรียน อยา่ งกวา้ งขวางและอาจนา� ไปสกู่ ารตดั สนิ ใจหาขอ้ ตกลงเพอื่ แกป้ ญั หาตา่ งๆ การอภปิ รายนนั้ อาจจะ การอภิปรายของสมาชิกรฐั สภา มีผ้อู ภิปรายสว่ นหน่งึ ผ้ฟู งั อีกส่วนหนึง่ หรือสมาชกิ ทกุ คนท่ีอยูใ่ นกล่มุ นนั้ เป็นทงั้ ผูพ้ ดู และผูฟ้ ังกไ็ ด้ การอภปิ รายวธิ กี ารแกไ ขปญ หานาํ้ ทว ม จากน้ันขออาสาสมัครนกั เรียน ๑.๑ ความหมายและความสา� คญั ของการพูดอภปิ ราย ท่ีเคยเหน็ การอภิปรายออกมาเลา ประสบการณห นา ช้ันเรยี น พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๔๒) ได้ให้ความหมายของ “อภิปราย” ว่า หมายถงึ การพดู จากนั การปรกึ ษาหารอื กนั ในทน่ี หี้ มายถงึ การทบ่ี คุ คลกลมุ่ หนง่ึ มคี วามตอ้ งการจะ ปรกึ ษาหารอื กนั ในเรอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ เพอื่ ชว่ ยกนั แสดงความคดิ เหน็ เพอื่ แกป้ ญั หาอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรือเป็นการแลกเปล่ียนความรู้กัน เป็นกิจกรรมในโรงเรียนท่ีมีการส่งเสริมกันอยู่เสมอ เพ่ือให้ นกั เรียนไดม้ โี อกาสถา่ ยทอดประสบการณ์ให้แกก่ นั และกัน ในท่สี ดุ ก็มกี ารตัดสินใจควรท�าอยา่ งไร สาํ รวจคนหา จึงจะดีท่ีสดุ นอกจากน้ี การอภิปรายอาจหมายถึงคนกลุม่ หนึง่ มคี วามรู้ ความสามารถและสนใจ ครทู าํ สลากเทา กับจํานวนนกั เรียน เร่ืองเดยี วกันหรือมีปัญหาอย่างเดียวกนั มาแลกเปลย่ี นความคิดเพ่ือร่วมกันแก้ไขปัญหา ในหอง เขยี นหมายเลข 1, 2 และ 3 ๑.๒ จดุ มุง่ หมายของการพูดอภปิ ราย ในจาํ นวนเทาๆ กนั หรือตามความ เหมาะสม จากนนั้ นักเรยี นจับคูกับ การพูดอภปิ รายมจี ดุ มุ่งหมายท่ีสา� คญั ดังน้ี เพอ่ื นรว มกนั สบื คนความรใู นประเดน็ ๑. เพอ่ื แลกเปล่ยี นความรู้ ความคดิ และประสบการณข์ องผู้อภิปรายและผู้ร่วมอภิปราย การพดู อภิปราย โดยใหแ ตล ะคอู อก ๒. เพอ่ื แก้ปัญหาร่วมกนั ในเรื่องใดเรือ่ งหนึง่ มาจบั สลากประเด็นสําหรบั การ ๓. เพ่ือน�าคนท่ีมีความสนใจในเร่ืองเดียวกันมาพูดเรื่องที่สนใจเหมือนกัน เพื่อให้เกิด คนควา ดงั น้ี แนวคิดที่กวา้ งขวาง ๔. เพ่อื น�าเสนอข้อเท็จจริงอย่างเปน็ ทางการ หมายเลข 1 ความหมายและ ๕. เพอื่ วเิ คราะหเ์ รอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ ทมี่ คี วามคดิ เหน็ แตกตา่ งกนั ตามมมุ มองของผอู้ ภปิ ราย ความสาํ คญั ของการ พดู อภิปราย ๑.