แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน กำรแสดง กำรทำงำน กำรมี ควำม ตำมทไี่ ดร้ ับ ลำดับที่ ชอื่ –สกลุ คิดเหน็ กำรยอมรับ มอบหมำย ควำมมีน้ำใจ สว่ นร่วมใน รวม ของนักเรียน ฟังคนอืน่ กำรปรบั ปรงุ 15 คะแนน ผลงำนกลุ่ม 321321321321321 ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ เกณฑ์กำรตดั สินคุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ 14–15 ดีมำก 11–13 ดี 8–10 พอใช้
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่อง ที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ด้ำน 32 1 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ กษตั ริย์ 1.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมท่สี ร้างความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเี่ กี่ยวกบั สถาบันพระมหากษัตริยต์ ามทโี่ รงเรียนจัดข้นึ 2. ซ่ือสตั ย์ สุจรติ 2.1 ให้ข้อมูลท่ีถกู ต้องและเปน็ จริง 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งท่ีถูกต้อง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครวั มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัตไิ ด้ 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เช่ือฟงั คาสัง่ สอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 4.4 ตัง้ ใจเรียน 5. อยูอ่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและสิง่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั 5.2 ใช้อุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและร้คู ุณค่า 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพ่อื ให้งานสาเร็จ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรพั ย์สมบัติและสิ่งแวดลอ้ มของห้องเรยี นและ โรงเรยี น ลงช่อื ..................................................ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ตั ิชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน 51–60 ดมี ำก พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางคร้ัง 41–50 ดี 30–40 ต่ากวา่ 30 พอใช้ ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ ช้ินงำน/ภำระงำน (รวบยอด) ว 4.2 ป. 2/1 แสดงลาดบั ข้ันตอนการทางาน หรือการแกป้ ัญหาอย่างง่าย โดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ รำยกำร ดีมำก (4) เกณฑ์กำรประเมนิ (ระดับคุณภำพ) ปรบั ปรุง (1) ระดับ ประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) คณุ ภำพ สามารถแกป้ ัญหาได้ ไมส่ ามารถแก้ปญั หาได้ 1.การแก้ปญั หา อยา่ งถูกตอ้ ง ถกู วิธี สามารถแก้ปญั หาได้ สามารถแก้ปัญหาได้ ดมี าก ดมี าก อย่างถูกต้อง ถูกวธิ ดี ี ค่อนขา้ งดี 2. การแสดงขน้ั ตอนการ เลอื กใช้วธิ กี ารแก้ปัญหา เลอื กใชว้ ิธีการแกป้ ญั หา เลอื กใช้วธิ ีการแกป้ ญั หา เลือกใชว้ ธิ กี ารแก้ปัญหา ดี แกป้ ัญหา พอใช้ ได้และสามารถแสดง ได้และสามารถแสดง ได้และสามารถแสดง ได้แตไ่ มส่ ามารถแสดง ปรับปรุง 3. ความสมบรู ณ์ของผลงาน ข้ันตอนการแก้ปัญหาได้ ขน้ั ตอนการแก้ปญั หาได้ ข้ันตอนการแกป้ ญั หาได้ ข้นั ตอนการแก้ปัญหาได้ อยา่ งชดั เจนดมี าก อยา่ งชัดเจนดี ค่อนข้างดี ผลงานมีความครบถ้วน ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงานมคี วามครบถ้วน สมบรู ณ์ดมี าก สมบรู ณค์ ่อนขา้ งดี สมบรู ณ์ดเี ป็นบางส่วน สมบรู ณ์นอ้ ย 4. สง่ งานตรงเวลา ส่งภาระงานภายในเวลา สง่ ภาระงานช้ากวา่ ส่งภาระงานช้ากว่า ส่งภาระงานช้ากวา่ กาหนด 2 วัน กาหนดเกิน 3 วันขึน้ ไป ท่ีกาหนด กาหนด 1 วนั เกณฑก์ ำรตัดสินคุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 14 - 16 ดีมำก 10 - 13 ดี 7 - 9 พอใช้ 1 - 6 ปรับปรุง
9. ควำมเห็นของผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำหรอื ผ้ทู ่ีไดร้ ับมอบหมำย ข้อเสนอแนะ ลงช่อื ................................. ( ................................ ) ตำแหน่ง ....... 10. บันทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วิทยาการคานวณ) ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ 2 กำรตรวจหำขอ้ ผิดพลำดของโปรแกรม เวลำ 3 ชวั่ โมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ดั ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ิตจริงอย่างเป็นขน้ั ตอนและ เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ว 4.2 ป.2/2 เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รือส่อื และตรวจหาข้อผิดพลาด ของโปรแกรม 2. สำระกำรเรียนรู้ 2.1 สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง 1) ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมสัง่ ใหต้ ัวละครทางานตามทต่ี ้องการ และตรวจสอบ ข้อผิดพลาด ปรับแก้ไขให้ได้ผลลัพธต์ ามท่ีกาหนด 2) การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ทาไดโ้ ดยตรวจสอบคาส่ังที่แจ้งขอ้ ผิดพลาด หรอื หากผลลพั ธ์ไมเ่ ป็นไป ตามท่ตี ้องการให้ตรวจสอบการทางานทลี ะคาสงั่ 3) ซอฟตแ์ วรห์ รอื สือ่ ทใี่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ตั รคาสง่ั แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org 3. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การเขียนโปรแกรม หมายถึง การเขียนชุดคาสั่งให้คอมพวิ เตอร์ทางานตามเง่ือนไขที่กาหนด สว่ นการเขียน โปรแกรมแบบวนซ้า จะช่วยให้การเขียนโปรแกรมง่ายและสะดวกขึ้น โดยไมต่ ้องเขียนโปรแกรมซ้ากันหลาย ๆ ครั้ง และเมื่อทาการเขียนโปรแกรมเสร็จแลว้ จะต้องทาการตรวจสอบข้อผิดพลาด ซง่ึ ถือวา่ เปน็ ขนั้ ตอนหนึ่งท่ีสาคัญใน การเขียนโปรแกรม โดยในขั้นตอนนี้จะต้องตรวจสอบวา่ ได้ผลลัพธต์ รงตามทีต่ ้องการหรือไม่ และถ้าพบข้อผิดพลาด จะต้องทาการแก้ไขให้เรียบร้อย นอกจากน้ันการเขียนโปรแกรมด้วย Code.org เปน็ การเรยี นร้กู ารเขียนโปรแกรม โดยใชเ้ กมส์เป็นสื่อชว่ ยดึงดูดความสนใจและกระตุ้นการเรียนรขู้ องนักเรียน โดยในบทเรียนประกอบด้วย การเรียนรู้ คาสั่งที่ใช้เขียนโปรแกรมแบบจัดลาดับ การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้า และการตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขียน โปรแกรม
