ปลายคันสง่ กระปกุ พวงมาลยั งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 93 ก้านต่อพวงมาลัย 7.3.3 ก้านต่อบงั คับเล้ียวกระปุกพวงมาลยั แขนบงั คับเล้ียว แขนบงั คับเล้ียว 1. ก้านต่อบังคับเลี้ยวกระปุกพวงมาลัย แบบเฟืองสะพาน กลไกบงั คบั เลย้ี วจะถา่ ยทอดกำลงั การบงั คบั เล้ียวจากพวงมาลัยไปยังล้อหน้าทั้งคู่ขณะท่ีรถยนต์ มีการเคลื่อนตัว การออกแบบของก้านต่อมีหลาย แบบ เพอ่ื ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพในการขบั ขี่มากทส่ี ดุ มดี ังตอ่ ไปน้ี รูปที่ 7.21 กา้ นตอ่ บังคับเลยี้ วสำหรบั กระปุกพวงมาลยั แบบเฟอื งสะพาน กระปกุ พวงมาลัย 72. ก้านต่อบังคับเลี้ยวสำหรับการรองรับแบบ แขนบงั คบั เลี้ยว ขาไก่ อิสระ กระปุกพวงมาลัยแบบหมุนวน แขนประคอง เมอ่ื ลอ้ หนา้ ซา้ ยและขวามกี ารเคลอ่ื นตวั ขน้ึ ลงเปน็ อสิ ระตอ่ กนั ระยะหา่ งระหวา่ งแขนบงั คบั เลย้ี ว ลูกหมากคนั สง่ จะเปลี่ยนไป ถา้ คนั สง่ ต่ออยู่กับลอ้ ทงั้ ค ู่ ผลท่เี กิดขึน้ จะทำให้มุมโทอินผิดไปในขณะท่ีล้อเคล่ือนข้ึนและ ลกู หมากคันส่ง คันส่ง ลง กา้ นตอ่ พวงมาลยั สำหรบั ระบบรองรบั ลอ้ หนา้ คันส่ง คันชกั แกนหมนุ เล้ยี ว อสิ ระ ตอ้ งใชค้ นั สง่ 2 ชน้ิ และทง้ั 2 ชน้ิ จะตอ่ อย ู่ กบั คนั ชกั รปู ที่ 7.22 ก้านตอ่ บังคบั เลย้ี วสำหรบั กระปกุ พวงมาลัย แบบลกู ปนื หมุนวน กระปกุ พวงมาลยั 3. ก้านต่อบังคับเลี้ยวหน้าสำหรับการรองรับ แขนบงั คบั เล้ยี ว แบบคานแข็ง คันสง่ การเคลื่อนตัวขึ้นลงของยางรถยนต์ไม่ทำ ก้านดึง ใหร้ ะยะหา่ งระหวา่ งลอ้ ซา้ ยและลอ้ ขวาเปลย่ี นไป จงึ ขาไกพ่ วงมาลัย ใชค้ นั สง่ ตวั เดยี วได้ ลกู หมากคันส่ง กระปุกพวงมาลัยยึดติดอยู่กับโครงรถก้าน รปู ท่ี 7.23 ก้านต่อบังคับเลย้ี วสำหรับการรองรับ ดงึ ซง่ึ ตอ่ อยกู่ บั กระปกุ พวงมาลยั และแขนบงั คบั เลย้ี ว แบบคานแขง็ จะมีลูกหมากคันส่งแต่ละปลายยอมให้มีการเคล่ือน ตวั ขน้ึ ลงพรอ้ มกนั
94 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ ขาไกพ่ วงมาลยั 4. ขาไก่พวงมาลัย (Pitman Arm) ขาไกพ่ วงมาลยั หรอื เรยี กสน้ั ๆ วา่ ขาไกห่ รอื แขนโยกกระปุกพวงมาลัยส่งถ่ายการเคลื่อนที่ของ กระปกุ พวงมาลัยไปยังคนั ชัก ที่ปลายดา้ นใหญ่ของ ขาไก่พวงมาลยั เป็นรูเรยี ว ผวิ รเู ปน็ ร่องฟันเฟอื ง ละเอียด (Spline) เพือ่ สวมกับเพลาขวางของกระปกุ พวงมาลยั และยดึ แนน่ ดว้ ยนอต ปลายขาไกพ่ วงมาลยั ดา้ นเล็กต่ออย่กู บั คนั ชัก คนั ชัก นอต ปนิ้ รปู ท่ี 7.24 ขาไกพ่ วงมาลัย แขนประคอง 5. คันชักและคันส่ง (Drag Link & Tie Rod) ขาไก่พวงมาลยั คันชัก เป็นก้านต่อที่ต่อระหว่างขาไก่ คันสง่ คนั ชกั พวงมาลยั และคนั สง่ ซา้ ยและขวา ส่งแรงการเคล่อื น ที่จากขาไก่ไปยังคันส่งทั้งคู่ คันส่ง เป็นก้านต่อส่งแรงจากคันชักไปยัง ปลอกคันสง่ แขนบังคับเลี้ยวที่ล้อรถทั้ง 2 ข้าง ตรงกลางคนั สง่ เปน็ ปลอกคนั สง่ สำหรบั ปรบั ระยะศนู ยล์ อ้ (โทอนิ ) รปู ที่ 7.25 คนั ชักและคนั ส่ง 6. ลูกหมากคันส่ง (Ball Joint) แกนลกู หมาก ลูกหมากคันส่งยึดติดอยู่ปลายคันส่ง เพื่อ ยางกนั ฝุน่ ต่อกับคันชักและแขนบังคับเลี้ยว เกลียวลูกหมาก คันส่งมีแบบเกลียวซ้ายและเกลียวขวา เพื่อให้หมุน เบ้าลูกหมาก เข้าปลอกคันส่งพอดี ลูกหมากคันส่งที่ใช้ในรถยนต์ สปรงิ เกลียวลกู หมาก นั่ง ใช้ชนิดที่ไม่ต้องมีการหล่อลื่น วัสดุที่ทำเบ้า รูปท่ี 7.26 ลกู หมากคนั ส่ง ลูกหมากคันส่งเป็นวัสดุทนต่อการสึกหรอ การ ป้องกันฝุ่นของยางกันฝุ่นจะต้องดี และจาระบีที่ใช ้ เปน็ แบบถาวร มสี ปรงิ ยนั สำหรบั ชดเชยการสกึ หรอ ของชุดลูกหมาก เบ้าลูกหมากและความฝืดขั้นต้น
ปลอกคันสง่ ปลายเฟอื งสะพาน งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 95 ปลอกคนั สง่ 7. ปลอกคันส่ง (Adjusting Tube) ลกู หมากคันส่ง ก้านลูกหมากคันส่ง ปลอกคันส่งเป็นทอ่ กลม มีเกลียวภายใน หวั ท้าย ด้านหนึ่งเป็นเกลยี วซา้ ย อีกด้านหน่งึ เปน็ รปู ท่ี 7.27 คนั สง่ สำหรับกระปกุ พวงมาลัยแบบเฟือง เกลยี วขวา ตรงปลายปลอกคันสง่ ผา่ ตามยาว เพอื่ สะพาน (บน) และแบบลูกปนื หมนุ วน (ลา่ ง) ให้หมุนเกลยี วปรบั งา่ ย เม่อื ปรบั แล้ว รดั แน่นดว้ ย ปลอกรดั ปลอกคันส่งของกระปุกพวงมาลัยแบบ เฟืองสะพานต่อเขา้ ปลายเฟืองสะพาน สำหรบั ปรบั ระยะตั้งศูนย์ล้อ แต่ปลอกคันส่งของกระปุก พวงมาลัยแบบลูกปืนหมุนวน มีลูกหมากคันส่ง อย่หู ัวท้าย 8. แขนบังคับเลยี้ ว (Steering Arms) แขนบังคับเลี้ยวส่งถ่ายกำลังการเคลื่อนตัว คันส่ง ของคนั ส่งหรอื กา้ นดึง ไปยังลอ้ หนา้ โดยผ่านแกน หมนุ เลยี้ วหรอื คิงพนิ (Kingpin) สำหรบั การรองรับ แบบคานแขง็ แขนบงั คับเล้ยี ว รปู ท่ี 7.28 แขนบงั คับเลย้ี วระบบรองรบั อสิ ระ ลกู หมากปีกนก 9. แกนหมนุ เล้ียว (Steering Knuckles) แกนหมนุ เลย้ี ว แกนหมนุ เลย้ี วเปน็ ตวั สง่ ถา่ ยกำลงั จากแขน ลูกหมากปกี นก บังคบั เลีย้ วให้หมุนเพลาของลอ้ หน้าไปซา้ ย-ขวา ลกั ษณะของแกนหมนุ เลย้ี วมหี ลายรปู แบบ แกนหมนุ เลย้ี วการรองรบั แบบคานแขง็ เรยี กวา่ คงิ พนิ แกนหมุนเลย้ี วเพลารถขับ 4 ลอ้ เรยี กวา่ หัวกะโหลก หมนุ เล้ยี ว รูปท่ี 7.29 แกนหมนุ เลี้ยวระบบรองรับอสิ ระ
96 งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ กจิ กรรมท ่ี 7 ใหผ้ ้เู รยี นแบ่งกล่มุ ศกึ ษาจากของจรงิ แลว้ เตมิ ข้อความในช่องวา่ ง 1. จงเขยี นชอ่ื แกนพวงมาลยั แบบนริ ภยั ใต้รปู ต่อไปนี้ j .................................................................................. k .................................................................................... 2. จงเขยี นชอื่ สว่ นประกอบลูกหมากคันส่งทเี่ สน้ กำหนดในรูป พร้อมหน้าทีส่ ่วนประกอบน้นั ....................................................................... ..................................... ....................................... ..................................... ..................................... ................................ ..................................... ................................ .............................. ......................................... .............................. ......................................... ......................................... ...................................................... .......................................... ...................................................... ...................................................... ......................................................... ......................................................... ......................................................................................................
งานเครื่องล่างรถยนต์ 97 7.4 การตรวจซ่อมกลไกบงั คบั เลี้ยว 1. การตรวจสภาพกลไกบังคับเลี้ยว แขนบังคับเลี้ยวและแขนรองรับจะต่อกับลูกหมากคันส่ง ซึ่งลูกหมากคันส่งหล่อลื่นด้วยจาระบี และห่อหุ้มด้วยยางกันฝุ่น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของจาระบี ป้องกันน้ำและโคลนซึมเข้าไปภายใน เพื่อให้ แขนบังคับเลี้ยวเคลื่อนที่ขึ้นลง หรือเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้อย่างคล่องตัว ถ้าลูกหมากคันส่งหลวมคลอนมาก จะเป็นสาเหตุทำให้มีเสียงดังผิดปกติและการขับขี่จะไม่มั่นคง ล้อรถสั่น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจลูกหมากคันส่งและยางกันฝุ่นตามระยะ รูปที่ 7.30 ตรวจสภาพยางกันฝุ่นและการหลวมคลอนคันชกั คันส่ง 2. การตรวจลูกหมากคันส่งและก้านต่อ บังคับเลี้ยว 1) ใหย้ กดา้ นหนา้ ของรถจนลอ้ หนา้ ทง้ั สอง พน้ จากพน้ื 2) ใหผ้ ลกั และดงึ ลอ้ ทง้ั ซา้ ยและขวาเขา้ ออก พรอ้ ม ๆ กนั 3) ถ้ามีระยะการคลอนมากเกิน อาจเป็น สาเหตทุ ม่ี าจากลกู หมากคนั สง่ ลกู ปนื ลอ้ และก้านตอ่ ตา่ ง ๆ สกึ หรอ รปู ท่ี 7.31 การตรวจสภาพหลวมคลอนลกู หมากคันส่ง
98 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 3. การถอดลูกหมากคันส่ง 1) ถอดปนิ้ รอ้ ยนอตลกู หมากคันส่งออก 2) ถอดนอตลูกหมากคนั ส่งออก 3) ดดู ลกู หมากคนั สง่ ออกดว้ ยเหลก็ ดดู ลกู หมาก คนั ส่ง รูปที่ 7.32 การตรวจลกู หมากคันสง่ เครื่องหมาย ขาไก่ 4. การถอดขาไกพ่ วงมาลัย ขาไก่พวงมาลยั 1) ทำเครื่องหมายการประกอบระหว่างแกน รูปท่ี 7.33 การถอดขาไกพ่ วงมาลยั ขาไกแ่ ละขาไก่พวงมาลยั 2) ถอดนอตแกนขาไก่ออก ด้านหนา้ 3) ถอดขาไก่ออกจากแกนขาไกด่ ว้ ยเหลก็ ดดู ดา้ นหน้า 5. การประกอบก้านตอ่ บงั คบั เลย้ี ว การประกอบก้านต่อบังคับเลี้ยวให้ปฏิบัติ กระทำยอ้ นกลบั ตามลำดบั ข้ันตอนการถอดดังนี้ 1) ประกอบคนั สง่ ทง้ั ดา้ นซา้ ยและดา้ นขวาเขา้ กบั ปลอกยดึ โดยการหมุนลกู หมากคันส่ง ดา้ นซา้ ยและด้านขวา เพ่อื ใหไ้ ด้ชว่ งระยะ ความยาวทีเ่ ท่ากนั ดงั A = A′ และ B = B′ 2) ก่อนประกอบก้านต่อ ต้องล็อกลูกหมาก คันส่ง โดยยึดเหล็กรัดพร้อมกับปรับ ทศิ ทางแกนลกู หมากใหท้ ำมมุ กนั ประมาณ 90 องศา รปู ท่ี 7.34 การประกอบกา้ นต่อบงั คบั เล้ยี ว
แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 7 เรื่อง กลไกบงั คบั เลยี้ วและการตรวจซอ่ ม ตอนที ่ 1 การบังคับเลี้ยวตามกฎ 4 เหลี่ยมคางหมู ABCD ที่ล้อหน้าด้านในเลี้ยวด้วยมุม b = 30o ล้อด้านนอกจะเลี้ยวกี่องศา จงหาตำแหน่งล้อด้านนอกและ คันส่งที่สัมพันธ์กัน โดยเขียนแสดงมุมเช่นเดียวกับล้อหน้าด้านใน ABCD = 4 เหลย่ี มคางหมู b = 30o (มุมท่ีลอ้ เล้ยี ว) แกนเพลาล้อหนา้ งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 99 แขนโยกลอ้ คันส่ง
