หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 1
ความเป็ นมาของการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบญั ญัติการศึกษา แห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ต้องการจัดการศึกษาให้ทั่วถึง และพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรม รวมถงึ การเปน็ พลเมืองท่ดี ีของชาติ สามารถดำรงชีวิตอยู่รว่ มกับผู้อ่ืนในสงั คมได้อยา่ งมีความสุข สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจึงได้ดำเนินการจัดทำหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ขึ้น และกระทรวงศึกษาธกิ ารได้ประกาศใช้หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๑ แล้ว เพื่อให้ใช้แทนหลักเกณฑ์และวิธีการจดั การศึกษานอกโรงเรียนตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เป็นไปตามหลักการและปรัชญาการศึกษานอกโรงเรียน นโยบายของรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และที่แก้ไข เพม่ิ เติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ พระราชบัญญัติสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั พ.ศ. ๒๕๕๑ และสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้เรียนที่อยู่นอกระบบ เพื่อให้มีคุณธรรม จริยธรรม มี สติปัญญา มีศักยภาพในการประกอบอาชีพ การศึกษาตลอดชีวิต ดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัว ชุมชน สังคม ได้ อย่างมีความสุข โดยสถานศึกษาต้องนำสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดในหลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ไปพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพ ปัญหา ความต้องการ ของผู้เรียน ชุมชน สังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถานศกึ ษาน้ัน ๆ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลักสูตรอิง มาตรฐาน (Standards-based curriculum) คือ เป็นหลักสูตรที่มาตรฐานเป็นเป้าหมายหรือสิ่งที่คาดหวังใน การพัฒนาผูเ้ รยี น โดยกำหนด โครงสร้าง เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ที่สะท้อนถึงสิง่ ท่ี ต้องการพัฒนาผู้เรียนที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจะต้องเชื่อมโยง มาตรฐานการเรียนรู้ ดงั นน้ั เพอื่ ใหก้ ารใช้หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ บรรลุถึงหลักการและจุดหมายที่กำหนดไว้ตามหลักสูตรดังกล่าว รวมทั้งสาระสำคัญที่กำหนดใน พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ และที่แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ท่ีนำไปสู่ การประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ บริบทของ สถานศึกษาซึ่งสถานศึกษาแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันจึงต้องจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาตามสาร ะและ มาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดในหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และสถานศึกษาพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจากส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหา ความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สงั คม นอกจากนี้ หลกั สูตรสถานศึกษาต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก เพ่ือเตรยี มคนใหส้ ามารถปรับตัว และดำรงชวี ิตอยูใ่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 1
การปรับปรุงและเพม่ิ เตมิ หลกั เกณฑ์การดาเนนิ งาน ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ พ.ศ.2564 ……………………………………………… ความเป็นมาและแนวคิด เป็นที่ยอมรบั กันโดยท่ัวไปว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนามนุษย์ นานาประเทศต่าง ก็พัฒนาคนในชาติของตนเองผ่านระบบการศึกษาเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปประเทศประสบปญั หา เชน่ ปัญหาความยากจน ปัญหาความแตกต่างกันทางด้านความคิด ปัญหาการใช้ความรุนแรง ปัญหาสังคมเด็กติด เกมส์ สารเสพตดิ และการพนนั ตา่ ง ๆ เป็นตน้ ปญั หาดังกล่าวสะทอ้ นถงึ ระบบการจัดการศึกษาของประเทศว่า การศกึ ษาได้ทำหน้าที่ของการเป็นเครอื่ งมือในการพฒั นามนุษยไ์ ด้เพยี งใด ในอีกด้านหนึ่ง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ กำหนดเป้าหมายให้ปีการศึกษาเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น ๑๒ ปี แต่จากการสำรวจภาวการณ์การมีงานทำ ของประชากร พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า แรงงานไทยอายุระหว่าง ๑๕-๕๙ ปี จำนวน ประมาณ ๒๕.๐๘ ล้านคน จากจำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๓๔.๘๕ ล้านคน เป็นผู้ที่ยังไม่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับดังกล่าวกับผลการจัดการศึกษาเพื่อยกระดับการศึกษาของ ประชาชนในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เฉพาะประชากรวัยแรงงาน ที่ยังไม่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๒ ปี รัฐบาลยังมี ภาระทต่ี ้องยกระดับการศกึ ษาของประชากร อีก ๒๕ ลา้ นคน ซึ่งเปน็ ความยากทจ่ี ะใหบ้ รรลุเปา้ หมายตามแผน ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่าการศึกษายังไม่สามารถช่วยให้ประชาชน บางสว่ นมคี วามรู้ มีความสามารถและมคี วามเปน็ อย่ทู ดี่ ีขึน้ ได้ รวมถึงการพฒั นาจติ ใจและจิตสำนึกในความเป็น คนดีได้ และเด็กและเยาชนส่วนหนึ่งต้องออกจากระบบการศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงานทำงานในสถาน ประกอบการทั้งๆที่ไม่มีทักษะฝีมือในการทำงาน และอีกส่วนหนึ่งปฏิเสธระบบการศึกษา ไปอยู่ในสถานที่สุ่ม เสี่ยงตอ่ การสร้างปัญหาทางสังคมตามมา สำนักงาน กศน. มีบทบาทในการพัฒนาประชาชนที่อยู่นอกระบบโรงเรียน จึงหามาตรการที่ จะทำใหก้ ารจดั การศึกษาเปน็ เครื่องมือในการพฒั นามนษุ ย์ไดอ้ ยา่ งแท้จริง และสามารถยกระดับการศึกษาของ แรงงานดังกล่าว เพื่อให้จำนวนประชากรของชาติมีระดบั การศกึ ษาเฉลี่ยสูงขึ้น โดยจะนำหลักการและแนวคดิ ในการจดั การศกึ ษานอกระบบมาใชใ้ ห้เป็นรูปธรรม หลกั การและแนวคดิ ดังกล่าวมีดว้ ยกัน ๕ ประการ คือ ๑) หลกั ความเสมอภาค ๒) หลกั การพฒั นาตนเองและการพงึ่ ตนเอง ๓) หลกั การบรู ณาการกับวิถีชวี ติ ๔) หลกั ความสอดคล้อง ๕) หลกั การเรียนรรู้ ว่ มกนั และการมีส่วนรว่ มของชมุ ชนสงั คม โดยจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินงานการศึกษานอกระบบขั้นพื้นฐานในบางเรื่อง ให้สามารถ ดำเนินการเพื่อยกระดับการศึกษาของประชากรไทยให้ได้ และมุ่งจัดการศึกษาที่ตอบโจทย์ของประชาชน ชุมชนและสังคม ยึดผู้เรียนเป็นเป้าหมาย โดยจะจัดให้มีโปรแกรมการเรียนที่หลากหลาย สอดคล้องกับการ ทำงาน การประกอบอาชีพของผู้เรียนเพื่อพัฒนาและยกระดับการทำงาน และการประกอบอาชีพของตนเอง หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 2
หรือต่อยอดการงานอาชีพ ด้วยแนวคิดและความจำเป็นดังกล่าว จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการศึกษาตาม หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ วัตถุประสงค์ 1. เพอื่ พัฒนาการจดั การศึกษาใหส้ อดคล้องกับความต้องการของผเู้ รยี นและบรบิ ทของชุมชน สังคม มากยงิ่ ขน้ึ ๒. เพ่อื เรง่ รัดการยกระดับปีการศึกษาเฉลย่ี ของประชาชน หลักเกณฑก์ ารดำเนนิ งานท่ปี รบั ปรุง เพ่ือให้สามารถจัดการศึกษาตามหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ บรรลุตามหลักการของหลักสูตรมากยิ่งขึ้น จึงปรับปรุงและเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การ ดำเนนิ งาน ในเร่อื งตา่ ง ๆ ดงั น้ี ๑. โครงสรา้ งหลักสตู ร โครงสรา้ งหลักสตู ร หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ จำนวนหน่วยกติ ที่ สาระการเรียนรู้ ประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย วิชาบงั คับ วชิ าเลอื ก วิชาบงั คบั วชิ าเลอื ก วชิ าบังคับ วชิ าเลือก ๑ ทกั ษะการเรยี นรู้ ๕ ๕ ๕ ๒ ความรพู้ ื้นฐาน ๑๒ ๑๖ ๒๐ ๓ การประกอบอาชีพ ๘ ๘ ๘ ๔ ทกั ษะการดำเนนิ ชวี ติ ๕ ๕ ๕ ๕ การพฒั นาสังคม ๖ ๖ ๖ รวม ๓๖ ๑๒ ๔๐ ๑๖ ๔๔ ๓๒ ๔๘ นก. ๕๖ นก. ๗๖ นก. กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต ๒๐๐ ชม. ๒๐๐ ชม. ๒๐๐ ชม. โครงสร้างหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ คงใช้ โครงสร้างเดมิ แต่จะปรับรายละเอยี ดภายใน ซง่ึ ไมก่ ระทบต่อมาตรฐานและสาระการเรียนรู้ในหลกั สตู ร ดงั น้ี 1.1วิชาบังคับ ๑.๑.๑ ปรบั เน้ือหาบางรายวิชาให้มคี วามทันสมยั และทนั ต่อการเปลยี่ นแปลง ๑.๑.๒ วิเคราะห์เนื้อหาที่ต้องรู้ในรายวิชาบังคับ และจัดทำสื่อเผยแพร่ให้สถานศึกษาและ ผเู้ รยี นนำไปใชใ้ นการเรียน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 3
๑.๒ วิชาเลือก วิชาเลือกจะแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ วิชาเลือกบังคับ และวิชาเลือกเสรี โดยกำหนด สัดส่วนดงั น้ี จำนวนหน่วยกิต ที่ สาระการเรยี นรู้ ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เลอื กบังคับ เลอื กเสรี เลือกบังคับ เลอื กเสรี เลอื กบงั คับ เลือกเสรี ๑ ทักษะการเรยี นรู้ - - - ๒ ความรพู้ ้ืนฐาน ๒ ๓ ๓ ๓ การประกอบอาชีพ - - - ๔ ทักษะการดำเนินชีวติ ๒ ๓ ๓ ๕ การพัฒนาสงั คม - - - รวม ๔๘ ๖ ๑๐ ๖ ๒๖ ๑๒ นก. ๑๖ นก. ๓๒ นก. ๑.๒.๑ วชิ าเลือกบังคบั เป็นวชิ าทพ่ี ฒั นาข้ึนตามนโยบายของประเทศ และเพอ่ื แกป้ ัญหาวิกฤต ของประเทศในเรอื่ งตา่ งๆ ในชว่ งแรก จะพฒั นาจำนวน ๒ วชิ า ทัง้ ๓ ระดบั คอื วิชาพลังงานไฟฟ้า ความรู้ทาง การเงิน และ การเรยี นรูส้ ภู้ ยั ธรรมชาติ ๑.๒.๒ วชิ าเลอื กเสรี เป็นวิชาทีส่ ถานศกึ ษาพัฒนาข้นึ เอง โดยใหย้ ึดหลักการในการพัฒนา คอื ๑) พัฒนาโปรแกรมการเรียน เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางและเปา้ หมายทางการเรียนของ ผู้เรียน สถานศึกษาจึงต้องวิเคราะห์ความต้องการ ความจำเป็น และความสนใจของผู้เรียน เพื่อออกแบบ โปรแกรมการเรียน ภายในโปรแกรมการเรยี นจะประกอบไปดว้ ยรายวิชาต่างๆ ทผ่ี ู้เรียนจะตอ้ งเรียนรู้ ๒) การพฒั นารายวชิ าในโปรแกรมการเรยี น สถานศึกษาควรดำเนนิ การร่วมกบั ผเู้ รียนและ ภูมิปัญญา ผู้รู้ หรือผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ จัดทำโปรแกรมการเรียนและพัฒนารายวิชา ต่างๆ ๒. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ๒.๑ ครู กศน. เป็นผ้อู อกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้กบั ผู้เรียนเป็นรายกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย และ รายบุคคล ( Individualized Education Program /Plan) ในขณะเดียวกนั ครแู ละผู้เรยี นตอ้ งร่วมกันใน การอภิปราย แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์และสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน อันจะทำให้ได้องค์ความรู้ ใหม่ๆ ๒.๒ ผู้เรียนใช้วิธีการเรียนรู้หลายวิธีผสมกันทั้งการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้แบบ ทางไกล การพบกลุ่ม การเข้าค่าย การสอนเสริม หรือ การเรียนโดยโครงงาน การเรียนรู้ที่หลากหลายวิธี จะต้องมีแผนการเรียนรู้ โดยครูและผู้เรียนจัดทำสัญญาการเรียนรู้ร่วมกัน และครูจะเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุน และกำกับใหก้ ารเรยี นร้ขู องผเู้ รยี นเปน็ ไปตามแผนและบรรลุเป้าหมาย ๓. สอ่ื ๓.๑ สื่อวิชาเลือกบังคับกลุ่มพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจัดทำ ต้นฉบบั หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 4
๓.๒ สื่อรายวิชาเลือกเสรี สถานศึกษาจัดทำหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี แล้วเสนอให้ คณะกรรมการของ สำนักงาน กศน.จังหวัดพิจารณา ตรวจสอบสอดคล้องของรายวิชากับโปรแกรมการเรียน สอดคล้องกับมาตรฐานของกลุ่มสาระในแต่ละระดับการศึกษา จากนั้น สำนักงาน กศน.จึงขอรหัสรายวิชาเลือกจากระบบ โปรแกรมรายวิชาเลอื ก ท้ังนี้ ไม่อนุญาตให้พัฒนารายวิชาเลือกทีเ่ รียนไดท้ ุกระดับการศกึ ษา ๓.๓ รปู แบบของสอ่ื มี ๒ รปู แบบ คือ แบบชดุ วชิ าและแบบเรยี นปลายเปิดโดยให้พิจารณา ตามธรรมชาติของวิชา ๓.๔ การจัดทำสื่อเสริมการเรียนรู้ กลุ่มพัฒนาการศึกษานอระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย และศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ร่วมกันผลิตสื่อเสริมการเรียนรู้ในเนื้อหาที่ยาก เพื่อเสริมความรู้ ความเข้าใจในการเรียนรายวิชาต่างๆ ๔. การวัดและประเมนิ ผล การวดั และประเมินผลจะแบ่งเปน็ ๒ สว่ น คอื ๔.๑ วิชาบังคบั สำนักงาน กศน.กำหนดสัดส่วนการวัดผลระหว่างภาคเรียนและปลายภาค เรียน เป็น ๖๐ : ๔๐ โดยวัดผลในเนื้อหาที่ต้องรู้ และจัดทำ Test Blueprint เฉพาะเนื้อหาที่ต้องรู้ Test Blueprint ดังกล่าว จะสอดคลอ้ งกบั การสอบ N-net ด้วย ๔.๒ วิชาเลือกบังคับ กำหนดสัดส่วนการวัดผลระหว่างภาคและปลายภาค คือ ๖๐ : ๔๐ โดยกล่มุ พฒั นาระบบการทดสอบจะเปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบดำเนนิ การจัดทำ Test Blueprint และจัดทำแบบทดสอบ ท้งั น้ี เพอ่ื ใหก้ ารจัดการเรียนการสอนและการวัดประเมนิ ผลมีมาตรฐานเดยี วกันท่วั ประเทศ ๔.๓ วิชาเลือกเสรี สถานศึกษาปรับปรุงระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรยี น โดยเพ่ิม เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 5
๕. การเทยี บโอนผลการเรียน สำนักงาน กศน. มีนโยบายให้ดำเนนิ การเทยี บโอนผลการเรยี นโดยใชว้ ิธีการต่าง ๆ คือ 5.1ปรับแนวทางการเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรต่างๆ ของการศึกษาในระบบให้ สามารถ เทียบโอนเขา้ ส่กู ารศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ 5.2พัฒนาเกณฑ์การเทยี บโอนกลุม่ อาชพี เช่น กลมุ่ อาชีพนวดแผนไทย กลุ่มอาชีพพนกั งาน รกั ษาความปลอดภัย เป็นต้น 5.3พัฒนาเกณฑ์การเทียบโอนจากหลักฐานการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ ที่หน่วยงานต่างๆ เปน็ ผู้ ประเมิน เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หรือกระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา ที่มีระบบ การประเมินคุณวุฒิวิชาชีพให้กับผู้ประกอบอาชีพ เพื่อมาจัดทำหลักเกณฑ์การเทียบโอนคุณวุฒิวิชาชีพต่างๆ เหลา่ น้ีรว่ มกัน ๖. แผนการลงทะเบียนเรยี น ๔ ภาคเรียน การลงทะเบยี นเรยี นในช่วงแรก สำนกั งาน กศน.กำหนดแผนการลงทะเบียนให้เป็นแนว เดยี วกัน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 6
บริบทพื้นฐาน ข้อมูลทั่วไปของอำเภอลำทบั ทีต่ ้ังและอาณาเขต อำเภอลำทับตง้ั อยู่ทางทิศตะวนั ออกของจงั หวดั มีอาณาเขตตดิ ตอ่ กับเขตการปกครอง ข้างเคียงดังตอ่ ไปน้ี • ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกับอำเภอเขาพนม และอำเภอท่งุ ใหญ่ (จังหวดั นครศรีธรรมราช) • ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั อำเภอบางขัน (จงั หวดั นครศรธี รรมราช) • ทิศใต้ ติดต่อกบั อำเภอบางขนั (จังหวัดนครศรีธรรมราช) อำเภอวังวิเศษ (จงั หวดั ตรัง) และอำเภอลำทบั • ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอลำทับ การปกครองส่วนภูมภิ าค อำเภอลำทับแบง่ เขตการปกครองออกเปน็ 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน ได้แก่ ที่ ตำบล จำนวน ๑. ลำทบั (Lam Thap) 10 หมบู่ า้ น ๒. ดนิ อุดม (Din Udom) 7 หมู่บา้ น ๓. ทุง่ ไทรทอง (Thung Sai Thong) 5 หมบู่ า้ น ๔. ดนิ แดง (Din Daeng) 6 หมบู่ า้ น การปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ทอ้ งท่ีอำเภอลำทบั ประกอบด้วยองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน 5 แห่ง ได้แก่ • เทศบาลตำบลลำทบั ครอบคลุมพ้ืนทีห่ มู่ที่ 5 และบางส่วนของหมู่ที่ 1–3, 10 ตำบล ลำทบั และบางสว่ นของหมู่ที่ 3 ตำบลทงุ่ ไทรทอง • องค์การบรหิ ารส่วนตำบลลำทับ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลลำทับ (ยกเว้นหม่ทู ี่ 5 และ บางสว่ นของหมู่ท่ี 1–3, 10) • องค์การบริหารส่วนตำบลดินอดุ ม ครอบคลุมพนื้ ท่ตี ำบลดินอดุ มทงั้ ตำบล • องค์การบรหิ ารส่วนตำบลทุ่งไทรทอง ครอบคลมุ พน้ื ที่ตำบลท่งุ ไทรทอง (ยกเวน้ บางส่วนของหมู่ท่ี 3) • องคก์ ารบริหารส่วนตำบลดินแดง ครอบคลุมพ้นื ท่ีตำบลดินแดงทั้งตำบล หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 7
ข้อมลู สถานศกึ ษา ประวตั ิศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ ได้จัดตั้งตามประกา กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕37 เป็นสถานศึกษาในระดับอำเภอ อยู่ในความดูแลของ สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดกระบี่ โดยขึ้นตรงต่อกรมการศึกษานอกโรงเรียน ในขณะนั้น และได้ แต่งตั้งให้ นางกัญจนา รักษ์เมือง เป็นผู้บริหารสถานศึกษาคนแรก เมื่อวันที่ ๑1 เมษายน ๒๕๓๗ และ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๓ กรมการศึกษานอกโรงเรียน (ขณะนั้น) ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง นายสทุ ธิพงษ์ วงษ์สุวรรณ เป็นหวั หน้าศนู ย์บรกิ ารการศึกษานอกโรงเรยี นอำเภอลำทับ นางชุตมิ า ทองสีแก้ว เป็นผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ - กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ นายยงยุทธ์ ไกรมุ่ย เป็นผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอำเภอ ลำทับ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ตุลาคม ๒๕๕๕ นายสุชาติ ปัจฉิมเพ็ชร ผู้อำนวยการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ ตุลาคม ๒๕๕๕- สิงหาคม ๒๕๕๖ นายนุกูลกิจ เดชดำนลิ เป็นผูอ้ ำนวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอลำทบั สิงหาคม 2556 - กันยายน 2558 ว่าที่ร้อยตรี วุฒิชัย สังข์พงษ์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ กันยายน – พฤศจิกายน 2558 นายสุชาติ ปัจฉิมเพ็ชร ผู้อำนวยการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ พฤศจิกายน 2558 –กุมภาพันธ์ 2562 และ นางสาวไซเราะ จะปะกยิ า เป็นผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ กุมภาพนั ธ์ 2562-พฤศจิกายน 2563 ปัจจุบัน นางโสภา สมหวัง เป็นผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอลำทับ โดยใช้อาคารห้องสมุดประชาชนอำเภอลำทับ เป็นสถานที่ทำงานของศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอลำทับให้ สอดคลอ้ งกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและครอบคลมุ ทกุ พน้ื ทเี่ ขตอำเภอลำทับ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๑ ได้เปลี่ยนชื่อสถานศึกษา จากศูนย์บรกิ ารการศกึ ษานอกโรงเรียนอำเภอ ลำ ทับ เป็นศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทบั มีชอ่ื ยอ่ ว่า \"กศน.อำเภอลำทับ\" ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.๒๕๕ และประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง บัญชีรายชือ่ สถานศกึ ษาฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๖๐ ง หน้า ๑ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๑ และแนบท้ายประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ที่ ๒๓๔ หน้าที่ ๘ และมอี ำนาจและหนา้ ทีต่ าม พ.ร.บ.สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ และ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดอำนาจและหน้าท่ีของสถานศึกษา ประกาศในราชกิจจา นเุ บกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนพเิ ศษ ๖๐ ง หนา้ ๒ และ หนา้ ๓ ลงวนั ท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๑ สงั กดั ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ สงั กัด สำนักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดกระบี่ สังกัด สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศยั สำนกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 8
บคุ ลากร ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอลำทับ ๑. นางโสภา สมหวัง ตำแหน่ง ครูผชู้ ่วย ๒. นายพรพล พุทธวโิ ร ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย ๓. นายศวิ กร แสงแกว้ ตำแหน่ง ครอู าสาสมคั ร ๔. นายพชิ ัย ตรีกลุ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบลทุง่ ไทรทอง ๕. นายวชิ ัย จำนงคร์ ัตน์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลดนิ อดุ ม ๖. นายสวุ ทิ ย์ แสงศรี ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลลำทบั ๗. นายเสรมิ วิทย์ มณีโชติ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบลดนิ แดง ๘. นางวริ มล ชโู ลก ตำแหนง่ ครู ศูนย์การเรยี นชุมชนบ้านลำทับ ๙. นายมนตรี วรนิ ทรเวช ตำแหน่ง บรรณารกั ษ์ ๑๐. นางสาวกาญจนา นาวารี ตำแหนง่ พนักงานบรกิ าร ๑๑. นางสาวสุภาวดี ไชยสน ประธานกรรมการ คณะกรรมการสถานศกึ ษา กรรมการ ๑. นายทบ นวลสมศรี กรรมการ ๒. นายคมสัน พรหมแสง กรรมการ ๓. นางสาวสชุ ญั ญานมาศ สขุ าพันธ์ กรรมการ ๔. นายพิศษิ ฎ์ เป็ดทอง กรรมการ ๕. ร.ต.อ.สมศกั ด์ิ เอ่งฉ้วน กรรมการ ๖. นายสมนกึ ศรีวิเชียร กรรมการ ๗. นายอำมรศกั ด์ิ ศรสี ขุ กรรมการและเลขานุการ ๘. นายสมศักด์ิ เป็ดทอง ๙. นางโสภา สมหวัง หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 9
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ มีกศน.ตำบล จำนวน 5 แห่ง 1 ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน ดงั น้ี ท่ี ชือ่ สถานท่ตี ัง้ ๑ กศน.ตำบลลำทบั หมู่ที่ ๕ บา้ นลำทบั ตำบลลำทบั อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ ๒ กศน.ตำบลทุ่งไทรทอง หมู่ที่ ๓ บ้านทุ่งทับควาย ตำบลทุ่งไทรทอง อำเภอลำทับ จังหวัด กระบี่ ๓ กศน.ตำบลดนิ อดุ ม หมู่ที่ ๓ บ้านปา่ ใหม่ ตำบลดนิ อดุ มอำเภอลำทบั จังหวัดกระบี่ ๔ กศน.ตำบลดินแดง หมทู่ ี่ ๓ บ้านควนลูกรัง ตำบลดินแดง อำเภอลำทับ จงั หวัดกระบี่ ๕ ศูนยก์ ารเรียนชมุ ชนบา้ นลำทบั หม่ทู ี่ ๕ บา้ นลำทับ ตำบลลำทบั อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่อำเภอลำ ทบั จังหวดั กระบี่ ปรัชญา กศน.อำเภอลำทบั “สรา้ งสงั คมแห่งการเรยี นรู้ พัฒนาสู่คณุ ภาพ บนพื้นฐานคุณธรรมจรยิ ธรรม” วิสยั ทศั น์ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอลำทับ จัดกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการศึกษาอาชีพเพอ่ื การมีงานทาํ ที่มีคุณภาพไดทุกทีท่ ุกเวลาอยา่ งทัว่ ถงึ และเทาเทยี มกัน เพ่ือใหเกิดสังคม ฐานความรู การมีอาชีพและการมีความสามารถเชงิ การแขงขันในประชาคมอาเซียนอยางย่ังยนื อตั ลักษณ์ “ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพยี ง” เอกลกั ษณ์ “สถานศกึ ษาพอเพยี ง” พันธกจิ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอลำทบั เสริมสร้างโอกาสทางการศึกษา ใหแ้ ก่ประชาชนในอำเภอลำทับโดย ๑. จดั และสงเสริมการจัดการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ท่มี ีคุณภาพ พัฒนาอาชพี คุณภาพชีวิตและสงั คม และเตรียมความพรอมในการเขาสูประชาคมอาเซียน ๒. สงเสริมและสนับสนุนการมีสวนรวมในการดําเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั ของภาคีเครอื ขาย ๓. สงเสรมิ การนาํ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารมาใชในการยกระดบั คุณภาพการจดั การศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย ๔. สงเสริมกระบวนการเรยี นรูตลอดชีวติ ของชุมชน และการสงเสริมบทบาทของภูมิปญญาทองถ่ินใน การจดั การศึกษาในรูปแบบตางๆ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 10
๕. พัฒนาระบบการบริหารจัดการใหสามารถดําเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั เพอ่ื สงเสรมิ การศกึ ษาตลอดชวี ติ ไดอยางมีประสทิ ธภิ าพ ทิศทางการจัดการศกึ ษานอกระบบขนั้ พ้นื ฐาน จากการที่ศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เอกสารประกอบหลักสูตร และข้อมูลความต้องการพัฒนาของจังหวัด อำเภอ ชุมชน จึงนำสิ่งที่ได้ศึกษา เหลา่ น้ี มาพจิ ารณากำหนดทิศทางการจดั การศึกษานอกระบบของสถานศึกษา โดยกำหนดโครงสร้างทิศ ทางการจัดศกึ ษา ไว้ดังนี้ ปรัชญา “คดิ เปน็ ” ปรัชญา “คิดเป็น” มีแนวคิดภายใต้ความเชื่อที่ว่า “คนเราสามารถพัฒนาการคิด การตัดสนิ ใจ ให้มีประสิทธิภาพสูงข้ึนได้ ด้วยการฝึกทักษะการใชข้ ้อมูลท่ีหลากหลายทัง้ ด้านตนเอง สังคม สิ่งแวดล้อม และ วิชาการมาวิเคราะห์ เชื่อมโยง สัมพันธ์ สร้างสรรค์ เป็นแนวทาง วิธีการ สำหรับตนเอง แล้วประเมินตีค่า ตัดสินใจเพ่อื ตนเอง และชมุ ชน สงั คม ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะของคน “คิดเปน็ ” หลักการ 1. เป็นหลักสูตรท่ีมโี ครงสร้างยดื หยุ่นด้านสาระการเรียนรู้ เวลาเรยี น และ การจัดการเรียนรู้ โดยเน้นการบรู ณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับวถิ ชี ีวิต ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล และชมุ ชน สงั คม 2. ส่งเสริมให้มีการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั 3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยตระหนักว่าผู้เรียนมี ความสำคญั สามารถพฒั นาตนเองไดต้ ามธรรมชาตแิ ละเต็มศักยภาพ 4. สง่ เสรมิ ใหภ้ าคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จดุ หมาย หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุง่ พัฒนาให้ ผูเ้ รยี นมคี ุณธรรม จริยธรรม มสี ตปิ ญั ญา มีคณุ ภาพชีวิตท่ดี ี มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรียนรู้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ซ่งึ เป็นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ทีต่ ้องการ จึงกำหนดจุดหมายดงั ต่อไปนี้ 1. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมทดี่ งี าม และสามารถอยรู่ ว่ มกันในสงั คมอยา่ งสันติสุข 2. มีความรพู้ ืน้ ฐานสำหรับการดำรงชีวิต และการเรียนรูต้ ่อเน่ือง 3. มีความสามารถในการประกอบสมั มาอาชีพ ให้สอดคลอ้ งกับความสนใจ ความถนัดและ ตามทันความเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื ง 4. มีทักษะการดำเนินชีวิตที่ดี และสามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้อย่างมี ความสุข ตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 11
5. มีความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี กฬี า ภูมปิ ญั ญาไทย ความเปน็ พลเมืองดี ปฏบิ ัติตนตามหลกั ธรรมของศาสนา ยึดมั่น ในวิถชี วี ติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6. มจี ติ สำนึกในการอนรุ กั ษ์ และพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม 7. เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึง แหล่งเรียนรู้ และบูรณาการความรู้มาใช้ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ กลุม่ เป้าหมาย ประชาชนท่ัวไปทไ่ี มอ่ ยู่ในระบบโรงเรยี น หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 12
กรอบโครงสรา้ ง ระดบั การศึกษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ปู ระกอบด้วย ๕ สาระ ดังนี้ 1. สาระทักษะการเรยี นรู้ เปน็ สาระเกย่ี วกับการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง การใชแ้ หล่งเรียนรู้ การจดั การความรู้ การคิดเปน็ และการวิจัยอย่างง่าย 2. สาระความรู้พื้นฐาน เป็นสาระเกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชีพ เป็นสาระเก่ียวกับการมองเห็นช่องทาง และการตัดสินใจ ประกอบอาชพี ทักษะในอาชีพ การจดั การอาชีพอยา่ งมีคุณธรรม และการพัฒนาอาชพี ใหม้ ่ันคง 4. สาระทักษะการดำเนินชีวิต เป็นสาระเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สุขภาพ อนามยั และความปลอดภยั ในการดำเนินชีวิต ศลิ ปะและสนุ ทรยี ภาพ 5. สาระการพัฒนาสังคม เป็นสาระที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี หน้าที่พลเมือง และการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคม กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม มาตรฐานการเรยี นรู้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนด มาตรฐานการเรียนรู้ ตามสาระการเรยี นร้ทู ั้ง ๕ สาระ ทเี่ ป็นขอ้ กำหนดคุณภาพของผูเ้ รียน ดังน้ี ๑. มาตรฐานการเรยี นรูก้ ารศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน เปน็ มาตรฐาน การเรียนรู้ในแต่ละสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนเรียนจบหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ เป็นมาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนเรียนจบในแต่ละระดับ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ➢เวลาเรียน ในแต่ละระดับใช้เวลาเรียน ๔ ภาคเรียน ยกเว้นกรณีที่มีการเทียบโอนผลการเรียน ผู้เรียนต้อง ลงทะเบียนเรยี นในสถานศกึ ษาอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรียน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 13
➢หน่วยกติ ใชเ้ วลาเรยี น ๔๐ ช่ัวโมง มคี า่ เท่ากบั ๑ หน่วยกติ ๑. โครงสรา้ งหลักสูตร โครงสร้างหลักสตู ร หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ท่ี สาระการเรียนรู้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ๑ ทกั ษะการเรยี นรู้ วิชาบงั คับ วิชาเลือก ๒ ความรูพ้ ้ืนฐาน ๓ การประกอบอาชพี ๕ ๔ ทักษะการดำเนินชีวิต ๕ การพฒั นาสงั คม ๒๐ รวม ๘ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ๕ ๖ ๔๔ ๓๒ ๗๖ นก. ๒๐๐ ชม. โครงสร้างหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ คงใช้ โครงสร้างเดิม แตจ่ ะปรบั รายละเอยี ดภายใน ซ่ึงไม่กระทบตอ่ มาตรฐานและสาระการเรยี นรใู้ นหลักสตู ร ดังน้ี 1.1วิชาบงั คับ ๑.๑.๑ ปรบั เนอ้ื หาบางรายวชิ าให้มคี วามทนั สมยั และทนั ต่อการเปล่ียนแปลง ๑.๑.๒ วิเคราะห์เนื้อหาที่ต้องรู้ในรายวิชาบังคับ และจัดทำสื่อเผยแพร่ให้สถานศึกษาและ ผู้เรียนนำไปใชใ้ นการเรียน ๑.๒ วิชาเลือก วิชาเลือกจะแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ วิชาเลือกบังคับ และวิชาเลือกเสรี โดยกำหนด สัดสว่ นดงั น้ี จำนวนหนว่ ยกติ ท่ี สาระการเรยี นรู้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย เลอื กบงั คับ เลอื กเสรี ๑ ทกั ษะการเรยี นรู้ - ๒ ความร้พู ้นื ฐาน ๓ ๓ การประกอบอาชีพ - ๔ ทกั ษะการดำเนนิ ชีวติ ๓ ๕ การพัฒนาสังคม ๓ รวม ๙ ๒๓ ๓๒ นก. หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 14
๑.๒.๑ วิชาเลอื กบงั คับ เป็นวชิ าท่พี ฒั นาขึน้ ตามนโยบายของประเทศ และเพ่อื แก้ปัญหาวกิ ฤต ของประเทศในเรือ่ งต่างๆ ในชว่ งแรก จะพฒั นาจำนวน ๒ วชิ า ทงั้ ๓ ระดบั คอื วชิ าพลังงานไฟฟ้า ความร้ทู าง การเงิน และ การเรียนร้สู ภู้ ยั ธรรมชาติ ๑.๒.๒ วิชาเลอื กเสรี เป็นวชิ าท่ีสถานศกึ ษาพัฒนาขึ้นเอง โดยให้ยดึ หลกั การในการพัฒนา คอื ๑) พัฒนาโปรแกรมการเรียน เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางและเป้าหมายทางการเรียนของ ผู้เรียน สถานศึกษาจึงต้องวิเคราะห์ความต้องการ ความจำเป็น และความสนใจของผู้เรียน เพื่อออกแบบ โปรแกรมการเรียน ภายในโปรแกรมการเรียนจะประกอบไปดว้ ยรายวชิ าตา่ งๆ ที่ผู้เรียนจะตอ้ งเรยี นรู้ ๒) การพัฒนารายวิชาในโปรแกรมการเรียน สถานศึกษาควรดำเนนิ การรว่ มกับผู้เรยี นและ ภูมิปัญญา ผู้รู้ หรือผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ จัดทำโปรแกรมการเรียนและพัฒนารายวิชา ตา่ งๆ หลักการ ๑. เป็นหลักสูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นด้านสาระการเรียนรู้ เวลาเรียน และการจัดการ เรียนรู้ โดยเน้นการบูรณาการเนอื้ หาให้สอดคลอ้ งกบั วิถชี วี ติ ความแตกตา่ งของบคุ คล และชุมชน สงั คม ๒. ส่งเสริมให้มีการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ๓. ส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รยี นได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยตระหนกั ว่าผู้เรียนมี ความสำคัญ สามารถพฒั นาตนเองไดต้ ามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ ๔. สง่ เสรมิ ให้ภาคเี ครอื ข่ายมีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษา จดุ หมายของหลกั สูตร หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาให้ ผ้เู รียนมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มสี ติปัญญา มคี ณุ ภาพชีวิตทด่ี ี มศี ักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรียนรู้ อย่างตอ่ เนื่อง ซง่ึ เป็นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ทต่ี ้องการ จงึ กำหนดจดุ หมาย ดงั ต่อไปนี้ ๑. มคี ุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยมทด่ี งี าม และสามารถอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ติสุข ๒. มีความร้พู ้ืนฐานสำหรบั การดำรงชีวติ และการเรยี นรู้อย่างต่อเน่ือง ๓. มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและ ตามทนั ความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ๔. มีทักษะการดำเนินชีวิตที่ดี และสามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุข ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ๕. มีความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี กฬี า ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมอื งดี ปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมของศาสนา ๖. มจี ิตสำนึกในการอนรุ กั ษ์ และพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ๗. เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และ บรู ณาการความรู้มาใช้ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 15
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกอบด้วยสาระและมาตรฐานเรยี นรู้ ดังน้ี 1. สาระทักษะการเรียนรู้ ประกอบดว้ ย ๕ มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานที่ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ด้วย ตนเอง มาตรฐานที่ ๑. ๒ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคติท่ีดตี ่อการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ มาตรฐานท่ี ๑. ๓ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติทด่ี ีตอ่ การจัดการความรู้ มาตรฐานท่ี ๑. ๔ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคติทด่ี ตี อ่ การคดิ เป็น มาตรฐานท่ี ๑. ๕ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคติท่ีดีตอ่ การวิจยั อย่างงา่ ย 2. สาระความรู้พนื้ ฐาน ประกอบด้วย ๒ มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานที่ ๒. ๒ มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับภาษาและการ สอื่ สาร มาตรฐานที่ ๒. ๒ มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพน้ื ฐานเก่ยี วกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชพี ประกอบด้วย ๔ มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ ๓.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทด่ี ีในงานอาชพี มองเหน็ ช่องทาง และตัดสินใจประกอบอาชพี ไดต้ ามความต้องการ และศักยภาพของ ตนเอง มาตรฐานท่ี ๓.๒ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะในอาชพี ที่ตดั สินใจเลอื ก มาตรฐานท่ี ๓.๓ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการจัดการอาชพี อยา่ งมคี ณุ ธรรม มาตรฐานท่ี ๓.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในการพัฒนาอาชพี ใหม้ คี วามมั่นคง 4. สาระทักษะการดำเนินชวี ิต ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานท่ี ๔.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจ เจตคติท่ดี ีเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และสามารถประยุกต์ใช้ในการดำเนนิ ชวี ิตได้อยา่ งเหมาะสม มาตรฐานที่ ๔.๒ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติที่ดีเกยี่ วกับการดแู ล สง่ เสริม สขุ ภาพอนามัย และความปลอดภัยในการดำเนนิ ชวี ติ มาตรฐานที่ ๔.๓ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติท่ดี เี ก่ียวกบั ศลิ ปะและสนุ ทรียภาพ 5. สาระการพัฒนาสงั คม ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน ดงั น้ี มาตรฐานท่ี ๕.๑ มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถงึ ความสำคัญเกี่ยวกับภมู ิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนำมา ปรับใชใ้ นการดำรงชวี ิต มาตรฐานท่ี ๕.๒ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เหน็ คุณค่า และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี เพอ่ื การอยรู่ ว่ มกันอย่างสนั ตสิ ขุ มาตรฐานที่ ๕.๓ ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย มจี ิตสาธารณะเพ่ือ ความสงบสุขของสังคม มาตรฐานที่ ๕.๔ มคี วามรู้ ความเข้าใจ เหน็ ความสำคัญของหลกั การพัฒนา และ สามารถพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน/สงั คม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 16
หมายเหตุ สาระการเรยี นรคู้ วามรู้พ้นื ฐาน มาตรฐานท่ี ๒.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจทกั ษะพ้นื ฐานเก่ียวกับภาษา และการสื่อสาร ซ่งึ ภาษาในมาตรฐานนี้ หมายถงึ ภาษาไทย และภาษาตา่ งประเทศ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 17
สาระทกั ษะการเรยี นรู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดผล การเรียนรู้ที่คาดหวังที่เป็นข้อกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียดเป้าหมายการเรียนรู้ในแต่ละ ระดับการศึกษา ดังน้ี การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 1. ประมวลความรู้ และสรปุ เปน็ สารสนเทศ 2. ทำงานบนฐานขอ้ มลู ด้วยการแสวงหาความรจู้ นเปน็ ลักษณะนิสัย 3. มีความาชำนาญในทักษะการอ่าน ทักษะการฟัง ทักษะการสังเกต และทักษะการจด บันทกึ อย่างคลอ่ งแคลว่ รวดเรว็ การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ 1. วางแผนการใชแ้ หล่งเรยี นรตู้ ามความต้องการจำเป็นของแต่ละบุคคล 2. ใช้แหล่งเรียนรู้ตามความต้องการจำเปน็ จนเป็นกจิ นิสัย 3. ใชแ้ หล่งเรยี นรอู้ ย่างแคล่วคล่องจนเปน็ นสิ ัยส่วนตัว การจดั การความรู้ 1. ออกแบบผลิตภณั ฑ์ ชน้ิ งาน สรา้ งรปู แบบ สรปุ องค์ความรู้ใหม่ของขอบขา่ ยความรู้ 2. ประพฤตติ นเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ 3. สรา้ งสรรค์สงั คมอุดมปญั ญา การคิดเป็น 1. วางแผนการแกป้ ัญหาอย่างเป็นระบบ 2. แก้ปญั หาโดยใชก้ ระบวนการคิดเปน็ จนเปน็ ลกั ษณะนิสัย 3. ปฏบิ ตั กิ ารใช้กระบวนการคิดเป็น ในการตัดสนิ แก้ปัญหาอย่างแคลว่ คลอ่ ง การวิจยั อย่างงา่ ย 1. ออกแบบการวจิ ัยเพอื่ คน้ หาความรู้ ความจริงทต่ี ้องการคำตอบ 2. ใช้กระบวนการวิจยั เปน็ เครอื่ งมือในการดำเนินชวี ติ จนเปน็ ลักษณะนิสัย 3. ดำเนินการตามแบบแผนการวจิ ยั และวิเคราะห์ข้อมลู สรุปสารสนเทศความรู้ความจริง ทีต่ อ้ งการคำตอบอย่างแคล่วคล่อง มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง มาตรฐาน ๑.๑ มคี วามร้คู วามเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนฐานขอ้ มูล และมี ๑. ประมวลความรู้ และสรุปเป็นสารสนเทศ ความชำนาญในการอ่าน ฟงั จดบันทึก เป็น ๒. ทำงานบนฐานขอ้ มลู ด้วยการแสวงหาความรู้จน สารสนเทศอย่างคล่องแคลว่ รวดเร็ว เปน็ ลักษณะนิสัย ๓. มคี วามชำนาญในทักษะการอ่าน ทักษะการฟัง และทักษะการจดบันทกึ อย่างคลอ่ งแคล่ว รวดเร็ว หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 18
มาตรฐาน ๑.๒ มคี วามรคู้ วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคตทิ ่ีดตี ่อการใช้แหล่งเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวงั สามารถวางแผนและใช้แหลง่ เรยี นรูไ้ ดอ้ ย่าง ๑. วางแผนการใชแ้ หล่งเรยี นรูต้ ามความต้องการ คลอ่ งแคล่วจนเปน็ ลกั ษณะนิสัย จำเปน็ ของ แต่ละบุคคล ๒. ใชแ้ หลง่ เรียนรูจ้ ากเทคโนโลยีและนวัตกรรมตาม ความตอ้ งการจำเปน็ ๓. ใชแ้ หล่งเรียนรู้อยา่ งแคล่วคล่องจนเปน็ ลักษณะ นสิ ัย มาตรฐาน ๑.๓ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ่ีดตี ่อการจดั การความรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั สามารถสรปุ องค์ความรูใ้ หม่ นำไปสร้างสรรค์ ๑. ออกแบบผลิตภัณฑ์ สรา้ งสตู ร สังคมอุดมปัญญา สรปุ องคค์ วามรใู้ หมข่ องขอบเขตความรู้ ๒. ประพฤตติ นเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ ๓. สร้างสรรคส์ ังคมอดุ มปัญญา มาตรฐาน ๑.๔ มีความรคู้ วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคตทิ ี่ดีต่อการคิดเป็น ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวัง ความสามารถในการ ฝกึ ทักษะการคดิ เปน็ ท่ี ๑. อธิบายหรอื ทบทวนปรัชญาคิดเป็น และการใช้ ซบั ซอ้ นเช่ือมโยงกับคุณธรรม จริยธรรม ทเ่ี ก่ยี วข้อง ระบบข้อมูลทางวิชาการ ตนเอง และสังคม กับปรชั ญา คิดเป็นและสามารถระบถุ ึงปญั หา สง่ิ แวดล้อม มาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ เพื่อประกอบ อุปสรรคการพฒั นากระบวนการคิดเปน็ และการ กระบวนการคิด การตดั สินใจ ในการแกป้ ัญหา แก้ไข ๒. อธิบายและปฏบิ ัติการใช้เทคนิควธิ กี ารฝึกทกั ษะ การคดิ เปน็ ทซ่ี บั ซ้อนและนำคุณธรรม จริยธรรม ที่ เก่ียวข้องมาสง่ เสรมิ กระบวนการคดิ เป็นให้มากขน้ึ ๓. อภปิ ราย ถกแถลงถึงปัญหาและอุปสรรค ในการ ใชก้ ระบวนการคิดเปน็ ประกอบการแก้ปัญหา ๔. เชอ่ื มโยงปรัชญา คดิ เปน็ กระบวนการเรยี นรู้ การศึกษานอกระบบได้ ๕. บอกลักษณะของ คนคิดเปน็ ไดอ้ ย่างน้อย ๘ ประการ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 19
มาตรฐาน ๑.๕ มคี วามรูค้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ี่ดตี อ่ การวิจัยอย่างง่าย ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวัง สามารถวางแผนการวจิ ัย ดำเนนิ การตามแบบแผน ๑. ออกแบบการวิจัย เพื่อคน้ หาความรู้ ความจรงิ ท่ี อยา่ งถูกต้อง ตอ้ งการคำตอบ ๒. ดำเนนิ การตามแบบแผนการวิจัย และวเิ คราะห์ ขอ้ มลู สรปุ สารสนเทศความรู้ ความจรงิ ทต่ี อ้ งการ คำตอบ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 20
มาตรฐานที่ รหสั วิชา คำอธิบายรายวชิ าบังคบั หนว่ ยกิต ทร ๓๑๐๐๑ สาระทกั ษะการเรยี นรู้ ๕ ๑.๑ ๑.๒ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๑.๓ รายวิชา ๑.๔ ๑.๕ ทกั ษะการเรยี นรู้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 21
คำอธบิ ายรายวิชา ทร ๓๑๐๐๑ ทักษะการเรยี นรู้ จำนวน ๕ หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ ๑. สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนฐานข้อมูล และมีความชำนาญในการอ่าน ฟัง จด บนั ทกึ เป็นสารสนเทศอยา่ งคลอ่ งแคลว่ รวดเรว็ ๒. สามารถวางแผนและใช้แหลง่ เรียนร้ไู ดอ้ ยา่ งคล่องแคล่วจนเป็นลักษณะนิสัย ๓. สามารถสรปุ องค์ความรู้ใหม่ นำไปสรา้ งสรรค์สงั คมอดุ มปญั ญา ๔. ความสามารถในการฝึกทักษะการคิดเป็นที่ซับซ้อนเชื่อมโยงกับคุณธรรม จริยธรรม ที่ เกี่ยวข้องกับปรัชญาคิดเป็นและสามารถระบุถึงปัญหาอุปสรรคการพัฒนากระบวนการคิดเป็น และการแกไ้ ข ๕. สามารถวางแผนการวจิ ัย ดำเนินการตามแบบแผนอยา่ งถูกต้อง ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองดังตอ่ ไปน้ี ๑. การเรยี นรู้ด้วยตนเอง ทบทวน ความหมาย ความสำคญั และกระบวนการของการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ฝึกทักษะพื้นฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหาและเทคนิคในการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ดา้ นการอ่าน การฟัง การสงั เกต การจำ และการจดบันทกึ ทบทวนการวางแผนการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีทักษะพื้นฐาน และเทคนิคในการเรียนรู้ด้วยตนเองในเรื่องการวางแผน การประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง การ วิเคราะห์วิจารณ์ ฝึกทกั ษะความรทู้ ักษะการพดู และการทำแผนผงั ความคดิ เจตคติ/ปัจจัย ที่ทำให้การเรียนรู้ด้วยตนเองประสบความสำเร็จ การเปิดรับโอกาส การเรียนรู้ การคิดริเริ่มและเรียนรู้ด้วยตนเอง การสร้างแรงจูงใจ การสร้างวินัยในตนเอง การคิดเชิงบวก ความคดิ สร้างสรรค์ ความรกั ในการเรยี น การใฝร่ ู้ใฝ่เรยี น และความรบั ผดิ ชอบ ๒. การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ ทบทวน ความหมาย ความสำคญั ประเภทแหล่งเรยี นรู้ ทบทวนการใช้ห้องสมุดประชาชน การเข้าถึงสารสนเทศห้องสมุดประชาชน ห้องสมุด อื่น ๆ แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่สำคัญเช่นผู้รู้ในชุมชน พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ สื่อมวลชน รวมทั้งการใช้ อนิ เตอร์เน็ตเพือ่ การเรียนรูข้ องตนเอง ศกึ ษา สำรวจ แหลง่ เรียนร้ภู ายในชุมชน จดั กล่มุ ประเภท และความสำคัญ ศึกษาเรยี นรู้กบั ภมู ปิ ญั ญา ปราชญ์ ผู้รใู้ นท้องถิ่น ๓. การจดั การความรู้ ทบทวนความหมาย ความสำคัญ หลักการของการจัดการความรู้ กระบวนการจัด การความรู้ การรวมกล่มุ เพอ่ื ตอ่ ยอดความรู้ การพฒั นาขอบขา่ ยความรขู้ องกลุ่ม การจัดทำสารสนเทศเผยแพร่ ความรู้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 22
ฝึกทักษะกระบวนการจัดการความรู้ด้วยตนเองและด้วยการรวมกลุ่มปฏิบัติการโดยการ กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ ระบุความรู้ที่ต้องใช้ การแสวงหาความรู้ สรุปองค์ความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ การรวมกล่มุ ปฏบิ ตั กิ ารเพ่ือต่อยอดความรู้ การพัฒนาขอบขา่ ยความรู้ของกลมุ่ สรุปองคค์ วามรูข้ องกลมุ่ จดั ทำสารสนเทศองคค์ วามรู้ใหมแ่ ละการนำไปใชใ้ นการพัฒนา ตนเอง ครอบครัว ๔. การคดิ เปน็ ศึกษาความหมาย ความสำคัญ ของการคิดเป็น การรวบรวมสภาพปัญหา ของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และคิดวิเคราะห์ โดยใช้ข้อมูลด้านตนเอง ด้านวิชาการ และด้านสังคมสิ่งแวดล้อม มา กำหนดแนวทางทางเลือกที่หลากหลายในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความสุข การประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งมเี หตุผลเหมาะสมกับตนเอง ครอบครัว และชุมชน/สังคม ด้านตนเอง เปน็ การพจิ ารณาขอ้ มูลของตนเองเกี่ยวกบั จุดออ่ น จุดแขง็ ลกั ษณะนสิ ัย ค่านิยม ความตอ้ งการ ความรพู้ ื้นฐาน ทรัพยากร สิ่งแวดลอ้ ม วัฒนธรรม ประเพณี และจารตี ประเพณีของตนเอง ก่อน ตดั สินใจทำส่งิ ใด ด้านวิชาการ เป็นความรู้หลักวิชาการที่มีคนคิดสะสมไว้แล้ว และมีความเกี่ยวข้องกับการ แก้ปัญหา สามารถนำมาพิจารณาประกอบในการแก้ปัญหาได้ ด้านสังคมสิ่งแวดลอ้ ม เป็นการพจิ ารณาการกระทำใด ๆ ของตนเองที่จะมผี ลกระทบต่อ คน อน่ื และส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งไรบา้ ง ๕. การวิจัยอยา่ งง่าย ทบทวนความหมาย ความสำคัญการวิจัยอย่างง่าย กระบวนการและขั้นตอนของการ ดำเนินงาน สถติ ิงา่ ย ๆ เพอ่ื การวจิ ัย เครอื่ งมอื การวิจยั และการเขียนโครงการวจิ ยั อย่างง่าย ๆ ศกึ ษา ฝึกทกั ษะ การวิจัยในบ้าน การเขียนรายงานวจิ ยั การนำเสนอและเผยแพร่งานวจิ ัย การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ๑. การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ควรจัดในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกับการสร้างสถานการณ์ในการ เรียนรู้ที่หลากหลาย ซับซ้อน อย่างสร้างสรรค์ เพื่อ ๑) ฝึกให้ผู้เรียนได้กำหนดเป้าหมาย และวางแผนการ เรียนรู้ ๒) เพม่ิ พูนให้มีทักษะพน้ื ฐานทักษะการพูด และการทำแผนผังความคิดโดยการปฏิบตั ิจริง ๓) มีเจต คติที่ดีต่อการเรียนรูด้ ้วยตนเองทีท่ ำใหก้ ารเรียนรู้ด้วยตนเองประสบผลสำเรจ็ และนำความรู้ไปใช้ในวิถีชีวิตให้ เหมาะสมกบั ตนเอง และชุมชน/สังคม ๒. การใช้แหล่งเรยี นรู้ ให้ผู้เรียนทุกคนไปสำรวจ ศึกษา รวบรวมแหล่งเรียนรู้ ภายในชุมชน จังหวัด ประเทศ และ โลก รวมท้ังการใช้อินเทอร์เนต็ การเขา้ ถงึ ข้อมลู สารสนเทศท่ีสนใจ ทำความเขา้ ใจ บทบาท หน้าที่ ข้อดีข้อเสีย ของแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ ๓. การจัดการความรู้ ศึกษาค้นคว้าหลักการ และกระบวนการของการจัดการความรู้ การฝึกปฏิบัติจริงโดยการ รวมกลุ่มปฏิบัติการ/ชุมชนปฏิบัติการ (Community of practice = Cops) สรุปองค์ความรู้ของกลุ่ม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 23
แลกเปล่ยี นเรยี นรูร้ ะหว่างกลุ่ม ยกระดบั ความรู้/สร้างองค์ความรูใ้ หม่และจดั ทำสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ ดว้ ย วิธกี ารทห่ี ลากหลาย ๔. การคดิ เปน็ ควรจดั ให้ผู้เรียนได้ฝึกการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และเกบ็ รวบรวมข้อมูลในการแก้ปัญหาอย่าง มีเหตุผล และหลักการที่ซับซ้อนจากสภาพจริง หรือเรื่องเกี่ยวกับชีวิตจริงของตนเอง หรือ สถานการณ์จริง หรือ กรณีศกึ ษา ทีใ่ ช้แกป้ ัญหาและตัดสนิ ใจ อย่างมเี หตุผล มคี ุณธรรม จริยธรรม และมคี วามสขุ ๕. การวิจยั อย่างง่าย จัดให้ผูเ้ รยี นได้ศกึ ษา ค้นคว้า เอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง การใช้เทคโนโลยีเพอ่ื สืบคน้ ขอ้ มลู ฝึกทักษะ การสังเกตและค้นหาปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน / ในการประกอบอาชีพ / ในสาระที่เรียน การตั้งคำถาม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อน / ผู้รู้ การคาดเดาคำตอบอย่างมีเหตุผล การฝึกปฏิบัติการเขียนโครงการวิจยั ตามหลกั การ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู การสร้างเครอ่ื งมอื การวเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใชส้ ถิติอยา่ งงา่ ยๆที่เหมาะสม กับข้อมูล การนำเสนอข้อมูล การสรุปข้อมูลและเขียนรายงานผลตามหลักการ การเผยแพร่ข้อค้นพบด้วย วธิ ีการหลากหลาย การวดั และประเมนิ ผล ๑. การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ใช้การประเมินจากสภาพจริงของผู้เรียนที่แสดงออกเกี่ยวกับ การกำหนดเป้าหมาย และ วางแผนการเรียนรู้ รวมทักษะพื้นฐานและเทคนิคในการเรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดจนปัจจัยที่ทำให้การเรียนรู้ ประสบความสำเรจ็ ๒. การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ ผลงานจากการศึกษาสำรวจ และการนำไปใชป้ ระโยชน์ ๓. การจดั การความรู้ ประเมินจากสภาพจริงโดย การสังเกต ความสนใจ การแสดงความคิดเห็น การมีส่วนร่วม การใหค้ วามร่วมมือ ในกลุ่มปฏิบัติการ ผลงาน/ชิ้นงานจากการรวมกลุ่มปฏบิ ัติการ ใช้วิธีการประเมินแบบมีส่วน รว่ มระหวา่ งครู ผเู้ รยี นและผู้เกย่ี วข้องรว่ มกนั ประเมนิ ตีคา่ ความสามารถ ความสำเร็จกบั เป้าหมายที่กำหนดไว้ และระบขุ ้อบกพรอ่ งทตี่ อ้ งแก้ไข สว่ นท่ที ำไดด้ ีแล้วก็พฒั นาให้ดียงิ่ ข้ึนตอ่ ไป ๔. การคดิ เป็น วัดจากการเก็บรวบรวมข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจแก้ปัญหาจากข้อมูลตาม ขอ้ เทจ็ จริง ๕. การวจิ ยั อย่างงา่ ย ประเมินจากสภาพจริงโดย การสังเกต ความสนใจ การมีส่วนร่วม ความร่วมมือ จาก ผลงาน / ชน้ิ งานทีม่ อบหมายให้ฝกึ ปฏิบัติ ในระหวา่ งเรยี น และการสอบปลายภาคเรียน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 24
รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา ทร 31001 ทกั ษะการเรียนรู้ จำนวน 5 หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั 1. สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนฐานขอ้ มูล และมีความชำนาญในการอ่าน ฟัง จดบันทกึ เป็น สารสนเทศอยา่ งคลอ่ งแคล่วรวดเรว็ 2. สามารถวางแผนและใช้แหลง่ เรยี นรไู้ ด้อย่างคล่องแคล่วจนเป็นลักษณะนสิ ัย 3. สามารถสรปุ องคค์ วามรู้ใหม่ นำไปสร้างสรรคส์ ังคมอุดมปญั ญา 4. ความสามารถในการฝึกทักษะการคิดเปน็ ทีซ่ บั ซ้อนเช่อื มโยงกบั คุณธรรม จรยิ ธรรม ท่ี เกย่ี วข้องกบั ปรัชญาคิดเปน็ และสามารถระบถุ ึงปัญหาอปุ สรรคการพัฒนากระบวนการคิดเปน็ และการแก้ไข 5. สามารถวางแผนการวิจัย ดำเนนิ การตามแบบแผนอย่างถูกต้อง ที่ หัวเร่ือง ตวั ชีว้ ดั เน้ือหา จำนวน (ชว่ั โมง) 1 การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคญั และ 5 ด้วยตนเอง ความสำคญั และกระบวนการ กระบวนการของการเรียนรู้ด้วย ของการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ตนเอง 2. ปฏิบัตกิ ารฝึกทกั ษะ 2. ทกั ษะพนื้ ฐานทางการศึกษาหา 10 พ้นื ฐานทางการศึกษาหา ความรู้ ทักษะการแกป้ ัญหาและ ความรู้ ทกั ษะการแกป้ ัญหา เทคนคิ ในการเรียนรดู้ ้วยตนเอง และเทคนิคในการเรยี นรดู้ ว้ ย รวมท้งั การวางแผนการเรยี นรู้ และ ตนเองได้ และการวางแผนการ การประเมินผลการเรยี นรดู้ ว้ ย เรยี นรู้ และการประเมินผล ตนเอง การเรียนรู้ ดว้ ย 3. ทักษะการพูด 15 ตนเอง และการทำแผนผงั ความคดิ 3. ฝึกปฏิบัติทกั ษะการพูด 4. ปัจจยั ทีท่ ำให้การเรยี นรู้ด้วย 10 และการทำแผนผังความคิด ตนเองประสบความสำเรจ็ 4. อธบิ ายปจั จยั ทท่ี ำให้การ เรียนรู้ด้วยตนเองประสบ ความสำเร็จ 2 การใช้ 1. อธิบายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคญั 10 แหล่งเรยี นรู้ ความสำคญั ประเภทแหล่ง ประเภทแหล่งเรยี นรู้ เข้าถึง เรยี นรู้ การใช้ห้องสมุดและ สารสนเทศ แหลง่ เรียนรอู้ ืน่ แหลง่ เรยี นรู้อื่น ๆ ท่สี ำคญั ๆ ท่ีสำคัญ รวมทั้งการใช้ รวมทง้ั การใช้อนิ เตอรเ์ น็ตเพ่ือ อนิ เตอรเ์ น็ตเพ่ือการเรียนรู้ของ การเรยี นรขู้ องตนเอง ตนเอง 2. บ่งช้ีขอ้ ดีข้อเสียของแหลง่ เรียนรู้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 25
ท่ี หวั เรอื่ ง ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา จำนวน (ชัว่ โมง) 3. ปฏบิ ตั ิการเรยี นรกู้ บั แหลง่ 2. ข้อควรคำนึงในการศึกษาเรยี นรู้ 30 เรยี นร้ตู ่างๆได้เหมาะสม กับแหลง่ ข้อมลู ตา่ ง ๆ รวมทั้ง นวตั กรรมและเทคโนโลยี 3 การจัดการความรู้ 1. อธิบายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคัญ 10 4 การคิดเป็น ความสำคญั หลกั การ หลกั การ กระบวนการจดั การ 15 15 กระบวนการจัดการความรู้ ความรู้ การรวมกลมุ่ 6 การรวมกลมุ่ เพ่ือตอ่ ยอด เพ่ือต่อยอดความรู้ การพัฒนา 6 8 ความรู้ การพฒั นาขอบขา่ ย ขอบข่ายความรู้ของกลุ่ม การจดั ทำ 10 ความรู้ของกลุ่ม การจัดทำ สารสนเทศเผยแพร่ความรู้ สารสนเทศเผยแพร่ความรู้ 2. ทักษะกระบวนการจดั การ 2. ปฏบิ ัตกิ ารดา้ นทกั ษะ ความรู้ด้วยตนเองและด้วยการ กระบวนการจัดการความรู้ รวมกลุ่มปฏิบัตกิ าร ดว้ ยตนเองและดว้ ยการ 3. สรปุ องคค์ วามรูข้ องกลุ่ม จดั ทำ รวมกลมุ่ ปฏิบตั กิ าร สารสนเทศองคค์ วามรใู้ นการ 3. สรุปองค์ความรู้ของกลุ่ม พัฒนาตนเอง ครอบครัว จดั ทำสารสนเทศองค์ความรู้ ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว 1. อธิบายความหมาย 1. ความเช่อื พ้นื ฐานทางการศึกษา ความสำคญั ของการคิดเปน็ ผู้ใหญ/่ การศกึ ษานอกระบบ 2. รวบรวมและวิเคราะห์ ท่เี ช่ือมโยงมาสปู่ รัชญา คดิ เป็น สภาพปัญหา ของตนเอง 2. ความหมาย ความสำคญั ของ ครอบครวั ชมุ ชน และ การคดิ เป็น คดิ วเิ คราะห์ โดยใชข้ ้อมูล 3. การรวบรวมและวิเคราะห์สภาพ ด้านตนเอง ดา้ นวิชาการ ปญั หา ของตนเอง ครอบครัว และดา้ นสังคมสง่ิ แวดล้อม ชมุ ชน และคดิ วิเคราะห์ โดยใช้ 3. กำหนดแนวทางทางเลือกที่ ข้อมูลดา้ นตนเอง ด้านวิชาการ หลากหลายในการแก้ปญั หา และ ดา้ นสังคมส่งิ แวดล้อม อยา่ งมเี หตุผล มีคุณธรรม 4. กระบวนการและเทคนคิ การ จรยิ ธรรม และมีความสขุ เกบ็ ข้อมลู การวิเคราะห์ และ การประยุกตใ์ ชอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล สงั เคราะห์ข้อมลู ทั้ง 3 ประการ เหมาะสมกบั ตนเอง ครอบครัว ของบุคคล ครอบครัว และชุมชน และชมุ ชน/สังคม เพอื่ ประกอบการคดิ การตัดสินใจ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 26
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตวั ชีว้ ัด เนอ้ื หา จำนวน (ชั่วโมง) 5 การวิจยั 5. การกำหนดแนวทางทางเลือกที่ อย่างงา่ ย หลากหลายในการแกป้ ญั หาอยา่ ง 10 มีเหตุผล มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีความสุขอย่างยัง่ ยนื การ ประยุกตใ์ ช้อยา่ งมีเหตุผลเหมาะสม กับตนเอง ครอบครัว และ ชุมชน/สงั คม 1. อธิบายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคญั การวิจัย 5 ความสำคัญการวิจัยอย่างง่าย อยา่ งง่าย กระบวนการและข้ันตอน 5 กระบวนการและข้ันตอนของ ของการดำเนนิ งาน 10 10 การดำเนินงาน 2. สถิติง่าย ๆ เพ่ือการวิจัย 10 2. อธิบาย และฝึกปฏบิ ตั ิ เกย่ี วกับสถติ ิ ง่าย ๆ เพอ่ื การวิจยั 3. การสรา้ งเครอื่ งมือการวิจยั 3. สร้างเครื่องมอื การวิจยั 4. การเขยี นโครงการวิจัยอยา่ งง่ายๆ อยา่ งงา่ ย ๆ 5. ทกั ษะการวจิ ยั ในอาชีพ การ 4. ปฏิบัตกิ ารเขียน เขยี นรายงานวิจยั การนำเสนอและ โครงการวจิ ยั อย่าง เผยแพร่งานวิจยั ง่าย ๆ และมที ักษะการวจิ ัยใน อาชีพ การเขียนรายงานวิจัย การนำเสนอและเผยแพร่ งานวจิ ัย หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 27
คำอธิบายรายวชิ าเลือก สาระทักษะการเรยี นรู้ มาตรฐาน รหสั รายวิชา ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย หน่วยกิต ที่ ทร 33020 3 รายวชิ า ๑.๑ โครงงานพฒั นาทักษะการเรยี นร3ู้ 3 รวม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 28
คำอธิบายรายวชิ า ทร 33020 โครงงานพฒั นาทักษะการเรียนรู้ 3 สาระ ทักษะการเรียนรู้ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จำนวน 3 หนว่ ยกติ (120 ชวั่ โมง) มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ 1. สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนพืน้ ฐานขอ้ มูลและมีความชำนาญในการอา่ น ฟงั จดบันทึกเปน็ สารสนเทศอยา่ งคล่องแคล่วรวดเร็ว 2. สามารถวางแผนและใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ได้อย่างคล่องแคลว่ จนเปน็ ลักษณะนิสยั 3. สามารถสรุป องคค์ วามรู้ใหม่ นำไปสร้างสรรค์สังคมอุดมปญั ญา 4. ความสามารถในการฝึกทักษะการคิดเป็นทีซ่ ับซ้อนเชอ่ื มโยงกับคณุ ธรรม จริยธรรมท่เี กี่ยวข้องกบั ปรัชญาคิดเปน็ และสามารถระบถุ งึ ปัญหาอปุ สรรคการพัฒนากระบวนการคิดเปน็ และการแกไ้ ข 5. สามารถวางแผน การวจิ ยั ดำเนนิ การตามแบบแผนอย่างถกู ต้อง ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเก่ยี วกับเรื่องต่อไปน้ี ความหมาย ความสำคญั หลกั การ และแนวคิดของโครงงาน ประเภทของโครงงาน การเตรยี มและ จดั ทำโครงงานพฒั นาทักษะการเรยี นรู้ ทักษะและกระบวนการท่จี ำเป็นในการทำโครงงานการสะท้อนความ คิดเห็นตอ่ โครงงาน การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 1. วางแผนการเรียนรู้ 2. ศกึ ษาเอกสาร หนังสอื และส่ืออ่ืน ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ แหลง่ เรยี นรู้ 3. ศกึ ษา ทดลอง และฝกึ ปฏิบัติจรงิ 4. ทดลองใช้ บนั ทึกผลการทดลองใช้ 5. รวมกลุ่มอภิปรายปญั หา และหาแนวทางพฒั นา ตดิ ตามผล และแก้ไขปญั หารว่ มกนั การวดั และประเมนิ ผล ใชก้ ารประเมนิ จากรายงาน ชิ้นงาน ผลงานและการมสี ่วนรว่ มในกระบวนการทำโครงงาน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 29
รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา ทร 33020 โครงงานพัฒนาทกั ษะการเรยี นรู้ 3 สาระ ทกั ษะการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 3 หนว่ ยกติ (120 ชั่วโมง) มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ 1. สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนพ้ืนฐานขอ้ มลู และมีความชำนาญในการอ่าน ฟัง จดบันทึกเป็น สารสนเทศอย่างคล่องแคลว่ รวดเร็ว 2. สามารถวางแผนและใช้แหล่งเรยี นรไู้ ด้อย่างคล่องแคลว่ จนเปน็ ลกั ษณะนสิ ยั 3. สามารถสรปุ องค์ความรู้ใหม่ นำไปสรา้ งสรรค์สังคมอุดมปัญญา 4. ความสามารถในการฝึกทักษะการคิดเปน็ ท่ซี ับซ้อนเช่ือมโยงกบั คุณธรรม จริยธรรมท่ีเกย่ี วข้องกบั ปรชั ญาคดิ เปน็ และสามารถระบุถึงปัญหาอุปสรรคการพฒั นากระบวนการคดิ เปน็ และการแกไ้ ข 5. สามารถวางแผน การวจิ ัย ดำเนินการตามแบบแผนอยา่ งถกู ต้อง ท่ี หัวเรือ่ ง ตวั ชวี้ ดั เนื้อหา จำนวน (ชวั่ โมง) 1 ความหมายความสำคญั วเิ คราะห์ความหมาย ความสำคัญ 1. ความหมายของโครงงาน 10 หลักการและแนวคดิ ของ หลกั การและแนวคดิ ของโครงงาน 2. ความสำคญั ของโครงงาน โครงงาน 3. หลักการของโครงงาน 4. แนวคดิ ของโครงงาน 2 ประเภทของโครงงาน 1. วเิ คราะหโ์ ครงงานตาม 1.โครงงานตามกิจกรรมการเรียนรู้ 20 กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1.1 โครงงานตามสาระการเรียนรู้ 1.2 โครงงานตามความสนใจ 2. วเิ คราะห์โครงงานตาม 2. โครงงานตามวตั ถุประสงค์ของ วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน โครงงาน 2.1 โครงงานทเ่ี ปน็ การสำรวจ 2.2 โครงงานที่เป็นการศึกษา ค้นควา้ ทดลอง 2.3โครงงานทีเ่ ปน็ การศึกษาทฤษฎี หลักการแนวคดิ ใหม่ ๆ ท่นี ำมา พฒั นา 2.4 โครงงานที่เป็นการสร้าง สิ่งประดิษฐค์ ิดค้น หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 30
ท่ี หัวเรือ่ ง ตวั ช้ีวดั เนอ้ื หา จำนวน (ช่วั โมง) 3 การเตรยี มและจัดทำ สามารถเตรียมและจดั ทำ 1. การพิจารณาเลือกโครงงาน 60 โครงงานพฒั นาทักษะ โครงงานพัฒนาทักษะการเรยี นรู้ 2. การวางแผน การเรยี นรู้ 3. การดำเนนิ งาน 4. การเขียนรายงาน 5. การนำเสนองาน 4 ทกั ษะและกระบวนการ วิเคราะหท์ ักษะและกระบวนการ 1. ทักษะด้านการจดั การขอ้ มลู 15 ทีจ่ ำเป็นในการทำ ท่จี ำเป็นในการทำโครงงาน สารสนเทศ โครงงาน 2. ทักษะการคิดอย่างเปน็ ระบบ 3. ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 4. ทักษะการนำเสนอ 5. ทกั ษะการพฒั นาต่อยอด ความรู้ 5 การสะท้อนความคดิ เหน็ วิเคราะหก์ ารสะท้อนความ 1. แนวคิดเรอื่ งการสะท้อน 15 ต่อโครงงาน คดิ เห็นตอ่ โครงงานพัฒนาทกั ษะ ความคดิ การเรยี นรู้ 2. ความสำคัญของการสะท้อน ความคิด 3. การประเมนิ โครงงานและการ พัฒนาข้อบกพร่องต่าง ๆ จาก โครงงาน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 31
สาระความรูพ้ ืน้ ฐาน วิชาภาษาไทย เปา้ หมายการเรยี นรู้ ๑. เข้าใจเกี่ยวกับการฟัง การสังเกต การอ่าน พูด เขียน และการถ่ายทอด ประสบการณด์ ว้ ยประโยคทซ่ี ับซ้อนมากขึ้นในชวี ติ ประจำวัน และการประกอบอาชพี ๒. ใชภ้ าษาไทยได้ถกู ต้องตามมารยาทและกาลเทศะ ๓. มีทกั ษะในการส่อื สารตามหลกั การใชภ้ าษาไทยได้ถกู ต้องจนเปน็ นสิ ัย มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั มาตรฐานท่ี ๒.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะพื้นฐานเก่ยี วกับภาษาและการสอื่ สาร มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวงั การฟัง การดู ๑. สามารถเลอื กสอ่ื ในการฟัง และดอู ย่าง ๑. เหน็ คณุ คา่ ของสอื่ ในการฟงั และดู สร้างสรรค์ ๒. วจิ ารณ์ความสมเหตุสมผล การลำดบั ความ ๒. สามารถฟงั และดู อย่างมีวจิ ารณญาณ และความเปน็ ไปได้ ของเรื่องทฟ่ี งั และดู ๓. เป็นผูม้ ีมารยาท ในการฟังและดู ๓. นำเสนอความรู้ ความคิดเหน็ ท่ไี ด้ จากการ ฟังและดู ๔. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผู้มีมารยาทในการฟัง และดู การพดู ๑. สามารถพูด ทัง้ ที่เปน็ ทางการและ ไม่เป็น ๑. ใช้ศิลปะการพดู ท่ีเปน็ ทางการและไม่เปน็ ทางการ ทางการ โดยใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม ได้อยา่ งเหมาะสมกบั โอกาสและบคุ คล ๒. สามารถแสดงความคิดเหน็ เชิงวเิ คราะห์ ๒. วิเคราะห์ ประเมินคา่ การใช้ภาษาพดู จาก ส่อื และประเมินคา่ การใชภ้ าษาพูดจากสือ่ ต่างๆ ตา่ งๆ ๓. มมี ารยาทในการพดู ๓. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู้ มี ารยาทในการพูด การอา่ น ๑. สามารถอ่านอย่าง มีวจิ ารณญาณ จัดลำดบั ๑. ตคี วาม แปลความ และขยายความเรื่องท่อี ่าน ความคิดจากเร่อื งทอ่ี ่าน ๒. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ความสมเหตุสมผล การลำดบั ๒. สามารถศึกษาภาษาถ่ิน สำนวน สภุ าษิตท่มี ี ความคดิ และความเป็น ไปไดข้ องเรื่องทีอ่ ่าน อยใู่ นวรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ นั และ ๓. อธบิ ายความหมาย ของภาษาถน่ิ สำนวน วรรณกรรมท้องถ่ิน สภุ าษิตทป่ี รากฏในวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน วรรณกรรมท้องถิ่น มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวัง ๓. สามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ ประเมินค่า ๔. วิเคราะห์ วจิ ารณป์ ระเมนิ คา่ วรรณคดี องคป์ ระกอบของวรรณคดี วรรณกรรม วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรมท้องถิน่ ในฐานะที่ ปจั จุบนั วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาตแิ ล้วนำไป ประยุกต์ใชใ้ นการดำเนนิ ชีวิต หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 32
๔. สามารถค้นควา้ หาความรู้จากสือ่ สงิ่ พิมพ์ ๕. เลือกใชส้ อ่ื ในการคน้ ควา้ หาความรทู้ ี่หลากหลาย และส่ือสารสนเทศ ๖. มมี ารยาทในการอ่านและมีนสิ ยั รักการอ่าน ๕. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผ้มู ีมารยาทในการอ่าน และ นิสัยรกั การอา่ น การเขยี น ๑. รู้และเข้าใจหลักการเขียนประเภทตา่ งๆ ๑. กรอกแบบพิมพป์ ระเภทต่างๆ ไดถ้ ูกต้อง เขียนย่อ โดยใชค้ ำในการเขียนไดต้ รงความหมาย และ ความ เรียงความ จดหมาย เขยี นอธบิ าย ช้แี จง ถูกต้องตามอกั ขระวิธีและระดับภาษา โน้มนา้ วใจ แสดงทศั นะ และการเขยี นเชิง ๒. สามารถวิพากษว์ ิจารณ์และประเมินงาน สรา้ งสรรค์ โดย ใช้หลกั การเขยี นและโวหารต่างๆ เขียนของผอู้ น่ื เพอ่ื นำมาพฒั นางานเขียน ไดถ้ ูกต้องตามอกั ขระวธิ ีและระดับภาษา ๓. สามารถแต่งคำประพันธ์ประเภทรอ้ ยแก้ว ๒. แตง่ คำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง ได้ถูกต้อง และรอ้ ยกรอง ตามฉันทลักษณ์และใชถ้ ้อยคำท่ไี พเราะ ๔. มมี ารยาทในการเขียน และนสิ ัยรกั การ ๓. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผู้มมี ารยาทในการเขยี น และมกี ารจด เขียน บนั ทกึ อยา่ งสมำ่ เสมอ หลกั การใชภ้ าษา ๑. ร้แู ละเข้าใจธรรมชาติของภาษา ๑. อธบิ ายธรรมชาติของภาษาและใช้ประโยคตาม ๒. สามารถใช้ภาษาสร้างมนุษยสัมพันธใ์ นการ เจตนาของการส่อื สาร ปฏิบตั งิ านรว่ มกบั ผ้อู ืน่ และใชค้ ำราชาศัพท์ ๒. เลือกใชถ้ ้อยคำสำนวน สุภาษติ คำพงั เพยใหต้ รง คำสภุ าพได้ถูกต้องตามฐานะของบุคคล ความหมาย ๓. ใชป้ ระโยคได้ถกู ต้องตามเจตนาของผู้ส่งสาร ๔. ใช้คำราชาศัพท์ และคำสุภาพไดถ้ ูกต้องตามฐานะ และบุคคล วรรณคดี วรรณกรรม ๑. สามารถวเิ คราะห์และเหน็ คุณค่าวรรณคดี ๑. วิจารณ์ และอธิบายคณุ ค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน และวรรณกรรมท้องถิน่ วรรณกรรมปัจจบุ นั และวรรณกรรมท้องถิน่ โดยใช้หลักการพินิจวรรณคดี หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 33
คำอธิบายรายวิชาบงั คับ สาระความร้พู ้นื ฐาน ภาษาไทย มาตรฐานท่ี รหัสรายวชิ า ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หน่วยกิต ๒.๑ พท๓๑๐๐๑ รายวิชา ๕ ภาษาไทย ๕ รวม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 34
คำอธบิ ายรายวชิ า พท๓๑๐๐๑ ภาษาไทย จำนวน ๕ หน่วยกิต ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานที่ ๒.๑ มีความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเกย่ี วกบั ภาษาและการส่ือสาร การฟัง การดู ๑. สามารถเลอื กสื่อ ในการฟัง และดูอย่างสร้างสรรค์ ๒. สามารถฟงั และดู อย่างมีวิจารณญาณ ๓. เปน็ ผมู้ ีมารยาท ในการฟังและดู การพูด ๑. สามารถพูด ทงั้ ท่ีเปน็ ทางการและไม่เปน็ ทางการ โดยใชภ้ าษาถูกต้องเหมาะสม ๒. สามารถแสดงความคิดเห็นเชงิ วิเคราะห์ และประเมนิ คา่ การใช้ภาษาพูดจากสื่อต่างๆ ๓. มมี ารยาทในการพดู การอ่าน ๑. สามารถอ่านอย่าง มวี ิจารณญาณ จดั ลำดับความคิดจากเรือ่ งทอ่ี า่ น ๒. สามารถศกึ ษาภาษาถ่ิน สำนวน สุภาษติ ที่มอี ยูใ่ นวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ นั และ วรรณกรรมท้องถิ่น ๓. สามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่าองคป์ ระกอบของวรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ ัน วรรณกรรมท้องถิน่ ๔. สามารถค้นคว้าหาความรู้จากสอ่ื สงิ่ พิมพ์และส่ือสารสนเทศ ๕. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผ้มู ีมารยาทในการอ่าน และนสิ ัยรักการอ่าน การเขียน ๑. รู้และเข้าใจหลักการเขยี นประเภทต่างๆ โดยใช้คำในการเขยี นได้ตรงความหมาย และ ถูกต้องตามอกั ขระวธิ ีและระดับภาษา ๒. สามารถวพิ ากษ์วจิ ารณแ์ ละประเมนิ งานเขียนของผู้อ่ืน เพ่อื นำมาพัฒนางานเขียน ๓. สามารถแตง่ คำประพนั ธ์ประเภทร้อยแก้วและร้อยกรอง ๔. มมี ารยาทในการเขียน และนิสัยรักการเขียน หลกั การใชภ้ าษา ๑. รูแ้ ละเขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษา ๒. สามารถใช้ภาษาสร้างมนุษยสัมพันธ์ในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น และใช้คำราชาศัพท์ คำสภุ าพได้ถกู ต้องตามฐานะของบคุ คล วรรณคดี วรรณกรรม ๑. สามารถวิเคราะห์และเห็นคุณค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ ัน และวรรณกรรมท้องถิ่น โดยใช้ หลักการพนิ จิ วรรณคดี ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปน้ี การฟัง การดู การวจิ ารณ์ความสมเหตสุ มผล การลำดบั ความและความเป็นไปได้ของเรื่องท่ีฟังและดูจากส่ือ ทห่ี ลากหลาย ตลอดจนมารยาทของการฟังและดู หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 35
การพูด ศลิ ปะการพูดที่เปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ และมารยาทในการพดู การอ่าน การอ่านเพื่อตีความ แปลความ ขยายความ ความหมายของภาษาถิ่น สำนวน สุภาษิต องคป์ ระกอบ ของการประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบนั และวรรณกรรมทอ้ งถิ่น ตลอดจนมารยาทใน การอ่าน การเขียน หลักการเขียนประเภทตา่ งๆ และการแตง่ คำประพันธป์ ระเภทร้อยกรอง ตลอดจนมารยาท ในการเขยี น หลกั การใชภ้ าษา ธรรมชาตขิ องภาษา การใชถ้ ้อยคำ ประโยค สำนวน สุภาษิต คำพังเพย คำสภุ าพ คำราชาศัพท์ วรรณคดแี ละวรรณกรรม หลักการพินิจและประเมินคุณค่าเกี่ยวกับวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน และวรรณกรรม ท้องถิ่น การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ จัดประสบการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงเก่ี ยวกับทักษะ การฟงั การดู การพดู การอ่าน การเขียน และหลกั การใชภ้ าษาเปน็ รายบุคคลหรอื ใชก้ ระบวนการกลุม่ การวัดและประเมนิ ผล การสังเกต การฝึกปฏิบัติ การทดสอบ ตรวจสอบ ตอบคำถาม และการประเมินชิ้นงานในแต่ ละกจิ กรรม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 36
รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา พท31001 ภาษาไทย จำนวน 5 หนว่ ยกิต ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ การฟงั การดู 1. สามารถเลอื กส่ือ ในการฟัง และดอู ย่างสร้างสรรค์ 2. สามารถฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ 3. เป็นผู้มมี ารยาท ในการฟังและดู การพดู 1. สามารถพดู ท้ังท่ีเปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ โดยใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสม 2. สามารถแสดงความคิดเหน็ เชิงวิเคราะห์ และประเมินค่าการใชภ้ าษาพูดจากสื่อต่างๆ 3. มมี ารยาทในการพูด การอ่าน 1. สามารถอ่านอย่าง มวี จิ ารณญาณ จดั ลำดบั ความคดิ จากเร่อื งทอี่ ่าน 2. สามารถศกึ ษาภาษาถ่ิน สำนวน สุภาษิตท่มี ีอย่ใู นวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ ัน และ วรรณกรรมท้องถน่ิ 3. สามารถวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ประเมนิ ค่าองค์ประกอบของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบนั วรรณกรรมท้องถนิ่ 4. สามารถคน้ คว้าหาความรจู้ ากส่อื ส่ิงพิมพ์และส่ือสารสนเทศ 5. ปฏิบตั ติ นเป็นผูม้ มี ารยาทในการอ่าน และนิสัยรักการอา่ น การเขียน 1. รู้และเขา้ ใจหลกั การเขียนประเภทต่างๆ โดยใชค้ ำในการเขยี นได้ตรงความหมาย และ ถูกต้องตามอักขระวิธีและระดับภาษา 2. สามารถวพิ ากษ์วิจารณ์และประเมนิ งานเขยี นของผอู้ ่ืน เพอ่ื นำมาพัฒนางานเขียน 3. สามารถแตง่ คำประพนั ธป์ ระเภทรอ้ ยแก้วและร้อยกรอง 4. มมี ารยาทในการเขียน และนสิ ยั รักการเขยี น หลกั การใช้ภาษา 1. รู้และเขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษา 2. สามารถใช้ภาษาสรา้ งมนุษยสมั พันธใ์ นการปฏบิ ัตงิ านร่วมกับผอู้ นื่ และใชค้ ำราชาศัพท์ คำสภุ าพได้ถกู ต้องตามฐานะของบคุ คล วรรณคดี วรรณกรรม สามารถวเิ คราะห์และเห็นคณุ ค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน และวรรณกรรมท้องถนิ่ โดยใช้หลักการพนิ จิ วรรณคดี หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 37
ที่ หัวเร่อื ง ตวั ชีว้ ัด เนือ้ หา จำนวน (ช่วั โมง) 1. การฟัง การดู 1. เห็นคณุ ค่าของสอื่ ในการฟงั และดู 1. หลกั การฟัง และดู 10 2. วิจารณค์ วามสมเหตุสมผล การ 2. สรปุ ความ จบั ประเด็น 4 ลำดบั ความและความเป็นไปได้ ใจความสำคัญของเรือ่ ง ของเร่ืองท่ีฟงั และดู ทฟ่ี งั และดู 3. นำเสนอความรู้ ความคิดเห็น 3. การวิเคราะห์ขอ้ เท็จจรงิ 4 ที่ไดจ้ ากการฟงั และดู ขอ้ คิดเห็นและสรุปความ 4. ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้มีมารยาท 4. มารยาทในการฟังและดู 2 ในการฟังและดู 2. การพูด 1. ใช้ศิลปะการพูดท่ีเป็นทางการ 1. หลักการแสดงความคิดเห็น 2 และไมเ่ ปน็ ทางการได้อยา่ ง 2. การพดู เปน็ ทางการ และ 8 เหมาะสมกับโอกาสและบุคคล ไมเ่ ปน็ ทางการ 2. วเิ คราะห์ ประเมินค่าการใช้ 3. ศิลปะการพูดประเภท 8 ภาษาพดู จากสอ่ื ต่าง ๆ ตา่ ง ๆ เช่น - พดู แนะนำตนเอง - พดู กลา่ วตอ้ นรบั - พูดกล่าวขอบคณุ - พดู โนม้ นา้ วใจ/ปฏเิ สธ - พดู เจรจาต่อรอง - พูดแสดงความคิดเหน็ - พดู อธิบาย - พดู สุนทรพจน์ /โต้วาที 3. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผู้มมี ารยาทใน 4. มารยาทในการพูด 2 การพดู 3. การอ่าน 1. ตคี วาม แปลความ และขยาย 1. หลกั การตีความ แปล 2 ความเรื่องที่อ่าน ความและขยายความ 2. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ความ 2. การอา่ นบทประพันธ์ 7 สมเหตุสมผล การลำดับ ท่ไี พเราะทั้งร้อยแก้ว ความคิดและความเปน็ ไปได้ รอ้ ยกรอง ของเรื่องท่ีอ่าน 3. อธิบายความหมายของภาษาถน่ิ 3. การอ่านวรรคตอน 10 สำนวน สภุ าษิตท่ีปรากฏใน ในวรรณคดี จากเร่ือง ขนุ ชา้ งขุนแผน หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 38
ที่ หวั เรื่อง ตัวช้วี ดั เนือ้ หา จำนวน (ชวั่ โมง) วรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน พระอภัยมณี อิเหนา วรรณกรรมท้องถิ่น นทิ านเวตาล นิราศ พระบาท นิราศภูเขาทอง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก มัทนพาธา พระมหาชนก (ทศชาตชิ าดก) 4. หลกั การวเิ คราะห์ วิจารณ์ 20 4. วเิ คราะห์ วิจารณป์ ระเมนิ ค่า และประเมินค่าวรรณคดี วรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน วรรณกรรมปจั จุบนั และ วรรณกรรมท้องถนิ่ ในฐานะ ท่ี วรรณกรรมท้องถ่ิน เช่น เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ของ วรรณกรรมปัจจุบนั ชาติ แล้วนำไปประยกุ ต์ ใชใ้ น ไดแ้ ก่ บทละครโทรทัศน์ การดำเนนิ ชวี ิต นวนิยาย เรื่องสน้ั บทเพลง 5. เลือกใช้สอื่ ในการคน้ คว้าหา ต่างๆ วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ความรู้ท่ีหลากหลาย ได้แก่ ไกรทอง นางสบิ สอง ปลาบู่ทอง ผาแดงนางไอ่คำ ละครจักรๆ วงศๆ์ ฯลฯ 6. มีมารยาทในการอ่านและ 5. การมมี ารยาทในการอา่ น 1 มนี สิ ัยรักการอ่าน 4. การเขยี น 1. เขยี นแผนภาพความคดิ 1. การเขียนแผนภาพ 2 เขียนยอ่ ความ เรียงความ ความคิด 2 จดหมาย เขียนอธิบาย ชีแ้ จง 2. การเขยี นย่อความ 2 โน้มน้าวใจ แสดงทัศนะ และ 3. การเขียนเรยี งความ 2 การเขียนเชงิ สร้างสรรค์ โดยใช้ 4. การเขยี นจดหมาย 2 หลักการเขียนและโวหารต่างๆ 5. การเขยี นอธิบาย 2 ไดถ้ ูกตอ้ งตามอักขระวิธแี ละ 6. การเขียนชแ้ี จง โนม้ น้าวใจ 2 ระดบั ภาษา 7. การเขยี นแสดงทัศนะ 2 8. การเขียนคำขวญั 2 9. การเขยี นคำโฆษณา 6 10. หลกั การเขยี นโวหาร 2. แตง่ คำประพนั ธ์ประเภท แบบตา่ งๆ 7 ร้อยกรองได้ถกู ต้องตาม ฉนั ท 11. การเขียนพรรณนาและ ลักษณแ์ ละใช้ถ้อยคำ ที่ การเขยี นบรรยาย ไพเราะ เหตุการณ์ 5 หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 39
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชวี้ ดั เน้อื หา จำนวน (ชวั่ โมง) 12. หลักการเขียนรายงาน 1 3. การกรอกแบบพิมพ์ประเภท ทางวิชาการ 2 ตา่ งๆ ได้ถูกต้อง 13. หลักการเขียนอ้างอิง 14. การกรอกแบบพิมพ์ ประเภทตา่ งๆ เช่น กรอกใบสมคั รงาน 4. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้มมี ารยาท กรอกใบสมคั รเรยี น กรอก 1 ในการเขียน และมกี ารจดบนั ทกึ ใบคำร้องต่างๆ อย่างสมำ่ เสมอ 15. การปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผู้มมี ารยาทในการเขยี น และมนี ิสยั รักการเขียน 5. หลกั การใช้ภาษา 1. อธบิ ายธรรมชาตขิ องภาษา 1. ธรรมชาติของภาษา 10 และใชป้ ระโยคตามเจตนา - การเปลย่ี นแปลง ของการสอ่ื สาร ของภาษา 4 - ลกั ษณะของภาษา 10 2. เลือกใชถ้ อ้ ยคำ สำนวน - พลงั ของภาษา 8 สภุ าษติ คำพงั เพยให้ 8 ตรงความหมาย 2. การใช้ถอ้ ยคำ สำนวน 10 สุภาษิต คำพังเพย 3. ใชป้ ระโยคได้ถกู ต้อง ตามเจตนาของผูส้ ่งสาร 3. โครงสรา้ งของประโยค รปู ประโยค และชนิด 4. ใชค้ ำสุภาพ และคำราชา ของประโยค ศัพทใ์ ห้ถูกตอ้ งตาม ฐานะและบุคคล 4. ระดับภาษา 5. คำสภุ าพ 5. แต่งคำประพันธ์ประเภท 6. คำราชาศพั ท์ ร้อยกรอง 7. การแต่งคำประพนั ธ์ 6. วรรณคดีและ อธบิ ายคุณค่าวรรณคดี ประเภทรอ้ ยกรอง วรรณกรรม วรรณกรรมปจั จุบัน และวรรณกรรมท้องถ่นิ 1. ความหมายของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ ันและ วรรณกรรมท้องถิน่ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 40
ที่ หวั เร่อื ง ตัวช้วี ัด เน้ือหา จำนวน (ช่ัวโมง) 2. คุณคา่ ของวรรณคดี 15 และวรรณกรรม ด้าน วรรณศลิ ป์ และด้านสังคม 3. แนวคดิ และค่านยิ ม 15 ท่ปี รากฏในวรรณคดี และวรรณกรรม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 41
วชิ าภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เปา้ หมายการเรียนรู้ ๑. เขา้ ใจเกยี่ วกบั ภาษาท่าทาง ฟัง พดู อา่ น เขียน ดว้ ยประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้นใน ชวี ติ ประจำวนั และงานอาชีพ ๒. ปฏิบตั ติ นได้ถกู ตอ้ งตามมารยาท และวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา ๓. มีทักษะทีถ่ ูกตอ้ งตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง มาตรฐาน พต ๒.๑ มคี วามรู้ความเข้าใจ และทักษะพืน้ ฐานเกีย่ วกบั ภาษาและการสื่อสาร มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนรูท้ ่ีคาดหวงั มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ ก่ยี วกบั ๑. เข้าใจเก่ียวกบั ภาษา ท่าทาง ฟงั พดู อา่ น ภาษาทา่ ทาง การฟัง พดู อ่าน เขยี น เขียน ดว้ ยประโยคทซี่ ับซ้อนมากขึ้นใน ภาษาตา่ งประเทศ ดว้ ยประโยคท่ีซบั ซ้อนมากขึน้ ชวี ติ ประจำวนั และงานอาชีพ ในชวี ิตประจำวนั และงานอาชพี ของตน ถกู ต้อง ๒. ปฏิบัตติ นไดถ้ ูกต้องตามมารยาทและ ตามหลกั ภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของ วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา เจ้าของภาษา ๓. มที ักษะทถี่ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 42
คำอธบิ ายรายวิชาบังคบั สาระความรู้พน้ื ฐาน วชิ าภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มาตรฐานท่ี รหัสรายวิชา ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย หน่วยกติ ๒.๑ พต ๓๑๐๐๑ รายวิชา ๕ ๕ ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม รวม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 43
คำอธบิ ายรายวชิ า พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพื่อชีวติ และสงั คม จำนวน ๕ หน่วยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกับ ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลัก ภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกีย่ วกับเรอ่ื งดังต่อไปน้ี ๑. การตีความหมายจากน้ำเสียงของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกดีใจ เสียใจ พึงพอใจ ไม่พึงพอใจซาบซ้ึง ผิดหวัง ปรารถนาดี ชื่นชมหรือเห็นใจ และการใช้น้ำเสียงแสดงความรู้สึกของตัวเองในโอกาสต่าง ๆการอ่าน ทำ ความเข้าใจและปฏิบัติตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในสลากสินค้า การพูดทางโทรศัพท์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ถู กต้อง การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมอังกฤษและวัฒนธรรมไทย รวมทั้งสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้อง ตามวฒั นธรรมและประเพณตี ่าง ๆ ๒. การอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ใน ด้านต่างๆ ที่หลากหลาย การสืบค้นข้อมูลจาก Internet เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตในสังคม การรับ และตอบ e-mail ท้งั ในเรือ่ งส่วนตัว ในการศึกษาและในการประกอบอาชีพ วิธีการแลกเปล่ยี นข้อมูลข่าวสารและ ความรู้ ต่าง ๆ กับผู้อื่น ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยเข้าใจโครงสร้างของประโยคที่ซับซ้ อน (Complex Sentence) และใช้ Tense ต่าง ๆ ในการแสวงหาข่าวสาร ข้อมูล ความรู้และในการสื่อสารได้อย่าง ถกู ตอ้ งและเหมาะสมกับสถานการณ์ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ เนน้ การฟงั พูด อา่ น เขียน จากสถานการณ์จรงิ หรือสถานการณจ์ ำลอง โดยใช้สอื่ ท่ีเหมาะสม และสอดคล้องกับเนอ้ื หาในการเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผล ๑. พิจารณาจากความสามารถในการนำความร้แู ละทกั ษะไปใชใ้ นสถานการณ์ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม ๒. พจิ ารณาจากความสามารถในการนำความรแู้ ละทักษะไปใช้ในสถานการณ์ ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 44
รายละเอยี ดคำอธิบายรายวชิ า พต31001 ภาษาอังกฤษเพือ่ ชีวิตและสงั คม จำนวน 5 หนว่ ยกิต ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติเกย่ี วกบั ภาษาท่าทาง การฟงั พดู อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคท่ซี บั ซ้อนมากข้นึ ในชีวิตประจำวัน และงานอาชีพของตน ถกู ต้องตามหลัก ภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา จำนวน (ชั่วโมง) 1 Everyday ตคี วามหมาย 1. การออกเสียงพยัญชนะตน้ คำ -ทา้ ยคำ English 2 จากนำ้ เสียงของ 1.1ทบทวนการออกเสยี ง พยญั ชนะตน้ คำท่ียาก ผู้อืน่ และรู้จักใช้ เช่น เสยี ง s z ch sh น้ำเสยี งในการ - sit, see, soon แสดงความรสู้ ึก - zebra, zero, zoo ระหว่างการ - cheap, chat, choose สนทนา ได้แก่ - ship, shoe, shut ดใี จ เสยี ใจ etc. พึงพอใจ 1.2การอา่ นออกเสยี งทา้ ยคำทถ่ี ูกต้อง ไม่พึงพอใจ เช่น เสยี ง [d] , [t] , หรือ [id] เมอ่ื เป็นกริยา ซาบซ้งึ ผดิ หวงั ชอ่ ง 2 และ past participle เชน่ ปรารถนาดี - moved, turned, loved ช่ืนชมและ - walked, talked, knocked เหน็ ใจ - wanted, rented, waited etc. 2. การออกเสยี งหนัก-เบา (Stress) วธิ ีการออกเสยี ง 2 หนกั -เบา ของคำในลักษณะต่าง ๆ เชน่ คำเดย่ี ว คำประสมในลักษณะต่าง ๆ เปน็ ตน้ วา่ คำประเภทใด จะตอ้ งออกเสยี งเน้นท่พี ยางค์แรก พยางค์กลางหรอื พยางค์หลงั 3. การออกเสยี งตามระดบั เสยี งสงู -ตำ่ (Intonation) 4 วิธกี ารออกเสียงของประโยคลักษณะต่าง ๆ ซึ่งจะต้องออกเสยี งสงู -ตำ่ ให้ถูกต้องเพ่ือให้ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 45
ท่ี หัวเร่อื ง ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา จำนวน (ช่วั โมง) สื่อความหมายที่ผู้พูดต้องการ ประโยคประเภท เดยี วกนั ถ้าออกเสียงสงู -ต่ำ ตา่ งกันจะใหค้ วามรู้สกึ ท่ี ตา่ งกนั 4. การออกเสียงเช่ือมโยง (Linking Sound) วิธกี าร 2 อา่ นออกเสยี งเช่ือมโยงระหว่างคำในภาษาอังกฤษที่ ถูกต้องตามกฎเกณฑข์ องภาษาองั กฤษ เช่น - Ten years ago. - Far away etc. 5. การแสดงความดีใจ/เสียใจ 2 การใช้คำ วลแี ละรูปประโยคทจี่ ะนำมาใช้ในการ แสดงความดใี จและเสยี ใจในโอกาสต่าง ๆ ไดถ้ ูกต้อง เช่น แสดงความดใี จที่ได้พบกนั อีกคร้งั หรือ แสดงความเสยี ใจท่ีทำผิด เป็นต้น ตัวอยา่ ง คำวลี และรูปประโยค เชน่ - Congratulations! - Sorry. Glad is hear about that. - Sorry about that. - I’m glad to...................... - I’m pleased to........................ - I love to........................... - I’m sorry to......................... - It’s my fault that............................ 6. การแสดงความพอใจ/ไม่พอใจ ให้รู้จักคำ วลี และ 4 รปู ประโยคท่ีจะทีจ่ ะนำมาใช้ในการแสดงความ พอใจ/ไม่พอใจในโอกาสต่าง ๆ ได้ถูกตอ้ ง เช่น แสดง ความพอใจ/ไม่พอใจในการรับบริการ เปน็ ต้น ตัวอย่างคำ วลี และรปู ประโยค เชน่ - Great! - Awful! - Good news! หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 46
ท่ี หัวเร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนื้อหา จำนวน (ชั่วโมง) - How nice! - How terrible! - That’s fantastic! - I can’t stand it! - I’m very disappointed with......................... - It’s ashamed that............................. 7. การแสดงความปรารถนา/ เห็นใจและการตอบรบั 2 การใช้ คำ วลี และรปู ประโยคทจี่ ะนำมาใช้ใน การ แสดงความปรารถนาดี/เห็นใจในโอกาสต่าง ๆ ได้ ถกู ต้อง เช่น การแสดงความระลกึ ถงึ การแสดง ความเหน็ ใจเม่ือผ้อู ืน่ ประสบปัญหา เปน็ ต้น ตัวอยา่ ง คำ วลี และรปู ประโยค เชน่ - Best wishes. - Take care. - Get well soon. - Good luck. - With sympathy. - We hope everything go well through this suffering period. - I understand how difficult it is. - It must be for you. - I feel sympathy for you. - Thank you for your hospitality. - Thanks a million for............................ - I’m very grateful to your........................... - It’s very appreciative that.............................. - I’m very appreciated for................................ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 47
ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วดั เนอ้ื หา จำนวน (ชว่ั โมง) 8. การแสดงความต้องการการเสนอ/ใหค้ วาม 4 ชว่ ยเหลอื /บรกิ าร รวมท้ังการตอบรับ/ปฏิเสธ การ ใหค้ วามช่วยเหลือ/บริการ การใชค้ ำ วลี และรปู ประโยคเพ่ือแสดงความต้องการ การเสนอ/ ให้ความช่วยเหลอื /บริการ รวมทัง้ การตอบรับ/ ปฏเิ สธในการให้ความช่วยเหลอื /บริการในโอกาส และสถานทีต่ ่าง ๆ ได้อย่างถกู ต้อง ได้แก่ การซอ้ื สนิ คา้ /บรกิ ารในร้าน การส่งั จองต๋ัวเคร่ืองบนิ / รถไฟ/ภาพยนตร/์ การบรกิ ารในบริษัททัวร์ การจอง โรงแรม/ ที่พัก การใช้บริการใน ท่ที ำการ ไปรษณีย/์ ธนาคาร/ร้านอินเตอรเ์ น็ต ตวั อย่าง คำ วลี และรูปประโยค เชน่ - May I help you? - What can I do for you? - Let me.............................. - Shall I ...............................? - Is there anything I can do for you? - I would like......................... - I prefer................................. - I’d rather.............................. - How much..............................? - How about..............................? - I’m afraid..............................? - We recommend.............................. 2 What should - Would you please..............................? 4 you do? - Please let me know............................ - It’s occupied. etc. อ่านและทำตาม 1. การใชพ้ จนานุกรม (Dictionary) คำแนะนำในการ 1.1ทบทวนการค้าหาความหมายของคำศัพท์โดย ใช้คมู่ อื เรียงตามตวั อักษรของคำศัพท์ท่ีคน้ หาจาก ปา้ ย a ถงึ z คำแนะนำ หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย หนา้ 48
ท่ี หัวเร่ือง ตวั ช้วี ัด เนื้อหา จำนวน (ชัว่ โมง) วธิ กี ารปรงุ 1.2ใหอ้ ่านวิธกี ารใชพ้ จนานุกรมและข้อมูลต่าง ๆ ที่ ข้อควรระวงั และ อยู่ในสว่ นหนา้ (คำชแี้ จงในการใช)้ ของ ปา้ ยประกาศ Dictionary ใหเ้ ข้าใจ 1.3เม่ือค้นหาคำศัพท์พบแลว้ ให้ศึกษาวิธีการอ่าน ออกเสยี งหน้าท่ีของคำ ความหมายและ ตวั อย่างในการใช้ (ซ่งึ คำบางคำอาจจะทำหน้าที่ ไดห้ ลายอย่าง) และคำที่มคี วามหมายใกล้เคียง กัน เช่น drug (ดรกั ) n. ยา ผลติ ภัณฑ์ยา ยาเสพติด สนิ คา้ ทเ่ี ก่ยี วกบั สุขภาพที่ขายในร้านขายยา vt. drugged, drugging ผสมกับยา ทำให้ติดยา ทำให้ ไดร้ บั พิษจากยา drug on the market สนิ ค้าที่มี มากเกนิ ความต้องการในตลาด 2. การวิเคราะห์ศัพทแ์ ละรูปประโยคทใี่ ช้ใน 4 สญั ลกั ษณ์ ปา้ ยประกาศ/คำแนะนำในการใช/้ คำแนะนำ/คำเตือนตา่ ง ๆ 2.1การวเิ คราะห์ศพั ทโ์ ดยการร้จู ักสว่ นท่ีเปน็ รากศัพท์ (Root) อปุ สรรค หรอื ทีค่ ำเติมไป ขา้ งหนา้ (Prefix) และปจั จยั หรอื คำทีเ่ ติม ข้างหลงั (Suffix) โดยทราบความหมายของ สว่ นประกอบของคำศัพทต์ ่าง ๆ เหลา่ น้ัน ก็จะทราบความหมายของศัพท์ได้ เช่น Prefix : re = again anti = against tele = far etc. Suffix : ant = person หนา้ 49 er = person who dom = condition หลกั สูตรสถานศึกษา-กศน.อาเภอลาทบั -มธั ยมศึกษาตอนปลาย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183