Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนเพศวิถี มัธยมศึกษาปีที่6

แผนเพศวิถี มัธยมศึกษาปีที่6

Published by arms0827784830, 2021-07-06 03:23:10

Description: แผนเพศวิถี มัธยมศึกษาปีที่6

Search

Read the Text Version

ผู้จัดการเรียนรู้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือมีคำตอบในทุกคำถามที่เก่ียวกับ เรื่องเพศศึกษา แต่สามารถสร้างคำถาม กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนแสดงความเห็น และเมื่อมี ความเห็นที่ขัดแย้งกัน ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการวิเคราะห์ถึงเหตุและผล หรือที่มาที่ไปของ ความเห็นต่างเหล่านน้ั ด้วยบรรยากาศแหง่ ความเปน็ มิตร รับฟัง และเคารพในทุกความเห็น ในหลายคร้ัง ความเงียบในระหว่างการเรียนรู้ไม่ใช่เร่ืองแปลกหรือน่าอึดอัดใจ หากความ เงียบนั้นเกิดข้ึนในระหว่างการเผชิญคำถามที่สำคัญ ท่ีผู้เรียนอาจยุ่งยากใจในการให้ความเห็น เพราะต้องอาศัยการใช้ความคิดเพ่ือจะตรวจสอบความคิดความรู้สึกของผู้เรียนเอง หรืออาจกำลัง เงียบเพื่อจะใคร่ครวญ รวบรวม เรียบเรียง เพ่ือจะแสดงความเห็นของตน ผู้จัดการเรียนรู้ไม่ควร กงั วลกบั ความเงยี บทีเ่ กดิ ขึน้ ในหอ้ งเรยี นจนเกนิ ไป โดยพยายามจะพูดเพ่อื ไม่ใหห้ ้องเงยี บ ซงึ่ อาจไม่ เปน็ ผลดสี ำหรบั การเรียนรู้ การเรียนรู้โดยการใช้หลักสูตรน้ี เน้นการใช้คำถามเพ่ือให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และความรู้สึก ผู้จัดการเรียนรู้จึงต้องใช้ การฟังอย่างต้ังใจ (Active Listening) เมื่อมีการ แลกเปลย่ี นเกดิ ขน้ึ ในระหว่างผูเ้ รียน และต้องไม่เคร่งครัด ตัดบท เม่อื การอภิปรายแลกเปลี่ยนกำลัง ดำเนินไปอย่างออกรสชาติ ซ่ึงน่าจะสังเกตได้จากบรรยากาศของการแลกเปล่ียนท่ีเกิดข้ึน และต้อง อาศัยความเข้าใจท่ีจะเช่ือมโยงเร่ืองที่กำลังมีการส่ือสาร อภิปรายกัน เข้าสู่ประเด็นหลักๆ ของ ส่ิงท่ีเป็นคำถามของแต่ละแผนการเรียน หากเป็นเร่ืองที่อยู่ในหัวข้อที่ผ่านไปแล้ว ก็เช่ือมให้เห็น หรือหากเป็นเรื่องที่เก่ียวพันกับแผนที่กำลังจะเรียนรู้ต่อไป ก็อาจช้ีแจงว่าจะมีการนำประเด็นน้ีมา พิจารณาถกเถียงกันอีกคร้ัง หรือบางคร้ังหากเรื่องที่กำลังถกเถียงเก่ียวพันอย่างมากกับเรื่องที่อยู่ถัด ไปข้างหน้า ก็อาจพิจารณาสลับเอาหัวข้อ หรือกิจกรรมท่ีมีความเกี่ยวพันนั้น มาไว้ในช่วงนั้นเลย เพื่อความต่อเนื่อง หรือล่ืนไหลของการเรียนรู้ จัดการ ลำดับการเรียนรู้ และเวลา โดยพยายาม กระจายบทบาทความรับผิดชอบสู่ผู้เรียน เปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็นในห้องให้มากที่สุด สังเกตคนทีพ่ ูดน้อยทส่ี ดุ เพอ่ื กระตนุ้ ให้มีส่วนในการแสดงความเหน็ - 192 - คูม่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรูเ้ พศศกึ ษา สำหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๖

การเปลย่ี นแปลงจาก “ครผู ูส้ อน” เป็น “ผู้จดั กระบวนการเรยี นร้”ู เรือ่ งเพศ กระบวนการที่จะเปล่ียนแปลงครูผู้สอน ให้มาเป็นผู้จัดการเรียนรู้ท่ียึดเอาผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง ไม่ใช่เร่ืองง่าย การฝึกอบรมในห้องอบรมก็เป็นได้เพียงการนำครูเข้าสู่เนื้อหาสาระ และ กระบวนการ โดยผู้ฝึกอบรมหลักได้สาธิตจากกระบวนการที่ได้ทำให้เห็น แต่การเรียนรู้ของครู โดย เฉพาะเรือ่ งทศั นคตใิ นเรอื่ งเพศ และความเชอ่ื ม่นั ต่อศกั ยภาพของเยาวชน จะเกดิ ขนึ้ ได้จริงก็ตอ่ เม่อื ครูผู้สอนเองได้ผ่าน “กระบวนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์” จากการได้ลงสอนจริง ซ่ึงหากทำได้ จริงตามทักษะที่เน้น “ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง” ผู้สอนก็จะเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมกับผู้เรียน ก็จะ เกดิ เปน็ การเรียนรู้รว่ มกัน (Participatory Learning) อย่างแทจ้ ริง กระบวนการช่วยเหลือเพื่อให้ครูเกิดการเรียนรู้ต่อเน่ืองเมื่อลงสนามสอนจริงคือ การ Coaching หรอื การนเิ ทศตดิ ตามซง่ึ ไม่ใช่ การไปประเมนิ การสอนของครู แตไ่ ปชว่ ยสะทอ้ น และ ชว่ ยกันมองหาวธิ ีที่จะเปล่ียนแปลงเพอื่ พัฒนาการจดั การเรียนรู้ใหด้ ีขน้ึ ถ้าเราถามเดก็ นกั เรยี นวา่ ไปโรงเรยี นเพอ่ื อะไร คำตอบทีม่ ักไดร้ บั กค็ อื ไปเรยี นหนังสอื ถ้าผู้ ตอบเปน็ ครอู าจารย์ คำตอบทไี่ ดก้ อ็ าจเปน็ ไปสอนหนังสอื แต่ส่งิ ทีแ่ ฝงอยใู่ นคำตอบของทั้งสองฝา่ ย คอื การเปลยี่ นแปลง ครเู ปลยี่ นแปลง (หรอื ที่มักเรยี กว่าพัฒนา) ลกู ศษิ ยจ์ ากทีไ่ ม่เคยรูไ้ ม่เคยทำให้ กลายเปน็ คนอ่านออกเขยี นได้ คดิ เลขได้ รู้เร่ืองตา่ งๆ ทั้งใกลต้ วั และไกลตัว สามารถทำสง่ิ ใหม่ๆ ท่ี ไม่เคยทำ ดังน้ันเป้าหมายของการสอนไม่ว่าเรื่องใดก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน น่ันคือ สร้าง การเปล่ียนแปลงในตัวผเู้ รยี น และการเปลย่ี นแปลงน้ีคือ การเรยี นรูน้ ่นั เอง การสร้างการเรียนรู้สำหรับเยาวชนในยุคปัจจุบันมีอะไรต่างจากยุคก่อนหรือไม่ แม้ว่าจุด หมายของการเรียนรู้ในทุกยุคสมัยคือ การเปล่ียนแปลงในตัวผู้เรียน แต่บทบาทของครูในการสร้าง การเรียนรู้ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพสังคมและเทคโนโลยีในขณะน้ัน เทคโนโลยีของโลกปัจจุบัน เปดิ ให้คนเข้าถึงความรู้ ขอ้ มูลและขา่ วสารไดอ้ ย่างไร้พรมแดนและตลอดเวลา ครจู งึ ไม่ใชค่ นที่รูม้ าก และรมู้ ากอ่ นในทกุ ๆ เรอื่ งอกี ตอ่ ไป สถานภาพเชน่ นนั้ ไดม้ าถงึ ตวั เราแลว้ ไมว่ า่ จะทำงานอยใู่ นพน้ื ทใ่ี ด - 193 - ภาคผนวก

ถ้าเยาวชนใฝ่รู้ อ่านออก เข้าถึงแหล่งข้อมูล เขาก็สามารถค้นคว้าเองได้ ปัจจุบันครูไม่ได้เป็น ผทู้ ี่รู้มากกว่าเด็กในทุกๆ เร่อื งอีกแล้ว ครูไม่ได้เป็นแหลง่ ขอ้ มูลความรู้ทสี่ ำคัญยง่ิ อกี ตอ่ ไปแล้ว แต่การเข้ามาของเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารไม่ได้ทำให้คุณค่าและความสำคัญของครูหมดไป แต่ กลับทำให้ครูมีอิสระจากการเป็น “คลังความรู้” และสามารถก้าวไปสู่บทบาทใหม่ที่ท้าทายและเป็น บทบาททจี่ ำเปน็ อยา่ งยิ่งสำหรบั การพัฒนาเยาวชน นั่นคอื บทบาทที่เรยี กกันวา่ “ผจู้ ดั การเรยี นร้”ู คร ู ผู้จดั การเรยี นร้ ู - ใหข้ ้อมูล ความร้ ู - นำการพูดคยุ แลกเปลย่ี น - ใหค้ ำตอบทถ่ี กู ต้อง - ชว่ ยให้มคี ำถามทถี่ ูกตอ้ ง - ส่ือสารทางเดียว ครูพดู ใหเ้ ดก็ ฟัง - สอ่ื สารสองทาง - ประสานกิจกรรมการเรยี นร ู้ - ใหก้ ารบา้ น - กำหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ชว่ ยใหก้ ลมุ่ มจี ดุ ประสงคร์ ว่ มกัน - ครเู ป็นศนู ย์กลาง - ผ้เู รยี นเป็นศูนยก์ ลาง ในการจัดเพศศึกษาที่เน้นหลักการของ experiential learning ที่กล่าวมาในตอนต้น หัวใจสำคญั อยทู่ ่ีการปรับบทบาทของครไู ปเป็นผจู้ ัดการเรยี นรู้ เพราะผูจ้ ดั การเรียนรู้เปน็ กลไกสำคญั ที่จะทำให้เกิดการผันประสบการณ์จากกิจกรรมไปสู่การ “รู้แจ้ง” ของแต่ละบุคคล ขั้นตอนของ reflection ในวงจรการเรยี นร้แู บบ experiential learning จะขาดประสทิ ธภิ าพ ถ้าไม่มีผู้ทำหน้าท่ี เป็นกระจกส่องให้เกดิ การพจิ ารณาแต่ละแง่มมุ อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเมือ่ เปน็ การเรียนร้ขู องกลุม่ ซ่ึงหัวใจสำคัญอยู่ท่ีการแลกเปลี่ยนความคิด ผู้จัดการเรียนรู้จึงต้องเป็นผู้ที่ช่วยทำประเด็นให้ชัดข้ึน คอยจัดลำดับเร่ืองเพ่ือไม่ให้สับสนหรือตกหล่น คอยเปิดโอกาสให้คนที่อยากพูดได้มีโอกาสพูดบ้าง ช่วยให้กลุ่มสรุปถึงสิ่งที่ต้องการจะบรรลุ ช่วยสร้างบรรยากาศท่ีเป็นมิตรและทุกคนรู้ว่าตนเองได้รับ การยอมรับ รวมไปถึงการแนะแหลง่ ขอ้ มูลที่ผู้เรียนควรคน้ ควา้ หาความร้ตู อ่ ไป ด้วยบทบาทของผู้จัดการเรียนรู้ สิ่งท่ีต้องเน้นมากท่ีสุดจึงไม่ใช่เนื้อหา แต่เป็นเร่ือง กระบวนการที่จะช่วยให้ผู้เรียนแปรเน้ือหาไปสู่วิธีการเรียนรู้ และไม่ได้หมายความว่าครูไม่ต้องมี - 194 - คูม่ ือการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖

ความรมู้ าก ความร้ยู ังเป็นเร่อื งจำเปน็ แตส่ งิ่ ท่คี รตู อ้ งมมี ากกวา่ คือ ต้อง “เก่ง” ในการทำใหผ้ เู้ รยี น ตระหนกั ถึง “กระบวนการเรยี นรู้” เพราะจะติดตวั ไปภายหนา้ ชว่ ยใหเ้ ขาสามารถพงึ่ สติปญั ญาของ ตัวเองในการรบั มอื กับสถานการณ์ต่างๆ ได้เมือ่ ไม่มคี รหู รอื พ่อแมก่ ำกบั อย่ขู า้ งๆ การเป็นผู้จัดการเรียนรู้จึงเป็นบทบาทที่คู่กันไปกับการจัดเพศศึกษาแบบอาศัยประสบการณ์ แต่การเปลย่ี นบทบาทน้ีไมใ่ ชเ่ รือ่ งที่สามารถเปลีย่ นได้ชวั่ ขา้ มคืน แตต่ อ้ งปีนข้ามภเู ขาสามลูกนี้ใหไ้ ด ้ ภเู ขาลกู แรก เกดิ จากความยดึ มนั่ วา่ ครรู ดู้ กี วา่ ครจู งึ สามารถคดิ แทนและบอกทางเลอื กทดี่ ี ทสี่ ดุ ใหก้ บั เดก็ ครไู มเ่ ชอื่ มากนกั วา่ เดก็ คดิ เองได้ โดยเฉพาะการรซู้ งึ้ ถงึ ผลดา้ นลบทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ เพราะ เดก็ มปี ระสบการณจ์ ำกดั ความยดึ มน่ั นม้ี าในรปู ของความหวงั ดี ตอ้ งการปกปอ้ งไมใ่ หเ้ ดก็ ตอ้ งเผชญิ กบั เรือ่ งรา้ ยๆ จึงเปน็ ด่านท่ีสำคญั ทสี่ ุดเพราะเมือ่ คดิ ว่าเปน็ เจตนาดี กไ็ มต่ ระหนักว่าตอ้ งเปลี่ยนแปลง ภูเขาลูกท่ีสอง เป็นมรดกของการกล่อมเกลาทางสังคมให้เราเชื่อว่า เร่ืองเพศเป็นเรื่องท่ี น่าอาย เปน็ เรอื่ งทีต่ ้องควบคุมให้รสู้ กึ ผิดบาป ผชู้ ายกับผหู้ ญงิ แตกตา่ งกนั ทางสรรี ะและควรทีผ่ ูห้ ญิง ตอ้ งเปน็ ฝ่ายตาม รวมถงึ มีขอ้ จำกดั เร่ืองเพศมากกวา่ ผู้ชาย การปลกู ฝังและขดั เกลาน้มี ีผลฝงั ลึกเสยี จนผู้คนจำนวนไมน่ ้อยไม่เคยฉุกคดิ ว่าทำไมจึงตอ้ งเป็นเช่นน้นั ภูเขาลูกที่สาม เป็นเร่ืองของทักษะ การฟังและจับประเด็น การต้ังคำถามให้เกิดการ แลกเปลยี่ นความคดิ เหลา่ นเี้ ป็นทักษะทีใ่ ชน้ ้อยในการสอนท่ีเนน้ เน้อื หาเป็นหลัก อันที่จริงการทำงานเพศศึกษา ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างการเปล่ียนแปลงให้กับเยาวชน แต่ เป็นการเรียนรู้ที่จะเปล่ียนแปลงตัวเองด้วย เป็นการเปล่ียนแปลงท่ีเปรียบเหมือนการปีนข้ามภูเขาซ่ึง อยู่ภายในตัวเราเองทัง้ สามลกู เรือ่ งทถ่ี าม - ตอบตอ่ ไปนเ้ี ปน็ เสบยี งความคดิ ท่ีจะช่วยให้การปีนข้าม เขาไมล่ ำบากจนเกินไป - 195 - ภาคผนวก

ภเู ขาลูกท่หี นงึ่ ครูคอื ผู้ทรี่ ดู้ ีทส่ี ดุ ทตี่ อ้ งช้ีแนะคำตอบทีถ่ ูกตอ้ งใหก้ บั เยาวชน เร่อื งเพศ เดก็ ไม่ได้มีความรู้และ ๑. เพราะเหตนุ จี้ งึ ตอ้ งจดั ใหม่ ใหเ้ กดิ ความรแู้ ละไดป้ ระสบการณ์ ประสบการณ์ชีวิตมากพอที่จะ ภายใตก้ ารจดั การของเรา เพ่อื ใหเ้ ยาวชนสามารถเลือกไดเ้ มอ่ื คดิ เองเลอื กเองในทางทปี่ ลอดภยั เหตุการณท์ ำนองน้ันเกดิ ขนึ้ กับเขา เราอยากเห็นเดก็ เลือกได้ ถ้าครูไม่บอกสิ่งที่ถูกต้อง เด็กก็ และปลอดภัย เราก็ต้องพัฒนาไปให้ถึงจุดนั้น แต่ถ้าเรากลัว จะไปเช่ือส่ือหรือเห็นดีเห็นงาม ว่าเด็กเลือกเองไม่ได้ ก็เลยเลือกให้ เราไม่ได้ช่วยให้เขาพึ่ง กับส่ิงท่ีเพ่ือนทำ แนวทางการ ตวั เอง เมือ่ เขาออ่ นแอทางความคดิ และในขณะเดยี วกันเขาก็ สอนแบบนี้ไม่เห็นว่าจะช่วยเด็ก ไม่ได้เช่ือฟัง เหมือนที่เราก็เคยไม่เชื่อผู้ใหญ่ ชีวิตทางเพศ ตรงไหน ของเยาวชนกไ็ มม่ วี นั ปลอดภัย ๒. ประสบการณ์ชีวิตในที่น้ี ควรสะท้อนเร่ืองจริงในสังคมของ เด็ก ไม่ใช่เร่ืองในสมัยท่ีครูเป็นเด็ก เพราะสังคมและ ส่ิงแวดล้อมได้เปล่ียนไป เราจะเอาตัวเองเป็นท่ีต้ังไม่ได้ เพราะเทา่ กบั เราไปจำกดั การใหป้ ระสบการณ์ทจี่ ำเป็นกับเดก็ ๓. การให้ความรู้ที่ชัดเจนถูกต้องเป็นหน้าท่ีท่ีไม่เคย เปล่ยี นแปลง แตว่ ธิ กี ารเปล่ียนไป จากการบอก - สัง่ สอน มาเป็นการถาม - สร้างความอยากรู้ สร้างความสามารถใน การค้นหาคำตอบดว้ ยตัวเอง ๔. ระหว่างผู้ใหญ่กันเอง ทางเลือกท่ีถูกต้องที่สุดของครูคนหนึ่ง ในเรื่องเพศอาจจะไม่ใช่เร่ืองที่เหมาะสมท่ีสุดของครูคนอื่น ถ้าเด็กยังไปไม่ถึงจุดนั้น เราก็ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า จะทำอะไรก็ตาม ต้องรับผิดชอบได้ ต้องห้ามปราม แต่ถ้าเขามี มคี วามสขุ พอใจ และไมท่ ำให้ผอู้ นื่ เดอื ดรอ้ น ประสบการณ์แล้วก็ต้องทำใจให้ ยอมรับ เราต้องมีจุดยืนด้วย ไมใ่ ชอ่ ะไรกป็ ลอ่ ยใหเ้ ดก็ เลอื กเอง เราต้องการอะไรจากความพยายามห้ามปราม - รักษาพรหมจรรย์ (เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นหรือ) ไม่มี เพศสมั พนั ธ์กอ่ นแต่งงาน - ไม่มีปญั หาตัง้ ครรภใ์ นวยั เรียน ทำแทง้ ตดิ โรคเอดส ์ - ไม่มีเร่ืองมารบกวนสมาธิในการศึกษาเลา่ เรียน - 196 - คูม่ อื การจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศกึ ษา สำหรบั นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖

- ดำรงรักษาเอกลักษณ์ของสังคมไทยท่ีกุลสตรีต้องรักนวล สงวนตัว - ความสบายใจว่าได้ทำหนา้ ที่แล้ว ทุกคนย่อมมีค่านิยมหรือสิ่งสำคัญในชีวิตที่ยึดถือ เป็นสิทธิส่วน บุคคลที่จะเลือกเช่ือเรื่องใด ครูสามารถรักษาจุดยืนตามทัศนะ ของครูได้ และครูก็ควรเคารพสิทธขิ องเด็กด้วยเช่นกัน เรื่องเพศเป็นกระแสแรง การท่ี เราไม่ห้ามปราม แต่ให้ข้อมูล ๑. เรากำลังไม่เช่ือว่าเด็กคิดเองได้ และเรายังเชื่อว่าเราห้ามได้ แนวทางให้เด็กเลือกเองก็เท่ากับ ส่งเสริมให้เป็นไปตามกระแส อยู่ (ท้ังทเี่ ราเหน็ ความจริงแล้ววา่ หา้ มไม่ไดผ้ ล) ครู/ระบบการศึกษาเป็นแกน ๒. เรากำลังเข้าใจผิดว่ากระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศแบบท่ีเปิด สำคัญในการรักษาเอกลักษณ์ และค่านิยมไทย เราไม่ควรตาม โอกาสให้คิดวิเคราะห์เองจะเร่งให้คนมีประสบการณ์ทางเพศ กระแสไปเหมอื นคนอื่น เรว็ ขึ้น ๓. จริงๆ แล้วเรายังรู้สึกรับไม่ได้ถ้าเด็กเลือกท่ีจะมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะเป็นการเลือกท่ีรับผิดชอบได้ มีความสุข ไม่ทำให ้ ผู้อื่นเดือดร้อน เราอธิบายอาการรับไม่ได้ของเราว่าเป็นการ ชว่ ยกนั รกั ษาเอกลักษณ์ไทย ๔. ทุกคนต่างมีสิทธิในการเลือกรับหรือให้คุณค่ากับเร่ืองต่างๆ ในชีวิต สิทธินี้เท่าเทียมกันไม่แตกต่างตามเพศและวัย แม้ สว่ นตวั เรายดึ ถอื และเหน็ คุณคา่ เอกลกั ษณ์ไทย แตเ่ ราต้องไม่ ปิดกั้นการเรียนรู้ท่ีจะช่วยให้เยาวชนสามารถเลือกมีความ สัมพันธ์อย่างผู้รู้รับผิดชอบ และเราควรเคารพสิทธิในการ เลือก ซ่ึงแสดงออกโดยการยอมให้เขาเลือกต่างจากเราได้ เพียงแค่การเลือกมีรูปแบบความสัมพันธ์ต่างจากเรา ไม่ได้ หมายความวา่ เขาไม่ร้จู ักรบั ผดิ ชอบ - 197 - ภาคผนวก

ภเู ขาลกู ท่ีสอง เรอ่ื งเพศเปน็ เรอื่ งนา่ อาย ตอ้ งควบคุมไม่ใหห้ มกมุน่ พูดไม่ได้ กระดาก เม่ือก่อนไม่ ๑. ก็เพราะไม่เคยบอกให้หมด เยาวชนจึงได้เรียนรู้เร่ืองเพศจาก เคยต้องสอนขนาดนี้ บางเร่ืองรู้ สอ่ื สารพดั รปู แบบ ขอ้ มลู เหลา่ นนั้ ถกู รบั เขา้ มาโดยไมส่ ามารถ ได้เองทำไมต้องเอามาพูด เช่น กลนั่ กรองได้ กเ็ พราะเราไมเ่ คยชว่ ยใหเ้ ขากลน่ั กรอง การทเ่ี รา ชว่ ยตวั เอง การเลา้ โลม้ จดุ สมั ผสั ไมเ่ ปน็ ฝา่ ยใหข้ อ้ มลู กเ็ ทา่ กบั เราผลกั ไสหนา้ ทนี่ ไ้ี ปใหก้ บั ผผู้ ลติ คนโสดยังไม่แต่งงานพูดไปก็เข้า ซดี ี สงิ่ พมิ พ์ โฆษณาตา่ งๆ เรามวั แตก่ ลา่ วโทษสอื่ เหลา่ นี้ ทงั้ เนื้อ คนจะนนิ ทา ทค่ี วามจรงิ เราควรโทษตวั เองมากกวา่ ทอ่ี ยใู่ กลช้ ดิ เดก็ มากกวา่ ใครๆ แตก่ ลบั ไมท่ ำอะไร ๒. กเ็ พราะเราสบายใจทจี่ ะพดู แคว่ ธิ กี ารคมุ กำเนดิ แตล่ ะเวน้ ทจ่ี ะ ทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมทางเพศซ่ึงต้องเกิดข้ึนก่อนการ คุมกำเนิดด้วยซ้ำ เยาวชนจึงคาดการณ์ไม่ได้ว่าแค่อยากอยู่ ด้วยกันน้ันจะนำไปสู่อะไรได้อีก ลำพังแค่ความยึดมั่นว่าจะ รักนวลสงวนตัวไม่ได้ช่วยให้เอาตัวรอดได้ เม่ือตกอยู่ใน เหตุการณ์ท่ีนึกไม่ถึงก็ยากที่จะรู้จักป้องกันหรือหาทางออก เราเองนน่ั แหละทต่ี ดิ กบั ดกั ตวั เอง.... ...ไมก่ ลา้ บอกใหร้ ู้ ...กเ็ ลยไมเ่ ชอ่ื วา่ เดก็ จะรู้ นกึ ออกลว่ งหนา้ ...กเ็ ลยไมแ่ นใ่ จวา่ เดก็ จะรอด ...กเ็ ลยตอ้ งหา้ มปราม สงั่ สอน รวมทง้ั ใหท้ อ่ งจำ !!! ๓. เมอื่ ไมร่ วู้ ธิ ี ทางเลอื กกเ็ ลยมจี ำกดั แมแ้ ตก่ ารพดู ถงึ safe sex ก็ให้ข้อมูลแค่การใช้ถุงยางอนามัย กลายเป็นว่าวิธีการให้ ขอ้ มลู ของเราเองไปชช้ี อ่ งวา่ เมอ่ื มอี ารมณก์ ต็ อ้ งถงุ ยางอนามยั ท้ังท่ีอาจจะมีทางเลือกอ่ืนๆ ท่ีเขาจะดูแลกันอย่างผู้ท ่ี รบั ผดิ ชอบได้ มคี วามสขุ และไมส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นใหใ้ คร ๔. เรื่องเพศรส วิธีการหาความสุขทางเพศ เป็นเร่ืองต้องห้ามท่ี พูดกันไม่ได้แม้ระหว่างสามีภรรยา นี่เป็นอีกบทหนึ่งท่ีเราถูก ปลูกฝังให้เห็นว่าการคิดหาความสุขทางเพศเป็นเร่ืองน่า ละอาย ทัศนะทางเพศจึงมีแตด่ ้านลบ ใช้ความรสู้ ึกอาย ผิด บาปมากำกบั ควบคมุ ธรรมชาตดิ า้ นนขี้ องมนษุ ยไ์ ว้ แมว้ า่ การ - 198 - คูม่ ือการจดั กระบวนการเรยี นรู้เพศศกึ ษา สำหรับนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖

ปลูกฝังเช่นนี้ช่วยรักษาสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุข แต่เราก็ต้อง มองใหเ้ หน็ รายละเอยี ดขา้ งใน เชน่ • ผู้ชายเท่ียวหาความสุขทางเพศได้ - ผล : ผู้หญิงก็เลย ไมร่ เู้ ดยี งสา เปน็ ฝา่ ยถกู กระทำ และอาจจะไมม่ คี วามสขุ ทางเพศในชวี ติ สมรส ผหู้ ญงิ กลายเปน็ สนิ คา้ ทางเพศเพอ่ื ใหผ้ ชู้ ายเทยี่ วหาความสขุ ได ้ • ผู้ชายแสดงออกทางเพศได้ - ผล : ผู้หญิงแม้จะห่วง ตวั เองแตก่ ไ็ มก่ ลา้ พกถงุ ยางอนามยั เพราะจะดแู ย่ ไมก่ ลา้ เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนต้ังแต่เป็นแฟนว่าจะป้องกันอย่างไร แมแ้ ตไ่ ปซอื้ ยาคมุ กำเนดิ กต็ อ้ งใหแ้ ฟนซอ้ื ให ้ • การมคี วามสขุ ในชวี ติ คู่ เรอ่ื งเพศเปน็ เพยี งสว่ นเดยี ว ระวงั คนจะเอาแตห่ มกมนุ่ ในกาม - ผล : ความจรงิ คอื เรอื่ ง เพศเป็นเพียงส่วนเดียวของชีวิตคู่ที่ถูกปล่อยให้เป็นไป ตามยถากรรม เพศศึกษาไม่ได้ทำให้องค์ประกอบน ี้ กลายเป็นเรื่องสำคัญกว่าอย่างอ่ืน เพียงแต่ทำให้ไม่ถูก ละเลย และมกี ารดแู ลแกไ้ ขใหท้ ำหนา้ ทขี่ องมนั ในชวี ติ ค ู่ ไดต้ ามฐานะ • คนโสดโดยเฉพาะผู้หญิงต้องไร้เดียงสาทางเพศ ไม่ควร ทำตวั วา่ รเู้ รอ่ื ง - ผล : ครสู ตรกี เ็ ลยสอนเพศศกึ ษาไดบ้ าง เรื่อง พูดได้บางด้านท้ังที่เข้าใจดีว่าควรจัดการเรียนร ู้ อยา่ งไร เรอื่ งทล่ี ำบากใจอยากใหค้ รผู ชู้ ายพดู เรอื่ งนเ้ี ปน็ ตัวอย่างท่ีชัดเจนของทัศนะทางเพศที่เราถูกปลูกฝังมา ไม่มีใครมา “unlearn” ให้เราได้นอกจากตัวเราต้อง ทำความเข้าใจและขัดเกลาทัศนะเร่ืองน้ีให้แจ่มชัด เยาวชนเรียนรู้จากท่ีเราทำมากกว่าท่ีเราพูด การปรับ ทัศนะของเราและการปฏิบัติตัวของเราคือ การจัด ประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ มี่ คี า่ ใหเ้ ยาวชน เพศศกึ ษาเนน้ ความจำเปน็ ของการสอื่ สาร แตค่ รเู องยงั ไมก่ ลา้ พดู เลย !! - 199 - ภาคผนวก

ภเู ขาลูกท่สี าม ทักษะในการเป็นผจู้ ัดการเรยี นรู้ ผู้จัดการเรียนรู้มีบทบาทในการนำการพูดคุยแลกเปล่ียน กระตุ้นให้เกิดคำถาม ช่วยให้ คำถามกระจ่างชัด และทำให้คำตอบเกิดจากการค้นหาร่วมกัน โดยครูเป็นส่วนหน่ึงของการให้ ข้อมูล การสลัดความเคยชนิ ท่เี ดิมเคยเปน็ ผพู้ ูด ผใู้ หค้ ำตอบ (ซึ่งมกั เปน็ การถามเองตอบเอง) นา่ จะ ไมใ่ ชเ่ ร่อื งยากสำหรับผทู้ ่ที ำงานคลุกคลีกับเยาวชน เพยี งแตต่ อ้ งเริ่มต้นด้วยการ “ร้จู กั ตัวเอง” กอ่ น ว่าแบบแผนในการสื่อสารของเราเป็นแบบใด และการจะรู้จักตัวเองได้นั้นคงต้องอาศัยผู้อ่ืนเป็น กระจกสอ่ ง คำถามต่อไปน้จี ะชว่ ยใหร้ วู้ ่าลกั ษณะเฉพาะในการสอื่ สารของทา่ นเปน็ แบบใด แบบแผนการฟงั และการสื่อสารของท่าน ทบทวนตัวเองวา่ โดยสว่ นใหญท่ า่ นมักตอบเพือ่ นของท่านตามข้อใด ๑. วนั นีอ้ ากาศร้อนมาก ไม่อยากออกไปซ้อื ของเลย ก. จรงิ ด้วย เดนิ กลางแดดรอ้ นๆ น่าปวดหวั ข. ไม่รอ้ นมากเทา่ ไหรห่ รอก เปา่ พัดลมเดยี๋ วกห็ ายร้อน ค. อา้ วไม่ซือ้ วันนแ้ี ลว้ จะไปวนั ไหน ง. เธอกช็ อบผลัดวันประกนั พรุ่ง ไม่เห็นทำซะท ี จ. ไปซ้ือซะใหเ้ สรจ็ ๆ ไป จะได้ไม่ตอ้ งรอไปวันหลงั ๒. เบอ่ื ทำรายงานจงั ตงั้ สองอาทติ ยม์ าแลว้ ทต่ี อ้ งนง่ั เขยี นแตร่ ายงานพวกน้ี ฉนั ทนทำตอ่ ไปไมไ่ หวแลว้ ก. เพราะอะไรเธอถึงใช้เวลาทำนานตัง้ สองอาทิตย์ ข. พักกอ่ นสแิ ล้วค่อยกลับมาทำทีหลัง ค. มันกน็ ่าเบื่ออยู่ที่ต้องมาทำอะไรแบบน้ีตง้ั นานแลว้ กย็ ังไม่เสร็จ ง. เออน่า ใครๆ กเ็ บือ่ ทง้ั น้นั จ. พวกชอบดินพอกหางหมู นี่ถ้าทำมาต้ังแตเ่ ปดิ เทอมเธอกไ็ มต่ ้องเปน็ แบบน้ี - 200 - คูม่ ือการจดั กระบวนการเรยี นรูเ้ พศศึกษา สำหรบั นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๖

๓. ไมร่ ้วู า่ จะทำอะไรกอ่ นดี หัวหนา้ ให้ทำงานเพิม่ อีกสองอยา่ ง นกี่ แ็ ทบจะไม่มเี วลาทำอะไรอยูแ่ ล้ว ก. ไปถามหวั หน้าวา่ ชิ้นไหนสำคัญต้องทำก่อน ข. ดูทา่ คุณเครียดนะ งานก็เร่ง เวลากไ็ มพ่ อ ค. จรงิ ๆ แล้วจะต้องทำอะไรกอ่ นละ่ ง. เธอก็ขก้ี ังวล ทำไปเด๋ยี วกเ็ สร็จเองแหละ จ. บางทีคนเรามันก็ตอ้ งยุง่ ๆ อยา่ งน้แี หละ ทำไปเถอะเด๋ยี วกเ็ สรจ็ ๔. หัวหน้าสายใหส้ อนเพศศึกษา อาทติ ยห์ นา้ ต้องสอนแล้ว ฉันต้องเตรยี มไมท่ นั แน ่ ก. สองสามอาทติ ยแ์ รกก็คงตอ้ งเตรียมหนกั หนอ่ ย จากนัน้ กค็ งอยตู่ ัว ข. เธอไม่น่ายอมรับมาสอนเลย ค. เธอไม่เคยสอนวิชานี้มาก่อนหรือ ง. เธอควรเตรียมตัวตัง้ แตเ่ ดย๋ี วนเ้ี ลยละ่ จ. ดูเธอกงั วลใจว่าจะเตรียมตัวไมท่ ัน ๕. เขาลอื กันวา่ ปนี ก้ี ระทรวงจะเอาจรงิ เร่ืองตัดคนออก ๕ เปอรเ์ ซ็นต์ ผมต้องมาตกงานตอนแก่น่ีมัน แยท่ สี่ ุดในชวี ิตเลยนะ ก. คนตัง้ ใจทำงานแบบคณุ เขาไมเ่ อาออกหรอก ข. ทำไมคุณถงึ คดิ ว่าคณุ จะอยใู่ นพวก ๕ เปอรเ์ ซน็ ตน์ ั้น ค. ไปถามอาจารย์ใหญ่เลยว่าเขาจัดคุณไวใ้ นพวกทจ่ี ะคดั ออกหรือเปล่า ง. ท่าทางคณุ เป็นกงั วลกบั เรอ่ื งนมี้ ากนะ จ. อยา่ คิดมาก คุณไม่มีทางโดนหรอก ๖. ถา้ ผมอยากไดซ้ แี ปด ผมตอ้ งย้ายไปสอนตา่ งจงั หวัด แตถ่ า้ ผมไมเ่ อากไ็ มร่ ้จู ะมโี อกาสอกี ไหม ผม ไม่รู้จะเลือกอะไรด ี ก. ดเู ป็นเร่อื งทตี่ ดั สินใจยากสำหรับคณุ คณุ กลวั วา่ จะเสียโอกาสใชไ่ หม ข. ไปลองคดิ ดูก่อนว่าการไปอย่ตู า่ งจงั หวัดดหี รือไม่ดียงั ไง - 201 - ภาคผนวก

ค. หาโอกาสแบบนไ้ี มไ่ ดอ้ กี แลว้ นะ ง. คุณคดิ วา่ ไปสอนตา่ งจังหวดั ไม่ดีตรงไหน จ. เลือกอะไรกต็ ามแต่ เด๋ยี วเรอ่ื งก็คลค่ี ลายไปในทางทดี่ ี ๗. คณุ ตขู่ บ้ี น่ เหลอื เกนิ ถา้ ไมบ่ น่ เรอื่ งนกั เรยี นกบ็ น่ เรอื่ งเพอ่ื นรว่ มงาน ฉนั รำคาญเขาทส่ี ดุ เลย ก. นน่ี ะ คราวตอ่ ไปถ้าเขามาบน่ อกี ละ่ ก็ เธอกบ็ อกให้เขาหยดุ แลว้ กลับไปทำงาน ข. ก็เพราะเธอชอบทำตัวเปน็ ศริ าณี คนถงึ มาบ่นใหฟ้ งั ค. เข้าใจว่าเธอรำคาญท่คี ณุ ตูม่ าบน่ ดว้ ยบอ่ ยๆ ง. อยา่ ไปสนใจ ทีไ่ หนๆ กม็ ีคนขีบ้ น่ แบบน้ที ัง้ นั้น จ. คณุ คดิ ว่าอะไรทำใหค้ ุณตมู่ แี ตเ่ รอ่ื งน่าบน่ ๘. ฉนั ดใี จทไ่ี ดเ้ รยี นตอ่ แตก่ ก็ ลวั วา่ จะเรยี นไมไ่ หว ก. มอี ะไรยากหรือในเร่อื งที่ตอ้ งเรยี น ข. เรื่องเรียนตอ่ น้ีทำให้คุณทง้ั ดใี จท้งั กังวลใจเลยนะ ค. คนทท่ี ำงานด้วยเรยี นด้วยก็ร้สู ึกกังวลอย่างนีท้ ั้งน้ัน ง. ไปถามรุน่ พีท่ ่ีเคยเรียนสิวา่ ต้องทำยงั ไง จ. รอมาต้ังนานกวา่ จะได้เรียน จะกลัวไปทำไม ๙. เอาอกี แลว้ ตอ้ งไปสมั มนาตา่ งจงั หวดั อกี แลว้ เพง่ิ จะกลบั มากระเปา๋ ยงั ไมท่ นั เกบ็ ทบี่ า้ นตอ้ งบน่ อกี แนๆ่ ก. แฟนคณุ นา่ จะรู้นะวา่ เปน็ หวั หนา้ กต็ อ้ งเดินทางบ่อยแบบนที้ ุกคน ข. เด๋ียวกห็ มดหนา้ สัมมนาแล้วล่ะ พอกลับมาคณุ ก็อยู่กับท่บี ้างไม่ตอ้ งออกไปไหน ค. ชวนใหเ้ ขาลาหยุดไปกบั คุณสิจะไดไ้ มบ่ ่น ง. มันกน็ า่ ปวดหวั นะ ทีต่ ้องรกั ษาสมดลุ เร่อื งงานกับครอบครวั ใหไ้ ด้ จ. ทำไมต้องไปสัมมนาบอ่ ยๆ - 202 - คู่มือการจัดกระบวนการเรียนรเู้ พศศกึ ษา สำหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๖

ข้อ สั่งสอน กำกบั ตดั สนิ ชอบซักไซ้ ปลอบใจ เหน็ อกเห็นใจ ๑ จ ง ค ข ก ๒ ข จ ก ง ค ๓ ก ง ค จ ข ๔ ง ข ค ก จ ๕ ค ก ข จ ง ๖ ข ค ง จ ก ๗ ก ข จ ง ค ๘ ง จ ก ค ข ๙ ค ก จ ข ง รวม นบั เฉพาะข้อทค่ี ุณทำวงกลมไว้เท่านนั้ สั่งสอน กำกบั (directing) ผู้ที่มีแบบแผนการตอบสนองในการพูดคุยแบบส่ังสอน มักเป็นผู้ควบคุมและทำให้การ สนทนาเป็นไปในทิศทางท่ีตนเองเป็นผู้บอกช้ีแนะในเรื่องท่ีคุยกัน เมื่อผู้พูดแสดงความคิดเห็นหรือ ความรู้สกึ ในเรอื่ งใด แม้ไมไ่ ดต้ อ้ งการคำชแ้ี นะหรอื ไม่ได้พดู เพื่อขอคำแนะนำ แตก่ ม็ ักไดร้ บั การตอบ สนองในเชิงชแ้ี นะมากกว่าเปน็ การแลกเปลยี่ นความคดิ ...ชวนใหเ้ ขาลาหยดุ ไปกบั คณุ สิจะไดไ้ มบ่ น่ ...ไปซอื้ ซะใหเ้ สรจ็ ๆ ไป จะไดไ้ ม่ตอ้ งรอไปวนั หลัง - 203 - ภาคผนวก

ตดั สนิ (judgemental) ผู้ท่ีมีแบบแผนการตอบสนองในการพดู คุยแบบตัดสนิ จะนำคา่ นิยม แนวคดิ หลักการของ ตนเองไปใช้ในการโต้ตอบหรือแนะนำ มักฟังและตัดสินเร่ืองที่คุยกันนั้นว่าเป็นการกระทำหรือการ ตดั สนิ ใจทถี่ ูกหรือผิด ...เธอกข็ ก้ี งั วล ทำไปเด๋ยี วกเ็ สรจ็ เองแหละ ...เธอกช็ อบผลดั วนั ประกนั พร่งุ ไมเ่ ห็นทำซะที ซกั ไซ้ (probing) ผู้ท่ีมีแบบแผนการตอบสนองในการพูดคุยแบบชอบซักไซ้ เป็นคนชอบซักถามเพ่ือให้ตน เข้าใจและพอใจในคำตอบในแง่มุมที่ตัวเองสนใจใคร่รู้ มากกว่าจะสนใจว่าจริงๆ แล้วผู้พูดต้องการ บอกอะไร หรือกำลังรู้สกึ อยา่ งไร ...ทำไมคณุ ถึงคิดวา่ คณุ จะอยูใ่ นพวก ๕ เปอรเ์ ซ็นตน์ ้ัน ...คณุ คดิ ว่าไปสอนต่างจงั หวัดไมด่ ตี รงไหน ปลอบใจ (smoothing) ผู้ที่มีแบบแผนการตอบสนองในการพูดคุยแบบปลอบใจจะไม่แตะต้องตัวปัญหา ไม่ชอบยุ่ง กับความขัดแย้ง แตจ่ ะช่วยให้รสู้ กึ วา่ เรื่องทเ่ี กิดข้ึนเป็นเร่อื งเล็ก คล่คี ลายได ้ ...เดยี๋ วเร่อื งก็คลค่ี ลายไปในทางท่ีด ี ...อยา่ ไปสนใจ ทีไ่ หนๆ ก็มคี นขีบ้ น่ แบบน้ที ัง้ น้นั เห็นอกเห็นใจ (empathetic) ผู้ท่ีมีแบบแผนการตอบสนองในการพูดคุยแบบเห็นอกเห็นใจ จะแสดงให้เห็นว่าเข้าใจทั้ง เรื่องและความร้สู กึ ของผู้พดู มกั ใช้การจับใจความ การทวนความ เพอ่ื สะทอ้ นความเขา้ ใจ ...มันก็นา่ ปวดหัวนะ ทตี่ อ้ งรักษาสมดุลเร่อื งงานกับครอบครวั ให้ได้ ...ดเู ปน็ เรื่องทต่ี ัดสินใจยากสำหรับคุณ คุณกลวั ว่าจะเสียโอกาสใชไ่ หม - 204 - ค่มู อื การจัดกระบวนการเรยี นร้เู พศศึกษา สำหรับนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖

แบบแผนการตอบสนองข้างต้นนี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าแบบใดดีท่ีสุด เพราะแต่ละแบบมี ประโยชน์และเหมาะสมกับเหตุการณ์เฉพาะอย่าง เมื่อมีผู้แสดงความทุกข์ใจและต้องการเพียงคน ปลอบใจ แบบแผนการตอบสนองที่เหมาะสมคือ ปลอบใจ เห็นใจ แต่เมื่อมีคนต้องการคำแนะนำ เพ่ือนำไปแก้ไขปรับปรุง การส่ังสอนกำกับก็เป็นประโยชน์ การซักไซ้เพ่ือให้เกิดความเข้าใจและได้ ข้อมูลก็เป็นประโยชน์เช่นกัน แต่ถ้าหากเราใช้การปลอบใจก็จัดว่าไม่เหมาะสม การท่ีเราใช้วิธีใดวิธี หน่ึงบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นลักษณะประจำตัวของเรา ในการเป็นผู้จัดการเรียนรู้ที่ต้องมีบทบาทนำ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยให้กลุ่มหาข้อสรุปได้ด้วยตัวเอง แบบแผนการตอบสนองที่ควร นำมาใช้ให้น้อยที่สุดคือ แบบสั่งสอนกำกับ และแบบตัดสิน ส่วนแบบแผนการตอบสนองที่น่าจะ เป็นประโยชน์มากคือ การซักไซ้และการเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นการจะเป็นผู้จัดการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพจึงเร่ิมต้นที่การรู้จักตัวเองว่าลักษณะการตอบสนองที่เราใช้บ่อยๆ เป็นแบบใด และ เลอื กใชแ้ ตล่ ะแบบใหเ้ หมาะสมกับเหตกุ ารณ์ ทักษะทีจ่ ำเปน็ ของผจู้ ัดการเรียนร ู้ ๑. การฟังอย่างต้ังใจ (Active Listening) และการสร้างความหมายของส่ิงที่รับรู้ร่วมกัน (Shared meaning) การฟงั ไมไ่ ด้หมายถงึ การได้ยิน หรือรบั ฟงั ส่งิ ทีถ่ ูกพูดถงึ เท่านน้ั แต่ยังหมายรวมไปถึง การ แสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อความคิดเห็น ความรู้สึก ประสบการณ์ และข้อมูลท่ีได้ยิน และ ตระหนกั ถงึ การเรียนรทู้ ่ีเกดิ ขนึ้ กบั ตวั เอง จากการไดย้ ิน ไดฟ้ งั เหลา่ นั้น ประเด็นสำคัญของการฟังอย่างตั้งใจคือ การไม่ต้ังสมมติฐานไว้ล่วงหน้าว่าผู้เรียนต้องคิด อยา่ งนน้ั หรอื พดู อยา่ งน้ี ควรฟงั โดยไมด่ ว่ นตดั สนิ วา่ ผพู้ ดู คงจะเปน็ คนอยา่ งนน้ั หรอื นา่ จะคดิ อยา่ งนี้ แต่ฟังโดยการติดตามความคิดของผู้พูด และจินตนาการตามมุมมองของผู้พูด ขณะเดียวกัน พยายามเขา้ ใจบริบท และภมู ิหลัง หรอื สถานการณ์ท่ีผพู้ ดู เผชิญอยู่ เพอ่ื เข้าใจมมุ มองท่ผี ู้พูดสะทอ้ น ออกมา - 205 - ภาคผนวก

ผู้จัดการเรียนรู้อาจใช้เทคนิค การทวนความ หรือย่อความ (paraphrasing) เพ่ือสะท้อน ส่ิงสำคัญท่ีถูกพูดถึงออกมา เพื่อให้สมาชิกในช้ันสามารถติดตามความคิด หรือมองเห็นเร่ือง สำคัญๆ ท่ถี ูกสะทอ้ นออกมาระหวา่ งการอภิปราย เช่น “อืม..น่าสนใจมากทีเดียวท่ี….บอกว่า รู้สึกรับไม่ได้กับส่ิงท่ีวัยรุ่นทำ.... แล้วคนอ่ืนคิด อยา่ งไร” ๒. การสังเกต รับรู้ถึงบรรยากาศท่ีเกิดขึ้นของการเรียนรู้ สังเกตการมีส่วนร่วม หรือไม่มีส่วนร่วมของ ผูเ้ รยี นแตล่ ะคน หรือแต่ละกล่มุ ยอ่ ย ๓. การถาม การใช้คำถามเพ่ือกระตุน้ ให้เกดิ การอภปิ รายอยา่ งกวา้ งขวาง หลายคนอาจคิดวา่ เปน็ เรือ่ ง ไม่ยากในการที่จะถามคำถาม แต่แท้จริงแล้ว การถามเพ่ือสร้างการเรียนรู้ เป็นทักษะที่ลึกซ้ึง ผู้จัดการเรียนรู้ต้องสามารถติดตามความคิดของผู้เรียนจากส่ิงท่ีแสดงออกมา และมีความเข้าใจ วัตถุประสงค์ของแผนการเรียนอย่างแจ่มชัด จึงจะสามารถสร้างคำถามที่เก่ียวข้องและต่อเนื่อง จน กระท่ังผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ จากการถกเถียงและแลกเปลี่ยนมุมมองท่ีลึกซึ้งยิ่งข้ึน ไม่ใช่เพียงการ ถามคำถามไปเรอ่ื ยอย่างไมม่ ีจุดหมาย ถามไปแล้วเมือ่ มคี ำตอบ หรือมีขอ้ มูลที่ถูกนำเสนอออกมา ก็ ไม่สามารถนำมาเช่อื มโยง สรา้ งคำถามทีต่ ่อเนอ่ื งและเกีย่ วพนั กบั การเรียนรู้ในเรื่องน้นั คำถามทเี่ กิด ข้ึนอาจไม่มีประโยชน์ หากวัตถุประสงค์ของคำถามกับวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ในบทเรียนนั้นไม่ เกยี่ วขอ้ งกนั ตัวอย่างคำถามที่ผู้จัดการเรียนรู้อาจเลือกใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของหัวข้อ และสาระท่ี ต้องการให้เกิดการส่ือสารแลกเปล่ียนกัน ในระหว่างการชวนคุย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแลกเปล่ียน สนทนา สำรวจทัศนะ สะทอ้ นการรบั รู้ หรือเรียนร้ขู องผเู้ รียน - 206 - คู่มอื การจดั กระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖

• พวกเรารสู้ ึกอยา่ งไรกับสถานการณ์ท่ีเกิดข้นึ กับ ..... (อาจเจาะจงเรือ่ งราว ตัวละครในกรณี ศกึ ษา หรอื เร่อื งเลา่ จากสมาชิก) • ถา้ เปน็ เรา เราจะเลือกจัดการ หรือมีความเห็นต่อเรอื่ งนอี้ ยา่ งไร • ความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างกนั นี้ เราคดิ ว่ามฐี านมาจากอะไร • ลองเปล่ียนมุมมอง ให้เราลองเป็นคนที่ไม่เห็นด้วย หรือรู้สึกต่างไปจากเรา เราคิดว่าเขามี เหตุผลอยา่ งไรทค่ี ดิ หรือร้สู กึ อยา่ งนน้ั • ถา้ เราเปน็ พอ่ แม่ เราจะต้องการแบบเดียวกันนไ้ี หม • ในอนาคตขา้ งหน้า สถานการณเ์ หล่านีอ้ าจเกดิ ขนึ้ อีกไหม หรือสถานการณ์เหล่าน้เี ปล่ียนไป อย่างไร เมือ่ เทียบกบั อดีตที่ผา่ นมาหรือเทยี บกับปจั จุบัน • ถ้าเราเป็นคนที่สวมบทบาทเช่นน้ีในเรื่อง เราจะทำแบบเดียวกันไหม หรือจะทำต่างไป อย่างไร • มีความคิดเห็นอะไรท่ีได้ยินจากเพ่ือนท่ีทำให้เราประหลาดใจ หรือผิดคาด ทำไมถึงรู้สึก ประหลาดใจ • ผลจากแบบฝึกหัด หรือกิจกรรมที่ทำไปนี้ เราจะเอาไปปรับใช้ในชิีวิตประจำวันได้อย่างไร บา้ ง • เราคดิ ว่ายังขาดอะไรอีกบา้ งทีจ่ ะทำใหก้ ารเรยี นรเู้ ร่ืองน้ีของเราสมบูรณข์ ึน้ • หากตอ้ งสรปุ การเรียนรู้ที่สำคัญจากกจิ กรรมทผี่ ่านไปน้ี เราจะสรปุ วา่ อะไรบ้าง เม่ือโยนคำถามเหล่านี้เข้าไปในกลุ่ม และมีผู้แสดงความคิดเห็นข้ึนมา ผู้จัดการเรียนรู้ต้อง พยายามชักชวนให้สมาชิกคนอ่ืนร่วมออกความเห็นในประเด็นเดียวกันน้ี และพยายามถามหาความ เห็นทแ่ี ตกตา่ งออกไป หัวใจสำคัญคือ ต้องไม่คิดหรือเช่ือหรือแสดงออกว่า คำถามเหล่าน้ันมีคำตอบท่ี “ถูกต้อง” หรือ “ถูกที่สุด” อยู่ แต่แสดงให้เห็นว่าทุกความเห็นไม่ว่าจะเหมือนหรือต่างก็ ล้วนน่าสนใจ - 207 - ภาคผนวก

