76 คะแนนเฉลี่ย 4.50 – 5.00 หมายถึง รับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง รว่ มกับนวัตกรรมดจิ ิทัลเพื่อส่งเสริมความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อหนา้ ท้อง ในระดบั มากทส่ี ุด คะแนนเฉล่ีย 3.50 – 4.49 หมายถึง รับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกบั นวัตกรรมดิจิทลั เพ่อื สง่ เสริมความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือหนา้ ท้อง ในระดบั มาก คะแนนเฉลี่ย 2.50 – 3.49 หมายถึง รับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวตั กรรมดิจิทัลเพอ่ื ส่งเสรมิ ความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อหนา้ ท้อง ในระดับปานกลาง คะแนนเฉล่ีย 1.50 – 2.49 หมายถึง รับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวัตกรรมดจิ ทิ ลั เพือ่ ส่งเสริมความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในระดับนอ้ ย คะแนนเฉล่ีย 1.00 – 1.49 หมายถึง รับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกบั นวตั กรรมดจิ ิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในระดบั นอ้ ยท่ีสุด การสรา้ งและการตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือ ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างแบบรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ นวัตกรรมดจิ ิทลั เพ่อื สง่ เสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าทอ้ ง โดยมรี ายละเอียด ดังต่อไปน้ี ข้ันตอนที่ 1 กำหนดกรอบโครงสร้างของแบบรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยสร้างเป็นตารางวิเคราะห์เนื้อหา ซึ่งผู้วิจัยนำนิยามเชิงปฏิบัติการท่ีกำหนดข้ึน มากำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นท่ีต้องการวัดและเขียน ข้อความ ข้นั ตอนท่ี 2 นำตารางวิเคราะห์เนื้อหาและข้อคำถามทส่ี รา้ งขึน้ ไปสรา้ งเป็นข้อคำถามท่ีตอ้ งการวัด ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบด้านความตรงเชิงเน้ือหา (Content validity) ของแบบสอบถาม โดยผู้วิจัย นำแบบสอบถามและตารางวิเคราะห์เน้ือหาให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมของ ข้อคำถามรายข้อกับนิยามเชิงปฏิบัติการ รวมทั้งขอข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงแบบสอบถามผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ 1 ท่าน 2) ด้านนวัตกรรมดิจิทัล 1 ท่าน 3) ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 1 ท่าน 4) ด้านการวิจัย จำนวน 2 ท่าน รวม 5 ท่าน โดยมีคุณสมบัติ คือมี ประสบการณใ์ นดา้ นการเรียนการสอนในศาสตร์ท่ีเก่ยี วข้องมาไม่น้อยกวา่ 5 ปี ขน้ั ตอนที่ 4 นำข้อเสนอแนะจากผ้ทู รงคณุ วุฒิมาปรบั ปรงุ แก้ไขข้อคำถามให้ถูกตอ้ งตามข้อเสนอแนะ การเกบ็ ข้อมูล 1. ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน คือ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ จำนวน 1 ท่าน 2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนวัตกรรมดิจิทัล จำนวน 2 ท่าน 3) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 1 ท่าน 4) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัย จำนวน 1 ท่าน ที่มีคุณสมบัติ คือ มีความเช่ียวชาญในด้านที่เก่ียวข้องไม่น้อยกว่า 5 ปี รับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยใช้แบบรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรม
77 ดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ซ่ึงผู้วิจัยได้จัดส่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลให้กับ ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทำการประเมินรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรม ดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ จากน้ันกำหนดให้ผู้ทรงคุณวุฒิ ส่งกลับคืนมาทางไปรษณยี ์ หรอื ผวู้ จิ ัยไปรบั ดว้ ยตนเองตามความประสงคข์ องผทู้ รงคุณวุฒิ 2. ผู้วิจัยนำข้อมูลและข้อเสนอแนะที่ได้มาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ได้ต้นแบบโปรแกรมการฝึก สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองรว่ มกับนวตั กรรมดจิ ทิ ลั เพอ่ื สง่ เสริมความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือหน้าท้อง การวิเคราะหข์ อ้ มูล การวิเคราะห์ขอ้ มลู ดว้ ยสถติ บิ รรยาย ไดแ้ ก่ ค่าความถี่ ร้อยละ คา่ เฉลยี่ และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ตารางท่ี 3.1 แผนการดำเนนิ งานวิจยั กิจกรรม สถานที่ วนั ที่ ผดู้ ำเนนิ การ ผลที่คาดวา่ จะได้รบั ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพความต้องการการใช้ กรงุ เทพมหานคร กพ.63 ผู้วิจัยหลัก ผลท่ีคาดว่าจะได้รับมี โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง -พค.64 2 สว่ นไดแ้ ก่ และการยอมรับนวัตกรรมดจิ ทิ ัลทางพลศึกษา 1. ผลการวเิ คราะห์แบบ รายละเอียด สอบถามความตอ้ งการ การศึกษาสภาพและความต้องการใชโ้ ปรแกรม 2.ผลการวิเคราะห์ การฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ องคป์ ระกอบเชงิ ยนื ยัน นวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของ ของโปรแกรมการฝึก กลา้ มเน้ือหนา้ ท้อง จำนวนไมน่ ้อยกว่า 600 คน สมรรถภาพทางกายฯ ระยะที่ 2 การสร้างต้นแบบโปรแกรมการฝึก กรงุ เทพมหานคร กค.- ผู้วิจยั หลัก ร่างต้นแบบโปรแกรม สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรม พ.ย.64 และผู้วจิ ยั ร่วม การฝกึ สมรรถภาพ ดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ ทางกายฯ จากผลการ หนา้ ท้อง สนทนากลมุ่ ย่อย รายละเอยี ด 1. ทบทวนวรรณคดีท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ หนังสือ งานวิจัย และบทความวิชาการท่ีเกย่ี วขอ้ งกับตัว แปรต้นและตัวแปรตามของงานวิจัย จากน้ัน นำมาสังเคราะห์ข้อมูลเพ่ือพัฒนาร่างต้นแบบ โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายฯ 2. สร้างร่างต้นแบบของโปรแกรมการฝึก สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองฯ
78 กจิ กรรม สถานที่ วนั ที่ ผ้ดู ำเนินการ ผลท่คี าดวา่ จะได้รบั ระยะท่ี 3 การศึกษาผลการใช้โปรแกรมการฝึก กรงุ เทพมหานคร ธ.ค 64- ผ้วู ิจยั หลัก ผลการทดลองใช้ ส มรรถภ าพ ท างก ายด้ วยต น เอ งร่วม กั บ เม.ย.65 โปรแกรมการฝกึ นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของ สมรรถภาพทางกายฯ กลา้ มเน้อื หนา้ ทอ้ ง รายละเอียด ผู้ วิ จั ย เก็ บ ข้ อ มู ล กั บ ก ลุ่ ม ตั ว อ ย่ า ง โ ด ย ใช้ โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรง ของกล้ามเน้ือหน้าท้อง จำนวน 60 คน ระยะท่ี 4 การรบั รองโปรแกรมการฝึก กรงุ เทพมหานคร พ.ค.-มิย. ผู้วจิ ัยหลัก ผลการรับรองโปรแกรม สมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองร่วมกบั นวัตกรรม 65 การฝึกสมรรถภาพ ดจิ ิทัลเพ่อื สง่ เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทางกายฯ หนา้ ทอ้ ง รายละเอียด ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาให้การรบั รองโปรแกรม การฝกึ สมรรถภาพทางกายฯ
บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวจิ ัยเรอ่ื ง “โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองรว่ มกับนวตั กรรมดจิ ิทัลเพอ่ื ส่งเสริม ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหนา้ ท้อง” มวี ัตถุประสงค์ดังน้ี คือ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั วัตถปุ ระสงคท์ ั่วไป เพ่ือพัฒนาโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความ แขง็ แรงของกลา้ มเนื้อหนา้ ท้อง วัตถุประสงคเ์ ฉพาะ 1. เพ่อื ศึกษาสภาพและความตอ้ งการใช้โปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ นวตั กรรมดิจิทลั เพ่ือส่งเสริมความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือหน้าท้อง 2. เพอื่ พฒั นาโปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองรว่ มกับนวตั กรรมดิจทิ ลั เพ่ือส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหนา้ ท้อง 3. เพ่อื ศกึ ษาผลการใชโ้ ปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองรว่ มกบั นวัตกรรมดจิ ทิ ัลเพื่อ ส่งเสริมความแข็งแรงของกลา้ มเนอื้ หน้าท้อง 4. เพื่อรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริม ความแขง็ แรงของกล้ามเน้อื หนา้ ทอ้ ง ผู้วจิ ยั นำขอ้ มูลมาวิเคราะหแ์ ละนำเสนอข้อมูลดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการศกึ ษาสภาพและความต้องการใชโ้ ปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวตั กรรมดจิ ทิ ลั เพื่อส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกลา้ มเนอ้ื หน้าท้อง ตอนที่ 2 ผลของการพัฒนาโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัล เพอื่ สง่ เสริมความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อหน้าท้อง ตอนท่ี 3 ผลการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกบั นวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือ ส่งเสริมความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือหน้าท้อง ตอนที่ 4 ผลการรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อ ส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง
80 ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาสภาพและความต้องการใชโ้ ปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวัตกรรมดิจิทลั เพอ่ื ส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อหน้าท้อง สว่ นที่ 1 สภาพและความต้องการโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกาย ผลการวเิ คราะหส์ ภาพความเป็นจรงิ และความต้องการโปรแกรมและอุปกรณ์ในการออกกำลังกายด้วยตนเอง ตารางท่ี 4.1 ผลการสำรวจสภาพและความต้องการโปรแกรมและอุปกรณใ์ นการฝกึ สมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเอง ตัวแปร N Mean SD t df Sig. สภาพความเป็นจริง 1,001 4.04 1.46 -9.57 1000 .000* ความต้องการ 1,001 4.40 1.36 *p-value < .05 ผลการเปรียบเทียบค่าเฉล่ี ยสภ าพความเป็นจริงแล ะความต้องการโปรแกรมและอุปกรณ์ ในการ ออกกำลังกายดว้ ยตนเองแตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 (Sig=.000) โดยสภาพความเปน็ จริง มีคา่ เฉลยี่ 4.04 สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 1.46 และความตอ้ งการมีคา่ เฉลี่ย 4.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.36 ผลการวิเคราะห์สภาพความเป็นจริงและความต้องการอุปกรณ์เช่ือมต่อทางเทคโนโลยีที่ท่านใช้ออกกำลังกาย ในโปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ตารางที่ 4.2 ผลการสำรวจสภาพและความตอ้ งการอปุ กรณ์เชอ่ื มต่อทางเทคโนโลยี ตวั แปร N คา่ เฉลีย่ X SD t df Sig. สภาพความเปน็ จริง 1,001 4.86 1.62 -7.15 1000 .000* ความต้องการ 1,001 5.12 1.56 *p-value<.05 ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยสภาพความเป็นจริงและความต้องการอุปกรณ์เชอื่ มต่อทางเทคโนโลยีท่ีใช้ ออกกำลังกาย ในโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่รี ะดับ .05 (Sig=.000) โดยสภาพความเป็นจริงมีค่าเฉลี่ย 4.86 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 1.62 และความต้องการ มีค่าเฉลย่ี 5.12 สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน 1.56 ส่วนท่ี 2 การศึกษาการยอมรับนวัตกรรมดจิ ิทัลทางพลศึกษา สำหรับการศึกษาการยอมรับนวัตกรรมดิจิทัลทางพลศึกษาผู้วิจัยได้ทำการศึกษาข้อมูลโดยมีการ ดำเนินการดงั นี้
81 ขั้นตอนท่ี 1 การศึกษาวรรณกรรมทฤษฎีการยอมรับนวัตกรรมโดยใช้โมเดล Technology Acceptance Model (TAM; Davis, 1989) ขั้นตอนที่ 2 การเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากกลมุ่ ตวั อยา่ งโดยใช้แบบสำรวจ ขน้ั ตอนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมลู โดยในขั้นตอนที่ 1 จะอยู่ในบทท่ี 2 การทบทวนวรรณกรรม ส่วนในข้ันตอนท่ี 2 และ 3 สามารถ รายงานได้ตามรายละเอยี ดดังนี้ 1. ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างแบบสอบถามจากทฤษฎีการยอมรับนวัตกรรมโดยใช้โมเดล Technology Acceptance Model ประกอบด้วย 1) การรับรู้ถึงประโยชน์ท่ีเกิดจากการใช้ (Perceived usefulness) 2) การรับรู้ ถงึ การใช้งาน (Perceived ease of use) 5 ข้อ 3) ทัศนคติ (Attitude) 5 ข้อ 4) เจตนาแสดงพฤติกรรม (Behavioral intention) 5 ข้อ 5) การใช้จริง (Actual Use) 5 ข้อ รวมท้ังส้ิน 25 ข้อ แบบ 7 ระดับ โดยจำนวนแบบสอบถามที่ ส่งไปท้ังสิ้น 1,178 ฉบับ ได้แบบสอบถามที่กลับคืนมามีทั้งสิ้น 1,001 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 85 2. ผู้วิจัยดำเนินการเก็บแบบสอบถามจากผู้เรียนระดับปริญญาตรีทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม วิชา ได้แก่ 1) กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2) กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 3) กลุ่มมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ โดยใช้วิธีการสุ่มโดยอาศัยความน่าจะเป็น (Probability Sampling) จำนวนตัวอย่างท้ังสิ้น 1,001 คน เป็นผู้ชาย 52% และผู้หญิง 48% มีอายุ 17-18 ปี 0.8% อายุ 21-22 ปี จำนวน 45.3% อายุ 19-20 ปี 42.1% และ อายุ 23 ขึ้นไป 11.8% โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชั้น ปี 2 32%, ชั้นปี 3 26%, ชั้นปี 4 20.2%, และช้ันปี 5 10.3% มีความสามารถทางด้านกีฬา โดยไมไ่ ดเ้ ปน็ นักกีฬา 50.8% และเป็นนักกีฬา 49.2% ตารางท่ี 4.3 ตวั อย่างจำแนกตามคณะ (N=1,001). จำนวน Percentage กลมุ่ ตัวอย่าง 331 33.1% ครุศาสตร์ 216 21.6% ศึกษาศาสตร์ 189 18.9% 50 5%, วิทยาศาสตรก์ ารกีฬา 24 2.4% เทคโนโลยีการเกษตร จำนวน 23 Percentage มนษุ ยศาสตร์ 16 2.3% กล่มุ ตวั อยา่ ง 15 1.6% บริหารธุรกิจ 14 1.5% เทคโนโลยแี ละการจัดการอตุ สาหกรรม 9 1.4% วศิ วกรรมศาสตร์ 114 0.8% วิทยาศาสตร์ 11.4 % บริหาร คณะอ่นื ๆ
82 การรับรู้ถงึ ประโยชน์ที่เกิดจากการใช้ (Perceive usefulness) มีค่า CR 0.943 AVE มีคา่ 0.768 การ รับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน (Perceive ease of use) มีค่า CR 0.938 AVE มีค่า 0.750, ทัศนคติ (Attitude) มีค่า CR 0.951 AVE มีค่า 0.796, เจตนาแสดงพฤติกรรม (Behavioral intention) มีค่า CR 0.947 AVE มีค่า 0.782 และการใช้งานจริง (Actual Use) มีค่า CR 0.956 AVE มีค่า 0.814. ความเที่ยง (Cronbach Alpha) ท้ังฉบับท่ี 0.975 ค่า factor loading อยู่ระหว่าง 0.732-0.851 ค่า AVE อยู่ระหว่าง 0.750-0.814 ค่า Cr อย่รู ะหวา่ ง 0.938-0.956 ตารางที่ 4.4 การตรวจสอบโมเดลการวัด Factor Alphaa CRb AVEc Loading Measurement Scale 0.945 0.943 0.768 การรับรถู้ งึ ประโยชนท์ ี่เกิดจากการใช้ (Perceive usefulness) 1. อปุ กรณ์การทดสอบลุกนงั่ มปี ระโยชนใ์ นการทำ Sit Ups (PU1) .772 2. การใชอ้ ุปกรณก์ ารทดสอบลุกนง่ั ช่วยในการพฒั นารูปแบบการดูแลสขุ ภาพ .779 (PU2) 3. อุปกรณ์การทดสอบลุกนง่ั สามารถใช้ในการควบคมุ และปรับปรุงสขุ ภาพของ .776 ตนเอง (PU3) .765 4. อปุ กรณ์การทดสอบลุกนง่ั ชว่ ยทำให้การ Sit Ups ทำไดด้ ขี ึน้ (PU4) .769 5. อุปกรณ์การทดสอบลกุ นั่งทำใหเ้ คลือ่ นไหวรา่ งกายไดถ้ กู ต้อง (PU5) 0.940 0.938 0.750 การรับรถู้ ึงความงา่ ยในการใช้งาน (Perceive ease of use) .798 6. อปุ กรณ์การทดสอบลกุ นงั่ สามารถเรยี นรู้วิธีการใช้งานง่าย (PE1) .807 7. อปุ กรณ์การทดสอบลกุ น่ังเป็นอปุ กรณท์ ่ีมขี นั้ ตอนใชง้ านงา่ ย (PE2) .772 8. อปุ กรณก์ ารทดสอบลุกน่ังสามารถใช้ได้ในระดับชำนาญการ (PE3) .797 9. อุปกรณ์การทดสอบลุกนง่ั ง่ายตอ่ การปรับรูปแบบการใช้งานตามรปู แบบที่ .793 ต้องการ (PE4) 10. อุปกรณ์การทดสอบลกุ นงั่ งา่ ยต่อการดูแลรักษา (PE5) 0.953 0.951 0.796 .835 ทศั นคติ (Attitude) .832 11 อปุ กรณก์ ารทดสอบลกุ น่ังทำให้รสู้ กึ ไมส่ ับสน ขณะทำ Sit Ups (AT1) .842 12 อปุ กรณ์การทดสอบลกุ น่ังทำให้รู้สกึ ไมก่ งั วล ขณะทำ Sit Ups (AT2) .836 13 อปุ กรณ์การทดสอบลกุ น่งั ทำใหร้ ู้สึกสบายใจ ขณะทำ Sit Ups (AT3) .849 14 อุปกรณ์การทดสอบลุกนงั่ ทำให้รู้สึกถึงความสำเร็จในการทำ Sit Ups (AT4) 15 อปุ กรณก์ ารทดสอบลกุ นัง่ ทำให้ได้ในสิ่งตอ้ งการจากการทำ Sit up (AT5) 0.950 0.947 0.782 เจตนาแสดงพฤตกิ รรม (Behavioral intention) .836 16. ฉนั ต้ังใจใชอ้ ปุ กรณ์การทดสอบลกุ นง่ั ทกุ ครง้ั เมือ่ ทำ Sit Ups (BI1) .833 17. ฉนั ตง้ั ใจเพ่ิมการใช้อปุ กรณก์ ารทดสอบลกุ นง่ั ในอนาคต (BI2) .851 18. ฉันต้งั ใจศกึ ษาการใชอ้ ปุ กรณก์ ารทดสอบลุกนงั่ ในทุกเมนขู องอุปกรณ์ (BI3) .829 19. ฉันวางแผนช้ืออุปกรณก์ ารทดสอบลุกนัง่ เพ่มิ ขน้ึ ในอนาคต (BI4)
83 Measurement Scale Factor Alphaa CRb AVEc Loading 20. ฉันวางแผนเลือกซ้ืออปุ กรณก์ ารทดสอบลกุ นัง่ ทม่ี ีประสทิ ธภิ าพดีขนึ้ ในอนาคต (BI5) .816 การใชง้ านจริง (Actual Use) 0.958 0.956 0.814 21. ฉนั ใชง้ านอปุ กรณก์ ารทดสอบลกุ นงั่ บอ่ ยคร้ังมากกวา่ ใครในครอบครวั (AU1) .732 22. การใช้งานอปุ กรณ์การทดสอบลกุ นั่งชว่ ยให้ฉันเข้าใจภาวะสุขภาพของตนเองดี .790 ขึน้ (AU2) 23. ฉันใชง้ านอปุ กรณก์ ารทดสอบลุกน่งั เตม็ ประสิทธิภาพของอปุ กรณ์ (AU3) .808 24.การใชง้ านอปุ กรณ์การทดสอบลุกนง่ั ชว่ ยใหฉ้ ันรักษาสภาพร่างกายให้ .797 แขง็ แรงอยู่เสมอ (AU4) 25. การใช้งานอปุ กรณ์การทดสอบลกุ นงั่ ทำใหฉ้ ันได้ออกกำลังกายไดร้ วดเรว็ .813 และมปี ระสทิ ธิภาพมากข้ึน (AU) a Cronbach's alpha. b Composite reliability. c Average variance extracted. ผลการวิเคราะห์ พบว่า การรับรู้ถึงประโยชน์ท่ีเกิดจากการใช้ มีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังทัศนคติ เท่ากับ 0.34 (p < 0.001) การรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน มีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังทัศนคติ เท่ากับ 0.53 (p < 0.001) ทัศนคติมีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังเจตนาแสดงพฤติกรรม เท่ากับ 0.88 (p < 0.001) เจตนา แสดงพฤติกรรมมีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังการใช้งานจริง เท่ากับ 0.84 (p < 0.001) X2-test value มีค่า P- value = 0.000, chi-square = 2.55 (X2/df = 656.58/257) GFI มีค่า 0.95 CFI มีค่า 1.00 AGFI มีค่า 0.92 RMSEA มคี า่ 0.039 และ SMER มีค่า 0.032 ***P < 0.001 ภาพท่ี 4.1 โมเดลสมการโครงสร้างการยอมรบั นวัตกรรมดจิ ิทลั ทางพลศกึ ษา
84 ตารางที่ 4.5 Goodness of fit statistical between the model components and empirical data Fit measure Criteria Measurement X2-test <0.05 0.00 X2/df < 2.00-5.00 2.55 CFI ≥0.95 1.00 GFI ≥0.95 0.95 AGFI ≥0.90 0.92 NFI ≥0.95 1.00 RMSEA < 0.05 0.039 SRMR ≤0.05 0.032 RMR ≤0.05 0.032 มคี า่ P-value = 0.000, chi-square = 2.55 (X2/df = 656.58/257) ตอนท่ี 2 ผลของการพัฒนาโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกบั นวัตกรรมดิจิทลั เพอื่ ส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกล้ามเน้อื หนา้ ท้อง ผลการวิจัยท่ีได้มาไปพัฒนาเป็นอุปกรณ์สายรัดหน้าอกอัจฉริยะ (Sit-Up Fitness Tracker) เป็นสาย รัดหน้าอก สำหรับวัดความชันของลำตัว ผู้ออกกำลังกายด้วยการ Sit up เมื่อ Sit up ได้ความชันตาม มาตรฐาน หรือความชันท่ีต้องการ จะมีเสียงเตือนดังข้ึน (ภาพ 4.2) เพื่อบอกถึงท่าทางในการ Sit up และ ระดับกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างท่ียกข้ึนจากพื้น รวมถึงฟังก์ชันการทำงานท่ีบอกถึงระดับความแข็งแรงของ กล้ามเนื้อหน้าท้อง ระยะเวลาการ Sit up ท่ีเหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ และฟังก์ชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีการ ทำงานร่วมกับ Smart Phone และแอปพลิเคชันเฉพาะ (Sit-Up Fitness Tracker Application) เพื่อเพ่ิม ความสะดวกในการ Sit up ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และผู้ออกกำลังกายสามารถดำเนินการ ไดด้ ้วยตนเอง โดยไม่เกดิ การบาดเจ็บ
85 ภาพที่ 4.2 นวัตกรรมดจิ ทิ ัลทางพลศึกษาเพื่อสรา้ งความแข็งแรงของหน้าทอ้ ง ภาพที่ 4.3 อปุ กรณช์ ว่ ยฝกึ ความแข็งแรงของหน้าท้อง
86 ในชุดอุปกรณ์ประกอบด้วย อุปกรณ์ตรวจวัดการออกกำลังกายส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้อง สายรัดหน้าอก และสายชาร์จ USB-C (ภาพ 4.3) เริ่มต้นให้นำสายรัดหน้าอกเกี่ยวเข้ากับหูเก่ียวสายรัดหน้าอกของอุปกรณ์ ให้สวม ใส่และปรับระดับอุปกรณ์ให้อยู่ในระดับหน้าอกดังภาพตัวอย่างด้านล่าง หลังจากนั้นให้กดปุ่ม เปิด/ปิดท่ีอุปกรณ์ 1 ครั้งเพ่ือทำการเปิดอุปกรณ์ และหากต้องการปิดให้กดค้างไว้โดยประมาณ 5 วินาทีหรือจนกว่าจอแสดงผล อุปกรณจ์ ะดบั ทำการเช่อื มต่อกับแอปพลเิ คชนั และเข้าใช้งานอุปกรณผ์ ่านแอปพลิเคชนั รอการเชอ่ื มต่อ เช่ือมตอ่ กับ ต้ังค่าองศาของ อยู่ในโหมด อย่ใู นโหมดการ อยู่ในชว่ งของ กบั แอปพลเิ คชนั การพักยกใน แอปพลิเคชัน ท่าซิทอพั และทา่ ฝึกซอ้ ม ทดสอบ โหมดฝกึ ซ้อม แล้วพร้อมใช้ ครั้นช์ งาน ภาพท่ี 4.4 หนา้ จอ Sit-Up Fitness Tracker เม่อื เปดิ เครอื่ งแล้วหน้าจอจะแสดงตัวอกั ษร B (Bluetooth) เพ่ือการรอเช่ือมต่อเขา้ กับ Application แล้วเมื่อ เชื่อมต่อแลว้ จะเปลี่ยนเป็น R (Ready) (ภาพ 4.4) เครือ่ งสามารถตั้งคา่ องศาของท่าซิทอพั ไดใ้ น Application (ภาพ 4.5, 4.6) เม่ือเสร็จแล้วจะปรากฏบนหน้าจอเครื่อง Sit-Up Fitness Tracker เพ่ือให้ผู้ใช้งานทราบและพร้อมเร่ิมทำการฝึก ซิทอัพได้ทันที และเม่ือเร่ิมซิทอัพแล้วระบบจะทำการนับจำนวนคร้ังที่ซิทอัพ และแสดงทั้งหน้าจอ เม่ือซิทอัพเสร็จ ระบบจะทำการสรุปเวลาต่อรอบ เวลาพกั ตอ่ รอบ องศา จำนวนครั้งทง้ั หมด และจำนวนเซต็ แสดงให้ผู้ใช้งานทราบ ภาพท่ี 4.5 หน้าจอ Application
87 ภาพที่ 4.6 การต้งั ค่าองศา ตอนท่ี 3 ผลการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองร่วมกบั นวตั กรรมดจิ ิทัลเพื่อ สง่ เสรมิ ความแข็งแรงของกลา้ มเนือ้ หนา้ ทอ้ ง ตารางท่ี 4.6 ผลการทดลองกลุ่มทดลองก่อนเรียนและหลังเรยี น การทดสอบ N Mean S.D. t Sig. Pretest 30 22.67 6.21 14.65 .000* Post-test 30 31.43 7.13 *p-value<.05 จากตารางท่ี 4.6 พบว่า ค่าเฉล่ยี หลงั เรยี นเมื่อผู้เรียนเรียนดว้ ยโปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายดว้ ย ตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องมีค่าเฉลี่ยท่ี 31.43 และส่วน เบ่ียงเบนมาตรฐานที่ 7.13 ซ่ึงสูงกว่าค่าเฉล่ียก่อนเรียนซ่ึงมีค่าเฉลี่ยท่ี 22.67 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานท่ี 22.67 แตกต่างกันอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติ ตารางที่ 4.7 ผลการทดลองกล่มุ ควบคุมกบั กลุ่มทดลองหลังเรียน การทดสอบ N Mean S.D. t Sig. กลุ่มควบคุม 30 27.87 5.57 2.16 .035* กล่มุ ทดลอง 30 31.43 7.13 *p-value < .05 จากตารางที่ 4.7 พบว่า คา่ เฉลี่ยของกลมุ่ ทดลองหลังเรียนเมื่อผ้เู รยี นเรียนด้วยโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ ทางกายดว้ ยตนเองร่วมกบั นวัตกรรมดจิ ทิ ลั เพอื่ ส่งเสรมิ ความแขง็ แรงของกล้ามเน้ือหนา้ ท้องมีคา่ เฉลย่ี ที่ 31.43
88 และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานท่ี 7.13 ซ่ึงสงู กว่าค่าเฉลย่ี ของกลุม่ ควบคุมหลังเรยี นซ่ึงมคี ่าเฉลี่ยท่ี 27.87 และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานที่ 5.57 แตกต่างกันอย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05 ตอนที่ 4 ผลการรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อ สง่ เสริมความแขง็ แรงของกล้ามเน้อื หนา้ ทอ้ ง หลังจากเสร็จส้ินการทดลองใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัล ผวู้ ิจัยไดน้ ำโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองฯ ไปให้ผ้ทู รงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน โดยให้ผู้ทรงคุณวฒุ ิ เลือกระดับความคิดเห็นที่คิดว่าตรงกับความเปน็ จริง เพือ่ รับรองโปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองฯให้ มคี วามสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซ่ึงมีเกณฑ์การประเมินการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับ (Likert scale) ซ่งึ แต่ละระดับความคดิ เห็น มีความหมายดังน้ี 5 = เห็นดว้ ยอย่างย่ิง หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความร้อยละ 81-100 4 = เหน็ ด้วย หมายถงึ เหน็ ด้วยกบั ข้อความรอ้ ยละ 61-80 3 = เหน็ ดว้ ยและไมเ่ หน็ ด้วยพอ ๆ กัน หมายถงึ เห็นดว้ ย กับข้อความร้อยละ 41 - 60 2 = ค่อนข้างไม่เห็นด้วย หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความร้อยละ 21 - 40 1 = ไม่เห็น ดว้ ย หมายถึง เห็นด้วยกับข้อความร้อยละ 0 – 20 โดยสามารถวเิ คราะห์ผลรายละเอียด ดังตารางที่ 4.8 ตารางท่ี 4.8 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานของผลคะแนนรบั รองต่อโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทาง กายดว้ ยตนเองรว่ มกับนวตั กรรมดจิ ทิ ลั เพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือหนา้ ท้อง รายการ Mean S.D. แปลผล สปั ดาห์ท่ี 1 (จำนวน 3 ครัง้ ทำวนั เว้นวนั ) ขนั้ ตอนที่ 1 ผ้รู บั การทดสอบอบอนุ่ ร่างกาย 10 นาที 5.00 0.00 มากทส่ี ดุ (บรเิ วณกลุม่ กลา้ มเน้ือหนา้ ท้อง) ปฏบิ ตั ิ 3 เซต ขั้นตอนที่ 2 ฝกึ ปฏิบตั ิ (10 นาที) 5.00 0.00 มากทส่ี ุด ขั้นตอนที่ 3 ผู้รับการทดสอบคลายกลา้ มเน้ือ (10 นาที) 4.80 0.45 มากทสี่ ดุ ปฏิบตั ิ 3 เซต รวมขน้ั ตอนของสัปดาห์ท่ี 1 4.93 0.26 มากท่สี ดุ
89 รายการ Mean S.D. แปลผล สปั ดาห์ที่ 2 (จำนวน 3 ครั้ง ทำวนั เว้นวัน) ขั้นตอนที่ 1 ผู้รบั การทดสอบอบอุ่นร่างกาย 10 นาที 5.00 0.00 มากที่สดุ (บริเวณกลุม่ กลา้ มเน้ือหน้าท้อง) ปฏิบัติ 3 เซต ขนั้ ตอนที่ 2 ฝึกปฏิบัติ (10 นาที) 5.00 0.00 มากทส่ี ดุ ขน้ั ตอนท่ี 3 ผูร้ บั การทดสอบคลายกลา้ มเน้ือ (10 นาที) 5.00 0.00 มากทส่ี ุด ปฏิบัติ 3 เซต รวมขน้ั ตอนของสัปดาห์ท่ี 2 5.00 0.00 มากท่สี ุด สัปดาห์ท่ี 3 (จำนวน 3 ครง้ั ทำวันเวน้ วัน) ขั้นตอนท่ี 1 ผู้รบั การทดสอบอบอ่นุ ร่างกาย 10 นาที 5.00 0.00 มากทส่ี ุด (บรเิ วณกลุม่ กล้ามเน้ือหน้าท้อง) ปฏิบัติ 3 เซต ขนั้ ตอนท่ี 2 ฝึกปฏบิ ัติ (10 นาท)ี 5.00 0.00 มากทส่ี ุด ข้ันตอนที่ 3 ผรู้ บั การทดสอบคลายกล้ามเน้ือ (10 นาที) 5.00 0.00 มากที่สุด ปฏิบัติ 3 เซต รวมขั้นตอนของสัปดาห์ที่ 3 5.00 0.00 มากที่สุด สปั ดาห์ที่ 4 (จำนวน 3 คร้ัง ทำวันเวน้ วัน) ขน้ั ตอนที่ 1 ผรู้ บั การทดสอบอบอนุ่ รา่ งกาย 10 นาที 5.00 0.00 มากทสี่ ุด (บรเิ วณกลมุ่ กลา้ มเนื้อหน้าท้อง) ปฏบิ ัติ 3 เซต ขน้ั ตอนที่ 2 ฝึกปฏบิ ัติ (10 นาท)ี 5.00 0.00 มากที่สดุ ข้ันตอนท่ี 3 ผรู้ บั การทดสอบคลายกล้ามเน้ือ (10 นาที) 5.00 0.00 มากท่ีสดุ ปฏิบัติ 3 เซต รวมขนั้ ตอนของสปั ดาหท์ ่ี 4 5.00 0.00 มากท่สี ดุ สัปดาหท์ ่ี 5 (จำนวน 3 ครั้ง ทำวันเวน้ วนั ) ขั้นตอนที่ 1 ผรู้ บั การทดสอบอบอุ่นร่างกาย 10 นาที 5.00 0.00 มากทสี่ ุด (บริเวณกลมุ่ กลา้ มเนื้อหนา้ ท้อง) ปฏบิ ตั ิ 3 เซต ขน้ั ตอนท่ี 2 ฝึกปฏบิ ตั ิ (10 นาที) 5.00 0.00 มากที่สุด ขน้ั ตอนท่ี 3 ผู้รบั การทดสอบคลายกล้ามเน้ือ (10 นาท)ี 5.00 0.00 มากทส่ี ุด ปฏิบัติ 3 เซต
90 รายการ Mean S.D. แปลผล รวมขั้นตอนของสัปดาห์ท่ี 5 5.00 0.00 มากทีส่ ุด สัปดาหท์ ี่ 6 (จำนวน 3 คร้ัง ทำวนั เวน้ วัน) ขน้ั ตอนที่ 1 ผู้รบั การทดสอบอบอนุ่ ร่างกาย 10 นาที 5.00 0.00 มากทส่ี ุด (บรเิ วณกลมุ่ กลา้ มเน้ือหนา้ ท้อง) ปฏิบัติ 3 เซต ขัน้ ตอนที่ 2 ฝกึ ปฏบิ ตั ิ (10 นาที) 5.00 0.00 มากท่ีสดุ ข้นั ตอนท่ี 3 ผรู้ บั การทดสอบคลายกล้ามเนื้อ (10 นาท)ี 5.00 0.00 มากทีส่ ุด ปฏบิ ตั ิ 3 เซต รวมขน้ั ตอนของสปั ดาห์ที่ 6 5.00 0.00 มากที่สุด รวมทุกขั้นตอนใน 6 สัปดาห์ 4.99 0.03 มากทสี่ ดุ จากตารางท่ี 4.8 คะแนนรับรองโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยตนเองฯ จากผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ภาพรวมของทุกข้ันตอนใน 6 สัปดาห์ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด (mean = 4.99) เมื่อพิจารณาใน แต่ละสัปดาห์พบว่า ทุกสัปดาห์มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด โดยสัปดาห์ที่ 2, 3, 4, 5, 6 เปน็ สัปดาห์ ท่มี ีคะแนนสูงสุดเฉลยี่ เทา่ กัน โดยมี คา่ เฉลี่ยอยทู่ ่ี 5.00 ส่วน สัปดาห์ท่ี 1 เป็นสัปดาห์ทีม่ ีคะแนนเฉล่ียน้อยทส่ี ุด โดยมี คา่ เฉล่ียอยู่ที่ 4.93
บทท่ี 5 สรุปผลการวิจยั อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยคร้ังน้ีเป็นงานวิจัยประเภทการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) โดยมี วตั ถุประสงค์ในการวิจัย 4 ประการคือ (1) เพ่ือศึกษาสภาพและความต้องการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ ทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง (2) เพื่อพัฒนา โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริม ความแข็งแรงของ กล้ามเน้ือหน้าท้อง (3) เพ่ือศึกษาผลการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรม ดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง (4) เพ่ือรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกาย ด้วยตนเองรว่ มกบั นวตั กรรมดจิ ิทัลเพ่อื สง่ เสรมิ ความแขง็ แรงของกลา้ มเนื้อหน้าท้อง ระยะท่ี 1 ศึกษาสภาพและความต้องการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง รว่ มกบั นวตั กรรมดิจิทลั เพ่อื สง่ เสริมความแข็งแรงของกลา้ มเนือ้ หน้าทอ้ ง ประชากร ไดแ้ ก่ ผู้เรียนระดับปรญิ ญาตรีทวั่ ประเทศ กลุ่มตัวอย่าง ผู้เรียนระดับปริญญาตรีทั่วประเทศ เพศชายและเพศหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี – 23 ปี ไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มออกกำลังกายเป็นประจำ ซ่ึงเป็นช่วงวัยที่ควรทำกิจกรรมเพ่ือสร้างความแข็งแรงให้ กล้ามเนื้อในระดับความเข้มข้นปานกลางถึงมากที่สุดในกลุ่มกล้ามเน้ือทุกส่วน (WHO, 2020) ได้มาจากการ เลือกส่มุ แบบหลายขั้นตอน ระยะที่ 2 การสร้างต้นแบบโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรม ดจิ ิทัลเพอื่ สง่ เสริมความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือหน้าท้อง ประชากร ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ 2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนวัตกรรมดิจิทัล 3) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ 4) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการ วจิ ัย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน คือ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโปรแกรมการฝึก สมรรถภาพ จำนวน 1 ท่าน 2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนวัตกรรมดิจิทัลจำนวน 2 ท่าน 3) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความ แข็งแรงของกล้ามเน้ือ 1 ท่าน 4) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัย จำนวน 1 ท่าน โดยผู้วจิ ัยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจง ท่มี ีคุณสมบัติ คือ มคี วามเช่ยี วชาญในด้านทเ่ี กี่ยวข้องไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี ระยะท่ี 3 การศึกษาผลการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรม ดิจิทัลเพ่อื สง่ เสรมิ ความแข็งแรงของกล้ามเน้อื หน้าทอ้ ง ประชากร ได้แก่ ผู้เรียนระดบั ปริญญาตรที วั่ ประเทศ
92 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผ้เู รียนระดับปริญญาตรที ว่ั ประเทศ เพศชายและเพศหญงิ ทม่ี ีอายุต้ังแต่ 18 ปี – 23 ปี ซึ่งเป็นชว่ งวัยที่ควรทำกิจกรรมเพ่ือสร้างความแขง็ แรงให้กลา้ มเนื้อในระดับความเข้มข้นปานกลางถึงมาก ท่ีสุดในกลุ่มกล้ามเนื้อทุกส่วน(WHO, 2020) โดยกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงที่มีคุณสมบัติ คือ มีความพร้อมใน ดา้ นการใช้เคร่อื งมือและอุปกรณท์ างเทคโนโลยี และตอบรับในการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ย ตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยกลุ่มตัวอย่างต้องเข้าร่วม กิจกรรมตามโปรแกรมในระยะเวลา 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน รวม 18 วัน (การทำกิจกรรมท่ีสร้างความ แขง็ แรงให้กลา้ มเนอื้ ควรทำกจิ กรรมสปั ดาห์ละ 2 วนั ขึ้นไป (WHO, 2020)) ระยะท่ี 4 การรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อ สง่ เสรมิ ความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ประชากร ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ 2) ผู้ทรงคุณวฒุ ิดา้ นนวตั กรรมดิจิทัล 3) ผู้ทรงคณุ วฒุ ิด้านความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือ 4) ผทู้ รงคณุ วฒุ ิดา้ นการวจิ ัย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน คือ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโปรแกรมการฝึก สมรรถภาพ จำนวน 1 ท่าน 2) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนวัตกรรมดิจิทัล จำนวน 2 ท่าน 3) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความ แข็งแรงของกล้ามเนื้อ 1 ท่าน 4) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวิจัย จำนวน 1 ท่าน โดยผู้วิจัยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจงทีม่ ีคุณสมบัติ คือ มคี วามเชี่ยวชาญในดา้ นทีเ่ กยี่ วขอ้ งไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปี ตัวแปรที่ใชใ้ นการวจิ ัยครัง้ น้ีประกอบด้วย ตัวแปรตน้ คือ โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ย ตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัล เป็นโปรแกรมการฝึกเพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางกายด้านความแข็งแรงของ กล้ามเน้ือหน้าท้องของแต่ละบุคคลหรือความสามารถในการตอบสนองของกล้ามเนื้อหน้าท้องในการทำ Sit up อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัล ประกอบด้วย 1) อุปกรณ์ Sit-Up Sensor พร้อมสายรัด หนา้ อก 2) สมาร์ทโฟน ท่ีมีแอปพลเิ คชันเฉพาะ (Sit-Up Application) เพ่ือใหผ้ ู้ออกกำลงั กายใช้งานง่าย และ สามารถดำเนินการ Sit up ได้ด้วยตนเอง ตัวแปรตาม คือ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง เป็น ความสามารถในการทำงานของกลุ่มกล้ามเน้ือหน้าท้อง ที่กระทำต่อแรงต้านทานได้สูงสุด ในที่น้ีจะหมายถึง ความสามารถในการทำทา่ ลกุ -น่ัง (Sit up) 60 วนิ าที ใหไ้ ดจ้ ำนวนครัง้ มากท่ีสดุ เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยมี 6 ชุด คือ 1) โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองใน ระยะเวลา 6 สัปดาห์ ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ กิจกรรม ระยะเวลา อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบโปรแกรม การ ประเมินผล 2) เกณฑ์การประเมินผลความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง 3) นวัตกรรมดิจิทัล ประกอบด้วย อปุ กรณ์ Sit Up Sensor พร้อมสายรัดหน้าอก นาฬิกาดิจทิ ัล หรือสมาร์ทโฟนที่ตดิ ต้ังแอปพลิเคชันการทดลอง (Sit-Up Application) 4) แบบบนั ทึกการสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group Discussion Form) 5) แบบสอบ ถามสภาพความจริง ความต้องการและการยอมรับโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ
93 นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง 6) แบบรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพ ทางกายดว้ ยตนเองรว่ มกับนวตั กรรมดจิ ทิ ัลเพอ่ื สง่ เสริมความแขง็ แรงของกล้ามเน้ือหนา้ ท้อง วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้ 1) สถิตบิ รรยาย ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี รอ้ ยละ ค่าเฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 2) สถิติอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย T-test การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirm Factor Analysis) และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (Structural Equation Modeling Analysis)) 3) การวิเคราะห์ ขอ้ มูลเชิงพรรณนาเพื่อสังเคราะห์ลกั ษณะโปรแกรมการฝึกฯ 4) ตรวจสอบด้านความตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) ของนวตั กรรมดิจิทลั สรปุ ผลการวจิ ยั ผ้วู จิ ัยนำเสนอและสรุปผลการวจิ ยั โดยแบง่ ออกเป็น 4 ตอน ดงั นี้ ตอนที่ 1 ผลการศึกษาสภาพและความต้องการใช้โปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกาย ดว้ ยตนเองร่วมกับนวตั กรรมดิจทิ ัลเพอื่ ส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง 1.1 สภาพและความต้องการโปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกาย ผลการศึกษาสภาพความเป็นจริงและความต้องการโปรแกรมและอุปกรณ์ในการออกกำลังกายพบว่า คา่ เฉลี่ยสภาพความเป็นจริงและความต้องการโปรแกรมและอุปกรณ์ ในการออกกำลังกายด้วยตนเองแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (Sig=.000) โดยสภาพความเป็นจริงมีค่าเฉลี่ย 4.04 ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 1.46 และความต้องการมีค่าเฉล่ีย 4.40 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 1.36 และผลการศึกษาสภาพ ความเป็นจริงและความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อทางเทคโนโลยีท่ีท่านใช้ออกกำลังกาย ในโปรแกรมการฝึก สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองพบว่า ค่าเฉลี่ยสภาพความเป็นจริงและความต้องการอุปกรณ์เช่ือมต่อทาง เทคโนโลยีท่ีใช้ออกกำลังกาย ในโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติท่ีระดับ .05 (Sig=.000) โดยสภาพความเป็นจริงมีค่าเฉล่ีย 4.86 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.62 และ ความต้องการมีคา่ เฉลี่ย 5.12 ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 1.56 1.2 การยอมรบั นวตั กรรมดิจทิ ัลทางพลศึกษา ผลการศึกษาการยอมรับนวัตกรรมทางการศึกษาพบว่า การรับรู้ถึงประโยชน์ที่เกิดจากการใช้ มีค่า อิทธิพลทางตรงไปยังทัศนคติ เท่ากับ 0.34 (p < 0.001) การรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน มีค่าอิทธิพล ทางตรงไปยังทัศนคติ เท่ากับ 0.53 (p < 0.001) ทัศนคติมีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังเจตนาแสดงพฤติกรรม เทา่ กับ 0.88 (p < 0.001) เจตนาแสดงพฤติกรรมมีคา่ อิทธิพลทางตรงไปยังการใช้งานจรงิ เทา่ กบั 0.84 (p < 0.001) X2-test value มีค่า P-value = 0.000, chi-square = 2.55 (X2/df = 656.58/257) GFI มีค่า 0.95 CFI มคี ่า 1.00 AGFI มคี า่ 0.92 RMSEA มคี า่ 0.039 และ SMER มีค่า 0.032
94 ตอนที่ 2 ผลการพฒั นาโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองรว่ มกับนวตั กรรมดจิ ิทัล เพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกลา้ มเนือ้ หนา้ ทอ้ ง ผลการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์สายรัดหน้าอกอัจฉริยะ (Sit-Up Fitness Tracker) เป็นสายรัดหน้าอก สำหรับวัดความชันของลำตัว ผู้ออกกำลังกายด้วยการ Sit up เม่ือ Sit up ได้ความชันตามมาตรฐาน หรือ ความชันท่ีต้องการ จะมีเสียงเตือนดังขึ้น (ภาพที่ 4.2) เพ่ือบอกถึงท่าทางในการ Sit up และระดับกล้ามเนื้อ หลังส่วนล่างที่ยกขึ้นจากพื้น รวมถึงฟังก์ชันการทำงานที่บอกถึงระดับความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ระยะเวลาการ Sit up ท่ีเหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ และฟังก์ชนั อื่น ๆ ที่เก่ียวข้อง มีการทำงานรว่ มกบั Smart Phone และแอปพลิเคชันเฉพาะ (Sit-Up Fitness Tracker Application) เพื่อเพ่ิมความสะดวกในการ Sit up ให้เป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ ใช้งานง่าย และผู้ออกกำลังกายสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง โดยไม่เกิด การบาดเจ็บ ในชุดอุปกรณ์ประกอบด้วย อุปกรณ์ตรวจวัดการออกกำลังกายส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้อง สายรัด หน้าอก และสายชาร์จ USB-C (ภาพที่ 4.3) เริ่มต้นให้นำสายรัดหน้าอกเก่ียวเข้ากับหูเก่ียวสายรัดหน้าอกของ อุปกรณ์ ให้สวมใส่และปรับระดับอุปกรณ์ให้อยู่ในระดับหน้าอกดังภาพตัวอย่างด้านล่าง หลังจากน้ันให้กดปุ่ม เปิด/ปิดท่ีอุปกรณ์ 1 ครั้งเพ่ือทำการเปิดอุปกรณ์ และหากต้องการปิดให้กดค้างไว้โดยประมาณ 5 วินาทีหรือ จนกว่าจอแสดงผลอุปกรณ์จะดับ ทำการเช่ือมต่อกับแอปพลิเคชันและเข้าใช้งานอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อเปิดเครอ่ื งแล้วหน้าจอจะแสดงตวั อักษร B (Bluetooth) เพื่อการรอเช่ือมต่อเข้ากับ Application แล้วเม่ือ เชื่อมต่อแล้วจะเปล่ียนเป็น R (Ready) (ภาพท่ี 4.4) เคร่ืองสามารถตั้งค่าองศาของท่าซิทอัพได้ใน Application (ภาพที่ 4.5) เมื่อเสร็จแล้วจะปรากฏบนหน้าจอเคร่ือง Sit-Up Fitness Tracker เพื่อให้ผู้ใช้งาน ทราบและพร้อมเริ่มทำการฝึกซิทอัพได้ทันที และเมื่อเร่ิมซิทอัพแล้วระบบจะทำการนับจำนวนครั้งที่ซิทอัพ และแสดงทั้งหน้าจอ เม่ือซิทอัพเสร็จระบบจะทำการสรุปเวลาต่อรอบ เวลาพักต่อรอบ องศา จำนวนคร้ัง ทงั้ หมด และจำนวนเซต็ แสดงให้ผู้ใช้งานทราบ (ภาพที่ 4.6) ตอนที่ 3 ผลการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภ10า1พทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อ ส่งเสรมิ ความแขง็ แรงของกลา้ มเนื้อหนา้ ท้อง ผลการวิจัยการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริม ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้องพบว่า ค่าเฉล่ียหลังเรียนเม่ือผู้เรียนเรียนด้วยโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทาง กายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และค่าเฉล่ียของกลุ่มทดลองหลังเรียนเม่ือผู้เรียนเรียนด้วย โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวตั กรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้า ทอ้ งมคี า่ เฉลีย่ สูงกว่าค่าเฉล่ียของกลุ่มควบคุมหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05 ตอนท่ี 4 ผลการรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัล เพอ่ื ส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกล้ามเนอ้ื หนา้ ท้อง
95 หลงั เสร็จส้ินการทดลองการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองรว่ มกับนวัตกรรมดิจทิ ัล เพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ผู้วิจัยได้นำโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเอง ร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบ เพ่ือ รบั รองและปรับปรุงโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความ แข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ผลการวิจัยพบว่า โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ นวัตกรรมดิจทิ ลั เพอ่ื ส่งเสริมความแขง็ แรงของกล้ามเนือ้ หนา้ ท้องมคี วามเหมาะสมมากที่สุด อภปิ รายผล การวิจัยโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความ แขง็ แรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง มปี ระเดน็ ที่นำมาอภิปรายผลการวิจัยดังนี้ 1. การศกึ ษาสภาพและความตอ้ งการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ นวตั กรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้อื หน้าทอ้ ง จากการการศึกษาสภาพและความตอ้ งการใชโ้ ปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้องพบว่าค่าเฉลี่ยสภาพความเป็นจริงและความ ต้องการโปรแกรมและอุปกรณ์ ในการออกกำลังกายด้วยตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 (Sig=.000) โดยสภาพความเป็นจริงมีค่าเฉลี่ย 4.04 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.457 และความ ต้องการมีค่าเฉล่ีย 4.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.355 และผลการศึกษาสภาพความเป็นจริงและความ ต้องการอุปกรณ์เช่ือมต่อทางเทคโนโลยีที่ท่านใช้ออกกำลังกาย ในโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วย ตนเองพบว่า คา่ เฉลี่ยสภาพความเป็นจริงและความต้องการอปุ กรณ์เชื่อมต่อทางเทคโนโลยีที่ใช้ออกกำลังกาย ในโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (Sig=.000) โดยสภาพความเป็นจริงมีค่าเฉลี่ย 4.86 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.617 และความต้องการมี ค่าเฉล่ีย 5.12 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.557 รวมทั้งผลการศึกษาการยอมรับนวัตกรรมทางการศึกษาพบว่า การรับรู้ถึงประโยชน์ท่ีเกิดจากการใช้ มีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังทัศนคติ เท่ากับ 0.34 (p < 0.001) การรับรู้ ถึงความง่ายในการใช้งาน มีค่าอิทธิพลทางตรงไปยังทัศนคติ เท่ากับ 0.53 (p < 0.001) ทัศนคติมีค่าอิทธิพล ทางตรงไปยังเจตนาแสดงพฤติกรรม เท่ากับ 0.88 (p < 0.001) เจตนาแสดงพฤติกรรมมีค่าอิทธิพลทางตรง ไปยังการใช้งานจริง เท่ากับ 0.84 (p < 0.001) สอดคล้องกับ World Health Organization (2019), มาลีวัล เลิศสาครศิริ และชะบา คาปัญโญ (2560) กล่าวว่าโลกของเราในปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวก มากมายถูกขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกิดการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็วในชว่ งทศวรรษทผ่ี ่าน มา โดยเฉพาะเทคโนโลยีส่งผลให้ผู้คนในปัจจุบันมีพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตที่เปล่ียนไป มีผลทั้งในเร่ือง สุขภาพกายและสุขภาพจิตระยะยาวโดยท่ีมนุษย์ไม่รู้ตัว เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันจะหมดไปกับการทำงาน และการเดินทาง การมีเทคโนโลยแี ละสงิ่ อำนวยความสะดวกจงึ มีความจำเปน็ และมีความสำคญั ที่จะชว่ ยในการ
96 ดำเนินชีวิตประจำวันให้ง่ายขึ้น การน่ังทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน การมีเวลาพักผ่อนไม่ เพียงพอเน่ืองจากต้องเดินทางระหว่างท่ีทำงาน ท่ีเรียนและท่ีพัก มีภาวะสะสมของความเครียด การขาดการ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซ่ึงการใช้เครื่องติดตามสามารถช่วยให้คนออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นการเข้าถึง ของตัวติดตามทส่ี วมใส่ไดช้ ่วยให้ผู้บรโิ ภคสามารถตรวจสอบกิจกรรมทางกายภาพของตนควบคู่ไปกับแอปพลเิ ค ชันออนไลน์ด้วยเคร่ืองมือสร้างแรงจูงใจและติดตาม การตรวจสอบอย่างเป็นระบบหลายครั้งแสดงให้เห็นว่า เคร่ืองติดตามท่ีสวมใส่ได้มีประสิทธิภาพ หากเครื่องติดตามท่ีสวมใส่ได้ร่วมสมัยแตกต่างจากเคร่ืองนับก้าว ทัว่ ไป โดยเป็นอุปกรณ์ทีซ่ บั ซอ้ นซึ่งให้ผลตอบรบั แบบหลายมิติแบบเรียลไทมเ์ ก่ียวกับพารามิเตอร์ทางสรรี วิทยา และสุขภาพ ซึ่งรวมถึงจำนวนก้าว แคลอรี่ท่ีเผาผลาญ ระยะทางท่ีครอบคลุม เวลาแอคทีฟ การประเมินการ นอนหลบั และอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ และอาจรวมถึงการเชอื่ มต่อมอื ถือหรืออนิ เทอร์เน็ต แอปพลิเคชนั เพ่ือให้ รายงานข้อเสนอแนะส่วนบุคคล ปัจจุบันน้ีงานวิจัยส่วนใหญ่เก่ียวกับเครื่องติดตามแบบสวมใส่ได้มุ่งเน้นไปที่ ความเป็นไปได้ ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือ โดยมีข้อมูลจำกัดเก่ียวกับผลกระทบจากการใช้อุปกรณ์ เหล่านี้ในการปรบั ปรงุ การออกกำลงั กาย (Eysenbach, 2020) 2. ผลการพัฒนาโปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดจิ ิทัลเพอื่ สง่ เสริมความแขง็ แรงของกล้ามเนอ้ื หนา้ ท้อง ผลการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์สายรัดหน้าอกอัจฉริยะ (Sit-Up Fitness Tracker) เป็นสายรัด หน้าอก สำหรับวัดความชันของลำตัว ผู้ออกกำลังกายด้วยการ Sit up เม่ือ Sit up ได้ความชันตามมาตรฐาน หรือความชันท่ีต้องการ จะมีเสียงเตือนดังข้ึน เพ่ือบอกถึงท่าทางในการ Sit-up และระดับกล้ามเน้ือหลัง ส่วนล่างท่ียกข้ึนจากพื้น รวมถึงฟังก์ชันการทำงานที่บอกถึงระดับความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ระยะเวลาการ Sit up ท่ีเหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ และฟังก์ชันอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง มีการทำงานรว่ มกบั Smart Phone และแอปพลิเคชันเฉพาะ (Sit-Up Fitness Tracker Application) เพ่ือเพ่ิมความสะดวกในการ Sit up ให้เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ใช้งานงา่ ย และผู้ออกกำลังกายสามารถดำเนินการได้ดว้ ยตนเอง โดยไม่เกิด การบาดเจ็บ ในชุดอุปกรณ์ประกอบด้วย อุปกรณ์ตรวจวัดการออกกำลังกายส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้อง สายรัด หน้าอก และสายชาร์จ USB-C เริ่มต้นให้นำสายรัดหน้าอกเกี่ยวเข้ากับหูเกี่ยวสายรัดหน้าอกของอุปกรณ์ ให้ สวมใส่และปรับระดับอุปกรณ์ให้อยู่ในระดับหน้าอกดังภาพตัวอย่างด้านล่าง หลังจากน้ันให้กดปุ่ม เปิด/ปิดที่ อุปกรณ์ 1 คร้ังเพ่ือทำการเปิดอุปกรณ์ และหากต้องการปิดให้กดค้างไว้โดยประมาณ 5 วินาทีหรือจนกว่า จอแสดงผลอุปกรณ์จะดับ ทำการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันและเข้าใช้งานอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อเปิด เครอ่ื งแล้วหน้าจอจะแสดงตวั อกั ษร B (Bluetooth) เพ่ือการรอเชื่อมต่อเข้ากับ Application แล้วเมอื่ เชื่อมต่อ แล้วจะเปล่ียนเป็น R (Ready) เคร่ืองสามารถตั้งค่าองศาของท่าซิทอัพได้ใน Application เมื่อเสร็จแล้วจะ ปรากฏบนหน้าจอเครื่อง Sit Up Fitness Tracker เพ่อื ให้ผู้ใช้งานทราบและพร้อมเร่ิมทำการฝกึ ซทิ อัพได้ทันที และเมอ่ื เร่ิมซิทอพั แล้วระบบจะทำการนบั จำนวนครง้ั ทีซ่ ิทอัพ และแสดงท้ังหน้าจอ เม่ือซทิ อพั เสร็จระบบจะทำ การสรุปเวลาต่อรอบ เวลาพักต่อรอบ องศา จำนวนคร้ังท้ังหมด และจำนวนเซ็ต แสดงให้ผู้ใช้งานทราบ นวัตกรรมและเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยใช้องค์ความรู้และความคิดสร้างสรรค์
97 (Knowledge and Creativity Idel) รวมถึงเทคโนโลยี (Technology) ซ่ึงอาจทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ บริการใหม่ หรือ กระบวนการใหม่ โดยเทคโนโลยี (Technology) จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดนวัตกรรมดิจิทัลเพราะเป็นการใช้ความรู้ เคร่ืองมือ กระบวนการ เทคนิควิธีการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์เพื่อให้เกิดฟังก์ชันการทำงานที่ดีท่ีสุด การสร้าง นวัตกรรมจงึ มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตในทุก ๆ ด้าน รวมท้ังด้านการออกกำลังกายและเล่นกีฬาสามารถทำให้คนเรา มีสมรรถภาพทางกายและสุขภาพท่ีดไี ด้ ดังนั้นการพัฒนาทางด้านความเป็นเลิศทางกีฬาในปัจจุบัน จึงนำเอาเทคโนโลยี ต่าง ๆ มาเพิ่มขีดความสามารถให้กับนักกีฬา รวมถึงเป็นส่วนสนับสนุนด้านการฝึกซ้อมให้กับผู้ฝึกสอนอีกด้วย สอดคล้องกับกรมพลศึกษา (2563) ได้กล่าวถึง นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการกีฬาที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนอง ความต้องการของคนในยคุ ปัจจบุ ัน ทงั้ ท่ีเปน็ อุปกรณ์ส่วนบุคคล เชน่ เครื่องแตง่ กาย และอุปกรณ์ที่ใช้เพ่ือออกกำลงั กาย และเล่นกฬี า ตัวอย่างทีพ่ บเห็นได้ทั่วไป คือ 1. รองเทา้ เป็นอปุ กรณ์สำคญั สำหรับนักกฬี าส่วนใหญ่ ผู้ผลิตจึงพยายามใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การกีฬาเพ่ือคิดค้นนวัตกรรมรองเท้าท่ีมีวัสดุและรูปทรงเหมาะกับการเคล่ือนไหวของผู้เล่นกีฬา แต่ละชนิด 2. ชุดว่ายน้ำ มีการออกแบบชุดว่ายน้ำให้สามารถลดแรงเสียดทานระหว่างพ้ืนผิวของชุดกับแรงต้านของ กระแสน้ำโดยเลือกเส้นใยที่มลี ักษณะเบา ไม่อมน้ำ แห้งเร็ว ช่วยกระชับกล้ามเน้อื ทำให้นักกีฬาผสู้ วมใส่ สามารถว่ายน้ำ ได้ดีข้ึน 3. นาฬิกาอัจฉริยะ ที่มีฟังก์ชันการทำงานสำหรับการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ เช่น การนับก้าวเดิน การ คำนวณแคลอรี่ที่ใช้ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ท้ังน้ีนาฬิกาอัจฉริยะน้ีสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ด้วย 4. ยาง ยืดบริหารกล้ามเนื้อ เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการออกกำลงั กายและบริหารกล้ามเน้ือกด้วยแรงต้าน โดยแรงต้านท่ีเกดิ จากยาง ยืดจะไม่มแี รงกระชาก ลดการบาดเจ็บได้ดี พกพาสะดวกและสามารถประยุกต์ใชง้ านได้หลายท่าออกกำลงั กายอีกดว้ ย ยัง มีนวัตกรรมท่ีน่าสนใจอีกมากมายในตลาดด้านการกีฬาโลก ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ใช้งานได้มาก เช่น นวัตกรรมกลไกท่ี ช่วยในการเคล่ือนท่ีของมนุษย์ (Mechanics of Human Motion) นวัตกรรมการใช้เซนเซอร์ (Sensors) นวัตกรรมวัสดุ ทางเลือกที่แปลกใหม่ (New Materials) นวัตกรรมเทคโนโลยีสิ่งทอ (Textile Technology) นวัตกรรมเหล่าน้ีจะส่งผลดี โดยตรงต่อสุขภาพ ช่วยลดพฤติกรรมเนือยน่ิงของเด็กและเยาวชนท่ีอาจทำให้เกิดโรคอ้วนได้ รวมท้ังยังสามารถสร้าง แรงจูงใจในการรักษาสุขภาพให้กับคนสูงวัยอีกด้วย นำไปสู่ชีวิตความเปน็ อยู่ท่ีดขี ้ึน ซ่ึงส่งผลดีเชงิ สงั คมอีกทางหนึ่ง ดว้ ย เหตุนี้การพัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาจึงมีความสำคัญ และไม่ยุ่งยากซับซ้อนเสมอไป เพราะยังมี นวัตกรรมอีกมากมายทเี่ รยี บง่าย แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาล เช่น โบซู่บอล (Bosu Ball) ลูกบอลครึง่ วงกลม อุปกรณ์นับก้าวแบบพกพา (Pedometer) ฯลฯ ดังน้ันหากผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมมีความเข้าใจในประเด็นปัญหา หรือมี ความรู้ในการพัฒนาทางกายและสุขภาพของกลุ่มเป้าหมายก็สามารถสร้างนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาได้เช่นกัน เชน่ เดยี วกับไทยรฐั ออนไลน์ (2557) กล่าววา่ อปุ กรณช์ ่วยให้ออกกำลังกาย (Tao Exercise Device) เป็นอุปกรณท์ ี่ทำ ท่ีให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างอย่างดาย โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะเป็นตัวออกคำสั่งเพียงคุณถือไว้ในมือเท่านั้น ใช้ไดท้ ุกที่และทกุ เวลา ไม่ว่าผใู้ ช้จะนั่งดูทีวี ทำงานอยู่บนโตะ๊ ทำงาน หรือน่ังเครอ่ื งบินก็สามารถออกกำลังกายได้ เพยี ง แค่ผู้ใช้ถือเครื่องนี้และกดปุ่มทำงาน Tao จะเป็นเหมือนโค้ชที่ควบคุมการออกกำลังกายของผู้ใช้อย่างถูกวิธี รวมท้ัง อุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลการออกกำลังกาย (Jaybird Reign Fitness Tracker) ออกแบบมาให้สามารถเช็คสภาพร่างกาย ของแต่ละคนให้มีความพร้อมก่อนออกกำลังกาย เป็นเทคโนโลยีฟิตเนสท่ีจะตามติดผู้ใช้ไปทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น การเดิน การข้ึนบันได หรือการเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนั้นยังช่วยคำนวณออกมาเป็นระยะทาง ความเรว็ หรอื เปน็ แคลอร่ี เพื่อให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และทำใหเ้ ราทำตามเป้าหมายทเ่ี รากำหนดไว้ได้สำเรจ็
98 3. การใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริม ความแขง็ แรงของกล้ามเน้ือหน้าทอ้ ง ผลการวิจัยการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือ ส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้องพบว่า ค่าเฉล่ียหลังเรียนเมื่อผู้เรียนเรียนด้วยโปรแกรมการฝึก สมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองร่วมกบั นวตั กรรมดิจทิ ัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าทอ้ งสูงกว่า ค่าเฉลี่ยก่อนเรียน แตกต่างกนั อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดบั .05 และค่าเฉลี่ยของกลุ่มทดลองหลังเรียนเมื่อ ผู้เรียนเรียนด้วยโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความ แข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มควบคุมหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถติ ิท่ีระดบั .05 ซ่ึงความแข็งแรงของกล้ามเน้ือเป็นกำลังสูงสดุ ที่กล้ามเนื้อมัดเนื้อหรือกลมุ่ หนึ่งปลอ่ ยออก เพ่ือต้านกับแรงต้านทาน เป็นที่ยอมรับกันวา่ การพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเน้ือสามารถสร้างได้โดยฝึกให้ กล้ามเน้ือได้ออกแรงต่อสู้กับความต้านทานหรือน้ำหนักที่สูงขึ้นนน่ั ก็คือ การฝึกนำ้ หนักน่ันเอง การพัฒนาความ แขง็ แรงของกลา้ มเน้ือข้ึนอยู่กับ ความเข้มของกำหนดการฝึก จะบรรจุกิจกรรมที่ต่อสู้กับความต้านทานสูงหรือ น้ำหนักทม่ี ากกวา่ ปกติ โดยยึดหลักการฝกึ เกินอัตรา รวมไปถึงระยะเวลาในการฝกึ และความต่อเน่ือง โดยปกติ สัปดาห์หนึ่งควรฝึก 2-3 วันหรือมากกว่าแต่ต้องมีวันหยุดบ้าง ฝึกต่อเน่ืองกันทุกสัปดาห์ ลักษณะของรูปกาย คนที่สูง บาง กระดูกเล็ก จะพัฒนาไปสู่ขีดความแข็งแรงเร็วกว่า คนอ้วน ปูอม กระดูกใหญ่ ถึงแม้จะฝึกจาก กำหนดการฝกึ เดียวกันก็ตาม (พิชิต ภูติจันทร์, 2543) สอดคล้องกับ Kato, et. Al. (2017) ได้ทำการศึกษา ถึงอุปกรณ์ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ความสูง, ดชั นมี วลกาย และขนาดของรอบเอว จากกลุ่มตัวอยา่ งท่ีเป็นอาสาสมัครผู้ชายจำนวน 30 คน โดยวัด แรงบีบมือ และแรงดึงหลังโดยใช้อุปกรณ์ในการวัด กลุ่มตัวอย่างทำการทดสอบลุก-น่ัง ซึ่งเป็นตัวบ่งช้ีถึงความ แข็งแรงของกล้ามเน้ือลำตวั ในการยืดหดตัว ผู้วิจัยยังได้วดั ความแข็งแรงของกลา้ มเนอ้ื หน้าท้องโดยใช้อุปกรณท์ ี่ ผวู้ ิจัยสร้างขนึ้ ซ่ึงจะทำใหส้ ามารถประเมินความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือลำตัว และสดั ส่วน ของร่างกายที่เป็นค่าตัวเลขเช่นเดียวกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 5 ใน 30 คน ท่ีเข้าร่วม ได้เข้าตรวจในเครื่องเอกซเรย์ร่างกาย Positron Emission Tomography (PET) จำนวนสองชุดประกอบด้วยการตรวจหลังจากช่วงพัก (กลุ่มควบคุม) และระหว่างการออกกำลังกาย (กลุ่มทดลอง) ในกลุ่มศึกษากลุ่มตัวอย่างได้ใช้อุปกรณ์ช่วยในการออกกำลังกาย จำนวน 2 รอบ รอบละ 20 นาที โดยใช้อุปกรณ์ก่อนและหลังฉีด Fluorodeoxyglucose (FDG) เข้าร่างกายการคำนวณการเอกซเรย์ ร่างกายด้วยเคร่ือง PET จากภาพที่ได้รับ ประมาณ 60 นาทีหลังจากฉีด FDG ผู้วิจัยได้มีการเปรียบเทียบการ เผาผลาญพลังงานของกล้ามเนื้อโครงร่างของผู้เข้าร่วมในการศึกษาท้ังสองกลุ่ม ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ความ แข็งแรงของกล้ามเน้ือโดยการใช้อุปกรณ์ และการลุก-นั่ง 30 วินาที มีความสัมพันธ์การสะสม FDG ภายใน ช่องท้องและกล้ามเน้ือช่องท้องสูงข้ึนอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มทดลอง จะเห็นได้ว่าการฝึกความแข็งแรงของ กล้ามเน้ือ ควรมีความจำเพาะของการฝึก (Specificity of training) กล่าวคือ ควรมุ่งฝึกกล้ามเน้ือหรือกลุ่ม กล้ามเนื้อท่ีจะใช้ในการแข่งขันจริง ๆ จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด การฝึกกล้ามเน้ือมัดหน่ึงหรือกลุ่มหน่ึง จะไม่ ช่วยให้กล้ามเน้ือมัดอื่น ๆ หรือกลมุ่ อ่ืน ๆ แข็งแรงตามไปด้วย เวน้ เสยี แต่ว่ากล้ามเน้ือมัดนั้นจะถูกทำให้ไปร่วม
99 ทำงานด้วย ซ่ึงทำได้โดยการเพิ่มความต้านทานให้มากกว่าปกติ เป็นการช่วยเพ่ิมความแข็งแรงข้ึนได้แน่นอน ว่าวิธีสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่นิยมมากในปัจจุบัน คือ การฝึกน้ำหนัก ส่วนอีกวิธีหนึ่ง คือ การออก กำลังกายแบบไอโซเมตริก ซ่งึ เป็นวิธีการท่ีทำให้กล้ามเนื้อทนต่อการเป็นหนี้ออกซิเจนได้ดีขึ้น อันเป็นผลทำให้ การสรา้ งพลงั งานระบบไมใ่ ชอ้ อกซิเจนดำเนินไปได้ดีกวา่ 4. การรับรองโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อ สง่ เสริมความแข็งแรงของกลา้ มเน้อื หนา้ ท้อง หลังเสร็จสิ้นการทดลองการใช้โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือ ส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ผู้วิจัยได้นำโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับ นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบ เพื่อรับรองและ ปรับปรุงโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของ กล้ามเน้ือหน้าท้อง ผลการวิจัยพบว่า โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือ สง่ เสริมความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือหน้าทอ้ งมีความเหมาะสมมากทสี่ ุด สอดคล้องกับรุ้งเสาวลักษณ์ กิจเมธีกลุ สมบตั ิ ออ่ นศริ ิ อำนวย ตนั พานชิ ย์ และ วสิ ูตร กองจนิ ดา (2563) ได้ทำการศกึ ษาผลของการประยกุ ต์ใช้หลัก FITT ในการสอน พลศึกษาเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประยุกต์ใช้หลัก FITT ท้ังหมด 5 ขั้นตอน การทดลองใช้เวลาทั้งหมด 6 สัปดาห์ โดยให้กล่มุ ทดลองเรยี นสัปดาหล์ ะ 3 วัน คอื วนั จันทร์ วนั พุธ วันศุกร์ ระหว่างเวลา 14.00-16.00 น. กลุ่มควบคุมเรียนสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันอังคาร วันพฤหัสบดี ระหว่างเวลา 13.00-16.00 น. ผลการวจิ ยั พบว่า ความแตกต่างของคา่ เฉล่ยี สมรรถภาพทางกายเพอ่ื สขุ ภาพดา้ นความอดทนของระบบ ไหลเวียนเลือดและระบบหายใจระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญท่ีระดับ .05 เชน่ เดยี วกับ Capritto (2020) ผทู้ รงคุณวฒุ ิด้านการออกกำลังกาย ได้ศึกษา รปู แบบที่เหมาะสมและข้อผิดพลาดท่ัวไป ของวิธีการซิทอัพ โดยท่ัวไปแล้วการออกกำลังกายท่ีเป็นการบริหารกล้ามเน้ือหน้าท้อง การซิทอัพอย่างถูกต้อง สามารถเพ่ิมความแขง็ แรงให้กับแกนกลางและความยืดหยุ่นในกระดูกสนั หลังได้ อยา่ งไรกต็ ามการซิทอัพไม่ถูกตอ้ งอาจ นำไปสู่การบาดเจ็บได้ ประโยชน์ของการซิทอัพคือการเพ่ิมความแข็งแรงของแกนกลาง การซิทอัพช่วยให้กล้ามเนื้อ หน้าท้องทำงานได้ทั้งหมด โดยเฉพาะชุดกล้ามเน้ือซิกแพคท่ีเรยี งตัวอยู่ด้านหน้าท้อง อีกทั้งยังช่วยสร้างความต่อเน่ือง เวลาเคลื่อนไหว ความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลัง การซิทอัพทำได้ยากในตอนแรกเนื่องจากอาจไม่สามารถงอและยืด กระดูกสนั หลังได้ การซทิ อัพบนพนื้ แข็ง เช่น พนื้ ไม้เน้ือแข็งกระเบอ้ื งหรือพน้ื เส่ือยมิ อาจทำให้เกดิ รอยฟกช้ำที่บาดเจ็บ ที่กระดูกสันหลังส่วนเอวได้ การซิทอัพบนพื้นผิวที่นุ่ม เช่น พรมเนื้อนุ่มอาจให้ความสบายมากข้ึนและป้องกันการ บาดเจ็บได้ ขั้นตอนการทำการซิทอัพอย่างเหมาะสม 1) นอนหงายบนพื้น งอเข่าเพ่ือให้เท้าราบกับพ้ืน วางเท้าของ คุณให้มั่นคงวางไว้ใต้ม้านั่งหรือไม้ค้ำยันอ่ืน ๆ หากคุณมีผู้ช่วยฝึกคุณสามารถให้พวกเขาจับเท้าของคุณไว้ได้ ท้ังนี้วิธีท่ีดีที่สุดในการซิทอัพ คือการไม่มีที่รั้งเท้า หรือมีผู้ช่วยในการจับขา จะทำให้ซิทอัพได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า 2) กอดอกไว้เหนือหน้าอก มือซ้ายควรวางบนไหล่ขวา มือขวาวางไว้บนไหล่ซ้าย ไม่วางมือไว้ข้างหลังศีรษะ เพราะอาจทำให้มือต้องดึงคอข้ึนมา 3) ให้หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะเริ่มตัวแทนคร้ังแรก 4) ออกแรงกล้ามเนื้อ หน้าท้องเพื่อยกหลังขึ้นจากพื้น สะโพกอยู่นิ่งและกดลงกับพื้นจนกว่าคุณจะตั้งตรงได้เต็มที่ 5) ลดตัวกลับไปท่ี
