ก ผลงานลำดับที่ 1 เร่อื ง การฝกึ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหนา้ ) ประจำปี พ.ศ. 2564 ศนู ยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ของ นางอมรทพิ ย์ ภาคสุชน ประกอบคำขอประเมินบุคคลและผลงานเพือ่ แต่งตง้ั ให้ดำรง ตำแหนง่ ผู้เชยี่ วชาญด้านการจดั การสาธารณภยั (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชยี่ วชาญ) ตำแหน่งเลขท่ี 806 ศนู ยป์ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
คำนำ การจัดทำรายงานการศึกษา เรื่องการฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) พ.ศ.๒๕๖๔ ศูนย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อ เตรียมการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจในบทบาทกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าท่ีศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเขต ซักซ้อมภารกิจหน้าท่ีในการจัดทำแผนปฏิบัติการสนับสนุนและการปฏบิ ัติงาน ในฐานะเปน็ ผู้สนับสนุนการปฏิบัติระหว่างผู้กำกับควบคุมพ้ืนท่ี และทีมจัดการเหตุการณ์ของกองบัญชาการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ศึกษาวิเคราะห์ ประเมินองค์ประกอบทีม่ ผี ลต่อประสิทธิภาพในการ ปฏิบัติงานตลอดจนทดสอบความพร้อมของสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนา ขีดความสามารถในการเตรยี มความพรอ้ ม การระงับและบรรเทารวมท้งั การฟนื้ ฟูบรู ณะให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว สนับสนุนการบริหารจัดการของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับ เป็นสถานที่ตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ถือเป็นองค์กรปฏิบัติการ ในภาวะฉกุ เฉนิ ซ่ึงเปน็ กลไกสำคัญในการจดั การสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ3) หรือสาธารณภยั ร้ายแรงอย่างยิง่ (ระดบั ๔) ซง่ึ สถานการณ์ภยั อาจทม่ี คี วามรนุ แรงมากครอบคลมุ พื้นที่กวา้ งขวางหลายอำเภอหรอื หลายจงั หวัดและใช้เวลา ในการเผชิญเหตุยาวนานกว่าปกติ ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉินภายใต้บริบทเชิงพื้นที่ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จึงอาจพิจารณาจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) และแต่งตั้งผู้กำกับควบคุมพื้นที่ (Area Commander) เพื่อปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนข้อมูลผู้บัญชาการในการอำนวยการจัดการสาธารณภัยในพื้นที่ ตามโครงสร้างกองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) และประสานศูนย์บัญชาการ เหตุการณ์จงั หวดั รายงานการศึกษา เรื่องการฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) น้ีได้ประมวลการดำเนินงานเริ่มตัง้ แตก่ อ่ นการฝึก รูปแบบการฝกึ บนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) ดำเนินการฝึกผ่านระบบการประชุมทางไกล Video Conference, Google Meet, Zoom Meeting ณ สถานท่ีต้ัง ศูนยป์ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ทงั้ น้ี เป็นไปตามมาตรการปอ้ งกันและ ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) การจัดทำรายงานนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานระหว่างเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร และจังหวัดพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัด นครสวรรค์ และจังหวัดพจิ ิตร ในฐานะทีมจดั การเหตุการณ์ สนับสนนุ การปฏบิ ัติงานของเจ้าหนา้ ที่ ที่เข้าร่วม จัดการสาธารณภัยในกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ นำประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกฯ ไปใช้ในการปฏิบัติงาน ลดความสับสนในการประสานการปฏิบัติ ส่งผลให้การ ช่วยเหลอื ประชาชนได้อย่างรวดเรว็ เป็นระบบและมีประสทิ ธภิ าพ ลดความสญู เสียชีวิตและทรพั ยส์ นิ เพ่ิมความ ปลอดภยั ในชีวติ ของพนี่ อ้ งประชาชน นางอมรทพิ ย์ ภาคสชุ น ผขู้ อรบั การประเมิน
ข สารบญั หน้า เรอ่ื ง ก ข คำนำ จ สารบัญ ฉ สารบัญตาราง ช สารบัญแผนภาพ ๑ บทสรุปสำหรับผู้บริหาร 1 บทที่ 1 บทนำ 4 4 1.1 หลักการและเหตุผล 5 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของรายงานการศึกษา 6 1.3 ขอบเขตรายงานการศึกษา 6 1.4 วธิ ดี ำเนินการรายงานการศึกษา 7 1.5 ผู้ร่วมดำเนินงาน 7 1.6 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 12 บทที่ 2 นโยบาย กฎหมาย แนวคดิ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 14 ๒.๑ สถานการณแ์ ละแนวโนม้ สาธารณภัย ๒4 ๒.๒ การบริหารจดั การสาธารณภยั ในประเทศไทย 29 ๒.๓ นโยบายการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ 4๕ ๒.4 การจดั การความเส่ยี งจากสาธารณภยั 46 ๒.๕ การจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ บทที่ 3 การดำเนินงาน 5๕ การฝกึ กองบญั ชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ 5๗ (สว่ นหนา้ ) ของศนู ยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร 3.๑ กจิ กรรมการฝกึ กองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ 5๘ (ส่วนหน้า) ของศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ๓.๒ องค์ประกอบท่ีมผี ลต่อประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ัตงิ าน ๕๙ ของกองบัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (สว่ นหน้า) ณ ศูนยป์ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร 6๖ ๓.๓ ประเภทการฝึกกองบัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ ณ ศนู ย์ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ๗๒ 3.๔ การฝกึ บทบาทภารกจิ ตามโครงสร้างศูนยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ในรูปแบบบนโตะ๊ (TTX) ๓.๕ การทบทวนหลงั การฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (สว่ นหนา้ ) ณ ศูนยป์ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร (AAR) 3.๖ สรุปผลทีไ่ ด้จากการฝกึ บกปภ.ช. (สว่ นหน้า) รูปแบบบนโตะ๊
ค สารบญั (ตอ่ ) เรอ่ื ง หนา้ บทท่ี ๔ ผลการดำเนนิ งาน ๗๓ บทที่ 5 ๔.๑ การฝกึ กองบัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) ๗๓ ของศูนย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร 7๓ ๔.๒ ภารกจิ จดั ต้งั กองบัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาภยั แหง่ ชาติ (สว่ นหนา้ ) 7๕ ๗๕ ของศนู ย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ๘๐ ๔.๓ การเตรยี มการดา้ นสถานท่ี ทตี่ ้งั บก.ปภ. ช. ส่วนหน้า ๘2 ๘2 ของศนู ยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ๔.๔ ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั ๘4 ๔.๕ การเผยแพร่ผลงาน ๘๗ สรปุ ผลการวิเคราะห์ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ ๙๐ 5.1 สรุปผลการวเิ คราะหก์ ารฝกึ กองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (สว่ นหน้า) ณ ศูนยป์ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ 5.2 อภปิ รายผลการฝกึ กองบัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (สว่ นหนา้ ) ของศนู ยป์ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร 5.๓ ขอ้ เสนอแนะการฝกึ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (สว่ นหน้า) ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ๕.๔ การนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นการบริหารจัดการอุทกภยั ในพ้ืนที่ของศูนยป์ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร บรรณานกุ รม 11๓ ภาคผนวก ภาคผนวก 1 แผนปฏบิ ตั ิการสนบั สนนุ กองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ (สว่ นหน้า) ศนู ยป์ ้องกนั และบรรเทา สาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ภาคผนวก 2 ระเบยี บวธิ ีปฏบิ ตั ปิ ระจำกองบญั ชาการป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหนา้ ) ศูนยป์ อ้ งกันและบรรเทา สาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ภาคผนวก ๓ สถานการณก์ ารฝกึ กองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหน้า) กรณีอทุ กภยั รปู แบบการฝึกบนโต๊ะ ภาคผนวก ๔ นยิ ามศพั ท์ และคำย่อ ภาคผนวก ๕ คำส่ัง ที่ ๒๕๘/๒๕๖๔ แต่งตง้ั คณะทำงานโครงการฝกึ กองบญั ชาการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (สว่ นหน้า) ภาคผนวก ๖ คำสั่ง ท่ี ๒๕9/๒๕๖๔ มอบหมายเจา้ หนา้ ท่เี ขา้ ร่วมฝึกกองบญั ชาการ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (สว่ นหน้า)
ง สารบญั ตาราง ตารางท่ี หน้า ตารางที่ 2 - 1 องค์กรรับผดิ ชอบการจดั การสาธารณภัย 36 ตารางท่ี 2 - 2 ตารางแสดงช่องทางระบบการสอื่ สารหลกั ของศูนยป์ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย 39 เขต 8 กำแพงเพชร ตารางท่ี 3 - 1 ตารางกิจกรรมการฝกึ องบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (สว่ นหนา้ ) 56 ตารางที่ 5 - 1 ข้อมลู พน้ื ฐานลกั ษณะภูมิศาสตรป์ ระชากร และพ้ืนทเ่ี กษตรกรรม/ป่าไม้ของจงั หวดั 92 ในพนื้ ที่รบั ผดิ ชอบของศนู ย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ตารางท่ี 5 - 2 ปฏิทนิ สาธารณภยั ในพน้ื ทรี่ บั ผิดชอบของศนู ยป์ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 93 เขต 8 กำแพงเพชร
จ สารบัญแผนภาพ หน้า แผนภาพท่ี ๒ - 1 วงจรการจดั การความเสย่ี งจากสาธารณภยั ๒๔ ๒ - 2 กลไกการจัดการความเสีย่ งจากสาธารณภยั ของประเทศไทย 2๘ ๒ - 3 ยทุ ธศาสตร์การจดั การในภาวะฉุกเฉนิ แบบบรู ณาการ ๒๙ ๒ - 4 โครงสร้างศูนยป์ ฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินทอ้ งถน่ิ (ศบก. อปท.) ๓๒ ๒ - 5 องค์กรปฏิบตั ิการจดั การในภาวะฉุกเฉนิ (Emergency Operation Center : EOC) ๓๓ ๒ - 6 โครงสรา้ งกองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ /ศูนยบ์ ญั ชาการเหตุการณ์ 3๔ ๓ - ๑ สรปุ กรอบการดำเนนิ การฝกึ กองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหนา้ ) 54 3 - 2 แสดงขนั้ ตอนการออกแบบฝึกซ้อมแบบบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) 5๖ ๓ - ๓ แผนผังสถานที่ศนู ย์ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ๖๑ เปน็ ทีต่ ้งั กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหน้า) 3 - ๔ โครงสร้างสนับสนุนการปฏิบัติงานในกองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ๖๒ (สว่ นหน้า) กรณอี ุทกภัย ศูนย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ๓ - ๕ โครงสรา้ งกองบญั ชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ๖๔ ให้ผูอ้ ำนวยการศนู ย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร เป็นผู้กำกบั ควบคมุ พนื้ ที่ ๔ - ๑ แสดงโครงสรา้ งกองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (สว่ นหน้า) ๗๔ ของศนู ย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร 4 - ๒ การบรหิ ารจัดการสาธารณภยั ท่ที ันสมัย (Smart DRM) 7๗ 4 - ๓ การเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ ดาวน์โหลด QR Code 8๐ ๕ - ๑ ข่าวประชาสัมพนั ธ์ “สง่ มอบเครอ่ื งจักรกลสาธารณภัยประจำจงั หวัดตาก” ๘9 ๕ - ๒ จังหวัดในพน้ื ทร่ี บั ผดิ ชอบของศนู ยป์ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 9๐ กำแพงเพชร ได้แก่ จงั หวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ พจิ ิตร และตาก ๕ - ๓ แผนท่แี สดงเขตลุม่ นำ้ ของจงั หวดั ในเขตรบั ผดิ ชอบของศูนยป์ อ้ งกันและบรรเทา 9๒ สาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ๕ - ๔ แผนผงั โครงสร้างศนู ยบ์ ัญชาการเหตุการณจ์ งั หวัดกำแพงเพชร ๙๘ ๕ - ๕ สรุปขั้นตอนการบญั ชาการเหตุการณ์ กรณอี ุทกภัย สำหรับผวู้ ่าราชการจงั หวัด ๑๐๓
ฉ บทสรปุ สำหรบั ผูบ้ รหิ าร การจัดทำรายงานการศึกษาเรื่อง “การฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แห่งชาติ (ส่วนหน้า) ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร” มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็น แนวทางการเตรียมความพร้อม ทง้ั ในด้านสถานท่ีส่งิ อำนวยความสะดวกและบุคลากรสนบั สนนุ การทำงาน ตาม โครงสรา้ งกองบัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ สนับสนนุ ผ้กู ำกับควบคมุ พื้นท่ี ประสานการ ปฏิบัติกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เตรียมจัดตั้งเป็นสถานที่ตั้งของกองบัญชาการ ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) เป็นกลไกสำคญั หากเกดิ สาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดบั ๓) หรอื การจัดการสาธารณภยั ทีร่ า้ ยแรงอยา่ งยงิ่ (ระดับ ๔) เพื่อให้การถ่ายทอดความเข้าใจการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน เป็นไปอย่างมีระบบ เกิดการบรู ณาการทุกภาคส่วน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กำหนดให้จัดการฝกึ กองบญั ชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหน้า) ศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร พ.ศ. ๒๕๖๔ ระหว่างวันที่ ๘ - ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ระหวา่ งปี ๒๕๖๔ อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-19) มีข้อจำกัดในการดำเนินงาน เป็นไปตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค (DMHTTA) ประกอบด้วย อย่างเคร่งครัด ได้แก่ D : Distancing ต้องรักษาระยะห่าง M : Mask ใส่หน้ากาก อนามัย H : Hand washing หม่ันล้างมือ T : Temperature การตรวจวัดอุณหภูมิ T : Testing ตรวจหาเช้ือ โควดิ ๑๙ และ Application ใชแ้ อป “ไทยชนะ” และ “หมอชนะ” ก่อนเข้า - ออก สถานท่ที ุกครงั้ ส่งผลใหม้ ี การริเริ่มนำระบบการสื่อสารทางไกล มาใช้ในการจดั การฝึกแบบบนโต๊ะ (Tabletop Exercise : TTX) เชื่อม ระบบการประชุมทางไกลจากส่วนกลางมายังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร และ จงั หวัดในพ้ืนท่รี บั ผดิ ชอบ ๔ จังหวัด ไดแ้ ก่ กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์และพจิ ิตร ถอื เป็นครง้ั แรกท่ีใช้ระบบ การประชุมทางไกล เช่น Google meet, Zoom Meeting ในการระดมความคิดเห็น การฝึกอบรมถ่ายทอด องค์ความรู้และการฝึกซ้อมแผนแบบบนโตะ๊ เป็นการค้นหาคำตอบ ปรับวิธีคดิ หาแนวทางในการปรบั ปรงุ พัฒนา งานให้มีคุณภาพ สามารถใช้ผลการฝึกฯ มาจัดทำแผนปฏิบัติการสนับสนุนและระเบียบวิธีปฏิบัติประจำ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร เมอ่ื ยกสถานะเป็นกองบัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) กรณอี ทุ กภยั รายงานการฝึกกองบัญชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ศูนย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร พ.ศ. ๒๕๖๔ ฉบบั นี้ มีขอบเขตมุ่งเน้นให้ผู้เขา้ รว่ มการฝกึ ฯ มีความรู้ ความเข้าใจการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ บทบาทกระบวนการทำงานในฐานะผู้สนับสนุนการปฏิบตั งิ าน ของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ในแต่ละห้วงเวลา ตั้งแต่ขัน้ เตรียมการ ก่อนการฝึก ข้นั ออกแบบการฝกึ ขน้ั ฝกึ ซ้อมตามสถานการณ์ตลอดจนการอภปิ รายผลภายหลงั การฝกึ ซอ้ ม การฝกึ คร้งั น้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรยี มความพรอ้ ม ทดสอบให้เกดิ ความชำนาญ ลดความ สับสนในการบัญชาการเหตุการณ์ นำไปใช้ฝึกในรูปแบบอื่น เช่น การฝึกเตม็ รูปแบบ (Full Scale Exercise) เป็นโอกาสดีในการพัฒนาศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชรไปสู่องคก์ รการบริหารจัดการ ความเสี่ยงจากสาธารณภัยแบบอัจฉริยะ (Smart DRM : Disaster Risk Management ) เตรียมความพร้อมระบบการ สื่อสาร รายงานข้อมูลด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกฯ ไปใช้ในการ ปฏบิ ตั งิ านให้มีประสิทธิภาพ สง่ ผลให้การช่วยเหลอื ประชาชนได้อย่างรวดเร็วเป็นระบบ ลดความสูญเสียชีวติ และทรัพย์สนิ เพิ่มความปลอดภยั ในชวี ติ ของพี่น้องประชาชน
บทที่ 1 บทนำ 1.1 หลกั การและเหตผุ ล ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สาเหตุสว่ นหนึง่ เกิดจากสภาวะอากาศภาพรวมของโลกทีม่ ี ความแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตทาง อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยไม่คำนงึ ถงึ การรกั ษาสภาพแวดล้อม และขาดการวางแผนการพฒั นาอย่างยั่งยืน ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มข้ึนของความเสยี่ งการเกิดภัยไม่ต่างกับนานาชาติเชน่ กัน ไม่วา่ จะเปน็ อุทกภัย วาตภัย ดนิ โคลนถล่ม ไฟป่า แผ่นดินไหวและสึนามิ อัคคีภัย สารเคมแี ละวตั ถุอันตราย อนั เป็นผลสบื เนื่องจากภยั ธรรมชาติและการ กระทำจากมนุษย์ จากเหตกุ ารณภ์ ัยท่ีกลา่ วมาขา้ งต้นท้ังในตา่ งประเทศและประเทศไทย กลา่ วไดว้ า่ ภยั พิบัตินั้น สามารถสง่ ผลกระทบตอ่ ทกุ คน จงึ กลายเปน็ วาระสำคญั ของโลก (World Agenda) อย่างไรกต็ ามความเสยี หายและสูญเสีย ที่จะเกิดขึ้นจากภัยนั้นๆ สามารถที่จะป้องกัน ลดความเสี่ยงและบรรเทาความสูญเสียให้น้อยที่สุดได้ โดยการ เตรียมความพร้อมเผชิญและรับมือกับภัยที่อาจเกิดขึน้ ได้ทุกขณะ จำเป็นที่จะตอ้ งมีการเตรยี มความพร้อมที่ดี บริหารจัดการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Management) อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นหน้าท่ี ความรับผิดชอบสำคัญของภาครัฐ ที่จะนำพาความปลอดภัยในการบริการสาธารณะ (Public Service) มาสูป่ ระชาชน จากสถานการณ์ภัยในสองทศวรรษที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความถ่ี (Frequency)ความซับซ้อน (Complexity) และความรุนแรง (Severity) ท่ีเกิดขนึ้ จากภัยต่างๆ เพ่มิ ขึ้นเปน็ ทวีคณู แนวคดิ การจัดการภาวะ ฉุกเฉิน จึงมาสู่แนวคิดที่เน้นการบูรณาการเชิงรุก (Jesse, Supaporn, Darika and Louis, 2006) คือให้ ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมและบรรเทาผลกระทบ (Preparedness and Mitigation) วิวัฒนาการ ด้านการจัดการสาธารณภัยสูก่ ารปฏบิ ตั กิ ารในเชิงรกุ (Proactive Approach) กลา่ วคือ จะตอ้ งปฏิบัตกิ ารอย่าง ครบวงจร โดยเน้นไปที่การป้องกัน การลดผลกระทบ (Prevention and Mitigation) และการเตรียมความ พรอ้ ม (Preparedness) ซ่ึงอย่ใู นชว่ งระยะเวลากอ่ นการเกิดสาธารณภยั ควบคู่ไปกบั การจัดการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response) ซึ่งอยู่ในช่วงระยะเวลาระหว่างเกิดสาธารณภัย และการฟื้นฟูบูรณะ (Rehabilitation and Reconstruction)หลังการเกิดสาธารณภัยส่งผลให้ในทางปฏิบัติหน่วยงานซึ่งรับผิดชอบการจัดการภาวะฉุกเฉิน เพียงหน่วยเดียวเช่นในอดีต จึงมีขีดความสามารถอยู่ในวงจำกัด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทรพั ยากร ทำใหไ้ มส่ ามารถตอบสนองความคาดหวงั ต่อประชาชนผ้ปู ระสบภยั ได้อยา่ งทั่วถึงการประยกุ ตแ์ ละบูรณาการ องค์ความรู้ศาสตร์ในลักษณะสหวิทยาการ(Interdisciplinary) อาทิ ภูมิศาสตร์ สังคมวิทยา รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิศวกรรม แพทยศาสตร์ ฯลฯ และการระดมทรัพยากรมาใช้ในการเข้าบริหารจัดการในภาวะ ฉุกเฉนิ จึงมคี วามสำคัญยงิ่ ดงั นนั้ ภาครฐั จงึ ต้องอาศยั ความรว่ มมอื และการประสานงาน (Collaboration and Coordination)ร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น องค์การไม่แสวงหากำไร (NonProfit Organizations) อาสาสมัคร และภาคประชาชนรวมถึงหน่วยงานระหว่างประเทศ ในกรณีเหตุการณ์ขนาดใหญ่ที่เกินขีด ความสามารถของประเทศท่ีจะรับมือได้ โดยภาครัฐมบี ทบาทเปน็ แกนกลางในการประสานเพ่อื ทจ่ี ะดงึ ศกั ยภาพ ความเชี่ยวชาญของทั้งหน่วยงานต่างๆ และภาคีเครือข่ายภาคประชาชนดังกล่าว มาเพิ่มขีดความสามารถในการเตรียม ความพร้อมท้งั ในด้านทรพั ยากรองค์ความรใู้ นการรบั มอื กับภัยพบิ ัตใิ หเ้ ปน็ ไปอย่างรวดเรว็ มปี ระสทิ ธภิ าพมากย่ิงข้ึนและ เป็นไปในทิศทางเดยี วกันมีความสำคญั ยง่ิ เมือ่ พิจารณาสถานการณ์ภัยและการบริหารจดั การภาวะฉกุ เฉิน ตลอดจนสภาพปัญหาในการ จัดการภาวะฉุกเฉินภัยพิบัติของประเทศไทย จะพบว่ามีพัฒนาการการบริหารจัดการภาครัฐเพื่อให้สามารถ
๒ ตอบสนองตอ่ การเปลย่ี นแปลงของสภาพแวดล้อม ทงั้ ในแงโ่ ครงสร้างองคก์ ารแนวคดิ ในการบรหิ ารจัดการภาวะ ฉุกเฉินจากภัยพิบตั ิในแตล่ ะยุค ตลอดจนการเรยี นรู้ผ่านบทเรียนและประสบการณ์จากการรบั มือกับภัยพบิ ตั ิ มาเป็นลำดับ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เป็นกฎหมายแม่บทและแผน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 255๘ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการบริหารจัดการในภาวะ ฉุกเฉินของประเทศ อาจกลา่ วไดว้ ่าประเทศไทยได้มีความพยายามปรับปรุงและพัฒนากลไกการจัดการภาวะ ฉุกเฉินมาโดยตลอด ทั้งโครงสร้างองค์การที่รับผิดชอบภารกิจด้านการจัดการภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งแนวคิด นโยบายการบริหารจดั การสาธารณภยั ของประเทศดว้ ย จากในอดตี ที่มุ่งเนน้ การตอบโต้กับเม่อื เกดิ เหตแุ ลว้ เทา่ นัน้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีพัฒนาการจัดการภาวะฉุกเฉนิ และทบทวนหน่วยงานรบั ผิดชอบในดา้ น การจัดการภาวะฉกุ เฉนิ มายาวนานอยา่ งต่อเนอ่ื งดังกล่าว จากการศึกษาทบทวนรายงาน ประสบการณ์ บทเรียน และผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้องกับการเกิดภัยพิบัตใิ นอดีตที่ผ่านมา พบว่าปัญหาสำคญั ในการบริหารจัดการภาวะ ฉุกเฉินของหน่วยงานที่รับผิดชอบและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภัยพบิ ัติ ได้แก่ ข้อมูลท่ีมาจากหลาย แหล่งและมีความซับซ้อน ขาดความสมบูรณ์เชื่อมโยงและเป็นเอกภาพเพียงพอ สาหรับการตัดสินใจรวมทั้งขาดการ ประสานงานและเชื่อมโยงการปฏบิ ัติงานระหว่างหน่วยงาน ประกอบกับงบประมาณบคุ ลากร วัสดอุ ุปกรณ์ เทคโนโลยี และองค์ความรแู้ ละความเช่ยี วชาญเฉพาะดา้ นไมส่ มบรู ณ์และเพียงพอ กฎหมายและระเบียบในการบริหารราชการ ท่ีไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจบุ ัน มีความล่าช้าในการชว่ ยเหลือ การบังคับใช้กฎหมายการแทรกแซงทางการเมือง (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, 2555) ซง่ึ ปัญหาเหล่าน้ีสะทอ้ นใหเ้ หน็ ว่าการบริหารจดั การภาวะฉุกเฉิน ของภาครัฐด้วยการบริหารงานผ่านกลไกระบบราชการ โดยขาดการบูรณาการประสานความร่วมมือในการ จัดการปญั หาที่ผ่านมา เป็นผลใหก้ ารบริหารจัดการภาวะฉกุ เฉินยังตอ้ งปรับปรุงเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย ที่สง่ ผลให้เกดิ สาธารณภัยนัน้ ดว้ ยเหตนุ ี้ การฝกึ กองบัญชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (สว่ นหนา้ ) จึงเป็น อีกทางเลือกหนึ่งในการปรบั เปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบการบริหารของภาครัฐ เพื่อเพ่ิมขดี ความสามารถในการแก้ไขปัญหา การจัดการภัยพิบัติของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเรียนรู้ทดสอบกระบวนการ ระบบการ จัดการในภาวะฉุกเฉิน ขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติในการประสานงานการสื่อสารทักษะ ประสบการณ์ ความต้องการ ทรพั ยากรเพม่ิ เตมิ ข้อบกพร่องอปุ สรรค ไปปรับใช้ตามความเหมาะสม ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร เป็นหน่วยกลางด้านการบริหาร จัดการสาธารณภัยที่ตั้งอยู่ในภมู ภิ าค มีอำนาจหน้าท่ี อำนวยการปฏบิ ัติการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย และพ้ืนทเี่ กดิ ภยั ขนาดใหญ่ สนับสนนุ และปฏบิ ตั ิการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยและ ฟนื้ ฟูสภาพพ้ืนท่ีประสบภยั โดยบูรณาการประสานการปฏบิ ตั งิ านในพ้ืนที่รบั ผิดชอบ ๔ จังหวดั ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ และพิจิตร จึงต้องเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนและจัดการฝึกอบรม ฝึกซ้อมแผนป้องกันสาธารณภัย บรหิ ารกิจการอาสาสมคั รเพอ่ื การป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ปฏิบัติงาน ร่วมกับหรือสนับสนนุ การปฏิบัติงานของหน่วยงานอืน่ เพื่อให้สอดคลอ้ งและเป็นไปตามแผนการปอ้ งกนั และ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดแนวทางการเตรียมความพร้อมช่วงก่อนเกิดภัยเพื่อให้ ประชาชนและหนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องมอี งคค์ วามรู้ มขี ดี ความสามารถและทักษะพรอ้ มทจี่ ะรบั มือกบั สาธารณภัย เตรยี มความพร้อมเปน็ สถานทีต่ ้ังของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) องค์กร ปฏิบัติการจัดการในภาวะฉุกเฉิน เป็นกลไกสำคัญในการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ ๓) หรือ การจัดการสาธารณภยั ท่ีรา้ ยแรงอย่างย่งิ (ระดับ ๔) โดยกรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยมีหนา้ ท่ีจดั ทำแผน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศึกษาวิจัยเพื่อหามาตรการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพ
๓ ประสานการปฏิบัติใหก้ ารสนับสนนุ และช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหนว่ ยงานภาคเอกชน ในการสงเคราะห์เบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน ๑.๒ วตั ถปุ ระสงค์ของรายงานการศกึ ษา การศึกษา เรื่อง การฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ ศนู ย์ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร มวี ัตถปุ ระสงค์ ๑) เพอ่ื ศกึ ษาข้อมูลการสรา้ งความรู้ กระบวนการทำงาน ภารกิจเจา้ หน้าท่ี (EOC Staff) ของ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร และสำนักงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในฐานะผู้สนับสนุนการการปฏิบัติงานของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) และศนู ย์บญั ชาการเหตุการณจ์ งั หวัด ( EOC Management) กรณศี กึ ษา การจดั การอทุ กภยั ๒) เพื่อศึกษาองค์ประกอบที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน การพัฒนาขีด ความสามารถป้องกัน การเตรียมความพร้อม การจัดการในภาวะฉุกเฉินรวมทั้งการฟื้นฟูบูรณะ ของ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ๓) เพื่อซักซ้อมการเตรียมความพร้อมของสถานที่รองรับการเป็นที่ตั้งกองบัญชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) การจัดทำแผนปฏิบัติการสนับสนนุ และจัดทำระเบยี บการปฏิบัติ ประจำ (SOP) กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ๑.๓ ขอบเขตรายงานการศกึ ษา 1.3.1 ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา รายงานการศึกษาน้ใี ชเ้ ทคนิควิธกี ารประชมุ โดยจัดให้มีโจทย์ตามสถานการณ์สมมติ ในการ ฝึกรูปแบบบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) โดยการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลให้ความสำคัญกับการนำ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างการทำงานซงึ่ อยู่ในปี ๒๕๖๔ อยูร่ ะหวา่ งการพิจารณา (ร่าง) แผนการปอ้ งกันและ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ โดยนำนโยบายและยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจาก สาธารณภัย กลไกการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยยุทธศาสตร์การจัดการในภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ จัดตั้ง องค์กรปฏิบตั กิ ารจัดการในภาวะฉุกเฉิน กองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (บกปภ.ช.) รวมถงึ กองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (สว่ นหน้า ) มากำหนดกรอบการดำเนินงานจัดการฝึก กองบญั ชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหนา้ ) ของศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร 1.3.2 ขอบเขตดา้ นพื้นท่ี พื้นที่เป้าหมายในรายงานการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ จังหวัดในเขตพื้นท่ีรับผิดชอบพื้นที่ศูนย์ ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร จงั หวัดตาก จังหวดั นครสวรรค์ และจงั หวัดพจิ ติ ร ๑.๓.๓ ขอบเขตสถานการณ์ ขอบเขตสถานการณ์ในรายงานการศึกษาคร้ังนี้ ได้แก่ การประชุมทบทวน บทบาทภารกิจ ผ่านการฝึกบนโตะ๊ (Table Top Exercise : TTX) ตามสถานการณ์สมมติเกิดอทุ กภยั ขนาดใหญ่ ประกอบดว้ ย ดำเนินการดงั น้ี
๔ 1) การฝกึ บทบาทและกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าทศี่ ูนยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ในฐานะผู้รับผิดชอบสนับสนุนการปฏิบัติงานของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหนา้ ) (EOC Management ) 2) การฝึกบทบาทและกระบวนการทำงานของเจา้ หนา้ ที่ศูนยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ในฐานะทีมจัดการเหตุการณ์ของ บกปภ.ช. (สว่ นหน้า) (EOC Staff) การจดั กลุม่ ฝึกตามสถานการณ์ ๑.๓.๔ ขอบเขตด้านเวลา - การฝึกกองบญั ชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศูนย์ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร ดำเนนิ การระหวา่ งวนั ที่ ๘ - ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เปน็ เครื่องมือ สำคัญในกิจกรรมการเตรียมความพร้อม เพิ่มศักยภาพหน่วยงานและบุคลากร ทดสอบการประสาน การปฏิบัติงานบูรณาการความร่วมมือ เพื่อค้นหาจุดบกพร่องในการจัดตั้งองค์กรปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน กำหนดภารกิจและการเตรียมสถานที่รองรับการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผน สนับสนุนการปฏิบัติงานของกองบญั ชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) และระเบียบ ปฏิบัติประจำ (SOP) โดยเน้นการฝึกในระดับผู้บริหารและผู้มีอำนาจตัดสินใจรวมทั้งการประสานงานกับ ผู้บัญชาการเหตุการณ์จังหวดั ใน ๔ จังหวัด กรณีเกดิ อุทกภัย รูปแบบการฝกึ บนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) - ตลอดปี ๒๕๖๔ อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-19) มขี อ้ จำกดั ในการดำเนนิ งานตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ของกระทรวงสาธารณสขุ ๑.๔ วิธดี ำเนนิ การรายงานการศึกษา การดำเนินการศกึ ษา คน้ คว้าและรวบรวมข้อมูลจากเอกสารทางวิชาการจากแหล่งข้อมูล ดงั นี้ - ข้อมูลระดับปฐมภูมิ (Primary data) ได้รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ เกี่ยวกับข้อมูล ปัญหา และแนวทางการพฒั นา ผ่านระบบ Google meet ศึกษาวิเคราะหข์ ้อมูลสภาพพ้ืนที่ความเสี่ยงภัย และ รายงานผลผบู้ ังคับบญั ชา ผ่าน Google Map - ข้อมูลทตุ ิยภูมิ (Secondary data) ได้รวบรวมขอ้ มลู จากพระราชบัญญตั ปิ อ้ งกันและบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ นโยบายและยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย กลไกการจัดการความเสี่ยงจาก สาธารณภัย ยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ จดั ตง้ั องคก์ รปฏบิ ตั กิ ารจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ กองบญั ชาการปอ้ งกัน และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (บกปภ.ช.) มากำหนดกรอบการดำเนินการฝึกซ้อมแบบบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) ในครั้งนี้ โดยมีการกำกับ ดูแล บูรณาการกับทุกภาคส่วนดำเนินการร่วมกันทั้งในส่วนของ ผเู้ ข้าร่วมฝกึ (Player) ผู้ควบคุม (Controller) และผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) และทำการประเมนิ การ ฝึกซ้อมฯ มาวิเคราะห์เพื่อถอดบทเรียน ระบุปัจจัยความสำเร็จในการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และ ข้อเสนอแนะ ปรับปรุง และจัดทำรายงานผลการฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ของศูนย์ป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร 1.๕ ผรู้ ่วมดำเนินงาน ดำเนินการฝึกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ประจำปี งบประมาณ ๒๕๖๔ ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ในรูปแบบแบบบนโต๊ะ (TableTop Exercise: TTX) ในคร้งั นี้ ผู้เข้าร่วมดำเนนิ งานไดแ้ ก่ เจา้ หน้าทส่ี ำนักงานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวดั กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ และพิจิตร เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เกี่ยวข้อง และ
๕ เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ตามคำสั่งที่ ๒๕๙/๒๕๖๔ มอบหมาย เจ้าหน้าที่เขา้ ร่วมฝึกบทบาทหนา้ ที่ภารกจิ ตามโครงสรา้ งกองบัญชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (สว่ นหนา้ ) 1.6 ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะได้รบั ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากรายงานการศึกษา เรื่อง การฝึกกองบัญชาการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหนา้ ) ประจำปงี บประมาณ ๒๕๖๔ ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ในคร้งั น้ี ๑) จัดทำฐานข้อมลู ทรัพยากร เพอื่ การวเิ คราะห์การเตรียมการ แผนปฏิบัติการสนับสนุนการ ปฏิบัติงานของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร เพื่อกำหนดรปู แบบการจัดการในภาวะฉุกเฉินและแผนสนับสนุนการปฏิบัติ ทเี่ หมาะสม ๒) ขอ้ ค้นพบองค์ประกอบท่ีมีผลต่อประสทิ ธิภาพในการปฏิบัติงานของกองบญั ชาการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (สว่ นหนา้ ) ณ ศูนยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๘ กำแพงเพชร ในการ สนับสนนุ ปฏิบตั ิการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั การช่วยเหลือผูป้ ระสบภยั และการฟื้นฟสู ภาพพื้นที่เกิด สาธารณภัยให้เปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็ ในทกุ สถานการณ์ ๓) แนวคิด วิธีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาขีดความสามารถป้องกัน การเตรียมความพร้อม การจัดการในภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งการฟื้นฟูบรู ณะ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสนับสนุนกองบัญชาการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหน้า) ณ ศนู ยป์ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต ๘ กำแพงเพชร 4) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติสามารถจัดทำแผนสนับสนุน กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) เข้าใจและปฏิบัติงานตามบทบาทภารกิจ ตามระเบียบปฏิบัตปิ ระจำ (SOP) โครงสร้างกองบัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (สว่ นหนา้ ) เพ่อื ท่ีสนบั สนุนการบริหารการจดั การอุทกภยั เพอื่ ประชาชนจะสามารถใชช้ ีวติ ได้อย่างปลอดภัย
บทที่ ๒ นโยบาย กฎหมาย แนวคดิ และทฤษฎีทเี่ กีย่ วขอ้ ง การจดั ทำรายงานศกึ ษาเร่อื ง “การฝึกกองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (สว่ นหน้า) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ ศูนยป์ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร” เป็นการศึกษา วิเคราะห์อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย นโยบายและแผนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ยุทธศาสตร์การจัดการในภาวะฉุกเฉิน พระราชบัญญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ แผนการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบกับแนวทางปฏิบัติงานตาม (ร่าง) แผนการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ มาเป็นพื้นฐานความรู้สู่การฝึกจัดต้ัง กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กรณีสถานการณ์ภัยมีความรุนแรง ครอบคลมุ พน้ื ท่ีกว้างขวางหลายจังหวัดและใชเ้ วลาในการเผชญิ เหตุทีย่ าวนานกวา่ ปกติ ดังนั้นเพอ่ื ให้การบริหาร จัดการเหตสุ าธารณภัยมปี ระสิทธิภาพภายใต้บริบทเชิงพื้นที่ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (บกปภ.ช.) อาจพิจารณาจดั ต้ังกองบญั ชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ (ส่วนหนา้ ) โดย ศึกษาจากข้อมูล กฎหมาย นโยบายและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (สว่ นหน้า) ประกอบดว้ ย 2.1 สถานการณแ์ ละแนวโน้มสาธารณภยั 2.2 การบริหารจัดการสาธารณภยั ในประเทศไทย 2.3 นโยบายการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ 2.4 การจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย 2.5 การจดั การในภาวะฉุกเฉิน 2.1 สถานการณแ์ ละแนวโน้มสาธารณภยั จากสถานการณ์โลกที่มีความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพทางภูมิศาสตร์อย่าง รวดเร็ว ส่งผลใหพ้ ื้นทีต่ ่าง ๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มเกดิ ภัยพิบัติที่มีความรุนแรงเพ่ิมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมท้ัง ประเทศไทยที่ประสบกับภัยพิบัติบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินของประชาชนและทิศทางการพัฒนา ประเทศในอนาคต จึงมีความจำเปน็ ทีท่ ุกภาคสว่ นและทุกมติ ิ จำเปน็ ต้องรว่ มกนั วางแผนเพอ่ื เตรียมความพร้อม ในการชว่ ยเหลอื ผ้ปู ระสบภัยอยา่ งทันท่วงทีเพื่อรับมือกบั สาธารณภยั ท่อี าจเกดิ ข้นึ 2.1.๑. สถานการณส์ าธารณภัยโลก องค์การสหประชาชาติ (World Population Prospects : The ๒๐๑๒ Revision, UN) คาดว่าในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ ประชากรโลกจะเพมิ่ ขึน้ เป็น ๙,๖๐๐ ลา้ นคน และในปี พ.ศ. ๒๖๔๓ เป็น ๑๙,๐๐๐ ลา้ นคน จากปจั จุบนั ท่มี ปี ระชากร อยปู่ ระมาณ ๗,๒๐๐ ล้านคน ซง่ึ จะทำใหค้ วามต้องการสิง่ จำเปน็ ขน้ั พื้นฐานต่อการดำรงชีวิตในโลกยุคปัจจุบัน มีมากขึ้น กอปรกบั การพฒั นาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การเติบโตทางเศรษฐกจิ อุตสาหกรรม การค้าและ การลงทนุ จงึ ต้องมีการแข่งขนั และการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ผลที่ จะตามมาคอื ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีมีอยูถ่ ูกใชอ้ ย่างรวดเร็วและเส่ือมโทรมลง การพัฒนาดา้ นต่าง ๆ ท่ีไม่คำนึงถึง ความย่งั ยนื ของทรพั ยากรและสงิ่ แวดล้อม ขดี จำกัดและศกั ยภาพในการฟื้นตัวของทรพั ยากรลดลง จึงเปน็ เหตุให้ ระบบนิเวศถกู ทำลายลงอยา่ งต่อเนอ่ื ง คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลวา่ ด้วยความเปลีย่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC 2014) คาดการณว์ ่าอุณหภมู โิ ลกจะเพม่ิ ขน้ึ ๑.๑ ถึง ๖.๔ องศาเซลเซียส ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๔ – ๒๖๔๓ เนื่องจาก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมในชั้น บรรยากาศมากเกินกว่าทีเ่ คยเกิดขึ้นทำให้เกิด “ภาวะโลกร้อน” (Global Warming) ซึ่งมีผลกระทบให้สภาพ ภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งผลต่อฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ช่วงฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้น ฤดูหนาวที่สั้นลง ภาวะแห้งแล้งในช่วงฤดูแล้งที่ทวีความรุนแรง ฝนตกชุกเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝนเกิดสภาวะอากาศแปรปรวนและ
๗ สภาพอากาศเลวร้ายบ่อยครง้ั ระดับของนำ้ ทะเลทมี่ ีแนวโน้มสูงขนึ้ ซ่งึ สง่ ผลกระทบในวงกว้างท้ังดา้ นเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สร้างความเสียหายต่อประเทศต่างๆ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคญั ต่อ การพัฒนาของประเทศ คาดการณ์วา่ แนวโน้มการเกดิ สาธารณภัยของโลกจะทวีความรนุ แรงมคี วามถ่ีมากและ อาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ดังนั้นประเทศต่างๆ ทั่วโลกจึงตระหนักและให้ความสำคัญในการ ดำเนนิ การลดความเสีย่ งและลดผลกระทบจากสาธารณภัยโดยมกี รอบดำเนินการของโลก ดังนี้ ๑) กรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพบิ ัติ พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๗๓ (Sendai Framework for Disaster Risk Reduction ๒๕๑๕ – ๒๐๓๐) เพอ่ื ลดความเสยี่ งจากสาธารณภยั และลดการสูญเสียชวี ิต วถิ ชี ีวติ และสขุ ภาพ ตลอดจนความ สูญเสียต่อสินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ กายภาพ สังคม และสภาพแวดล้อมของบุคคล ธุรกิจ ชุมชนและประเทศ ได้อยา่ งเปน็ รปู ธรรม โดยมีเปา้ หมายคือ ปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กิดความเสย่ี งใหม่พร้อมทัง้ ลดความเสี่ยงท่ีมีอยู่เดิมตาม มาตรการทางเศรษฐกจิ โครงสร้าง กฎหมาย สุขภาพ วฒั นธรรม การศึกษา สภาพแวดล้อมเทคโนโลยี การเมอื ง และมาตรการเชิงสถาบนั (Institutional) ทีม่ ีการบูรณาการและลดความเหลอ่ื มลำ้ ในการปอ้ งกนั รวมถึงการทำ ให้ความล่อแหลมและเปราะบางต่อสาธารณภัยลดลงด้วย ตลอดจนการส่งเสริมให้มีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น เพ่ือการเผชิญเหตุและฟนื้ ฟอู ันนำไปสู่ความสามารถท่จี ะรับมอื และฟ้ืนคืนกลับ ไดใ้ นระยะเวลาที่รวดเร็วและมี ประสิทธิภาพ โดยกำหนดภารกจิ สำคญั ทีค่ วรปฏิบัตไิ ว้ 4 ประการ ได้แก่ 1) เขา้ ใจความเสีย่ งจากภยั พิบตั ิ การบรหิ ารจัดการความเส่ียงจากภัยพบิ ตั ิ จำเป็นต้องอยู่ บนพื้นฐานความเขา้ ใจในความเสี่ยงจากภัยพิบตั ิในทุกมิติทั้งความเปราะบาง ศักยภาพ ความล่อแหลม และ ลักษณะของภยั ท่ีอาจเกดิ ข้ึน 2) เสริมสร้างศักยภาพในการบริหารและจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โครงสร้างและ กลไกในการบรหิ ารจัดการความเสีย่ งในระดับชาติ ระดับภูมภิ าค และระดบั โลก มคี วามสำคัญต่อการลดความ เสี่ยงจากภัยพิบัติในทุกภาคส่วน และเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงในทางกฎหมาย ข้อบังคับ นโยบาย สาธารณะ ทัง้ ในระดับชาตแิ ละท้องถ่ิน ตลอดจนการกำหนดบทบาทหนา้ ทก่ี ารสร้างแรงจงู ใจของทง้ั ภาครัฐและ เอกชนในการปฏบิ ตั ิงานและแก้ปญั หาด้านความเสีย่ งภยั อย่างตรงประเดน็ 3) ลงทุนในดา้ นการลดความเส่ยี งจากภัยพิบัติเพ่อื ใหพ้ รอ้ มรบั มือและฟื้นคืนกลับได้อย่าง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การลงทุนของภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทั้งในเชิง โครงสร้างและที่ไม่ใช่เชิงโครงสร้าง มีความสำคัญในการสร้างความสามารถในการฟื้นคืนสู่ปกติ การรู้รับ ปรับตัวและฟนื้ คืนกลบั ท่เี รียกว่า Resilience คอื ความสามารถของระบบ ชุมชน หรือสงั คมที่มีความเสี่ยงต่อ ภัยในการเรียนรูเ้ กีย่ วกับสภาพความเสี่ยงของตน รวมทั้งวางมาตรการและปฏิบัตติ ัวเพื่อช่วยลดหรือถ่ายโอน ความเสี่ยงดงั กล่าวลดโอกาสในการได้รับผลกระทบจากภัยและหากประสบภัยก็สามารถฟ้ืนตัวจากผลกระทบจากภัยได้ใน ระยะเวลาท่ีเหมาะสม รวมถึงความสามารถของชมุ ชนในการดูแลรักษาโครงสร้างและกลไกพ้ืนฐานที่จำเป็นให้ ปลอดภยั จากภัยพิบัตดิ ้วย ทัง้ ในด้านเศรษฐกจิ สงั คม สขุ ภาพ และวัฒนธรรมในระดับบคุ คล ชมุ ชนและประเทศ ซึง่ ชว่ ยรักษาชีวติ ชว่ ยปอ้ งกนั และลดความสูญเสียไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ 4) พฒั นาศกั ยภาพการเตรียมความพร้อมเผชญิ เหตุภยั พิบตั ทิ มี่ ปี ระสทิ ธิภาพ ตลอดจนการ ฟื้นสภาพและซอ่ มสรา้ งให้ดีกว่าเดิม ในช่วงของการบรู ณะฟื้นฟูภายหลงั เกิดภัยพิบัติ การเตรียมความพร้อม ป้องกันภัยพิบัติ ยงั เปน็ สง่ิ จำเปน็ และควรไดร้ ับการสนับสนนุ เพอ่ื ให้มกี ารเตรยี มการรับมือและสามารถฟื้นฟูได้ อยา่ งทันท่วงที โดยเฉพาะในการฟน้ื ฟูฟน้ื สภาพและซ่อมสรา้ งอยา่ งดีแลว้ นั้น จะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรบั การสรา้ ง คนื ใหม่ให้ดกี ว่าเดิม (Build Back Better) ซึ่งผสานแนวคดิ ของการลดความเสยี่ งจากภัยพิบตั ไิ วด้ ว้ ย รัฐบาลทุกประเทศ ควรให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามพันธกิจการดำเนินงานทั้ง 4 ยุทธศาสตร์ เนื่องจากยุทธศาสตร์แต่ละข้อจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยได้อย่างมี
๘ ประสิทธิภาพ โดยการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ระหว่างภาคสว่ น ทั้งรัฐและเอกชน ตลอดจน ภาคการศึกษาและภาคประชาชน โดยรัฐต้องเป็นแกนนำในการวางแผนโครงสร้างนโยบายให้การสนับสนุน ในทางกฎหมาย การจัดตั้งองค์กรและการประสานงานระหว่างหนว่ ยงาน ในขณะที่องค์กรอื่น ๆ ในประเทศ กม็ ีความจำเปน็ ท่ีจะต้องสานต่อนโยบายไปสู่การปฏิบัติงานให้เกดิ ข้ึนจรงิ ร่วมกัน 2) กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) และพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) เพื่อหาแนวทางยับยั้งการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดข้ึนกับ มนุษย์และไดก้ ำหนดหลักการท่สี ำคัญไว้ คอื การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอิ ากาศเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติระดบั โลกท่ีต้องการความร่วมมือระหวา่ งประเทศ โดยจำเป็นต้องอาศยั การมีส่วนร่วมและการแก้ปัญหาร่วมกันระหวา่ ง ประเทศที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เป็นการป้องกันภัยพิบัติที่รุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทาง เศรษฐกิจทยี่ ั่งยืน 3) กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโตส้ ถานการณฉ์ ุกเฉิน (ASEAN Agreement on Disaster Management and Emergency Response : AADMER) เพื่อให้มีกลไกด้านการจัดการสาธารณภัยระดับภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดความ สูญเสยี จากสาธารณภยั ที่ส่งผลกระทบต่อชวี ิต เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศสมาชิกอาเซยี น และเพื่อร่วมกันรับมอื (ASEAN Joint Response) สาธารณภยั ข้นั รา้ ยแรงอยา่ งย่ิงของประเทศสมาชิกอาเซียน ที่จำเป็นตอ้ งขอรับความช่วยเหลอื จากประเทศสมาชกิ อาเซียนอนื่ ๆ โดยความรว่ มมือใหใ้ ช้แนวทางที่กำหนดไว้ใน AADMER เน้นยุทธศาสตร์สำคัญ ไดแ้ ก่ การประเมินความเส่ียงและการสรา้ งความตระหนกั การปอ้ งกนั และลด ผลกระทบ การเตรยี มความพรอ้ มและการเผชญิ เหตกุ ารณ์ฉกุ เฉนิ การฟื้นฟู และการจัดการความร้แู ละส่งเสริม นวตั กรรม ตลอดจนเครอื่ งมอื และกลไกระดบั ภมู ภิ าคอาเซยี นไดจ้ ดั ทำไว้ อาทิ ๓.๑ ความตกลงอาเซียนฯ AADMER Work Programed (๒๐๑๐ – ๒๕๑๕) ซึ่งประเทศ ไทยเปน็ แกนนำรว่ มกบั ประเทศลาวในยุทธศาสตรท์ ี่ ๒ การป้องกันและบรรเทาภัยพบิ ตั ิ และเป็นประเทศแกน นำในส่วนขององค์ประกอบพื้นฐานที่ ๓ คือ การกระจายสู่กลุ่มเป้าหมายและการทำให้เข้าสู่ระบบและกลไก ปกติที่มอี ยู่ ๓.๒ ระเบียบปฏิบัติมาตรฐานในการเตรยี มความพรอ้ มและการรับมือเหตุภัยพิบตั ิฉุกเฉนิ ของภูมิภาคอาเซียน (StandardOperatingProcedureforRegionalStandbyArrangementsand Coordination of Joint Disaster and Emergency Response Operations : SASOP) ๓.๓ ศูนย์ประสานงานการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on Disaster Management : AHA Centre) เปน็ ตน้ ๔) ปฏิญญากรุงเทพว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติของเอเชียและแปซิฟิก พ.ศ.๒๕๕๗ (Bangkok Declaration on Disaster Risk Reduction in Asia and the Pacific ๒๐๑๔) เพอ่ื ใหร้ ัฐบาลและ หนว่ ยงานเครอื ข่ายรว่ มกันดำเนินการในประเดน็ ทส่ี ำคญั คอื ๔.๑ เสริมสรา้ งความพรอ้ มของชมุ ชนในการรบั มือและฟ้นื กลับเรว็ ๔.๒ ส่งเสริมการลงทุนสาธารณะในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยและสภาพ ภมู ิอากาศเพอ่ื ปกป้องผลทไ่ี ดจ้ ากการพฒั นา ๔.๓ ส่งเสรมิ ความรว่ มมือระหวา่ งรฐั และเอกชนในการลดความเส่ยี งจากสาธารณภยั ๔.๔ ส่งเสริมการใชแ้ ละพัฒนาวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ่ือการลดความเสี่ยง จากสาธารณภยั
๙ ๔.๕ สนับสนุนให้เกิดธรรมาภบิ าล ความโปรง่ ใสและความร่วมรับผิดชอบของทุกภาคส่วน ในการจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย ๔.๖ สนับสนนุ ให้การลดความเสย่ี งจากสาธารณภัยเปน็ ส่วนหน่ึงของการพัฒนาทยี่ ง่ั ยืน ตามที่ปรากฏในปฏญิ ญากรงุ เทพฯ ได้ตระหนักถึงการพัฒนาทีม่ ีคนเป็นศูนยก์ ลางเพ่ือ เสริมสรา้ งภูมคิ มุ้ กันของชมุ ชนทอ้ งถิ่นตอ่ สาธารณภยั ตามแนวพระราชดำรเิ ศรษฐกิจพอเพียง ๒.1.2 สถานการณส์ าธารณภยั ประเทศไทย ๑) สาธารณภัยประเทศไทยที่เกิดขึ้นและสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชน มดี งั นี้ 1.1) อุทกภัย (Flood) เป็นสาธารณภัยท่ีเกิดจากฝนตกหนัก และฝนตกสะสมเป็นเวลานาน ทาให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วมขัง และน้ำล้นตลิ่ง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน สิ่งสาธารณประโยชน์และทรัพย์สนิ ของประชาชนได้รับความเสียหาย โดยมีสาเหตุหลัก ได้แก่ มรสุมตะวนั ตก เฉยี งใต้ทพ่ี ดั ปกคลมุ ทะเลอนั ดามันและประเทศไทยในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน มรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึงหยอ่ มความกดอากาศต่ำ และพายุหมุนเขตร้อน (ดีเปรสช่ัน โซนร้อน และไต้ฝุ่น) อุทกภัยที่มีความสูญเสียมากที่สุดคือมหาอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในพื้นที่ ๖๔ จังหวัด และ กรุงเทพมหานคร มผี ู้เดอื ดร้อน ๕,๒๔๗,๑๒๕ ครัวเรือน จำนวน ๑๖,๒๒๔,๓๐๒ คน เสียชีวติ ๑,๐๒๖ คน รวม มลู ค่าความเสียหายสูงถึง ๑.๔๔ ลา้ นลา้ นบาท 1.๒) ภัยแล้ง (Drought) เกิดขึ้นเนื่องจากน้ำ น้ำฝน น้ำใต้ดิน หรือน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ หรอื อ่างเก็บน้ำมนี ้อยกวา่ ปกติในช่วงเวลาหนึ่ง เปน็ สภาวะการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค รวมถึงน้ำเพ่ือ การเกษตรและอุตสาหกรรม ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นเวลานานจนก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบ อย่างกว้างขวางต่อชุมชน สังคม และระบบเศรษฐกิจโดยรวม และจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพ ภมู อิ ากาศเปน็ สาเหตใุ หฤ้ ดูฝนสัน้ ลง ซ่ึงหมายถงึ วา่ ฤดูแล้งจะยาวนานข้ึน พน้ื ทต่ี อนบนของประเทศจะมีปรมิ าณ ฝนตกนอ้ ยลงทำให้ปรมิ าณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมีปริมาณไม่เพียงพอเพื่ออปุ โภคบริโภค และ เพื่อการเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน นอกจากน้ี ความเจริญของชุมชน การขยายตัวทาง เศรษฐกิจ เช่น ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจบริการ และจำนวนประชากรท่ีได้มกี ารขยายตัวเพิ่มขึ้นพร้อมกัน ทำให้มีความต้องการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ ของทุกภาคสว่ นมากขึน้ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งทีท่ ำให้เกิดปญั หาขาด แคลนน้ำตามมา 1.๓) ภัยจากดินโคลนถลม่ (Landslide) มกั เกิดขึ้นพรอ้ มกนั หรอื เกดิ ตามมาหลงั จากเกิดน้ำปา่ ไหลหลาก อันเนื่องมาจากพายุฝนที่ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องรุนแรง ส่งผลให้มวลดินและหิน ไม่สามารถรองรับการอุ้มน้าได้ จึงเกิดการเคลื่อนตัวตามอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก ปัจจุบันปัญหาดนิ โคลนถลม่ เกดิ บอ่ ยมากขึ้นและมีความรุนแรงเพ่มิ มากข้ึนอนั มีสาเหตุมาจากพฤตกิ รรมของมนษุ ย์ เช่น การตัดไม้ ทำลายป่า การทำการเกษตรในพืน้ ท่ีลาดชนั การทำลายหน้าดนิ เป็นต้น 1.๔) แผ่นดินไหวและสึนามิ (Earthquake and Tsunami) เปน็ ภยั ธรรมชาตทิ ่กี ่อใหเ้ กดิ ความ เสียหายอย่างรุนแรงและสง่ ผลกระทบไดก้ ว้างไกล โดยมีสาเหตเุ กดิ จากการสั่นสะเทอื นอย่างรนุ แรงของพ้ืนดิน ในชว่ งเวลาหนึ่ง เกดิ ข้นึ จากแรงเสียดทานระหวา่ งช้ันหินและชั้นดินภายใตผ้ ิวโลก ตามแนวรอยเลื่อนของเปลือก โลกที่มีพลังและยังเคลื่อนตัวอยู่ทัง้ ภายในและภายนอกประเทศไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริเวณภาคเหนือและ ภาคตะวนั ตกของประเทศท่ีอยใู่ นแนวรอยเล่อื น ไดร้ ับผลกระทบจากแผน่ ดินไหวบ่อยคร้ังข้ึน ซึ่งสรา้ งความเสยี หาย ให้แก่อาคารบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนดังเช่น กรณีจังหวัดเชียงรายเมื่อวันท่ี ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ความ
๑๐ รุนแรงขนาด ๖.๓ ริกเตอร์ รวมทั้งเกิดแผ่นดินไหวตาม (Aftershock) อีกนับพันครั้ง แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ในมหาสมทุ รอาจทำใหเ้ กิดคลืน่ สนึ ามิทเี่ คลอ่ื นตัวด้วยความเร็วสงู มาก ก่อให้เกิดความเสียหายอยา่ งใหญห่ ลวงตอ่ ชีวิตและทรัพย์สินของผูค้ นที่อาศยั อยู่ตามบริเวณชายฝัง่ ดังทีเ่ คยเกดิ ข้ึนบริเวณภาคใตฝ้ ัง่ ทะเลอันดามัน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ซงึ่ ทำใหม้ ีผู้เสียชวี ิตถึง ๕,๓๙๕ ราย 1.๕) วาตภยั (Storm) เป็นสาธารณภัยทม่ี ีสาเหตจุ ากพายลุ มแรง จนทำใหเ้ กดิ ความเสียหาย แกอ่ าคาร บา้ นเรอื น ต้นไม้ และสง่ิ ก่อสร้างรวมถงึ ชวี ติ ของประชาชน โดยมสี าเหตุจากปรากฏการณท์ างธรรมชาติ คือ พายุ ฝนฟ้าคะนอง พายุฤดูรอ้ น และพายหุ มนุ เขตรอ้ น (ดเี ปรสชน่ั โซนร้อน และไตฝ้ ุ่น) เมอ่ื เกดิ พายุหมุนเขตร้อนจะ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เป็นบริเวณกว้างนับร้อยตารางกิโลเมตร (บริเวณที่ศูนย์กลางของพายุเคลื่อนที่ผ่าน จะได้รับผลกระทบมากที่สุด) เมื่อพายุมีกำลังแรง ในชั้นดีเปรสชั่นจะทำให้เกิดฝนตกหนักและมักมีอุทกภัย ตามมา หากพายุมกี ำลงั แรงขน้ึ เป็นพายุโซนรอ้ นหรอื พายุไต้ฝุ่นจะก่อให้เกิดภยั หลายอย่างพร้อมกันท้ังวาตภัย อุทกภัย และคลื่นพายุชายฝั่งทะเล (Strom Surge) ซึ่งเป็นอันตรายและอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่าง ร้ายแรง 1.๖) อัคคภี ัย (Fire) เปน็ สาธารณภัยประเภทหนงึ่ ทเ่ี กดิ จากไฟ ไฟเปน็ พลังงานอย่างหนึ่งท่ีให้ ความรอ้ น โดยความรอ้ นของไฟทีข่ าดการควบคุมดแู ลจะทำใหเ้ กิดการติดต่อลุกลามไปตามบรเิ วณทีม่ ีเช้ือเพลิง เกิดการลุกไหมต้ อ่ เนอ่ื ง ถา้ การลกุ ไหมม้ เี ชอื้ เพลิงหนนุ หรือมีไอของเชื้อเพลงิ ถกู ขับออกมามาก ความร้อนแรงก็ จะมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ทำให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย ได้แก่ เชื้อเพลิง สารเคมี หรือวัตถุใด ๆ ที่มีสถานะเป็นของแข็ง ของเหลวหรือก๊าซที่อย่ใู นภาวะพร้อมจะเกดิ การสันดาปเอง 1.๗) ภยั จากไฟป่าและหมอกควนั (Forest Fire & Smoke) คอื ไฟทีเ่ กิดข้ึนแลว้ ลกุ ลามไปได้ โดยอสิ ระปราศจากการควบคุม เผาผลาญเชอื้ เพลิง ธรรมชาตใิ นป่า ปจั จุบนั ระดบั ของการเกิดไฟป่าในประเทศ ไทยมีความรุนแรงมากจนกลายเป็นปัจจัยทร่ี บกวนความสมดุลของระบบนเิ วศอยา่ งรนุ แรงส่งผลกระทบต่อพืช ดิน น้ำสัตว์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจ สังคม และการ ท่องเท่ยี วในทุกพนื้ ท่ีของประเทศไทย นอกจากนไี้ ฟป่ายงั ก่อให้เกิดวกิ ฤตมลพษิ หมอกควนั จนกลายเป็นปัญหา ใหญ่ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอนามยั และการดำรงชวี ิตของประชาชนเป็นวงกวา้ ง 1.๘) ภัยจากการคมนาคม ผลจากการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอยา่ งต่อเนื่องของ ประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดภัยจากการคมนาคมมากขึ้น และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่สำคัญในลำดับต้น ๆ ของประชากรของประเทศ รวมท้ังความสญู เสียดา้ นอน่ื ๆ เชน่ ความเสียหายต่อครอบครวั และสังคมการสูญเสีย ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุการสูญเสียทรัพยากรบุคคลของชาติ ฯลฯ ซึ่งร้อยละ ๙๐ ของภัยจากการ คมนาคม คือ อุบัติเหตุทางถนน โดยมีสาเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนน การทำผดิ กฎจราจรและ การด่มื เคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์แลว้ ขบั ขี่การไม่สวมหมวกนริ ภัย อีกทั้งยานพาหนะ สภาพถนน และสง่ิ แวดล้อมที่ ไม่ปลอดภัย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ ๑๔,๐๐๐ คน หรือคิดเป็น ๒๑.๙๖ คนตอ่ ประชากรหนง่ึ แสนคน หรือเฉลีย่ เดือนละประมาณ ๑,๑๖๖ คน 1.๙) โรคระบาด (Infectious Disease) เป็นโรคทีเ่ กิดขึ้นในระยะเวลาเดยี วกันในชุมชนหรือ ในแหล่งหนึ่งแหล่งใด ในอัตราสูงกว่าสถานการณ์ปกติที่ควรเป็น โดยการติดเชื้อนั้นลุกลามแพร่กระจายจาก แหลง่ ท่อี ยู่ใกล้เคียงจดุ เรมิ่ ต้นของโรค และสามารถแพร่กระจายลกุ ลามไปยงั ชมุ ชนอืน่ ๆ ทอี่ ยูไ่ กลออกไป ทั้งนี้ โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ิใหม่หรอื โรคตดิ ต่ออุบตั ิซ้ำจะเกดิ ขนึ้ อยเู่ ป็นระยะๆ ซงึ่ มีความเสีย่ งท่เี กดิ การแพร่กระจายเช้ือมา จากตา่ งประเทศอกี ด้วย เชน่ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา่ ๒๐๑๙ (COVID-19)
๑๑ 2.2 การบริหารจดั การสาธารณภัยในประเทศไทย รฐั บาลไดใ้ หค้ วามสำคัญกบั การเตรยี มพรอ้ มในการจดั การสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยนโยบายการ เตรียมพร้อมแห่งชาติได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อบริหารจัดการภัยแต่ละประเภทด้วย ซง่ึ หนว่ ยงานที่รบั ผดิ ชอบและหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งจะตอ้ งรว่ มกันจัดเตรยี มทรัพยากรในการดำเนนิ การ 1) การประเมินสถานการณ์ เป็นส่งิ ทคี่ าดการณ์ล่วงหนา้ เพอ่ื นำมากำหนดเปน็ แนวทางในการ ปอ้ งกันและบรรเทาภยั ตา่ งๆ 2) การพัฒนาระบบฐานข้อมูล จะต้องมีการวางระบบการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่สามารถ เรยี กใช้ไดแ้ ละเปน็ ขอ้ มลู ในการบริหารสั่งการกนั โดยตรง ซ่ึงจะตอ้ งทราบว่ามีทรัพยากรใดบ้างทอี่ ยู่ในพื้นที่ของ ตนเองและพืน้ ท่ีใกล้เคียงโดยจะต้องเปน็ ข้อมลู ท่ที นั สมัย ๓) การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ถือเป็นหัวใจของการสร้างความสามัคคีและความเปน็ อันหนง่ึ อันเดียวกันทีจ่ ะรว่ มกนั แก้ไขปญั หา ๔) การเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้และจิตสำนึกในการระวังป้องกัน แจ้งเตือนภัยพิบัติ ที่อาจจะเกิดข้ึนเป็นการสร้างการเรียนรผู้ ่านสือ่ ของรฐั ให้พ่ีนอ้ งประชาชนได้รบั ทราบดว้ ย ๕) ระบบการติดต่อสื่อสารที่แน่นอนในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งจะต้องมีการเตรียมการ อปุ กรณ์สนับสนนุ ตา่ งๆ เพราะระบบการตดิ ตอ่ ส่ือสารเปน็ สว่ นสำคัญท่จี ะช่วยทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ๖) การซักซ้อม เมอ่ื มกี ารคดิ วางแนวทางปฏบิ ัติแล้วจะตอ้ งมีการซกั ซ้อมเพ่ือตรวจสอบความ พรอ้ มในการดำเนินการ 2.2.1 แนวทางในการลดความเส่ยี งจากสาธารณภัย ด้วยความตระหนักในผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนและสังคม จากเหตุการณ์ภัยท่ีทำให้ ทั่วโลกตื่นตัวในการค้นหาแนวทาง เพื่อลดโอกาสในการเกดิ ลดผลกระทบจากสาธารณภัยอย่างเป็นรูปธรรม มากขึ้น เปลี่ยนจากการตั้งรับและรอแกไ้ ขปัญหาหรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสาธารณภัยมาสู่การเตรียม ความพรอ้ มล่วงหน้าเพ่ือรับมือภยั ที่อาจเกิดขึ้นและดำเนินการเชงิ รกุ ในการลดปจั จยั ต่างๆ ทก่ี อ่ ใหเ้ กิดความเส่ยี ง จึงเกิด แนวความคดิ ในการปฏบิ ัติ “การลดความเส่ยี งจากสาธารณภัย” (Disaster Risk Reduction : DRR) อย่างไรกต็ ามการจัดการเพอื่ ลดความเสยี่ งจากสาธารณภัยในแต่ละประเทศไม่สามารถสำเร็จ ไดโ้ ดยบคุ คลใดบคุ คลหน่งึ หรอื หน่วยงานหนง่ึ เพียงลำพัง เพราะสาธารณภยั เปน็ เร่อื งของทุกคน จงึ จำเปน็ ตอ้ งมี การสร้างกรอบความร่วมมือเพื่อช่วยให้มีแนวทางดำเนินการลดความเสี่ยงจากสา ธารณภัยร่วมกันทุกระดับ ทงั้ ในระดับสากล ระดับภูมิภาคและภายในประเทศ ไดม้ กี ารจัดทำกรอบการดำเนินงานเพื่อเปน็ แนวทางให้แต่ ละประเทศสามารถใช้ในการจัดการและลดความเสี่ยงให้เกิดประสิทธิผล พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินงาน ในการลดความเสย่ี งจากสาธารณภยั ในประเทศไทย ในปัจจุบนั กำหนดให้กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภายใต้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดก้ ำหนดกรอบการบริหารจดั การสาธารณภัยไว้ อย่างชัดเจน ทั้งยังให้รายละเอียดประเภทของภัย แนวนโยบาย และขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน รวมถึงแนวทาง การประสานงานจากระดับชาติถึงระดับชุมชน และเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาสังคม และหน่วยงาน ภาคเอกชนไดม้ ีส่วนร่วมในระบบการบริหารจดั การสาธารณภัยด้วย สำหรับนโยบายทสี่ ำคัญในการจดั การความ เส่ียงจากสาธารณภัยในประเทศไทย คอื แผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. 2558 ไดม้ ีการ ปรับปรุงหลักปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและหลักการสากลที่มุ่งเน้นในการจัดการกับ “ความเสยี่ ง” ให้เป็นแผนแม่บทและเป็นกรอบในการปฏิบัติการด้านสาธารณภัยในประเทศไทย มยี ุทธศาสตร์ สำคญั 4 ประการ ไดแ้ ก่
๑๒ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย สร้างระบบการประเมิน ความเส่ียงจากสาธารณภยั ใหม้ ีมาตรฐาน พฒั นามาตรการลดความเสีย่ งจากสาธารณภัย และสง่ เสรมิ ใหท้ ุกภาค ส่วนและทกุ ระดบั สร้างแนวปฏบิ ัตใิ นการลดความเส่ียง ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบูรณาการการจดั การในภาวะฉุกเฉิน มาตรฐานการจัดการในภาวะ ฉุกเฉนิ พฒั นาระบบ/เครื่องมอื สนับสนุนการเผชิญเหตุและเสรมิ สร้างระบบและแนวปฏบิ ัติในการบรรเทาทุกข์ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน พัฒนาระบบ การประเมิน ความตอ้ งการหลังเกิดสาธารณภยั (Post-Disaster Needs Assessment: PDNA) พัฒนาระบบปฏบิ ัติการและ บริหารจัดการด้านการฟื้นฟูและเสริมสร้างแนวทาง การฟื้นฟูที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม (Build Back Better and Safer) ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงจาก สาธารณภัย พัฒนาระบบการประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มีเอกภาพ ยกระดับมาตรฐานการ ปฏิบัตงิ านด้านมนุษยธรรม เสรมิ สรา้ งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสาธารณภัยของประเทศและส่งเสริมบทบาท ความเปน็ ประเทศแกนนำ ดา้ นการจดั การความเสยี่ งจากสาธารณภยั แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 ให้ความสำคัญกับ การจัดการสาธารณภยั แบบเชิงรกุ เพอื่ ให้รู้เท่าทันความเส่ียงทม่ี ี วางแนวทางในการจัดการความเส่ียงเหล่านั้น โดยใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ทั้งระดับชาตริ ะดบั ชมุ ชน ท้องถิ่น และสาขาการผลิตต่างๆ ไป พร้อมกับการเสริมสรา้ งขดี ความสามารถในการเตรยี มความพร้อม การปอ้ งกนั และลดผลกระทบการจัดการภยั พบิ ตั ิในภาวะฉุกเฉนิ รวมถงึ การฟืน้ ฟบู ูรณะหลงั การเกิดภยั 2.2.๒ การประเมนิ ความเสี่ยงจากสาธารณภยั การประเมินความเสย่ี งจากสาธารณภยั เป็นกระบวนการที่ชว่ ยตรวจสอบระดับของความเสี่ยง ที่ชุมชนหรือสังคมมีต่อสาธารณภัย โดยการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวกับภัย ความล่อแหลม และความ เปราะบาง ท่ีจะก่อใหเ้ กิดอันตรายต่อมนุษย์ ทรพั ยส์ ิน การบรกิ าร การดำรงชพี สงิ่ แวดล้อม และอ่นื ๆ ผลที่ได้ จากการประเมินความเสี่ยง จึงเป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์ในการตัดสินใจทางนโยบายการจัดการสาธารณภัย ที่สำคัญประการหนึ่ง ทำให้ทราบว่าควรจะวางแนวทางจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร ผลของการประเมิน ความเสี่ยงจะช่วยพิจารณาว่าควรจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ไปในแนวทางใด ความเสี่ยงบางประเภทอาจเลือก ที่จะขจัดหรือทำใหล้ ดลง ในขณะที่ความเส่ียงบางประเภทอาจจะอยูใ่ นระดับท่ีสังคมยอมรับได้ โดยไม่ตอ้ งทำ อะไรเพ่ิมเตมิ ก็ได้ วตั ถุประสงคข์ องการประเมนิ ความเสี่ยงจากสาธารณภยั เพอื่ ระบถุ งึ ภัยความล่อแหลม ความ เปราะบางและความสามารถทเ่ี ปน็ ไปได้ในพื้นที่ วิเคราะห์ความเปน็ ไปไดข้ องการเกดิ ภัยและคาดการณ์ถึงความ เสียหายที่จะเกิดขึ้น ใช้ในการวางแผนในการจัดการความเสีย่ งจากสาธารณภยั ให้เกิดประโยชน์คุ้มคา่ ระบุถงึ จุดอ่อนและช่องว่างในแผนงานพัฒนา เพื่อสังคมมีความเสี่ยงลดน้อยลง ใช้ในการพัฒนาและปรับปรุง ประสิทธิภาพของมาตรการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยใหด้ ีมากขึ้น ช่วยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของความ สูญเสียและผลกระทบ ช่วยประเมินว่าความเสี่ยงนั้น ๆ อยู่ในระดับที่สังคมรับมือได้ โดยไม่ทำลายชีวิตและ เศรษฐกิจ เม่อื ไดม้ ีการประเมินระดบั ความเส่ียงแล้วจงึ สามารถปรับปรงุ แผน ยทุ ธศาสตรก์ ารลดความเสยี่ งจาก สาธารณภัย การประเมินความเสย่ี งจากสาธารณภยั ในระดับเมอื งและประเทศ ยงั คงใช้แนวทางเดียวกันกับ การประเมินความเสีย่ งในระดับครวั เรอื นและชมุ ชน สามารถทำไดโ้ ดย ๑) พิจารณาและระบุภยั ที่เกดิ ขึ้น ๒) ระบคุ วามลอ่ แหลมและความเปราะบางทมี่ ใี นเมืองหรอื ในระดบั ประเทศ
๑๓ ๓) พิจารณาวา่ จะมุ่งเน้นการประเมินความเสี่ยงเฉพาะภยั เช่น ความเส่ยี ง จากอุทกภัย หรือ วา่ จะวิเคราะหค์ วามเส่ยี งของภยั หลายชนิดพรอ้ มกนั ก็ได้ ๔) ใชท้ ฤษฎที างสถิตเิ ข้ามาผสมผสานกบั การสำรวจขอ้ มูลเกี่ยวกบั ความลอ่ แหลม และความ เปราะบางทแ่ี ทจ้ ริงเป็นสำคัญ ๕) ใช้เครื่องมือที่มีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องและต้องอาศัย ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทาง โดยมากมักใช้ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ (Geographic Information System : GIS) ๖) ให้บคุ ลากรท่ีมคี วามเช่ยี วชาญในแตล่ ะสาขาวิชาชีพ ชว่ ยตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มูล การใชเ้ ทคโนโลยีและบคุ ลากรทีม่ คี วามเช่ียวชาญช่วยในการประเมนิ ความเส่ยี งจงึ มีความสำคญั อยา่ งยิ่ง 2.2.3 การปอ้ งกันและลดผลกระทบ กิจกรรมตา่ ง ๆ ทไี่ ด้ดำเนนิ การลว่ งหนา้ ก่อนเกดิ ภัย ทง้ั ทใ่ี ชโ้ ครงสร้างและไม่ใช้โครงสรา้ ง เพื่อ ขจัดหรือลดโอกาส การได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย การประเมนิ ความเส่ียงภัยในชุมชนอาจทำให้พบวา่ ยงั มีโครงสรา้ งทางสงั คมและเศรษฐกิจบางอย่างท่อี ยู่ในพน้ื ทีล่ อ่ แหลมและมีความเปราะบาง ส่งผลกระทบทาง ลบใหแ้ กช่ ุมชนโดยรวมหรอื กลมุ่ คนบางกลมุ่ ไดห้ ากเกดิ สาธารณภยั หรืออาจทำให้พบวา่ มีพน้ื ที่หรอื สิ่งกอ่ สรา้ ง บางแหง่ ในชุมชนซ่ึงอาจพังทลายหรอื ไมอ่ าจต้านทานภัยทเี่ กิดขน้ึ ได้ และจะทำใหเ้ กิดอันตรายแก่คนในวงกว้าง ดังนั้น ชุมชนและรัฐควรช่วยกันหาวิธีในการลดความล่อแหลมและลดความเปราะบางของโครงสร้างดังกล่าว ผ่านวิธีการตา่ ง ๆ ทใี่ ชโ้ ครงสร้างและไม่ใช้โครงสรา้ ง ดังน้ี แนวทางปฏิบัติการป้องกันและลดผลกระทบ ท่ีใช้โครงสร้างทางกายภาพ (1) การก่อสร้างอาคาร การสร้างเส้นทางคมนาคม ถนน และสะพานท่ีไดม้ าตรฐาน ที่ทนต่อ แผ่นดนิ ไหวและสภาพอากาศที่รนุ แรง จะชว่ ยลดความเสียหาย ทั้งชีวติ และทรัพยส์ นิ หากเกดิ ภัยข้นึ ได้ (2) การเสรมิ สรา้ งความแขง็ แรงของตลิง่ รวมถงึ การปลกู ตน้ ไม้ พ่มุ ไม้เพ่ือปอ้ งกันชุมชนริมน้ำ หรือริมทะเลจากผลกระทบโดยตรงจากอทุ กภยั และสภาพอากาศท่ี เป็นการลดผลกระทบทีอ่ าจเกดิ ข้ึนจากภัย (3) การกอ่ สรา้ งเขือ่ น อ่างเก็บนำ้ หรอื แกม้ ลิงเพือ่ กกั เก็บน้ำ ระบบผันนำ้ ฝายทดน้ำ ฯลฯ เพ่ือกัก เก็บน้ำเมอื่ มปี ริมาณนำ้ จากฝนเป็นจำนวนมาก และช่วยไม่ให้น้ำไหลผา่ นอย่างรวดเรว็ จนเกิดไป ป้องกันอทุ กภยั ในพ้ืนท่ีใกลเ้ คียงหรอื พ้นื ทใี่ นบริเวณกว้างและสามารถนำนำ้ ท่กี ักเกบ็ ไว้ไปใช้ในฤดแู ล้ง (4) การสร้างพนังกันน้ำรมิ แม่น้ำเพื่อป้องกันอุทกภัยจากน้ำท่วมตลิ่ง เพื่อช่วยลดผลกระทบ หากปริมาณน้ำจากแม่น้ำมรี ะดบั สูงขึ้น (5) การเสริมสร้างความแข็งแรงของพ้นื ที่เชงิ เขา เม่ือเกดิ ฝนตกน้ำจะไม่ซดั หน้าดินจนทำให้ เกิดดินถล่มและสง่ ผลกระทบต่อชมุ ชนท่ีอาศัยอยู่ในพน้ื ท่เี ชงิ เขา (6) การขยายพ้ืนทเ่ี ส้นทางการไหลของน้ำ การสร้างทางและระบบระบายนำ้ เพ่ือเป็นการช่วย ระบายน้ำ หากมีปรมิ าณน้ำไหลผา่ นเป็นจำนวนมาก แนวทางปฏิบัติการป้องกันและลดผลกระทบ ทไี่ ม่ใช้โครงสร้าง การดำเนินการต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางโครงสร้างที่ได้กล่าวถึงข้างต้น ล้วนเป็น แนวทางท่สี ามารถทำได้ในการป้องกันและลดผลกระทบ (1) การจัดตั้งหน่วยงานหรือการออกกฎหมายเพื่อสนับสนุนให้เกิดการก่อสร้าง โครงสร้าง เหลา่ น้อี ย่างมปี ระสิทธิภาพ (2) การฝึกอบรม ฝกึ ทักษะให้ผเู้ กี่ยวข้องมีความรใู้ นเร่ืองโครงสร้างให้เหมาะสมกบั สภาพภัย ท่ีอาจจะตอ้ งเผชิญ สามารถออกแบบกอ่ สรา้ งโครงสร้างเหลา่ น้ีไดถ้ ูกตอ้ งตามมาตรฐาน
๑๔ การดำเนนิ การป้องกนั และลดผลกระทบ เพ่อื ลดความลอ่ แหลมของชุมชน สามารถทำได้โดย 1) การวางแผนการใชป้ ระโยชน์ที่ดนิ จะทำใหป้ ระชาชนได้เข้าถงึ ทรัพยากรอย่างเท่าเทยี มกัน และเป็นการสร้างความตระหนกั ใหป้ ระชาชนเข้าใจว่าพน้ื ทใี่ ดท่ีเปน็ พื้นท่เี ส่ียง 2) การจัดผังเมือง ผังชุมชน หรือหมู่บ้าน ไม่ให้มีความหนาแน่นจนเกินไป เพราะอาจได้รบั อันตรายเมือ่ เกิดภัย วางสัดสว่ นของการพัฒนาเมอื งให้มีการกระจายตวั ของประชากรและลดโอกาสที่ประชากร บางส่วนต้องสรา้ งบา้ นอยู่ในพ้นื ทีล่ อ่ แหลม 3) การออกกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน การวางผังเมือง และการบังคับใช้กฎหมาย ดังกลา่ ว เพ่ือกำหนดเขตพน้ื ทใี่ นการปลูกสร้างสิง่ ก่อสร้างต่างๆ ทั้งบา้ นเรือน ทอี่ ยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ หรือ โครงสร้างสาธารณูปโภคที่สำคัญ เช่น ถนน สะพาน ระบบการติดต่อสื่อสาร ฯลฯ เพื่อไม่ให้ตั้งอยู่ในพ้นื ที่ที่มี โอกาสเกดิ ภัย 4) การออกกฎหมายตอ้ งมีการบงั คบั ใชอ้ ยา่ งเคร่งครัด ในขณะเดียวกนั ประชาชนตอ้ งมีความ เข้าใจและเคารพกฎหมาย ควรมีมาตรการเพือ่ จูงใจใหป้ ระชาชน ไม่สร้างที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่เกิดภัย เช่น การสร้างบ้านในพื้นที่ขวางทางน้ำไหล หากไม่มีโทษปรับก็ควรกำหนดว่าจะไม่ได้รับการเยียวยาซ่อมแซม ถา้ ได้รับผลกระทบจากนำ้ ทว่ ม ในระดับปจั เจกบุคคลหรอื ครวั เรอื นกส็ ามารถดำเนนิ การเพอ่ื ปอ้ งกันและลดผลกระทบของภยั ท่อี าจเกดิ ขึ้นกับตวั เองและครอบครัวได้ เชน่ 1) หากบา้ นเรอื นของท่านมีความเสย่ี งต่ออทุ กภัยและได้พิจารณาถงึ ความลอ่ แหลม และความ เปราะบางแลว้ ว่ามีโอกาสได้รับผลกระทบจากอุทกภยั เป็นอย่างมาก ท่านควรวางแผนในการโยกย้ายถิ่นท่อี ยู่ อาศัยเพ่ือลดความลอ่ แหลม 2) หากจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่เดิม ก็อาจจะลดความเสี่ยงของตนได้ จากการปรับปรงุ อาคารให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึน้ อาจจะยกพืน้ ทีส่ ูงข้ึนและเตรียมเสน้ ทางน้ำไหลผ่าน ตลอดจนระบบ การระบายน้ำภายในใหด้ ีข้ึนกไ็ ด้ กล่าวโดยสรปุ การป้องกันและลดผลกระทบสามารถทำไดห้ ลายวธิ ีเพอ่ื ลดความรุนแรงของภัย ลดความล่อแหลมและความเปราะบางในพื้นท่เี สี่ยงภัยซึ่งสามารถทำไดใ้ นทุกระดับในสงั คมดว้ ยการประสานความ ร่วมมือกนั ของทุกภาคสว่ น 2.3 นโยบายการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ สบื เน่อื งจากคณะรัฐมนตรมี มี ติ เม่ือ ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๔๘ เหน็ ชอบนโยบายการเตรียมพร้อม แห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนรองรับเผชิญกับสาธารณภัย การเตรียมพร้อมได้มีการปรับปรุง กฎระเบียบ และกลไกการบริหารจัดการขึ้นใหม่เพื่อให้นโยบายดังกล่าว มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ คณะกรรมการเตรียมพร้อมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคง แห่งชาติ จึงได้ทบทวนนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานของ หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยมุ่งเน้นการเตรียมพรอ้ มของทุกภาคสว่ นใหพ้ รอ้ มเผชิญกบั ภาวะไม่ปกติการเสรมิ สร้าง ภูมิคุ้มกันและศักยภาพให้คนชุมชนและสังคม การผนึกกำลังและบูรณาการแผนระดับกระทรวงกรม จังหวดั และท้องถิ่น การเสริมสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ ตลอดจนการบริหารจัดการที่มีเอกภาพและ ประสิทธิภาพในเชิงการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ การทบทวนนโยบายการเตรียมพร้อมแห่งชาติ สามารถ ประมวลภาพรวมสภาพปัญหาการเตรยี มพร้อมของประเทศไทย ที่ยังคงตอ้ งมีการพัฒนาในประเดน็ ดงั น้ี ๑) ระบบการแจ้งเตือนสาธารณภัยและภัยความมั่นคงทีช่ ัดเจน แม่นยำ และกระจายข้อมูล ขา่ วสารทนี่ ่าเช่อื ถือแกห่ นว่ ยงานทรี่ ับผิดชอบและสาธารณชน
๑๕ ๒) ระบบการเตรียมแผนและบัญชีทรพั ยากร เครื่องมือ อุปกรณ์ การกู้ภัย ผู้เชี่ยวชาญสาขา ต่าง ๆ เพื่อเป็นฐานขอ้ มูลในคลังข้อมูลสาธารณภยั แห่งชาติ ๓) ระบบการจัดทำบัญชีระดมสรรพกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ ท่ตี อ้ งการความรว่ มมือจากหน่วยงานของรฐั และภาคเอกชน ๔) การมีระบบกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ข้อบังคบั และการเบิกจา่ ยเงนิ ทไี่ ม่เออื้ ต่อการดำเนนิ งาน ของผบู้ รหิ ารเหตกุ ารณ์ในสถานการณฉ์ ุกเฉินท่ีตอ้ งดำเนนิ การจัดการปญั หาอย่างรอบคอบและเรง่ ด่วน ๕) การให้ความรู้และการเข้าถึงองค์ความรู้ของประชาชนและชุมชนท้องถิ่นในพื้นท่เี สี่ยงภยั ยงั ไมเ่ พียงพอ ๖) ประสิทธิภาพของระบบการบัญชาการเหตุการณ์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการภัยแต่ละ ประเภท ทั้งในห้วงภาวะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัยที่ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงให้มี ประสิทธิภาพยิง่ ขนึ้ คณะกรรมการเตรียมพร้อมแห่งชาติ จึงได้เสนอกรอบแนวคิดยุทธศาสตร์การเตรียมพร้อม แห่งชาติ ดงั น้ี ๑) การเตรยี มพร้อมของประเทศให้พรอ้ มเผชญิ กับภาวะไม่ปกติ ใหค้ วามสำคญั กับการกำหนด นโยบาย ยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการ แผนเผชิญเหตุ ให้พร้อมเผชิญกับภัยความม่ันคง สถานการณ์ฉุกเฉิน และ ความปลอดภัยในชีวิตและทรพั ย์สินของประชาชน ตง้ั แตใ่ นภาวะปกติ โดยประสานและผนกึ กำลังของทุกฝ่าย ในชาติทั้งหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคม มูลนิธิ องค์กรพัฒนาเอกชน เครือขา่ ยชมุ ชน และองคก์ รสาธารณประโยชน์ ๒) การเตรียมทรัพยากรมนุษย์ให้มีภมู ิคุม้ กันเปน็ รากฐานสำคัญ โดยเสริมสร้างความรู้ความ เขา้ ใจการเตรียมความพร้อม ในระดบั ชุมชน ทอ้ งถน่ิ ภมู ภิ าค และประเทศ ในการเตรยี มความพรอ้ มและบรหิ าร จัดการในมิติการป้องกันการมีข้อมลู มีระบบเฝ้าระวัง แจง้ เตือน การจัดการเมื่อคาดว่าจะเกิดภัย ขณะเกดิ ภยั และหลัง เกิดภัย โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ถ่ายทอดสั่งสมประสบการณ์บทเรียนและกระบวนการมีส่วนร่วมของ หนว่ ยงานรฐั กับทกุ ภาคส่วนในการดำเนนิ งานเพ่ือเตรยี มความพรอ้ มร่วมกนั ของคนในชาติ ๓) การเตรยี มความพร้อมของชุมชนทอ้ งถน่ิ ใหค้ วามสำคญั กับชุมชนท้องถิ่นเขา้ มามีส่วนร่วม ในการกำหนดนโยบาย แผน และแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันและบรรเทาภัยความมั่นคงและ สาธารณภัย รวมทัง้ มกี ระบวนการแลกเปล่ียนองคค์ วามรู้ระหว่างภาครัฐ ชุมชนท้องถ่ินประชาสังคม และภาค ประชาชนโดยนำความรู้ของชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนในการป้องกันและจัดการกับภัย และสนับสนุนการ จัดการฐานข้อมูลภัยต่างๆ ตลอดจนการมีเครือข่าย เฝ้าระวังและแจ้งข่าวสารข้อมูลในระดับชุมชนท้องถิ่น รวมท้ังการสร้างความพร้อมรบั มอื ทีจ่ ะสามารถจัดการภยั ทีเ่ กิดข้นึ ในพน้ื ท่ไี ดด้ ้วยตนเอง โดยมชี มุ ชนทอ้ งถ่ินเปน็ ศนู ย์กลางและเชอ่ื มโยงเป็นเครือขา่ ยชว่ ยเหลือซง่ึ กันและกนั ๔) การเตรียมพรอ้ มเชิงรุกของหน่วยงานเพือ่ ป้องกันและลดผลกระทบ การมีแผน กฎระเบียบ ระบบเฝ้าระวัง แจ้งเตือน การเตรียมบัญชีทรัพยากรทั้งคนและสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งานอย่าง เหมาะสมในแต่ละประเภทภัย การฝึกอบรม การฝึกซ้อม การจัดทำหลักสูตรและคู่มอื เผชิญภัยการกำหนดพื้นที่ เสี่ยงภัยและพื้นที่เฝ้าระวัง การมีแผนอพยพทางบกและทางทะเล การมีระบบคลังสำรองอาหาร ระบบ การแพทย์และสาธารณสุข ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบการสื่อสาร ระบบการบริจาคและแจกจ่ายสิ่งของ อปุ โภคบรโิ ภค การลำเลยี งขนส่งสินคา้ และผทู้ ่ีประสบภยั และการฝกึ ซอ้ มแผนอยา่ งสม่ำเสมอและจริงจงั เพื่อให้ การบรหิ ารจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนหน่วยงานรัฐและ ภาคธุรกิจเอกชนสามารถดำเนนิ งานไดอ้ ย่างต่อเนือ่ ง (Business Continuity Management)
๑๖ ๕) การเสริมสร้างความรว่ มมอื กับตา่ งประเทศในการเตรียมความพร้อม ไดแ้ ก่ ๕.๑ การเสรมิ สรา้ งความร่วมมือกับต่างประเทศเพือ่ พัฒนาระบบการเตรียมพร้อมของชาติ ความร่วมมือกับสหประชาชาติซึ่งมีหน่วยงาน United NationsOffice forDisaster Risk Reduction (UNDRR) และ Office for the Coordination of Humanitarian Affairs (OCHA) ประชาคมอาเซียนและความรว่ มมอื ภายใต้ กลไกความร่วมมือของอาเซียนด้านการจดั การภัยพิบัติ ซึ่งได้กำหนดกรอบและแผนงานความรว่ มมือที่สำคัญ อาทิ การประชุมระหว่างภาคีสมาชิก ASEANAgreementon DisasterManagementand EmergencyResponse (AADMER) คณะกรรมการอาเซียนด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Committee on Disaster Management : ACDM)ศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (ASEANHumanitarian Assistance : AHA Centre) และระบบเตรียมพร้อมเพ่ือบรรเทาภัยพิบัติและตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินของ อ า เ ซ ี ย น (ASEAN Standby Arrangements for Disaster Relief and Emergency Response : ASEAN SASOP) รวมทงั้ ความร่วมมือดา้ นความมนั่ คงในกรอบ ASEAN Regional Forum เพอ่ื ป้องกนั และแกไ้ ขปญั หา ความมั่นคงที่จะกระทบต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และพัฒนาไปสู่ความร่วมมือระหว่าง ภูมิภาค รวมทั้งสนับสนุนและใช้ประโยชน์จากความร่วมมือภายใต้องค์กรภายในภูมิภาคที่มีการดำเนินการ ในเรื่องน้ี เช่น ศนู ยเ์ ตรียมความพรอ้ มป้องกนั ภัยพบิ ัติแหง่ เอเชีย (Asian Disaster Preparedness Centre : ADPC) ๕.๒ ภัยคุกคามและสาธารณภัยในปจั จุบันมีรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะภัยคกุ คามตอ่ ความ มั่นคงของมนุษย์ทางด้านสังคม อาทิ ภัยคุกคามจากโรคอุบัติใหม่และโรคระบาดต่างๆ ดังนั้น จึงควรมีการ เตรยี มพร้อมและเสรมิ สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านความมน่ั คงของมนษุ ย์ ๖) การพัฒนาและสนับสนุนการมีระบบฐานข้อมูลทรัพยากรของประเทศ สนับสนุนการมีคลังข้อมูล สาธารณภัยแหง่ ชาติ เพือ่ การแจง้ เตือนภยั การอพยพ การให้ความช่วยเหลือ การบรจิ าค การจดั การในภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งจดั ใหม้ ีช่องทางการประสานและแลกเปลย่ี นขอ้ มูลระหว่างหน่วยงานในการสนบั สนนุ ทรพั ยากรทง้ั ด้านความมน่ั คง และดา้ นสาธารณภยั ทงั้ ภาครฐั เอกชน สมาคม มูลนธิ เิ ครือข่ายชมุ ชนทอ้ งถนิ่ และภาคประชาสังคมใหส้ ามารถ แล กเปลี่ยนและน ำทรัพยากรมาใช้ร่วมกันเมื่อเกิดภัยในแต่ละระดั บความรุนแรงของสถานการณ์ได้อย่าง ทันทว่ งที รวมทัง้ นำแผนและระบบฐานขอ้ มลู มาทดสอบการปฏบิ ตั ิในการฝึกซอ้ มอย่างสม่ำเสมอ ๗) การส่งเสริมและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภัยในเชิงรุก โดยผนึกกำลังทุกภาคส่วน เป็นภาคีเครอื ข่ายในกระบวนการวางแผน การบริหารจัดการภัย ตั้งแต่ขัน้ ก่อนเกิดเหตุขณะเกิดเหตุ และหลงั เกิดเหตุ ทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น ตำบล อำเภอ จังหวัด ภูมิภาค และประเทศ โดยเสริมสร้างการพัฒนา ความรู้ การตระหนกั รู้ การมจี ติ สำนกึ ความม่ันคง การมีจติ สาธารณะของทุกภาคส่วนเพอ่ื เข้ามามีส่วนร่วมผนึก กำลังในการป้องกันกอ่ นเกดิ เหตุ รวมทง้ั ทบทวนและพฒั นา กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับ ให้มีความทนั สมยั สอดคล้อง กับสถานการณ์ทเ่ี กดิ ข้ึน ๘) มีระบบการบริหารจัดการ ตัง้ แตร่ ะดบั ชาติ ระดบั จังหวดั ระดับท้องถ่นิ ไดแ้ ก่ ๘.๑ การประสานเชื่อมโยงความร่วมมือและบูรณาการการทำงานตั้งแต่แผนระดับ กระทรวง/กรม แผนพัฒนาจังหวัดแผนพัฒนาท้องถิ่น แผนพัฒนาชุมชน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนแผนงาน โครงการ กิจกรรม และงบประมาณ ให้ประสานสอดคล้องและสนับสนุนกันระหว่างภารกิจกระทรวง (Function) กับการบรหิ ารจดั การเชงิ พื้นที่ (Area) ๘.๒ การให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยในฐานะที่เป็นหน่วย รบั ผดิ ชอบภารกิจการรักษาความม่นั คงภายในประเทศ การดำเนนิ งานของศูนย์อำนวยการรว่ มการป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ศอร.ปภ.ช.) และกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ตั้งแต่ในภาวะปกติ เพื่อประสานบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อนาเสนอผู้บัญชาการ เหตุการณ์ในแต่ละห้วงเวลาและแต่ละระดับความรุนแรงของภัย รวมทั้งให้จัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและ
๑๗ บรรเทาสาธารณภัยเขตพืน้ ที่ (อปท./อำเภอ/เขต/จงั หวดั /กทม.) ตั้งแตใ่ นยามปกติ เพอ่ื ใหส้ ามารถปรบั เปลี่ยน เป็น “ศูนยบ์ ัญชาเหตกุ ารณ์สว่ นหน้าจังหวดั /กรุงเทพมหานคร” เม่อื คาดวา่ จะเกิดภัยหรอื เมือ่ เกดิ ภยั ขึน้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมในการจัดการสถานการณฉ์ ุกเฉิน ทั้งในส่วน ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับสาธารณภัย ภัยจากสงคราม รวมทั้งภัยจากการกอ่ การรา้ ย โดยนโยบายการเตรยี มพรอ้ มแห่งชาติ ไดใ้ หค้ วามสำคัญกับการจดั ทำแผนปฏิบัตกิ ารเพ่ือบริหารจดั การภัยแต่ละประเภทด้วยซึ่งหน่วยงานทีร่ บั ผดิ ชอบ จะตอ้ งรว่ มกันจัดเตรียมทรพั ยากรในการดำเนนิ การตามอำนาจ หน้าทีใ่ นกฎหมาย ดังตอ่ ไปนี้ 2.๓.1 พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ รฐั บาลไดต้ ระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการสาธารณภัยจึงได้ตราพระราชบัญญัติ ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ขึน้ เพือ่ ใชเ้ ปน็ กฎหมายหลกั ในการบริหารจดั การสาธารณภยั ซึ่งมี ผลใช้บังคบั ต้ังแตว่ ันท่ี ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นตน้ มา โดยยกเลิก พ.ร.บ.ปอ้ งกนั ภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. ๒๕๒๒ และ พ.ร.บ.ป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.๒๕๔๑ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูประบบราชการ ตาม พ.ร.บ.การปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ และกฎกระทรวงแบ่งสว่ นราชการกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งได้ตั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้มีภารกจิ หลกั ในการดำเนนิ การป้องกนั บรรเทาฟน้ื ฟูสาธารณภัยและอบุ ัติภัย สาระสำคญั ของ พ.ร.บ.ปอ้ งกัน และบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ สรุปไดด้ ังน้ี ๑. ขอบเขตการดำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยครอบคลุมภัยทุกประเภท โดยมี การกำหนดคำนิยามของสาธารณภยั และภัยดา้ นความมั่นคง ไว้อยา่ งชดั เจน ๒ การกำหนดนโยบายในการจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ดำเนินการโดยคณะกรรมการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ซึง่ มกี รรมการ ท้งั หมด ๒๓ คน มี นรม. หรือ รอง นรม. ซงึ่ นรม. มอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ โดยมอี ำนาจหนา้ ทใี่ นการกำหนดนโยบาย ในการจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และได้กำหนดบุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่ในการ ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั และผู้เก่ยี วข้อง ในระดับประเทศ ระดบั จังหวดั และระดบั ทอ้ งถ่นิ ๓. กำหนดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการ ดำเนินการเก่ยี วกับการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ของประเทศ ๔. แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กำหนดใหม้ ีการจัดทำแผน ๓ ระดบั คอื แผนการ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ แผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และแผนการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครโดยในการจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดแต่งต้ังคณะกรรมการ ซึ่งมีผู้วา่ ราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ และมี ผบ.มทบ. หรือ ผบ.จทบ. เป็นกรรมการ สำหรับการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร เป็นประธานกรรมการโดยให้แต่งตัง้ ผูแ้ ทน กห. และผู้แทนสถาบันการศกึ ษาระดบั อดุ มศึกษา เป็นที่ปรกึ ษาหรือกรรมการตามจำนวนทผี่ วู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานครเหน็ สมควรแต่งต้งั ๕. กำหนดบุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและผู้เกี่ยวข้องไว้ อยา่ งเป็นเอกภาพชัดเจนในทุกระดับต้งั แต่ ระดบั ประเทศ ระดบั จังหวดั และระดบั ท้องถ่นิ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตราที่ ๑๑ กำหนดให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานกลางของรัฐ ในการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยของประเทศ มีอำนาจหน้าท่ี ให้จัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ตามมาตรา ๑๑ (๑) และในการ จัดทำแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ตอ้ งมีสาระสำคัญ เก่ยี วกับแนวทางในการเตรยี มพร้อม
๑๘ ดา้ นบุคลากร อปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมือ เครอื่ งใชแ้ ละจัดระบบการปฏิบัตกิ ารในการดำเนนิ การป้องกนั และบรรเทา สาธารณภัย รวมถึงการฝึกบุคลากรและประชาชน ตามมาตราที่ ๑๒ (๔) ด้วย และเพื่อให้ประชาชน/ชุมชน มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเมื่อตอ้ งประสบกับสาธารณภัย พระราชบัญญัติดังกล่าว ได้กำหนดให้ ทุกจังหวัดต้องมีแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามมาตราที่ ๑๕ (๑) กำหนดให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการจังหวัด รับผิดชอบในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขตจังหวัด โดยให้มีอำนาจหนา้ ท่ใี นการจดั ทำแผนการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั ซงึ่ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั แผนการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ให้จังหวัดจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กำหนด สาระสำคัญ ขัน้ ตอนดำเนนิ การให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจัดใหม้ เี คร่อื งหมายสญั ญาณหรือส่ิงอื่นใดในการ แจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ ตามมาตรา ๑๖ (๓) และเมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยขึ้นในเขตของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่ใด ให้ผู้อำนวยการท้องถิ่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่นั้น มีหนา้ ทีเ่ ขา้ ดำเนนิ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยเรว็ และแจ้งใหผ้ ู้อำนวยการอำเภอ และผู้อำนวยการ จงั หวัดทราบทนั ที ในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ขี องผู้อำนวยการทอ้ งถน่ิ ดังกล่าว บทบาทของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๘ กำแพงเพชร มีบทบาทหน้าที่ตาม มาตรา ๕๗ ให้บรรดาศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย เป็นศูนย์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่จัดตั้งขึ้นตามมาตรา ๑๑ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งกล่าวถึงอำนาจ หนา้ ท่ีในการจดั ทำแผน ศึกษาวจิ ยั หามาตรการการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ให้มีประสทิ ธิภาพ ประสาน การปฏิบตั ิให้การสนับสนนุ ชว่ ยเหลือ ใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำ และอบรมเกย่ี วกับการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แก่หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาคเอกชน ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล การดำเนนิ การตามแผนการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แตล่ ะระดบั ๒.๓.๒ แผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ แผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาตพิ .ศ.2558 ให้ความสำคัญกับการจัดการ สาธารณภัยแบบเชงิ รุกเพ่ือใหร้ ูเ้ ท่าทันความเสี่ยงท่ีมีและวางแนวทางในการจัดการความเส่ียงเหล่าน้ัน โดยใช้ มาตรการที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้องและเกี่ยวพันกับการพัฒนาประเทศ สนับสนุนใหม้ ี การบรู ณาการลดความเสี่ยงจากภัยเข้าสูก่ ระบวนการวางแผนทั้งระดับชาติ ระดับชุมชน พร้อมกับส่งเสริมขีด ความสามารถในการเตรยี มความพร้อมและระมือกับภัยพิบัติ พัฒนาระบบการจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ รวมถงึ การฟ้นื ฟูบรู ณะหลงั การเกิดภัย สรปุ สาระสำคญั ของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ บทที่ ๑ สถานการณแ์ ละแนวโน้มสาธารณภยั ความรุนแรงของสถานการณ์สาธารณภัยโลกและประเทศไทย มีแนวโน้มรุนแรงมากขึน้ ตาม สภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ บทเรียนการจัดการสาธารณภัยที่ผ่านมาที่มีปัญหาด้านโครงสร้าง การจดั การและเอกภาพ องค์ความรู้และขอ้ มูล รวมถงึ แนวทางการสนับสนุนท่มี ปี ระสิทธภิ าพ กอปรกับพนั ธกิจ ในความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยทำให้ต้องมีการปรับปรุงแผน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ของประเทศให้มีขีดความสามารถและพรอ้ มรับสถานการณ์ภยั พบิ ัติ สอดรบั กับแนวคิดการจัดการสาธารณภยั ของโลกภายใตบ้ รบิ ท “การจดั การความเส่ยี งจากสาธารณภยั (Disaster Risk Management : DRM)” ประกอบด้วย การลดความเสีย่ งจากสาธารณภัย Disaster Risk Reduction : DRR) การจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ (Emergency Management) และการฟนื้ ฟูให้มสี ภาพดกี วา่ และปลอดภัยกว่าเดิม (Build Back Better and Safer) รวมทง้ั การส่งเสรมิ ความร่วมมือระหว่างประเทศและสนบั สนนุ ซ่ึงกันและกัน เพอ่ื สรา้ งศักยภาพความพร้อมและมาตรฐานในการจัดการสาธารณภัย
๑๙ บทท่ี ๒ นโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ๑) เป้าหมายการจดั การความเสีย่ งจากสาธารณภัย เน้นการสร้างองค์ความรู้ความตระหนกั และวัฒนธรรมความปลอดภัย ให้มีการเรียนรู้ มีความพร้อม มีภูมิคุ้มกันและมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาศักยภาพ สงั คม ทอ้ งถิ่นเขา้ สู่ “การรู้รับ-ปรบั ตวั -ฟื้นเร็วทวั่ -อยา่ งยง่ั ยืน” ๒) วตั ถุประสงคข์ องแผนเป็นกรอบแนวคิดและเป็นแนวทางปฏิบตั ิให้แก่ทุกหนว่ ยงานในการ จัดการอย่างเปน็ ระบบและมีทศิ ทาง และพัฒนาขดี ความสามารถในการจัดการ ความเสี่ยงจากสาธารณภัยด้วย แนวทางต่างๆ ตัง้ แตร่ ะดบั ชุมชนจนถงึ ระดบั ชาติ ๓) นโยบายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ๔ ด้าน ได้แก่ พัฒนาและส่งเสรมิ การลดความเส่ียง พัฒนาศกั ยภาพและบูรณาการความรว่ มมือกับทกุ ภาคส่วนในการจัดการภาวะฉกุ เฉิน พฒั นา ระบบฟื้นฟทู ต่ี อบสนองความตอ้ งการของผปู้ ระสบภยั ซ่อมสรา้ งฟื้นฟสู ภาพใหด้ ีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิมและ ส่งเสริมมาตรฐานความร่วมมอื ระหว่างประเทศ ๔) ยุทธศาสตร์ ๔ ด้าน การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย การจัดการในภาวะ ฉกุ เฉินแบบบูรณาการ การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการฟืน้ ฟอู ย่างยงั่ ยนื และการส่งเสริมความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศ ๕) งบประมาณ งบประมาณรายจา่ ยประจาปี งบประมาณประเภทอนื่ เช่น งบกลาง และเงิน ทดรองราชการฯ ทั้งระดับหนว่ ยงานและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ บทท่ี ๓ หลกั การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ๑) เสนอหลักการและแนวคิด “การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย”(Disaster Risk Management : DRM) การจัดการสาธารณภัย (Disaster Management : DM) ซึ่งเป็นแนวทางที่นานาประเทศ ยอมรับว่าสาธารณภัยเป็นเรื่องที่จัดการได้โดยไม่จ ำเป็นต้องรอให้เกิดภัยขึ้นก่อนและให้ความส ำคัญกับการ จดั การเพอื่ ความปลอดภัยอยา่ งยงั่ ยนื ๒) กำหนดกลไกหลักสาหรับการจัดการ ประกอบด้วย โครงสร้างองค์กรและบทบาทหน้าท่ี การจดั การสาธารณภยั ต้งั แต่ระดับนโยบายถงึ ระดับปฏิบตั ิ บทบาทหน้าท่ีและแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องแนวทางปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานทหาร ภาคประชาสังคม และองค์การสาธารณกุศลและแนวทาง ปฏิบัติร่วมกับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศขอบเขตสาธารณภัย ระดับการจัดการสาธารณภัย กฎหมายและระเบียบท่เี กีย่ วขอ้ ง บทที่ ๔ การลดความเส่ียงจากสาธารณภัย เสนอแนวคิดและวิธีปฏิบัติ ในการลดความเสี่ยงหรือลดโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจาก สาธารณภยั หรือการลดความเส่ียงจากสาธารณภัย มุง่ ให้เกดิ การดำเนินการทั้งในเชงิ นโยบายแผนงาน โครงการ มาตรการหรือกิจกรรมต่างๆ โดยสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนตามแนวทางกลยุทธ์ การลดความเสี่ยง จากสาธารณภยั ๓ ด้าน ประกอบด้วย ๑) การสร้างระบบการประเมินความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีมาตรฐาน ส่งเสริมและ สนับสนนุ ให้มีการประเมนิ ความเส่ียงเพื่อใชใ้ นการกำหนดนโยบายการลดความเสี่ยง การจัดสรรงบประมาณ การออกกฎระเบียบ การจดั ทำแผนงาน โครงการ รวมถงึ การจัดทำดชั นคี วามเส่ยี ง และแผนทเ่ี สย่ี งภัย ๒) การพัฒนามาตรการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติในการ ป้องกันและลดผลกระทบช่วงก่อนเกิดภัยทั้งเชิงโครงสร้างและไม่ใช่โครงสร้าง แนวทางปฏิบัติในการเตรียม ความพรอ้ ม เชน่ การจดั การความเส่ยี งจากสาธารณภัยโดยอาศัยชมุ ชนเปน็ ฐาน การฝึกการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย การเตรียมการอพยพ การจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว การจัดตั้งองค์กรการเรียนรู้สาธารณภัย
๒๐ การพัฒนาคลังข้อมูลสาธารณภัยแห่งชาติ การจัดตั้งคลังสำรองทรัพยากร แผนการบริหารความต่อเนื่อง แนวทางปฏิบัติของระบบเตือนภยั ระดับของภัย กระบวนการแจง้ เตือนภยั และการพัฒนาระบบเตือนภยั ๓) การส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนและทุกระดับสร้างแนวปฏิบัติในการลดความเสี่ยงโดย กำหนดให้เป็นนโยบายแห่งรัฐที่สำคัญเพื่อการพิจารณาจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องเพื่อกระตุ้นให้ ทุกหนว่ ยงานเห็นความสำคญั และจัดทำแผนรองรบั เมอ่ื เกิดสาธารณภยั เปน็ ตน้ บทที่ ๕ การจดั การในภาวะฉกุ เฉนิ เพ่ือควบคุมและ/หรือลดความรนุ แรงของสาธารณภัย รวมท้ังการอำนวยการ การปฏบิ ตั หิ น้าที่อย่างเป็น ระบบ ไดม้ าตรฐานและครอบคลุม โดยการจัดระบบการจดั การทรพั ยากร เพอื่ เผชญิ เหตุการณฉ์ ุกเฉินและการ ชว่ ยเหลอื บรรเทาทุกขไ์ ดอ้ ย่างรวดเรว็ ภายใต้กลยทุ ธ์ ๓ ประการ คอื ๑) สร้างมาตรฐานการจัดการในภาวะฉกุ เฉิน ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติในการจัดการเม่อื เกิดสาธารณภัย แนวทางปฏิบัติในการจัดตั้งองค์กรปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินระดับต่างๆ (ศูนย์ปฏิบัติการ ฉุกเฉิน อปท.,ศูนย์บัญชาการเหตุการณอ์ ำเภอ/จังหวัด/กรงุ เทพมหานคร ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหนา้ จังหวดั /กรงุ เทพมหานคร กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั กลาง และกองบัญชาการปอ้ งกนั และ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติและรูปแบบโครงสร้างกองบัญชาการ/ศูนย์บัญชาการฯ) แนวทางปฏิบัติในการ ประกาศเขตพ้ืนทป่ี ระสบภัยแนวทางปฏบิ ตั ิในการตัดสินใจยกระดบั การจดั การสาธารณภยั แนวทางในการอพยพ ๒) พฒั นาระบบ/เครื่องมือสนบั สนนุ การเผชญิ เหตุ ประกอบดว้ ยแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการสื่อสาร และโทรคมนาคม แนวทางปฏิบัติในการเผยแพร่และประชาสัมพันธข์ ้อมูลข่าวสาร แนวทางปฏิบตั ิในการกำกับ ควบคุมพ้ืนที่ (Area Command) แนวทางปฏิบัติ รูปแบบและระบบการบัญชาการเหตุการณ์ แนวทางปฏิบัติ ในการสนบั สนนุ การปฏิบตั ิงานภาวะฉกุ เฉนิ หรือ สปฉ. เพอื่ ประสานงานระหว่างสว่ นราชการและหนว่ ยงานทมี่ ี หน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบตามภารกจิ ซึ่งมที ้ังหมด ๑๘ สปฉ. และแนวทางปฏิบตั ใิ นการสนบั สนนุ การจดั การเหตุการณ์ (IMAT) ๓) เสริมสร้างระบบและแนวปฏิบัติในการบรรเทาทุกข์ ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัตใิ นการ ขอใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน แนวทางปฏิบัติในการประเมินความ เสียหายและความต้องการช่วยเหลือ แนวทางปฏบิ ตั ิในการรบั บริจาค แนวทางปฏบิ ตั ิในการรายงานข้อมลู และ แนวทางปฏิบัตใิ นการจดั ตงั้ ศนู ยพ์ ักพงิ ชั่วคราว สรุปบทที่ ๕ เป็นการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน หน่วยงานของกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั ทงั้ ในระดับสว่ นกลางและระดบั พนื้ ท่ี จะตอ้ งถือปฏิบัตแิ ละบูรณาการดำเนนิ การในประเด็น ขา้ งตน้ ตามบรบิ ท สถานการณ์ท่ีเก่ยี วข้อง โดยแปลงแนวทางเหลา่ น้ี เปน็ กิจกรรม มาตรการปฏิบตั ิตา่ งๆ ในรูป ของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั กลางและศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด หรือศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวัด รวมทั้งจะต้อง ประสานและอำนวยการให้อำเภอและองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในฐานะหน่วยเผชญิ เหตปุ ฏิบัตภิ ารกิจป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ในพืน้ ทีเ่ กดิ เหตุ ซึ่งจะมีผลให้เกิดการกระทำตามอำนาจหน้าที่และได้รบั การคุ้มครอง ในฐานะเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย บทที่ ๖ การฟื้นฟู เพอื่ ซ่อมแซม ฟื้นฟูและปรบั สภาพระบบสาธารณปู โภค การดำรงชวี ิตและวถิ คี วามเปน็ อยู่ของ ชุมชนทีป่ ระสบสาธารณภยั ให้กลบั สสู่ ภาวะปกตหิ รือพัฒนาให้ดกี วา่ และปลอดภยั กวา่ เดมิ (Build Back Better and Safer) โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ให้มีส่วนร่วม ในกระบวนการฟ้ืนฟู ประเมนิ ความเส่ียงจากสาธารณภัย จากปจั จัยเสย่ี งหรอื ตน้ เหตุการเกิดภัย ในการฟื้นคืน สภาพและการสร้างใหม่ ทงั้ ในระยะสัน้ ระยะกลางและระยะยาว ประกอบดว้ ย ๓ กลยทุ ธ์ คือ
๒๑ กลยุทธ์ที่ ๑ พัฒนาระบบการประเมินความต้องการหลังเกิดสาธารณภัย เพื่อนำไปสู่ การตัดสนิ ใจระดบั นโยบาย ยทุ ธศาสตร์การฟน้ื ฟูประเทศและสร้างใหมใ่ ห้ดีกวา่ และปลอดภัยกว่าเดิม กลยทุ ธ์ที่ ๒ พัฒนาระบบปฏบิ ัติการและบริหารจดั การฟ้ืนฟูประกอบดว้ ยการกำหนดแนวทาง ในการฟื้นฟผู ู้ประสบภัย สถานภาพสังคม การเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม โดยหนว่ ยงานระดบั ชาติทเ่ี กย่ี วขอ้ งแต่ละด้าน กลยุทธ์ท่ี ๓ เสริมสร้างแนวทางการฟื้นฟูที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม (Build Back Better and Safer) ทัง้ ดา้ นการฟ้ืนฟชู ุมชนทั้งด้านกายภาพและศักยภาพ ด้านสุขภาพและการบรกิ าร สังคม ด้านท่ีอยู่ อาศัย ระบบโครงสร้างพ้ืนฐาน ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มและระบบเศรษฐกจิ จะเห็นว่าบทน้ี มุ่งฟื้นฟูและพัฒนาสภาพทั้งทางสังคม ชุมชน และทางกายภาพให้มีความ มั่นคงแข็งแรงหรือเข้มแข็งกว่าเดิม สามารถเผชิญหรือรองรับความรุนแรงของสาธารณภัยในโอกาสต่อไปได้ ดีกว่าและจะปลอดภยั กว่า เปน็ การฟืน้ ฟูท่รี ุกคืบสูก่ ารพัฒนาอยา่ งยั่งยนื บทท่ี ๗ ความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศในการจดั การความเสย่ี งจากสาธารณภยั เนื่องจากสาธารณภัยในปัจจุบันมีความไร้พรมแดนมากขึ้น แต่ละประเทศจะต้องให้การ ส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยแก่ประเทศที่กำลังประสบภัย โดยมีจดุ ม่งุ หมายท่กี ารเพิม่ ศักยภาพของประเทศไทยในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ด้านมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของโลกและนำประเทศไทยไปสูก่ ารเป็นประเทศแกนนำในการจัดการความเสี่ยงจาก สาธารณภัย ประกอบดว้ ย ๔ กลยทุ ธ์ กลยุทธ์ที่ ๑ พัฒนาระบบการประสานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มเี อกภาพแนวทาง ปฏิบัติ “การรับ”และ “การให้” ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากต่างประเทศ พัฒนาระบบการประสาน ความช่วยเหลือดา้ นมนุษยธรรม ณ จุดเดียว (Single Window System) กลยุทธ์ที่ ๒ ยกระดบั มาตรฐานการปฏบิ ัติงานดา้ นมนุษยธรรม การปรับปรุงระเบยี บกฎหมาย ด้านมนุษยธรรม การสรา้ งมาตรฐานบุคลากรในการปฏบิ ัติงานให้ความช่วยเหลือ โดยการจดั ให้มชี ดุ ค้นหาและ กภู้ ยั ในเขตเมืองระดับชาติ (National Urban Search and Rescue : USAR) ตามมาตรฐานสากลและจดั สรร ทรัพยากรบคุ คล รองรบั การจดั ทำแผนพัฒนาชดุ ค้นหาและกภู้ ัยในเขตเมือง เป็นต้น กลยุทธ์ที่ ๓ เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสาธารณภัยของประเทศด้านฐานข้อมูล ทรัพยากรเพ่ือการจัดการสาธารณภยั ระหว่างประเทศการเชอ่ื มโยงข้อมลู การจดั การองค์ความรแู้ นวทางปฏิบัติ ในการพฒั นาความร่วมมอื ดา้ นสาธารณภัย และการขบั เคลอื่ นความรู้สู่สาธารณะ เป็นต้น กลยทุ ธท์ ่ี ๔ ส่งเสริมบทบาทความเปน็ ประเทศแกนนำดา้ นการจดั การความเสย่ี งจากสาธารณภยั แนวทางปฏบิ ตั ิในการสรา้ งความเปน็ เลศิ ด้านวิชาการ สนับสนนุ ทางวิชาการแก่กลมุ่ ประเทศกาลังพัฒนา เปน็ ต้น บทท่ี ๘ การขบั เคลอ่ื นแผนไปสู่การปฏิบตั ิ การจดั การสาธารณภยั ตามแนวทางการจัดการความเสย่ี งจากสาธารณภัยใหบ้ รรลุผลสมั ฤทธิ์ ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำเป็น จะต้องอาศัยการบรู ณาการจากทุกภาคส่วนและกระบวนการขบั เคลอื่ นทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ภายใต้การกำกับดูแล ของคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) พระราชบญั ญัติปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๑ กำหนดให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานกลางของรัฐ มีหน้าที่จัดทำแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย ศึกษาวิจยั เพื่อหามาตรการในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ปฏิบัตแิ ละ ประสาน สนับสนุน ช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาคเอกชน
๒๒ ประชาชน สามารถดำเนนิ การเพ่ือลดความเส่ียงจากภยั พิบตั แิ ละใหค้ วามชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภยั ไดอ้ ย่างรวดเร็ว ทันตอ่ เหตุการณ์อยา่ งเป็นระบบ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (กปภ.ช.) เสนอให้ใช้ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดแนวทางการปฏิบัติงานเพือ่ ขบั เคลื่อน นโยบายของรัฐในการเตรียมพร้อมป้องกนั ภัยและช่วยเหลอื ผู้ประสบภัยทง้ั ในระยะกอ่ นเกดิ เหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลงั เกิดเหตุ ปัจจุบันได้ปรับแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามสถานการณ์ ของโลกและสาธารณภัยทซ่ี บั ซอ้ นขนึ้ โดยทบทวนนโยบาย ยุทธศาสตรแ์ ละกรอบแนวคิดท้ังในและต่างประเทศ นำมากำหนดยุทธศาสตร์การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยมีมุมมองจาก ภายนอกและภายในประเทศมาเป็นแนวทางการบริหารจัดการสาธารณภัยดังต่อไปน้ี ๒.๓.๓ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๗๐ วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบ แนวคดิ ในการปฏบิ ัติให้แกห่ น่วยงานทุกภาคส่วน ไดแ้ ก่ องค์กรภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม ต้ังแต่ ระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างบูรณาการเป็นระบบและมีทิศทาง เดียวกัน เป็นแนวทางปฏิบัติการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย มาประยุกต์ใช้ในการจัดการความเสี่ยงจาก สาธารณภัยให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยในปัจจุบัน และสามารถนำไปปรับใช้ในการจัดทำแผน ทกุ ระดบั เพ่อื ให้การจดั การมปี ระสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธ์ิ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570 ภายใต้แนวคิดการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยแบบ อัจฉริยะ (Resilience by Smart DRM) โดยมีเป้าหมาย ลดความเสี่ยงท่ีมีอยู่เดิมและป้องกันไม่ให้เกดิ ความ เสี่ยงใหม่ และประยุกต์ใช้งานวจิ ยั นวัตกรรมเทคโนโลยี และภูมปิ ัญญาเพื่อให้ทุกภาคส่วนรู้เท่าทนั การจัดการความ เส่ียงจากสาธารณภัย แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570จะขับเคล่อื น การดำเนินงานด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การมุ่งเน้นการลดความเส่ียงจากสาธารณภัย โดยลดความเปราะบางและ ความล่อแหลม พร้อมเพ่ิมขีดความสามารถในการเตรียมพร้อมรับกับสาธารณภัยที่เกิดข้ึน ยุทธศาสตร์ที่ 2การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการและการประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้าน สาธารณภัย เสริมสร้างระบบบริหารจัดการ การวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยีและภูมิปัญญา ใช้เพิ่มศักยภาพ ในการป้องกันและจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ยุทธศาสตร์ท่ี 3 การส่งเสริมความเปน็ ห้นุ ส่วนระหว่างประเทศในการจัดการความเส่ยี งจาก สาธารณภัย เพื่อให้ทุกภาคส่วนตระหนัก และเข้าร่วมความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการความเสี่ยงจาก สาธารณภัยอย่างย่ังยืน ยกระดับมาตรฐานการจัดการความเส่ยี งจากสาธารณภัยในระดบั ชาติและนานาชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการในภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ เป็นการกำหนดแนวทางของ การจัดตั้งองค์กรปฏิบัติในการจัดการภาวะฉุกเฉินและแนวทางปฏิบัติในการสนับสนุนการปฏิบัติงาน ยุทธศาสตร์ที่ 5 การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน เป็นการดำเนินงานภายหลัง เกิดภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ชุมชนหรือสังคมสามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างย่ังยืน
๒๓ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวง กรม องค์กรและหนว่ ยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาคเอกชนและภาคส่วนต่างๆ ถือปฏิบัติตามแผนการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2570 น้ี ด้วย
๒๔ ๒.๔ การจัดการความเส่ียงจากสาธารณภัย เพื่อสร้างการรับรู้เท่าทันภัยและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทุกภาคส่วน ตลอดจนยกระดับ การจัดการความเสยี่ งจากสาธารณภัยไปสูม่ าตรฐานสากล 2.4.1 วงจรการจัดการความเสย่ี งจากสาธารณภยั แนวทางการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ (Disaster Risk Management) ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรม มาตรการทางสังคมเพอื่ รับมอื ภัยพิบัติ มวี ตั ถปุ ระสงค์สำคญั เพ่อื หลกี เลย่ี ง ลดผลกระทบตลอดจนฟน้ื ฟู ความสญู เสียอนั เกดิ จากภยั พิบัติ ลักษณะวงจรของกจิ กรรมในแต่ละระยะของการเกดิ ภัย ไดแ้ ก่ 1) ระยะก่อนเกิดภัย (Before a Disaster or Pre-Disaster) ประกอบด้วยการลดผลกระทบ และเตรียมความพร้อม (Mitigation and Preparedness) ซึ่งเป็นกจิ กรรมหรือมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อลด ความสูญเสียหรือเสียหายทั้งชวี ิตและทรพั ย์สินจากภัยที่อาจเกิดขึน้ อาทิ การรณรงค์เพ่ือสรา้ งความตระหนกั การจัดทำแผน และการปอ้ งกัน (Prevention) 2) ขณะเกิดภัย (During a Disaster or Disaster Occurrence) ประกอบด้วยการดำเนิน กิจกรรมเพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยให้เหลือน้อยลง และตรงกับความต้องการของผู้ประสบภัยที่สุด ซ่ึงเรยี กกจิ กรรมในขั้นตอนนวี้ า่ การตอบโตใ้ นภาวะฉกุ เฉิน (Emergency Response) 3) ภายหลังเกิดภัย (After a Disaster or Post-Disaster) ประกอบด้วยการดำเนินการตอบ โตแ้ ละฟ้ืนฟู (Response and Recovery) ซ่งึ เป็นกจิ กรรมทม่ี เี ปา้ หมายเพอ่ื ทจี่ ะฟนื้ ฟชู ุมชนที่ได้รับผลกระทบ ทันทีทีเ่ กิดภยั พิบตั ิ แนวคิดการจัดการความเสีย่ งจากสาธารณภัยเพื่อรับมอื กับภัยซ่ึงมลี ักษณะการเกดิ ที่ยากจะ คาดการณ์ผลที่เกิดขึ้น เป็นการดำเนินการเป็นวงรอบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การป้องกัน และลดผลกระทบ การเตรยี มความพร้อม การเผชิญเหตแุ ละการบรรเทาทุกข์ตลอดจนการฟืน้ ฟู ซึ่งการดำเนินการในแต่ละหว้ ง เวลาการเกดิ สาธารณภยั อาจมีความคาบเกยี่ วกนั รวมทง้ั ระยะเวลาในการดำเนินการขึ้นอยกู่ ับความรุนแรงของ ภยั เป็นสำคัญ ดงั แผนภาพท่ี ๒ – ๑ แผนภาพท่ี ๒ – 1 วงจรการจดั การความเสย่ี งจากสาธารณภัย จะเห็นได้ว่า แนวทางการจัดการความเสีย่ งจากสาธารณภัยภายใต้กรอบแนวทางนี้สามารถ ชีใ้ หเ้ ห็นภาพรวมของการจัดการภยั พิบัติ (Holistic Approach) อย่างไรกต็ าม ในบางกิจกรรมทด่ี ำเนินการนั้น
๒๕ อาจมีการคาบเกี่ยวกัน (Overlap) ในแต่ละระยะของการเกิดภัย ขณะที่บางกิจกรรมนั้นเป็นการดำเนินการ เฉพาะระยะของการเกิดภัยนั้นๆ สำหรับห้วงเวลาการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละระยะของการเกิดภัย จะใช้เวลามากหรือนอ้ ยขึน้ อยกู่ บั ความรนุ แรงของภัยพบิ ตั นิ ้ันๆ เป็นสำคญั “ความเสี่ยงจากสาธารณภัย” หมายถึง โอกาสที่สาธารณภัยทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิต รา่ งกาย ทรพั ยส์ นิ ความเป็นอยูแ่ ละภาคบริการตา่ งๆในชมุ ชนใดชมุ ชนหนึง่ ณ หว้ งเวลาใดเวลาหน่ึงในอนาคต ซึ่งสามารถแทนด้วยสมการแสดงความสัมพนั ธ์ของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ได้แก่ ภัยความล่อแหลม ความเปราะบางและศกั ยภาพ ดงั นี้ ความเสย่ี ง (Risk) = ภัย (Hazard) x ความลอ่ แหลม (Exposure) x ความเปราะบาง (Vulnerability) ศกั ยภาพ (Capacity) ความเข้าใจการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยในทุกมิติ ประกอบด้วย ลักษณะของภัย ความล่อแหลม ความเปราะบาง การเสริมสร้างศักยภาพการบริหารและจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย โดยการมีสว่ นรว่ มทุกภาคส่วนในลกั ษณะหนุ้ ส่วนยทุ ธศาสตร์ การลงทุนดา้ นการลดความเสย่ี งจากสาธารณภัย เพื่อให้มีภมู ิคุม้ กันในการพร้อมรับมือและฟืน้ คืนกลับได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งการพัฒนาศกั ยภาพ ซึ่งรวมถึง ความรู้ ทักษะ ทรัพยากรที่มีอยู่ ในชุมชน หน่วยงานใดๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการเผชิญเหตุสาธารณภัยอย่าง มปี ระสิทธภิ าพ ส่งเสริมการฝกึ ซอ้ มการปฏิบัตงิ าน การเผชญิ เหตุ ระบบการแจง้ เตอื นภัยที่ครอบคลุมทุกพ้ืนที่ และการฟ้นื สภาพและซ่อมสรา้ งใหด้ ีและยั่งยนื การปฏิบัติงานลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย ให้ความสำคัญกับการลดโอกาสที่จะได้รับ ผลกระทบจากสาธารณภัยอยา่ งเป็นระบบ โดยจดั การปจั จยั ทเ่ี ปน็ สาเหตแุ ละผลกระทบของสาธารณภยั เพือ่ ลด ความล่อแหลม ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดความเปราะบาง และเพิ่มศักยภาพของบุคคล ชุมชน สังคม ให้มี ขีดความสามารถในการจัดการปัญหา รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้ นในอนาคต โดยการ ดำเนินงานลดความเสย่ี งจากสาธารณภยั ดังตอ่ ไปน้ี ๑) การประเมินความเสี่ยงจากสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ได้ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดในเขตรับผิดชอบ ประกอบด้วย ข้อมูลสถิติสาธารณภัย ผู้ที่เคยประสบภัย ฐานข้อมูลอาสาสมัคร ผู้เชี่ยวชาญ ความล่อแหลม กลุ่มเปราะบาง และจดั ทำฐานข้อมูลอื่นที่จำเป็นเพอื่ พรอ้ มประสานการปฏบิ ัติ สามารถสนบั สนุนการปฏบิ ตั ิงาน ได้ทนั ท่ีเมอื่ เกิดภยั ภาวะฉกุ เฉนิ และมีการเช่ือมโยงขอ้ มลู ระหว่างหน่วยที่เกี่ยวข้อง ๒) การเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยใน พื้นที่ จงั หวดั ในเขตรับผดิ ชอบ โดยนำผลการประเมนิ ความเสี่ยงภัยในพน้ื ท่ีมาเป็นแนวทางกำหนดแผนงาน/โครงการ การลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยจากทุกหน่วยงานมาใช้ในการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามภัยแต่ละ ประเภท เพือ่ บรรจุในแผนพฒั นาจงั หวดั /แผนพฒั นากลุม่ จังหวดั ๓) การสร้างความรู้ความเข้าใจเรือ่ งการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยของศูนย์ป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยเขต ๘ กำแพงเพชร ใหก้ บั หนว่ ยงานภาครัฐ ภาคีเครือขา่ ย ประชาชน อาสาสมัคร เยาวชน ส่อื มวลชน ฯลฯ เพอื่ สามารถนำไปประยกุ ต์ใชต้ ามบรบิ ทของพนื้ ที่ ๔) การหลีกเลยี่ งความเส่ียงจากสาธารณภัยเพอ่ื แก้ไขปัญหาความเปราะบาง ความล่อแหลม และเพมิ่ ศักยภาพในพ้นื ที่ โดยรว่ มกับภาคหี นว่ ยงานภาครฐั และเอกชนในจงั หวดั พืน้ ท่รี บั ผดิ ชอบ ๕) การป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยง เพ่ือขจดั หรือลดโอกาสทส่ี าธารณภัยจะสร้าง ผลกระทบตอ่ บคุ คล ชมุ ชน หรอื สังคม ดำเนินการป้องกนั และลดผลกระทบทงั้ ใชโ้ ครงสร้างและไมใ่ ชโ้ ครงสรา้ ง
๒๖ ๖) การถ่ายโอนความเสี่ยง ด้วยการแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการถ่าย โอนความเสี่ยง เช่น การทำประกันภัย การจัดตั้งกองทุนเพื่อการจัดการสาธารณภัย การสนับสนุนให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ มเี ครอ่ื งจกั รกลไปประจำในพื้นทเ่ี สย่ี งทห่ี ่างไกล เป็นต้น ๗) การยอมรับความเสี่ยง ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อม การดำเนินงานเพื่อให้ ประชาชนหรือชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีองค์ความรู้ มีขีดความสามารถ และมีทักษะต่างๆ พร้อม ที่จะรับมือกับสาธารณภัย เช่น การฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อรองรับภัยขนาดใหญ่ โดยศนู ย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร จำเปน็ ต้องเตรียมความพรอ้ มทง้ั เจา้ หน้าที่ และ สถานทใี่ นการรองรับเปน็ สถานทีต่ ัง้ กองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) ซ่ึงเป็น กลไกสำคญั ในการจัดการสาธารณภยั ขนาดใหญ่ 2.4.2 กลไกการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภยั ระดบั นโยบาย (1) คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) มีหน้าที่กำหนด นโยบายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ บูรณาการพัฒนาระบบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าท่ี ตามทรี่ ะบใุ นมาตรา 6 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญตั ิปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. 2550 (2) คณะกรรมการป้องกันอุบัตภิ ัยแหง่ ชาติ (กปอ.) มีหน้าที่เสนอนโยบาย มาตรการ และ แนวทางเกี่ยวกับการป้องกันอบุ ตั ภิ ยั เสนอแนะแนวทางปฏบิ ัติและประสานงานระหว่างหนว่ ยงานของรฐั โดยมี องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ .ศ. 2538 และท่แี กไ้ ขเพ่ิมเติม พ.ศ. 2564 (3) คณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) มีหน้าที่เสนอ จัดทำ มาตรการ แนวทาง นโยบาย และแผนการบริหารระบบการเตือนภัยพบิ ตั แิ ห่งชาติ รวมท้ังแผนงานและโครงการ ในการบรหิ ารระบบการเตือนภัยพบิ ัติแห่งชาติ เพื่อเปน็ กรอบในการดำเนินงานของหน่วยราชการท่ีเก่ยี วข้อง โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าทต่ี ามระเบยี บสำนกั นายกรฐั มนตรวี ่าด้วยการบริหารระบบการเตอื นภยั พบิ ตั ิ แห่งชาติ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2562 ระดบั ปฏบิ ัติ กลไกการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยระดับปฏิบัติ เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ และการประสานการปฏิบตั ิของหน่วยงานและภาคส่วนตา่ งๆ ที่เกีย่ วข้องกบั การจัดการความเสีย่ งจากสาธารณภัย ภายใต้ “ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC)” โดยเรียกย่อว่า กปภ.ช. คือ กองบัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาต/ิ กองอำนวยการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแต่ละ ระดับ มีหน้าที่ในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยด้วยการบังคับบัญชา อำนวยการ ควบคุม กำกับ และ ประสานการปฏิบัติระหว่างภาคส่วนตั้งแต่ภาวะปกติ จนคาดว่าจะเกิดหรือเกิดสาธารณภัย โดยกำหนด โครงสร้าง อำนาจหน้าทีแ่ ละมอบหมายเจ้าหน้าท่ีปฏิบัตงิ านในภารกิจหน้าที่ตา่ งๆ และจัดทำแนวปฏิบัติหรือ คู่มือการปฏบิ ัติงานตามขั้นตอนในแตล่ ะระดับการปฏบิ ัตกิ าร (Level of Activation) รวมทั้งจดั ให้มีสถานท่แี ละ สิ่งอำนวยความสะดวก(Facilities)ในการปฏิบัติงานโดยเม่ือเกดิ หรือคาดวา่ จะเกิดสาธารณภัยขึ้น กลไกดังกล่าวจะปรับ เข้าสู่กระบวนการปฏบิ ัติในภาวะฉุกเฉิน โดยการจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการเหตกุ ารณ์” ขึ้น กลไกการจัดการลด ความเส่ยี งจากสาธารณภยั ของประเทศไทย แตล่ ะระดบั มีหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปนี้
๒๗ (1) กองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ทำหน้าที่บังคับบัญชา อำนวยการ ควบคุม กำกับ ดูแล และประสานการปฏิบัติการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองผู้บัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ ในกรณกี ารจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดบั 3) มีรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย และกรณีการจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับ มอบหมาย เป็นผู้ควบคุม ส่งั การ และบัญชาการ (2) กองอำนวยการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั กลาง (กอปภ.ก.) ทำหน้าที่ประสานงาน บูรณาการข้อมูลและการปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของสรรพกำลัง เครื่องมืออุปกรณ์ แผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาสาธารณภยั ทั้งระบบในภาวะปกติ และในภาวะใกลเ้ กิดภยั ทำหน้าทีเ่ ตรยี มการเผชิญเหตุ ตดิ ตาม และ เฝ้าระวังสถานการณ์ รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประเมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนภัย พร้อมทั้ง รายงานและเสนอความเห็นต่อผบู้ ญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาตหิ รอื นายกรฐั มนตรีตามแต่ ระดับการจัดการสาธารณภัยเพื่อตัดสินใจในการรับมือ โดยมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็น ผอู้ ำนวยการกลาง (3) กองอำนวยการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั (กอปภ.จ.) ทำหนา้ ท่ีอำนวยการ ควบคุม สนับสนุน และประสานการปฏิบตั ิการปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภยั ในพน้ื ที่จงั หวดั ทร่ี ับผิดชอบโดยมผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั /ผอู้ ำนวยการจงั หวดั เปน็ ผู้อำนวยการ รองผ้วู า่ ราชการจงั หวดั ทผี่ ูว้ ่าราชการจงั หวัดมอบหมายและนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั เปน็ รองผอู้ ำนวยการ (4) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรงุ เทพมหานคร (กอปภ.กทม.) ทำหน้าที่อำนวยการ ควบคุม สนับสนุน ประสานการปฏิบตั ิในการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยในเขตกรุงเทพมหานคร และจัดทำแผนปฏิบัติการหรือแผนเผชิญเหตุตามประเภทความเสี่ยงภัย ดำเนนิ การสนับสนุน การปฏิบัตกิ ารป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั และเปน็ หนว่ ยเผชิญเหตุ เม่ือเกิดสาธารณภัย ในพื้นที่รับผดิ ชอบโดยมีผ้วู ่าราชการกรงุ เทพมหานครในฐานะผูอ้ ำนวยการ (5) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั สำนักงานเขต (กอปภ.สนข.) ทำหน้าที่รับผิดชอบและปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขต ของตนและช่วยเหลือผู้อำนวยการกรงุ เทพมหานครตามที่ได้รับมอบหมาย โดยให้ส่วนราชการและหนว่ ยงาน ของกรงุ เทพมหานคร รวมทง้ั ภาคเอกชนท่อี ย่ใู นเขตพื้นที่ร่วมปฏบิ ัติงานในกองอำนวยการปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภัยสำนักงานเขต โดยมีผู้อำนวยการเขต เป็นผูช้ ว่ ยผูอ้ ำนวยการกรงุ เทพมหานคร (6) กองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั อำเภอ (กอปภ.อ.) ทำหน้าทอ่ี ำนวยการ ควบคมุ สนบั สนนุ และประสานการปฏิบัติกบั องค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถิ่นในเขตพื้นที่รบั ผิดชอบในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย และปฏิบัติงานตามท่ีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมอบหมาย โดยมีนายอำเภอ/ผู้อำนวยการอำเภอ เปน็ ผูอ้ ำนวยการ (7) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมอื งพทั ยา (กอปภ.เมืองพทั ยา)
๒๘ ทำหน้าทอ่ี ำนวยการ ควบคมุ ปฏิบตั กิ ารป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย เผชญิ เหตุและ แจ้งเตือนภัยเมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของเมืองพัทยา ให้สอดคล้องกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและแผนการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยอำเภอ รวมถึงมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้อำนวยการจังหวัดและผูอ้ ำนวยการอำเภอตามที่ได้รบั มอบหมาย โดยมีนายกเมืองพัทยา/ผอู้ ำนวยการเมอื งพัทยา เป็นผอู้ ำนวยการ (8) กองอำนวยการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เทศบาล (กอปภ.ทน./ทม./ทต.) ทำหน้าทอ่ี ำนวยการ ควบคุม ปฏบิ ัติการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย เผชญิ เหตุและ แจ้งเตือนภัยเมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้สอดคล้องกับแผนการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวดั และแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย อำเภอ รวมถึงมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้อำนวยการจังหวัดและผู้อำนวยการอำเภอตามที่ได้รับมอบหมาย โดยมี นายกเทศมนตรี/ผ้อู ำนวยการเทศบาล เป็นผอู้ ำนวยการ (9) กองอำนวยการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบล (กอปภ.อบต.) ทำหน้าทีอ่ ำนวยการ ควบคุม ปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผชิญเหตแุ ละ แจง้ เตอื นภยั เมอื่ เกดิ สาธารณภัยขึ้น พรอ้ มทัง้ จัดทำแผนปฏบิ ตั กิ ารในการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยของ อบต.ให้สอดคล้องกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและอำเภอ รวมถึงมีหน้าที่ช่วยเหลือ ผู้อำนวยการจังหวัดและผู้อำนวยการอำเภอตามที่ได้รับมอบหมาย โดยมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบล/ ผูอ้ ำนวยการองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นผู้อำนวยการ สรปุ กลไกการจดั การลดความเสยี่ งจากสาธารณภยั ของประเทศไทย แต่ละระดับ ดงั น้ี ๑. กองบัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (บกปภ.ช.) ๒. กองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ๓. กองอำนวยการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวดั (กอปภ.จ.) ๔. กองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั กรงุ เทพมหานคร (กอปภ.กทม.) ๕. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั สำนกั งานเขต (กอปภ.สนข.) ๖. กองอำนวยการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ (กอปภ.อ.) ๗. กองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยเมืองพทั ยา (กอปภ.เมืองพัทยา) ๘. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาล (กอปภ.ทน./ทม./ทต.) ๙. กองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั องค์การบริหารสว่ นตำบล (กอปภ.อบต.) แผนภาพท่ี ๒ - 2 กลไกการจัดการลดความเส่ียงจากสาธารณภยั ของประเทศไทย
๒๙ ๒.๕ การจัดการในภาวะฉุกเฉิน เพื่อยกระดับมาตรฐานระบบการจัดการในภาวะฉุกเฉินให้เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน เอกภาพ และยดื หยุ่น ผู้ประสบภยั ได้รับความชว่ ยเหลืออยา่ งรวดเรว็ ทั่วถึงและทนั ต่อเหตุการณ์โดยการบรู ณาการ ความ ร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชนท่ีได้รับผลกระทบจากสาธารณภยั ใหน้ ้อยท่สี ุด 2.5.๑ แนวคิดระบบการบัญชาการเหตกุ ารณใ์ นการบรหิ ารสถานการณฉ์ กุ เฉิน (Incident Command System: ICS) การจัดการในภาวะวิกฤต หรือภาวะฉุกเฉิน คือ “ระบบบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System: ICS)” เปน็ ระบบที่ใชเ้ พือ่ การสง่ั การ ควบคุม และประสาน ความร่วมมอื แตล่ ะหนว่ ยงาน ในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินสาธารณภัย และเป็นระบบปฏิบตั ิการในการระดมทรพั ยากรไปยังท่เี กดิ เหตุ เพื่อบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินให้สามารถปกป้องชีวิต ทรัพย์สินและสิง่ แวดลอ้ มได้อย่างบรรลุเปา้ หมายและมี ประสิทธิภาพ ระบบบญั ชาการเหตกุ ารณ์ หมายถึงเคร่อื งมือในการบรหิ ารท่เี ป็นมาตรฐานทส่ี ามารถใช้รบั มือ กบั ภาวะฉุกเฉนิ ในที่เกดิ เหตุไดท้ กุ ชนิด และบูรณาการโครงสร้างองคก์ ารในการจดั การกบั เหตกุ ารณ์ทั้งท่ีมีความ ซับซ้อน (FEMA, 2011) ทั้งน้ี ICS มีจุดเด่นสำคัญ คือ เป็นกรอบมาตรฐานในการปฏิบัติเพื่อบริหารจัดการ เหตุการณ์ได้ทุกประเภท ทั้งที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหนั ฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ในภาวะปกติ รวมทั้ง เป็นระบบทีส่ นับสนนุ การใหแ้ ละใช้ข้อมูลทแ่ี มน่ ยำ มีการวางแผน และคำนวณคา่ ใชจ้ ่ายทค่ี ุ้มคา่ มีประสทิ ธิภาพ ขณะเดียวกันโครงสรา้ งการจัดองค์การภายใต้ ICS ยังมีลกั ษณะยดื หยุน่ ไมต่ ายตวั ปรับเปลย่ี นบูรณาการไดต้ าม ความเหมาะสมกับลักษณะและความซับซ้อนในแต่ละเหตุการณ์ นอกจากนี้ โครงสร้างองค์กร นำเอาทักษะ ความสามารถด้านเทคนิคเฉพาะทางทรัพยากรทั้งกำลังคน เครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์จากหน่วยงานต่างๆ มาผสมผสานอยู่ภายใต้ระบบ ICS ได้อย่างลงตัว จึงถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการกู้ภัยซึ่งเป็นภารกิจประจำ รวมทั้งสามารถใชก้ ับเหตุการณ์ภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ เช่น ภัยพิบัติ ได้ด้วย (FEMA, 2011 อ้างถึงใน กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย, 2554:) ยุทธศาสตร์ การจดั การในภาวะฉุกเฉนิ แบบบรู ณาการ 1. ระดับสีของสถานการณ์ ระดับสี 2. การจดั การสาธารณภัยเมอื่ เกิดภยั ตาม พรบ. ปภ. 2 3. การจดั ตง้ั องค์กรปฏิบัติ และผมู้ อี านาจในการจัดการ . การประกาศเขตพ้นื ท่ีประสบสาธารณภัย/ ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือ . การตัดสนิ ใจยกระดบั การจดั การสาธารณภัย . การปฏิบัตใิ นการอพยพ 1. การใช้เงินทดรองราชการ 1. การสื่อสารและโทรคมนาคม 2. การประเมนิ ความเสยี หายและความตอ้ งการ 2. การเผยแพร่ประชาสัมพนั ธข์ ้อมลู ข่าวสารในภาวะฉกุ เฉิน 3. การรับบริจาค 3. การบัญชาการเหตุการณ์ . การจดั ต้ังศนู ย์พกั พงิ ชว่ั คราว . การสนับสนุนการปฏบิ ัติงานในภาวะฉกุ เฉิน ( ) . การรายงานขอ้ มลู . ทีมสนับสนุนการจดั การเหตุการณ์ ( ) แผนภาพท่ี ๒ - 3 ยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ แบบบูรณาการ
๓๐ ยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ แบบบูรณาการ กลยุทธท์ ี่ 1 มาตรฐานการจดั การในภาวะฉุกเฉินอย่างมเี อกภาพ (๑) แนวทางปฏิบัติในการแจ้งระดับสถานการณ์สาธารณภัยให้หน่วยงานภาครัฐในการจัดการ สาธารณภัย ระดับสถานการณ์สาธารณภยั สำหรับใช้เป็นกรอบแนวคดิ ในการแจ้งเตือนภัย และเพื่อเป็น แนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปรับใช้ตามภารกิจ/หน้าที่ของหน่วยงานในการจัดการสาธ ารณภัย โดยกำหนดความหมายของ สตี ามสถานการณ์ของสาธารณภยั ไว้ 5 ระดบั ดงั นี้ สีแดง หมายถงึ สถานการณอ์ ยูใ่ นภาวะอนั ตรายสงู สดุ สสี ้ม หมายถึง สถานการณ์อย่ใู นภาวะเสี่ยงอนั ตรายสูง สีเหลือง หมายถงึ สถานการณ์อยู่ในภาวะเส่ียงอันตราย สนี ำ้ เงนิ หมายถงึ สถานการณอ์ ยูใ่ นภาวะเฝา้ ระวงั สเี ขียว หมายถงึ สถานการณ์อยู่ในภาวะปกติ (๒) การจดั การเมอ่ื เกดิ สาธารณภยั ตามพระราชบัญญัติปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ. ๒๕๕๐ พ.ร.บ.ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ และ แผนปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘กำหนดอำนาจหน้าทผ่ี ู้รบั ผิดชอบตามระดบั การจัดการสาธารณภยั เปน็ ผคู้ วบคมุ ส่ังการ ระดบั การจัดการ ผมู้ อี ำนาจตามกฎหมาย มาตรา ๑. สาธารณภยั ขนาดเลก็ ผ้อู ำนวยการอำเภอ ผู้อำนวยการทอ้ งถ่นิ ๑๙, ๒๐ ๒. สาธารณภัยขนาดกลาง ผอู้ ำนวยการจงั หวัด หรอื ผูอ้ ำนวยการ กทม. ๑๕, ๓๒ ๓. สาธารณภัยขนาดใหญ่ ผูบ้ ัญชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ ๑๓ ๔ .สาธารณภยั ร้ายแรงอย่างยงิ่ นายกรฐั มนตรหี รือรองนายกรฐั มนตรี ๓๑ (๓) การจดั ตง้ั องค์กรปฏิบตั ิการจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ (3.1) องค์กรปฏิบตั ิการจัดการในภาวะฉุกเฉิน เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภยั ข้นึ ให้มี การจัดตั้งองค์กรปฏิบตั ิการจัดการในภาวะฉุกเฉินขึ้น โดยเรียกชื่อว่า “กองบัญชาการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ/ศูนย์บัญชาการ เหตุการณ์” (Emergency Operation Center : EOC) เพื่อทำ หน้าทเ่ี ปน็ ศูนยก์ ลางในการอำนวยการ ควบคุม กำกบั วเิ คราะห์ ประเมนิ และประสานการปฏิบัตทิ ี่เกยี่ วข้องใน การจดั การในภาวะฉกุ เฉินอย่างบูรณาการและให้มีเอกภาพ โดยมีองคป์ ระกอบและโครงสร้างที่เป็นมาตรฐาน และสามารถยืดหยุน่ ไดต้ ามเหตุการณ์ท่เี กดิ ข้นึ ดังนี้ (3.1.1) กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ให้รับผิดชอบบังคับบัญชา อำนวยการ วินิจฉัยสั่งการ ควบคุม และประสาน ความร่วมมอื จากทุกภาคส่วนใน การจัดการสาธารณภัยในกรณกี ารจดั การสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) หรือการจัดการสาธารณภัยรา้ ยแรง อยา่ งยง่ิ (ระดับ 4)
๓๑ (3.1.2) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ในกรณี การจดั การสาธารณภัยขนาดเล็ก (ระดับ 1) และการจัดการสาธารณภัย ขนาดกลาง (ระดับ 2) ใหก้ องอำนวยการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางรับผิดชอบอำนวยการประสานการปฏิบัติ ประเมินสถานการณ์ และสนับสนุน การสั่งการจากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รวมทั้งติดตาม เฝ้าระวัง สถานการณ์ วิเคราะห์สถานการณ์ รายงานและเสนอความคิดเห็นต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติหรือ นายกรัฐมนตรี เพื่อตัดสินใจยกระดับเป็นการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) หรือการจัดการสาธารณภัย รา้ ยแรงอย่างยง่ิ (ระดบั 4) (3.1.3) กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ในกรณี เมื่อมีการยกระดับเปน็ การจดั การสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดับ 3) หรือการจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยง่ิ (ระดบั 4) ซ่งึ สถานการณ์มีความรุนแรงมากครอบคลุมในพื้นท่ี กวา้ งขวางหลายอำเภอหรอื หลายจังหวัด และ อาจใช้เวลาในการเผชิญเหตุที่ยาวนานกว่าปกติให้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พิจารณาจดั ตั้ง และแตง่ ตั้งผูค้ วบคุมพื้นท่ี (Area Commander) เพ่ือชว่ ยเหลือผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ ในการบังคบั บัญชาและสง่ั การในพ้นื ทีท่ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย พร้อมทั้งควบคมุ และกำกับการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เป็นไปตาม แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยความ รับผดิ ชอบของผู้ควบคุมพนื้ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบหมาย ดงั น้ี - ประเมนิ สถานการณ์ เพ่อื จดั ลำดบั ความสำคัญของการปฏบิ ตั ิงานให้มคี วามสอดคลอ้ งกบั เหตุการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ และภารกิจท่ีไดร้ ับมอบหมาย - กำหนดวัตถุประสงค์ กลยุทธ์ ยุทธศาสตรแ์ ละแนวทางการเผชิญเหตุ ของแต่ละจังหวัด ที่ประสบภัยให้เปน็ ไปในทิศทางเดยี วกัน มีความเป็นเอกภาพ เพื่อให้การปฏิบัติงาน มีความชัดเจน ไม่ขัดแย้ง หรือเกดิ ความซ้ำซอ้ นในการเผชิญเหตุร่วมกนั - กำหนดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ การปฏิบัติงาน หน่วยงานปฏิบัติการใช้ ทรัพยากร และการกำหนดเขตพ้ืนท่ี เพือ่ ใหป้ ญั หาที่เกิดข้นึ ไดร้ ับการแก้ไขอย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม - พิจารณาการร้องขอการจัดสรร การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้ายทรัพยากรที่ได้รบั การสนบั สนุนจากสว่ นกลางไปยังพ้ืนท่ปี ระสบสาธารณภัยท่มี ีความจำเปน็ - รายงานสถานการณ์ สภาวะแนวโน้ม และการวิเคราะห์สถานการณ์ ในพื้นที่ประสบ สาธารณภยั ใหก้ องบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาตทิ ราบ - ประสานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วนของแต่ละจังหวัดให้มี มาตรฐานเดียวกันเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเข้าปฏิบัติงานด้านการฟื้นฟูระยะกลาง และระยะยาวให้ เปน็ ไปอย่างคลอ่ งตัวและตอ่ เน่อื ง - เสนอการถอนกำลัง และการปิดกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติพิจารณา ทั้งนี้การจัดตั้งกองบัญชาการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ (ส่วนหน้า) ให้กองอำนวยการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง กำหนดโครงสร้าง จำนวนบุคลากร แนวทาง และระเบียบปฏบิ ตั ปิ ระจำ เพ่ือใหผ้ ้กู ำกับควบคุมพื้นท่ีปฏิบัติงาน ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ พร้อมท้ังพิจารณาใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรของศูนยป์ ้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขตเป็นสถานท่ีปฏิบัติงานของผู้กำกบั ควบคมุ พนื้ ทเ่ี ปน็ ลำดับแรก (3.1.4) ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด (ศบก.จ.) ให้กองอำนวยการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยขึ้น โดยมีผอู้ ำนวยการจงั หวัดเปน็ ผคู้ วบคมุ สง่ั การ และบญั ชาการเพอื่ ทำหนา้ ทีร่ ับผดิ ชอบในการจดั การสาธารณภัย ในพ้นื ท่จี งั หวดั พรอ้ มทงั้ เป็นศูนยก์ ลางในการระดมสรรพกำลงั และทรัพยากรในการจดั การสาธารณภยั จากส่วน
๓๒ ราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณเี มื่อมกี ารยกระดับเป็นการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดบั 3) หรือการจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดแปรสภาพ เป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวัด (ศบก.(ส่วนหน้า) จ.) ของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แหง่ ชาติ (3.1.5) ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอ (ศบก.อ.) ให้กองอำนวยการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั อำเภอจดั ตั้งศูนย์ บัญชาการเหตกุ ารณอ์ ำเภอเมอ่ื เกดิ หรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภยั ขึน้ โดย มีผู้อำนวยการอำเภอเป็นผูค้ วบคุม และสัง่ การ เพื่อทำหน้าที่ในการจัดการสาธารณภัยที่เกิดขึน้ พร้อมท้ังเป็น ศูนย์กลางในการระดมสรรพกำลังและทรัพยากรในการจัดการสาธารณภัยที่เกิดขึ้น รวมทั้งอำนวยการและ ประสานการปฏิบัติ ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร ตลอดจนองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถ่ินและองค์การสาธารณกุศลในพื้นท่ีท่ีรับผิดชอบไดอ้ ยา่ งมเี อกภาพ รวดเร็ว และทวั่ ถงึ (3.1.6) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่น (ศปก.อปท.) ให้กองอำนวยการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั แหง่ พื้นที่ (องคก์ าร บริหารสว่ นตำบล /เทศบาล /เมืองพทั ยา) จดั ต้งั ศนู ย์ปฏบิ ตั ิการฉุกเฉิน ทอ้ งถนิ่ เม่ือเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยในพื้นที่ โดยมีผู้อำนวยการทอ้ งถ่ินเปน็ ผู้ควบคมุ และสั่งการ เพื่อ ทำหน้าที่จัดการสาธารณภัยที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เ กี่ยวข้องในพื้นท่ี ทร่ี ับผิดชอบและประสานความร่วมมือกับทกุ ภาคสว่ นในการจดั การสาธารณภัยทกุ ข้นั ตอน การคน้ หาและก้ภู ัย เ าระวงั ิ ามขอ้ มูล ่อื าร งานเ บยี ง ชุ ชุ ป บิ ั กิ ารเคลอ่ื นท่เี รว แ ง้ เ อื นล่วงหนา้ แ ้งเ ือนภยั การเงิน รับบริ าค รกั าความ งบเรยี บรอ้ ย วิเคราะห วางแ นเ ชิ เห ุ วั กิ าร ังคม ั งั ศนู ยพักพงิ นบั นุนทรพั ยากรทางทหาร นบั นนุ ทรพั ยากร ชัว่ คราว งเคราะห ปู้ ระ บภัย การแพทยและ า าร ขุ งานอานวยการและประ านงาน า้ นการเก ร พลงั งาน คมนาคมขน ่ง ระเบียบ ก หมาย ทรัพยากร รรมชา ิ ระงบั ภัย าก ารเคมแี ละวั ุ งาน นับ นนุ ท่ัว ป อนั ราย ล ล ภาพที่ ๒ - 4 โครงสรา้ งศนู ยป์ ฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ ท้องถนิ่ (ศปก.อปท.)
๓๓ ภาพที่ ๒ - 5 องคก์ รปฏิบตั กิ ารจัดการในภาวะฉกุ เฉนิ (Emergency Operation Center : EOC) (3.2) โครงสร้างองคก์ รปฏบิ ัตกิ ารจัดการในภาวะฉกุ เฉิน องค์กรปฏิบัติการจัดการในภาวะฉกุ เฉิน มีอำนาจหน้าที่ ดงั ต่อไปนี้ (3.2.1) ผู้บัญชาการเหตกุ ารณ์ (Incident Commander) มีหนา้ ที่ อำนวยการ สั่งการ กำกับควบคุม เหตุการณ์ตามระเบียบกฎหมาย โดยกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการบัญชาการ เหตุการณ์ การติดตามสถานการณ์ของเหตกุ ารณ์ เพื่อจัดลำดับความสำคญั ของกิจกรรมหรอื มาตรการ ตามแผน เผชิญเหตุ (Incident Action Plan: IAP) รวมถงึ การ ตดิ ตาม ประเมนิ สถานการณ์ แก้ไขปัญหาการดำเนินงาน ในส่วนต่าง ๆ เช่น บริหารจดั การทรัพยากร ประสานงานระดับนโยบายกับหน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ ง ตัดสินใจยก หรือลดระดับศูนยบ์ ัญชาการเหตกุ ารณ์ รวมทงั้ เสรมิ สรา้ งขวญั และกำลงั ใจใหแ้ กผ่ ปู้ ฏบิ ตั ิงาน เป็นต้น (3.2.2) ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ (Technical Specialist) มีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ ข้อมูลทางวิชาการ การสังเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ และเทคนิคการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์สาธารณภัยท่เี กิดขึน้ พรอ้ มทั้งปฏบิ ัติ หนา้ ท่ีอื่นใดตามที่ผบู้ ญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย แหง่ ชาต/ิ ผอู้ ำนวยการเหน็ สมควร (3.2.3) ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม (Joint Information Center: JIC) มีหน้าท่ี ประสานขอ้ มูลเหตกุ ารณ์กับส่วนตา่ ง ๆ เพอ่ื เปน็ ศนู ยก์ ลางรวบรวมขอ้ มูล และส่ือสาร ตลอดจนประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสารสู่ประชาชนและสื่อมวลชน รวมทั้งปฏิบัติการด้านข่าวสาร ( Information Operation) ที่ครอบคลมุ การจัดการข่าวปลอม ข่าวลือ และการปฏิบตั ิการ จิตวิทยามวลชน เพื่อสรา้ งความเข้าใจและการ รับรขู้ อ้ มูลข่าวสารท่ถี กู ต้อง รวดเร็ว ทนั เหตุการณ์ (3.2.4) เจ้าหน้าที่ประสานการปฏิบัติ (Liaison Officer) มีหน้าที่ประสานงานกับ หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยให้จัดทำแนวทางการประสานงานและการ ปฏบิ ตั งิ านสนับสนุนศูนย์บัญชาการเหตกุ ารณ์ (3.2.5) ส่วนปฏบิ ตั ิการ (Operation Section) มีหน้าที่ปฏิบัติการเพอื่ ลดและบรรเทา ภยั ทีเ่ กดิ ขนึ้ ด้วยการเขา้ ควบคมุ สถานการณเ์ พือ่ รักษาชีวิตและปกป้องทรพั ย์สนิ ใหก้ ลบั สู่สภาวะปกติโดยเร็ว เช่น ปฏิบัติการดบั เพลิง ค้นหาและกู้ภยั ตอบโตส้ ารเคมีและวัตถุอนั ตราย บรกิ ารการแพทย์และการสาธารณสุข อำนวยความสะดวกดา้ นคมนาคม รกั ษาความสงบเรียบรอ้ ยรวมถึงประสานการปฏิบตั ิรว่ มกบั ฝา่ ยทหาร
๓๔ (3.2.6) ส่วนอำนวยการ (Planning Section) มีหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์แนวโน้ม สถานการณ์ แจ้งเตือนภยั ประสาน รวบรวมขอ้ มลู สถานะทรพั ยากร เพอ่ื ใชใ้ นการประเมินความตอ้ งการ และ ความจำเป็นในการสนบั สนุนทรพั ยากรในภาวะฉุกเฉนิ พร้อมทง้ั จัดให้มีการประชมุ เพ่อื ร่วมจดั ทำแผนเผชญิ เหตุ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากส่วนปฏิบัติการและส่วนสนับสนุนเป็นฐานดำเนินการ ให้กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยหรือหนว่ ยงานตามทผี่ ู้บญั ชาการ/ ผู้อำนวยการ มอบหมายเปน็ หนว่ ยงานหลกั ในการจดั ทำขอบเขต แผนงาน ภารกิจและโครงสร้างภายในของส่วนอำนวยการ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนสถานที่ปฏิบัติงาน แกก่ องบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาตหิ รือศนู ย์บญั ชาการเหตุการณ์ (3.2.7) ส่วนสนับสนุน (Logistics and Administration Section) มีหน้าที่สนับสนุน การส่งกำลังบำรุงที่จำเป็น และตอบสนองการรอ้ งขอรบั การสนบั สนุนด้านงบประมาณ การเงิน การคลงั และ การรับบริจาค เพ่อื ใหก้ ารจดั การในภาวะฉุกเฉนิ ดำเนินไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล ให้หน่วยงานท่ี รับผิดชอบภารกิจในแต่ละด้านร่วมกนั จัดทำขอบเขต แผนงาน ภารกิจ และโครงสร้างภายใน ส่วนสนับสนุน พรอ้ มท้ังให้การสนบั สนุนสถานทปี่ ฏบิ ัตงิ านแก่ บกปภ.ช. หรอื ศนู ยบ์ ญั ชาการเหตุการณ์ กองบัญชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาต/ิ ศูนยบ์ ัญชาการเหตุการณ์ ำ ึษ ำ ภาพที่ ๒-6 โครงสรา้ งกองบญั ชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาต/ิ ศนู ย์บัญชาการเหตุการณ์ (3.3) ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นเอกภาพ และชดั เจนแตล่ ะระดับ ตง้ั แต่ระดับประเทศ ระดับจงั หวดั ระดับอำเภอและระดบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ องค์กรรับผิดชอบการจดั การสาธารณภัยและผมู้ อี ำนาจจดั การสาธารณภยั ตงั้ แต่ระดบั ชาติถงึ ระดับพื้นที่ ระดับการจัดการ องคก์ รรบั ผิดชอบการจัดการ องคก์ รรับผิดชอบใน ผู้บัญชาการ สาธารณภยั สาธารณภยั ในภาวะปกติ ภาวะฉุกเฉนิ (ผู้มอี ำนาจตาม (ในช่วงไม่เกิดสาธารณภยั ) (ในช่วงเกดิ หรอื คาดว่า กฎหมาย) จะเกิดสาธารณภัย) ระดบั 1 กองอำนวยการปอ้ งกนั และ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ผู้อำนวยการทอ้ งถ่นิ (อำเภอ /เทศบาล / บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมือง ทอ้ งถิ่น องค์การบรหิ ารส่วน /เทศบาลตำบล /องค์การบรหิ าร (กอปภ.ทม./ทต.จัดตั้ง ตำบลเขา้ ควบคมุ สว่ นตำบล ศูนยฯ์ จังหวัด) สถานการณส์ าธารณภยั ) (กอปภ.ทม./ทต./อบต.)
๓๕ ระดับการจัดการ องค์กรรบั ผดิ ชอบการจัดการ องค์กรรับผิดชอบใน ผ้บู ญั ชาการ สาธารณภยั สาธารณภยั ในภาวะปกติ ภาวะฉุกเฉนิ (ผู้มอี ำนาจตาม (ในช่วงไมเ่ กดิ สาธารณภัย) (ในช่วงเกิดหรือคาดว่า กฎหมาย) จะเกดิ สาธารณภัย) กองอำนวยการปอ้ งกนั และ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ผู้อำนวยการอำเภอ บรรเทาสาธารณภยั อำเภอ อ ำ เ ภอ (กอปภ.อ .จ ั ดตั้ ง (กอปภ.อ.) ศนู ยฯ์ อำเภอ) ระดบั 2 กองอำนวยการป้องกันและ ศนู ยบ์ ญั ชาการเหตกุ ารณ์ ผู้อำนวยการจงั หวัด (จงั หวดั เข้าควบคมุ บรรเทาสาธารณภัยจงั หวัด จังหวัด สถานการณส์ าธารณภยั ) (กอปภ.จ.จัดตัง้ ศูนย์ฯ จงั หวัด) ระดบั 3 กองบญั ชาการปอ้ งกันและ กองบญั ชาการปอ้ งกนั ผู้บญั ชาการป้องกันและ (ระดบั ชาติ) บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และบรรเทาสาธารณภยั บรรเทาสาธารณภั ย แห่งชาติ แห่งชาติ ระดับ 4 กองบญั ชาการป้องกันและ กองบญั ชาการปอ้ งกัน ผบู้ ญั ชาการป้องกันและ (ระดับชาต)ิ บรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และบรรเทาสาธารณภัย บรรเทาสาธารณภั ย แหง่ ชาติ แห่งชาติ ตารางท่ี 2 – 1 องค์กรรบั ผดิ ชอบการจดั การสาธารณภยั และผมู้ ีอำนาจจัดการสาธารณภยั การบริหารจดั การในภาวะะฉกุ เฉนิ ของศนู ย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัดในเขตพนื้ ทร่ี ับผิดชอบ มหี นา้ ท่ี สนับสนุน ปฏิบัตกิ าร และ ประสานการปฏบิ ัตริ ว่ มกบั หนว่ ยงานท่เี กี่ยวขอ้ งท้ังหน่วยงานภาครัฐ และหนว่ ยงานภาคเอกชน ในการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยการสงเคราะห์เบื้องต้นตลอดจนการฟื้นฟูบูรณะ อันเนื่องมาจากสาธารณภัยให้ยุติโดยเร็ว ตาม ระดับความรุนแรง หรือตามที่ได้รับการร้องขอ โดยประสานการปฏิบัติร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและรายงานสถานการณ์ต่อผู้อำนวยการกลางและ/หรือผู้บัญชาการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั แห่งชาตหิ รอื ผูไ้ ดร้ ับมอบหมาย การปฏบิ ัติเมื่อเกดิ หรอื คาดวา่ จะเกิดสาธารณภัย ดำเนินการ ดงั น้ี การสนับสนุนการปฏิบัติงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง โดยให้ส่วน ป้องกันและปฏิบัติการ ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวงั ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงรวบรวมข้อมูลข่าวสาร และ ประเมินสถานการณ์ของภัยที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งแจ้งเตือนภัยให้สำนัก งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวดั ในเขตรับผิดชอบและประชาชนทราบในโอกาสแรกทส่ี ามารถกระทำได้ การสนับสนนุ การจดั ต้ัง “ศนู ย์สนับสนุนปฏบิ ตั ิการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาอุทกภัย ของศูนย์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ” โดยใหส้ ว่ นยุทธศาสตรแ์ ละการจัดการของศูนย์ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย เขต ๘ กำแพงเพชร ปฏิบัติหน้าที่วางแผนอำนวยการประสานงาน กำกับดูแล การ เตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ประสานการปฏิบัติกับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดในพื้นท่ี รบั ผดิ ชอบโดยอย่ภู ายใตก้ ารส่ังการของผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ในการเตรียมความพร้อมสนับสนุนทรัพยากร ระดมสรรพกำลัง อำนวยการประสานการปฏิบัติระหว่าง
๓๖ หน่วยงานต่างๆ ในการเผชิญเหตุ และควบคุมเหตุการณ์ให้เปน็ ไปอย่างมีเอกภาพ รวดเร็วและทั่วถึง สำหรับ กรอบแนวทางในการปฏิบตั ิเม่อื เกิดหรอื คาดว่าจะเกิดสาธารณภยั ให้ปฏิบัติ ดงั นี้ ๑) การรับแจ้งเหตแุ ละการรายงานตัว ๑.๑) จดั เจ้าหนา้ ทป่ี ระสานงานเพอื่ ประสานการปฏิบัติกับจังหวดั ในพน้ื ทีท่ ่เี กดิ ภัย ๑.๒) จดั เจ้าหน้าทร่ี ับรายงานตวั เจา้ หนา้ ท่ี เจ้าพนกั งาน และอาสาสมัครต่างๆ ท่ีมาร่วม ปฏบิ ตั งิ าน โดยรบั รายงานท่ีศูนยบ์ ัญชาการเหตุการณจ์ ังหวัด (สำนักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ และพจิ ิตร กอ่ นเขา้ พ้ืนที่) ๑.๓) ก่อนเข้าร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เกิดภัยให้รายงานตัวต่อผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในเขตพืน้ ท่ี และรบั มอบหมายภารกจิ และพ้นื ทร่ี ับผิดชอบ ไปปฏบิ ตั ิ ๒) การปฏบิ ัตกิ ารค้นหาและก้ภู ัย เน้นการแจกจ่ายน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค การสูบระบายน้ำ เพื่อสนับสนุนการ ปฏิบัติงานของจังหวดั ในเขตพื้นท่ีที่เกิดภัย ประกอบด้วยชุดสนบั สนุนเตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง สามารถเคลื่อนที่ ไปเสรมิ กำลังชุดเคลื่อนทเ่ี รว็ ได้ทันทีเม่ือได้รบั การร้องขอ ๓) การชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบภยั ให้สนบั สนนุ การปฏิบตั ิการ ดงั น้ี ๓.๑) จัดหาและจัดส่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค รวมถึงการสูบระบายน้ำท่วมขัง เพ่ือ ช่วยเหลือประชาชนผปู้ ระสบภัยในพ้นื ที่ หรือตามทไ่ี ดร้ ับการร้องขอ ๓.๒) จัดเครื่องจักรกล ยานพาหนะ รถบรรทุกน้ำ ตลอดจนเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ไว้ให้ พรอ้ มเข้าพนื้ ทไี่ ดท้ ันที และเพียงพอตอ่ การสนับสนุนการปฏบิ ัตงิ าน ๓.๓) จัดเตรยี มบญั ชีผ้เู ชี่ยวชาญ บัญชเี ครื่องจกั รกล ยานพาหนะ รถผลติ นำ้ ดื่ม เครอื่ งมือ วัสดอุ ุปกรณข์ องหน่วยงานภาคีเครอื ขา่ ยทกุ ภาคส่วน ทัง้ หนว่ ยงานภาครฐั รฐั วิสาหกจิ เอกชน องคก์ รปกครอง สว่ นทอ้ งถ่ิน เพอ่ื บรู ณาการการปฏิบัติงานระหวา่ งหนว่ ยงานท่ีเกีย่ วขอ้ ง ๓.๔) จัดหาน้ำมันเชอื้ เพลงิ สำรองไวใ้ ห้เพียงพอตอ่ การปฏบิ ัติงานในสถานการณฉ์ กุ เฉิน ๓.๕) ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานต่าง ๆ ในระดับจังหวัด ระดับภูมิภาครวมท้ัง องคก์ ารสาธารณกศุ ล อาสาสมคั รในพน้ื ท่ี ให้ความชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภัยเปน็ ไปรวดเรว็ และทว่ั ถึง ๓.๖) รวบรวมขอ้ มลู การใหค้ วามตอ้ งการของผ้ปู ระสบภัย จัดทำบัญชีไว้เปน็ หลักฐาน ๓.๗) สนับสนุนการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย ตามที่ได้รับการร้องขอ และ บรู ณะแหล่งนำ้ สาธารณะประโยชน์ใหส้ ามารถกักเกบ็ นำ้ ไว้ใช้ เพ่อื ป้องกนั ปัญหาอทุ กภัย และภัยแล้ง ๓.๘) รายงานเหตุสถานการณ์ ต่อผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ผู้อำนวยการ กลาง ตามลำดบั ทราบทุกระยะ อยา่ งต่อเนอ่ื งจนกว่าสถานการณภ์ ัยจะคลคี่ ลายหรอื ยุติ ) กรณีเกิดสาธารณภัยขนาดใหญเ่ กนิ ขดี ความสามารถ หรือเกนิ ศกั ยภาพของศนู ยป์ อ้ งกัน และบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ที่จะให้การสนับสนุนศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด หาก วิเคราะห์และประเมินศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ในการเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุ แล้วพบว่าเกินขีด ความสามารถ ใหร้ ายงานตอ่ ผู้ ผอ.ปภ. กลาง ทันที เพ่ือขอรบั การสนบั สนุนจากหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วข้อง สนับสนนุ การปฏบิ ตั ิในฐานะการกำกับควบคุมพนื้ ที่ (Area Command) เปน็ ตน้ ) การสนับสนุนการบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราวของจังหวัด เมื่อมีการสั่งอพยพ ประชาชนใหไ้ ปอยใู่ นพื้นท่ปี ลอดภัย มีการจัดตงั้ ศูนย์พักพงิ ชัว่ คราวข้ึน มสี ำนักงานพฒั นาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์จังหวัดเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร จะดำเนินการจัดเตรียมกำลังพล เครื่องจักรกลสาธารณภัย ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์ บ้านน็อคดาวน์ สุขาเคลื่อนที่ สิ่งสาธารณูปโภคที่จำเป็น เช่น เครื่องปั่นไฟ รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถบรรทุกนำ้
๓๗ รถผลิตน้ำดืม่ ฯลฯ เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการภายในศนู ย์พักพิงช่ัวคราว พร้อมสนับสนุนเจ้าหน้าท่สี ว่ น ฝกึ อบรม ฝา่ ยบรหิ ารท่วั ไป ประสานการปฏิบัติงานในศนู ย์พกั พิงชวั่ คราว ตามแนวทางการสนับสนนุ การบรหิ าร จดั การศนู ย์พักพิงชวั่ คราวของจงั หวัด ได้แก่ 1. สนับสนนุ การดูแลด้านความปลอดภัย 2. สนบั สนนุ การจดั การด้านสวสั ดิการอาหาร สขุ าภบิ าล ความเปน็ อยขู่ องผปู้ ระสบภยั 3. สนบั สนนุ การควบคมุ ปอ้ งกันโรค 4. สนับสนนุ การจัดกจิ กรรมฟืน้ ฟูสขุ ภาพจิต 5. สนบั สนุนการรวมกลมุ่ เป็นแหลง่ เดยี วกนั เพือ่ ติดตอ่ ขอรบั การสนบั สนุนจากภายนอก แนวทางปฏิบัติในการบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command) ให้นำหลักการของ ระบบการบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System: ICS) มาประยุกต์ใช้ในการสั่งการ ควบคุม และประสานความรว่ มมือของภาคสว่ นทีเ่ กย่ี วขอ้ ง เพอื่ ใหก้ ารจัดการในภาวะฉุกเฉินเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยหลกั การพ้นื ฐานท่สี ำคญั ดังนี้ (1) การจัดการตามวัตถุประสงค์ (Management by Objectives) เป็นการจัดการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการประเมินสถานการณ์ และนำมากำหนดวัตถุประสงค์การทำงานเพื่อเป็นกรอบ ทศิ ทางในการดำเนนิ การร่วมกนั ของหนว่ ยงานต่าง ๆ ในแตล่ ะวงรอบการปฏบิ ตั กิ าร (2) การวางแผนเผชิญเหตุ (Incident Action Plan: IAP) เป็นการกำหนดยุทธวิธีในการ ปฏบิ ัตเิ พือ่ ใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ที่กำหนดไว้ ระบุรายละเอียดของทรัพยากรทีจ่ ำเปน็ ตอ้ งใช้ ในการดำเนนิ การ (๓) โครงสร้างองค์กรปฏิบัติการจัดการในภาวะฉุกเฉินมีความยืดหยุ่น เป็นการจัดองค์กร ปฏิบตั ิร่วมกนั ของภาคส่วนตา่ ง ๆ ให้สอดคลอ้ งกบั แตล่ ะเหตกุ ารณ์ ทัง้ น้ี ตอ้ งให้ความสำคญั กบั เอกภาพในการ บงั คบั บญั ชา (Unity of Command) การกำหนดโครงสร้างบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ ตามแนวทางของศูนย์บัญชาการ เหตกุ ารณแ์ ละระบบบญั ชาการเหตุการณ์ (Incident Command System : ICS) ดงั นี้ ๑) ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม รับผิดชอบโดยส่วนฝึกอบรม และผู้เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ ประสานข้อมูลเหตุการณ์ รายงานข้อมูลข่าวสารในภาวะฉุกเฉิน และบริหารจัดการศูนย์ประสานข้อมูลร่วม (Joint Information Center : JIC) ร่วมกับหน่วยงานสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด สำนักงานป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพือ่ เปน็ ศนู ย์กลางการสือ่ สารและประชาสมั พนั ธ์ข้อมลู ข่าวสารให้กบั ประชาชน ๒) ศูนย์ประสานการปฏิบัติ รับผิดชอบโดยส่วนยุทธศาสตร์และการจัดการ ผู้เกี่ยวข้อง ทำหนา้ ทป่ี ระสานงานกับหน่วยงานภาคเอกชน ภาคประชาสงั คม และอาสาสมัคร เขา้ ร่วมปฏิบัตงิ าน ๓) ส่วนปฏิบัติการ รับผิดชอบโดยส่วนสนับสนุนทรัพยากรกู้ภัย ส่วนป้องกันและปฏบิ ตั ิการ และผ้ทู ่ีเก่ียวข้อง ทำหนา้ ที่ จัดการแกไ้ ขปัญหาในภาวะฉุกเฉนิ ให้กลบั สู่ภาวะปกติโดยเร่งดว่ น เรมิ่ ตง้ั แต่การเฝ้า ระวัง ติดตามสถานการณ์ แจ้งเตือนภัย และกรณีประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าจะเกิดสถานการณ์ หรือ สถานการณ์ขยายวงกว้าง ก็ต้องใหก้ ารสนบั สนุนกำลังพลชุดปฏิบตั ิการเคลอื่ นทเี่ ร็ว ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤติ (ERT) เครื่องจักรกล เครื่องมือเครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ และยานพาหนะเข้าเผชิญเหตุ ควบคุมสถานการณ์ ประสานกบั สำนกั งานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัด ตามภารกิจตา่ งๆ ตามท่ศี นู ย์บญั ชาการเหตกุ ารณ์ จังหวัดส่ังการ เชน่ ดับเพลิง ค้นหา กูภ้ ยั การอพยพเคลือ่ นยา้ ยผู้ประสบภยั การฟ้นื ฟูโครงสร้างพ้ืนฐาน (ถนน สะพาน) รื้อซากปรักหักพัง รื้อถอนสิ่งกีดขวางเส้นทางคมนาคม การใช้กระสอบทรายกั้น การติดตั้งสะพาน เหล็กชวั่ คราว การประกอบติดต้งั บ้านน็อคดาวน์ การติดตั้งเต็นท์ยกพ้นื เป็นต้น
๓๘ ๔) ส่วนอำนวยการรับผิดชอบโดยส่วนยุทธศาสตร์และการจดั การและผู้เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ติดตาม สถานการณ์ วิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ รวบรวมข้อมูล ประเมินความต้องการและความจำเป็นในการสนับสนุน ทรัพยากรในภาวะฉุกเฉิน สร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการสาธารณภัยร่วมกับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ทุกระดับ รวมทั้งวางระบบมาตรฐาน การบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉินของศูนย์ฯ ให้มีประสิทธิภาพ และ ทันทว่ งทใี นทกุ สถานการณ์ทเ่ี กิดขน้ึ ๕) ส่วนสนับสนุน รับผิดชอบ โดยส่วนสนับสนุนทรัพยากรกู้ภัย ฝ่ายบริหารทั่วไป และ ผ้เู กยี่ วข้อง ร่วมทำหนา้ ที่ดังน้ี - ส่วนสนับสนุนทรัพยากรกู้ภัยและผู้เกี่ยวข้อง ทำหน้าท่ีจัดเตรียมเครื่องจักรกล ยานพาหนะ เคร่ืองมือ กำลงั พล และอปุ กรณ์ใหพ้ ร้อมสนบั สนุนจงั หวัดตลอด 24 ชม. วางระบบจัดสรรข้อมูล ทรัพยากรสนับสนุนการจัดการสาธารณภัย การจัดส่งกำลังบำรุง/เสบียง ให้แก่พื้นที่ประสบ การจัดทำแผน ระดมสรรพกำลงั ในพน้ื ที่ขา้ งเคียง กรณที รัพยากรทส่ี นับสนนุ ในพืน้ ทร่ี ับผิดชอบไมเ่ พียงพอ และการบำรุงรักษา ทรพั ยากร - ฝ่ายบริหารท่ัวไป ทำหน้าทีเ่ ปน็ “กองหนนุ หรือ Back office” ของศูนยส์ นบั สนนุ การ ปฏบิ ตั งิ านในภาวะฉกุ เฉินกลมุ่ จงั หวดั จัดทำเอกสารดา้ นการเงนิ งบประมาณ และธรุ การ จดั ทำคำสัง่ /ข้อส่งั การ จัดการระบบ การรบั บรจิ าค และสนบั สนุนการปฏิบัตงิ านอน่ื ๆ ทผ่ี อู้ ำนวยการศนู ย์ฯ มอบหมาย ๖) การสนับสนุนจัดต้ังศนู ย์สื่อสาร เพื่อเชื่อมต่อระบบสื่อสารระหว่างหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อแจง้ เตอื นภัย และบัญชาการเหตกุ ารณ์ การสนับสนนุ การเผชญิ เหตุ และการปฏบิ ัติการในภาวะฉุกเฉนิ เช่น การรับแจ้งเหตุ การรายงานตัว การปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย การรายงานข้อมูลข่าวสารในภาวะฉุกเฉิน การประชาสมั พันธ์ข้อมูลขา่ วสาร สนบั สนุนการอพยพเคล่อื นยา้ ยผปู้ ระสบภัย ตารางแสดงชอ่ งทางระบบการส่ือสารหลกั ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร และสำนกั งานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั จงั หวดั ในพนื้ ท่ีรับผดิ ชอบ หน่วยงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร สายด่วน วทิ ยสุ อ่ื สาร ศนู ย์ ปภ. เขต 8 กำแพงเพชร 055-710-391-3 055-710-397-9 1784 161.200 สำนักงาน ปภ.กำแพงเพชร 055-705-048 055-705-092 1784 161.200 สำนกั งาน ปภ.จังหวดั ตาก 055-515-975 055-515-975 1784 161.200 056-803-538 1784 161.200 สำนักงาน ปภ.จงั หวัดนครสวรรค์ 056-803-536-40 056-616-048 1784 161.200 สำนกั งาน ปภ.จังหวดั พิจติ ร 056-615-932 ตารางที่ 2 – 2 ตารางแสดงช่องทางระบบการสื่อสารหลักของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร
๓๙ ผ้อู ำนวยการศูนย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ผอู้ ำนวยการส่วนปอ้ งกันและปฏบิ ัติการ ชดุ เฝา้ ระวังและแจ้งเตอื นภัย ชดุ เผชญิ สถานการณ์วกิ ฤต (ERT) เจ้าหนา้ ท่อี ยเู่ วรปฏบิ ตั งิ าน สถานการณ์ปกติ ประจำ ณ ห้องสอ่ื สารปฏิบัตกิ าร - เขา้ รบั การฝกึ อบรมเพม่ิ สาธารณภยั (Operation Room : ศกั ยภาพและพัฒนาขีด OR) ตลอด 24 ชั่วโมง ผลัดละ ความสามารถในการปฏบิ ัติงาน 2 คน เพอื่ เฝา้ ระวัง ตดิ ตาม - ตรวจสอบความพรอ้ มของ สถานการณ์ แจ้งเตอื นลว่ งหน้า เครอื่ งมือ อปุ กรณ์กภู้ ัยตา่ งๆ แจ้งเตือนภยั และประสาน งาน ยานพาหนะ หน่วยงานภายนอก - ฝึกทบทวนการใช้งานเครอ่ื งมอื อปุ กรณ์ ยานพาหนะ หนว่ ยงานภายนอกแ ง้ เห ุ - จัดชดุ เวรเตรยี มความพรอ้ ม ปฏบิ ัติหนา้ ทตี่ ลอด 24 ชม. หมายเหตุ (ผสลาัดยลกะา2รบคงั นคบั) บญั ชา สายการประสานงาน เกดิ สาธารณภัย แนวทางสนับสนุนการปฏบิ ัตใิ นภาวะฉกุ เฉินของสว่ นป้องกันและปฏบิ ัติการ
๔๐ แนวทางสนบั สนนุ การปฏิบตั ใิ นภาวะฉกุ เฉินของสว่ นสนบั สนนุ ทรพั ยากรกภู้ ัย ผู้อำนวยการศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ู้อำนวยการ ่วน นบั นุนทรพั ยากรก้ภู ัย ขอรบั การสนบั สนุนจากหนว่ ยงานอ่ืน หัวหน้าชดุ เผชญิ เหตอุ ุทกภัย/ดนิ โคลนถล่ม พร้อมเจา้ หนา้ ท่ี 6 คน เคร่ืองจกั รกลสนบั สนนุ ภารกจิ 1. เรือยนตท์ ้องแบน 2. เรือแอรโ์ บ๊ท 3. ยานเบาะอากาศกู้ภัยขนาดไม่เกิน 7 ทนี่ ่ัง 4. รถบรรทุกพร้อมเรอื ยนตก์ ูภ้ ยั เคลอื่ นที่เรว็ 5. รถบรรทุกเคร่อื งผลติ นำ้ ด่ืม ขนาด 1,000 ลิตร 6. รถบรรทกุ เคร่ืองสบู น้ำระยะไกล 7. รถบรรทกุ ชดุ เครอ่ื งสูบน้ำทว่ ม/ขงั 8. รถบรรทกุ น้ำช่วยดบั เพลงิ ขนาด 10,000 ลติ ร 9. รถขุดตกั ลอ้ ยาง 10. รถขดุ ตักไฮดรอลกิ 11. รถบรรทกุ เททา้ ย 12. รถเคร่อื งกำเนิดไฟฟ้าขนาด 200 กโิ ลวัตต์ 13. รถกภู้ ยั อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ข้นั ตอนปฏบิ ัติการในภาวะฉกุ เฉนิ 1. กรณีเกิดสาธารณภัยขนาดเล็ก และขนาดกลาง (การจัดการสาธารณภัย ระดับ 1 - 2) ศูนย์ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร จัดเจ้าหน้าทีป่ ฏิบัติหน้าที่ชดุ เฝา้ ระวังและตดิ ตามสถานการณ์ปฏิบัติงานประจำ ณ หอ้ งสือ่ สารปฏิบตั กิ ารสาธารณภยั (Operation Room : OR) ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดสาธารณภัยในพืน้ ที่ใกล้เคยี ง สามารถสนบั สนุนชดุ เผชญิ สถานการณ์วิกฤติ (ERT) ลง พื้นที่ปฏบิ ัตงิ านได้ทันที และเมื่อมีการจัดตัง้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดขึ้น ศูนย์ฯ ในฐานะศูนยส์ นบั สนนุ ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถลม่ หากได้รับการร้องขอจากผู้บญั ชาการเหตุการณ์ จังหวดั สามารถสนับสนนุ เจ้าหน้าท่ี เคร่ืองจักรกล เครื่องมอื และอุปกรณ์ไดท้ นั ที ตามแผนผงั แสดงการเชอ่ื มโยง การปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉินระดับการจัดการสาธารณภัย 1 - 2 สาธารณภัยขนาดเล็ก และขนาดกลาง ตามลำดบั
๔๑ ศนู ย์ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร (ศูนยส์ นบั สนนุ ปฏบิ ัติการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาอทุ กภัย วาตภัย และ ดินถลม่ ) ระ ัดบ 2 ผู้อำนวยการจังหวดั /ผู้ว่าราชการจังหวดั หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐ ศนู ยบ์ ัญชาการเหตกุ ารณจ์ ังหวัด เอกชนองค์กร มลู นิธิ อาสาสมคั ร ผ้อู ำนวยการอำเภอ/นายอำเภอ ในเขตพื้นท่รี บั ผิดชอบ ศนู ยบ์ ัญชาการเหตกุ ารณ์อำเภอ ระดับ 1 ผอู้ ำนวยการทอ้ งถน่ิ /นายกองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ศูนยป์ ฏบิ ัตกิ ารฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ หมายเหตุ สายการบงั คับบัญชา สายการสนบั สนุน ภาพแสดงการเช่ือมโยงการปฏบิ ตั ิงานในภาวะฉุกเฉิน ระดับการจัดการสาธารณภยั 1 – 2 สาธารณภัย ขนาดเลก็ และขนาดกลาง ตามลำดบั ของศนู ยป์ อ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร ๒.กรณเี กดิ สาธารณภัยขนาดใหญ่ (ระดบั 3) และรา้ ยแรงอย่างย่ิง (ระดับ 4) เมือ่ กองอำนวยการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) วิเคราะหส์ ถานการณ์ ภยั ท่ีทวีความรุนแรงเพ่มิ ข้ึนและเสนอยงั ผู้บญั ชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ เพื่อยกระดับการ จัดการสาธารณภัยเป็นระดับ 3 - 4 ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร จัดเตรียม กำลงั พล เคร่ืองจกั รกล วัสดุอปุ กรณ์ และรอรบั การสัง่ การจากผ้อู ำนวยการกลาง ในการสนับสนุนการเผชิญเหตุ สาธารณภยั ท้ังน้ี อาจไดร้ ับการส่ังการให้ทำหน้าทเ่ี ปน็ กองบญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหนา้ ) หรือศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวดั ของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กลางไดด้ ้วย การจดั การสาธารณภัยระดบั 3 - 4 ในขณะทเ่ี กิดสาธารณภยั ขึน้ กองอำนวยการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จะแปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวัด ของกอง อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง และของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แห่งชาติ ตามลำดบั
๔๒ นายกรฐั มนตรี ระ ัดบ 3 ระ ัดบ กองบญั ชาการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั แห่งชาติ ศูนย์ปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภยั เขตใกลเ้ คียง ผู้บญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย) รองผู้บญั ชาการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ (ปลดั กระทรวงมหาดไทย) กองบญั ชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั กลาง (กอปภ.ก.) ผอู้ ำนวยการกลาง/อธิบดกี รมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ศูนยป์ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร (ศนู ยส์ นบั สนนุ ปฏบิ ตั ิการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาอุทกภยั วาตภัย และดนิ ถลม่ ) ทำหนา้ ท่ี บกปภ.ช. (ส่วนหน้า) หมายเหตุ สายการบังคบั บญั ชา สายการสนบั สนนุ ภาพแสดงการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉนิ ระดบั การจัดการสาธารณภยั ขนาดใหญ่ ระดบั ๓ ระดับการจัดการสาธารณภยั 4 และรา้ ยแรงอยา่ งยง่ิ ของศนู ยป์ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร การปฏิบตั ิการสื่อสารในภาวะฉุกเฉนิ ของศนู ย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร มีแนวทาง การปฏบิ ัตกิ ารสื่อสารในภาวะฉกุ เฉิน ดังน้ี 1) จดั ต้ังศูนย์สอื่ สาร และจดั ใหม้ ีระบบสอ่ื สารหลกั ระบบสื่อสารรอง และระบบส่ือสารสำรอง ทจี่ ำเปน็ ใหใ้ ชง้ านได้ตลอด 24 ช่ัวโมง ให้เช่ือมโยงระบบส่ือสารดงั กลา่ วกบั หนว่ ยงานอื่นได้ปกติ โดยเรว็ ทั่วถึง ทุกพ้นื ที่ 2) ระบบการสื่อสารหลัก ได้แก่ โครงข่ายสื่อสารทางโทรศัพท์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรสาร โทรศพั ทส์ ายดว่ น 1784 และวทิ ยสุ ื่อสาร หน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่พื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ พิจติ ร และเครือข่ายอาสาสมคั ร มลู นธิ ิ คล่ืนวิทยสุ ่ือสารในภาวะฉกุ เฉินใช้ความถห่ี ลกั 161.200 MHz นามเรยี กขาน สำนกั งานปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั จงั หวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ และพจิ ติ ร คือ ปภ.กำแพงเพชร, ปภ.ตาก, ปภ.นครสวรรค์, และ ปภ.พจิ ติ ร ความถี่หลัก 161.200 MHz นามเรียกขานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร คอื นริ ภัยกำแพงเพชร 3) ระบบการสือ่ สารรอง เปน็ ระบบสอ่ื สารท่ีมีใช้โดยท่ัวไป และใชง้ านควบค่กู ับระบบ ส่อื สาร หลัก เป็นชอ่ งทางเสรมิ ในการติดตอ่ สอ่ื สาร ไดแ้ ก่ วิทยุสือ่ สารขา่ ยตา่ งๆ วทิ ยสุ ่อื สารของสมาคมวิทยุสมัครเล่น
๔๓ แห่งประเทศไทย วิทยุสื่อสารที่ติดตั้งบนรถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็วของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุชุมชน ระบบกระจายเสียงตามสาย วิทยุกระจายเสียง AM/FM ระบบสื่อสารผ่าน ดาวเทียม เปน็ ตน้ รวมทง้ั ช่องทางการส่อื สารแบบออนไลน์ดว้ ย กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย โทรศพั ท์ 0 2243 0030, 0 2241 4770-4 โทรสาร 0 2241 4620, 0 2243 0031 สายด่วน – 1784 ความถ่วี ทิ ยุ 166475. MHz นามเรยี กขาน ศูนย์นริ ภยั ศนู ยป์ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั เขต 8 กำแพงเพชร อาสาสมคั ร /มลู นธิ ิ/ องคก์ รภาครัฐ/ องคก์ รภาคเอกชน โทรศัพท์ 055-710-391-3 โทรสาร 055-710-397-9 ความถ่วี ิทยุ 161.200 MHz นามเรียกขาน นริ ภยั กำแพงเพชร สำนักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย จ.กำแพงเพชร โทรศพั ท์ 055-705-048โทรสาร 055-705-092 ความถ่ีวทิ ยุ 161.200 MHz นามเรียกขาน ปภ.กำแพงเพชร สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จ.นครสวรรค์ โทรศัพท์ 056-803-536-40 โทรสาร 056-803-538 ความถีว่ ทิ ยุ 161.200 MHz นามเรยี กขาน ปภ.นครสวรรค์ สำนกั งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พจิ ติ ร โทรศัพท์ 056-615-932โทรสาร 056-616-040 ความถี่วทิ ยุ 161.200 MHz นามเรียกขาน ปภ.พจิ ติ ร สำนักงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั จ.ตาก โทรศพั ท์ 055-515-975 โทรสาร 055-515-975 ความถีว่ ิทยุ 161.200 MHz นามเรยี กขาน ปภ.ตาก ปภ.จ.นว.สาขาตากฟ้า ปภ.จ.นว.สาขาชมุ ตาบง ปภ.จ.ตาก.สาขาแมส่ อด โทรศัพท์ 056-241-661-2 โทรศพั ท์ 056-293-080-1 โทรศัพท์ 055-531-071 โทรสาร 056-241-661-2 โทรสาร 056-293-080-1 โทรสาร 055-531-071 161.475 MHz นามเรียก ความถีว่ ทิ ยุ 161.475 MHz ความถ่วี ิทยุ 161.475 เครอื ขขา่ ายนกาปรภต.ดิ อตุท่อยั สธอ่ื าสนาี ร ของศนู ยป์ อ้ นงกานัมเแรลยี ะกบขรารนเทปาภส.าอธทุ าัยรณธาภนยั ี เขต ๘ กำMแHพzงนเพาชมรเรียกขาน ปภ. อุทัยธานี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170