๓) ภาษาไม่เป็ นแบบแผน เป็ นการใชภ้ าษาที่ผูใ้ ชไ้ ม่เคร่งครัดในเรื่องการใช้ภาษาภาษาระดบั น้ี เป็นภาษาท่ีใชใ้ นวงจากดั เช่น ภาษาท่ีใช้กันภายในครอบครัวระหว่างสามี-ภรรยา บิดามารดา-บุตร และญาติสนิทมิตรสหาย สนทนากนั ในชีวิตประจาวนั มุ่งสื่อ ความหมายพอใหเ้ ขา้ ใจ
๑.๒ ปัจจัยทม่ี อี ทิ ธิพลต่อการเลือกใช้ระดบั ภาษา ปัจจยั ที่กาหนดการเลือกใชร้ ะดบั ภาษาเพ่อื การส่ือสาร มีดงั น้ี ๑) โอกาสและสถานที่ ๒) สัมพนั ธภาพระหว่างบุคคล ๓) ลกั ษณะของเนื้อหา ๔) สื่อทใี่ ช้
๑.๓ ลกั ษณะของภาษาในระดับต่างๆ ๑) ลกั ษณะของภาษาแบบแผน ๑.๑) การเขียนเรียบเรียงประโยค ๒) ลกั ษณะของภาษากง่ึ แบบแผน ๑.๒) กลวิธีการนาเสนอ ๓) ลกั ษณะภาษาทไ่ี ม่เป็ นแบบแผน ๑.๓) ถอ้ ยคาท่ีใช้ ๒.๑) การเขียนเรียบเรียงประโยค ๒.๒) กลวิธีการนาเสนอ ๒.๓) ถอ้ ยคาที่ใช้ ๓.๑) การเขียนเรียบเรียงประโยค ๓.๒) กลวธิ ีการนาเสนอ ๓.๓) ถอ้ ยคาท่ีใช้
๒ ราชาศัพท์ ๒.๑ ความหมายและความสาคญั คาราชาศพั ท์ หมายถึง กลุ่มคาศพั ทท์ ี่มีลกั ษณะพิเศษ คือ เป็นคาท่ีใชก้ บั พระมหากษตั ริย์ เช้ือพระวงศ์ เช่น พระเนตร เสดจ็ พระราชดาเนิน เสวย เป็ นตน้ นอกจากน้ี พระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) ไดอ้ ธิบายเพ่ิมเติมว่า “คา ราชาศพั ทเ์ ป็ นถอ้ ยคาภาษาท่ีผูท้ าราชการพึงศึกษาจดจาไวใ้ ชใ้ ห้ถูก ในการกราบ บงั คมทูล การเขียนหนงั สือ รวมไปถึงการแต่งคาประพนั ธ์กวนี ิพนธ์ รวมไปถึงการ แต่งคาประพนั ธก์ วนี ิพนธ์ซ่ึงจะกล่าวถึงผใู้ ด สิ่งใด กค็ วรใชใ้ หส้ มความ และไม่ให้ ผดิ ไปจากแบบแผนธรรมเนียมปฏิบตั ิ”
๒.๒ ทมี่ าของคาราชาศัพท์ คาราชาศพั ทท์ ่ีปรากฏใชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั มีท่ีมาแตกต่างกนั ดงั น้ี ๑) ราชาศัพท์ทม่ี าจากคาไทยแท้ ราชาศพั ทท์ ่ีผกู ข้ึนจากคาไทยแท้ มีดงั น้ี ๑.๑) คาที่ใช้เรียกเครือญาติ เช่น พี่ นอ้ ง อาจแปลงใหเ้ ป็นราชาศพั ทเ์ พ่อื ใช้ สาหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศไ์ ด้ โดยนากลุ่มคาอ่ืนมาประกอบ เช่น พระเจา้ พีย่ าเธอ หมายถึง พระองคเ์ จา้ ท่ีเป็นพชี่ ายของพระเจา้ แผน่ ดิน สมเดจ็ พระเจา้ พี่ยาเธอ หมายถึง เจา้ ฟ้าที่เป็นพ่ีชายของพระเจา้ แผน่ ดิน
๑.๒) คาที่ใช้เรียกส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น กราม เตา้ นม มีวธิ ีการแปลงให้ เป็นราชาศพั ท์ ดงั น้ี พระกราม หมายถึง กราม ใชส้ าหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศ์ พระเตา้ หมายถึง เตา้ นม ใชส้ าหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศ์
๑.๓) คาท่ีใช้เรียกกริ ิยาอาการ เช่น ถาม ไอ จาม ยนื ข่ีมา้ เลน่ ดนตรี เป็นตน้ มี วธิ ีการแปลงใหเ้ ป็นราชาศพั ท์ โดยใชค้ า “ทรง” เติมหนา้ คา ดงั น้ี ทรงถาม หมายถึง ถาม ใชส้ าหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศ์ ทรงไอ ทรงจาม หมายถึง ไอ จาม ใชส้ าหรับพระราชวงศ์ ทรงยนื หมายถึง ยนื ใชส้ าหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศ์ ทรงมา้ หมายถึง ขี่มา้ ใชส้ าหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศ์ ทรงดนตรี หมายถึง เลน่ ดนตรี ใชส้ าหรับพระเจา้ แผน่ ดินและพระราชวงศ์
๑.๔) คาที่ใช้เรียกสิ่งของเคร่ืองใช้ทัว่ ไป เช่น ท่ีนงั่ แส้ เกา้ อ้ี มีวธิ ีการแปลงให้ เป็นราชาศพั ท์ ดงั น้ี พระท่ีนงั่ หมายถึง ที่ประทบั ของพระเจา้ แผน่ ดินในพระราชวงั พระแส้ หมายถึง แส้ พระเกา้ อ้ี หมายถึง เกา้ อ้ี
๒) ราชาศัพท์ทม่ี าจากภาษาอื่น ราชาศพั ทท์ ี่ผกู ข้ึนจากคาท่ียมื มาจาก ภาษาต่างประเทศ มีดงั น้ี ๒.๑) คาทใ่ี ช้เรียกเครือญาติ เช่น ป่ ู ตา เมื่อจะแปลงใหเ้ ป็นราชาศพั ท์ จะใชค้ า ท่ีมาจากภาษาบาลี คือ อยั กา ท้งั น้ีการใชข้ ้ึนอยกู่ บั อิสริยศกั ด์ิ เช่น พระอยั กา หมายถึง ป่ ู ตา ของพระมหากษตั ริยแ์ ละเจา้ นาย (ป่ ู ตาซ่ึงไม่ใช่พระมหากษตั ริยห์ รือเจา้ นาย) พระบรมอยั กา หมายถึง ป่ ู ตาของพระมหากษตั ริย์ สมเดจ็ พระบรมอยั กา หมายถึง ป่ ู ตาของพระมหากษตั ริย์ (ป่ ู ตา ที่เป็นสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ) สมเดจ็ พระบรมอยั กาธิบดี หมายถึง ป่ ู ตาของพระมหากษตั ริย์ (ป่ ู ตา ท่ีเป็นสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอที่ทรงศกั ด์ิสูงเป็นพเิ ศษ) สมเดจ็ พระเจา้ อยั กาเธอ หมายถึง ป่ ู ของพระมหากษตั ริย์ (ใชเ้ ฉพาะกรมสมเดจ็ พระปรมานุชิตชิโนรส ซ่ึงเป็นสมเดจ็ พระเจา้ อยั กาเธอของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) สมเดจ็ พระบรมอยั กาธิราช หมายถึง ป่ ู ตาของพระมหากษตั ริย์ (ป่ ู ตา ท่ีเป็นพระมหากษตั ริย)์
๒.๒) คาท่ีใชเรียกกส่วนต่างๆ ของร่างกาย เม่ือจะแปลงใหเ้ ป็นราชาศพั ทจ์ ะใช้ คาที่มาจากภาษาอื่น แลว้ เติมคา “พระ” ขา้ งหนา้ เช่น มือ ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระหตั ถ์ (บาลี) ตา ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระเนตร (บาลี) เหงื่อ ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระเสโท (บาลี) ฟัน ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระทนต์ (บาลี)