100 ตำแหน่งเริ่มต้นไม่ส่งแรงกระแทก 6) ทำซ้ำจนกว่าจะครบจำนวนครั้งหรือเวลาท่ีกำหนด ดังน้ันการใช้ โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวัตกรรมดิจิทัลเพ่ือส่งเสริมความแข็งแรงของ กล้ามเน้ือหนา้ ทอ้ ง สามารถช่วยสง่ เสริมความแข็งแรงของกลา้ มเนือ้ หน้าท้อง ข้อเสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะเพ่อื การใช้ประโยชนจ์ ากการวจิ ยั 1.1 การออกกำลังกายด้วยการทำ Sit up กับนวัตกรรมดิจิทัล (Sit-Up Sensor) ร่วมกับการใช้ โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้าท้อง ซึ่งนวัตกรรม ดิจิทัล ประกอบด้วย อุปกรณ์สายรัดหน้าอกอัจฉรยิ ะสำหรับวัดความชันของลำตัวผู้ออกกำลังกายเพื่อบอกถึงระดับ กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างและท่าทางในการ Sit up ท่ีถูกต้อง รวมถึงฟังก์ชันการทำงานที่บอกถึงระดับความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อหน้าท้อง, ระยะเวลาการ Sit up ท่ีเหมาะสมในแต่ละช่วงอายุ และฟังก์ชันอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง โดยมี การทำงานร่วมกับ Smart Phone และแอปพลิเคชันเฉพาะ ทั้งหมดน้ีเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ออกกำลังกาย สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง หากผู้ออกกำลังกายได้ทำท่าทางการ Sit up ได้สมบูรณ์และถูกต้อง จะช่วยลดการ บาดเจบ็ เพิม่ ประสิทธิผลทางสมรรถภาพทางกายด้านความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือหน้าท้องไดด้ ีอีกด้วย 1.2 นวัตกรรมดิจิทัล (Sit-Up Sensor) เป็นอุปกรณ์ ท่ีใช้ได้ง่าย เมื่อมาใช้ร่วมกับโปรแกรม การฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองเพื่อส่งเสรมิ ความแข็งแรงของกลา้ มเนอื้ หน้าทอ้ ง ซึง่ นวตั กรรมดจิ ิทลั ชว่ ย ให้กะระยะในการขึ้นได้ดีช่วยบอกในเร่ืองขององศาที่ควรจะเป็นทำได้ง่ายคนเดียว มีเคร่ืองช่วยในการนับ tracking การออกกำลังกาย การโฟกัสไปที่ท่าทางและแน่นการเกร็งหน้าท้องมากขึ้น สามารถสร้างกล้าม กล้ามเน้ือหน้าท้องได้ดี มีเป้าหมายในการออกกำลังกายท่ีชดั เจน สามารถเป็นแรงกระตุ้นในการออกกำลังกาย ได้ รวมทงั้ ช่วยกระตุ้นให้ผ้ใู ชม้ ีวินัยในการออกกำลังกายและทำท่าทถี่ ูกต้องแน่นอน 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยคร้ังตอ่ ไป 2.1 ควรนำโปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายดว้ ยตนเองไปใช้กับอุปกรณก์ ารออกกำลังกายเพื่อ เสริมสรา้ งสมรรถภาพทางด้านอนื่ 2.2 ควรปรับเปลี่ยนรูปแบบโปรแกรมให้มีหลายทักษะที่คนนิยมนำมาออกกำลังกายให้อยู่ใน โปรแกรมการฝึกหรือออกกำลังกายเพ่ือให้เกิดความนา่ สนใจ ร้สู กึ ผอ่ นคลายกบั คนออกกำลงั กาย 2.3 อุปกรณ์ตัวแสดงผลอื่น ๆ ในแอปพลิเคชัน ควรเพิ่มฟังก์ชันอ่ืน ๆ เช่น เพิ่มการสั่นสำหรับคน ตาบอด หูหนวกใช้ มีตวั บอก ไขมัน มวลกระดูก เป็นต้น
บรรณานุกรม ภาษาไทย กรมพลศกึ ษา กระทรวงการท่องเทีย่ วและกีฬา. (2563). นวัตกรรมและเทคโนโลยีกับวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา. สืบคน้ จาก https://www.youtube.com/watch?v=XxtByZzXHj4 กรรวี บุญชัย. (2540). AAHPERD Health-Related Physical Fitness Test. กรุงเทพฯ: ภาควิชาพลศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. กรรวี บุญชัย. (2541). เอกสารประกอบคำบรรยายวิชาพลศึกษาปฏิบัติ. ชมรมบัณฑิตแนะแนว มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร.์ [เอกสารอดั สำเนา]. กรุงเทพฯ, ประเทศไทย. กรวชิ ญ์ เกตทุ ะนงค,์ ถนอมศักด์ิ เสนาคำ, และ มยุรี ศุภวิบูลย์. (2554). การเปรยี บเทยี บผลการฝึกความ แข็งแรงระหว่างบนพน้ื กับลูกบอลออกกำลังกาย. วารสารวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารกีฬา ภาควชิ าวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา คณะพลศึกษา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ, 11(2), 32-47. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. เกรียงไกร อินทรชัย และ บัณฑิต เทียบทอง. (2563). ผลของการใช้ชุดกิจกรรมการฝึกแบบสถานีเพ่ือ เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายสำหรับนิสิตในรายวิชากิจกรรมพลศึกษาสำหรับครู. วารสารครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 48(3), 41-59. ชตุ ญิ า อนุ่ ทานนท์. (2560). การสร้างแบบฝึกกลา้ มเนอื้ ตามลกั ษณะการใช้งานเพื่อพฒั นาความแขง็ แรงของ กลา้ มเนื้อลําตัวและขา Construction of Functional Training Program for Developing Torso and Legs Muscle Strength. วารสารศึกษาศาสตร์ฉบับวิจัยบณั ฑติ ศึกษามหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, 11(2), 71-77. ณฐั พร สดุ ดี. (2562). การพัฒนารปู แบบการจัดการเรียนการสอนเกมพลศึกษาตามแนวคดิ ห้องเรยี นกลบั ดา้ นผ่านเว็บไซตส์ ำหรับนสิ ิตครู. รายงานวิจยั เงนิ อุดหนุนงบประมาณแผ่นดิน. ณัฐพร สุดดี. (2562). ทักษะและเทคนิคการจัดกิจกรรมการเคล่ือนไหวสำหรับเด็กเล็ก. พิมพ์คร้ังที่ 1. กรุงเทพมหานคร: สำนักพมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย 98-100. ถนอมวงศ์ กฤษณ์เพ็ชร และ กุลธิดา เชิงฉลาด. (2544). ปทานุกรมศัพท์กีฬา พลศึกษาและวิทยาศาสตร์การ กีฬา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์.
102 ถาวร กมทุ ศรี. (2560). การเสรมิ สร้างสมรรถภาพทางกาย = Phisical Fitness Conditioning. กรงุ เทพฯ : วิทยาลัยวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการกฬี า มหาวิทยาลัยมหิดล. ทยาวรี ์ ชา่ งบรรจง. (2559). โปรแกรมการออกกำลงั กายแบบวงจรเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา. วารสารวชิ าการ มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนคร คณะสาธารณสขุ ศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลยั ปทุมธานี. 7(2), 157-164. ทมี ข่าวไทยรฐั ออนไลน์. (2557). 5 เทคโนโลยีเพ่อื สขุ ภาพสุดฮอตจากงาน CES 2014. สืบคน้ จาก https://www.thairath.co.th /content/395496 ธงชยั เจริญทรพั ยม์ ณี. (2547). หลกั วิทยาศาสตร์ในการฝึกกีฬา. เอกสารประกอบการสอนวิชา พล 412. มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ, กรงุ เทพฯ, ประเทศไทย. ธนา ปุกหุต. (2560). สมุดคู่มือทดสอบสมรรถภาพกำลังพลทหารอากาศ. กองเวชศาสตร์ป้องกัน กรมแพทย์ ทหารอากาศ, [เอกสารอดั สำเนา]. กรุงเทพฯ, ประเทศไทย. ธิติมา บุญเจริญ. (2556). แนวโน้มใหม่ของเทคโนโลยีสุขภาพ. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, (5)5, 25-32. นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2542). โมเดลสิสเรล: สถิติวิเคราะห์สำหรับการวิจัย. พมิ พ์ครั้งท่ี 3. กรงุ เทพมหานคร: โรง พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. นพดล น่ิมสุวรรณ. (2563). สมรรถภาพทางกาย และพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักศึกษาที่ลงทะเบียน เรียนวิชาว่ายน้ำ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร,์ 31(1), 110-122. นบั ดาว ทองวนิ ิชศิลป. (2559). สมรรถภาพทางกายของนักศึกษาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย. รายงาน ผลการวจิ ัย. สุโขทัย : คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย. เนาวนติ ย์ สงคราม (2562) การสร้างนวัตกรรม: เปลีย่ นผ้เู รียนให้เป็นผู้สรา้ งนวัตกรรม กรงุ เทพมหานคร: สำนกั พิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย บังอร ฉางทรัพย์. (2548). กายวิภาคศาสตร์ 1 = Anatomy I. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. พชร ชลวณิช. (2559). ผลของการฝึกเสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไว และการทรงตวั ในนักกีฬาเทนนสิ . วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบณั ฑติ , คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
103 พัชรี ย่ำเที่ยง, พงษ์เทพ สาระไกร, และ วีระชัย หอมดอก. (2559). การพัฒนาโปรแกรมฝึกน้ำหนักท่ีมีผลต่อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้องและกล้ามเน้ือขาของนักกีฬาฟุตบอลชายทีมวิทยาศาสตร์การกีฬา และสุขภาพ สถาบันการพลศกึ ษาวทิ ยาเขตเพชรบูรณ์. ราชภัฎเพชรบูรณส์ าร, 18(1), 61-66. พิชิต ภูติจันทร์. (2547). การฝกึ นำ้ หนักเบื้องตน้ . กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. พีระพงศ์ บญุ ศริ ิ และ ภมร เสนาฤทธิ์. (2541). โภชนาการและการออกกำลังกาย. (พมิ พ์คร้ังท่ี 3). กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ภมร ปล้องพันธ์. (2553). ผลของการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเน้ือลำตัวบนลูกบอลออกกำลังกายและบน พื้นทม่ี ีตอ่ ระยะทางในการตกี อลฟ์ . กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. ภมร ปล้องพันธ์. (2553). ผลของการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเน้ือล้าตัวบนลูกบอลออกกำลังกายและบน พื้นที่มีต่อระยะทางในการตีกอล์ฟ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต,สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การ กีฬา, คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ภรัณยู สกุลชิต. (2559). ผลของการฝึกแบบวงจรต่อความคล่องแคล่ว ความอดทนและความแข็งแรงของ กล้ามเน้ือ ของนักกีฬาเทเบิลเทนนิส. วารสารบัณฑิตวิจัยบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ เชยี งใหม.่ 7(1), 115-124. มงคล เฮงโรจนโสภณ. (2562). Digital Innovation นวตั กรรมดิจิทลั เพ่ือทุกธรุ กิจ. สืบค้นจาก https://www.allaroundplastics.com/article/business-tips/2441 มหาวิทยาลยั การกีฬาแห่งชาติ กระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา. (2560). คมู่ ือการทดสอบสมรรถภาพทางกาย สำหรับการคดั เลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยการกีฬาแหง่ ชาติ. [เอกสารอัดสำเนา]. ชลบุรี, ประเทศไทย. มาลวี ลั เลิศสาครศริ ิ และชะบา คำปญั โญ. (2560). ปัจจัยที่สัมพันธก์ บั พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของ นักศึกษาพยาบาลวทิ ยาลัยเซนตห์ ลยุ สท์ ่ฝี กึ ปฏิบัตงิ านในสถานบรกิ ารสุขภาพ. วารสารมหาวิทยาลยั นเรศวร, 25(3). ไมป่ รากฏผู้แต่ง. (2562). นวัตกรรมอุปกรณ์กีฬาฤดูหนาว. สืบคน้ จาก https://newdaycrypto.com/th/winter-sports-equipment-innovations/ รุ้งเสาวลักษณ์ กิจเมธีกุล, สมบัติ อ่อนศิริ, อํานวย ตันพานิชย์, และวิสูตร กองจนิ ดา. (2563). การประยุกต์ ใช้หลัก FITT ในการสอนพลศึกษาเพือ่ พัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนิสิต. วารสารสุขศึกษา พลศกึ ษา และสนั ทนาการ, 46(2), 107-117. วรศักด์ิ เพียรชอบ. (2548). ปรัชญา หลักการ วิธีสอนและการวัดเพ่ือประเมินผลทางพลศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
104 วริ ุณ เวชศิริ. (2561). แนวคิดและกระบวนการนวัตกรรมด้านสุขภาพสำหรับเภสัชกร. วารสารการแพทยแ์ ละ วทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ, 26(3), 135-149. ศราวิน เทพสถิตภรณ์, ปรชั ญา แก้วแกน, และปริญญา เรืองทิพย์. (2563). โครงการการทดสอบสมรรถภาพ ทางกาย และสุขภาวะทางกายของผู้สูงอายุไทย. (รายงานผลการวิจัย). ชลบุรี: สถาบันวิจัยระบบ สาธารณสขุ มหาวทิ ยาลัยบูรพา. ศิรัตน์ปภา ยั่งยืนสิน, วารี วิดจายา, อมรพันธ์ อัจจิมาพร และกรกฤษณ์ ชัยเจนกิจ. (2562). ผลของการฝึก แบบวงจรท่ีมีความหนักสูงแบบประยุกต์ต่อความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว, กล้ามเน้ืองอ- เหยียดเข่า, กล้ามเน้ือหัวไหล่ และคุณภาพชีวิตในผู้หญิงท่ีเป็นโรคอ้วน. วารสารวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีการกีฬา, 19(1), 133-145. ศภุ วรรณ วงศ์สรา้ งทรพั ย์, มยุรี ถนอมสุข, และ สมบุญ ศิลป์รุ่งธรรม. (2555). เกณฑส์ มรรถภาพทางกายเพ่ือ สขุ ภาพของนักเรียน โรงเรยี นสาธติ แหง่ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจยั และพัฒนาการศึกษา. การประชมุ วชิ าการแห่งชาติ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขต กำแพงแสน คร้ังท่ี 9 ระหวา่ งวันท่ี 6-7 ธนั วาคม 2555 (น. 2477-2487). นครปฐม, ประเทศไทย. ศนู ย์จัดการความรู้ผู้ปว่ ย โรงพยาบาลบำรงุ ราษฎร.์ (2559). กลุ่มโรคไมต่ ดิ ตอ่ (NCDs)...โรคทีเ่ กดิ จากพฤตกิ รรม. สืบคน้ จาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/may-2016/ncds-non-communicable- diseases-symptoms-prevention. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2560). เทคโนโลยีสุขภาพ. สืบค้าจาก http://kmops.moph.go.th/ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2559). สุขภาพคนไทย 2559: ตายดี วิถีท่ีเลือกได้. นครปฐม: อมรนิ ทรพ์ รนิ้ ตง้ิ แอนด์พบั ลิชช่ิง. สนธยา สีละมาด. (2557). กิจกรรมทางกายเพ่ือสุขภาวะ = Physical activities. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ. (2549). แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทาง กายที่สัมพันธ์กับชุมชนสำหรับเด็กไทย อายุ 7–18 ปี. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สขุ ภาพ. กรุงเทพฯ, ประเทศไทย. สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา. (2558). DIGITAL ECONOMY คืออะไร. [ออนไลน์]. แหล่งท่ีมา: http://203.159.154.241/innogoth/?p=17703 [24 พฤศจิกายน 2563] สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2562). คู่มือแบบทดสอบและเกณฑ์ มาตรฐานสมรรถภาพทางกายของเดก็ เยาวชน และประชาชนไทย. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั เวิลดเ์ อก็ ซ์เพริ ์ท จำกัด.
105 สุธนะ ติงศภัทิย์. (2560). การพัฒนาแบบประเมนิ ตามสภาพจริงด้านทักษะการเคลื่อนไหวข้ันพ้ืนฐาน สำหรับ นกั เรยี นระดบั ช้นั ประถมศึกษา. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศกึ ษา, 12(3), 35–50. สพุ ิชชา วงศ์จันทร์. (2551). การทดสอบสมรรถภาพทางกายและการออกกำลงั กายสำหรับประชาชนและ ชมรมสรา้ งสุขภาพ. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ . โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก, [เอกสารอดั สำเนา]. นนทบรุ ี, ประเทศไทย. สุพิตร สมาหิโต และคณะ. (2556). แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายสำหรับประชาชนไทย อายุ 19-59 ปี. สำนักวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา, กรงุ เทพฯ, ประเทศไทย. สุพิตร สมาหิโต. (2541). แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย Kasetsart youth fitness test. กรุงเทพฯ: ภาควชิ าวิทยาศาสตร์การกฬี า คณะศกึ ษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์ สุพิตร สมาหิโต. (2555). คู่มือแบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย สำหรับเด็กไทย อายุ 7- 18 ป.ี กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพ์สัมปชญั ญะ. หัสดิน เชยบาล, ภัทรพร สิทธเิ ลิศพิศาล และ เพียรชัย คำวงษ์. (2555). ผลของการฝึกความแข็งแรงกล้ามเน้ือ แกนกลางลำตัวต่อสมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับทักษะจำเพาะผลของการฝึกความแข็งแรง ก ล้ า ม เนื้ อ แ ก น ก ล างล ำ ตั ว ต่ อ ส ม รร ถ ภ าพ ท า งก า ย ท่ี สั ม พั น ธ์ กั บ ทั ก ษ ะจ ำเพ าะ ข อ งนั ก กี ฬ า บาสเกตบอล. วารสารวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการกฬี า, 12(2), 17-26. อนุศักดิ์ สุคง, เทเวศน์ จันทร์หอม, ธิติพงษ์ สุขดี, และ ดิศรณ์ แก้วคล้าย. (2561). ปัจจัยด้านสมรรถภาพทาง กายที่มผี ลต่อทกั ษะการส่งและการรับลูกฟุตบอล ของนิสิตคณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ โรฒ. วารสารสหเวชศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทา, 3(1), 1-11. อรรถพล ณ อุบล และ ชาญเวช ธรรมเสาวภาคย์. (2554). ผลของโปรแกรมการฝึกด้วยน้ำหนักแบบประยุกต์ โดยใช้วัสดุใกล้ตัวเป็นอุปกรณ์เสริมที่มีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องในนักศึกษาชาย มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . ขอนแก่น: มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . ภาษาองั กฤษ Ajani, L. (2020). How to Do Crunches. Retrieved 21 December 2020 from: https://www.wikihow.com/Do-Crunches#Doing-a-Basic-Crunch American College of Sports Medicine. (2013). ACSM's guidelines for exercise testing and prescription. Lippincott Williams & Wilkins.
106 Boldt, J. (2019). The concept of vulnerability in medical ethics and philosophy. Philosophy, Ethics, and Humanities in Medicine, 6: 1–8. Bompa, T.O. (1993). Periodization of strength : the new wave in strength training. Toronto : Veritas Publishing. Bompa, T. O., & Calcina, O. (1996). Periodization of Strength: The New Wave in Strength Training. Veritas Pub. https://books.google.co.th/books?id=A83NAAAACAAJ Bouchard, C., Blair, S. N., & Haskell, W. L. (2007). Physical Activity and Health. Human Kinetics. https://books.google.co.th/books?id=13Wc0Tws31cC Capritto, A. (2020). How to Do Sit-Ups Proper Form, Variations, and Common Mistakes. Retrived 20 December 2020 from: https://www.verywellfit.com/how-to-do-sit-ups- techniques-benefits-variations-5075764 Caspersen, C. J., Powell, K. E., & Christenson, G. M. (1985). Physical activity, exercise, and physical fitness: definitions and distinctions for health-related research. Public health reports (Washington, D.C.: 1974), 100(2), 126–131. Chen, W. et al. (2002). Approaching healthy body mass index norms for children and adolescents from health‐related physical fitness. Obesity Reviews 3 (August 2002); 225-232. Corbin, C. B., & Le Masurier, G. C. (2014). Fitness for life (6th ed.). Champaign, IL: Human Kinetics. Crooks. (2018). Digital Health & Care Institute : overview. Digital Health & Care Institute, Glasgow. Davis, B., Roscoe, D., Davis, W. R., Bull, R., & Roscoe, J. (2002). Physical Education and the Study of Sport. Elsevier - Health Sciences Division. Ding, Sasa McDonald ,Frank Wei,Yingqi (2021) Is Internationalization Beneficial to Innovation?Evidence Management International Review, 61:469–519 Farrell, S. (2017). Principles of health and fitness for fitness professionals. U.S.A.: Copper Institute. Giacomini, M. B., da Silva, A. M., Weber, L. M., & Monteiro, M. B. (2016). The Pilates Method increases respiratory muscle strength and performance as well as abdominal muscle thickness. Journal of bodywork and movement therapies, 20(2), 258–264.
107 Hair, J., Anderson, R., Tatham, R., & Black, W. (2000). Multivariate Data Análisys. Hasan, N. A. K., Kamal H. M. and Hussein Z. A. (2016). Relation between body mass index percentile and muscle strength and endurance. Egyptian Journal of Medical Human Genetics, 17(4): 367-372. Hawley, J., & Burke, L. (1998). Peak Performance: Training and Nutritional Strategies for Sport. Allen & Unwin. Heyward, V. H. (2002). Advanced Fitness Assessment and Exercise Prescription. Human Kinetics. Hoeger,W. Werner and Sharon, A. Hoeger. 2002. Principles and labs for fitness and wellness. 6th ed. Canada: Wadaworth Thomson Learning. Hofstetter, M., C., Mäder, U., and Wyss, T. (2012). Effects of a 7-Week Outdoor Circuit Training Program on Swiss Army Recruits. Journal of Strength and Conditioning Research 26 (12) (December 2012); 3418-3425 Hunsicker, Paul A.; Reiff, Guy G. (1976). AAPHER youth fitness test manual. Revised 1976 edition. Washington D.C. Innovation (n.d.) McGraw-Hill Concise Dictionary of Modern Medicine. (2002). Retrieved 21 December 2020 from http://medical-dictionary.thefreedictionary.com/ Johnson, B.L. & Nelson, J.K. (1986). Practical measurements for evaluation in physical education. Minneapolis: Burgess Publishing. Kato, H., Asinof S. & Isaacson, J. (2017). Network-level control of frequency tuning in auditory cortex. Neuron, 95: 412 - 423. Kinney, B. M. and Lozanova, P. (2019). High intensity focused electromagnetic therapy evaluated by magnetic resonance imaging: Safety and efficacy study of a dual tissue effect based non-invasive abdominal body shaping. Lasers in Surgery and Medicine. 51; 40–46. Orhan, I. & Serin E.M. (2019). Use of Health Technologies by Nurses and Their Thoughts on Technology. International Journal of Caring Sciences, 12 (1), 416 - 422. Perry, A., C. et al. (2002). A comparison of health and fitness-related variables in a small sample of children of Japanese descent on 2 continents. Arch Pediatr Adolesc Med 156 (4) (April 2002); 362-368.
108 Prentice, WE. (1999). Rehabilitation techniques in sports medicine. WCB/McGraw-Hill, Boston. Riley, J., Prentice, J. R. R., & Prentice, R. (1999). The Curriculum for 7-11 Year Olds. Sage Publications (CA). Sharkey, B. J., & Gaskill, S. E. (2013). Fitness & Health. Human Kinetics. Sit up (n.d.) Segen's Medical Dictionary. S.v. (2011). Retrieved 21 December 2020 from http://medical-dictionary.thefreedictionary.com/ Taşkin, H. (2009). Effect of Circuit Training on the Sprint-Agility and Anaerobic Endurance. Journal of Strength and Conditioning Research 23 (6) (September 2009); 1803-1810. Tayashiki, K., Maeo, S., Usui, S., Miyamoto, N., & Kanehisa, H. (2016). Effect of abdominal bracing training on strength and power of trunk and lower limb muscles. European journal of applied physiology, 116(9), 1703–1713. Thompson, Ross. (1991). Emotional Regulation and Emotional Development. Educational Psychology Review. 3. 269-307. Tritschler, K. (2000). Practical measurement and assessment. 5th edition. Philadelphia: Lippincott William & Wilkins. Todingan, R., Moningka, M., Danes, V. (2016). Hubungan besar sudut sit up dengan perubahan lingkar perut pada mahasiswa Fakultas Kedokteran Universitas Sam Ratulangi Journal e-Biomedik (eBm), Volume 4, Nomor I, Januari-Juni 2016. 229-237. William C. & Shiel Jr. (2018). Sciatica Treatment, Causes, Symptoms & Exercises.. Retrived 21 December 2020 from: https://sparcctucson.com/2019/05/20/piriformis-syndrome/ Wongvibulsin, S., Martin, S. S., Steinhubl, S. R., & Muse, E. D. (2019). Connected Health Technology for Cardiovascular Disease Prevention and Management. Current Treatment Options in Cardiovascular Medicine, 21(6), 29. Wood, J. (2008). Functional abdominal pain: the basic science. Journal of Pediatric Gastroenterology and Nutrition. 47 (5): 688 - 693. World Health Organization. (2018). World health statistics 2018: monitoring health for the SDGs, sustainable development goals. World Health Organization. World Health Organization. (2019). World health statistics 2019: monitoring health for the SDGs, sustainable development goals. World Health Organization.
109 World Health Organization. (2020). World health statistics 2020: monitoring health for the SDGs, sustainable development goals. World Health Organization.
ภาคผนวก ก รายนามผูท้ รงคุณวุฒิ
111 รายนามผู้ทรงคณุ วุฒิ รายนามผู้ทรงคุณวุฒิสำหรับการวจิ ัยที่ให้ความอนุเคราะห์แนะนำและตรวจแก้ไขปรับปรุงเครื่องมือที่ ใช้ในการวิจัยคร้งั นี้ 1. รองศาสตราจารย์ ดร. บญั ชา ชลาภิรมย์ อดีตคณบดี คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 2. รองศาสตราจารย์ ดร. กมลวรรณ ตงั ธนกานนท์ อาจารยป์ ระจำภาควชิ าวจิ ยั และจิตวิทยาการศกึ ษา 3. รองศาสตราจารย์ วสิ นศักด์ิ อ่วมเพง็ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์เกษยี ณอายรุ าชการประจำกลุม่ สาระการ 4. รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐกร สงคราม เรยี นรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา โรงเรียนสาธติ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ฝ่ายมัธยม 5. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. สธุ นะ ติงศภัทิย์ อาจารยป์ ระจำภาควิชานวัตกรรมการส่ือสารและ 6. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อินทิรา พรมพันธ์ุ พฒั นาการเกษตร คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบงั 7. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วตั สาตรี ดถิ ยี นต์ อาจารยป์ ระจำสาขาวชิ าสุขศึกษาและพลศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 8. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. เติมเพชร สุขคณาภิบาล อาจารยป์ ระจำภาควชิ าศลิ ปะ ดนตรีและนาฏศิลป์ ศึกษา สาขาวิชาศิลปศกึ ษา คณะครุศาสตร์ 9. อาจารย์ ดร. สมเกยี รติ แก้วเกาะสะบ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั อาจารยป์ ระจำภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตบางเขน อาจารย์ประจำสาขาวชิ าจิตวทิ ยาอุตสาหกรรม และองคการ ภาควิชามนุษย์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ อาจารย์ประจำ หนว่ ยพฒั นาเคร่ืองมือวัด ศนู ย์ วิชาการประเมนิ ผล สำนกั ทะเบยี นและวดั ผล มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช
ภาคผนวก ข โปรแกรมการฝึกสมรรถภาพทางกายด้วยตนเองร่วมกับนวตั กรรมดจิ ิทัล เพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนอื้ หนา้ ท้อง 6 สัปดาห์
โปรแกรมการฝกึ สมรรถภาพทางกายด้วยตนเองรว่ มกับนวัตกรรมด (จะมีการทดสอบลกุ นงั่ (Sit Up) 60 วนิ าที ก่อนการฝ สัปดาห์ที่ วตั ถุประสงค์ กิจกรรม 1 1.เพื่อพัฒนา 1) ผรู้ ับการทดสอบอบอุ่นรา่ งกาย 10 (จำนวน 3 ครั้ง สมรรถภาพดา้ นความ นาที (บรเิ วณกลุ่มกลา้ มเนอื้ หนา้ ท้อง) วันเว้นวัน) แข็งแรงของกลา้ มเน้ือ ปฏิบัติ 3 เซต หน้าทอ้ ง ท่าที่ 1 ทา่ ยืนตรง ประสานมือเหนือ 2.เพอื่ ศกึ ษา ศรี ษะ ยดื ลำตวั ข้นึ (Overhead ประสิทธิภาพการ stretch) 10 ครง้ั คร้งั ละ 10 วินาที ทำงานของนวตั กรรม ท่าที่ 2 ท่ายืนตรง ประสานมือเหยียด ดจิ ทิ ัล แขนไปด้านหลัง ยืดอกไปด้านหน้า (Chest stretch) 10 ครง้ั ครั้งละ 10 วนิ าที ท่าที่ 3 ท่ายืนแยกเทา้ เล็กน้อย เหยยี ด ตวั ตรง มือประสานกนั ไวท้ ี่ท้ายทอย ยก เขา่ ขวาข้ึน พร้อมกับบิดตวั นำข้อศอก ซ้าย ไปใกลเ้ ข่าขวา (Knee-to-elbow march) ทำสลบั ซา้ ย-ขวา 30 ครั้ง
ดจิ ทิ ัลเพือ่ ส่งเสริมความแขง็ แรงของกลา้ มเนื้อหนา้ ทอ้ ง 6 สปั ดาห์ ฝกึ ซอ้ มสัปดาห์ท่ี 1 และหลังการฝึกซ้อมสัปดาหท์ ่ี 6) เครื่องมอื ทใี่ ช้ การประเมนิ ผล รปู ภาพประกอบ 1.เกณฑ์การ - ใช้เกณฑท์ ดสอบ ประเมินผลความ สมรรถภาพทางกาย แขง็ แรงของ ของ The YMCA กล้ามเนอื้ หน้าท้อง Physical Fitness 2. นวตั กรรมดจิ ิทลั Test ทา่ ท่ี 1 ประกอบด้วย อุปกรณ์ Sit-Up st Sensor พร้อมสาย 113 รดั หนา้ อก นาฬิกา ดจิ ทิ ัล หรอื สมาร์ท โฟนที่ติดตั้งแอป ท่าท่ี 2 พลิเคชันการทดลอง (Sit-Up Application) ทา่ ท่ี 3
สปั ดาหท์ ่ี วัตถปุ ระสงค์ กิจกรรม 2) ฝึกปฏิบตั ิ (10 นาที) ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเน้ือหน้า ท้องโดยใช้อุปกรณ์ Sit-Up Sensor พร้อม สายรัดหน้าอก และสมาร์ทโฟน ท่ีมีแอป พลิเคชันเฉพาะ (Sit-Up Application) วธิ กี าร *คาดอุปกรณ์ Sit-Up Sensor บรเิ วณหน้า อก และเปิดการใชง้ านแอปพลิเคชันพรอ้ มตัง้ ค่าทีส่ มาร์ทโฟน พร้อมใสข่ ้อมลู ส่วนตวั - ให้ผู้เรียนนอนหงาย ชันเข่าข้ึนให้เข่าท้ัง สองงอเป็นมมุ ประมาณ 90 องศา ฝ่าเท้าท้ัง สองข้างวางราบกบั พื้นโดยวางชิดกัน ให้ส้น เท้าทั้งสองขา้ งวางเป็นเส้นตรงในแนวระดับ เดียวกนั แขนทง้ั สองวางบนหนา้ อก เป็นรปู กากบาท * เร่ิมตนโดยกดปุ่ม“เร่มิ ”บนแอปพลเิ คชนั ที่สมารท์ โฟน โปรแกรมจะเร่ิมทำงาน - เมือ่ ผู้เรยี นยกลำตวั ขึ้นตงั้ ตรงเป็นมมุ ประมาณ 90 องศา *จะมีเสยี งดงั ต๊ิด ให้ นอนลงกลับสทู่ า่ เริ่มตน้ สะบักท้งั สองข้าง แตะพื้น*จะมีเสียงดงั ตด๊ิ นบั เป็น 1 ครง้ั
เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ การประเมนิ ผล รปู ภาพประกอบ คาดอุปกรณ์ Sit up Sensorsบริเวณหน้าอก 114 ง เปิดการใช้งานแอปพลเิ คชนั ง
สปั ดาหท์ ่ี วัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรม แลว้ ยกลำตัวใหม่ ทำเชนนี้ติดตอ่ กัน เม่อื ครบจำนวนครง้ั ตามโปรแกรมการฝึกซ้อม * จะมเี สยี งดงั ต๊ิดติดต่อกัน 4 ครงั้ - ผู้เรียนจะทำการตรวจสอบข้อมลู จำนวนครัง้ การ Sit up ทห่ี นา้ แอปพลเิ ค ชัน โปรแกรมการฝึกซอ้ ม - ใหป้ ฏิบัตลิ ุกนง่ั (Sit Up) ต่อเนอื่ ง 4 เซต - โดยเพศชายปฏิบัตเิ ชตละ 25 ครัง้ หรือ นอ้ ยกวา่ เพศหญิงปฏิบัติเชตละ 18 คร้ัง หรอื น้อยกว่า - มเี วลาพักระหว่างเซต 1 นาที 3) ผู้รับการทดสอบคลายกลา้ มเน้ือ (10 นาที) ปฏิบัติ 3 เซต ทา่ ท่ี 1 ทา่ นอนคว่ำตวั เหยยี ดตวั ตรง ต้งั ข้อศอก แอน่ อก มองไปขา้ งหนา้ (Cobra pose) 30 วนิ าที ทา่ ที่ 2 ทา่ นอนหงาย พบั ขาขา้ งซ้าย ใช้ สองมือกอดตน้ ขา (Thigh hug) สลบั ขาและ ขาขวา ข้างละ 30 วนิ าที
เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ การประเมนิ ผล รปู ภาพประกอบ ค ทา่ Sit Up มอื ประสานที่ หน้าอก ท่าการยกลำตวั ขน้ึ จากพืน้ (ทำมุม 90 องศา) ทา่ ทางการนั่งงอ เข่า 115 ท่าท่ี 1 ะ ท่าท่ี 2
สัปดาห์ท่ี วัตถุประสงค์ กจิ กรรม 2 ทา่ ท่ี 3 ท่านง่ั พบั เข่า ก้มหนา้ ตดิ พน้ื (จำนวน 3 ครั้ง เหยยี ดแขนไปขา้ งหนา้ (Child’s pose) วันเวน้ วนั ) 30 วนิ าที ทา่ ท่ี 4 นง่ั เหยียดขา หลังตรง ก้มตวั ไป ดา้ นหน้า มอื แตะปลายเทา้ (Toe touch) 10 คร้งั ครง้ั ละ 10 วินาที 1.เพ่ือพฒั นา 1) ผู้รับการทดสอบอบอ่นุ รา่ งกาย 10 สมรรถภาพด้านความ นาที (บริเวณกลุ่มกล้ามเนอ้ื หน้าท้อง) แข็งแรงของกลา้ มเนื้อ ปฏิบตั ิ 3 เซต หน้าทอ้ ง ท่าที่ 1ทา่ ยืน หมนุ เอวเปน็ วงกลม (Hip 2.เพ่ือศกึ ษา circle) ทำช้า ๆ ไปทางซา้ ย 20 ครง้ั ประสทิ ธิภาพการ และทางขวา 20 ครงั้ ทำงานของนวตั กรรม ทา่ ที่ 2 ท่ายนื ตรง ประสานมือเหนอื ดิจทิ ัล ศรี ษะ ยดื ตวั ขึ้น (Overhead stretch) 10 ครัง้ คร้งั ละ 10 วนิ าที ท่าท่ี 3 ทา่ ยืนตรง ประสานมือเหยียดแขน ไปดา้ นหลัง ยืดอกไปด้านหน้า (Chest stretch) 10 คร้ัง ครงั้ ละ 10 วนิ าที
เครื่องมอื ที่ใช้ การประเมนิ ผล รูปภาพประกอบ 1.เกณฑ์การ - ใช้เกณฑ์ทดสอบ ทา่ ที่ 3 116 ประเมินผลความ สมรรถภาพทางกาย ท่าท่ี 4 แขง็ แรงของ ของ The YMCA ท่าท่ี 1 กล้ามเน้ือหน้าทอ้ ง Physical Fitness 2. นวัตกรรมดจิ ิทัล Test ทา่ ท่ี 2 ประกอบดว้ ย อปุ กรณ์ Sit-Up ท่าที่ 3 Sensor พร้อมสาย รดั หน้าอก นาฬกิ า น ดิจทิ ลั หรอื สมารท์ โฟนท่ีตดิ ต้ังแอป พลิเคชันการทดลอง (Sit-Up Application)
สปั ดาหท์ ่ี วัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรม 2) ฝกึ ปฏบิ ัติ (10 นาที) ฝึกความแขง็ แรงของกลา้ มเนื้อหน้า ท้องโดยใช้อุปกรณ์ Sit-Up Sensor พร้อม สายรัดหน้าอก และสมาร์ทโฟน ที่มแี อปพลิ เคชนั เฉพาะ (Sit-Up Application) วธิ ีการ *คาดอุปกรณ์ Sit-Up Sensor บริเวณหน้า อก และเปิดการใช้งานแอปพลิเคชันพรอ้ ม ตงั้ ค่าทสี่ มาร์ทโฟน พร้อมใส่ข้อมลู สว่ นตวั -ให้ผเู้ รยี นนอนหงายชนั เขา่ ข้ึนใหเ้ ข่าท้งั สอง งอเป็นมมุ ประมาณ90องศาฝา่ เทา้ ทั้งสอง ขา้ งวางราบกับพื้นโดยวางชดิ กนั ให้ส้นเท้าท้ัง สองขา้ งวางเปน็ เสน้ ตรงในแนวระดบั เดียวกัน แขนทั้งสองวางบนหนา้ อกเปน็ รปู กากบาท * เริ่มตนโดยกดปมุ่ “เริ่ม”บนแอปพลิเคชัน ทีส่ มารท์ โฟน โปรแกรมจะเร่ิมทำงาน - เมอ่ื ผู้เรยี นยกลำตวั ข้นึ ตง้ั ตรงเป็นมมุ ประมาณ 90 องศา *จะมีเสียงดงั ตด๊ิ ให้ นอนลงกลับสู่ทา่ เริ่มตน้ สะบักทัง้ สองข้าง แตะพื้น*จะมเี สียงดังตด๊ิ นบั เปน็ 1 คร้ัง
เครอื่ งมอื ท่ีใช้ การประเมนิ ผล รูปภาพประกอบ คาดอปุ กรณ์ Sit up Sensors 117 บรเิ วณหนา้ อก เปิดการใช้งานแอป พลทิเค่าชนัSit Up มอื ประสานท่ี หนา้ อก ทา่ การยกลำตวั ข้ึนจากพนื้ (ทำมุม 90 องศา) ง ทา่ ทางการน่ังงอ เขา่
สปั ดาหท์ ี่ วตั ถปุ ระสงค์ กจิ กรรม 3) ผรู้ ับการทดสอบคลายกล้ามเนือ้ (10 นาที) ปฏิบัติ 3 เซต ทา่ ที่ 1 ท่านงั่ ต้ังเขา่ ซ้าย มือเท้าเอว ยดื สะโพกและลำตัวไปด้านหนา้ สลับ ต้งั เขา่ ซา้ ยและขวา (Hip flexor stretch) 20 ครง้ั คร้ังละ 10 วนิ าที ท่าที่ 2 ทา่ นั่งพบั เขา่ กม้ หน้าติดพนื้ เหยยี แขนไปขา้ งหนา้ (Child’s pose) 30วนิ าที ทา่ ท่ี 3 ทา่ นอนควำ่ ตัว เหยียดตัวตรง ตัง้ ขอ้ ศอก แอ่นอก มองไปขา้ งหน้า (Cobra pose) 30 วนิ าที ท่าที่ 4 ท่านอนหงาย พับขาข้างซ้าย ใช้ สองมือกอดตน้ ขา (Thigh hug)สลับขาซ้าย และขาขวา ข้างละ 30 วินาที
เครอื่ งมือท่ใี ช้ การประเมินผล รูปภาพประกอบ ท่าท่ี 1 118 ยด ทา่ ท่ี 2 ย ทา่ ท่ี 3 ทา่ ท่ี 4
สปั ดาหท์ ี่ วัตถุประสงค์ กจิ กรรม 3 1.เพ่อื พฒั นาสมรรถภาพ 1) ผูร้ บั การทดสอบอบอุ่นร่างกาย (จำนวน 3 คร้ัง วนั เว้นวัน) ดา้ นความแข็งแรงของ 10 นาที (บริเวณกลมุ่ กลา้ มเน้อื หนา้ กล้ามเนอื้ หนา้ ท้อง ท้อง) ปฏิบัติ 3 เซต 2.เพอ่ื ศกึ ษาประสิทธิภาพ ท่าที่ 1ท่ายืน หมุนเอวเปน็ วงกลม การทำงานของ (Hip circle) ทำชา้ ๆ ไปทางซ้าย 20 นวัตกรรมดิจิทลั ครงั้ และทางขวา 20 คร้ัง ท่าท่ี 2 ท่ายืนตรง ประสานมือเหยียด แขนไปด้านหลัง ยืดอกไปด้านหน้า (Chest stretch) 10 คร้ั ง คร้ั งละ 10 วินาที ทา่ ท่ี 3 ทา่ นั่ง งอเข่า เอนตัวไปข้าง หลงั บิดลำตวั ไปทางซ้าย และขวา (Sitting twists) 30 ครัง้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237