๔. การเชือ่ มโยงแต่ละบทเรียน ผู้จัดการเรียนรู้จะต้องเข้าใจในภาพรวมของหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ แม้เม่ือสอนเป็นทีม และมีการแบ่งบทบาทว่าใครจะเป็นตัวหลักในแต่ละบท เพื่อเชื่อมโยงการเรียนรู้ในแต่ละแผนให้ต่อ เน่ืองกัน เพราะหลักสูตรท่ีออกแบบไว้น้ี เน้นความต่อเนื่อง เชื่อมโยงของแต่ละประเด็นไปด้วยกัน ผรู้ ับผดิ ชอบในการดำเนินการเรียนรู้ในแต่ละเร่อื ง จำเป็นตอ้ งนำสู่บทเรยี นโดยช้ใี ห้เห็นวา่ ก่อนหน้า นี้เราเรียนรู้ร่วมกันว่าอย่างไร และเก่ียวพันกับบทเรียนที่กำลังจะดำเนินการ หรือทำแบบฝึกหัด กิจกรรมน้ีอย่างไร รวมท้ังเมื่อดำเนินการเรียนรู้ไปจนสิ้นสุด ต้องสรุปเชื่อมโยงอีกครั้ง และ/หรือ เชื่อมเขา้ สู่บทเรียนถดั ไป การสรุปความ คือการประมวลผลจากการอภิปรายแลกเปลี่ยน เห็นจุดร่วม จุดต่างของ ประเด็นหลกั สรา้ งความเห็นร่วม ตระหนักถงึ ความเหน็ ตา่ ง และเหตผุ ลทมี่ าของความต่าง การระบุวัตถุประสงคก์ ่อนเข้าสกู่ จิ กรรมมคี วามจำเปน็ อยา่ งย่ิง เพือ่ เตรยี มความพร้อมให้แก่ ผู้เรียน เหมือนการเดินทางที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน และรู้ว่าขณะน้ีถึงไหนแล้ว อีกไกลเท่าไหร่ หรือ ต้องผ่านอะไรอีกบ้าง เป็นเวลาเท่าใดจะถึงที่หมาย ซ่ึงจะทำให้ผู้เดินทางรู้สึกผ่อนคลาย ลดความ กระวนกระวายใจ และจะเรียนรู้ได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการเดินทาง ในกระบวนการเรียนรู้ท่ีจัดข้ึน การบอกวัตถุประสงค์ท่ีชัดเจนท้ังในภาพรวม และแต่ละบทเรียนมีความจำเป็นและส่งผลต่อการ เรยี นร้ ู การบอกวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ ไม่ใช่การบอกข้อสรุปของบทเรียน (เพราะบทสรุป ย่อมมาจากการแลกเปลี่ยนร่วมกันระหว่างผู้เรียน) แต่เป็นการบอกถึงเหตุผล ที่มาที่ไปของการ จัดการเรียนรู้เร่ืองน้ี และแบบฝึกหัดที่จะดำเนินการ เก่ียวข้องกับเร่ืองท่ีกำลังเรียนรู้อย่างไร ตวั อยา่ งเช่น - 208 - คมู่ ือการจัดกระบวนการเรยี นรูเ้ พศศึกษา สำหรับนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖

“ตอนน้ีเราก็ไดเ้ ขา้ ใจแลว้ ความรู้สึกนกึ คิดในเรื่องเพศของเรา มอี ทิ ธพิ ลมาจากปัจจยั อะไร บ้าง ท่ีสำคญั ปจั จยั เหลา่ น้ัน สามารถกำหนดให้เราซึมซับรบั เอา เสมือนวา่ เป็นความจริงทปี่ ฏเิ สธไม่ ได้ ท้ังๆ ทจ่ี ริงๆ แลว้ เราอาจตรวจสอบ และพิจารณาด้วยเหตผุ ล เพื่อทา้ ทายว่าสง่ิ ทค่ี ดิ ทีเ่ ชือ่ น้ัน เป็นผลดีกบั ตวั เรา และคนใกล้ชิดแท้จรงิ หรอื ไม่ (สรุปเพอ่ื เช่อื มโยง)” “เอาล่ะค่ะ ในเร่ืองต่อไปเราจะได้ลองสำรวจเพิ่มเติมในเร่ืองทัศนะของเราต่อเรื่องเพศ คราวน้ีเราจะลองเจาะจงลงไปเกี่ยวกับเรื่องความเป็นหญิงชาย หรือที่เรียกว่าเพศสภาพน้ัน มันมี ความจรงิ ความลวง ความเช่ือ อยา่ งไร จะไดเ้ หน็ ความคิด ความเชอื่ ของเพอ่ื นของเรา วา่ เหมอื น ว่าต่าง หรือมีท่ีไปที่มาอย่างไร ลองทำแบบฝึกหัดนี้กันเลยค่ะ...........” (บอกวัตถุประสงค์เพื่อเข้าสู่ กิจกรรมใหม)่ การใชก้ ิจกรรมจะมปี ระสิทธภิ าพและสรา้ งการเรียนรไู้ ด้ จำเปน็ ตอ้ งมคี วามเข้าใจชดั เจนวา่ กิจกรรมท่ีทำเก่ียวข้องเทียบเคียงกับประเด็นของการเรียนรู้อย่างไร จุดอ่อนที่สำคัญในการทำ กิจกรรมเพื่อเข้าสู่บทเรียน มักจะอยู่ท่ีคำส่ังของการทำกิจกรรมไม่ชัดเจน ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ ของกจิ กรรมทท่ี ำวา่ ตอ้ งการจำลองสถานการณอ์ ะไร สงิ่ ทท่ี ำเกย่ี วขอ้ งกบั ประเดน็ ทจ่ี ะสรา้ งการเรยี นรู้ ต่อไปอย่างไร นอกจากน้นั การละเลยไมใ่ ห้ความสำคัญของการใหค้ ำสั่งท่ีชัดเจนในการทำกจิ กรรม หรือระบุบทบาท กำหนดระยะเวลา และรักษาเวลาท่ีกำหนดให้ผู้เรียน มักนำไปสู่การใช้เวลาท่ีเกิน จำเป็น และกลายเป็นจุดอ่อนของบทเรียนไป เพราะไปเสียเวลากับการทำกิจกรรมจนขาดเวลา ทจ่ี ะถกเถยี งถึงความหมาย สาระสำคญั ทเ่ี กดิ จากการทำกิจกรรมนัน้ ตวั อย่างของการให้คำส่ังทชี่ ดั เจนเพอื่ เข้าสู่บทเรยี น “เอาละ่ คะ่ ตอ่ ไปเราจะไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ วกบั เรอื่ งของทศั นะของเราทม่ี ตี อ่ ..... กอ่ นทจ่ี ะไดถ้ กเถยี ง แลกเปลย่ี นเรื่องนี้ เรามกี จิ กรรมที่จะจำลองสถานการณท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกับเรอื่ งนี้มาใหล้ องทำกัน เพ่อื จะ ดูกระบวนการเลอื ก และตดั สินใจของเรา เมื่อเทยี บกับเพื่อน (หรือเยาวชน หรือ.......ฯลฯ) เราจะใช้ - 209 - ภาคผนวก

เวลาไม่เกิน xxx นาที (ระบุเวลา) โดยเราจะแบ่งกลุ่มออกเป็น xxx กลุ่ม อย่างน้ีนะคะ (จัดการ แบง่ กลุม่ อย่างรวดเร็ว) ฟงั คำส่ังก่อนนะคะ กลุ่มทหี่ น่งึ จะตอ้ งทำดังน้ี สว่ นกลุ่มทส่ี องจะต้องทำดงั นี้ ให้เวลาในกล่มุ ถึง xxx (ระบเุ วลา) หลังจากนนั้ เราจะมารวม กลุ่ม และแต่ละกลุ่มต้องบอกผล xxxx ระหว่างอยู่ในกลุ่ม (หรือเม่ือมาเสนอผล) เรามีกติกาดังนี้ นะคะ xxxx เอาล่ะค่ะ เร่ิมทำงานในกล่มุ ไดเ้ ลยคะ่ ” - 210 - คมู่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศึกษา สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖

“เพศศกึ ษา” กบั การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ถ้าเปรียบเทียบกับข้อสอบ เพศศึกษาจะเป็นข้อสอบแบบปรนัยหรืออัตนัย หรือถ้าเปรียบ เทียบกับการสอนทำอาหารและการสอนคณิตศาสตร์ เพศศึกษาคล้ายกับการสอนทำอาหารหรือ คล้ายกบั การสอนคณติ ศาสตร์ ถ้าคดิ ถึงขอ้ สอบปรนยั ทุกขอ้ คำถามมีหน่ึงคำตอบทถี่ กู ท่ีสดุ คนทำขอ้ สอบตอ้ งหาขอ้ นัน้ ให้ เจอเพื่อจะได้สอบผ่านข้อน้ันไป ข้อสอบปรนัยมีตัวเลือกจัดวางให้แล้ว ส่ิงท่ีเราทำได้คือ เลือกหน่ึง อย่างจากตัวเลือกที่มีให้ แม้ว่าบางคร้ังเราไม่แน่ใจในตัวเลือกเลยสักข้อเดียว แต่เราก็จะต้องเลือก หน่ึงข้อจากรายการท่ีมีให้เสมอ ถ้าหากเพศศึกษาเป็นเหมือนข้อสอบปรนัย เราก็คือ คนที่กำหนด ทางเลือก และเราก็คือ ผู้ท่ีกำหนดว่าทางเลือกท่ีถูกต้องท่ีสุดคืออะไร ลองจินตนาการถึงเร่ืองท ี่ ผู้สอนอยากพูดกับนักเรียนว่า เปน็ ผูห้ ญงิ ต้องรกั นวลสงวนตัว กลุ สตรีต้องรกั ษาพรหมจรรยไ์ ปจนถงึ วันแต่งงาน ใจความสำคญั ของคำพูดเหลา่ นีก้ ค็ ือ ขอ้ ก. หา้ มมเี พศสมั พันธ์กอ่ นแตง่ งาน เปน็ ข้อที่ ถูก ส่วนขอ้ อนื่ ๆ เปน็ คำตอบท่ีผิด ถ้าเป็นข้อสอบอัตนัย ผู้เรียนคิดสร้างคำตอบของตัวเองขึ้นมาจากข้อมูลความรู้ที่ได้รับ แม้ว่าจะเรียนเรื่องเดียวกันจากผู้สอนคนเดียวกัน แต่คำตอบของผู้เรียนแต่ละคนย่อมแตกต่างไป ตามการวิเคราะห์และการเรียบเรียงคำตอบซึ่งเป็นแบบแผนเฉพาะตัว เพศศึกษาจึงมีส่วนคล้ายคลึง กับข้อสอบอัตนัย เพราะการนำความรู้ไปใช้เป็นเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เป็นการตอบ สนองของบุคคลกับสิ่งแวดล้อม คนท่ีอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันก็ยังมีพฤติกรรมตอบสนองต่อ เหตกุ ารณต์ า่ งกนั ยากทีจ่ ะมีเพยี งทางเลอื กเดยี วทถี่ ูกท่สี ุด ขอ้ สอบอัตนัยกระตนุ้ ให้ผ้เู รียนไดท้ บทวน และเรียบเรียงความคิดว่าจะใช้ความรู้จัดการเร่ืองนั้นๆ อย่างไร การสอนเพศศึกษาก็เป็นเช่น เดยี วกัน - 211 - ภาคผนวก

การสอนทำอาหารแตกต่างชัดเจนกับการสอนคณิตศาสตร์ ผู้ที่เรียนทำอาหารเม่ือรู้จักส่วน ประกอบและวิธีการปรุงท่ีเป็นสูตรของครูแล้ว ในท้ายที่สุดก็ปรับไปทำตามวัตถุดิบท่ีพอหาได้และ ตามรสชาติท่ีตัวเองหรือคนในครอบครัวชอบ การสอนทำอาหารน้ันเป็นการช่วยให้รู้องค์ประกอบ และขั้นตอน รวู้ ่าเมอื่ ทำอยา่ งน้นั แลว้ จะเกิดอะไรขึ้นและตอ้ งทำอะไรต่อไป แต่การสอนคณิตศาสตร์ แม้จะสอนให้รู้จักวิธีทำหลายวิธี แต่สุดท้ายแล้วทุกวิธีต้องได้คำตอบเดียว เพศศึกษาจึงน่าจะคล้าย กับการสอนทำอาหารมากกว่าการสอนคณิตศาสตร์ เพราะคำตอบของแต่ละคน หรือทางเลือกของ แต่ละคนในเหตุการณ์หนึ่งๆ ย่อมต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือการเลือกนั้นเป็นเร่ืองของคน สองคนหรือมากกว่านั้น การที่เราพยายามจะกำหนดสูตรสำเร็จในการใช้ชีวิตทางเพศให้กับเยาวชน เหมือนกับการสอนคณิตศาสตร์ที่มีคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงคำตอบเดียว เป็นเรื่องท่ีไม่น่าจะทำให้ เกิดประโยชนอ์ ย่างแท้จริงกับตัวผูเ้ รยี น แนวคิดในการจัดการเรียนรู้ของนักการศึกษามีหลายแนวทาง David A. Kolb ได้เสนอ แนวคิดในการจัดการเรยี นร้ทู ี่เรยี กว่า experiential learning ซ่งึ อธิบายวา่ กระบวนการเรียนร้ทู เี่ กดิ ขึ้นอย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิตเกิดจากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เมื่อบุคคลได้กระทำการอย่างหน่ึง และได้เห็นผลของการกระทำน้ันๆ ก็จะเกิดความเข้าใจและนำไปสู่การคาดการณ์ในคราวต่อไปว่า หากมีเหตุอย่างน้ีก็จะมีผลเกิดตามมาอย่างนั้น บุคคลจะส่ังสมความเข้าใจถึงเหตุและผลของการ กระทำท่ีเกิดต่างกรรมต่างวาระไปจนกระทั่งสามารถสรุปเช่ือมโยงเป็นหลักการที่นำไปอธิบาย ปรากฏการณอ์ น่ื ๆ ทใ่ี กลเ้ คยี งกนั และนำไปสกู่ าร “ลอง” เพอื่ ทดสอบหลกั การนนั้ วา่ จะไดผ้ ลอยา่ งไร ในสถานการณ์ใหม่ๆ หัวใจของวงจรการเรียนรู้แบบน้ีจึงอยู่ที่การได้มีประสบการณ์ตรง ซ่ึงจะเป็น วัตถุดิบท่ีจำเป็นสำหรับการก่อรูปเป็นองค์ความรู้ และถึงแม้ว่าการเรียนรู้ในบางเร่ืองตั้งต้นจากการ เรยี นรู้แนวคิดจากหอ้ งเรยี นหรือจากการอบรมขัดเกลา แต่ “ความรู้และแนวคดิ ” นนั้ ยังตอ้ งการการ ลงมือทำ ได้มองเห็นผลท่ีเกิดข้ึน จึงจะเกิดเป็นความเข้าใจท่ีลึกซ้ึงท่ีจะนำไปขยายผลต่อยัง เหตกุ ารณ์อ่นื ๆ - 212 - คู่มือการจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศึกษา สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖

Concrete experience (๑) Testing in new Observation and situation (๔) reflection (๒) Forming abstract concepts (๓) ลองคิดถึงตอนที่เราสอนเด็กเล็กไม่ให้เข้าใกล้เตารีด สิ่งท่ีทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมท่ีจะ หลบหลกี ไมจ่ บั ต้องเตารีดและคอยระมัดระวังเมือ่ เข้าใกล้ไม่ใชค่ ำอธิบาย แตเ่ ป็นประสบการณต์ รงท่ี สัมผัสแล้วรู้ว่าร้อน ต่อมาเม่ือบอกว่าอย่าจับหม้อเพราะยังร้อนอยู่ เด็กก็จะนึกถึงความรู้สึกร้อนท ่ี ตัวเองเคยประสบและเลี่ยงท่ีจะไปสัมผัส คำว่าร้อนจะถูกทดสอบและขยายผลไปยังเหตุการณ์อ่ืนๆ เช่น กองไฟ นำ้ รอ้ น ธปู รอ้ น เปน็ ตน้ และเมอ่ื ใดทต่ี อ้ งสมั ผสั กจ็ ะหาทางออกทจ่ี ะไมท่ ำใหร้ อ้ นเกนิ ไป ฉันได้ยนิ ...จากน้นั ก็ลืม (จำได้ ๒๐% จากทีไ่ ดย้ ิน) ฉนั ไดเ้ หน็ ...จากนน้ั กย็ งั จำได้ (จำได้ ๕๐%) ฉันไดท้ ำ...และฉันเกิดความเข้าใจ (จำได้ ๘๐%) I hear and I forget, I see and I remember, I do and I understand. (Confuscious) - 213 - ภาคผนวก

การจัดการเรยี นรทู้ ี่เนน้ ประสบการณ์จำเป็นมากน้อยเพยี งใด สำหรบั เพศศกึ ษา ถ้ามองจากมุมของผลลัพธ์สุดท้ายท่ีต้องการ เราคงอยากเห็นเยาวชนท่ีผ่านการเรียนรู้เร่ือง เพศศึกษาแล้วสามารถหลบหลีกเอาตัวรอดจาก “ของร้อน” ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่คอย ปกปอ้ งหรอื ควบคมุ (เพราะชวี ติ ความเป็นอยใู่ นทุกวนั นี้ ผู้ใหญก่ ไ็ ม่สามารถทจี่ ะรู้เหน็ และควบคมุ ได้ มากนัก) แต่ถ้ามองจากวิธีการเรียนรู้ท่ียึดหลักการได้รับประสบการณ์ตรง เราลองตอบคำถามข้าง ล่างนี้ว่าเรายอมได้หรือไม่ เพราะอะไร คำตอบสำหรับเยาวชนหญิงแตกต่างจากคำตอบสำหรับ เยาวชนชายหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ประสบการณต์ รง นกั เรียนหญิง นักเรียนชาย รบั ได ้ รบั ไม่ได้ รับได้ รบั ไม่ได ้ ฝึกใช้อปุ กรณค์ ุมกำเนิด ใหห้ าซอื้ อปุ กรณ์คุมกำเนดิ จากรา้ นคา้ ในชุมชน อย่สู องต่อสองกับแฟนในท่รี โหฐาน ดหู นังโป ๊ ใหด้ ูขัน้ ตอน วิธีการสร้างความสขุ ทางเพศ โดยไม่ตอ้ งสอดใส ่ ใหร้ ู้วธิ ีสำเร็จความใครด่ ว้ ยตวั เอง ใหร้ กู้ ารเกดิ อารมณเ์ พศเมอื่ ได้รับสิง่ เร้า - 214 - คมู่ ือการจัดกระบวนการเรยี นรู้เพศศกึ ษา สำหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๖

ทา่ นยอมรับได้หรอื ไม่ท่จี ะใหเ้ ยาวชนทำในเรอ่ื งต่อไปน้ ี ความยุ่งยากใจที่จะตอบว่ายอมรับได้สำหรับตารางในข้างต้น น่าจะมีพื้นฐานมาจากความ เช่ือและค่านยิ มตอ่ ไปน ี้ - เปน็ เรอื่ งที่ขัดเขนิ และนา่ อายมากที่จะนำมาพูดสอนกนั ในโรงเรียน พูดไมไ่ ดแ้ น่ - ทำแบบนีก้ เ็ ท่ากับเป็นการชโี้ พรงใหก้ ระรอก เรอ่ื งแบบนเี้ ม่อื ไดร้ ูก้ ็อยากลองกนั ทง้ั นนั้ - เท่ากับส่งเสริมทางอ้อมให้ละเมิดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย ครูกับโรงเรียน ทำแบบนั้นไม่ได้เดด็ ขาด - ผู้หญิงผู้ชายในสังคมไทยเล้ียงดูมาต่างกัน สังคมยอมรับให้ผู้ชายมีประสบการณ์ทาง เพศมากกวา่ ในบางเร่ืองผหู้ ญงิ กไ็ มจ่ ำเป็นตอ้ งมีประสบการณ์ - เสยี่ งเกนิ ไปท่จี ะยอมให้เยาวชนไดม้ โี อกาสสัมผสั เรยี นรจู้ ากประสบการณต์ รง - ส่ิงที่จะเกิดตามมาจากการให้โอกาสน้ันเป็นเร่ืองร้ายแรง สังคมรับไม่ได้ เช่น ม ี เพศสมั พันธ์ ต้ังครรภ์ ทำแทง้ ถกู ให้ออกจากโรงเรยี น เสือ่ มเสียชื่อเสยี งวงศ์ตระกูล แต่ถ้าเราลองคิดนอกกรอบ ลองคาดการณ์ถึงส่ิงที่อาจเป็นไปได้ถ้าหากเยาวชนได้มีโอกาส สมั ผสั เรือ่ งขา้ งต้น เปน็ ไปได้ไหมวา่ พวกเขาจะไดเ้ รียนร้ใู นเรือ่ งตอ่ ไปนี้ เปน็ ไปได้ไหมว่า ๑. การดูหนังโป๊ทำให้รู้จักว่าอารมณ์เพศเป็นอย่างไร ได้รู้จักตัวเอง รู้แล้วก็จะได้หลบหลีกบ้างถ้า หากว่ากลัวจะควบคมุ ไม่อยู่ (น่าจะดีด้วย ถ้ามคี นสอนวา่ ที่ทำกนั อยา่ งน้ันมอี ะไรท่ีตอ้ งระวงั บ้าง มีอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ไม่ได้มีความสุขอย่างท่ีเขาแกล้งทำในหนัง เราจะไปรู้ได้ อยา่ งไรว่าท่เี ขาแสดงบางทีเป็นเร่ืองทำรา้ ยร่างกาย ถา้ ไมม่ คี นมาบอก) ๒. รู้วิธีการสร้างความสุขทางเพศหลายๆ แบบ ช่วยให้มีทางเลือกที่จะมีความสุขทางเพศได้โดยท่ี ไม่ต้องเสี่ยง เพราะเวลาพูดถึง safe sex ก็ยกตัวอย่างแค่การใช้ถุงยางเหมือนว่าทำได้แบบ เดยี ว - 215 - ภาคผนวก

๓. ก่อนไปซ้ือยาคุมก็คิดอยู่ว่าคงอายเหมือนกัน กิจกรรมนี้ทำให้รู้เลยว่าทำไมเพื่อนถึงต้องไป ทำแทง้ ทั้งที่ก็รูอ้ ยวู่ ่าคุมกำเนดิ ทำยังไง ทำให้ “ปง๊ิ ” เลยว่าถา้ มแี ฟนแล้วใกล้ชดิ กันมากๆ จะ ต้องคยุ ตกลงกนั เร่อื งนี ้ ๔. การได้เคยอยู่ด้วยกันสองต่อสองทำให้รู้ว่าอารมณ์ในยามใกล้ชิดเป็นไปอย่างไร เราอยากทำ อะไรเขา อยากให้เขาทำอะไรกับเรา คนไม่เคย เวลาครูพูดเร่ืองการป้องกันไม่มีทางเข้าใจ ซาบซึ้งหรอก ถ้ามีแฟนแล้วจะอยากฟังมากเลยว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เราไม่ต้องเสียใจทีหลัง ความจรงิ คนชอบกนั ก็อยากอยใู่ กลช้ ดิ กนั อยแู่ ล้ว ผ้ใู หญน่ า่ จะเข้าใจ อยู่ด้วยกันไม่ได้แปลวา่ เรา ตอ้ งมีอะไรกันเสมอไป ๕. ดีจังท่ีครูพูดเร่ืองนี้ ทำให้รู้ว่าที่เราช่วยตัวเองอยู่เรื่อยๆ น้ันไม่ผิดบาป เป็นเร่ืองธรรมชาติที่ ใครๆ ก็เกิดและทำได้ ทำใหเ้ ราปลอดภัยด้วย ๖. ครูช่วยทำให้เราเห็นว่าการตอบสนองทางเพศเป็นกลไกธรรมชาติ ทำให้รู้สึกม่ันใจในตัวเองว่า เมือ่ มแี ฟนเราจะดูแลตัวเองใหป้ ลอดภัยไดแ้ นๆ่ การจัดเพศศึกษาตามแนวทางของ Kolb คือ การสร้างเง่ือนไขให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก ประสบการณต์ รงหรอื สถานการณจ์ ำลองท่ีคล้ายคลงึ หรือจากเร่อื งราวทีจ่ ะตอ้ งประสบพบเห็นต่อไป ในชีวิตจริง ดังน้ันความถนัด ความชำนาญในเรื่องใดเร่ืองหน่ึงรวมถึงความเช่ือส่วนตัวของผู้สอน เหล่านีจ้ งึ ไมใ่ ช่ปัจจยั กำหนดกิจกรรมและเนือ้ หาการสอน เพศศึกษาควรจะถูกกำหนดจากบริบททางสังคมมากกว่าความรู้สึกหรือทัศนะของผู้สอน เชน่ ในขณะท่วี ยั รุ่นเรยี นรูเ้ รอื่ งเพศจากสิ่งรอบตวั และเร่ิมมีเพศสัมพนั ธต์ ั้งแต่อายุ ๑๓ - ๑๕ ปี ซ่งึ จำเป็นต้องได้รับการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา แต่ผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน จึงไม่ต้องการนำเรื่องนี้มาเป็นเนื้อหา การนำ experiential learning มาใช้กับเพศศึกษาทำให้ กิจกรรมการสร้างการเรียนรู้เป็นไปในแนวทางต่อไปน ้ี - 216 - คูม่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศกึ ษา สำหรบั นกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๖

๑. ให้ขอ้ มลู ที่ครอบคลุม ครบถ้วน ไม่ปิดบงั หรอื เปิดให้รับรู้เพยี งบางสว่ น ๒. ต้องสร้างการมีส่วนร่วมอย่างมากจากทุกคนในการแสดงความคิด แสดงบทบาทสมมติ ต้ัง คำถาม ตอบคำถาม หาขอ้ มลู มาเล่า ช่วยสรุปประเดน็ ชว่ ยจด ฯลฯ ครไู มใ่ ช่นกั แสดงตัวเอก ของหอ้ งเรยี นอกี ตอ่ ไป ๓. ชวนให้คิด ช่วยให้แต่ละคนได้ข้อสรุป และข้อสรุปไม่จำเป็นต้องตรงกับความคิดเห็นของคร ู ผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ ครูไม่ใช่ผู้ท่ีรู้คำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดสำหรับทุกเร่ืองอีกต่อไป (ครูยังเป็น ผู้ที่ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ต้องขยับไปสวมบทผู้ท่ีช้ีแนะแหล่งข้อมูลและให้แนวทางไปค้นคว้า ดว้ ย) ประสบการณ์จะแปรเป็นการเรียนรู้ก็ต่อเม่ือเจ้าของประสบการณ์ได้ใคร่ครวญถึงอารมณ์ ความนึกคิดและการกระทำของตัวเองในเหตุการณ์นั้น (reflection) ไม่ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแคผ่ ่านพ้นและจบลงไป การจัดการเรยี นรแู้ บบน้ีจงึ ต้องการ “ผู้ดำเนินการ” มาขบั เคลื่อน ความคิดหลังจากท่ีผู้เรียนได้ทำกิจกรรมไปแล้ว ข้ันตอนของการคิดทบทวนนี้เป็นจุดสำคัญ อย่างยิ่ง เปรียบเหมือนกับช่วงที่นักประดิษฐ์ร้ือชิ้นส่วนออกมาพินิจพิเคราะห์ว่าชิ้นใดทำหน้าที่ แบบไหน อะไรทำให้ส่ิงประดิษฐ์แสดงอาการแบบน้ัน ในการพินิจพิจารณา นักประดิษฐ์อาจม ี ขอ้ สงสยั ใหมท่ ใี่ คร่รู้ และอยากหาคำตอบใหก้ บั ขอ้ สงสัยนนั้ ๆ เมอื่ เขากลับไปทดลองการทำงาน ของสิ่งประดิษฐ์นั้นอีกภายใต้ข้อสังเกตที่ต้ังไว้ ก็จะได้ข้อมูลใหม่เข้ามาประกอบการพินิจ พิเคราะห์ วงล้อของการเรียนรู้ก็จะหมุนไปข้างหน้า จนกระทั่งนักประดิษฐ์สามารถสรุปเป็น หลักเกณฑ์ที่นำมาอธิบายการทำงานและการเปล่ียนแปลงที่เขาเฝ้าสังเกตมา (forming abstract concept) ดังน้ัน “ความรู้ ความเข้าใจ” ท่ีเราหวังให้เกิดกับผู้เรียนเพ่ือจะได้ สามารถจัดการกับ “ของร้อน” ได้นั้น “การชวนคิด” หลังกิจกรรมจึงมีความสำคัญอย่างย่ิง สำคัญยิ่งกว่าการได้พูดสรุปตามท่ีเตรียมไว้ล่วงหน้า ถ้าขั้นตอนของการคิดพิจารณาเกิดข้ึน ดแี ล้ว ข้อสรปุ ของแตล่ ะบทเรียนยอ่ มผุดกระจ่างขึ้นเองในสมองผู้เรยี น ดงั นน้ั บทบาทของผูส้ อน ในกระบวนการเช่นนี้จึงเปลี่ยนไปอย่างมาก เราไม่ใช่ผู้ท่ีจะช้ีว่าส่ิงใดถูกผิด แต่เราเป็นผู้ช้ีให้ มองในมุมท่ีถูกมองข้ามไป ช่วยให้คำถามหรือข้อสงสัยท่ียังคลุมเคลือเป็นคำถามท่ีชัดเจนย่ิงข้ึน เพ่อื ให้การคิดหาคำตอบน้ันเป็นไปอย่างไม่สบั สน - 217 - ภาคผนวก

๔. ต้องสร้างบรรยากาศท่ีทุกคนรู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่าได้รับการยอมรับในแบบที่เขาเป็น การพูด ตามท่ีคิดจะได้รับการรับฟังอย่างเข้าใจ ไม่ถูกตัดสินคุณค่าเพียงเพราะว่ามีความคิดเห็นท ่ี แตกตา่ งไปจากคา่ นิยม ความเช่ือของครหู รอื ผ้จู ดั กระบวนการเรยี นร้ ู ๕. ครูในฐานะผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ต้องเชื่อมั่นว่าเยาวชนสามารถเลือกทางที่ดีท่ีสุดสำหรับตัว เขาเองได้ เม่อื เขาไดร้ บั ข้อมลู ท่เี พียงพอ ได้ฝกึ คาดการณ์ถึงผลกระทบ ไดฝ้ ึกทักษะทีต่ ้องใช้ใน แต่ละสถานการณ์ ไดร้ ับรอู้ ารมณ์ ความต้องการของตวั เอง ไดท้ บทวนค่านยิ มที่ตวั เองตอ้ งการ ยดึ ถอื สำหรบั ความเชื่อท่เี ราเคยมจี ากพื้นฐานของความรักและหว่ งใยท่ีว่า • เด็กควรไดร้ บั การปกป้องจากสง่ิ ยว่ั ย ุ • เดก็ คดิ ไม่ไดห้ รอกวา่ ผลทเ่ี กิดข้นึ นัน้ จริงๆ แลว้ เขาจดั การไม่ได ้ • เรามีหน้าท่ีท่ีต้องสอนให้รู้ว่าอะไรคือ สิ่งท่ีถูกที่ควร เมื่อเด็กคิดผิด เราก็ต้องพยายามชักจูง แก้ไข ถึงแม้เกิดความรักและห่วงใยแต่ก็เป็นความเชื่อท่ีไม่สอดคล้องกับการจัดการศึกษาแบบน้ี ให้คดิ ถงึ ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเราเองก็รอู้ ยู่เต็มอกว่า .....มีหนังโป๊ หนังสือโป๊ การ์ตูนปกขาว ขายกันทั่วไป ใครๆ ก็เห็นและซ้ือได้ด้วยเงินไม่กี่ บาท แตค่ รูก็ทำเหมือนวา่ เดก็ คงมองไมเ่ หน็ และคงไม่อยากด ู ....เยาวชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น มีเร่ืองโป๊ในเว็บมากมายที่ยังกักไม่ได้ จะมีสักกี่คน ทหี่ ลุดรอดไม่เคยได้เห็น...นอกจากครู ....เพ่ือนเขาอยู่กันเป็นคู่ๆ เวลาไปไหนด้วยกันเขาก็กอดกันกลมให้ใครๆ เห็นจนเป็นเร่ือง ธรรมดา ครทู ำเหมอื นว่าทกุ คนยงั ไรเ้ ดียงสาทางเพศ ดังนั้นเราอาจจะช้าไปด้วยซ้ำถ้าเรายังจัดการศึกษาบนข้อสันนิษฐานที่ว่าเยาวชนยังไม่มี ความสนใจและยังไม่มีประสบการณ์ทางเพศ และเราไม่ควรรีบสร้างเง่ือนไขไปกระตุ้นให้มาสนใจ - 218 - คูม่ อื การจัดกระบวนการเรยี นร้เู พศศึกษา สำหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖

เร่ืองเพศ ความจริงเรากำลังทอดทิ้งหน้าท่ีด้วยซ้ำไป เม่ือคิดถึงว่าเยาวชนที่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันน้ัน พวกเขามีกิจกรรมทางเพศโดยท่ีไม่เคยมีใครช่วยให้รู้ว่าความสัมพันธ์น้ันมีหลายแบบและหลายวิธี และสง่ิ ทพี่ วกเขาทำอยอู่ าจเปน็ ไปโดยรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ์ แลว้ เรายงั จะปลอ่ ยให้ “ความรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ”์ นีเ้ กดิ ตอ่ ไปเชน่ นหี้ รือ การจัดเพศศึกษาด้วยการใหป้ ระสบการณ์ตรงนน้ั จึงไม่ใชก่ ารชี้โพรงใหก้ ระรอก หรือเปิดหู เปิดตาให้ผู้ที่ยังไม่รู้เดียงสาได้ก้าวกระโดด แต่เป็นการทำงานที่หวังให้เกิดผลดีอย่างแท้จริงกับ ผู้เรียน ด้วยการเริ่มต้นที่สถานการณ์จริงของผู้เรียน ร่วมคิด ร่วมวิเคราะห์กับผู้เรียนเพ่ือให้พวกเขา มีความเข้าใจถึงส่ิงท่ีจะเกิดขึ้น ได้มองเห็นทางเลือกที่หลากหลายมากข้ึน และได้ทบทวนค่านิยม ของยุคสมัย ให้รู้เท่าทันก่อนที่จะถูกโน้มน้าวไปด้วยวิธีการทางการตลาด การจัดการศึกษาแบบน้ี สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดที่ผู้สอนต้องเปล่ียนแปลงคือ ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ผู้สอนเป็น ศนู ยก์ ลาง จากนั้น เน้ือหาและวธิ ีการเปน็ เรอ่ื งที่อยู่ในวิสยั ทเี่ ราจะคน้ ควา้ หาทางไปดว้ ยกนั กบั ผเู้ รยี น และผู้ร่วมวิชาชีพในท่ีต่างๆ ซ่ึงไม่น่าจะมีสง่ิ ใดท่ียากเกนิ กำลงั - 219 - ภาคผนวก

บทเรยี นการจัดเพศศกึ ษาเขา้ สู่หลกั สตู รสถานศกึ ษา จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับสถานศึกษาในโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ พบว่า เป้าหมายในการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาอย่างเป็นระบบเพ่ือให้เยาวชนทุกคนและทุกระดับช้ันได้ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยนำ “เพศศึกษาเป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรสถานศึกษา” ๑ คือ จัดให้มีการ เรียนรู้หรือชั่วโมงเพศศึกษาในทุกระดับชั้นๆ ละไม่น้อยกว่า ๑๖ ชั่วโมงต่อปีการศึกษา โดยจัดให้มี ช่ัวโมงเพศศึกษาอย่างชัดเจน หรือเปิดเป็นสาระเพิ่มเติม รวมท้ังสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง เพศสำหรับเยาวชนนอกหลักสูตรหรือนอกห้องเรียนควบคู่ไปด้วย ซ่ึงในคู่มือฯ นี้ได้เสนอแผนการ เรียนรชู้ ั้นละ ๑๖ ชั่วโมงไว้แลว้ อยา่ งไรกต็ าม ความสนใจของผบู้ รหิ ารและความรว่ มมอื จากครใู นสถานศกึ ษาเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ สำคัญที่จะวางแผนและเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาสู่การปฏิบัติจริง และ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์เยาวชนในแต่ละพ้ืนท ี่ จากประสบการณ์โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๖ จนถึง ๒๕๕๑ พบว่า ปัจจัยท่ีช่วยให้สถานศึกษามีความพร้อมและความสามารถในการจัดให้มีกระบวนการเรียนรู้ เพศศกึ ษาสำหรบั เยาวชนในสถานศกึ ษาได้จริง มดี ังน้ ี ๑ สนใจตัวอย่างและประสบการณก์ ารจัดเพศศกึ ษาในโครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษา สามารถดไู ดท้ ี่ www.teenpath.net - 220 - ค่มู ือการจัดกระบวนการเรยี นรเู้ พศศกึ ษา สำหรบั นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖

๑. ความเข้าใจและการสนับสนุนของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ๒ การบริหารจัดการเชิงนโยบายเรื่องเพศศึกษาของผู้บริหาร จะเกิดข้ึนได้เม่ือผู้บริหารเข้าใจ เป้าหมายและสาระสำคญั ของเพศศึกษาแบบรอบดา้ นว่าครอบคลุมทง้ั การให้ข้อมูลเร่ืองเพศท่ถี กู ตอ้ ง รอบด้าน การส่งเสริมให้เยาวชนสำรวจทัศนคติท่ีแตกต่าง การสร้างคุณค่า ความม่ันใจในตนเอง การจัดการความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การมีทักษะการส่ือสาร และทักษะอื่นๆ ที่ช่วยให้เยาวชน สามารถดำเนินชวี ิตอยา่ งรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและผ้อู นื่ การประชุมชี้แจงผู้บริหารสถานศึกษาเป็นข้ันตอนสำคัญ เพื่อให้ผู้บริหารรับทราบเป้าหมาย ของเพศศึกษารอบด้าน เห็นขอบเขตเน้ือหาหลักสูตรและความจำเป็นในการจัดกระบวนการเรียนรู้ อย่างต่อเน่ือง รวมทั้งเพ่ือปรึกษาหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดเพศศึกษา ให้เป็นส่วนหน่ึงของการ เรียนการสอน และการนำเสนอตัวอย่างประสบการณ์ด้านบริหารจัดการเพศศึกษาในสถานศึกษา อ่นื ๆ การสร้างความเข้าใจท่ีชัดเจนตั้งแต่แรกของผู้บริหารเช่นน้ี จะนำไปสู่ความร่วมมือและการ สนับสนนุ อืน่ ๆ ตามมา ๒. การประชมุ ชี้แจงปรึกษาระหวา่ งผ้บู รหิ ารกบั ครใู นสถานศกึ ษา นอกจากจะเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างการมีส่วนร่วมของคณะครูในการทำงานเพศศึกษา แล้ว การประชุมร่วมกับคณะครูภายในสถานศึกษายังเป็นการเตรียมความพร้อมในการวางแผน หลักสูตร และช่วยให้การวางแผนเน้ือหาเพศศึกษามี “ท่ีทาง” ในหลักสูตรสถานศึกษาอย่างชัดเจน ข้ึน ส่งผลต่อการคัดเลือกครูท่ีเหมาะสมและสนใจเข้าอบรมการเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้เรื่อง เพศศึกษาต่อไป ๒ โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ, แนวทางการจัดการเรียนรู้เพศศึกษารอบด้านในสถานศึกษา สำหรับผู้บริหาร สถานศึกษา (กรุงเทพฯ, ๒๕๕๐). - 221 - ภาคผนวก

นอกจากน้ี การประชมุ ปรกึ ษาหารือกบั ครูแต่ละสาระวชิ าว่า จะมีบทบาทหรอื สนบั สนนุ การ จัดการเรียนรู้เพศศึกษาให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนมากที่สุดได้อย่างไร จะช่วยให้ทุกฝ่ายในสถาน ศึกษามีส่วนรว่ มและช่วยกนั ดำเนนิ งานไปในทิศทางเดยี วกนั ๓. การพฒั นาศักยภาพครูผจู้ ดั กระบวนการเรียนรเู้ พศศึกษา ผู้บริหารควรคัดเลือกครูที่มีความพร้อมและสนใจ รวมท้ังเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเรียนรู้ เพศศึกษาโดยตรงเข้าอบรมด้วย “หลักสูตรการเตรียมความพร้อมครูในการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพศศกึ ษา” ๓ ในโครงการก้าวย่างอยา่ งเขา้ ใจ การอบรมครูใช้เวลา ๔ วนั ครอบคลุมเนื้อหา ๓ ประเด็น คือ เพศวิถี (Sexuality) การจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Experiential Learning) และการ พัฒนาเยาวชนในเชิงบวก (Positive Youth Development) เพื่อให้ครูตระหนักถึงบทบาทท่ีต้อง เปลี่ยนแปลงจาก “ครผู สู้ อน” เป็น “ผู้จดั กระบวนการเรยี นรู้” เรอื่ งเพศ อย่างไรก็ตาม การอบรมเป็นเพียงการนำครูเข้าสู่เนื้อหาและกระบวนการในเบ้ืองต้น แต่ การเรียนรู้ของครูโดยเฉพาะทัศนคติเร่ืองเพศ และความเช่ือม่ันต่อศักยภาพของเยาวชน จะเกิดข้ึน ไดจ้ รงิ กต็ อ่ เมอ่ื ครผู สู้ อนผา่ น “กระบวนการเรยี นรผู้ า่ นประสบการณ”์ จากการไดล้ งจดั การเรยี นรจู้ รงิ นอกจากนี้ ยังพบว่า การให้รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระ และหัวหน้า กลุ่มนิเทศการสอนเข้าร่วมการอบรมเร่ืองการจัดกระบวนการเรียนรู้และการโคชครูเพศศึกษาจะช่วย ให้การผลักดันและการสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาในสถานศึกษาเป็นไปอย่างมี ประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ๓ โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ องค์การแพธ, แนวคิดในการออกแบบการจัดการเรียนรู้สำหรับครูและผู้ปฏิบัติงานด้าน เพศศกึ ษาสำหรบั เยาวชน (กรงุ เทพฯ, ๒๕๕๐). - 222 - ค่มู อื การจดั กระบวนการเรยี นรู้เพศศึกษา สำหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖

๔. การวางแผนหลกั สตู รเพศศึกษาในสถานศึกษา เม่ือบุคลากรในสถานศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด เน้ือหา และกระบวนการ จัดการเรียนรู้เรื่องเพศอย่างท่ัวถึงแล้ว การประชุมเพ่ือวางผังหลักสูตรถือเป็นข้ันตอนสำคัญท ี่ ผู้บริหารฝ่ายวิชาการและครูจะช่วยกันศึกษา วิเคราะห์ และจัดวางแผนการเรียนรู้แต่ละแผนว่า สอดคลอ้ งกบั สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้รายกลมุ่ สาระใดบ้าง กรณีสถานศึกษาไม่พร้อมที่จะจัดการเรียนรู้เร่ืองเพศ ๑๖ ช่ัวโมงต่อปีการศึกษาแก่เยาวชน ทกุ ระดบั ชนั้ จำเปน็ อยา่ งยงิ่ ทีค่ รแู ต่ละสาระซ่งึ ผา่ นการอบรมมาแลว้ จะปรกึ ษาวางแผนวา่ แต่ละคน จะจัดแบ่งแผนการเรียนรู้ใดให้เหมาะกับพัฒนาการของผู้เรียนแต่ละวัย เพ่ือให้การเรียนรู้เป็นไป อย่างต่อเน่ือง และเพ่ือป้องกันการซ้ำซ้อนระหว่างสาระ พร้อมวางแนวทางประเมินผลการเรียนรู้ ของผเู้ รียนแตล่ ะระดบั ชน้ั ไวด้ ้วย ๕. การตดิ ตามสนบั สนนุ วชิ าการแกค่ รเู พอ่ื พฒั นาการเรยี นรแู้ ละทกั ษะ (Coaching) เป็นกระบวนการช่วยเหลือเพื่อให้ครูเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเมื่อมีประสบการณ์การ จัดการเรียนรู้เร่ืองเพศกับเยาวชนแล้ว ทั้งน้ี การติดตามมิใช่การประเมินการสอนของครู แต่ ผู้ติดตาม/โคช (ผู้นเิ ทศ) จะชว่ ยสะทอ้ นกระบวนการจัดการเรียนร้วู ่าทำใหผ้ ู้เรียนบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ มากน้อยเพียงใด และทำงานร่วมกับครูเพ่ือค้นหาวิธีที่พัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้ดีข้ึน ผู้นิเทศ (Coach) อาจเป็นบุคลากรภายนอก เช่น ศึกษานิเทศก์ ฯลฯ หรือจากภายในสถานศึกษา เช่น รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ หัวหน้ากลุ่มสาระวิชา ฯลฯ ซ่ึงควรผ่านการอบรมทั้งในด้าน การจัดกระบวนการเรียนรเู้ พศศกึ ษาและทกั ษะการเปน็ ผู้นิเทศมาแล้ว ๖. การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มในสถานศกึ ษา และนอกสถานศกึ ษากบั ผปู้ กครอง การประชมุ ชแ้ี จงครทู ง้ั หมดในสถานศกึ ษา เพอื่ ใหร้ บั ทราบแผนการดำเนนิ งานจดั การเรยี นรู้ เพศศึกษาอย่างทั่วถึงกัน และเพื่อสร้างความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายและสาระ สำคัญของเพศศึกษาท่ีจะจัดให้มีขึ้นแก่เยาวชนในสถานศึกษา จะนำไปสู่การประสานความร่วมมือ ระหว่างครูแต่ละกลมุ่ สาระวิชาตา่ งๆ ทจ่ี ะทำใหแ้ ผนงานดงั กลา่ วดำเนนิ ไปด้วยด ี - 223 - ภาคผนวก

ความเข้าใจและการสนับสนุนของผู้ปกครองก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งท่ีผู้บริหารสถานศึกษาและ ครผู ้จู ัดกระบวนการเรียนรคู้ วรใหค้ วามสำคัญ โดยจัดกจิ กรรมตามความพร้อมของสถานศกึ ษา เช่น การประชุมชีแ้ จงคณะกรรมการสถานศึกษาหรือสมาคมผู้ปกครอง - ครู หรือการอบรมเพศศึกษาแก่ ผปู้ กครองที่สนใจ การสง่ จดหมายแจง้ ให้ผู้ปกครองทราบ ฯลฯ ๗. การเปดิ โอกาสและสนบั สนนุ ใหเ้ ยาวชนมบี ทบาทและศกั ยภาพ นอกเหนือจากการเรียนรู้เพศศึกษาในช้ันเรียนจากครูผู้จัดกระบวนการเรียนรู้แล้ว เยาวชน ควรไดร้ บั การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ ศกั ยภาพการเรยี นรผู้ า่ นกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นทเ่ี กดิ จากความสมคั รใจ ของผู้เรียน และมุ่งพัฒนาคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์เพิ่มเติมจากกิจกรรมในกลุ่มสาระ เช่น การมี ชุมนมุ หรือชมรม เป็นตน้ แนวทางการทำงานเพื่อส่งเสริมศักยภาพเยาวชนในโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจมีพื้นฐาน จากแนวคิด “การพัฒนาเยาวชนเชิงบวก” ๔ (Positive Youth Development) ท่ีมองว่าเยาวชน เป็นทรัพยากรบุคคลท่ีสำคัญของการพัฒนาสังคม ผู้ใหญ่หรือผู้ดูแลเยาวชนจึงมีหน้าที่สนับสนุนให้ เยาวชนมีบทบาทเข้าถึงทรัพยากร และมีความเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน มีส่วนร่วมและได้แสดงศักยภาพตามที่เขาถนัดและสนใจ แม้ว่าส่ิงที่เยาวชนคิดหรือแสดงออกมา อาจจะไมส่ อดคล้องกบั ความคดิ ความเหน็ ความเชือ่ ทีผ่ ูใ้ หญม่ ีอย่ ู ดังนั้น การเตรียมความพร้อมของครูหรือผู้ปฏิบัติงานกับเยาวชนจึงเป็นเร่ืองจำเป็นเช่นกัน เพ่อื ใหค้ รหู รือคนทำงานได้พัฒนาความเชื่อมัน่ ของตนเองตอ่ ศกั ยภาพเยาวชน พร้อมมที กั ษะพนื้ ฐาน ในการเรยี นรูแ้ ละทำงานควบคู่ไปกับเยาวชนอยา่ งเต็มที่ ๕ ๔ ภาวนา เหวียนระวี, “เยาวชนไม่มีปัญหา แต่อยากมีโอกาส,” ไขความลับ รุ่นเรา เราเลือก เรารับผิดชอบได้” บันทึก ประสบการณ์สองปีแรกของเยาวชนและคนทำงาน โครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ (กรุงเทพฯ: พี.เอส. ซัพพลาย, ๒๕๔๙), หนา้ ๗๓-๗๘. ๕ โครงการกา้ วยา่ งอย่างเขา้ ใจ องคก์ ารแพธ, คมู่ ือการจดั กจิ กรรมเยาวชนเสรมิ หลกั สตู รเพศศกึ ษา (กรุงเทพฯ, ๒๕๕๐). - 224 - ค่มู อื การจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศกึ ษา สำหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๖

๘. การประสานงานกบั หนว่ ยงานบรกิ ารสขุ ภาพสงั คมสำหรบั เยาวชน ก่อนเริ่มดำเนินการจัดการเรียนรู้เพศศึกษา ควรมีการสำรวจแหล่งบริการสุขภาพและ สวัสดิภาพสำหรับเยาวชนที่มีอยู่ในชุมชนทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น โรงพยาบาล สถานีอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข หน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ บ้านพัก ฯลฯ ว่ามีมากน้อยเพียงใด มี คณุ ภาพและลักษณะการบริการเปน็ อย่างไร ทง้ั น้ี หากสถานศึกษาไดท้ ำความรจู้ ักกบั บคุ ลากรในหน่วยงานตา่ งๆ ไวล้ ่วงหน้า จะทำให้ การประสานงานเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วข้ึนเม่ือต้องการความช่วยเหลือหรือกรณีฉุกเฉิน ความ ร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและองค์กรในชุมชนเช่นน้ีเป็นจุดเร่ิมต้นท่ีอาจพัฒนาเป็นเครือข่ายการ ทำงานเพื่อสนบั สนุนและช่วยเหลอื ใหเ้ ยาวชนไดเ้ ขา้ ถงึ บริการตา่ งๆ อย่างปลอดภยั นอกจากการประสานงานกับองค์กรภายนอกแล้ว สถานศึกษาควรจัดบริการหรือสร้าง สภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษาเอง เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักว่า ความสนใจและการดูแล สขุ ภาวะทางเพศเปน็ ความรบั ผดิ ชอบของทกุ คน มใิ ชเ่ ร่ืองนา่ อายทจ่ี ะหาข้อมลู หรือขอคำแนะนำจาก ผู้ใหญ่ท่ีไว้วางใจหรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องรอให้มีปัญหาก่อน เช่น การจัดบริการ ปรึกษาโดยครูหรือเยาวชนด้วยกัน มุมส่ือส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง กิจกรรมรณรงค์เพศศึกษา โดยเยาวชนในสถานศกึ ษา เป็นตน้ ๙. การประสานงานชว่ ยเหลอื ระหวา่ งสถานศกึ ษากบั หนว่ ยงานตา่ งๆ การพัฒนากระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาสำหรับเยาวชนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อ องค์กรต่างๆ ในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนช่วยเหลือสถานศึกษา เช่น องค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถ่นิ หนว่ ยงานราชการทม่ี ีหนา้ ทด่ี ูแลคมุ้ ครองเดก็ และเยาวชน กลมุ่ ผู้ปกครอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือจะเกิดข้ึนได้จริงก็ต่อเมื่อ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูเห็น ความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนในมิติท่ีรอบด้านมากข้ึน และเชื่อมั่นว่า เม่ือเยาวชนได้ผ่าน กระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาที่มีคุณภาพและต่อเน่ืองจะทำให้เยาวชนเติบโตอย่างมีความสุข และมีสุขภาวะที่ดี โดยผ่านการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนของผู้ใหญ่ท่ีเกี่ยวข้องท้ังในและนอก สถานศกึ ษา - 225 - ภาคผนวก

๑๐. การประเมนิ ผลการจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศกึ ษา ในคู่มือฯ น้ีได้ระบุรูปแบบการประเมินผลในช้ันเรียนไว้ คือ ให้ผู้จัดกระบวนการฯ สังเกต การมีส่วนร่วม การใช้เหตุผล ในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และทักษะการส่ือสารของผู้เรียน ใน การอธิบาย พูดคุยแลกเปล่ียน รวมท้ังใช้คำถามท้ายแผนการเรียนรู้แต่ละแผนให้ผู้เรียนช่วยกันหา คำตอบ นอกจากการประเมินผลผู้เรียนในช้ันเรียนแล้ว ครูผู้จัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาควร ช่วยกันวางแผนการประเมินผลในลักษณะรวบยอด ท่ีสามารถประเมินการเปลี่ยนแปลงหรือวัดผลที่ มีต่อผู้เรียนหลังผ่านกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาในแต่ละปีการศึกษา หรือติดตามผลระยะยาว ท่ี เกดิ กับผูเ้ รียนทไี่ ดเ้ รียนแบบตอ่ เน่อื งในทุกปกี ารศึกษา - 226 - คู่มอื การจดั กระบวนการเรียนรเู้ พศศึกษา สำหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖

พบกันทุกวันองั คาร ๑ กับเลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน คุณหญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา วนั องั คารท่ี ๒๑ ตลุ าคม พ.ศ.๒๕๕๑ “...จากเรื่องประวัติศาสตร์ขอเปล่ียนบรรยากาศมาที่ เร่ืองเพศศึกษา ซ่ึงมีสถานการณ์ เกือบตรงกนั ขา้ มกันคอื นกั เรียนสนใจมาก แตโ่ รงเรียนไมค่ ่อยสอน องค์การแพธ (PATH) ทไ่ี ด้เป็น พนั ธมิตรกับ สพฐ. และหน่วยงานทางการศกึ ษามาชา้ นาน ได้ชว่ ยขบั เคล่ือนงานเพศศกึ ษามาตง้ั แต่ ยังเป็นหัวข้อที่ไม่มีใครกล้าพูดกล้าจัดในโรงเรียน คงมีแต่ครูแนะแนว ครูวทิ ยาศาสตร์ หรอื ครกู ลมุ่ สาระอนื่ ทเ่ี ขา้ ใจและเหน็ ปญั หาของนกั เรยี นจดั ในรปู แบบของชมรม หรือคา่ ยสำหรบั นกั เรียนทส่ี นใจ ดฉิ นั จำไดว้ า่ เมอ่ื มารบั ตำแหนง่ อธบิ ดกี รมสามญั ศกึ ษา ไดไ้ ปเยยี่ มโรงเรยี นสตรมี หาพฤฒาราม ชว่ งปดิ เทอม และไดเ้ หน็ นกั เรยี นมาทโ่ี รงเรยี นจำนวนหนง่ึ สอบถามไดค้ วามวา่ จะไปเขา้ คา่ ยเพศศกึ ษา จึงตามไปดู จำได้ว่าเป็นค่ายท่ีครูแนะแนวจัดร่วมกับองค์การ PATH ส่ิงท่ีเห็นแล้วต้องกลับมาคิด คือ ความสนใจของนักเรียนทุกระดับท้ัง เก่ง ไม่เก่ง เกเร ไม่เกเร และคำถามท่ีนักเรียนถามล้วน แต่ลึก จนคนแก่ๆ อย่างเราคาดไม่ถึง ทั้งยังมีกิจกรรมเรียนรู้ที่แปลกใหม่ เช่น กิจกรรมแลกน้ำ ท่ีสมัยโน้นยังไม่เคยได้เห็นได้ยินมาก่อน นับเน่ืองจากน้ัน กรมสามัญศึกษาจึงส่งเสริมให้มีการจัด กิจกรรมเข้าค่ายเพศศึกษา ซ่ึงก็จัดด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เพราะความเห็นที่ขัดแย้งยังมีมาก ขนาดอาจารย์นคร สันธิโยธิน ผู้เปิดห้องกุหลาบขาวสอนเรื่องเพศศึกษาท่ีโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัย อย่างได้ผล ยังเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นหน้าหน่ึงทางหนังสือพิมพ์ แต่ส่ิงที่ทำให้ม่ันใจว่า เรามาถูกทางคือ กระแสการตอบรับจากผู้ปกครองท่ีโทรศัพท์มาสอบถามและนำลูกหลานมาสมัคร เข้าคา่ ยดว้ ยตนเองอยา่ งลน้ หลาม ๑ จากคอลัมน์ในเวบ็ ไซตส์ ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน www.obec.go.th - 227 - ภาคผนวก

จากน้นั เมอ่ื ไปอยทู่ ่สี ำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กไ็ ดพ้ ยายามผลักดันให้มีการสอน เพศศึกษา โดยพัฒนาจากการจัดเป็นค่ายหรือเป็นชุมนุม โดยได้มีโครงการนำร่องในทุกเขตพ้ืนท่ี การศึกษา แต่ความกล้าๆ กลัวๆ ก็ยังไม่คลาย แม้แต่ในระดับนโยบาย ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ (นายอารีย์ วงศ์อารยะ) ก็ให้การสนับสนุนโครงการเป็นอย่างดี แต่ผู้บริหาร ท่านต่อมาบอกว่า ถ้าทำ ก็ทำเงียบๆ ไม่ต้องขยายวงกว้างขวางในการนำร่อง จึงมีการอบรมทำ ความเขา้ ใจกบั กรรมการสถานศึกษา และผปู้ กครองไปพร้อมกบั ครู และก็ตอ้ งแปลกใจอีกเช่นกัน ที่ ผู้ปกครองและกรรมการสถานศกึ ษาตา่ งตอบรบั เปน็ อย่างดี หลายคนปรารภวา่ น่าจะทำมานานแลว้ ปัจจุบันทราบว่าได้ขยายไป ๗,๐๐๐ กว่าโรงเรียนแล้ว แตก่ ็ยงั มปี ญั หาอีกพอสมควร ดังท่เี พื่อนครไู ด้ เล่าให้ฟัง ความก้าวหนา้ ระยะต่อไป เกิดขึน้ เมือ่ องค์การ PATH สามารถสนับสนนุ ให้สถานศกึ ษา ใน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดสอนเป็นรายวิชา และดิฉันได้ไปเย่ียมที่จังหวัด นครศรีธรรมราช จำได้วา่ เคยเล่าใน “พบกันทกุ วนั อังคาร” ว่า ครผู ู้สอนเปน็ สาวโสด แตไ่ ด้รับการ พัฒนาอย่างดี จึงสอนได้ไม่ติดขัด อาจารย์เล่าว่า เป็นวิชาเดียวท่ีนักศึกษาไม่ขาดเลย มาวันน้ีด้วย ความร่วมมือช่วยเหลือจากองค์การ PATH เรามีโรงเรียนต้นแบบท่ีสามารถสอนเพศศึกษา จำนวน ๑๖ ช่ัวโมงต่อปี บางแหง่ สอน ๑๖ ช่วั โมงตอ่ ภาคเรยี น หลาย สพท. สามารถเปิดสอนไดใ้ นโรงเรียน เอกชนสอนศาสนาอิสลาม โดยเช่ือมโยงกับการสอนในศาสนา มีโรงเรียนท่ีผ่านการประเมินของ องค์การ PATH ถึง ๗๗ โรง แต่ก็น่าหนักใจที่มีหลาย สพท. ยังไม่มีโรงเรียนต้นแบบเลยถึง ๑๐๗ สพท. ใน ๕๐ จงั หวัด นอกจากขยายจำนวนโรงเรียนอย่างกว้างขวาง องค์การ PATH ได้มีบทบาทสำคัญในการ สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศศึกษาว่า มิใช่เร่ืองพฤติกรรมทางเพศเท่าน้ัน แต่ได้ครอบคลุม เร่ืองพัฒนาการของมนุษย์ เรื่องสัมพันธภาพ ทักษะส่วนบุคคล เช่น การให้คุณค่า การตัดสินใจ การสื่อสาร เร่ืองพฤติกรรมและสุขภาพทางเพศ ตลอดจนบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในสังคมที่จะ สร้างความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา องค์การ PATH ยังได้ริเร่ิมรูปแบบที่น่า - 228 - ค่มู อื การจดั กระบวนการเรียนรูเ้ พศศกึ ษา สำหรบั นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖

สนใจมากมายที่เปิดโอกาสให้เด็กและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการไปชมนทิ รรศการ มีทั้งการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ วิทยาลัยเทคนิคแห่งหน่ึงบูรณาการเพศศึกษากับการ สอนวชิ าไฟฟ้า!! จากการไปรว่ มประชมุ ไดร้ บั ทราบถงึ ความมงุ่ มนั่ ตง้ั ใจของโรงเรยี นแกนนำที่จะทำงานเร่ืองน้ี หลายโรงเรียน เช่น โรงเรียนบ้านเม็กใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี เล่าว่า หลังจากทำเร่ืองระบบดูแล นักเรียน ทำให้เห็นปัญหาและตระหนักดีว่าจะต้องปลูกฝังในเรื่องเพศศึกษา แต่ก็เตือนว่า ถ้าสอน แบบครึ่งๆ กลางๆ อาจเป็นภัยได้ ผู้บริหารมีบทบาทสำคัญ แต่ปัญหาอยู่ท่ีผู้บริหารเปลี่ยนบ่อย ทำให้งานไม่ต่อเน่ือง หลายโรงเรียนที่ทำได้ดี มีการอบรมผู้บริหารท้ังโรงเรียนทำให้การต่อต้าน นอ้ ยลง มีการบรู ณาการและเช่อื มโยงมากข้นึ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ฝากให้ สพฐ. ให้ความสำคัญแก่ทีมงานที่ทำเร่ืองเพศศึกษา เพราะ โรงเรียนมักจะเน้นครูที่สอนวิชาท่ีจะนำไปสู่การคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า มีข้อเสนอให้จัด โอกาสให้ครูที่ทำงานด้านนี้ได้พบกันอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เด็กๆ มีส่วนร่วมมากยิ่งข้ึน และ พยายามส่งเสริมให้โรงเรียนจัดเวทีให้ความรู้ผู้ปกครองเรื่องต่างๆ เช่น เร่ืองแก้ปัญหาการติดเกม เร่ืองเพศศึกษาสำหรับวัยรุ่น ฯลฯ ซ่ึงจะดึงดูดผู้ปกครองมาโรงเรียนได้มาก เพราะผู้ปกครองมักจะ บ่นว่ามาทีไรก็พูดแต่เร่ืองของโรงเรียน แต่ถ้าหากมาโรงเรียนแล้วพูดเรื่องของลูกๆ จะได้รับความ สนใจกวา่ มาก ปัญหาใหญ่ที่ถามกันมากคือ หลักสูตรแกนกลางจะทำให้ความคล่องตัว ในการสอน เพศศึกษาลดไปหรือไม่? อาจารย์ธนิมา เจริญสุข หัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบการแนะแนว สวก. ได้ แจง้ ใหท้ ราบว่า หลกั สตู รแกนกลางดงั กล่าว ไมท่ ำใหค้ วามคลอ่ งตัวในการสอนเพศศกึ ษาลดลง โดย เน้ือหาได้ครอบคลุมตามแนวทางการเรียนรู้เพศศึกษาของ สพฐ. และเอื้อให้โรงเรียนใส่เน้ือหาสาระ ที่เหน็ ว่ามคี วามจำเปน็ มาก ทั้งยังสง่ เสริมกิจกรรมการเรยี นการสอนท่เี ป็นบรู ณาการ...” - 229 - ภาคผนวก

วันองั คารท่ี ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๕๑ “...ในปี ๒๕๕๒ นอกจากการดำเนนิ งานตามนโยบายของ สพฐ. ทไี่ ดป้ รับใหส้ อดคลอ้ งกับ นโยบายของรัฐบาล ดิฉนั ได้ฝากเร่อื งดังตอ่ ไปน้.ี .. ...ระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น ดิฉนั ได้ขอบคณุ ทุก สพท. รวมทง้ั เพ่อื นข้าราชการใน สพฐ. กว่า ๘๐ คน ท่ีได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านและช่วยเหลือดูแลอย่างต่อเนื่อง ท้ังยังได้เล่าให้ฟังถึง นักเรียนท่ีโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบที่เคยนำเสนอในพบกันทุกวันอังคารหลายเดือนมาแล้วว่า อาศัยอยูก่ ับปู่ - ย่า ทเ่ี ป็นอัมพาต ทำให้ตอ้ งขาดเรียน เม่ือครไู ปเย่ยี มบา้ นและพบเหตกุ ารณ์ ไดน้ ำ เสนอต่อท่ีประชุมคณะกรรมการโรงเรียนที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรง เป็นองค์ประธาน และทรงมีรับสั่งให้ช่วยเหลือ เม่ือพวกเราได้ไปรับเสด็จฯ ที่จังหวัดชัยภูมิ ทรง รับสั่งข้ึนว่า ปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาเด็กคนนี้ได้แล้ว ด้วยการนำปู่ - ย่า ไปรับการรักษาท ี่ โรงพยาบาล และฝากเดก็ ไวก้ ับพระที่วัดข้างบ้าน พระองคท์ า่ นยงั มพี ระเมตตาเชา่ บา้ นไว้ให้ตอ่ เนื่อง เผื่อว่าปู่ - ย่า อาการดีขน้ึ แล้ว จะไดม้ ีบ้านอยู่ ได้ทราบเร่ืองนแ้ี ลว้ พวกเราคงมีความซาบซ้งึ ในนำ้ พระราชหฤทัย และถือเป็นแบบอย่างท่ีจะช่วยเหลือเด็กอย่างครบวงจร นอกจากการเยี่ยมบ้านและ การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนแล้ว ดิฉันได้ฝากเรื่องการศึกษาสำหรับผู้ปกครอง รวมทั้ง เด็กในวัยเล็กที่อาจใช้รูปแบบคาราวานสร้างเด็ก หรือการพัฒนาผู้ปกครองให้เข้าใจในเรื่องจิตวิทยา วัยรุ่น และสามารถร่วมแก้ปัญหาที่วัยรุ่นเผชิญ รวมทั้งขอให้ สพท. ให้ความสำคัญแก่เร่ือง เพศศกึ ษา การแกป้ ญั หาความรนุ แรง การติดเกม และเสรมิ สร้างวินยั เชงิ บวกให้มากขึน้ ...” - 230 - คู่มอื การจัดกระบวนการเรยี นร้เู พศศกึ ษา สำหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๖

แหล่งขอ้ มลู เพศศกึ ษา เอดส์ และหนว่ ยงานบริการสำหรบั เดก็ และเยาวชน รายชื่อหนว่ ยงานใหบ้ ริการปรกึ ษาและบรกิ ารตา่ งๆ ป รึกษาด้านกฎหมาย ศนู ย์บรกิ ารประชาชน กระทรวงยุตธิ รรม เคานเ์ ตอรเ์ ซอร์วสิ บรเิ วณชั้นลอย อาคารกระทรวงยุติธรรม ๙๙ ถ.แจง้ วัฒนะ ต.คลองเกลอื อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ๑๑๑๒๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๕๐๒-๐๘๐๐ บรกิ ารตลอด ๒๔ ชว่ั โมง ห รอื เขยี นจดหมายรอ้ งเรยี นส่งไปที่ ตู้ ปณ.๓๒ ปณจ.หลกั สี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐ สมาคมบณั ฑติ สตรที างกฎหมายแห่งประเทศไทยในพระบรมราชนิ ปู ถัมภ ์ ถ.สโุ ขทยั เขตดสุ ิต กรงุ เทพฯ ๑๐๓๐๐ โ ทรศัพท์ ๐-๒๒๔๑-๐๗๓๗ (จันทร-์ ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.) สภาทนายความแหง่ ประเทศไทย เลขที่ ๗/๘๙ อาคาร ๑๐ ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๖๒๙-๑๔๓๐ กด ๒ (เวลาราชการ) ศูนยป์ รึกษาปัญหากฎหมายทางโทรศัพท์ สำนกั งานคุม้ ครองสทิ ธแิ ละช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนกั งานอัยการสงู สดุ ถ.รัชดาภิเษก แขวงจตุจกั ร เขตจตจุ ักร กรงุ เทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศพั ท์ ๑๑๕๗ (เวลาราชการ ไมพ่ ักเทย่ี ง) ๐-๒๕๑๕-๔๐๔๒ มลู นิธิทองใบ ทองเปาด์ ๑๕/๑๓๘-๑๓๙ ซ.เสือใหญ่อุทศิ ถ.รัชดาภิเษก เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๕๔๑-๖๔๑๖, ๐-๒๕๔๑-๖๕๖๘ (เวลาราชการ) - 231 - ภาคผนวก

ปรึกษาปัญหาครอบครวั เด็ก วัยรนุ่ สุขภาพอนามัยทวั่ ไป สถาบนั สขุ ภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครนิ ทร์ ๗๕/๑ ถ.พระราม ๖ (ตรงข้าม รพ.รามาธิบด)ี แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ บริการปรกึ ษา โทรศพั ท์ ๐-๒๓๕๔-๘๓๐๐ (เวลาราชการ) T eenline โทรศพั ท์ ๐๘-๑๙๒๐-๒๕๒๑ (๑๖.๓๐-๐๘.๐๐ น.) Hotline วยั ร่นุ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบด ี โรงพยาบาลรามาธิบดี ถ.พระราม ๖ เขตราชเทวี กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โ ทรศัพท์ ๐๘-๗๐๕๓-๕๕๐๐ (ตลอด ๒๔ ชว่ั โมง) คลินกิ เพอ่ื นใจวยั ทีน สถาบันสุขภาพเดก็ แหง่ ชาตมิ หาราชินี โรงพยาบาลเดก็ ช้ัน ๓ ถ.ราชวิถี เขตราชเทวี กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๓๕๔-๘๓๓๓-๔๔ ตอ่ ๒๓๒๕ (เวลาราชการ) ศนู ย์พงึ่ ได้ : ชว่ ยเหลอื เดก็ หญงิ ชายถูกทำรา้ ยทางกายและทางเพศ สถาบันสขุ ภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชนิ ี ถ.ราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โ ทรศพั ท์ ๐-๒๓๕๔-๘๓๓๓-๔๔ ตอ่ ๒๒๓๑, ๒๓๑๔ และ ๐-๒๓๕๔-๘๒๙๙ (เวลาราชการ) คลินกิ วยั รนุ่ ศริ ิราช ๒ ถ.พรานนก แขวงศริ ิราช เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๔๑๙-๗๐๐๐ ต่อ ๕๙๙๖ (จนั ทร-์ ศกุ ร์ ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.) สถาบันกัลยาราชนครนิ ทร์ กรมสุขภาพจิต ถ.พุทธมณฑลสาย ๔ เขตทวีวฒั นา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐ โทรศัพท ์ ๐-๒๘๘๙-๙๑๙๑ (ตลอด ๒๔ ชัว่ โมง) ศนู ยว์ จิ ัยและพัฒนาเพศศาสตร์ศกึ ษา สถาบนั วจิ ยั วิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั อาคารสถาบัน ๒ ซ.จฬุ า ๖๒ ถ.พญาไท เขตปทุมวนั กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๒๑๘-๘๔๓๔-๕ (จนั ทร์-ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๕.๓๐ น.) - 232 - คมู่ ือการจัดกระบวนการเรียนร้เู พศศึกษา สำหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖

มูลนิธิศนู ยฮ์ อตไลน ์ โทรศัพท์ ๐-๒๒๗๗-๗๖๙๙, ๐-๒๒๗๗-๘๘๑๑ (จันทร์-ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น.) ๑๙๐๐-๑๑๑-๑๑๗, ๑๙๐๐-๑๑๑-๑๗๕ (ตลอด ๒๔ ช่วั โมง) โรงพยาบาลราชวถิ ี - ปรกึ ษาสขุ ภาพทั่วไป ๒ ถ.พญาไท แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โ ทรศพั ท์ ๐-๒๓๕๔-๘๑๖๔, ๐-๒๖๔๔-๗๐๐๐-๑๓ ต่อ ๒๖๐๗ (จันทร-์ ศกุ ร์ ๐๘.๓๐-๑๖.๐๐ น.) ศนู ย์ประชาบด ี กระทรวงพัฒนาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย ์ ๑๐๓๔ ถ.กรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพา่ ย กรงุ เทพฯ ๑๐๑๐๐ โทรศัพท ์ ๑๓๐๐ (ตลอด ๒๔ ชัว่ โมง) กองสงั คมสงเคราะห์ สำนกั สวัสดกิ ารสงั คม กรงุ เทพมหานคร โ ทรศัพท ์ ๐-๒๒๔๗-๘๑๘๔ คลนิ กิ กามโรค โรงพยาบาลบางรกั ๑๘๙ ถ.สาธรใต้ เขตสาธร กรงุ เทพฯ ๑๐๑๒๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๒๘๖-๐๔๓๑, ๐-๒๒๘๖-๐๖๐๘ นนทบุร ี โรงพยาบาลศรธี ัญญา ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมอื ง จ.นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๕๒๖-๓๓๔๒ (เวลาราชการ) สำนักพฒั นาสุขภาพจิต กรมสขุ ภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวญั อ.เมอื ง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๕๒๕-๒๙๗๙, ๐-๒๕๒๗-๐๒๘๘-๙๙ ตอ่ ๘๒๐๘-๙ สำนักสง่ เสริมสุขภาพ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ ถ.ตวิ านนท์ ต.ตลาดขวญั อ.เมอื ง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ โทรศัพท ์ ๐-๒๕๙๐-๔๑๒๑, ๐-๒๕๙๐-๔๔๔๗ - 233 - ภาคผนวก

กองวางแผนครอบครวั และประชากร กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ถ.ตวิ านนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมอื ง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๕๙๐-๔๑๖๙ นครปฐม สถาบนั แหง่ ชาติเพอื่ การพฒั นาเดก็ และครอบครวั มหาวิทยาลัยมหดิ ล ถ.พทุ ธมณฑลสาย ๔ อ.พทุ ธมณฑล จ.นครปฐม ๗๓๑๗๐ โทรศัพท ์ ๐-๒๔๔๑-๐๖๐๖-๙ นครสวรรค ์ โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ ราชนครินทร์ ๒ หมู่ที่ ๔ ต.ท่านำ้ อ้อย อ.พยหุ ะคีรี จ.นครสวรรค์ ๖๐๑๓๐ โทรศัพท ์ ๐๕๖-๒๖๗-๒๘๐ (เวลาราชการ), ๐๕๖-๒๖๗-๒๗๙ (นอกเวลาราชการทกุ วนั ) โรงพยาบาลสวรรคป์ ระชารักษ ์ ๔๓ ถ.อรรถกวี ต.ปากนำ้ โพ อ.เมอื ง จ.นครสวรรค์ ๖๐๐๐๐ โทรศัพท ์ ๐๕๖-๒๒๘-๖๘๗ ตอ่ ๕๒๐๒ (เวลาราชการ) เชียงใหม ่ โรงพยาบาลสวนปรุง ๑๓๑ ถ.ช่างหลอ่ ต.หายยา อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่ ๕๐๐๐๐ โ ทรศพั ท ์ ๐๕๓-๒๗๖-๗๕๐ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) สถาบันพฒั นาการเด็กราชนครนิ ทร ์ ถ.พัฒนาการ ต.ดอนแก้ว อ.แมร่ ิม จ.เชยี งใหม่ ๕๐๑๘๐ โทรศัพท์ ๐๕๓-๘๙๐-๒๔๕ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) - 234 - คมู่ อื การจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๖

สุราษฎรธ์ านี โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ถ.พนุ พิน ต.ทา่ ขา้ ม อ.พนุ พนิ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๓๐ โทรศพั ท์ ๐๗๗-๓๑๒-๑๔๖ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) โรงพยาบาลสุราษฎรธ์ านี ถ.ศรีวิชัย ต.มะขามเตีย้ อ.เมือง จ.สุราษฎรธ์ านี ๘๔๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๗๗-๒๗๒-๒๓๑ ต่อ ๒๐๕๓, ๒๐๕๔ (เวลาราชการ) สงขลา โรงพยาบาลจติ เวชสงขลานครินทร ์ ถ.ไทรบุรี อ.เมือง จ.สงขลา ๙๐๐๐๐ โทรศัพท ์ ๑๓๒๓ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) อบุ ลราชธานี โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธ์ ิ ๒๑๒ ถ.แจ้งสนิท อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ๓๔๐๐๐ โทรศพั ท ์ ๐๔๕-๒๘๑-๐๔๘ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) ๐๔๕-๓๑๓-๕๕๐, ๐๔๕-๓๑๕-๐๖๐ (เวลาราชการ) โครงการเพ่อื นวยั ใสเข้าใจเอดส ์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี ต.เมอื งศรไี ค อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๙๐ โทรศัพท ์ ๐๔๕-๒๘๘-๕๒๓ (เวลาราชการ) นครราชสีมา โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสมี าราชนครินทร์ ถ.ช้างเผอื ก ต.ในเมือง อ.เมอื ง จ.นครราชสีมา ๓๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐๔๔-๓๔๒-๖๘๘ (เวลาราชการ) - 235 - ภาคผนวก

โรงพยาบาลมหาราช นครราชสมี า ถ.ชา้ งเผอื ก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสมี า ๓๐๐๐๐ โทรศพั ท ์ ๐๔๔-๒๓๕-๐๕๒ (เวลาราชการ) ขอนแก่น โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ ถ.ชาตะผดงุ ต.ในเมอื ง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๔๓-๒๒๗-๔๒๒ ต่อ ๒๓๑๔ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง) นครพนม โรงพยาบาลจิตเวชนครพนม ถ.นครพนม-ท่าอเุ ทน ต.อาจสามารถ อ.เมอื ง จ.นครพนม ๔๘๐๐๐ โทรศัพท ์ ๐๔๒-๕๙๓-๑๓๖ (เวลาราชการ) ๐๔๒-๕๙๓-๑๑๐-๑๒ (นอกเวลาราชการทกุ วัน) เลย โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครนิ ทร์ หม่ทู ี่ ๔ ต.นาอาน อ.เมอื ง จ.เลย ๔๒๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๔๒-๘๑๔-๘๙๓ (ตลอด ๒๔ ชัว่ โมง) ปรึกษาปญั หาด้านสทิ ธผิ ู้หญงิ และเด็ก กองคมุ้ ครองสวสั ดกิ ารแรงงานเด็ก โทรศัพท ์ ๑๕๔๖ มลู นธิ ิปวีณา หงสกุล เพื่อเดก็ และสตรี ๘๔/๑๔ ถ.รงั สิต-นครนายก (คลอง ๗) ต.ผกั กูด อ.ธญั บรุ ี จ.ปทุมธานี ๑๐๑๒๐ หรอื ท่ี ตู้ ปณ. ๒๒๒ ธัญบุรี โทรศพั ท ์ ๑๑๓๔ (เฉพาะกรุงเทพฯ และปรมิ ณฑล) ๐-๒๕๗๗-๐๕๐๐-๑, ๐-๒๕๗๗-๐๔๓๖-๘ (จนั ทร-์ ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น.) - 236 - คูม่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พศศึกษา สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๖

มลู นิธิผู้หญงิ ๒๙๕ ซ.จรญั สนทิ วงศ์ ๖๒ เขตบางพลดั กรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๔๓๓-๕๑๔๙, ๐-๒๔๓๕-๑๒๔๖ (จันทร์-ศุกร์ ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.) มูลนิธศิ นู ย์พทิ ักษ์สทิ ธเิ ด็ก ๑๘๕/๑๖ ถ.จรัญสนทิ วงศ์ ๑๒ แขวงทา่ พระ เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพฯ ๑๐๖๐๐ โทรศัพท ์ ๐-๒๔๑๒-๑๑๙๖, ๐-๒๔๑๒-๐๗๓๙ (จนั ทร-์ ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.) ปรึกษาปญั หาด้านยาเสพติด บ้านอบอุ่นใจ ๓๒/๑๒ หมู่บา้ นพฤกษชาติ ซ.๓๒ ถ.สุขาภบิ าล ๓ แขวงสะพานสงู เขตบึงก่มุ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๔๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๓๗๓-๘๓๗๕ (เวลาราชการ) มูลนธิ กิ ลมุ่ แสงเทยี น ๕๔๗ วัดบางไสไ้ ก่ ซ.วทิ ยาลยั ครบู า้ นสมเด็จฯ ถ.อสิ รภาพ แขวงหิรัญรูจิ เขตธนบรุ ี กรงุ เทพฯ ๑๐๖๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๖๕-๖๑๖๕, ๐-๒๔๗๒-๔๒๑๒ (เวลาราชการ) เครอื ข่ายผู้ใชย้ า ประเทศไทย ๒๐๕/๘ ซ.ชยั เกยี รติ ๑ ถ.งามวงศว์ าน แขวงทุง่ สองหอ้ ง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๙๕๔-๐๘๗๑ (เวลาราชการ) เชยี งราย บา้ นฟนื้ ฟูผูต้ ดิ ยาเสพติดและสงเคราะหค์ นยากจน ๙๕/๗ หมู่ ๑ ต.แม่สลอก อ.แมฟ่ ้าหลวง จ.เชยี งราย ๕๗๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๕๓-๗๖๕-๓๘๖ (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง), ๐๘-๖๑๙๕-๒๒๕๑ ชลบุร ี บา้ นสนั ติสุข ๗๗ ต.หา้ งสงู อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ๒๐๑๙๐ โทรศพั ท์ ๐๓๘-๒๑๙-๒๔๑ - 237 - ภาคผนวก

ปรึกษาด้านวางแผนครอบครวั คลนิ ิกของสมาคมวางแผนครอบครวั แหง่ ประเทศไทย (สวท) คลินกิ สวท เวชกรรม บางเขน ๘ ซ.วภิ าวดรี ังสติ ๔๔ ถ.วภิ าวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๙๔๑-๒๓๒๐ ตอ่ ๑๘๑, ๑๘๒ (เวลาราชการ) คลนิ ิก สวท เวชกรรม ดนิ แดง ๒/๑๑-๑๓ อาคารพาณิชย์ ๑ ถ.ประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๒๔๕-๑๘๘๘, ๐-๒๒๔๕-๗๓๘๒-๕ (เวลาราชการ) คลนิ กิ สวท เวชกรรม ปน่ิ เกล้า ๓/๒๐-๒๑ ถ.อรณุ อัมรนิ ทร์ แขวงอรณุ อัมรนิ ทร์ เขตบางกอกนอ้ ย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โ ทรศัพท ์ ๐-๒๔๓๓-๙๐๗๗ (เวลาราชการ) คลนิ ิก สวท เวชกรรม หาดใหญ่ ๒๔๐-๒๔๒ ถ.นพิ ทั ธ์อทุ ิศ ๓ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ๙๐๑๑๐ โ ทรศพั ท์ ๐๗๔-๒๔๖-๓๔๓ (เวลาราชการ) คลนิ ิก สวท เวชกรรม ขอนแกน่ ๗๕๒-๗๕๔ ถ.ศรจี ันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแกน่ ๔๐๐๐๐ โ ทรศพั ท ์ ๐๔๓-๒๒๓-๖๒๗ (เวลาราชการ) คลินกิ สวท เวชกรรม เชยี งใหม ่ ๒๐๐/๓ ถ.บำรุงราษฏร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๕๐๐๐๐ โ ทรศัพท ์ ๐๕๓-๒๔๖-๓๔๗ (เวลาราชการ) คลนิ ิก สวท เวชกรรม อุบลราชธาน ี ๑๕๔-๑๕๖ ถ.ศรีณรงค์ อ.เมอื ง จ.อุบลราชธานี ๓๔๐๐๐ โทรศัพท ์ ๐๔๕-๒๔๓-๓๘๐ (เวลาราชการ) - 238 - ค่มู ือการจดั กระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๖

สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (PDA) ๖ สขุ ุมวทิ ๑๒ เขตคลองเตย กรงุ เทพฯ ๑๐๑๑๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๒๒๙-๔๖๑๑-๒๘ ตอ่ ๕๑๐, ๕๑๒, ๕๒๔, ๕๒๖ (จนั ทร์-ศกุ ร์ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.) สมาคมสขุ ภาพจิตแหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถัมภ์ ๓๕๖/๑๐ ถ.ศรอี ยธุ ยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๒๔๗-๙๒๙๒, ๐-๒๒๔๕-๒๗๓๓ (เวลาราชการ) ปรกึ ษา / ชว่ ยเหลือผ้หู ญิงท่ีทอ้ งเม่ือไมพ่ รอ้ ม บา้ นพกั ฉกุ เฉนิ สมาคมสง่ เสรมิ สถานภาพสตรฯี ๕๐๑/๑ ถ.เดชะตุงคะ เขตดอนเมอื ง กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๙๒๙-๒๒๒๒ (ตลอด ๒๔ ช่ัวโมง) สหทยั มูลนิธิ ๘๕๐/๓๓ ถ.สุขุมวิท ๗๑ เขตวัฒนา กรงุ เทพฯ ๑๐๑๑๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๓๘๖-๘๘๓๔-๖, ๐-๒๓๘๑-๑๓๑๘, ๐-๒๓๙๒-๙๓๙๗ (จนั ทร์-ศุกร์ ๐๘.๓๐-๑๗.๐๐ น.) บ้านพระคุณ ๑๕/๔๒๕ หมู่บา้ นกัลยาเฮ้าส์ ซ.๒ ถ.สขุ ุมวทิ ๑๐๗ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๗๕๙-๗๒๐๑, ๐-๒๗๕๙-๑๒๓๘ (จนั ทร์-ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.) บ้านสายสมั พนั ธ์ เสถียรธรรมสถาน เสถียรธรรมสถาน ซ.วชั รพล ถ.รามอินทรา เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ๑๐๒๓๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๕๐๙-๐๐๘๕, ๐-๒๕๑๐-๖๖๙๗ (ทุกวัน ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น.) มูลนิธิผู้หญงิ ๒๙๕ ซ.จรัญสนทิ วงศ์ ๖๒ เขตบางพลดั กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โ ทรศัพท ์ ๐-๒๔๓๓-๕๑๔๙, ๐-๒๔๓๕-๑๒๔๖ (จันทร-์ ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.) มลู นิธิเพือ่ นหญงิ ๓๘๖/๖๑-๖๒ ซ.รชั ดาภเิ ษก ๔๒ (ซ.เฉลมิ สุข) ถ.รชั ดาภเิ ษก แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท ์ ๐-๒๕๑๓-๒๗๐๘, ๐-๒๕๑๓-๑๐๐๑ (จนั ทร-์ ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.) - 239 - ภาคผนวก

ปรกึ ษาด้านเอชไอว/ี เอดส ์ ชมรมเพ่ือนวันพธุ ศนู ย์วจิ ยั โรคเอดส์ สภากาชาดไทย ๑๐๔ อาคาร ๒ ชั้น ๑ ถ.ราชดำริ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๒๕๓-๒๖๖๖, ๐-๒๒๕๕-๗๘๙๓ (จันทร์-ศกุ ร์ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.) คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย ๑๘๗๓ ถ.พระราม ๔ แขวงปทุมวัน เขตปทมุ วัน กรงุ เทพฯ ๑๐๓๓๐ โทรศัพท ์ ๐-๒๒๕๖-๔๑๐๗-๙ ต่อ ๒๐๗ (จันทร-์ ศกุ ร์ ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น.) ศูนยว์ จิ ัยโรคเอดส์ (ถามปญั หา รักษาเอดส์) โทรศัพท ์ ๑๖๖๓ มลู นิธเิ ข้าถึงเอดส ์ ๔๘/๒๘๒ โครงการเซน็ เตอรเ์ พลส ถ.รามคำแหง (สุขาภบิ าล ๓) เขตสะพานสงู กรงุ เทพฯ ๑๐๒๔๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๓๗๒-๒๒๒๒ (ทุกวัน ๑๐.๐๐-๒๐.๐๐ น.) สมาคมแนวรว่ มภาคธุรกจิ ไทยตา้ นภยั เอดส ์ ๓๕๑/๒๕ หม่บู ้านพระรามเกา้ วิลล์ ถ.พระราม ๙ ซ.๑๑ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรงุ เทพฯ ๑๐๓๑๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๗๑๖-๘๗๕๐-๗ (จันทร์-ศุกร์ ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น.) ๑ ๖๔๕ สายด่วนให้ความร้/ู ใหค้ ำปรกึ ษาเร่อื งเอดส์ ๒๔ ชว่ั โมง มูลนธิ ศิ นู ย์ค้มุ ครองสทิ ธิด้านเอดส ์ ๑๓๓/๒๓๕ หมู่บ้านรน่ื ฤดี ๓ ถ.หทยั ราษฎร์ แขวงมนี บุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ๑๐๕๑๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๑๗๑-๕๑๓๕-๖ (จนั ทร์-ศุกร์ ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.) สายดว่ นเอดส์และวคั ซีน โทรศัพท์ ๐-๒๓๗๒-๓๒๘๙ (เวลาราชการ) มลู นิธศิ ูนย์ฮอตไลน ์ ปรกึ ษาปัญหาโรคเอดส์ โทรฟรที ั่วประเทศ โทรศัพท ์ ๐-๒๒๗๗-๘๘๑๑, ๐-๒๒๗๗-๗๖๙๙ (จนั ทร์-ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น.) ๑๙๐๐-๑๑๑-๑๑๗, ๑๙๐๐-๑๑๑-๑๗๕ (ตลอด ๒๔ ช่วั โมง) - 240 - คมู่ อื การจดั กระบวนการเรยี นรูเ้ พศศึกษา สำหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖

บา้ นพักใจ ๓๕๓/๒๒-๒๔ ซ.ขา้ งธนาคารกสิกรไทย สะพานใหม่ ถ.พหลโยธนิ เขตบางเขน กรงุ เทพฯ ๑๐๒๒๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๕๕๑-๓๒๕๔ (จนั ทร์-ศุกร์ ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.) องคก์ รหมอไร้พรมแดน-เบลเยี่ยม ปรึกษาการดแู ลสุขภาพผู้ติดเชือ้ เอชไอวแี ละผปู้ ว่ ยเอดส ์ ๕๒๒ หมู่บ้านนครไทย ๑๔ ซ.ลาดพรา้ ว ๑๐๑/๑ ถ.ลาดพร้าว เขตบางกะปิ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๔๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๓๗๐-๓๐๘๗-๙๐ (จันทร์-ศกุ ร์ ๐๙.๐๐-๑ ๘.๐๐ น.) สถาบนั สุขภาพเด็กแห่งชาตมิ หาราชนิ ี ปรึกษาการดูแลสุขภาพเด็กท่ีมเี ชื้อเอชไอว ี ถ.ราชวิถี เขตราชเทวี กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๓๕๔-๘๓๓๓-๔๔ ตอ่ ๒๓๒๕ (เวลาราชการ) ปรกึ ษาดา้ นความหลากหลายทางเพศ/รกั เพศเดียวกนั สมาคมฟ้าสรี ุง้ แหง่ ประเทศไทย ๑๕๙ อาคารเดอะบสี เรซเิ ด้นซ์ ชน้ั ๘ ซ.โชคชัยร่วมมติ ร (ถ.รชั ดาภิเษก ๑๙) ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงดนิ แดง เขตดินแดง กรงุ เทพฯ ๑๐๓๒๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๖๙๑-๕๙๕๗-๘ (ทุกวัน ๑๐.๐๐-๒๒.๐๐ น.) บางกอกเรนโบว ์ ๓๗ ถ.ประดิพทั ธ์ ๒๑ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โ ทรศพั ท ์ ๐-๒๖๑๘-๕๖๓๕ (ทกุ วัน ๑๐.๐๐-๒๐.๐๐ น.) กลุ่มสะพาน (เนน้ หญิงรกั หญิง) ตู้ ปณ. ๑๖๒ ปทจ.ดุสติ กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท ์ ๐๘-๕๐๔๑-๘๔๗๗ (จันทร์-ศุกร์ ๐๙.๐๐-๑๗.๓๐ น.) - 241 - ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook