Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20101-2003 งานเครื่องล่างรถยนต์

20101-2003 งานเครื่องล่างรถยนต์

Published by ADACSOFT CO.,LTD., 2021-03-08 05:54:29

Description: 20101-2003 งานเครื่องล่างรถยนต์

Search

Read the Text Version

งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 143 10.4 กระปกุ น้ำมนั เบรกนริ ภยั และคุณสมบตั ินำ้ มนั เบรก รรู ะบายอากาศ 10.4.1 กระปกุ นำ้ มนั เบรก ขัว้ ตอ่ สายไฟ 1. ฝากระปกุ น้ำมนั เบรก (Reservoir Cap) ลูกลอยไฟเตือนระดับน้ำมนั เบรก กระปุกน้ำมันเบรกเป็นตัวสะสมน้ำมัน ฝากน้ั ห้องกระปกุ น้ำมันเบรก เบรกท่ีใช้ในวงจร สง่ นำ้ มนั เบรกใหแ้ ม่ปมั๊ และรับ ระดับคงเหลอื น้ำมันเบรกท่ีไหลกลบั หลงั การทำงาน ระดบั นำ้ มนั เบรกภายในกระปกุ นำ้ มนั เบรก จะเปลี่ยนแปลงในระหว่างการทำงานของเบรก และเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเบรก ขณะใช้งาน ดังนั้นฝากระปุกน้ำมันเบรกจะตอ้ งมี รรู ะบายอากาศ เพอ่ื สมดลุ ระดบั นำ้ มันเบรก ดงั กล่าว หน้า 2. กระปุกน้ำมนั เบรก (Reservoir Tank) 10 ห้องหนา้ หอ้ งหลัง กระปุกน้ำมันเบรกสำหรับแม่ป๊ัมเบรก รปู ท่ี 10.20 ชุดลกู ลอยและภาพตดั แมป่ ม๊ั เบรก แบบลูกสูบคู่ ภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง สำหรับวงจรเบรกหน้าและเบรกหลงั เมือ่ วงจรใด รั่วจนน้ำมันเบรกหมด อกี วงจรหน่งึ ยงั คงมนี ้ำมัน เบรกใช้งานได้ ลกู ลอย สวติ ชต์ ่อ 3. ไฟเตอื นระดับน้ำมนั เบรก แมเ่ หลก็ ถาวร สวติ ชต์ ดั สวิตช์ เพอ่ื ความปลอดภัยในการใชร้ ถ กระปุก น้ำมันเบรกจะมีลูกลอยไฟเตือนระดับน้ำมันเบรก ฟิวส์ย่อย เมอ่ื นำ้ มนั เบรกเหลอื นอ้ ยในระดบั อนั ตราย แมเ่ หลก็ ถาวรจะเหน่ียวนำให้สวิตช์ต่อวงจรหลอดไฟเตือน สวติ ช์กญุ แจ ไฟเตอื นเบรก ซง่ึ เป็นหลอดเดยี วกบั ไฟเตือนเบรกมือ ฟิวสห์ ลัก สวติ ชร์ ะดบั นำ้ มันเบรก 4. วงจรไฟเตือนเบรก แบตเตอร่ี สวิตชเ์ บรกมือ สวติ ชส์ ญุ ญากาศ ไฟเตือนเบรกจะตดิ เม่ือ 1) ระดบั นำ้ มันเบรกต่ำกวา่ พิกัด 2) เบรกมอื ทำงานหรอื ปลดไมส่ ดุ 3) สวติ ชส์ ญุ ญากาศเบรกทำงาน (เครือ่ งยนต์ดีเซล) รูปท่ี 10.21 สวิตชล์ ูกลอยและวงจรไฟเตือนเบรก

144 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 10.4.2 คุณสมบัติที่สำคญั และมาตรฐาน ุจดเ ืดอด ้นำ ัมนเบรก นำ้ มนั เบรก 1. นำ้ มันเบรกไม่ใช่น้ำมันเชือ้ เพลงิ ไมใ่ ชน่ ำ้ มัน เครอื่ ง แต่เป็นของเหลวชนดิ หน่ึง 1) ต้องมีเสถียรภาพทางเคมี คือไม่มีการ เปลี่ยนแปลงของสารประกอบ 2) รักษาสภาพความหนดื ไว้ไดด้ ี เพราะมีผล ในการหลอ่ ลื่นไดด้ ี % 3) เปลี่ยนแปลงสภาพความหนืดได้เพียงเล็ก ปริมาณนำ้ ในน้ำมนั เบรก นอ้ ย ภายใตอ้ ุณหภมู เิ ปลีย่ นแปลง รปู ที่ 10.22 จดุ เดือดน้ำมันเบรกลดลงเมือ่ มนี ้ำผสมใน 4) มีจุดเดือดสูง และไม่เกิดการกลายเป็นฟอง นำ้ มันเบรก อากาศไดง้ า่ ย 5) ไมม่ ผี ลกระทบต่อช้ินงาน ไม่เป็นสาเหตุให้ เหล็กเกิดสนิม ไม่ทำปฏิกิริยากับยางที่จะ ทำใหย้ างบวม หรือการอ่อนตวั ของยาง j 2. มาตรฐานน้ำมันเบรก ปกติ ทอ่ นำ้ มันเบรก ฟองอากาศ 1) ระบบ SAE (Society of Automotive Engi- neers) ซึ่งเป็นมาตรฐาน SAE ใช้รหัส k SAE J.1703 โดยกำหนดวา่ นำ้ มันเบรกชนิด ถูกอัด ที่มีจุดเดือดเกินกว่า 190o ซ. ให้ถือว่าผ่าน ถูกอัด มาตรฐานของ SAE โดยไม่คำนึงถึงจุด เดือดชื้นมาเป็นตัวพิจารณา รปู ที่ 10.23 ฟองอากาศยืดหยุ่น 2) ระบบ FMVSS 116 (Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 116) ซึ่งใช้ รหสั DOT (Department of Transportation) เปน็ หมายเลข 3, 4 และ 5 ตามลำดับ ระบบ การกำหนดมาตรฐานชนิดนี้ จะคำนึงถึง จุดเดือดชื้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ข้อควรจำ มาตรฐาน DOT 3 คอื นำ้ มนั เบรกใดท่ีมจี ุดเดอื ดเกิน 205oซ. และมจี ดุ เดือดชน้ื อยรู่ ะหวา่ ง 140oซ. ถึง 155oซ. เมื่อพิจารณาในการเลือกใช้น้ำมันเบรกกับรถยนต์เพื่อการใช้งานปกติ ควรพิจารณาถึงจุดเดือด เป็นปัจจัยสำคัญ โดยพิจารณาว่า หาก DOT ที่มีตัวเลขสูงที่สุดย่อมดีกว่า DOT ที่มีตัวเลขต่ำกว่า ปัจจุบันมี DOT 5 สูงที่สุด

งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 145 10.5 การไลล่ มออกจากวงจรนำ้ มันเบรก ถอดทอ่ น้ำมันเบรก 1. การไลล่ มเบรกทแ่ี ม่ปม๊ั เบรก ต่อทอ่ พลาสติกเขา้ กับสกรูไลล่ ม ถ้าแม่ปั๊มเบรกผ่านการถอดแยก หรือไม่มีน้ำมัน เบรกอยใู่ นกระปุกนำ้ มันเบรก ใหไ้ ลล่ มเบรกออกจาก นำ้ มันเบรกรั่ว แมป่ ม๊ั เบรก นำ้ มันเบรกรวั่ 1) ถอดแยกท่อทางน้ำมันเบรกออกจากแม่ปั๊มเบรก โดยใช้ภาชนะรองน้ำมันเบรกไว้ 2) ย้ำเบรกลงอย่างช้า ๆ และเหยียบค้างไว้ 3) ปดิ ช่องทางออกของนำ้ มนั ดว้ ยนว้ิ แลว้ ปลอ่ ย แป้นเหยียบเบรก 4) ทำซ้ำขั้นตอน 3-4 ครั้ง 5) ต่อท่อทางน้ำมันเบรกเข้ากับแม่ปั๊มเบรก หมายเหตุ ต้องทำงาน 2 คน คนหนึ่งทำหน้าที่เหยียบเบรก อีกคนทำหน้าที่ไล่ลมเบรก 2. การไล่ลมเบรกในวงจรน้ำมนั เบรก 10 1) ต่อท่อพลาสติกเข้ากับสกรูไล่ลม และสอดท่อ พลาสตกิ ใหป้ ลายอกี ขา้ งหนง่ึ ประมาณ 1/2 เขา้ อยู่ ในภาชนะ สำหรบั รองรับนำ้ มันเบรก ข้อแนะนำ เริ่มไล่ลมเบรกออกจากกระบอกเบรกที่ล้อที่อยู่ ไกลจากแมป่ ั๊มเบรกมากทีส่ ดุ 2) ไล่ลมเบรกออกจากระบบนำ้ มันเบรก (ก) ย้ำเบรกหลาย ๆ ครัง้ อยา่ งช้า ๆ (ข) เหยียบแปน้ เบรกคา้ งไว้ คลายสกรูไล่ลมจน กระทงั่ น้ำมันเบรกพุ่งออก จากนั้นขนั สกรู ไล่ลมกลับท่ีเดมิ (ค) ทำซำ้ ขนั้ ตอนหลาย ๆ ครัง้ จนกระทงั่ ไม่มี ฟองอากาศเหลอื อย่ใู นน้ำมันเบรก 3) ทำซ้ำตามวธิ กี ารสำหรับแต่ละลอ้ 4) ตรวจการรัว่ ของน้ำมันเบรก 5) ปดิ ฝาจกุ สกรไู ล่ลม

146 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 10.6 การตรวจซ่อมแมป่ มั๊ เบรก 10.6.1 สว่ นประกอบแมป่ ๊มั เบรก ฝาปิด กรองน้ำมนั เบรก กระปกุ น้ำมนั เบรก ยางรองกระปุกนำ้ มันเบรก เรอื น ปะเกน็ ยางกนั ฝุ่น แม่ป๊มั เบรก แหวนล็อก ชุดลูกสบู ตวั หลงั และสปริง สกรูอุดรู ชุดลกู สูบตวั หน้าและสปรงิ 10.6.2 การถอดแยกชิน้ สว่ นแม่ปั๊มเบรก 1. ถอดยางกันฝุ่นแม่ปั๊มเบรก 1) ถา่ ยนำ้ มนั เบรกออกจากกระปกุ นำ้ มนั เบรก ให้หมด 2) ใชไ้ ขควงถอดยางกันฝุ่นแม่ป๊มั เบรกออก

งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 147 2. การถอดกระปุกน้ำมนั เบรก 1) ถอดสกรูยึดและดึงกระปุกน้ำมันเบรก ออก 2) ถอดฝาและกรองออกจากกระปุกนำ้ มนั เบรก 3) ถอดยางรองกระปกุ น้ำมันเบรก 2 ตวั ออก 3. การถอดสกรกู ันลกู สูบ 1) ยดึ แมป่ ั๊มเบรกเขา้ กบั ปากกาต้ังโต๊ะ 2) ใช้ไขควงดันลกู สบู เข้าจนสดุ และถอด สกรกู ันลกู สูบและปะเก็นออก ข้อแนะนำ ใช้เทปพันปลายไขควงก่อนใช้ 4. ถอดชุดลูกสูบและสปริงออก 10 1) ดนั ลูกสูบเขา้ ดว้ ยไขควงและถอดแหวน ล็อกด้วยคมี ถอดแหวนล็อก 2) ถอดลูกสูบตัวหลังและสปริงด้วยมือดึง ออกตรง ๆ อย่าให้เอยี ง ตรวจสภาพลูกยางและลกู สูบเบรก 5. การตรวจสภาพชิ้นสว่ นแมป่ ๊ัมเบรก 1) ตรวจการเกิดสนิมและรอยขีดที่ผนังรู แมป่ ๊ัมเบรก 2) ตรวจการสึกหรอหรือชำรดุ ของลกู สูบ 3) ตรวจการเสื่อมสภาพของลูกยางแม่ปั๊ม เบรก ขอ้ แนะนำ ถา้ จำเปน็ เปลย่ี นชน้ิ สว่ นอะไหลแ่ ท ้ หรอื เปลี่ยนแมป่ ม๊ั เบรก

148 งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 10.6.3 การประกอบแม่ป๊มั เบรก 1. การทาจาระบี 1) ทำความสะอาดชิน้ ส่วน ทาจาระบีลิเทยี ม กลโี คลเข้ากบั ชน้ิ สว่ น 2) ทเ่ี ป็นยางตามลกู ศรช้ี 2. ประกอบสปรงิ และลูกสูบทั้ง 2 ลกู ข้อควรระวัง ระวังอย่าทำให้ขอบลูกยางเบรกชำรุด 1) สอดสปริงและลกู สูบทง้ั 2 เขา้ ตรง ๆ อยา่ ใหเ้ อียง 2) ดันลกู สบู ด้วยไขควง และใส่แหวนลอ็ ก ด้วยคีม 3. การประกอบสกรกู ันลกู สบู 1) ใช้ไขควงดันลูกสูบเขา้ ไปจนสดุ 2) ใส่สกรกู นั ลกู สบู พรอ้ มกับปะเกน็ 3) ขันสกรูให้แน่น ค่าแรงขัน : 10 Nm (7 ฟุต-ปอนด)์ 4. การติดตัง้ กระปกุ น้ำมันเบรก 1) ประกอบยางรองกระปกุ นำ้ มนั เบรก 2 ตวั 2) ติดต้งั กระปุกน้ำมนั เบรก 5. การตรวจสวิตช์ไฟเบรกด้วยโอหม์ มเิ ตอร์ 1) ตรวจการต่อวงจร 2) ตรวจการตดั วงจร

แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 10 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 149 เร่ือง แมป่ ๊ัมเบรกและการตรวจซอ่ ม ตอนที่ 1 จงเตมิ ขอ้ ความในชอ่ งวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง 1. แมป่ ๊มั เบรกมีหน้าท่อี ะไร ………………………………………………………………………………………………………............................................ 2. แม่ปม๊ั เบรกจำแนกประเภทได้ 2 แบบ ได้แก่อะไร ………………………………………………………………………………………………………............................................ 3. จงเขยี นเส้นทางนำ้ มนั เบรกไหลดว้ ยลูกศรสีแดง พรอ้ มระบายสีให้นำ้ มนั เบรกทถ่ี ูกอัดเปน็ สแี ดง แมป่ ัม๊ เบรกแบบลกู สบู เดยี ว การทำงาน 4 ตำแหนง่ ตำแหนง่ ที่ 1 ......................................................................................................... ......................................................................................................... ......................................................................................................... ตำแหน่งท่ี 2 ......................................................................................................... ......................................................................................................... ......................................................................................................... ตำแหน่งที่ 3 ......................................................................................................... ......................................................................................................... ......................................................................................................... ตำแหนง่ ท่ี 4 ......................................................................................................... ......................................................................................................... ......................................................................................................... ตำแหน่งที่ 5 ......................................................................................................... อากาศ ......................................................................................................... ..........................................................................................................

