Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารคำสอน รายวิชา 2723319 กิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

เอกสารคำสอน รายวิชา 2723319 กิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

Published by ์Nuttaporn Suddee, 2021-01-22 18:12:56

Description: ใช้เป็นคู่มือประกอบการเรียนการสอนของอาจารย์

Keywords: เอกสารคำสอน

Search

Read the Text Version

28 ทักษะการเคล่ือนไหวผู้สอนไม่ควรจะเร่งรัดให้เด็กเรียนข้ามข้ันตอน จะเร่ิมจากระดับง่าย ไปจนยากจะทาให้ผเู้ รียนเขา้ ใจและสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ การจัดกิจกรรมการเคล่ือนไหวเบื้องต้นกับเด็กเล็กจะมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ สามารถแสดงท่าทางการเคล่ือนไหวในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เหมาะสม และมีความปลอดภัย สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวันได้ ในการจัดกิจกรรมผู้สอนควรจัดให้ เหมาะสมกบั เพศและวัย ความพรอ้ มและความสนใจของเด็กด้วย กิจกรรมการเคลื่อนไหวสาหรบั เดก็ เล็ก แบ่งเป็นประเภท ดงั น้ี 1. กิจกรรมการทรงตวั 2. กิจกรรมการเคลอ่ื นไหวแบบเคลอ่ื นที่ 3. กจิ กรรมการใชบ้ อล กจิ กรรมการเคลื่อนไหวสาหรบั เดก็ เลก็ 1. กิจกรรมการทรงตวั (Balance) สมนึก (2549) ได้ให้ความหมายของการทรงตัว ไว้ว่า การทรงตัวเป็นการควบคุมและ รักษาจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายให้อยู่บนฐานรองรับน้าหนักในขณะน่ัง ยืน หรือในขณะที่มีการ เคล่ือนไหว รวมไปถึงการตอบสนองต่อแรงภายนอกที่มากระทา เช่น แรงชน หรอื แรงผลกั เป็นต้น เช่นเดียวกับศรินยา (2552) ได้กล่าวความหมายของ การทรงตัว คือ ความสามารถของร่างกายใน การควบคุมและการรักษาสมดุลของร่างกายในขณะที่ร่างกายอยู่กับที่และมีการเคล่ือนไหว โดย อาศัยการทางานของศูนย์กลางของการควบคุมการทรงตัวท่ีบริเวณหูชั้นใน กลไกการรับรู้ของ กล้ามเนื้อ ข้อต่อ เอ็นกล้ามเน้ือ และการมองเห็น สอดคล้องกับณิชารีย์ (2559) ได้กล่าวถึง ความหมายของการทรงตัว คือ ความสามารถในการทรงท่าและรักษาสมดุลของร่างกายให้อยู่ใน ฐานรองรับน้าหนัก(Best of support) ในขณะท่ีมีการเคลื่อนไหว หรือไม่มีการเคลื่อนไหว มีการ เปลี่ยนแปลงจุดศนู ยถ์ ่วงของร่างกายหรอื ไม่มีการเปลย่ี นแปลงจุดศนู ย์ถว่ งของร่างกาย สรุปการทรงตัว คือ ความสามารถของร่างกายท่ีรักษาความสมดุลขณะอยู่กับท่ี และเคล่ือนทโี่ ดยอาศัยการควบคมุ และส่งั การของระบบประสาท

29 การยนื เอาสมุดทูนบนศีรษะ การทรงตวั เอามือแตะเทา้ รปู แบบกิจกรรมการเลน่ ที่พฒั นาการทรงตัว 1) การเดินทรงตัว (Balance beam) คือ กิจกรรมท่ีผู้เรียนจะต้องแสดงท่าทางการ ควบคุมและรักษาความสมดุลของตนเองเคลื่อนท่ีไปข้างหน้า โดยใช้การเดินทรงตัวบนคานทรง ตัวทเี่ พื่อให้เกิดประสบการณ์ การเรียนรู้และปรบั แก้ไขใหถ้ ูกต้องกอ่ นทจี่ ะไปดารงชวี ิตจรงิ ภาพประกอบ : สรุ เชษฐ์ วิศวธรี านนท์ กิจกรรมการเดนิ ทรงตัวบนม้าทรงตวั

30 2. กิจกรรมการเคล่ือนไหวแบบเคลอ่ื นท่ี (Locomotor Movement) การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ หมายถึงการเคลื่อนไหวท่ีต้องเคล่ือนที่จากที่หนึ่งไป ยังอีกท่ีหน่ึง ได้แก่ การเดิน การวิ่ง การกระโดด การกระโดด การเขย่ง การกระโดดเขย่ง การว่งิ โหย่ง การวงิ่ สลบั เท้า การลืน่ ไถล การควบมา้ (วรรณภรณ,์ 2554) รูปแบบการเคล่ือนไหวแบบเคลือ่ นที่ (Locomotor Patterns) โดยธรรมชาติแล้วเด็ก ๆ จะเรียนรู้การเคลื่อนไหวแบบเคล่ือนท่ีท้ังจากการหัดเดิน การวิ่ง การกระโดด แม้แต่การวิ่งหลบหลีกตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน จากประสบการณ์ หากผู้สอนถามผู้เรียนว่า “ผู้เรียนวิ่งเก่งหรือไม่” เด็ก ๆ ก็จะตอบว่า “ใช่” ด้วยความที่ยังเป็น เดก็ ผู้เรยี นมักจะประเมินความสามารถในการว่ิงของตนเองเกนิ กวา่ ความเปน็ จรงิ และพยายามท่ี ว่ิงแข่งกับรุ่นพ่ีหรือผู้ใหญ่ แต่ก็จะพบว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะพ่ี ๆ หรือผู้ใหญ่ได้ อีกทั้ง ลักษณะท่าทางในการว่ิงของผู้เรียนก็ยังไม่ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ การมีความรู้และทักษะ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนท่ีท่ีถูกต้องจึงมีความสาคัญอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวแบบ เคลอื่ นที่สมบรู ณแ์ บบมีรูปแบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1) การเดนิ (Walking) การเดินเป็นทกั ษะชีวิตท่ีสาคัญยง่ิ ประการหนึ่ง เนอ่ื งจากท่าเดนิ สง่ ผลโดยตรงถึงท่า ว่ิง ทั้งการวิ่งเร็วและการวิ่งแบบเหยาะ ๆ ท่วงท่าการเดินท่ีถูกต้อง ผู้เดินจะลงน้าหนักท่ี ส้นเทา้ หน้าก่อน แลว้ ถา่ ยนา้ หนกั มาที่หนา้ เทา้ ในขณะท่ีเทา้ หลังยงั คงสัมผัสกับพืน้ ภาพประกอบ : อตญิ า วงษว์ าท

31 วธิ กี ารฝึกเดิน เดนิ โดยแกวง่ มอื ตรงด้านตรงขา้ มกบั เทา้ ทก่ี ้าวไปขา้ งหนา้ เช่น เมอื่ ก้าวเทา้ ขวา มือซา้ ยจะแกวง่ ไปข้างหน้า เดนิ โดยให้ปลายเทา้ ชไี้ ปข้างหน้าเป็นแนวตรงเสมอ เดินเบาๆ ผอ่ นคลาย ไม่โยกไปมา เดินโดยใหศ้ รี ษะตัง้ ตรง ไหลย่ ืดตรง 2) การวงิ่ เรว็ และวงิ่ เหยาะๆ (Running and Jogging) การวิ่งเป็นทักษะพื้นฐานสาคัญของการทากิจกรรมพลศกึ ษาเกือบทกุ ประเภท ผ้ทู ี่มี ความสามารถในการว่ิงย่อมทากิจกรรมพลศึกษาอ่ืนๆ ได้ดีตามไปด้วย การฝึกการว่ิงมี ท่วงท่าท่ีคล้ายกับการฝึกการเดิน เพียงแต่การวิ่งจะมีช่วงเวลาหน่ึงที่เท้าทั้ง 2 ข้างลอย เหนอื จากพน้ื ลาตวั เอนไปด้านหน้าเล็กนอ้ ย และยกเขา่ สงู กวา่ การเดนิ การว่ิงเหยาะ ๆ (Jogging) จะใช้การวางเท้าท่ีใกล้เคียงกับการเดินมากกว่าการว่ิงเร็ว (Running) โดยการวิ่งเหยาะ ๆ ผู้ว่ิงจะลงน้าหนักท่ีส้นเท้ามายังกลางเท้าและหน้าเท้า ในขณะ ท่ีการว่ิงเร็วผู้วิ่งจะลงน้าหนักไปท่ีหน้าเท้าเป็นหลัก โดยเฉพาะการว่ิงเร็วระยะส้ัน ๆ ไม่เกิน 100 เมตร ดงั นัน้ ผู้เรยี นจงึ ต้องเลือกวธิ ีการว่ิงให้เหมาะกับกิจกรรมที่ตนเองกาลังทา วิธีการฝึกวงิ่ การฝึกแกว่งแขนสลับกับการก้าวเท้าระหว่างการวงิ่ การผ่อนคลายแขนและรา่ งกายส่วนบนระหว่างการว่ิง ภาพประกอบ : อตญิ า วงษ์วาท

32 การเรง่ ความเร็วโดยฝึกลงนา้ หนกั ทห่ี น้าเท้า การฝึกว่งิ เหยาะ ๆ โดยลงนา้ หนกั ไปท่สี น้ เท้าและถา่ ยเทน้าหนักมาทก่ี ลาง เท้าและหนา้ เทา้ ตามลาดบั 3) การฝกึ กระโดดและการลงสูพ่ น้ื (Jumping and Landing) เด็กเล็ก ๆ มักจะชอบกระโดดจากโซฟา เตียง หรือเก้าอ้ี ซ่ึงการกระโดดแบบนี้จะ ไม่มีการเตรียมการลงสพู่ ้ืน การฝึกกระโดดพร้อม ๆ ไปกับการฝกึ การลงสู่พื้นอย่างถูกวิธที ้ัง การฝึกกระโดดที่เพิ่มความสูง เพิ่มความไกล รวมท้ังเพิ่มจังหวะ เช่น การกระโดดเชือกจะ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในการกระโดดของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ นอกจากน้ีการ กระโดดยังสามารถนาไปบูรณาการกับการฝึกทักษะทางกายอื่น ๆ เช่น กระโดดจับ กระโดดแตะ กระโดดแล้วขวา้ ง หรอื กระโดดเพื่อขัดขวาง เป็นตน้ รปู แบบของการกระโดดสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบ ไดแ้ ก่ 1) การกระโดดขนึ้ ด้วยเท้า 2 ข้าง และลงพื้นด้วยเท้า 2 ข้าง 2) การกระโดดข้นึ ดว้ ยเทา้ 1 ขา้ ง และลงพน้ื ดว้ ยเท้า 2 ขา้ 3) การกระโดดขึน้ ดว้ ยเทา้ 2 ข้าง และลงพืน้ ดว้ ยเท้า 1 ข้าง ภาพประกอบ : อติญา วงษ์วาท

33 เด็ก ๆ ควรฝึกกระโดดทั้ง 3 รูปแบบ โดยฝึกการทรงตัวด้วยแขน การงอเข่า และ การลงสู่พื้นโดยทิ้งน้าหนักไปที่หน้าเท้า การฝึกกระโดดสูง ๆ กระโดดไกล ๆ เป็นการ เตรียมตัวสาหรับการวิ่งระยะส้ัน เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมทางกายพอสมควรผู้เรียนควร ได้รบั การฝกึ กระโดดขาเดยี ว การสไลด์ การว่งิ หลบหลีก หรอื การพ่งุ ตวั กระโดด วิธกี ารฝกึ กระโดด กระโดดโดยออกตัวด้วยปลายเทา้ ลงส่พู ืน้ ทที่ ศิ ทางเดมิ หรอื ทศิ ทางอนื่ ๆ การกระโดดและลงสพู่ น้ื ด้วยการแกว่งแขนช่วย การกระโดดลงนา้ การกระโดดและลงพ้นื ดว้ ยการงอเขา่ ชว่ ย มีการปรับการงอเข่าเปน็ ระดับตา่ งๆ 4) การสไลด์ (Sliding) เด็ก ๆ มักจะเข้าใจว่าการสไลด์เป็นการล้มตัวและกวาดขาไปที่พ้ืน ซ่ึงมักใช้ในการ เลน่ กฬี าฟุตบอล เบสบอล หรือเกมกฬี าท่เี น้นการแข่งขนั แต่แท้จริงแล้วการสไลด์เปน็ การ เคลื่อนท่ีที่ผสมผสานระหว่างการก้าวขาและการวิ่งเพ่ือเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว การ สไลด์เปน็ ทกั ษะการเคลื่อนไหวทใี่ ช้มากทส่ี ุดเป็นอนั ดับท่ี 4 ในกิจกรรมพลศึกษา การสไลด์ สามารถบูรณาการร่วมกับการควบแบบมา้ การยอ่ ตัว หรอื การกระโดด การเล่นกีฬาหลาย ชนิด รวมท้ังการเต้นจาเป็นต้องใช้ทักษะการสไลด์อย่างมีรูปแบบ ผู้ท่ีมีทักษะการสไลด์ที่ดี จะช่วยใหส้ ามารถเคลอื่ นทจ่ี ากจดุ หนงึ่ ไปอกี จดุ หน่งึ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ภาพประกอบ : อตญิ า วงษ์วาท

34 วิธีการฝึกสไลด์ สไลดโ์ ดยท้งิ น้าหนักตวั ไปที่ฝา่ เทา้ ท้ัง 2 ขา้ ง ฝึกยืดแขนหรือขาให้ใกล-้ ไกลจากตัวไปพรอ้ ม ๆ กับการสไลด์ สไลด์และย่อเขา่ ใชแ้ ขนชว่ ยเพิ่มความเร็วในการสไลด์ 5) การควบแบบม้า (Galloping) ผสู้ อนสามารถฝกึ การควบมา้ ให้กับผเู้ รียนโดยนาไปบูรณาการกบั การเล่นเกมชนดิ ตา่ งๆ รปู แบบการเคลือ่ นท่ีแบบควบม้ามลี ักษณะคลา้ ยคลงึ กับการสไลด์คือมีเท้าหน่ึงนา และเท้าหนึง่ ตาม โดยสามารถเคล่อื นท่ีทงั้ ไปขา้ งหน้าและถอยหลงั ภาพประกอบ : อตญิ า วงษ์วาท วิธีการฝกึ การควบแบบม้า ฝกึ การควบมา้ โดยใช้เท้าซ้ายนา สลบั กบั การใชเ้ ทา้ ขวานา ฝึกการงอเขา้ เพือ่ ซับแรงกระแทกเม่อื ตอ้ ง ควบอยา่ งเรว็ ฝึกควบโดยทิง้ นา้ หนกั ไปท่ีหน้าเท้า การฝึกควบตามจงั หวะโดยไม่มกี ารสะดุด 6) การกระโดดข้าม/กระโดดแบบกา้ วขา (Leaping) การกระโดดข้ามหรือกระโดดแบบก้าวขา พบบ่อยในการเต้นบัลเลต์ การกระโดด เพือ่ รบั บอลที่เส้นสนาม ผู้เรียนบางคนจะสับสนระหว่างการกระโดดข้าม/กระโดดแบบกา้ ว ขา กับการกระโดดสองขา และการกระโดดขาเดียว ซ่ึงการกระโดดแบบก้าวขาน้ีเป็นการ ผสมผสานการกระโดดเข้ากับการว่ิง โดยผู้กระโดดจะถ่ายเทน้าหนักจากเท้าข้างหนึ่งไปยัง เท้าอีกข้างหน่ึงระหว่างที่ลอยตัวในอากาศและลงสู่พื้น การกระโดดแบบก้าวขาจะมี ประสทิ ธภิ าพเมื่อผู้กระโดดใชก้ ารงอเขา่ การแกว่งแขน และการลงสูพ่ ้นื ด้วยหนา้ เทา้

35 วิธกี ารฝึกกระโดดขา้ ม/กระโดดแบบกา้ วขา ฝกึ ก้าวขา ยืดขา กางขาให้กว้าง ใช้แขนชว่ ยพยุงการทรงตวั ฝกึ งอเข่าเพ่อื ส่งตวั และชว่ ยให้ลาตัวลอยอยู่เหนอื พื้นได้ไกลและนานขน้ึ ฝกึ การลงสู่พนื้ ดว้ ยฝ่าเท้าขวาและฝา่ เท้าซ้าย 7) การกระโดดขาเดยี ว (Hopping) การกระโดดขาเดียว คือ การกระโดดที่ผู้เรียนจะต้องใช้ขาข้างเดียวตลอดเวลาท้ัง การกระโดดขน้ึ และการลงสู่พ้ืน การกระโดดขาเดียวท่ีมีประสิทธิภาพผู้กระโดดจาเป็นต้อง มีทักษะการทรงตัวท่ีดี อีกทั้งการกระโดดแบบน้ีจะทาให้เหนื่อยเร็วกกว่าปกติเนื่องจาก ผู้กระโดดจะต้องรบั น้าหนกั ตัวของตนเองดว้ ยขาขา้ งเดยี วตลอดเวลา ภาพประกอบ : อติญา วงษว์ าท

36 วธิ ีฝกึ การกระโดดขาเดยี ว ฝกึ กระโดดโดยใชข้ าทลี ะข้าง หรือจะกระโดดสลบั ขาทงั้ 2 ข้างตามจงั หวะกไ็ ด้ ฝกึ ใช้แขนช่วยในการทรงตัว ฝกึ งอเขา่ และขอ้ เท้าระหว่างการกระโดด 8) การกระโดดสลบั ขา (Skipping) การกระโดดสลับขาเป็นการผสมผสานระหว่างการก้าวและการกระโดดขาเดียว โดยมีการสลับการเคลื่อนท่ีของเท้าทั้ง 2 ข้างไปมา การกระโดดสลับขาในวัยเด็กค่อนข้าง ยาก ดงั น้ันผู้สอนสามารถให้ผเู้ รยี นที่มที ักษะ สาธิตให้เพอื่ นดูและทาตามก็ได้ วิธสี อนการกระโดดสลับขา ฝกึ การกระโดดสลับขาโดยเนน้ ความสัมพนั ธ์ระหว่างขาและแขนซึ่งตอ้ งมี ทศิ ทางตรงกนั ข้ามกนั ฝกึ การระโดดสลับขาโดยเนน้ การลงนา้ หนักที่เทา้ หน้า ฝึกการกระโดดสลับขาโดยให้ผกู้ ระทา ร้สู ึกผ่อนคลายทล่ี าตัวและแขน ฝึกการกระโดดสลบั ขาตามจงั หวะ ภาพประกอบ : อติญา วงษว์ าท

37 รูปแบบกจิ กรรมการเลน่ ทีพ่ ัฒนาทักษะการเคล่อื นไหวแบบเคลือ่ นที่ 1) กิจกรรมการวิ่งไล่จับ วิ่งหนี วิ่งหลบหลีก และการว่ิงล่อหลอก (Chasing, Fleeing, Dodging, and Faking) การวิ่งรูปแบบดังกล่าวเหล่าน้ีเป็นการผสมผสานการเคล่ือนไหวแบบเคล่ือนที่ หลาย ๆ รูปแบบที่ได้กล่าวถึงในข้างต้นเข้าด้วยกันพร้อมกับทักษะการรู้จังหวะการวิ่งเข้า วิ่งออก การเปล่ียนทิศทาง การออกตัววิ่ง การหยุดว่าจะต้องหยุดในเวลาใด ทักษะต่าง ๆ ข้างตน้ น้สี ามารถฝึกแบบแยกสว่ นก่อนแล้วจงึ นามาผสมผสานกนั ก็ได้ วธิ กี ารฝกึ การวิง่ ไลจ่ ับ วิ่งหนี วิ่งหลบหลีก และการว่งิ ล่อหลอก ฝกึ การเปลี่ยนทศิ ทางระหว่างการเคล่อื นท่ี ฝึกการจบั ตามองไปท่ีเอวของคูฝ่ ึกซ้อมขณะที่เคล่อื นท่ีไลจ่ ับ ฝกึ การปรบั ความเร็วในการเคลือ่ นที่ระหว่างการวงิ่ หนีคูฝ่ กึ ซ้อม ฝึกการล่อหลอกคู่ฝึกซอ้ มโดยการเคลอ่ื นทไี่ ปมาอย่ารวดเร็ว ภาพประกอบ : อติญา วงษว์ าท

38 2) กจิ กรรมการเตน้ ประกอบดนตรี (Rhythmic dance activities) เป็นการเคล่ือนไหวแบบเคล่ือนท่ีแบบผสมผสานกันประกอบเสียงดนตรี ใช้ทักษะ การเดิน การว่ิง การกระโดด การก้าวเขย่ง การหมุนตวั วิธกี ารฝกึ การเตน้ ประกอบดนตรี ฝกึ การเปลี่ยนทิศทางระหว่างการเคล่ือนท่ี ฝึกจบั จงั หวะดนตรใี นการเคลอ่ื นท่ี หรือการกระโดด 3) ฐานกิจกรรมการเคลือ่ นไหวแบบเคลือ่ นที่ (Locomotor Skills Course) เป็นกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนท่ีในรูปแบบต่าง ๆ โดยผู้สอนจะนาอุปกรณ์มาจัด วางไว้ให้เป็นฐาน แล้วกาหนดเวลาในการเล่น หรือการฝึก เพ่ือพัฒนาทักษะการเคล่ือนไหวแบบ เคล่ือนท่ีแบบเป็นองคร์ วม จากทกั ษะที่งา่ ยไปยาก หรือซับซอ้ นน้อย ไปหาซับซ้อนมาก เป็นตน้ การกระโจนและวิง่ บนเส้นที่กาหนด ภาพประกอบ : อตญิ า วงษว์ าท

39 การเดิน – การวิ่งบนเส้นท่กี าหนด 3. กิจกรรมการเคลือ่ นไหวประกอบอุปกรณ์ (Manipulative Activities) การเคลื่อนไหวกับ อุปกรณ์หรือวัตถุ (Manipulative Movement) หมายถึงการ เคลื่อนไหวในทักษะพื้นฐานของการขว้าง การรับ และการตี ซึ่งทักษะพื้นฐานทั้ง 3 ทักษะน้ี จะนาไปสู่ทักษะของการเล่น กีฬาท้ังประเภทบุคคลและทีม การสอนทักษะพ้ืนฐานท่ีควรเร่ิม สอนต้งั แต่ในวัยเด็ก และทักษะพืน้ ฐานทง้ั 3 อย่างดงั กลา่ วขา้ งต้น ควรนาไปฝึกรวมกับทักษะ การเคล่ือนไหวพื้นฐานท้ังแบบอยู่กับท่ีและเคลื่อนที่เพื่อเด็กจะได้มีโอกาสสร้างประสบการณ์ และพัฒนาทักษะที่ดีและม่ันคงเพ่ือนาไปใช้ในการดารงชีวิต และเล่นกีฬาขั้นสูงต่อไป (ไพวัน เพลดิ พราว, 2559) รูปแบบการเคลอื่ นไหวประกอบอปุ กรณ์ (Manipulative Patterns) การเคลื่อนไหวแบบประกอบอุปกรณ์เป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ชอบและรู้สึกว่าท้าทายเป็น พิเศษ การที่เด็กคนหน่ึงจะขว้างบอล รับบอล หรือเลี้ยงบอลหลบหลีกได้จาเป็นต้องอาศัย ทักษะการเคลอื่ นไหวหลาย ๆ รูปแบบเข้าด้วยกัน การสอนผู้เรยี นให้ปฏิบัติทักษะเหล่าน้ัน ให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นจึงมีความสาคัญอย่างยิ่ง เน่ืองจากจะส่งผลต่อการพัฒนา ความสามารถทางพลศกึ ษาในข้ันสงู อยา่ งต่อเนอ่ื งและถูกวธิ ีต่อไป ภาพประกอบ : อติญา วงษ์วาท

40 1) การขว้าง (Throwing) ผู้เรียนที่สามารถขว้างและรับบอลได้ดี จะสามารถเชื่อมโยงทักษะนี้ไปสู่การยิง ประตูหรือการเลี้ยงบอลได้ดีด้วย หลักการพ้ืนฐานของการขว้างบอลคือผู้เรียนต้องใช้ ร่างกายทุกส่วนมิใช่เพียงไหล่ แขน หรือมือเท่าน้ัน การสอนการขว้างบอลต้องเริ่มต้ังแต่ การฝึกให้ผู้เรียนวางตาแหน่งของลาตัว ไหล่ และแขนข้างท่ีไม่ได้ถือลูกบอลให้เอียงเข้าหา เป้าหมาย สว่ นขา้ งที่ถอื ลูกบอลน้ันจะตอ้ งฝึกการเหว่ียงแขน การกางศอก การถ่ายน้าหนัก จากเท้าหลังมาเท้าหน้า การก้าวเท้าคนละข้างกับมือท่ีกาลังขว้างบอล เป็นต้น การขว้าง บอลที่ได้ระยะทางไกลท่ีสุดจะต้องขว้างทามุม 45 องศา ผู้เรยี นบางคนอาจมีความพร้อมที่ จะว่ิงเฉียง ๆ เพอ่ื ให้เกดิ แรงสง่ กอ่ นการขว้างบอลด้วยกเ็ ปน็ ได้ การขว้างบอลจากดา้ นลา่ ง การขว้างบอลจากดา้ นบนไหล่ ภาพประกอบ : อตญิ า วงษว์ าท

41 การขว้างบอลจากด้านข้าง วิธีฝกึ การขว้างบอล วางลาตวั ใหส้ ัมพันธ์กับเปา้ หมายทจี่ ะขว้างไปถงึ (หนั หวั ไหลด่ ้านทไี่ มไ่ ด้จบั บอลเขา้ หาเปา้ หมาย ชูแขนขา้ งทข่ี วา้ งบอลข้นึ ) ฝึกขวา้ งโดยใหข้ าดา้ นตรงขา้ มกับมอื ทถ่ี ือบอลอยู่ดา้ นหนา้ ฝึกถ่ายน้าหนักตวั จากขาหลังมายังขาหน้า ฝกึ การชมี้ ือไปยังเปา้ หมายเพื่อชว่ ยนาทางการขว้าง 2) การรับบอล (Catching) การรับบอลท่ีดผี ู้รับจะต้องประสานสัมพันธร์ ะหว่างการใช้สายตาจ้องมองไปยังวัตถุ ท่ีจะรับจากน้ันจึงเคลื่อนที่เข้ารับบอลด้วยมือ มีการงอแขนและใช้นิ้วมือประคองบอลเพื่อ ช่วยรับแรงกระแทก ระหว่างการเคลื่อนท่ีเข้ารบั บอลจะต้องปรบั ระดับแขนให้อยู่ในระดับ พอดีท่ที ิศทางของบอลที่จะมาถึง เมื่อผูเ้ รียนฝึกรบั บอลจนคลอ่ งแล้วจึงเพม่ิ การผสมผสาน การรบั แล้วขว้าง รบั และตโี ต้กลบั รับแล้วเลีย่ งบอล ซึง่ เปน็ ทักษะขั้นสงู ต่อไป ภาพประกอบ : อติญา วงษว์ าท

42 วธิ กี ารฝกึ รบั บอล ฝกึ เคลือ่ นที่เขา้ หาวตั ถุทง้ั แบบเดนิ หน้า ถอยหลัง ไปทางซ้าย หรือทางขวา ฝึกประเมินวา่ ลูกบอลจะตกท่ีตาแหนง่ ใดเพอ่ื จะได้ตดั สินใจเข้ารบั ใน ตาแหนง่ ท่ีพอดี ฝกึ รับแบบผอ่ นแรงดว้ ยการใชม้ ือและแขนอย่างคลอ่ งแคล่วยืดหยุน่ ฝึกรับท้งั บอลท่ีมาสูงและบอลเตีย้ 3) การตี (Striking) การตีเป็นทักษะที่ต่อเน่ืองมาจากการรับซึ่งผู้เล่นจะใช้อุปกรณ์ เช่น มือ แร็คเก็ต หรือไม้เบสบอล ซึ่งในการฝึกผู้สอนควรเลือกอุปกรณ์ท่ีมีความยาวและน้าหนักเหมาะกับ สรรี ะของผู้เรียน การตีมีทั้งการตีหน้ามือและหลังมือ ผู้ตีต้องสามารถถ่ายน้าหนักจากหลังมาหน้า การเบี่ยงตวั การรับแรงปะทะจากบอล การวาดแขนท่ตี บี อลตามเพื่อชว่ ยกากบั ทศิ ทางของ บอลที่ตี เป็นต้น ในการฝึกฝนผู้สอนจึงอาจสาธิตโดยแยกการเคล่ือนไหวออกเป็นส่วนย่อย ๆ จากนนั้ จึงทาทกั ษะยอ่ ยน้ันต่อเน่ืองกันเป็นกระบวนการ ภาพประกอบ : อตญิ า วงษ์วาท

43 วิธฝี ึกการตีบอล การถ่ายนา้ หนกั ด้วยการยกสะโพก การเกรง็ ข้อมอื และศอกเพื่อตี การวาดแขนตามเพื่อช่วยกากับทศิ ทางบอล การหนั ข้างใหบ้ อล การเท้า และเหวี่ยงแขนตีบอล 4) การเลน่ วอลเลย์ (Volleying) การเล่นวอลเลย์ของเด็กเล็กๆ เริ่มจากการที่เด็กพยายามจะตีลูกโป่งหรือเลี้ยง ลูกโป่งไม่ให้ตกพื้น ในการตบลูกบอลผู้เล่นต้องใช้มือ ศีรษะ เข่า และเท้าอย่างสัมพันธ์กัน ก่อนการกระโดดตบผู้เล่นจะต้องย่อเข่าลง ตามองที่บอล จัดระเบียบลาตัว จากน้ันจึงตี บอลเม่อื ไดจ้ ังหวะที่พอดี ภาพประกอบ : อติญา วงษ์วาท

44 วิธีการฝกึ เลน่ วอลเลย์ ฝึกก้าวขาแล้วทุ่มบอล ฝึกเคลอ่ื นท่ีใตบ้ อล (บอลลอยอยู่ในอากาศ) ฝึกการตลี กู ใตบ้ อล ฝกึ หันลาตัวเขา้ หาเป้าหมาย ฝึกการย่อเข่าประกอบการเคลอ่ื นท่ี 5) การเลย้ี งบอล (Dribbling with the Hands) การเล้ียงบอลเป็นการเคลื่อนท่ีไปพร้อม ๆ กับการเคาะบอลลงพื้นทาต่อเน่ืองไป เร่ือย ๆ จนถึงจังหวะที่จะส่งบอลหรือเลี้ยงบอลไปถึงตาแหน่งเป้าหมาย ผู้สอนต้องสอนให้ ผู้เรียนเล้ียงบอลด้วยการกดบอลลงพ้ืนไม่ใช่การตบ ฝึกความคล่องแคล่วในการเคลื่อนท่ี ความสม่าเสมอของจังหวะในการเล้ียงบอล ความสูงของบอลท่ีกระดอนขึ้นมา เป็นต้น ตลอดจนการฝกึ ไปถึงระดับท่ีเลยี้ งบอลโดยท่ีตาไม่ตอ้ งมองบอล วิธีการฝึกเล้ยี งบอล ฝกึ ใชฝ้ า่ มือช่วงท่ีตอ่ กับน้วิ ช่วยในการเลย้ี งบอลและควบคมุ บอล ฝกึ โดยใหศ้ ีรษะต้ังตรง ตามองไปทางซา้ ยหรือขวา ภาพประกอบ : อตญิ า วงษว์ าท

45 ฝึกกดบอลลงพื้นโดยใชม้ ือและแขน ฝกึ เล้ียงบอลไมใ่ ห้โดนเท้า แต่บอลยงั คงอยไู่ ม่ไกลตวั 6) การเตะบอล เล้ียงบอลด้วยเทา้ และการส่งบอล (Kicking, Dribbling with the feet, and Punting) การเตะบอล ส่งระยะไกลจาเป็นต้องใช้รา่ งกายทุกส่วน รูปแบบการเคลื่อนไหวเพ่ือ เตะบอลมีความคล้ายคลึงกับการตีบอล การเตะบอลท่ีดีผู้เตะจะต้องเตะไปท่ีใต้ก่ึงกลาง ของลูกบอลเล็กน้อย การส่งบอลระยะใกล้ ๆ จะใช้ข้างเท้าในการเตะ การเตะบอลเพื่อไป ยังเป้าหมายในระยะที่แตกตา่ งกันจาเป็นต้องมีการฝึกฝนทั้งการวางเท้า น้าหนักในการเตะ และตาแหน่งทเ่ี ท้าสัมผัสลกู บอ การเตะบอล การเตะบอลโดง่ (สง่ บอลโด่ง) ภาพประกอบ : อติญา วงษ์วาท

46 การเลี้ยงบอล วิธฝี ึกการเตะบอล เลี้ยงบอลดว้ ยเท้า และการส่งบอล ฝึกการก้าวเข้าหาบอลแลว้ เตะ โดยก้าวเท้าประมาณ 2 ก้าว ฝกึ เตะบอลโดยใช้ตาแหน่งต่าง ๆ ของเทา้ วาดเท้าตามหลงั การเตะ ฝกึ การมองบอล โดยมองตา่ กวา่ กึ่งกลางของลกู บอลเล็กน้อย กจิ กรรมการเล่นทพี่ ัฒนาทักษะการเคล่ือนไหวประกอบอปุ กรณ์ (Manipulative Movement) เป็นการเล่นโดยใช้ทักษะการเคลื่อนไหวแบบเคล่ือนที่หรือการเคล่ือนไหวแบบอยู่ กับที่ ผสมผสานกับวัสดุ อุปกรณ์ท่ีสามารถนามาใช้ในการจัดกิจกรรมสาหรับเด็กได้ เช่น ลูกโปง่ ลูกบอล ลกู เทนนิส ไม้เบสบอล เปน็ ตน้ การเล่นกิจกรรมน้ีเพ่ือให้เกิดประโยชนก์ ับ กล้ามเน้ือมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ กิจกรรมที่จัดจะต้องส่งเสริมการพัฒนากล้ามเนื้อ มือ แขน หัวไหล่ เท้าและขา เป็นตน้ ภาพประกอบ : อติญา วงษ์วาท

47 1) กิจกรรมฝกึ การโยนรับบอลดว้ ยตนเอง (Toss the ball) เป็นการทางานประสานกันระหว่างตาและมือ ผสมผสานกับบอลและ อวัยวะในส่วนของมือ แขน ลาตัว ขาและเท้า การโยนรบั บอลขนาดเลก็ ดว้ ยตนเอง วิธีการฝึกการโยนรบั บอลด้วยตนเอง ฝกึ การถอื บอลขนาดเลก็ ดว้ ยมอื แบบควา่ หรือหงาย ฝกึ การปล่อยบอลจากด้านบนลงดา้ นล่าง ฝกึ การโยนบอลแบบหงายมือจากดา้ นลา่ งข้ึนดา้ นบน 2) กิจกรรมการกระโดดเชือก (Jump Rope) เป็นการทางานประสานกันระหว่างตา มือ ขาและเท้า ใช้ความรู้สึก ทางด้านอารมณ์เข้ามาเก่ียวข้องในเร่ืองของการตัดสินใจโดยเฉพาะการเล่นเป็นคู่ หรอื เป็นกลุ่ม ภาพประกอบ : อติญา วงษว์ าท

48 วธิ กี ารฝึกการการกระโดดเชอื ก ฝกึ การจบั ด้ามไม้ ท้ังมือซา้ ยและมอื ขวา ฝึกการเหว่ียงเชือกให้เป็นวงกลม ไปข้างหน้า ข้างหลัง ด้านข้าง สลบั เปน็ กากบาท ฝกึ การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางใช้ขาข้างเดยี ว สลบั ขา และขาคู่ ฝึกการกระโดดจากสิง่ กีดขวางระดับข้อเทา้ หรอื สูงไมเ่ กินหัวขา่ ฝกึ การกระโดดขา้ มส่ิงกีดขวางอยา่ งต่อเน่ือง ฝกึ การกระโดดเชอื กคนเดียว แบบแกว่งเชือกเอง ฝกึ การกระโดดข้ามเชือกแบบมีคนแกว่งเชือก 3) กิจกรรมการขว้างบอลเขา้ ฝาผนงั (Throw the ball against the wall) เป็นการใช้ทักษะการยืนทรงตัว ผสมผสานกับการเคลื่อนไหวร่างกาย ประกอบอุปกรณค์ ือ ลูกบอล วธิ ีการฝกึ การขวา้ งบอล ฝกึ การทรงตวั ท่าทางการยืน เทา้ นาเท้าตาม ฝกึ จบั บอลขนาดเลก็ แบบหงายมือและควา่ มอื ฝึกการกะระยะการตกของบอลที่พ้ืนและกระทบฝาผนังทั้งตอน ขว้างบอลและรบั บอล ภาพประกอบ : อติญา วงษ์วาท

49 4) กิจกรรมการเล้ยี งบอลหลบหลีก (Zig-Zag Dribbling) เป็นกิจกรรมที่ใช้ทักษะการเดาะบอล การเลี้ยงบอล เป็นการทางาน ประสานกันระหวา่ งสายตากบั มอื การทรงตัว วิธีการฝึกการขวา้ งบอล ฝกึ การควา่ มือกดหรอื เลยี้ งบอลอยู่ขา้ งหน้า โดยยนื อยกู่ บั ที่ หรอื ก้าวเท้าเคล่อื นทไ่ี ปขา้ งหนา้ ข้างหลัง หรอื ข้าง ๆ ฝึกการมองบอล กะระยะทางระหว่างบอลกับหน้าเท้าหรือระยะที่ ลูกจะตก มองบอลสลบั กับเลย้ี งบอล ฝีกการก้าวเท้าซ้าย และขวาแบบสไลด์นาเม่ือต้องหลบหลีกผู้เล่น พร้อมกับการเลย้ี งบอล ภาพประกอบ : อตญิ า วงษ์วาท

50 5) กจิ กรรมการตบี อลไกล (Strike) เปน็ กจิ กรรมทใ่ี ชท้ กั ษะการเคลอื่ นไหวแขนและการหมนุ ลาตัว ภาพประกอบ : อติญา วงษว์ าท วธิ กี ารฝกึ การบอล 1. ฝึกการจับไม้ด้วย 2 มือ จับไม้มือขวา ให้มือขวาอยู่ด้านบนไม้ มือซ้าย อยู่ดา้ นล่าง จับไม้มือซา้ ยให้มอื ซา้ ยจบั อยูด่ า้ นบน มอื ขวาอย่ดู ้านล่าง 2. ฝกึ การยนื แบบเท้านาเทาตาม 3. ฝึกการหันหวั ไหลไ่ ปทศิ ทางทีจ่ ะตี 4. ฝึกการกะระยะสายตา เมื่อบอลเคล่อื นทเี่ ข้ามา 5. ฝกึ การเหวย่ี งไมจ้ ากด้านหลงั ไปข้างหน้าใหก้ ระทบกบั บอล จากขอ้ มูลขา้ งต้นจะเห็นได้ว่า กจิ กรรมการเคล่ือนไหวสาหรับเดก็ เลก็ มเี ป็นจานวน มาก ข้ึนอยู่กับความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้สอนท่ีจะออกแบบการจัด กิจกรรมให้กับเด็กได้มากน้อยเพียงใด การจัดหลักสูตรพลศึกษาในสถานศึกษาที่ให้ ความสาคัญกับการพัฒนานักเรียนในทุกด้าน จะต้องจัดเน้ือหาสาระการจัดกิจกรรมให้แก่ นักเรียนเพ่ือให้ได้ประโยชน์มากท่ีสุด โดยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวในวิชา พลศึกษาจะเร่ิมจากทักษะที่ง่าย สร้างให้เด็กเกิดความคุ้นเคยและสนใจท่ีจะเรียนปนเล่น ได้อย่างมีความสุข เม่ือเด็กเรียนปนเล่นอย่างมีความสุข ก็จะทาให้การจัดเนื้อหาหลักสูตร พลศึกษาเป็นไปตามวตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ ดังตัวอยา่ งตารางแสดงการจัดสาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเคลอ่ื นไหวสาหรับเดก็ เล็ก

51 ตัวอย่างแสดงการจดั สาระการเรียนรู้กจิ กรรมการเคลอื่ นไหวสาหรบั เดก็ เลก็ หัวขอ้ อนุบาล ระดบั ป. 3 / ป. 1 ป. 2 / 1. การเคลือ่ นไหวและการทางานของรา่ งกาย / // / 2. กจิ กรรมเขา้ จังหวะ / // / 3. ยมิ นาสติก // 4. เกม //// 5. ทกั ษะกฬี า / 6. การทดสอบสมรรถภาพ / กจิ กรรมการเคลื่อนไหวสาหรบั เด็กเลก็ รายละเอยี ดเน้ือหา ระดับชัน้ อนบุ าล ป. 1 ป. 2 ป. 3 การเคล่ือนไหวและการทางานของรา่ งกาย 1. การเคล่อื นไหวพืน้ ฐาน (อยกู่ ับท่,ี เคลือ่ นที)่ //// - การเคล่อื นไหว //// - ประกอบเร่ืองราวหรือนทิ าน 2. การเคล่ือนไหวพ้นื ฐาน (ประกอบอุปกรณ์) //// - ถุงถวั่ //// - ลูกบอลขนแกะ //// - ลูกบอลลกู ใหญ่ ---/ - ลกู บอลลูกเลก็ (ปิงปอง เทนนสิ ซอฟท์บอล) ---/ - การตีลูกบอลด้วยไม้ //// - เชอื กกระโดด //// กจิ กรรมเขา้ จังหวะ 1. การเคล่ือนไหวประกอบจงั หวะ

52 เนอื้ หา อนบุ าล ระดับช้ัน ป. 3 ป. 1 ป. 2 / 2. การเคลื่อนไหวท่ีมีจินตนาการและความคิด / // / สร้างสรรค์ // - -- / 3. การร้องเพลงประกอบท่าทาง / -- / 4. การเตน้ รา - // / // 5. กระโดดเชือกประกอบเพลง - / // / ยมิ นาสติก/ยืดหยนุ่ // / // / 1. การเล่นผาดโผนและม้วนตัว / // / // 2. การทรงตัว / / // / 3. ทกั ษะการเคล่อื นไหว // / // / 4. การเลน่ เลียนแบบสตั ว์ / // / // / 5. การไตเ่ ชอื ก / // / // 6. การโหนบันได / 7. การเลน่ อปุ กรณก์ ลางแจ้ง / 8. การทดสอบความสามารถของตนเอง / เกม 1. ทกั ษะพ้นื ฐานของเกม / 2. เกมการว่งิ ไลจ่ ับและเกมงา่ ย ๆ / 3. การแขง่ ขนั แบบผลัด / 4. เกมประกอบเรอ่ื ง เกมเงยี บ / 5. เกมบุคคลและคู่ / 6. เกมในชั้นเรยี น / 7. ทกั ษะกฬี าและเกมนาไปสู่กฬี า /

2573 ตารางวเิ คราะห์การแยกประเภทกจิ กรรมการเคลือ่ นไหวสาหรบั เด็กเลก็ ประเภท 1.การทรงตัว 2.การเคล่อื นไหว 3.การใช้บอล เหมาะสาหรบั กจิ กรรม แบบเคลื่อนท่ี อนบุ าล ป.ตน้ การเดิน (Walk) 1. การเดนิ ธรรมดา / // 2. การเดนิ แถวตอนเรียงหนึ่ง / // 3. การเดินทนู ของ(ส่ิงของอย่บู นศีรษะ) / // 4. การเดนิ ทรงตวั บนพนื้ ราบตา่ งระดบั และ / // การเดนิ เปลย่ี นระดบั การว่งิ (Run) 1. การวง่ิ อยูก่ ับที่ / // 2. การวิ่งตรงไปข้างหน้า / // 3. การว่งิ ไปบนเส้นที่กาหนดให้ / / // 4. การวิ่งและหยุด // // 5. การว่ิงเปล่ียนทศิ ทาง // // 6. การวงิ่ ซิกแซก // // 7. การว่ิงถอยหลงั // / การกระโดดสองขา (Jump) 1. การกระโดดอยู่กบั ที่ // // 2. การกระโดดเคล่ือนทไี่ ปขา้ งหนา้ ,ขา้ งหลงั / / // 3. การกระโดดเคลื่อนท่ีไปด้านขา้ ง / / // 4. การกระโดดหมุนตวั // / 5. การกระโดดจากทส่ี งู // / 6. การกระโดดขา้ มส่งิ กดี ขวาง // / กระโดดขาเดยี ว (Skip) 1. การยืนทรงตัวบนขาเดียว // //

5248 ประเภท 1.การทรงตัว 2.การเคลอ่ื นไหว 3.การใช้ เหมาะสาหรบั กจิ กรรม แบบเคล่อื นท่ี บอล อนบุ าล ป.ต้น 2. กระโดดขาเดียวอยู่กบั ที่ 3. การกระโดดขาเดียวเคลื่อนท่ี // / 4. การกระโดดขาเดียวขา้ มเส้นทห่ี า่ งกัน // / // / การก้าวกระโดด (Hop) // / 1. การก้าวกระโดดอสิ ระ / 2.การก้าวกระโดดบนเสน้ ทกี่ าหนดให้ // / 3.การก้าวกระโดดอ้อมหลัก // / 4.การก้าวกระโดดกับคู่ // // การกา้ วชดิ ก้าว (Slide) / / / 1. การกา้ วชดิ กา้ วไปทางด้านขวา,ซ้าย / / 2.การกา้ วชิดกา้ วไปทางข้างหน้งและหลัง / / 3. การก้าวชดิ ก้าวซ้ายสลับขวา / / 4. การก้าวชิดก้าวเร็ว ๆ / // 5. การก้าวชิดก้าวกับคู่ / // 6. การก้าวชดิ ก้าวจับมือเป็นวงกลม // / // การควบม้า (Gallop) // // 1. การควบมา้ ไปขา้ งหนา้ / // 2. การควบม้าไปบนเส้นท่ีกาหนดให้ / 3. การควบมา้ อ้อมหลัก / 4. การควบมา้ ซกิ แซก การดึง – การดัน – การผลกั / (Pull – Push) การขว้าง – การโยนรบั – การสงิ่ ของ (Throw – Toss – Catch)

5259 ประเภท 1.การทรงตัว 2.การเคลอื่ นไหว 3.การใช้ เหมาะสาหรบั กจิ กรรม แบบเคลอื่ นท่ี บอล อนุบาล ป.ตน้ การละเลน่ พนื้ เมอื งไทยทใ่ี ช้การ เคลื่อนไหวประกอบ // / // การกระโดดเชอื ก / / / // ท่มี า : เนอื้ หากิจกรรมวิชาพลศึกษา หลกั สตู รวชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝา่ ยประถม พ.ศ. 2561





ตวั อยา่ งแผนผังรปู แบบการ สาหรับเดก็ อนุบาลและ รปู ภาพแผนผงั : สรุ เชษฐ์ วิศวธรี านนท์

รจัดกิจกรรมการเคลอื่ นไหว 27 ะประถมศึกษาตอนต้น 56

4567 งานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การเคลอื่ นไหวสาหรับเดก็ เล็ก วันเฉลิม เบ้ามี และ จุมพล ราชวิจิตร (2553) ทาวิจัยเรื่อง การสร้างแบบฝึก สมรรถภาพทางกายสาหรบั นักเรยี นปฐมวัย ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกสมรรถภาพทางกาย สาหรับนักเรียนปฐมวัยท่ีผ้วู ิจยั ได้สร้างข้ึน มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.44/82.29 ตามเกณฑ์ ที่ต้ังไว้ 80/80 มีคะแนนเฉล่ียหลังการฝึกของนักเรยี นท่ีฝึกดว้ ยแบบฝึกสมรรถภาพทางกาย สาหรับนักเรียนปฐมวัยสูงกว่าก่อนการฝึกอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ดังน้ัน จึง สรปุ ผลการวิจัยได้ว่าแบบฝึกสมรรถภาพทางกายสาหรับนักเรียนปฐมวัย จานวน 32 แบบ ฝกึ ใชร้ ะยะเวลาในการฝึก 8 สปั ดาห์ ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึน้ ตามหลักวชิ าการและตามขั้นตอน น้ี จึงสามารถนาไปใช้ในการฝึกการออกกาลังกายเพ่ือเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สาหรับนักเรยี นปฐมวยั ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ พรชลัต สุขแก้ว และศศิลักษณ์ ขยันกิจ (2557) ทาวิจัยเรื่อง ผลของการจัด กิจกรรมโยคะท่ีมีต่อสมรรถภาพทางกลไกของเด็กวัยอนุบาล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ผลของการจัดกิจกรรมโยคะท่ีมีต่อสมรรถภาพทางกลไกของเด็กวัยอนุบาลใน 4 ด้านได้แก่ ความว่องไว ความสมดุล ความสัมพันธ์ของประสาทและกล้ามเน้ือ และความอ่อนตัว กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ เด็กอนุบาลช้ันปีท่ี 2 ท่ีกาลังศึกษาในภาคการศึกษา ปลาย ปีการศึกษา 2556 โรงเรียนอนุบาลบ้านวาดฝันและเนิร์สเซอรี่ สังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาเอกชน จานวน 12 คน ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง 8 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินสมรรถภาพทางกลไกของเด็กวัยอนุบาล วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า หลังการ ทดลอง เดก็ ท่เี ข้ารว่ มกิจกรรมโยคะมสี มรรถภาพทางกลไกสูงกว่าก่อนการทดลอง วาสนา จักร์แก้ว อินสอน จันต๊ะ และกาญจนา ลออเลิศลักขณา (2559) ทาวิจัย เร่ือง การประยุกต์ใช้ของเล่นพื้นบ้านล้านนา: เพ่ือส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย ผลการวิจัยพบว่า เด็กชอบเล่นประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาตามที่เคยเห็นผู้ใหญ่ทา ปัจจุบันเดก็ จะเล่นของเล่นที่เป็นของสาเร็จรูปแล้วเป็นส่วนใหญ่ สว่ นมากเด็กจะเล่นกับส่ิง ต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติ และกระบวนการประยุกต์และพัฒนาของเล่นพ้ืนบ้านล้านนา

4758 เพือ่ พัฒนาการเด็กปฐมวยั การเล่นส่วนใหญ่ของเด็กล้านนามกี ารละเล่นและของเล่นหลาย อย่างท่ีสะท้อนถึงการเล่นท่ีใช้จินตนาการ มีความสอดคล้องกับการพัฒนาความฉลาดด้าน ต่าง ๆ เช่น ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น เกิดจากความเชื่อว่าการเล่นสามารถพัฒนา ความฉลาดของเด็กได้หลายได้ ทั้งพัฒนาการทางด้านร่างกาย พัฒนาการทางด้านอารมณ์ ความเฉลียวฉลาด ความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการทางด้านสังคม การละเล่นและของ เล่นของเด็กล้านนาที่สามารถประยุกต์กับทฤษฎีความสัมพันธ์ของการ์ดเนอร์ คือปัญญา ด้านภาษา เป็นความสามารถในการใช้ภาษาอย่างถูกต้องตามหลักไวยกรณ์มีการสื่อสารท่ี เช่ือมโยงกับภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ เช่น การจัดลาดับผู้เล่นเกมส์ด้วยวิธีการต่าง ๆ จะช่วยส่งเสริมให้เด็กได้เข้าใจในการ เรียงลาดับความสาคัญ อุปกรณ์การเล่นล้านนาหลาย ๆ อย่างทาให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่อง ของรูปร่างและรูปทรง ทั้งสองมิติและสามมิติได้เป็นอย่างดี เช่น เต่ากะลา ซ่ึงมีรูปร่างคร่ึง วงกลม ปัญญาด้านมิติสมั พันธ์ สามารถท่จี ะเข้าใจไดอ้ ย่างชัดเจนและถูกตอ้ ง สามารถที่จะ นาข้อมูลด้านมิติให้ออกมาเป็นภาพได้ มีความเฉียบแหลมในการดึงภาพออกจากความคิด มาสร้างเป็นงานศิลปะ ซ่ึงการละเล่นพื้นบ้านและของเล่นพ้ืนบ้านล้านนาที่ส่งเสริมปัญญา ด้านมิติสัมพันธ์ และปัญญาด้านร่างกายและการเคล่ือนไหว การละเล่นและของเล่น พ้ืนบ้านล้านนา สามารถสง่ เสรมิ ปัญญาด้านร่างกายและการเคล่อื นไหว กันตภณ วิชัยทา, อรุณี หรดาล และธริ ตา ภาสะวณิช (2560) ทาวิจัยเร่ือง ผลการ ใช้เกมกลางแจ้งโดยใช้สมองเป็นฐานท่ีมีต่อสมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวัยโรงเรียน สาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ผลการวิจัยพบว่า 1) เด็กปฐมวัยโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ที่ได้รับการจัดกิจกรรมเกมกลางแจ้งโดยใช้สมองเป็นฐานมี สมรรถภาพทางกลไกสูงกว่าก่อนการทดลอง อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 และ 2) เด็กปฐมวัยโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ท่ีได้รับการจัดกิจกรรมเกม กลางแจ้งโดยใช้สมองเป็นฐานมีสมรรถภาพทางกลไกสูงกว่ากลุ่มท่ีได้รับการจัดกิจกรรม กลางแจ้งตามปกติ อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .05

4589 บทสรุป กิจกรรมการเคลื่อนไหวสาหรับเด็กเล็ก มีความสาคัญต่อเด็กเล็กมาก ด้วยวัยของเด็กท่ี ไม่อยู่น่ิงและชอบเคลอื่ นไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา หากไม่ได้รับการสง่ เสรมิ ให้จัดกิจกรรมเพื่อ สร้างทักษะการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องตั้งแต่เด็กเล็ก อาจส่งผลต่อสรีระของเด็กไม่ว่าจะเป็นการ ยืน การเดนิ การนัง่ การนอน การเคลือ่ นทใี่ นอิรยิ าบถต่าง ๆ ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ ับจากกิจกรรมการเคลือ่ นไหวสาหรบั เดก็ เล็ก 1. ด้านร่างกาย คือ ช่วยให้เด็กมีการตอบสนองต่อธรรมชาติในส่ิงท่ีควรจะเป็น เช่น ทักษะการเดินทรงตัวจะถูกไปใช้ในการเดินบนทางแคบ ทักษะการกระโดดจะถูกไป ใช้ในการกระโดดข้ามส่ิงกีดขวาง เด็กได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ที่ถูกต้องเพ่ือ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน เช่น ยนื เดิน ว่ิง กระโดด หมุนตัว การเดินบนทางต่างระดับ อีก ท้ังยังช่วยให้เด็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเน้ือมัดใหญ่ อวัยวะทุกส่วน และความสัมพันธ์ของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายในการ เคล่ือนไหว 2. ด้านอารมณ์ จิตใจ โดยเฉพาะการได้ฝึกการเคลื่อนไหวประกอบดนตรี เด็กจะมี ความสุขความสนุกสนาน เบิกบาน ผ่อนคลายความเครียด ซ่ึงเป็นผลที่ทาให้เด็กเป็นคนมีอารมณ์ดี ย้ิมแย้มแจ่มใส ทั้งยังทาให้เกิดความม่ันใจในตนเอง เด็กได้แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึก คิด และความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างอิสระ ซึ่งส่งผลในการพัฒนาความเป็นเอกลักษณ์และ ความมน่ั ใจในตนเองของเดก็ 3. ด้านสังคม ช่วยทาให้เด็กได้ทากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ มีความสามัคคีและ ปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่มได้ เช่น การออกกาลังกายพร้อมกับเพ่ือน ๆ การรับประทาน อาหารพร้อมกันท้ังโรงเรียนนอกจากน้ีกิจกรรมการเคลื่อนไหวยังช่วยฝึกการเป็นผู้นา ผู้ ตามให้แก่เด็กอีกด้วย เช่น ให้เด็กทาทา่ ทางเคลอ่ื นไหวร่างกายเป็นผู้นาแล้วให้เพื่อนปฏิบัติ ตาม โดยมีการสลับเปล่ียนหมุนเวียนกัน ท้ังยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรมและ เอกลักษณ์ประจาชาติของประเทศต่าง ๆ เช่น การรา การเต้นระบาฮาวาย การเต้นแบบ จนี การเตน้ แบบแขก

6409 4. ด้านสติปัญญา ช่วยให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะการเล่น การเคลื่อนไหว การ ร้อง การเต้น จะช่วยพัฒนาสติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็ก เด็กจะสามารถคิดวางแผนการทา กิจกรรมไดโ้ ดยใช้หลกั การการเคล่อื นไหวท่ีถูกต้องได้ รปู แบบการจดั กิจกรรมการเคลือ่ นไหวสาหรับเดก็ เลก็ มี 6 ประเภท คอื 1) การเคลอื่ นไหวและการทางานของร่างกาย 2) กจิ กรรมเข้าจงั หวะ 3) ยมิ นาสติก ยืดหย่นุ 4) เกม 5) ทักษะกีฬา 6) การทดสอบสมรรถภาพ จากรูปแบบกิจกรรมด้านบนสามารถวิเคราะห์ประเภทกิจกรรมย่อย ๆ ได้อีก เพือ่ จะจดั กิจกรรมให้เหมาะสมสาหรับเด็กเล็ก ได้ 3 ประเภท 1. กิจกรรมท่ีได้ฝึกการทรงตัว เป็นกิจกรรมที่พัฒนากล้ามเนื้อ การทางานให้ ประสานกันระหว่างอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การฝึกทักษะท่ีสร้างความสมดุล ระหว่างอวัยวะทุกส่วน คือ ตา ระบบประสาท แขนและขา เพ่ือเพ่ิมความม่ันใจในการ ตัดสินใจต่อเรื่องต่าง ๆ ตามวัย 2. กิจกรรมท่ีไดฝ้ กึ การเคลอ่ื นไหวแบบเคลอ่ื นท่ี เปน็ กจิ กรรมท่พี ัฒนาใหผ้ เู้ รียนได้ เคล่ือนยา้ ยตนเองจากจุดหนึ่งไปยงั อกี จุดหนึ่ง กจิ กรรมนจ้ี ะชว่ ยพัฒนาอวัยวะทุกสว่ นของ รา่ งกาย กลา้ มเนอื้ มัดเลก็ กลา้ มเนอื้ มดั ใหญ่ และทาให้เกดิ สมรรถภาพทางกายในหลาย ๆ ดา้ นอีกด้วย เชน่ การเดนิ การว่ิงแบบต่าง ๆ การกระโดดเชือก เป็นตน้ 3. กิจกรรมที่มีการใช้บอล เป็นกิจกรรมท่ีต้องใช้การควบคุมวัตถุให้เคล่ือนท่ีไป กลางอากาศ ทกั ษะทต่ี ้องฝึกหัดมี 4 อย่าง คือ การขว้าง การรับ การเตะ และการตี ทักษะ เหล่านี้จะช่วยให้เด็กพร้อมที่จะมีทักษะในดา้ นกีฬาตอ่ ไป สิ่งที่ช่วยใหผ้ ู้เรียนได้มที ักษะการ ใช้บอล ได้แก่ รูปร่าง ความสามารถในการทางานของกล้ามเนื้อใหญ่ การเคลื่อนไหว การ ทรงตัว การทางานของกล้ามเนื้อเล็ก ๆ และความสัมพันธ์ระหว่างมือกับสายตา เท้ากับ สายตา

5601 คาถามท้ายบท 1. จงเติมคาศพั ท์และอธบิ ายทกั ษะตามหัวข้อท่กี าหนดใหค้ รบถ้วนและถูกตอ้ ง ลาดับ ชอ่ื ทกั ษะภาษาไทย ชือ่ ภาษาองั กฤษ ขนั้ ตอนการฝึกทักษะ ตวั อย่าง เดิน Walk 1. แกว่งแขนขนานลาตัว หลังตรง ตา มองไปข้างหน้า 2. เดนิ ลงดว้ ยฝา่ เทา้ ปลายเทา้ ชี้ไปขา้ งหนา้ 1 ว่ิง .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 2 กระโดดขาเดียว .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 3 กระโจน .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 4 ก้าว-เขย่ง .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 5 สไลด์ .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 6 ทรงตัว .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 7 ขว้าง .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 8 รับ .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 9 เตะ .............................. .............................................................. .............................. ............................................................... 10 ตี .............................. .............................................................. .............................. ...............................................................

5612 รายการอา้ งอิง ภาษาไทย กนั ตภณ วชิ ัยทา, อรณุ ี หรดาล และธิรตา ภาสะวณิช. (2560). ผลการใช้เกมกลางแจ้งโดย ใชส้ มองเปน็ ฐานท่ีมตี อ่ สมรรถภาพทางกลไกของเด็กปฐมวยั โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งใหม่.วารสารบัณฑติ วจิ ัย.8(1): 155 – 168. ณิชารีย์ อังกาบ. (2559). ผลของการฝึกการออกกาลังกายเพ่ือการทรงตัว ท่ีมีต่อ ความสามารถในการกระโดดและการทรงตัวในนักกีฬาวอลเลย์บ อลเยาวชน หญิง. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะ วทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. พรชลัต สุขแก้วและศศิลักษณ์ ขยันกิจ. (2557). ผลของการจัดกิจกรรมโยคะที่มีต่อ สมรรถภาพทางกลไกของเด็กวัยอนุบาล. OJED. 9(1): 783-791. ไพวัน เพลดิ พราว. (2559). การเคล่อื นไหวเบ้ืองต้น. อุดรธานี: คณะศึกษาศาสตร์ สถาบัน การพลศึกษา. (เอกสารอดั สาเนา) วรรณภรณ์ มะลิรัตน์. (2554). ผลของการจัดกิจกรรมการเคล่ือนไหวพื้นฐานแบบกลุ่ม ที่มีต่อทักษะทางสังคมของเด็กฐมวัย. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต. สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. วนั เฉลมิ เบ้ามี และ จมุ พล ราชวจิ ติ ร. (2553). การสร้างแบบฝกึ สมรรถภาพทางกาย สาหรับนกั เรยี นปฐมวยั . วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับวจิ ัยบัณฑติ ศึกษา มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . 4(4): 193 – 198. วาสนา จักรแ์ ก้ว, อินสอน จันตะ๊ , และกาญจนา ลออเลิศลักขณา. (2559). การประยุกต์ใช้ ของเลน่ พ้นื บา้ นล้านนา : เพ่ือส่งเสรมิ พฒั นาการเด็กปฐมวยั . วารสารการวิจยั กาสะลองคา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย. 10(2): 27-36. ศรินยา บูรณสรรพสิทธ์.ิ (2552). ผลการฝึกกลา้ มเน้ือแกนกลางลาตวั ท่ีมีต่อความ แข็งแรงและการทรงตัวในผู้สูงอายุ. ปริญญานิพนธ์มหาบัณฑิต. สาขาวิชา วทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. สมนกึ กุลสถิตพร. (2549). กายภาพบาบัดในผสู้ ูงอาย.ุ (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). กรุงเทพฯ: ออฟ เซ็ท เพรส.

6532 ภาษาองั กฤษ Buschner, C.A. (1994). Teaching children movement concepts and skill: becoming a master teacher. United States of America: Human Kenetics.

64 บทท่ี 4 การเคล่ือนไหวขนั้ พ้ืนฐานและกิจกรรมการเคลือ่ นไหว Fundamental Movement and Motion Activities การจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายด้าน อันได้แก่ ผู้สอน ผู้เรียน ช่วงวัยและความพร้อมของร่างกาย สถานที่ และแบบเรียน ยังมี ปัจจัยเฉพาะที่ส่งเสริมประสิทธิภาพในการเคล่ือนไหวร่างกายให้มีประสิทธิภาพอีก คือ ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ โครงสร้างร่างกาย ความสามารถในการปฏิบัติทักษะในการ เคล่ือนไหว อารมณ์ จิตใจและสายตา รวมถึง สภาพอุณหภูมิของอากาศในขณะท่ีมีการ เคลื่อนไหว ทักษะการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย มีลกั ษณะทีส่ าคัญ 3 รูปแบบ คือ 1. การเคลื่อนไหวพ้ืนฐาน (fundamental movement) เป็นทักษะการเคลื่อนไหว ร่างกายท่จี าเป็นสาหรับชีวิตและการดารงชีวติ ของมนุษย์ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่าง ๆ 2. การเคล่ือนไหวในชีวิตประจาวัน (daily movement) เป็นทักษ ะการ เคลือ่ นไหวรา่ งกายในอิรยิ าบถต่าง ๆ ท่วั ไปทีใ่ ช้ในการดาเนนิ ชวี ิต 3. การเคลื่อนไหวเฉพาะอย่าง (special movement) เป็นการผสมผสานทักษะการ เคลื่อนไหวพ้ืนฐานต่าง ๆ เพือ่ นามาใช้ในการออกกาลังกาย หรอื เล่นกฬี า ในที่น้ีจะกล่าวถึงการเคล่ือนไหวท่ีจาเป็นและสาคัญต่อการดารงชีวิตประจาวัน คือ การเคลื่อนไหวขนั้ พ้ืนฐาน กิจกรรมการเคล่อื นไหวขั้นพืน้ ฐาน คอื กจิ กรรมทส่ี ่งเสรมิ ใหอ้ วัยวะส่วนต่าง ๆ ของ รา่ งกายได้มกี ารเปล่ยี นแปลงตาแหน่งอย่างต่อเนือ่ งกนั โดยมีอวัยวะส่วนทเี่ ก่ียวข้องกัน คือ ระบบประสาทกับระบบกล้ามเน้ือ ซึ่งกิจกรรมท่ีจัดจะต้องเป็นกิจกรรมที่ได้ผลไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั ด้วย

65 แผนผังแสดงทมี่ าของการเคล่อื นไหวขัน้ พน้ื ฐาน ระบบประสาทและอวัยวะรับสัมผัส ทส่ี ่งผลต่อการเคลอ่ื นไหว (Nervous System) ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยอวัยวะในระบบต่าง ๆ หลายระบบท่ีทางาน ประสานเก่ียวข้องกัน เพ่ือให้มนุษย์สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ บางระบบอวัยวะจะทาหน้าที่ เพื่อให้มนุษย์มีชีวิต บางระบบร่างกายทาหน้าท่ีเชื่อมโยงกับความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ระบบประสาท คือ ระบบการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสัตว์ทาให้สัตว์สามารถตอบสนองต่อ ส่ิงต่างๆ รอบตัวอย่างรวดเร็ว ช่วยรวบรวมข้อมูลเพ่ือให้สามารถตอบสนองได้ ระบบ ประสาทถือเป็นระบบหน่ึงในร่างกายมีหน้าท่ีในการออกคาส่ังการทางานของกล้ามเน้ือ ควบคุมการทางานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และประมวลข้อมูลที่รับมาจากประสาท สัมผัสต่าง ๆ และสร้างคาสั่งต่าง ๆ (action) ให้อวัยวะต่าง ๆ ทางาน ระบบประสาทของ สัตว์ที่มีสมองจะมีความคิดและอารมณ์ ระบบประสาทจึงเป็นส่วนของร่างกายที่ทาให้สัตว์ มกี ารเคลือ่ นไหว (ภาคภมู ิ พลิ กึ , 2560) Falgueras (2011) ได้กล่าวถึงระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 ระบบ 1.ระบบประสาทสว่ นกลาง (Central Nervous System) ประกอบด้วย - สมอง ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ประสาทจานวนมาก รวมตัวกันอยู่ในกะโหลก ศีรษะ ทาหน้าท่ีควบคุมการทางานของส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย รักษาดุลยภาพและการ ทรงตัวของร่างกายรวมท้งั พฤติกรรมท่ีเกิดจากการเรยี นรู้ เช่น ความจา การตัดสินใจ

66 - ไขสันหลัง เป็นเซล์ลประสาทท่ีอยู่ในโพรงกระดูกสันหลังเป็นส่วนเช่ือมต่อจาก สมองทาหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานท่ีเกิดขึ้นทันทีทันใด เซลล์ประสาทจะ นากระแสความรู้สึกเขา้ สสู่ มองและนาคาสงั่ จากสมองไปยังส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย 2.ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral Nervous System หรอื PNS) เส้นประสาทสมอง 12 คู่ ทาหนา้ ท่ีรบั กระแสความรู้สกึ เข้าสสู่ มอง และนาคาส่ังจากสมอง ไปยังสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย และเส้นประสาทไขสนั หลัง 31 คู่ ทาหน้าที่รับกระแสความ รสู้ ึกเข้าสไู่ ขสนั หลงั และนาคาส่งั จากไขสนั หลงั ไปยังสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย กล่าวโดยสรุประบบประสาทมีความสาคัญตอ่ การเคลอ่ื นไหวของร่างกาย เพราะ ทาหน้าท่ีในการออกคาส่ังกล้ามเนื้อให้ทางาน ควบคุมการทางานของอวัยวะต่าง ๆ ใน ร่างกาย และประมวลข้อมูลที่รับมาจากประสาทสมั ผัสต่าง ๆ มาสร้างเป็นคาส่ังต่าง ๆ เพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ ทางาน ร่างกายเคล่ือนไหวได้เพราะมีระบบประสาทที่ดี อวัยวะ ส่วนท่ีเปราะบางและต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและเสียหายมากท่ีสุดในการทา กิจกรรมต่าง ๆ คือ กะโหลก และไขสันหลัง เพราะจะส่งผลให้ คนเราเป็นอัมพาต หรอื ไม่สามารถเคลอื่ นไหวรา่ งกายได้ การเคลือ่ นไหวข้นั พ้นื ฐาน ไพรวัน เพลิดพราว (2559) ได้กล่าวถึง การเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐานไว้ว่าเป็นการศึกษาที่ เกยี่ วข้องกับการเคลอื่ นไหวร่างกายของมนุษย์ที่จะรว่ มพัฒนาส่วนต่าง ๆ ให้ทางานอย่างดแี ละ เคล่ือนไหวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนาทักษะการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของมนุษย์มา ประกอบจังหวะหรือเสียงดนตรี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานท่ีจะนาไปสู่การเรียนกิจกรรมพลศึกษาท่ีจะ สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างถูกต้อง ครูผู้สอนจาเป็นที่จะต้องสอนให้ผู้เรียนมีความรู้ เกี่ยวกับการเคล่ือนไหวข้ันพ้ืนฐาน ซึ่งเป็นทักษะที่ใช้ในชีวิตประจาวันให้เคลื่อนไหวได้อย่าง ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซ่ึงต้องได้รับการพัฒนา ความสัมพันธ์ระหว่างระบบประสาทและ กล้ามเน้ือในการเคล่ือนไหวให้มีประสิทธิภาพย่ิงขึ้นและปลูกฝัง ตั้งแต่ระดับช้ันประถมศึกษา เพื่อให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาไปสู่การเคลื่อนไหวท่ีซับซ้อนมากข้ึน จนเป็นการเคล่ือนไหวเฉพาะ

67 กิจกรรม เช่น การเคลื่อนไหวในเกมหรือการทาต่าง ๆ การเต้นรา กีฬาสากลชนิดต่าง ๆ กิจกรรมการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย เช่นเดียวกับที่สุรเชษฐ์ วิศวธีรานนท์(2560) ได้ กล่าวถึงความหมายของการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐานไว้ คือ การเคลื่อนไหวร่างกายใน ชีวิตประจาวัน เช่น ยนื เดิน น่งั กม้ ตวั ยกของ ปนี ป่าย กระโดด กล่าวโดยสรุป การเคลื่อนไหวขั้นพ้ืนฐาน หมายถึง การเปล่ียนแปลงตาแหน่ง ร่างกายที่ต่อเนื่องกัน โดยแสดงออกของร่างกายโดยการเคลื่อนไหว เกิดจากอารมณ์ ความร้สู ึก จากจินตนาการเม่อื มสี ิง่ เรา้ และเปน็ สิง่ ท่มี คี วามสาคญั อยา่ งมากสาหรบั กีฬา ทุกชนดิ เพราะเป็นพื้นฐานทีจ่ าเปน็ ท่ีจะพัฒนาไปสู่ทกั ษะในขน้ั สงู ต่อไป เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ (2554) ไดก้ ลา่ วถงึ การศึกษาและปฏิบัติในรปู แบบของ ทกั ษะการเคลื่อนไหวเบ้ืองต้นท่ถี กู ต้องเปน็ พนื้ ฐานสาคัญทีช่ ว่ ยใหบ้ ุคคลเคลอื่ นไหวได้อย่าง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ความสาคัญของทักษะการเคลื่อนไหวข้ันพื้นฐาน แบ่งได้ 2 ลกั ษณะ คอื 1. ทักษะการเคลื่อนไหวท่ีใช้ในชีวิตประจาวันที่ควรศึกษาและฝึกปฏิบัติให้เกิด ความ ชานาญประกอบด้วย ได้แก่ ทักษะการเดิน ทักษะการวิ่ง ทักษะการก้มตัว ย่อตัวและการลุกขึ้นยืน ทักษะการเคลอ่ื นย้ายสง่ิ ของทมี่ ํีนา้ หนกั ดว้ ยการดึงหรือการดัน ทักษะการใช้อปุ กรณ์ทมี่ ดี ้ามยาว 2 ทักษะของการจัดท่าทางในชีวิตประจาวันให้ถูกสุขลักษณะ ประกอบด้วย ทักษะการจัดท่าทางการยืน ทักษะการจัดท่าทางการน่ัง ทักษะการจัดท่าทางการนอน ทักษะการจัดทา่ ทางการยกและแบกสิ่งของทีม่ ํนี า้ หนัก เมื่อวิเคราะห์ทักษะการเคลื่อนไหวท้ังสองลักษณะท่ีกล่าวมาข้างต้นจะพบว่า ใน ทักษะการเคลอ่ื นไหวที่กลา่ วมาจะประกอบด้วยรปู แบบการเคลอ่ื นไหว 3 รปู แบบ คือ 1. รปู แบบการเคลอ่ื นไหวแบบอยูก่ ับท่ี (Non-Locomotor Movement) 2. รปู แบบการเคลอื่ นไหวแบบเคลื่อนท่ี (Locomotor Movement) 3. รปู แบบการเคล่ือนไหวแบบประกอบอุปกรณ์ (Manipulative Movement)

68 1. การเคลื่อนไหวแบบอยู่กบั ที่ ได้แก่ การเคลื่อนไหวท่ีส่วนฐานของร่างกายอยู่ กับที่ ไม่เคล่ือนท่ีจากที่หนึ่งไปยังอีกท่ีหน่ึง ได้แก่ ศรีษะ แขน ขา เอว มือ เท้า ประกอบด้วย ทกั ษะ การก้มตัว การยดื เหยียดตวั การบดิ ตวั การเอนตวั การแกว่งหรือเหวย่ี ง การบิดตัว การก้มตัว (Bending) การยืนยดื หรอื เหยียดตัว (Stretching) การนั่งยืดหรือเหยียดตัว (Stretching) ภาพประกอบ : นิวัฒน์ ศรีจันทร์

69 การบดิ ตวั (Twisting) การแกว่งหรอื เหวี่ยง (Swinging) ภาพประกอบ : นิวัฒน์ ศรีจันทร์

70 การเอยี งตวั (Swaying) การโยกตัว (Rocking) ภาพประกอบ : นวิ ฒั น์ ศรจี ันทร์ การหมนุ ตัว (Turning)

71 การดนั /การผลกั (Pushing) การดงึ (Pulling) ภาพประกอบ : นวิ ฒั น์ ศรจี นั ทร์

72 2. การเคลื่อนไหวแบบเคล่ือนท่ี หมายถึง การเคลื่อนไหวร่างกายจากท่ีหน่ึงไปอีกที่ หนึ่ง เป็นการเคล่ือนไหวร่างกายแบบง่าย ๆ และเพิ่มความสลับซับซ้อนข้ึน เป็นการเคลื่อน น้าหนักจากอีกเท้าหนึ่งไปยังอีกเท้าหนึ่ง และได้ระยะทางไปด้วย เช่น การเดิน การวิ่ง การ กระโดด การกา้ วกระโดด การเดินบนทางตา่ งระดับ เป็นตน้ การเดนิ (Walk) เป็นการเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนทขี่ ั้นพ้นื ฐาน มวี ิธีการ คอื ลาตวั ตั้งตรง มองตรงไป ข้างหนา้ ยืดอกขึน้ กา้ วเท้าไมย่ าวไมส่ ้นั จนเกินไป แกวง่ แขนสัมพนั ธก์ บั ขาทีก่ ้าว การเดนิ (Walk) การวง่ิ (Run) เปน็ การเคล่อื นไหวแบบเคลอ่ื นทข่ี ั้นพน้ื ฐาน มวี ธิ ีการ คือ ศีรษะตั้งตรง มองตรงไป ขา้ งหนา้ โนม้ ตวั มาด้านหน้าเล็กน้อย ขอ้ ศอกงอ แกวง่ แขนเฉยี ดข้างลาตัว ปล่อยหวั ไหล่ ตามสบายไม่ต้องเกร็ง เท้าลงพื้นแบบเตม็ เท้า เขา่ งอเล็กนอ้ ย ภาพประกอบ : นิวัฒน์ ศรจี นั ทร์

73 การว่งิ (Run) การหยดุ เดิน และการหยุดวิ่ง (Stopping) เปน็ ทกั ษะทรงตวั ที่เกิดขนึ้ ต่อเน่อื งจากการเดนิ หรือการวิง่ มวี ิธีการคอื การหยุด เดนิ ใช้การก้าวเท้าข้างใดขา้ งหนง่ึ ไปข้างหน้า (Stride stop) แลว้ นาเทา้ ทอี่ ยูด่ า้ นหลังมา วางคู่ขนานกนั หากเปน็ การหยุดว่งิ ท่ีมคี วามเรว็ อาจใชก้ ารกระโดดหยุด (Jump stop) การหยดุ เดิน และการหยดุ ว่งิ (Stopping) ภาพประกอบ : นิวัฒน์ ศรีจนั ทร์

74 การกลบั ตวั (Shuttle run) เป็นทักษะท่ีทาได้ต่อเนื่องจากการหยุดเดินหรือวิ่งพร้อม มีวิธีการดังนี้ ผู้เล่นจะมี เป้าหมายในการหยุดโดยมเี ท้านาและเทา้ ตาม กลบั ตัวด้านทขี่ าอยู่ด้านหลงั ขณะกลบั ตวั น้าหนัก ตวั จะอยูท่ ีป่ ลายเทา้ นา บิดตวั กลบั มา ออกแรงถีบเท้าทีอ่ ยู่ด้านหลงั แลว้ นามาวางด้านหนา้ 1.1 การวง่ิ (Run) กา้ วกระโดดไกล (Leaping) เปน็ ทกั ษะที่มีการผสมผสานระหว่างการว่ิง และการกระโดด มีวธิ กี ารดังนี้ ผเู้ รียน กา้ วเท้านาโดยมเี ทา้ หลงั ถีบส่งตัวไปข้างหน้า แกว่งแขน เพอ่ื ให้สง่ ตัวไปขา้ งหน้า ทกั ษะน้ี ฝกึ เพ่อื นาไปใช้ในการกระโดดข้ามคูคลอง ข้ามสงิ่ กดี ขวางทเ่ี ป็นอปุ สรรค เปน็ ตน้ การก้าวกระโดดไกล (Leaping) ภาพประกอบ : นวิ ัฒน์ ศรจี ันทร์