๒.๓) คาที่ใช้เรียกกริ ิยาอาการ เช่น ความช่วยเหลือ เมื่อแปลงใหเ้ ป็นราชาศพั ท์ จะใชค้ าท่ีมาจากภาษาอื่น แลว้ เติมคานาหนา้ ใหเ้ หมาะสมกบั อิสริยศกั ด์ิ เช่น พระบรมราชานุเคราะห์ ใชส้ าหรับ พระมหากษตั ริย์ พระราชานุเคราะห์ ใชส้ าหรับ สมเดจ็ พระบรมราชินีนาถ สมเดจ็ พระบรมราชินี สมเดจ็ พระบรมราชชนก สมเดจ็ พระบรมราชชนนี พระอนุเคราะห์ สมเดจ็ พระยพุ ราช สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช สยามมกฎุ ราชกมุ าร สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ใชส้ าหรับ พระราชวงศช์ ้นั สมเดจ็ เจา้ ฟ้าและพระองคเ์ จา้
๒.๔) คาที่ใช้เรียกช่ือส่ิงของเคร่ืองใช้ทัว่ ๆ ไป เช่น ต่างหู แหวน เม่ือจะแปลง ใหเ้ ป็นราชาศพั ทจ์ ะใชค้ าจากภาษาอ่ืน แลว้ เติมคา “พระ” นาหนา้ เช่น ต่างหู ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระกณุ ฑล (บาลี) แหวน ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระธามรงค์ (เขมร) ที่นอน ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระยภี่ ู่ (บาลี-สนั สกฤต) หมอน ราชาศพั ทใ์ ชว้ า่ พระเขนย (เขมร)
๓) การใช้ราชาศัพท์ ราชาศพั ท์เป็ นการใชภ้ าษาท่ีสะทอ้ นให้เห็นวัฒนธรรม อนั ดีงามของไทย ซ่ึงควรใชใ้ หถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมและคานึงถึงลาดบั พระราชวงศ์ ดงั น้ี ลาดบั ท่ี ๑ พระมหากษตั ริย์ ลาดบั ท่ี ๒ พระบรมราชินีนาถ สมเดจ็ พระบรมราชชนนี สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ ลาดบั ที่ ๓ พระบรมวงศช์ ้นั สมเดจ็ เจา้ ฟ้า ลาดบั ท่ี ๔ พระบรมวงศช์ ้นั พระองคเ์ จา้ พระอนุวงศช์ ้นั พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ท้งั ที่ไม่ไดท้ รงกรมและทรงกรม ลาดบั ท่ี ๕ พระอนุวงศช์ ้นั หม่อมเจา้ ข้อสังเกต สมเดจ็ พระสงั ฆราช จะใชร้ าชาศพั ทใ์ นลาดบั ช้นั ที่ ๔ ส่วนช้นั อ่ืนๆ เช่น หม่อม ราชวงศ์ หม่อมหลวง จะไม่ใชค้ าราชาศพั ท์ แต่ใหใ้ ชค้ าสุภาพ
๓.๑) ข้อสังเกตบางประการเกยี่ วกบั ราชาศัพท์ มีดงั น้ี ๑. ทรง ใช้นาหน้าคากริยา กลุ่มคากริยา ให้เป็ นราชาศพั ท์ เช่น ทรงฟัง ทรงยินดี ทรงเป็ น ศิษย์เก่า เป็นตน้ ๒. ทรง ใชน้ าหนา้ นามราชาศพั ทใ์ ห้เป็นกริยาราชาศพั ท์ เช่น พระกรุณา เป็นนามราชาศพั ท์ ใชท้ รงนาหนา้ เป็น ทรงพระกรุณา หมายถึง มีความกรุณา เป็นตน้ ๓. กริยาใดเป็ นราชาศพั ทอ์ ยู่แลว้ ไม่ตอ้ งใช้ “ทรง” นาหนา้ คาเหล่าน้นั เช่น บรรทม เสวย ประทับ สรง ๔. ทรง ใชน้ าหนา้ คากริยาท่ีมีนามราชาศพั ทต์ ่อทา้ ยไม่ได้ เช่น มพี ระกรุณาจะไม่ใชว้ ่า ทรงมี พระกรุณา หรือ มพี ระราชโองการ จะไม่ใชว้ า่ ทรงมพี ระราชโองการ ๕. เสดจ็ ใชน้ าหนา้ คากริยาสามญั บางคาใหเ้ ป็นกริยาราชาศพั ท์ โดยความหมายสาคญั จะอยู่ ท่ีกริยาขา้ งหลงั เช่น เสดจ็ ประพาส เสดจ็ เถลิงถวัลยราชสมบตั ิ และใชน้ าหนา้ คานามราชาศพั ทเ์ พื่อใหเ้ ป็น คากริยาราชาศพั ท์ เช่น เสดจ็ พระราชสมภพ ๖. “พระบรม” ใชน้ าหนา้ คานามท่ีควรยกยอ่ ง ซ่ึงสงวนไวใ้ ชก้ บั พระมหากษตั ริยเ์ ท่าน้นั เช่น พระบรมมหาราชวัง พระบรมราโชวาท เป็นตน้
๓.๑) ข้อสังเกตบางประการเกยี่ วกบั ราชาศัพท์ (ต่อ) ๗. “พระราช” ใช้นาหน้าคานามท่ีสาคญั รองลงมา สาหรับพระมหากษตั ริย์ เช่น พระราช อานาจ รวมถึงสมเดจ็ พระบรมราชินีนาถ สมเดจ็ พระบรมราชินี สมเดจ็ พระบรมราชชนก สมเด็จพระบรม ราชชนนี สมเด็จพระยุพราช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี เช่น พระราชกศุ ล ๘. “พระ” ใช้นาหน้าคานามท่ีเป็ นส่ิงสามัญท่ัวไป สาหรับลาดับพระราชวงศ์ต้ังแต่ พระมหากษตั ริยจ์ นถึงช้นั พระองคเ์ จา้ สามารถแสดงตวั อยา่ งการใชค้ านามและกริยาราชาศพั ทใ์ ห้ถูกตอ้ ง ตามลาดบั พระราชวงศไ์ ด้ ดงั น้ี
๓ อทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๒.๑ ความหมายและความสาคญั ภาษาเป็ นส่วนหน่ึงของวฒั นธรรมท่ีเกิดข้ึนเพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ ในการส่ือสารของมนุษยก์ ารยืมคาที่มาจากภาษาต่างประเทศจึงถือเป็ นส่วนหน่ึงของ การรับวฒั นธรรมอ่ืนเขา้ มาในภาษาของตน ไม่ว่าการรับน้นั จะเกิดข้ึนดว้ ยความจงใจ หรื อไม่ก็ตาม นอกจากน้ี การยืมคาท่ีมาจากภาษาต่างประเทศเข้ามาใช้ยังมี ความสัมพนั ธ์กบั การคา้ การเมืองการปกครอง และการศึกษาซ่ึงทาให้ภาษามีความ เจริญงอกงามและมีคาสาหรับติดตอ่ ส่ือสารมากข้ึน
๓.๑ ภาษาบาลแี ละสันสกฤตในภาษาไทย ภาษาบาลีและสนั สกฤต เป็นภาษาในตระกลู อินโด-อารยนั (Indo-Aryan) ซ่ึงเป็นสาขายอ่ ยในภาษาตระกลู อินโด-ยโู รเปี ยน (Indo-European) ๑) อทิ ธิพลของคาทย่ี ืมมาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต พบการใชอ้ ยา่ ง กลมกลืนเป็นหน่ึงในภาษาไทย มีการใชอ้ ยา่ งแพร่หลายในชีวิตประจาวนั ในการ ติดต่อส่ือสารทว่ั ไปท้งั ภาษาพดู ภาษาเขียน และแมแ้ ต่ใชเ้ ป็นคาวิสามานยนามเรียกสิ่งของ ต่างๆ สถานท่ี รวมถึงชื่อบุคคล และการใชเ้ ป็นคาราชาศพั ท์ เช่น • คาวสิ ามานยนาม เช่น คุรุสภา เป็นตน้ • ชื่อบุคคล เช่น นที ปราชญ์ พล ประสิทธ์ิ เป็นตน้ • คาราชาศพั ท์ เช่น พระบรมราชโองการ ประสูตกิ าล พระครรภ์ เป็นตน้ • การสื่อสาร พบคาที่ยมื มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต ใชใ้ นชีวิตประจาวนั หรื อการสื่อสารที่เป็ นทางการ
๒) หลกั การสังเกตคาทยี่ ืมมาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต มีดงั น้ี ๒.๑) การใช้อกั ษรบางตัวที่ไม่นิยมเขียนในคาภาษาไทย อกั ษรบางตวั พบมากในคายมื ภาษาบาลีและ สันสกฤต แต่มีในภาษาไทยนอ้ ยหรือบางตวั ไม่พบการใชใ้ นภาษาไทยเลย ไดแ้ ก่ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ภ ศ ษ ฬ และ สระ ฤ ฤๅ ตวั อยา่ งคาที่มีอกั ษรที่นิยมใชใ้ นภาษาบาลีและสันสกฤต เช่น ฐานะ ฐากรู ฎีกา ทัณฑฆาต ทักษะ ปฏิปักษ์ เป็ นตน้ ๒.๒) การใช้ตัวการันต์ท้ายคา คาท่ียมื มาจากภาษาบาลีและสนั สกฤต ท่ีปรากฏใช้ในภาษาไทยนิยมใช้ ตวั การันตใ์ นตาแหน่งสุดทา้ ยของคา เพ่ือปรับลดจานวนพยางคใ์ นคาภาษาบาลีและสันสกฤตใหอ้ อกเสียงภาษาไทย ไดส้ ะดวกและเขา้ กบั ระบบเสียงของภาษาไทย เช่น ศาสตร์ ลกั ข์ เกยี รต์ิ มนษุ ย์ ฤทธิ์ วิสุทธิ์ กษตั ริย์ เป็นตน้ ๒.๓) ไม่ใช้เครื่องหมายไม้ไต่คู้ คาท่ียมื มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตไม่มีการใชเ้ ครื่องหมายไมไ้ ต่คู้ เน่ืองจากไมไ้ ต่คูเ้ ป็นเคร่ืองหมายที่ใชเ้ ขียนคาที่ออกเสียงน้นั ในคาไทยแทแ้ ละคาท่ียมื มาจากภาษาต่างประเทศอื่นที่ ไม่ใช่ภาษาบาลีและสันสกฤต แต่คาที่ยมื มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตไม่ใชเ้ คร่ืองหมายไมไ้ ต่คู้ แมเ้ ป็นคาท่ีออก เสียงส้ัน เช่น เพชฌฆาต เวจกฎุ ี เป็นตน้ ๒.๔) ไม่ปรากฏรูปวรรณยุกต์ คาท่ียืมมาจากภาษาบาลีและสันสกฤตในภาษาไทยไม่มีการใช้รูป วรรณยกุ ตก์ ากบั แมใ้ นการออกเสียงจะเหมือนมีเสียงวรรณยกุ ตก์ ต็ าม เช่น เกษม เกศ เป็นตน้ ๒.๕) มักเป็ นคาหลายพยางค์ คาที่ยืมมาจากภาษาบาลีและสันสกฤตที่ใชใ้ นภาษาไทย ส่วนใหญ่เป็น คาหลายพยางค์ เช่น ศิลปศาสตร์ มไหศวรรย์ กาลกิณี ประเทศ สถาปนิก เป็นตน้
๓.๒ อทิ ธิพลของภาษาเขมรในภาษาไทย ๑) อิทธิพลของคาที่ยืมมาจากภาษาเขมร ในภาษาไทยมีลกั ษณะการใช้ คล้ายคลึงกับอิทธิพลของคาท่ียืมมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต พบการใช้ใน ชีวิตประจาวนั ในลกั ษณะวิสามานยนามเรียกช่ือคน สถานที่ ใชใ้ นการติดต่อส่ือสาร ทว่ั ไป และยงั พบการใชใ้ นคาราชาศพั ท์ เช่น • คาวิสามานยนาม เช่น ราชดาเนิน พระประแดง (กร่อนมาจาก กมรเตง) เป็ นตน้ • คากริยา เช่น เดิน แถลง ฉลอง ตาหนิ เผดียง เป็นตน้ • คาราชาศพั ท์ เช่น เสดจ็ เสวย บรรทม บณั ฑูร ตรัส เป็นตน้
๒) หลกั การสังเกตคาท่ียืมมาจากภาษาเขมร มีดงั น้ี ๒.๑) คาโดด ภาษาเขมรเป็นคาโดด คายมื ภาษาเขมรในภาษาไทยจึงมีลกั ษณะเป็น คาโดดดว้ ย เช่น กรุง เนา ขลงั เป็นตน้ ๒.๒) มลี กั ษณะการสะกดไม่ตรงกบั ภาษาไทย ภาษาเขมรมีหน่วยเสียงตวั สะกด มากกว่าภาษาไทย จึงพบว่าเม่ือนามาใชใ้ นภาษาไทยแมจ้ ะมีการปรับเสียงให้ตรงกบั หน่วย เสียงตวั สะกดของภาษาไทย แต่ก็มีการรักษาอกั ขรวิธีการเขียนเดิมไว้ จึงสามารถสังเกตเห็น ถึงความแตกต่างจากภาษาไทยไดง้ ่าย เช่น เพญ็ เสดจ็ ประจัญ เป็นตน้ ๒.๓) เป็ นคาที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์ ภาษาเขมรเป็ นภาษาที่ไม่มีหน่วยเสียง วรรณยกุ ตค์ าที่ยมื มาจากภาษาเขมรจึงไม่มีรูปวรรณยกุ ต์ เช่น กระแส เสมยี น เป็นตน้ ๒.๔) เป็ นคาแผลง ภาษาเขมรมีวิธีการสร้างคาใหม่ดว้ ยการเติมหน่วยคาเติมหนา้ และหน่วยคาเติมกลาง ซ่ึงในภาษาไทยเรียกวา่ “คาแผลง” คาที่ยมื มาจากภาษาเขมรที่ใชใ้ น ภาษาไทยจึงมีคาท่ียมื มาจากคาแผลงดว้ ย เช่น สาเร็จ (เสร็จ) กาลงั (ขลงั ) ดารัส (ตรัส) เป็นตน้ ๒.๕) นิยมนามาใช้เป็ นคาราชาศัพท์ คาท่ียมื มาจากภาษาเขมรในภาษาไทยมกั นา มาใชเ้ ป็นคาราชาศพั ทใ์ นภาษาไทยดว้ ย เช่น บัณฑูร เสวย ขนอง เป็นตน้
๓.๓ ภาษาชวา-มลายู ในภาษาไทย ๑) อิทธิพลของคาที่ยืมมาจากภาษาชวา-มลายู ในภาษาไทยสามารถ จาแนกออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มท่ีรับมาใชใ้ นภาษาไทยถ่ินใต้ เช่น กาหยู (มะม่วงหิม พานต)์ ฆง (ขา้ วโพด)หลุด (ดินโคลน) เป็นตน้ กลุ่มท่ี ๒ คือคาที่รับมาใชใ้ นภาษาไทย ทวั่ ไป เช่น กริช กญั ชา กาป่ัน วริ งรอง เป็นตน้ กลุ่มสุดทา้ ย คือคายืมภาษาชวา-มลายู ในวรรณคดี เช่น ยหิ วา ปันจุเหร็จกระยาหงนั ตุนาหงนั เป็นตน้
๒) หลกั การสังเกตคาทย่ี ืมมาจากภาษาชวา-มลายู มีดงั น้ี ๒.๑) มลี กั ษณะเป็ นคาสองพยางค์ ภาษาชวา-มลายู มีคาพยางคเ์ ดียวนอ้ ย แต่ภาษาไทยเป็นภาษาคาโดด จึงสามารถสงั เกตเห็นไดง้ ่ายวา่ คาใดเป็นคาที่ยมื มาจาก ภาษาชวา-มลายู เช่น ระเด่น บหุ ลนั บหุ รง ปาเต๊ะ เป็นตน้ ๒.๒) ไม่มเี สียงพยญั ชนะควบกลา้ แต่ภาษาไทยมีพยญั ชนะหลายเสียงที่ สามารถเป็นพยญั ชนะควบกล้าได้ จึงมีความแตกต่างกนั อยา่ งชดั เจน เช่น กลั ปังหา กะปะ เป็นตน้ ๒.๓) ไม่มรี ูปวรรณยุกต์ ไม่มีหน่วยเสียงวรรณยกุ ต์ ดงั น้นั คาที่ยมื มาจาก ภาษาชวา-มลายู ในภาษาไทยส่วนใหญ่จึงไม่มีรูปวรรณยกุ ต์ เช่น เจียระไน โนรี เป็น ตน้ อยา่ งไรกต็ ามคายมื บางคาท่ีนามาใชม้ ีรูปวรรณยกุ ตก์ ากบั ดว้ ย เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ ง กบั ระบบเสียงในภาษาไทย เช่น บา้ บา๋ ยา่ หนัด เป็นตน้
๓.๔ ภาษาองั กฤษในภาษาไทย ๑) อทิ ธิพลของคาทย่ี ืมมาจากภาษาองั กฤษ ๒) หลกั การสังเกตคาท่ียืมมาจากภาษาองั กฤษ ๒.๑) ลกั ษณะเป็ นคาหลายพยางค์ ๒.๒) ไม่มีการเปลยี่ นรูปไวยากรณ์ ๒.๓) มเี สียงพยญั ชนะท่ไี ม่มใี นระบบเสียงภาษาไทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173