150 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 4. จงอธบิ ายการทำงานของแม่ปม๊ั เบรกแบบลูกสบู คตู่ ามหวั ขอ้ ต่อไปนี้ แมป่ ม๊ั เบรกแบบลกู สบู คู่ การทำงาน 3 ตำแหนง่ 1) ตำแหน่งทำงานปกติ ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... 2) ตำแหนง่ ท่อเบรกหลังแตก ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... 3) ตำแหนง่ ทอ่ เบรกหนา้ แตก ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... ........................................................................................... 5. กรณีเบรกล้อหลังหยุดจนล็อก เบรกล้อหน้ายังไม่ล็อก เสถียรภาพการทรงตัวของรถจะเป็นอย่างไร …………………………………………………….................................................................................................................. 6. แม่ปั๊มเบรกแบบลูกสูบคู่หรือแบบแยก 2 วงจร มีข้อดีอย่างไร …………………………………………………….................................................................................................................. 7. การเบรกให้ล้อติดตายจะมีผลอย่างไร …………………………………………………….................................................................................................................. 8. ทำไมจึงมีการออกแบบให้เบรกล้อหน้ามีแรงเบรกมากกว่าเบรกล้อหลัง ……………………………………………………..................................................................................................................

9. จงเขยี นหน้าที่ลนิ้ กันกลับในแม่ปม๊ั เบรก งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 151 ลำดบั ชื่อ ใชง้ าน หนา้ ที่ ล้นิ กันกลบั แมป่ ัม๊ เบรกดรมั ............................................................................................... ในแม่ปั๊มเบรก ............................................................................................... ............................................................................................... ล้นิ กันกลบั แม่ปัม๊ เบรกดสิ ก์ .............................................................................................. ในแม่ปั๊มเบรก .............................................................................................. .............................................................................................. 10. จงทำเคร่อื งหมายถูกตามตำแหนง่ ของลนิ้ กันกลับ พรอ้ มแสดงทศิ ทางนำ้ มันเบรกไหลด้วยลกู ศรสแี ดง ผา่ นเดือยลน้ิ เดือยลิ้น 1 เดือยล้นิ 1 เดอื ยล้ิน 1 เปิด ปดิ เปิด ปิด เปิด ปิด ตวั ลิ้น 2 ตวั ล้นิ 2 ตวั ลน้ิ 2 เปิด ปิด เปิด ปิด เปิด ปดิ ตำแหนง่ ปกติ ตำแหนง่ ปกติ ตำแหนง่ ปกติ ตำแหนง่ คืน ตำแหนง่ คนื ตำแหน่งคืน ตำแหน่งเบรก ตำแหนง่ เบรก ตำแหนง่ เบรก 11. ประสิทธภิ าพของเบรกข้นึ อยกู่ บั สภาพของยางรถและผวิ ของถนน จงเขยี นตัวอย่างในตาราง สภาพการใช้งาน ตัวอย่าง 1. จากน้ำหนกั ของรถ ............................................................................................................................. 2. จากสภาพยางรถ ............................................................................................................................. 3. จากสภาพผิวถนน ............................................................................................................................ 4. จากประเภทผิวงาน ........................................................................................................................... 12. ประสทิ ธิภาพเบรกสูงสดุ กำหนดขณะลอ้ รถยังกลิ้งอยู่ ลอ้ ท่ถี กู เบรกให้ลอ็ กตายมีประสิทธิภาพตำ่ กว่า ลอ้ ทยี่ ังไม่ลอ็ กตาย เพราะ ............................................................................................................................

152 งานเครื่องล่างรถยนต์ ตอนที่ 2 จงทำเครอ่ื งหมายถูก (P) ลงหน้าขอ้ ความท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ดุ 1. แมป่ ั๊มเบรกแบบลูกสบู เดียวใช้กับอะไร 7. ฟองอากาศในระบบเบรกมผี ลกระทบอะไร ก. หมอ้ ลมเบรก ข. กระบอกเบรก ก. เกดิ สนมิ ในระบบเบรก ข. เกิดการยดื หยุน่ ในระบบเบรก ค. เบรกวงจรเดยี ว ง. เบรกวงจรคู่ ค. เกิดความรอ้ นในระบบเบรก 2. แมป่ ั๊มเบรกรถน่งั สง่ น้ำมันเบรกอยา่ งไร ง. เกดิ แรงตา้ นในระบบเบรก ก. ล้อหน้าซ้ายกอ่ น ข. ลอ้ หนา้ ขวากอ่ น 8. เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งเปล่ียนนำ้ มนั เบรก ค. ล้อหลังก่อน ง. ทุกล้อพรอ้ มกัน ก. นำ้ มนั เบรกเส่ือมสภาพ 3. แม่ป๊ัมเบรกลกู สบู คู่แยกวงจรเบรกอยา่ งไร ข. นำ้ มนั เบรกดดู ความช้ืนในอากาศทำให้ ก. ล้อหน้าซา้ ย/ขวา ข. ล้อหนา้ และล้อหลัง จุดเดือดต่ำ ค. ล้อหลงั ซ้าย/ขวา ง. ลอ้ หน้าซา้ ย/หลงั ขวา ค. มสี ีดำสกปรก 4. ความดันตกคา้ งเท่าใดในทอ่ นำ้ มนั เบรก ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก ก. 0.5-1.2 บาร ์ ข. 1.2-2.2 บาร์ 9. รถยนตเ์ บรกแลว้ ไม่หยุดทนั ทีทนั ใดเพราะแรง ค. 2.2-3.2 บาร์ ง. 3.2-4.2 บาร์ อะไร 5. มาตรฐาน DOT ย่อมาจากอะไร ก. แรงปฏกิ ิริยา ก. Top Dead Center ข. แรงอัด ข. Department on Time ค. แรงดัน ค. Department of Transportation ง. แรงเฉื่อย ง. Department of Train 10. บรกิ ารแม่ปม๊ั เบรกใชจ้ าระบอี ะไร 6. อะไร ไมใ่ ช่ คณุ สมบตั ขิ องนำ้ มันเบรก ก. หล่อลน่ื แมป่ มั๊ เบรก ก. ไม่เปน็ อนั ตรายต่อลกู ยางเบรก ข. ลเิ ทยี มกลโี คล ข. ไม่เป็นอันตรายตอ่ โลหะ ค. อเนกประสงค์ ค. ทำหนา้ ทีค่ ล้ายสารหล่อลื่น ง. ใชเ้ หมือนกบั ดมุ ล้อ ง. ไมเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ สรี ถยนต์ ตอนท ี่ 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ หไ้ ดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. วงจรเบรกรถยนต์แบบทแยงมลี กั ษณะเด่น 2 ข้อ คืออะไร 2. ระยะฟรีแปน้ เหยียบเบรกคอื อะไร มคี วามสำคัญอย่างไร 3. จงเขยี นคณุ สมบตั ทิ ่ีสำคัญของน้ำมนั เบรกมา 5 ขอ้ 4. จงเขียนลำดบั การไล่ลมเบรกในวงจรน้ำมันเบรกมา 5 ขอ้ 5. จงสเกตช์ภาพวงจรน้ำมนั เบรกวงจรหน่งึ ดแี ละอีกวงจรหนงึ่ ทอ่ น้ำมนั เบรกแตก

11งานเครื่องล่างรถยนต์ 153 ระบบเบรกดรมั และการตรวจซอ่ ม สาระการเรยี นรู้ 11.1 ประเภทเบรกดรัมและกลไกปรบั ตั้งเบรกอัตโนมตั ิ 11.2 กระบอกเบรกดรัมและผา้ เบรก 11.3 เบรกมือและการตรวจปรบั เบรกมอื 11.4 การตรวจซอ่ มเบรกดรัม ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายประเภทเบรกดรมั และกลไกปรับตงั้ เบรกอตั โนมัตไิ ด้ 2. อธบิ ายกระบอกเบรกดรมั และผ้าเบรกได้ 3. อธบิ ายเบรกมือและการตรวจปรบั เบรกมอื ได้ 4. ปฏบิ ัตกิ ารตรวจซ่อมเบรกดรมั ได้ 5. เพอ่ื ให้มีกจิ นสิ ยั ในการทำงานด้วยความเป็นระเบยี บเรียบร้อย ประณีต รอบคอบและตระหนกั ถึงความปลอดภยั

154 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 11 ระบบเบรกดรมั และการตรวจซอ่ ม บทนำ จากพจนานุกรมศพั ท์ช่างยานยนตฉ์ บับราชบัณฑิตยสถาน Drum Brake แปลว่า เบรกดรัมหรือ เบรกกระทะ และ Drum แปลว่า กระทะเบรก แตใ่ นหน่วยการเรยี นนจ้ี ะเรียกวา่ เบรกดรมั ตามความนิยม เรียกทับศัพทภ์ าษาอังกฤษ เบรกดรมั เปน็ ระบบเบรกที่ใชแ้ รงเบรกจากผา้ เบรกทีม่ ีความฝืด ไปกดผวิ ดา้ นในของกระทะเบรก ซึ่งหมนุ ไปพร้อม ๆ กบั ลอ้ รถ เพ่ือชะลอความเรว็ หรือหยุดรถ ฝักเบรกมหี น้าโค้งเข้ากับกระทะเบรก และม ี ผา้ เบรกผนึกไวท้ ี่ดา้ นนอก ผา้ เบรกเป็นวัสดุทนความรอ้ นและทนการสึกหรอ กระทะเบรกทำจากเหลก็ หลอ่ ปกติจะมีช่องว่างเล็กน้อยระหว่างกระทะเบรกกับผ้าเบรก เมื่อมีการใช้เบรก ผ้าเบรกจะกดด้านในของ กระทะเบรก ทำให้เกิดความฝืดขึ้นกลายเป็นแรงเบรก กระบอกเบรก ทอ่ น้ำมันเบรก กระบอกเบรก แม่ป๊มั เบรก เบรกดรมั หน้า เบรกดรัมหลัง เบรกดรมั รูปที่ 11.1 วงจรเบรกดรัมทั้งล้อหน้าและล้อหลัง แยกเป็น 2 วงจร (Werner Schwoch)

งานเครื่องล่างรถยนต์ 155 11.1 ประเภทเบรกดรมั และกลไกปรับต้งั เบรกอัตโนมตั ิ ทิศทางหมุนกระทะเบรก 11.1.1 ประเภทเบรกดรัม ผ้าเบรก 1. การเพมิ่ กำลงั ดว้ ยการเบรกเอง กระทะเบรก จากรปู ท่ี 11.2 ฝักเบรก (Brake Shoe) ด้านซ้ายจะ ฝักนำ ฝักตาม อัดต้านทศิ ทางการหมนุ ของกระทะเบรกด้วยผ้าเบรก (Brake Pad) แตฝ่ กั เบรกดา้ นขวาถกู แรงผลักจากกระทะเบรก ทำให้ รูปที่ 11.2 การเพิ่มกำลังด้วยการเบรกเอง แรงการขยายตัวของฝกั เบรกนอ้ ยกวา่ ดา้ นซา้ ย ทิศทางหมุน การท่ีฝกั เบรกต้านกบั กระทะเบรก ทำใหเ้ พ่มิ แรง ต้านทานมากขน้ึ เรยี กว่า การเพมิ่ กำลังดว้ ยเบรกเอง ฝกั เบรกดา้ นทไี่ ด้รบั ผลนี้เรยี กว่า ฝักนำ (Leading Shoe) ฝกั เบรก ดา้ นทอ่ี ยตู่ รงกนั ขา้ มเรยี กวา่ ฝกั ตาม (Trailing Shoe) เบรกดรมั จำแนกประเภทได้ดังตอ่ ไปนี้ ฝักนำ 2. เบรกดรมั แบบฝักนำและฝักตาม 11 ฝักตาม (Leading and Trailing Type) กระทะเบรก เบรกดรมั แบบนีป้ ลายด้านลา่ งของฝักเบรกท้ัง 2 ยึด รูปที่ 11.3 เบรกดรัมแบบฝักนำและฝักตาม อยู่กับจดุ หมุนเดียวกนั แรงการขยายตัวของฝักนำจะเพ่มิ ขึ้น โดยผลจากการเพ่ิมกำลังดว้ ยเบรกเอง เม่ือกระทะเบรกหมุน กระทะเบรกพยายามทจ่ี ะดัน ฝกั ตามใหอ้ อกห่างจากกระทะเบรก ทำให้ผ้าเบรกของฝักนำ สกึ หรอเร็วกวา่ ฝักตามเสมอ ฝักนำ ฝักนำ 3. เบรกดรัมแบบฝกั นำท้งั คูด่ นั 2 หวั กระทะเบรก (Two-Leading Type) แบบฝกั นำท้ังคมู่ กี ระบอกเบรกท่ลี อ้ 2 ตัว แบบ ลูกสบู เดยี ว ออกแรงกระทำต่อฝกั เบรกท้งั 2 ฝกั ในลกั ษณะ เปน็ ฝกั นำท้งั ค ู่ ผลของการเพ่ิมกำลงั ดว้ ยเบรกเองจะมากข้นึ เพราะวา่ ฝกั เบรกท้งั คู่เปน็ ฝกั นำ และสามารถให้กำลงั ในการ เบรกไดเ้ ตม็ ท่ี เมอ่ื กระทะเบรกหมุนย้อนทิศทาง ฝกั เบรกทง้ั ค ู่ จะกลายเป็นฝกั ตาม ทำใหผ้ ลในการเบรกลดลงทนั ท ี เช่น รถถอยหลงั รูปที่ 11.4 เบรกดรัมแบบฝักนำทั้งคู่ดัน 2 หัว

156 งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 11.1.2 แรงกระทำของผ้าเบรกดรัม หน้ารถ ตาม ตาม นำ นำ หวั ฝกั เบรกทง้ั คมู่ ีแรงดันให้แยกออกจากกันด้วยกระบอกเบรก ฝกั เบรกมีจุดหมนุ คงท ่ี (รูปซ้ายมอื ) หรือฝักเบรกลอยตัว (รูปขวามือ) คือฝักเบรกต่ออนุกรมกัน (Simplex) หรือเรียกว่าแบบฝักนำและฝักตาม เหมือนรูปที่ 11.3 เดินหน้า หน้ารถ นำ ตาม นำ ตาม ใช้กระบอกเบรกทำงานด้านเดียว 2 ตัว ปลายฝักเบรกด้านหนึ่งเป็นจุดหมุนหนุนอยู่หลังกระบอก เบรก ฝักเบรกต่อแบบขนาน (Duplex) การเบรกรถขณะเดินหน้า ฝักเบรกทั้งคู่จะเพิ่มแรงจับกระทะเบรก เกิดแรงเบรกมาก เหมาะที่จะใช้กับเบรกล้อหน้า ไม่เหมาะที่จะใช้กับเบรกหลัง เพราะการเบรกขณะรถ ถอยหลัง เบรกจะกลายเป็นฝักตามทั้งคู่ แรงเบรกน้อย จึงมีชื่อเรียกแบบฝักนำทั้งคู่ เหมือนรูปที่ 11.4 นำ นำ หน้าร ถ ตาม ตาม ฝักเบรกทั้งคู่ลอยตัวอยู่ระหว่างเดือยยันที่เคลื่อนที่ได้ แรงเบรกได้จากฝักเบรกนำส่งผ่านเดือยยัน ไปสู่ฝักเบรกด้านตรงข้ามในลักษณะฝักเบรกนำ จึงเพิ่มแรงจับกระทะเบรกขึ้นเองอย่างมากมาย มีแรงเบรก เดินหน้ามาก แต่แรงเบรกถอยหลังไม่ดี เรียกว่าก้ามเบรกแบบลอยตัว (Servo)

ระยะถูกกด งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 157 สลักยึด ฝักเบรก 2 11.1.3 กลไกปรับตั้งเบรกอัตโนมัติ สายดึงสปริงดึง 1. กลไกปรับตง้ั เบรกแบบฝักเสริมกำลังดว้ ยอัตโนมัติ ฝักเบรก 1 แกนปรับตั้ง กลไกปรบั ตัง้ เบรกอัตโนมัติ เป็นตัวปรับระยะหา่ ง ผา้ เบรกกับจานเบรก เมือ่ ผ้าเบรกมีการสกึ หรอ การปรบั ตงั้ รูปที่ 11.5 กลไกปรับตั้งเบรกแบบฝักเสริมกำลัง จะเกิดขน้ึ ในขณะขับรถถอยหลงั มีการทำงานดงั นี้ ด้วยอัตโนมัติ 1) เมือ่ ทำการเบรกขณะขบั รถถอยหลงั ฝักเบรก 2 ฝักนำ ฝักตาม จะถกู กดลงจากสลักยึด แผน่ รองสายดงึ กลไกปรบั ตงั้ อตั โนมตั ิกจ็ ะถกู กดลงดว้ ย 2) ดว้ ยแรงดงึ ของสปรงิ สายดงึ กลไกปรบั ตงั้ จะดงึ แกนปรบั ตั้งใหไ้ ปหมนุ เฟอื งปรับระยะของตวั ปรบั ตัง้ เบรกให้หมุนขยายตวั ออก 3) เมอ่ื ถอนคนั เหยยี บเบรก แรงกดฝกั เบรกจะเพม่ิ ขน้ึ แต่แรงดันจากตัวปรบั ตง้ั จะมากกวา่ ดังนนั้ แรงดึง แรงสปริงของสายดึงกลไกปรับตง้ั อัตโนมตั ิ จะไม่ สามารถดึงกลไกปรับระยะได้อีกต่อไป (หยุดการ ปรับตง้ั อตั โนมตั )ิ แกนคแ้ำกนปรับตั้ง 2. กลไกปรับต้งั เบรกแบบฝักนำและฝกั ตามดว้ ย 11 แกนปรับกลไกอัตโนมัติ อตั โนมตั ิ รูปที่ 11.6 กลไกปรับตั้งเบรกแบบฝักนำและฝักตาม กลไกปรับต้ังเบรกแบบฝักนำและฝักตามอัตโนมัติ ด้วยอัตโนมัติ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเหยียบเบรกทั้งในขณะขับรถเดินหน้า แขนปรับตั้ง และถอยหลงั เฟืองปรับตั้ง การปรับต้ังเบรกอตั โนมัต ิ ใช้แรงจากการทำงาน ฝักเบรกกับแกนคำ้ ฝกั เบรก ปลายด้านล่างของฝกั เบรกทัง้ แขนปรับตั้ง ซ้ายและขวาจะแยกออกจากศนู ย์กลาง แผ่นยดึ สลกั ยึดแกน คำ้ จะดึงแกนปรับกลไกปรับตง้ั อัตโนมัตติ ามทศิ ทางที่ลกู ศร แสดงในรปู ท ่ี 11.7 ตำแหนง่ ปกตบิ นฟนั เฟอื งระหวา่ งฝกั นำ จะเปลย่ี นแปลงไปเพยี งหนึ่งฟนั โดยสมั พนั ธก์ บั เฟอื งปรบั ตง้ั กลไก ดงั นน้ั ระยะหา่ งของฝกั เบรกจะถกู ปรบั ตง้ั อตั โนมตั ิ ใหม้ ีคา่ ตามกำหนดโดยอัตโนมัติ รูปที่ 11.7 ฟันเฟืองของตัวปรับตั้งเบรก

158 งานเครือ่ งล่างรถยนต์ 11.2 กระบอกเบรกดรัมและผ้าเบรก ยางกันฝุ่น 11.2.1 หน้าที่และการทำงานกระบอกเบรกดรัม ลูกสูบ ลูกยาง (Wheel Cylinder) รูปที่ 11.8 กระบอกเบรกลูกสูบคู่ กระบอกเบรกดรัมขันแน่นติดกับแผ่นฐานด้วยสกรู รูปที่ 11.9 กระบอกเบรกลูกสูบเดียว มรี ตู ่อทอ่ นำ้ มันเบรกและรูสกรูไล่ลม กระบอกเบรกมหี น้าท ี่ ดงั ต่อไปนี้ รูปที่ 11.10 กระบอกเบรกลูกสูบคู่ไม่เท่ากัน 1) เมอ่ื เหยยี บเบรก บงั คบั ใหผ้ า้ เบรกสมั ผสั กระทะเบรก กระบอกเบรก หรอื บีบจานเบรกไดร้ วดเร็ว 2) เปลย่ี นความดนั นำ้ มนั เบรกเปน็ แรงอดั หรอื แรงดนั ลูกยาง ฝาหน้าลูกยาง กา้ มเบรก สปริง 1. กระบอกเบรกลกู สูบคเู่ ทา่ กัน รูปที่ 11.11 ลูกยางกระบอกเบรก (Double Piston Cylinder) กระบอกเบรกแบบลูกสูบคู่ มีรูทะลุเท่ากันตลอด เปน็ ทางใหล้ ูกสูบทงั้ คู่เคลอื่ นที่เข้าออก ป้องกันนำ้ มนั เบรก ร่วั ซมึ ดว้ ยลูกยางรูปถว้ ยหรือรปู วงแหวน ระหว่างลกู ยาง หรอื ลูกสบู มสี ปรงิ ขดยัน ตัวถา่ งลูกยางใหล้ กู ยางและลูกสูบ แยกจากกนั 2. กระบอกเบรกลูกสูบเดียว (Single Piston Cylinder) กระบอกเบรกแบบนี้มีรูด้านเดียว กระบอกเบรก กระบอกหนงึ่ ใชก้ ับฝักเบรกฝกั เดยี ว เบรกดรมั ลอ้ หนึ่งจึง ตอ้ งใชก้ ระบอกเบรก 2 ตัว 3. กระบอกเบรกลูกสบู คู่ไมเ่ ทา่ กนั (Stepped Cylinder) กระบอกเบรกมรี ทู ะลแุ ต่ไมเ่ ทา่ กนั ดา้ นหน่ึงใหญ ่ อกี ดา้ นหน่ึงเล็ก สมดลุ การทำงานของฝกั เบรกฝกั นำและ ฝกั ตามได ้ ลูกสูบลูกท่ีใหญใ่ ห้แรงมากกว่าลกู สบู ลูกเลก็ ใหใ้ ช ้ กับฝักเบรกฝักตาม 4. ลูกยางกระบอกเบรก ลูกยางเบรกออกแบบให้ขอบลูกยางสัมผัสกับ รกู ระบอกเบรกไดอ้ ยา่ งกระชบั ป้องกนั การร่วั บางรนุ่ ม ี ฝาหนา้ ลกู ยางด้วย ลูกยางทำจากยางประเภทอีทีลีน โปรพีลีน ดีน (Ethylene Propylene Diene) เรียกว่า EPDM มีความคงทน ต่อความร้อนและการสึกหรอ

ฝักเบรก งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 159 ผ้าเบรก 11.2.2 เนื้อผ้าเบรกและการเบรกไม่อยู่ รูปที่ 11.12 ผ้าเบรกยึดติดฝักเบรกด้วยการอัดติด (รถนั่ง) หมุดย้ำ 1. ผ้าเบรกแบบนิ่ม (Mold Lining) ผา้ เบรกแบบนท้ี ำจากเสน้ ใยสน้ั ๆ ของแรใ่ ยหนิ ที่ประสานกันไว้ด้วยน้ำยาประสานหรือยาง ภายใต้ อุณหภูมิและความดันสูง ผ้าเบรกแบบนี้สัมประสิทธิ์ ทางความฝืดต่ำกว่าแบบลายถัก แต่ความต้านทานต่อ การสึกหรอดีกว่า และต้นทุนการผลิตต่ำ ดังนั้นจึง นิยมใช้กับรถยนต์อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน 2. ผ้าเบรกแบบกึ่งโลหะ (Semi-Metallic Lining) เพ่อื ให้ผ้าเบรกมีคุณสมบัติในการทนต่อความ ร้อนได้ดียิ่งขึ้น จึงได้มีการผสมผงโลหะเข้าไปใน ผ้าเบรกแบบนิ่ม ทำให้ผ้าเบรกแบบนี้มีความแข็งเพิ่ม ขึ้น ผ้าเบรกแบบนี้ส่วนมากใช้กับดิสก์เบรก ฝักเบรก 3. ผ้าเบรกแบบโลหะ (Metallic Lining) 11 ผ้าเบรก รูปที่ 11.13 ผ้าเบรกยึดติดฝักเบรกด้วยหมุดย้ำ (รถบรรทุก)สัมประสิทธิ์ทางความฝืด ผ้าเบรกแบบโลหะหรือแบบแข็ง ทำขึ้นจาก ส่วนประกอบของโลหะผสมเหล็กกับทองแดง เพื่อให้ อุณหภูมิ การเบรกมีความแน่นอนถึงแม้อุณหภูมิจะสูง ผ้าเบรก แบบนี้ส่วนมากใช้กับรถยนต์แบบพิเศษ เช่น รถแข่ง ซึ่งต้องการสมรรถนะในการเบรกเป็นเยี่ยมที่ความเร็ว สูง หรือภายใต้สภาวะการทำงานหนัก 4. เบรกตื้อ (Brake Fade) เมื่ออุณหภูมิของผ้าเบรกเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ความฝืด ซึ่งทำให้เกิดความร้อน สัมประสิทธิ์ทาง ความฝืดจะลดลง มีผลกระทบต่อเบรก ทำให้เบรกตื้อ สามารถป้องกันได้โดยการปรับปรุงการระบายความ ร้อนให้แก่จานเบรกด้วยการใช้โลหะ หรือออกแบบ รูปร่างให้เปลี่ยนแปลงได้น้อย เนื่องจากการขยายตัว จากความร้อนหรือโดยการใช้ผ้าเบรก ซึ่งการเปลี่ยน แปลงสัมประสิทธิ์ได้น้อยเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น รูปที่ 11.14 ความสัมพันธ์อุณหภูมิและสัมประสิทธิ์ทาง ความฝืดของผ้าเบรก

160 งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 11.3 เบรกมือและการตรวจปรับเบรกมอื 11.3.1 หน้าที่เบรกมือและส่วนประกอบเบรกมือ เบรกมือ (Hand Brake) หรือเรยี กวา่ เบรกจอด (Parking Brake) ใช้สำหรบั ยึดรถใหอ้ ย่กู ับท ี่ รถนั่งและ รถบรรทุกขนาดเล็กจะใชเ้ บรกมือแบบยึดท่ลี อ้ หลัง ซ่งึ มกี ลไกอย่รู วมในเบรกดรัมหรอื เบรกดสิ ก์ของเบรกเทา้ หรอื เบรกมือแบบแยกตา่ งหากซงึ่ จะต่อเขา้ กับลอ้ หลัง เบรกมือประกอบดว้ ยคันเบรกมือ ก้านดึง หรือแปน้ เหยียบสายเบรกมอื หรือกา้ นตอ่ กลไกการทำงานเบรกดรมั และฝกั เบรก ซงึ่ เปน็ ตวั ใหก้ ำเนิดแรงการเบรก เมื่อดึงคนั เบรกมอื ขนึ้ สายเบรกมือจะดงึ ตัวปรบั ตั้งไปดันฝกั เบรกกดตา้ นกบั จานเบรก พวงมาลยั คนั เหยียบเบรก คันเบรกมอื สายเบรกมอื ทอ่ เปลย่ี นเกียร์ รูปที่ 11.15 ลักษณะคันเบรกมือและสายเบรกมือที่ต่อไปยังเบรกหลังที่เป็นเบรกดรัม เบรกมอื ในเบรกดสิ ก์ทล่ี อ้ หลงั คนั เบรกมือ เบรกมอื ในเบรกดิสก์ท่ลี อ้ หลงั ปุ่มลอ็ กเบรกมอื รูปที่ 11.16 กลไกควบคุมเบรกมือแบบคันโยกที่ต่อไปยังเบรกหลังที่เป็นเบรกดิสก์

งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 161 เหล็กยัน 11.3.2 ประเภทเบรกมือ ดัน ฝเบักรก 1. เบรกมอื รว่ มกบั เบรกดรัม คานฝักเบรกมือ เบรกมือแบบนี้ เมื่อดึงคันเบรกมือ สายเบรกมือซึ่ง สายเบรกมือ ต่อกับก้านโยกก้ามเบรกของเบรกล้อหลัง โดยก้านโยกยึดติด เฟืองตั้งเบรก กับก้ามเบรกตัวหลังด้วยหมุดย้ำ และที่จุดยึดเป็นจุดหมุน กา้ นโยกจะโยกตวั ไปขา้ งหนา้ ดนั ให้กา้ นยันกา้ มเบรก ดนั กา้ ม รูปที่ 11.17 เบรกมือในเบรกดรัม เบรกตวั หนา้ เลอ่ื นตวั เขา้ ไปอดั กบั กระทะเบรก พรอ้ มกนั นน้ั จุดหมุนของก้านโยกก้ามเบรกจะถอยหลังงัดให้ก้ามเบรก จานเบรก ก้ามเบรก ตวั หลังถอยอัดตัวเข้ากับกระทะเบรกด้วย เป็นการยึดไม่ให้ กระทะเบรกหมุน เบรกดรัม 11 ในเบรก 2. เบรกมอื รว่ มกบั เบรกดสิ ก์ ดิสก์ ตรงกลางของจานเบรกดสิ กท์ ำเปน็ กระทะเบรกดรมั สกรูปรับ ขนาดเล็กเพื่อทำหน้าที่เป็นเบรกมือ ก้ามเบรกทำงานถ่าง รูปที่ 11.18 เบรกมือร่วมกับเบรกดิสก์ ออกได้โดยกลไกที่ต่อสายมาจากคันเบรกมือ กลไกมีอยู่ 2 แบบคือ แบบก้านงัด (Expanding Levers) และแบบก้านล็อก แบบดึงออก (Expanding Lock) เมื่อดึงคันเบรก ก้านงัดหรือก้านล็อกจะ ถ่างให้กา้ มเบรกท้งั สองตัวถา่ งออกอดั เขา้ กับกระทะเบรก ยึด แบบดึงขึ้น ใหล้ ้อหยดุ หมุน เมอื่ ปลอ่ ยคันเบรกมือสปรงิ ดงึ กา้ มเบรกจะ รูปที่ 11.19 คันเบรกมือ 2 แบบ ดึงให้ก้ามเบรกกลับทเ่ี ดมิ 3. คนั เบรกมอื แบบดึง (Pistol Grip Hand Brake) ตดิ ตง้ั อยใู่ ตแ้ ผงหนา้ ปดั สว่ นกลางของตวั รถ หรอื ด้านขา้ งติดกบั ผนังดา้ นขา้ ง คันดึงเบรกมือมสี ายลวดตอ่ ไป ยังตวั เบรกมอื คนั เบรกมอื มีกา้ นตรงท่ที ำเป็นฟนั ตดิ อย่แู ละ มเี ขีย้ วเพ่ือลอ็ กให้เบรกมือล็อกคา้ ง ล็อกให้ยึดรถอยู่กบั ทีไ่ ด ้ เม่ือตอ้ งการปลอ่ ยเบรกมอื ต้องบิดใหก้ า้ นคันเบรกมือหมนุ จนเขยี้ วล็อกหลดุ จากร่องฟัน แล้วปลอ่ ยคันเบรกกลับคนื ทีเ่ ดิมได้ 4. คนั เบรกมือแบบคันโยก (Ratchet-Type Hand Brake) เปน็ คนั ตดิ ตง้ั บนพน้ื รถขา้ งเบาะนง่ั หนา้ ทำงานแบบ เดยี วกับดา้ มกรอกแกรกขนั ประแจบอ็ ก เมอ่ื ดงึ คนั เบรกมอื เขย้ี วจะตกลงในรอ่ งฟนั ทท่ี ำไวเ้ ปน็ รปู กลม ตรงโคนเบรกมอื ล็อกใหเ้ บรกจอดตดิ ตาย เม่ือตอ้ งการปลดเบรกจอดจะมปี มุ่ กดบนหวั ของคนั โยกเบรกมอื ถา้ กดปมุ่ นจ้ี ะมกี ลไกต่อไปกด ใหเ้ ขย้ี วถอยออกจากรอ่ งของฟนั จงึ สามารถปลดคนั เบรกมอื ได้

162 งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 11.3.3 การตรวจปรับและไฟเตือนเบรกมือ 3-6 แกร๊ก 1. การตรวจระยะเบรกมอื รูปที่ 11.20 ยกตรวจระยะเบรก ดงึ เบรกมอื ขน้ึ ชา้ ๆ แลว้ ลองนบั มเี สยี งดงั นอตล็อก “แกรก๊ ” ถา้ นบั ได ้ 3-6 แกรก๊ แสดงวา่ ระยะเบรกมอื ถกู ตอ้ ง ถา้ เสยี งมมี ากหรอื นอ้ ยกวา่ ทก่ี ำหนด ใหป้ รบั นอตปรับเบรกมือ สายเบรกมอื 2. การปรับเบรกมือ 1) ถอดคอนโซลคันเกียร์ออก 2) คลายนอตล็อก 3) ปรับนอตปรับเบรกมือให้ได้ระยะเบรกมือ ตามกำหนด 4) ขันนอตล็อกแน่น รูปที่ 11.21 นอตปรับเบรกมือ 3. ไฟเตอื นเบรกมือ (Brake Warning Light) ไฟเตือนเบรกมือทีค่ ันเบรกมือ มสี วิตชไ์ ฟเบรกมอื (Parking Brake Switch) ต่อวงจรไฟเตือน เบรกมือให้ลงดนิ เม่ือปลดเบรกมือ ก้านตอ่ คนั เบรกมอื จะกดสวิตชไ์ ฟเบรกมือ ตดั วงจรไฟเบรกมือไมใ่ ห้ ลงดิน หากดงึ คันเบรกมือ สวิตชไ์ ฟเบรกมอื จะต่อวงจรลงดนิ หลอดไฟเบรกมือจะตดิ สวิตช์ไฟเบรกมือ ฟิวส์ย่อย ไฟเตือนเบรกมือ สวิตช์จุดระเบิด ฟิวส์หลัก ลงดิน แบตเตอรี่ รูปที่ 11.22 วงจรไฟเบรกมือ มีสวิตช์ไฟเบรกมือเป็นตัวตัดต่อวงจรไฟเตือนเบรกมือ (TOYOTA)

งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 163 กจิ กรรมท ่ี 11 ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มตรวจตั้งเบรกดรัมแล้วเติมข้อความใน ช่องว่าง 1. จงอธิบายหลักการตั้งเบรกแบบฝักนำและฝักตามด้วยเฟืองฟันตรง แบบฝักนำ/ฝักตาม เฟืองฟันตรงอยู่ด้านบน เฟืองฟันตรงอยู่ด้านล่าง เฟืองตั้งเบรก 11 ตั้งเข้า คลายออก คลายออก คลายออก ตั้งเข้า ตั้งเข้า รูตั้งฝักเบรกขวา รูตั้งฝักเบรกขวา รูตั้งฝักเบรกซ้าย คลายออก รูตั้งฝักเบรกซ้าย ตั้งเข้า n หลกั การตง้ั เบรกดว้ ยเฟอื งฟนั ตรง ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................

164 งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 2. จงอธิบายหลักการตั้งเบรกแบบฝักเบรกลอยตัวดังแบบต่อไปนี้ แบบฝักเบรกลอยตัว ตั้งด้วยเฟืองตัวเดียว ตั้งด้วยเฟืองคู่ คลายออก ตั้งเข้า คลายออก ตั้งเข้า ตั้งเข้า คลายออก n หลกั การตง้ั เบรกแบบฝักเบรกลอยตวั ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................

งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 165 11.4 การตรวจซ่อมเบรกดรมั 11.4.1 การถอดเบรกดรัมหน้าแบบฝักนำคู่ (HILUX) สลัก กระบอกเบรก ฝกั หลัง สปรงิ ดึงกลับ ฝกั หน้า นสกอรตูปปรรับับตตั้ง ั้ง ลกู ยางเบรก สปริงล็อกตัวปรับตั้ง กระบอกเบ รก สปริงยึดฝกั เบรก ลูกสูบ ย างกันฝุ่น จานเบรก 1. การถอดจานเบรก 11 คลายออก ข้อแนะนำ ขันเข้า สกรูดูด ถ้าไม่สามารถถอดจานเบรกออกได้โดยง่าย ให้สอดไขควงเข้าทางรูของแผงยึดฝักเบรก และคลายตัวตั้งเบรกเพื่อลดเบรก 2. การถอดกระทะเบรกด้วยสกรูดูด 1) หมุนสกรูดูดจานเบรกเข้าทั้ง 2 ตัว 2) ขันสลับกันทีละรอบ จนกว่ากระทะเบรก จะหลุดออก

166 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ เหล็กถอดสปริง 3. การถอดสปริงดงึ ฝกั เบรกดว้ ยเครอื่ งมอื พิเศษ ดึงฝักเบรก 1) ถอดสปริงดึงกลับตัวหน้า 2) ถอดสปริงดึงกลับตัวหลัง เหล็กถอดสปริง 4. การถอดฝกั เบรก ยึดฝักเบรก 1) ใช้เหล็กถอดสปริงฝักเบรก ถอดสปริงยึด ฝักเบรกตัวบนแผ่นประกับและสลัก แล้ว ถอดฝักเบรกออก 2) ถอดฝักเบรกตัวล่างออกโดยวิธีเดียวกัน ประแจท่อน้ำมันเบรก 5. การถอดกระบอกเบรก 1) ใช้ประแจท่อน้ำมันเบรก ถอดท่อน้ำมัน เบรก 2) ถอดกระบอกเบรก 6. ถอดแยกชิ้นส่วนกระบอกเบรก 1) ถอดยางกันฝุ่น j 2) ถอดลูกสูบ k 3) ถอดลูกยางเบรก l 4) ถอดหมวกสปริง m 5) ถอดสปริง n 6) ถอดชุดสกรูไล่ลม o + p + q เปลี่ยนทุกครั้ง

ตรวจรอยสึกหรอ งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 167 11.4.2 การตรวจและซ่อมส่วนประกอบ เบรกดรัม 1. การตรวจสภาพกระทะเบรก 1) ตรวจรอยการสึกหรอหรือเป็นสนิม 2) ตรวจรอยไหม้และรอยแตกร้าว ตรวจรอยไหม้ 2. การตรวจวัดขนาดกระทะเบรก และแตกร้าว 1) วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในกระบอก เบรก 2) หาขนาดที่โตสุด ถ้าโตเกินพิกัดต้องเปลี่ยน กระบอกเบรก 3) กระทะเบรกเบี้ยวหรือเรียวเล็กน้อย กลึงปรับ ผิวได้ ข้อควรจำ กลึงกระทะเบรกออกได้ลึกไม่เกิน 1.0 มม. คือน้อยที่สุดพอผิวเรียบ 3. การตรวจความหนาผ้าเบรก 11 ค่าความหนามาตรฐาน : 6.0 มม. ค่าความหนาต่ำสุด : 1.0 มม. ข้อแนะนำ ถา้ จะตอ้ งเปลย่ี นผา้ เบรกตวั ใดตวั หนง่ึ ใหเ้ ปลย่ี น ทั้งหมด เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการเบรก 4. การตรวจการสัมผัสผ้าเบรกกับกระทะเบรก ถ้าการสัมผัสระหว่างผ้าเบรกกับกระทะเบรก ไม่ถูกต้อง แก้ไขโดยการ 1) เปล่ียนฝกั เบรกทั้งชุด 2) กลึงหรือเจียระไนกระบอกเบรกทั้งชุด

168 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ เร่อื ง ระบบเบรกดรมั และการตรวจซอ่ ม แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 11 ตอนที่ 1 จงเตมิ ขอ้ ความในช่องว่างต่อไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง 1. จงเขยี นชือ่ สว่ นประกอบเบรกดรมั ตามเส้นกำหนด ................................................................. .................................................................. ....................................................... ...................................................... ...................................................... ............................................................. ............................................................ 2. จงเขียนชอื่ ฝักเบรกแสดงทิศทางแรงปฏกิ ริ ิยาฝกั เบรกทม่ี ตี อ่ จานเบรกทีห่ มุนด้วยลูกศร เม่อื FA = แรงนำ้ มนั FR = แรงเสียดทาน MR = แรงบดิ ........................................ ............................................ ........................................... แรงท่ฝี กั เบรก ........................................ ........................................ ......................................... ชนิดของฝกั เบรก ประสิทธภิ าพ กำหนดให้ = 100% ผ้าเบรกสึกหรอ เดินหน้ามฝี กั เบรกนำ (ลกู ศร) เปรียบเทยี บการเบรก เดินหน้ากบั ถอยหลงั

งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 169 3. จงเขียนชื่อกระบอกเบรกใต้ภาพ ก. แบบ .............................................. ข. แบบ .............................................. ค. แบบ ................................................ 4. กระบอกเบรกแบบ ข. เหมาะทจ่ี ะใชง้ านอยา่ งไร ......................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................... 5. จงเติมวธิ ีการแก้ไขขอ้ ขัดขอ้ งของเบรกในช่องว่างตอ่ ไปนี้ ข้อขัดขอ้ ง สาเหตทุ ่เี ปน็ ไปได้ วธิ กี ารแกไ้ ข u เบรกตำ่ หรือ 1) ผ้าเบรกสึกหรอ .................................................................................. 11 มกี ารหยุ่นตัว 2) ระบบเบรกรวั่ .................................................................................. 3) แม่ปมั๊ เบรกบกพรอ่ ง .................................................................................. v เบรกติด 4) มีลมในระบบเบรก .................................................................................. 5) กระบอกเบรกทล่ี ้อบกพร่อง .................................................................................. 6) ลูกยางเบรกสึก หรือเสียหาย .................................................................................. 7) ตัวตัง้ เบรกอัตโนมัตลิ ้อหลังบกพร่อง ................................................................................. 1) ปรบั ต้งั เบรกมอื ไมถ่ กู ตอ้ ง .................................................................................. 2) สายเบรกมอื ติดขัด .................................................................................. 3) ตง้ั กา้ นดนั หม้อลมเบรกไมด่ ี .................................................................................. 4) ทอ่ น้ำมนั เบรกตีบตัน .................................................................................. 5) ผา้ เบรกแตกร้าว หรือบิดเบ้ียว .................................................................................. 6) ลูกสบู กระบอกเบรกตดิ .................................................................................. 7) ตัวต้งั เบรกแตก .................................................................................. 8) แมป่ ๊ัมเบรกบกพรอ่ ง

170 งานเครื่องล่างรถยนต์ ตอนท ่ี 2 จงทำเคร่ืองหมายถกู ( P) ลงหนา้ ข้อความทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสดุ 1. ฝักเบรกนำและฝักเบรกตามมีจุดหมุนอยู่ที่ใด 6. ลูกยางเบรกต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ก. ด้านบนจุดเดียวกัน ก. ทนความดันน้ำมันเบรก ข. ด้านล่างจุดเดียวกัน ข. ทนแรงเบรก ค. ด้านบนเหมือนกัน ค. มีการยืดหยุ่น ง. ด้านล่างเหมือนกัน ง. ทนความร้อนและการสึกหรอ 2. อะไร ไม่ใช่ ส่วนประกอบของเบรกดรัม 7. คุณสมบัติผ้าเบรกต้องเป็นอย่างไร ก. แผ่นยึดเบรก ก. แข็งแรงทนทาน ข. ฝักเบรก ข. ทนต่ออุณหภูมิสูง ค. แป้นเท้าเหยียบเบรก ค. ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ง. กระทะเบรก ง. ไม่เกิดยางเหนียว 3. อะไร ไม่ใช่ ประเภทของเบรกดรัมที่ใช้ในรถยนต์ 8. เบรกมือมีหน้าที่อะไร ก. แบบฝักนำทั้งคู่ ก. ชะลอความเร็วรถ ข. แบบฝักนำและฝักตาม ข. ป้องกันรถลื่น ค. แบบเสริมแรงสองหัว ค. ยึดรถให้อยู่กับที่ ง. แบบฝักตามทั้งคู่ ง. เป็นเบรกสำรอง 4. กลไกปรับตั้งเบรกอัตโนมัติทำงานเมื่อใด 9. ผ้าเบรกมีความหนาต่ำสุดกี่มิลลิเมตร ก. ตามกำหนด ก. 0.5 มม. ข. ตามความต้องการ ข. 1.0 มม. ค. ผ้าเบรกสึกหรอ ค. 1.5 มม. ง. จานเบรกสึกหรอ ง. 2.0 มม. 5. หน้าที่กระบอกเบรกคืออะไร 10. กลึงกระทะเบรกออกได้ลึกเท่าไร ก. เปลี่ยนความดันเป็นแรงอัดก้ามเบรก ก. ไม่เกิน 1.0 มม. ข. เปลี่ยนความดันเป็นแรงเหยียบเบรก ข. ไม่เกิน 2.0 มม. ค. ควบคุมแรงเบรก ค. ไม่เกิน 3.0 มม. ง. ควบคุมการเบรก ง. ไม่เกิน 4.0 มม. ตอนที่ 3 จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้ใจความสมบูรณ์ 1. เบรกดรัมแบบฝักนำและฝักตามมีลักษณะเป็นอย่างไร 2. กระบอกเบรกมีหน้าที่ 2 อย่าง คืออะไร 3. เกณฑ์การเลือกใช้ผ้าเบรกรถยนต์ 5 ข้อ คืออะไร 4. ไฟเตือนเบรกมือมีการทำงานอย่างไร 5. จงสเกตช์ภาพวงจรเบรกดรัมตำแหน่งเริ่มเหยียบเบรก โดยมีกระปุกน้ำมันเบรก แม่ปั๊มเบรก ท่อน้ำมันเบรก จานเบรก ก้ามเบรก คนั เหยยี บเบรก

12งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 171 ระบบเบรกดิสกแ์ ละการตรวจซอ่ ม สาระการเรยี นรู้ 12.1 การทำงานและคุณสมบัติเบรกดิสก์ 12.2 ประเภทก้ามปูเบรกและประสิทธิภาพเบรกดิสก์ 12.3 จานเบรกดิสก์และผ้าเบรกพร้อมสัญญาณเตือนผ้าเบรกสึก 12.4 การเปลี่ยนผ้าเบรกดิสก์ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. อธิบายการทำงานและคุณสมบัติเบรกดิสก์ได้ 2. อธิบายประเภทก้ามปูเบรกและประสิทธิภาพเบรกดิสก์ได้ 3. อธิบายจานเบรกดิสก์และผ้าเบรกพร้อมสัญญาณเตือนผ้าเบรกสึกได้ 4. ปฏิบัติการเปลี่ยนผ้าเบรกดิสก์ได้ 5. เพื่อให้มีกิจนิสัยในการทำงานด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประณีต รอบคอบและตระหนักถึงความปลอดภัย

172 งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 12 ระบบเบรกดิสก์ และการตรวจซอ่ ม บทนำ เบรกดิสก์ประกอบด้วยจานเหล็กหล่อสีเทาหนา หมุนไปกับล้อของรถเรียกว่าจานเบรก (Discs) มีก้ามปูเบรก หรือเรียกว่าเรือนเบรกดิสก์ (Caliper) ซึ่งเป็นที่ติดตั้งกระบอกสูบและลูกสูบ ครอบอยู่กับ จานเบรก เพื่อกดผ้าเบรก (Brake Pads) ให้สัมผัสจานเบรก เพื่อให้รถหยุดหรือชะลอความเร็วลง เพราะว่า ผ้าเบรกสัมผัสกับจานเบรกตั้งฉากกัน ขณะเบรกผ้าเบรกเคลื่อนเข้าสัมผัสจานเบรก การหมุนของจานเบรก จะเหวี่ยงให้ผ้าเบรกถอยตัวออกเล็กน้อย ผ้าเบรกถอยกลับเองโดยไม่ต้องมีสปริงดึงผ้าเบรกกลับ หรือจะ พูดว่าเบรกดิสก์เป็นระบบตั้งเบรกอัตโนมัติ ดังนั้นเบรกดิสก์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจึงไม่ต้องมีการตั้งเบรก เหมือนกับเบรกดรัม เพราะว่าเมื่อปล่อยเบรก แรงเบรกที่กระทำต่อผ้าเบรกเพียงแค่คลายลง ระยะฟรีผ้า เบรกก็จะมีเล็กน้อยพอดี วงจรท่ี 1 วงจรที่ 2 จานเบรกดิสก์ กระทะเบรกดรัม เรือนเบรกดิสก์ จานเบรกดิสก์ รูปท่ี 12.1 ส่วนประกอบเบรกรถยนต์ ล้อหน้าเบรกดิสกล์ อ้ หลังเบรกดรัม ต่อทอ่ แยกวงจร (Werner Schwoch)

งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 173 12.1 การทำงานและคณุ สมบตั เิ บรกดสิ ก์ แมป่ ๊มั เบรก สปริงดงึ กลับ 12.1.1 การทำงานเบรกดสิ ก์ การใช้เบรกดิสก์จะกำจัดการเบรกไม่อยู่ และ ให้เสถียรภาพการเบรกและความปลอดภัยได้ดี ถึงแม ้ เหยยี บเบรก ที่ความเร็วรถสูง ๆ ผ้าเบรก จานเบรกของเบรกดิสก์เป็นรูปจานแบน ซึ่ง จานเบรก หมุนไปพร้อมกับล้อรถ ทำด้วยเหล็กหล่อสีเทา การ เบรกกระทำโดยการที่ลูกสูบออกแรงดันผ้าเบรกต้าน รปู ท่ี 12.2 การแบ่งความดันนำ้ มนั เบรก การหมุนของจานเบรกทั้ง 2 ด้าน กา้ มปเู บรก รถน่ังและรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่เบรกหน้า เป็นเบรกดิสก์ เบรกหลังเป็นเบรกดรัม มีช่องทางเดิน น้ำมันเบรกอยู่ภายในทั้งซ้ายและขวา หรือมีท่อเชื่อม จากภายนอก ท่อนำ้ มนั เบรก ขณะเหยียบเบรก ผ้าเบรกถูกลูกสูบเบรกอัด 12 ลกู สูบ สกรไู ลล่ ม ให้บีบจานเบรก แต่เนื่องจากพื้นที่สัมผัสจานเบรก ผา้ เบรก จานเบรก น้อยกว่าของเบรกดรัม ผ้าเบรกไม่มีกลไกเสริมแรงจับ จานเบรกเหมือนระบบเบรกดรัม จึงต้องการแรงเบรก รปู ที่ 12.3 เบรกดิสกต์ ำแหนง่ ปลอ่ ยเบรก มากกว่าเบรกดรัม วงจรเบรกดิสก์จึงต้องเพิ่มแรง เหยียบเบรกด้วยหม้อลมเบรก กา้ มปเู บรก กรณีอุณหภูมิภายในเบรกสูง ทำให ้ ประสิทธิภาพเบรกลดลง สำหรับระบบเบรกดิสก์เป็น น้อย เพราะระบายความร้อนออกไปกับอากาศปะทะ ได้มาก หรือออกแบบให้จานเบรกมีครีบระบาย ความร้อน แม้การขยายตัวของจานเบรกจากความร้อน ก็ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของเบรก เพราะจานเบรก ดิสก์ถูกผ้าเบรกบีบด้านข้าง จะยิ่งทำให้เกิดการเสริม ทอ่ นำ้ มนั เบรก แรงกดเสียอีก โอกาสที่เบรกไม่อยู่เนื่องจากเบรกร้อน สกรูไลล่ ม จัด (Brake Fade) จึงไม่เกิดกับเบรกดิสก์ จานเบรก รูปท่ี 12.4 เบรกดสิ กต์ ำแหน่งเหยยี บเบรก

174 งานเครอื่ งล่างรถยนต์ ก้ามปูเบรก 12.1.2 ข้อดีของเบรกดิสก์ ร่องแหวนยาง ลกู สูบ 1. เนื่องจากเบรกดิสก์ติดตั้งแบบเปิดโล่ง จึง น้ำมันเบรก ระบายความร้อนได้ดี การเบรกไม่อยู่เกิดขึ้น ยาก ดังนั้นจึงสามารถรักษาสมรรถนะในการ ยางกันฝุน่ กระบอกสบู เบรกไว้ได้ดี ถึงแม้จะมีการเบรกหลาย ๆ ครั้ง แหวนยาง ในขณะขับรถที่ความเร็วสูง และสลัดน้ำออก ได้ดีกรณีขับรถลุยน้ำ รูปท่ี 12.5 ตำแหนง่ เบรกทำงาน ลูกสูบเคลื่อนที่ออก 2. เมื่อเปรียบเทียบกับเบรกดรัม ที่กระทะเบรก เหน่ยี วแหวนยางออกไปดว้ ย เกิดการขยายตัวเนื่องจากความร้อน จะมีระยะ ห่างผ้าเบรกเพิ่มขึ้น แต่เบรกดิสก์กลับทำให้ กา้ มปเู บรก ระยะห่างลดลง ระยะความสูงสำรองของคัน ร่องแหวนยาง เหยียบเบรกไม่มีผลเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก ลูกสูบ ความร้อนหรือการสึกหรอของผ้าเบรก 3. โครงสร้างเป็นแบบง่าย สามารถให้การบริการ ยางกนั ฝนุ่ กระบอกสบู หรือเปลี่ยนผ้าเบรกได้ง่าย แหวนยาง 4. การทำงานของผ้าเบรก ไม่มีการเพิ่มกำลังใน เบรกเอง สมรรถนะในการเบรกระหว่างข้าง ซ้ายและข้างขวาจึงไม่แตกต่างกัน ทำให้ช่วย ลดการดงึ ไปขา้ งใดขา้ งหนง่ึ ในขณะทำการเบรก ได้ 12.1.3 ข้อเสียของเบรกดิสก์ 1. เนื่องจากพื้นผิวหน้าสัมผัสของผ้าเบรกมีน้อย จงึ ตอ้ งการแรงเบรก (แรงเหยยี บเบรก) มากกว่า ตอ้ งใชผ้ า้ เบรกทม่ี คี วามฝดื มากกวา่ และทนตอ่ ความร้อนได้สูง 2. เพราะไม่มีการเพิ่มกำลังในเบรกเอง จึงต้อง การความดันน้ำมันเบรกสูงกว่าเบรกดรัม เพื่อ จะใหม้ ผี ลในการเบรกไดด้ ี จงึ ตอ้ งใชแ้ รงเหยยี บ เบรกมากกว่า หรือต้องใช้หม้อลมเบรกช่วย รปู ท่ี 12.6 ตำแหน่งปลอ่ ยเบรก แหวนยางเบรกสปริงตัว กลบั คืนสภาพเดิม ดึงลกู สบู กลับคืนเล็กน้อย

งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 175 12.2 ประเภทกา้ มปเู บรกและประสทิ ธภิ าพเบรกดสิ ก์ จานเบรก 12.2.1 ก้ามปูเบรกแบบลอยตัว ลูกสูบ (Float Caliper Type) B A 1. ตำแหน่งเหยียบเบรก B เมื่อเหยียบเบรก มีความดันน้ำมันเบรก กระบอกเบรก ไปยังกระบอกเบรก ลูกสูบจะเคลื่อนไปตามทิศ ผา้ เบรก แหวนยาง ทางที่ลูกศร A ดันผ้าเบรกต้านกับจานเบรก ยางกนั ฝนุ่ ในเวลาเดียวกัน ความดันน้ำมันเบรกจะออกแรง ต้านกับกระบอกเบรกและก้ามปูเบรกให้เคลื่อนที่ รูปท่ี 12.7 ภาพตัดก้ามปูเบรกแบบลอยตวั ไปตามทิศทางที่ลูกศร B ดังนั้นผ้าเบรกด้าน ตรงกันข้ามจะดันต้านกับจานเบรก นั่นคือ ก้ามปูเบรก นำ้ มนั เบรก ผ้าเบรกทั้ง 2 ด้านจะยึดจับจานเบรกพร้อมกัน เคลอื่ นท ่ี [ กระบอก เบรก 2. ตำแหน่งปล่อยเบรก ผา้ เบรก ลกู สูบ เมอ่ื ปล่อยเบรก ความดนั นำ้ มันเบรกใน 12 จานเบรก ขาเล่อื น กระบอกเบรกหมดลง แหวนยางซึ่งมีแรงยืดไป กับลูกสูบจะคืนกลับสู่ตำแหน่งเดิม และดึง รปู ท่ี 12.8 ตำแหนง่ เหยียบเบรก ลูกสูบให้คืนกลับด้วย ลูกสูบจึงคืนกลับตามการ ยืดหยุ่นของแหวนยาง และสัมพันธ์กับการรักษา ระยะห่างของผ้าเบรกกับจานเบรกด้วย ตำแหนง่ เหยียบเบรก ตำแหน่งปลอ่ ยเบรก หมายเหตุ ก้ามปูเบรกแบบนี้ การทำงานของเบรก อาจติดขัด ถ้าการเคลื่อนที่ของก้ามป ู เบรกไม่คล่องตัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง มีการตรวจสอบชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ตาม ระยะเวลา รปู ที่ 12.9 การยืดหยุ่นของแหวนยาง

176 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ 12.2.2 ก้ามปูเบรกแบบตายตัว (Fixed Caliper Type) ก้ามปไู มเ่ คลือ่ นที่ น้ำมันเบรก 1. ตำแหน่งเหยียบเบรก ลกู สบู ผา้ เบรก กระบอกเบรก จานเบรก เมื่อเหยียบเบรก น้ำมันเบรกจะดันลูกสูบใน กา้ มปเู บรกใหเ้ คลอ่ื นท ่ี ผา้ เบรกจงึ ไปดนั ตา้ นกบั จานเบรก รปู ที่ 12.10 ก้ามปเู บรกแบบตายตัว ดังรูปที่ 12.10 ตำแหน่งเหยียบเบรก 2. ตำแหน่งปล่อยเบรก เมื่อปล่อยเบรก ความดันลดลง แหวนยางจะดึง ลูกสูบคืนกลับไปสู่ตำแหน่งเดิม ทำให้รักษาระยะห่าง ที่ถูกต้องของผ้าเบรกกับจานเบรกไว้ได้ ดังรูปที่ 12.11 หมายเหตุ ก้ามปูเบรกแบบตายตัว มีทั้งแบบ 2 กระบอก เบรก และแบบ 4 กระบอกเบรก (2 สูบต่อ 1 ข้าง) ตำแหน่งปล่อยเบรก 3. การยืดหยุ่นปรับตั้งระยะห่างในตัวเอง รปู ท่ี 12.11 การยืดหยนุ่ ปรบั ตัง้ ระยะห่างในตวั เอง เมื่อผ้าเบรกเกิดการสึกหรอ ระยะทางการ เคลอ่ื นทข่ี องลกู สบู จะเพม่ิ ขน้ึ การยดื หยนุ่ ของแหวนยาง 1 0%0 เบรกดสิ ก์ ก็จะปกติ เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ต้านกับผ้าเบรก และ 80 ไม่สามารถเคลื่อนต่อไปอีก การลื่นระหว่างแหวนยาง 60 กับลูกสูบก็จะหยุด ดังนั้นจึงทำให้ระยะห่างระหว่าง 40 ผ้าเบรกกับจานเบรกคงรักษาระยะห่างตามค่าที่กำหนด 20 เบรกดรมั ไว้เช่นเดิม 01 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 4. เปรียบเทียบประสิทธิภาพเบรก เหยยี บเบรก (ครง้ั /นาที) จากรูปซ้ายมือ แนวตั้งแสดงถึงประสิทธิภาพ รปู ที่ 12.12 เปรียบเทยี บประสิทธภิ าพเบรก การเบรก 100% ขณะอุณหภูมิปกติ เส้นแนวนอน แสดงถึงจำนวนครั้งในการเบรกต่อ 1 นาที ขณะขับรถ ด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. จะเห็นได้ว่า ประสิทธิภาพเบรกดุมตกลงมาก ประมาณ 60% ขณะที่ประสิทธิภาพของเบรกดิสก์ยัง คงมีประสิทธิภาพในการเบรกเกือบคงที่ ตกลงเพียง ประมาณ 20%

งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 177 12.3 จานเบรกดสิ กแ์ ละผา้ เบรกพรอ้ มสญั ญาณเตอื นผา้ เบรกสกึ เบรกดิสกส์ ลดั นำ้ 1. การสลัดนำ้ ออกจากเบรกดรัมและเบรกดิสก์ เบรกดรัมสลัดนำ้ ออกง่าย ออกยาก ขณะที่ขับขี่รถลุยน้ำและผ้าเบรกเปียก จะทำให ้ ค่าสัมประสิทธิ์ความฝืดของผ้าเบรกลดลง อันเนื่อง ฝักเบรก ผา้ เบรก มาจากการลื่นเพราะน้ำ เนื่องจากกระทะเบรกดรัมเป็นทรงกระบอก กระทะเบรกดรมั จานเบรก สลัดน้ำออกยาก แต่น้ำที่กระเด็นถูกจานเบรกดิสก ์ ผ้าเบรก ดสิ ก์ สามารถที่จะขจัดออกไปได้ง่าย โดยอาศัยแรงเหวี่ยงหนี ศูนย์กลาง ช่วยลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเบรก 2. จานเบรกดสิ ก ์ (Disc Rotors) รปู ที่ 12.13 การสลดั นำ้ ของเบรกดรัมและเบรกดสิ ก์ โดยทั่วไปจานเบรกจะทำจากเหล็กหล่อสีเทา แบบธรรมดา แบบมีชอ่ งระบายอากาศ หนา 18-20 มม. มีทั้งแบบมีช่องระบายอากาศและแบบ 12 รปู ท่ี 12.14 จานเบรกดิสก์ 2 แบบ ไม่มีช่องระบายอากาศ ผา้ เบรก จานเบรกแบบมีช่องระบายอากาศ ทำให้มีการ ระบายความร้อนได้ดี ป้องกันการลื่นของเบรก และช่วย ร่องหน้า ให้ผ้าเบรกมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน ผา้ เบรก แผน่ โลหะกนั เสียงเบรก 3. ผา้ เบรกดสิ ก ์ (Brake Pads) รูปที่ 12.15 ผ้าเบรกและแผน่ โลหะกันเสยี งเบรก ผ้าเบรกทำจากเส้นใยโลหะและสารเคลือบ (Resin) ประกอบด้วยผงโลหะเล็ก ๆ จึงเรียกว่าแบบกึ่ง โลหะ (Semi-Metallic Disc Pad) ร่องที่อยู่หน้าแผ่นผ้า เบรก เป็นตัวแสดงความหนาของผ้าเบรก (ค่าจำกัดการ ใช้งาน) ดังนั้นการสึกหรอของผ้าเบรกจึงตรวจสอบได ้ จากร่องหน้าผ้าเบรก ข้อสังเกต ผ้าเบรกดิสก์จะมีแผ่นโลหะกันเสียงเบรก (Antisqural Shim) ประกอบอยู่หลังแผ่น ผ้าเบรกด้านที่สัมผัสกับลูกสูบเบรก เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเสียงดังจากเบรก

178 งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ แผ่นเตือนผา้ เบรกสึก แผ่นโลหะกนั เสียงเบรก จานเบรก กา้ มปเู บรก ผา้ เบรก รูปที่ 12.16 ตำแหน่งแผ่นเตือนผ้าเบรกสึกและแผ่นโลหะกันเสียงเบรก แผ่นเตอื นผา้ เบรกสกึ 4. สัญญาณเตือนผ้าเบรกสึก 2 แบบ ผ้าเบรกใหมย่ งั หนา ผ้าเบรกสกึ เบรกดิสก์จะติดสัญญาณเตือนผ้าเบรกสึก (Brake Pad Wear Indicator) ให้รู้ถึงพิกัดการสึกหรอ แผน่ เตือน จานเบรก สงู สดุ ของผา้ เบรก เปน็ แผน่ โลหะเตอื นผา้ เบรกสกึ หรอื ผา้ เบรกสกึ มหี ลอดไฟเตอื นอยทู่ ห่ี นา้ ปดั เหมอื นกบั ไฟเตอื นไฟชารจ์ หรือไฟเตือนน้ำมันเครื่อง ที่แผ่นเบรกจะติดแผ่นเตือน รูปที่ 12.17 แผ่นเตือนผ้าเบรกสึกและเซนเซอร์ ผ้าเบรกสึก เมื่อระบบเบรกทำงานและแผ่นเบรกสึก ผ้าเบรกสึก สัมผัสกับดินจะเกิดการต่อหรือตัดวงจร เมื่อถึงจุด กำหนดการสึกของแผ่นเบรก โดยทั่วไปสัญญาณจะ แผน่ ด้านนอก แผน่ โลหะกันเสียงเบรก เตือนเมื่อผ้าเบรกสึกไปเหลือความหนาประมาณ 2 มม. การเปลี่ยนแผ่นเบรกใหม่ทุก ๆ ครั้ง ให้ตรวจเซนเซอร ์ หรือใชแ้ ผ่นยาง แผน่ ดา้ นใน ทุกครั้ง กนั เสยี งเบรก 5. แผ่นโลหะกันเสียงเบรก รูปที่ 12.18 แผ่นยางและแผ่นโลหะกันเสียงเบรก เมื่อเหยียบเบรกจะทำให้เกิดความเสียดทาน ระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรก เป็นต้นเหตุให้ผ้าเบรกสั่น การปะทะกันระหว่างจานเบรกกับผ้าเบรกทำให้เกิด เสียงดัง จึงติดตั้งแผ่นโลหะกันเสียงเบรก (Anti-squeal Shims) ไว้หลังผ้าเบรก เบรกดิสก์บางรุ่นติดแผ่นยางกันเสียงเบรก และบางชนิดใช้แผ่นยาง 2 ชั้น ป้องกันเสียงเบรก

งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 179 12.4 การเปล่ียนผา้ เบรกดิสก์ (โตโยตา้ ไฮลกั ซ์) 400 กก.-ซม. (24 ฟุต-ปอนด์) แผ่นรับแรงบดิ 1,100 กก.-ซม. แผน่ กันเสียงตัวใน ผา้ เบรก สปรงิ กนั เสยี ง แผ่นกันเสยี งตวั นอก แผ่นเตือนผา้ เบรกสึก แผ่นเตือนผา้ เบรกสกึ แผ่นรองผ้าเบรก 12 ลูกสูบ ยางกันสึก แหวนยาง ปลอก ยางกนั ฝุน่ บชุ เลอื่ น แหวนล็อก เหลก็ ตดิ ผา้ เบรก ผ้าเบรก ขอ้ แนะนำ ปลายแผน่ เตอื นผา้ เบรก จานเบรก ถ้ามีเสียงดังขึ้นจากเบรกหน้าขณะขับรถ สเสึกียสงดัมงัผัส จานเบรกเก ิด เสยี งดงั ให้ตรวจแผ่นเตือนผ้าเบรกสึก ถ้าปลาย ของแผ่นเตือนสัมผัสกับจานเบรก ให้ เปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ เพราะแสดงว่า ผ้า เบรกสึกหรอ เหลือบาง ไม่ควรใช้งาน ตอ่ ไป

180 งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 1. การถอดล้อรถ 1) คลายนอตลอ้ ทกุ ตัว 2) ยกล้อลอยบนขาตัง้ แลว้ ถอดลอ้ หนา้ 2. ตรวจความหนาของผ้าเบรก 1) หาช่องตรวจความหนาผ้าเบรก 2) ตรวจความหนาผา้ เบรก ผา้ เบรกหนาไม่นอ้ ยกว่า 1.0 มม. 3. การถอดกา้ มปูเบรก 1) ถอดสกรยู ึดกา้ มปเู บรก 2) ยกก้ามปูเบรกขนึ้ และหอ้ ยไว้ โดยอย่าให้ ทอ่ ยางเบรกตงึ ข้อแนะนำ อย่าถอดท่อนำ้ มนั เบรก 4. การถอดชิ้นสว่ นต่อไปพร้อมตรวจสภาพ 1) สปรงิ แผ่นกนั เสยี ง 2 ตัว 2) ผ้าเบรกดสิ ก์ 2 แผน่ 3) แผน่ กนั เสียง 2 แผน่ 4) แผ่นเตอื นผ้าเบรกสึก 2 แผน่ 5) แผ่นรองผ้าเบรก 4 แผ่น 5. การวัดความหนาของจานเบรกดสิ ก์ 1) ตรวจสภาพผิวจานเบรกดว้ ยตาเปล่า 2) ใชไ้ มโครมิเตอรว์ ัดความหนาจานเบรก บางกว่าของใหมไ่ ม่เกนิ 2.0 มม.

งานเครอื่ งลา่ งรถยนต์ 181 6. การตรวจความบิดเบี้ยวของจานเบรกดิสก์ 1) ติดตั้งนาฬิกาวัดสมั ผัสจานเบรก หา่ งจาก ขอบนอกสดุ จานเบรก 10 มม. 2) หมนุ จานเบรกช้า ๆ ตรวจความบดิ เบ้ียว เบย้ี วไมเ่ กนิ 0.05 มม. ผา้ เบรกดิสก์ 7. การตรวจความหนาของผ้าเบรกดสิ ก์ กำหนดให้ 10.0 มม. ยอมให้บางสุด 1.0 มม. 8. การประกอบผา้ เบรกใหม่ 12 1) ประกอบแผ่นเตอื นผา้ เบรกสึกเข้ากับผ้าเบรก 2) ประกอบแผ่นกันเสียงตัวนอกเขา้ กับผ้าเบรก อนั นอก 3) ประกอบผ้าเบรก 4) ประกอบทกุ ชนิ้ ส่วนยอ้ นกับการถอดจนครบ 9. วดั ความหนาผ้าเบรกดสิ ก์ คา่ ความหนามาตรฐาน : 9.5 มม. กำหนดให้ ผลการวัด สภาพ (มม.) (มม.) (ดี/ไมด่ )ี ไมบ่ างกวา่ 3.0

182 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 12 เร่ือง ระบบเบรกดิสก์และการตรวจซอ่ ม ตอนท่ี 1 จงเตมิ ขอ้ ความการทำงานเบรกดิสก ์ พร้อมขอ้ ดีขอ้ เสียของเบรกดสิ ก์ 1. จงเขยี นชื่อสว่ นประกอบ j = ………………………….…............... k = ………………………….…............... l = ………………………….…................ n j k l m j kn l m m = ………………………….…................ n = ………………………….…................ ประเภทก้ามปูเบรก แบบตายตวั แบบลอยตัว จำนวนลูกสูบ 2. ตำแหนง่ เหยียบเบรกและตำแหนง่ ปล่อยเบรก ทำงานอย่างไร ตำแหนง่ เหยยี บเบรก …………………….......................…….…................ …………………….......................…….…................ ตำแหน่งปล่อยเบรก …………………………........................…................ …………………………........................…................ 3. ทำไมไม่ตอ้ งรักษาความดนั นำ้ มันเบรกไวใ้ นวงจรเบรก ................................................................................................................................................................................................ 4. ถ้าใช้ล้นิ แมป่ ๊ัมเบรกดรมั ในแมป่ ั๊มเบรกดสิ ก์ จะเกดิ อะไรขนึ้ ................................................................................................................................................................................................ 5. เบรกดสิ กต์ ้านการเกดิ ฟองอากาศ (Vapor Lock) ในนำ้ มันเบรกไดอ้ ยา่ งไร ................................................................................................................................................................................................

งานเคร่ืองลา่ งรถยนต์ 183 6. จงเติมข้อความข้อดขี องเบรกดสิ ก์ต่อไปน้ี 12 1) ระบายความรอ้ นไดด้ ี เพราะ …………………………………………………………………….......................... 2) ทำความสะอาดตัวเองได้ดี เพราะ ……………………………………………………………….......................... 3) ตรวจสภาพการสึกหรอของผ้าเบรกได ้ …………………………………………………………......................... 4) เบรกไมอ่ ยู่เกดิ ข้นึ ยาก ดังนั้นจึงสามารถรักษา …………………………………………………........................ …………………………………………………………………………………………………………............................ 5) เมื่อเปรียบเทียบกับเบรกดรัม กรณีจานเบรกเกิดการขยายตัวเนื่องจากความร้อน จะมีการ เปลี่ยนแปลง ………………………………………………………………………………………........................... …………………………………………………………………………………………………………............................ …………………………………………………………………………………………………………............................ 6) โครงสรา้ งเป็นแบบง่าย ๆ สามารถให้การบรกิ าร หรอื ………………………………………..................... 7) การทำงานของเบรกดสิ ก์ไม่มกี ารเพ่ิมกำลงั ในตวั เอง ดว้ ยเหตนุ สี้ มรรถนะในการเบรก …………………………………………………………………………………………………………............................ …………………………………………………………………………………………………………............................ 7. จงเติมขอ้ ความขอ้ เสียของเบรกดสิ ก์ตอ่ ไปน้ี 1) ไม่มกี ารยดื หยนุ่ มีแรงกดจานเบรก …………………………………………………………….......................... 2) ผ้าเบรกสึกหรอ ……………………………………………………………………………………........................... 3) เนอื่ งจากพืน้ ผวิ หน้าสมั ผัสของผ้าเบรกมนี อ้ ย จงึ ต้องการแรงในการเบรก ………………....................... …………………………………………………………………………………………………………............................ …………………………………………………………………………………………………………............................ 4) เพราะว่าผลของการเพิ่มกำลังในตัวเองมีน้อย จึงต้องการความดันน้ำมันเบรกสูง เพื่อที่จะ …………………………………………………………………………………………………………............................ …………………………………………………………………………………………………………............................ 5) จากการที่ตดิ ตงั้ จานเบรกเปิดโลง่ จงึ ต้องระมัดระวงั ……………………………………….......................... …………………………………………………………………………………………………………............................ 8. เบรกดิสก์ใหแ้ รงมากกว่าเบรกดรัม คอื อะไร ขนาดรกู ระบอก …………………………………………………………………………………............................

184 งานเครอ่ื งลา่ งรถยนต์ ตอนท ี่ 2 จงทำเครอ่ื งหมายถกู (P) ลงหน้าข้อความที่ถูกตอ้ งทส่ี ดุ 1. ผา้ เบรกดิสกส์ มั ผสั จานเบรกลักษณะอย่างไร 6. ผ้าเบรกดิสก์มคี วามหนามาตรฐานก่ีมลิ ลิเมตร ก. ตามขนาน ก. 8 มม. ข. 9 มม. ค. 10 มม. ง. 11 มม. ข. ตามขวาง 7. ความหนาของจานเบรกมคี า่ มาตรฐาน ค. การสลัดนำ้ ตัง้ ฉาก กม่ี ลิ ลเิ มตร ง. การเปียกนำ้ แนวทแยง ก. 15 มม. ข. 16 มม. 2. อะไร ไม่ใช่ อุปกรณ์ภายในของเรือนเบรกดิสก์ ค. 17 มม. ง. 18 มม. ก. ผา้ เบรก ข. ยางหแู หนบ 8. แผน่ เตือนผา้ เบรกสกึ ตดิ ตง้ั ไว้ท่ีใด ค. กระบอกสูบ ง. ท่อทางเดินนำ้ มัน ก. ขอบจานเบรก 3. โดยท่ัวไปจานเบรกดิสกท์ ำมาจากอะไร ข. หนา้ จานเบรก ก. โลหะ ข. เรซิน ค. หนา้ ผา้ เบรก ค. เหลก็ หล่อสเี ทา ง. อะลมู ิเนียม ง. หลงั ผ้าเบรก 4. เพราะเหตใุ ดเบรกดิสกจ์ ึงไม่มีสปรงิ ดึงกา้ มเบรก 9. ตอ้ งเปลย่ี นผา้ เบรกใหมเ่ มอ่ื เหลอื ความหนา ก. ผา้ เบรกถอยหลงั กลบั เอง เทา่ ใด ข. ผา้ เบรกทนการเสยี ดสไี ด้ ก. 1.0 มม. ข. 2.0 มม. ค. เน้อื ที่คบั แคบ ค. 3.0 มม. ง. 4.0 มม. ง. อากาศผา่ นได้ 10. ความบดิ เบี้ยวของจานเบรกกำหนดให้ 5. เบรกดิสก์เปน็ ระบบตงั้ เบรกอัตโนมตั ิคอื อะไร กี่มลิ ลเิ มตร ก. มแี ผ่นเกบ็ เสยี ง ก. 0.02 มม. ข. 0.03 มม. ข. มแี รงตา้ นเบรก ค. 0.05 มม. ง. 0.07 มม. ค. ผ้าเบรกถอยหลังกลบั เอง ง. ตวั ยดึ ผา้ เบรกถอยเอง ตอนท ่ี 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนีใ้ หไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ 1. จงเขียนข้อดีของเบรกดิสก์มา 4 ข้อ 2. การสลัดน้ำออกจากเบรกดรัมและเบรกดิสก์เป็นอย่างไร 3. สัญญาณเตือนผ้าเบรกดิสก์สึก 2 แบบ เป็นอย่างไร 4. การตรวจความหนาของผ้าเบรกดิสก์ทำอย่างไร 5. จงสเกตช์ภาพการทำงานก้ามปูเบรกดิสก์ที่ประกอบด้วยเรือนเบรก กระบอกเบรก ลูกสูบเบรก ผ้าเบรก พร้อมแสดงลูกศรการเคลื่อนไหวก้ามปูเบรกและความดันน้ำมันเบรก

13งานเครอื่ งล่างรถยนต์ 185 หมอ้ สญุ ญากาศเบรกและการตรวจซอ่ ม สาระการเรียนรู้ 13.1 การใช้สุญญากาศเพิ่มแรงเบรก 13.2 ลำดับการทำงานของหม้อสุญญากาศเบรก 13.3 การตรวจปรับและไล่ลมเบรกรถยนต์ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายการใช้สุญญากาศเพิ่มแรงเบรกได้ 2. อธิบายลำดับการทำงานของหม้อสุญญากาศเบรกได้ 3. ปฏิบัติตรวจปรับและไล่ลมเบรกรถยนต์ได้ 4. เพื่อให้มีกิจนิสัยในการทำงานด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประณีต รอบคอบและตระหนักถึงความปลอดภัย

186 งานเครอ่ื งล่างรถยนต์ 13 หมอ้ สญุ ญากาศเบรก และการตรวจซอ่ ม บทนำ หม้อสุญญากาศเบรก (Brake Boster) เดิมเรียกว่าหม้อลมเบรก เพราะใช้แรงดูดสุญญากาศ ใน หน่วยการเรียนนี้จึงเรียกว่าหม้อสุญญากาศเบรก ใช้เพิ่มแรงเหยียบเบรก เพื่อให้เกิดแรงเบรกมากขึ้น เพราะเบรกดิสก์ไม่มีแรงเสริมการเบรกเหมือนเบรกดรัม ความสามารถในการทำงานของหม้อสุญญากาศเบรก จะเปลี่ยนไปตามขนาดพื้นที่ลูกสูบหม้อ สุญญากาศเบรก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุญญากาศที่กระทำ ถ้าหากมีพื้นที่ลูกสูบมาก จะทำให้เกิดกำลังในการเบรก มาก โดยปกติหม้อสุญญากาศเบรกจะเพิ่มแรงเป็น 2-5 เท่าของแรงเหยียบเบรกด้วยเท้า 8 ซม. 1. แรงกลไกคันเหยียบเบรก (Brake Pedal) หม้อสุญญากาศเบรก 200 กก. แรงหม้อสุญญากาศ 40 กก.เมื่อเหยียบเบรกด้วยแรง 40 กก. แรงจาก สุญญากาศ การเหยียบเบรกจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 กก. เพราะการ รูปที่ 13.1 แรงกลไกคันเหยียบเบรก40 ซม. ได้เปรียบเชิงกลของแขนแรงคันเหยียบเบรก ขอ้ ควรจำ รถยนต์ปัจจุบันสมรรถนะสูงขึ้นต้อง ใช้เบรกดิสก์เพิ่มประสิทธิภาพเบรก ด้วยหม้อสุญญากาศเบรก ทั้งรถนั่ง และรถบรรทุก (กก.) 2. กราฟสมรรถนะหมอ้ สญุ ญากาศเบรก 400 300 กราฟด้านซ้าย เป็นกราฟสมรรถนะหม้อ 200 สุญญากาศเบรกแบบลูกสูบเดียว ใช้กับรถนั่ง 100 ที่สุญญากาศเบรก 500 มม.-ปรอท แรงกระทำกับ หม้อสุญญากาศเบรกที่ 200 กก. (แนวนอน) แรง 0 50 100 150 200 กก. ที่ได้จากหม้อสุญญากาศเบรกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แรงกระทำ คือ 400 กก. (แนวดิ่ง) รูปที่ 13.2 กราฟสมรรถนะหม้อสุญญากาศเบรก ขอ้ สงั เกต ถ้าหม้อสุญญากาศเบรกไม่ทำงานต้อง เพิ่มแรงเหยียบเป็น 2 เท่าจึงจะได้แรง เบรกเท่าปกติ

งานเคร่อื งลา่ งรถยนต์ 187 13.1 การใชส้ ญุ ญากาศเพ่มิ แรงเบรก ลิ้นกันกลับ 1. ตำแหน่งลิ้นอากาศปิด (Air Valve) ไปท่อร่วมไอดี ขณะที่ลิ้นอากาศยังปิดอยู่และลิ้นกันกลับที่ (สุญญากาศ) ต่อจากท่อร่วมไอดีเปิด แรงดูดสุญญากาศจากท่อร่วม ลิ้นอากาศ ไอดีในห้อง A และห้อง B จะเท่ากันทั้ง 2 ห้อง ดังนั้น ปิด ไเบปรกกร ะ(นบ้ำอมกัน ลูกสูบหม้อสุญญากาศจึงถูกดันไปอยู่ทางด้านซ้ายด้วย แรงของสปริงหม้อสุญญากาศเบรก ห้อง A เบรก) ขอ้ สงั เกต ห้อง B แม่ปั๊มเบรก ทั้งห้อง A และห้อง B มีแรงดูดสุญญากาศ รูปที่ 14.3 ตำแหน่งลิ้นอากาศปิด ลิ้นกันกลับเปิด เท่ากัน จึงไม่มีแรงดันลูกสูบหม้อสุญญากาศ เบรก มีแต่แรงสปริงหม้อสุญญากาศเบรก ลกู สบู หมอ้ สญุ ญากาศ 2. ตำแหนง่ ลน้ิ อากาศเปดิ 13 ลิ้นอากาศเปิด เมื่อเหยียบเบรก ลิ้นอากาศจะเปิด อากาศจาก ห้อง A ห้อง B ภายนอกจะเข้าไปในห้อง A เกิดความแตกต่างของ รูปที่ 13.4 ตำแหน่งลิ้นอากาศเปิด ลิ้นกันกลับปิด ความดันขึ้นระหว่างห้อง A และห้อง B ลูกสูบหม้อ สุญญากาศจึงเคลื่อนที่ไปทางด้านขวาต้านกับแรงของ สปริง เกิดแรงดันให้ลูกสูบของแม่ปั๊มเบรกเคลื่อนที่ไป ทางเดียวกัน แรงจากการเคลื่อนที่ลูกสูบในแม่ปั๊มเบรก จะอัดน้ำมันเบรกให้มีความดันสูง จ่ายไปยังกระบอก เบรกที่ล้อต่าง ๆ เท่ากัน ด้านต่อท่อร่วมไอดี 3. ลิน้ กันกลับหม้อสญุ ญากาศเบรก (Check Valve) ลิ้นกันกลับต่อระหว่างท่อร่วมไอดีกับหม้อ สุญญากาศเบรก เพื่อใช้สุญญากาศจากท่อร่วมไอด ี รักษาสุญญากาศในระบบไว้เมื่อเครื่องยนต์ดับ หรือ แรงสุญญากาศท่อไอดีตกต่ำ เช่น ท่อไอดีรั่วหรือหลุด รูปที่ 13.5 ทดสอบลิ้นกันกลับหม้อสุญญากาศเบรก

188 งานเคร่ืองล่างรถยนต์ กจิ กรรมท ่ี 13 จงบอกช่ือสว่ นประกอบและอธิบายหลกั การทำงานของ หมอ้ สุญญากาศเบรก 4 1. จงเขียนชอ่ื สว่ นประกอบวงจรเบรก 3 21 1 = ………………………………………. 2 = ………………………………………. 3 = ………………………………………. 4 = ………………………………………. แป้นเหยียบ 2. จงเขียนช่ือส่วนประกอบหม้อสุญญากาศเบรก เบรก 24 แมป่ ม๊ั เบรก 1 = ………………………………………. 5 31 2 = ………………………………………. 3 = ………………………………………. อากาศ สุญญากาศจากท่อร่วมไอดี 4 = ………………………………………. ภายนอก 5 = ………………………………………. 3. จงอธิบายการทำงานภายในหมอ้ สุญญากาศเบรก แสดงการไหลของอากาศทั้งตำแหน่งปล่อยเบรก และเหยียบเบรกด้วยลูกศร สุญญากาศจากท่อร่วมไอดี สุญญากาศจากท่อร่วมไอดี อากาศ อากาศ ภายนอก ภายนอก ตำแหน่งปล่อยเบรก ตำแหน่งเหยียบเบรก สภาวะในหม้อลมเบรกทั้ง 2 ด้านของลูกสูบ อากาศ …………….......… ผ่านเข้าทางด้านซ้ายของ ไดอะแฟรมมี …………...…..… เท่ากัน คือแรง ลูกสูบ หม้อสุญญากาศเบรกเกิดความต่างศักย์ของ ……………………..… จึงไม่มี ……………..… ……………………… จึงมี …………............…………

งานเคร่ืองล่างรถยนต์ 189 13.2 ลำดับการทำงานของหมอ้ สุญญากาศเบรก รูปที่ 13.6 ตำแหน่งยังไม่ทำงาน 1. การเพิ่มแรงเบรก (Power Assist) รถท่ีใช้เบรกดิสก์และรถบรรทุกท้ังขนาดเล็กและขนาด ใหญ่ ต้องเสริมแรงเหยียบเบรก คือใช้แรงสุญญากาศเพิ่มแรง เหยียบเบรกให้มากขึน้ การเหยียบเบรกเป็นเพียงเปิดลิน้ ใหก้ ำลงั จากแหลง่ อื่นดันน้ำมนั เบรกแทนแรงกล้ามเนื้อจากนอ่ ง สำหรับการเพิ่มแรงเบรกดว้ ยสญุ ญากาศรถน่งั ใช้หมอ้ สญุ ญากาศตดิ กบั แม่ป๊ัมเบรก (Integral Type) สุญญากาศได้จาก ท่อไอดขี องเครื่องยนต ์ หากแรงดูดอากาศไมพ่ อ เช่น เครอื่ งยนต ์ ดเี ซลต้องมีปัม๊ สญุ ญากาศเพ่มิ ข้นึ ความดันอากาศปกติ สญุ ญากาศ รูปที่ 13.7 ตำแหน่งทำงานปานกลาง 2. หลกั การทำงาน 13 รูปที่ 13.8 ตำแหน่งทำงานเต็มที่ หมอ้ สญุ ญากาศเบรกมแี ผน่ ไดอะแฟรมทำดว้ ยยาง หรอื ลกู สูบกนั้ เป็น 2 ห้อง ไมใ่ หอ้ ากาศรว่ั ซมึ ระหวา่ งหอ้ งนน้ั ขณะ ไมเ่ หยยี บเบรก ลนิ้ สญุ ญากาศเปิด สญุ ญากาศทงั้ 2 หอ้ งสงู เทา่ กัน ประมาณ 0.8 บาร ์ สปรงิ ดนั แผน่ ไดอะแฟรมใหเ้ คลอ่ื นทก่ี ลบั จนสดุ เมือ่ เริม่ เหยยี บเบรก กา้ นดันขาเหยียบเบรกจะดนั ลกู ยางไปชนกับแผ่นรองไดอะแฟรม ปิดชอ่ งสุญญากาศ แตเ่ ปดิ ช่องให้อากาศภายนอกเขา้ ด้านหลังไดอะแฟรม เกดิ ความดนั แตกตา่ งกัน สญุ ญากาศจึงดูดแผน่ ไดอะแฟรมต้านแรงสปรงิ เปน็ การเพ่ิมแรงเบรก ดันลูกสูบแม่ปมั๊ เบรก หากเหยยี บเบรกปานกลาง ความดนั นำ้ มนั เบรกควบคมุ ด้วยแผ่นรองรบั (Reaction Disc) ตามแรงปฏกิ ริ ิยาต้านกลับของ ความดันนำ้ มนั เบรก หากเหยียบเบรกคา้ งไว้ ลน้ิ บรรยากาศจะ ปดิ ใหอ้ ากาศเข้าเพียงเล็กน้อย พอเหยยี บเบรกเตม็ ที่ อากาศภายนอกเขา้ ไปในหมอ้ สญุ ญากาศดา้ นหลงั แผ่นไดอะแฟรมอย่างเต็มที่ แผน่ ไดอะแฟรม จึงถูกสุญญากาศดูดจนแกนยันไปยนั ลกู สบู เบรกไดเ้ ตม็ กำลัง เม่อื ปล่อยเบรก สปรงิ จะดนั แผน่ ไดอะแฟรมกลบั ทเี่ ดิม ปดิ ชอ่ งอากาศ เปดิ ช่องสญุ ญากาศ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั แผน่ ไดอะแฟรมเป็นสญุ ญากาศเชน่ กนั หม้อสุญญากาศเบรกหยุด ทำงาน

190 งานเครอื่ งล่างรถยนต์ 13.3 การตรวจปรับและไล่ลมเบรกรถยนต์ หม้อสุญญากาศเบรก 13.3.1 การตรวจปรบั ที่แป้นเหยียบเบรก สวิตช์ไฟเบรก ก้านดัน 1. ตรวจความสูงแป้นเหยยี บเบรก ความสูงของแป้นเหยียบเบรกจากพ้ืนรถ ประมาณ 150-160 มม. 2. การปรบั ความสงู แปน้ เหยยี บเบรก 1) คลายนอตล็อกสวติ ช์ไฟเบรกออก 2) คลายสวิตช์ไฟเบรกออกให้เพยี งพอ 3) คลายนอตลอ็ กก้านดันหมอ้ สญุ ญากาศเบรก 4) ปรับตั้งความสูงแป้นเหยียบเบรก โดยการ หมุนกา้ นดัน 5) หมุนสวิตชไ์ ฟเบรกเขา้ จนกระท่ังสวิตช์ สัมผสั กับขาแป้นเหยียบเบรกเลก็ นอ้ ย ระยะความสูงแป้นเบรก 6) ขันนอตล็อกทงั้ คู่ให้แน่น 7) ตรวจสวิตช์ไฟเบรกทำงานขณะเหยยี บเบรก 8) หลังจากปรับตั้งความสูงแป้นเหยียบเบรก แล้ว ใหต้ รวจและปรับระยะฟรี ก้านดัน 3. การตรวจระยะฟรแี ป้นเหยียบเบรก 1) ดับเครื่องยนต์และเหยียบเบรกหลาย ๆ ครั้ง จนกระทัง่ ไมม่ สี ญุ ญากาศในหม้อสญุ ญากาศ เบรก 2) เหยียบเบรกจนกระทั่งเริ่มรู้สึกมีแรงต้าน ระยะฟรี 3-6 มม. 3) ถ้าไม่ถกู ต้องให้ปรบั ตงั้ ระยะฟรี 4) ติดเครอ่ื งยนต ์ และทดสอบระยะฟรี ระยะฟรีแป้น 5) ใหต้ รวจความสูงแป้นเหยียบเบรกอีกครง้ั เหยียบเบรก 3-6 มม.

ระยะเผื่อแปน้ เหยยี บเบรก งานเครื่องลา่ งรถยนต์ 191 4. การตรวจระยะเผ่ือแป้นเหยยี บเบรก 1) ปล่อยเบรกมือ 2) ติดเครื่องยนต์เหยียบเบรกสุด และวัดระยะเผื่อ แป้นเหยียบเบรก กำหนดให้ไม่น้อยกว่า 70-80 มม. ตรวจการทำงานหมอ้ สญุ ญากาศเบรก 5. การตรวจการทำงานของหมอ้ สุญญากาศเบรก 1) เหยียบเบรกหลาย ๆ ครัง้ ขณะทีเ่ คร่ืองยนต์ดบั ตรวจระยะเผื่อแป้นเหยียบเบรกไม่มีการเปลี่ยน แปลง 2) เหยียบเบรกไว้และติดเครื่องยนต์ ถ้าขาเบรก คอ่ ย ๆ ต่ำลง แสดงวา่ การทำงานเปน็ ปกติ ตรวจการรั่วสญุ ญากาศหม้อสญุ ญากาศเบรก 6. การตรวจการรัว่ สุญญากาศหม้อสญุ ญากาศเบรก 13 ด ี ไมด่ ี 1) ตดิ เครอ่ื งยนตแ์ ลว้ ดบั หลงั จากเดนิ เครอ่ื งประมาณ ครัง้ ท ี่ 3 1 หรอื 2 นาท ี เหยยี บเบรกลงจนสุด เบรกจะสูง ครงั้ ท่ ี 1 คร้ังท ี่ 2 ขน้ึ ทลี ะนอ้ ยในการเหยยี บครง้ั ท ่ี 2 และ 3 แสดง ว่าหม้อสญุ ญากาศเบรกไม่ร่วั ผา่ นได้ 2) เหยยี บเบรกในขณะทเ่ี ครอื่ งยนต์ทำงาน และดับ เคร่ืองยนต์พรอ้ มกับเหยยี บเบรกไว้ ถา้ ไม่มกี าร เปลี่ยนแปลงความสูงหลังจากการเหยียบเบรก ค้างไว้ 30 วินาที แสดงวา่ หม้อสญุ ญากาศเบรก ไมร่ ่วั 7. การตรวจลน้ิ กันกลับทอ่ หม้อสุญญากาศเบรก ลมเป่าจากดา้ น 1) ถอดลน้ิ กนั กลบั ออกจากทอ่ สญุ ญากาศ หมอ้ สุญญากาศ 2) ลมผา่ นจากดา้ นหมอ้ เบรกได้ ลมเป่าจาก ไม่ผา่ น 3) ลมผา่ นจากดา้ นเครอ่ื งยนตไ์ มไ่ ด้ ดา้ นเคร่ืองยนต์

192 งานเครือ่ งลา่ งรถยนต์ 13.3.2 การไล่ลมระบบเบรก เติมน้ำมันเบรก ขอ้ แนะนำ เหยียบเบรกค้าง ถ้ามีการถอดแยกแม่ปั๊มเบรกหรือน้ำมันเบรก ปล่อยเบรก หมด ให้เติมน้ำมันเบรกและไล่ลม เหยียบเบรกค้างไว้ 1. การตรวจระดับน้ำมันเบรกในกระปกุ น้ำมันเบรก ตรวจระดบั นำ้ มนั เบรกกอ่ น และหลงั จากไลล่ ม เบรกแตล่ ะล้อ เตมิ นำ้ มันเบรกตามความจำเป็น 2. การไล่ลมทแ่ี มป่ ม๊ั เบรก ขอ้ ควรระวงั อยา่ ปลอ่ ยใหน้ ำ้ มันเบรกเป้ือนสีรถ ให้ล้างออก ทันทถี ้าน้ำมนั เบรกเปือ้ น 1) ถอดท่อน้ำมันเบรกออกจากแม่ปัม๊ เบรก 2) เหยียบแป้นเบรกชา้ ๆ และค้างไว้ 3) ใช้นิ้วอดุ ทางออกของน้ำมันเบรกไว้ และปลอ่ ย แปน้ เบรกชา้ ๆ 4) ปฏิบตั ซิ ำ้ 3- 4 คร้ัง จนไม่มีฟองอากาศออก 5) ตอ่ ท่อน้ำมนั เบรกเข้ากับแมป่ ๊มั เบรก 3. การไล่ลมในระบบเบรก 1) ตอ่ ทอ่ ไล่ลมเขา้ กบั สกรูไลล่ มทีล่ อ้ 2) สอดปลายท่อไลล่ มอกี ขา้ งหนึง่ ในกระปอ๋ งไลล่ ม เบรก ทบี่ รรจุนำ้ มันเบรกเพียงครง่ึ กระปอ๋ ง ขอ้ แนะนำ เริ่มทำการไล่ลมออกจากกระบอกเบรกที่ล้อที่ ท่อทางน้ำมันเบรกยาวที่สุดก่อน (ไกลแม่ปั๊ม ที่สุด) 3) ให้ผู้ช่วยย้ำเบรกช้า ๆ หลาย ๆ ครั้ง แล้วเหยียบ ค้างไว้ 4) ขณะที่ผู้ช่วยเหยียบเบรกค้างไว้ ให้คลายสกรู ไล่ลมจนกระทั่งน้ำมันเบรกไหลออกหมด จาก นั้นปิดสกรูไล่ลม 5) ทำซ้ำจนกระทั่งไม่มีฟองอากาศในน้ำมันเบรก 6) ล็อกสกรูไล่ลม และเติมน้ำมันเบรกที่กระปุก น้ำมันเบรก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook