แบบประเมินชนิ้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) ว 4.2 ป.2/2 เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รือสอ่ื และตรวจหาขอ้ ผิดพลาด ของโปรแกรม รำยกำร เกณฑก์ ำรประเมิน (ระดบั คุณภำพ) ระดับ ประเมิน คุณภำพ ดมี ำก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) 1. การตรวจหาขอ้ ผิดพลาด ดมี าก ของโปรแกรม สามารถตรวจหา สามารถตรวจหา สามารถตรวจหา ไม่สามารถตรวจหา ข้อผิดพลาดของ ดี 2. การแก้ไขข้อผิดพลาดของ ขอ้ ผิดพลาดของ ขอ้ ผิดพลาดของ ข้อผิดพลาดของ โปรแกรมได้ โปรแกรม พอใช้ โปรแกรมได้อยา่ ง โปรแกรมได้อยา่ ง โปรแกรมได้ค่อนข้างดี ไม่สามารถแกไ้ ข 3. ความสมบรู ณ์ของผลงาน ขอ้ ผิดพลาดของ ปรับปรุง ถกู ต้อง ถูกวธิ ดี มี าก ถกู ต้อง ถกู วิธีดี โปรแกรมได้ สามารถแก้ไข สามารถแกไ้ ข สามารถแก้ไข ผลงานมคี วามครบถ้วน สมบูรณน์ ้อย ข้อผดิ พลาดของ ขอ้ ผิดพลาดของ ข้อผดิ พลาดของ โปรแกรมไดอ้ ยา่ งชดั เจน โปรแกรมได้อยา่ งชัดเจน โปรแกรมได้คอ่ นข้างดี ดมี าก ดี ผลงานมคี วามครบถ้วน ผลงานมคี วามครบถ้วน ผลงานมคี วามครบถ้วน สมบรู ณ์ดมี าก สมบรู ณ์ค่อนขา้ งดี สมบูรณ์ดเี ป็นบางสว่ น 4. ส่งงานตรงเวลา ส่งภาระงานภายในเวลา ส่งภาระงานชา้ กวา่ ส่งภาระงานช้ากวา่ ส่งภาระงานชา้ กวา่ กาหนด 2 วนั กาหนดเกิน 3 วนั ขน้ึ ไป ทก่ี าหนด กาหนด 1 วนั เกณฑก์ ำรตดั สินคณุ ภำพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภำพ 14 - 16 ดมี ำก 10 - 13 ดี 7 - 9 พอใช้ 1 - 6 ปรับปรงุ
9. ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมำย ) ....... ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหนง่ 10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคานวณ) ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข
หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี 3 กำรจดั กำรไฟล์อยำ่ งมีระบบ เวลำ 8 ช่ัวโมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเป็นขั้นตอนและ เปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม ว 4.2 ป.2/3 ใช้เทคโนโลยใี นการสร้าง จัดหมวดหมู่ คน้ หา จดั เกบ็ เรียกใชข้ อ้ มูล ตามวัตถปุ ระสงค์ 2. สำระกำรเรยี นรู้ 2.1 สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง 1) การใช้งานซอฟต์แวร์เบือ้ งตน้ เช่น การเข้าและออกจากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การจดั เกบ็ การเรยี กใช้ไฟล์ การแก้ไขตกแตง่ เอกสาร ทาไดใ้ นโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลคา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมนาเสนอ 2) การสรา้ ง คดั ลอก ยา้ ย ลบ เปลย่ี นชอื่ จดั หมวดหมไู่ ฟล์ และโฟลเดอร์อยา่ งเปน็ ระบบจะทาให้ เรยี กใช้ ค้นหาข้อมลู ได้ง่ายและรวดเรว็ 2.2 สำระกำรเรียนรู้ท้องถิ่น (พิจารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา) 3. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด ซอฟต์แวร์เปน็ โปรแกรมหรือชดุ คาสง่ั ท่ีเขียนขึน้ เพ่ือสง่ั ให้คอมพิวเตอรท์ างานตามความต้องการ ของผ้ใู ช้งาน โดยภายในคอมพิวเตอร์มโี ปรแกรมบรรจุอยู่มากมาย โดยผู้ใชส้ ามารถเข้าใชง้ านได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างไฟล์ การจัดเก็บไฟล์ และการเรียกใช้ไฟล์ โดยซอฟต์แวร์พ้นื ฐานทีน่ ิยมใช้ ได้แก่ โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมประมวลคา และโปรแกรมนาเสนอ เป็นตน้ และการจัดการกบั ไฟล์งานท่ีได้ จากโปรแกรมต่าง ๆ ก็มสี ่วนสาคัญ ตั้งแต่การสร้างไฟล์ คัดลอกไฟล์ ย้ายไฟล์ ลบไฟล์ และเปลยี่ นช่ือไฟล์ รวมถึงการจัดหมวดหมู่ไฟล์ต่าง ๆ เข้าสโู่ ฟลเดอร์เพื่ออานวยความสะดวกต่อการใช้งาน
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ - ทกั ษะการสื่อสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - ทักษะการถ่ายทอดความคดิ 3. มุง่ มนั่ ในการทางาน - ทักษะการแลกเปล่ยี นข้อมูล 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์ - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทกั ษะการสงั เกต - ทกั ษะการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะการทางานร่วมกนั 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ชิน้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง การจดั การไฟลอ์ ย่างมีระบบ 6. กำรวัดและกำรประเมนิ ผล วธิ วี ัด เครื่องมอื เกณฑ์กำรประเมิน รำยกำรวดั 6.1 การประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน - ตรวจชนิ้ งาน/ - แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดับคุณภาพ 2 (รวบยอด) เร่อื ง การจัดการไฟล์ ภาระงาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์ อย่างมีระบบ 6.2 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจริง - แบบทดสอบก่อนเรยี น ก่อนเรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรื่อง การจัดการไฟล์ อยา่ งมีระบบ 6.3 ประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) วาดภาพตัวฉัน - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 - ใบงานท่ี 3.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
รำยกำรวัด วธิ ีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ 2) การสรา้ งนิทาน - ตรวจใบงานท่ี 3.2.1 - ใบงานท่ี 3.2.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) การจัดหมวดหมู่ข้อมูล - ตรวจใบงานที่ 3.4.1 - ใบงานท่ี 3.4.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 4) การลบไฟล์และโฟลเดอร์ - ตรวจใบงานที่ 3.5.1 - ใบงานท่ี 3.5.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 5) การเปลยี่ นชื่อไฟล์ - ตรวจใบงานที่ 3.5.2 - ใบงานท่ี 3.5.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ และโฟลเดอร์ - ตรวจใบงานที่ 3.6.1 - ใบงานที่ 3.6.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 6) การจดั เรยี งไฟล์ - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 7) การนาเสนอผลงาน ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 8) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 รายบคุ คล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 9) พฤติกรรมการทางานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 10) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 - สังเกตความมีวินยั คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ 6.4 การประเมินหลังเรียน ความรบั ผดิ ชอบ อันพึงประสงค์ - แบบทดสอบหลังเรียน ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มั่น ประเมนิ ตามสภาพจริง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 ในการทางาน - แบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง การจัดการไฟล์ อยา่ งมีระบบ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน 7. กิจกรรมกำรเรียนรู้ นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 การจดั การไฟล์อย่างมรี ะบบ
8. สอ่ื /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 สื่อกำรเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอื่ ง การจดั การไฟลอ์ ยา่ งมีระบบ 2) ใบงานที่ 3.1.1 เรอ่ื ง วาดภาพตัวฉนั 3) ใบงานท่ี 3.2.1 เร่ือง การสร้างนทิ าน 4) ใบงานท่ี 3.4.1 เรอ่ื ง การจดั หมวดหมูข่ อ้ มลู 5) ใบงานที่ 3.5.1 เร่อื ง การลบไฟล์และโฟลเดอร์ 6) ใบงานที่ 3.5.2 เรื่อง การเปล่ียนช่ือไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ 7) ใบงานท่ี 3.6.1 เรอ่ื ง การจดั เรยี งไฟล์ 8) เครื่องคอมพวิ เตอร์ 9) ผลงานเกย่ี วกบั เร่อื งท่นี กั เรียนสนใจ 10) อุปกรณ์การเรยี นหลากหลายชนิด 11) ใบรายชือ่ 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) อนิ เทอรเ์ นต็ 2) ห้องคอมพิวเตอร์
แบบทดสอบ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ 3 คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดคือความหมายของซอฟต์แวร์ 6. ขอ้ มลู ในข้อใดต่อไปนค้ี วรจัดเกบ็ ไวใ้ นโฟลเดอร์ ก. ชดุ คาสั่งท่ีสั่งใหค้ อมพิวเตอรท์ างาน “สถานทส่ี าคัญ” ข. ชุดคาถามท่ีถามคอมพิวเตอร์ ก. วัด แมน่ า้ ค. ชดุ คาตอบที่คอมพิวเตอร์ตอบกลับ ข. ตลาด หอ้ งสมุด ค. สถานีตารวจ โรงพยาบาล 2. โปรแกรมกราฟิกนิยมใช้ประโยชน์ในเรอ่ื งใด มากทส่ี ุด 7. การจัดหมวดหมู่ไฟลม์ ีประโยชนอ์ ย่างไร ก. วาดภาพ ก. หาไฟล์ได้งา่ ยขึน้ ข. คานวณตัวเลข ข. ทาใหไ้ ฟล์สวยงาม ค. นาเสนอผลงาน ค. เปดิ ไฟล์ได้เรว็ ข้ึน 3. คียล์ ัด Ctrl + N เก่ยี วข้องกับขนั้ ตอนใด 8. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้องเกีย่ วกับขั้นตอนการกู้ไฟล์งาน ในโปรแกรมกราฟกิ จากถังขยะ ก. การจัดเกบ็ ไฟล์ ก. คลิกเลือกถังขยะบนหน้า Desktop ข. การคดั ลอกไฟล์ ข. คลิกเลอื กไฟล์ท่ีตอ้ งการกู้คืนจาก Recycle Bin ค. การสร้างไฟล์ และคลกิ ขวาเลือกคาสง่ั Restore ค. คลกิ ขวาบริเวณพื้นทีว่ ่างในถงั ขยะ 4. ส่งิ ใดควรทาเป็นอนั ดบั แรก หลงั จากวาดรปู เลือกคาส่ัง Refresh ในโปรแกรมกราฟิกเสรจ็ แลว้ ก. ปิดโปรแกรม 9. ขอ้ ใดคือโปรแกรมท่ีนิยมใช้ในการนาเสนอผลงาน ข. สร้างไฟล์ใหม่ ก. Microsoft PowerPoint ค. บนั ทึกไฟล์ ข. Microsoft Word ค. Microsoft Excel 5. เมอ่ื นักเรียนต้องการสร้างหน้งสือนิทาน ควรเลอื กใชโ้ ปรแกรมใด 10. ข้อใดหมายถึงการทาสาเนาเอกสารข้ึนมาอีกชดุ หน่ึง ก. โปรแกรมกราฟกิ ก. การคดั ลอกไฟล์ ข. โปรแกรมประมวลคา ข. การย้ายไฟล์ ค. โปรแกรมนาเสนอ ค. การจดั การไฟล์ เฉลย 1. ก 2. ก 3. ค 4. ค 5. ข 6. ค 7. ก 8. ข 9. ก 10. ก
แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี 3 คำช้แี จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดคือชุดคาสง่ั ทส่ี งั่ ให้คอมพวิ เตอรท์ างาน 6. กบ อึ่งอ่าง ปู เตา่ จระเข้ จากข้อมลู เหลา่ น้ี ก. ฮารด์ แวร์ นักเรียนคิดว่าควรจัดเก็บไวใ้ นโฟลเดอรใ์ ด ข. ซอฟต์แวร์ จึงจะเหมาะสมท่สี ดุ ค. ซุปเปอร์แวร์ ก. สัตว์นา้ ข. สตั ว์ครงึ่ บกคร่งึ นา้ 2. โปรแกรมประมวลคาใช้ประโยชนใ์ นเร่ืองใด ค. สัตว์บก มากท่สี ุด ก. จดั พิมพ์เอกสาร 7. การจัดการในข้อใดส่งผลให้หาไฟล์งานไดง้ า่ ยขึ้น ข. ประมวลเอกสาร ก. การจัดหมวดหมู่ไฟล์ ค. คานวณเอกสาร ข. การจดั เกบ็ ไฟล์ ค. การคดั ลอกไฟล์ 3. คยี ล์ ดั Ctrl + F เกยี่ วขอ้ งกบั ข้นั ตอนใด ในการจัดการไฟล์ 8. คาสั่งในขอ้ ใดหมายถึงการกู้ไฟล์งานจากถังขยะ ก. การสรา้ งไฟล์ ก. Refresh ข. การลบไฟล์ ข. Recycle ค. การค้นหาไฟล์ ค. Restore 4. ข้อใดหมายถงึ การจดั เกบ็ ไฟล์งานท่มี ีการบันทึก 9. การตงั้ ชื่อโฟลเดอร์ความยาวของชื่อต้องไม่เกนิ เปน็ ครงั้ แรก กีต่ ัวอักษร ก. Save ก. 256 ตัวอักษร ข. Save As ข. 512 ตวั อักษร ค. File As ค. 1028 ตัวอักษร 5. เมอ่ื นักเรียนต้องการสรา้ งภาพกราฟกิ 10. การต้งั ชอื่ โฟลเดอรใ์ นข้อใดไมถ่ ูกต้อง ควรเลอื กใชโ้ ปรแกรมในข้อใด ก. 1.หนังสือการ์ตูน ก. โปรแกรม Notepad ข. ความรักคืออะไร? ข. โปรแกรม Microsoft PowerPoint ค. คะแนนสอบONET ค. โปรแกรม Paint เฉลย 1. ข 2. ก 3. ค 4. ข 5. ค 6. ข 7. ก 8. ค 9. ก 10. ข
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ 1 กำรใชง้ ำนซอฟตแ์ วรเ์ บอ้ื งตน้ เวลำ 2 ชั่วโมง 1. มำตรฐำน/ตวั ชวี้ ดั 1.1 ตวั ช้ีวดั ว 4.2 ป.2/3 ใช้เทคโนโลยใี นการสรา้ ง จดั หมวดหมู่ คน้ หา จดั เกบ็ เรียกใชข้ อ้ มูลตามวัตถปุ ระสงค์ 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมายของซอฟตแ์ วรไ์ ด้ (K) 2. เลอื กใชโ้ ปรแกรมกราฟิกเปน็ เคร่ืองมือในการวาดภาพได้ (K) 3. แสดงข้นั ตอนการเข้าใช้งานโปรแกรมกราฟิก และออกจากโปรแกรมกราฟิกได้ (P) 4. แสดงขั้นตอนการสร้างและจดั เก็บไฟล์ดว้ ยโปรแกรมกราฟกิ ได้ (P) 5. แสดงขน้ั ตอนการเรียกใชไ้ ฟล์โปรแกรมกราฟิกได้ (P) 6. ใช้เครอื่ งมือในการวาดภาพได้ (P) 7. เหน็ ความสาคญั ของการใช้งานซอฟต์แวร์ (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถิน่ สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง การใช้งานซอฟต์แวรเ์ บอื้ งตน้ เช่น การเขา้ และออก พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา จากโปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจัดเกบ็ การเรยี กใช้ ไฟล์ การแก้ไขตกแต่งเอกสาร ทาไดใ้ นโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรม นาเสนอ 4. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ซอฟตแ์ วร์ เป็นโปรแกรมหรือชุดคาส่งั ทีค่ อยส่ังให้คอมพิวเตอร์ทางานตามความตอ้ งการของผู้ใชง้ าน ในคอมพวิ เตอร์มีโปรแกรมสาหรับใช้งานอยมู่ ากมาย ผใู้ ชส้ ามารถเข้าและออกจากโปรแกรม สรา้ งไฟล์ จัดเก็บไฟล์ และเรยี กใชไ้ ฟลไ์ ด้ในทกุ โปรแกรม สาหรบั การสรา้ งภาพกราฟิกนน้ั ผใู้ ช้สามารถวาดภาพลงบน คอมพิวเตอร์ไดด้ ้วยโปรแกรมกราฟิก เชน่ โปรแกรม Paint เป็นต้น
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย รับผิดชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรียนรู้ - ทักษะการถา่ ยทอดความคิด 3. มุ่งมนั่ ในการทางาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ อยา่ งสร้างสรรค์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1 ขัน้ นา ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ควำมสนใจ (Engagement) 1. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรือ่ ง การจดั การไฟล์อย่างมีระบบ เพอื่ วดั ความรเู้ ดิมของนักเรยี นกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรม 2. ใหน้ กั เรียนภายในหอ้ งร่วมกนั ทากจิ กรรมจากหนังสอื เรียนรำยวิชำพื้นฐำน เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ) ป.2 หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี 3 กำรจดั กำรไฟล์อย่ำงมีระบบ เพ่ือจัดหมวดหมู่ สง่ิ ของต่าง ๆ ให้เหมาะสม 3. ครูแสดงรูปกราฟิกหลาย ๆ รูปทไ่ี ดจ้ ากโปรแกรมกราฟิกมาแสดงใหน้ กั เรียนดู เชน่ รปู การ์ตูน ทว่ี าดคล้ายรปู ของคุณครเู องหรอื ตัวการ์ตูนที่นักเรียนคุ้นเคย และถามคาถามเพ่ือกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียนว่า “รปู นคี้ ือรูปอะไร” (แนวตอบ : คาตอบของนกั เรียนขนึ้ อย่กู ับรปู กราฟิกทค่ี รนู ามาแสดง) 4. ครพู ดู เพือ่ กระตุ้นความสนใจของนักเรียนวา่ “รูปท่ีครแู สดงให้นกั เรียนดูแตล่ ะรปู วาดมาจาก โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ท่เี รียกว่าโปรแกรมกราฟกิ เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้สาหรับวาดภาพ หรอื การออกแบบกราฟิกบนเคร่อื งคอมพวิ เตอรโ์ ดยเฉพาะ”
5. ครูถามคาถามกระตุ้นความคิดของนักเรยี นวา่ “การเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ให้ตรงกับความต้องการ ใช้งานมีข้อดอี ย่างไร” (แนวตอบ : ทาใหก้ ารทางานง่ายข้นึ ผลงานมีประสิทธภิ าพ และได้งานที่ตรงกับความต้องการ ของผู้ใช)้ ข้นั สอน ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หำ (Exploration) 6. นักเรยี นค้นหาและเรียนร้ขู ั้นตอนการเร่มิ ตน้ ใช้งานและการออกจากโปรแกรมกราฟิก เช่น โปรแกรม Paint จากหนงั สอื เรียน ขั้นที่ 3 อธิบำยควำมรู้ (Explanation) 7. ให้นักเรียนทค่ี ้นหาวิธีการเรม่ิ ต้นใช้งานและการออกจากโปรแกรมกราฟิกได้เปน็ คนแรกออกมา แสดงขัน้ ตอนหน้าช้นั เรียน และอภปิ รายร่วมกบั เพื่อนในช้ันเรยี นถึงวิธกี ารคน้ หาโปรแกรม วิธีการเปิดโปรแกรม และวธิ กี ารออกจากโปรแกรม 8. ครถู ามคาถามทา้ ทายการคิดข้ันสงู ว่า“ถ้านกั เรียนต้องการใช้งานโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง แลว้ นักเรยี นหาโปรแกรมบนหนา้ จอเดสกท์ ็อปไม่พบ นกั เรียนจะสามารถหาโปรแกรม ดว้ ยวิธีการใดไดอ้ ีก” (แนวตอบ : คน้ หาโปรแกรมจากปุม่ วนิ โดวส์ โดยการคลิกเลือกWindows Accessories และ เลือกโปรแกรมPaint หรือค้นหาโปรแกรมจากคาสง่ั Search Windows โดยพมิ พ์ชอื่ โปรแกรม Paint ลงในช่องวา่ ง จากนั้นก็จะปรากฎโปรแกรมPaint) 9. ครูอธบิ ายกบั นักเรยี นถงึ วธิ ีการออกจากโปรแกรมกราฟกิ หรือโปรแกรมPaintว่า“การเลิกใชง้ าน โปรแกรมกราฟกิ หรือโปรแกรมPaint สามารถทาได้ 2 วธิ ี คอื วิธีท่ี 1 คลิกท่เี คร่ืองหมายกากบาท ที่มุมบนขวามือ หรือ วธิ ีที่ 2 คลกิ ท่เี มนู File และเลือก Exit กจ็ ะทาให้สามารถออกจากโปรแกรม ไดอ้ ย่างสมบรู ณ์” 10. ครูอธิบายเพิ่มเติมกบั นกั เรียนวา่ “การปิดโปรแกรมกราฟกิ ขณะใช้งานโดยไม่ทาการบันทึกจะทาให้ ผลงานเกดิ ความสูญหาย ไม่สามารถเปดิ ใชง้ านไดใ้ นคร้ังถัดไป และเพ่อื ใหส้ ามารถใช้งานต่อได้ ในคร้ังถัดไป ผู้ใช้ควรทาการบันทกึ งานกอ่ นปิดโปรแกรมทุกครงั้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ครัง้ ถดั ไป” 11. นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะจากหนังสือเรยี น และบันทกึ ลงในสมุดประจาตวั เปน็ การบ้าน และนามาสง่ ในช่ัวโมงถัดไป
ชั่วโมงท่ี 2 ขัน้ สอน ขั้นที่ 3 อธิบำยควำมรู้ (Explanation) 12. นกั เรยี นเริ่มตน้ ใชง้ านโปรแกรมกราฟิก ไดแ้ ก่ โปรแกรมPaint โดยครูอธบิ ายเกีย่ วกับ การสรา้ งไฟล์ให้นักเรยี นฟังว่า“การสรา้ งไฟล์ถือว่าเปน็ การเร่ิมต้นของการทางาน โดยการสรา้ งไฟลห์ รือสรา้ งเอกสารใหม่ในโปรแกรมกราฟกิ สามารถทาได้ 2 วิธี โดยวธิ ที ี่ 1 คือ คลิกทีเ่ มนู File เลอื ก New หรอื วธิ ีที่ 2 คือ การใช้คาสงั่ ลดั บนแป้นคีย์บอร์ดโดยการกดปมุ่ Ctrl ค้างไวแ้ ล้วตามด้วยปุม่ N ก็จะทาให้การสรา้ งเอกสารใหม่สมบรู ณ์” 13. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นไดศ้ ึกษาสว่ นประกอบของโปรแกรมกราฟิก และเคร่ืองมือหลักทใ่ี ช้สาหรบั การวาดภาพ เชน่ กล่มุ เคร่ืองมือวาดรูป กลุ่มรูปรา่ ง กลุม่ ปรับขนาด และกล่มุ สี เปน็ ตน้ 14. จากน้ันใหน้ กั เรียนศึกษาขั้นตอนการใชโ้ ปรแกรมกราฟิกจากตวั อย่างสถานการณใ์ นหนังสือเรียน ทีป่ ูตอ้ งการวาดภาพแมลงปอโดยใช้โปรแกรมกราฟิก 15. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกย่ี วกับการใชง้ านโปรแกรมกราฟกิ วา่ “นอกจากการวาดรูปโดยใช้โปรแกรม กราฟกิ แล้ว ผู้ใช้ยงั สามารถนารูปทีว่ าดน้นั มาสรา้ งเปน็ แอนเิ มชันได้อีกด้วย โดยแอนิเมชัน หมายถึง การฉายภาพทน่ี ามาเรียงต่อกนั หลาย ๆ ภาพด้วยความเรว็ สูง จนสายตาสามารถ มองเห็นว่ารูปภาพนี้กาลงั เคลอื่ นไหวอยู่ เช่น แอนิเมชันของลูกบอลกาลังตกลงส่พู ืน้ และเดง้ กลบั เกดิ จากการนารปู กราฟิกของลูกบอลในตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ที่ต่อเนอ่ื งกนั หลาย ๆ รปู มาฉาย ต่อเนือ่ งกันจานวน 16 รปู ในเวลา 1 วินาที จนตาเรามองเห็นวา่ ลกู บอลกาลงั เคลอ่ื นไหวอยู่ ซึ่งจะบอกไดว้ า่ แอนิเมชนั นเ้ี คล่อื นท่ีด้วยความเรว็ 16 เฟรมต่อวินาที” 16. ครอู ธิบายเกร็ดน่ารู้ในการการใช้งานโปรแกรมกราฟกิ ว่า“การวาดภาพดว้ ยโปรแกรมกราฟิก นอกจากจะเปน็ การฝกึ ควบคุมการใช้เมาส์แล้ว ยงั ช่วยเสริมสร้างจินตนาการและความคิด สรา้ งสรรคข์ องผู้ใช้งานอีกด้วย” ขนั้ ที่ 4 ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaboration) 17. นกั เรยี นไดท้ ดลองวาดภาพแมลงปอจากตวั อย่างขัน้ ตอนในหนงั สอื เรยี น โดยเลอื กใช้เครื่องมอื ในกลมุ่ รูปรา่ ง วธิ ีการเลอื กสี และลงสใี ห้กบั รปู วาดในโปรแกรมกราฟกิ ได้อยา่ งถูกต้อง 18. ครูอธิบายกับนักเรียนวา่ “นกั เรยี นควรบันทกึ งานในระหวา่ งการทางานและหลงั จากทางานเสร็จ ทุกครัง้ เพอ่ื ป้องกนั ไฟล์งานสญู หาย ซ่ึงวธิ กี ารจัดเกบ็ ไฟล์สามารถทาได้ 2 วธิ ี ดงั นี้ วธิ ีท่ี 1 คือ การ Save As ซ่ึงสามารถทาได้สาหรับงานท่ีมกี ารบนั ทึกเปน็ คร้งั แรก หรืออีก 1 วิธี คือ การจดั เกบ็ ไฟลร์ ะหว่างการทางาน โดยเลอื กใช้คาส่ัง Save หลังจากบนั ทึกงานสมบรู ณ์แลว้ ช่ืองานจะปรากฎท่ีแถบแสดงชือ่ เรอ่ื ง”
19. นักเรยี นแต่ละคนลงมือทาใบงำนท่ี 3.1.1 เร่ือง วำดภำพตัวฉัน โดยใหน้ ักเรยี นวาดภาพ ตนเองเสมือนการ์ตนู เพื่อเป็นตน้ แบบ จากนนั้ ใหใ้ ชโ้ ปรแกรมกราฟกิ ในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ของตนเองสรา้ งรูปตามที่ไดส้ รา้ งตน้ แบบ 20. นักเรยี นทากจิ กรรมฝกึ ทักษะเปน็ การบ้านลงในสมุดประจาตัวและนามาสง่ ในชว่ั โมงถดั ไป Note วัตถุประสงค์ของกจิ กรรมเพ่อื ให้นักเรียน - มที กั ษะการส่ือสาร โดยการถาม-ตอบ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และถ่ายทอด ความคดิ เห็นตามประสบการณข์ องตนเอง - มที ักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ในการสรา้ งผลงานโดยใช้โปรแกรมกราฟิก - มีทักษะการสังเกตขนั้ ตอนต่าง ๆ ในการใช้งานโปรแกรมกราฟกิ ไมว่ า่ จะเป็น การเรม่ิ ตน้ ใช้งานโปรแกรม การออกจากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การสร้างภาพด้วยโปรแกรม กราฟิก การจัดเก็บไฟล์ และการเรยี กใชไ้ ฟล์โปรแกรมกราฟิก ข้นั สรุป ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 21. ครูสุ่มนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาแสดงผลงานหน้าช้นั เรียน พร้อมพูดคุยแลกเปล่ยี นความคิดเห็น กับเพื่อนรว่ มชัน้ และใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ตอบคาถามว่า“รูปกราฟิกที่วาดจากโปรแกรม คอมพิวเตอร์นามาใช้ประโยชน์อย่างไรในชวี ติ ประจาวัน” (แนวตอบ : ผลติ เปน็ การ์ตนู นทิ าน นามาประกอบการโฆษณาสนิ ค้า และป้ายสัญลกั ษณ์ต่างๆ) 22. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคาถาม การทาใบงาน กิจกรรมฝึกทกั ษะ และ จากการนาเสนองานหน้าชั้นเรยี น 23. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปขัน้ ตอนการใชง้ านโปรแกรมกราฟิก ต้งั แตเ่ ปดิ -ปิดโปรแกรม การสร้างไฟล์ การจดั เก็บ การเรยี กใชไ้ ฟล์ ขน้ั ตอนการวาดภาพกราฟกิ รวมถึงประโยชน์ ของภาพกราฟกิ ในชวี ติ ประจาวัน
7. กำรวัดและประเมนิ ผล วธิ ีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมิน รำยกำรวัด 7.1 การประเมินระหว่างการ จดั กิจกรรม - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 - ใบงานที่ 3.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) วาดภาพตวั ฉนั 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 รายบคุ คล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 กลุ่ม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ความรับผดิ ชอบ อันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการทางาน 8. ส่ือ/แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 ส่อื กำรเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง การจดั การไฟล์อยา่ งมีระบบ 2) ใบงานท่ี 3.1.1 วาดภาพตวั ฉัน 3) เครื่องคอมพิวเตอร์ 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ - หอ้ งคอมพวิ เตอร์
แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 2 กำรแก้ไขตกแต่งเอกสำรด้วยโปรแกรมประมวลคำ เวลำ 2 ช่วั โมง 1. มำตรฐำน/ตัวช้วี ดั 1.1 ตวั ชีว้ ัด ว 4.2 ป.2/3 ใช้เทคโนโลยใี นการสรา้ ง จดั หมวดหมู่ ค้นหา จดั เกบ็ เรียกใชข้ อ้ มูลตามวัตถปุ ระสงค์ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายส่วนประกอบของโปรแกรมประมวลคาได้ (K) 2. แสดงขั้นตอนการแทรกภาพประกอบในโปรแกรมประมวลคาได้ (P) 3. แสดงขั้นตอนการตกแต่งขอบกระดาษดว้ ยโปรแกรมประมวลคาได้ (P) 4. เห็นความสาคัญของการใชง้ านโปรแกรมประมวลคา (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนร้ทู ้องถิ่น สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง การใชง้ านซอฟต์แวรเ์ บอ้ื งต้น เช่น การเข้าและออก พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา จากโปรแกรม การสรา้ งไฟล์ การจดั เกบ็ การเรยี กใช้ ไฟล์ การแก้ไขตกแต่งเอกสาร ทาได้ในโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลคา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรม นาเสนอ 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การแก้ไขตกแตง่ เอกสารกระทาเพื่อให้เอกสารมีความสวยงามและดนู ่าสนใจมากยง่ิ ข้นึ ซง่ึ การแก้ไข ตกแต่งเอกสารด้วยโปรแกรมประมวลคา สามารถทาการแก้ไขตกแต่งเอกสารใหส้ วยงามได้โดย การแทรก รูปภาพ การแทรกภาพตัดปะ การแทรกรูปรา่ ง และการตกแตง่ ขอบกระดาษ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินยั รับผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ - ทักษะการถ่ายทอดความคดิ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ - ทักษะการทางานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั นา ข้นั ที่ 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) 1. ครนู าหนังสอื นิทานทนี่ กั เรียนคนุ้ เคย ภายในมีรูปภาพและคาบรรยายที่ดึงดดู ความสนใจ ให้นกั เรียนดู จากนัน้ ครูถามคาถามเพื่อกระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนว่า“นกั เรียนร้หู รอื ไม่ วา่ นีค่ ือหนงั สอื นิทานเรอ่ื งอะไร” (แนวตอบ : คาตอบของนักเรียนขน้ึ อย่กู ับหนังสือนทิ านที่ครูนามาใหน้ กั เรียนดู) 2. ครกู ล่าวกระต้นุ ความสนใจของนักเรียนและเชื่อมโยงเขา้ สู่บทเรยี นว่า“หนงั สอื นทิ านท่คี รูนามา ให้นกั เรียนดนู ั้นสร้างมาจากโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ประเภทหนงึ่ ที่เรยี กวา่ โปรแกรมประมวลคา ซึ่งโปรแกรมประมวลคาท่นี ิยมใช้ ไดแ้ ก่ โปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วริ ์ด และในวนั นี้ครจู ะให้ นกั เรยี นทาหนงั สือนทิ านโดยใชโ้ ปรแกรมประมวลคากัน”
ขัน้ สอน ขัน้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หำ (Exploration) 3. นักเรียนแต่ละคนสบื คน้ สัญลักษณ์ทใ่ี ช้แทนโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ดจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ของตนเอง จากนน้ั ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมาวาดภาพสญั ลกั ษณท์ ่ีใช้แทนโปรแกรม ไมโครซอฟต์เวริ ด์ หนา้ ชนั้ เรยี น โดยครูให้ข้อเสนอแนะและเฉลยสญั ลักษณ์ท่ีถูกต้องแก่นักเรยี น 4. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน แล้วให้แต่ละกล่มุ รว่ มกันศึกษาเน้ือหาเกย่ี วกบั สว่ นประกอบ ของโปรแกรมประมวลคาจากหนังสือเรยี นรำยวชิ ำพืน้ ฐำน เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) ป.2 หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี 3 กำรจัดกำรไฟล์อย่ำงมรี ะบบ 5. นักเรยี นทากจิ กรรมร่วมกนั โดยมีกตกิ าดังนี้ ครูจะบอกชอ่ื ส่วนประกอบหรือความหมายของ ส่วนประกอบในโปรแกรมประมวลคาทลี ะข้อ โดยให้นักเรียนแต่ละกล่มุ คน้ หาส่วนประกอบ สว่ นนน้ั จากนนั้ ให้กลุ่มที่ค้นหาไดก้ ่อนให้ออกมาชีต้ าแหน่งส่วนประกอบน้ัน ให้เพ่ือนรว่ มชนั้ ดูหน้าชั้นเรยี น ขัน้ ที่ 3 อธิบำยควำมรู้ (Explanation) 6. ครูอธบิ ายกบั นักเรยี นว่า“หนังสือถา้ มีแตต่ ัวอักษรคงไมส่ รา้ งความน่าสนใจ ดงั นัน้ ควรแทรก ภาพประกอบในโปรแกรมประมวลคาโดยมกี ารแทรกภาพทัง้ 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบที่ 1 การแทรกรูปภาพ คือ การแทรกภาพจากการนารูปภาพจากแหลง่ ต่าง ๆ ที่บันทึกไวใ้ นเครอื่ ง คอมพิวเตอร์มาใชต้ กแตง่ เอกสาร แบบท่ี 2 การแทรกภาพตดั ปะ คือ การนาภาพท่ีมีอย่ใู น โปรแกรมมาใชง้ าน และ แบบที่ 3 การแทรกรปู ร่าง คอื การแทรกภาพทเี่ ปน็ รูปร่างหรือรูปทรง ในลกั ษณะตา่ ง ๆ มาใช้งานในเอกสาร” 7. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นไดศ้ ึกษาการแทรกภาพในแบบต่าง ๆ โดยให้นักเรียนไดท้ ดลอง แทรกภาพจากเครื่องคอมพวิ เตอร์ของตนเองตามความเหมาะสม 8. ครูอธิบายเกร็ดน่ารใู้ นการแทรกภาพว่า“การแทรกภาพประกอบ ควรเลือกรูปภาพให้ สอดคล้องกบั เนื้อหาเพอ่ื ทจ่ี ะทาใหผ้ ู้อา่ นเกดิ ความเข้าใจในเนอื้ หามากย่งิ ขน้ึ ” 9. ให้นกั เรยี นศึกษาลาดบั ขน้ั ตอนการตกแตง่ ขอบกระดาษดว้ ยโปรแกรมประมวลคา จากหนังสือเรยี น 10. ใหน้ ักเรียนทากจิ กรรมฝึกทักษะโดยการสร้างเอกสารประวตั ิส่วนตัวพร้อมแทรกภาพประกอบ และตกแต่งขอบกระดาษให้สวยงามเปน็ การบ้านและนามาส่งในชว่ั โมงถัดไป
ช่ัวโมงท่ี 2 ขนั้ สอน ข้นั ที่ 3 อธิบำยควำมรู้ (Explanation) 11. ครทู บทวนเน้ือหาการเรียนเมอ่ื ช่วั โมงทีแ่ ลว้ และใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ตอบคาถามโดยมีคาถามวา่ “การแทรกภาพประกอบในโปรแกรมประมวลคาว่ามีก่รี ูปแบบ” (แนวตอบ : มี 3 รปู แบบ ได้แก่ การแทรกรปู ภาพ การแทรกภาพตัดปะ และการแทรกรูปรา่ ง) 12. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับการแก้ไขตกแต่งเอกสารดว้ ยโปรแกรมประมวลคาว่า“โปรแกรม ประมวลคานอกจากจะนามาสรา้ งการต์ ูนหรือนิทานได้แล้ว ยังสามารถใช้เขียนจดหมาย ทารายงาน สร้างตาราง แผน่ ป้าย และสามารถประดิษฐ์อักษรสวยงามได้อีกดว้ ย” ข้ันที่ 4 ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaboration) 13. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มลงมือทาใบงำนท่ี 3.2.1 เรื่อง กำรสร้ำงนทิ ำน โดยใช้โปรแกรม ประมวลคา และครคู อยใหค้ าแนะนาอยา่ งใกลช้ ิด เพื่อใหผ้ ลงานออกมาอย่างมปี ระสิทธิภาพ Note วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพื่อใหน้ กั เรยี น - มีทักษะการทางานร่วมกัน โดยใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทางานเพ่ือการสือ่ สาร และแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ขณะทางานกลมุ่ เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ท่มี ีประสทิ ธิภาพในการทางาน - มีทกั ษะการถ่ายทอดความคิด และมที ักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ในการสรา้ ง นิทาน โดยการแทรกรปู ภาพหรอื ตกแต่งขอบกระดาษจากโปรแกรมประมวลคา - มที กั ษะการสังเกตเกี่ยวกบั ส่วนประกอบของโปรแกรมประมวลคา ข้นั ตอน การแทรกภาพในรูปแบบต่าง ๆ การตกแต่งขอบกระดาษให้สวยงามจากโปรแกรมประมวลคา ขน้ั สรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 14. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาแสดงผลงานหนา้ ช้นั เรยี น พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กบั เพื่อนร่วมช้นั
15. ครูสุม่ นกั เรยี น 2-3 คน ร่วมกนั ตอบคาถามว่า“โปรแกรมประมวลคานอกจากสร้างนิทานหรือ หนงั สือการ์ตูนแลว้ ยงั สามารถทาอะไรได้อกี ทจ่ี ะเปน็ ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน” (แนวตอบ : สร้างหนังสอื เรยี น นติ ยสาร แผ่นพบั และเอกสารอ่นื ๆ) 16. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคาถาม การทาใบงาน กิจกรรมฝึกทักษะ และ จากการนาเสนองานหนา้ ช้ันเรยี น 17. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั สว่ นประกอบและข้ันตอนต่าง ๆ ในการใชง้ านโปรแกรม ประมวลคา ไม่วา่ จะเป็น การแทรกภาพประกอบท้งั 3 รปู แบบหรือการตกแต่งขอบกระดาษ ดว้ ยโปรแกรมประมวลคา 7. กำรวัดและประเมนิ ผล วิธีวัด เคร่ืองมือ เกณฑ์กำรประเมิน รำยกำรวัด 7.1 การประเมนิ ระหว่างการ จดั กจิ กรรม - ตรวจใบงานท่ี 3.2.1 - ใบงานท่ี 3.2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) การสรา้ งนทิ าน - แบบประเมนิ การ ระดับคุณภาพ 2 นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ ผลงาน 3) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 รายบคุ คล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 กลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 อนั พึงประสงค์ ความรับผิดชอบ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ อันพงึ ประสงค์ ในการทางาน
8. สือ่ /แหล่งกำรเรียนรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง การจัดการไฟล์อย่างมีระบบ 2) ใบงานท่ี 3.2.1 เรื่อง การสรา้ งนิทาน 3) เคร่อื งคอมพิวเตอร์ 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ - หอ้ งคอมพิวเตอร์
ใบงำนท่ี 3.2.1 เร่ือง กำรสรำ้ งนทิ ำน คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนสรำ้ งหนงั สือนทิ ำนโดยใชโ้ ปรแกรมประมวลคำทม่ี ีกำรแทรกภำพประกอบ และ ตกแต่งขอบกระดำษให้สวยงำม จำกนัน้ จัดพมิ พ์ผลงำนออกมำผ่ำนทำงเครือ่ งพิมพ์ และนำส่งครตู ่อไป
ใบงำนท่ี 3.1.1 เรื่อง วำดภำพตวั ฉัน คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นวำดรูปกำรต์ นู เสมือนตวั เอง ลงไปในช่องท่ีกำหนด จำกน้ันใหน้ ักเรยี นวำดรปู กำร์ตนู เสมือนตวั เอง โดยใช้โปรแกรมกรำฟิก
9. ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมำย ) ....... ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหนง่ 10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคานวณ) ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข
แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 3 กำรนำเสนอขอ้ มลู ดว้ ยโปรแกรมนำเสนอ เวลำ 1 ชวั่ โมง 1. มำตรฐำน/ตัวชว้ี ดั 1.1 ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ป. 2/3 ใช้เทคโนโลยีในการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ ค้นหา จดั เกบ็ เรยี กใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธิบายส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรมนาเสนอได้ (K) 2. ออกแบบและสรา้ งงานนาเสนอขอ้ มลู ดว้ ยโปรแกรมนาเสนอได้ถูกต้อง (P) 3. เล็งเห็นความสาคัญของการนาเสนอข้อมลู ด้วยโปรแกรมนาเสนอ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง การใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น เชน่ การเข้าและออก พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา จากโปรแกรม การสร้างไฟล์ การจัดเก็บ การเรยี กใช้ ไฟล์ การแก้ไขตกแต่งเอกสาร ทาไดใ้ นโปรแกรม เชน่ โปรแกรมประมวลคา โปรแกรมกราฟิก โปรแกรม นาเสนอ 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด การนาเสนอข้อมลู ดว้ ยโปรแกรมนาเสนอชว่ ยให้การถ่ายทอดข้อมลู มคี วามนา่ สนใจ ทาให้ถ่ายทอด ข้อมลู ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย ดว้ ยการนาเสนอผา่ นข้อความ รูปภาพ เสียง และวดี โี อ เป็นต้น
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ - ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ทกั ษะการถา่ ยทอดความคิด 3. มุ่งม่ันในการทางาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ - ทักษะการทางานร่วมกนั 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั นา ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ควำมสนใจ (Engagement) 1. ครใู ชโ้ ปรแกรมไมโครซอฟตเ์ พาเวอรพ์ อยตน์ าเสนอผลงำนเก่ียวกับเรอื่ งทีน่ กั เรียนสนใจ โดยภายในมีรปู ภาพประกอบพร้อมคาบรรยายที่ดึงดดู ความสนใจใหน้ กั เรยี นดูเป็นตัวอย่าง จากนัน้ ถามคาถามเพอื่ กระตุ้นความสนใจของนักเรยี นว่า“ผลงานการนาเสนอท่ีครนู ามา ใหน้ ักเรยี นดู ประกอบดว้ ยส่วนประกอบใดบ้าง” (แนวตอบ : คาตอบของนักเรียนขนึ้ อยกู่ ับผลงานการนาเสนอท่คี ร่ ูนามาใหน้ ักเรียนดู เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดโี อ เป็นตน้ ) 2. ครกู ล่าวกระตุน้ ความสนใจของนกั เรยี น พร้อมเชอ่ื มโยงเข้าสบู่ ทเรียนวา่ “จากผลงานการนาเสนอ ทคี่ รนู ามาให้นกั เรียนดู ถูกสร้างขน้ึ จากโปรแกรมนาเสนอในการถา่ ยทอดขอ้ มูล โดยอาจจะนาเสนอ
ผา่ นข้อความ รปู ภาพ เสยี ง และวิดโี อ ซง่ึ โปรแกรมนาเสนอท่นี ยิ มใช้ ไดแ้ ก่ โปรแกรมไมโครซอฟต์ เพาเวอร์พอยต์” ข้นั สอน ข้นั ที่ 2 สำรวจคน้ หำ (Exploration) 3. นกั เรียนแตล่ ะคนสืบค้นสญั ลักษณ์ทีใ่ ชแ้ ทนโปรแกรมไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง จากนน้ั ครสู ุ่มนกั เรียน 2-3 คนออกมาวาดภาพสญั ลกั ษณ์ ท่ใี ชแ้ ทนโปรแกรมไมโครซอฟตเ์ พาเวอร์พอยตห์ นา้ ช้นั เรียน โดยครูใหข้ อ้ เสนอแนะ และ เฉลยสญั ลักษณ์ที่ถกู ตอ้ งแก่นักเรยี น 4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน โดยให้แต่ละกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาเกีย่ วกบั สว่ นประกอบของ โปรแกรมนาเสนอจากหนังสือเรียนรำยวชิ ำพืน้ ฐำน เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) ป.2 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 3 กำรจัดกำรไฟล์อย่ำงมรี ะบบ 5. นักเรยี นทากิจกรรมร่วมกัน โดยมีกติกาดังน้ี ครจู ะบอกช่อื ส่วนประกอบหรือความหมายของ ส่วนประกอบในโปรแกรมนาเสนอทลี ะขอ้ โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ คน้ หาสว่ นประกอบน้นั จากนน้ั ให้กลุ่มท่ีค้นหาได้ก่อนใหอ้ อกมาชตี้ าแหนง่ สว่ นประกอบนนั้ ให้เพอ่ื นร่วมชนั้ ดหู นา้ ชั้นเรียน ขั้นท่ี 3 อธิบำยควำมรู้ (Explanation) 6. นักเรยี นศกึ ษาเน้ือหาการนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยโปรแกรมนาเสนอจากหนงั สือเรยี น 7. ครูสอนวธิ ีการเลือกรูปแบบการนาเสนอในกลุ่มเครอ่ื งมือ Start Slide Show ของโปรแกรม นาเสนอข้อมลู 8. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเกยี่ วกับการนาเสนอข้อมลู ดว้ ยโปรแกรมนาเสนอวา่ “หลกั การสรา้ ง งานนาเสนอให้นา่ สนใจมดี ังนี้ 1. ตวั อักษรควรมีขนาดใหญ่ มองเหน็ ชดั เจน 2. ตัวอกั ษรสีเขม้ พน้ื หลังควรมสี สี ว่างหรือถา้ ตวั อักษรสีสวา่ ง พน้ื หลงั ควรมีสีเข้ม 3. เน้ือหานาเสนอเขา้ ใจงา่ ย 4. รปู ภาพหรอื วดี ีโอจะช่วยให้การนาเสนอดูน่าสนใจย่งิ ขน้ึ และก่อนนาเสนอควรทบทวน เนอื้ หาและทดลองนาเสนอหลาย ๆ รอบเพ่ือลดความผดิ พลาดทีจ่ ะเกดิ ข้ึนในระหว่าง การนาเสนอ” ข้ันท่ี 4 ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaboration) 9. นกั เรียนแต่ละกลุม่ ทากิจกรรมฝึกทักษะออกแบบงานนาเสนอในหวั ขอ้ สถานที่ท่องเทีย่ ว ในประเทศไทย จานวน 2-3 สไลด์ พร้อมท้งั ตกแต่งใหส้ วยงามโดยสามารถสบื คน้ ข้อมลู
10. ครูแนะนาแต่ละกลมุ่ ถงึ วิธีการสรา้ งงานนาเสนอให้น่าสนใจ โดยการนาความรู้จากการเรียน ชั่วโมงท่ผี ่านมา เรื่อง การแทรกภาพประกอบมาปรบั ใชใ้ นงานนาเสนอมีความน่าสนใจย่ิงขึ้น Note วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพือ่ ให้นกั เรยี น - มที ักษะการทางานร่วมกัน โดยใชก้ ระบวนการกลมุ่ ในการทางานเพ่ือการส่ือสาร และแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ขณะทางานกลุ่มเพือ่ ให้ได้ผลลัพธ์ที่มปี ระสิทธิภาพในการทางาน - มีทกั ษะการถ่ายทอดความคิด และมที ักษะการคิดอย่างสร้างสรรคใ์ นการสรา้ งงาน นาเสนอดว้ ยโปรแกรมนาเสนอ - มีทักษะการสงั เกตเก่ียวกับส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของโปรแกรมนาเสนอ และรปู แบบ การนาเสนอในกล่มุ เคร่ืองมอื Start Slide Show ขั้นสรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 11. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมาแสดงผลงานหน้าชนั้ เรียน พรอ้ มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับเพื่อนร่วมชน้ั 12. ครสู ุ่มนกั เรียน 2- 3 คนร่วมกันตอบคาถามวา่ “โปรแกรมนาเสนอมีประโยชนอ์ ย่างไรบ้าง ในชวี ติ ประจาวัน” (แนวตอบ : การนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยโปรแกรมนาเสนอชว่ ยให้การถ่ายทอดข้อมูลให้ผู้อืน่ เข้าใจ ง่ายขนึ้ เพราะมีการนาเสนอผ่านข้อความ รูปภาพ เสียง รวมถึงวดี โี อได้อีกด้วย) 13. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคาถาม กิจกรรมฝึกทกั ษะ และจากการนาเสนองาน หน้าช้นั เรยี น 14. นักเรยี นและครูสรุปขัน้ ตอนการนาเสนอข้อมลู ด้วยโปรแกรมนาเสนอรวมถงึ ประโยชน์ ของการนาเสนอขอ้ มลู ด้วยโปรแกรมนาเสนอในชวี ิตประจาวนั 7. กำรวัดและประเมินผล วธิ วี ัด เครื่องมอื เกณฑ์กำรประเมิน รำยกำรวัด 7.1 การประเมินระหวา่ งการ จัดกจิ กรรม - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมินการ ระดบั คุณภาพ 2 นาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 1) การนาเสนอผลงาน ผลงาน
2) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 รายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 กลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 4) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ ความรบั ผิดชอบ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 สื่อกำรเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง การจดั การไฟลอ์ ยา่ งมรี ะบบ 2) ผลงานเกีย่ วกับเรื่องทีน่ กั เรียนสนใจ 3) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ 1) อินเทอรเ์ น็ต 2) หอ้ งคอมพิวเตอร์
9. ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมำย ) ....... ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหนง่ 10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคานวณ) ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 4 กำรจดั กำรกับไฟล์ เวลำ 1 ชว่ั โมง 1. มำตรฐำน/ตวั ชวี้ ัด 1.1 ตวั ชี้วดั ว 4.2 ป.2/3 ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ ค้นหา จดั เก็บ เรียกใช้ข้อมลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายความแตกตา่ งระหว่างการคดั ลอกไฟล์และการย้ายไฟลไ์ ด้ถกู ตอ้ ง (K) 2. แสดงข้นั ตอนการสรา้ งโฟลเดอรแ์ ละจัดหมวดหมไู่ ฟล์ได้ (P) 3. แสดงข้ันตอนการคัดลอกไฟล์และโฟลเดอรไ์ ด้ (P) 4. แสดงขั้นตอนการยา้ ยไฟล์และโฟลเดอร์ได้ (P) 5. เห็นความสาคัญและประโยชน์ของการจัดการกับไฟลอ์ ยา่ งเปน็ ระบบ (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง การสร้าง คัดลอก ยา้ ย ลบ เปลยี่ นชอ่ื จัดหมวดหมู่ ไฟล์ และโฟลเดอร์อยา่ งเป็นระบบจะทาใหเ้ รยี กใช้ คน้ หาข้อมลู ได้ง่ายและรวดเร็ว 4. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด การจดั การกับไฟล์ เป็นการจัดระเบยี บไฟล์งานบนเครือ่ งคอมพิวเตอร์ เพ่ือสรา้ งความสะดวกรวดเร็ว ในการค้นหาขอ้ มูล ต้งั แตก่ ารสร้างไฟล์ คัดลอกไฟล์ ย้ายไฟล์ ลบไฟล์ เปลยี่ นชอ่ื ไฟล์ และจัดหมวดหมู่ไฟล์ โดยกระทาเพือ่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการทางาน
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผดิ ชอบ - ทกั ษะการแลกเปล่ยี นข้อมูล 2. ใฝ่เรยี นรู้ - ทกั ษะการสื่อสาร 3. มุ่งมน่ั ในการทางาน 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะการทางานร่วมกัน 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน (problem - based learning) ชวั่ โมงที่ 1 ข้นั นา 1. ครถู ามกระตุ้นความสนใจของนักเรยี นว่า“นกั เรยี นเคยค้นหาสิง่ ของไม่เจอบ้างหรือไม่ แลว้ นกั เรียนมวี ิธกี ารอยา่ งไรใหห้ าสิ่งของตา่ ง ๆ ไดง้ ่ายขนึ้ ” (แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคาตอบขนึ้ อยู่กับดลุ ยพนิ จิ ของครูผูส้ อน) 2. ครถู ามนักเรียนต่อวา่ “ปญั หาการบันทึกงานแล้วหาไม่เจอเคยเกดิ ขึ้นกบั นักเรียนหรือไม่ และ นักเรียนแก้ปัญหานน้ั ได้อย่างไร” (แนวตอบ : จัดการกับไฟล์ให้เป็นระเบยี บตง้ั แต่การสรา้ งไฟล์ และการจดั หมวดหมู่ไฟล์ เพอื่ ความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย และเพ่ือความสะดวกในการคน้ หาข้อมลู )
3. ครูถามคาถามประจาหวั ข้อเพื่อเชือ่ มโยงเขา้ ส่บู ทเรยี นว่า“การจดั การไฟลอ์ ย่างเป็นระบบมขี ้อดี อย่างไร” (แนวตอบ : มีความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย มีความสะดวกในการคน้ หาข้อมลู และลดการสญู หาย ของไฟลข์ ้อมลู ) ข้นั สอน ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปญั หำ 4. ครูนาอปุ กรณก์ ำรเรียนหลำกหลำยชนิดมากองรวมกนั เช่น ดนิ สอ ยางลบ ปากกา ไมบ้ รรทดั ดนิ สอสี เป็นต้น และถามนักเรียนว่า“นักเรยี นจะมีวิธกี ารอยา่ งไรเพื่อใหห้ าสิ่งของต่าง ๆ ในกองน้ีง่ายและรวดเร็วขึ้น” (แนวตอบ : จดั หมวดหมสู่ ง่ิ ของ เพื่อทาใหก้ ารหาสิง่ ของทีต่ ้องการไดง้ า่ ยและรวดเรว็ ข้นึ ) ข้ันท่ี 2 ทำควำมเขำ้ ใจปญั หำ 5. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน เพอ่ื ทากิจกรรมรว่ มกันโดยมีกติกา ดังน้ี 1. ครูนาแผ่นป้ายข้อความโดยภายในมกี ารแสดงชือ่ สัตวต์ า่ ง ๆ หลากหลายประเภท วางไว้หนา้ ช้นั เรียน 2. ครูมอบตะกรา้ ให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ โดยกาหนดตามชนิดของสตั ว์ เช่น กล่มุ สตั ว์บก กลมุ่ สัตวน์ ้า กลมุ่ สัตวค์ รึ่งบกครง่ึ น้า เป็นตน้ 3. เม่อื ครสู ่งสัญญาณใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ สลบั กนั ออกมาหยิบแผน่ ป้ายขอ้ ความ หนา้ ชนั้ เรยี น 4. นกั เรยี นนาไปใสล่ งในตะกร้าของกลุม่ ตนเองใหถ้ ูกต้อง ตามระยะเวลาท่ีครูกาหนด 6. ครูตรวจสอบความถูกต้องในตะกรา้ ของแตล่ ะกล่มุ ว่ามชี ่ือสัตวถ์ กู ตอ้ งตามประเภทหรอื ไม่ และ สรุปถงึ ขอ้ ดขี องการจดั หมวดหมู่วา่ “การเก็บของไม่เป็นระเบยี บทาใหเ้ กิดความเสียหาย อกี ทั้ง ยงั ทาให้คน้ หาสง่ิ ของทต่ี ้องการได้ยากข้ึน ดงั น้นั ควรจัดเกบ็ ส่ิงของให้เปน็ หมวดหม่จู ะชว่ ยให้ สามารถหาสงิ่ ของท่ีตอ้ งการไดง้ า่ ยและรวดเร็วขึ้น” ขน้ั ที่ 3 ดำเนินกำรศึกษำคน้ คว้ำ 7. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาเนื้อหาการสรา้ งโฟลเดอร์และจดั หมวดหมู่ไฟล์จากหนงั สือเรียน รำยวิชำพ้นื ฐำน เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ) ป.2 หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ 3 กำรจัดกำรไฟล์ อยำ่ งมีระบบ 8. นกั เรยี นปฏบิ ัตกิ ารสรา้ งโฟลเดอร์ที่เครอ่ื งคอมพิวเตอร์โดยต้ังโฟลเดอร์เป็นช่ือและนามสกุล ของตนเอง
9. ครใู หค้ วามร้เู พม่ิ เติมกับนักเรียนว่า“การตัง้ ชือ่ โฟลเดอรน์ ้นั ความยาวของช่ือจะต้องไมเ่ กิน 256 ตัวอักษรโดยจะกาหนดเปน็ ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษได้ โดยต้องไม่มเี ครื่องหมายพิเศษ ไดแ้ ก่ \\ ? : * “ ” < > |” 10. ครูถามคาถามท้าทายการคดิ ขั้นสูงวา่ “ถ้าหากช่อื ของโฟลเดอรท์ ่ีนกั เรียนสร้างขึน้ ไม่ตรงกบั ไฟลข์ ้อมลู ดา้ นใน นักเรียนคิดวา่ จะสง่ ผลอยา่ งไรในการใช้งานโฟลเดอร์คร้ังต่อไป” (แนวตอบ : คาตอบของนักเรียน ขึ้นอยกู่ บั ดลุ ยพนิ ิจของครูผู้สอน) 11. เปิดโอกาสให้นักเรยี นทบทวนความร้จู ากช่ัวโมงที่แล้วเก่ียวกบั การบนั ทึกงานในโปรแกรม ประมวลคา โปรแกรมกราฟิก และโปรแกรมนาเสนอ หรือรูปภาพจากอินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ จากนัน้ นามาจัดเก็บไวใ้ นโฟลเดอรข์ องตนเอง 12. นักเรยี นแตล่ ะคนศึกษาและทดลองคดั ลอกและยา้ ยไฟลห์ รอื โฟลเดอร์ในเครือ่ งคอมพิวเตอร์ ของตนเอง โดยศกึ ษาหรอื ขน้ั ตอนต่าง ๆ จากหนงั สอื เรียน ซึ่งครูอาจจะสาธิตให้นกั เรียนดู เปน็ ตัวอย่าง และใหน้ ักเรยี นไดล้ งมือปฏิบัตติ าม ข้นั ที่ 4 สังเครำะหค์ วำมรู้ 13. นกั เรียนทากิจกรรมฝึกทักษะการโยงเส้นจบั ครู่ ะหว่างข้อมูลกบั โฟลเดอร์ท่ีใช้ในการจัดเก็บข้อมลู ใหถ้ ูกต้อง และทากจิ กรรมฝึกทกั ษะอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งการคัดลอกไฟล์และการยา้ ย ไฟล์เพื่อขยายความเข้าใจ 14. ครสู มุ่ นักเรียน 1-2 คน ออกมาอธบิ ายความแตกต่างระหวา่ งการคดั ลอกไฟล์และการยา้ ยไฟล์ หนา้ ช้ันเรยี น ข้ันท่ี 5 สรปุ และประเมนิ ค่ำของคำตอบ 15. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามข้อสงสยั และครูให้ความร้เู พม่ิ เตมิ ในส่วนนน้ั 16. นักเรยี นทาใบงำนที่ 3.4.1 เรอื่ ง กำรจดั หมวดหมู่ขอ้ มลู โดยใหน้ กั เรียนสังเกตความสมั พันธ์ ระหว่างรูปเรขาคณติ และสตั ว์ต่าง ๆ จากนั้นบอกความหมายของรูปเรขาคณิต โดยวเิ คราะห์ จากความสมั พันธท์ ก่ี าหนดให้ ขนั้ ที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงำน 17. ครูประเมนิ ผลนักเรยี นโดยการสังเกตการตอบคาถาม การทาใบงาน และสมดุ ประจาตัว 18. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 3.4.1 และกิจกรรมฝึกทักษะ
Note วตั ถุประสงค์ของกิจกรรมเพอื่ ให้นักเรียน - มีทกั ษะการทางานร่วมกนั โดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ เพื่อเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นได้สือ่ สารและแลกเปลย่ี นข้อมูลรว่ มกัน - มีทักษะการสงั เกต โดยนักเรียนสามารถสงั เกตขนั้ ตอนต่าง ๆ จากหนังสือเรียน และนามาปฏบิ ตั ิไดไ้ มว่ ่าจะเป็ฯการสร้างโฟลเดอร์ การจดั หมวดหมไู่ ฟล์ การคดั ลอกและ การยา้ ยไฟลก์ บั โฟลเดอร์ เปน็ ต้น - มีทกั ษะการคิดวิเคราะห์จากการสังเกตความสมั พันธ์ระหว่างรปู เรขาคณติ และ สัตว์ตา่ ง ๆ พรอ้ มบอกความหมายของรปู เรขาคณติ โดยผา่ นการวิเคราะห์จากความสัมพันธ์ ท่กี าหนด ข้ันสรปุ นักเรียนและครูร่วมกันสรุปลาดับขั้นตอนการจัดการกบั ไฟล์ ตั้งแตก่ ารสร้างโฟลเดอร์ และ จัดหมวดหมู่ไฟล์ การคัดลอกไฟล์และโฟลเดอร์ หรอื การยา้ ยไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ โดยครูคอยบนั ทกึ ลงบนกระดานหนา้ ชนั้ เรยี น 7. กำรวัดและประเมินผล วิธวี ดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ รำยกำรวัด 7.1 การประเมินระหว่างการ จดั กิจกรรม 1) การจัดหมวดหมู่ - ตรวจใบงานที่ 3.4.1 - ใบงานท่ี 3.4.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ขอ้ มลู 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 รายบุคคล การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
รำยกำรวดั วธิ ีวดั เคร่ืองมอื เกณฑก์ ำรประเมิน 4) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 กล่มุ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ ความรับผิดชอบ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ อันพึงประสงค์ ในการทางาน 8. สื่อ/แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 สอื่ กำรเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เรื่อง การจดั การไฟลอ์ ยา่ งมีระบบ 2) ใบงานท่ี 3.4.1 เรื่อง การจดั หมวดหมูข่ อ้ มลู 3) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4) อปุ กรณ์การเรยี นหลากหลายชนิด 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ 1) อินเทอรเ์ น็ต 2) หอ้ งคอมพิวเตอร์
ใบงำนท่ี 3.4.1 เรื่อง กำรจดั หมวดหมู่ข้อมูล คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนสงั เกตควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งรูปเรขำคณิตและสตั วต์ ่ำง ๆ จำกตัวอย่ำงต่อไปนี้ = = = ให้นักเรียนบอกควำมหมำยของรปู เรขำคณิตดงั ต่อไปน้ี โดยวิเครำะห์จำกควำมสมั พันธ์ทก่ี ำหนดให้ = = =
ใบงำนท่ี 3.4.1 เฉลย เรอ่ื ง กำรจัดหมวดหมู่ข้อมลู คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นสงั เกตควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งรูปเรขำคณติ และสตั ว์ตำ่ ง ๆ จำกตัวอย่ำงตอ่ ไปน้ี = = = ให้นักเรยี นบอกควำมหมำยของรูปเรขำคณติ ดงั ตอ่ ไปนี้ โดยวิเครำะห์จำกควำมสัมพันธ์ทีก่ ำหนดให้ = สัตว์บก = สตั ว์คร่งึ บกครึง่ นำ้ = สัตว์มีปีก
9. ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมำย ) ....... ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหนง่ 10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคานวณ) ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 5 กำรลบและกำรเปลี่ยนช่ือ เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำน/ตัวช้วี ดั 1.1 ตัวช้ีวดั ว 4.2 ป. 2/3 ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสร้าง จดั หมวดหมู่ ค้นหา จัดเกบ็ เรยี กใชข้ อ้ มูลตามวตั ถุประสงค์ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายขั้นตอนการลบไฟล์และโฟลเดอร์ได้ (K) 2. อธิบายข้ันตอนการเปลย่ี นช่อื ไฟลแ์ ละโฟลเดอรไ์ ด้ (K) 3. แสดงข้ันตอนการลบไฟล์และโฟลเดอร์ได้ (P) 4. แสดงข้ันตอนการเปลย่ี นชอ่ื ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ได้ (P) 5. เห็นประโยชน์และความสาคญั ของการลบไฟล์และโฟลเดอร์ (A) 6. เหน็ ประโยชน์และความสาคัญของการเปลย่ี นชื่อไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนร้ทู ้องถ่ิน พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง การสร้าง คดั ลอก ย้าย ลบ เปลีย่ นชอื่ จดั หมวดหมู่ ไฟล์ และโฟลเดอร์อยา่ งเปน็ ระบบจะทาให้เรยี กใช้ ค้นหาข้อมลู ไดง้ ่ายและรวดเร็ว 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด การลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ ถือว่าเป็นการกาจดั ข้อมูลตา่ ง ๆ ที่ไมต่ ้องการออกจากแหลง่ ข้อมูลซึ่งจะสง่ ผล ให้เครือ่ งคอมพวิ เตอร์มีพ้ืนทใี่ นการจัดเกบ็ มากขึน้ อีกทั้งการเปล่ียนชือ่ ไฟล์และโฟลเดอร์ให้ถูกต้อง เหมาะสม ถือวา่ เป็นการจัดเกบ็ ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์อย่างเปน็ ระบบ ทาใหส้ ามารถเข้าถึงและเรียกใช้ได้งา่ ยขึน้
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี ินยั รับผิดชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - ทกั ษะการแลกเปล่ียนข้อมูล 3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - ทักษะการทางานร่วมกัน 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงที่ 1 ขน้ั นา ขนั้ ท่ี 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) 1. ครถู ามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรยี นวา่ “หลงั จากท่นี กั เรียนสรา้ งไฟล์งานและบันทกึ ไฟลง์ านสาเรจ็ แล้ว ถา้ นักเรียนตั้งชอื่ ไฟลง์ านผดิ นักเรียนจะมีวธิ ีการแก้ปัญหาอย่างไร” (แนวตอบ : เปลีย่ นชอ่ื ไฟล์) 2. ครถู ามนักเรยี นตอ่ วา่ “ไฟลง์ านที่นักเรยี นบนั ทึกไว้แล้วแต่ไม่ไดใ้ ชง้ านอีก นักเรยี นจะจัดการ กับไฟล์งานน้นั ไดอ้ ยา่ งไร” (แนวตอบ : ลบไฟล์ที่ไม่ไดใ้ ช้ทง้ิ )
ขั้นสอน ขนั้ ท่ี 2 สำรวจค้นหำ (Exploration) 3. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 2-3 คน เพื่อศึกษาขั้นตอนการลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ รวมถงึ ข้นั ตอน การกู้ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์จากหนังสือเรยี นรำยวิชำพ้นื ฐำน เทคโนโลยี (วทิ ยำกำรคำนวณ) ป.2 หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ 3 กำรจดั กำรไฟล์อย่ำงมีระบบหรืออนิ เทอร์เนต็ 4. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมกบั นกั เรียนวา่ “ขณะทาการลบไฟลห์ รอื โฟลเดอรล์ งถงั ขยะ ผใู้ ช้จะต้องไม่เปดิ ไฟล์หรอื โฟลเดอร์ขณะกาลังดาเนินการลบ เพราะจะสง่ ผลใหก้ ารลบไฟลห์ รือโฟลเดอรค์ รั้งนัน้ ไม่ประสบผลสาเร็จ” 5. นกั เรียนไดท้ ดลองการลบไฟล์หรือโฟลเดอร์จากเคร่อื งคอมพิวเตอร์ของตนเอง ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ำยควำมรู้ (Explanation) 6. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ ไดเ้ รียนรู้วิธีการเปลยี่ นชือ่ ไฟล์และโฟลเดอร์ พร้อมอภิปราย ร่วมกันภายในกล่มุ ถงึ ขน้ั ตอนการเปล่ียนชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ เพื่อหามติของกลมุ่ 7. ใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอภปิ รายมตขิ องกลุ่ม เกีย่ วกับวิธกี ารเปลีย่ นชอ่ื ไฟล์หรือโฟลเดอร์ หนา้ ชนั้ เรียน โดยครคู อยให้คาแนะนาเพม่ิ เติมจากคาตอบของนักเรียน 8. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ กับนักเรยี นเก่ยี วกับประโยชน์ของการลบและการเปลย่ี นชอ่ื ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ วา่ “ประโยชน์ของการลบไฟลห์ รอื โฟลเดอรท์ ่ีไม่ได้ใชง้ านนั้น สามารถทาให้เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ มพี น้ื ท่ีในการเก็บข้อมูลมากข้ึน และอุปกรณ์ภายในเครอ่ื งจะทางานน้อยลง ส่วนการเปลี่ยนชือ่ ไฟล์หรือโฟลเดอร์ จะทาให้การเขา้ ถึงข้อมูลในไฟลง์ า่ ย และสะดวกมากข้นึ เพราะสามารถ เรียกช่ือที่สอดคล้องกบั ข้อมลู ทีต่ อ้ งการใชไ้ ด้ และง่ายต่อการจัดเก็บไฟล์ที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกนั ใหอ้ ยใู่ นโฟลเดอร์ประเภทเดียวกนั ได้” ข้ันที่ 4 ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaboration) 9. นักเรียนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะโดยแสดงขั้นตอนการลบและเปลี่ยนชื่อโฟลเดอรท์ ี่กาหนดใหถ้ ูกต้อง จากนั้นบันทึกคาตอบลงในสมุดประจาตวั 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงำนที่ 3.5.1 เรอ่ื ง กำรลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ และใบงำนท่ี 3.5.2 เร่ือง กำรเปล่ยี นช่อื ไฟล์และโฟลเดอร์ Note วัตถุประสงค์ของกจิ กรรมเพอ่ื ใหน้ กั เรยี น - มีทกั ษะการทางานร่วมกัน โดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทางาน เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นได้สอื่ สารและ แลกเปลย่ี นข้อมลู รว่ มกนั - มที กั ษะการสงั เกต โดยใหน้ ักเรียนสามารถสังเกตขั้นตอนตา่ ง ๆ จากหนังสือเรียนและนามาปฏิบตั ไิ ด้ ไมว่ า่ จะเป็นการลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ การกู้ไฟล์และโฟลเดอร์จากถงั ขยะและการเปลยี่ นช่ือไฟล์และโฟลเดอร์ เป็นตน้ - มที ักษะการคดิ วเิ คราะห์ในการหาขอ้ สรปุ รว่ มกนั ภายในกล่มุ ถึงขัน้ ตอนการเปล่ียนช่อื ไฟล์และโฟลเดอร์
ข้นั สรุป ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 11. ครสู มุ่ ถามนักเรยี นแต่ละกลมุ่ ตอบคาถามจากการทากิจกรรมฝึกทักษะและใบงาน 12. ครูประเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคาถาม การรว่ มกันทาใบงานท่ี 3.5.1 ใบงานท่ี 3.5.2 และสมดุ ประจาตัว 13. ครูตรวจสอบผลการทาใบงานท่ี 3.5.1 ใบงานที่ 3.5.2 และกิจกรรมฝึกทักษะ 14. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเก่ยี วกบั ความสาคญั และประโยชน์ของการลบและการเปลย่ี นชือ่ ไฟล์ และโฟลเดอร์ 7. กำรวัดและประเมนิ ผล วิธีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมิน รำยกำรวดั - ตรวจใบงานที่ 3.5.1 - ใบงานที่ 3.5.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.1 การประเมินระหวา่ งการจัด - ตรวจใบงานที่ 3.5.2 - ใบงานที่ 3.5.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ กิจกรรม - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 1) การลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ 2) การเปล่ยี นชือ่ ไฟล์ ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ และโฟลเดอร์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 3) การนาเสนอผลงาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 4) พฤติกรรมการทางาน รายบคุ คล 5) พฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 6) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 ความรับผิดชอบ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มนั่ อันพึงประสงค์ ในการทางาน
8. สือ่ /แหลง่ กำรเรียนรู้ 8.1 สื่อกำรเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เรื่อง การจดั การไฟล์อย่างมรี ะบบ 2) ใบงานที่ 3.5.1 เร่ือง การลบไฟล์และโฟลเดอร์ 3) ใบงานท่ี 3.5.2 เรอื่ ง การเปล่ียนชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ 4) เคร่อื งคอมพิวเตอร์ 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ 1) อนิ เทอรเ์ นต็ 2) ห้องคอมพวิ เตอร์
ใบงำนท่ี 3.5.1 เร่อื ง กำรลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นอธิบำยขั้นตอนกำรลบไฟล์และโฟลเดอร์ พร้อมทั้งวำดภำพหนำ้ จอแสดงขั้นตอน ใหเ้ หน็ อย่ำงชดั เจน ขั้นตอนกำรลบไฟลแ์ ละโฟลเดอร์
ใบงำนท่ี 3.5.1 เฉลย เรือ่ ง กำรลบไฟล์และโฟลเดอร์ คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นอธิบำยข้นั ตอนกำรลบไฟลห์ รือโฟลเดอร์ พรอ้ มทง้ั วำดภำพหนำ้ จอแสดงข้ันตอน ใหเ้ ห็นอยำ่ งชัดเจน ขั้นตอนกำรลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ 1. ไปยงั ตาแหนง่ ทีอ่ ยู่ของไฟล์หรอื โฟลเดอร์ 2. เลอื กหาไฟล์ทตี่ ้องการลบ 3. ให้คลิกปุ่มขวาของเมาสบ์ นช่ือไฟล์ท่ตี อ้ งการลบ จะปรากฏรายการคาส่ัง ใหเ้ ลอื กที่คาสั่ง Delete 2 1 3 3
ใบงำนท่ี 3.5.2 เรื่อง กำรเปลยี่ นช่อื ไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นอธบิ ำยขั้นตอนกำรเปลย่ี นชือ่ ไฟลแ์ ละโฟลเดอรพ์ ร้อมทัง้ วำดภำพหนำ้ จอ แสดงข้นั ตอนใหเ้ หน็ อยำ่ งชดั เจน ขั้นตอนกำรเปล่ยี นช่ือไฟล์และโฟลเดอร์
ใบงำนท่ี 3.5.2 เฉลย เรอ่ื ง กำรเปล่ียนชื่อไฟลแ์ ละโฟลเดอร์ คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนอธิบำยขัน้ ตอนกำรเปลี่ยนชอื่ ไฟลแ์ ละโฟลเดอรพ์ ร้อมทั้งวำดภำพหนำ้ จอ แสดงข้ันตอนให้เห็นอยำ่ งชัดเจน ข้นั ตอนกำรเปลี่ยนช่ือไฟล์และโฟลเดอร์ 1. ไปยังตาแหน่งทอ่ี ยู่ของไฟล์หรอื โฟลเดอร์ท่ตี อ้ งการเปลี่ยนช่อื 2. คลิกปมุ่ ขวาของเมาส์บนช่อื ไฟล์หรอื โฟลเดอร์ท่ีต้องการเปล่ยี นชื่อ 3. จากนั้นจะปรากฏรายการคาสง่ั ใหเ้ ลอื กคาสง่ั Rename 4. ทาการเปล่ียนช่อื ไฟลห์ รือโฟลเดอร์ตามต้องการ จากนั้นกดปุ่ม Enter 2 1 3
9. ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมำย ) ....... ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหนง่ 10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคานวณ) ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 6 กำรจดั เรียงและแยกประเภทไฟล์ เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด 1.1 ตวั ชว้ี ัด ว 4.2 ป.2/3 ใชเ้ ทคโนโลยีในการสรา้ ง จัดหมวดหมู่ คน้ หา จัดเกบ็ เรยี กใช้ขอ้ มูลตามวัตถปุ ระสงค์ 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายข้นั ตอนการจัดเรยี งและแยกประเภทไฟล์ได้ (K) 2. แสดงข้นั ตอนการจัดเรียงและแยกประเภทไฟลไ์ ด้ (P) 3. เลง็ เหน็ ประโยชน์และความสาคัญของการจัดเรยี งและแยกประเภทไฟล์ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นร้ทู ้องถน่ิ พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง การสร้าง คดั ลอก ย้าย ลบ เปล่ียนช่ือ จดั หมวดหมู่ ไฟล์ และโฟลเดอร์อยา่ งเป็นระบบจะทาให้เรียกใช้ คน้ หาข้อมลู ได้ง่ายและรวดเร็ว 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด การจัดเรยี งและแยกประเภทของไฟล์ เปน็ การทาใหผ้ ใู้ ช้งานมคี วามสะดวกรวดเรว็ ในการคน้ หาข้อมลู ซง่ึ ผใู้ ช้สามารถเลอื กรปู แบบการจัดเรียงไดห้ ลายรปู แบบไม่ว่าจะเป็นการเรียงลาดบั ตามวันที่ การเรียงลาดับ ตามตัวอักษร และการเรียงลาดับตามขนาดของไฟล์ เป็นต้น
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รบั ผิดชอบ - ทักษะการสื่อสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - ทักษะการถ่ายทอดความคิด 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน - ทักษะการแลกเปล่ียนข้อมลู 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการแกป้ ญั หา - ทกั ษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - ทักษะการทางานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ขัน้ นา ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) 1. ครูนาใบรำยช่อื มาให้นักเรียนดู และถามกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นว่า“ถ้าครูต้องการ ตรวจสอบคะแนนเกบ็ ของนักเรียนจากใบรายชื่อ นกั เรียนคดิ ว่าครจู ะหารายชื่อนกั เรยี นได้ เรว็ หรอื ชา้ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด และจะมีวธิ ีการแก้ไขได้อย่างไร” (แนวตอบ : ชา้ เพราะไมม่ ีการเรียงชอื่ ตามตัวอักษรจาก ก ไป ฮ แก้ไขโดยการเรยี งรายชื่อ นกั เรียนใหม่ โดยกาหนดให้เรียงจาก ก ไป ฮ)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222