๓ ประเภทของการพูดอภปิ ราย หมายเลข 2 จดุ มุงหมายของการ การอภปิ รายแบง่ ออกเป็นประเภทได้ ๒ ประเภท คือ พูดอภปิ ราย ๑) การอภปิ รายในกลุ่ม การอภิปรายประเภทน้ีมีผู้อภิปรายต้ังแต่ ๒ คนข้ึนไป หมายเลข 3 ประเภทของการพูด ทกุ คนมสี ว่ นในการพดู แสดงความคดิ เหน็ ผรู้ ว่ มกลมุ่ อภปิ รายจะปรกึ ษาหารอื กนั เพอื่ หาขอ้ สรปุ หรอื ตดั สนิ ใจเรอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ โดยจะมหี รอื ไมม่ ปี ระธานกไ็ ดแ้ ตโ่ ดยสว่ นมากประธานจะไมม่ สี ทิ ธช์ิ ขี้ าดแต่ อภปิ ราย สามารถชว่ ยใหก้ ารอภปิ รายดา� เนนิ ไปอยา่ งราบรน่ื ไดแ้ ก่ การประชมุ กลมุ่ การประชมุ คณะกรรมการ ๒) การอภปิ รายในทป่ี ระชมุ ชน การอภปิ รายประเภทนผ้ี อู้ ภปิ รายกลมุ่ หนงึ่ เปน็ ผพู้ ดู อธิบายความรู อกี กลมุ่ หนงึ่ เปน็ ผฟู้ งั เมอ่ื จบการอภปิ รายจะเปดิ โอกาสใหผ้ ฟู้ งั ไดซ้ กั ถามหรอื รว่ มแสดงความคดิ เหน็ การอภิปรายประเภทนีแ้ บง่ เปน็ ๒ ลกั ษณะ ดังน้ี ครสู มุ เรียกชื่อคขู องนักเรียน ออกมา 3 คู เพ่อื เปนตัวแทนของ แตละหมายเลขออกมาอธิบายความรู 142 เกยี่ วกับประเด็นทไ่ี ดร ับมอบหมาย จากนัน้ ต้งั คาํ ถามกบั นกั เรยี นและ สมุ เรยี กชอื่ เพ่ือตอบคาํ ถาม • นกั เรียนคดิ วาจุดมงุ หมายของการพดู อภิปรายคอื อะไร (แนวตอบ เพื่อเปน การแลกเปลีย่ นความรู ความคดิ เหน็ ระหวา งกนั เพ่อื แกป ญ หารว มกนั ฯลฯ) • การพูดอภิปรายทด่ี คี วรมีลกั ษณะอยางไร (แนวตอบ การอภิปรายท่ดี คี วรมจี ุดมงุ หมายชดั เจน ผูอภิปรายควรมีความรู เชย่ี วชาญ มเี หตผุ ลและนา เชือ่ ถอื มีหลักฐานประกอบท่นี าเช่ือถือ มีมารยาท ส่อื สารชดั เจน เขา ใจงา ย) 142 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๒.๑) การอภิปรายเปนคณะ การอภิปรายในลักษณะนี้จะประกอบด้วยผู้อภิปราย สาํ รวจคน หา ประมาณ ๓-๘ คน โดยผู้อภิปรายจะท�าหน้าที่ศึกษาหาข้อมูล ค้นคว้าหลักฐานข้อเท็จจริงเกี่ยว กับหวั ขอ้ ทจ่ี ะอภปิ ราย แล้วนา� มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตอ่ หนา้ ผฟู้ ัง การอภปิ รายในลกั ษณะนี้ ครูทาํ สลากเทากบั จํานวนนักเรียน ก�าหนดหัวข้อส�าหรับการอภิปรายไว้ล่วงหน้า ผู้อภิปรายจะอภิปรายโดยแสดงความคิดเห็นเป็น ในหอง เขียนหมายเลข 1-6 ใน รายบคุ คล หรืออาจซกั ถาม โต้แยง้ ขยายความการอภิปรายของผูอ้ ่นื เรอื่ งท่อี ภปิ รายจะเป็นเร่อื ง จาํ นวนเทาๆ กัน หรือตามความ ท่สี ังคมสนใจ หรอื เปน็ ปญั หาในปจั จบุ นั ซงึ่ ต้องการแนวทางแก้ไข เหมาะสม จากนน้ั แบงกลมุ นกั เรียน ๒.๒) การอภิปรายแบบปาฐกถาหมู่ หรือการแลกเปล่ียนความรู้ การอภิปรายใน เปน 6 กลมุ ใหแตล ะกลมุ สงตัวแทน ลกั ษณะนป้ี ระกอบดว้ ยผอู้ ภปิ รายประมาณ ๒-๕ คน วธิ กี ารดา� เนนิ การอภปิ รายคลา้ ยคลงึ กบั ลกั ษณะ ออกมาจับสลากหวั ขอ สําหรับการ แรก แตต่ า่ งกนั ตรงทผี่ อู้ ภปิ รายแบบปาฐกถาจะเปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญเฉพาะดา้ น แตล่ ะคนจะเตรยี มความรู้ คน ควารวมกัน ดงั นี้ เฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของเร่ืองเพ่ือป้องกันการซ้�าซ้อนของเนื้อหา ซ่ึงการอภิปรายประเภทนี้ จะมุ่งเน้นให้ความรู้อย่างละเอียดแก่ผู้ฟัง จึงเหมาะสมที่จะใช้ในเร่ืองวิชาการหรือเรื่องที่ต้องใช้ หมายเลข 1 บทบาทและหนาที่ ความรเู้ ฉพาะทาง ผดู้ า� เนนิ การอภปิ รายจะยา�้ ความสา� คญั ของแตล่ ะหวั ขอ้ ของผอู้ ภปิ รายและเชอื่ มโยง ของผูดําเนนิ การ ใหต้ อ่ เนอ่ื งกนั อภปิ ราย ๑.๔ องคป์ ระกอบของการพดู อภิปราย หมายเลข 2 บทบาทและหนา ท่ี ของผูอภิปราย การอภปิ รายจะดา� เนนิ ไปตามจดุ มงุ่ หมายอยา่ งราบรนื่ และประสบความสา� เรจ็ ยอ่ มขน้ึ อยู่ กับผู้ด�าเนินการอภิปรายและผู้ฟังการอภิปราย ตลอดจนการจัดสถานที่ในการอภิปราย ดังน้ัน หมายเลข 3 หวั ขอ เรือ่ ง นักเรียนจึงควรศึกษาลักษณะที่ดีของผู้ด�าเนินการอภิปราย ผู้อภิปรายและตัวอย่างการจัดสถานท่ี หมายเลข 4 สถานที่อภปิ ราย ส�าหรบั จัดการอภิปราย หมายเลข 5 ข้ันตอนในการ ๑) บทบาทและหนา้ ทข่ี องผดู้ า� เนนิ การอภปิ ราย ผดู้ า� เนนิ การอภปิ รายควรเปน็ บคุ คลท่มี ีบุคลิกภาพดี มลี กั ษณะเป็นผู้นา� มีท่าทเี ปน็ มิตร มีศิลปะทงั้ ในการฟังและการพูด วางตัว อภิปราย เป็นกลาง โดยเคารพความคิดเห็นของผู้อภปิ ราย รู้หลกั วิธดี า� เนนิ การอภปิ รายและท่สี �าคัญต้องมี หมายเลข 6 มารยาทในการพูด ความรคู้ วามเขา้ ใจในเรือ่ งทจี่ ะอภิปราย บทบาทและหนา้ ท่ขี องผดู้ า� เนนิ การอภิปราย มีดังนี้ อภิปราย ๑. วางแผนการอภปิ รายให้สมาชกิ รว่ มกนั เลือกเรื่องส�าหรบั อภิปราย โดยไดร้ บั การ ยอมรับจากผ้อู ภปิ รายทุกคน อธบิ ายความรู ๒. กล่าวเปดิ อภิปราย บอกสาเหตขุ องการน�าเรอื่ งน้นั ๆ มาอภิปรายและชใี้ ห้เห็นถึง นักเรยี นกลุมท่ีจับสลากได ความส�าคัญและประโยชน์ของเร่อื งทจ่ี ะอภิปราย หมายเลข 1 และ 2 สงตวั แทน ออกมาอธิบายความรูในหวั ขอ ทไ่ี ดรบั ๓. แนะน�าชื่อผู้เข้าร่วมอภิปรายทุกคน พร้อมทั้งต�าแหน่งหน้าท่ีการงาน ความ มอบหมายความยาวคนละไมเ กิน สามารถพเิ ศษและแนะนา� ตนเองแกผ่ ู้ฟงั การอภิปราย 3 นาที นักเรียนคนอน่ื ๆ บนั ทึก ความรทู ไ่ี ดร บั จากการฟง ลงสมุด ๔. เสนอประเด็นที่จะอภิปราย แสดงความรู้ ความคิดเห็น พร้อมทั้งกล่าวเชิญ ผอู้ ภิปราย นักเรียนควรรู 143 ผูดําเนินการอภิปราย มสี วนสําคัญ ตอการอภิปราย ทําหนาทีเ่ พือ่ ให การอภิปรายเปนไปอยางราบรื่น ซ่งึ ผดู ําเนินการอภิปรายควรแสดงความ คิดเห็นใหน อ ยท่สี ุด การพูดในแตล ะ ครั้งควรเปน การพูดเพือ่ สรุป และ เชอ่ื มโยงความคิดของผูพดู แตล ะคน ดังน้ันในขณะท่ีฟงจงึ ควรจดบันทึก ขอ เสนอแนะและความคดิ เห็นของ ผอู ภิปรายทกุ คน คมู ือครู 143


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook