Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา (ม.ปลาย)

รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา (ม.ปลาย)

Published by thezeroii, 2021-08-20 04:37:12

Description: รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา (ม.ปลาย)

Search

Read the Text Version

3) ดา้ นกวีนพิ นธ์ พระรตั นธัชมนุ ี มีความสามารถทางกวนี ิพนธด์ ้วย ท้งั กลอนสด กลอนเพลงบอกและโคลงกลอน อนื่ ๆ อกี มาก เชน่ แตง่ คำ� รอ้ งรบั เสดจ็ ในสมยั รชั กาลท่ี 5 เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นรอ้ งรบั เสดจ็ เมอ่ื เสดจ็ ถงึ จงั หวดั นครศรธี รรมราช แตง่ โคลงรบั เสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ ัวเมอื่ เสดจ็ ประพาส จงั หวัด นครศรีธรรมราช พ.ศ. 2441 แตง่ เพลงบอกเรอื่ งศาลาโกหก 10. พระครพู ศิ ิษฐอ์ รรถการ (พอ่ ท่านคล้าย) พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือ พ่อท่านคล้าย มีช่ือเดิมว่า คล้าย สีนิล (ศรีนิล) เกิดเมื่อวันอังคาร เดอื น 4 ปีชวด พ.ศ. 2407 ท่ีบา้ นโคกกะทอื ต.ชา้ งกลาง อ.ฉวาง จ.นครศรธี รรมราช บิดาชื่อ นายอนิ ทร์ มารดาชอื่ นางเนีย่ ว มพี ส่ี าวคนหน่งึ ชอื่ เพงิ ไดเ้ สียชวี ติ ตง้ั แตเ่ ยาว์วยั การศกึ ษา ทา่ นได้ศึกษาเลา่ เรียนอกั ษร จากบิดาของท่าน อายุ 10 ขวบ ก็เรียนจบ เมือ่ อายุ 13 ปี ได้โปเรียนเลขกบั อาจารยข์ า้ํ ไมน่ านก็ชำ� นาญ เมือ่ อายุ 20 ปี ก็ไดอ้ ปุ สมบท ท่ีวัดจังม่วง อ.ฉวาง พ่อท่านคล้ายเป็นพระเถระท่ีมีความเคร่งครัดในวิชาวินัย มีคุณธรรม และบ�ำเพ็ญประโยชน์ อยา่ งใหญห่ ลวง จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งนบั ถอื จากประชาชนทวั่ ไปวา่ เปน็ เกจอิ าจารยท์ ส่ี ำ� คญั รปู หนง่ึ ของภาคใตใ้ นฐานะ ท่ีเป็นผ้มู ี “วาจาสทิ ธ”ิ์ ผลงาน/เกียรติคณุ ที่ไดร้ บั 1) งานด้านศาสนา พระครูพิศิษฐ์อรรถการ เป็นผู้น�ำในการสร้างวัดพระเจดีย์ พระพุทธรูป และร่วมกัน ในการปฏิสังขรณ์ บูรณะศาสนสถานเป็นจ�ำนวนมาก เช่น สร้างวัด พ่อท่านคล้ายเห็นความส�ำคัญของปูชนียสถาน จึงไดส้ รา้ งวดั ข้นึ หลายแหง่ ได้แก่ วัดมะปรางงาม ตำ� บลละอาย อ�ำเภอฉวาง ใน พ.ศ. 2490 ต่อมา พ.ศ. 2500 ทายาท องึ่ คา่ ยทา่ ย ถวายทดี่ นิ ใกลต้ ลาดนาบอน จงึ สรา้ งวดั ขนึ้ เรยี กชอ่ื ตามสมณะคกั ดวิ์ า่ วดั พศิ ษิ ฐอ์ รรถการามและวดั ทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ คอื วดั พระธาตนุ อ้ ยหรอื คนทวั่ ไปเรยี กวา่ วดั พอ่ ทา่ นคลา้ ย พระครพู ศิ ษิ ฐอ์ รรถการไดส้ รา้ งขน้ึ ใหม่ และสรา้ งเจดยี ์ องคใ์ หญไ่ วเ้ ปน็ อนุสรณ์ 2) งานดา้ นพัฒนาท้องถิ่น พ่อท่านคล้าย จัดได้ว่าเป็นนักพัฒนาท่ียิ่งใหญ่ตลอดชีวิต ท�ำางานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ได้เดินทางไปพัฒนาในท่ีต่าง ๆ มากมาย สร้างถนน สะพานมากมาย ด้วยเมตตาบารมี และความเคารพศรัทธาของศิษย์และประชาชน เช่น สร้างถนนเข้าวัดจันดี ถนนจากต�ำบลละอายไปพิปูน ถนนจากวดั สวนขัน ไปยังสถานรี ถไฟคลองจนั ดี ถนนจากตำ� บลละอายไปนาแว ถนนระหว่างหมบู่ า้ นในตำ� บลละอาย สะพานข้ามคลองคุดดว้ น เข้าวัดสวนขนั สะพานขา้ มแม่ 3) ด้านความมีเมตตาและวาจาสทิ ธ์ิ ศิษย์ยานุศิษย์และประชาชนท่ีเคารพนับถือ ศรัทธาพ่อท่านคล้ายได้เชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของวาจา พูดอย่างไรเป็นอยา่ งน้นั พ่อท่านคลา้ ยจะพดู จากบั ทกุ คนดว้ ยใบหนา้ ยิม้ แย้มและแจม่ ใสอารมณ์เยือกเย็น อยู่ตลอดเวลา ท่านมักจะให้พรกับทุกคน “ขอให้เป็นสุข เป็นสุข” ผู้ท่ีเคารพนับถือท่านต่างพากันกลัวค�ำต�ำหนิ เพราะผู้ท่ีถูกต�ำหนิทุกรายล้วนแต่พบความวิบัติ คนส่วนมากจึงหวังที่จะได้รับค�ำอวยพร เพราะค�ำเหล่าน้ัน เป็นการพยากรณ์ท่ีแม่นย�ำท้ังในทางดีและทางเส่ือมเสีย คนท่ีไปนมัสการหวังท่ีจะได้วัตถุมงคล บ้างขอน้�ำมนต์ ชานหมาก แหวน ผา้ ยันต์ เหรียญ รูปหลอ่ รูปพิมพ์ ซึง่ พอ่ ท่านคลา้ ยก็ไดม้ ีเมตตาใหก้ ับทกุ คน ยง่ิ ชานหมากของท่าน หากใครได้รับจากมือทา่ นเป็นต้องหวงแหนอยา่ งทส่ี ุด 92 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

11. พระรตั นธัชมุนี (แบน ฤทธโิ ชต)ิ พระรัตนธัชมุนี มีนามเดิมว่า “แบน ฤทธิโชติ” เกิดเม่ือ วนั ที่ 2 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2427 ตรงกับวนั จันทร์ ข้นึ 9 ค่าํ เดอื น 7 ปวี อก ทบี่ า้ นดอนทะเล หมทู่ ี่ 2 ตำ� บลปากพนู อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครศรธี รรมราช บิดาช่ือ หม่ืน ทิพยจักษุ (ขาว ฤทธิโชติ) มารดาช่ือ นางเปิด ฤทธิโชติ (ธรรมิกกุล) มีพ่ีน้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน พระรัตนธัชมุนี ได้มรณภาพด้วยโรคชรา เมือ่ วันท่ี 10 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2521 ตลอดชวี ิต ของท่านเป็นเวลายาวนานถึง 95 ปี พรรษา 75 ท่านได้ทุ่มเทให้กับ พระพุทธศาสนาสร้างสรรค์ “อมตสมบัติ” นับได้ว่าเป็นพระเถระ ทน่ี า่ เส่อื มใสศรทั ธาและนา่ บูชายกยอ่ งเป็นอยา่ งย่ิง ผลงานหรอื เกียรตคิ ุณทไ่ี ด้รบั พระรัตนรัชมนุ ี (แบน ฤทธโิ ชต)ิ 1) เป็นผชู้ ว่ ยเจา้ อาวาสวดั ราชาธวิ าสวรวิหาร กรงุ เทพมหานคร 2) เปน็ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยั ญาติการาม กรุงเทพมหานคร 3) เปน็ เจา้ อาวาสวัดมเหยงคณ์ อ.เมอื ง จ.นครศรีธรรมราช 4) เป็นเจ้าอาวาสวดั พระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรธี รรมราช 5) รักษาการในหน้าทเ่ี จ้าคณะจังหวัดนครศรธี รรมราช 6) เป็นเจา้ คณะจังหวดั นครศรีธรรมราช 7) เปน็ รองเจ้าคณะธรรมยุต ภาค 7-8-9 8) เป็นเจ้าคณะจงั หวัดนครศรธี รรมราช ภเู ก็ต พงั งา กระบ่ี 9) เปน็ รองคณะ ภาค 16-17-18 12. พระรัตนธชั มนุ ี (แบน คณุฐาภรโณ) พระรัตนธัชมุนี (แบน คณุฐาภรโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรวิหาร อดีตเจ้าคณะ จังหวดั นครศรธี รรมราช (ธรรมยุต) นามเดิม แบน ฤทธโิ ชติ เกิดเมื่อวันท่ี 2 มถิ ุนายน พ.ศ. 2427 ท่บี ้านดอนทะเล ตำ� บลปากพนู อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครศรธี รรมราช บดิ าชอื่ หมน่ื ทพิ ยจ์ กั ษุ (ชาว ฤทธโิ ชต)ิ มารดาชอ่ื นางเป็ด ฤทธิโชติ (ธรรมิกกุล) มีพน่ี อ้ งรว่ มบดิ า มารดาเดยี วกัน 3 คน เม่ืออายคุ รบ 20 ปี ได้บรรพชาอปุ สมบททนี่ ทิสีมา (สีมาน้ํา) ในคลองปากพูน หน้าวัดท่าม่วง หมู่ท่ี 2 บ้านดอนทะเล ต�ำบลปากพูน ได้รับขนานนามว่า “คณุฐาภรโณ” พระรัตนธัชมุนี ได้มรณภาพดว้ ยโรคชรา เมอ่ื วันที่ 10 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2521 ตลอดชีวิต ของทา่ นเปน็ เวลายาวนานถงึ 95 ปี พรรษา 75 ทา่ นไดท้ มุ่ เทใหก้ บั พระพทุ ธ ศาสนา พระรตั นรัชมุณี (แบน คุณฐาภรโณ) เอกสารประกอบการเรยี น 93 รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ผลงานและเกียรติคณุ ทไี่ ดร้ บั 1. ดา้ นสง่ เสริมพระพทุ ธศาสนา 1) ตำ� แหน่งพระปลัดฐานานกุ รมของพระอรยิ กวี (เซ่ง) วัดราชาธวิ าสวหิ าร กรงุ เทพ ในปี 2454 เปน็ พระครปู ระสาทพทุ ธรปู วติ ร ฐานานกุ รมของสมเดจ็ พระมหาสมณะเจา้ กรมพระวชริ ญาณวโรรส วดั บวรนเิ วศวหิ าร กรงุ เทพฯ ใน พ.ศ. 2457 2) พระครูปลัดศีลวัฒน์ ฐานานุกรมของพระธรรมโกศาจารย์ (พระรัตนธัชมุนี ม่วง) เจ้าคณะมณฑล นครศรธี รรมราชและปตั ตานี ใน พ.ศ.2463 3) พระครปู ลดั ศรธี รรมวฒั น์ฐานานกุ รมของพระรตั นธชั มนุ ี(มว่ ง)เจา้ คณะมณฑลนครศรธี รรมราช และปัตตานี ใน พ.ศ.2466 4) พระครูเหมเจติยานุรกั ษ์ ต�ำแหนง่ รองเจา้ คณะจังหวดั นครศรีธรรมราช ใน พ.ศ. 2468 5) พระศรีธรรมประสาธน์ มหาธาตเุ จติยานุรักษ์ สังฆปาโมกข์ ตำ� แหน่งพระราชาคณะชน้ั ราช ในนามเดิม และใน พ.ศ.2499 เป็นพระราชาคณะชนั้ เทพในนามเดิม 6) เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระรัตนธัชมุณีศรีธรรมราช ธรรมสาธก ตรีปีฏกคุณา ลังการศลี สมาจาก วินัยสนุ ทร ธรรมกิ คณสิ สร บวรสังฆาราม คามวาสี ใน ปี พ.ศ.2505 ผลงานที่ส�ำคญั 1. การพฒั นาศาสนาบคุ คล พระรัตนธัชมณุ ี (แบน) เปน็ ผมู้ เี มตตา สร้างสรรคบ์ ุคคลให้ได้รับความ เจริญรุ่งเรือง ให้การศึกษาอบรม แนะน�ำ โดยเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม เป็นครูที่ส�ำนักวัดท่าโพธ์ิ วัดมเหยงค์ วัดพระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร 2. การพัฒนาศาสนสถานและศาสนวัตถุ เม่ือได้รับหน้าท่ีเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะ ไดบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณศ์ าสนสถานทช่ี ำ� รดุ ใหค้ งสภาพดขี น้ึ ไดส้ รา้ งวดั และแนะนำ� ใหผ้ อู้ น่ื สรา้ งวดั ขนึ้ ในสถานทที่ คี่ วรสรา้ ง เพมิ่ ขนึ้ เปน็ จำ� นวนมาก เชน่ 2.1 บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จัดการให้บูรณปฏิสังขรณ์ องค์พระบรมธาตุ เจดีย์ พระวหิ ารหลวง พระระเบยี ง พระวิหารภูตเถร (พระแอด) พระวิหารสามจอม วิหารทับเกษตร วหิ ารตามศาลา สร้างกุฏิไม้ 1 ช้นั รวม 7 หลัง สรา้ งหอระฆัง สร้างถนนระหว่างพระเจดยี บ์ ริวาร ภายในบริเวณพระบรมธาตเุ จดีย์ สรา้ งศาลาพระรตั นธชั มนุ ี และสงิ่ กอ่ สรา้ งอนื่ ๆ ภายในบรเิ วณวดั อกี เปน็ จำ� นวนมาก รวมทง้ั สรา้ งโรงเรยี น พระปรยิ ตั ิ ธรรม ใช้เปน็ สถานท่ีศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกธรรมและแผนกบาลี 2.2 บรู ณปฏสิ ังขรณว์ ดั มเหยงค์ โดยปรับปรุงเสนาสนะทัว่ ท้ังวัด 2.3 เปน็ พระนกั เทศนท์ ม่ี คี วามสามารถ จนไดร้ บั การยกยอ่ งเปน็ “พระคณาจารยโ์ ททางเทศนา” เพราะมีความรทู้ นั ตอ่ เหตกุ ารณแ์ ละทนั สมัยอยู่ตลอดเวลา เน่ืองจากหากมีเวลาว่าง พระรตั นธชั มนุ ี (แบน) จะอ่าน ตำ� ราทางพระพทุ ธศาสนา สารคดี และขา่ วสารตา่ ง ๆ อยเู่ ปน็ ประจำ� การแสดงพระธรรมเทศนา จงึ แสดงโดยปฏภิ าณ มคี ารมคมคาย ชวนใหผ้ ฟู้ งั ตง้ั อกตงั้ ใจฟงั ถนดั ทงั้ การแสดงธรรมรปู เดยี ว และแสดงธรรมโดยปจุ ฉาวสิ ชั นา 2 ธรรมาสน์ ได้จาริกไปแสดงพระธรรมเทศนาอบรมประชาชนท่ัวภาคใต้ อีกท้ังยังจัดให้มีการประกอบศาสนกิจ ในวันส�ำคัญ ทางพระพุทธศาสนา จัดการฝึกอบรมศีลธรรมแก่นกั เรยี นในโรงเรยี นในเขตปกครองเปน็ ประจ�ำ 94 เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

13. พลต�ำรวจตรขี นุ พนั ธรกั ษร์ าชเดช ประวัติ พลต�ำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช ช่ือนามสกุลเดิม นายบุตร พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันท่ี 18 กุมภาพันธ์ 2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมูที่ 5 ต�ำบลดอนตะโก อ�ำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตร ของนายอว้ น นางทองจันทร์ พันธรกั ษ์ พลตำ� รวจตรี ขนุ พนั ธรักษ์ราชเดช เป็นอดีตนายต�ำรวจช่ือดัง ของวงการต�ำรวจไทย เป็นบุคคลที่ส�ำนักงาน ตำ� รวจแหง่ ชาติ เนอ่ื งจากทา่ นเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ขี องกรมตำ� รวจ มชี อื่ เสยี ง เป็นอันมากในการปราบโจรร้ายในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย เช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือผ่อน เสือคร้ึม เสือปล่ัง เสือใบ เสืออ้วน เสือไหว เสือมเหศวรท่ีพัทลุง ปราบเสือลัง หรือเสือพุ่ม ท่ีนราธิวาส เป็นต้น จากผลงานท่ีโดดเด่นท่ีสามารถปราบปรามโจรผู้ร้ายได้มากมาย จึงได้รับ ฉายาตา่ งๆ วา่ “นายพลตำ� รวจหนงั เหนยี ว” “นายพลตำ� รวจหนวดเซย้ี ว” “ขุนพนั ธๆ์ ดาบแดง” “รายอกะจิ” “จอมขมงั เวท” ต่อมาไดร้ บั พระบรม ราชานุญาตให้ใช้ราชทินนามเป็นช่ือสกุล “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” และ เป็นคนสุดทา้ ยของประเทศไทยทไี่ ดร้ บั พระราชทนิ นาม ผลงานทางวชิ าการ พลตำ� รวจตรี ขุนพนั ธรกั ษ์ราชเดช ขนุ พนั ธรกั ษร์ าชเดช เปน็ ทง้ั นกั อา่ นและนกั เขยี น ไดเ้ ขยี นเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ลงพมิ พใ์ นหนงั สอื และวารสาร ต่าง ๆ หลายเร่ือง และเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องที่เขียนส่วนใหญ่จึงเป็นเร่ืองเก่ียวกับ ความเชอ่ื ทางไสยศาสตร์ เชน่ ความเชอื่ ทางไสยศาสตรใ์ นภาคใต้ สองเกลอ หวั ลา้ นนอกครู มวยไทย เชอ่ื เครอ่ื ง กรงุ ชงิ ชา้ งเผอื กงาด�ำ ศิษยเ์ จา้ คุณ นอกจากนน้ั ก็มีเรอื่ งเก่ียวกบั ประวตั ิศาสตร์ทั้งประวตั บิ คุ คลและสถานที่ ต�ำนานทอ้ งถ่ิน มวย และเรื่องเก่ียวกบั ประสบการณ์ของตนเอง ผลงานดา้ นทะนบุ �ำรุงศาสนา เป็นผู้ริเริ่มให้มีการบวงสรวงพระธาตุนครศรีธรรมราช อันเปีนท่ีมาของการสร้างจตุคามรามเทพ รุ่นแรกในปี พ.ศ. 2530 ตามความเช่ือว่า องค์จตุคามรามเทพน้ัน เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรนครศรีธรรมราช ทรงมีพระนามที่เป็นทางการ คือ พระเจ้าจันทรภาณุ โดยท่ีพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์องค์ท่ีสองของราชวงศ์ ศรีธรรมาโศกราช พระองคท์ รงเปน็ กษตั ริยน์ ักรบที่แกร่งกล้า และไดร้ บั สมัญญานามวา่ พญาพังพกาฬ หรือ ราชนั ต�ำ แห่งทะเลใต้ พระองค์ทรงมีพระวรกายสีเข้ม และพระองค์ทรงศึกษาวิชาจตุคามศาสตร์ และบ�ำเพ็ญอธิษฐานจิต เปน็ พระโพธสิ ตั ว์ จตุคามรามเทพ มีความหมายว่า เทพรักษาพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซ่ึงมีอยู่ด้วยกัน สององคน์ น้ั กค็ อื ทา้ วขตั ตคุ ามและทา้ วรามเทพ ในอดตี มคี วามเชอ่ื วา่ ทา้ วขตั ตคุ าม และทา้ วรามเทพนนั้ เปน็ เทพชนั้ สงู ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของพุทธศาสนา ก็ท้าให้ท้าวขัตตุคามและท้าวรามเทพ เปลี่ยนสถานะเป็นเทวดา ทที่ รงปกปกั รกั ษาพระบรมธาตุ และถูกเปลีย่ นชื่อใหมเ่ พ่ือใหค้ วามเปน็ มงคล เปน็ ท้าวจตุคาม เอกสารประกอบการเรียน 95 รายวชิ า นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

14. ดร.สุรินทร์ พิศสวุ รรณ ดร.สรุ นิ ทร์ พศิ สวุ รรณ เกดิ เมอ่ื วนั ที่ 28 ตลุ าคม พ.ศ. 2492 เป็นคนบ้านตาล ต�ำบลก�ำแพงเซา อ�ำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พอ่ ชอ่ื ฮัจยี อิสมา แอล แม่ซอื่ ซอฟียะห์ พิศสวุ รรณ เป็นลูกชายคนโต จากทง้ั หมด 11 คน คุณตาซือ่ ฮัจจียะโกบ พศิ สุวรรณ ผ้กู อ่ ตงั้ โรงเรียน ปอเนอะบ้านตาล หรือโรงเรียนประทปี ศาสน์โรงเรยี นสอนศาสนาอสิ ลาม ชองเอกชน ส่วนคุณตาทวด ของ ดร.สุรินทร์ เป็นผู้บุกเบิกชุมชนมุสลิม ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ชื่อ อิหม่าม ตูวันฆูอัลมัรฮูม ฮัจยีซิดฎิก พิศสวุ รรณ ดร.สุรินทร์มีชอ่ื ในภาษาอาหรบั วา่ อับดุลฮาลืม บนิ อิสมาแอล พิศสวุ รรณ ซงึ่ แปลวา่ “ผมู้ จี ิตใจสุขุมเยอื กเย็น โกรธยาก อภัยเรว็ ” ดร.สรุ นิ ทร์ พศิ สวุ รรณ สมรสกบั อลสิ า พศิ สวุ รรณ (ฮจั ยะท์ ดร.สรุ ินทร์ พิศสวุ รรณ อาอซี ะฮ์) เมื่อ พ.ศ. 2526 มีลกู ชายด้วยกัน 3 คน ดร.สรุ นิ ทร์ พศิ สวุ รรณ ถงึ แกอ่ นจิ กรรม เมอื่ วนั ที่ 30 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2560 ทโี่ รงพยาบาลรามคำ� แหง ด้วยอาการหวั ใจวายเฉียบพลัน สิรอิ ายไุ ด้ 68 ปี การเมือง ดำ� รงตำ� แหน่งส�ำคญั ๆ ทางการเมือง ดงั นี้ 1) เปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธปิ ัตย์ ปี พ.ศ. 2529, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2548 2) เป็นเลขานกุ ารประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ปี พ.ศ. 2529 - 2531 3) ผู้ช่วยเลขานกุ าร รฐั มนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปี พ.ศ. 2531 - 2534 4) รัฐมนตรีชว่ ยวา่ การกระทรวงการตา่ งประเทศ รฐั บาล ชวน หลกี ภัย ปี พ.ศ. 2535 - 2538 5) รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการตา่ งประเทศ รัฐบาล ชวน หลีกภยั ปี พ.ศ. 2540 - 2544 6) เป็นเลขาธิการอาเซียน ปี พ.ศ. 2551 – 2556 ผลงานที่ส�ำคญั ในทางการเมอื ง 1) เปน็ ผรู้ ณรงคห์ าเสยี ง และสนบั สนนุ ดร.ศุภชัย พานชิ ภกั ดิ์ ไดร้ บั การเลือกตงั้ เป็นผอู้ �ำนวยการ ใหญ่ขององค์การการคา้ โลก (World Trade Organization; WTO) 2) ดร.สรุ นิ ทร์ เปน็ คนสำ� คญั ทไ่ี ปเจรจาของบประมาณชว่ ยเหลอื จากญปี่ นุ่ เพอื่ ใชใ้ นการสง่ กองกำ� ลงั รกั ษาสนั ตภิ าพไทยฟลิ ปิ ปนิ ส์ เพอื่ ไปรกั ษาสนั ตภิ าพในตมิ อรเ์ ลสเต (Timor-Leste) หรอื ตมิ อรต์ ะวนั ออก (EastTimor) ซึง่ เพงิ่ แยกตวั ออกและจากอินโดนเี ซีย เพ่ือลดความชดั แยง้ ระหวา่ งอินโดนเี ซยี ตมิ อร์-เลสเต เนอ่ื งจากไม่มปี ระเทศ มหาอ�ำนาจใดเข้ามาควบคมุ สถานการณ์ทเ่ี กดิ ขึ้น ถงึ แมว้ า่ บรเิ วณดังกลา่ วจะอย่ภู ายใตเ้ ขตอทิ ธพิ ลของ ออสเตรเลยี ดร.สรุ นิ ทร์ ไดไ้ ปเจรจาของบประมาณสนบั สนนุ ดังกล่าวจากญป่ี ุน่ และญปี่ นุ่ ได้อนมุ ัตเิ งนิ ท�ำใหก้ ารส่งกองก�ำลังรว่ ม ไทย-ฟิลปิ ปินส์ เพ่อื ไปรกั ษาสนั ตภิ าพทต่ี มิ อร์เลสเต ประสบความสำ� เร็จในที่สุด 3) ดร.สุรนิ ทร์ มสี ว่ นสำ� คัญในการผลักตนั ในประเทศสมาชิกอาเซียน ท้ัง 10 ประเทศใหส้ ัตยาบัน ตอ่ กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter) จนแลว้ เสรจ็ ในวนั ท่ี 14 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2551 และไดป้ ระกาศใช้ ในท่ีสุด นอกจากนีแ้ ล้ว ดร.สุรนิ ทร์ยังไดร้ ณรงคแ์ ละประชาสัมพันธ์เพอ่ื ให้ประชาชน ท้ัง 10 ชาติ ตระหนกั และรู้จกั อาเซยี น ให้มากขนึ้ อีกด้วย 96 เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

15. นายสมชาย วงศ์สวัสด์ิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี คนท่ี 26 ของประเทศไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้พิพากษา อดตี ปลดั กระทรวง ยตุ ธิ รรม อดตี ปลดั กระทรวงแรงงาน ในขณะที่ สมชาย ด�ำรงตำ� แหน่งนายกรัฐมนตรีนนั้ เขาไมไ่ ดป้ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่ใี นทำ� เนียบรัฐบาล เพราะพนั ธมติ ร ประชาชนเพอื่ ประชาธปิ ไตยยงั คงยดึ พน้ื ทไ่ี วต้ งั้ แตใ่ นสมยั รัฐบาล สมัคร สุนทรเวช โดยใช้สนามบินดอนเมืองเป็นที่ท�ำการแทน นายสมชาย วงศส์ วสั ดิ์ เกดิ เมอื่ วนั ที่ 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2490 ทตี่ ำ� บลสวนขนั อ�ำเภอฉวาง ปัจจุบันคือ อ�ำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เปน็ บตุ รของนายเจมิ - นางดบั วงศ์สวสั ดิ์ สมรสกบั นางเยาวภา วงศส์ วัสด์ิ สมชาย วงศ์สวัสด์ิ ซ่ึงเปน็ นอ้ งสาวของ ทกั ษณิ ชนิ วัตร นายกรัฐมนตรี คนท่ี 23 มีบตุ ร - ธิดา 3 คน คือ ผศ.ดร.ยศธนนั วงศส์ วัสด์ิ น.ส.ชินณิซา วงศ์สวัสด์ิ และ น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสด์ิ ส�ำเร็จการศึกษาชั้นต้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชั้นมัธยม จากโรงเรียนอ�ำนวยศิลป์ ส�ำเร็จนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เม่ือ พ.ศ.2513 ต่อมาปี 2516 เขา้ ศกึ ษาตอ่ เนตบิ ณั ฑติ ไทย (นบท.) สำ� นกั อบรมศกึ ษากฎหมายแหง่ เนตบิ ณั ฑติ ยสภา เมอ่ื 2539 ปรญิ ญาบตั รหลกั สตู ร ปอ้ งกันราชอาณาจกั ร วิทยาลยั ปอ้ งกันราชอาณาจกั ร รนุ่ ท่ี 38 และในปี 2545 รฐั ประศาสนศาสตร์ มหาบณั ฑิต หลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน มหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ปี พ.ศ. 2555 ได้รับ พระราชทานปรญิ ญาบรหิ ารธรุ กจิ ดษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ดิ์ (การจดั การ) จากมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ผลงานด้านเศรษฐกิจ สงั คม และสทิ ธิมนษุ ยชน 1) เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการบรหิ ารจดั การโครงการหนึง่ ต�ำบลหน่งึ ผลิตกณั ฑ์ความมน่ั คง 2) แกไ้ ขปัญหาความไมส่ งบในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ 3) สง่ เสริมความร่วมมือในการพฒั นาและสรา้ งสมั พนั ธไมตรีท่ดี ใี นภมู ิภาค 4) จดั ต้งั สภาเกษตรกรและสร้างระบบประกนั ความเส่ียงเศรษฐกิจ 5) แก้ไขปัญหาวกิ ฤติสถาบันการเงินในประเทศ 6) เร่งรัดการลงทุนที่ส�ำคัญของประเทศ 7) สรา้ งกลไกในการบริหารจดั การความเส่ยี งทีเ่ กิดจากวิกฤติการเงนิ ของโลกทีส่ ่งผลต่อการเคลอ่ื น ย้ายเงนิ ทุนท้งั ระยะสนั้ และระยะยาว เอกสารประกอบการเรยี น 97 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

16. อังคาร กัลยาณพงศ์ นายองั คาร กลั ยาณพงศ์ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2469 พ้ืนเพเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช บิดานายเข็บ กัลยาณพงศ์ (อดตี กำ� นัน ตำ� บลท่าวงั ) มารดา นางขุ้ม กัลยาณพงศ์ องั คารได้เปน็ ศิษย์ ของ ศิลปนิ ใหญ่อยา่ ง ศ.ศิลปี พรี ะศรี, อ.เฟอ้ หรพิ ทิ กั ษ์ และ อ.เฉลมิ นาคี รักษ์ จึงได้ติดตามและร่วมมือกับอาจารย์ในด้านศิลปกรรม โบราณคดี และประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ความเป็นกวีน้ันเป็นพรสวรรค์ที่ อาจารย์อังคารเช่ือม่ันและฝึกฝนมาตั้งแต่อยู่ช้ันมัธยม เมื่อออกจาก มหาวิทยาลัยศิลปากรแล้ว ได้ร่อนเร่เรียนรู้ และสร้างสรรค์การวาดภาพ และเขยี นบทกวี ได้มโี อกาสค้นุ เคยกบั ศลิ ปินและกวรี ว่ มยคุ สมัยหลายคน มีผลงานบทกวีปรากฏในหนังสือ “อนุสรณ์น้องใหม่” มหาวิทยาลัย นายองั คาร กัลยาณพงศ์ ศิลปากร กระทั่งได้พบกับ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ก่อต้ังและเป็นบรรณาธิการคนแรกของ “สังคมศาสตร์ปริทัศน์” บทกวขี องอาจารย์องั คาร กัลยาณพงศ์ จงึ ได้พมิ พเ์ ผยแพรอ่ ย่างกวา้ งขวาง มีผลงานท่ีจัดพิมพส์ รา้ งความตนื่ ตัวต่นื ใจ ใหว้ รรณกรรมไทยมาเนิน่ นาน เช่น กวีนพิ นธ์ ปี 2507, ล�ำนำ� ภูกระดงึ ปี 2512, สวนแก้ว ปี 2515, บางกอกแก้ว ก�ำสรวล หรือนิราศนครศรีธรรมราช ปี2512 จนได้รับการยกย่องว่าเป็น กวีนิพนธ์สมัยใหม่ อังคาร ได้เสียชีวิต เม่ือวันท่ี 25 สงิ หาคม พ.ศ. 2555 รวมอายุ 86 ปี 6 องั คาร ผลงานและเกียรตคิ ณุ นายอังคาร กัลยาณพงศ์ เป็นกวีร่วมสมัยผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้สร้างสรรค์กวีนิพนธ์สมัยใหม่ ให้แก่วรรณศิลป์ไทย จึงได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติจากส�ำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ หรอื กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ใหเ้ ปน็ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สาขาวรรณศลิ ป์ (กวนี พิ นธ)์ ประจำ� ปี พทุ ธศกั ราช 2532 รางวลั ซไี รต์ ปีพทุ ธศกั ราช 2529 ช่ือผลงงาน “ปณิธานกว”ี รางวัลวรรณกรรมยอดเยย่ี มแหง่ เอเชยี ปพี ทุ ธศกั ราช 2529 เป็นต้น เรื่องท่ี 3 ประชากร การเมือง และการปกครอง จงั หวัดนครศรธี รรมราช เมอ่ื ประชากรมาอยรู่ วมกนั มากขนึ้ ความตอ้ งการปจั จยั พน้ื ฐานทงั้ ในเชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ตอ้ งการปจั จยั ดา้ นตา่ งๆ ยอ่ มมมี ากขนึ้ จำ� เปน็ ตอ้ งศกึ ษาเรยี นรจู้ ำ� นวนประชากร สถติ อิ ตั ราการ เพมิ่ - ลดของประชากร อตั ราการเกดิ ตาย การยา้ ยเขา้ การยา้ ยออกของประชากร รายไดป้ ระชากรศาสนา และอาชพี จงั หวัดนครศรีธรรมราช 1. จ�ำนวนประชากร จังหวัดนครศรีธรรมราชมีประชากร จ�ำนวน 1,560,433 คน (31 ธันวาคม 2561) แยกเป็นชาย จำ� นวน 771,530 คน หญงิ จำ� นวน 788,903 คน จำ� นวน 565,568 ครวั เรอื น โดยเฉลย่ี มคี วามหนาแนน่ ของประชากร เท่ากับ 156.95 คน ต่อตารางกิโลเมตร อ�ำเภอที่มีประชากรมากที่สุด ได้แก่ อ�ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จ�ำนวน 272,502 คน จ�ำนวน 108,767 ครัวเรือน และอ�ำเภอที่มีประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ อ�ำเภอถ้ําพรรณรา จำ� นวน 19,277 คน จ�ำนวน 7,234 ครัวเรือน 98 เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

2. อัตราการเพ่ิม/ลดของประชากร อำ�เภอ/ปี พื้นท่ี (ตร.กม.) 2561 (คน) 2560 (คน) 2559 (คน) 2558 (คน) 2557 (คน) เมืองนครศรธี รรมราช 617.40 272,502 271,848 271,330 271,126 270,099 ทงุ่ สง 802.97 161,685 161,356 160,724 159,924 159,174 ท่าศาลา 363.89 116,307 113,397 113,067 112,565 111,879 ปากพนัง 422.50 98,857 99,301 99,562 99,969 100,318 สชิ ล 703.10 88,953 88,884 88,611 88,283 87,802 ชะอวด 833.00 86,474 86,664 86,507 86,558 86,466 รอ่ นพบิ ูลย์ 335.50 82,330 82,255 82,031 81,976 81,810 ทุ่งใหญ่ 603.28 74,667 74,691 74,317 73,994 73,662 ฉวาง 528.20 67,083 67,160 67,293 67,425 67,380 หัวไทร 417.73 66,189 66,486 66,503 66,679 66,787 บางขนั 601.70 47,345 47,221 46,914 46,752 46,474 พระพรหม 148.00 44,197 43,906 43,588 43,391 43,096 เชียรใหญ่ 232.70 43,152 43,318 43,457 43,500 43,533 ลานสกา 342.90 40,910 40,952 40,900 40,875 40,783 พรหมครี ี 321.50 37,437 37,530 37,513 37,461 37,363 นบพติ ำ� 720.15 33,543 33,551 33,320 33,183 32,882 จุฬาภรณ์ 192.50 31,733 31,743 31,584 31,481 31,441 เฉลมิ พระเกียรติ 124.10 31,562 31,597 31,572 31,549 31,564 ขนอม 433.90 30,422 30,446 30,393 30,234 30,022 ชา้ งกลาง 232.50 29,908 29,900 29,909 30,081 30,064 พปิ นู 363.80 29,122 29,216 29,226 29,269 29,307 นาบอน 192.89 26,778 26,814 26,934 27,077 27,001 ถํา้ พรรณรา 169.10 19,277 19,246 19,177 19,178 19,121 รวมทงั้ จงั หวดั 9,942.502 1,560,433 1,557,482 1,554,432 1,552,530 1,548,028 หมายถงึ จำ� นวนประชากรได้ “เพิ่มข้นึ ” เม่ือเทียบกับปกี อ่ น หมายถึง จำ� นวนประชากรได้ “ลดลง” เมอ่ื เทยี บกบั ปีกอ่ น เอกสารประกอบการเรยี น 99 รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

3. อัตราการเกิด ตาย การย้ายเขา้ การย้ายออก ของประชากร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอัตราการเกิด การตาย การย้ายเข้า การย้ายออก ข้อมูลของกระทรวง มหาดไทย ปี 2561 พบว่า อ�ำเภอท่มี ีอัตราการเกิดมากที่สุด ได้แกอ่ ำ� เภอเมอื งนครศรธี รรมราช จ�ำนวน 6,133 คน อำ� เภอทมี่ อี ตั ราการเกดิ นอ้ ยทสี่ ดุ จำ� นวน 1 คน ไดแ้ ก่ อำ� เภอเฉลมิ พระเกยี รติ อำ� เภอชา้ งกลาง และอำ� เภอพระพรหม อำ� เภอทม่ี ีอัตราการตายมากทส่ี ุด ไดแ้ ก่ อำ� เภอเมืองนครศรธี รรมราช จำ� นวน 3,148 คน อ�ำเภอทมี่ ีอตั ราการตาย น้อยที่สุด ได้แก่ อ�ำเภอถ้ําพรรณรา จ�ำนวน 80 คน การย้ายท่ีอยู่อาศัยการย้ายเข้ามากที่สุด ได้แก่ อำ� เภอเมืองนครศรีธรรมราช จำ� นวน 12,852 คน การย้ายเข้านอ้ ยที่สดุ ได้แก่ อำ� เภอถํา้ พรรณรา จำ� นวน 734 คน การย้ายออก มากที่สุด ได้แก่ อ�ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จ�ำนวน 16,748 คน การย้ายออก น้อยท่ีสุด ได้แก่ อำ� เภอจฬุ าภรณ์ จ�ำนวน 934 คน 4. รายได้ประชากร เศรษฐกิจโดยทั่วไปของจังหวัดข้ึนอยู่กับผลผลิตทางด้านการเกษตร และการค้า อาชีพหลัก คือ การทำ� สวน ยางพารา ปาลม์ นา้ํ มนั ทำ� ไร่ การปลกู ผลไม้ ทำ� สวนมะพรา้ ว การประมง และการเลยี้ งสตั ว์ จากการสำ� รวจ ของส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2560 ประชากรมีรายได้ เฉล่ียต่อคนต่อปี เทา่ กบั 90,033 บาท อยใู่ นลำ� ดบั ที่ 3 ของกลมุ่ จงั หวดั ลำ� ดบั ที่ 11 ของภาคใตอ้ นั ดบั ท่ี 32 ของประเทศ จากการสำ� รวจ ภาวะเศรษฐกจิ และสงั คมของครวั เรอื น พ.ศ. 2560 ของส�ำนักงานสถิตแิ หง่ ชาติ ประชากรจังหวัดนครศรธี รรมราช มีคา่ ใชจ้ ่ายโดยเฉลีย่ 20,756 บาท ต่อเดอื นตอ่ ครวั เรอื น และมรี ายได้ตอ่ ครัวเรือน 29,970 บาท จำ� นวนหนีส้ ินเฉลี่ย 102,741 บาทตอ่ เดอื นตอ่ ครวั เรอื น แยกเปน็ หนสี้ นิ ในระบบ98,246 บาท และ หนส้ี นิ นอกระบบ จำ� นวน 4,495 บาท ผลิตภณั ฑม์ วลรวมจงั หวดั (GPP) เทา่ กบั 155,862 ลา้ นบาท เปน็ อนั ดบั ท่ี 3 ของภาคใต้ รองจาก จังหวัดสงขลา และสรุ าษฎรธ์ านี รายไดส้ ่วนใหญข่ ้นึ กับสาขาเกษตรกรรม จำ� นวน 50,249 ลา้ นบาท คิดเปน็ 32.23 % 5. ศาสนา ประชากรจงั หวดั นครศรีธรรมราช ส่วนใหญน่ ับถอื ศาสนาพุทธ ประมาณ 92.08% รองลงมา คอื ศาสนาอิสลาม ประมาณ 7.03% ศาสนาคริสต์ ประมาณ 0.89% นอกจากน้ีเป็นศาสนาอื่น ๆ (ข้อมูลประชากร 1,560,433 คน ปี พ.ศ. 2561) 6. อาชพี ด้านอาชีพ ประชากรรอ้ ยละ 33.82 ประกอบอาชีพการเกษตร (ท�ำสวน ท�ำนา ท�ำไร่ ประมง ปศสุ ตั ว)์ รองลงมา คือ อาชีพรับจ้างท่ัวไป คิดเป็นร้อยละ 21.05 และมีประชากรไม่ประกอบอาชีพ จ�ำนวน 77,372 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 8.73 (ข้อมูลประชากร 1,560,433 คน ปี พ.ศ. 2561) 100 เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

เรื่องที่ 4 การเมอื งการปกครองจังหวัดนครศรธี รรมราช จงั หวดั นครศรีธรรมราช มีการแบง่ เขตเลอื กต้งั ภายในจังหวดั ออกเป็น 8 เขตเลือกตง้ั สามารถมีสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรได้ 8 คน เขตเลอื กต้งั ละ 1 คน โดยมรี ายละเอียด ดงั นี้ 1. เขตการเลือกตงั้ ภายในจังหวดั นครศรีธรรมราช เขตเลือกตงั้ ท่ี 1 พน้ื ทป่ี ระกอบดว ย อาํ เภอเมอื งนครศรธี รรมราช (เฉพาะ ตำ� บลทา่ ไร ตำ� บลปากนคร ตาํ บลบางจาก ตำ� บลไชยมนตรี ตําบลมะมว งสองตน ตาํ บลโพธิ์เสดจ็ ตําบลทาเรือ ตําบลทาซัก และเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช) เขตเลือกต้งั ที่ 2 พนื้ ท่ปี ระกอบดวย 2 อำ� เภอปากพนัง, อ�ำเภอเชยี รใหญ่ และอำ� เภอหัวไทร เขตเลอื กตั้งที่ 3 พื้นที่ประกอบดวย อ�ำเภอพระพรหม, อ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ อ�ำเภอชะอวด และอ�ำเภอจุฬาภรณ์ เขตเลือกตัง้ ท่ี 4 พนื้ ทป่ี ระกอบดวย อำ� เภอทุง่ สงและอ�ำเภอบางขนั เขตเลือกตงั้ ที่ 5 พนื้ ทปี่ ระกอบดว ย อำ� เภอทงุ่ ใหญ,่ อำ� เภอถาํ้ พรรณรา, อำ� เภอฉวาง และอำ� เภอพปิ นู เขตเลอื กตั้งที่ 6 พื้นท่ีประกอบดวย อ�ำเภอร่อนพิบูลย์, อ�ำเภอลานสกา, อ�ำเภอช้างกลาง และอำ� เภอนาบอน เขตเลือกตง้ั ท่ี 7 พื้นทป่ี ระกอบดว ย อำ� เภอท่าศาลาและอ�ำเภอเมอื งนครศรธี รรมราช [เฉพาะ ตำ� บล ปากพนู ตำ� บลท่างว้ิ ตำ� บลกำ� แพงเซา ต�ำบลนาทราย และต�ำบลนาเคียน (นอกเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช)] เขตเลือกตั้งที่ 8 พ้ืนที่ประกอบดว ย อาํ เภอสชิ ล อําเภอขนอม อาํ เภอนบพติ ํา อําเภอพรหมคีรี 2. การปกครอง การปกครองและการบริหารราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชแบ่งเขตการปกครองและการบริหาร ราชการ ตามลักษณะพ้ืนท่ีออกเป็น 2 ส่วน คือ การปกครองส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย อ�ำเภอ ต�ำบล หมู่บ้าน และการปกครอง ส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนต�ำบล ดงั น้ี 2.1 การปกครองสว่ นภูมิภาค 1) การบริหารราชการหนว่ ยงานในสว่ นภมู ิภาค ประกอบด้วย อำ� เภอ 23 แห่ง ตำ� บล จำ� นวน 165 แห่ง หม่บู า้ น จ�ำนวน 1,551 แหง่ และสว่ นราชการทอี่ ย่ใู นสว่ นภมู ิภาคขนึ้ ตรงกับจงั หวดั อกี จำ� นวน 34 แหง่ สังกดั กระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 7 แหง่ และสงั กัดกระทรวง ทบวง กรมอื่น ๆ อีก จำ� นวน 27 แหง่ 2) ส่วนราชการภายในจังหวัดท่ีขึ้นตรงต่อส่วนราชการในส่วนกลาง จ�ำนวน 98 แห่ง ประกอบด้วย สังกัดกระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน 10 แห่ง สังกัดกระทรวง ทบวง กรมอื่น ๆ จ�ำนวน 75 แห่ง และหนว่ ยงานอิสระ จ�ำนวน 13 แหง่ 2.2 การปกครองส่วนทอ้ งถิน่ การปกครองส่วนท้องถ่ิน ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จ�ำนวน 185 แห่ง คือ องค์การบริหารสว่ นจังหวัด จ�ำนวน 1 แห่ง เทศบาลนคร จำ� นวน 1 แหง่ เทศบาลเมอื ง จ�ำนวน 3 แหง่ เทศบาลตำ� บล จ�ำนวน 50 แห่ง และองค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบล จ�ำนวน 130 แห่ง เอกสารประกอบการเรียน 101 รายวิชา นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

1) องค์การบริหารส่วนจังหวัด คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้ังอยู่ เลขท่ี 309 หมู่ท่ี 7 ต�ำบลโพธิเ์ สด็จ อ�ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จงั หวดั นครศรีธรรมราช 2) เทศบาล ประกอบด้วย เทศบาลนคร เทศบาลเมอื ง เทศบาลต�ำบล โดยมรี ายละเอียด ดังนี้ (1) เทศบาลนคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส�ำหรับเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากร ตั้งแต่ 50,000 คนข้ึนไป และมรี ายได้พอเพยี งตอ่ การให้บรกิ ารสาธารณะตามหน้าทท่ี ่กี ฎหมายบญั ญัตไิ ว้ การจดั ตั้ง เทศบาลนคร กระท�ำโดยประกาศกระทรวงมหาดไทยยกฐานะเป็นเทศบาลนครตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ปัจจบุ ันมีเทศบาล นครอยู่ 30 แห่งทว่ั ประเทศ เทศบาลนคร แห่งแรกของไทย 3 แห่ง คอื เทศบาลนคร กรุงเทพ เทศบาลนครธนบุรี และ เทศบาลนครเชียงใหม่ (2) เทศบาลเมือง ท้องถิ่นที่จะได้รับการจัดตั้งเป็นเทศบาลเมืองนั้น คือ ท้องถิ่นอัน เปน็ ทตี่ งั้ ศาลากลางจงั หวดั หรอื ทอ้ งถนิ่ ทม่ี จี ำ� นวนราษฎรมากกวา่ 10,000 คน และมรี ายไดเ้ พยี งพอทจ่ี ะปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ของเทศบาลเมืองตามที่กฎหมายก�ำหนดไว้ แต่ก็มีท้องถ่ินบางแห่งที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดและมีจ�ำนวน ประชากรไม่ถึง 10,000 คน แต่ก็มีฐานะเป็นเทศบาลเมือง เนื่องจากได้รับการจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเทศบาล สมัยแรก ๆ ซ่ึงวางเกณฑ์ตา่ งจากปัจจุบัน (3) เทศบาลต�ำบล เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินส�ำหรับเมืองขนาดเล็ก โดยท่ัวไป เทศบาลต�ำบล มีฐานะเดิมเปน็ สุขาภบิ าลหรอื องค์การบริหารสว่ นตำ� บล (อบต.) การจัดต้งั เทศบาลต�ำบลกระท�ำโดย ประกาศกระทรวงมหาดไทย ยกฐานะท้องถ่ินขึ้นเป็นเทศบาลต�ำบลตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 เทศบาลตำ� บลมนี ายกเทศมนตรคี นหนง่ึ ทำ� หนา้ ทห่ี วั หนา้ ฝา่ ยบรหิ ารและสภาเทศบาล ซง่ึ ประกอบดว้ ยสมาชกิ จำ� นวน 12 คน ท่ีราษฎรในเขตเทศบาล เลือกต้ังมาท�ำาหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ นายกเทศมนตรีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ของราษฎรเขตเทศบาล 3) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบล จงั หวดั นครศรธี รรมราช มอี งคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล จำ� นวน 130 แหง่ มฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คล และเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นรูปแบบหน่ึง ซ่ึงจัดต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหาร ส่วนต�ำบล พ.ศ. 2537 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมจนถึง ฉบับที่ 6 พ.ศ.2552 โดยยกฐานะจากสภาต�ำบลท่ีมีรายได้ โดยไมร่ วมเงนิ อดุ หนุนในปงี บประมาณทลี่ ว่ งมาติดต่อกัน สามปเี ฉลี่ยไม่ตํา่ กว่าปีละหนึ่งแสนห้าหม่นื บาท 2.3 โครงสร้างการบริหารราชการ จงั หวดั มฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คล การตงั้ ยบุ และการเปลยี่ นแปลงเขตจงั หวดั ใหต้ ราเปน็ ราชบญั ญตั ิ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ หวั หนา้ บงั คบั บญั ชา ขา้ ราชการของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทงั้ ในและนอกสงั กดั กระทรวงมหาดไทย สว่ นราชการท่ีสำ� คัญและสังกดั กระทรวงมหาดไทย คือ สำ� นักงานจงั หวดั และท่ที ำ� การจงั หวดั อ�ำเภอ เป็นหน่วยงานราชการบริหารรองจากจังหวัด การตั้ง ยุบ และเปลี่ยนเขตอ�ำเภอ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา มีนายอ�ำเภอเป็นหัวหน้าปกครอง บังคับบัญชาข้าราชการในอ�ำเภอ และงานบริหาร ราชการของอำ� เภอ สว่ นราชการทส่ี ำ� คญั คอื ที่ท�ำการปกครองอ�ำเภอ และส�ำนกั งานอ�ำเภอ ต�ำบล และหมบู่ า้ น เปน็ หนว่ ยงานปกครองสว่ นยอ่ ยของอำ� เภอ หรอื กงิ่ อำ� เภอ ตง้ั ตามกฎหมาย ลกั ษณะปกครองทอ้ งท่ี พ.ศ.2457 ตำ� บลจดั ตง้ั ขน้ึ โดยประกาศของกระทรวงมหาดไทย มกี ำ� นนั เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบตำ� บล ส่วนหมบู่ ้านจดั ตัง้ โดยประกาศจงั หวดั มีผูใ้ หญบ่ ้านเป็นผู้รับผดิ ชอบ 102 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

กจิ กรรมหน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ประชากรกับการเมืองการปกครองจังหวดั นครศรีธรรมราช จงตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ที กุ ขอ้ 1. ให้เขียนอภิปรายประชากรนครศรีธรรมราช สมัยก่อนประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช ในเรื่อง การต้งั รกรากถิน่ ฐาน การยา้ ยทอี่ ยอู่ าศัย เชื้อชาติ ศาสนาและวฒั นธรรม ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… 2. ให้เขียนอภิปรายการตั้งถ่ินฐานและชุมชนโบราณ พุทธศตวรรษ ท่ี 12-18 ของประชากร นครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… 3. บอกลักษณะอปุ นสิ ยั ของคนจงั หวัดนครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… 4. ใหเ้ ขียนประวัตขิ องบุคคลส�ำคัญจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ีมผี ลงานเปน็ ทป่ี รากฏตอ่ สังคม ชุมชน และทอ้ งถน่ิ มาพอสังเขป จำ� นวน 5 คน และศึกษาเพ่ิมเติมจดั ทำ� เปน็ รายงานให้ครบจ�ำนวน 16 คน ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… 5. ให้อธิบายจ�ำนวนประชากรจงั หวัดนครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… 6. ให้อธิบายอัตราการเพ่ิม ลดของประชากรจังหวัดนครศรธี รรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… 7. ให้อธบิ ายอตั ราการเกดิ ตาย การยา้ ยเขา้ การยา้ ยออก ของประชากรจังหวดั นครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… เอกสารประกอบการเรียน 103 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

8. ให้อธบิ ายรายไดข้ องประชากรจังหวดั นครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 9. ใหอ้ ธบิ ายการนับถือศาสนาของประชากรจังหวัดนครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 10. ใหอ้ ธิบายอาชพี ของประชากรจังหวัดนครศรธี รรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 11. ให้อธิบายเขตการเลือกต้ังภายในจังหวดั นครศรธี รรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 12. ให้อธิบายการปกครองส่วนภูมิภาคจงั หวดั นครศรธี รรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 13. ใหอ้ ธบิ ายการปกครองส่วนท้องถิ่นจงั หวัดนครศรธี รรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 14. ให้อธบิ ายโครงสรา้ งการบริหารราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………………………… ……..……………………………………………………………………………………………..……………………….……………..……………… 104 เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8การจดั การศึกษาจังหวดั นครศรธี รรมราช การจดั การศกึ ษาจงั หวดั นครศรธี รรมราช เปน็ การเรยี นรเู้ กย่ี วกบั ประวตั คิ วามเปน็ มาของการจดั การศกึ ษา หน่วยงานการศึกษาและสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจังหวัดนครศรีธรรมราช มกี ารจดั การศกึ ษาในระบบและนอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ทใี่ หค้ วามสำ� คญั ดา้ นความรู้คณุ ธรรม กระบวนการ เรยี นรู้ และบรู ณารการตามความเหมาะสมของแตล่ ะระดบั การศกึ ษา ใหส้ อดคลอ้ งกบั บรบิ ทและเออ้ื ตอ่ ความตอ้ งการ ของผเู้ รยี น เร่ืองที่ 1 ความเป็นมาของการศึกษาในจังหวัดนครศรธี รรมราช ความเป็นมาของการศึกษาในจังหวัดนครศรธี รรมราช เม่ือ พ.ศ. 2441 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ เวลาท่ีประทับแรม อยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พระมหาม่วงได้เข้าเฝ้า หลายครั้ง ทรงไต่ถามถึงการพระพุทธศาสนาในจังหวัดน้ี ท่านได้ชี้แจงเป็นท่ีชอบ พระอัธยาศัย ทรงเห็นว่า เปน็ ผ้ทู รงธรรมวนิ ยั อันนา่ เลอื่ มใสหลายประการ และทราบวา่ เปน็ สหชาติ (ผู้เกิดในวนั เดือน ปเี ดียวกับพระองค)์ จึงทรงตั้งให้เป็นพระราชาคณะ มีราชทินนามว่า พระศิริธรรมมุนี ใน พ.ศ. 2442 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้เป็นผู้อ�ำนวยการศึกษา เป็นเจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช ตลอดไปจนถึงปัตตานีด้วย ได้จัดตั้งคณะสงฆ์ การศึกษาและการศาสนา จึงเกิดผลสมพระราชประสงค์ ดังปรากฏในรายงาน การศึกษา ร.ศ. 119 ลงวันท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 จ�ำนวนโรงเรยี น ซ่ึงท่านไดต้ ง้ั ท้งั หมด 21 แหง่ โดยโรงเรยี นหลวงหลงั แรกต้ังอย่ทู ว่ี ัดทา่ โพธ์ิ อ�ำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีช่ือว่า “สุขุมภิบาลวิทยา” ท้ังนี้เพ่ือให้สอดคล้องกับผู้อุปถัมภ์โรงเรียน คือ พระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราชในสมัยนั้น นับเป็นโรงเรียนหลวงแห่งแรก ของจงั หวัดนครศรีธรรมราช และภาคใต้ ในปีการศึกษา 2447 ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชก็เร่ิมให้ความสนใจ ส่งบุตรหลานเข้าเรียนมากข้ึน พระศิริธรรมมุนี (ม่วง รัตนธโช) จึงได้สร้างอาคารเรียนเพ่ิมเติมข้ึนอีก 1 หลัง และได้เปล่ียนชื่อโรงเรียนมาเป็น “ศรีธรรมราช” โดยประสงค์ให้เป็นโรงเรียนประจ�ำจังหวัดนครศรีธรรมราช และโอนกิจการให้กรรมการ การด�ำเนินการเรียนการสอนก็เปลี่ยนไปตามแบบกรมศึกษาธิการ ขยายเวลาเรียนออกเป็น 5 ปี ตั้งแต่ชั้นมูล จนถงึ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 และยงั ไดเ้ ปดิ แผนกฝกึ หดั ครขู น้ึ ในโรงเรยี นอกี ดว้ ย ดา้ นการเรยี นการสอน เรม่ิ เปดิ สอนในระดบั ประถมศึกษาก่อน แลว้ จึงขยายช้ันเรียนถงึ ระดับมธั ยมศึกษา ครนั้ เม่ือจ�ำนวนนกั เรยี นเพ่มิ ขนึ้ จึงยา้ ยแผนกประถม ไปเรียน ณ วัดท่ามอญ หรือวัดศรีทวีในปัจจุบัน นอกจากแผนกประถม และมัธยมศึกษา ทางโรงเรียนยังเปิดสอน แผนกฝึกหัดครู ซ่งึ เรียกในสมัยนั้นว่า โรงเรียนฝึกหัดครมู ณฑล และมีโรงเรียนชา่ งถมอีกแผนกหนึ่งดว้ ย จึงเป็นเหตุ ให้สถานท่ีเรียนไม่พอ ทางโรงเรียนแก้ปัญหาโดยให้นักเรียนมัธยมปีที่ 1 ไปเรียน ท่ีวัดศรีทวี และวัดจันทาราม พ.ศ. 2468 แผนกฝึกหัดครู ยกเลิกไป ส่วนโรงเรียนช่างถมแยกออกไป เป็นโรงเรียนศิลปหัตถกรรม หรือวิทยาลัย ศิลปหตั ถกรรมนครศรีธรรมราช ในปัจจบุ ัน ปี พ.ศ. 2456 พระธรรมโกษาจารย์ (ม่วง รัตนธโช) ได้สร้างตึกชัน้ เดยี วให้เป็นสถานที่เรียน ณ บรเิ วณ กำ� แพงวดั ทา่ โพธทิ์ างดา้ นทศิ ใต้ และไดเ้ ปลยี่ นชอ่ื โรงเรยี นเปน็ “เบญจมราชทู ศิ ” อนั เปน็ มงคลนาม ทไี่ ดร้ บั พระราชทาน เอกสารประกอบการเรียน 105 รายวิชา นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อันมีความหมายว่า “อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่รัชกาลท่ี 5” เพ่ือเป็นการน้อมร�ำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและอุทิศส่วนกุศลในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปี พ.ศ. 2476 ด้วยเหตุที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ซ่ึงตั้งอยู่ในวัดท่าโพธิ์ มีเนื้อท่ีคับแคบ ไม่อาจขยายเน้ือท่ี เพื่อสร้างอาคารใหม่เพ่ิมเติมได้ จึงได้ย้ายไปปลูกสร้างยังบริเวณวัดพระสูง บนเนื้อที่ 8 ไร่ และแล้วเสร็จเม่ือปี พ.ศ. 2479 ในปี พ.ศ. 2490 เปิดสอนระดับเตรียมอุดมศึกษา มีทั้งแผนกวิทยาศาสตร์ แผนกอักษรศาสตร์ แต่ในปี พ.ศ. 2504 ได้ยา้ ยแผนกอักษรศาสตรไ์ ปเรียนทโ่ี รงเรยี นกลั ยาณีศรธี รรมราช ปี พ.ศ. 2507 โรงเรยี นเปิดรับ สมัครนกั เรยี นช้ัน ม.ศ.1 แทนการรบั เขา้ เรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อย่างเดิม ปี พ.ศ.2514 โรงเรียนได้เข้าโครงการโรงเรียนมัธยมแบบประสมและได้จัดซื้อที่ดินบริเวณ หมู่ที่ 3 ตำ� บลโพธ์เิ สดจ็ อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้งบประมาณกอ่ สรา้ งประมาณ 30 ลา้ นบาท และไดย้ ้ายมา ทีเ่ รยี นใหมใ่ นปี พ.ศ. 2519 ในปี พ.ศ. 2523 โรงเรยี นไดจ้ ดั สรา้ งรปู หลอ่ พระรตั นธชั มนุ ี (มว่ ง รตั นธโช) ผใู้ หก้ ำ� เนดิ โรงเรยี น และอญั เชญิ จากวหิ ารหลวงวดั พระมหาธาตุวรมหาวหิ าร ซึง่ เปน็ สถานท่ีหล่อมาประดิษฐานไว้ ณ ศาลาหน้าอาคาร 1 วนั ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามบรมราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปดิ หอสมุดเฉลิมพระเกยี รติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ เรือ่ งท่ี 2 การจดั การศกึ ษาในจงั หวัดนครศรีธรรมราช ระบบการศึกษา ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการจัดการศึกษาสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย 1) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่ก�ำหนดจุดมุ่งหมาย วธิ กี ารศกึ ษาหลกั สตู รระยะเวลาของการศกึ ษา การวดั และประเมนิ ผล ซงึ่ เปน็ เงอ่ื นไขของการสำ� เรจ็ การศกึ ษาทแี่ นน่ อน 2) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการก�ำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการ จัดการศึกษา ระยะเวลาของการศกึ ษา การวดั และประเมนิ ผล ซงึ่ เปน็ เงอื่ นไขสำ� คญั ของการสำ� เรจ็ การศกึ ษา โดยเนอื้ หาและหลกั สตู ร จะตอ้ งมคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สภาพปญั หาและความตอ้ งการของบคุ คลแตล่ ะกลมุ่ 3) การศกึ ษาตามอธั ยาศยั เปน็ การศกึ ษาทใี่ หผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ตามความสนใจ ศกั ยภาพ ความพรอ้ ม และโอกาส โดยศกึ ษาจากบคุ คล ประสบการณ์ สงั คม สภาพแวดล้อม สื่อหรอื แหลง่ ความรูอ้ ืน่ ๆ สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงหรือท้ังสามรูปแบบก็ได้ ให้มีการเทียบโอน ผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษา เดยี วกนั หรอื ไมก่ ต็ าม รวมทง้ั จากการเรยี นรนู้ อกระบบ ตามอธั ยาศยั การฝกึ อาชพี หรอื จากประสบการณก์ ารทำ� งาน การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษา การศึกษาข้ันพื้นฐาน ประกอบด้วย การจัดการศึกษาซ่ึงจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา การศึกษาข้ันพื้นฐานแบ่งระดับ และประเภทการจดั การศึกษา ออกเป็น 3 ระดบั ดังนี้ 1) การศึกษาก่อนระดับประถมศึกษา โดยปกติเป็นการจัดการศึกษาให้แก่เด็กอายุสามปีถึงหกปี เพอื่ เป็นการวางรากฐานชวี ิตและการเตรียมความพรอ้ มของเด็กทงั้ ร่างกายและจติ ใจ สติปญั ญา อารมณ์ บคุ ลกิ ภาพ และการอยรู่ ว่ มในสงั คม 106 เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

2) การศึกษาระดับประถมศึกษา เป็นการศึกษาท่ีมุ่งวางรากฐานเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาคุณลักษณะ ที่พงึ ประสงค์ ท้งั ในดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความรแู้ ละความสามารถข้นั พ้นื ฐานโดยปกตใิ ช้เวลาเรียนหกปี 3) การศกึ ษาระดับมัธยมศึกษา แบง่ เป็นสองระดบั ดังน้ี (ก) การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นการศึกษาที่มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาคุณลักษณะ ท่ีพงึ ประสงค์ในด้านต่าง ๆ ต่อจากระดับประถมศกึ ษา เพือ่ ให้รคู้ วามตอ้ งการ ความสนใจ และความถนัดของตนเอง ท้ังในด้านวิชาการและวิชาชีพ ตลอดจนความสามารถในการประกอบการงาน และอาชีพตามควรแก่วัย โดยปกติ ใชเ้ วลาเรียนสามปี (ข) การศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เปน็ การศกึ ษาท่มี ่งุ สง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี นไดศ้ กึ ษาตามความ ถนดั และความสนใจ เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานสำ� หรบั การศกึ ษาตอ่ หรอื การประกอบอาชพี รวมทงั้ การพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และทักษะทางสังคมท่จี �ำเป็น โดยปกตใิ ช้เวลาเรยี นสามปี การศกึ ษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย แบง่ เปน็ สองประเภท ดังน้ี 1. ประเภทสามัญศึกษา เป็นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนตามความถนัดความสนใจ ศักยภาพ และความสามารถพเิ ศษเฉพาะดา้ น เพอื่ เป็นพน้ื ฐานส�ำหรบั การศึกษาต่อในระดบั อดุ มศกึ ษา 2. ประเภทอาชวี ศกึ ษา เปน็ การจดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาความรแู้ ละทกั ษะในการประกอบอาชพี ใหเ้ ป็นกำ� ลงั แรงงานทีม่ ฝี ีมือ หรือศึกษาตอ่ ในระดบั อาชพี ขัน้ สงู ต่อไป การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษานอก ระบบให้แบง่ ออกเป็นสองระดับ ดงั นี้ 1. การศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน แบ่งออกเป็นสามระดับ คอื (ก) การศกึ ษาระดบั กอ่ นประถมศึกษา (ข) การศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา (ค) การศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษา แบง่ ออกเปน็ สองระดบั คอื การศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และการศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย โดยแบ่งออกเป็นประเภทสามัญศกึ ษา และประเภทอาชีวศึกษา 2. การศึกษาระดับอดุ มศึกษา แบ่งออกเปน็ สองระดบั คอื (ก) การศึกษาระดบั ตำ�่ กว่าปริญญา (ข) การศกึ ษาระดับปริญญา การศกึ ษาภาคบงั คบั จำ� นวนเกา้ ปี โดยใหเ้ ดก็ ซง่ึ มอี ายยุ า่ งเขา้ ปที เี่ จด็ เขา้ เรยี นในสถานศกึ ษา ขน้ั พนื้ ฐาน จนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่สอบได้ช้ันปีท่ีเก้าของการศึกษาภาคบังคับ หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุให้ เป็นไปตามทกี่ �ำหนดในกฎกระทรวง การจัดการศกึ ษาปฐมวัยและการศึกษาข้ันพืน้ ฐานใหจ้ ัดในสถานศึกษาดังต่อไปนี้ 1. สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ไดแ้ ก่ ศูนยเ์ ดก็ เล็ก ศูนยพ์ ัฒนาเด็กเล็ก ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กก่อนเกณฑ์ ของสถาบนั ศาสนา ศนู ยบ์ รกิ ารชว่ ยเหลอื ระยะแรกเรม่ิ ของเดก็ พกิ ารและเดก็ ซง่ึ มคี วามตอ้ งการพเิ ศษ หรอื สถานพฒั นา เดก็ ปฐมวัยท่เี รียกช่ืออยา่ งอ่นื 2. โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนของรัฐโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนที่สังกัดสถาบันพุทธศาสนา หรอื ศาสนาอื่น 3. ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานท่เี รยี นท่หี น่วยงานจดั การศกึ ษานอกโรงเรียนบคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ เอกสารประกอบการเรียน 107 รายวชิ า นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

โรงพยาบาล สถาบนั ทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์และสถาบันสังคมอน่ื เปน็ ผูจ้ ัดการจัดการศึกษาระดบั อุดมศึกษา ให้จัดในมหาวิทยาลัย สถาบันวิทยาลัย หรือหน่วยงานท่ีเรียกช่ืออย่างอื่น ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายเก่ียวกับ สถานศกึ ษาระดบั อดุ มศึกษา กฎหมายว่าด้วยการจดั ต้ังสถานศกึ ษาน้นั ๆ และกฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ ง การจัดการอาชีวศกึ ษา การฝกึ กอบรมวชิ าชพี ใหจ้ ดั ในสถานศึกษาของรัฐ สถานศึกษาของเอกชน สถาน ประกอบการ หรอื โดยความรว่ มมอื ระหวา่ งสถานศกึ ษากบั สถานประกอบการ ทง้ั นใ้ี หเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการ อาชีวศกึ ษาและกฎหมายทเี่ ก่ียวข้อง เร่ืองท่ี 3 หนว่ ยงานการศึกษาและสถานศกึ ษาท่ีจดั การศึกษา หนว่ ยงานการศกึ ษาและสถานศกึ ษาทจ่ี ดั การศกึ ษาทง้ั 3 ระดบั ไดแ้ ก่ หนว่ ยงานการศกึ ษาสงั กดั สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน หนว่ ยงานการศกึ ษาสงั กดั สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การศกึ ษาเอกชน หน่วยงานการศึกษาสังกัดส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หน่วยงานการศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช หน่วยงานการศึกษาสังกัดองค์การบริหารส่วนต�ำบล (อบต.) หน่วยงานการศึกษาสังกัดเทศบาล หน่วยงานการศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา (รัฐบาล) หน่วยงานการศึกษาสังกัด อาชีวศึกษา (เอกชน) หน่วยงานการศึกษาสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หน่วยงานการศึกษาสังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม หน่วยงานการศึกษาสังกัดส�ำนักบริหาร งานการศกึ ษาพเิ ศษ มสี ถานศกึ ษาในสงั กดั หนว่ ยงานการศกึ ษาสงั กดั มหาวทิ ยาลยั การกฬี าแหง่ ชาติ สงั กดั กองกำ� กบั การตำ� รวจตระเวนชายแดนที่ 42 มีรายละเอียดดังนี้ หน่วยงานการศึกษาและสถานศกึ ษาท่ีจดั การศกึ ษาท้งั 3 ระดบั ดงั น้ี 1. สงั กัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน ประกอบด้วย 1.1 ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 1 มีสถานศึกษาในสังกัด จ�ำนวน 110 โรงเรียนประกอบดว้ ย 4 อ�ำเภอ คือ 1) อำ� เภอเฉลิมพระเกยี รติ 2) อ�ำเภอพระพรหม 3) อำ� เภอเมอื ง 4) อำ� เภอลานสกา 1.2 ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 2 มีสถานศึกษาในสังกัด จำ� นวน 189 โรงเรียนประกอบดว้ ย 8 อำ� เภอ คือ 1) อ�ำเภอทุ่งสง 2) อ�ำเภอทงุ่ ใหญ่ 3) อำ� เภอฉวาง 4) อำ� เภอถํ้าพรรณรา 5) อ�ำเภอนาบอน 6) อำ� เภอบางขนั 7) อ�ำเภอพิปนู 8) อ�ำเภอชา้ งกลาง 108 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

1.3 ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 3 มีสถานศึกษา ในสงั กดั จ�ำนวน 240 โรงเรียน ประกอบด้วย 6 อ�ำเภอ คอื 1) อ�ำเภอจฬุ าภรณ์ 2) อ�ำเภอชะอวด 3) อ�ำเภอเชยี รใหญ่ 4) อ�ำเภอปากพนงั 5) อำ� เภอรอ่ นพิบูลย์ 6) อ�ำเภอหวั ไทร 1.4 ส�ำนกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 4 มสี ถานศกึ ษาในสังกดั จ�ำนวน 140 โรงเรยี นประกอบด้วย 5 อ�ำเภอ คอื 1) อ�ำเภอขนอม 2) อำ� เภอท่าศาลา 3) อำ� เภอนบพติ ำ� 4) อำ� เภอพรหมคีรี 5) อำ� เภอสิชล 1.5 ส�ำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 12 มสี ถานศึกษาในสงั กัด จำ� นวน 71 โรงเรียน ซงึ่ ครอบคลุมทั้ง 23 อำ� เภอ 2. สังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ประกอบด้วย ส�ำนักงานศึกษาธิการ จังหวัดนครศรธี รรมราช มีสถานศกึ ษาเอกชนในสงั กดั จ�ำนวน 139 โรงเรยี น ซ่งึ ครอบคลมุ ท้งั 23 อำ� เภอ 3. สังกดั ส�ำนกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สำ� นกั งานปลดั กระทรวง ศึกษาธกิ าร 1) สำ� นักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั นครศรธี รรมราช 2) ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอ�ำเภอ จ�ำนวน 23 สถานศึกษา 4. สังกดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดนครศรธี รรมราช มีสถานศกึ ษาในสงั กดั จ�ำนวน 5 โรงเรียน 5. สังกัดเทศบาล มีสถานศึกษาในสังกัด จำ� นวน 42 โรงเรียน 6. สงั กดั องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบล (อบต.) มสี ถานศึกษาในสังกดั จ�ำนวน 399 โรงเรียน 7. สงั กดั อาชวี ศกึ ษา (รฐั บาล) มีสถานศกึ ษาในสังกัด จ�ำนวน 11 โรงเรยี น 1) วทิ ยาลัยอาชีวศึกษานครศรธี รรมราช 2) วิทยาลยั ศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช 3) วิทยาลัยเทคนิคนครศรธี รรมราช 4) วิทยาลยั เทคนิคท่งุ สง 5) วิทยาลยั เทคนคิ สิชล 6) วทิ ยาลยั การอาชพี นครศรีธรรมราช เอกสารประกอบการเรยี น 109 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

7) วิทยาลยั การอาชพี หวั ไทร 8) วทิ ยาลยั การอาชีพพรหมครี ี 9) วทิ ยาลัยสารพดั ชา่ งนครศรีธรรมราช 10) วิทยาลยั เทคโนโลยีและอตุ สาหกรรมการตอ่ เรอื นครศรธี รรมราช 11) วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยนี ครศรธี รรมราช 8. สังกัดอาชีวศึกษา (เอกชน) มีสถานศกึ ษาในสังกดั จำ� นวน 14 โรงเรยี น 1) วทิ ยาลัยเทคโนโลยีธุรกจิ บณั ฑิต 2) วทิ ยาลัยเทคโนโลยีทกั ษณิ อาชีวศึกษา 3) วทิ ยาลยั เทคโนโลยเี จริญมติ รพณชิ ยการ 4) วิทยาลัยอาชีวศกึ ษานครพณิชยการ 5) วทิ ยาลัยเทคโนโลยีสถาปัตยน์ คร 6) วทิ ยาลยั เทคโนโลยจี รัสพชิ ากร 7) วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ (เอส.เทค.) 8) วิทยาลยั เทคโนโลยรี ัชต์ภาคย์ 9) วิทยาลยั อาชีวศึกษาวีรศิลปิน 10) วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาพณิชยการศกั ดศิ ลิ ปนิ 11) โรงเรยี นพณชิ ยการท่งุ สง (ที.ซี.ซ.ี ) 12) โรงเรยี นประทปี ศาสน์พณชิ ยการ 13) วิทยาลยั อาชีวศึกษาปากพนัง 14) วิทยาลยั เทคโนโลยพี ณชิ ยการสิชล 9. สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม มีสถานศึกษาในสังกัด จ�ำนวน 5 แห่ง 1) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั วทิ ยาเขตตรัง 2) มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชยั วิทยาเขตนครศรธี รรมราช 3) มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตนครศรธี รรมราช 4) มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครศรธี รรมราช 5) มหาวทิ ยาลัยวลยั ลักษณ์ 10. สงั กดั สถาบันพระบรมราชชนก ได้แก่ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนีนครศรธี รรมราช 11. สังกัดสถาบนั บณั ฑิตพฒั นศลิ ป์ กระทรวงวัฒนธรรม มสี ถานศกึ ษาในสังกัด จำ� นวน 2 แห่ง 1) วิทยาลยั นาฏศลิ ป์นครศรีธรรมราช 2) วทิ ยาลัยช่างศลิ ปะนครศรีธรรมราช 12. สงั กดั ส�ำนักงานพระพทุ ธศาสนาจงั หวัดนครศรธี รรมราช มสี ถานศกึ ษาในสงั กัด จ�ำนวน 5 แห่ง 1) พระบรมธาตุพทิ กั ษ์วิทยา 2) พระปริยตั ธิ รรมวดั ขนาน 3) พระปรยิ ตั ิธรรมวัดไตรวิทยาราม 4) พระปริยตั ธิ รรมวดั มะนาวหวาน 5) พระปรยิ ตั ธิ รรมสามญั ศึกษาวดั สระเรยี ง 110 เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

13. สังกัดส�ำนกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ มีสถานศึกษาในสงั กดั จ�ำนวน 5 แห่ง 1) ศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษจังหวดั นครศรีธรรมราช 2) โรงเรียนนครศรธี รรมราชปญั ญานุกูล จงั หวดั นครศรีธรรมราช 3) โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 19 จังหวดั นครศรธี รรมราช 4) โรงเรียนส�ำหรับคนพกิ ารทางด้านร่างกายและการเคลอ่ื นไหวของจงั หวัดนครศรีธรรมราช 5) โรงเรียนโสตศกึ ษาจงั หวัดนครศรธี รรมราช 14. สังกดั มหาวทิ ยาลัยการกฬี าแหง่ ชาติ ไดแ้ ก่ โรงเรียนกฬี าจงั หวดั นครศรีธรรมราช 15. สังกัดกองก�ำกับการต�ำรวจ ตระเวนชายแดนท่ี 42 มีสถานศกึ ษาในลงั กัด จ�ำนวน 3 โรงเรยี น 1) บา้ นเขาจัง 2) ศกร.ตชด.บา้ นหลงั อา้ ยหมี 3) ศกร.ตชด.บ้านหว้ ยตง เอกสารประกอบการเรียน 111 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

กจิ กรรมหน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 การจดั การศกึ ษาจงั หวดั นครศรีธรรมราช จงตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ที กุ ข้อ 1. ใหอ้ ธิบายความเป็นมาของการศึกษาในจงั หวดั นครศรีธรรมราช พอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ใหอ้ ธบิ ายการจดั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานในจงั หวดั นครศรธี รรมราชซง่ึ สามารถแบง่ ออกเปน็ 3 ระดบั ประกอบไปดว้ ยอะไรบา้ ง อธิบายแตล่ ะระดบั พอสังเขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงั หวดั นครศรธี รรมราชสามารถแบง่ เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราชออกเปน็ กเี่ ขต พรอ้ มท้ังยกตัวอย่างอำ� เภอท่ีอยใู่ นเขตนนั้ ๆ มาเขตละ 3 อ�ำเภอ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 112 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

9หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ศาสนาจงั หวดั นครศรธี รรมราช ประกอบดว้ ยประวตั ทิ างศาสนาในจงั หวดั นครศรธี รรมราช ศาสนา ท่ีชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่นับถือและความเช่ือทางศาสนาและพิธีกรรมอื่น ๆ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยศาสนาต่าง ๆ ที่ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่นับถือ ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ลักษณะส�ำคัญที่ศาสนิกชนพึงปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมเม่ือต้องเข้าร่วมใน ศาสนพิธีอย่างมีมารยาท การปฏิบัติตน ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งในการเขา้ รว่ มพธิ กี รรมและกจิ กรรมในวนั สำ� คญั ทางศาสนาตามทก่ี ำ� หนด เรื่องท่ี 1 ประวัตทิ างศาสนาในจังหวัดนครศรธี รรมราช ศาสนาทุกศาสนาล้วนมีจุดมุ่งหมายในการจัดระเบียบสังคมมนุษย์ เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เกิดประโยชน์ท้ังส่วนตนและส่วนรวมเปรียบเสมือนธรรมนูญแห่งชีวิต และอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ทุกคนโดยทั่วไป ด้วยเหตุน้ีทุกศาสนาย่อมวางหลักศาสนาไว้ให้ปฏิบัติตาม รวมท้ังชี้ให้เป็นประโยชน์และโทษแห่งการปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนหลักศาสนาน้ัน ๆ ไว้แล้วต้ังแต่โบราณกาล ในการน้ีค�ำขวัญจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ให้ความส�ำคัญ กับศาสนาเปน็ อย่างมาก ดังคำ� ขวัญประจ�ำเมือง ดังน้ี เราชาวนครฯ อย่เู มืองพระ ม่ันอยใู่ นสัจจะ ศลี ธรรม กอปรกรรมดี มีมานะ พากเพยี ร ไม่เบียดเบยี น ท�ำอันตรายผู้ใด ศาสนาเปน็ สงิ่ ทส่ี ำ� คญั มาก ไมว่ า่ ศาสนาใด ๆ กต็ าม ลว้ นแตม่ ลี กั ษณะสำ� คญั ทเ่ี หมอื นกนั คอื สอนใหท้ กุ คน เป็นคนดี อยู่ในสังคมได้อย่างสันติสุข อีกทั้งยังเป็นที่ยึดเหน่ียวทางจิตใจ และมีหลักในการด�ำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และปลอดภัย ดงั นน้ั ศาสนาจงึ เปน็ เร่อื งที่เกย่ี วขอ้ งกบั ชีวิตของมนษุ ย์ทกุ คน ไมว่ า่ มนษุ ยจ์ ะเจริญหรือล้าหลงั กต็ าม กย็ อ่ มมศี าสนาประจำ� บา้ นเมอื งประจำ� หมคู่ ณะหรอื อยา่ งนอ้ ยกป็ ระจำ� ตระกลู หรอื ครอบครวั ความสำ� คญั ของศาสนา มดี งั นี้ 1. ศาสนาเป็นเคร่ืองสั่งสอนให้มนุษย์ประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกต้องดีงาม เป็นประโยชน์ต่อตนเอง สงั คม และประเทศชาติ 2. ศาสนาเป็นบ่อเกดิ แห่งศีลธรรมจรรยาและขนบธรรมเนยี มประเพณีทชี่ อบ อันเป็นเครอ่ื งประกอบให้ เกดิ ความสมัครสมานสามคั คี มีเอกลกั ษณ์ อารยธรรม และวัฒนธรรมอนั ดีงาม เป็นของตนเอง 3. ศาสนาเป็นเคร่ืองบ�ำบดั ทุกข์และบ�ำรุงสุขใหแ้ กม่ นุษย์ ทัง้ ทางดา้ นร่างกายและจิตใจ 4. ศาสนาเปรียบเสมือนดวงประทีปโคมไฟท่ีให้ความสว่างไสวแก่เส้นทางการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์ผู้ อาศยั อยใู่ นโลก 5. ศาสนาช่วยท�ำให้ชีวติ ครอบครัวอบอนุ่ เป็นแหลง่ ผลิตทรัพยากรมนุษยท์ มี่ คี ุณคา่ ใหแ้ ก่สังคม 6. ศาสนาเป็นพลงั ใจให้มนุษย์สามารถเผชิญชวี ิตด้วยความกลา้ หาญ ไม่หวนั่ ไหวตอ่ ปญั หาและอปุ สรรค ท�ำใหม้ คี วามสงบสขุ และผาสกุ ในชวี ติ เอกสารประกอบการเรียน 113 รายวชิ า นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

7. ศาสนาช่วยยกระดับจิตใจ ท�ำให้เป็นผู้ควรแก่การเคารพนับถือ อีกท้ังยังช่วยสร้างจิตส�ำนึกในคุณค่า ของความเปน็ มนุษย์ใหก้ บั คนในสงั คมอกี ดว้ ย 8. ศาสนาชว่ ยสรา้ งมนษุ ยสมั พนั ธอ์ นั ดตี อ่ กนั ชว่ ยขจดั ชอ่ งวา่ งทางสงั คม สรา้ งความไวว้ างใจซง่ึ กนั และกนั ให้เกิดข้ึน เป็นรากฐานแห่งความสามัคคี การร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาชุมชน และสร้างความสงบสุขความม่ันคง ใหแ้ ก่ชุมขน 9. ศาสนาช่วยให้มนุษย์ได้ประสบความสุขสงบและสันติสุขข้ึนสูง จนกระท่ังบรรลุถึงเป้าหมายสูงสุด ของชวี ิต คือ หมดทกุ ขโ์ ดยสน้ิ เชงิ ได้ 10. ศาสนาเป็นมรดกลํ้าค่าแห่งมนุษยชาติ เป็นความหวังและวิถีทางสุดท้ายแห่งความอยู่รอดของ มวลมนุษยชาติ จากคำ� ขวญั ประจำ� เมอื งนครศรธี รรมราชสถานศกึ ษาสามารถนำ� มาสกู่ ารปฏบิ ตั แิ ละยกยอ่ งผเู้ รยี นทป่ี ฏบิ ตั ิ ตนไดด้ ีและเหมาะสม เช่น เราชาวนครฯ อยเู่ มอื งพระ ผเู้ รยี นทน่ี บั ถอื ศาสนาพทุ ธสามารถสวดมนต์ หรอื ทำ� กจิ วตั รอน่ื ๆ ทางพทุ ธศาสนา ไดด้ แี ละเหมาะสม คัดเลอื กและมอบเกยี รตบิ ัตรเพ่ือยกย่องเชิดชเู กยี รติ ม่ันอยู่โนสจั จะ ศลี ธรรม ผเู้ รยี นทน่ี ับถือทุกศาสนาทป่ี ฏบิ ัติตน มสี ัจจะ ได้แก่ มีความซือ่ สัตย์ ทงั้ ทางกาย วาจา และใจ คัดเลือกและมอบเกยี รตบิ ัตรเพอ่ื ยกย่องเชดิ ชูเกียรติ กอปรกรรมดี มีมานะ พากเพียร ผู้เรียนท่ีนับถือทุกศาสนาท่ีปฏิบัติตนเป็นคนดีของชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ เปน็ พลเมอื งดขี องสงั คม มคี วามขยนั พากเพยี รจนประสบความสำ� เรจ็ ดา้ นใดกไ็ ดท้ โี่ ดดเดน่ คดั เลอื ก และมอบเกยี รตบิ ัตรเพื่อยกย่องเชดิ ชูเกยี รติ ไม่เบียดเบียนท�ำอันตรายผู้ใด ผู้เรียนที่นับถือทุกศาสนาท่ีไม่ประพฤติช่ัว ไม่ท�ำลายผู้อื่น มุ่งท�ำความดี เจริญด้วยศักดิ์ศรี ตั้งจิตผ่องใส ผูกไมตรี มีมารยาทต่อทุกคน คัดเลือกและมอบเกียรติบัตรเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ สถานศกึ ษาทกุ แหง่ สามารถทำ� ปา้ ยคำ� ขวญั ประจำ� เมอื งนครศรธี รรมราช ไวใ้ นบรเิ วณสถานศกึ ษาเพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ หน็ ทกุ วนั และเปน็ แรงจูงใจในการประพฤติปฏบิ ตั ติ นตามคำ� ขวญั ดงั กลา่ ว ประวัติทางศาสนาในจังหวดั นครศรีธรรมราช ประวัตขิ องเมอื งนครศรีธรรมราช จากการขดุ คน้ และโบราณสถานโบราณวัตถุต่าง ๆ สามารถยอ้ นไปได้ ถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์นับพัน ๆ ปี จนกระท่ังเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานบันทึกปรากฏช่ือเป็นที่รู้จัก ในหมู่นกั เดินเรอื และพ่อคา้ ชาวอินเดียอาหรบั และจีนในจงั หวดั ว่า ตามพรลิงค/์ กะมะลงิ /ตัง้ มาหล่ิง บ้าง ตัง้ แต่ชว่ ง พ.ศ. 600-700 และชุมชนนครศรีธรรมราชได้พัฒนาจนเป็นขุมชนใหญ่ รับอิทธิพลศาสนาพราหมณ์จากอินเดีย ตลอดแนวชายฝงั ตง้ั แตเ่ ขตสชิ ลจนถงึ เขตตำ� บลทา่ เรอื ของอำ� เภอเมอื งในปจั จบุ นั มโี บราณสถานหลงเหลอื อยมู่ ากมาย โดยเฉพาะทบี่ รเิ วณอทุ ยานประวตั ศิ าสตรเ์ ขาคา และเขตอำ� เภอสชิ ล ซง่ึ ไดค้ น้ พบเทวรปู พระวษิ ณศุ ลิ า ทม่ี อี ายเุ กา่ แก่ ท่สี ดุ ในเอเชียอาคเนย์ คือ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 9 - 10 กับยงั พบศิลาจารกึ ขนาดใหญ่ ท่เี กา่ แก่ทสี่ ดุ หลักหนึง่ ของ ประเทศไทย คอื มีอายุครง้ั พุทธศตวรรษที่ 11 ณ หบุ เขาช่องคอยอำ� เภอร่อนพบิ ลู ย์ มีข้อความบชู าพระศิวะและเชิดชู คนดีวา่ “ถา้ คนดอี ยูใ่ นหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสขุ และผล (ประโยชน)์ จักมีแก่ชนเหล่าน้นั ” อีกดว้ ย หลังพุทธศตวรรษที่ 10 เร่ิมพบร่องรอยพุทธศาสนาในนครศรีธรรมราช และเชื่อว่านครศรีธรรมราช พัฒนาจนเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีวิชัยดังปรากฏหลักฐานบน ศิลาจารึกหลักที่ 23 วัดเสมาเมืองที่จารึกไว้ ตงั้ แต่ พ.ศ. 1318 วา่ “พระเจา้ กรงุ ศรวี ชิ ยั ผปู้ ระกอบดว้ ยคณุ ความดแี ละเปน็ เจา้ แหง่ พระราชาทงั้ หลายในโลกทง้ั ปวง 114 เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ได้ทรงสร้างปราสาทอิฐทั้งสามน้ีเป็นที่บูชาพระโพธิสัตว์เจ้าผู้ถือดอกบัว (ปทุมปาณี) พระผู้ผจญพระยามาร (พระพทุ ธเจ้า) และพระโพธิสัตว์ เจ้าผถู้ ือวชั ระ (วชรปาณี) พระองคไ์ ดถ้ วายปราสาททั้งสามนี้ แก่บรรดาพระชนิ ราช อันประเสริฐสุด ซึ่งสถิตอยู่ในทศทิศ ณ สถานท่ีแห่งน้ีร่วมกับศิลาจารึกอีกหลายหลัก เช่น ศิลาจารึก หลักที่ 29 วัดพระบรมธาตุเมืองนคร ภาษาทมิฬ พุทธศตวรรษท่ี 9 - 10 ศิลาจารึกหลักที่ 28 วัดพระบรมธาตุเมืองนคร ภาษามอญโบราณ พุทธศตวรรษท่ี 12 และศิลาจารึกหลักที่ 27 วัดมเหยงค์ ภาษาสันสกฤตอักษรคล้ายเขมร พทุ ธศตวรรษท่ี 12 - 14 ทจี่ ารกึ ไวว้ า่ “...บญุ กศุ ลอน่ื ๆ ตามคำ� สอน คอื การปฏบิ ตั พิ ระธรรมไมข่ าดสกั เวลา การบรบิ าล ประชาราษฎร์ การทนตอ่ อิฏฐารมณแ์ ละอนฏิ ฐารมณ์การชำ� ระอินทรีย.์ ..” ชว่ งทน่ี ครศรธี รรมราชมน่ั คงทสี่ ดุ ในประวตั ศิ าสตรค์ อื ในพทุ ธศตวรรษท่ี 17 - 19 อนั เปน็ รชั สมยั ของราชวงศ์ ศรีธรรมาโศกราช ซ่ึงไดส้ ถาปนาพระพทุ ธศาสนาลทั ธิลังกาวงศล์ งในนครศรธี รรมราชอยา่ งมนั่ คง กอ่ นที่จะแผ่ขยาย ไปยงั ดนิ แดนของแหลมทอง นครศรธี รรมราชครงั้ นนั้ กวา้ งขวาง มเี มอื งขนึ้ รายรอบ 12 เมอื ง เรยี กวา่ เมอื งสบิ สองนกั ษตั ร ตงั้ แตช่ มุ พรลงไปถงึ เมอื งปาหงั กลนั ตนั และไทรบรุ ี กบั นครศรธี รรมราชยงั เคยกรธี าทพั เรอื ทม่ี แี สนยานภุ าพ ไปตลี งั กา ถึง 2 คร้ัง นอกจากน้ียังพบร่องรอยความสัมพันธ์และยกทัพสู้รบระหว่างกันของนครศรีธรรมราชกับเขมรโบราณ ละโว้ ตลอดจนชวาโบราณอีกด้วย เรอ่ื งท่ี 2 ศาสนาท่ีชาวจังหวดั นครศรีธรรมราชส่วนใหญ่นับถอื ชาวนครศรธี รรมราชสว่ นใหญน่ บั ถอื ศาสนาพทุ ธ ประมาณ 93.61% รองลงมา ไดแ้ ก่ ศาสนาอสิ ลาม 6.17% ศาสนาครสิ ต์ 0.20% ศาสนาซกิ ข์ 0.01% ศาสนาอน่ื ๆ 0.01% (ศนู ยข์ อ้ มลู การทอ่ งเทยี่ วจงั หวดั นครศรธี รรมราช 2557) ในทีน่ ้ีจะมรี ายละเอยี ดเฉพาะศาสนาทีช่ าวนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่นับถือดงั นี้ ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่แพร่หลายที่สุดในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีโบราณสถานและโบราณวัตถุ ทางพทุ ธศาสนาทแี่ สดงถงึ ความรงุ่ เรอื งมาชา้ นาน (ขอ้ มลู ณ วนั ที่ 30 กนั ยายน 2557) มวี ดั ทางพทุ ธศาสนา 605 แหง่ มีพระภิกษุ 3,267 รูป สามเณร 703 รูป ชาวนครศรีธรรมราชยึดมั่นในประเพณีทางศาสนา และมีความผูกพัน กับพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จังหวัดว่าเป็น “เมืองพระ” เมือ่ ถึงวนั สำ� คญั ทางศาสนา เชน่ วนั มาฆบูชา ประเพณแี ห่ผ้าขึน้ ธาตุ วนั วสิ าขบชู า ฯลฯ จะมปี ระชาชนจากทวั่ สารทศิ หล่ังไหลกันมาสักการะองค์พระบรมธาตุเจดีย์อย่างล้นหลาม จังหวัดนครศรีธรรมราช มีวัด 621 แห่ง มหานิกาย 539 แหง่ และธรรมยุติ 82 แหง่ ท่ีพักสงฆ์ 157 แห่ง มพี ระภิกษุสงฆร์ วมทัง้ จังหวดั 3,307 รปู สามเณร 778 รูป มมี หาวทิ ยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง โรงเรยี นพระปริยัตธิ รรมแผนกสามญั 7 แหง่ (ข้อมลู ณ วนั ที่ 31 พฤษภาคม 2560) ศาสนาอิสลาม ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนใหญ่มีบรรพบุรุษ มาจากเมืองกลันตัน ปัตตานี และไทรบุรี อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม มีมัสยิด 122 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอ�ำเภอเมือง นอกจากนนั้ กระจดั กระจายอยใู่ นเขตอำ� เภอทา่ ศาลา อำ� เภอหวั ไทร อำ� เภอสชิ ล อำ� เภอปากพนงั และอำ� เภอรอ่ นพบิ ลู ย์ มศี นู ย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำ� มัสยดิ 101 แหง่ (ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 31 พฤษภาคม 2560) ศาสนาครสิ ต์ มผี นู้ บั ถอื จำ� นวนเพยี งเลก็ นอ้ ยในเขตอำ� เภอเมอื งนครศรธี รรมราช อำ� เภอทงุ่ สง อำ� เภอทงุ่ ใหญ่ และอ�ำเภอร่อนพิบูลย์ มีทั้งนิกายโปรแตสแตนท์และโรมันคาธอลิค มีโบสถ์คริสต์ 27 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560) เอกสารประกอบการเรยี น 115 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

1. ศาสนาพุทธ ประวัติความเป็นมาของศาสนาพุทธเริ่มตั้งแต่สมัยพุทธกาล ผู้ประกาศศาสนาและเป็นศาสดา ของศาสนาพทุ ธคือ พระพุทธเจา้ ศาสนสถาน วัดและส�ำนักสงฆ์ต่าง ๆ อันเป็นสถานท่ียึดเหน่ียวจิตใจของชาวพุทธ ซึ่งเป็นสถานท่ีอยู่อาศัย หรือ ทจ่ี ำ� พรรษาของพระภกิ ษุ สามเณรตลอดจนแมช่ ี เพอื่ ใชป้ ระกอบกจิ กรรมประจำ� วนั ของพระภกิ ษสุ งฆ์ เชน่ การทำ� วตั ร เข้าและเย็น และสังฆกรรมในพระอุโบสถ อีกทั้ง ยังใช้ประกอบพิธีกรรม เช่น การเวียนเทียน เป็นต้นในวันส�ำคัญ ทางศาสนาพทุ ธ และยงั เปน็ ศนู ยร์ วมในการมารว่ มกนั ทำ� กจิ กรรมในทางชว่ ยกนั สง่ เสรมิ พทุ ธศาสนา เชน่ การมาทำ� บญุ ในวันพระ ของแต่ละท้องถิ่นของพุทธศาสนิกชน (สืบค้นข้อมูลได้จาก https://th.Wikipedia.org/wiki/รายช่ือวัด ในจังหวดั นครศรธี รรมราช) วัดในจังหวดั นครศรีธรรมราชมอี ยู่ทกุ อ�ำเภอ ยกตวั อย่างท่ีส�ำคญั พอเปน็ สังเขป ดงั นี้ 1) วัดพระมหาธาตวุ รมหาวิหาร ตั้งอยู่ ถนนราชด�ำเนิน ต�ำบลในเมือง อ�ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เปน็ พระอารามหลวงชั้นเอก ชนดิ วรมหาวหิ าร จังหวดั นครศรธี รรมราชเป็น 1 ในจอมเจดยี แ์ ห่งสยาม สมเดจ็ พระเจ้า บรมวงศ์เธอกรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ ทรงเปน็ ผ้บู ัญญัตคิ �ำว่า จอมเจดยี ์ ขนึ้ มา ซึ่งทง้ั ประเทศมจี อมเจดยี ท์ ่คี วรคา่ แก่การยกย่อง 8 แห่ง ไดแ้ ก่ 1. พระปฐมเจดีย์ จงั หวดั นครปฐม 2. พระมหาธาตุเมอื งละโว้ 3. พระธาตหุ รภิ ุญชยั 4. พระธาตพุ นม 5. พระศรีรัตนมหาธาตุเมอื งเชลยี ง 6. พระมหาธาตเุ มอื งนครศรธี รรมราช 7. พระมหาธาตุเมืองศรสี ชั นาลยั 8. พระเจดีย์ชัยมงคลจดั ใหญ่ วัดพระมหาธาตเุ มืองนครศรีธรรมราช 2) วดั ธาตนุ ้อย หรอื วดั พระธาตุนอ้ ย ตั้งอยู่ในเขตต�ำบลหลกั ชา้ ง อำ� เภอชา้ งกลาง จงั หวัดนครศรีธรรมราช ต้ังขึน้ โดยความประสงค์ ของพอ่ ทา่ นคลา้ ย (พระครพู ศิ ษิ ฐอ์ รรถการ) พระเกจอิ าจารยท์ ชี่ าวใตเ้ ลอื่ มใสศรทั ธาอยา่ งสงู ยง่ิ รปู หนงึ่ ซง่ึ ศษิ ยย์ านศุ ษิ ย์ และประชาชนท่ีเคารพนับถือ ศรัทธา พ่อท่านคล้ายได้เช่ือถือถึงความศักดิ์สิทธ์ของวาจาพูดอย่างไรเป็นอย่างน้ัน ท่านมักจะให้พรกับทุกคน ขอให้ เป็นสุข เป็นสุขโดยประดิษฐานพระสารีริกธาตุและสรีระสังขารพ่อท่านคล้าย ในโลงแก้วประดษิ ฐานอยู่ในองคพ์ ระเจดยี ์ สงั ขารพ่อทา่ นคล้าย ซงึ่ วา่ กันว่าแข็งเปน็ หนิ ที่ชาวบ้านนบั ถอื และศรทั ธา มาจนทุกวันน้ี 116 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

วดั ธาตุน้อย หรอื วัดพระธาตุนอ้ ย 2. ศาสนาอิสลาม ศาสนาอสิ ลาม (Islam) เป็นศาสนาเอกเทวนยิ มและศาสนาอับราฮมั บญั ญตั โิ วโนคัมภีร์ อัลกุรอาน คมั ภรี ศ์ กั ดสิ์ ทิ ธข์ องอสิ ลามซงึ่ สาวกถอื วา่ เปน็ พระวจนะคำ� ตอ่ คำ� ของพระเปน็ เจา้ (อลั สอฮ)ฺ และสำ� หรบั สาวกสว่ นใหญ่ เปน็ ค�ำสอนและตวั อย่างเชงิ บรรทดั ฐาน (เรียกวา่ สุนตั และประกอบด้วยหะดษี ) ของมุอัมมดั (ประมาณ 570 - 8 มถิ นุ ายน 632) เป็นศาสดา (นบี) องคส์ ุดท้ายของพระเป็นเจา้ สาวกของศาสนาอสิ ลาม เรยี กวา่ มสุ ลมิ ศาสนาอิสลาม เป็นชนกลุ่มนอ้ ยทางศาสนาในประเทศไทย แต่มกี ารเติบโตอยา่ งรวดเร็ว คนสว่ นใหญเ่ ชอ่ื วา่ ชาวมสุ ลมิ สว่ นใหญข่ องประเทศอาศยั อยใู่ นสามจงั หวดั ใตส้ ดุ ของประเทศไทย ไดแ้ ก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส อย่างไรก็ตาม การศึกษาของกระทรวงการต่างประเทศ ช้ีว่าชาวไทยมุสลิม เพียง ร้อยละ 18 เท่าน้นั ท่ีอยูใ่ นพ้ืนที่สามจังหวดั นี้ สว่ นท่เี หลอื อาศัยอยู่กระจายไปทว่ั ประเทศ โดยสว่ นใหญ่อาศยั อยใู่ นกรุงเทพมหานครและตลอดพนื้ ที่ภาคใต้ของประเทศสำ� หรับชาวมุสลมิ ในจังหวดั ภาคใตข้ องไทยนั้น เป็นชนพื้น เมอื งมาแตด่ งั้ เดมิ มไิ ดส้ บื เชอื้ สายมาจากชาวมสุ ลมิ ทเ่ี ขา้ มาทางการคา้ หรอื อพยพมาจากดนิ แดนอน่ื เพราะมหี ลกั ฐาน ปรากฏว่า ชนชาติด้ังเดิมเหล่านี้ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ บนแหลมมลายูต้ังแต่ก่อนคริสต์ศักราชเป็นเวลา 43 ปี และมอี าณาจกั รสำ� คญั คอื อาณาจกั รลงั กาซู ตอ่ มาประมาณ คริสต์ศักราช 220 ชนชาติน้ีก็ได้ก่อตั้งอาณาจักรข้ึนท่ี จังหวัดนครศรีธรรมราช และในคริสต์ศักราช 658 เกิดอาณาจักรขึ้นใหม่ คือ อาณาจักรศรีวิชัย มีอิทธิพล แผไ่ ปทวั่ แหลมมาลายูและอาณาจกั รทจ่ี งั หวดั นครศรธี รรมราช ก็ตกอยใู่ น อำ� นาจของอาณาจักรศรวี ชิ ัยด้วย จนกระท่ังถงึ มสั ยดิ ในจังหวดั นครศรธี รรมราช คริสต์ศตวรรษท่ี 8 อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอ�ำนาจลง และอาณาจักรใหม่เกิดขึ้นแทนท่ี คือ อาณาจักรมัชปาหิต ตอ่ มาถงึ ครสิ ตศ์ กั ราช 1401 อาณาจกั รนกี้ เ็ สอ่ื มสลายลงและอทิ ธพิ ลของ ศาสนาอสิ ลามกไ็ ดแ้ ผเ่ ขา้ มาแทนทวี่ ฒั นธรรม อนิ เดียท่เี คยมีอยใู่ นบริเวณน้ี ประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ 8 ถึงตน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 9 ศาสนาอิสลามไดเ้ ขา้ ฝงั ราก ในอาณาจักรปัตตานี ซึ่งก่อตง้ั โดยพระยาตนกตู นั ดารา และขยายตวั ไปครอบคลุมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ ในปจั จบุ ัน ชาวไทยทนี่ ับถอื ศาสนาอสิ ลามมีอยู่ทวั่ ประเทศ (ประยทุ ธ สทุ ธพิ นั ธ์ 2505 : 212) เอกสารประกอบการเรยี น 117 รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

มสั ยดิ ในจงั หวดั นครศรธี รรมราช ตงั้ อยใู่ นอำ� เภอเมอื งนครศรธี รรมราช อำ� เภอขนอม อำ� เภอพรหมครี ี อ�ำเภอพระพรหม อ�ำเภอร่อนพิบูลย์ อ�ำเภอชะอวด อ�ำเภอท่าศาลา อ�ำเภอลิชล อ�ำเภอหัวไทร อ�ำเภอทุ่งสง อ�ำเภอท่งุ ใหญ่ อำ� เภอบางขัน และอำ� เภอปากพนงั (สืบคน้ ขอ้ มลู ได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/รายชอ่ื วดั ในจงั หวัดนครศรธี รรมราช) 3. ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาครสิ ต์ ราชบณั ฑติ ยสถานเรียกว่า ครสิ ตศ์ าสนา เป็นศาสนาประเภท เอกเทวนิยมท่ีมีพ้นื ฐาน มาจากชีวิตและการสอนของพระเยซูตามท่ีปรากฏในพระวรสาร ในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียน พันธสญั ญาใหมอ่ น่ื ๆ ผ้นู บั ถือศาสนาคริสต์เรยี กวา่ ครสิ ต์คาสนิกชนหรอื ครสิ ตชน พระเยซูเป็นชาวยิว คริสต์ศาสนาถือโดยสมมติว่าวันประสูติของพระองค์ คือวันท่ี 25 ธันวาคม ค.ศ. 1 (ซ่งึ ถือเอาวนั ประสตู ิเป็นปีท่ี 1 แหง่ ครสิ ตค์ ักราช ซึง่ ตรงกบั พุทธคกั ราช 543) ครสิ ต์ศาสนาเกดิ ข้ึนประมาณ พ.ศ. 573 ในปาเลสไตน์ หรือประเทศอสิ ราเอลปจั จบุ ัน ผูใ้ ห้กำ� เนดิ คอื พระเยซคู รสิ ต์ เปน็ บุตรของโจเซฟ ผูม้ อี าชพี ชา่ งไม้ เปน็ เชือ้ สายยวิ แหง่ นาซาเรธ และนางมาเรีย ครสิ ตจกั รในจงั หวัดนครศรธี รรมราช คริสตจักรในจังหวัดนครศรีธรรมราช นิกายคาทอลิก ตั้งอยู่ในอ�ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และอ�ำเภอร่อนพิบูลย์ นิกายโปรเตสแตนต์ ต้ังอยู่ในอ�ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อ�ำเภอขนอม อ�ำเภอชะอวด อ�ำเภอเฉลมิ พระเกยี รติ อ�ำเภอช้างกลาง อำ� เภอเชยี รใหญ่ อ�ำเภอทุ่งสง อำ� เภอทุ่งใหญ่ อำ� เภอทา่ ศาลา อำ� เภอบางขัน อำ� เภอปากพนัง อำ� เภอร่อนพิบูลย์ อำ� เภอลานสกา อ�ำเภอสิชล และอำ� เภอหัวไทร (ข้อมลู ปี 2559) โบสถ์คริสตจักรเบธเลเฮ็ม ศาสนาคริสต์เผยแผ่เข้ามาในนครศรีธรรมราชเมื่อกว่าร้อยปีล่วงมาแล้ว จากผู้ท่ีนับถือศรัทธาเพียงไม่กี่คน จนถึงปัจจุบันมีศริสตศาสนิกชน ในนครศรีธรรมราชมากมาย จนโบสถ์หลังเก่า ทสี่ รา้ งหลงั เลก็ ๆ ไมเ่ พยี งพอในการประกอบศาสนพธิ ี จนตอ้ งขยายมาเปน็ หลงั ใหญอ่ ยา่ งในปจั จบุ นั ครสิ ตจกั รเบธเสเฮม็ ตั้งอยทู่ ี่ 1307/51 ถนนราชดำ� เนิน ต�ำบลคลงั อำ� เภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ครติ จักรเบธเลเฮม็ นครศรีธรรมราช 118 เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

เรอ่ื งที่ 3 ความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมอน่ื ๆ จังหวดั นครศรีธรรมราช ความเช่ือทางศาสนาและพธิ กี รรมอ่ืน ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเป็นเร่อื งราวเกย่ี วกบั ศาลหลกั เมือง นครศรธี รรมราช และศาลเจ้า โดยมีรายละเอียดดังน้ี 1. ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ต้ังอยู่ในอ�ำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช สร้างข้ึนในช่วง ราวปี 2530 ในยคุ ท่ี นายเอนก สทิ ธปิ ระศาสน์ เปน็ ผู้ว่าราชการจังหวดั ด้วยวัตถุประสงค์ เพอ่ื เปน็ ศูนยร์ วมจิตใจ ของ “คนคอน” โดยมีบุคคลส�ำคัญ 2 คนที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง คือ พล.ต.ต.ชุนพันธรักษ์ราชเดช และ พล.ต.ท.สรรเพชญธรรมาธิกุล อดีตผู้ก�ำกับการต�ำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่ีนี่เปรียบเสมือนสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ คอยปกปอ้ งรกั ษาบา้ นเมอื งใหพ้ น้ จากภยั อนั ตรายตา่ ง ๆ โดยรบั รถู้ งึ ความศกั ดสิ์ ทิ ธขิ์ องศาลหลกั เมอื ง ผา่ นองคจ์ ตคุ าม รามเทพ เทวดารักษาเมือง ซ่ึงอยู่บนเสาสูงสุดของหลักเมือง มีค�ำบอกเล่าจากปู่ย่าตายายมาช้านานแล้วว่า ถา้ อยากทจี่ ะเจริญก้าวหน้าในหน้าท่กี ารงานกต็ ้องไปสกั การบูชาศาลหลักเมอื ง 2. ศาลเจา้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมชองชาวไทยเชือ้ สายจีนทีย่ ังคงต้ังอยูบ่ นความเชื่อทางศาสนา และพธิ ีกรรม ความศรัทธานั้นยังคงพยายามรักษาให้คงอยู่ถึงปัจจุบัน โดยแสดงให้เห็นถึงแนวทางการปฏิบัติตามธรรมเนียมจีน ผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ ในช่วงเทศกาล เช่น เทศกาลวันตรุษจีน เป็นต้น ศาลเจ้าตั้งอยู่ในหลายอ�ำเภอ ของจงั หวัดนครศรธี รรมราช ไดแ้ ก่ 1) ศาลเจา้ กวนอู อำ� เภอเมอื ง จังหวดั นครศรธี รรมราช 2) ศาลเจ้าล่ามกงุ หยา อำ� เภอเมอื ง จังหวดั นครศรีธรรมราช 3) ศาลพระเสอื้ เมอื งนครศรีธรรมราช 4) ศาลเจา้ นาจาซาไห้ช้อื อ�ำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรธี รรมราช 5) ศาลเจา้ ฮกฮวั้ เก็ง หรือ ศาลแปะกง ต�ำบลนาบอน อ�ำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช 6) ศาลเจ้าพอ่ มหาชัย ณ บรเิ วณเขามหาชยั และภเู ขาหลักไก่ มหาวิทยาลัยราชภฏั นครศรีธรรมราช 7) ศาลเจ้าทวดทอง อำ� เภอเมือง จงั หวดั นครศรีธรรมราช 8) ศาลเจ้าทวดเหนือ อำ� เภอเมอื ง จังหวดั นครศรธี รรมราช 9) ศาลเจ้าเทพเจ้าพญามา้ ขาว ตำ� บลปากพนู อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดนครศรีธรรมราช 10) ศาลเจา้ พระ 108-109 นอกไร่ ถนนสะพานยาว ตำ� บลโพธเสดจ็ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครศรธี รรมราช 11) ศาลเจา้ ฮกเกี้ยน อ�ำเภอปากพนงั จงั หวดั นครศรีธรรมราช 12) ศาลเจ้าเดก็ กา่ จีคงุ เกาะ อำ� เภอปากพนงั จังหวัดนครศรธี รรมราช 13) ศาลเจ้าพอ่ ตาปะขาว อำ� เภอสิชล จงั หวดั นครศรีธรรมราช 14) ศาลเจา้ ทวดโตะ๊ ต�ำนครศรธี รรมราช 15) ศาลเจา้ แม่กวนอมิ จันดี ตำ� บลจนั ดี อำ� เภอฉวาง จังหวัดนครศรธี รรมราช 16) ศาลเจ้าแม่กวนอมิ ทงุ่ สง อำ� เภอทุง่ สง จงั หวัดนครศรีธรรมราช เอกสารประกอบการเรยี น 119 รายวิชา นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

กจิ กรรมหน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 ศาสนาจังหวดั นครศรีธรรมราช จงตอบค�ำถามตอ่ ไปนีท้ กุ ขอ้ 1. ใหส้ รุปประวตั คิ วามเปน็ มาของศาสนาในจงั หวดั นครศรีธรรมราช มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ให้อธบิ ายความของแต่ละศาสนา พอเป็นสงั เขป ตามหวั ข้อดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ศาสนาพทุ ธ 1.1. ประวตั ศิ าสนาพทุ ธ 1.2. หลักธรรมส�ำคัญทางพทุ ธศาสนา 1.3. หลักการปฏิบัติ 1.4. ศาสนสถานท่ีสำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนาในจงั หวดั นครศรธี รรมราช 2. ศาสนาอสิ ลาม 2.1 ประวัติศาสนาอสิ ลาม 2.2 หลักคำ� สอน 2.3 หลกั การปฏิบัติ 2.4. ศาสนสถานทีส่ ำ� คญั ของศาสนาอิสลามในจงั หวดั นครศรธี รรมราช 3. ศาสนครสิ ต์ 3.1 ประวัติศาสนาคริสต์ 3.2 พธิ ีกรรมสำ� คญั ในศาสนาครสิ ต์ 3.3 คริสต์จกั รในจังหวัดนครศรีธรรมราช 3. ให้เขียนประวัติความเป็นมาของศาลหลักเมืองและยกตัวอย่างความเช่ือทางศาสนา ของศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ให้เขียนประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าและยกตัวอย่างความเช่ือทางพิธีกรรมของศาลเจ้าใน จงั หวดั นครศรธี รรมราช …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 120 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 10ประเพณแี ละวฒั นธรรมจังหวดั นครศรีธรรมราช ประเพณเี ปน็ กจิ กรรมทมี่ กี ารปฏบิ ตั สิ บื เนอ่ื งกนั มา เปน็ เอกลกั ษณแ์ ละมคี วามสำ� คญั ตอ่ สงั คม เชน่ การแตง่ กาย ภาษา ศาสนา ศลิ ปกรรม กฎหมาย คณุ ธรรม ความเชอื่ ฯลฯ อนั เปน็ บอ่ เกดิ ของวฒั นธรรมของสงั คม เชอ้ื ชาตติ า่ ง ๆ กลายเปน็ ประเพณปี ระจำ� ชาติ และถา่ ยทอดกนั มาโดยลำ� ดบั ประเพณแี ละวฒั นธรรม ของทอ้ งถน่ิ จงึ มคี วามจำ� เปน็ ทบี่ คุ คล ในทอ้ งถนิ่ ตอ้ งเรยี นรู้ สบื ทอด ธำ� รงรกั ษาไว้ และภาคภมู ใิ จตอ่ ประเพณแี ละวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ทด่ี งี าม เรอื่ งที่ 1 ประเพณีที่เกย่ี วเนอ่ื งกับความกตัญญกู ตเวที จังหวัดนครศรีธรรมราช ความกตัญญูกตเวที คือ ความรู้บุญคุณท่านแล้วตอบแทนให้ปรากฏ เป็นรูปธรรมประคองให้โลกอยู่ได้ ดว้ ยความสงบสขุ คนเรามชี วี ติ อยู่ไดเ้ พราะบิดามารดาและบรรพบรุ ุษ การระลกึ ถึงบุญคุณ คอื การตอบแทนบุญคณุ บรรพบุรุษ ความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ประเพณีท่ีเก่ียวเนื่องกับความกตัญญูกตเวทีของท้องถ่ิน นครศรธี รรมราชท่ีสำ� คัญ คอื ประเพณีสารทเดือนสิบ และประเพณีอาบน้�ำคนแก่ 1. ประเพณีสารทเดือนสบิ สารทเดอื นสิบหรอื ประเพณที �ำบุญเดอื นสิบ เป็นการน�ำเครื่องอปุ โภคและเครอื่ งบรโิ ภครวมทั้งขนม ส�ำคัญหา้ อยา่ งไปถวายพระ แล้วอุทศิ ส่วนกศุ ลแด่บรรพบุรษุ ของตน ประวตั ิความเป็นมา ประเพณีสารทเดือนสิบ วิวัฒนาการมาจากประเพณีเปรตพลีของพราหมณ์ ซึ่งลูกหลานจัดขึ้น เพื่อท�ำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อมาพวกพราหมณ์จ�ำนวนมากได้หันมานับถือพระพุทธศาสนา และยังถือปฏิบัติในประเพณีดังกล่าวอยู่ พระพุทธองค์เห็นว่าประเพณีน้ีมีคุณค่า เป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญู กตเวทีต่อบรรพบุรุษ น�ำความสุขใจให้ผู้ปฏิบัติ จึงอนุญาตให้อุบาสกอุบาสิกาประกอบพิธีน้ีต่อไปได้ ประเพณี สารทเดอื นสบิ มมี าตง้ั แตพ่ ทุ ธกาล คาดวา่ เมอื่ พระพทุ ธศาสนาเผยแผเ่ ขา้ มาในนครศรธี รรมราช จงึ รบั ประเพณมี าดว้ ย ความเชือ่ ความเช่ือของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราชเช่ือว่าบรรพบุรุษอันได้แก่ ปู ย่า ตา ยาย และญาติพ่ีน้องท่ีล่วงลับไปแล้ว หากท�ำความดีไว้เม่ือครั้งท่ียังมีชีวิตอยู่ จะได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ แต่หาก ท�ำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจี ต้องอาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้ ในแตล่ ะปมี ายงั ชพี ดงั นน้ั ในวนั แรม 1 คำ�่ เดอื นสบิ คนบาปทง้ั หลายทเี่ รยี กวา่ เปรตจงึ ถกู ปลอ่ ยตวั กลบั มายงั โลกมนษุ ย์ เพื่อมาขอสว่ นบญุ จากลกู หลานญาติพ่นี ้องและจะกลับไปนรกในวนั แรม 15 ค่�ำ เดือนสบิ ระยะเวลาของการประกอบพิธี มีขึน้ ในวันแรม 1 ค่�ำ ถงึ แรม 15 คำ่� เดือนสิบ เอกสารประกอบการเรยี น 121 รายวิชา นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

พธิ ีกรรม การปฏบิ ตั ิพิธกี รรมการท�ำบญุ สารทเดอื นสิบ มี 3 ขั้นตอน คอื 1) การจัดหมรฺ ับและการยกหมฺรับ การจัดเตรียมส่ิงของท่ีใชจ้ ัดหมรฺ ับ เร่มิ ข้ึนในวันแรม 13 ค่�ำ วนั นเี้ รียกกนั วา่ “วันจา่ ย” ชาวบ้าน จะซอ้ื อาหารแหง้ พชื ผกั ทเ่ี กบ็ ไวไ้ ดน้ าน ขา้ วของเครอ่ื งใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั และขนมทเี่ ปน็ สญั ลกั ษณข์ องสารทเดอื นสบิ จดั เตรยี มไว้ส�ำหรบั ใสห่ มรฺ บั และนำ� ไปมอบให้ผูใ้ หญท่ เ่ี คารพนบั ถอื (1) การจัดหมฺรับ นิยมใช้กระบุงหรือเข่งสานด้วยตอกไม้ไผ่ขนาดเล็กหรือใหญ่ข้ึนอยู่กับ ความประสงค์ของเจา้ ของหมรฺ ับ ปจั จุบันใช้ภาชนะหลายชนดิ เช่น ถาด กระเชอ กะละมงั ถัง หรือภาชนะทป่ี ระดษิ ฐ์ ขน้ึ มาเป็นกรณพี ิเศษ การจัดหมฺรบั ขนมลา เปรยี บเทยี บเสมอื นเสทอ้ ผา้ แพรพรรณ ที่บรรพบุรุษจะใชเ้ ป็นเคร่ืองนุ่งห่ม ขนมพอง เปรียบเสมือนแพอันเป็นพาหนะ ขนมกง (หรอื ขนมไขป่ ลา) เปรียบเสมอื นเครอื่ งประดับให้ ใหบ้ รรพบรุ ษุ ใชข้ ้ามห้วงมหรรณพ บรรพบรุ ุษไดใ้ ช้ประดับร่างกาย ขนมบา้ เปรียบเสมอื นสะบ้า สำ� หรับให้บรรพบรุ ุษ ขนมดซี �ำเปรยี บเสมอื นเงินตรา ไว้เลน่ สะบ้าวนั ตรษุ สงกรานต์ เพ่อื ให้บรรพบุรษุ ไดม้ ีไว้ใชส้ อย 122 เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

(2) การยกหมรฺ บั วนั แรม 14 คำ่� ชาวบา้ นจะนำ� หมรฺ บั ทจ่ี ดั เตรยี มไวไ้ ปทำ� บญุ อทุ ศิ สว่ นกศุ ลทวี่ ดั วนั น้เี รียกวา่ “วนั ยกหมรฺ บั ” การยกหมรฺ ับไปวัดจะจดั เป็นขบวนหรอื ไมม่ ขี บวนแหก่ ็ได้ โดยนำ� หมรฺ บั และภัตตาหาร ไปถวายพระ 2) การฉลองหมรฺ ับและบงั สกุ ุล วันแรม 15 ค่�ำ ซึ่งเป็นวันสารทเรียกว่า “วันหลองหมฺรับ” มีการท�ำบุญเลี้ยงพระและบังสุกุล การท�ำบุญวันนี้เป็นการส่งบรรพบุรุษและญาติพี่น้องให้กลับไปยังเมืองนรก หากไม่ได้กระท�ำพิธีกรรมในวันน้ี บรรพบรุ ษุ ญาตพิ น่ี อ้ งทลี่ ว่ งลบั ไปแลว้ จะไมไ่ ดร้ บั สว่ นกศุ ล ทำ� ใหเ้ กดิ ทกุ ขเวทนาดว้ ยความอดยากลกู หลานทย่ี งั มชี วี ติ อย่กู ็จะกลายเปน็ คนอกตัญญูไป 3) การต้งั เปรตและชิงเปรต เสรจ็ จากการฉลองหมรฺ บั และถวายภตั ตาหารแลว้ กน็ ยิ มนำ� ขนมอกี สว่ นหนง่ึ นำ� ไปวางไวต้ ามบรเิ วณ ลานวดั โคนไมใ้ หญ่ หรอื กำ� แพงวดั เรยี กวา่ “ตงั้ เปรต” เปน็ การแผส่ ว่ นกศุ ลใหเ้ ปน็ สาธารณทานแกผ่ ลู้ ว่ งลบั ทไ่ี มม่ ญี าติ หรือญาติไมไ่ ด้มาท�ำบุญให้ การชิงเปรตจะเร่ิมหลังจากตั้งเปรตเสร็จแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่า “ชิงเปรต” ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กจะวิ่งกันเข้าไปแย่งขนม เพราะความเชื่อว่าของท่ีเหลือจากการเซ่นไหว้จากบรรพบุรุษ ถ้าใครได้ไปกิน จะได้กศุ ลแรง เป็นสริ มิ งคลแกต่ นเองและครอบครวั 2. ประเพณีอาบน�ำ้ คนแก่ คนแก่ ผู้อาวุโสของตระกูล คนในตระกูลจะเป็น ผู้ก�ำหนดว่า สมาชิกคนไหนเป็นคนแก่ของตระกูล แตล่ ะตระกลู การอาบนำ�้ คนแก่ เป็นวิธีการแสดงออกซึ่งความเคารพ นับถือ แก่บิดามารดา ญาตคิ นแก่ของตระกลู รวมท้งั ผ้มู ีพระคุณและบุคคลทีต่ นเคารพนับถอื ประวัตคิ วามเปน็ มา อาบน้�ำคนแก่ เป็นประเพณีเก่ียวเน่ือง มาจากประเพณีสงกรานต์ชาวนครศรีธรรมราชเชื่อกันว่า ในวันที่ 14 เมษายน เทวดาท่เี ฝา้ รกั ษาเมอื งทั้งหลายจะพา กันข้ึนไปเมืองสวรรค์กันหมด ท้ังเมืองจึงปราศจากเทวดา วันนี้จึงเรียกว่า “วันว่าง” ชาวบ้านจะหยุดท�ำกิจการ ทุกอย่าง จะไปท�ำบุญที่วัดใกล้บ้านเสร็จแล้วสรงน้�ำ อาบน�้ำคนแก่ พระพทุ ธสหิ งิ คเ์ สรจ็ แลว้ จะหาญาตคิ นแกท่ เ่ี คารพนบั ถอื แลว้ ขออาบนำ�้ ใหท้ า่ นดว้ ย ประเพณอี าบนำ้� คนแก่ จะจดั ขน้ึ อยูใ่ นชว่ งระยะเวลาของวนั ที่ 13 วันท่ี 14 และวันท่ี 15 เดอื นห้า (เมษายน) ของทกุ ปี สถานทปี่ ระกอบพิธี สถานทอ่ี าบน�้ำคนแก่ อาจเป็นที่บ้านหรอื วัดตามความเหมาะสม กรณที ี่เปน็ การทำ� พธิ อี าบน้�ำคนแก่ รวมกันท้ังหมู่บ้าน ลูกหลานจะน�ำคนแก่ของตระกูลมารวมกันท่ีจัด เพื่อจัดพิธีอาบน้�ำคนแก่พร้อมกันจึงใช้จัดเป็น สถานทีท่ �ำพิธี เอกสารประกอบการเรยี น 123 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

พิธีกรรม 1. การขอขมา ลูกหลานและชาวบ้านท่ีมาร่วมพิธี จะรวมกลุ่มยืนอยู่ด้านหน้าของบรรดาคนแก่ ผู้น�ำในพิธีน�ำดอกไม้และจุดธูปเทียน พนมมือ แล้วกล่าวขอขมา ทุกคนว่าตามดังน้ี “กายกรรมสาม วจีกรรมส่ี มโนกรรมสาม หากขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย เกิดประมาทพลาดพล้ังแกท่ า่ น ด้วยกายกด็ ี ดว้ ยวาจากด็ ี ด้วยใจกด็ ี ต่อหนา้ ก็ดี ลับหลงั ก็ดี เจตนาก็ดี ไมเ่ จตนากด็ ี ขอให้ท่านอโหสกิ รรมใหแ้ กข่ า้ พเจา้ ดว้ ยเถดิ และขอไดโ้ ปรดอ�ำนวยพรให้ข้าพเจ้า ทั้งหลายมคี วามสขุ ความเจรญิ ตลอดไป และขอต้ังจติ อธิฐานขอใหท้ ่าน เจรญิ ด้วย อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ตลอดไป” 2. พธิ กี ารอาบน�้ำ การอาบน�้ำเป็นการตกั น�้ำมาอาบให้คนแก่ ปัจจุบนั ได้ปรับเปลีย่ นวิธกี ารอาบน้�ำ มารดนำ้� ท่ีมอื ทง้ั สองของคนแก่ และมอบเคร่อื งนุ่งห่มเครอ่ื งใช้ ใหค้ นแก่ พรอ้ มกับขอพร คนแก่ก็จะให้พรลูกหลาน ที่มาประกอบพธิ ีและอาบน�้ำไปตามลำ� ดบั จนครบทุกคน เร่อื งที่ 2 ประเพณที ่เี กี่ยวเนอ่ื งกบั ความสามคั คี จังหวดั นครศรธี รรมราช ความสามัคคีกลมเกลียวและความพร้อมเพรียงกันเป็นพ้ืนฐานท่ีส�ำคัญย่ิงในการอยู่ร่วมกัน ประเทศชาติ จะม่ันคงได้ด้วยบุคคลในสังคมน้ัน ต้องรักใคร่ปรองดองกัน สงเคราะห์ช่วยเหลือกัน ประพฤติตนให้เกิดประโยชน์ เก้ือกูลแก่กัน แก่หมู่คณะและชุมชน โดยส่วนรวมประเพณีส�ำคัญของนครศรีธรรมราชท่ีเก่ียวเนื่องกับความสามัคคี คือ ประเพณีใหท้ านไฟ ประเพณีกวนข้าวยาคู และประเพณีลากพระ 1. ประเพณใี หท้ านไฟ การใหท้ านไฟเปน็ การทำ� บญุ ดว้ ยไฟ เพอื่ ใหค้ วามอบอนุ่ แกพ่ ระภกิ ษสุ งฆใ์ นตอนเชา้ มดื ของวนั ทอ่ี ากาศ หนาวเย็น ใชล้ านวัดเป็นที่กอ่ กองไฟและทำ� ขนมถวายพระ ประวัตคิ วามเป็นมา นครศรีธรรมราชมี ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบร้อนช้ืนในหน้าหนาวก็ไม่หนาวจัด เพียงแต่คนรู้สึก ไม่เคยชินกับอากาศที่หนาวเย็นลงตอนย�่ำรุ่งเช้ามืดจึงลุกข้ึนมาก่อไฟผิงเพื่อสร้างความอบอุ่น พุทธศาสนิกชน จงึ พากนั ไปกอ่ กองไฟในวดั ใกลบ้ า้ นแลว้ นมิ นตพ์ ระภกิ ษสุ งฆ์ มาผงิ ไฟรบั ความอบอนุ่ ดว้ ยการใหท้ านไฟไมม่ กี ำ� หนดระยะ เวลาทแ่ี นน่ อนตายตวั แลว้ แตค่ วามสะดวกในการนดั หมาย แต่ส่วนใหญ่จะปฏิบัติในช่วงเดือนย่ี ซ่ึงเป็นช่วงท่ีมีอากาศ หนาวเยน็ ที่สดุ ชาวบา้ นจะนดั หมายไปพรอ้ มกันในวันไหน กไ็ ด้ ปจั จุบนั ก�ำหนดใหเ้ อาเช้ามืดของวันปีใหม่ (คือวนั ท่ี 1 มกราคม) เปน็ วนั ไปวดั ทำ� บญุ ใหท้ านไฟ และจดั ทำ� กจิ กรรม ปีใหม่ตอ่ เน่อื งกนั ไป พิธีกรรม กองไฟสำ� หรบั การให้ทานไฟ การก่อไฟ ชาวบา้ นมกั ใชไ้ ม้ฟนื หลายอันมาซ้อนกันเขา้ เปน็ เพงิ กอ่ ไฟแล้วก็นมิ นต์พระสงฆม์ านั่งผิงไฟ เพือ่ ใหเ้ กิดความอบอ่นุ ทัง้ พระสงฆแ์ ละคนท่อี ยใู่ กล้เคยี ง ขนมท่ีนิยมท�ำเช่น ขนมเบ้ือง ขนมครก และขนมโค เป็นขนมที่ปรุงขึ้นมาร้อน ๆ ไปถวายพระสงฆ์ ขณะทที่ ำ� ขนมกนั ไปพระสงฆก์ ฉ็ นั ไปพรอ้ ม ๆ กนั เมอื่ พระสงฆฉ์ นั จนอม่ิ แลว้ ชาวบา้ นจงึ รบั ประทานกนั อยา่ งสนกุ สนาน หลงั จากพระสงฆฉ์ ันเสร็จแลว้ ก็สวดให้ศลี ใหพ้ รแกผ่ ูท้ ีม่ าท�ำบุญเปน็ อนั เสรจ็ พิธี 124 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

2. ประเพณกี วนขา้ วยาคู ข้าวยาโค (หรือข้าวยาคู) เป็นชื่อที่ ชาวนครศรีธรรมราช เรียกกันทั่วไปในพุทธประวัติเรียกว่า “ขา้ วมธุปายาสยาค”ู ประวัติความเป็นมา ชาวนครศรธี รรมราช มคี วามเชอ่ื ทเ่ี กย่ี วเนอ่ื ง กับพุทธประวัติตอนนางสุชาดาถวายมธุปายาสยาคู ปรารถนาจะบวงสรวงเทวดา จึงหุงข้าวมธุปายาสยาคู จัดลงในถาดทองค�ำน�ำไปท่ีโพธิพฤกษ์ เห็นพระมหาบุรุษ การกวนขา้ วยาคู นง่ั อยู่ สำ� คญั วา่ เปน็ เทวดาจงึ นอ้ มขา้ วมธปุ ายาสยาคู เขา้ ไปถวาย ในเวลานน้ั บาตรของพระองคเ์ ผอญิ อนั ตรธานหายไป พระองค์จึงทรงรับข้าวมธุปายาสยาคูนั้นท้ังถาด นางจึงทูลถวายทั้งถาดแล้วกลับไป พระมหาบุรุษทรงถือถาดข้าว มธุปายาสยาคู เสด็จไปสู่ท่าน้�ำแห่งแม่น้�ำเนรัญชรา เมื่อสรงน้�ำแล้วจึงได้เสวยข้าวมธุปายาสยาคูจนหมด จงึ ทรงลอยถาดไป ความเช่ือ พุทธศาสนกิ ชนชาวนครศรีธรรมราช เชอ่ื กันวา่ ขา้ วยาคนู ัน้ เปน็ อาหารทิพยช์ ่วยใหส้ มองดเี กิดปัญญา แก่ผู้บริโภค ท�ำให้มีอายุยืนยาวมีผิวพรรณผ่องใสและมีพลานามัยสมบูรณ์ และยังเป็นโอสถขนานเอกที่สามารถ ขจัดโรคร้ายได้ทุกชนิด ท้ังยังบันดาลความส�ำเร็จให้ผู้บริโภคสมปรารถนาในส่ิงที่คิดได้อีกด้วย ระยะเวลา ในการประกอบพิธี เดือนสามเป็นระยะเวลาที่ข้าวในนาก�ำลังออกรวง เมล็ดข้าวยังไม่แก่ ก�ำลังเป็นน�้ำนมข้าว เหมาะสำ� หรับน�ำมากวนขา้ วยาคู ชาวบา้ นจงึ นิยมกวนข้าวยาคใู นวนั ขนึ้ 13 และ 14 คำ่� เดอื นสาม พิธกี รรม 1. ข้ันตอนการกวนข้าวยาคู ประกอบด้วย สาวพรหมจารีนุ่งขาวห่มขาว และต้องรับสมาทาน เบญจศีลก่อนเข้าพธิ กี วน ทั้งนี้เพอื่ ความบรสิ ทุ ธ์ิและความเป็นมงคล โดยมีดา้ ยสายสิญจน์ โยงจากพระสงฆม์ าผูกไว้ ที่ไม้พาย (ไม้กวน) ให้สาวพรหมจารีจับสายสิญจน์ไว้ พระสงฆ์เตรียมสวดขัยมงคลคาถา ซ่ึงชาวบ้านเรียกว่า สวดชยันโตเพอื่ เปน็ มงคลพธิ ี 2. ขน้ั ตอนในการกวนขา้ วยาคู 1). เร่มิ พิธกี วน สาวพรหมจารจี บั ไมก้ วน มีการลน่ั ฆอ้ งชยั ต้งั อีโหย้ (โห่สามลา) พระสงฆ์จะสวดขยันโตตั้งแต่เร่ิมกวน เม่ือสวดชยันโตจบแล้วถือว่าเสร็จพิธี ต่อไปใครจะกวนก็ได้ 2). การกวนข้าวยาคูต้องกวนอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะไม่ติดกระทะ เมื่อข้าวยาคูเร่ิมเหนียวจะใช้น้�ำมันมะพร้าว ทเี่ คยี่ วไวเ้ ตมิ ลงในกระทะ ไมใ่ หข้ า้ วยาคตู ดิ ไมพ้ าย ขา้ วยาคจู ะเปลย่ี นเปน็ สคี ลำ�้ เมอื่ กวนเสรจ็ และมกี ลนิ่ หอมเครอ่ื งเทศ 3). ระยะเวลา ใช้เวลาประมาณ แปดถึงเก้าช่วั โมง สว่ นมากเริ่มกวนเวลา 19 นาฬิกา จนถงึ ประมาณ 03.00 นาฬิกา จึงแล้วเสร็จ 4). จากกระทะใส่ถาด เกล่ียข้าวยาคูให้บาง ๆ แล้วตัดเป็นชิ้นน�ำไปถวายพระในวัดแจกจ่ายญาติมิตร ท่ีมารว่ มในพธิ ีใหท้ ว่ั ทุกคนทเ่ี หลือจัดสง่ ไปยงั วัดต่าง ๆ และน�ำไปฝากญาตมิ ิตร เอกสารประกอบการเรยี น 125 รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

3. ประเพณลี ากพระ ลากพระ (ชักพระหรือแห่พระ) เป็นประเพณีท�ำบุญในวันออกพรรษาโดยอัญเชิญพระพุทธรูป มาประดิษฐาน ในนมพระแล้วแห่ โดยการลากไปชมุ นมุ กนั ในบริเวณหมู่บา้ นใน วนั แรม 1 ค�ำ่ เดอื นสิบเอด็ ประวตั ิความเปน็ มา ในสมัยที่มีการสร้างพระพุทธรูปข้ึน แล้วพุทธศาสนิกชนได้อัญเชิญพระพุทธรูปซึ่งสมมุติแทน องค์พระพุทธเจ้ามาแห่แทน ซ่งึ เปรียบเสมอื นการรับเสดจ็ และถวายภตั ตาหารใหพ้ ระพุทธเจ้าดว้ ยตนเอง ความเชื่อ เม่อื ครัง้ ที่พระพทุ ธเจา้ เสด็จไปจ�ำพรรษา ณ สวรรคข์ ึน้ ดาวดึงส์เพื่อโปรดพระมารดา เมอื่ ครบพรรษา จงึ เสด็จกลับลงมายงั โลกมนุษย์ โดยจะกลบั ลงมาทางบันไดแก้วท่พี ระอินทร์นิมิตถวาย โดยจะเสด็จถึงนครสังกัสสะ ในเวลาเช้าตรู่ของวันแรม 1 ค่�ำ เดือนสิบเอ็ด พุทธศาสนิกชนที่ทราบก�ำหนดการเสด็จ ต่างปลื้มปิติยินดีพากันไป รับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น พร้อมท้ังเตรียมภัตตาหารไปถวาย พระพุทธเจ้าได้รับการอัญเชิญขึ้นประทับบนบุษบก ที่เตรยี มไว้ แลว้ แหแ่ หนไปยังทปี่ ระทบั มคี นที่อยูร่ อบนอกจ�ำนวนมากท่ไี ดน้ �ำใบไม้มาห่อภัตตาหาร แลว้ ยน่ื ตอ่ ต่อกัน เพอ่ื ใหถ้ งึ บษุ บกทปี่ ระทบั อยู่ บางคนกโ็ ยนบา้ ง ปาบา้ ง ดว้ ยแรงอธฐิ านของผมู้ จี ติ ศรทั ธาและอภนิ หิ ารของพระพทุ ธเจา้ ทำ� ใหภ้ ตั ตาหารเหลา่ นน้ั ไปตกในบาตรของพระพทุ ธองคท์ ง้ั สนิ้ วา่ อานสิ งสแ์ หง่ การลากพระทำ� ใหฝ้ นตกตอ้ งตามฤดกู าล ชาวนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ต้องการไร่นาท่ีอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตเพิ่มพูน การที่ฝนตกต้อง ตามฤดูกาล จึงเช่ือกันว่าหากใครได้ลากพระทุกปี จะเป็นผู้ที่ได้รับบุญกุศลเป็นอย่างมาก และส่งผลให้ประสบ ความสำ� เร็จในชวี ติ วนั ลากพระจะท�ำกนั ในวันออกพรรษา คือวันแรม 1 ค่�ำ เดอื นสบิ เอ็ดของทุกปี พธิ ีกรรม กอ่ นจะถงึ เวลาลากพระ พทุ ธศาสนกิ ชนจะเตรยี มการเพอื่ ประกอบพิธีกรรมกนั อยา่ งคกึ คัก กล่าวคือ 1. การแต่งนมพระ นมพระหรือพนมพระ หมายถึง พาหนะท่ีใช้บรรทุกพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร นิยมท�ำกันสองแบบ แบบหน่งึ ใชล้ ากทางบกเรียกวา่ “นมพระ” ส่วนอกี แบบหน่งึ ใช้ลากทางนำ้� เรยี กวา่ “เรอื พระ” นิยมสรา้ งบนร้านมา้ มีไมส้ ี่เหลย่ี มขนาดใหญ่สองทอ่ นรองรับขา้ งลา่ ง ทางด้านท้ายทำ� เปน็ รปู หางพญานาค นิยมท�ำ ล้อเล่ือนด้วยไม้ส่ีล้อไว้ในตัวพญานาคทั้งสองข้าง ด้านหน้าของพญานาคทั้งสองมีเชือกขนาดใหญ่พอก�ำมือรอบยาว ประมาณ 20-30 เมตร ผกู อยขู่ า้ งละเสน้ เปน็ เชอื กสำ� หรบั ใชล้ ากพระ รา้ นมา้ ใชไ้ มไ้ ผส่ าน ฝาผนงั มลี วดลายและระบาย สีงดงาม ข้างนมพระมีโพนสองลูก กลอง ฆ้อง หรือระฆังอย่างละหนึ่งลูก ปัจจุบันจะสร้างนมพระบนรถยนต์ ใช้เคร่ืองยนตข์ ับเคลอ่ื นเป็นการทุน่ แรง 2. การหุ้มโพน โพนเปน็ เครอ่ื งตี ใชป้ ระโคมพระลาก การหุ้มโพนใชเ้ วลานานนบั เดือน มกี รรมวธิ ี ทีซ่ บั ซอ้ นตอ้ งขดุ และขึงหนงั ให้ตึงเตมิ ท่ี บางวดั มพี ิธที างไสยศาสตร์ประกอบดว้ ย แต่ละวัดตอ้ งมโี พนสองใบ เสยี งทุม้ และเสียงแหลมอย่างละใบ เสียงโพนเปน็ จงั หวะใหค้ วามคกึ คกั เรา้ ใจในขณะลากพระ 3. การคมุ พระ การคมุ พระเปน็ วธิ กี ารทพี่ ทุ ธบรษิ ทั ของจดั ตโี พนเปน็ การประโคมกอ่ นถงึ วนั ลากพระ เพื่อเตือนให้ชาวบ้านท่ัวไปทราบและเกิดความกระตือรือร้นที่จะมาร่วมงานลากพระ โดยจะตีโพนเป็นระยะก่อนถึง วันลากพระ ประมาณหนงึ่ ถงึ สองสัปดาห์ การคุมพระมกั จะท�ำตอนกลางคืน เสยี งโพนจะกงั วานชดั เจนไปไกล 4. การอัญเชิญพระลากข้ึนประดิษฐานบนนมพระ พระลากท่ีนิยมใช้ในพิธีลากพระ คือ พระพทุ ธรปู ปางอมุ้ บาตร เมอ่ื ถงึ วนั ขนึ้ 15 คำ�่ เดอื นสบิ เอด็ พทุ ธบรษิ ทั จะอญั เชญิ พระลากออกจากวหิ ารหรอื อโุ บสถ ท�ำความสะอาดและสรงน้�ำพระชโลมเคร่ืองหอมต่าง ๆ แล้วเปลี่ยนจีวรให้สวยงาม ในการน้ีมีพิธีสงฆ์สวดสมโภช มกี ารเทศนาในเรอื่ งเกยี่ วกบั การเสด็จไปดาวดึงสข์ องพระพุทธเจ้า จนกระท่งั เสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ 126 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

5. การตักบาตรหน้าล้อ ตอนเช้าตรู่ในวันแรม 1 ค่�ำเดือนสิบเอ็ด พุทธบริษัทจะน�ำภัตตาหาร มาตักบาตรหน้านมพระ เรียกว่า “ตักบาตรหน้าล้อ” แล้วจึงอัญเชิญพระลากขึ้นประดิษฐานบนบุษบกในนมพระ บางวดั จะทำ� พธิ ไี สยศาสตร์ เพอื่ ใหก้ ารลากพระเปน็ ไปดว้ ยความราบรน่ื ปลอดภยั แคลว้ คลาดจากภยั อนั ตรายทง้ั ปวง 6. การลากพระ 6.1 การลากพระบก การลากพระ คอื การลากนมพระ สมัยโบราณใช้ลอ้ ไมเ้ ลอ่ื น นมพระจึงหนกั จึงต้องมีเชือกลากเป็นสองสาย แบ่งเป็นสายผู้หญิงและ สายผชู้ าย ผลู้ ากจะลากนมพระผา่ นมาตามเสน้ ทาง เมอื่ ผา่ น หน้าบ้านของใคร คนท่ีอยู่ในบ้านจะมาช่วยกันลากพระ มารบั ทอดตอ่ อยา่ งไมข่ าดสาย คนลากจะประสานเสยี งรอ้ ง บทลากพระ เพอ่ื เปน็ การผ่อนแรงไปในตวั เรอื พระทางบก 6.2 การลากพระนำ�้ การลากพระน้�ำ คอื การลากเรอื พระก็ท�ำในลกั ษณะเดยี วกัน แต่นยิ มกนั ในพ้ืนท่ีซ่ึงมีสภาพเป็นท่ีลุ่ม มีล�ำคลองมาก ได้แก่ อ�ำเภอปากพนัง อ�ำเภอหัวไทร อ�ำเภอเชียรใหญ่ อ�ำเภอชะอวด อ�ำเภอฉวาง การเตรียมการเช่นเดียวกับการลากพระบก แต่เปลี่ยนจากนมพระบนล้อเลื่อนมาเป็นนมพระบนเรือ เรยี กวา่ “เรอื พระ” โดย การนำ� เรอื สองหรอื สามลำ� มายดึ โยง กันอย่างแข็งแรง จนเรือแยกจากกันไม่ได้ท�ำเป็นเรือพระ เรยี กวา่ “การคาดเรอื พระ” แลว้ สรา้ งนมพระบนเรอื อญั เชญิ พระลากไปประดิษฐานในเรือพระ ส่วนการลากเรือพระ ใช้เรือพายเรือแจวหลายล�ำช่วยกันลาก เรือพระ บทร้อง ท่ีใช้ลากพระและพธิ ีกรรมต่าง ๆ ก็ปฏบิ ตั ิเช่นเดียวกนั เรอื พระทางน�้ำ เร่อื งท่ี 3 ประเพณีท่เี ก่ยี วเน่ืองกบั ความศรัทธา จงั หวดั นครศรีธรรมราช ความศรัทธา คือ ความเช่ือถือเลื่อมใส พุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช ล้วนแต่มีความเล่ือมใส และเชอื่ มนั่ ในพระรตั นตรยั แสดงออกถงึ ความศรทั ธาในรปู แบบของความพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามประเพณี โดยการประกอบ พธิ ีกรรมทางพระพทุ ธศาสนาในวันส�ำคัญต่าง ๆ คือ ประเพณีแห่ผ้าข้ึนธาตุ ประเพณีตกั บาตรธปู เทียน และประเพณี สวดด้าน 1. ประเพณีแหผ่ ้าขึ้นธาตุ แหผ่ ้าข้นึ ธาตุ หมายถงึ การแห่ผา้ ผนื ยาวไป บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการน�ำผ้าขึ้นห่มล้อมรอบ องค์พระบรมธาตุเจดีย์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นประเพณีที่ชาวนครศรีธรรมราช และพุทธศาสนิกชน ท่ีอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลา ยาวนาน การแหผ่ า้ ขึน้ ธาตุ เอกสารประกอบการเรียน 127 รายวิชา นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

ประวตั ิความเปน็ มา ในสมัยท่ีพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเป็นกษัตริย์ครองตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) อยู่น้ัน ได้มีการ บูรณปฏิสังขรณ์ พระบรมธาตุเจดีย์คร้ังใหญ่และเสร็จในปี พ.ศ.1773 ขณะท่ี เตรียมสมโภชพระบรมธาตุอยู่น้ัน ชาวปากพนงั มากราบทลู วา่ คลนื่ ไดซ้ ดั เอาผา้ แถบยาวผนื หนง่ึ ซงึ่ มภี าพเขยี นเรอ่ื งพทุ ธประวตั มิ าขน้ึ ทชี่ ายหาดปากพนงั ชาวปากพนงั เกบ็ ผา้ นนั้ ถวายพระเจา้ ศรธี รรมาโศกราช พระองคร์ บั สงั่ ใหซ้ กั ผา้ นนั้ จนสะอาด เหน็ ภาพวาดพทุ ธประวตั ิ เรยี กกนั ว่า “ผา้ พระบฏ” ไดค้ วามวา่ ชาวพทุ ธจากเมืองหงสากลุม่ หนึง่ จะน�ำผา้ พระบฏไปบชู าพระพทุ ธบาทที่ลงั กา แต่ถูกพายุพัดมาข้ึนท่ีชายฝั่งปากพนัง เหลือผู้รอดชีวิตสิบคน พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงความเห็นว่า ควรน�ำผ้า พระบฏไปหม่ พระบรมธาตเุ จดยี ์ เนอื่ งในโอกาสสมโภชพระบรมธาตุ แมจ้ ะไมใ่ ชพ่ ระพทุ ธบาททต่ี ง้ั ใจ แตเ่ ปน็ พระบรม สารีริกธาตุซ่ึงเจ้าของผ้าพระบฏก็ยินดี การแห่ผ้าข้ึนธาตุจึงมีข้ึนต้ังแต่ปีนั้นและด�ำเนินการสืบต่อมา จนกลายเป็น ประเพณสี ำ� คญั ของชาวนครศรีธรรมราชในปจั จุบนั ความเชือ่ นครศรธี รรมราชรบั พระพทุ ธศาสนาจากอนิ เดยี และลงั กา จงึ รบั ความเชอื่ วา่ การทำ� บญุ และการกราบ ไหว้บูชาที่ให้ได้กุศลจริง จะต้องปฏิบัติต่อพระพักตร์และให้ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าให้มากที่สุด เมื่อพระพุทธเจ้า เสด็จปรินพิ พานแล้ว แต่กม็ ีสญั ลักษณ์ของพระพทุ ธองคอ์ ยู่ ไดแ้ ก่ พระธาตเุ จดยี ์ พระพทุ ธรูป เปน็ ต้น การกราบไหว้ บูชาส่ิงเหล่าน้ีเท่ากับเป็นการกราบไหว้บูชาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าโดยตรงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อกันมาว่า การน�ำผ้าไปบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ด้วยการโอบล้อมองค์บรมธาตุเจดีย์ ถือเป็นการบูชาที่ใกล้ชิดกับพระพุทธองค์ พทุ ธศาสนกิ ชนในนครศรธี รรมราชจากทกุ สารทศิ จงึ มงุ่ หมายมาสกั การะ แตเ่ ดมิ การแหผ่ า้ ขนึ้ ธาตนุ ยิ มจดั ปลี ะสองครง้ั ในวนั ข้นึ 15 ค�่ำเดอื นสาม (วนั มาฆบชู า) และวนั ขึ้น 15 ค�่ำ เดอื นหก (วันวสิ าขบชู า) โดยนำ� ผ้าไปหอ่ องค์พระบรม ธาตเุ จดีย์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวหิ าร ปจั จุบันนิยมท�ำกนั ในวันข้ึน 15 ค่ำ� เดือนสาม (วันมาฆบูชา) มากกว่า พธิ กี รรม 1. การเตรียมผ้าพระบฏ ผ้าท่ีน�ำขึ้นห่อพระธาตุ มักนิยมใช้สีขาว เหลือง และแดง เมื่อไปถึงวัด ก็น�ำผ้ามาผูกต่อกันเป็นขนาดยาวท่ีสามารถห่อพระธาตุรอบองค์ได้ บางคนประดิษฐ์ตกแต่งชายขอบผ้าประดับด้วย รบิ บนิ้ พหู่ อ้ ยแพรพรรณ ลวดลายดอกไมส้ วยงาม แตผ่ า้ หอ่ พระบรมธาตเุ จดยี ผ์ นื พเิ ศษ จะเขยี นภาพพระพทุ ธประวตั ิ ท้ังผืนยาว เพื่อเป็นพุทธบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ แต่ในปัจจุบันผ้าพระบฏซ่ึงมีท้ังสีขาว เหลือง แดง ส่วนใหญ่ เปน็ ผ้าผืนยาวเรยี บ ๆ ธรรมดา 2. การจดั ขบวนแหผ่ า้ ขน้ึ ธาตุ สมยั โบราณเมอื่ ถงึ วนั แหผ่ า้ ขน้ึ ธาตุ เรม่ิ ดว้ ยการจดั อาหารคาวหวาน เครอ่ื งอุปโภคและบรโิ ภคทีจ่ ำ� เป็น ไปถวายพระสงฆ์วดั พระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยการหาบคอนกันไปเป็นขบวน แหท่ ส่ี วยงาม พรอ้ มนำ� ผา้ พระบฏและผา้ สเี หลอื งหรอื แดงหรอื ขาวไปวดั ปจั จบุ นั มไี ดย้ กเลกิ นำ� ภตั ตาหาร เครอ่ื งอปุ โภค และบรโิ ภคทนี่ ำ� ไปทำ� บญุ ถวายพระ ขบวนแหผ่ า้ ขนึ้ ธาตทุ กุ ขบวน นยิ มใชด้ นตรพี น้ื บา้ นนำ� หนา้ ขบวน เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลิน ขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุจะเดินเป็นแถวเรียงเป็นร้ิวยาวไปตามความยาวของผืนผ้า ทุกคนชู (เทิด) ผา้ พระบฏไว้เหนือศีรษะ 3. การถวายผ้าพระบฏ พธิ ถี วายผ้าพระบฏทำ� โดยมีหัวคณะกลา่ วนำ� ดว้ ยภาษาบาลี แลว้ ตามดว้ ย คำ� แปลมใี จความวา่ “ขา้ แตพ่ ระผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย ขอนอ้ มถวายผา้ หม่ พระธาตนุ ี้ แกพ่ ระพทุ ธเจา้ เพอ่ื เปน็ พทุ ธ บูชา ข้าพเจ้าท้ังหลายขอกราบไหว้ซึ่งเจดีย์ทั้งหลายในสถานท่ีนี้ ขออานิสงส์แห่งบุญกุศลของข้าพเจ้าท้ังหลาย จงมีแกข่ า้ พเจ้า และญาตมิ ติ รทัง้ หลายเพอ่ื ความสขุ ความเจริญตลอดกาลนานเทอญ” 128 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

4. การน�ำผา้ ขน้ึ หอ่ พระธาตุ หลงั จากทกุ คนกลา่ วคำ� ถวายผา้ พระบฏเรยี บรอ้ ยแลว้ จะแหท่ กั ษณิ าวตั ร รอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์สามรอบ แล้วน�ำผ้าเข้าสู่วิหารพระทรงม้า (พระวิหารมหาภิเนษกรมณ์) เม่ือถึงตอนนี้ ผทู้ ีร่ ่วมในขบวนแห่จะส่งผ้แู ทนเพียงสามหรือสคี่ นสมทบกบั เจ้าหนา้ ทข่ี องวัด น�ำผ้าพระบฏขนึ้ โอบลอ้ มพระบรมธาตุ เจดีย์ 2. ประเพณตี ักบาตรธปู เทียน การตักบาตรธูปเทียนเป็นการท�ำบุญด้วยธูปเทียน และดอกไม้เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อจะให้ พระสงฆ์ ท่ีจ�ำพรรษาได้น�ำธปู เทียนใช้บชู าพระรตั นตรยั ตลอดพรรษาสามเดือน ชาวนครศรธี รรมราชจึงน�ำธูปเทยี น และไม้ขดี ไฟ ไปถวายพระสงฆ์ในวนั ดงั กล่าว ประวตั คิ วามเป็นมา ประเพณีตักบาตรธูปเทียน เกิดจาก พทุ ธศาสนกิ ชนนำ� ธปู เทยี นดอกไมไ้ ปนมสั การและจดุ ไฟเพอ่ื บูชาพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เนื่องในเทศกาลวันเข้าพรรษา เกิดความศรัทธาเส่ือมใส ผู้คนพากันแบ่งธูปเทียนและดอกไม้ของตน ถวายให้ พระสงฆ์ไว้เป็นเคร่ืองบูชานมัสการ การตักบาตรธูปเทียน มีปีละคร้ัง คือ ในวันแรกเริ่มเข้าพรรษา (แรม 1 ค�่ำ เดือนแปด) เวลาประมาณ 16 นาฬิกา โดยใช้ลานในวัด เปน็ สถานทถ่ี วายธูปเทียน การตักบาตรธปู เทียน พธิ กี รรม เนอ่ื งจากวนั ประกอบพธิ ตี กั บาตรธปู เทยี น เปน็ วนั เขา้ พรรษาของพระสงฆ์ ทกุ วดั ทพี่ ระสงฆจ์ ำ� พรรษา เรม่ิ พธิ เี ขา้ พรรษามาตง้ั แตต่ อนเชา้ มพี ทุ ธศาสนกิ ชนไปวดั ทำ� บญุ เขา้ พรรษากนั จำ� นวนมาก หลงั จากไหวพ้ ระฟงั เทศน์ ฟงั ธรรม และถวายภัตตาหารแดพ่ ระสงฆแ์ ลว้ จงึ ไปเรมิ่ พธิ ตี กั บาตรธูปเทียนในตอนบา่ ย 3. ประเพณีสวดดา้ น การสวดหนังสอื หมายถึง การอา่ นหนังสอื ร้อยกรองโดยใช้ส�ำเนียงภาษาพ้ืนเมือง อ่านออกเสียง เปน็ ทำ� นองตามบทรอ้ ยกรอง ด้าน หมายถึง ด้านต่าง ๆ รอบของ พระวิหารคด หรือ พระระเบียงรอบพระบรมธาตุเจดีย์ ซ่งึ มีสี่ดา้ น พระดา้ นหมายถงึ พระพทุ ธรปู ทป่ี ระดษิ ฐาน อยใู่ นวหิ ารคดทงั้ สด่ี า้ น พระพทุ ธรปู เหลา่ นเี้ รยี กวา่ พระดา้ น สวดด้าน หมายถึง การสวดหนังสือที่ระเบียงด้านต่าง ๆ การสวนด้าน ทั้งในวิหารคดและวิหารทับเกษตรในส่วนท่ีประดิษฐานธรรมาสน์ส�ำหรับพระภิกษุสงฆ์ทั่งเทศนาในวันธรรมสวนะ สวดด้านจึงเปน็ ประเพณีการอ่านหนงั สือร้อยกรองประเภทนิทานนยิ ายในวาระหนึ่งของชาวนครศรีธรรมราช เอกสารประกอบการเรยี น 129 รายวิชา นครศรธี รรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

ประวัติความเป็นมา ในวันธรรมสวนะ พุทธศาสนกิ ชนจะมาทำ� บุญฟงั ธรรมกนั ชาวนครศรธี รรมราช จะหาหนงั สือมาสวด จนกว่าพระจะมาเทศน์ เพื่อจะได้ฟังกัน ได้ท้ังความเพลิดเพลินและความรู้เป็นคติสอนใจ การสวดด้านจะมีเฉพาะ ในวันพระหรือวันธรรมสวนะ (ข้นึ หรือแรม 8 ค�่ำและข้ึนหรอื แรม 15 ค่ำ� ) เวลาก่อนเพล ก่อนพระสงฆ์จะขน้ึ ธรรมาสน์ แสดงธรรมเทศนาให้พุทธศาสนกิ ชนฟงั ท่ีพระระเบยี งท้ังส่ดี า้ นในวดั พระมหาธาตุวรมหาวิหาร พิธกี รรม พิธีกรรมเริ่มขึ้นเมื่อพุทธศาสนิกชนน�ำปิ่นโตบรรจุอาหารคาวหวานและดอกไม้ธูปเทียนมานั่งรอ เพ่ือถวายพระสงฆ์และฟังเทศน์ ขณะนั่งรอ คนสวดด้านจะน�ำหนังสือร้อยกรอง นิทานชาดกท่ีเตรียมมาสวดด้าน ให้ผู้ฟังได้ฟัง และจะหยุดสวดด้านเม่ือพระสงฆ์เข้ามาในพระระเบียง ผู้สวดด้านและผู้ฟังจึงร่วมกันท�ำบุญ ในวันธรรมสวนะ 4. ประเพณแี ห่นางดาน ประเพณีแห่นางดาน เป็นพิธีพราหมณ์ แห่งเมืองคอน หรือ พิธีตรียัมปวาย ตามความเช่ือลัทธิ พราหมณ์ จะประกอบดว้ ยพิธี “ตรยี ัมปวาย-โล้ชิงชา้ ” เพอ่ื ต้อนรับพระอิศวร ที่เสด็จมาเย่ียมโลกมนุษย์ โดยผนวก ประเพณีหลัก ๆ คือ ประเพณีสงกรานต์ในคราวเดียวกัน ประเพณีแห่นางดาน จดั ขน้ึ ในวนั ท่ี 14 เมษายน พิธกี รรม แหน่ างดาน พธิ กี รรมเก่ียวกบั ประเพณีแหน่ างดาน ประกอบด้วย ขบวนแห่กระดาน 3 แผน่ จากสนามหนา้ เมอื ง ไปตามถนนราชด�ำเนนิ ส่หู อพระอศิ วร กระดานแผน่ ที่ 1 สลักเปน็ รปู พระอาทิตย์ และพระจนั ทร์ ซงึ่ เปน็ สญั ลกั ษณ์ ของกลางวนั และกลางคนื กระดานแผน่ ที่ 2 เปน็ รปู พระแมค่ งคา ซง่ึ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องความฉำ่� เยน็ และอดุ มสมบรู ณ์ กระดานแผ่นท่ี 3 เป็นรูปพระแม่ธรณี ซ่ึงหมายถึง ผืนแผ่นดินอันมั่งคั่ง เมื่อขบวนแห่ถึงหอพระอิศวรจะมีการร�ำ บวงสรวง เรื่องที่ 4 เอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมจังหวดั นครศรธี รรมราช นครศรธี รรมราชเคยเปน็ อาณาจกั รศรวี ชิ ยั และอาณาจกั รตามพรลงิ คม์ ากอ่ นมอี ายปุ ระมาณ 1,500 ปกี อ่ น สุโขทัย ดังนั้นนครศรีธรรมราชจึงได้สั่งสมอารยธรรมมากมาย มาเป็นรูปแบบของตนเองอย่างหลากหลาย จนเป็นเอกลกั ษณข์ องตนเอง เอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาวนครศรีธรรมราช ดังตัวอยา่ งทจ่ี ะยกมาน�ำเสนอ ดังนี้ 1. เอกลกั ษณด์ ้านภาษาและวรรณกรรม ด้านภาษา ภาษาถ่ินของนครศรีธรรมราช การพูดเอาความมากกว่าความไพเราะ ซ่ึงในแต่ละอ�ำเภอจะมี ความแปลก แตกต่างกันออกไปตามสภาพทอ้ งถิ่น ระบบเสียงและระบบค�ำภาษาถน่ิ นครศรีธรรมราช ประกอบด้วยเสียงพยญั ชนะ เสยี งสระและเสียง วรรณยกุ ต์ ดงั นี้ 130 เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

เสยี งพยัญชนะมี 22 หน่วยเสียง คอื ป พ บ ต ท ด จ ช ก ค อ ม น ญ ง ล ร ฟ ส ฮ ว ย เสยี งพยัญชนะควบคลำ�้ มี 13 เสยี ง คือ ปล ปร พล พร ตร กล กร กว คล คร คว (ตามแบบภาษาไทย มาตรฐาน) และ มล มร ท่ีมเี ฉพาะในภาษาถ่ินนครศรีธรรมราช เช่น มลน่ื เมลอื ง เมลอื ก เมลิน เมรอ่ มราญ เป็นตน้ นอกจากนั้นยังมี เสียงพยัญชนะต้นลักษณะพิเศษ ที่มีท้ังอักษรนำ� และอักษรควบอยู่ในพยัญชนะด้น เดียวกัน คือ ห นำ� ม ควบ ร เช่นคำ� วา่ หมรบั หมรง โหมระ หมรอดแหมรด เป็นต้น เสยี งพยัญชนะท้ายมี 9 หน่วยเสยี ง คือ บ ด ก อ ม น ง ว ย เสียงสระเดยี่ ว มี 18 หน่วยเสยี ง คือ อิ อี เอะ เอ แอะ แอ อึ อึ เออะ เออ อะ อา อุ อู โอะ โอ เอาะ ออ เสียงสระประสม มี 6 หน่วยเสยี ง คือ เอยี ะ เอีย เออื ะ เออื อัวะ อวั เสียงวรรณยกุ ต์ มี 7 หน่วยเสยี ง (มากกว่าภาษาไทยมาตรฐาน ซง่ึ มีเพียง 5 หนว่ ยเสียง) ระบบค�ำของภาษาถ่นิ นครศรีธรรมราช มลี ักษณะตา่ ง ๆ ดงั นี้ การใช้ค�ำ มีท้ังค�ำพยางค์เดียว และหลายพยางค์ ถ้าเป็นค�ำหลายพยางค์ในภาษาไทยมาตรฐาน สว่ นใหญจ่ ะตดั ใหเ้ หลอื เพยี งพยางคเ์ ดยี ว เชน่ มะพรา้ ว เปน็ พรา้ ว, ตลาด เปน็ หลาด, ขนม เปน็ หนม, ถนน เปน็ หนน, สะเอว เปน็ เอว, ตะกรา้ เปน็ กรา้ เปน็ ตน้ คำ� ทใี่ ชม้ ที งั้ คำ� ทเ่ี หมอื นกบั ภาษาไทยมาตรฐานและคำ� ทแี่ ตกตา่ งเปน็ คำ� ศพั ท์ เฉพาะทอ้ งถนิ่ ดงั นี้ ค�ำนามทวั่ ไป เชน่ ยาหนดั (สบั ปะรด) รถถบี (จกั รยาน) เหลก็ ขดู (กระตา่ ยขดู มะพรา้ ว) สายเอว (เขม็ ขดั ) หวั ครกยารว่ ง (มะมว่ งหมิ พานต)์ ลอกอ (มะละกอ) พรก (กะลา) นากา (นาฬกิ า) ผา้ พว่ ย (ผา้ หม่ นอน) จอกนำ�้ (แกว้ นำ้� ) เปน็ ตน้ ค�ำลกั ษณนาม มักใชค้ �ำวา่ หนวย ลูก เรียกส่งิ ทีม่ ีลักษณะแบบกลม เช่น พรา้ ว 5 หนวย (มะพรา้ ว 5 ผล) ไข่ไก่ 3 หนวย และมักเรียกสง่ิ ของทวั่ ไปว่า อัน เชน่ ไม้ 3 อนั เป็นต้น นอกจากนั้นมีคำ� ลักษณนามเฉพาะ เช่น สมุด หนงั สือ เรยี กเปน็ แหลม้ , หวั เป็นตน้ ค�ำล�ำดบั ญาติ โดยทว่ั ไปใชเ้ หมอื นภาษาไทยมาตรฐานแตท่ แี่ ตกตา่ งไป เชน่ พอ่ เฒา่ (ตา) แมเ่ ฒา่ (ยาย) บาว (พชี่ าย) สาว (พี่สาว) หลวง (ผสู้ งู วัยกวา่ ทบ่ี วชเปน็ พระแล้ว) เณร (ผอู้ อ่ นวยั กว่าทเี่ ปน็ พระแล้ว) นอกจากนน้ั จะเรียกคนทว่ั ไปตามลำ� ดับอายุ เช่น แกก่ ว่า เรยี ก “พ”ี่ อ่อนกวา่ เรียก “นอ้ ง” อ่อนกวา่ พอ่ เรียก “นา้ ” แกก่ ว่าพอ่ แม่ เรยี ก “ลงุ - ป้า” อายุคราวปยู่ ่า เรียก “ตายาย” เปน็ ต้น ไมน่ ยิ มทจ่ี ะเรียกใครวา่ “คณุ ” ซง่ึ แสดงให้เหน็ ถึง การถอื ลักษณะความสัมพันธ์แบบเครอื ญาติ เปน็ สำ� คัญ ค�ำบรุ ษุ สรรพนาม โดยทว่ั ไปใชเ้ หมอื นภาษาไทยมาตรฐานแตท่ ม่ี แี ตกตา่ ง ตรงระดบั เสยี ง เชน่ ฉนั -ฉาน, กู-ก,ู้ เรา-เร้า, หนู-น้ยุ , มึง-หมึง, สู-ส้,ู คณุ -เตน้ิ , แก-แก้, มนั -หมัน้ ค�ำกรยิ า ใชเ้ หมือนภาษาไทยมาตรฐานเปน็ สว่ นใหญ่ มีความแตกต่างกันออกไปบา้ ง เช่น พดู -แหลง, ข-่ี ขับ, ไกว แกว่ง-เว, รอ-ทา่ คร่าว, เจอ-ทะ จวน, แอบ ซ่อน-หยบ, จัด แต่ง-ดบั เปน็ ตน้ ค�ำปฏิเสธ มีเพียงไม่กี่ค�ำ เช่น ใช่....หม้าย....หมาหม้าย ดังตัวอย่างในประโยค กูไม่ได้ท�ำ-กูใช่ท�ำ, ไมม่ เี งิน-หม้ายตงั ค,์ หมาหมา้ ยตางค์ เปน็ ต้น ค�ำวิเศษ เป็นค�ำท่ีขยายค�ำอ่ืนในภาษาถิ่นน้ี มีลักษณะพิเศษคือ มีค�ำวิเศษณ์ ขยายค�ำได้ละเอียด หลายระดบั เป็นข้นั กวา่ ถงึ ท่ีสุด เชน่ คำ� แสดงว่า เล็ก นอ้ ย เช่น หดิ หีด ฉิดแยดแตด็ นยุ้ แล็ก ค�ำแสดงค�ำถาม มคี วามแตกตา่ งจากภาษาไทยมาตรฐาน เชน่ ไตร ไซ-่ ทำ� ไม, ปรอื ปรอ๋ื -ทำ� ไม อยา่ งไร, ไหร-อะไร ตวั อย่าง มาทำ� ไม - มาไตร มาไซ๋, มาอยา่ งไร - มาปรือ๋ เปน็ ตน้ เอกสารประกอบการเรียน 131 รายวิชา นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

ค�ำลงทา้ ยประโยค มเี พยี งไมก่ คี่ ำ� แตก่ ารใชต้ อ้ งคำ� นงึ ถงึ วยั ของผฟู้ งั ดว้ ยบางคำ� ไมส่ ามารถใชก้ บั ผสู้ งู วยั หรือมคี ณุ วฒุ สิ งู กวา่ เช่น ละ่ เถอะ - เหวอ เหวอ่ ตัวอย่าง ไปละ ไปกันเถอะ – ไปเหวอ ค�ำประสม ค�ำซ้�ำ ค�ำซ้อน ในภาษาไทยถิ่นนี้มีการสร้างค�ำ โดยยึดหลักพยายามให้เป็นรูปธรรม และบอกลักษณะมากท่สี ุด เชน่ กระตา่ ย - เหล็กขูด, ผ้าซิ่น - ผ้าถุง, รถเขน็ - รถรนุ เปน็ ต้น ค�ำยืม ในภาษาไทยถิน่ นครศรีธรรมราชมคี �ำยมื จากภาษาอืน่ ๆ เช่นเดยี วกับภาษาไทยมาตรฐาน คอื มที ัง้ ภาษาบาลี สันสกฤต เขมร มลายู และภาษาจากประเทศแถบตะวันตก เชน่ ค�ำยมื จากภาษาบาลี พบมากทงั้ ในภาษาพดู และในวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา ในภาษาพูด จะมีค�ำท่ีเปลี่ยนเสียง และกลายความหมายต่างไปจากภาษาเดิมมากบ้างน้อยบ้าง เช่น สัพเพ แผลง เป็น เพ เพ้นิ เพิ้น แปลว่า ทัง้ ปวง ทั้งหมด, อกโขภณิ ี แผลงเป็น โข ขขู ลู ุย ขตู าย แปลว่า มากมาย เป็นต้น ค�ำยืมจากภาษบาลีสนั สกฤต เข้าสนู่ ครศรธี รรมราชพรอ้ มกบั ศาสนาพราหมณ์ และพทุ ธศาสนานิกาย มหายาน โดยรับเฉพาะศัพท์แล้วเปล่ียนแปลงเสียงรูปศัพท์ไปตามธรรมชาติของภาษาถ่ินนครศรีธรรมราช บางคำ� ห่างไกลจากค�ำเดิมมาก ความหมายก็แตกต่าง แตย่ ังมีเค้าเดิมอยู่ เช่น ศฺมฺศาน (สสุ าน) แผลงเปน็ สามสร้าง แปลว่า ท่เี ผาศพทจ่ี ัดทำ� ช่ัวคราว ศาลา ตัดเสยี งพยางค์หน้าและเพ้ียนเสียงเปน็ หลา ค�ำยมื จากภาษาเขมร สว่ นมากเปน็ ภาษาทเี่ ขมรทพี่ ดู กนั ปากตอ่ ปากสบื ตอ่ กนั มาคนรนุ่ หลงั มาดดั แปลง หรือเรียกตามความถนัด จึงมีการตัดพยางค์เสียงบ้าง ลากเข้าหาภาษาไทยเสียบ้าง เพี้ยนไปบ้าง ฉะนั้นค�ำเขมร ท่ใี ช้ภาษาถิ่นนครศรธี รรมราช จงึ แตกต่างกนั ไปทงั้ เสยี ง รูปค�ำและความหมาย เช่น ตุด หมายถึง หดู ใกลค้ ำ� เขมร คอื ตากตดุ แปลวา่ หดู พกุ หมายถงึ ผุ ใกลค้ �ำเขมร คือ พุ แปลว่า ผุ เปน็ ต้น ค�ำยืมจากภาษามลายู เน่ืองจากมีการติดต่อกับทางใต้ได้สะดวก จึงท�ำให้มีค�ำที่มาจากภาษามลายู ใชใ้ นชีวติ ประจำ� วันเปน็ จำ� นวนมาก เชน่ พรก หมายถงึ กะลา มายา หมายถงึ ปยุ หลุด หมายถงึ ขโี้ คลน เป็นตน้ ค�ำยมื จากภาษาจนี นครศรธี รรมราชเคยเปน็ เมอื งทา่ และศนู ยก์ ลางคา้ ขายมชี าวจนี เดนิ ทางมาคา้ ขาย ท�ำให้มีภาษาจนี ปะปนอยู่บ้าง เชน่ โกปี้ หมายถงึ กาแฟ จะโกย หมายถงึ อิ่วจากว้ ย (ปาทอ่ งโก)๋ เปน็ ต้น ค�ำยืมจากภาษาตะวันตก นครศรีธรรมราชเคยเบนเมืองท่า มีการติดต่อค้าขายกับประเทศ แถบตะวนั ตกด้วย จึงทำ� ให้มีภาษาปะปนอยู่บา้ ง เชน่ ยาแหรด็ มาจาก ซิกาแรต หมายถึง บุหรี่ เป็นต้น การแบง่ ค�ำโดยใชค้ วามหมาย ภาษาถ่ินนครศรีธรรมราชมีค�ำท่ีใช้เหมือนและแตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐาน เฉพาะท่ีแตกต่างท้ังรูป เสยี งและความหมายโดย เช่น ค�ำบอกเวลา มีค�ำบอกเวลามากและหลากหลาย แต่ละค�ำมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดกับสภาพ แวดลอ้ ม วถิ วี ฒั นธรรม ประเพณแี ละสภาพทางภมู ศิ าสตร์ เชน่ หวนั มงุ้ มง้ิ หมายถงึ ตอนโพลเ้ พล้ วนั ชงิ เปรต หมายถงึ วันท่ีมีการทำ� บุญส่งเปรต ตรงกบั วันแรม 14 ค�่ำ เดอื น 10 ของทกุ ปี ค�ำเก่ียวกับอาหารการกิน ภาษาไทยถิ่นมีช่ืออาหารที่แตกต่างจากถ่ินอื่น เช่น แกงส้ม หมายถึง แกงเหลือง แกงพุงปลา หมายถงึ แกงไตปลา ค�ำเก่ียวกับพืชและสัตว์ ค�ำที่แตกต่าง เช่น ย่าหนัด หมายถึง สับปะรด หัวครกยาร่วง หมายถึง มะม่วงหมิ พานต์ ค�ำเกี่ยวกบั โรคภยั ไขเ้ จบ็ บางส่วนทีแ่ ตกต่าง เชน่ สางคราง หมายถงึ เชือ้ ราที่ขาหนีบ ไขอ่ ้งุ ไข่ลงฝกั หมายถึง ไล้เลื่อน 132 เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชา นครศรธี รรมราชศึกษา รหัสรายวิชา สค3300168 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย

ค�ำเก่ียวกับเครื่องมือเครื่องใช้ บางส่วนที่ใช้แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐาน เช่น โคม หมายถึง กะละมัง รถรุน หมายถึง รถเข็น การเรียงค�ำและประโยค การเรียงค�ำส่วนใหญ่เหมือนกับภาษาไทยมาตรฐานแต่มีบางค�ำท่ีเรียงสลับ ท่กี ัน เชน่ หลวงพอ่ - พอ่ หลวง หลวงตา - ตาหลวง เลือดออก – ออกเลือด ค�ำนับจ�ำนวน + ลกั ษณะนาม + นาม เชน่ สองบาททอง หมายถึง ทองสองบาท สบิ ล�ำเรือหมายถงึ เรือสิบลำ� ส�ำหรับรปู ประโยคมลี ักษณะเหมอื นภาษาไทยมาตรฐาน คอื เรยี งคำ� แบบประธาน + กรยิ า + กรรม และ สามารถตดั หรอื ยา้ ยคำ� ทำ� ใหไ้ ดป้ ระโยคหลาย ๆ แบบ เชน่ ฉานกนิ ขา้ วแหลว่ กนิ ขา้ วแหลว่ ฉาน ขา้ วกนิ แหลว่ ฉาน เดนิ เรว็ ๆ ต๊ะ เร็ว ๆ ตะ๊ เดิน ฝนอีต็อกหลาว อิตอ๊ กหลาวฝน ดา้ นวรรณกรรม เมอื งนครศรธี รรมราชไดช้ อ่ื วา่ เปน็ เมอื งนกั ปราชญร์ าชกวมี าตงั้ แตค่ รง้ั โบราณ ทกุ ยคุ ทกุ สมยั นกั ปราชญ์ และกวเี มอื งนครไดส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานใหเ้ ปน็ ทป่ี รากฏตอ่ การรบั รแู้ ละการยอมรบั ของผคู้ นอยา่ งแพรห่ ลายกวา้ งขวาง โดยเม่ือพ่อขุนรามค�ำแหงมหาราชทรงจัดการศึกษาแก่อาณาประชาราษฎร์น้ันทรงบันทึกบทบาทของนักปราชญ์ จากเมอื งนครศรีธรรมราช ไวใ้ นหลกั ศิลาจารึกหลกั ท่ี 1 ว่า “...สงั ฆราชปราชญเ์ รยี นจบปฏิ กตรยั หลวกกวา่ ปคู่ รใู นเมอื งนี้ ทกุ คนลกุ แตเ่ มอื งศรธี รรมราชมา... ” วรรณกรรมเมืองนครศรธี รรมราชน้นั มที งั้ “วรรณกรรมมุขปาฐะ” และ “วรรณกรรมลายลกั ษณ”์ “วรรณกรรมมุขปาฐะ” คือ วรรณกรรมท่ถี า่ ยทอดสืบต่อกนั มาโดยการจดจ�ำและรอ้ งต่อกนั มาด้วย ปากตอ่ ปาก เช่น เพลงร้องเรอื (เพลงกล่อมเด็กภาคใต้) บทรอ้ งเล่นของเด็ก บทขับเพลงบอก โนรา หนังตะลงุ จนถงึ บทสวดในพิธีกรรมตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ “วรรณกรรมลายลกั ษณ”์ คอื วรรณกรรมทมี่ กี ารบนั ทกึ ไวเ้ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรในสมดุ ขอ่ ย สมดุ ไทย ใบลาน และหนังสือบุด จนถึงรูปแบบหนังสือและส่ืออื่น ๆ ในปัจจุบัน ซ่ึงมีวรรณกรรมท่ีเป็นบทร้อยกรอง นิทาน ตำ� นาน ตำ� ราตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ มนี กั เขยี นหรอื กวเี มอื งนครจำ� นวนมาก ไดส้ รา้ งสรรคผ์ ลงานวรรณกรรมไว้ ทงั้ โดยรปู แบบ ของฉนั ทลกั ษณพ์ นื้ บา้ นภาคใต้ และฉนั ทลกั ษณอ์ ยา่ งทเี่ ปน็ ทน่ี ยิ มในราชธานี ตวั อยา่ งกวเี มอื งนครในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว ที่มีชื่อเสยี งเป็นทย่ี อมรับ เชน่ ภิกษอุ ินทร,์ พระยาตรงั , พระครวู นิ ัยธร, นายเรือง นาใน, หม่ืนสนิท, พระสมุหห์ นู, ชูปราชญ์, พระรัตนธชั มุนี (มว่ ง รตนธโช), สุขปราชญ์, พระปลัดเล่ียม อาสโย และ ขนุ อาเทศคดี 2. เอกลักษณด์ า้ นหัตถกรรม เครอ่ื งถมเมืองนครศรธี รรมราช การท�ำเครอ่ื งถม เปน็ หตั ถกรรมทมี่ ชี อื่ เสยี งทส่ี ดุ ของนครศรีธรรมราชได้แก่ การท�ำเครื่องถมเคร่ืองใช้ เครื่องประดับต้ังแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ปัจจุบันชาวเมือง นครศรีธรรมราชบางส่วนยังประกอบอาชีพท�ำเคร่ืองถมอยู่ มี โ ร ง เ รี ย น ช ่ า ง ถ ม เ พื่ อ ฝ ึ ก หั ด เ ย า ว ช น ใ ห ้ สื บ ท อ ด ม ร ด ก ทางวัฒนธรรมนต้ี อ่ ไป เอกสารประกอบการเรียน 133 รายวิชา นครศรธี รรมราชศึกษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

การสานย่านลิเพา เป็นเคร่ืองใช้ เช่น กระเป๋า ยา่ ยลิเพานครศรธี รรมราช ภาชนะใส่สิ่งของ ซึ่งเร่ิมมาต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ 4-5 นครศรีธรรมราชมีผู้เชี่ยวชาญการสานย่านลิเพาฝีมือเอก ช่ือ ร้อยเอกเผือน คงเอียง ปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ ให้ไปเป็นครูสอน การประดิษฐ์เคร่ืองใช้จากย่านลิเพา ท่ีศูนย์ ศลิ ปาชีพบางไทร พระนครศรีอยธุ ยา การท�ำพัดด้วยใบกระพ้อ ของชาวบ้านโคกยางหน้าโรงเรียนวัดสุวรรณรังษี อ�ำเภอร่อนพิบูลย์ โดยการใช้ยอดพอ้ ขนาดเพสลาดมาคลี่ใบตากแห้งยอมสีและท�ำจกั สานเปน็ พดั แบบพืน้ บา้ น การแกะสลักรูปหนังตะลุง เป็นการแกะสลักหนังวัว หนังควาย ให้เป็นรูปหนังตะลุง และระบายสี ตามแบบและเทคนิคการท�ำรปู หนังตะลงุ ส่วนมากเป็นอาชีพเสรมิ ของนายหนงั ตะลงุ หรือแวดวงของอาชีพตะลงุ เดมิ พดั ใบกระพอ้ นครศรธี รรมราช รปู หนงั ตะลงุ นครศรธี รรมราช การท�ำกรงนก การท�ำกรงนกเขาและกรงนกหวั จกุ เรมิ่ นยิ มแพรห่ ลายมาตงั้ แต่ พ.ศ. 2530 ผา้ ฝา้ ยเมอื งนครศรธี รรมราช สมยั กอ่ น ชาวเมอื งนครศรธี รรมราชเกอื บทกุ พน้ื ทจี่ ะนยิ มปลกู ฝา้ ยเอง เก็บฝ้ายมาปั่นเส้นด้ายด้วยมือ ย้อมสีด้วยสีจากสมุนไพรหรือเปลือกไม้ และทอผ้าฝ้ายด้วยหูกทอผ้าที่ประดิษฐ์เอง ในครอบครัวและญาตพิ นี่ ้อง ไดพ้ ฒั นาให้ฝีมือประณีตข้ึน เปน็ ผา้ ยกเมืองนครทโ่ี ด่งดัง กรงนก ผ้ายกเมอื งนครศรธี รรมราช 134 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

3. เอกลกั ษณด์ ้านศิลปกรรม ศลิ ปกรรมของนครศรีธรรมราชทเี่ ดน่ ท่สี ุดมดี งั น้ี มโนราหห์ รอื โนรา เปน็ การแสดงพน้ื บา้ นทเี่ ปน็ ทน่ี ยิ มมากของชาวนครศรธี รรมราช ในรชั สมยั พระบาท สมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั และพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั โปรดให้แสดงมโนราห์หนา้ พระท่ีน่ัง เสมอเวลาเสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเวลาเสด็จนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ ปัจจุบันการแสดง มโนราหป์ ระยกุ ตใ์ หเ้ ป็นแบบสมยั ใหม่มากขึน้ หนังตะลุง เป็นการแสดงท่ีชาวนครศรีธรรมราชนิยมมากอีกประเภทหนึ่ง หนังตะลุงเป็นมหรสพ ที่นิยมแพร่หลายอย่างย่ิงมาเป็นเวลานาน หนังตะลุงแสดงได้ทั้งในงานบุญและงานศพ ดังน้ันงานวัด งานศพ หรอื งานเฉลมิ ฉลองท่สี �ำคญั จึงมักมหี นงั ตะลงุ มาแสดงให้ชมด้วยเสมอ รำ� มโนราห์ การแสดงหนงั ตะลุง เพลงบอก : ปฏิภาณกวีประจ�ำท้องถิ่น เป็นศิลปะการละเล่นพ้ืนบ้านภาคใต้ท่ีมีมานานต้ังแต่อดีต เชื่อว่ามีความนิยมในการเล่นเพลงบอกมาแล้วราว 150-200 ปี เป็นศิลปะการละเล่นท่ีแสดงความสามารถ ในเชงิ ปฏภิ าณกวีของแม่เพลง ทจี่ ะรอ้ งขับกลอนเพลงบอก หรอื รอ้ งโต้ตอบกันสด ๆ เพ่อื รอ้ งบอกเรอื่ งราวขา่ วสาร และความบนั เทิงรน่ื รมย์ เพลงบอกคณะหนง่ึ ๆ ประกอบด้วย แมเ่ พลง 1 คน และลกู คู่ 2-3 คน มี “ฉ่งิ ” เปน็ เคร่ือง ดนตรีประกอบก�ำกับจงั หวะเพยี งคู่เดียว การครอบครูหมอช้าง การพิธีบูชาพระพิฆเนศ เพ่ือให้เกิดสิริมงคลในการท�ำงานศิลปะและงาน ที่เก่ียวกับการบังคับช้าง นับต้ังแต่การจับช้างป่า การเลี้ยงและฝึกช้างการน�ำช้างไปใช้งาน พิธีกรรมจะด�ำเนิน โดยหมอเฒ่า การแทงหยวก คือ การน�ำกาบกล้วยสดมาจัก-แทง-ตัดให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ด้วยมีดขนาดเล็ก มกั ใช้นำ� ไปประกอบเบญจา เวลารดน้ำ� ผู้ใหญใ่ นวนั สงกรานต์ หรอื ประกอบเมรุเผาศพ การครอบครหู มอชา้ ง การแทงยวก เอกสารประกอบการเรยี น 135 รายวิชา นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

4. เอกลกั ษณด์ า้ นอาหารการกนิ การกินส�ำรบั ชาวนครศรธี รรมราชนยิ มกนิ ส�ำรับกับข้าวโดยน�ำถ้วยกับข้าวใส่ในถาดพร้อมข้าว ยกไป ใหแ้ ขกหรอื ญาตผิ ใู้ หญร่ บั ประทานเรยี กวา่ ยกสำ� รบั หรอื กนิ ส�ำรบั ขนมจนี เมอื งนคร มที งั้ แบบแปง้ บบี เสน้ นมิ่ ออ่ น กบั เสน้ ไมน่ ม่ิ ออ่ น สว่ นนำ้� แกงขนมจนี หลายอยา่ ง เชน่ นำ้� แกงไมใ่ สม่ ะพรา้ ว นา้ํ แกงใสม่ ะพรา้ ว นำ้� พรกิ (ใชก้ ารเคยี่ ว ขนมจนี เมืองนครศรีธรรมราช หัวกะทิใส่น�้ำตาลและถ่ัวลิสง ไม่มีรสเผ็ด) นอกจากนั้นยังมีแกงพุงปลา ซ่ึงใช้ผักเสริมรสชาติ เช่น กล้วยหมาก มัน น้ำ� เตา้ (ฟกั ทอง) มะกรดู ต้นตะไคร้ ขม้ินออ่ นทบุ ผักเหนาะ มแี ตงดอง มะละกอดอง ยอดผกั ต่าง ๆ ทุกประเภททีม่ ีทั้งแตงกวา ถวั่ ฝักยาว และอื่น ๆ ส่วนของ ชรู สท่ีขาดไมไ่ ด้ คือ พริกทอดกรอบ นำ�้ ปลาและมะนาว น�้ำชุบ น้�ำชุบของชาวเมืองนครศรี คือ อาหารพิเศษ ถ้วยเล็ก ใช้จิ้มผักสดหรือผักต้ม มีส่วนผสม ทีส่ ำ� คัญคือ ดีปลี หวั กระเทยี ม เคยกุง้ เนอื้ ปลาทู มะนาว และน้ำ� เล็กนอ้ ย นำ้� ชบุ หรือน้ำ� พรกิ จะมหี ลายประเภท เช่น นำ้� ชบุ เคย (นำ�้ พริกกะป)ิ นำ�้ ชุบมะอึกซอยมะอึกใส่ นำ�้ ชุบ ไม่ใส่มะนาว จะเรียกว่า น้�ำชุบนายโจร เพราะนายโจร จะท�ำนำ้� ชุบแบบลวก ๆ รบี ด่วนไมใ่ ส่มะนาวกก็ ินได้แลว้ ข้าวย�ำเมืองนคร มีรสชาติแปลกตามส่วน น้�ำชมุ ผสม เช่น ใบขมิ้นอ่อนซอย ใบมะกรดู กงุ้ ตำ� ละเอียด เครื่อง แกง มะพรา้ วคว่ั ถง่ั ฝกั ยาวฝานบาง ๆ พรกิ ปน่ ละเอยี ด และ ราดน�้ำปลาเคี่ยวนำ้� ตาลปีบ หรืออื่น ๆ เช่น มะขามเปียก เพื่อรสชาตจิ ะได้อร่อยกลมกลอ่ ม อาหารพน้ื เมอื ง เชน่ เมด็ ยารว่ งเชอื่ มนำ้� ตาล (เม็ดมะมว่ งหิมพานต)์ มังคดุ เขยี วคัดเปลือกท้งิ แชน่ ้�ำเกลอื เปน็ ของกนิ เลน่ ลกู เนยี งตม้ กนิ กบั มะพรา้ วและนำ�้ ตาลทราย ข้าวยำ� เมืองนครศรีธรรมราช ขนมกวนขาว สะตอดองย�ำ ใส่น้�ำตาล หอมแดงซอย กุ้งฝอย พริก แกงส้มดอกกล้วย ย�ำบุกคางบก ย�ำมะเขือหืน แกงเหลืองยอดอ่อนขมิ้นใส่กะทิ ย�ำหัวกะทือ หรอื ยอดหมากต้มจ้มิ น้�ำพริกลกู เห็บ เปน็ ต้น ผกั สมุนไพร สะตอดองยำ� ใส่น้�ำตาล เม็ดม่วงเช่ือมนำ้� ตาล 136 เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย

กจิ กรรมหน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 10 ประเพณแี ละวัฒนธรรมจังหวดั นครศรธี รรมราช จงตอบค�ำถามต่อไปน้ที กุ ข้อ 1. ใหย้ กตวั อยา่ งประเพณที เ่ี กย่ี วเนอ่ื งกบั ความกตญั ญกู ตเวที จงั หวดั นครศรธี รรมราช มา 1 ประเพณี พรอ้ มอธิบาย พอเป็นสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ให้ยกตัวอย่างประเพณีที่เก่ียวเน่ืองกับความสามัคคี จังหวัดนครศรีธรรมราช มา 1 ประเพณ ี พร้อมอธบิ าย พอเปน็ สงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ให้ยกตัวอย่างประเพณีที่เกี่ยวเน่ืองกับความศรัทธา จังหวัดนครศรีธรรมราช มา 1 ประเพณ ี พร้อมอธิบาย พอเป็นสังเขป …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เอกสารประกอบการเรยี น 137 รายวิชา นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

4. ใหแ้ บง่ กลมุ่ ผเู้ รยี นออกเปน็ 4 กลมุ่ และอธบิ ายสาธติ เอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมจงั หวดั นครศรธี รรมราช มากลุ่มละ 1 หวั ข้อตามหวั ข้อต่อไปน ้ี 1. เอกลกั ษณ์ด้านภาษาและวรรณกรรม 2. เอกลกั ษณ์ด้านหตั ถกรรม 3. เอกลกั ษณ์ด้านศิลปกรรมของนครศรีธรรมราชท่เี ดน่ ที่สุด 4. เอกลักษณ์ดา้ นอาหารการกนิ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 138 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรีธรรมราชศกึ ษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11โบราณสถานและโบราณวัตถุจังหวดั นครศรธี รรมราช เรอื่ งท่ี 1 โบราณสถานจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวดั นครศรธี รรมราช มีโบราณสถานท่ีส�ำคัญมากมายหลายแหง่ โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ 1. วัดพระมหาธาตุวรมหาวหิ าร วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ ารซาวนครเรยี กสนั้ ๆ ว่า “วัดพระธาตุ” ตามประกาศของกระทรวงธรรมการ เร่อื งจดั ระเบยี บพระอารามหลวง ลงวนั ท่ี 30 กนั ยายน 2458 ให้เรียกว่า “วัดพระมหาธาตุ” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนดิ “วรมหาวิหาร” ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี 6 เสด็จประพาสเมืองนคร (พ.ศ. 2458) ได้พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” มโี บราณสถานทส่ี ำ� คญั ดงั น้ี 1. พระบรมธาตเุ จดยี ์ 2. เจดยี ร์ าย 3. วิหารพระม้า 4. วิหารเขียน 5. วิหารโพธ์ิลังกา 6. วิหารสามจอม 7. วิหารพระแอด 8. วิหารหับเกษตร (ระเบียงตีนธาตุ) 9. วิหารคด (ระเบียงคด) 10. วิหารธรรมศาลา 11. วิหารหลวง 12. วิหารโพธิ์พระเดิม 13. พระพทุ ธบาทจำ� ลอง 14. ศาลาศรพี ุทธสาร 15. ประตวู ดั โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1) พระบรมธาตเุ จดยี ์ พระบรมธาตุเจดีย์องค์เดิม สร้างตามความเช่ือทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานตามแบบ สถาปัตยกรรมศรีวิชัย ประมาณ พ.ศ. 1300 ปี พระพุทธศาสนานิกายหินยาน เจริญรุ่งเรืองในประเทศลังกา พระเจ้าศรีธรรมโศกราช จันทรภาณุ ผู้เป็นศาสนูปถัมภ์ ไดถ้ วายความสะดวกใหพ้ ระสงฆ์ ชาวเมอื งนครศรธี รรมราช เดนิ ทางไปศกึ ษาพระไตรปฎิ ก จำ� พรรษาอยเู่ มอื งนน้ั หลายปี จนมีความรู้แตกฉานในพระไตรปฎิ ก และขากลบั ไดน้ ิมนต์ คณะสงฆ์จากลังกามาประดิษฐานพระศาสนาในเมือง นครศรธี รรมราช ในปี พ.ศ. 1770 แบบสถาปตั ยกรรมลงั กา ดงั ทีป่ รากฏในปจั จบุ นั พระบรมธาตุเจดีย์ เอกสารประกอบการเรียน 139 รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหัสรายวชิ า สค3300168 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

2) เจดียร์ าย เจดีย์ขนาดต่าง ๆ เรียงรายรอบองค์ พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นบริวารของพระบรมธาตุเจดีย์ เจดีย์บริวารเหล่าน้ี เป็นศิลปะราวสมัยอยุธยาตอนปลาย หรอื รัตนโกสินทร์ตอนตน้ มีอยทู่ ั้งสิ้นจำ� นวน 185 องค์ 3. วหิ ารพระมา้ วหิ ารพระมา้ มชี อื่ เรยี กหลายชอื่ เชน่ วหิ ารพระมา้ หรอื วหิ ารพระทรงมา้ หรอื วหิ ารพระมหาภเิ นษกรม แต่ชาวนครนิยม เรียกส้ัน ๆ ว่าวิหารพระม้า เพราะว่าภายในวิหารมีปูนปั้นเป็นภาพเก่ียวกับเรื่องพระพุทธประวัติ ตอนพระพทุ ธองคท์ รงมา้ เสดจ็ ออกบรรพชาอยทู่ ฝ่ี าผนงั วหิ ารพระมา้ นน้ั อยตู่ ดิ กบั พระบรมธาตเุ จดยี ท์ างดา้ นทศิ เหนอื 4) วิหารเซยี น วิหารเซยี น เดมิ นนั้ เสาและผนังของวหิ าร น้ีมีภาพลายเส้นอยู่เต็ม กรมศิลปากรได้ประกาศรับ พพิ ธิ ภณั ฑสถานของวดั พระมหาธาตเุ ปน็ สาขาพพิ ธิ ภณั ฑสถาน แหง่ ชาติ ประจำ� จงั หวัดนครศรธี รรมราช ชือ่ วา่ “ศรธี รรมราช พิธภัณฑสถาน” ท่ีตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของ วัดพระมหาธาตุ ก็คือวิหารเซียนน้ันเอง วัดได้ใช้วิหารเซียน เกบ็ รกั ษาสง่ิ ของขนาดเลก็ ที่ทำ� ด้วย ทอง เงิน นาก สำ� รดิ เชน่ พระพทุ ธรปู ต้นไม้เงิน ต้นไมท้ อง ถ้วยชาม เครือ่ งลายคราม สรอ้ ย แหวน ต่างหู เข็มขดั ก�ำไล และปิน่ ปักผม เปน็ ต้น 5) วหิ ารโพธลิ์ งั กา วิหารโพธิ์ลังกา ตรงกลางวิหาร มีลาน ส�ำหรับปลูกต้นพระศรีมหาโพธ์ิต้นใหญ่ต้นหน่ึง เช่ือกันว่า พระศรีมหาโพธิ์ต้นน้ีได้พันธุ์มาจากลังกา และเรียกช่ือวิหาร ตามชื่อของต้นพระศรีมหาโพธ์ิจากลังกา ว่า วิหารโพธิ์ลังกา วิหารโพธิ์ลังกาอยู่ติดกับวิหารเซียน คืออยู่ด้านเหนือของ วิหารเซียนและบรมธาตุเจดีย์ เป็นวิหารส่ีเหลี่ยมจัตุรัส ลอ้ มรอบพระศรีมหาโพธิ์ 6) วิหารสามจอม วหิ ารสามจอม เล่าสืบตอ่ กันมาว่า ผสู้ รา้ ง วิหารน้ีเป็นผู้ชายชื่อ สามจอม โดยสร้างพร้อมกับเจดีย์ใหญ่ (เจดยี บ์ รวิ ารองคห์ นงึ่ ) ซง่ึ อยดู่ า้ นหลงั ของวหิ าร ดงั นนั้ จงึ เรยี ก ชื่อวิหารตามชื่อของผู้สร้างว่า วิหารสามจอม เรียกวิหาร สามจอมนีว้ า่ “วหิ ารพระเจ้าศรธี รรมาโศกราช” 140 เอกสารประกอบการเรียน รายวชิ า นครศรีธรรมราชศึกษา รหสั รายวิชา สค3300168 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

7) วิหารพระแอด วิหารพระแอด เรียกกันตามชื่อของ พระพุทธรูปท่ีประดิษฐานอยู่ภายในวิหารหลังน้ี คือ พระกัจจายนะ หรือพระสังกัจจายน์ หรือพระสุภูตเถระ แต่คนทั่วไปเรียกกันว่า พระแอด ดังนั้นวิหารที่ประดิษฐาน พระพทุ ธรปู องค์นจี้ ึงได้ชื่อว่า “วหิ ารพระแอด” วิหารนอ้ี ย่ตู อ่ กับวหิ ารสามจอมไปทาง ด้านเหนือ 8) วหิ ารทบั เกษตร วหิ ารทบั เกษตร หรอื เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ พระระเบียงตีนธาตุ เป็นระเบียงหรือวิหารท่ีอยู่โดยรอบฐาน องคพ์ ระบรมธาตเุ จดยี ์ พระพทุ ธรปู ทง้ั หมดในวหิ ารนม้ี ี 91 องค์ ทุกด้านในวิหารน้ีมีธรรมาสน์ ส�ำหรับพระสงฆ์ใช้ในการแสดง พระธรรมเทศนาในวันพระ 9) วหิ ารคด วิหารคดหรือพระระเบียง หรือพระด้าน วหิ ารนส้ี รา้ งเปน็ รปู สเี่ หลยี่ มผนื ผา้ ลอ้ มรอบบรเิ วณภายในองค์ พระบรมธาตุเจดีย์ การท่ีสร้างให้หักเป็นมุมน่ีเอง ชาวบ้าน จึงเรียกว่า วิหารคด เต็มไปด้วยพระพุทธรูปปั้นเรียงเป็น ระเบียบ เป็นพระพุทธรูปน่ังเป็นแถวยาว ตลอดทุกด้าน ของระเบยี ง จำ� นวน 173 องค์ พระพุทธรปู เหลา่ นี้เปน็ ฝเี มือ ชา่ งสมยั อยธุ ยา 10) วิหารธรรมศาลา วิหารธรรมศาลาภายในวิหารนี้มีพระพุทธรูป ปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ มีช่ือว่าพระธรรมศาลา เป็นพระพุทธ องค์ใหญ่ที่สุดในวิหารหลังนี้ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนลงรัก ปดิ ทอง เป็นศิลปะยคุ เดยี วกับพระพุทธรปู พระเจา้ ศรธี รรมโศกราช วิหารธรรมศาลาอยู่ทางด้านตะวันออกของพระบรมธาตุเจดีย์ คือ นอกระเบียงคดตรงประตูเยาวราช มีต�ำนานว่า พระเถระเหมรังสี เป็นผ้สู รา้ ง เอกสารประกอบการเรยี น 141 รายวชิ า นครศรธี รรมราชศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค3300168 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook