Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD,RAMA 9

THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD,RAMA 9

Published by buaallen, 2017-11-09 11:22:29

Description: THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD,RAMA 9

Search

Read the Text Version

ศูนยส์ รา้ งสรรคจ์ นิ ตนาการเดก็ ชุมชนบงึ พระราม ๙ อญั ชิสา อศั วพิพธิวทิ ยานพิ นธน์ ีเ้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของการศึกษาตามหลกั สตู รสถาปัตยกรรมศาสตรบณั ฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี 2560

THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD, RAMA9 COMMUNITY ANCHISA AUSAVAPIPITA THESIS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE BACHELOR DEGREE OF ARCHITECTURE DIVISION OF ARCHITECTURAL TECHNOLOGY FACULTY OF ARCHITECTURE RAJAMANGALA UNIVERSITY OF TECHNOLOGY THANYABURI 2017

“CONTENTS” “INTRODUCTION”บทคัดยอ่ กติ ติกรรมประกาศ ก บทท่ี 1 บทนา 11-3สารบัญ ขสารบญั ภาพ ค 1.1 ความสาคญั ของโครงการ 1-4สารบญั ตาราง ง 1.2องคป์ ระกอบของชุมชน 1-10สารบัญแผนท่ี จ 1.3วตั ถุประสงค์ของการศึกษาโครงการ 1-11สารบญั แผนภมู ิ ช 1.4ขอบเขตของการศึกษาโครงการ 1-12 1.5ขัน้ ตอนและวธิ กี ารศึกษาโครงการ 1-13 1.6ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับจาการศึกษาโครงการ one

“LITERATURE REVIEW” 3threeบทท่ี 2 2-3 บทท่ี 3 2-3 การวิเคราะห์ทีต่ งั้ โครงการ 3-32.1 คาจากัดความ และ ลกั ษณะโครงการ 2-4 3.1 ประวตั ิความเป็นมาท่ตี งั้ โครงการ 3-32.1.1 คาจากัดความ 2-5 3.2 การศึกษาแล้ววเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ 3-42.1.2 ลักษณะโครงการ 2-7 3.3 กฎหมายท่ีเกยี่ วขอ้ ง 3-122.2 ความหมาย 3.4 รายละเอยี ดท่ีตงั้ โครงการ 3-142.3 ประวตั คิ วามเป็นมา 22.4 ทฤษฎที ่ีเก่ยี วข้อง two “SITE ANALYSIS”

“PROJOECT DETAIL” 4.6 งานระบบวิศวกรรมทเี่ ก่ยี วขอ้ ง SYSTEM BUILDING 4-164บfทoทu่ี 4r บทที่ 5 แนวความคดิ และผลงานการออกแบบสถาปัตยกรรมการศึกษารายละเอยี ดโครงการ 5.1 แนวความคิดในการออกแบบ 5.2 การสร้างทางเลือกในการออกแบบสถาปัตยกรรม4.1 ความเป็นมาของโครงการ 4-4 5.3 การพฒั นาแบบสถาปัตยกรรม4.2 วัตถุประสงคโ์ ครงการ 4-6 5.4 ผลงานการออกแบบ 4-6 5.5 แบบแสดง chart นาเสนอผลงาน4.3 หนว่ ยงานเจ้าของโครงการ 4-6 5.6 แบบแสดงหนุ่ จาลอง4.4 กาหนดโครงสร้างการบริหารงานโครงการ 4-74.4.1 โครงสร้างการบรหิ ารงานขอโครงการ 4-8 บทท่ี 6 สรุปและขอ้ เสนอแนะ4.4.2 ประเภทผู้ใช้โครงการ 4-10 บรรณานกุ รม4.4.3 การวเิ คราะห์พฤติกรรมผู้ใช้โครงการ TIME LINE USER 4-10 ประวัติผู ศ้ ึกษา4.4.4 บุคลากรทีใ่ หบ้ ริการ 4-11 ภาคผนวก4.5 กาหนดองคป์ ระกอบของโครงการ

สารบัญรูปภาพภาพท่ี 1.1 ภาพเด็กนอ้ ยในบา้ น 1-5 ภาพท่ี 2.15 รูปทัศนียภาพ 2-26 ภาพท่ี 2.16 รูปทัศนียภาพ 2-26ภาพที่ 1.2 ภาพขนั้ ตอน และ วธิ กี ารศึกษาโครงการ 1-8 ภาพที่ 2.17 รูปทัศนียภาพ 2-26 ภาพที่ 2.18 รูปทศั นยี ภาพ 2-26ภาพท่ี 2.1 ภาพเด็กในชุมชนบงึ พระราม 9 2-4 ภาพที่ 2.19 รูปทัศนียภาพ 2-29ภาพที่ 2.2 ภาพชุมชน เมอื ง ซาโตรนี ี่ 2-6 ภาพท่ี 2.20 รูปทัศนยี ภาพ 2-29ภาพที่ 2.3 ภาพชุมชน คลองเตย 2-8 ภาพที่ 2.21 รูปทศั นียภาพ 2-29ภาพที่ 2.4 ถาพชุมชนบงึ พระราม 9 2-10 ภาพที่ 2.22 รูปทศั นียภาพ 2-29ภาพท่ี 2.5 ภาพโลก 2-21 ภาพท่ี 2.23 รูปทัศนยี ภาพ 2-29ภาพที่ 2.6 แสดงทศั นยี ภาพอาคาร 2-24 ภาพที่ 2.23 รูปทศั นียภาพ 2-29ภาพที่ 2.7 แสดงทศั นียภาพอาคาร 2-25 ภาพท่2ี .24 : รูปทัศนียภาพ (ด้านซ้าย) 2-30ภาพท่ี 2.8 แสดงทัศนยี ภาพอาคาร 2-25 ภาพท2ี่ .25 : รูปทัศนยี ภาพ (ตรงกลาง) 2-30ภาพท่ี 2.9 แสดงทัศนยี ภาพอาคาร 2-25 ภาพที่2.26 : รูปทศั นียภาพ (ดา้ นขวา)) 2-30ภาพที่ 2.10 รูปด้าน 2-25 ภาพที่2.27 : รูปทัศนยี ภาพ (ด้านซ้าย) 2-31ภาพที่ 2.11 รูปด้าน 2 2-25 ภาพท2ี่ .28 : รูปทัศนยี ภาพ (ตรงกลาง) 2-31ภาพท่ี 2.12 รูปตัด 1 2-25 ภาพท2่ี .29 : รูปทศั นียภาพ (ด้านขวา) 2-31ภาพท่ี 2.13 รูปตดั 2 2-25ภาพท่ี 2.14 รูปทศั นียภาพ 2-26

ภาพท่ี 3.1 ภาพเมอื งกรุงเทพตอนเยน็ 2-5 ตารางท่ี 2.2 ตารางขอ้ มูลครวั เรือนของสมาชิก 2-13ภาพที่ 3.2 ภาพเมอื งกรุงเทพตอนเยน็ 2-6 ตารางท่ี 2.3 ข้อมูลครวั เรอื นของสมาชิก 2-14ภาพท่ี 3.3 ภาพเมอื งกรุงเทพมหานคร 3-9 ตารางที่ 2.4 ตารางวิเคราะห์อาคารตัวอยา่ ง 2-30ภาพที่ 3.4 แผนผงั กาหนดการใช้ประโยชน์ที่ดนิ 3-12 ตารางที่ 2.5 ตารางสรุปข้อกฎหมายในโครงการ 2-32ตามทไี่ ด้จาแนกประเภททา้ ยกฎกระทรวงให้ใช้บงั คบัผังเมอื งรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556 4-7ภาพท่ี 4.1 ภาพพงั การบรหิ ารโครงการ 4-10ภาพท่ี 4.2 ภาพการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้โครงการสารบัญตาราง สารบญั แผนภูมิตารางที่ 1.1 แสดงจานวนประชากรที่อาศยั ในชุมชนบงึ พระราม 9 1-4 แผนภมู ทิ ่ี 2.1 กราฟแสดงสถิติจานวนชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร จาแนกตารางที่ 1.2 แสดงรายช่ือชุมชน จานวนหลงั คา และ 1-6 เจา้ ของทดี่ ินท่ีตัง้ อยูบ่ ริเวณบงึ พระราม 9 ตามประเภทชุมชน พ.ศ.2554-พ.ศ.2558 ตามลาดบั 2-14ตารางท่ี 2.1 ตารางแสดงสถิติจานวนชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร จาแนกตามประเภทชุมชน พ.ศ.2554 - พ.ศ.2558 2-14ตารางที่ 2.1 ตารางประวตั ชิ ุมชนบงึ พระราม9 บอ่ สาม 2-12

1 onePAGE : 1 — 1 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

“INTRODUCTION” บทท่ี 1 1.1 ความสาคญั ของเรือ่ ง 1.2 วตั ถุประสงค์ของการศึกษาโครงการ 1.3 ขอบเขตของการศึกษา 1.4 ขนั้ ตอนและวธิ กี ารศึกษาโครงการ 1.5 ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะได้รบั จากการศึกษาโครงการ PAGE : 1 — 2 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

1 บทท่ี 1one บทนา 1.1 ความสาคญั ของเร่อื ง พืน้ ที่สร้างความคิดสรา้ งสรรคใ์ นปัจจุ บนั เกิดขนึ้ เป็นจานวนมาก โดยเฉพาะ “ในเมอื ง” มีแหลง่ การเรยี นรู้สร้างสรรค์ เกดิ ขนึ้ เป็นจานวนมาก เช่น TCDC เป็นตน้ โดยคนทวั่ ไปสามารถเดนิ ทางหาแหล่งเรยี นรูเ้ พื่อสร้างสรรค์ จินตนาการ สร้างความคดิ ของตนเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ได้ แม้ว่าในเมอื งนนั้ จะมีพนื้ ทสี่ รา้ งสรรคเ์ ป็นจานวนมาก แตก่ ย็ งั มบี ุคคลท่ี ยงั ขาดโอกาสในการเขา้ ถึงพนื้ ท่ีดงั กล่าว หรอื พนื้ ทดี่ ังกล่าวไมม่ กี ารเข้าถึง บุคคลได้บางประเภทได้อยา่ งทวั่ ถงึ เช่น ชุมชนแออดั พนื้ ทส่ี ลมั เป็นชุมชนทม่ี ี คนอาศยั อยู่เป็นจานวนมาก และเป็นพนื้ ทท่ี ีข่ าดสง่ิ แวดลอ้ มทด่ี ี ซ่ึงเป็นปัจจัยท่ี ทาใหเ้ กดิ การเรยี นรู้การสร้างสรรคต์ ่างๆ โดยเฉพาะเดก็ ทอ่ี าศยั อยู่ในพนื้ ท่ี PAGE : 1 — 3 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

คนในชุมชนแออัดไม่คอ่ ยใสใ่ จพนื้ ทรี่ อบนอก เดก็ ในชุมชนแออัดจะได้รับการพัฒนาอย่างไร“เด็กและเยาวชน เป็นวัยแหง่ การเรยี นรู้” การมี นอกเหนือจากบา้ นของตัวเอง จึงมีแนวคิดในการ เพอ่ื สนับสนนุ ในการเรยี นรู้ ความคดิ สรา้ งสรรค์พนื้ ทท่ี ่สี ร้างประสบการณ์ และโอกาส ในการ จัดทาโครงการนีข้ ึน้ เริม่ จากสารวจดวู า่ บริเวณ โดยรอบพืน้ ที่ในชุมชนอยู่อาศยั นนั้ มอี ะไรอยูบ่ า้ ง เสรมิ สรา้ งพัฒนาการสาหรบั เด็ก สรา้ งทัศนคตทิ ีด่ ีพัฒนารอบดา้ นและตามวัย ส่งเสรมิ กระบวนการ และพืน้ ทท่ี เ่ี ดก็ ๆ ใช้เล่นกันมันเป็นอยา่ งไร หากพืน้ ท่ีเรยี นรู้อย่างสรา้ งสรรค์ เป็นกุญแจสาคัญในการ เสรมิ สร้างจิตนาการไม่มี หรอื ไม่เพียงพอตอ่ การ ต่อเดก็ และเยาวชน สรา้ งพลเมืองทต่ี ่นื รู้ กระตุ้นเพิ่มภมู คิ ้มุ กนั และพลงั ให้เด็กเยาวชนสามารถเผชิญ ตอ่ เด็กใน ปัญหาสิง่ แวดลอ้ มในชุมชน พนื้ ที่กบั สังคมโลกทีก่ าลงั เปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ สู่ ส่วนกลาง หรือ พนื้ ที่วา่ งในการทากิจกรรมไม่ ความคิดสร้างสรรค์ เกดิ แรงบนั ดาลใจ เขา้ ใจผู้อืน่ เอือ้ านวย โดยเฉพาะ พนื้ ทสี่ าหรบั “เดก็ ” และเดก็การพฒั นาการที่ดีทัง้ ทางด้านร่างกายและจิตใจ ในชุมชนนัน้ ครอบครวั สว่ นใหญ่ในชุมชนนนั้ มีรายได้ มจี ิตสาธารณะ เป็นพลเมอื งทค่ี ดิ ไดค้ ดิ เป็นใน อนาคต จึงจัดทาโครงการขนึ้ เพอื่ เป็นศูนย์กลาง(http://www.thaihealth.or.th,2558) สรา้ งสรรคส์ าหรบั เดก็ และ คนในชุมชน ส่งเสรมิ ให้ พนื้ ทแ่ี ละกล่มุ คนทอี่ าศยั อยู่ในพนื้ ทนี่ นั้ มี พฒั นาการทีด่ ขี นึ้ ทงั้ ในด้านบรบิ ทในการดาเนินชีวิต และวถิ ีชีวติ ของผูค้ น โดยมี กระบวนการในการ ไม่เพยี งพอ ทีจ่ ะนาไปสงเสรมิ ความรู้ตา่ งๆใหก้ บั เด็ก พัฒนาผ่านคนที่อาศยั อยูใ่ นชุมชน ผา่ น กระบวนการมีสว่ นร่วม การเรียนรูร้ ่วมกนั และ ในชุ มชน รว่ มกนั พฒั นาชุมชน (อัญชิสา อัศวพพิ ธิ ,2560)PAGE : 1 — 4 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ภาพที่ 1.1 ภาพเด็กน้อยในบา้ นท่มี า : www.compassionexplorers.org , สบื ค้น 2560 PAGE : 1 — 5 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการศึกษาโครงการ1.2.1 เพือ่ ศึกษาเร่อื งราว ประวตั ิของชุมชนแออดั ในเมือง การใช้ชีวิตของเดก็ และคนในชุมชน ทราบถึง ข้อดี ขอ้ เสีย รวมถงึปัญหาและกจิ กรรมของเด็กในชุมชนทอี่ าศยั อยู่ในพนื้ ท่ี และชุมชนใกลเ้ คียง นามาศึกษาและแก้ไขใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อโครงการ1.2.2 เพือ่ ศึกษา พฒั นาพนื้ ทที่ ากิจกรรมเสริมสรา้ งจนิ ตนาการสาหรับเด็ก ในชุมชนบงึ พระราม 9 ซ่ึงเป็นชุมชนแออัด เป็นแหล่งเรยี นรูใ้ นชุมชน1.2.3 เพ่อื ศึกษา พืน้ ท่ีในชุมชนบงึ พระราม 9 เพ่ือ จดั ทาโครงการแก้ไขปัญหาของพนื้ ที่ เพอ่ื ให้ เดก็ และ คนในชุมชน มีคุณภาพชีวติ ทดี่ ีขึน้ เป็นชุมชนตน้ แบบใหก้ บั ชุมชนอน่ื ๆ PAGE : 1 — 6 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

1.3ขอบเขตของการศึกษา 1.3.1 ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ 1.3.2 ศึกษาด้านท่ตี งั้ โครงการ 1.3.3 ศึกษาวิเคราะห์การออกแบบ 1.3.1.1 ศึกษาเรื่องราวทางประวตั ขิ อง สถาปั ตยกรรมชุมชนการตัง้ ถ่นิ ฐาน การใช้ชีวิตของคนในชุมชน 1.3.2.1 ศึกษาบรบิ ทโดยรอบทต่ี งั้ โครงการตัง้ แต่อดีตถึงปัจจุ บัน วเิ คราะห์ปัญหาในด้านต่างๆ รวมถึงนโยบายต่างๆ 1.3.3.1 ศึกษาทฤษฎที เ่ี กย่ี วข้องกบั ที่นามาใช้กบั ชุมชน และการจดั การพนื้ ทีใ่ นชุมชน โครงการ 1.3.1.2 ศึกษาปัญหาชุมชนแนวโนม้ การ ใหม้ ีผลกระทบน้อยท่ีสดุ และใช้ประโยชน์พนื้ ในพัฒนา และความตอ้ งการของคนในพนื้ ที่ ชุมชนใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด ในชุมชน 1.3.3.2 ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมเข้ามา แกป้ ัญหาชุมชนที่ได้จากการวเิ คราะห์ในด้านต่างๆ 1.3.2.2 ศึกษากฎหมายทีเ่ ก่ียวข้อง ขอ้ กาหนดการใช้ทีด่ นิ พืน้ ทีว่ ่างโดยรอบความสูง 1.3.3.3 ศึกษาอาคารตัวอย่าง วิเคราะห์ ของอาคาร พืน้ ท่ๆี สามารถก่อสรา้ งไดส้ งู สดุ และ แลว้ นามาปรบั ใช้กบั โครงการ ผลกระทบกบั สง่ิ แวดลอ้ ม 1.3.3.4 สรุปขอ้ มูล , ออกแบบทาง สถาปัตยกรรม PAGE : 1 — 7 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

1.4 ขนั้ ตอนและวธิ กี ารศึกษาโครงการ ภาพที่ 1.2 ภาพขนั้ ตอน และ วิธีการศึกษาโครงการ (อญั ชิสา อศั วพิพธิ , 2560) PAGE : 1 — 8 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

1.5 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั จากการศึกษาโครงการ1.4.1 ไดศ้ ึกษาขอ้ มูล ประวตั ิ ความป็นมาของชุมชนบึงพระราม9 ขอ้ มูลองค์ประกอบของชุมชน เพอื่ นามาปรบั ใช้กบั การกาหนดรูปแบบทางสถาปัตยกรรม1.4.2 ได้ศึกษาและเขา้ ใจพนื้ ท่ใี นชุมชน การอยู่รวมกันของคนในพนื้ ที่ การบริหาร การจดั การของคนในชุมชน เพ่อื นามาปรับให้เกดิ ประโยชน์ ในการทาโครงการ1.4.3 สามารถนาขอ้ มูลทไี่ ด้จากการศึกษา วเิ คราะห์ไปใช้ในการพัฒนาพืน้ ทีไ่ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ1.4.4 ไดศ้ ึกษาเพ่ือการออกแบบสถาปัตยกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการบรบิ ทของคนในชุมชนในพนื้ ทีไ่ ดจ้ ริง PAGE : 1 — 9 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2 twoPAGE : 1 — 1 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

“LITERATURE REVIEW” บทท่ี 2 2.1 คำจำกัดควำม และ ลักษณะโครงกำร 2.1.1 คำจำกดั ควำม 2.1.2 ลกั ษณะโครงกำร 2.2 ควำมหมำย 2.3 ควำมเป็นมำของชุมชน 2.4 ทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้อง 2.5 นโยบำยและแผนพฒั นำท่ีเกีย่ วข้อง ปัจจุ บัน และอนำคต 2.6 กำรศึกษำโครงกำรตัวอยำ่ ง 2.7 กฎหมำยและเทศบญั ญตั ทิ ่ีเกย่ี วขอ้ งกับโครงกำร PAGE : 1 — 2 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2 บทท่ี 2 two กำรประมวลเอกสำรท่ีเก่ียวข้อง 2.1 คำจำกัดควำม และ ลักษณะโครงกำร 2.1.1 คำจำกดั ควำม ศนู ยส์ รำ้ งสรรค์จินตนำกำรเดก็ ชุมชนบึงพระรำม 9 หมำยถึง ศูนยร์ วมพนื้ ทส่ี ร้ำงสรรค์เพ่อื เสรมิ สร้ำงจินตนำกำรสำหรับเดก็ ภำยใน ชุมชนบงึ พระรำม 9 แขวงบำงกะปิ เขตหว้ ยขวำง กรุงเทพฯ เพอื่ ใหเ้ ด็ก ภำยในชุมชนมพี ฒั นำกำรท่ดี ี และ มสี ขุ ภำพกำยและใจท่ีดี PAGE : 1 — 3 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.1.2 ลกั ษณะโครงกำรโครงกำร ศูนยส์ ร้ำงสรรค์จนิ ตนำกำรเดก็ ชุมชนบงึ พระรำม 9 มีหน้ำที่เสริมสร้ำงจติ นำกำรสำหรับเดก็ ำยในชุมชน เป็นแหลง่ กำรเรยี นรูค้ วำมคิดสร้ำงสรรค์ เสรมิ สรำ้ งพัฒนำกำรสำหรับเดก็ ทำงด้ำนรำ่ งกำย จิตใจ และสงั คม สร้ำงทศั นคตทิ ีด่ ตี อ่ เดก็ และเยำวชนในชุมชนและพืน้ ทใ่ี กล้เคียง ดแู ลและ แก้ไขปัญหำสิง่ แวดลอ้ มภำยในชุมชน เป็นพนื้ ท่สี ว่ นกลำง หรือ พืน้ ท่ีวำ่ งในกำรทำกิจกรรมภำยในชุมชน โดยเนน้ กำรพัฒนำศกั ยภำพเด็กภำยในชุ มชนเป็นหลกั ภำพที่ 2.1 ภำพเด็กในชุมชนบึงพระรำม 9 ท่ีมำ : www.crownproperty.or.th , 2560 PAGE : 1 — 4 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.2 ควำมหมำย The หมำยถงึ [adj. adv.] จำพวก, ที่พูดถึงแลว้ , ศูนย์ หมำยถงึ น. จุ ดกลำง, ใจกลำง, แหลง่ กลำง, แหล่งรวม, เช่น ศนู ยว์ ฒั นธรรม ศูนยห์ นงั สือ ทีร่ ูก้ นั อยู่แล้ว, ทีร่ ู้จักกันแล้ว, บรรดำ ศนู ย์รวมขำ่ ว. (ส. ศูนยฺ ; ป. สญุ ฺญ). Creative หมำยถึง [adj.] เจ้ำควำมคิด, ช่ำงประดษิ ฐ,์ สร้ำงสรรค์ หมำยถงึ ก. สร้ำงให้มีให้เป็นขนึ้ (มกั ใช้ทำงนำมธรรม) เช่น สร้ำงสรรคค์ วำมสขุ ในเชิงประดษิ ฐ์ ควำมเจริญให้แกส่ ังคม. ว. มีลกั ษณะรเิ ริม่ ในทำงดี Imagination หมำยถึง [n.] จินตนำกำร, มโนคติ, มโนภำพ จินตนำกำร หมำยถงึ น. กำรสรำ้ งภำพขึน้ ในจติ ใจ Center หมำยถงึ [n. adj. vt. vi.] จุ ดศนู ย์กลำง, (ป. จนิ ฺตน + อำกำร). เดก็ หมำยถงึ น. คนที่มีอำยุยังน้อย. ว. ยงั เล็ก จุ ดสำคัญ หัวใจ, ใจกลำง, ตรงกลำง, ตัง้ จุด ว. ออ่ นวัยกว่ำ ในคำว่ำ เด็กกว่ำ. ศูนย์กลำง, ตัง้ ให้อยู่ ตรงกลำง, เป็นจุ ด, เป้ำ, ชุมชน หมำยถึง น. หมู่ชน, กลุ่มคนที่อยู่รวมกันเป็นส สังคมขนำดเลก็ อำศยั อยูใ่ นอำณำบริเวณ มีศูนย์กลำงอยู่, รวมอยู่ เดยี วกนั และมผี ลประโยชน์ รว่ มกนั , ท่ที ม่ี คี น อำศยั อยูม่ ำก เช่น ขับรถเขำ้ เขตชุมชนตอ้ งชะลอ For หมำยถึง [pre. con.] เพ่ือ, ให,้ ใหแ้ ก่ ควำมเรว็ แม่คำของ \"ชุมชน\" คอื ชุม Child หมำยถงึ [n.] เดก็ , ทำรก, บุตร, ลกู หลำน Community หมำยถึง [n.] กำรร่วมกัน, คณะ, ชุมชน,( ท่ีมำ : พจนำนุกรม ฉบบั รำชบณั ฑิตยสถำน, 2554) ชุมนมุ ชน, ประชำคม, พวก, หมู่ บงึ พระรำม9 หมำยถงึ ชื่อสถำนที่ ซึ่งอยูบ่ ริเวณ 9 แขวงบำง ( ท่ีมำ : พจนำนุกรมแปล องั กฤษ-ไทย อ. สอ เสถบุตร, 2554 ) กะปิ เขตห้วยขวำง กรุงเทพฯ Rama 9 หมำยถงึ ชื่อสถำนท่ี ซ่ึงอยูบ่ รเิ วณ 9 แขวงบำง กะปิ เขตหว้ ยขวำง กรุงเทพฯPAGE : 1 — 5 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ภำพท่ี 2.2 ถำพชุมชน เมอื ง ซำโตรนี ี่ท่มี ำ : www.crownproperty.or.th , 2560 PAGE : 1 — 6 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3 ประวัตคิ วำมเป็นมำ2.3.1 ควำมหมำยของชุ มชนพจนำนกุ รมศพั ทส์ งั คมวิทยำฉบับรำชบัณฑติ ยสถำน พ.ศ 2524 (รำชบัณฑิตยสถำน .2524 : 112) ให้ควำม หมำยว่ำชุมชนหรือประชำคม คอื1.กลุ่มย่อยทีม่ ลี กั ษณะหลำยประกำรเหมือนกนั ลกั ษณะสงั คม แตม่ ขี นำดเล็กกวำ่ และมคี วำมสนใจร่วมทีประสำนงำนในวงแคบกว่ำ ชุมชน หมำยถึง เขตพนื้ ทร่ี ะดบั ของควำมคุ้นเคย และกำรตดิ ตอ่ ระหว่ำงบุคคลตลอดจนพนื้ ฐำนควำมยึดเหนีย่ วเฉพำะบำงอยำ่ งท่ีทำใหช้ ุมชนตำ่ งไปจำกกลุ่มเพอื่ นบ้ำน ชุมชนมีลกั ษณะเศรษฐกิจเป็นแบบเลยี้ งตวั เองทีจำกดั มำกวำ่ สงั คมแต่ภำยในวงจำกดั เหลำ่ นัน้ ยอ่ มมีกำรสังสรรค์ใกลช้ ิดกว่ำ และควำมเห็นอกเห็นใจลกึ ซึ้งกวำ่ อำจจะมีสง่ิ เฉพำะบำงประกำรทผี่ ูกพนั เอกภำพ เช่นเชือ้ ชำติ ตน้กำเนิดเดิมของชำตหิ รอื ศำสนำ2. ควำมรู้สกึ และทศั นคติทัง้ มวลที่ผูกพันปัจเจกบุคคลให้รวมเขำ้ เป็นกลมุ่ (www.siangdham.com,2552) PAGE : 1 — 7 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ควำมหมำยของชุมชน ในบทควำม หรือ นักวชิ ำกำรสำขำต่ำงๆไดก้ ล่ำวไว้UNDP. Changing Policy and Practice from Below: Community Experiences in Poverty Reduction. A. Krishna (ed.).“ชุมชน” (Community) คือดินแดนแหง่ กำรรวมตัวทำงสงั คมทีเ่ ป็น กำรสมคั รใจก่อขึน้ เองโดยประชำชน สว่ นใหญ่แลว้ สนบั สนุนตนเองเป็นเอกเทศ จำกรฐั และอยู่ในกฎเกณฑ์ท่ีกำหนดขึน้Community ประกอบดว้ ยองคก์ รต่ำงๆ ทงั้ ทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร รวมถึง กลมุ่ ควำมสนใจ (ชมรม) กลุม่ วฒั นธรรม และศำสนำ สมำคมอนรุ กั ษ์หรอืพัฒนำสังคม/ กลุม่Robert M .Maclver ( โรเบิต เอ็ม .แม็คไอเวอร์ ) ใหค้ วำมหมำยไว้ในหนังสือ Society , Its Structure and changes วำ่ ชุมชนคอื กลุ่มชนท่อี ยูร่ วมกันและสมำชิกทกุ คน ไดใ้ หค้ วำมสนใจ ในเรือ่ งรำวตำ่ งๆ ทเี่ กดิ ขึน้ ในชุมชนนนั้ รว่ มกัน มิเพยี งแต่ใหค้ วำมสนใจอยำ่ งใดอย่ำงหน่งึ เฉพำะ แต่ให้ควำมสนใจโดยทวั่ ไปซ่ึงมีขอบเขตมำกพอทีจ่ ะอยู่รว่ มกันในชีวิตประจำวนั นอกจำกนแี้ ลว้ ชุมชนนนั้ อำจหมำยถงึ กำรอยูร่ วมกันอยำ่ งง่ำยๆ เช่น หมู่บำ้ นหน่งึ ชนเผ่ำหน่งึ หรอืกำรอยูร่ ว่ มกันขนำดใหญ่ เช่น เมืองหน่ึงๆ หรอื ประเทศหน่ึง (ไพรตั น์ เดชะรินทร์ , 2544)Roland Warran ( โรแลนด์ วอรแ์ รน )ใหค้ วำมหมำยไวว้ ่ำ “ชุมชน“ หมำยถึง กลมุ่ บุคคลหลำยๆกลุ่มมำรวมกันอยูใ่ นอำณำเขตและภำยใตก้ ฎหมำยหรอืขอ้ บงั คบั อนั เดยี วกนั มกี ำรสงั สรรค์กนั มคี วำมสนใจร่วมกัน มผี ลประโยชน์คล้ำย ๆกันมแี นวพฤติกรรมเป็นอย่ำงเดยี วกัน เช่น ภำษำพู ด ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือพู ดอีกอย่ำงหน่ึงก็คอื มวี ฒั นธรรมรว่ มกนั นัน่ เอง ( จรี พรรณ กำญจนะจติ รำ , 2530) PAGE : 1 — 8 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

Cristient T . Onussen ( คริสเตยี น ท.ี โอนสั เซน )อธิบำยว่ำ “ชุมชน“ ไดแ้ ก่ คนทอี่ ยู่ร่วมกนั ในขอบเขตทำงภูมศิ ำสตรท์ ี่แน่นอน และมคี วำมสมั พนั ธ์และโครงสรำ้ งทำงวฒั นธรรมท่ีเกยี่ วขอ้ งและพ่ึงพำอำศยั กนั ควำมสมั พนั ธ์และโครงสร้ำงดงั กล่ำวมวี ิวัฒนำกำรขึน้ มำจำกกระบวนกำรกลมุ่ ทป่ี รบั ตวั ใหเ้ ขำ้ กับสถำนกำรณ์ทำงสิ่งแวดลอ้ มของชุมชนจงึ ถอื ไดว้ ำ่ เป็นกลมุ่ ทำงดินแดน ทงั้ นเี้ พรำะกำรพ่งึ พำอำศยั กัน และกำรอยูร่ ่วมกันเป็นปึ กแผน่ ภำยในกล่มุ เกดิ ขนึ้ ไดเ้ นอ่ื งจำกคนในกลุ่มสำนกึ เรอ่ื งเอกภำพ และควำมสำมำรถของชุมชนอนั เพยี งพอในกำรควบคมุ กระบวนกำรทำงสงั คมและวฒั นธรรม ซ่ึงเกดิ ขนึ้ ในขอบเขตทำงดินแดน “ (สมนกึ ปัญญำสงิ ห์ , 2532)กรมกำรพฒั นำชุมชน ใหค้ วำมหมำยวำ่ “ชุมชน” หมำยถงึ กลุม่ คนทมี่ ีควำมคิดเห็นไปในแนวทำงเดียวกัน และสำมำรถดำเนินงำนกจิ กรรมใดๆ เพอื่ ประโยชนร์ ่วมกันได้ (กรมกำรพัฒนำชุมชน:2526 , 77 )ชนินทร์ เจรญิ กลุ ได้ให้ทศั นะวำ่ “ลักษณะของชุมชนปรับเปลี่ยนไปตำมลกั ษณะของชุมชนตำมลักษณะหน้ำที(่ Functional Community) มำกกว่ำทจี่ ะเป็นชุมชนลกั ษณะทำงภมู ิศำสตร์(Geographical Community) กล่ำวคือ ควำมสมั พนั ธ์ของคนในขอบเขตพืน้ ท่ี (area) จะเปล่ยี นไปเป็นลกั ษณะของเครอื ข่ำยของกลมุ่ทมี่ กี จิ กรรมทำงสงั คมต่ำงๆ คลำ้ ยคลงึ กัน มีควำมสนใจร่วมกนั มีควำมรู้สกึ เป็นพวกเดยี วกัน เช่น ชุมชนมุสลมิ ชุมชน จส.100 ในกรุงเทพฯ เรำไม่สำมำรถบอกไดว้ ่ำชุมชนนอี้ ยูต่ รงไหน แตท่ กุ คนมีควำมรูส้ ึกถงึ ควำมเป็นพวกเดียวกนั ชุมชนก็เกิดขนึ้ ได้” PAGE : 1 — 9 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ศำสตรำจำรยน์ ำยแพทย์ประเวศ วะสี ชุมชน หมำยถึง กำรท่ีคนจำนวนหน่ึงมวี ตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกัน มคี วำมเออื้ อำทรต่อกัน มคี วำมพยำยำมทำอะไรร่วมกันมีกำรเรยี นรู้รว่ มกันในกำรกระทำ ซ่ึงรวมถึงกำรตดิ ต่อสื่อสำรกนั (communicate) ควำมเป็นชุมชนอยูท่ ี่ควำมรว่ มกนั ควำมเป็นชุมชนอำจเกิดขนึ้ ในสถำนที่และสถำนกำรณต์ ่ำงๆ กนั เช่น1.มีควำมเป็นชุ มชนในครอบครัว2.มีควำมเป็นชุมชนในทท่ี ำงำน3.มคี วำมเป็นชุมชนวิชำกำร (academic community)4.มีควำมเป็นชุมชนสงฆ์5.มคี วำมเป็นชุมชนทำงอำกำศ เนอ่ื งจำกรวมตัวกนั โดยใช้วทิ ยุตดิ ต่อสื่อสำรกัน6. มคี วำมเป็นชุมชนทำงอนิ เตอรเ์ นต (Internet)ควำมเป็นกลุ่มก้อนหรอื ควำมเป็นชุมชนทำใหก้ ลมุ่ มีศกั ยภำพสงู มำกเพรำะเป็นกลุ่มก้อนทีม่ วี ตั ถปุ ระสงค์ร่วม มีควำมรกั มกี ำรกระทำร่วมกัน และมกี ำรเรียนรู้รว่ มกนั PAGE : 1 — 10 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

สรุปไดว้ ำ่ ชุมชน หมำยถงึ กลมุ่ คนทมี่ ำอยู่รวมกันในเขตหรอื บรเิ วณเดยี วกนั ทแี่ นน่ อน มวี ิถีกำรดำเนนิ ชีวิตคลำ้ ยกันมคี วำมรูส้ ึกเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั มีปฎิสมั พันธต์ อ่ กนั และกันอยูภ่ ำยใต้กฎระเบียบกฎเกรฑเ์ ดยี วกัน ดังนัน้ ชุมชนจึงมีองคป์ ระกอบดงั นี้1.คน (People ) คนเป็นองคป์ ระกอบสำคัญยิ่งของชุมชนหำกปรำศจำกคนเสียแล้วจะเป็นชุมชนไม่ได้2.ควำมสนใจรว่ มกัน (Common Interest ) คนท่ีอยู่ในชุมชนนนั้ จะตอ้ งมีควำมสนใจอย่ำงใดอยำ่ งหน่งึร่วมกนั และควำม สนใจดังกล่ำวเป็นผลมำจำกกำรอยู่ร่วมกนั ในอำณำเขตบรเิ วณเดียวกัน3.อำณำบริเวณ ( Area ) คนและสถำนท่เี กอื บจะแยกกนั ไมไ่ ด้ ต่ำงก็เป็นสว่ นประกอบสำคญั และมสี ว่ นสัมพันธ์กันมีคนก็ตอ้ งมสี ถำนท่ี แต่กำรจะกำหนดขอบเขตและขนำดของสถำนทขี่ องชุมชนหน่งึ ๆเป็นเร่อื งยำก4.ปะทะสงั สรรค์ต่อกัน (Interaction ) เม่ือมคี นมำอยู่รว่ มชุมชนเดียวกนั แต่ละคนตอ้ งมีจะตอ้ งมกี ำรติดต่อแลกเปลีย่ นและปฎบิ ัติต่อกัน5.ควำมสัมพันธ์ของสมำชิก ( Relationship ) ควำมสมั พนั ธ์ตอ่ กนั ของสมำชิกในชุมชนเป็นส่งิ ทผ่ี ูกพนั ใหส้ มำชิกอยู่รว่ มกันในชุมชนนัน้6.วฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ( Cultural Traditions) ตลอดจนแบบแผนของกำรดำเนนิ ชีวติ ในชุมชน(Pattern of Community Life ) ซ่ึงส่วนใหญม่ ลี กั ษณะคลำ้ ยคลงึ และเป็นรูปแบบเดยี วกนั PAGE : 1 — 11 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3.2 กรุงเทพมหำนครได้ให้ควำมหมำยของคำวำ่ 2.3.2.1.ชุมชนแออัด หมำยถงึ ชุมชนส่วนใหญท่ มี่ ี 2.3.2.2. ชุมชนหมูบ่ ้ำนจดั สรร หมำยถึง ชุมชนทม่ี ี“ชุมชน” ไว้ในระเบยี บกรุงเทพมหำนครว่ำด้วยกรรมกำรชุมชน พ.ศ. 2534 และจำแนกประเภท อำคำรหนำแนน่ ไรร้ ะเบยี บ และชํ ำรุดทรุดโทรม บำ้ นจัดสรรทเ่ี ป็นบำ้ นทอ่ี ยู่ อำศยั และดำเนินกำรในของชุมชนเพ่ือเปน็ แนวทำงในกำรวำงแผนพฒั นำและ แก้ไขปญั หำตำ่ งๆ ทัง้ นีโ้ ดยทำเป็นประกำศ ประชำชนอยู่อย่ำงแออดั มสี ภำพแวดล้อมไม่ ภำคเอกชนในเขตกรุงเทพมหำนคร โดยมลี ักษณะกรุงเทพมหำนคร ประเภทของชุมชนแบง่ เปน็ 5ประเภทรำยละเอยี ดมดี ังนี้ เหมำะสม อนั อำจเปน็ อนั ตรำยตอ่ สขุ ภำพอนำมัย บ้ำนเป็นบ้ำนเดย่ี วทม่ี ี บริเวณ ทำวน์เฮำ้ ส์ ตึกแถว และควำมปลอดภัยของผูอ้ ยูอ่ ำศยั โดยให้ถอื เกณฑ์ หรอื บำ้ นแฝด สภำพทวั่ ไปควรจะต้องมีกำรพัฒนำ ควำมหนำแน่นของบำ้ นเรือน อยำ่ งน้อย 15 เชน่ ทำงระบำยน้ำ ขยะ ทำงเท้ำ หลงั คำเรอื นต่อพนื้ ท่ี 1 ไร่ PAGE : 1 — 12 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3.2.3. ชุมชนชำนเมอื ง หมำยถงึ ชุมชนท่ี 2.3.2.4. ชุมชนเมอื ง หมำยถึง ชุมชนทมี่ ีควำมกรุงเทพมหำนครไดจ้ ัดทำเป็น ประกำศกำหนด หนำแน่นของบ้ำนเรอื นน้อยกวำ่ ชุมชนแออดัชุมชน โดยมพี นื้ ท่ดี ำเนินกำรดำ้ นเกษตรกรรมในเขต กลำ่ วคอื น้อยกว่ำ 15 หลงั คำเรอื นต่อ 1 ไร่ แต่มีกรุงเทพมหำนครรอบนอกเปน็ ส่วนใหญ่ มี ควำมหนำแนน่ ของจำนวนบำ้ นมำกกว่ำ ชุมชนชำนบ้ำนเรือนไมแ่ ออดั แตข่ ำดกำรวำงแผนทำงดำ้ นผงั เมือง และกรุงเทพมหำนครไดจ้ ดั ทำประกำศกำหนดชุมชน เช่น ทำงระบำยน้ำ ทำงเดนิ เทำ่ เพ่อื เป็นชุมชน โดยทช่ี ุมชนดงั กล่ำว ไม่เป็นชุมชนตำมที่ปอ้ งกันกำรเกิดปัญหำนำ้ ทว่ มขงั กำรสญั จรไปมำ กลำ่ วมำในขอ้ อื่น ๆของประชำชนในชุ มชน PAGE : 1 — 13 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

แผนภมู ทิ ี่ 2.1 แผนภูมแิ สดงสถติ จิ ำนวนชุมชนในเขตกรุงเทพมหำนคร จำแนกตำมประเภทชุมชน พ.ศ.2554-พ.ศ.2558 ตำมลำดบัปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558ตำรำงท่ี 2.1 ตำรำงแสดงสถติ จิ ำนวนชุมชนในเขตกรุงเทพมหำนคร จำแนกตำมประเภทชุมชน พ.ศ.2554 - พ.ศ.2558 ประเภทชุมชน จำนวนประเภทชุมชน จำนวน ประเภทชุมชน จำนวน ประเภทชุมชน จำนวน ประเภทชุมชน จำนวนเคหะชุ มชน 106 เคหะชุมชน 186 เคหะชุมชน 68 เคหะชุมชน 68 เคหะชุ มชน 68ชุมชนหมู่บ้ำน 339 ชุมชนหมูบ่ ำ้ น 350 ชุมชนหมู่บำ้ น 403 ชุมชนหมู่บำ้ น 408 ชุมชนหมูบ่ ำ้ น 416 358 ชุมชนชำนเมอื ง 355ชุมชนชำนเมอื ง 404 ชุมชนชำนเมอื ง 432 ชุมชนชำนเมอื ง 354 ชุมชนชำนเมอื ง 457 ชุมชนเมอื ง 465 682ชุมชนเมอื ง 350 ชุมชนเมือง 295 ชุมชนเมอื ง 454 ชุมชนเมือง 84ชุมชนแออัด 750 ชุมชนแออัด 786 ชุมชนแออัด 689 ชุมชนแออัด ชุมชนแออัด 672 อำคำรสงู 83 อำคำรสูง อำคำรสูง 85ท่ีมำ : ศนู ยข์ อ้ มูลกรุงเทพมหำนคร , 2555-2559 วิเครำะห์โดย อญั ชิสำ อศั วพพิ ธิ PAGE : 1 — 14 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

แผนภูมทิ ี่ 2.1 กรำฟแสดงสถิติจำนวนชุมชนชนแออดั ในเขตกรุงเทพมหำนคร พ.ศ.2554-พ.ศ.2558ทม่ี ำ : ศูนยข์ อ้ มูลกรุงเทพมหำนคร , 2555-2559 วเิ ครำะหโ์ ดย อญั ชิสำ อศั วพพิ ธิจำกขอ้ มูลสถิติข้ำงต้น ทำให้ทรำบวำ่ ชุมชนแออัด มจี ำนวนมำกสดุ ในกรุงเทพมหำนคร ประมำณ 33-37 %ถึงแม้ปีท่ที ่ผี ำ่ นมำ จำนวนชุมชนแออัดจะลดเรือ่ ยๆประมำณ 4% จำกจำนวนชุมชนทัง้ หมดแลว้ กต็ ำม แต่ปัญหำท่เี กิดภำยในชุมชนแออัดนนั้ กย็ ังเกิดขนั้ อยู่เรื่อยๆ และมจี ำนวนมำก ซ่ีงเป็นปัญหำหลกั ของ PAGE : 1 — 15 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ขนำดของชุมชน หมำยถึงขอบเขตพนื้ ที่ปกครองของชุมชนที่ กำหนดโดยสำนักงำนเขตจำของท้องที่ ซ่ึงกำหนด ขนำดจำก จำนวนหลังคำเรอื นในชุมชน ดังนี้ 1.ชุมชนขนำดใหญ่ จำนวนบ้ำนไม่ตำ่ กว่ำ 500 หลงั คำเรอื น 2.ชุมชนขนำดกลำง จำนวนบ้ำนระหวำ่ ง 141 - 499 หลังคำเรอื น 3.ชุมชนขนำดเล็ก จำนวนบ้ำนไม่เกิน 140 หลังคำเรอื นPAGE : 1 — 16 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

เขต ชุ มชน (ชุ มชน) เขต ชุ มชน (ชุ มชน) เขต ชุ มชน (ชุ มชน) คลองเตย 41 บำงกะปิ 29 พระนคร 20 คลองสำน 42 บำงขุนเทยี น 52 ภำษีเจริญ 53คลองสำมวำ 81 77 64 คันนำยำว 41 บำงเขน 29 มีนบุ รี 18 จตจุ ักร 42 บำงคอแหลม 49 ยำนนำวำ 24 จอมทอง 50 50 รำชเทวี 28 ดอนเมือง 95 บำงแค 37 รำษฎร์บูรณะ 65 ดินแดง 23 บำงซ่ือ 12 ลำดกระบงั 36 48 บำงนำ 48 ลำดพรำ้ ว 19 ดสุ ิต 43 บำงบอน 15 วังทองหลำง 17 ตลิง่ ชนั 16 บำงพลัด 38 วัฒนำ 45 ทวีวฒั นำ 29 บำงรัก 17 สวนหลวง 29 ทุ่งครุ 44 บงึ กมุ่ 43 สะพำนสงู 18 ธนบุ รี 42 ปทมุ วนั 14 สมั พันธวงศ์ 26บำงกอกน้อย 32 ประเวศ 29 79บำงกอกใหญ่ 43 ป้อมปรำบศตั รูพ่ำย 24 สำทร 74 พระโขนง 81 พญำไท สำยไหม 96 หลักสี่ ห้วยขวำง หนองแขม หนองจอก PAGE : 1 — 17 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3.3 ทม่ี ำและปัญหำของชุ มชนแออดั ในเมอื ง จำกกำรพัฒนำเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชำติฉบับท่ี 1 ( พ.ศ. 2504-2509 ) ซ่ึงมุ่งเนน้ กำรลงทนุ ในสง่ิ ก่อสร้ำงขนสง่ ระบบเขอื่ นชลประทำน พลงั งำนไฟฟ้ ำ สำธำรณูปโภค หรอื เรยี กอีกอยำ่ งหน่ึงวำ่ รูปแบบกำรพัฒนำทใี่ ช้นโยบำยเศรษฐกิจแบบทุนนยิ ม ( Capitalist economies ) สง่ ผลใหก้ ำรเจรญิ เตบิ โตทำงเศรษฐกิจ เนน้ กำรผลติ เพื่อแสวงหำกำไร และ กระต้นุ ใหเ้ กิดกำรบรโิ ภคมำกขึน้ เป็นหลกั รูปแบบกำรพฒั นำดังกล่ำวเป็นตวั เร่งให้เกดิ กำรใช้ทรัพยำกรอยำ่ งฟุ่ มเฟือย ไมส่ ำมำรถกระจำยทรพั ยำกรสู่คนสว่ นใหญข่ องประเทศไดอ้ ย่ำงทัว่ ถึง ก่อให้เกิดภำวะควำมยำกจน ก่อให้เกดิ ปัญหำสงั คมมำกมำย ภำคชนบทเริม่ล่มสลำยขำดแคลนปัจจัยกำรผลิต คนทล่ี ้มเหลวจำกภำคเกษตรจึงอพยพเขำ้ เมืองหรอื อำจกล่ำวอีกนยั หน่งึ วำ่ มปี ัจจยั 2 ส่วนทท่ี ำให้คนจนอพยพเข้ำเมอื งคอื 1) ปัจจัยผลัก และ2) ปัจจยั หนุน ปัจจัยผลักคือสิง่ ทที่ ำใหค้ นในชนบทอพยพเข้ำเมือง คอื ควำมจน ควำมทกุ ข์ยำกลำเคญ็ ขำดแคลนปัจจัยกำรผลติ ประกอบอำชีพขำดทนุ และ ในพนื้ ทช่ี นบทขำดกำรเขำ้ ถึงกำรบริกำรของรัฐ เช่น ขำดโอกำสทำงกำรศึกษำ โรงพยำบำล เมอ่ื เทยี บเท่ำในเมือง ปัจจยั เกอื้ หนนุ ใหค้ นจนเข้ำเมอื งคอื “ควำมหวงั ” หวังว่ำจะพบโอกำสท่ดี ีกวำ่ เนอ่ื งจำกในเมอื งมสี ำธำรณปู โภคทีพ่ ร้อมกวำ่ และมงี ำนทำ มกี ำรรวมกันเพอ่ื ประกอบอำชีพรับจ้ำงต่ำง เช่น กรรมกร รวมตวั กันสรำ้ งท่ีพักอำศยั กันตำมยถำกรรม กลำยเป็นชุมชนแออัดขนำดใหญ่ เช่นบริเวณทำ่ เรอืคลองเตย คนที่พกั อำศยั พืน้ ที่เหล่ำนนั้ มักจะถกู เรียกวำ่ คนสลมั ซ่ึงในควำมเป็นจริงแล้วชุมชนแออดั เป็นพนื้ ทรี่ วมกันขอบผู้ด้อยโอกำส PAGE : 1 — 18 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

สภำพชุมชนแออดั นัน้ ก็คือผลติ ผลทำงกำยภำพของควำม ไม่เสมอภำคในกำรพฒั นำ ดว้ ยควำมทก่ี ำรพฒั นำเมืองมี ควำมเป็นพลวตั สูงยอ่ มส่งผลกระทบต่อควำมมนั่ คงในกำร อยูอ่ ำศยั อยูเ่ สมอ อนัเนือ่ งมำจำกมูลคำ่ สว่ นเกนิ ของรำคำ ท่ดี นิ ต่อผลติ ภำพจำกกำรใช้ทดี่ นิ ไดก้ ระต้นุ ใหเ้ กดิ กำร เปล่ียนแปลงกำรใช้ที่ดนิ อย่ำงรวดเร็ว กำรขยำยตวั ของเมือง ทำ ให้พนื้ ท่เี กษตรกรรมเดมิ ได้เปลี่ยนไปสกู่ ำรใช้ประโยชน์เพือ่ กำรพกั อำศยั และพำณิชยกรรมตำมลำดบั ส่งผลให้ โครงสร้ำงสังคมในชุมชนปรบั ตวั และเปลี่ยนแปลงไปได้ พรอ้ มกัน เช่น ภำวะกำรณ์ของกำรย้ำยถิ่นจำกชนบทเขำ้ สู่ เมืองอย่ำงรวดเร็วอย่ำงในกรุงเทพฯ ที่ก่อให้เกดิ กำรผสมผสำนลกั ษณะทำงสังคมวิทยำเมอื งอันมลี ักษณะเฉพำะขนึ้ (Seabrook, 2539) PAGE : 1 — 19 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3.1.1 ควำมหมำของชุ มชนแออัด 2.3.3.2 ลักษณะของชุมชนแออดั ชุมชนแออัด หมำยถึง ชุมชนสว่ นใหญ่ท่ี สภำพเคหะสถำนหรอื บรเิ วณท่ีพกั อำศยัมีอำคำรหนำแนน่ ไรร้ ะเบียบ และชํ ำรุดทรุดโทรม ทีป่ ระกอบดว้ ยอำคำรเก่ำแกช่ ํ ำรุดทรุดโทรม 2.3.2.1 มีบ้ำนเรือนปลูกหนำแนน่ประชำชนอยูอ่ ย่ำงแออัด มีสภำพแวดลอ้ มไม่ มีบรเิ วณท่ี สกปรกรกรุงรงั ประชำชนอยูก่ นั 2.3.2.2 มีประชำกรอำศยั อยูอ่ ยำ่ งแออัดเหมำะสม อันอำจเป็นอนั ตรำยต่อ สุขภำพ อยำ่ งแออัดผดิ สขุ ลกั ษณะตำ่ กว่ำมำตรฐำน 2.3.2.3 บรเิ วณทอ่ี ยูอ่ ำศยั ไม่ถูกสขุ ลกั ษณะอนำมยั และควำมปลอดภยั ของผูอ้ ยูอ่ ำศยั โดยให้ สมควรจนไมอ่ ำจอยูแ่ บบครอบครัว 2.3.2.4 อำคำรบำ้ นเรือนชํ ำรุดทรุดโทรม ตำมปกตวิ สิ ยั มนษุ ย์ ทำให้ไม่ปลอดภัยในด้ำน 2.3.2.5 ผู้อยูอ่ ำศยั มีอำชพี มำกมำยหลำยถือเกณฑ์ควำมหนำแนน่ ของบ้ำนเรอื น อย่ำงนอ้ ย สขุ วทิ ยำและอนำมยั15 หลงั คำเรอื นต่อพนื้ ที่ 1 ไร่ พฒั นำชุมชนเมืองปี 2546 มีชุมชนแออดัในกรุงเทพฯ ประมำณ 5,500 ชุมชน(ม.ร.ว.อคิน รพีพฒั น์ , 2555 ) PAGE : 1 — 20 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

จำกปรำกฏกำรณ์ควำมเปลี่ยนแปลงเมอื งทเ่ี กดิ ขนึ้ กอปรกบั แนวทำงกำรพัฒนำทอี่ ยู่อำศยั ของชุมชนที่เช่ำบนทด่ี นิ ของสำนักงำนทรพั ยส์ นิ ส่วนพระมหำกษัตรยิ ไ์ ด้ สร้ำงแนวทำงกำรปรบั ปรุงสภำพแวดล้อมและที่อยู่อำศยั ที่ชุมชนจำเป็น ตอ้ งปรับปรุงกำรอยูอ่ ำศยั ท่ีในปัจจุ บนั เป็นแนวรำบ ไม่เป็นระเบยี บ สู่กำรเพิม่ ควำมหนำแนน่ และ จดั ระเบยี บดำ้ นสำธำรณูปโภคอำททิ ำงเดิน ทำงระบำยนำ้ ฯลฯ ให้เกดิ ประสิทธิภำพในกำรใช้ทีด่ นิ มำกขึน้ซ่ึงส่งผล โดยตรงใหท้ ี่อยู่อำศยั ในชุมชนบำงส่วนหรือทัง้ หมดตอ้ งได้ รับกำรออกแบบ-กอ่ สรำ้ งขึน้ ใหม่ ควำมท้ำทำยตอ่ ควำม เปลยี่ นแปลงนีจ้ งึกลำยเป็นประเด็นสู่กำรแก้ปัญหำทอ่ี ยู่ อำศยั ท่ตี อ้ งกำรกำรวำงแผนร่วมกนั ระหว่ำงผู้มสี ่วนได้สว่ น เสยี เพอ่ื หำทำงออกทเ่ี หมำะสมและเป็นไปได้ต่อทัง้ เจำ้ ของ ทีด่ นิ และชุมชน อันวำงอยู่บนผลประโยชน์ทไี่ ด้รับ/เสียไป ของภำคสว่ นทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทัง้ หมด PAGE : 1 — 21 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3.3ปัญหำชุมชนและปัจจัยทมี่ ีผลกระทบตอ่ ชุมชน2.3.3.1 ปัญหำชุมชนแออดั1) ปัญหำควำมแออดั ของทีอ่ ยูอ่ ำศยั และสถำนท่ี 2) ปัญหำกำรจรำจรเนอ่ื งมำจำกจำนวนประชำกร 3) ปัญหำสง่ิ แวดลอ้ มเป็นพษิ หรอื มลพษิ หนำแนน่ มกี ำรเดนิ ทำงเคล่ือนย้ำยไปยงั สถำนที่ (Pollution) เป็นภำวะภำยในเมืองทสี่ ่งิ แวดลอ้ มทำงำนในเขตเมอื ง เป็นผลมำจำกกำรใช้ที่ดนิ และ ตำ่ งๆ ภำยในเมอื งโดยรถยนตม์ ำกขนึ้ กำรจรำจรควำมต้องกำรของแรงงำน ท่ีต้องกำรท่อี ยู่อำศยั คับคัง่ ทำให้ผูเ้ ดินทำง ตอ้ งใช้เวลำอยู่บนทอ้ งถนน เส่ือมโทรมลงเรือ่ ยๆ มสี ำเหตุมำจำกกจิ กรรม มำก ประกอบกบั ชุมชนเมอื งส่วนใหญ่มักมีหนำ้ ที่ท่สี ะดวกและประหยดั ค่ำใช้จ่ำย ในกำรเดินทำงมำ เป็นศนู ยก์ ลำงทำงด้ำนตำ่ งๆ และ รูปแบบกำร ภำยในเมอื ง ปัจจุ บนั ภำยในเมืองใหญๆ่ มกั ประสบ กระจำยตวั แนวถนนทำงำนประจำวนั ทำให้เกดิ เป็นแหล่งชุมชนแออัด ปัญหำสภำวะแวดล้อมเป็นพษิ ทงั้ อำกำศ(Slum Area) นับเป็นปัญหำสำคัญในเมืองใหญ่ มักมมี ำกทสี่ ุดบริเวณศนู ย์กลำงเมอื ง จึงทำใหม้ ีซ่ึงเป็นยำ่ นหรือแหลง่ ทีม่ ีอำคำรหนำแนน่ และ กำรจรำจรหนำแนน่ บรเิ วณศนู ยก์ ลำงเมือง เสีย เสยี งรบกวน และนำ้ เสยี เป็นตน้อำคำรสว่ นมำกชํ ำรุดทรุดโทรม มสี ภำพทไ่ี ม่ เนื่องจำกเป็นที่ตัง้ กจิ กรรมท่ีสำคัญเหมำะสมทจ่ี ะเป็นทอี่ ยูอ่ ำศยั หรอื มลี ักษณะทเี่ ป็น สิ่งแวดล้อมเป็นพษิ เหลำ่ นี้ กอ่ ให้เกดิ อันตรำยต่ออนั ตรำยต่อสุขภำพอนำมยั ควำมปลอดภัย สุขภำพอนำมัยของประชำกรเมอื งอย่ำงมำก เป็นศีลธรรม หรอื สวัสดิภำพของผู้อยู่อำศยั และ ผลทำใหค้ ณุ ภำพและประสิทธิภำพในกำรทำงำน ของประชำกรในเมอื งลดลงประชำชน PAGE : 1 — 22 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

4) ปัญหำกำรใหบ้ รกิ ำร 5) ปัญหำทำงดำ้ นสังคม 6) ปัญหำกำรขยำยตวั ของชำนเมืองสำธำรณปู โภค และสำธำรณปู กำร กำรทปี่ ระชำกรเข้ำมำอำศยั กนั อย่ำงแออดั ภำยใน เกดิ จำกกำรขยำยตวั ทำงเศรษฐกจิ อย่ำงรวดเร็ว เมอื ง ทำใหเ้ กดิ ปัญหำทำงด้ำนสงั คมกลมุ่ ตำ่ งๆ ทำใหป้ ระชำชนส่วนหน่งึ มีกำรอพยพไปตงั้ ถ่นิ ฐำนเน่ืองจำกมีประชำกรอยูก่ ัน อย่ำงหนำแน่น มำกมำย เช่น ปัญหำกำรขำดแคลนท่ีอยูอ่ ำศยั บริเวณชำนเมือง เกดิ กำรขยำยตวั ของกำรใช้ท่ีดนิ สำหรบั ผู้มรี ำยได้นอ้ ย ปัญหำกำรบุกรุกพนื้ ท่ี อย่ำงรวดเรว็ มีกำรใช้ทดี่ ินประเภทตำ่ งๆ เพ่มิ ขนึ้เป็นจำนวนมำกทำให้กำรให้บรกิ ำร กจิ กำร สำธำรณะ ปัญหำแหลง่ ชุมชนแออดั ปัญหำกำร โดยปรบั เปลีย่ นจำกพนื้ ท่ีเกษตรกรรมชำนเมือง ไป ว่ำงงำน และควำมยำกจน ปัญหำอำชญำกรรม เป็นท่ีอยูอ่ ำศยั หมูบ่ ำ้ นจดั สรร โรงงำนสำธำรณูปโภคตำ่ งๆ เช่น นำ้ ประปำ ไฟฟ้ ำ ปัญหำยำเสพติด ปัญหำกำรหย่ำรำ้ ง ปัญหำเด็ก อุ ตสำหกรรม ทำให้กำรควบคุมขนำด และขอบเขต เร่รอ่ นจรจดั เป็นตน้ ปัญหำทำงสงั คมเหลำ่ นี้ ทำ ของเมืองทำได้ยำก กำรจดั บรกิ ำรทำงด้ำนโทรศพั ท์ กำรจดั กำรมูลฝอยต่ำงๆ ตอ้ งเพม่ิ ใหผ้ ูอ้ ยู่อำศยั ในเมือง ขำดควำมปลอดภัยในชวี ติ สำธำรณูปโภค และสำธำรณูปกำรไม่สำมำรถทำได้ และทรัพย์สนิ ตลอดจนสวัสดิภำพของบุคคลปรมิ ำณกำรให้บริกำรมำกขึน้ จนเกนิ ระดบั ที่ ตำ่ งๆ ด้วย อย่ำงเพยี งพอ และทนั ต่อควำมตอ้ งกำรสำมำรถรองรบั ได้ นอกจำกนนั้ กำรให้บริกำรสำธำรณประโยชนอ์ ืน่ ๆ เช่น สวนสำธำรณะโรงพยำบำล โรงเรยี น และสถำนท่ีทำกำรของรฐั บำลอืน่ ๆ ไม่สำมำรถให้บรกิ ำรไดเ้ พยี งพอตอ่ควำมตอ้ งกำร จงึ ทำให้เกดิ ปัญหำควำมแออดั ในดำ้ นกำรใหบ้ ริกำร PAGE : 1 — 23 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.3.7 เดก็ ในชุมชนแออัด ปัญหำในชุมชนแออดั ในมมี ำกมำยหลำยประเภทซ่ึงปัญหำเหล่ำนี้ลว้ นแลว้ แต่เป็นปัญหำในระดบั ประเทศทัง้ นัน้ สำเหตหุ น่ึงของปัญหำกค็ ือกำรทีค่ นในชุมชนแออดั มจี ำนวนมำกและคนทีอ่ ำศยั อยูส่ ว่ นใหญเ่ ป็นคนยำกคนจนซ่ึงควำมยำกจนกไ็ ด้ก่อให้เกิดปัญหำทำงดำ้ นสงั คมอื่นๆตำมมำไม่ว่ำจะเป็นปัญหำยำเสพตดิ กำรพนันอำชญำกรรม หรอื กำรกระทำผิดกฎหมำยอื่นๆ กลำยมำเป็นปัญหำของครอบครัวและปั ญหำของชุ มชน “เดก็ ”ในชุมชนแออัดคอื ผูท้ ี่สมุ่ เสี่ยงทส่ี ดุ ต่อกำรเป็นผูไ้ ดร้ บัผลกระทบจำกปัญหำเหล่ำนที้ ่ีสดุ และยังเสย่ี งต่อกำรเป็นผู้กอ่ ปัญหำเหลำ่ นี้ขนึ้ เองในอนำคตด้วย อำจด้วยเพรำะควำมออ่ นแอ ควำมไร้เดียงสำและธรรมชำตขิ องมนุษยท์ ่ีมักจะมนี สิ ยั ใจคอไปตำมสิง่ แวดล้อมและสิง่ ที่ได้รบั กำรปลูกฝัง โดยเฉพำะครอบครวั เป็นส่วนสำคญั ที่สดุ ตอ่ ชวี ิตทัง้ ในปัจจุ บนั และอนำคตของเดก็ PAGE : 1 — 24 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

PAGE : 1 — 25 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ปัญหำของเด็กในชุมชนแออดั มที งั้ กำรที่เด็กถกู ปลอ่ ยปะละเลย เพรำะปัญหำจำกกำรท่ีพ่อหรอื แม่ติดยำเสพตดิ ตดิ สุรำยำเมำ บ้ำงครอบครวั แตกแยก เดก็ ถูกปลอ่ ยทงิ้ ไวใ้ ห้อยูก่ ับปู่ยำ่ ตำยำย หรอื ทแี่ ยก่ วำ่ นัน้ คือกลำยเป็นเดก็ เรร่ ่อน เป็นขอทำน ถกูลอ่ ลวงหรอื จงใจไปเป็นแรงงำนเดก็ ซ่ึงถ้ำเดก็ ไมไ่ ด้มีภมู ิคมุ้ กนั ภยั ที่แขง็ แรง รวมถงึ ถำ้ สงั คมไมม่ ีพนื้ ท่ใี หพ้ วกเขำยนื ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสมพวกเขำกจ็ ะหลงเดินไปในทำงที่ผดิ มวั่ สมุ มวั เมำ มีพฤติกรรมเบ่ียงเบน ติดอบำยมุข ยำเสพตดิ สรุ ำ บุหร่ีได้ และสำหรบั ปัญหำที่สำคญั อีกปัญหำหน่ึงกค็ ือคือปัญหำดำ้ นกำรศึกษำอนั เนือ่ งมำจำกผลพวงมำจำกปัญหำอ่นื ๆ เช่น ปัญหำเศรษฐกิจปัญหำสังคม ปัญหำครอบครวั ปัญหำดำ้ นสภำพแวดล้อม หรอืแม้แตป่ ัญหำจำกทำงโรงเรยี นหรือตวั เดก็ เอง (วรรณวนัช พรเลศิ ,2552) PAGE : 1 — 26 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ในสงั คมไทยยงั มอี กี หลำกหลำยปัญหำทเ่ี กิดขึน้ ไม่ สภำพแวดลอ้ มที่แออัด คบั แคบ ขำดสขุ อนำมัยวำ่ จะเป็นปัญหำอำชญำกรรม ยำเสพติด ขโมย ไมเ่ หมำะสมกบั กำรส่งเสริมพฒั นำกำรเดก็ ซ่ึงเดก็ท้องก่อนวัยอนั ควร เดก็ ที่อยู่ในกลมุ่ เสยี่ งทีจ่ ะเป็น ยำกจนในชุมชนแออัดต้องเผชิญสภำพดังกลำ่ วผูท้ ำใหเ้ กิดปัญหำดงั กล่ำว คอื “เด็ก” ที่ขำด ตลอดเวลำควำมสุขควำมภำคภมู ใิ จในตนเอง และ ขำดควำมสำมำรถทำงกำรเรยี นรู้ ถูกดูถูก ตำหนิ สิง่ เหลำ่ นีท้ ดแทนได้ด้วยกำรสร้ำงปัจจยั ที่ลงโทษ ทำให้หันเหไปหำควำมสุข ควำมภำคภมู ใิ จที่ เหมำะสมอ่นื ใหแ้ กเ่ ดก็ และ ปัจจยั สำคัญย่งิ คือก่อให้เกิดปัญหำตำมมำ กำรจดั กำร ศึกษำท่เี หมำะสมกบั พฒั นำกำรของ เด็ก ทำให้เด็กเรยี นรูอ้ ยำ่ งมีควำมสุข สำเหตกุ เ็ นอื่ งมำกจำก เดก็ ขำดกำรสง่ เสรมิพฒั นำกำรทีม่ ีคณุ ภำพได้รับสำรอำหำรไม่ ควำมภำคภมู ใิ จในตนเอง (Self Esteem) สง่ ผลพอเพยี งเพรำะพอ่ แม่ยำกจนต้องหำเช้ำกินคำ่ ต่อพัฒนำกำรทำงสมอง จงึ เป็นกำรแกไ้ ขปัญหำที่กำรเลยี้ งดทู ่ปี ลอ่ ยปละละเลย สำคัญอยำ่ งยิง่ อันจะทำให้เด็กในชุมชนแออัดเติบโต เป็นผู้ใหญท่ ่มี ีคณุ ภำพได้ PAGE : 1 — 27 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.4 ทฤษฎีท่ีเก่ยี วขอ้ ง2.4.1 องค์ประกอบของชุมชนองค์ประกอบของชุมชนไว้ 3 ประกำร คอื1.องค์ประกอบดำ้ นมนุษย์(Human Component) 2. องคป์ ระกอบดำ้ นท่ีสงมนุษย์ประดษิ ฐข์ ึน้ 3. องคป์ ระกอบดำ้ นส่งิ ทธี่ รรมชำตสิ ร้ำงขนึ้ (natural component) สิ่งที่ธรรมชำตสิ รำ้ งขนึ้ มำกำรพัฒนำองคก์ รชุมชน 5 เป็นองคป์ ระกอบทม่ี ี (man-made component) หมำยรวมทกุ อยำ่ ง ที่เกี่ยวข้องกับพืช สัตว์บทบำทสำคญั ยิ่งในชุมชน ทรัพยำกรธรรมชำติ ทงั้ หลำย ซ่ึงทุกชุมชนจะมี สิ่งท่มี นษุ ยค์ ิดคน้ ประดิษฐข์ นึ้ มหี ลำกหลำยลกั ษณะ สิ่งท่ีธรรมชำติสร้ำงขนึ้ เป็นส่วนประกอบอยู่ทงั้ นนั้จำกวิวฒั นำกำรของมนุษย์ในอดตี จนถึง ปัจจุ บัน ทัง้ ทเี่ ป็นรูปธรรมและนำมธรรมและได้ นำไปใช้ใน สิง่ ต่ำง ๆ แตล่ ะชนิดใน ชุมชนที่ธรรมชำติสรำ้ งขนึ้มนษุ ย์ชอบอยูร่ วมกนั เป็นกลมุ่ จะเห็นไดว้ ำ่ ในทุก ชุมชน ไมว่ ำ่ จะเป็นเครอ่ื งอำนวยควำมสะดวก จะมคี วำมสัมพนั ธ์ตอ่ กันเหมือนองค์ประกอบที่ชุมชนไมม่ ีใครถกู ทอดทิง้ อยูค่ นเดยี ว โดยไมม่ ี กำร หรอื สิง่ จำเป็นในกำรดำรงชีวติ เช่น อำหำร กลำ่ วมำแล้วทงั้ 2 ประเภท เช่น สภำพอำกำศท่ีไปมำหำสกู่ ัน กำรอยูร่ วมกนั เป็นกลุ่มมีหลำกหลำย เคร่ืองน่งุ ห่ม ทอี่ ยูอ่ ำศยั เครอ่ื งทุ่นแรง รถยนต์ แห้งแล้งจะทำให้ดนิ แตกระแหงและไม่มนี ำ้ เพยี งพอลักษณะและหลำยรูปแบบ เช่น ครอบครวั กลมุ่ วทิ ยุ โทรทศั นต์ เู้ ย็น พัดลม นอกจำกส่งิ ที่เป็น สำหรบั กำรเจรญิ เติบโตของ พชื ผลทงั้ หลำยพอ่ คำ้ กลุ่มองค์กร กลุม่ เครือข่ำยทอ่ี ยู่ในชุมชน วตั ถุแลว้ มนษุ ย์ยังสร้ำงแนวควำมคิด ปรัชญำ ค่ำนยิ ม ควำมเช่ือ ควำมรูต้ ำ่ ง ๆ เหล่ำนลี้ ้วนเป็น (www.pws.npru.ac.th,2554) สิ่งที่มนษุ ย์สร้ำงขนึ้ PAGE : 1 — 28 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

2.4.3 กำรเรยี นรูอ้ ย่ำงสรำ้ งสรรค์สำหรบั เดก็“ควำมคิดสรำ้ งสรรค์ คอื กระบวนกำรท่ีบุคคลไวต่อปัญหำ ขอ้ บกพรอ่ ง ช่องว่ำงในด้ำนควำมรู้ ส่งิ ทขี่ ำดหำยไป หรอื สง่ิ ทไ่ี ม่ประสำนกันและไวตอ่ กำรแยกแยะส่งิ ตำ่ งๆ ไวตอ่ กำรค้นหำวธิ ีกำรแก้ไขปัญหำ ไวต่อกำรเดำหรือกำรตัง้ สมมติฐำนเกย่ี วกบั ข้อบกพรอ่ ง ทดสอบและทดสอบอีกครงั้ เกี่ยวกบั สมมติฐำน จนในทส่ี ุดสำมำรถนำเอำผลท่ีได้ไปแสดงให้ปรำกฏแกผ่ ูอ้ ืน่ ได้” (Torrance, 2505) ควำมคดิ สร้ำงสรรคเ์ ป็นทกั ษะที่สำมำรถพัฒนำได้ และกระบวนกำรพฒั นำดังกลำ่ วก็สำมำรถถกู ออกแบบและจดั กำรอยำ่ งเป็นระบบไดเ้ ช่นกัน พืน้ ฐำนของควำมคดิ สรำ้ งสรรค์มีอยู่ดว้ ยกนั 3 อย่ำง คือ ควำมรู้ หลกั กำร และแนวคดิ โดยเรำสำมำรถเรียนรูแ้ ละพัฒนำกำรคิดอยำ่ งสรำ้ งสรรค์ของตัวเองได้ผ่ำนกำรทดลอง กำรสำรวจ กำรตัง้ คำถำม กำรสันนษิ ฐำน ไปจนถึงกำรใช้จนิ ตนำกำรและข้อมูลเชิงสงั เครำะห์ (www.tkpark.or.th , 2560) PAGE : 1 — 29 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

ในรูปแบบของกำรคิดสรำ้ งสรรค์มอี ยูม่ ำกมำย กล่ำวสรุปได้เป็นเรอ่ื งของ 2 ปัจจัยหลกั ดงั นี้ สงั เกต +เพอ้ ฝัน กำรจดจำหรือกำรบันทกึ ท่ีจะสะสมประสบกำรณต์ ำ่ งๆ ในชีวิตประจำวัน ตัง้ แตต่ นื่ นอน ทำงำน และกำรนอนหลับ ตน่ื มำเรำทำอะไรบำ้ ง ฝึ กคดิ และมองสง่ิ ทอี่ ยู่รอบตัว กำรจดบนั ทกึ จะช่วยให้เกิดทักษะกำรจำมำกระตุ้นให้เกิดควำมคิดใหม่ เช่น ขณะโดยสำรรถประจำทำง มองไปรอบๆด้ำน จะทำให้เกิดควำมคิดต่ำงๆทจ่ี ะแก้ปัญหำมำกมำย ในรูปแบบของกำรเพอ้ ฝันไปสร้ำงสรรคส์ ิง่ ตำ่ งๆ ควำมคิดสร้ำงสรรค์เป็นลักษณะควำมคิดแบบอเนกนยั ในควำมคดิ หลำยแงม่ ุม มำนำเสนอให้เกดิ รูปแบบทงั้ ท่ีเป็นรูปธรรมและนำมธรรมต่ำง โดยต้องอำศยั วธิ ีกำรตำ่ งๆ PAGE : 1 — 30 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

คดิ นอกเรอ่ื ง คิดนอกกรอบ ค้นหำแรงผลักดัน มำเป็นส่งิ เร้ำในกำรค้นหำ มองเร่อื งง่ำยๆตัง้ คำถำมประเด็นว่ำทำไม แลว้ จะเป็นไปได้ไหม กำรพยำยำมสร้ำงแรงผลักดนั จะช่วยเสริมให้เรำ ผลงำนกำรออกแบบทไี ดร้ ับรำงวลั มำกมำย ในชำวญป่ี ุ่นจะขำยแตงโม แตท่ ำยงั ไงใหเ้ ป็น สำมำรถคดิ อะไรท่ีแตกต่ำงออกไป กำรนำส่งิ เร่ืองของกำรโดนใจกรรมกำรมำกที่สดุ จะเป็นกำรเอกลักษณแ์ ละตัง้ คำถำมวำ่ ทำไมแต่งโมตอ้ งเป็นรูป ตำ่ งๆทเ่ี รำมองออกไปจำกรอบตวั เรำมำกระตุ้นให้ นำเสนอในเร่ืองควำมโดดเดน่ ของอตั ตำลกั ษณ์ ที่กลม ปัจจยั อันนที้ ำให้เกิดแรง ผลกั ดันในกำร เกิดแนวคดิ ใหมๆ่ ตอ้ งอำศยั กำรเพ้อฝันใน มองเรอ่ื งงำ่ ยๆของกำรนำเสนอแลว้ ดึงดดู ควำม บำงครัง้ จะช่วยให้มแี นวคดิ ที่แตกตำ่ งออกไปจำก สนใจ บำงครงั้ ไมจ่ ำเป็นต้องคดิ อะไรเยอะ ซบั ซ้อนค้นหำตัดตอ่ พันธุกรรมของแตงโมสุดท้ำยได้ลูก กรอบเดิม มองหำควำมเรยี บงำ่ ย รูปทรงเรขำคณติ มใี ช้ใน กำรออกแบบอยำ่ งแพร่หลำย หรอื ภำพเขียนในแตงโมทแี่ ปลกตำออกไป เป็นรูปทรงส่เี หลยี่ มสเี ขียว สมยั กอ่ นใช้รูปร่ำงของธรรมชำตใิ นกำรบนั ทึกรสชำติคงเดมิ แต่สิง่ ที่สรำ้ งควำมแตกตำ่ งคอื ควำมเป็นมำในสมยั ก่อนได้เป็นอย่ำงดีควำมแปลกใหมใ่ ห้กบั ผูพ้ บเหน็ PAGE : 1 — 31 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

พฒั นำรูปแบบเดิม ๆ อำรมณ์ดี คิดบวก เป็นกำรมอง ฉกี กฎเกณฑเ์ ดิมๆ บำงทีจิตนำกำร เปิดใจแลกเปลย่ี นทศั นะยอมรับควำม ภำพสร้ำงควำมเช่ือมนั ใหก้ ับตัวเอง ควำมคิดอำจหยุ ดลง คดิ เห็นมุมมองใหม่สง่ิ ท่ีเดิมๆเก่ำแกก่ ม็ ีคณุ ค่ำ แตต่ อ้ รบักับสมยั นยิ มในปัจจุ บนั กำรนำรูปแบบ เชื่อในสิง่ ทีต่ ัวเองจะทำเป็นกำร หำกมตี ัววฒั นธรรมตำ่ งๆเข้ำมำ หรอื เรยี กว่ำ ไม่ปิดกนั้ ตัวเองในกำรท่ีมอี ยู่เดมิ มำตอ่ ยอดควำมคดิ จะ เสรมิ แรงควำมมัน่ ใจและมที ัศนะคติที่ เกย่ี วขอ้ ง แตถ่ ้ำมนั่ ใจวำ่ เป็นส่งิ ท่ีดี เสพควำมรูป้ ระสบกำรณ์ต่ำงๆมำช่วยพัฒนำสิง่ ตำ่ งๆ ได้ดีขึน้ ไปมี งำมหรอื สรำ้ งสรรคค์ ุณค่ำให้กับ แลกเปล่ียนควำมคดิ ยอมรบั ฟังควำมสมบูรณม์ ำกขนึ้ ตอบสนอง ดใี นกำรคดิ สร้ำงสรรค์ เช่น กำร สังคม อำจจะอำศยั แนวคดิ เก่ำมำ ควำมคิดเห็นของผู ้อื่นจะช่ วยให้มีควำมตอ้ งกำรไดด้ ี ผสมกบั แนวคดิ ใหล้ องฉกี กรอบ สัมพนั ธภำพและมีพฒั นำกำร สรำ้ งอำรมณจ์ ำกกำรฟังเพลง กำร แนวคดิ และกลับเขำ้ สู่ควำมจรงิ ดู ควำมคิดดี (Sitthichai Laisema ,2557) ควำมเหมำะสมว่ำเป็นไปได้หรอื ไม่ ฟังเสียงจำกธรรมชำติ หรือกำรนัง่ พกั ผ่อนหรือฝึ กสมำธิ กำรควบคมุ จิตใตส้ ำนกึ ให้ สดใส สดช่ืน เบิกบำน เป็นกำรเปิดสมอง ให้มีควำมคดิ อะไร ใหม่ PAGE : 1 — 32 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT “THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”

PAGE : 1 — 33 THESIS ARCHITECTURE 2017 RMUTT“THE CREATIVE IMAGINATION CENTER FOR CHILD , RAMA 9”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook