Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือทักษะและเทคนิคการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

หนังสือทักษะและเทคนิคการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

Published by ์Nuttaporn Suddee, 2021-01-24 11:34:34

Description: ใช้สำหรับการเรียนการสอนและใช้สำหรับอ่านทั่วไป

Keywords: หนังสือ

Search

Read the Text Version

ทักษะและเทคนคิ การจัดกจิ กรรมการเคล่อื นไหว สำ� หรับเด็กเลก็



ทกั ษะและเทคนคิ การจดั กิจกรรมการเคล่อื นไหว สำ� หรบั เดก็ เล็ก SKILLS AND TECHNIQUE FOR CREATIVE MOVEMENT ACTIVITIES FOR EARLY CHILDHOOD ณฐั พร สุดดี 2562 190.-

ณัฐพร สุดดี                ทกั ษะและเทคนคิ การจัดกจิ กรรมการเคล่อื นไหวสำ� หรับเดก็ เล็ก / ณฐั พร สดุ ดี                1. พฒั นาการของเด็ก.  2. ความสามารถทางกลไกในเดก็ .                3. การศกึ ษาปฐมวัย -- กจิ กรรมการเรยี นการสอน.  4. พลศกึ ษาสำ� หรบั เดก็ . 372.86 ISBN 978-974-03-3895-6 สพจ. 2392 Kสรnรคoณุ wคleา วdชิ gากeารtสoสู ังAคมll www.cupress.chula.ac.th ลิขสทิ ธข์ิ องสำ� นกั พมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั การผลิตและการลอกเลยี นหนังสอื เล่มนไ้ี ม่ว่ารูปแบบใดทงั้ สิน้ ต้องได้รบั อนญุ าตเป็นลายลกั ษณ์อักษรจากสำ� นักพมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั จัดพิมพ์โดย สำ� นักพมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย พิมพ์ครั้งท่ี 1 จำ� นวน 800 เล่ม พ.ศ. 2562 ผู้จัดจำ� หน่าย ศูนย์หนงั สอื จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ถนนพญาไท เขตปทุมวนั กรุงเทพฯ 10330 สาขา ศาลาพระเกยี้ ว โทร. 0-2218-7000-3 โทรสาร 0-2255-4441 สยามสแควร์ โทร. 0-2218-9881-2 โทรสาร 0-2254-9495 ม.นเรศวร จ. พษิ ณุโลก โทร. 0-5526-0162-4 โทรสาร 0-5526-0165 ม.เทคโนโลยสี ุรนารี จ.นครราชสมี า โทร. 0-4421-6131-4 โทรสาร 0-4421-6135 ม.บูรพา จ.ชลบุรี โทร. 0-3839-4855-9 โทรสาร 0-3839-3239 โรงเรยี นนายร้อย จปร. จ.นครนายก โทร. 0-3739-3023 โทรสาร 0-3739-3023 ม.พะเยา จ.พะเยา โทร. 0-5446-6799-800 โทรสาร 0-5446-6798 จตั รุ สั จามจุรี (CHAMCHURI SQUARE) ชน้ั 4 โทร. 0-2160-5301-2 โทรสาร 0-2160-5304 หวั หมาก โทร. 0-2374-1378 โทรสาร 0-2374-1375 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน จ.นครราชสมี า โทร. 0-4492-2662-3 โทรสาร 0-4492-2664 Call Center (จดั ส่งท่ัวประเทศ) โทร. 0-2255-4433 http://www.chulabook.com และเครือข่ายฯ ร้านค้า หนงั สอื เข้าชนั้ เรยี น ตดิ ต่อแผนกขายส่ง สาขาหวั หมาก โทร. 0-2374-1375-6 โทรสาร 0-2374-1377 กองบรรณาธกิ าร : ทพิ วรรณ โหละสตุ พสิ ูจน์อกั ษร : รววิ รรณ จนั ทรแม้น ออกแบบรปู เล่มและปก : สุภญิ ญา สมทา ภาพประกอบ : สภุ ญิ ญา สมทา ภาพถ่าย : สุรเชษฐ์ วศิ วธีรานนท์ พมิ พ์ที่ สำ� นักพมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [CUB 6209-004] โทร. 0-2218-3562-3 โทรสาร 0-2218-3547

คำ�นำ� ช่วงวัยต้ังแต่แรกเกิดถึง 9 ปี เป็นช่วงวัยที่ส�ำคัญยิ่งของมนุษย์ การจัดกิจกรรม ตา่ ง ๆ ให้แก่เด็กในกลุ่มนี้เป็นส่ิงท่ีจ�ำเป็นและส�ำคัญต่อการวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่าง สมบูรณ์ การส่งเสริมพัฒนาการการเคล่ือนไหวจึงเป็นการพัฒนาทักษะท่ีมีประสิทธิภาพ ท่ีจะส่งผลให้มีการพฒั นาในด้านอน่ื ๆ ตามมา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับเด็กเล็กในช่วงปฐมวัยและประถมศึกษา เป็นการ จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายในเรื่องความแข็งแรง ความอดทน ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว เพอื่ ใหอ้ วยั วะสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายทำ� งานสมั พนั ธก์ นั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี โดยกิจกรรมจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก ในการยืน เดิน วิ่ง กระโดด การโยน การรับ การขว้าง การเตะ เด็กจะได้ลองฝึกคิด ได้ออกแบบวิธีเล่นด้วยตนเอง และยังเป็นการปรับตัวในการเล่นร่วมกับผู้อ่ืน ขณะเดียวกันก็ช่วยฝึกให้เด็กได้คิดตัดสินใจ เลือกโดยอิสระ ท้ังหมดน้ีจะน�ำไปสู่การสร้างความมั่นใจเพ่ือพ้ืนฐานของผู้ท่ีมีบุคลิกภาพ ทดี่ ีต่อไปในอนาคต หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากการศึกษา การค้นคว้าข้อมูล จากแหล่งข้อมูลที่น่าเช่ือถือน�ำมาเรียบเรียงร่วมกับประสบการณ์ในการสอนวิชาพลศึกษา และการจัดกิจกรรมให้กับนักเรียนทั้งในระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษามามากกว่า 20 ปี อีกทั้งได้ถ่ายทอดไปสู่นิสิตครูผ่านการสอนและการนิเทศมาไม่น้อยกว่า 10 ปี เพ่ือมุ่งหวังให้นักเรียน นิสิตนักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงผู้สนใจท่ัวไปได้ใช้ เป็นแนวทางในการน�ำไปจัดกจิ กรรมให้กับเดก็ ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของแต่ละคน ขอขอบพระคุณคณาจารย์ พ่ี ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่มีส่วนช่วยให้การด�ำเนินการ หนังสือเล่มนี้จนส�ำเร็จ ขอบคุณอาจารย์สุรเชษฐ์ วิศวธีรานนท์ ท่ีให้ความอนุเคราะห์ บุตรชายและบุตรสาว เด็กหญิงณัฐปภัสร์ วิศวธีรานนท์ เด็กชายจิรัฏร์ วิศวธีรานนท์ มาแสดงท่าทางการเคล่ือนไหวเป็นแบบอย่างอยู่ในหนังสือ อีกทั้งช่วยให้ค�ำแนะน�ำ ในการออกแบบรูปเล่ม ขอขอบพระคณุ โรงเรยี นสาธติ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ฝ่ายประถม

หน่วยงานที่สร้างแรงบันดาลใจในการท�ำงานเพื่อประโยชน์ของเด็ก จนท�ำให้ผู้เขียน คิดที่จะสร้างสรรค์งานท่ีเก่ียวข้องกับเด็กอีกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ขอบคุณ ผู้ปกครองนักเรียนระดับอนุบาลท่ีให้ถ่ายภาพนักเรียนขณะด�ำเนินการสอนกิจกรรม การเคล่ือนไหวขั้นพ้ืนฐานโดยมีผู้เขียนเป็นผู้สอน ท้ายสุดนี้ ขอกราบขอบพระคุณและร�ำลึกถึงพระคุณของคณาจารย์ภาควิชา พลศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อบรมสั่งสอนให้ผู้เขียนได้เป็น ผู้ท่ีมีความรู้ จนสามารถน�ำมาถ่ายทอดและเผยแพร่ อันเป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพและ ทุกคนที่สนใจ ผู้เขียนหวังว่าหนังสือเล่มน้ีสามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นส�ำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง และสนใจในการจัดการเรียนรู้หรือจัดกิจกรรมให้แก่นักเรียนระดับปฐมวัยและประถมศึกษา เพ่ือส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายผ่านการจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับระดับพัฒนาการและความสนใจของเด็กเล็ก เพื่อการ พัฒนาอย่างเต็มศกั ยภาพ และมีประสทิ ธภิ าพต่อไป ณฐั พร สดุ ดี กรกฎาคม 2562

สารบัญ CพhCiัฒพlhdiฒันldาDนกeาDาvกeรeาvขlรoeอขplงoอmเpดงemเก็ ดnet็กnt 11 การเคลื่อนไหวข้นั พื้นฐาน 47 47 Fundaกmารeเnคtลalือ่ Mนไoหvวeขmน้ั eพnื้นt ฐSาkiนlls Fundamental Movement Skills การเคลื่อนไหวสำาหรับเดก็ เลก็ 67 67 MovemeกnาtรAเคctลivื่อitนieไหs วfoสrำ�หEaรrบั lyเดCก็ hเiลld็กhood 79 Movement Activities for Early Childhood 79 การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ 95 สาำ หรับกกาิจรกเขรรียมนกแาผรนเคกลารื่อจนัดไหกวาขรเน้ั รพียืน้นฐรู้าน 95 สำ�หรบัWกriิจtiกnรgรLมeกsาsรoเnคลPlื่อaนnไsหfวoขr ้นั พืน้ ฐาน 150150 WMroivtienmgeLnetssAocntivPiltaienss for 151151 แนMวคoิดveกmารeจnัดt กAิจctกivรiรtiมes 155155 การแเนควลคือ่ ิดนกไหารวจขัดัน้ กพิจื้นกฐรารนม IdeaกfoาrรเMคลovื่อeนmไหeวnขt ัน้Aพctืน้ivฐitาieนs Idea for Movement Activities คลิปวีดิทัศนท์ ักษะการเคลื่อนไหวข้นั พืน้ ฐาน คลิปวfิดorีโอFตunวั dอaยEm่าxงaemnทtpักalษleMะVกoiาdvรeeเomคsลenื่อtนSไหkiวllขsั้นพืน้ ฐาน บรบรรณรณานากุ นรกุ มรม ดชั ดนชั ี นี