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ัย รับผิดชอบ - ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ความสามารถในการคิด 3. มุง่ มนั่ ในการทางาน - ทกั ษะการคิดเชิงคานวณ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการแกป้ ัญหา - ทักษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - ทักษะการทางานร่วมกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ชนิ้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรือ่ ง การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม 6. กำรวดั และกำรประเมนิ ผล วธิ ีวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ำรประเมนิ รำยกำรวดั 6.1 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน - ตรวจช้นิ งาน/ - แบบประเมนิ ชน้ิ งาน ระดบั คุณภาพ 2 (รวบยอด) เรอ่ื ง การตรวจหา ภาระงาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม 6.2 การประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจรงิ - แบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การตรวจหาข้อผดิ พลาด ของโปรแกรม 6.3 ประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ 1) การหาเสน้ ทาง - ตรวจใบงานที่ 2.1.1 - ใบงานท่ี 2.1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การตรวจหาข้อผดิ พลาด - ตรวจใบงานท่ี 2.2.1 - ใบงานที่ 2.2.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ จากการเขยี นโปรแกรม
รำยกำรวดั วธิ ีวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์กำรประเมิน 3) การเขยี นโปรแกรมด้วย - ตรวจใบงานท่ี 2.3.1 - ใบงานท่ี 2.3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ Code.org - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 4) การนาเสนอผลงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 5) พฤติกรรมการทางาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล 6) พฤติกรรมการทางานกล่มุ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 7) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินยั คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ความรับผิดชอบ อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ในการทางาน - แบบทดสอบหลังเรียน 6.4 การประเมินหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน หลงั เรียน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง การตรวจหาข้อผิดพลาด ของโปรแกรม 7. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
แบบทดสอบ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 2 คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. จงเรียงลาดับการทางานของผึง้ ในการออกหา 4. ขอ้ ใดกล่าวถึงการทางานแบบวนซ้าได้ถูกตอ้ งท่ีสุด น้าหวานจากเกสรดอกไมเ้ พ่ือนามาผลิตน้าผ้ึง ก. เปน็ การทางานตามลาดบั ขน้ั ตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ทร่ี วงผง้ึ ข. เปน็ การทางานทซ่ี บั ซ้อนและมีขนั้ ตอนซา้ ๆ a. เดินทางออกจากรวงผึ้ง ค. เป็นการทางานแบบเดิมซา้ กันหลาย ๆ รอบ b. ผลติ นา้ ผง้ึ ทร่ี วงผ้ึง c. หาน้าหวานจากเกสรดอกไม้ 5. สถานการณใ์ นข้อใดจาเป็นตอ้ งเขียนคาส่งั แบบวนซา้ ก. a → b → c ก. มดลาเลียงอาหารเข้ารงั ข. a → c → b ข. ปลวกกัดแทะอาหารอยู่ภายในรัง ค. c → b → c ค. ผึง้ อาศยั อยรู่ วมกันเปน็ ฝูง 2. การเขียนชุดคาส่งั ให้คอมพิวเตอร์ทางาน 6. จงเขยี นเสน้ ทางการเก็บน้าหวานจากดอกไม้ 3 ดอก ตามเง่ือนไขที่กาหนด มีแนวคิดในการเขยี น เพอ่ื นามาผลติ น้าผงึ้ ที่รวงผ้ึง 3 รวงใหไ้ ด้สนั้ ทีส่ ุด โปรแกรมตามข้อใด จากสถานการณท์ ี่กาหนดให้ ดังนี้ ก. การออกแบบ → การเขยี นชุดคาสง่ั → การตรวจสอบผลลพั ธ์ 33 ข. การวิเคราะห์ขอ้ มูล → การออกแบบ → การเขยี นชดุ คาส่งั ก. (บิน) → (บิน) → (เกบ็ ) → (เกบ็ ) → (เก็บ) ค. การเขยี นชดุ คาส่ัง → การตรวจสอบผลลพั ธ์ → (บิน) → (ผลิต) → (ผลิต) → (ผลติ ) → การนาไปใช้ ข. (บิน) → (บิน) → (เกบ็ นา้ หวานซา้ 3 ครัง้ ) 3. ขอ้ ใดคือสญั ลักษณ์ของการทาซ้า → (บิน) → (ผลิตนา้ ผึ้งซา้ 3 ครัง้ ) ก. ค. (บนิ ไปทางขวาซา้ 2 ครง้ั ) → (เก็บน้าหวาน ซา้ 3 คร้งั ) → (บินไปทางขวา 1 ครง้ั ) → (ผลติ น้าผงึ้ ซ้า 3 ครง้ั ) ข. ค.
7. การเขยี นโปรแกรมคาสง่ั ในขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั 9. จากสถานการณ์และโปรแกรมคาส่ังทผ่ี ดิ พลาด สถานการณ์ดงั ต่อไปน้ี ควรแกไ้ ขตามข้อใดให้ผงึ้ สามารถเก็บน้าหวาน ได้สาเรจ็ ก. ก. ข. ข. ค. ค. 10. จากภาพสถานการณแ์ ละโปรแกรมคาส่งั 8. การเขยี นโปรแกรมคาส่งั ในขอ้ ใดสามารถพานก สว่ นใดทท่ี าให้โปรแกรมคาสง่ั เกิดข้อผดิ พลาด สแี ดงไปหาเจา้ หมไู ด้อยา่ งปลอดภัย ก. ก. ข. ข. ค. ค. เฉลย 1. ข 2. ก 3. ค 4. ค 5. ก 6. ค 7. ค 8. ข 9. ก 10. ก
แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 2 คำช้ีแจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ใหน้ ักเรียนพิจารณาภาพด้านลา่ ง และเลือกคาส่งั 3. สญั ลักษณ์ หมายถงึ ข้อใด เสน้ ทางที่พาแม่นกเข้ารังไดอ้ ย่างปลอดภยั ก. การวนซา้ ๆ โดยแมน่ กจะต้องไม่บินผ่านต้นไม้และอีกา ข. การเวยี นซา้ ค. การทาซ้า 4. วิธกี ารเขยี นโปรแกรมแบบใด ทาให้คอมพิวเตอร์ ทางานตามข้ันตอนแบบเดิมซา้ ๆ ลดน้อยลง ก. การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้า ข. การเขยี นโปรแกรมแบบทาซ้า ค. การเขยี นโปรแกรมแบบเวียนซ้า 5. การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้าใช้ไดก้ ับสถานการณ์ ในข้อใด ก. วนิ ัยทาการบ้านส่งครูเปน็ ประจา ข. เดชาขนของจานวน 10 ชน้ิ เก็บไวใ้ นหอ้ งเกบ็ ของ ก. ค. สมศรตี งั้ ใจเรียนจนได้เกรดดีอยา่ งต่อเน่ือง ข. 6. โปรแกรมคาสั่งดังต่อไปนี้ ตรงกบั ภาพเสน้ ทางของผ้ึง ในข้อใด ค. (บินไปทางขวา 1 คร้ัง) → (เกบ็ นา้ หวาน) 2. ขอ้ ใดคือแนวคิดในการเขยี นโปรแกรม → (บินไปทางขวา 2 ครงั้ ) → (ผลิตน้าผึ้ง) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทางานตามท่กี าหนด ก. ก. การวเิ คราะห์ข้อมูล → การออกแบบ → การเขยี นชุดคาส่ัง ข. การออกแบบ → การเขยี นชุดคาสัง่ ข. → การตรวจสอบผลลพั ธ์ ค. การเขยี นชุดคาสงั่ → การตรวจสอบผลลัพธ์ → การนาไปใช้ ค.
7. การเขยี นโปรแกรมคาสง่ั ในข้อใดสอดคล้องกับ 9. จากสถานการณ์และโปรแกรมคาสง่ั ทผ่ี ดิ พลาด สถานการณด์ ังต่อไปนี้ ควรแก้ไขตามข้อใดใหผ้ งึ้ สามารถเก็บน้าหวาน ก. ได้สาเรจ็ ข. ก. ค. ข. 8. โปรแกรมคาส่งั ดังต่อไปนต้ี รงกบั เสน้ ทาง ค. การพานกสีแดงไปหาเจ้าหมใู นภาพใด 10. จากภาพสถานการณ์และโปรแกรมคาส่งั ก. สว่ นใดที่ทาใหโ้ ปรแกรมคาสัง่ เกิดข้อผดิ พลาด ข. ค. ก. ข. ค. เฉลย 1. ก 2. ข 3. ค 4. ก 5. ข 6. ค 7. ค 8. ข 9. ข 10. ค
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 1 กำรเขยี นโปรแกรมแบบวนซำ้ เวลำ 1 ชั่วโมง 1. มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั 1.1 ตวั ชว้ี ัด ว 4.2 ป. 2/2 เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รือส่ือ และตรวจหาข้อผดิ พลาด ของโปรแกรม 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายขัน้ ตอนในการเขยี นโปรแกรมและการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ ได้ (K) 2. เขยี นโปรแกรมแบบวนซ้าไดถ้ กู ต้อง (P) 3. เห็นความสาคัญและประโยชน์ของการเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้า (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ - ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ เขียนโปรแกรมส่ังใหต้ ัวละคร พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา ทางานตามทต่ี ้องการ และตรวจสอบข้อผิดพลาด ปรับแกไ้ ขใหไ้ ด้ผลลัพธต์ ามท่กี าหนด - ซอฟต์แวร์หรอื สื่อที่ใช้ในการเขยี นโปรแกรม เช่น ใชบ้ ัตรคาสัง่ แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org 4. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด การเขียนโปรแกรม หมายถงึ การเขียนชดุ คาสง่ั ให้คอมพิวเตอรท์ างานตามเง่ือนไขที่กาหนด โดยเร่มิ กระบวนการต้ังแต่การออกแบบโปรแกรม การเขยี นชดุ คาส่งั เพอื่ ใหโ้ ปรแกรมทางานตามทอี่ อกแบบไว้ จนกระทง่ั ตรวจสอบผลลัพธ์การทางานที่ได้ และทาการแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบ สว่ นการเขียนโปรแกรม แบบวนซา้ จะช่วยให้การเขียนโปรแกรมง่ายและสะดวกขึน้ โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมซ้ากันหลาย ๆ คร้งั
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ความสามารถในการคิด 3. มุ่งมั่นในการทางาน - ทักษะการคดิ เชิงคานวณ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต - ทักษะการทางานร่วมกนั 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ข้นั นา ขนั้ ที่ 1 กระตุน้ ควำมสนใจ (Engagement) 1. ครูให้นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง การตรวจหาข้อผดิ พลาด ของโปรแกรมเพื่อวัดความรู้เดิมของนกั เรียนก่อนเข้าสกู่ ิจกรรม 2. ครูถามนักเรยี นว่า“นกั เรียนรหู้ รือไม่ว่าการเขียนโปรแกรมแบบวนซา้ มีลักษณะเป็นอยา่ งไร” (แนวตอบ : คาตอบของนกั เรียนขึ้นอยกู่ ับดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 3. ครถู ามนักเรยี นต่อวา่ “นักเรยี นคิดว่าการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ มขี อ้ ดีอย่างไร” (แนวตอบ : การเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้า จะช่วยให้การเขียนโปรแกรมงา่ ยและสะดวกขึ้น โดยไมต่ ้องเขยี นคาสงั่ ซ้ากนั หลาย ๆ รอบ) 4. ครอู ธิบายเกยี่ วกับการเขยี นโปรแกรมเพอ่ื เช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นวา่ “การเขียนโปรแกรม คอื การเขียนชุดคาส่ังข้ึนเพื่อให้คอมพวิ เตอรท์ างานตามเงอ่ื นไขท่ีผูเ้ ขยี นโปรแกรมเปน็ คนกาหนด โดยมีแนวคดิ 3 ขั้นตอน คือ การออกแบบ การเขียนชุดคาสั่ง และการตรวจสอบผลลพั ธ์”
ข้นั สอน ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หำ (Exploration) 5. ครถู ามคาถามเพ่ือกระต้นุ ความคดิ ของนักเรียนวา่ “นักเรียนคดิ ว่าน้าผึง้ เกดิ ขึน้ ได้อยา่ งไร ใครเปน็ ผู้ผลิตข้นึ มา และมีกระบวนการผลติ น้าผึ้งอย่างไร” (แนวตอบ : นา้ ผึ้งเกดิ จากน้าหวานของเกสรดอกไม้ทผ่ี ง้ึ หลาย ๆ ตวั ช่วยกันบนิ ไปหาน้าหวาน จากเกสรดอกไม้หลาย ๆ ดอก และนามาผลิตรวมกันไว้ท่รี วงผ้ึง) 6. นักเรยี นรว่ มกนั ออกแบบกระบวนการผลติ นา้ ผ้ึงโดยครูคอยบันทกึ ลงบนกระดานหนา้ ชน้ั เรียน (แนวตอบ : ผงึ้ เดนิ ทางออกจากรวงผึ้ง เก็บนา้ หวานจากดอกไม้หลาย ๆ ดอก นานา้ หวานไปผลติ เปน็ นา้ ผงึ้ ท่ีรวงผึง้ ) 7. ครถู ามคาถามกับนักเรยี นว่า“นกั เรียนคิดวา่ กระบวนการผลิตนา้ ผงึ้ มีการทางานซ้า ๆ กัน หรือไม่ อยา่ งไรบ้างท่ีต้องทางานซ้า ๆ” (แนวตอบ : กระบวนการผลิตนา้ ผง้ึ มกี ระบวนการทางานท่ีซ้า ๆ กนั ดงั น้ี 1. ขั้นตอนเดินทาง เพราะผึง้ ต้องเดินทางหลาย ๆ รอบ 2. ข้ันตอนเกบ็ น้าหวาน เพราะผ้ึงต้องเกบ็ น้าหวานจากเกสรดอกไม้หลาย ๆ ดอก 3. ข้ันตอนผลิตน้าหวาน เพราะผึง้ มีขนาดตวั ทีเ่ ลก็ ส่งผลให้เกบ็ น้าหวานได้จากัด ในแต่ละครงั้ จงึ ต้องนานา้ หวานจากเกสรดอกไม้ไปผลิตน้าผึ้งที่รวงผงึ้ หลาย ๆ รอบ) 8. ครูอธบิ ายกับนักเรยี นวา่ “การทางานเป็นกระบวนการซ้า ๆ กนั หากถูกนามาเขยี นโปรแกรม จะเป็นการเขียนโปรแกรมคาส่ังในรูปแบบทใี่ หโ้ ปรแกรมทางานซ้ากนั หลาย ๆ รอบ โดยใช้ สญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ในการเขยี นชดุ คาสงั่ เพ่ือให้คอมพวิ เตอร์ทางานตามเง่ือนไขที่กาหนด” 9. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน หรอื ตามความเหมาะสม เพอ่ื สงั เกตและศึกษาสญั ลกั ษณ์ ของชุดคาสงั่ จากหนังสอื เรยี นรำยวิชำพืน้ ฐำน เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) ป.2 หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี 2 หรือศึกษาเก่ยี วกับความหมายของชุดคาสงั่ จากใบงำนที่ 2.1.1 เร่อื ง กำรหำเสน้ ทำง ขั้นที่ 3 อธิบำยควำมรู้ (Explanation) 10. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั ศึกษาการเขียนคาส่งั ให้ผง้ึ เดินไปเกบ็ นา้ หวานโดยใชโ้ ปรแกรม Code.org จากหนังสือเรียนและศกึ ษาวธิ ีการเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้า 11. ครูสุ่มนกั เรยี น 2-3 กล่มุ ออกมาอภปิ รายหน้าชน้ั เรียนเก่ยี วกบั การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้า (แนวตอบ : การเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ หมายถงึ การเขียนชุดคาส่ังให้โปรแกรมทางานซ้า กนั หลายรอบ นกั เรยี นจะเขียนโปรแกรมคาสัง่ ไดก้ ็ต้องรู้ความหมายของคาสง่ั แต่ละคาสัง่ วา่ มหี นา้ ที่การทางานอย่างไร)
12. ครูอธิบายเกร็ดน่ารเู้ พ่ือให้นกั เรยี นเกดิ ความเขา้ ใจมากยิ่งขน้ึ วา่ “การเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้า จะชว่ ยใหก้ ารเขียนโปรแกรมงา่ ยขึ้นและมคี วามสะดวกมากย่ิงข้ึน โดยไม่ตอ้ งเขียนโปรแกรม ซา้ กนั หลาย ๆ รอบ ช่วยลดความซา้ ซอ้ นในการทางาน” ขั้นที่ 4 ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaboration) 13. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มลงมือทาใบงานที่ 2.1.1 เร่ือง การหาเสน้ ทาง เพ่ือขยายความเข้าใจ โดยใหน้ ักเรียนเขยี นโปรแกรมคาสง่ั จากสถานการณ์ที่กาหนดให้ 14. จากน้นั ให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอการเขยี นโปรแกรมคาสง่ั หนา้ ชนั้ เรยี น 15. ครมู อบหมายให้นักเรียนร่วมกันจัดหอ้ งใหมใ่ หม้ ีพ้ืนที่ว่างโดยการนาเชอื กมาขึงเป็นตาราง ขนาด 4x4 (จานวน16ชอ่ ง) 16. ครสู ุ่มนักเรียนออกมาทากจิ กรรม 3 คน โดยให้ผเู้ ลน่ คนแรกแสดงเปน็ ผ้งึ ผู้เลน่ คนท่สี อง แสดงเปน็ ดอกไม้ และผ้เู ล่นคนที่สามแสดงเปน็ รวงผึ้ง โดยมีกติกาในการทากิจกรรมดังนี้ ใหผ้ ู้เล่นทัง้ 3 คน ยนื ตามตาแหนง่ ท่ปี รากฏอยใู่ นใบงาน และใหผ้ ูเ้ ลน่ คนที่สองถือ บตั รภำพหยดนำ้ หวำน จานวน 3 หยด 17. ครคู ัดเลือกผลงานการเขียนโปรแกรมคาส่ังทสี่ มบูรณ์ที่สดุ มาตรวจสอบคาสงั่ โดยครู ใหข้ อ้ เสนอแนะกบั นักเรยี นตามความเหมาะสม 18. ครใู หน้ กั เรยี นทากิจกรรมฝึกทักษะในการหาเส้นทางทจี่ ะพากระตา่ ยกลบั ไปยังสวนสัตว์ จากหนงั สือเรยี น และบันทกึ ลงในสมดุ ประจาตัว Note วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพื่อใหน้ ักเรยี น - มีทักษะการทางานร่วมกนั โดยใชก้ ระบวนการกลุ่มเพื่อส่ือสารและศึกษาข้อมลู พร้อมรว่ มกันอภิปรายรว่ มกันเก่ยี วกับการเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้าจากโปรแกรม Code.org - มที ักษะการคิดเชิงคานวณในการเขียนโปรแกรมคาส่งั จากสถานการณท์ ่ีกาหนด โดยมรี ะยะเวลาตามความเหมาะสม - มีทกั ษะการแกป้ ัญหาและทักษะการสื่อสารในการทากจิ กรรมตรวจสอบคาสั่ง และร่วมกนั หาคาตอบโดยร่วมกันคดิ คน้ แลกเปล่ียนประสบการณ์รว่ มกันพร้อมแก้ปญั หา เฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้อง
ขนั้ สรุป ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 19. ครตู รวจสอบและสรปุ ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมคาสง่ั ทถี่ ูกต้องใหน้ ักเรียนดู 20. ครูตรวจสอบผลการทากิจกรรมฝกึ ทักษะจากหนงั สือเรยี น 21. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุปเก่ียวกับการเขียนโปรแกรมแบบวนซ้าว่า“การเขยี นโปรแกรม แบบวนซา้ จะช่วยให้การเขียนโปรแกรมคาส่งั สะดวกและง่ายข้ึน โดยไมต่ ้องเขียนโปรแกรม คาสงั่ ซ้ากนั หลาย ๆ คร้งั ช่วยใหป้ ระหยัดระยะเวลาในการเขียนโปรแกรม” 7. กำรวัดและประเมนิ ผล วธิ วี ดั เครื่องมอื เกณฑก์ ำรประเมิน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ รำยกำรวดั - แบบทดสอบ กอ่ นเรียน 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง การตรวจหา ข้อผดิ พลาด ของโปรแกรม 7.2 การประเมนิ ระหว่างการ จดั กจิ กรรม 1) การหาเสน้ ทาง - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 - ใบงานท่ี 2.1.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมินการนาเสนอ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล การทางานรายบุคคล 4) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 กลุ่ม การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 อนั พึงประสงค์ ความรับผดิ ชอบ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่น อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน
8. สอื่ /แหล่งกำรเรยี นรู้ 8.1 ส่อื กำรเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม 2) ใบงานที่ 2.1.1 เรื่อง การหาเส้นทาง 3) บัตรภาพหยดน้าหวาน 4) เชอื ก 8.2 แหล่งกำรเรียนรู้ -
ใบงำนที่ 2.1.1 เรอื่ ง กำรหำเสน้ ทำง คำชี้แจง : ให้นกั เรียนศึกษำควำมหมำยของชุดคำสงั่ ต่อไปน้ี ควำมหมำย ชดุ คำสั่ง สัญลักษณ์ เดนิ ขน้ึ ข้ำงบน เดินลงข้ำงลำ่ ง เดินไปทำงขวำ เกบ็ เดินไปทำงซ้ำย น้ำหวำน เก็บน้ำหวำน ผลิตนำ้ ผง้ึ ผลติ นำ้ ผึ้ง
ชุดคำสงั่ สัญลกั ษณ์ ควำมหมำย กำรทำซำ้ 2 กำรทำซำ้ 2 คร้ัง 3 กำรทำซ้ำ 3 ครงั้ 4 กำรทำซำ้ 4 ครง้ั ? กำรทำซ้ำ … ครั้ง
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นเขยี นโปรแกรมคำสั่งโดยนำผงึ้ เดนิ ทำงไปเกบ็ นำ้ หวำนจำกเกสรดอกไมแ้ ละผลิตนำ้ ผ้งึ ท่ีรวงผ้ึงได้สำเรจ็ ตำมเสน้ ทำงท่กี ำหนด สถำนกำรณ์ 3 3 โปรแกรมคำสงั่ 123 45
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นเขียนโปรแกรมคำสง่ั โดยนำผงึ้ เดินทำงไปเก็บน้ำหวำนจำกเกสรดอกไม้และผลิตนำ้ ผ้งึ ที่รวงผ้ึงได้สำเร็จตำมเส้นทำงทกี่ ำหนด เฉลย สถำนกำรณ์ 3 โปรแกรมคำสั่ง 2 3 3 1 3 บตั รภำพ 45 2 เกบ็ 3 น้ำหวำน ผลิต นา้ ผง้ึ
เร่อื ง หยดนำ้ หวำน
9. ควำมเห็นของผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำหรอื ผ้ทู ่ีไดร้ ับมอบหมำย ................................. ................................ ) ข้อเสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหน่ง 10. บันทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วิทยาการคานวณ) ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 2 กำรตรวจสอบขอ้ ผดิ พลำดจำกกำรเขียนโปรแกรม เวลำ 1 ชัว่ โมง 1. มำตรฐำน/ตัวชี้วัด 1.1 ตัวช้วี ดั ว 4.2 ป. 2/2 เขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือสื่อ และตรวจหาขอ้ ผิดพลาด ของโปรแกรม 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. บอกปญั หาที่เกดิ ขน้ึ จากขอ้ ผิดพลาดในชีวติ ประจาวันได้ (K) 2. อธบิ ายวธิ กี ารตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมได้ถูกต้อง (K) 3. ตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขยี นโปรแกรมได้ (P) 4. แกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดจากการเขยี นโปรแกรมได้ (P) 5. นาความรแู้ ละประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากการเรยี นมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (A) 3. สำระกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถ่นิ - ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ เขียนโปรแกรมสง่ั ใหต้ วั ละคร พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา ทางานตามทต่ี ้องการ และตรวจสอบขอ้ ผิดพลาด ปรับแกไ้ ขใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ตามทก่ี าหนด - การตรวจหาข้อผิดพลาด ทาไดโ้ ดยตรวจสอบคาสง่ั ทแ่ี จง้ ขอ้ ผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไมเ่ ป็นไปตาม ท่ตี ้องการให้ตรวจสอบการทางานทีละคาสง่ั - ซอฟต์แวรห์ รือสื่อท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้บตั รคาสง่ั แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org 4. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด การตรวจสอบความผิดพลาด เปน็ ขนั้ ตอนหนงึ่ ที่สาคญั ในการเขียนโปรแกรม ซงึ่ จะต้องตรวจสอบวา่ ไดผ้ ลลัพธต์ รงตามท่ตี ้องการหรือไม่ โดยข้อผิดพลาดทเ่ี กิดข้ึนมี 2 ลักษณะ คือ ข้อผดิ พลาดทเ่ี กดิ จาก การเขยี นคาสัง่ ผดิ และข้อผิดพลาดทีเ่ กดิ จากการเขียนคาสั่งผดิ รูปแบบ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ - ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ความสามารถในการคิด 3. มงุ่ มั่นในการทางาน - ทกั ษะการคดิ เชงิ คานวณ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - ทักษะการทางานร่วมกัน 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงท่ี 1 ข้นั นา ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นควำมสนใจ (Engagement) 1. ครูถามคาถามเพื่อกระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี นวา่ “ในชวี ติ ประจาวนั นักเรยี นพบ ความผิดพลาดอะไรบ้าง และนกั เรยี นจะมวี ิธีการชว่ ยลดความผิดพลาดที่เกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร” (แนวตอบ : คาตอบขนึ้ อยู่กับประสบการณ์ของนกั เรยี น เช่น การตอบคาถามผดิ การทาการบา้ น ไมถ่ ูกตอ้ ง การลมื จดั กระเป๋านกั เรียน ลมื อุปกรณก์ ารเรยี นไวท้ โี่ รงเรยี น เป็นตน้ และวธิ ีการ ทีจ่ ะชว่ ยลดความผดิ พลาดท่ีอาจจะเกิดขน้ึ จงึ ควรมีการตรวจสอบกอ่ นทุกครง้ั เช่น ตรวจสอบ ความถูกต้องทุกครั้งเมื่อทาการบา้ นเสรจ็ ตรวจเชค็ อุปกรณ์การเรยี นหลังใชง้ าน เปน็ ตน้ ) 2. ครูทบทวนความรู้จากชัว่ โมงท่ีผ่านมา พร้อมซักถามคาถามประจาหวั ข้อเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ ของนักเรยี นวา่ “การตรวจสอบข้อผดิ พลาดมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรตอ่ การเขียนโปรแกรมคาสง่ั ” (แนวตอบ : เปน็ การตรวจสอบโปรแกรมคาสงั่ ก่อนนาไปใช้งานจริง ทาให้ลดความผดิ พลาด ทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ ขณะใช้งานโปรแกรมคาสัง่ )
3. ครกู ลา่ วเพ่ือเชอ่ื มโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นวา่ “ทกุ คนลว้ นแตเ่ คยทาผดิ พลาดมาดว้ ยกันทง้ั น้ัน ไม่วา่ จะ เป็นเร่ืองเล็กหรือเร่อื งใหญ่ ดงั น้นั เพ่ือป้องกันความผดิ พลาดท่อี าจเกดิ ข้นึ ไมว่ ่าจะทาสิ่งใด กต็ ามจะต้องมกี ารตรวจสอบความถูกต้องก่อนทกุ ครั้ง เชน่ การเขียนโปรแกรมคาสั่ง ควรมี การตรวจสอบความถูกต้องทุกครั้งก่อนนาไปใชง้ านจรงิ เพื่อปอ้ งกันข้อผดิ พลาดท่ีอาจจะเกิดขน้ึ ขณะใช้งานโดยข้อผดิ พลาดจะมี 2 ลกั ษณะ คือ ขอ้ ผดิ พลาดท่ีเกิดจากการเขยี นคาสง่ั ผดิ และ ขอ้ ผิดพลาดทีเ่ กิดจากการเขียนคาสงั่ ผดิ รูปแบบ” ข้นั สอน ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหำ (Exploration) 1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 2-3 คน หรอื ตามความเหมาะสม โดยใหน้ กั เรียนสังเกตสญั ลกั ษณ์ ของชดุ คาสง่ั จากใบงำนท่ี 2.2.1 เรือ่ ง กำรตรวจหำข้อผดิ พลำดจำกกำรเขยี นโปรแกรม และศึกษาเน้ือหาสถานการณ์ตัวอยา่ งจากหนงั สือเรียนรำยวชิ ำพืน้ ฐำน เทคโนโลยี (วิทยำกำรคำนวณ) ป.2 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 2 กำรตรวจหำขอ้ ผิดพลำดของโปรแกรม เกีย่ วกับการตรวจสอบคาสัง่ ข้ันตอนการทางานของโปรแกรมเมอ่ื มคี าส่ังแจ้งเตือนขอ้ ผิดพลาด ขั้นที่ 3 อธบิ ำยควำมรู้ (Explanation) 2. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 กลุม่ ออกมาอภิปรายเก่ียวกับขนั้ ตอนการตรวจสอบข้อผิดพลาดหน้าช้ันเรียน (แนวตอบ : วธิ กี ารตรวจสอบข้อผิดพลาดทาไดโ้ ดยตรวจสอบขน้ั ตอนการทางานของโปรแกรม ทีละคาสงั่ และตรวจสอบคาสั่งทผี่ ดิ รูปแบบทีละคาสั่ง เม่ือพบคาสงั่ ที่ผิดพลาดให้แก้ไข และ ทดสอบผลการทางานใหม่อีกครงั้ ) 3. มอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละคนทากจิ กรรมฝกึ ทักษะจากหนังสอื เรยี นเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ โดยให้นักเรียนแก้ไขข้อผิดพลาดใหถ้ กู ต้องจากนนั้ บนั ทึกคาตอบลงในสมดุ ประจาตวั 4. ครูอธิบายกบั นักเรยี นว่า“นอกจากนย้ี งั มกี ารตรวจสอบคาสั่งผิดรูปแบบทีละคาส่งั ซงึ่ เป็น การตรวจสอบตั้งแต่คาสัง่ แรกจนถึงคาสั่งสุดท้าย เม่อื พบข้อผิดพลาดแล้วจึงค่อยดาเนินการ แก้ไขใหถ้ ูกต้อง” 5. เปดิ โอกาสให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ศึกษาสถานการณต์ ัวอย่างจากการตรวจสอบข้อผิดพลาด ของโปรแกรมทลี ะคาสัง่ จากหนังสือเรยี น 6. จากนน้ั ครูอธิบายเกรด็ นา่ รใู้ ห้นกั เรียนฟังวา่ “ความผิดพลาดอาจสง่ ผลให้งานที่ทาอยู่ไม่สาเร็จ เพราะฉะนนั้ ในการทางานใด ๆ ตอ้ งมีการตรวจสอบทุกครั้ง หากมีข้อผิดพลาดจะได้แก้ไข ก่อนนาไปใช้งานจรงิ ”
ขนั้ ที่ 4 ขยำยควำมเขำ้ ใจ (Elaboration) 7. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษาการเขียนโปรแกรมจากชดุ คาส่งั ในใบงานที่ 2.2.1 เร่ือง การตรวจหาข้อผิดพลาดจากการเขยี นโปรแกรม โดยหาข้อผิดพลาดของคาสั่ง จากนัน้ แกไ้ ขคาสัง่ ให้ถกู ต้อง และใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอขัน้ ตอนการแก้ไขคาสั่งหนา้ ช้ันเรียน 8. ครใู หน้ ักเรยี นทากจิ กรรมฝึกทักษะในหนงั สือเรียนเพือ่ ขยายความเขา้ ใจมากยิ่งขึ้น โดยให้นักเรยี น พิจารณาบัตรคาสง่ั และหาผลลพั ธ์ทเ่ี กดิ ขึ้นใหถ้ กู ตอ้ ง โดยเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนสามารถพูดคุย แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ รว่ มกนั ภายในหอ้ งเรยี น Note วัตถุประสงค์ของกจิ กรรมเพ่ือให้นักเรยี น - มที กั ษะในการแกป้ ัญหา โดยให้นกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาด โดยแกไ้ ขปัญหาทีเ่ กดิ ขน้ึ อย่างเหมาะสมขณะทากจิ กรรม - มีทักษะการทางานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุม่ และทักษะการคิดเชิงคานวณ ในการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรม พร้อมแก้ไขใหถ้ ูกต้อง - มที ักษะการส่ือสาร โดยการพูดคยุ แลกเปล่ยี นความคิดเห็นร่มกนั ภายในหอ้ งเรยี น ในการทากิจกรรมฝึกทกั ษะเพ่ือขยายความเขา้ ใจ ขั้นสรุป ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครสู ่มุ นกั เรยี น 2-3 คน รว่ มกันตอบคาถามวา่ “นักเรียนจะนาวธิ กี ารตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดที่ได้ เรียนรนู้ ้ี ไปช่วยลดขอ้ ผดิ พลาดทอี่ าจจะเกดิ ข้นึ ในชวี ติ ประจาวันของตนเองได้อย่างไร” (แนวตอบ : ตรวจสอบความถูกต้องของภาระงานทีไ่ ด้รับมอบหมายให้สมบูรณ์ก่อนนาสง่ ครู ตรวจสอบคาพูดเมอ่ื ส่ือสารผ่านสงั คมออนไลน์ เป็นตน้ ) 2. ครตู รวจสอบผลการทาใบงานที่ 2.2.1 และการทากจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ 3. นักเรยี นและครสู รุปเนอ้ื หาร่วมกันเกย่ี วกับการตรวจสอบข้อผดิ พลาดจากการเขยี นโปรแกรมว่า “การตรวจสอบข้อผิดพลาดขณะเขยี นโปรแกรม ถือว่าเปน็ ขน้ั ตอนทีส่ าคัญสาหรบั การเขียน โปรแกรม เพราะเปน็ การตรวจสอบวา่ การเขียนโปรแกรมครงั้ นน้ั ไดผ้ ลลพั ธ์ตรงตามความตอ้ งการ หรือไม่ โดยข้อผดิ พลาดทเ่ี กิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากการเขยี นคาสั่งผิดหรอื เกิดจากการเขยี นคาส่ัง ผิดรูปแบบ หากไมม่ กี ารตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดกอ่ นจะสง่ ผลให้การเขยี นโปรแกรมคาสงั่ คร้ังน้นั ไมป่ ระสบผลสาเรจ็ ดงั นน้ั เพ่ือลดความผดิ พลาดท่ีอาจเกดิ ขน้ึ จงึ ควรตรวจสอบความถูกตอ้ ง ทกุ ครั้งกอ่ นนาไปใช้งานจริง”
7. กำรวัดและประเมนิ ผล วธิ ีวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์กำรประเมนิ รำยกำรวัด 7.1 การประเมินระหว่างการ - ตรวจใบงานท่ี 2.2.1 - ใบงานที่ 2.2.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ จัดกจิ กรรม 1) การตรวจหา ขอ้ ผดิ พลาดจาก การเขียนโปรแกรม 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล การทางานรายบุคคล 4) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 กลมุ่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 อันพึงประสงค์ ความรบั ผดิ ชอบ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มัน่ อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน 8. สือ่ /แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 ส่ือกำรเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง การตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม 2) ใบงานที่ 2.2.1 เรือ่ ง การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากการเขยี นโปรแกรม 8.2 แหล่งกำรเรยี นรู้ -
ใบงำนท่ี 2.2.1 เร่อื ง กำรตรวจหำข้อผิดพลำดจำกกำรเขยี นโปรแกรม คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นศึกษำควำมหมำยของชดุ คำส่งั ตอ่ ไปนี้ ควำมหมำย ชุดคำส่ัง สัญลกั ษณ์ เดินข้ึนข้ำงบน เดินลงขำ้ งล่ำง เดินไปทำงขวำ เก็บ เดินไปทำงซ้ำย น้ำหวำน เกบ็ น้ำหวำน ผลติ น้ำผึ้ง ผลติ กำรทำซำ้ น้ำผึง้
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นพิจำรณำโปรแกรมตอ่ ไปนี้ว่ำ ผ้งึ เดนิ ทำงไปเก็บน้ำหวำนและผลติ น้ำผ้ึงไดส้ ำเรจ็ ตำม เส้นทำงทก่ี ำหนดหรือไม่ ถำ้ พบขอ้ ผิดพลำด ให้นักเรยี นแก้ไขขอ้ ผดิ พลำดในโปรแกรมคำส่งั ให้ถกู ต้อง สถำนกำรณ์ โปรแกรมคำส่งั 2 3 45 1 เก็บ ผลิตน้ำผงึ้ พิจำรณำโปรแกรมคำสัง่ (วงกลมรอบคำตอบ) น้ำหวำน √ ถกู ตอ้ ง × ผิดพลำด
สถำนกำรณ์ โปรแกรมคำสั่งทถ่ี ูกต้อง (วำดคำสง่ั ลงในแตล่ ะชอ่ งตำมลำดับ) 4 5 123 คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นพจิ ำรณำโปรแกรมต่อไปนี้วำ่ ผ้ึงเดินทำงไปเกบ็ นำ้ หวำนและผลิตนำ้ ผ้งึ ได้สำเร็จตำม เส้นทำงทกี่ ำหนดหรือไม่ ถำ้ พบขอ้ ผิดพลำด ให้นักเรยี นแกไ้ ขขอ้ ผิดพลำดในโปรแกรมคำสง่ั ให้ถกู ต้อง
สถำนกำรณ์ เฉลย โปรแกรมคำส่ัง 2 3 45 1 เก็บ ผลิตน้ำผง้ึ พจิ ำรณำโปรแกรมคำสัง่ (วงกลมรอบคำตอบ) น้ำหวำน √ ถกู ตอ้ ง × ผดิ พลำด
สถำนกำรณ์ โปรแกรมคำส่งั ทถ่ี กู ตอ้ ง (วำดคำส่งั ลงในแตล่ ะชอ่ งตำมลำดบั ) 45 123 ผลิตน้ำผงึ้ เก็บ นำ้ หวำน
9. ควำมเหน็ ของผบู้ ริหำรสถำนศกึ ษำหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมำย ) ....... ขอ้ เสนอแนะ ลงชื่อ ( ตำแหนง่ 10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนยี (วทิ ยาการคานวณ) ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 3 ตัวอย่ำงกำรเขียนโปรแกรมดว้ ย Code.org เวลำ 1 ชัว่ โมง 1. มำตรฐำน/ตัวช้วี ัด 1.1 ตวั ชวี้ ัด ว 4.2 ป. 2/2 เขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสอ่ื และตรวจหาข้อผิดพลาด ของโปรแกรม 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธิบายการเขียนโปรแกรมคาส่ังโดยใช้ Code.org ได้ถกู ตอ้ ง (K) 2. อธิบายขนั้ ตอนการใช้โปรแกรมคาสงั่ ควบคุมตวั ละครในสถานการณ์ตัวอย่างได้ถูกต้อง (K) 3. แสดงขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมแบบจดั ลาดับดว้ ย Code.org ได้ (P) 4. แสดงขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ ดว้ ย Code.org ได้ (P) 5. เหน็ ประโยชนข์ องการเขยี นโปรแกรมด้วย Code.org (A) 3. สำระกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน - ตัวอยา่ งโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรมส่งั ใหต้ วั ละคร พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา ทางานตามที่ต้องการ และตรวจสอบข้อผดิ พลาด ปรับแกไ้ ขใหไ้ ด้ผลลพั ธต์ ามท่กี าหนด - ซอฟตแ์ วร์หรือส่ือท่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใชบ้ ัตรคาส่งั แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org 4. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด การเขยี นโปรแกรมดว้ ย Code.org เปน็ การเรียนรกู้ ารเขยี นโปรแกรมโดยใช้เกมสเ์ ปน็ ส่ือ ช่วยดงึ ดดู ความสนใจและกระตนุ้ การเรียนร้ขู องนักเรยี น ในเวบ็ ไซต์ Code.org แบง่ คอรส์ เรยี นตามชว่ งวยั ใหเ้ หมาะสม กบั พฒั นาการการเรียนรู้ โดยในบทเรียนประกอบด้วย การเรยี นรู้คาสัง่ ทใ่ี ชเ้ ขยี นโปรแกรมแบบจัดลาดบั การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้า และการตรวจสอบข้อผดิ พลาดจากการเขียนโปรแกรม
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินัย รบั ผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ความสามารถในการคิด 3. มงุ่ มั่นในการทางาน - ทักษะการคิดเชิงคานวณ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการแก้ปญั หา - ทกั ษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - ทกั ษะการทางานรว่ มกัน 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงที่ 1 ขนั้ นา ข้ันท่ี 1 กระตุน้ ควำมสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี น และถามคาถามกับนักเรียนว่า “นักเรียนรจู้ กั การเขยี น โปรแกรมด้วย Code.org หรือไม่ และการเขยี นโปรแกรมด้วย Code.org มปี ระโยชนอ์ ย่างไร” (แนวตอบ : Code.org เป็นโปรแกรมสาหรับเด็กในวัยเรยี น และผู้ที่สนใจจะเรียนรู้เกย่ี วกับ การเขยี นโปรแกรมหรือการเขียนโค้ดคาสง่ั อยา่ งงา่ ยผ่านบทเรยี นส้นั ๆ เพอ่ื พัฒนาทกั ษะพ้ืนฐาน ในการพฒั นากระบวนการทางความคิด) 2. ครพู ดู กระต้นุ ความสนใจของนักเรียนว่า“วนั นีค้ รูจะให้นักเรยี นทดลองใช้เว็บไซต์ Code.org” 3. ครอู ธบิ ายเพ่ือเช่อื มโยงเข้าสูบ่ ทเรยี นวา่ “การเรียนร้คู าสง่ั จากโปรแกรม Code.org จะส่งผลให้ นกั เรยี นสามารถเขียนโปรแกรมคาสั่งแบบจัดลาดบั เขยี นโปรแกรมคาสัง่ แบบวนซ้า และ การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดได้”
ข้นั สอน ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หำ (Exploration) 4. นกั เรียนเข้าส่เู ว็บไซต์ Code.org โดยทาตามข้ันตอน ดังนี้ 1. เขา้ ส่เู วบ็ ไซต์ Code.org 2. เลอื กบทเรียนสาหรับนักเรียน 3. เลือกคอรส์ 2 ทเี่ หมาะสมสาหรับนักเรียนท่มี อี ายุ 6 ขวบขึ้นไป 4. เลอื กหวั ขอ้ ท่ี 8 คอื เกมผ้งึ แบบวนลูป 5. ครูอธบิ ายกับนกั เรียนวา่ “การเขยี นโปรแกรมในเว็บไซต์ Code.org มกี ารเรียนรจู้ ากง่ายไปยาก ดังนัน้ นักเรยี นควรเรยี นรู้อยา่ งเป็นลาดับขน้ั ตอน เพอ่ื ให้เกดิ การเรยี นรู้ได้อยา่ งถูกต้อง” 6. เปิดโอกาสให้นักเรยี นได้ศกึ ษาการเขียนโปรแกรมจากเว็บไซต์ Code.org ในเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ของตนเอง โดยกาหนดระยะเวลาตามความเหมาะสม 7. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 2-3 คน หรือตามความเหมาะสม เพอ่ื ศกึ ษาสถานการณ์ตัวอย่างและ คาส่ังควบคุมการทางานของผึ้งโดยใชโ้ ปรแกรม Code.org จากหนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม ขั้นท่ี 3 อธบิ ำยควำมรู้ (Explanation) 8. ครอู ธบิ ายกับนักเรยี นวา่ “จากสถานการณต์ ัวอยา่ งและคาส่งั ควบคมุ การทางานของผึง้ สามารถจบั คชู่ ุดคาส่ังกับผลลพั ธ์ได้ 4 โปรแกรมคาส่ัง ดงั นี้ - โปรแกรมผงึ้ รปู ท่ี 1 คกู่ บั คาสั่งควบคมุ การทางานรปู B - โปรแกรมผึง้ รปู ที่ 2 คู่กับ คาสัง่ ควบคมุ การทางานรูป A - โปรแกรมผ้ึงรูปท่ี 3 คูก่ บั คาสงั่ ควบคุมการทางานรปู D - โปรแกรมผง้ึ รปู ท่ี 4 คกู่ บั คาสง่ั ควบคมุ การทางานรูป C โดยการทานายผลลัพธ์ลักษณะนีน้ ักเรยี นสามารถนาไปใชก้ ับรายวชิ าอื่นได้ เช่น วชิ าคณิตศาสตร์ เป็นตน้ ” 9. ครใู ช้คาถามท้าทายการคดิ ขั้นสูงของนักเรียนว่า“ในการทานายผลลัพธ์ นอกจากจะใช้วิธีการ พจิ ารณาทลี ะคาสัง่ แลว้ นักเรียนมวี ิธีการทานายผลลพั ธ์ในรูปแบบอื่นอกี หรือไม่ อยา่ งไร” (แนวตอบ : นักเรียนตอบคาถามตามประสบการณ์ โดยคาตอบขึน้ อยกู่ บั ดลุ ยพินิจของครูผูส้ อน) ขนั้ ที่ 4 ขยำยควำมเข้ำใจ (Elaboration) 10. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ลงมือทาใบงำนท่ี 2.3.1 เร่ือง กำรเขียนโปรแกรมด้วย Code.org โดยลากเส้นจับคู่สถานการณ์กับโปรแกรมคาสง่ั ให้ถูกต้องตรงกนั และเลือกโปรแกรมคาสั่งจาก สถานการณ์ที่กาหนดไวไ้ ด้อย่างถูกต้อง
11. นกั เรยี นออกมานาเสนอผลงานจากการทาใบงานหน้าชั้นเรียน 12. นกั เรียนทากจิ กรรมฝึกทักษะจากหนงั สือเรยี นเพื่อขยายความเขา้ ใจ โดยใหน้ ักเรียนเขยี นคาสั่ง โปรแกรมใหส้ มบูรณต์ ามสถานการณ์ที่กาหนด จากนัน้ บันทึกคาตอบลงในสมดุ ประจาตัว และ นามาอภิปรายรว่ มกันในชน้ั เรยี น Note วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพอื่ ให้นกั เรยี น - มที ักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหนา้ ขณะทากิจกรรมเพื่อฝึกทักษะการเขียนโปรแกรม ในเว็บไซต์ Code.org โดยใช้ทักษะการคดิ เชิงคานวณในการคดิ ค้นวีการเขียนโปรแกรมคาส่งั และวธิ ีการตรวจสอบข้อผดิ พลาดจากการเขียนโปรแกรมคาส่ังกอ่ นนาไปใช้งาน - มีทกั ษะการทางานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการสอ่ื สารและแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นขณะทาใบงานการจบั คู่สถานการณก์ บั โปรแกรมคาสงั่ ให้ถูกต้องตรงกนั โดยสามารถพานกสีแดงเดินทางไปหาหมสู ีเขียวได้อย่างปลอดภยั - มที กั ษะการสงั เกตสถานการณ์และคาสั่งควบคุมการทางานของผึ้งจากตวั อยา่ งใน หนงั สือเรียน โดยนามาปรับใช้ได้อยา่ งเหมาะสม ขัน้ สรุป ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 13. ครูตรวจสอบการเขียนโปรแกรมคาสัง่ ของนักเรยี นจากการทาใบงานและการทากจิ กรรม ฝึกทกั ษะ 14. ครสู ่มุ ถามนักเรยี น 2-3 คนวา่ “จากการเล่นเกมสใ์ นเวบ็ ไซต์ Code.org นกั เรยี นไดเ้ รียนรู้ วธิ ีการเขียนโปรแกรมคาส่งั อยา่ งไรบ้าง” (แนวตอบ : เรียนรูก้ ารเขียนโปรแกรมคาสัง่ แบบจดั ลาดับ การวนซา้ และการตรวจหา ขอ้ ผดิ พลาด) 15. นักเรยี นและครูสรปุ ร่วมกันวา่ “การเขยี นโปรแกรมคาส่ังทด่ี จี ะต้องไม่เขยี นคาสัง่ ให้โปรแกรม ทางานซา้ กันหลาย ๆ รอบ ควรเปน็ การเขยี นโปรแกรมแบบวนซ้าเพื่อลดความซา้ ซ้อน ในการทางาน ซึ่งก่อนนาโปรแกรมที่เขียนไปใช้งาน ควรมีการตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดโดยใช้ วิธีการตรวจสอบคาส่งั ซงึ่ มีวธิ ีการทเ่ี หมาะสมอยู่ 2 วิธี ได้แก่ การตรวจสอบคาสั่งข้นั ตอน การทางานของโปรแกรมและการตรวจสอบคาสง่ั ทผี่ ิดรปู แบบทีละคาสงั่ โดยผทู้ เ่ี รม่ิ ฝึก เขยี นโปรแกรมควรฝกึ จากเว็บไซต์ Code.org เพอ่ื เรยี นรลู้ กั ษณะการเขียนโปรแกรมคาสงั่ จากงา่ ยไปยาก”
16. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง การตรวจหาข้อผดิ พลาด ของโปรแกรม 17. นกั เรยี นทากจิ กรรมเสริมสรา้ งการเรียนรจู้ ากหนังสือเรียนและทาชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง การตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม จากน้ันบันทกึ คาตอบลงในสมดุ และนามาสง่ ในช่วั โมงถดั ไป 7. กำรวดั และประเมนิ ผล วธิ ีวัด เครือ่ งมือ เกณฑ์กำรประเมนิ รำยกำรวดั 7.1 การประเมินระหว่างการ - ตรวจใบงานท่ี 2.3.1 - ใบงานท่ี 2.3.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ จดั กิจกรรม 1) การเขียนโปรแกรม ดว้ ย Code.org 2) การนาเสนอผลงาน - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การนาเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ รายบุคคล การทางานรายบุคคล 4) พฤติกรรมการทางาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 กล่มุ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 อันพงึ ประสงค์ ความรับผดิ ชอบ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มน่ั อนั พึงประสงค์ ในการทางาน 7.2 การประเมินหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจริง - แบบทดสอบหลังเรยี น หลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 - แบบประเมนิ ช้ินงาน ระดบั คุณภาพ 2 การตรวจหาข้อผดิ พลาด - ตรวจชนิ้ งาน/ภาระงาน /ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์ ของโปรแกรม (รวบยอด) - การประเมินชนิ้ งาน /ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง การตรวจหา ข้อผิดพลาดของ โปรแกรม
8. สื่อ/แหลง่ กำรเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื กำรเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง การตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม 2) ใบงานที่ 2.3.1 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมดว้ ย Code.org 3) เครื่องคอมพิวเตอร์ 8.2 แหลง่ กำรเรยี นรู้ 1) อินเทอร์เน็ต 2) หอ้ งคอมพิวเตอร์
ใบงำนท่ี 2.3.1 เรอ่ื ง กำรเขียนโปรแกรมดว้ ย Code.org คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นลำกเสน้ จับคสู่ ถำนกำรณก์ บั โปรแกรมคำสั่งใหถ้ กู ต้องโดยสำมำรถพำนกสีแดง เดนิ ทำงไปหำหมูสีเขยี วได้อย่ำงปลอดภยั 1A 2B 3 C คำชีแ้ จง : จำกสถำนกำรณ์ต่อไปน้ี
ใหน้ กั เรียนทำเคร่ืองหมำยกำกบำท (x) เลือกโปรแกรมคำส่งั ท่ีถูกต้องและใชค้ ำสง่ั นอ้ ยทส่ี ุด โดยสถำนกำรณ์ คอื ใหผ้ ึ้งเก็บนำ้ หวำนจำกเกสรดอกไมแ้ ละนำน้ำหวำนไปผลติ เป็นน้ำผ้งึ ท่รี วงผึ้งให้ครบ AB CD C
ใบงำนท่ี 2.3.1 เฉลย เรื่อง กำรเขยี นโปรแกรมดว้ ย Code.org คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนลำกเสน้ จับค่สู ถำนกำรณ์กับโปรแกรมคำสัง่ ให้ถกู ต้องโดยสำมำรถพำนกสีแดง เดินทำงไปหำหมสู เี ขียวได้อย่ำงปลอดภยั 1A 2B 3C
คำชแี้ จง : จำกสถำนกำรณต์ อ่ ไปน้ี ใหน้ ักเรียนทำเครือ่ งหมำยกำกบำท (x) เลอื กโปรแกรมคำส่ังทถ่ี ูกต้องและใชค้ ำส่งั น้อยทีส่ ุด โดยสถำนกำรณ์ คือ ใหผ้ ึ้งเก็บน้ำหวำนจำกเกสรดอกไมแ้ ละนำน้ำหวำนไปผลติ เปน็ นำ้ ผึ้งที่รวงผงึ้ ให้ครบ AB CD C
ชน้ิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) เรอ่ื ง กำรตรวจหำข้อผดิ พลำดของโปรแกรม คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนวิเครำะหส์ ถำนกำรณแ์ ละตรวจสอบโปรแกรมคำสั่งพรอ้ มแก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง โดยมีสถำนกำรณ์ ดังน้ี ใหผ้ ึ้งเก็บน้ำหวำนจำกเกสรดอกไมแ้ ละนำนำ้ หวำนไปผลติ เป็นนำ้ ผึ้ง ท่รี วงผ้ึงให้ครบ สถำนกำรณ์ โปรแกรมคำสง่ั ท่ผี ดิ พลำด จำกโปรแกรมคำส่ังจะพบวำ่ เป็นโปรแกรมคำสง่ั ท่ีผดิ พลำด ผงึ้ ไม่สำมำรถเกบ็ น้ำหวำนจำกเกสรดอกไม้ และนำน้ำหวำนไปผลิตนำ้ ผ้ึงได้หมด ดงั น้นั ใหน้ กั เรียนเขียนโปรแกรมคำสั่งใหม่ลงในช่องวำ่ งท่ีกำหนด
ช้นิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) เฉลย เรื่อง กำรตรวจหำข้อผิดพลำดของโปรแกรม คำช้ีแจง : ให้นกั เรยี นวเิ ครำะหส์ ถำนกำรณ์และตรวจสอบโปรแกรมคำส่ังพรอ้ มแกไ้ ขใหม่ใหถ้ ูกต้อง โดยมสี ถำนกำรณ์ ดังน้ี ให้ผ้ึงเก็บนำ้ หวำนจำกเกสรดอกไม้และนำนำ้ หวำนไปผลิตเป็นนำ้ ผ้งึ ทรี่ วงผ้ึงใหค้ รบ สถำนกำรณ์ โปรแกรมคำสง่ั ที่ผดิ พลำด จำกโปรแกรมคำสัง่ จะพบว่ำเป็นโปรแกรมคำส่ังที่ผดิ พลำด ผึ้งไม่สำมำรถเก็บนำ้ หวำนจำกเกสรดอกไม้ และนำน้ำหวำนไปผลติ นำ้ ผ้ึงได้หมด ดังนน้ั ให้นักเรยี นเขียนโปรแกรมคำสั่งใหม่ลงในช่องวำ่ งที่กำหนด
แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับท่ี รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ............/................./................... เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑก์ ำรตดั สินคุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 14–15 ดมี ำก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล คำช้ีแจง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ที่ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื 3 การทางานตามหน้าที่ท่ีได้รบั มอบหมาย 4 ความมีน้าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ 14–15 ดมี ำก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน กำรทำงำน กำรมี ตำมทไี่ ดร้ บั ลำดบั ท่ี ชือ่ –สกลุ กำรแสดง กำรยอมรับ มอบหมำย ควำมมีน้ำใจ ส่วนร่วมใน รวม ของนักเรียน ควำมคดิ เหน็ ฟังคนอน่ื กำรปรับปรงุ 15 คะแนน ผลงำนกลุ่ม 321321321321321 เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............./.................../............... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตดั สนิ คุณภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภำพ 14–15 ดมี ำก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดำ้ น 32 1 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรยี น 1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเก่ยี วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรยี นจัดข้นึ 2. ซอ่ื สัตย์ สุจริต 2.1 ให้ขอ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ งและเปน็ จริง 2.2 ปฏบิ ัติในสิง่ ท่ถี กู ต้อง 3. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ ในชวี ิตประจาวัน 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัตไิ ด้ 4.2 รู้จักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชื่อฟังคาส่ังสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 4.4 ต้งั ใจเรยี น 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยัด 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่ 5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน 6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพ่อื ให้งานสาเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 ร้จู กั ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละส่ิงแวดล้อมของห้องเรยี นและ โรงเรียน ลงชือ่ ..................................................ผปู้ ระเมนิ ............/.................../................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน 51–60 ดมี ำก พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติบางครง้ั 41–50 ดี 30–40 ตา่ กว่า 30 พอใช้ ปรับปรุง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222