100 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ ตอนท่ี 2 จงทำเครือ่ งหมายถกู ( P) ลงหนา้ ขอ้ ความที่ถูกตอ้ งทส่ี ดุ 1. ระบบบงั คับเลยี้ วมหี นา้ ท่ีอะไร 6. ทำไมออกแบบให้แกนพวงมาลัยปรบั ระดับได้ ก. บงั คบั เลี้ยวในทางโค้ง ก. ปอ้ งกนั กระแทกหนา้ อก ข. บังคับเล้ียวในการเคลื่อนที่ ข. ป้องกันพวงมาลยั ส่ัน ค. บงั คบั ใหร้ ถเคลื่อนท่ีทางตรง ค. ใหเ้ หมาะในการจบั ง. ถูกทุกข้อ ง. ใหเ้ หมาะสมในการควบคมุ 2. แกนพวงมาลัยนิรภัยใช้สำหรับอะไร 7. ตำแหน่งสวติ ช์กุญแจ ACC คอื อะไร ก. ปอ้ งกนั การบาดเจบ็ ก. Action Position ข. ป้องกนั หนา้ อกกระแทก ข. Active Position ค. ลดความรุนแรงการบาดเจ็บ ค. Accessories Position ง. ลดความรุนแรงการชน ง. Accessory Position 3. ระบบบงั คบั เลีย้ วตอ้ งควบคมุ ทิศทางไดอ้ ย่างไร 8. คันชักคอื อะไร ก. งา่ ยและคลอ่ งตวั ข. คลอ่ งตวั และหนกั ก. ก้านต่อขาไก่พวงมาลัยกับคันสง่ ค. หนกั และคงทน ง. คงทนและแข็งแรง ข. กา้ นต่อกา้ นส่งกบั ลูกหมากคนั ส่ง 4. การบงั คบั เล้ียวทค่ี วามเร็วต่ำควรเปน็ อย่างไร ค. กา้ นต่อระหวา่ งลกู หมาก ก. เบาแรง ค. ปานกลาง ง. เหล็กกันกระแทก ข. หนกั แรง ง. อยา่ งใดกไ็ ด้ 9. คนั สง่ คืออะไร 5. การคนื ตวั หลงั การหนั เลย้ี ว หมายถงึ อะไร ก. กา้ นต่อระหว่างลูกหมากคนั สง่ ก. หมนุ พวงมาลยั กลับเบาแรง ข. กา้ นต่อระหวา่ งคนั ชักไปแขนบังคับเล้ียว ข. หมุนพวงมาลัยกลับหนกั แรง ค. ก้านตอ่ ลูกหมากกับหนวดก้งุ ค. หมนุ คืนกลบั โดยไมต่ อ้ งควบคมุ ง. กา้ นตอ่ ปีกนก ง. มีแรงหมุนกลบั ตามแรงมือหมุน 10. แขนบังคบั เลย้ี วคอื อะไร ก. ก้านตอ่ กระปุกพวงมาลยั ข. ก้านตอ่ คันสง่ ค. ก้านตอ่ คนั ชัก ง. แขนบังคบั แกนหมุนเลย้ี ว ตอนท ี่ 3 จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. หน้าทสี่ ำคัญของระบบบังคับเลย้ี ว พรอ้ มด้วยระบบรองรับคืออะไร 2. การหมนุ เลีย้ วพวงมาลัยทำใหเ้ กดิ การบงั คับเลี้ยวล้อหน้าอยา่ งไร 3. แกนพวงมาลยั นิรภยั จะป้องกันแกนพวงมาลัยกระแทกผ้ขู ับขี่ใน 2 ลกั ษณะคืออะไร 4. ขาไก่พวงมาลัย (Pitman Arm) หมายถึงสว่ นประกอบใด 5. จงสเกตชภ์ าพการถอดขาไก่พวงมาลัยและถอดลกู หมากคันส่งออกด้วยเหลก็ ดดู มาอยา่ งละ 1 ภาพ
8 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 101 กระปกุ พวงมาลยั แบบลกู ปนื หมนุ วน และการตรวจซอ่ ม สาระการเรียนรู้ 8.1 ลกั ษณะการบังคับเลีย้ วของกระปุกพวงมาลยั 8.2 กระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาแบบลกู ปืนหมนุ วน 8.3 กระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์แบบลูกปนื หมนุ วน 8.4 การบรกิ ารพวงมาลัยรถยนต์ 8.5 การตรวจซอ่ มกระปุกพวงมาลยั แบบลกู ปืนหมุนวน ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายลักษณะการบังคบั เล้ยี วของกระปกุ พวงมาลยั ได้ 2. อธบิ ายกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาแบบลูกปืนหมนุ วนได้ 3. อธิบายกระปุกพวงมาลยั เพาเวอร์แบบลกู ปนื หมนุ วนได้ 4. ปฏบิ ัติการบรกิ ารพวงมาลัยรถยนต์ได้ 5. ปฏบิ ัติการตรวจซอ่ มกระปุกพวงมาลยั แบบลูกปนื หมนุ วนได้ 6. เพ่ือใหม้ กี ิจนสิ ัยในการทำงานดว้ ยความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย ประณีต รอบคอบและตระหนักถงึ ความปลอดภยั
102 งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 8 กระปกุ พวงมาลยั แบบลกู ปนื หมนุ วน และการตรวจซอ่ ม บทนำ กระปุกพวงมาลัย (Steering Gear Box) จำแนกเป็นแบบธรรมดา ควบคุมการทำงานด้วยกลไก และแบบกำลังหรือเรียกว่าแบบเพาเวอร์ (Power Steering) ควบคุมการทำงานระบบน้ำมันเพาเวอร์ หรือ เรียกว่าระบบไฮดรอลิก (Hydraulic System) สามารถผ่อนแรงหมุนพวงมาลยั ได้มาก สะดวกสบายในการ ขบั ข่ลี ดการเมื่อยล้า กระปุกพวงมาลยั แบง่ ตามกลไกไดห้ ลายแบบ แบบท่นี ิยมกนั แพรห่ ลายในรถนั่งเปน็ แบบลูกปืน หมนุ วนและแบบเฟอื งสะพาน ต่างมหี น้าที่ดังต่อไปน้ี 1) เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่จากการหมุนพวงมาลัยรอบตัว เป็นการเคลื่อนที่โยกคันชัก หรือคันส่ง บงั คบั ล้อหน้ารถ 2) ผ่อนแรงการหมุนพวงมาลัยในกระปุกพวงมาลัยด้วยอัตราทด 15:1 ถึง 25:1 สำหรับรถนั่ง และ 25:1 ถงึ 40:1 สำหรบั รถบรรทุกกับรถโดยสาร 3) ลดแรงกระทบกลบั ขณะลอ้ หนา้ กระทบสง่ิ กดี ขวางจนลอ้ บดิ ไปมาในถนนขรขุ ระ ไมใ่ หถ้ งึ พวงมาลยั ไมใ่ หเ้ ป็นอันตรายต่อมือที่ถือพวงมาลยั เกลียวหนอน เฟืองเลี้ยว เฟืองบรรทัด แบบเกลียวหนอน แบบเฟืองเลี้ยว เกลียวหนอน แบบเฟืองบรรทัด เกลียวหนอน ลูกปืนหมุนวน แบบเกลียวหนอนและลูกกลิ้ง แบบลูกปืนหมุนวน แบบเกลียวหนอนกับเดือย รูปที่ 8.1 กระปุกพวงมาลัยแบบตา่ ง ๆ
งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 103 8.1 ลกั ษณะการบงั คบั เลย้ี วของกระปกุ พวงมาลยั ขาไก่พวงมาลัย 1. กระปุกพวงมาลัยเปล่ียนทิศทางหมุน รปู ท่ี 8.2 ขาไก่พวงมาลัยโยกไปโยกมาของกระปุก เปลี่ยนทิศทางหมุนพวงมาลัยที่ออกแรง พวงมาลยั แบบลกู ปนื หมุนวน หมุนรอบตัว เปน็ หมนุ โยกไปโยกมา หรือแกวง่ ไป ทางซา้ ยและขวา เพอ่ื สง่ แรงไปบงั คบั ลอ้ รถทง้ั 2 ขา้ ง รูปท่ี 8.3 ลักษณะการส่งถา่ ยแรงลูกปนื หมุนวน หมุนเลี้ยวไปพร้อมกัน โดยอาศัยข้อต่อบังคับเลี้ยว ตา่ ง ๆ เปน็ ตวั ส่งถ่ายกำลงั ทิศทางการหมนุ พวงมาลัย รปู ที่ 8.4 ลักษณะการสั่นสะเทือนถึงพวงมาลยั และทศิ ทางการหมนุ ของล้อทงั้ 2 ขา้ ง ต้องเปน็ ไปใน ทศิ ทางเดียวกัน คือเม่อื หมุนพวงมาลยั วนซ้าย ลอ้ ต้องเล้ียวซ้ายไปดว้ ย 2. กระปกุ พวงมาลยั เปน็ เครอ่ื งผ่อนแรง เมอ่ื หมนุ พวงมาลยั 2-3 รอบ เพลาขวาง 8 หรือขาไก่พวงมาลัยจะหมนุ ไปประมาณ 60-70o และ ทดกำลงั เกอื บ 20 เทา่ เพอ่ื ใหอ้ อกกำลงั หมนุ พวงมาลยั ไม่หนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่รถจอดอยู่กับท่ี อตั ราทดเฟอื งพวงมาลยั หาไดโ้ ดยการเอาจำนวนองศา หมุนของพวงมาลัยหารด้วยองศาการเคลื่อนที่ของ แขนบงั คบั เล้ยี วที่ล้อรถ คอื จำนวนองศาหมุนของพวงมาลยั (องศา) องศาการเคลือ่ นท่ขี องแขนบังคบั เลี้ยว (องศา) 3. ลดการส่นั สะเทอื นถึงพวงมาลัย เมอ่ื ขบั รถผา่ นถนนทข่ี รขุ ระ ลอ้ หนา้ บดิ ตวั ไปมา ขณะที่ลอ้ หน้าบดิ ตวั ไปมาอยา่ งรวดเรว็ จะส่ง แรงไปยังคนั ส่งและคนั ชกั ผา่ นกระปุกพวงมาลัยไป ยงั มอื ทถ่ี อื พวงมาลยั ถา้ พวงมาลยั ไมท่ ดรอบไวอ้ าการ สะเทอื นจะส่งไปถึงมอื ผขู้ ับข่รี ถ การทดรอบย่งิ มาก ก็จะทำให้กระปุกพวงมาลัยลดอาการสะเทือนดีขึ้น แต่ถา้ ทดรอบมากเกินไปก็จะบังคับรถได้ไมด่ ี เพราะ จะต้องหมุนพวงมาลัยมากรอบจึงจะทำให้รถเลี้ยว ได้เทา่ เดมิ การเลย้ี วช้าลงเป็นอันตรายในขณะทเี่ ลยี้ ว ด้วยความสูง
104 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 8.2 กระปุกพวงมาลยั ธรรมดาแบบลูกปนื หมนุ วน เม็ดลูกปืน 1. สว่ นประกอบ ปลายทั้ง 2 ข้างของเพลาตัวหนอนรองรับไว ้ ด้วยตลับลูกปืนตัวเฟืองตามสวมอยู่กับเพลาตัวหนอน และเคลอ่ื นทอ่ี ยบู่ นเพลาตวั หนอน ภายในเกลยี วตวั หนอน มเี มด็ ลกู ปนื จำนวนมากหมนุ หรอื เคลอ่ื นทอ่ี ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แบบหมนุ วนอยภู่ ายในรอ่ งเฉียงบนเพลาตวั หนอน เพลาขวาง เพลาขวางประกอบอยใู่ นเสอ้ื กระปกุ พวงมาลยั ขาไก่พวงมาลัย หมุนวนพร้อมลูกปืนเขม็ เฟืองเพลาขวางขบอยู่กบั ฟนั ของเฟอื งตาม เม่ือเพลาตวั หนอนหมนุ ตวั เฟืองตามจะ เคลื่อนที่ไปตามตัวหนอน การเคลื่อนที่นี้ ทำให้เพลา รูปที่ 8.5 ภาพด้านข้างกระปุกพวงมาลัยแบบลูกปืนหมุนวน ขวางหมนุ พาขาไกพ่ วงมาลยั โยกไปมาได้ เฟืองเพลาขวาง เพลาขวาง 2. คา่ ความตึงลูกปนื (Preload) เพลา พวงมาลยั ชนดิ ลกู ปนื หมนุ วนมคี วามตา้ นทาน การเคลอ่ื นทน่ี อ้ ย ความฝดื ระหวา่ งเพลาตวั หนอนและ เพลาขวางมนี อ้ ยมาก เนอ่ื งจากลกู ปนื กลม โครงสรา้ ง เฟืองตาม กระปุกพวงมาลัยแบบลูกปืนหมุนวนให้ค่าความตึงการ หมุนเพลาขวางกับเฟืองตามประมาณ 5o ไปทางซ้าย เม็ดลูกปืน เพลาตัวหนอน และขวาของมุมการหมุนเพลาขวางจากจุดทางตรง จดุ ประสงคข์ องการมคี า่ ความตงึ เพอ่ื ใหพ้ วงมาลยั หนกั รูปที่ 8.6 ภาพด้านบนกระปุกพวงมาลัยแบบลูกปืนหมุนวน ในตำแหน่งทางตรง ช่วยการขับขี่ที่มั่นคงและเพิ่ม เสถยี รภาพการบงั คบั เลย้ี ว โดยจำกดั ชอ่ งวา่ งระหวา่ งฟนั เฟอื งเพลาขวางและฟนั เฟอื งตาม ประแจพิเศษ 3. ปรบั ความตึงลกู ปนื (Preload) ใช้ประแจทอร์กและประแจพิเศษปรับสกรู ปรบั ตง้ั ความตงึ ลกู ปนื (เรม่ิ หมนุ ) คา่ พรโี หลดรวม : 8-10.5 กก.-ซม. ความตึงลูกปืน 0.8-1.0 Nm (8-10.05 กก.-ซม.) รูปที่ 8.7 การปรับพรีโหลดรวม
งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 105 ความฝืด 4. ความตา้ นทานการหมนุ รวม มุมบังคับเลี้ยว ความต้านทานการหมุนรวมและระยะฟรีของ ตำแหน่งทางตรง ฟันเฟืองกระปุกพวงมาลัย ตรวจสอบได้ในตำแหน่ง ทางตรง การปรบั ต้งั นอกจดุ ทางตรง ค่าความต้านทาน รูปที่ 8.8 ค่าความต้านทานการหมุนเฟืองตามของกระปุก การหมุนที่ได้จะเป็นผลให้การบังคับเลี้ยวหนัก การ พวงมาลัย สึกหรอของชนิ้ สว่ นบังคับเลยี้ วจะเกดิ ขึน้ มาก เฟืองตาม 5. อตั ราทดเฟืองท่ีเปล่ียนค่าได้ 8 ตัวหนอน การออกแบบกระปุกพวงมาลัยให้ออกแรง D1 D2 D3 C1 = C2 = C3 บงั คบั เลย้ี วเบาขน้ึ สำหรบั ชว่ งขบั ขท่ี างตรงและขบั ขช่ี า้ ๆ C1C2 C3 D1 = D2 = D3 หรอื ใกลจ้ อด โดยเพม่ิ อตั ราทดเฟอื งกระปกุ แบบธรรมดา แตส่ ำหรบั เฟอื งกระปกุ พวงมาลยั เพาเวอร ์ คงใชอ้ ตั ราทด เเพฟืลอางขวาง เฟอื งคงท่ ี รูปที่ 8.9 อัตราเฟืองคงที่สำหรับกระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์ รูปร่างเฟืองเพลาขวางของกระปุกพวงมาลัย แบบอตั ราทดเฟอื งคงท ่ี เฟอื งมรี ะยะพติ ชเ์ ทา่ กนั ทกุ ตวั เฟอื งตาม คอื ตัวหนอน C1 = C2 = C3 a ระยะห่างฟนั เฟืองตาม D1 D2 D3 C1 = C2 = C3 D1 = D2 = D3 D1 = D2 = D3 a เท่ากนั ทกุ ตัวเชน่ กนั เฟืองเพลาขวาง เพราะฉะน้ัน อตั ราทดเฟืองแต่ละฟนั จงึ คงท ่ี ทแี่ ตล่ ะมมุ การหมุนของเพลาขวาง เพราะว่าอตั ราทด C1/D1 เท่ากับอตั ราทด C1/D1 เสมอ กระปุกพวงมาลัยแบบอัตราทดเฟืองเปลี่ยน แปลงค่า ออกแบบใหร้ ะยะห่างของฟันเฟอื งเพลาขวาง เลก็ ลงแลว้ โตขนึ้ ทตี่ รงกลาง (C1 > C2 > C3) อีกประการ หนึ่งระยะห่างของขนาดฟันเฟืองตามโตขึ้นแล้วเล็กลง ตรงกลาง (D1 < D2 < D3 เสมอ) ดงั นน้ั ขณะหมนุ พวงมาลยั ไปทางซา้ ยหรอื ขวา อตั ราทดเฟืองจะมากขึ้น เป็นเหตุใหแ้ รงหมุนพวงมาลัย เพ่ิมข้นึ เพื่อให้อตั ราทด C1/D1 มากกว่า C2/ D2 รูปที่ 8.10 อัตราทดเฟืองเปลี่ยนแปลงค่าได้สำหรับกระปุก พวงมาลัยธรรมดา
106 งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 8.3 กระปกุ พวงมาลยั เพาเวอรแ์ บบลกู ปนื หมนุ วน กระปุกน้ำมัน แกนพวงมาลัย เพาเวอร์ ลนิ้ น้ำมันเพาเวอร์ กระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์ แบบลูกปืนหมุนวน คันส่ง ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ รูปที่ 8.11 ชุดบังคับเลี้ยวด้วยกระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์แบบลูกปืนหมุนวน รูปที่ 8.12 ภาพตัดกระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์ตำแหน่งยังไม่เลี้ยว 1. สว่ นประกอบกระปกุ พวงมาลยั เพาเวอร์แบบลกู ปนื หมนุ วน (Power Steering) กระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์แบบ ลกู ปืนหมุนวน มีลิน้ ควบคมุ และลกู สูบ กำลงั ประกอบอย่ใู นเสอ้ื กระปุกพวงมาลัย การขบั เคลือ่ นเปน็ แบบลกู ปนื หมนุ วน ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบ ลูกปนื หมุนวน มีส่วนประกอบหลักคอื ปั๊มนำ้ มันเพาเวอร์ ทำหนา้ ที่สร้างความ ดันน้ำมันชุดตัวหนอน ซ่งึ ประกอบด้วย ล้นิ ควบคุมลูกสบู กำลงั เฟืองเพลาขวาง บงั คบั เลยี้ ว ท่อส่งถ่ายน้ำมันและทอ่ อ่อน
งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 107 เกลียวปิด กระปุก ลน้ิ 2. การทำงาน ลิ้น สปริง ปั๊ม พวงมาลัยเพาเวอร์มีอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อน ทกล่อับไหล แรงการบงั คบั เลย้ี ว ประกอบดว้ ยการทำงานของปม๊ั ลน้ิ กลบั ท1่อความดัน น้ำมันเพาเวอร์ท่ีติดต้ังอยู่ด้านหน้าของเคร่ืองยนต ์ อาศยั ความดันจากนำ้ มนั เพาเวอร ์ (ไฮดรอลิก) มา แกนพวงมาลัย ลน้ิ จา่ ย 1 กระทำต่อลูกสูบท่ีอยู่ภายในกระบอกสูบเพาเวอร์ ดังน้ันจึงทำให้เฟืองขับในกระปุกพวงมาลัยได้รับ ลน้ิ จา่ ย 2 หอ้ งความดนั 2 ความดันน้ำมันเพาเวอร์ไปขับลูกสูบกระปุกพวง ลน้ิ กลบั 2 มาลยั ซง่ึ จำนวนของแรงขบั เคลอ่ื นขน้ึ อยกู่ บั ความ ดันน้ำมันเพาเวอร์ที่กระทำต่อลูกสูบ แต่ถ้าต้อง ลูกสูบ สปรงิ การแรงในการหมนุ พวงมาลยั ใหม้ ากขน้ึ ความดนั เกลียวปิด ห้องความดนั 1 ก็จะถูกเพิ่มให้มากขน้ึ โดยการเปลย่ี นแปลงความ ดนั ทผ่ี า่ นลน้ิ ควบคมุ ทต่ี อ่ อยกู่ บั เฟอื งของพวงมาลยั รูปที่ 8.13 ตำแหน่งยังไม่เลี้ยว 3. พวงมาลยั อยู่ในตำแหนง่ ยงั ไม่เล้ียว 8 รูปที่ 8.14 ตำแหน่งหมุนเลี้ยว (สุด) นำ้ มนั เพาเวอรจ์ ากปม๊ั นำ้ มนั จะถกู สง่ ผา่ น ไปยงั ลน้ิ ควบคมุ ถา้ ลน้ิ ควบคมุ เปดิ ใหอ้ ยใู่ นตำแหนง่ ลิ้นกลับ 1 กึง่ กลาง น้ำมันเพาเวอร์ทั้งหมดจะไหลผ่านลิ้น ลิ้นจ่าย 1 ควบคมุ ไปยงั ช่องระบายนำ้ มันไหลกลับส่ปู ัม๊ และ ลิ้นจ่าย 2 ในเวลาเดยี วกนั ความดนั ของนำ้ มันเพาเวอร์เพิ่ม ลิ้นกลับ 2 มากข้ึนภายในระบบจะกระทำกับลูกสูบทั้งสอง ด้านที่เท่ากัน ซึ่งเป็นผลให้ลูกสูบไม่สามารถ เคล่อื นท่ีไปในทางทิศทางหนึง่ ทศิ ทางใดได้ ลูกสูบเคลื่อนที่ 4. พวงมาลัยอย่ใู นตำแหนง่ หมนุ ลีย้ ว เมื่อหมุนพวงมาลัยไปในตำแหน่งใดก็ ตาม ลน้ิ ควบคมุ จะหมนุ เคลอ่ื นตามไปปดิ ชอ่ งทาง ของนำ้ มันเพาเวอร์ดา้ นหนง่ึ สว่ นอีกช่องทางหนึ่ง จะถูกเปิดให้มากขึ้น ปริมาณการไหลของน้ำมัน เพาเวอร์จึงมีการเปลี่ยนแปลง ในเวลาเดียวกัน ความดนั นำ้ มนั ทเ่ี พม่ิ มากขน้ึ ซง่ึ เปน็ ผลมาจากความ แตกต่างของความดันน้ำมันท่ีเกิดข้ึนท้ังสองด้าน ของลูกสูบ ทำให้ลูกสูบถูกผลักดันให้เคลื่อนตัว ไปในทิศทางที่มีความดันต่ำจะถูกผลักดันให้ไหล กลบั คนื สปู่ มั๊ น้ำมันโดยผา่ นลนิ้ ควบคมุ ต่อไป รูปที่ 8.15 ตำแหน่งหมุนเลี้ยว
108 งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 8.4 การบรกิ ารพวงมาลัยรถยนต์ 8.4.1 การบริการพวงมาลัยธรรมดา 1. การตรวจระยะฟรีของพวงมาลัย ถา้ พวงมาลยั มรี ะยะฟรมี ากเกนิ ไป จะตอ้ งหมนุ พวงมาลยั มาก ลอ้ หนา้ ทง้ั ดา้ นซา้ ยและขวาไมเ่ คลอ่ื นท ่ี ผลที่จะตามมาก็คือการบังคับเลี้ยวไม่สะดวก ซึ่งตามปกติแล้วพวงมาลัยจะต้องมีระยะฟรีประมาณ 30 มม. การตรวจสอบกระทำได้ด้วยการหมนุ ลอ้ หน้าให้อยูใ่ นตำแหนง่ ทศิ ทางตรง จากนั้นให้หมนุ พวงมาลยั ขนึ้ ลง ไปมาเบา ๆ อย่างช้า ๆ โดยไม่ทำให้ล้อหมุน ระยะที่พวงมาลัยหมุนเรียกว่า ระยะฟรีพวงมาลัย (Free Play) ถ้าระยะฟรีพวงมาลัยมีมากเกินกวา่ ระยะท่กี ำหนดไว ้ อาจเกดิ สาเหตดุ งั ตอ่ ไปน้ี ระยะฟรี 1) ข้อตอ่ ตา่ ง ๆ สึกหรอมากแลว้ 2) ตลับลูกปืนล้อหน้าหลวม หรือประกอบ ไม่ถูกต้อง 3) ปรับระยะฟรเี ฟอื งกระปกุ พวงมาลัยไม่ถกู ตอ้ ง 4) กา้ นต่อบงั คับเล้ยี วหลวมคลอน เป็นต้น ปรบั ระยะฟรี 2. การปรบั ต้งั ระยะฟรกี ระปุกพวงมาลยั เติม 1) จอดรถและตัง้ ลอ้ ให้หน้าตรง น้ำมันรั่ว 2) คลายนอตลอ็ ก 3) ให้หมุนสกรูปรับตั้งทีละน้อย พร้อมกับตรวจ สอบระยะฟรีพวงมาลัยระหว่างการปรับตั้งไป ด้วย 4) ล็อกนอตลอ็ ก 5) หมุนพวงมาลัยไปมาครึ่งรอบทั้ง 2 ทิศทาง ตรวจระยะฟรีและพวงมาลัยหมนุ ได้คลอ่ งตัว ระยะฟรีพวงมาลัย : 20-30 มม. 3. การตรวจระดับน้ำมนั กระปุกพวงมาลัย 1) ตรวจน้ำมนั รัว่ ออกส่ภู ายนอก 2) เปิดจุกตรวจระดับน้ำมันกระปุกพวงมาลัย 3) ถ้าต่ำเติมด้วยน้ำมันเกียร์
MMIANX C OLD HOT งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 109 MMAINX ข้อควรจำ ควรตรวจระดับน้ำมันเพาเวอร์ทุก 10,000 กม. หรือมีเสียงดังขณะหมุน หากระดับ น้ำมันเพาเวอร์ลดต่ำลง ให้ตรวจน้ำมัน เพาเวอร์รั่วซึม 8.4.2 การบริการพวงมาลัยเพาเวอร์ 8 1. การตรวจความตงึ สายพานปมั๊ น้ำมนั เพาเวอร์ 2. การตรวจระดับนำ้ มันเพาเวอร์ 1) ให้จอดรถอยู่ในแนวระดับ 2) ขณะเครอ่ื งยนตไ์ มท่ ำงาน ใหต้ รวจระดบั นำ้ มนั ในกระปุก ถ้าจำเป็นให้เติมน้ำมันเพาเวอร์: ATF DEXON RII หรือ III 3) สตาร์ตเครื่องให้ทำงานที่รอบเดินเบา 4) หมุนพวงมาลัยกลับไปมาจนสุดหลาย ๆ ครั้ง เพื่อเพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเพาเวอร์ อุณหภูมิน้ำมันเพาเวอร์: 80oซ. (176oฟ.) ไม่มีฟอง มีฟอง 5) ตรวจความขุ่นหรือมีฟองอากาศ ถ้ามีฟอง อากาศหรือมีความขุ่น ให้ไล่ลมระบบน้ำมัน 5 มม.หรือ เพาเวอร์ น้อยกวา่ 6) ขณะติดเครื่องเดินเบา ให้วัดระดับน้ำมันใน ติดเครอ่ื งยนต ์ ดับเครือ่ งยนต์ กระปกุ 7) ดับเครอ่ื งยนต์ 8) คอยสักครู่ แล้ววัดระดับน้ำมันในกระปุกซ้ำ อีกครั้ง ระดับน้ำมันจะเพิ่มขึ้นสูงสุด: 5 มม. ถ้าพบข้อบกพร่อง ให้ไล่ลมระบบน้ำมัน เพาเวอร์ 9) ตรวจระดบั น้ำมนั เพาเวอร์
110 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ กจิ กรรมท ่ี 8.1 จงเติมข้อความการแก้ไขปญั หาและหนา้ ที่การใชง้ าน เคร่ืองมือพิเศษ 1. จงเตมิ ข้อความการแกไ้ ขปัญหาระบบบังคบั เล้ียวตอ่ ไปน้ี ปัญหา สาเหตุท่เี ป็นไปได้ การแก้ไข 1) เตมิ ลมยางไมถ่ กู ต้อง 1) ........................................................................... 2) มมุ แคสเตอรม์ ากเกินไป 2) ........................................................................... u พวงมาลยั หนัก 3) ลกู หมากระบบบังคบั เลย้ี วสึกหรอ 3) ........................................................................... 4) ลูกหมากปีกนกตัวลา่ งสกึ หรอ 4) ........................................................................... 5) เฟอื งพวงมาลยั ปรับตั้งไม่ถกู ต้อง 5) ........................................................................... 1) เติมลมยางไมถ่ กู ต้อง 1) ........................................................................... 2) ........................................................................... v พวงมาลัย 2) การหลอ่ ลนื่ ไม่เพียงพอ 3) ........................................................................... กลบั คนื ลำบาก 4) ........................................................................... 3) ศูนย์ลอ้ ไม่ถูกต้อง 5) ........................................................................... 4) ชุดแกนพวงมาลัยคดงอ 5) เฟืองพวงมาลัยปรบั ตั้งไม่ถูกตอ้ ง w ระยะฟรี 1) ลกู ปนื ลอ้ หน้าสึกหรอ 1) ........................................................................... พวงมาลยั 2) ขอ้ ต่อแกนพวงมาลยั สกึ หรอ 2) ........................................................................... มากเกินไป 3) ลูกหมากปกี นกตวั ลา่ งสึกหรอ ........................................................................... x เสียงดงั 4) ลกู หมากระบบบังคับเลี้ยวสกึ หรอ ผดิ ปกติ 5) เฟอื งพวงมาลยั ปรับตั้งไม่ถกู ตอ้ ง 3) ........................................................................... 4) ........................................................................... 5) ........................................................................... 1) ก้านตอ่ บงั คบั เลย้ี วหลอม 1) ........................................................................... 2) ลกู หมากระบบบังคับเล้ียวสกึ หรอ 2) ........................................................................... ........................................................................... 3) เฟอื งพวงมาลยั ปรบั ตั้งไมถ่ กู ต้อง 3) ...........................................................................
งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 111 2. จงเขียนหน้าทก่ี ารใชง้ านเครอื่ งมอื พเิ ศษซ่อมแกนพวงมาลยั (TOYOTA) ต่อไปนี้ ลกั ษณะเคร่อื งมือ ช่อื เคร่ืองมือ หน้าทก่ี ารใชง้ าน เหลก็ ดูดพวงมาลยั .............................................................................................. แบบสกรดู ูด .............................................................................................. เหล็กดูดพวงมาลัย .............................................................................................. แบบตวั ซี .............................................................................................. คีมถ่างแหวนล็อก .............................................................................................. .............................................................................................. 3. จงเขยี นหนา้ ทกี่ ารใชง้ านเครอื่ งมือพิเศษซอ่ มกระปุกพวงมาลยั (TOYOTA) ตอ่ ไปนี้ 8 ลกั ษณะเครอื่ งมือ ช่อื เครอ่ื งมอื หน้าท่กี ารใชง้ าน เหล็กดดู ขาไก่ .......................................................................................... พวงมาลยั .......................................................................................... (แขนพติ แมน) เหล็กดูด .......................................................................................... ลกู หมากคนั สง่ .......................................................................................... เหลก็ ดดู ปลอก .......................................................................................... ลูกปนื เพลา .......................................................................................... ตวั หนอน .......................................................................................... บลอ็ กปรับความ .......................................................................................... ตงึ ลกู ปืนเพลา ตวั หนอน ประแจขนั สกรู .......................................................................................... ปรับความตงึ ลกู ปนื .......................................................................................... เพลาตวั หนอน
112 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 8.5 การตรวจซ่อมกระปุกพวงมาลยั แบบลกู ปนื หมุนวน 8.5.1 การถอดแยกชิ้นส่วนกระปุกพวงมาลัยแบบลูกปืนหมุนวน 275 กก.-ซม. 185 กก.-ซม. ฝาค รอบ นอตล็อก 1,500 กก.-ซม. แหวนกนั รุน สกรูปรับตงั้ ปะเกน็ ฝาครอบ ปลอกเกลียว ปรบั ตงั้ ลกู ปนื ปลั๊กเติมน้ำมัน เพลาขวาง 75 กก.-ซม. ตลับลูกปืน ซลี กนั นำ้ มัน เฟอื งตามและเพลาตัวหนอน ตลบั ลูกปนื เสอื้ กระปุกพวงมาลัย หมายเหตุ ♦ = ชิ้นส่วนเกา่ ไม่นำมาใชอ้ ีก ★ = ช้นิ สว่ นทีต่ อ้ งเคลอื บนำ้ ยา 1. การถอดฝาครอบและเพลาขวาง 1) ถอดปลัก๊ เตมิ นำ้ มันและถา่ ยน้ำมัน 2) ถอดสกรูฝาครอบทั้ง 3 ตัว 3) ถอดฝาครอบโดยหมุนสกรูปรบั ตัง้ ตาม เขม็ นาฬกิ า 4) ดึงเพลาขวางและสกรูปรับตั้งออกจาก กระปุกพวงมาลยั
ประแจนอตลอ็ ก งานเครื่องล่างรถยนต์ 113 2. การถอดนอตล็อกและปลอกเกลียวปรับตั้ง ลูกปืน 1) ถอดนอตล็อกออกดว้ ยประแจนอตล็อก 2) ถอดปลอกเกลียวปรับต้ังลกู ปืนดว้ ยประแจ ปลอกเกลยี วปรบั ตัง้ ลกู ปืน ประแจปลอกเกลยี ว 3. การถอดเพลาตัวหนอน 8 1) วางเพลาตัวหนอนแนวนอน 2) ดงึ เพลาตวั หนอนออกจากกระปกุ พวงมาลยั ขอ้ ควรระวัง อย่าถอดแยกเม็ดลูกปืนออกจากเพลา ตัวหนอนพวงมาลัย 8.5.2 การตรวจและเปลี่ยนชิ้นส่วนกระปุก พวงมาลัย 1. การตรวจเฟืองตัวหนอนและเม็ดลูกปืน 1) ตรวจการสึกหรอหรือชำรุดของเฟือง ตวั หนอนและเม็ดลูกปนื 2) ตรวจความคล่องตัวในการหมุนลงด้วย น้ำหนักของตัวหนอนเอง 2. การตรวจระยะรุนเพลาขวาง 1) ใสแ่ หวนกนั รนุ และสกรปู รบั ตง้ั เขา้ รอ่ งเพลา ขวาง 2) วัดระยะรุนของเพลาขวางด้วยฟิลเลอร์เกจ กำหนดให้ไม่เกิน 0.05 มม.
114 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 8.5.3 การประกอบชน้ิ สว่ นกระปกุ พวงมาลยั แบบลกู ปืนหมนุ วน จาระบีอเนกประสงค์ 1. การประกอบเพลาตัวหนอน จาระบีอเนกประสงค์ 1) ทาจาระบอี เนกประสงค์ทบ่ี ชุ ลูกปนื เขม็ และ ซีลกันนำ้ มัน 2) จดั วางตำแหนง่ ตลบั ลกู ปนื ตวั หนอนบนเพลา ตวั หนอน 3) สอดเพลาเข้าในเสอื้ กระปุกพวงมาลยั ประแจปลอกเกลียว 2. ประกอบและปรบั ต้งั ปลอกเกลียวปรบั ลูกปนื 1) หมนุ ปลอกเกลยี วปรบั ลกู ปนื เขา้ ดว้ ยมอื เปลา่ 2) ใชป้ ระแจปลอกเกลยี วหมนุ ปลอกเกลยี วปรบั ลกู ปืนเขา้ จนสดุ ลูกบ๊อกหมุน 3) วดั คา่ ความตงึ ลกู ปนื ทง้ั 2 ทศิ ทางดว้ ยประแจ เพลาตัวหนอน ทอรก์ และลกู บอ๊ กหมนุ เพลาตัวหนอน กำหนดให ้ 0.3-0.5 Nm (3-5 กก.-ซม.) ประแจ ความยาว 4) ทาปะเกน็ เหลวท่นี อตลอ็ ก ปลอกเกลียว 5) ยึดปลอกเกลียวด้วยประแจปลอกเกลยี ว 6) ขนั นอตล็อกดว้ ยประแจทอร์ก คา่ แรงขัน : 110 Nm 7) ตรวจการหมุนเพลาตวั หนอนคลอ่ งตวั ประแจนอตล็อก
งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 115 3. การขันนอตล็อกสกรูปรับตั้ง 1) ทาปะเก็นเหลวที่นอตล็อก 2) ยดึ สกรปู รบั ตง้ั ขณะขนั นอตลอ็ กดว้ ยไขควง 3) ขนั นอตล็อกตามคา่ กำหนด ค่าแรงขัน : 27.5 Nm (275 กก.-ซม.) 4. การวัดระยะห่างฟันเฟอื งเพลาขวาง 8 1) ประกอบนาฬกิ าวดั 2) ตรวจระยะฟรีทง้ั ด้านซา้ ยและขวา ภายใน ระยะ 100o จากตำแหนง่ กึ่งกลาง 5. การเติมนำ้ มนั กระปกุ พวงมาลยั 1) ชนิดนำ้ มัน API GL-4 หรอื SAE 90 2) ความจุ 380-400 ซีซี 3) ระดบั นำ้ มนั 13-20 มม. จากรเู ตมิ 4) ประกอบปลก๊ั เตมิ น้ำมนั แนวเครื่องหมาย 6. การประกอบแขนโยกพวงมาลยั 1) ประกอบแขนโยกพวงมาลยั ใหเ้ ครอ่ื งหมาย ตรงกนั กบั เพลาขวาง 2) ใส่แหวนสปริงแล้วใส่นอตแขนโยก พวงมาลัย ขันแน่น : 1,250 กก.-ซม. (90 ฟุต-ปอนด)์
116 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ ให้ผูเ้ รยี นแบง่ กลุ่มตรวจบริการกระปกุ พวงมาลัยแบบลกู ปนื หมนุ วน แลว้ เตมิ คำในชอ่ งวา่ ง กจิ กรรมท ่ี 8.2 1. จงเขียนสาเหตุเกิดระยะฟรีพวงมาลัย 1) .................................................................................. 2) .................................................................................. 3) .................................................................................. 2. จงเขียนวิธีแก้ไขระยะฟรีพวงมาลัย 1) .................................................................................. 2) .................................................................................. 13-20 มม. 3. จงเขยี นวธิ ตี รวจเตมิ นำ้ มันกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดา 1) .................................................................................. 2) .................................................................................. 3) .................................................................................. 4) .................................................................................. 4. จงเขยี นวิธีตรวจเติมนำ้ มนั กระปกุ พวงมาลัย เพาเวอร์ 1) .................................................................................. 2) .................................................................................. 3) .................................................................................. ข้อควรจำ เหลก็ วัดมรี ะดับ ……..….. และ ……..…..
งานเครื่องล่างรถยนต์ 117 แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 8 เรอ่ื ง กระปกุ พวงมาลยั แบบลกู ปนื หมนุ วนและ การตรวจซอ่ ม ตอนท่ี 1 จงแนะนำเทคนคิ การปรับตั้งระยะฟรีพวงมาลยั แบบต่าง ๆ ต่อไปนี้ เดอื ย ประเภท ลักษณะการปรับระยะฟรี ลำดบั j .......................................................................... ............. 2 1 แบบเกลียวหนอน 2 กบั แขนเดอื ย .......................................................................... ............. k 1 แบบลูกปืน .......................................................................... ............. 8 หมนุ วน .......................................................................... ............. แบบเกลยี วหนอน .......................................................................... ............. และเฟืองเลยี้ ว .......................................................................... ............. แบบเกลยี วหนอน .......................................................................... ............. และลูกกล้ิง 21 .......................................................................... ............. 1 .......................................................................... ............. แบบเฟอื งบรรทดั .......................................................................... ............. ขอ้ ควรจำ ......................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................
118 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ ตอนท ี่ 2 จงทำเครอื่ งหมายถกู ( P) ลงหนา้ ขอ้ ความที่ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ 1. กระปุกพวงมาลยั รถน่ังมีอัตราทดประมาณเท่าใด 6. เตมิ นำ้ มนั กระปกุ พวงมาลัยธรรมดาดว้ ย นำ้ มนั อะไร ก. 5 - 8 : 1 ข. 8 - 10 : 1 ก. SAE 20/40 ข. SAE 30 ค. SAE 70 ง. SAE 90 ค. 10 - 15 : 1 ง. 15 - 25 : 1 7. เติมน้ำมนั กระปุกพวงมาลัยธรรมดาสงู เพยี งใด ก. ตำ่ กว่ารูเติม 5-10 มม. 2. หมุนพวงมาลัย 2-3 รอบ ขาไก่พวงมาลัยเคลือ่ นท่ี ข. ต่ำกว่ารเู ตมิ 13-20 มม. ค. ตำ่ กวา่ รูเติม 20-30 มม. ก่อี งศา ข. 30 - 50o ง. ต่ำกวา่ รเู ตมิ 30-40 มม. ก. 10 - 30o ง. 70 - 90o 8. ตรวจระดับนำ้ มันพวงมาลัยเพาเวอรเ์ มื่อใด ค. 60 - 70o ก. เม่อื ตรวจระดบั นำ้ มนั เคร่ือง ข. เม่อื ตรวจระดับนำ้ มนั เกยี ร์ 3. พวงมาลัยมีระยะฟรเี ท่าใด ค. เมอื่ ตรวจระดบั น้ำมนั เฟอื งทา้ ย ง. เมื่อมเี สียงดงั ขณะหมนุ เลย้ี ว ก. 10 มม. ข. 20 มม. 9. อะไร ไม่ใช่ การตรวจนำ้ มนั เพาเวอร์รว่ั ซมึ ก. ตรวจที่ทอ่ น้ำมนั ค. 30 มม. ง. 40 มม. ข. ตรวจทพ่ี วงมาลัย ค. ตรวจท่ีป๊ัมน้ำมัน 4. การปรบั ตง้ั ระยะรนุ เพลาขวางมคี ่ามาตรฐาน ง. ตรวจท่ีกระปกุ พวงมาลัย กี่มลิ ลเิ มตร ก. 0.05 มม. ข. 0.06 มม. ค. 0.07 มม. ง. 0.08 มม. 5. ความตงึ การหมนุ ตัวตวั หนอนกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาเทา่ ไร ก. 0.3 - 0.4 Nm ข. 0.5 - 0.7 Nm ค. 0.8 - 1.0 Nm ง. 1.0 - 1.5 Nm 10. เติมนำ้ มนั กระปกุ พวงมาลัยเพาเวอร์ด้วยอะไร ก. นำ้ มันเคร่อื ง ข. นำ้ มนั เกียรธ์ รรมดา ค. น้ำมันเกียร์อัตโนมตั ิ ง. นำ้ มนั เฟืองทา้ ย ตอนท ่ี 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนีใ้ หไ้ ดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. จงเขียนหน้าที่กระปกุ พวงมาลัยมา 3 ข้อ 2. กระปกุ พวงมาลยั แบบลูกปืนหมุนวนเป็นเคร่อื งผอ่ นแรงเป็นอยา่ งไร 3. การตรวจระยะฟรพี วงมาลยั ของกระปกุ พวงมาลัยแบบลกู ปืนหมุนวนทำอย่างไร 4. จงแนะนำวิธกี ารตรวจระดับน้ำมนั พวงมาลัยเพาเวอร์ 5. จงสเกตชภ์ าพรถยนตน์ ั่งหมุนเลี้ยวดว้ ยกระปุกพวงมาลยั เพาเวอร์แบบลูกปนื หมนุ วน
9 งานเครื่องล่างรถยนต์ 119 กระปกุ พแวลงะมกาาลรยัตแรบวบจซเฟอ่ อื มงสะพาน สาระการเรียนรู้ 9.1 กระปกุ พวงมาลัยธรรมดาแบบเฟืองสะพาน 9.2 กระปุกพวงมาลยั เพาเวอรแ์ บบเฟืองสะพาน 9.3 การไลล่ มวงจรน้ำมนั เพาเวอร์ 9.4 งานตรวจซอ่ มกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาแบบเฟืองสะพาน ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายกระปกุ พวงมาลัยธรรมดาแบบเฟืองสะพานได้ 2. อธิบายกระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์แบบเฟืองสะพานได้ 3. ปฏบิ ัติการไล่ลมวงจรนำ้ มันเพาเวอร์ได้ 4. ปฏิบตั ิงานตรวจซอ่ มกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาแบบเฟืองสะพานได้ 5. เพือ่ ใหม้ ีกิจนสิ ัยในการทำงานด้วยความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย ประณตี รอบคอบและตระหนักถงึ ความปลอดภยั
120 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 9 กระปกุ พวงมาลยั แบบเฟอื งสะพาน และการตรวจซอ่ ม บทนำ กระปกุ พวงมาลยั แบบเฟอื งสะพาน (Rack and Pinion Type) หรอื เรยี กวา่ เฟอื งบรรทดั เหมาะสำหรบั รถนั่งขนาดเล็กและขนาดกลาง มีขนาดเล็ก กลไกข้อต่อน้อย จึงมีความไวต่อการใช้งาน ชุดเฟืองสะพาน อยูต่ รงกลางเป็นตัวกลางของการหมนุ เลี้ยวดว้ ยคนั ส่ง 3 ท่อน เฟืองขบั ยึดติดกบั แกนพวงมาลยั ขบกบั เฟอื ง สะพานโดยตรง เมื่อหมุนพวงมาลัย เฟืองขับจะหมุนขับเฟืองสะพานไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวา เฟืองขับเรียวเล็กน้อย ป้องกันการคลอนฟันเฟืองระหว่างเฟืองขับและเฟืองสะพานไม่ให้เกิดขึ้น ตัวปรับการคลอนเฟืองขับอยู่ตรงหัวเฟืองขับแนวศูนย์แกนพวงมาลัย หรือเป็นสปริงยันหัวเฟืองขับเข้าหา เฟืองสะพานที่เป็นรูปลิ่มเรียวเช่นกัน ระยะคลอนฟันเฟืองจึงไม่เกิดขึ้น หากฟันเฟืองสึกหรอจะปรับแต่ง ใชง้ านต่อไปไมไ่ ด้ ตอ้ งเปลย่ี นใหมท่ ัง้ ชดุ ข้อตอ่ ปลอกคนั สง่ เหลก็ รดั ตัวปรับเฟืองขับ ลกู หมากคนั สง่ เหลก็ รดั เหล็กรดั รยู ึดสกรูตดิ ตง้ั เส้ือเฟอื งสะพาน ยางกันฝนุ่ เฟอื งส ะพาน เฟอื งขบั รปู ที่ 9.1 สว่ นประกอบและภาพขยายกระปุกพวงมาลัยธรรมดาแบบเฟืองสะพาน
งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 121 9.1 กระปกุ พวงมาลัยธรรมดาแบบเฟืองสะพาน 9.1.1 คณุ ลกั ษณะกระปกุ พวงมาลัยธรรมดาแบบเฟอื งสะพาน กระปกุ พวงมาลยั แบบน ้ี เฟอื งขบั พวงมาลยั อยตู่ รงปลายลา่ งสดุ ของแกนพวงมาลยั ออกแบบใหข้ บ อยกู่ บั เฟอื งสะพาน เมอ่ื หมนุ พวงมาลยั เฟอื งขบั จะหมนุ ตามแกนพวงมาลยั เพอ่ื บงั คบั ใหเ้ ฟอื งสะพานเคลอ่ื น ทไ่ี ปทางซา้ ยหรอื ขวา การเคลอ่ื นทข่ี องเฟอื งสะพาน สง่ แรงไปยงั แขนคนั สง่ ซง่ึ ตอ่ อยกู่ บั ลกู หมากปลายเฟอื ง สะพานและลกู หมากคนั สง่ กระปุกพวงมาลัย แกนหมุนเลีย้ ว 9 ยางรถ รปู ที่ 9.2 ส่วนประกอบบังคับเล้ียวด้วยกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาแบบเฟอื งสะพาน พวงมาลัย 9.1.2 ข้อดกี ระปกุ พวงมาลัยแบบเฟืองสะพาน แกนพวงมาลยั ชดุ เฟืองสะพาน 1) กระปุกเฟืองมีขนาดเล็ก และเฟืองสะพานยัง ทำหน้าที่เป็นคันชัก-คันส่งในตัว กลไกข้อต่อ เฟืองขบั และเฟืองสะพาน จึงน้อย รปู ที่ 9.3 การสง่ กำลังชุดเฟืองสะพาน 2) เนื่องจากฟันเฟืองขบกันโดยตรง ดังนั้นการ ตอบสนองการบังคับเลี้ยว จึงมีความคล่องตัวดี มาก 3) ความต้านทานในการหมนุ รวมทง้ั การส่งถ่าย แรงบังคบั เล้ยี วดี ดงั นน้ั การบังคบั เล้ยี วจึงเบา กว่าแบบอื่น 4) การผนกึ ปอ้ งกนั การรว่ั ซมึ ของจาระบที ำงา่ ย จงึ บำรุงรักษาง่าย
122 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 9.2 กระปกุ พวงมาลยั เพาเวอรแ์ บบเฟอื งสะพาน 9.2.1 วงจรนำ้ มันกระปุกพวงมาลัยเพาเวอร ์ (Power Steering) กระปกุ น้ำมันเพาเวอร์ ทอ่ ระบายความร้อนน้ำมันเพาเวอร์ ป๊ัมน้ำมันเพาเวอร์ หมนุ เลย้ี วซ้าย กระบอกนำ้ มันเพาเวอร์ ล้นิ ควบคมุ ความดันนำ้ มนั เพาเวอร์ รูปท่ี 9.4 วงจรนำ้ มนั กระปกุ พวงมาลัยเพาเวอร์ตำแหนง่ เลยี้ วซา้ ย 9.2.2 ป๊ัมน้ำมันเพาเวอร ์ (Power Steering Pumps) ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ขับโดยตรงจากเครื่องยนต์ด้วยสายพาน จุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนพลังงานกลเป็น พลงั งานไฮดรอลกิ เพอ่ื จา่ ยนำ้ มนั เพาเวอรท์ อ่ี ยภู่ ายใตค้ วามดนั ไปตามทอ่ นำ้ มนั เพาเวอร ์ สง่ ไปยงั วาลว์ ควบคมุ โดยมีอัตราไหลประมาณ 8 ลิตร/นาที ความดันของน้ำมันเพาเวอร์สูงระหว่าง 50-150 บาร์ ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์โดยทั่วไปเป็นปั๊มโรตารี (Rotary Pumps) ที่เรียกว่าเป็นปั๊มแบบ (Posirive Dis- placement) ซง่ึ หมายความวา่ ทกุ ๆ รอบของการหมนุ ของใบพดั จะจา่ ยนำ้ มนั เพาเวอรอ์ อกในจำนวนปรมิ าณ ทจ่ี ำกดั จากหลกั การของปม๊ั ขอ้ นเ้ี ปน็ สง่ิ สำคญั ตอ่ ชน้ิ สว่ นตา่ ง ๆ ของระบบ เพราะนำ้ มนั เพาเวอรไ์ มส่ ามารถ ที่อัดตัวให้เล็กลงได้ ถ้าความดันที่สูงเกินหรือน้ำมันที่มากเกินไป จะต้องตัดการจ่ายหรือทำการแยกจ่ายไป สทู่ างลน้ิ ควบคมุ ความดนั (Pressure Relief Valve) ไมเ่ ชน่ นน้ั ความผดิ พลาดเกย่ี วกบั ความดนั นำ้ มนั เพาเวอร ์ จะเป็นอันตรายต่อปั๊มและระบบ
งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 123 ป๊มั นำ้ มนั เพาเวอร์ 9.2.3 การทำงานวงจรน้ำมันและการ ล้นิ ควบคมุ ตรวจระดบั นำ้ มนั เพาเวอร์ นำ้ มัน 1. ตำแหน่งยังไม่หมุนเลี้ยว ไหลกลับ 1) ลิ้นควบคุมเปิดให้น้ำมันเพาเวอร์ไหลผ่าน ทกุ ทศิ ทาง 2) ปั๊มน้ำมันเพาเวอร์ดูดอัดน้ำมันให้ไหลผ่าน วงจรอยา่ งไม่มีความดันสงู 3) ลูกสบู ไมเ่ คลอ่ื นที่ กระบอกน้ำมนั ลูกสูบ ข้อควรจำ รปู ท่ี 9.5 ตำแหน่งยังไมห่ มนุ เลย้ี ว นำ้ มนั เพาเวอรเ์ ปน็ นำ้ มนั ประเภทเดยี ว กับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ดังนั้นน้ำมัน ปม๊ั นำ้ มนั เพาเวอร์ ที่ใช้เติมกระปุกน้ำมันเพาเวอร์ ก็คือ น้ำมันเกียรอ์ ตั โนมตั ิ 2. ตำแหน่งหมุนเลี้ยว 9 รูปท่ี 9.6 ตำแหน่งหมนุ เลีย้ ว 1) ลน้ิ ควบคมุ บงั คบั ใหน้ ำ้ มนั ไหลเขา้ กระบอก นำ้ มนั ทางขวา แตเ่ ปดิ ใหน้ ำ้ มนั ไหลออกจาก กระบอกนำ้ มนั ทางซา้ ยกลบั เขา้ ปม๊ั นำ้ มนั 2) นำ้ มนั ความดนั สงู ดนั ลกู สบู เคลอ่ื นทไ่ี ปทาง ซา้ ย เปน็ การบงั คบั รถเลย้ี วขวา 3. การตรวจระดับน้ำมันเพาเวอร์ รปู ท่ี 9.7 การตรวจระดบั นำ้ มันเพาเวอร์ น้ำมันเพาเวอร์ที่ปั๊มน้ำมันส่งไปยังกระปุก พวงมาลัยจะช่วยเพิ่มแรงในการเลี้ยวในขณะที่หมุน พวงมาลัย ถ้าระดับน้ำมันมีต่ำกว่าปกติหรือการรั่ว ไหล ความดนั นำ้ มนั จะตกตำ่ เป็นสาเหตใุ หก้ ารหมุน พวงมาลัยหนักและเกิดเสียงดังผิดปกติ เพื่อให้การ ทำงานของพวงมาลัยเพาเวอร์มปี ระสิทธิภาพที่ดี จึง จำเป็นจะต้องตรวจสอบระดับน้ำมันพวงมาลัย เพาเวอร์ดังต่อไปนี้ 1) ตรวจการรั่วซึมของท่อน้ำมันที่กระปุกพวงมาลัยหรือที่ปั๊มน้ำมัน 2) ติดเครื่องยนต์เดินเบาที่ 1,000 รอบ/นาที จากนั้นให้หมุนพวงมาลัยไปทางด้านซ้ายสุดและด้านขวา สุดหลาย ๆ ครั้ง จนน้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 80o ซ. 3) ตรวจการเป็นฟองหรือการผสมกับของเหลวอื่น ๆ 4) ตรวจระดับน้ำมันจากระดับเหล็กวัด ต้องอยู่ในเขต HOT ถ้าน้ำมันต่ำเกินไปให้เติมน้ำมัน ATF DEXRON III
124 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 9.3 การไลล่ มวงจรนำ้ มนั เพาเวอร์ COLD HOT 1. การตรวจระดบั น้ำมนั เพาเวอร์ ตรวจนำ้ มนั ภายในกระปุกนำ้ มัน ระดับน้ำมัน ต้องอยู่ทขี่ ีดเครอ่ื งหมาย HOT LEVEL ของกา้ นวดั ท ี่ อณุ หภูมขิ องน้ำมันสูง หรือทข่ี ดี เครอื่ งหมาย COLD LEVEL ของกา้ นวดั ในขณะอุณหภมู ิตำ่ รปู ท่ี 9.8 การวดั ระดับน้ำมนั เพาเวอร์ 2. ตดิ เครื่องยนตแ์ ละหมนุ พวงมาลยั จนสดุ ไปกลับ 1) ใหเ้ ครอ่ื งยนตเ์ ดนิ เบา (1,000 รอบ/นาท)ี 2) หมุนพวงมาลัยจนสุดไปทางซ้ายหรือขวา 3-4 ครง้ั ประมาณ 2-3 วนิ าท ี จากนน้ั หมนุ พวงมาลยั กลับอีกทางหนึ่งประมาณ 2-3 วินาที โดย ไม่หมุนค้างนานเกิน 10 วินาที มีความดัน น้ำมันสูงมาก รปู ท่ี 9.9 หมุนพวงมาลัยขณะเครอ่ื งเดินเบา 3. ตรวจนำ้ มนั เพาเวอร์ในกระปุกไม่เป็นฟองหรือ ตำ่ กว่า 5 มม. ขุ่น และไม่เพ่ิมจำนวนมากขน้ึ เกนิ ขดี สูงสุด รปู ท่ี 9.10 ระดับน้ำมันเพาเวอรเ์ พม่ิ เมื่อดับเครอ่ื งยนต์ รูปท่ี 9.11 การตรวจฟองอากาศในน้ำมันเพาเวอร์ 1) วดั ระดบั นำ้ มนั เพาเวอรข์ ณะเครอ่ื งยนตเ์ ดนิ เบา 2) วัดระดบั น้ำมันเพาเวอร์เมือ่ ดบั เคร่ืองยนต์ ระดับเพิ่มสูงสุด : 5 มม. ข้อควรจำ ฟองอากาศในนำ้ มนั เพาเวอร ์ ทำใหเ้ กดิ เสยี งดงั ในระบบ 4. สาเหตุการเกดิ ฟองอากาศในน้ำมนั เพาเวอร์ ฟองอากาศท่ีเข้าผสมกับน้ำมันเพาเวอร์ได้เกิด จาก 2 สาเหต ุ คอื 1) ระบบทางดูดน้ำมันเพาเวอร์ของปั๊มน้ำมัน เพาเวอรไ์ มด่ ี 2) ระดับน้ำมันเพาเวอร์ในกระปุกต่ำมาก จนปั๊ม ดดู ทั้งน้ำมนั และอากาศเขา้ ไปดว้ ยกัน
งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 125 กจิ กรรมท ่ี 9.1 จงเตมิ ขอ้ ความการตรวจบรกิ ารกระปกุ พวงมาลยั เพาเวอร์ กระปุกน้ำมนั แกนพวงมาลยั 1. จงตรวจกระปุกพวงมาลัย (Steering Gear) ทอ่ ยาง 1) ตรวจนอตสกรู ………………….......................... 2) ตรวจสภาพ …………………................................ 3) ตรวจจาระบี …………………………………….... กระบอกน้ำมนั 2. จงตรวจข้อต่อและลูกหมากคันส่ง ยางกันฝุ่น (Steering Linkage) ปั๊มน้ำมนั เพาเวอร์ 1) ตรวจการหลวม ………………...................…..... 2) ตรวจยาง ………………….................................... 3) ตรวจนอต ……………………………………….. 9 3. จงตรวจระดับน้ำมันเพาเวอร์ (Fluid Level) 1) ตรวจระดับ ………………….............................. 2) ตรวจสภาพ …………………............................... กระปกุ น้ำมัน 4. จงตรวจการรว่ั ซมึ นำ้ มนั เพาเวอร ์ (Fluid Leaks) ทอ่ ยาง 1) ตรวจการหลวมหรือการรั่วที่ ทอ่ เหลก็ กระบอกนำ้ มนั …………………....................................................... ปั๊มน้ำมนั เพาเวอร์ 2) ตรวจการหลวมหรือการรั่วที่ ยางกันฝุ่น …………………....................................................... 3) ตรวจการหลวมหรือการรั่วที่ …………………....................................................... 4) ตรวจการหลวมหรือการรั่วที่ …………………....................................................... 5) ตรวจการหลวมหรือการรั่วที่ ………………….......................................................
126 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 9.4 งานตรวจซอ่ มกระปกุ พวงมาลยั ธรรมดาแบบเฟอื งสะพาน 9.4.1 งานถอดแยกชิ้นสว่ นกระปกุ พวงมาลยั (โตโยตา้ ) นอตลอ็ ก ซลี นำ้ มนั 1,15 0 กก.-ซม. ปลอกเกลยี วปรบั ลกู ปนื เฟอื งขบั เพลาเฟืองขบั ตลบั ลูกปนื ตัวบน ตลบั ลูกปืนตวั ล ่าง นอตลอ็ ก เหลก็ รดั ตวั บงั คับเฟืองสะพาน 570 กก.-ซม. ฝาครอบสปรงิ ตวั บงั คบั เฟืองสะพาน สปริง เหล็กรดั ขอ้ ตอ่ คันสง่ ยางกันฝนุ่ เฟืองสะพาน 850 กก.-ซม. เส้ือเฟอื งสะพาน เฟอื งสะพาน บชุ แหวนรอง เหลก็ รัด 570 กก.-ซม. แหวนรอง ลูกหมากคันส่ง หมายเหต ุ ลกู หมากคนั สง่ ◆ = ช้นิ ส่วนเก่า ไมน่ ำมาใชอ้ กี 1. ตรวจระยะฟรีพวงมาลยั ในรถ 1) ใหล้ อ้ อยใู่ นตำแหนง่ ตง้ั ตรงไปขา้ งหนา้ 2) หมุนพวงมาลยั ไปทางซา้ ยและขวาเบา ๆ 3) ตรวจระยะฟรขี องพวงมาลัย ระยะฟรี 0-30 มม. (0-1.18 นิ้ว) ข้อควรจำ ถ้าระยะฟรีมากเกินไป ข้อต่อแกน พวงมาลัยอาจสึกหรอ หรือระยะคลอน ของเฟืองมากเกินไป
งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 127 2. การถอดลูกหมากปลายคนั สง่ 1) คลายนอตล็อก และทำเครื่องหมายบนปลาย คนั สง่ และบนปลายลูกหมากคันส่ง 2) ถอดลูกหมากคันสง่ และนอตลอ็ กออก เครอื่ งหมาย 3. การถอดยางกันฝุ่นเฟอื งสะพาน 1) ถอดเหลก็ รดั ออก 2) ถอดยางกนั ฝนุ่ เฟอื งสะพานออก 3) ทำเครอ่ื งหมายตวั ซา้ ยและขวาทย่ี างกนั ฝนุ่ ประแจ 9 ถอดคนั ส่ง 4. การถอดคนั สง่ ออกจากปลายเฟืองสะพานและ ประแจนอตล็อก แหวนล็อก 1) ตอกรอยพบั แหวนลอ็ กออก 2) ถอดคนั สง่ ทป่ี ลายเฟอื งสะพานออกดว้ ยประแจ ถอดคันส่ง 3) ทำเครอ่ื งหมายซา้ ยและขวาทป่ี ลายเฟอื งสะพาน 4) ถอดแหวนลอ็ กออก 5. การถอดนอตลอ็ กฝาครอบสปริงตัวบังคับเฟือง สะพาน 1) คลายนอตล็อกฝาครอบสปริงตัวบังคับเฟือง สะพานดว้ ยประแจพเิ ศษนอตลอ็ ก 2) ถอดนอตล็อกฝาครอบสปริงตัวบังคับเฟือง สะพานออก
128 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 6. การถอดสปรงิ และตัวบังคับเฟอื งสะพาน ประแจนอตล็อก 1) ถอดสปรงิ ขด 2) ถอดตวั บังคบั เฟอื งสะพาน 7. การถอดเฟืองขับพร้อมทง้ั ตลบั ลกู ปนื ตัวบน 1) ดงึ เฟอื งสะพานจากดา้ นเสอ้ื เพลาขบั จนสดุ และ จดั รอยบากของเฟอื งสะพานใหต้ รงกบั เฟอื งขบั 2) ถอดเฟอื งขบั ออกมาพรอ้ มกบั ตลบั ลกู ปนื ตวั บน 8. การตรวจสภาพเฟืองสะพาน 1) ตรวจการสกึ หรอ หรือการชำรุดเสียหายของ ผิวด้านหลงั 2) ตรวจความคดงอ กำหนดให้ไมเ่ กิน 0.15 มม.
งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 129 9.4.2 การประกอบชุดชิ้นส่วนกระปุกพวงมาลัย 1. ทาจาระบีโมลิบดินัมไดซัลไฟด์ลิเทียมเบส ดังแสดงในภาพข้างล่าง 9 2. ประกอบเฟืองสะพานเข้ากับเสื้อ เฟืองสะพาน 1) หนั ฟนั เฟอื งสะพานไปทางดา้ นเฟอื งขบั สอด เฟืองสะพานเข้าไปในเสื้อเฟืองสะพาน
130 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 2) จัดร่องฟันของเฟืองสะพาน ให้เฟืองขับ สามารถประกอบเข้าที่ได้ ส่วนบาก 3) จัดให้ส่วนบากของเฟืองสะพานตรงกับเฟือง ขับ เฟืองขับ เฟืองสะพาน 3. ประกอบเฟืองขับเข้ากับเสื้อเฟืองขับ ข้อควรจำ เฟืองขบั ต้องสวมเข้ากบั ตลับลกู ปืนตัว ลา่ งพอดี 1) ประกอบเฟืองขับเข้าที่ 2) หมุนเฟืองขับตรวจการขับเคลื่อน ส่วนที่ตัดออก 4. ประกอบปลอกเกลียวปรับลูกปืนเฟืองขับ ประแจปลอกเกลียวปรับ 1) ทาน้ำยากนั รวั่ ที่ปลอกเกลยี วปรับ 2-3 เกลยี ว 2) ใช้ประแจปลอกเกลียว ปรับขันปลอกเกลียว ปรับลูกปืนเฟืองขับเข้าที่ ประแจปลอกเกลียวปรับ 5. ปรับความตึงเฟืองขับ (Preload) และลูกบ๊อกหมุนเฟืองขับ 1) จัดส่วนบากของเฟืองสะพานให้ตรงกับเฟือง ขับ 2) หมุนปลอกเกลยี วปรับลกู ปืนเฟอื งขบั เข้า จน กระทั่งค่าความตึงเฟืองขับ (เริ่มหมุน) ของ เฟืองได้ตามกำหนด ค่าความตึงเริ่มหมุน 0.37 Nm
ประแจปลอกเกลียวปรับ งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 131 และลูกบ๊อกหมุนเฟืองขับ 3) ใช้ประแจปลอกเกลียวปรับและลูกบ๊อกหมุน เฟืองขับออกจนกระทั่งได้ค่าความตึงเฟืองขับ (ขณะหมนุ ) ได้ตามกำหนด คา่ ความตึงขณะหมนุ 0.23-.033 Nm ประแจปลอกเกลียวปรับ 6. ประกอบนอตล็อกปลอกเกลียวปรับลูกปืน และประแจนอตล็อก เฟืองขับ 1) ทาน้ำยากันรั่วที่นอตล็อก 2-3 เกลียว 2) ขันนอตล็อกเข้า ค่าแรงขัน: 8.3 Nm 3) ตรวจคา่ ความตงึ อกี ครง้ั ถา้ ไมถ่ กู ตอ้ งปรบั ใหม่ 9 ค่าความตึงขณะหมุน 1.5-0.25 Nm ลูกบ๊อก 6 เหลี่ยมนอก 7. ประกอบตัวบังคับเฟืองสะพานและสปริง 8. ประกอบฝาครอบสปริงตัวบังคับเฟืองสะพาน 1) ทาน้ำยากันรั่วที่ฝาครอบ 2 หรือ 3 เกลียว 2) ขันฝาครอบสปริงตัวบังคับเฟืองสะพานเข้า ชั่วคราว ลูกบ๊อก 6 เหลี่ยมนอก 9. ปรับความตึงรวมกระปุกพวงมาลัย 1) ขันฝาครอบสปริงตัวบังคับเฟืองสะพาน ค่าแรงขัน: 25 Nm 2) หมุนเฟืองขับไปมาซ้ายขวา 1-2 ครั้ง 3) นบั จำนวนรอบทง้ั หมดทเ่ี ฟอื งขบั สามารถหมนุ ได้ แล้วหมุนเฟืองขับย้อนกลับครึ่งหนึ่งของ จำนวนนั้น
132 งานเครื่องลา่ งรถยนต์ ลูกบ๊อก 6 เหลี่ยมนอก 4) คลายฝาครอบสปรงิ ตวั บงั คบั เฟืองสะพาน ออกทีละน้อย เพื่อวัดและปรับค่าความตึง ลูกบ๊อก ระยะวัดค่าแรงขัน ในขณะนั้น 6 เหลี่ยมนอก ค่าความตึงขณะหมุน: 0.5-1.3 Nm ประแจปลอกเกลียวปรับ และประแจนอตล็อก หมายเหตุ การวัดค่าความตึง ให้วัดค่าภายใน ประแจนอตล็อก ช่วงการหมุนหนึ่งรอบ จากจุดกลาง ไปทางด้านซ้ายหรือขวามือ 10. ประกอบนอตล็อกฝาครอบสปริงตัวบังคับ เฟืองสะพาน 1) ทานำ้ ยากนั รว่ั ทเ่ี กลยี วนอตลอ็ ก 2 หรอื 3 เกลยี ว 2) ใชเ้ ครอ่ื งมอื พเิ ศษขนั นอตลอ็ ก แรงขัน: 70 Nm (700 กก.-ซม.) 3) ตรวจค่าความตึงรวมอีกครั้ง ค่าความตึงขณะหมุน 0.5-1.3 Nm 11. ประกอบคันส่งปลายเฟืองสะพานและ แหวนล็อก 1) ประกอบแหวนล็อก หมายเหตุ จดั เดอื ยของแหวนลอ็ กใหต้ รงกบั รอ่ ง เฟืองสะพาน 2) ใช้เครื่องมือพิเศษประกอบ และขันปลาย เฟืองสะพาน แรงขัน: 85 Nm (61 ฟุต-ปอนด์)
งานเคร่อื งล่างรถยนต์ 133 แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 9 เร่ือง กระปุกพวงมาลยั แบบเฟืองสะพาน และการตรวจซ่อม ตอนที่ 1 จงเติมขอ้ ความในชอ่ งว่างต่อไปน้ี 1. กระปกุ พวงมาลยั แบบเฟอื งสะพานมีขอ้ ดีอย่างไร 9 ..................................................................................................................................................................................................... 2. เฟืองสะพานเขยี นภาษาอังกฤษอยา่ งไร ..................................................................................................................................................................................................... 3. เฟอื งขับเฟืองสะพานเขียนภาษาอังกฤษอย่างไร .................................................................................................................................................................................................... 4. พวงมาลยั เพาเวอร์เขียนภาษาอังกฤษอย่างไร .................................................................................................................................................................................................... 5. ออกแบบป้องกันการคลอนฟันเฟอื งกระปุกพวงมาลยั แบบเฟอื งสะพานทำอยา่ งไร .................................................................................................................................................................................................... 6. ทำไมออกแบบอตั ราทดเฟืองสะพานเป็นแบบเปล่ยี นแปลงค่าได้ .................................................................................................................................................................................................... 7. อัตราการทดเฟืองสะพานแบบเปลย่ี นแปลงค่าได้ใช้เฟอื งสะพานแบบใด .................................................................................................................................................................................................... 8. ป๊ัมน้ำมันเพาเวอร์ในระบบพวงมาลยั เพาเวอร์ทำหนา้ ทอี่ ะไร .................................................................................................................................................................................................... 9. มอี ากาศอย่ใู นระบบนำ้ มนั เพาเวอร์มผี ลกระทบอยา่ งไร .................................................................................................................................................................................................... 10. การตรวจระดบั นำ้ มนั เพาเวอร ์ ควรตรวจเม่อื นำ้ มันเพาเวอร์ร้อนหรอื เยน็ .....................................................................................................................................................................................................
134 งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ ตอนท ่ี 2 จงทำเครือ่ งหมายถูก (P) ลงหน้าขอ้ ความท่ถี กู ตอ้ งที่สุด 1. กระปกุ พวงมาลัยแบบเฟืองสะพานเหมาะสำหรบั รถอะไร 7. อะไร ไม่ใช่ การตรวจนำ้ มันเพาเวอรร์ ่วั ซึม ก. ท่อนำ้ มันเพาเวอร์ ก. รถนัง่ ขนาดเลก็ ข. รถนั่งขนาดกลาง ข. ปะเกน็ ฝาครอบวาล์ว ค. รถนงั่ ขนาดใหญ่ ง. ใช้ไดก้ ับรถทุกขนาด ค. ปัม๊ นำ้ มันเพาเวอร์ 2. ระยะฟรีพวงมาลยั มากเกินพิกดั เกดิ จากอะไร ง. กระปุกพวงมาลยั ก. ขาดการหลอ่ ลนื่ 8. เพราะเหตุใดพวงมาลยั เพาเวอรห์ นัก ข. ขาดการบำรุงรักษา ผดิ ปกติ ค. ขอ้ ต่อแกนพวงมาลยั หลวม ก. ระยะฟรีพวงมาลัยน้อย ง. ไดร้ บั อุบตั ิเหตุ 3. ลดระยะคลอนฟนั เฟอื งกระปกุ พวงมาลัยด้วยวิธใี ด ข. ระยะฟรพี วงมาลัยมาก ค. ระดบั นำ้ มันเพาเวอรส์ ูง ก. เฟืองขบั ขนาดเล็ก ข. เฟืองขับขนาดเรยี ว ง. ระดบั น้ำมันเพาเวอรต์ ่ำ ค. เฟืองขบั หนา ง. ปลายเฟอื งขบั 9. วดั ระดับน้ำมนั เพาเวอร์เมือ่ ไร 4. ตัวปรบั การคลอนเฟืองขบั อยูท่ ใี่ ด ก. เครือ่ งยนต์เดินเบา ก. หัวเฟืองสะพาน ข. ปลายเฟอื งสะพาน ข. เคร่อื งยนต์เร่งปานกลาง ค. หัวเฟืองขับ ง. ปลายเฟอื งขับ ค. เครอื่ งยนต์เรว็ สุด 5. การตรวจความคดงอของเฟอื งสะพานกำหนดให้ ง. ดับเครื่อง กมี่ ิลลิเมตร 10. เตมิ นำ้ มนั กระปกุ พวงมาลยั เพาเวอร์ ก. ไม่เกิน 0.15 มม. ข. ไมเ่ กิน 0.25 มม. ดว้ ยอะไร ค. ไมเ่ กิน 0.35 มม. ง. ไมเ่ กิน 0.45 มม. ก. จาระบีอเนกประสงค์ 6. ความตึงสายพานขบั ป๊มั น้ำมนั เพาเวอรป์ ระมาณ ข. จาระบีโมลบิ ดนิ ัม ก่มี ลิ ลเิ มตร ค. นำ้ มันเพาเวอร์ ก. 7-9 มม. ข. 11-13 มม. ง. นำ้ มนั เกียร์อตั โนมัติ ค. 14-17 มม. ง. 19-21 มม. ตอนท ี่ 3 จงตอบคำถามต่อไปนี้ใหไ้ ดใ้ จความสมบูรณ์ 1. กระปุกพวงมาลยั ธรรมดาแบบเฟืองสะพานมีใชใ้ นรถอะไร มลี ักษณะอยา่ งไร 2. จงเขียนข้อดกี ระปกุ พวงมาลัยแบบเฟอื งสะพานมา 4 ข้อ 3. จงเขียนลำดบั การไลล่ มวงจรน้ำมันเพาเวอรม์ า 4 ขอ้ 4. จงเขยี นลำดับการปรับความตงึ รวมกระปกุ พวงมาลยั แบบเฟอื งสะพานมา 4 ข้อ 5. จงสเกตช์ภาพรถยนตน์ ง่ั หมุนเล้ียวดว้ ยพวงมาลัยแบบธรรมดา แบบเฟืองสะพาน
10งานเครื่องล่างรถยนต์ 135 แมป่ ม๊ั เบรกและการตรวจซอ่ ม สาระการเรยี นรู้ 10.1 การทำงานของแม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบเดียว 10.2 การทำงานของแม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบคู่ 10.3 ลิ้นกันกลับทางออกและระยะแป้นเหยียบเบรก 10.4 กระปุกน้ำมันเบรกนิรภัยและคุณสมบัติน้ำมันเบรก 10.5 การไล่ลมออกจากวงจรน้ำมันเบรก 10.6 การตรวจซ่อมแม่ปั๊มเบรก ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายการทำงานของแม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบเดียวได้ 2. อธิบายการทำงานของแม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบคู่ได้ 3. อธิบายลิ้นกันกลับทางออกและระยะแป้นเหยียบเบรกได้ 4. อธิบายกระปุกน้ำมันเบรกนิรภัยและคุณสมบัติน้ำมันเบรกได้ 5. ปฏิบัติการไล่ลมออกจากวงจรน้ำมันเบรกได้ 6. ปฏิบัติการตรวจซ่อมแม่ปั๊มเบรกได้ 7. เพื่อให้มีกิจนิสัยในการทำงานด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประณีต รอบคอบและตระหนักถึงความปลอดภัย
136 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 10 แมป่ ม๊ั เบรก และการตรวจซอ่ ม บทนำ แม่ปมั๊ เบรก (Master Cylinder) มีหน้าท่ีอดั น้ำมันเบรกใหเ้ กดิ ความดันสงู เม่ือผู้ขับขีเ่ หยยี บแปน้ เหยียบเบรก ซ่งึ มกี ลไกต่อไปแมป่ ม๊ั เบรก แมป่ ม๊ั เบรกมลี ูกสบู เคล่ือนท่สี ง่ น้ำมันเบรก (Breake Fluid) ท่ีมี ความดนั ไปยังกระบอกเบรกทล่ี ้อทัง้ 4 บงั คบั ใหก้ ลไกเบรกทำงาน เพ่อื ชะลอความเรว็ หรอื หยดุ รถ แมป่ ัม๊ เบรกมีหลายแบบขึ้นอย่กู ับวงจรเบรก จำแนกประเภทใหญ่ ๆ 2 แบบ คือแม่ปมั๊ เบรกแบบลกู สบู เดย่ี ว (Single Piston Master Cylinder) และแม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบคู่ (Dual Master Cylinder หรือ Tandem Master Cylinder) แม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบเดี่ยวสำหรับเบรกแบบวงจรเดียว แม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบคู่สำหรับเบรก แบบวงจรคู่ แม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบคู่เป็นแบบที่นิยมใช้มากกว่าลูกสูบเดี่ยว แม่ปั๊มเบรกแบบลกู สบู คแู่ ยกวงจรเบรกออกเป็นสำหรับลอ้ หน้าและล้อหลงั ดงั นนั้ ถึงแม้ว่าวงจรใด วงจรหนึ่งเกิดบกพร่อง วงจรอีกวงจรหนึ่งก็จะยังคงสามารถทำงานได้อยู่ เมื่อเหยียบเบรก ก้านดันลูกสูบจะดันลูกสูบที่อยู่ในแม่ปั๊มเบรกให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า อัดน้ำมัน เบรกในวงจรนำ้ มันเบรกให้มีความดันเพิ่มข้ึนทกุ ล้อ เพื่อใหม้ คี วามดันน้ำมนั เบรกทง้ั 4 ล้อเทา่ กนั และพรอ้ ม กัน เพ่ือชะลอรถหรอื หยดุ รถให้อย่กู ับท่ี ด้วยความฝืดระหว่างผ้าเบรกกับกระทะเบรก พลงั งานจลนข์ องรถ จงึ เปลีย่ นเป็นพลงั งานความร้อน ความรอ้ นทเี่ กดิ ข้ึนถ่ายเทไปกับอากาศรอบ ๆ แรงเหยียบเบรก แมป่ ๊ัมเบรกเปลย่ี นแรงเหยียบเบรก ที่เทา้ เหยยี บให้มากขึ้น เพอื่ เบรก ทง้ั 4 ลอ้ หยุดพร้อมกนั ลอ้ หลงั ขวา ลอ้ หลังซา้ ย ล้อหนา้ ขวา ล้อหน้าซา้ ย รูปที่ 10.1 วงจรเบรกพน้ื ฐาน เปล่ยี นแรงเหยยี บเบรกไปยังเบรกทง้ั 4 ล้อ ให้เบรกพรอ้ มกนั
งานเครื่องล่างรถยนต์ 137 10.1การทำงานของแมป่ ม๊ั เบรกแบบลกู สบู เดยี ว นอตทอ่ ลำดบั การทำงาน นำ้ มนั เบรก ลิ้นกันกลบั 1) เม่ือเหยียบเบรก ลูกสูบแม่ปั๊มเบรกจะเคลื่อน ที่ไปขา้ งหน้า ลกู สูบเคล่ือนทไ่ี ปข้างหนา้ 2) เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ต่อไป จนกระทั่งลูกยาง รปู ท่ี 10.2 ตำแหนง่ เหยียบเบรก ลูกสูบปิด รูระบายและชดเชยน้ำมันเบรก ความดันน้ำมนั เบรกจะเพิม่ ข้นึ นอตท่อ 3) น้ำมันเบรกจึงไหลผ่านลิ้นกันกลับทางออก นำ้ มนั เบรก ดังรปู ท่ี 10.2 ลกู สูบเคลื่อนทีก่ ลับยงั ไมส่ ดุ 4) เมื่อปล่อยเบรก สปริงในแม่ปั๊มเบรกจะดัน 10 ลูกสูบถอยหลงั กลับทนั ที 5) เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการไหลกลับของ นำ้ มนั เบรก โดยความหนดื ของนำ้ มนั เบรกเอง ความดันน้ำมันเบรกที่ส่วนหน้าลูกสูบจะลด ลง เกดิ สุญญากาศข้นึ ชว่ั ขณะ ดังนน้ั นำ้ มนั เบรกในกระปุกน้ำมันเบรกจะถูกดูดเข้าไปอยู่ รอบ ๆ ลกู สบู ดงั รูปท่ี 10.3 รปู ที่ 10.3 ตำแหนง่ ปล่อยเบรก 6) สปรงิ ฝกั เบรกจะเปน็ ตวั กระทำใหน้ ำ้ มนั เบรก รูระบายและ ไปดนั เบาะรองลิ้นกนั กลบั ให้เปิด น้ำมนั เบรก ชดเชยน้ำมัน ไหลกลับเข้าไปในแมป่ ๊ัมเบรกได้ และไหลคืน เบรก กลบั ไปยงั กระปกุ นำ้ มนั เบรกทางรรู ะบายและ ชดเชย ดังรปู ท่ี 10.4 ลกู สบู เคล่ือนทีก่ ลับสุด 7) เมื่อความดันน้ำมันเบรกภายในระบบเท่ากับ รปู ท่ี 10.4 ตำแหนง่ นำ้ มันไหลคืน ผ่านรูระบายชดเชย ความดันของสปริงฝักเบรก เบาะรองลิ้น กนั กลบั จะปิด ทำให้มคี วามดันตกคา้ งอยู่ใน เข้ากระปกุ นำ้ มันเบรก ท่อนำ้ มันเบรกประมาณ 0.5-1.2 บาร ์ เพื่อเป็น การปอ้ งกันอากาศเข้า
138 งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 10.2การทำงานของแมป่ ม๊ั เบรกแบบลกู สบู คู่ หม้อสุญญากาศเบรก 10.2.1 วงจรเบรก ทอ่ นำ้ มนั เบรกหนา้ ล้ินสมดลุ เนอ่ื งจากแมป่ ม๊ั เบรกแบบลกู สบู เดย่ี ว เมอ่ื เกิดการรั่วขึ้นที่ใดที่หนึ่ง จะทำให้การทำงานของ ทอ่ น้ำมันเบรกหลงั เบรกเสียไปทั้งระบบ เพื่อป้องกันสาเหตุดังกล่าว และเพื่อให้การเบรกมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงม ี แม่ปม๊ั เบรก การพฒั นาแม่ป๊มั เบรกแบบลูกสบู 2 ชุด หรือเรยี ก ว่าแม่ปั๊มเบรกวงจรคู่ หรือแม่ปั๊มเบรกลูกสูบคู่ รูปท่ี 10.5 วงจรเบรกแยกเป็นวงจรหนา้ -หลัง แม่ปม๊ั เบรก หม้อสญุ ญากาศเบรก แม่ปั๊มเบรกลูกสูบคู่ (Tandem Master Cylinder) มีวงจรน้ำมันเบรกแยกออกเป็น 2 วงจร ท่อทแยงชดุ หน้า ชุดหนึ่งสำหรับล้อหน้า อีกชุดหนึ่งสำหรับล้อหลัง ล้นิ สมดลุ ดังนั้น ถึงแม้จะมีการรั่วเกิดขึ้นในชุดใดชุดหนึ่ง อีกชุดหนึ่งก็จะยังคงทำงานได้อยู่ ดังรูปที่ 10.5 ท่อทแยงชดุ หลงั หรือต่อเป็นวงจรแบบทแยง ดังรูปที่ 10.6 รปู ที่ 10.6 วงจรเบรกแยกเปน็ วงจรแบบทแยง ลน้ิ สมดลุ หรอื ลน้ิ แบง่ ความดนั นำ้ มนั เบรก (Proportioning Valve) ทำหน้าที่สมดุลความดัน นำ้ มนั เบรกในวงจร ให้สัมพันธ์กับความฝืดที่เกิด ขึ้นที่ยางรถและผิวถนน เพื่อรักษาสมรรถนะ ของเบรก กรณีเกิดยางรถด้านหน้าและด้านหลัง รับภาระไม่เท่ากันหรือยางรถล้อหลังล็อก เป็น สาเหตุให้ล้อลื่นไถลออกนอกเส้นทาง ประ ิสทธิภาพ % ลักษณะเด่นของวงจรเบรกแบบทแยง v = หนา้ 1) ถงึ แมน้ ำ้ มนั เบรกจะเกดิ การรว่ั ขน้ึ ในวงจร h = หลัง ใดวงจรหนึ่ง วงจรเบรกยังคงรักษา ประสิทธิภาพของเบรกไว้ได้ทั้งล้อหน้า ประสทิ ธภิ าพเบรกปกติ และล้อหลัง วงจรท ่ี 1 แตก 2) การใช้วงจรเบรกแบบทแยง ระยะเยื้อง วงจรท ่ี 2 แตก ศูนย์ของสลักล้อหน้าจะออกแบบให้ลด ลง ดังนั้นการแกว่งรอบสลักล้อจะน้อย ลง ทำให้มีเสถียรภาพในการทำงานของ เบรกดี ถึงแม้ว่าจะมีการรั่วขึ้นในวงจร ใดวงจรหนึ่ง รปู ที่ 10.7 เปรียบเทยี บประสทิ ธภิ าพเบรกสภาวะต่างกนั
งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 139 10.2.2 ส่วนประกอบและการทำงานแม่ป๊ัมเบรกแบบลูกสบู คู่ j ตำแหนง่ ยงั ไม่เหยยี บเบรก k ตำแหน่งเหยยี บเบรก หวั ต่อท่อเบรกหลงั หวั ตอ่ ทอ่ เบรกหน้า รูปท่ี 10.8 ส่วนประกอบแมป่ ม๊ั เบรกแบบลูกสูบคู่ (วงจรค่)ู ตำแหน่งยงั ไมเ่ หยยี บเบรกและตำแหนง่ เหยียบเบรก 1. ตำแหน่งยงั ไม่เหยียบเบรก 10 รูปที่ 10.9 ตำแหนง่ ยงั ไมท่ ำงาน ขณะยงั ไมเ่ หยียบเบรก ลูกยางตัวท ี่ 1 และ รปู ท่ี 10.10 ตำแหนง่ เหยยี บเบรก 2 จะอยู่ในตำแหน่งระหว่างรูบรรจุน้ำมันเบรกกับรู ระบายและชดเชยน้ำมันเบรก ช่องทางชดเชยมไี วเ้ พื่อ ให้น้ำมันเบรกร้อนไหลกลับกระปุกน้ำมันเบรกได้เมื่อ ปลอ่ ยเบรก ลูกสบู ตวั ที่ 2 จะถกู ดนั ไปทางดา้ นขวาดว้ ย แรงสปริงดนั กลับตัวท ่ี 2 แตส่ กรตู ้ังระยะจะเปน็ ตัว ปอ้ งกนั ไมใ่ หล้ กู สบู ตวั ท ่ี 2 เคลอ่ื นทเ่ี กนิ ระยะทก่ี ำหนด 2. ตำแหน่งเหยียบเบรก ลูกสูบตัวที่ 1 จะเคลื่อนที่ไปทางซ้ายและ ลกู ยางเบรกจะอดุ รรู ะบายและชดเชยนำ้ มนั เบรก ขณะ ที่ลูกสูบดันน้ำมันเบรกออก ความดันน้ำมันเบรกใน แม่ปั๊มเบรกจะเพ่ิมขึ้นและส่งไปยังกระบอกเบรกล้อ หลัง ซึ่งในขณะเดียวกันมีความดันของน้ำมันเบรก เกิดเช่นเดยี วกันท่ลี กู สบู ตัวท ่ี 2 การทำงานของลกู สบู ตัวที่ 2 จะทำงานเหมือนลูกสูบตัวที่ 1 และส่งน้ำมัน เบรกความดนั สูงไปยงั กระบอกเบรกล้อหน้า
140 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 3. ตำแหนง่ ปล่อยเบรก รูปที่ 10.11 ตำแหนง่ ปลอ่ ยเบรก 3 รปู ท่ี 10.12 ตำแหนง่ นำ้ มันเบรกไหลกลับ เม่อื ปล่อยเบรก ลกู สบู จะกลับตำแหน่งเดิม ดว้ ยความดนั นำ้ มนั เบรกและสปรงิ ดนั กลบั นำ้ มนั เบรก เบรกหลังร่ัว จะไม่กลับจากกระบอกเบรกที่ล้อโดยทันทีทันใด รูปท่ี 10.13 ตำแหนง่ วงจรเบรกหลังรัว่ ความดนั นำ้ มนั เบรกภายในแมป่ ม๊ั เบรกจะลดลง นำ้ มนั เบรกภายในกระปุกน้ำมันเบรกจะไหลเข้าไปในแม่ป๊ัม เบรกหน้าร่ัว เบรก โดยผ่านทางรบู รรจุนำ้ มนั ผา่ นรเู ลก็ ๆ หลาย รปู ท่ี 10.14 ตำแหนง่ วงจรเบรกดา้ นหนา้ ร่วั รูท่ีมีอยู่ด้านบนของลูกสูบและตามแนวเส้นรอบวง แม่ป๊มั เบรก 4. ตำแหน่งนำ้ มนั เบรกไหลกลับ หลงั จากลูกสบู กลับอยตู่ ำแหนง่ เดมิ นำ้ มัน เบรกจะค่อย ๆ กลับทีละน้อยจากกระบอกเบรกที่ล้อ น้ำมนั เบรกจะไหลไปเขา้ กระปุกน้ำมนั เบรก ผา่ นทาง รูระบายและชดเชยนำ้ มนั เบรก รูระบายและชดเชยน้ำมันเบรกจะปล่อย น้ำมันเบรกเข้าไปในกระปุกน้ำมันเบรก เมื่อเกิดการ เปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและน้ำมันเบรกขยายตัว ป้องกันความดันท่ีเกิดข้ึนในระบบเบรกขณะไม่ได้ใช้ เบรก 5. ตำแหนง่ วงจรเบรกหลงั รัว่ เมอ่ื เหยียบเบรก ลกู สบู ตัวที่ 1 จะเคลอ่ื นท่ีไป ทางดา้ นขวา แตไ่ มส่ ามารถสรา้ งความดันนำ้ มนั เบรก ภายในแม่ปั๊มเบรกได้ ลูกสูบตัวที่ 1 จะกดสปริง ดนั กลบั ให้ไปสมั ผสั หัวลกู สูบตัวท ี่ 2 ดังนัน้ ลูกสบู ตัว ท ่ี 2 จะทำใหเ้ กิดความดันภายในดา้ นหนา้ ของแมป่ ๊ัม เบรกเพมิ่ ขนึ้ แม่ปั๊มเบรกดา้ นหน้าจงึ ทำงานเพียง ลกู สูบเดียว คือเบรกหนา้ ทำงาน 6. ตำแหนง่ วงจรเบรกหน้ารว่ั ลูกสูบตัวที่ 2 จะเคลื่อนที่จนกระทั่งสัมผัส กับผนงั ด้านในสดุ ของแมป่ ๊ัมเบรก เพราะไม่มีนำ้ มนั เบรกต้านการเคล่อื นท่ี เมื่อลูกสูบตัวที่ 1 เคลื่อนที่ไปทางด้านขวา นำ้ มนั เบรกจะมคี วามดนั เพม่ิ ขน้ึ ในสว่ นหลงั ของแมป่ ม๊ั เบรก ซง่ึ จะทำให้เบรกทำงานในสว่ นหลงั ของแม่ปม๊ั เบรกเพียงอยา่ งเดยี ว คือเบรกหลังทำงาน
งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 141 10.3 ลน้ิ กนั กลับทางออกและระยะแป้นเหยียบเบรก 10.3.1 ลิ้นกันกลบั ทางออก (Check Valve) ล้นิ กนั กลับทางออกตดิ ตั้งอย่รู ะหวา่ งแม่ปมั๊ เบรกกับขอ้ ต่อนำ้ มนั เบรก เมอื่ นำ้ มันเบรกจากกระบอก เบรกทล่ี อ้ ไหลกลับมายังแมป่ มั๊ เบรก ลน้ิ กนั กลบั จะมีความต้านทานน้ำมนั เบรกไม่ใหไ้ หลกลับหมด ให้ ความดันตกค้างประมาณ 0.5-1.2 บาร ์ และเมื่อยำ้ คันเหยียบเบรก ระยะความสงู สำรองของคนั เหยยี บเบรกจะ เพมิ่ ขน้ึ ในแมป่ ั๊มเบรกดรมั เพราะแมป่ ๊ัมเบรกมลี ิน้ กันกลบั ใหร้ กั ษาความดันตกค้างในกระบอกเบรกที่ลอ้ ไว้ ตำแหนง่ ยังไมท่ ำงาน น้ำมันเบรกไหลผา่ น น้ำมันเบรกไหลกลับ (ยงั ไม่เหยยี บเบรก) (เหยยี บเบรก) (ปลอ่ ยเบรก) รูปที่ 10.15 ลำดับการทำงานลิ้นกนั กลับทางออกของแมป่ ัม๊ เบรก ตำแหน่งไม่ทำงาน นำ้ มนั เบรกไหลผ่านและน้ำมนั เบรก 10 ไหลกลับ ลน้ิ กนั กลับ ลิน้ กันกลบั สำหรบั เบรกดรัม สำหรับเบรกดสิ ก์ ไปเบรกดสิ ก ์ ไปเบรกดรมั รสู มดลุ ลูกสบู ชุดหนา้ ลูกสบู ชดุ หลัง รูปที่ 10.16 ภาพตัดแม่ปั๊มเบรก แสดงลูกสูบ 2 ชุด และลิ้นกันกลับทางออกให้น้ำมันเบรกมีความดันตกค้างในท่อน้ำมัน เบรกดิสก์และเบรกดรัม
142 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 10.3.2 ระยะแปน้ เหยียบเบรก ความสงู แป้น 1. ความสูงของแป้นเหยยี บเบรก (Pedal Height) พ้นื รถ เหยยี บเบรก ความสูงคันเหยียบเบรกคือ ระยะจากพืน้ รถ จนถงึ สว่ นบนสุดของแปน้ เหยียบเบรก เมอ่ื คนั เหยยี บ เบรกไมถ่ กู กด ถ้าความสูงนมี้ ากเกินไปตอ้ งใช้เวลามาก ในการเลื่อนเท้าจากขาคันเร่งไปยังคันเหยียบเบรก ทำ ใหก้ ารทำงานของเบรกลา่ ช้า ในทางกลับกัน ถา้ ระยะ ความสงู น้นี ้อย จะมรี ะยะความสูงสำรองไมเ่ พยี งพอ ทำใหไ้ ม่สามารถทำการเบรกอยา่ งเตม็ ทไี่ ด้ เพราะคัน เหยยี บเบรกสัมผัสพื้นรถ รปู ท่ี 10.17 ความสงู แปน้ เหยยี บเบรก 2. ความสงู สำรองแปน้ เหยียบเบรก (Pedal Reverse Travel) รปู ท่ี 10.18 ระยะความสูงสำรองแป้นเหยียบเบรก ระยะความสูงสำรอง คือระยะจากพนื้ รถถงึ ระยะฟรี สว่ นบนสุดของแปน้ เหยยี บเบรก เมอ่ื เหยยี บเบรกลง ระยะหา่ งกา้ นดนั กบั เต็มท่ี ถา้ ระยะนมี้ ีไมเ่ พยี งพอ จะทำให้การทำงานของ ลกู สูบแม่ปั๊มเบรก เบรกไมเ่ ตม็ ตามความสามารถของเบรก เพราะคัน รปู ที่ 10.19 ระยะฟรแี ป้นั เหยยี บเบรก เหยยี บเบรกสมั ผัสพื้นรถ ระยะความสงู สำรองนี้ตอ้ ง ไมม่ ีการเปลี่ยนแปลงเมอ่ื เหยียบเบรกลงเต็มแรง ข้อควรจำ อนั ตรายมาก ถ้าระยะความสงู สำรองนอ้ ย 3. ระยะฟรขี องคันเหยียบเบรก (Pedal Freeplay) ระยะฟรีแป้นั เหยียบเบรก คือระยะเคลือ่ นท ่ี อย่างอิสระของแป้นเหยยี บเบรก จากตำแหนง่ เม่อื เรม่ิ เหยียบจนกระทงั่ เรม่ิ มแี รงต้าน (ระยะระหว่างกา้ นดัน กบั ลกู สบู แมป่ ๊ัมเบรก) ถ้าไม่มรี ะยะฟรี กา้ นดนั จะดนั ลูกสบู แมป่ ม๊ั เบรกตลอดเวลา เป็นเหตุใหเ้ บรกทำงานอยตู่ ลอดเวลา ในทางตรงกันขา้ ม ถา้ ระยะฟรมี ากเกนิ ไป การทำงาน ของเบรกจะลา่ ช้า ประสทิ ธภิ าพจะไมด่ ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235