เรอ่ื ง CพhัฒilนdาDกeาvรeขloอpงmเดeก็ nt Observing and monitoring child development is an important tool to ensure that children meet their ‘developmental milestones’ การสงั เกตและการตดิ ตามพฒั นาการของเดก็ เปน็ สงิ่ สำ� คญั เพอ่ื ทำ� ใหม้ นั่ ใจไดว้ า่ เดก็ จะมพี ฒั นาการตามลำ� ดบั ขน้ั https://childdevelopment.com.au/areas-of-concern/what-is-child-development/

หน้า เนื้อหา 3 ความหมายของพฒั นาการ 5 พฒั นาการด้านร่างกาย (Physical Development) 15 พฒั นาการด้านอารมณ์และจติ ใจ (Emotional Development) 20 พฒั นาการด้านสังคม (Social Development) 31 พฒั นาการด้านสตปิ ญั ญา (Intellectual Development) 43 กจิ กรรมส่งเสรมิ พัฒนาการ 2

ความหมายของพฒั นาการ การที่ผู้สอน จะจัดกิจกรรมการเคล่ือนไหวส�ำหรับเด็กเล็กได้นั้น ผู้สอนจ�ำเป็นต้อง ศึกษาและท�ำความเข้าใจถึงพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัยอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะสามารถ น�ำกิจกรรมไปใช้กับเด็กเล็กได้อย่างเหมาะสมและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ซงึ่ พฒั นาการของเดก็ แตล่ ะวยั มลี กั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป พฒั นาการของ มนษุ ย์เปน็ กระบวนการต่อเน่ืองทีเ่ ริม่ ต้นตั้งแต่การปฏิสนธิไปจนตลอดชีวิต พัฒนาการของ เด็กจะดำ� เนินตามขนั้ ตอนทเี่ ป็นแบบแผนและมที ิศทาง พฒั นาการของเดก็ คอื อะไร เม่ือประมาณ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช Plato นักปราชญ์ชาวกรีกได้อธิบายถึง พัฒนาการเด็กไว้ว่า คนเราทุกคนเกิดมาด้วยรูปลักษณ์ ความสามารถ และความถนัดท่ีแตกต่างกนั ดังน้ันควรจะได้รับการสนับสนุนให้เหมาะสมกับความสามารถในแต่ละคน เมื่อพูดถึงพัฒนาการวัยเด็ก จะท�ำให้นึกไปถึงกระบวนการที่มนุษย์เร่ิมเติบโตตั้งแต่วัยทารกไปจนถึงวัยชรา ความแตกต่างของ การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการวดั ไดจ้ ากการเจรญิ เตบิ โตทางรา่ งกาย การเจรญิ เตบิ โตทางความคดิ และ การเจรญิ เตบิ โตทางสังคม ซึง่ พัฒนาการเด็กจะเรม่ิ ตง้ั แต่แรกเกดิ ไปจนถงึ อายุ 17 ปี (Pulla and Schissel, 2018) สอดคล้องกับทฤษฎีของ Freud (2011) ที่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็กมีผลต่อวัยผู้ใหญ่ ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตประจ�ำวันและบุคลิกภาพของพวกเขา เช่นเดียวกับทฤษฎีของ Erikson (1968) ทกี่ ล่าวว่า มนษุ ย์มกี ระบวนการพัฒนาการเป็นข้ัน ๆ จากล�ำดับหนึ่งไปสู่อีกล�ำดับหน่ึงไม่มีการข้าม ขั้น โดยมุ่งเน้นที่ความสัมพันธ์ทางสังคม เป็นขั้นตอนทางจิตสังคมครอบคลุมไปถึงพัฒนาการมนุษย์ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีของ Vygotsky (1978) ที่กล่าวถึงพัฒนาการ คือ ส่ิงที่เน้นถึงปฏิสัมพันธ์ทางสงั คมซงึ่ เปน็ สงิ่ สำ� คญั ในพฒั นาการ โดยทฤษฎขี องเขาชใ้ี หเ้ หน็ วา่ บทบาทการ แสดงออกของเดก็ มาจากการให้คำ� ปรกึ ษาของพ่อแม่เข้าผ่านกระบวนการพฒั นาพฒั นาการ รวมทงั้ ยงั มี นักจิตวิทยาพัฒนาการ Gardner (1983) ที่ให้ความหมายพัฒนาการว่าเป็นการเปล่ียนแปลง 5 ด้าน คือ ความเจริญทางด้านขนาด ด้านสัดส่วนของร่างกาย การเปลีย่ นแปลงความซับซ้อนทง้ั ด้าน โครงสรา้ งและการทำ� หนา้ ท่ี การมสี มรรถภาพในการทำ� หนา้ ทใ่ี หม่ ๆ รวมไปถงึ การสลายไปของสว่ นตา่ ง ๆ สอดคลอ้ งกบั Gardner (1983) ทใ่ี ห้ความหมายของพฒั นาการว่าเปน็ การเปล่ยี นแปลงทีม่ ีลำ� ดบั ขนั้ ตอน 3

ต่อเนื่องกันไปตลอดที่มีล�ำดับขั้นตอนต่อเนื่องกันไปตลอด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ท�ำให้บุคคลมี ความสามารถทจี่ ะจดั การควบคมุ สง่ิ แวดลอ้ มใหม่ ๆ โดยการเปลย่ี นแปลงมที ง้ั การเปลยี่ นแปลงดา้ นขนาด การเปลยี่ นแปลงด้านสัดส่วนลกั ษณะเดมิ หายไปเกิดลักษณะใหม่ข้นึ จากการศึกษาและวิเคราะห์ความหมายของพัฒนาการจากนักวิชาการต่าง ๆ หลาย ท่าน สรุปไดว้ ่า “พัฒนาการ” หมายถึง การเปลย่ี นแปลงด้านตา่ ง ๆ ของบุคคล ทำ� ให้เพมิ่ ความ สามารถของระบบใหบ้ คุ คลทำ� หนา้ ทตี่ า่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู ขนึ้ ทำ� สง่ิ ทยี่ ากและซบั ซอ้ น ย่ิงขน้ึ ตลอดจนการเพม่ิ ทกั ษะใหม่และความสามารถในการปรบั ตัวในภาวะใหม่ของบุคคลนัน้ หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย (2560) ไดแ้ บ่งพัฒนาการเด็กออกเป็น 4 ดา้ น คอื พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย (Physica Development) พัฒนาการดา้ นสังคม พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา (Social Development) (Intellectual Development) พฒั (Eนmากotาiรoดna้านl Dอeาvรeมlณopแ์ mลeะnจtติ) ใจ โดยจะแบ่งพฒั นาการของเดก็ ปฐมวัยหรอื เด็กเล็กออกเปน็ 2 ช่วงอายุ คอื ชว่ งท่ี 1 คอื เดก็ ปฐมวยั อายตุ �่ำกวา่ 3 ปี ช่วงอายุน้มี ีการเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็ว อกี ท้งั มคี วาม เส่ียงต่อสภาพความผิดปกติต่าง ๆ เป็นวัยท่ีต้องเฝ้าระวังและติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดพ่อ แม่ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับการเลี้ยงดู ควรสังเกตพัฒนาการของเด็กโดยค�ำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล หากพบพบความผดิ ปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์ หรอื ผู้ทม่ี ีความรู้ ความเชี่ยวชาญเกย่ี วกับพฒั นาการเดก็ เพือ่ หาแนวทางแก้ไขต่อไป ช่วงท่ี 2 คอื เดก็ ปฐมวัย อายุ 3-6 ปี ในหนังสือเล่มน้ีผู้เขียนจะกล่าวถึงเด็กปฐมวัย ช่วงอายุ 3-6 ปี และเด็กระดับประถมศึกษาตอนต้น (ช่วงอายุ 6-9 ปี) มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 4

พัฒนาการดา้ นร่างกาย (Physical Development) พัฒนาการทางด้านร่างกาย หมายถึง ความสามารถของร่างกายในการท�ำทักษะต่าง ๆ และการแสดงออก โดยการใช้กล้ามเนอื้ มัดใหญ่ เช่น การนงั่ ยนื เดนิ ว่ิง กระโดด และการใชก้ ลา้ มเนอื้ มดั เลก็ เช่น การหยิบจับของ การขีดเขยี น ปั้น ประดษิ ฐ์ (พัชร พรหมภักด,ี 2548) ร่างกาย : ปฐมวยั (3-6 ปี) พัฒนาการดา้ นร่างกายของเด็กปฐมวยั (3-6 ปี) เด็กอายุ 3-6 ขวบ พฒั นาการด้านร่างกายเปลย่ี นแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ เรอื่ งความสงู และน�้ำหนกั เดก็ จะมสี ดั ส่วนของร่างกายใกล้เคยี งกบั ผู้ใหญ่มากขนึ้ แขนและขา ยาวข้ึน เคลื่อนไหวคล่องแคล่วข้นึ ชอบว่ิงเล่น กระโดดโลดเต้นไม่อยู่น่งิ พร้อมทำ� กจิ กรรมท่ี ตอ้ งใชแ้ รง ใชก้ ำ� ลงั มากขนึ้ ชอบอยกู่ ลางแจง้ นอกจากนยี้ งั สามารถใชม้ อื ในการหยบิ จบั สงิ่ ของ ต่าง ๆ ได้คล่องย่ิงขึ้น ท�ำให้เด็กสามารถแต่งตัว หวีผม แปรงฟัน และท�ำงานท่ีละเอียดขึ้นได้ 5

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายทส่ี งั เกตเหน็ ได้ชดั เจน มดี งั น้ี เด็กปฐมวยั : อายุ 3-6 ปี ฟัน กล้ามเน้อื เล็ก กล้ามเนอ้ื ใหญ่ มฟี นั นำ้� นมครบ 20 ซ่ี จบั ดนิ สอไม่ค่อยถนดั บงั คบั การเคลอ่ื นไหวของ ฟนั นำ้� นมเรม่ิ หลดุ และจะ ส า ม า ร ถ ว า ด ว ง ก ล ม รา่ งกายไดด้ ี มฟี นั แทข้ นึ้ มาแทนท่ี ซแ่ี รก ห รื อ รู ป เ ร ข า ค ณิ ต ไ ด ้ สามารถวิ่งและกระโดด ท่ีจะขึ้นมาเป็นฟันกรามซี่ ซ่ึงเด็กจะท�ำได้ดีขึ้นเมื่อ ได้ดี ไม่ค่อยอยู่น่งิ ลา่ ง อาจทำ� ใหเ้ ดก็ เจบ็ ปวด มอี ายมุ ากขน้ึ และก่อความร�ำคาญได้ พอ่ แมแ่ ละผเู้ ลยี้ งดเู ดก็ ควร ช่วยท�ำความสะอาดปาก และฟนั ใหก้ บั เดก็ ดว้ ยการ ใช้ผ้าชุบน�้ำสะอาดหรือใช้ แปรงสฟี นั ทีม่ ขี นอ่อนนุ่ม ความสัมพันธ์ระหวา่ งตาและมอื เด็กวยั น้จี งึ มคี วามยากลำ� บากในการใช้สายตาจบั จ้องหรอื เพ่งดูวัตถุเลก็ ๆ ดงั นนั้ ตวั หนงั สอื ทจ่ี ะให้เด็กวัยน้ีอ่าน จงึ ควรเปน็ ตัวโต ๆ และความถนดั ในการใช้มอื ซ้าย หรือขวาของเด็ก จะเห็นได้ชดั ในวยั น้ี พ่อแม่จงึ ควรสังเกตความถนัดของเด็ก 6

สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (2560) ไดก้ ำ� หนดหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั โดย ไดก้ ำ� หนดสภาพทพี่ งึ ประสงคเ์ ปน็ พฤตกิ รรมหรอื ความสามารถตามวยั ทค่ี าดหวงั ใหเ้ ดก็ บนพน้ื ฐานพฒั นา ตามวยั หรอื ความสามารถตามธรรมชาตใิ นแตล่ ะระดบั อายุ เพอ่ื นำ� ไปใชใ้ นการกำ� หนดสาระการเรยี นรใู้ น การจัดประสบการณ์และประเมินพัฒนาการเด็ก โดยก�ำหนดมาตรฐานและตัวบ่งช้ี ตามรูปภาพได้ดังนี้ มาตรฐานท่ี 2 กลา้ มเนอ้ื ใหญแ่ ละกลา้ มเนอ้ื เลก็ แขง็ แรงใชไ้ ดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ และประสานสมั พนั ธก์ นั ตัวบง่ ช้ี 2.1 เคล่ือนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่ว ประสานสมั พนั ธ์และทรงตวั ได้ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ อายุ 3 ปี อายุ 4 ปี อายุ 5 ปี อายุ 6 ปี 3-4 ปี 4-5 ปี 5-6 ปี เดินตามแนวท่กี ำ� หนดได้ เดินต่อเท้าไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงได้ เดินต่อเท้าไปข้างหน้าเปน็ เส้นตรงได้ โดยไม่ต้องกางแขน โดยไม่ต้องกางแขน กระโดดสองขาข้นึ ลงอยู่กับทไ่ี ด้ กระโดดขาเดยี วอยู่กับท่ี กระโดดขาเดยี วไปข้างหน้าได้ โดยไม่เสยี การทรงตวั อย่างต่อเนอ่ื งโดยไม่เสียการทรงตัว ว่งิ แล้วหยดุ ได้ วิง่ หลบหลกี สิ่งกีดขวาง วง่ิ หลบหลกี สิ่งกดี ขวาง ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว รบั ลกู บอลโดยใช้มอื และลำ� ตวั ช่วย รับลกู บอลโดยใช้มอื ท้ังสองข้าง รบั ลกู บอลที่กระดอนขน้ึ จากพน้ื ได้ 7

ตัวบง่ ช้ี 2.2 ใช้มอื –ตาประสานสัมพนั ธ์กัน อายุ 3 ปี สภาพท่พี งึ ประสงค์ อายุ 6 ปี อายุ 4 ปี อายุ 5 ปี 3-4 ปี 5-6 ปี 4-5 ปี ใชก้ รรไกรตดั กระดาษขาด ใชก้ รรไกรตดั กระดาษ ใชก้ รรไกรตัดกระดาษ จากกันได้โดยใช้มอื เดียว ตามแนวเส้นตรงได้ ตามแนวเส้นโค้งได้ เขยี นรูปวงกลมตามแบบได้ เขียนรูปส่ีเหล่ยี มตามแบบ เขยี นรปู สเ่ี หลย่ี มตามแบบ ได้อย่างมมี ุมชัดเจน ได้อย่างมมี มุ ชดั เจน รอ้ ยวัสดุท่มี รี ูขนาด รอ้ ยวสั ดุท่มี ีรูขนาด ร้อยวสั ดทุ ่มี รี ขู นาด เส้นผ่านศูนย์กลาง เส้นผ่านศูนย์กลาง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนตเิ มตรได้ 0.5 เซนตเิ มตรได้ 0.25 เซนตเิ มตรได้ 8

พฒั นาการดา้ นร่างกายตามวัยทส่ี �ำคญั ของเดก็ ปฐมวัย พอจะสรุปไดด้ งั น้ี อายุ 3 ปี 3 ปี (Years) อายุ 4 ปี อายุ 5 ปี อายุ 6 ปี ขาจะยาวกว่าแขน ผอมเก้งก้าง แปรงฟนั และล้างมอื เองได้ กระโดดข้ึนลงอยู่กับท่ี ดตู วั สงู คล้ายผู้ใหญ่ เริ่มฝึกการขบั ถ่าย ไม่ถ่ายเลอะ กระโดดขาเดียวได้ ไม่เป็นเด็กอ้วนเหมือนสมัยทารก ต้องช่วยแต่งตวั อยู่บ้าง ความสูงเพิม่ ขน้ึ ประมาณ รับประทานอาหารไม่ค่อยหก รบั ลกู บอลด้วยมือและลำ� ตัว 5-8 เซนตเิ มตร สามารถถือถ้วยน�้ำดืม่ แบบมหี ู เตะลูกบอลได้ นำ้� หนักตัวข้นึ 1.4-2.3 กโิ ลกรัม โดยน้�ำไม่หก นอนนาน 10-12 ชวั่ โมง ใช้กรรไกรมือเดียวได้ เดินข้นึ บันไดสลับเท้าได้ ในเวลากลางคนื ถบี จักรยาน 3 ล้อได้ เขียนรปู วงกลมตามแบบ ต่อบล็อกหรอื แท่งไม้ได้สูง 7 ชน้ั ลากเส้นแนวตง้ั และแนวนอนได้ หรือมากกว่า จบั ดินสอคบี ระหว่างนว้ิ 3 น้วิ ได้ (น้วิ ชี้ น้วิ กลาง และนว้ิ หวั แม่มือ) 9

4 5 ปี (Years) ปี (Years) อายุ 3 ปี อายุ 4 ปี อายุ 5 ปี อายุ 6 ปี ความสงู โดยเฉล่ยี เขียนรปู ส่เี หล่ยี มตามแบบได้ กระฉับกระเฉง ไม่ชอบอยู่เฉย 102-114 เซนตเิ มตร นำ้� หนักโดยเฉล่ยี 14-18 กโิ ลกรมั ใช้กรรไกรเป็นตดั กระดาษ ชอบกระโดดข้ามส่งิ ของเลก็ ๆ เปน็ เส้นตรงได้ กระโดดขาเดียวอยู่กบั ทไี่ ด้ ชอบปีนป่ายสงิ่ ต่าง ๆ เดินขึ้น-ลงบันไดสลับเท้าได้เดิน ขึ้น-ลงบนั ไดสลับเท้าได้ 10

56 ปี (Years) ปี (Years) อายุ 3 ปี อายุ 4 ปี อายุ 5 ปี อายุ 6 ปี ศีรษะมีขนาดเกอื บเท่าผู้ใหญ่ รู้จักความสะอาดและไม่ทำ� เลอะ กระโดดขาเดยี วไปข้างหน้า สามารถเข้าห้องนำ้� ขับถ่ายเอง อย่างต่อเน่อื ง ยนื ขาเดียวได้ และดูแลความสะอาดได้ เรียนรู้ทจ่ี ะกระโดดข้ามหรือ กระโดดเชอื กได้ ความสูงโดยเฉลย่ี 107-117 เซนตเิ มตร นำ้� หนกั โดยเฉลย่ี 17-20.5 กโิ ลกรมั ติดกระดุมและรดู ซปิ ได้เอง รบั ลกู บอลที่กระดอนข้นึ จาก พน้ื ได้ด้วยมอื ท้งั สอง เขียนรปู ส่เี หลีย่ มหรือสามเหล่ียม รับประทานอาหารเอง เดนิ ข้นึ -ลงบันไดสลับเท้าได้ ตามแบบได้ โดยใช้ช้อนส้อมโดยไม่หก อย่างคล่องแคล่ว เดนิ ต่อเท้าได้ ตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้ง เดินถอยหลังตามเส้นได้ ทกี่ �ำหนด ใช้กล้ามเนื้อเลก็ ได้ดี เช่น ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ ยืดตวั คล่องแคล่ว พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวัย ถือเป็นพัฒนาการท่ีเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว ซ่ึงส่ิงท่ีสังเกตได้อย่างชัดเจนคือ ฟัน กล้ามเน้ือใหญ่ กล้ามเนื้อเล็ก และ ความสัมพันธ์ระหว่างตาและมือ ท�ำให้วัยนี้ถือเป็นจุดเร่ิมต้นที่ส�ำคัญที่ท�ำให้เด็กเกิด การเคลอื่ นไหวต่าง ๆ และสามารถท�ำกจิ กรรมต่าง ๆ ได้ดยี ่งิ ขน้ึ 11

รา่ งกาย : ประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) พัฒนาการดา้ นร่างกายของเด็กประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) ทกเคต สา่แ่ีอลรรขส่อิมเง็ ลุขงสแน่ภแรรเกคาด้างพฬีงล็กกราโ่ววร่าดัยะกงปยฉนากรรรบั้ีสาวะทกายมสำ�มรใขากหะาอนจิเ้แรฉงกกขถงเัร็งนใดแรแช็กตมคร้กใงต้ลอลนแา่่วง้าอลงคอมนะๆลาเากนศ่อใคา้ือนงัยรตวชมกท่อวีัดาแ�ำติงใรงตไปหาวฝ่กรญนึกมาะป่ไฝจสีรดรทำ�มนะ้ดว่ีจาผสนัีธะ่าาแดิสซนนลี่งงึ่ ปกกะจเรัสนาชะะรอขรชสทิมอว่บาย�งำใเทหคอพกใ้ลวริฒัจนัย่า่ือกสนงวนร่วากะไรนใสาหหมตยัมวเ้่าดขพทโงดอก็้ัันงๆยงมกธเธสีทา์กดรขุรำ�ัน็กรภงทวมาาอ�ำัยนชพงันนไาราจดี้ทตา่นะ้ค�ิงำบมลกเงพีผ้าาา่อ่ืนลอนยง ซงึ่ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นรา่ งกายทส่ี งั เกตเหน็ ไดช้ ดั เจนมดี งั นี้ (ประไพ ประดษิ ฐส์ ขุ ถาวร, 2560) เดก็ ประถมศกึ ษาตอนตน้ : อายุ 6-9 ปี ฟัน กลา้ มเน้อื เล็ก กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ฟันแท้ซ่ีแรกเริ่มข้ึนเม่ือ ส า ม า ร ถ ใ ช ้ มื อ แ ล ะ นิ้ ว มี ก� ำ ลั ง แ ล ะ ท� ำ ง า น อายุ 6 ปี ได้แก่ ฟันหน้า จบั ดินสอได้ดมี ากขน้ึ ประสานกันของกล้ามเนื้อ ซก่ี ลางและฟนั กรามซที่ ี่ 1 สามารถเขยี นหรอื วาดรูป ซับซ้อนมากข้นึ การใช้และ บนและล่าง ต่าง ๆ ท่ซี บั ซ้อนขนึ้ บงั คบั กลา้ มเนอื้ ตา่ ง ๆ จะดี ฟันแท้ส่วนใหญ่จะข้ึน สามารถทำ� งานทปี่ ระณตี ขนึ้ มาก แ ทนที่ฟ ันน�้ำนม และ อยา่ งงานปน้ั งานแกะสลกั ได้ เดก็ จงึ ชอบการเคลอ่ื นไหว ทยอยข้ึนไปจนถึงอายุ มากกวา่ ทจี่ ะอยเู่ ฉย จงึ ควร 17-21 ปี ส่งเสริมให้เด็กวัยนี้ได้เล่น ฟันกรามแท้จะเร่ิมข้ึน กีฬา ตงั้ แต่อายุ 6-12 ปี รปู รา่ ง เดก็ ประถมศกึ ษาตอนต้นโดยท่วั ไปจะมรี ูปร่างสูง และค่อนข้างจะผอมกว่าเดก็ ปฐมวัย เดก็ ชายและเดก็ หญงิ จะมนี �้ำหนักและส่วนสงู ขนาดเท่า ๆ กัน มนี ้�ำหนกั เพมิ่ ข้ึนประมาณ 3-3.5 กโิ ลกรมั ต่อปี และมคี วามสงู เพม่ิ ขน้ึ ปีละประมาณ 6 เซนตเิ มตร 12

สมรรถนะและพัฒนาการด้านร่างกายของเดก็ ประถมศกึ ษาตอนตน้ สรุปไดด้ งั น้ี พัฒนาการของการใช้ 6 พัฒนาการของการใช้ กล้ามเนอ้ื ใหญ่ กลา้ มเน้อื เล็ก ปี (Years) เดนิ บนส้นเท้าได้ เขยี นตัวอกั ษรแบบง่าย ๆ ได้ เดินต่อเท้าถอยหลงั ได้ วาดรูปส่เี หล่ียมขนมเปียกปูนได้ กระโดดไกลประมาณ 120 ซม. ว า ดอรยปู ่าคงนนป้อยระ6กอสบ่วดน้วย ใช้สองมอื รับลูกบอลที่โยนมาได้ พัฒกนลาา้กมาเรนข้อื อใงหกญาร่ ใช้ 7 พฒั นาการของการใช้ กล้ามเนอ้ื เล็ก ปี (Years) กระโดดขาเดยี วได้หลายครง้ั ต่อกนั เขยี นตัวหนังสือได้ครบตามแบบ เดนิ ถือของหลายชน้ิ ได้ วาดรปู คนมรี ายละเอยี ดมากขึ้น เร่มิ ขี่จักรยาน 2 ล้อ 13

พฒั นาการของการใช้ 8 พฒั นาการของการใช้ กลา้ มเน้อื ใหญ่ กล้ามเนอ้ื เล็ก ปี (Years) ทรงตวั ได้ดี เขียแนลตะวั เหปนน็ ังรสะอืเบถียกู บต้อง ขร่ี ถจกั รยาน 2 ล้อได้ดี วาดรปู แสล่งิ ะทมพ่ี รี บายเหลน็ะเเปอยี็นดสัดส่วน พัฒกนลา้ากมาเรนข้อื อใงหกญาร่ ใช้ 9 พฒั กนลาก้ามารเนขอ้ือเงลกก็ ารใช้ ปี (Years) ยนื ข า เ ดทยี รวงปติดัวตไดา้ด1ี 5 วนิ าที วาดรูปทรงกระบอกมคี วามลกึ ได้ พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กประถมศึกษาตอนต้น จะมีพัฒนาการที่เพิ่มข้ึนจาก เด็กปฐมวัย โดยเฉพาะรูปร่างที่สูงขึ้น ท้ังน้ีการใช้กล้ามเนื้อสามารถท�ำได้ดีข้ึนโดยเฉพาะใน กล้ามเนอ้ื ใหญ่ จงึ ทำ� ให้เดก็ ในวยั นชี้ อบการเคลอื่ นไหว ชอบวง่ิ เล่น ซง่ึ ถอื เปน็ กจิ กรรมการเล่นท่ี ส�ำคัญ และส่งเสรมิ พฒั นาการของเดก็ ต่อไป 14

พฒั นาการดา้ นอารมณ์และจติ ใจ (Emotional Development) พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ หมายถึง ความสามารถใน การรู้สึกและแสดงความรู้สึก เช่น พอใจ ไม่พอใจ รัก ชอบ โกรธ เกลียด กลัว และ เปน็ สขุ ความสามารถในการแยกแยะ ความลึกซึ้ง และควบคุมการแสดงออกของ อารมณ์อย่างเหมาะสมเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนการสร้างความ รู้สกึ ดี และนับถือต่อตนเอง (Self-Esteem) หรอื อตั มโนทศั น์ (พชั ร พรหมภักดี, 2548) พอฒั านรามกาณรดา้ แ์ นอลาระมจณติ แ์ ลใะจจติ ใ:จขปอฐงเดม็กวปฐยั มว(ัย3(3--66 ปปี) ี) ในขณะท่ีพัฒนาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวัยมีการเจริญเติบโต พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจก็เช่นเดียวกัน เด็กปฐมวัยจะแสดงออก ดา้ นอารมณ์เด่นชดั ขน้ึ มคี วามสนใจในเรอื่ งต่าง ๆ ค่อนขา้ งสน้ั เวลาดใี จ เสยี ใจ โกรธ หรือกลัว ก็จะแสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ ได้แก่ กระโดด กอด ตบมือ โวยวาย รอ้ งไหเ้ สยี งดงั ทบุ ตี ขวา้ งปาสง่ิ ของ ไมพ่ อใจเมอ่ื ถกู หา้ ม ฯลฯ เพยี งชวั่ ครู่ กจ็ ะหายไป อารมณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ กบั เดก็ วยั นมี้ ดี งั นี้ (ประไพ ประดษิ ฐ์สขุ ถาวร, 2560) 15

อารมณ์และจิตใจด้านบวก อารมณ์และจติ ใจด้านลบ เมอื่ เดก็ รสู้ กึ มคี วามสขุ จะแสดงออก โกรธ เมอ่ื ถกู ขดั ใจ ถกู แยง่ ของเลน่ ถกู หา้ มไมใ่ หท้ ำ� พฤตกิ รรมบางอยา่ ง รัก ด้วยการกอด ย้ิม หัวเราะ อยาก เดก็ จะแสดงออกดว้ ยการทบุ ตี กดั อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลหรือสิ่งที่รัก ข่วน หรอื แสดงวาจาโกรธเกรย้ี ว และอาจตดิ สง่ิ ของบางอยา่ ง เชน่ ตุ๊กตา หมอน ผ้าห่ม สนุกสนาน เกิดจากความสุข กลัว กลัวถูกทอดท้ิง กลัวคน การประสบความส�ำเร็จในกิจกรรมที่ท�ำ แปลกหนา้ กลัวความมืด กลัวผี หรือได้รับส่ิงใหม่ ๆ เด็กจะแสดงออกด้วย ซง่ึ มักจะมาจากจนิ ตนาการของ การตบมอื ย้มิ หวั เราะ กระโดด กอด ฯลฯ เดก็ เอง อจิ ฉา เม่อื มีน้องใหม่ และเดก็ ไม่ เขา้ ใจ อาจแสดงความโกรธ กา้ วรา้ ว หรอื พฤตกิ รรมเบยี่ งเบนอนื่ ๆ เชน่ ดดู น้วิ ปสั สาวะรดที่นอน เศร้า เสียใจ เกิดข้ึนเม่ือเด็กรู้สึกสูญเสีย ส่งิ ที่รักหรอื สง่ิ ทีม่ ีความสำ� คญั เชน่ ของเลน่ จงึ แสดงออกด้วย อาการท่ีเศร้าซึม ไม่ยอมเล่น ไม่รับประทานอาหาร หรือ รับประทานได้น้อยลง ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน (2560) ได้ก�ำหนดหลักสตู รการศกึ ษา ปฐมวัย โดยก�ำหนดสภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวัง ให้เด็กเกิดบนพ้ืนฐานพัฒนาตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอาย ุ เพอื่ นำ� ไปใชใ้ นการกำ� หนดสาระการเรยี นรใู้ นการจดั ประสบการณแ์ ละประเมนิ พฒั นาการเดก็ โดยกำ� หนดมาตรฐานและตวั บ่งช้ตี ามรูปภาพได้ดงั น้ี 16

มาตรฐานท่ี 3 มีสุขภาพจิตดีและมคี วามสขุ 4 5 ตวั บง่ ชี้ 3.1 แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ปี (Years) ปี (Years) 3 4 แสดงอารมณ์ ความรู้สกึ ได้ตามสถานการณ์ ปี (Years) ปี (Years) แสดงอารมณ์ ความรู้สกึ ได้ เหมาะสมกับ บางสถานการณ์ 5 แสดงอารมณ์ ความรู้สึก ได้สอดคล้องกบั สถานการณ์ ปี (Years) อย่างเหมาะสม 17 6 ปี (Years)

ตัวบง่ ช้ี 4 5 3.2 มีความรู้สกึ ท่ีดตี ่อตนเองและผู้อน่ื ปี (Years) ปี (Years) กล้าพดู กล้าแสดงออกอย่าง เหมาะสมบางสถานการณ์ 3 4ปี (Years) แสดงความพอใจในผลงาน และความสามารถของตนเอง ปี (Years) กล้าพดู กล้าแสดงออก แสดงความพอใจ กล้าพูดกล า้ แสดงออกอยา่ ง ในผลงานตนเอง เหมาะสมตามสถานการณ์ 5 แสดงความพอใจในผลงาน ปี (Years) และความสามารถของ ตนเองและผู้อื่น 6 ปี (Years) พัฒนาการด้านอารมณ์ส�ำหรับวัยนี้จะค่อนข้างมีระยะที่สั้น โดยเด็กจะแสดงความรู้สึกหรือ พฤตกิ รรม จากอารมณ์ภายในออกมาอย่างเตม็ ที่ แต่จะเปน็ ระยะเวลาเพยี งชว่ั ครู่ ซงึ่ มกั จะยดึ ตนเองเปน็ ศนู ย์กลาง ในช่วงปลายของวัยจะเรม่ิ ปรับตวั ได้ โดยสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมมากข้นึ 18

อารมณ์และจติ ใจ : ประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) พัฒนาการด้านอารมณ์และจติ ใจของเดก็ ประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) วยั ประถมศกึ ษาตอนตน้ เปน็ ชว่ งเวลาทเ่ี ดก็ ถกู คาดหวงั ใหม้ คี วามรเู้ บอื้ งตน้ ทจี่ ำ� เปน็ ตอ่ การปรบั ตวั ในชวี ติ ตอนเปน็ ผใู้ หญ่ และเรยี นรทู้ กั ษะทสี่ ำ� คญั บางอยา่ ง ทง้ั ในหลกั สตู ร และนอกหลกั สตู รของโรงเรยี น ดงั นน้ั พฒั นาการดา้ นอารมณข์ องเดก็ วยั นจี้ งึ มที งั้ ความ สุขและความทกุ ข์เกดิ ข้นึ ดังนี้ (ประไพ ประดษิ ฐ์สขุ ถาวร, 2560) มีความสนกุ สนานในการเล่น เรมิ่ เรยี นรู้ท่จี ะให้ความร่วมมอื มคี วามพึงพอใจเกย่ี วกบั วัยของตน รู้จักให้และรับ มีความสขุ ร่าเรงิ ปีตเิ บิกบาน กลวั ถูกท�ำโทษ มคี วามวิตกกังวล กลวั ถูกล้อ เกยี่ วกับการเรยี น มคี วามกลัวต่าง ๆ กลัวสตั ว์ กลวั งู กลัวความมืด กลวั ทสี่ งู กลวั ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง มีการท�ำร้ายร่างกาย ต่อสู้กนั มีการแสดงออกทางอารมณ์ ด้วยวาจา ล้อ ตง้ั สมญา พูด แตกต่างกันระหว่าง เด็กหญิงและเด็กชาย ถากถาง ขู่ หรอื ไม่พดู ด้วย มอี ารมณ์โกรธ พัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็กประถมศึกษาตอนต้นจะเริ่มมีอารมณ์และความรู้สึกท่ีชัดเจน ได้แก่ การมีความสุข ความกลัว และอารมณ์โกรธ ท้ังน้ี สิ่งที่สำ� คัญคือการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง ซง่ึ ผู้ปกครองจะต้องดูแลอย่างใกล้ชดิ คอยให้ค�ำปรกึ ษา เข้าใจในพฒั นาการของเด็กและไม่ควรลงโทษท่ี รนุ แรงเพราะจะทำ� ให้เดก็ จดจำ� และน�ำไปสู่พฤตกิ รรมก้าวร้าวได้ 19

พฒั นาการดา้ นสงั คม (Social Development) พัฒนาการด้านสังคม หมายถึง ความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น มีทักษะการปรับตัวในสังคม คือ สามารถท�ำหน้าท่ีตามบทบาทของตนร่วมมือกับผู้อื่น มีความรับผิดชอบ ความเป็นตัวของตัวเอง และรู้กาลเทศะ หมายความรวมถึง ความ สามารถในการชว่ ยตวั เองในชวี ติ ประจำ� วนั (Personal-social) นอกจากนน้ั พฒั นาการด้าน สังคมยังเกย่ี วข้องกับพัฒนาการด้านจติ วิญญาณ คณุ ธรรม และเกย่ี วข้องกับพัฒนาการ ด้านสตปิ ัญญา ท�ำให้รู้จักแยกแยะความรู้สกึ ผดิ ชอบช่วั ดี และความสามารถในการเลอื ก ดำ� รงชวี ติ ในทางสรา้ งสรรค์ เปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมสว่ นรวมอกี ดว้ ย (พชั ร พรหมภกั ด,ี 2548) สังคม : ปฐมวัย (3-6 ปี) พฒั นาการด้านสังคมของเด็กปฐมวัย (3-6 ปี) เมื่อเด็กอายุ 3 ปี เด็กเรียนรู้ที่จะ การเล่นและการท�ำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นจะช่วยให้ ร ่ ว ม มื อ กั บ ผู ้ อื่ น ใ น ลั ก ษ ณ ะ ก ลุ ่ ม เด็กเรียนรู้ที่จะลดตนเองจากการเป็นศูนย์กลางไปสู่ รู้จักการเป็นสมาชิกของกลุ่ม รู้จัก การปฏบิ ัติท่ียอมรบั คนอ่นื มากข้นึ ปฏเิ สธ การรบั การสอื่ สาร หรอื การ ใช้ภาษา ซึ่งส่วนมากเด็กจะเรียนรู้ การอบรมเล้ียงดเู ด็กด้วยความเข้าใจ ผ่านการเล่น ดว้ ยการเปน็ แบบอยา่ งทดี่ แี ละแนะนำ� ส่ังสอนเดก็ ด้วยความอ่อนโยน ชีแ้ นะ ระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม การจัด กิจกรรมกลุ่ม การชวนเล่นแบบมีข้อ ตกลง จะช่วยพัฒนาการด้านสังคม ให้เด็กไปสู่คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 20

Sigmund Freud 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856-23 กนั ยายน ค.ศ. 1939 ผปูเ้รปะน็สทาทร่ี ้จูแักพใทนยฐช์ าานวะอบอดิ สาเแตหรง่ียจิตวิเคราะห์ ประสบการณ์ในวัยเด็กมีความส�ำคัญท่ีส่งผลต่อบุคลิกภาพในวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะช่วง ปฐมวัยเป็นวัยส�ำคัญท่ีสุด หากวัยเด็กมีพัฒนาการท่ีสมบูรณ์จากการอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง จากครอบครวั เดก็ จะผ่านขนั้ ตอนการเจรญิ เติบโตอย่างดี ฟรอยด์แบ่งข้ันตอนพัฒนาการบุคลิกภาพของ มนุษย์ออกเปน็ 5 ข้ัน ข้ันท่ี 3 ขั้นอวัยวะเพศ (Phallic or Oedipal Stage) อายอุ ยรู่ ะหวา่ ง 3-5 ปี ฟรอยดก์ ลา่ ววา่ ลกั ษณะความ สนใจของเด็กเริ่มมองเห็นความแตกต่างของเพศ มากขึ้น เด็กชายจะเลียนแบบพ่อ เด็กผู้หญิงจะ เลียนแบบแม่มากขึ้น ดังน้ันการเล้ียงดูเด็กอย่าง ใกล้ชดิ ให้โอกาสเด็กเรยี นรู้บทบาทของตนตามเพศ จากการเลยี นแบบพอ่ แม่ เปน็ การสง่ เสรมิ พัฒนาการ ทางสงั คมของเดก็ อย่างเหมาะสม ทม่ี า : www.freud-museum.at/en/ 21

Erik H. Erikson 15 มิถุนายน ค.ศ. 1902–12 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 ผคู้ ิดคน้ ทฤษฎพี ฒั นาการทางสังคม Psychosocial Development ทฤษฎีพัฒนาการทางบุคลิกภาพตามแนวคิดของ Erikson แบ่งพัฒนาการด้านจติ สังคมของบคุ คลเป็น 8 ขนั้ ข้ันที่ 3 ระยะก่อนไปโรงเรียน (Preschool period) อายุ 3-6 ปี เป็นระยะที่พัฒนาความคิดริเริ่มหรือความรู้สึกผิด (Initiative versus Guilt) เด็กจะกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว รู้จักเล่นเลียนแบบสมมุติ เด็กจึงควรมีอิสระในการค้นหา หาก ไม่มีอิสระเด็กจะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถเรียนรู้ ส่งผลต่อความ รู้สกึ ไม่ดขี องเดก็ ได้ ทม่ี า : www.rncentral.com/blog/2012/when-it-comes-to-the-nclex-its-all-about-erikson/ 22

สมรรถนะและพฒั นาการด้านสงั คมของเด็กต้งั แต่ 3-6 ปี พอสรุปได้ดังน้ี 3 สามารถรับประทานอาหารได้เอง “การเล่นคู่ขนาน” คอื เด็ก 2 คนอยู่ใน ปี (Years) ห้องเดยี วกนั น่ังเล่นด้วยกนั แต่ไม่คุยกนั ต่างคนต่างสนใจ ของเล่นของตนเอง ไม่สนใจจะเล่นด้วยกัน 4 แต่งตวั ได้ด้วยตนเอง ไปห้องน�้ำได้เอง เล่นร่วมกับคนอน่ื ได้ รอคอย ตามลำ� ดบั ก่อนหลงั แบ่งของ ปี (Years) ให้คนอน่ื เก็บของเล่นเข้าทไ่ี ด้ 5 ปฏบิ ัติกิจวตั รประจ�ำวัน พบผู้ใหญ่รู้จักไหว้ เล่นหรอื ท�ำงานโดยมี ปี (Years) ด้วยตนเอง ท�ำความเคารพ จดุ มุ่งหมายร่วมกบั คนอ่นื ได้ เม่อื รับของจากผู้ใหญ่ 6 มกี ารเล่นเป็นกลุ่ม รู้จกั มารยาททางสังคม ปี (Years) มกี ตกิ าข้อตกลง เข้าใจความรู้สกึ ของผู้อ่นื มากขึ้น 23

ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (2560) ได้กำ� หนดหลกั สูตรการศึกษา ปฐมวยั โดยไดก้ ำ� หนดสภาพทพ่ี งึ ประสงคเ์ ปน็ พฤตกิ รรมหรอื ความสามารถตามวยั ทค่ี าดหวงั ให้เด็กเกิดบนพื้นฐานพัฒนาตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพอ่ื นำ� ไปใชใ้ นการกำ� หนดสาระการเรยี นรใู้ นการจดั ประสบการณแ์ ละประเมนิ พฒั นาการเดก็ โดยกำ� หนดมาตรฐานและตวั บ่งชต้ี ามรูปภาพได้ดังน้ี มาตรฐานท่ี 4 ชนื่ ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคล่อื นไหว ตัวบ่งช้ี 4.1 สนใจ มีความสุขและแสดงออกผ่านงานศลิ ปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) สนใจ มีความสุข และ สนใจ มีความสุข และ สนใจ มีความสุข และ แสดงออกผ่านงานศิลปะ แสดงออกผ่านงานศิลปะ แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ สนใจ มีความสุข และ สนใจ มีความสุข และ สนใจ มีความสุข และ แสดงออกผ่านเสียงเพลงดนตรี แสดงออกผ่านเสยี งเพลงดนตรี แสดงออกผ่านเสยี งเพลงดนตรี สนใจ มีความสุข และ สนใจ มีความสุข และ สนใจ มีความสุข และ แสดงทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวประกอบ แสดงทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวประกอบ แสดงทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวประกอบ เพลง จงั หวะและดนตรี เพลง จังหวะและดนตรี เพลง จังหวะและดนตรี 24

มาตรฐานท่ี 8 อยู่ร่วมกบั ผ้อู น่ื ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ และปฏบิ ัติตนเป็นสมาชกิ ทดี่ ีของสงั คม ในระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ดงั น้ี ตวั บง่ ชี้ 8.1 ยอมรับความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างบคุ คล 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) เล่นและทำ� กิจกรรมร่วมกบั เล่นและทำ� กิจกรรมร่วมกับ เล่นและท�ำกจิ กรรมร่วมกับ เด็กท่แี ตกต่างไปจากตน เด็กท่แี ตกต่างไปจากตน เดก็ ทแี่ ตกต่างไปจากตน ตัวบ่งชี้ 45 56 8.2 มีปฏิสัมพันธ์ท่ดี ีกับผู้อน่ื ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) 34 ปี (Years) ปี (Years) เลน่ รว่ มกบั เพอ่ื น เลน่ หรอื ทำ� กจิ กรรมรว่ มกบั เล่นหรือท�ำกิจกรรมร่วม ยมิ้ หรอื ทกั ทายผใู้ หญ่ และ เพ่ือนเป็นกลุ่ม กับเพอ่ื นอย่างมเี ป้าหมาย บคุ คลทค่ี นุ้ เคยเมอื่ มผี ชู้ แ้ี นะ ยิ้ม ทักทาย หรือพูดคุยกับ ย้ิม ทักทายหรือพูดคุย ผู้ใหญ่ และบุคคลท่ีคุ้นเคยได้ด้วย กับผู้ใหญ่ และบุคคลที่คุ้นเคย ตนเอง ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ 25

ตวั บง่ ชี้ 8.3 ปฏิบตั ิตนเบ้อื งต้นในการเปน็ สมาชกิ ท่ีดีของสงั คม 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปฏิบัติตามข้อตกลง มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลง มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลง เม่ือมผี ู้ชี้แนะ และปฏิบัติตามข้อตกลงเม่ือมี และปฏิบัติตามข้อตกลงด้วย ปฏิบัติตนเป็นผู้น�ำและ ผู้ชแ้ี นะ ตนเอง ผู้ตาม เม่อื มีผู้ชี้แนะ ปฏิบัติตนเป็นผู้น�ำและ ปฏิบัติตนเป็นผู้น�ำและ ยอมรบั การประนปี ระนอม ผู้ตามได้ด้วยตนเอง ผู้ตามเหมาะสมกบั สถานการณ์ แก้ไขปัญหาเมือ่ มีผู้ชแ้ี นะ ประนีประนอม แก้ไข ประนีประนอม แก้ไข ปัญหาโดยปราศจากการใช้ ปัญหาโดยปราศจากการใช้ ความรุนแรงเม่ือมีผู้ช้ีแนะ ความรุนแรงด้วยตนเอง พัฒนาการด้านสังคมของเด็กปฐมวัยในช่วงระยะแรกโดยส่วนมากจะเป็นรูปแบบของแต่ละ คน เช่น ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจ�ำวันต่าง ๆ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ท่ีได้รับมอบ หมาย และในช่วงปลายของวัย จึงเร่มิ ให้ความสนใจกับการเล่นเป็นกลุ่มแทนการเล่นคนเดยี วมากข้นึ นอกจากน้ี เดก็ จะเร่ิมรู้จกั และเรยี นรู้มารยาททางสงั คมอกี ด้วย 26

สงั คม : ประถมศึกษาตอนต้น (6-9 ปี) พฒั นาการด้านสังคมของเดก็ ประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) กระ(SบoวcนiaกlาzรaปtiรoับnตPัวroทcาeงsสsัง)คม “เปน็ กระบวนการสำ� คญั ท่เี ดก็ จะเรยี นรู้แนวทางการปฏบิ ตั ิตัวในสงั คมท่ีถกู ตอ้ ง การปรบั ตัวน้เี พ่ือให้บคุ คลอน่ื ยอมรบั ตนเอง และอยู่ร่วมสังคมกบั บคุ คลอน่ื ได้” ทั้งนพี้ อจะสรุปเปน็ แผนภาพได้ดงั น้ี และมเคี ดวก็ าจมะเขเร้ายี ในจภรู้ภาษาษามาากข้นึ เกดบัก็ จแะมเ่แรลียะนขรยู้ทา่จี ยะไสปรส้าู่บงคุคควาลมรสอัมบพข้าันงธ์ รู้จักการช่วยเหลอื ตนเอง การแสดงความรู้สกึ ต่อคนอนื่ รู้จักข้อตกลงทางสังคม มอพีิทธฒั ิพนลาจทาากงเสพังอื่ คนมแเนล่อืะสงจภาากพกแาวรดไลด้อ้รมบั ลดการยึดตนเองเปน็ จดุ ศูนย์กลาง 27

Sigmund Freud 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856-23 กันยายน ค.ศ. 1939 ผู้คิดทฤษฎพี ัฒนาการทางเพศ (Psychosexual Development) เชื่อว่าการพัฒนาการทางบุคลิกภาพของเด็กแต่ละคน ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลง ของร่างกาย โดยร่างกายจะเปลีย่ นแปลงบรเิ วณแห่งความพงึ พอใจเป็นระยะ ๆ ในช่วงอายุท่ี ต่าง ๆ กนั บริเวณแห่งความพึงพอใจน้ันจะได้รับการตอบสนองเต็มท่ี เด็กจึงจะมีพัฒนาการ ท่ีดีและสมบูรณ์ ส�ำหรับเด็กวัย 6-9 ปี จะอยู่ในระยะแฝง (The latency stage) เป็นระยะที่ เก็บกดความพึงพอใจทางเพศไว้ จะไม่มีบริเวณใดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท่ีจะเป็นบริเวณ แห่งความพึงพอใจ ในระยะน้ีเด็กมักแสดงออกถึงความสนใจในเรื่องอ่ืน เช่น การแข่งขันใน การเรยี น และการกฬี า ทม่ี า : www.freud-museum.at/en/ 28

Erik H. Erikson15 มถิ ุนายน ค.ศ. 1902–12 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 ผ้คู ดิ ค้นทฤษฎพี ฒั นาการทางสงั คม Psychosocial Development เด็กวัยประถมน้จี ะอยู่ในขน้ั พฒั นาความขยันขนั แขง็ หรอื ความรู้สึกด้อย (Industry vs. feeling of inferiority) เป็นระยะทเ่ี ดก็ ต้องการทำ� สง่ิ ต่าง ๆ ให้บรรลุความสำ� เร็จ เดก็ จงึ พยายามแข่งขนั เพอ่ื ให้ประสบความส�ำเร็จ แต่ถ้าเกิดการล้มเหลว จะท�ำให้เด็กมปี มด้อย และเกิดความท้อถอยสง่ิ ใหม่ในอนาคต ท่มี า : www.rncentral.com/blog/2012/when-it-comes-to-the-nclex-its-all-about-erikson/ 29

สมรรถนะและพฒั นาการดา้ นสงั คมของเด็กตง้ั แต่ 6-9 ปี พอจะสรุปไดด้ งั นี้ 6 ยงั คิดถึงแต่เร่อื งที่เก่ียวข้องอยู่ ความสนใจกจิ กรรมในเวลาสน้ั ๆ แล้วเปลย่ี นไป ไม่สนใจว่างานจะส�ำเรจ็ หรอื ไม่ เดก็ จะสนใจและ ปี (Years) กระตือรอื ร้นท�ำงานทต่ี นเองชอบ มีความพยายามท่ีจะทำ� ให้งานสำ� เร็จมมี ากกว่าวัย 6 ปี มคี วาม 7 อยากรู้อยากเห็นมากข้นึ แต่จะท�ำงานทลี ะอย่างได้ดีกว่าการให้ ท�ำกิจกรรมทเี ดียวหลายอย่าง ปี (Years) มีความสนใจท่จี ะทำ� งานให้สำ� เรจ็ สนใจท่จี ะท�ำสง่ิ ใหม่ ๆ มสี มาธิ มากขึน้ รบั ฟังคำ� แนะน�ำในการทำ� งานมากข้นึ มีความสามารถ 8 ในการเล่นต่าง ๆ สามารถแสดงบทละครง่าย ๆ ได้ มคี วามอยากรู้ อยากเห็น สนใจซักถามมากข้นึ ปี (Years) สามารถแก้ปญั หาและรู้จกั หาเหตุผลโดยอาศัยการสังเกต ต้องการ อิสรภาพเพ่มิ ขน้ึ มีความรู้ในด้านภาษา และความรู้รอบตวั กว้างข้นึ 9 ชอบอ่านหนังสอื ทเ่ี กีย่ วกบั ข้อเท็จจรงิ สนใจที่จะสะสมสง่ิ ของ และจะเลียนแบบการกระทำ� ต่าง ๆ ของคนอ่นื ปี (Years) พัฒนาการด้านสังคมของเด็กประถมศึกษาตอนต้นจะเห็นผลมากกว่าปฐมวัย เช่น ความสำ� เรจ็ ในการปฏบิ ัติงานต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ความสนใจในกจิ กรรมยงั คงมีระยะสน้ั ถึงแม้จะ มคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ มากขนึ้ กต็ าม ทง้ั นเี้ ดก็ จะสามารถรจู้ กั เหตผุ ล และนำ� ไปสคู่ วามสามารถในการ แก้ปญั หาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง 30

พัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญา (Intellectual Development) พฒั นาการด้านสตปิ ญั ญา หมายถงึ ความสามารถในการเรยี นรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างส่งิ ต่าง ๆ กับตนเอง การรับรู้ รู้จกั สงั เกต จดจำ� วเิ คราะห์ การรู้คิด รู้เหตผุ ล และความสามารถในการแก้ปัญหา ตลอดจนการสังเคราะห์ ซ่งึ เป็น ความสามารถเชงิ สติปัญญาระดบั สงู ซึง่ แสดงออกด้วยการใช้ภาษา และส่อื ความหมาย กับการใช้ตากับมอื ท�ำงานประสานกันเพ่อื แก้ปญั หา จงึ มีความเก่ยี วข้องกบั พฒั นาการ ด้านสตปิ ญั ญา (พัชร พรหมภักด,ี 2548) จากข้อความดงั กล่าวผู้เขยี นพอจะสรุปเป็นแผนผังได้ดงั น้ี มีความคดิ คำ� นงึ สติปัญญา : ปฐมวยั (3-6 ปี) พฒั นาการดา้ นสตปิ ัญญาของเดก็ ปฐมวยั (3-6 ปี) สามารถใช้สัญลักษณ์แทน สงิ่ ของ วตั ถุ และสถานทไ่ี ด้ มที กั ษะในการใช้ภาษา เดก็ วัยอนุบาล (3-6 ขวบ) ทจ่ี ะอธิบายส่งิ ต่าง ๆ ยังไม่สามารถจะพิจารณา มคี วามตงั้ ใจทลี ะเรือ่ ง หลาย ๆ เรื่องรวมกันได้และ ยังไม่มีความเข้าใจเก่ียวกับ 31 ความคงตวั ของสสาร

พฒั นาการด้านสตปิ ัญญาของเด็กปฐมวัย (3-6 ปี) 1 ความคดิ เกย่ี วข้องกับ 2ความเข้าใจ ครอบครวั หรอื ผู้ใหญ่รอบ ๆ ได้ฝึกคิดแก้ สร้างแรงจงู ใจ ปัญหาต่าง ๆ ตัวเด็กจะเปน็ จดุ เรม่ิ ต้น ให้เด็ก ด้วยตนเอง มีความใฝ่รู้ ฝึกให้ สงั เกต ได้แสดง สงิ่ รอบตวั ความ ให้ความสนใจ สามารถ ในสง่ิ ทีเ่ ดก็ ทำ� กล้าแสดง ให้เดก็ ได้มีโอกาส ความ เรยี นรู้จากการลองผดิ ลอง คิดเหน็ ถกู ในเรอื่ งต่าง ๆ ปลกู ฝังให้ เด็กเปน็ คน รู้จกั คิด 32

พฒั นาการด้านสตปิ ัญญาของเดก็ ปฐมวยั (3-6 ปี) การคดิ การคดิ การใช้ประสาทสัมผสั ทง้ั 5 ด้วยการมอง ฟงั สมั ผสั ชมิ รส และดมกล่นิ การคดิ เช่อื มโยง ความสัมพันธ์ส่งิ ของต่าง ๆ การคดิ สร้างสรรค์ และการคิดแก้ปญั หา การใช้ภาษา การใชภ้ าษา ในการส่ือสาร ด้วยการฟงั การพูด การอ่าน การเขยี น การสงั เกต การสงั เกต การจำ� แนก และการเปรยี บเทียบ ได้แก่ จำ� นวน การจ�ำแนกเปรยี บเทยี บความเหมอื น-ความต่าง การ จดั หมวดหมู่ส่งิ ของ และการเรยี งล�ำดบั สง่ิ ต่าง ๆ จำ� นวน ทัง้ การนับจำ� นวนและการรู้ค่าของจำ� นวน มติ ิสมั พันธ์ มิติสัมพันธ์ คือ การเข้าใจและการอธบิ ายในเรอื่ ง เวลา พืน้ ท่ี ตำ� แหน่ง ระยะทาง ทศิ ทาง เวลา ใช้ในการเปรยี บเทยี บเวลาต่าง ๆ เรยี งลำ� ดับ เหตกุ ารณ์ และความเข้าใจเก่ยี วกบั ฤดกู าล 33

เดก็ ทมี่ ีพัฒนาการด้านสตปิ ัญญาดหี รอื เดก็ ฉลาด จะเป็นเด็ก... ใช้ค�ำศพั ท์ได้มากและถกู ต้อง เรยี นรเู้ ร็ว เดก็ ชา่ งสงั เกต ชอบตั้งคำ� ถาม ชอบสอรย้า่างงสเปรน็รคอ์สสิ ง่ิรตะ่าง ๆ มคี วามคิดเป็นของตวั เอง ชอบทดลองส่งิ ต่าง ๆ ชอบอ่านหนงั สอื ชอบคิดแก้ปญั หา มจี ินตนาการ มคี วามจ�ำดี ชอบเปน็ ผนู้ ำ� ชอบแสดงความคดิ เหน็ มีความอยากรู้อยากเห็น ชอบวคาิดดขภอางพตตัวาเอมงความ ชอบส�ำรวจ ดังน้ันหากผู้ใหญ่รอบตัวให้ความสนใจพัฒนาลูกน้อยให้เติบโตเต็มศักยภาพ จะส่งผลให้ลูก มีศรัทธาต่อตัวเอง มีความเช่ือม่ันในตัวเอง เห็นว่าตัวเองมี ความสามารถทำ� สงิ่ ตา่ ง ๆ ไดส้ ำ� เรจ็ มที า่ ทตี อ่ ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ อยา่ งเหมาะสม มคี วามสนใจทจี่ ะเรยี นรแู้ ละหาวธิ แี กป้ ญั หา ไมโ่ วยวายหรอื โทษผอู้ น่ื สามารถ ลองทำ� โดยไม่สนใจกับค�ำพูดของผู้อื่นหรือความวิตกกังวลต่าง ๆ ของตวั เอง นอกจากน้ี หากลูกได้มีการทบทวนพิจารณาส่ิงที่ได้ท�ำไปด้วยการตรวจสอบ การคิดแก้ปัญหาของตนเองอย่างเป็นข้ันตอน เม่ือพบข้อผิดพลาด ก็จะหาทางแก้ไข หรอื พิจารณาปรบั ปรงุ แก้ปญั หาให้ดขี ้ึน ซ่งึ จะเปน็ พน้ื ฐานท่ที �ำให้ลูกพฒั นาต่อไปได้ดี 34

ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน (2560) ได้กำ� หนดหลกั สูตรการศกึ ษา ปฐมวัย โดยได้ก�ำหนดสภาพท่ีพึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาด หวังให้เด็กเกิดบนพ้ืนฐานพัฒนาตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพอ่ื นำ� ไปใชใ้ นการกำ� หนดสาระการเรยี นรใู้ นการจดั ประสบการณแ์ ละประเมนิ พฒั นาการเดก็ โดยก�ำหนดมาตรฐานและตัวบ่งชต้ี ามรปู ภาพได้ดงั น้ี มาตรฐานท่ี 9 ใชภ้ าษาสอ่ื สารได้เหมาะสมกบั วัย ตัวบง่ ชี้ 9.1 สนทนาโต้ตอบ และเล่าเร่อื งให้ผู้อ่ืนเข้าใจ 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ฟังผู้อ่ืนพูดจนจบและพูด ฟังผู้อ่ืนพูดจนจบและ ฟังผู้อ่ืนพูดจนจบและ โต้ตอบเกย่ี วกบั เรื่องทฟี่ งั สนทนาโต้ตอบสอดคล้องกับ สนทนาโต้ตอบอย่างต่อเน่ือง เล่าเรอ่ื งด้วยประโยคสน้ั ๆ เร่อื งทฟ่ี ัง และเชื่อมโยงกับเรื่องท่ีฟัง เล่าเร่ืองเป็นประโยคอย่าง เล่าเร่ืองเป็นเรื่องราว ต่อเนอ่ื ง ต่อเนอ่ื งได้ 35

มาตรฐานท่ี 10 มีความสามารถในการคดิ ที่เปน็ พืน้ ฐานในการเรยี น ดังน้ี ตัวบ่งชี้ 10.1 มีความสามารถในการคดิ รวบยอด 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) บอกลักษณะของส่ิง บอกลักษณะและส่วน บอกลักษณะและส่วน ต่าง ๆ จากการสังเกตโดยใช้ ประกอบของสิ่งต่าง ๆ จากการ ประกอบของส่ิงต่าง ๆ จากการ ประสาทสัมผสั สงั เกต โดยใช้ประสาทสมั ผสั สงั เกต โดยใช้ประสาทสัมผสั จับคู่หรือเปรียบเทียบ จบั คแู่ ละเปรยี บเทยี บความ จบั คแู่ ละเปรยี บเทยี บความ ส่ิงต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะหรือ แตกต่างหรือความเหมือนของสิ่ง แตกต่างหรือความเหมือนของ หน้าท่ีการใช้งานเพียงลักษณะ ต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะที่สังเกตพบ สิ่งต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะท่ีสังเกต เดยี ว เพยี งลักษณะเดยี ว พบ 2 ลักษณะข้นึ ไป คัดแยกส่ิงต่าง ๆ ตาม จำ� แนกและจดั กลมุ่ สงิ่ ตา่ ง ๆ จำ� แนกและจดั กลมุ่ สง่ิ ตา่ ง ๆ ลักษณะหรือหน้าที่การใช้งาน โดยใช้อย่างน้อย 1 ลักษณะเป็น โดยใช้ตง้ั แต่ 2 ลกั ษณะ ข้นึ ไปเป็น เรียงลำ� ดับสิ่งของหรอื เกณฑ์ เกณฑ์ เหตุการณ์อย่างน้อย 3 ล�ำดับ เรียงล�ำดับส่ิงของหรือ เรียงล�ำดับสิ่งของหรือ เหตกุ ารณ์อย่างน้อย 4 ลำ� ดับ เหตกุ ารณ์อย่างน้อย 5 ล�ำดับ 36

ตวั บ่งช้ี 10.2 มคี วามสามารถในการคดิ เชงิ เหตุผล 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ระบผุ ลท่เี กิดข้ึนในเหตกุ ารณ์ ระบุสาเหตุหรอื ผลทเี่ กดิ ขึ้น อธิบายเช่ือมโยงสาเหตุ หรอื การกระทำ� เม่อื มีผู้ช้ีแนะ ในเหตุการณ์หรือการกระท�ำเมื่อ หรือผลที่เกิดข้ึนในเหตุการณ์ คาดเดาหรอื คาดคะเนสิ่งท่ี มผี ู้ช้แี นะ หรือการกระท�ำด้วยตนเอง อาจจะเกิดข้นึ คาดเดาหรอื คาดคะเนส่งิ ที่ คาดเดาหรือคาดคะเน อาจจะเกิดข้ึนหรือมีส่วนร่วมใน สง่ิ ทอ่ี าจจะเกดิ ข้นึ การลงความเห็นจากข้อมลู 37

ตัวบ่งช้ี 10.3 มคี วามสามารถในการคดิ แก้ปญั หาและตดั สนิ ใจ 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ตัดสินใจในเรอ่ื งง่าย ๆ ตดั สนิ ใจในเรอื่ งงา่ ย ๆ และ ตดั สนิ ใจในเรอ่ื งงา่ ย ๆ และ แกป้ ญั หาโดยลองผดิ ลองถกู เริม่ เรยี นรู้ผลท่เี กดิ ขน้ึ เรมิ่ เรยี นรู้ผลท่เี กิดข้ึน ระบุปัญหาและแก้ปัญหา ระบปุ ญั หา สร้างทางเลอื ก โดยลองผดิ ลองถูก และเลือกวธิ ีแก้ปญั หา มาตรฐานท่ี 11 มจี ินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ ตัวบง่ ชี้ 11.1 ท�ำงานศลิ ปะตามจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) สร้างผลงานศิลปะเพื่อ สร้างผลงานศิลปะเพื่อ สร้างผลงานศิลปะเพือ่ ส่ือสารความคิด ความรู้สึกของ ส่ือสารความคิด ความรู้สึกของ ส่ือสารความคิด ความรู้สึกของ ตนเอง ตนเอง โดยมีการดัดแปลง และ ตนเอง โดยมกี ารดดั แปลงแปลกใหม่ แ ป ล ก ใ ห ม ่ จ า ก เ ดิ ม ห รื อ มี จากเดิมและมีรายละเอียดเพ่ิมขึ้น รายละเอยี ดเพิ่มข้นึ 38

ตัวบ่งชี้ 11.2 แสดงท่าทาง/เคลอ่ื นไหวตามจนิ ตนาการอย่างสร้างสรรค์ 34 45 5 6 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) เคล่ือนไหวท่าทาง เพ่ือ เคล่ือนไหวท่าทางเพ่ือ เคล่ือนไหวท่าทางเพ่ือ สอ่ื สารความคดิ ความรู้สกึ ของ สื่อสารค ว า มคดิ ความรู้สกึ ของ ส่ือสารความคิด ความรู้สึก ต น เ อ ง ตนเองอย่างหลากหลายหรือ ของตนเองอย่างหลากหลาย แปลกใหม่ และแปลกใหม่ มาตรฐานท่ี 12 มีเจตคตทิ ด่ี ีต่อการเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ ไดเ้ หมาะสมกบั วัย ตวั บ่งชี้ 12.1 มเี จตคตทิ ่ดี ตี ่อการเรยี นรู้ 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) สนใจฟังหรืออ่านหนังสือ สน ใ จ ซั ก ถ า มเ กี่ ย ว กั บ สนใจหยิบหนังสือมาอ่าน ด้วยตนเอง สัญลกั ษณ์หรอื ตวั หนงั สอื ทพี่ บเหน็ และเขียนส่ือความคิดเห็นตนเอง กระตอื รอื รน้ ในการเขา้ รว่ ม กระตือรือร้นในการเขา้ รว่ ม เปน็ ประจำ� อย่างต่อเนื่องท่ีพบเห็น กจิ กรรม กระตอื รอื รน้ ในการเขา้ รว่ ม ตงั้ แตต่ น้ จนจบ 39

ตัวบง่ ช้ี 12.2 มคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ 34 45 56 ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ปี (Years) ค้นหาคำ� ตอบของข้อสงสยั ค้นหาคำ� ตอบของข้อสงสัย ค้นหาค�ำตอบของข้อสงสัย ต่าง ๆ ตามวธิ กี ารที่มผี ู้ชแ้ี นะ ต่าง ๆ ตามวธิ ีการของตนเอง ต่าง ๆ โดยใช้วธิ กี ารที่หลากหลาย ใชป้ ระโยคคำ� ถามวา่ “ใคร” ใ ช ้ ป ร ะ โ ย ค ค� ำ ถ า ม ว ่ า ด้วยตนเอง “อะไร” ในการค้นหาคำ� ตอบ “ทไ่ี หน” “ทำ� ไม” ในการคน้ หาคำ� ตอบ ใ ช ้ ป ร ะ โ ย ค ค� ำ ถ า ม ว ่ า “เมื่อไหร่” “อย่างไร” ในการ ค้นหาค�ำตอบ พัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็กปฐมวัยท่ีส�ำคัญและเด่นชัดคือ การใช้สัญลกั ษณ์แทนส่งิ ของต่าง ๆ ซ่งึ ถือเป็นจดุ เร่มิ ต้นในการพฒั นาสตปิ ญั ญาของเด็ก ซึ่งการส่งเสริมและให้ความสนใจต่อความสามารถของเด็กจะท�ำให้มีจินตนาการอย่าง สร้างสรรค์ เกิดความใฝ่รู้ และน�ำไปสู่ทักษะการสังเกตและทักษะการคิดวิเคราะห์ของ เดก็ ต่อไป 40

สติปญั ญา : ประถมศึกษาตอนตน้ (6-9 ปี) พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญาของเด็กประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) เดก็ วยั ประถมศกึ ษาตอนต้น (6-9 ปี) มพี ัฒนาการด้านสตปิ ญั ญาทีเ่ รยี กว่า (Concrete Operation) คือ มคี วามสามารถคดิ เหตุผลเชงิ ตรรกะได้ สามารถรบั รู้สง่ิ แวดล้อมตามความเปน็ จรงิ สามารถพจิ ารณาเปรยี บเทยี บจดั ของเปน็ กลมุ่ โดยใชเ้ กณฑ์ หลายอย่าง เรม่ิ เข้าใจกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และเข้าใจความคงตวั ของ คสวาร ม้างคสดิ รรร คบั ์รู้ สสารวา่ การเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งภายนอกไมม่ ผี ลตอ่ สภาพเดมิ ตอ่ ปรมิ าณ นำ้� หนกั และปรมิ าตร มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ชอบคดิ แกป้ ญั หาตามวธิ กี ารของ ตัวเอง ชอบแสวงหาวธิ กี ารต่าง ๆ พัฒนาการด้านภาษาและการใช้ สัญลักษณ์ในวัยน้ีมีพัฒนาการท่ีก้าวหน้า มาก สามารถเข้าใจภาษา ความหมายของ คำ� ใหม่ ๆ อา่ นและเขยี นไดม้ ากขนึ้ สามารถ อธบิ าย บอกความเหมอื น-ความตา่ งได้ มคี วามคดิ รวบยอดเกยี่ วกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ภาษ า อธบิ าย โดยน�ำเอาสิ่งที่มีอยู่มาสัมพันธ์กัน รวมท้ัง เขา้ ใจความหมายของบทเรยี นทง้ั คณติ ศาสตร์ ภาษา และการอ่าน 41