หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เรื่องที่ 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ เอกสารประกอบการสอน ตวั อย่างโคลงส่ีสุภาพ เสยี งฦๅเสยี งเล่าอา้ ง อนั ใด (พเ่ี อย) เสยี งยอ่ มยอยศใคร ทวั่ หลา้ สองเขอื พห่ี ลบั ใหล ลมื ต่นื (ฤๅพ)่ี สองพค่ี ดิ เองอา้ อย่าไดถ้ ามเผอื (ลลิ ติ พระลอ) 565 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 2 การแต่งโคลงส่ีสุภาพ ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 566 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ 1 ชวั่ โมง เรื่องท่ี 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 การแต่งโคลงส่ีสภุ าพ (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การแตง่ บทรอ้ ยกรองประเภทโคลงสส่ี ภุ าพตอ้ งรหู้ ลกั ในการแต่ง จงึ จะสามารถแตง่ ไดไ้ พเราะ และสละสลวย 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 4.1 ม.3/6 แต่งบทรอ้ ยกรอง 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - แต่งบทรอ้ ยกรองประเภทโคลงสส่ี ุภาพได้ 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - โคลงสส่ี ุภาพ 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทางาน 3. รกั ความเป็นไทย 567 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เร่ืองท่ี 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • นกั เรยี นคิดว่า การแต่งโคลงสี่สภุ าพโดยไม่มตี วั อยา่ งมาเป็นแบบ เป็นผลดีหรือผลเสียต่อ นกั เรียนอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน) 2. ครูซกั ถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั ปัญหาทพ่ี บขณะแตง่ โคลงสส่ี ุภาพ 3. ครสู มุ่ นกั เรยี น 2-3 คน นาเสนอผลงานโคลงสส่ี ภุ าพทแ่ี ตง่ ในชวั่ โมงเรยี นทผ่ี า่ นมา แลว้ รว่ มกนั เสนอแนะ ขอ้ บกพรอ่ งทพ่ี บ 4. ครูใหน้ กั เรยี นฝึกแต่งโคลงสส่ี ภุ าพเอง โดยทไ่ี มต่ อ้ งดตู วั อยา่ ง เป็นการฝึกทาเองตงั้ แต่ตน้ จนจบ 5. นกั เรยี นแต่ละคนนาผลงานการแต่งโคลงสส่ี ภุ าพมาสง่ ครู เพ่อื ใหค้ รเู สนอแนะขอ้ บกพรอ่ งในการแต่ง 6. นกั เรยี นแต่ละคนแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งในการแตง่ โคลงสส่ี ภุ าพตามขอ้ เสนอแนะจากครู 7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั คดั เลอื กผลงานการแต่งโคลงสส่ี ภุ าพทด่ี ที ส่ี ุด 5 ผลงาน เพอ่ื จดั ป้ายนิเทศ หนา้ ชนั้ เรยี น 8. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 11 ครมู อบหมายให้นกั เรียนแต่ละคนแต่งโคลงส่ีสุภาพท่ีเก่ียวกบั ศาสนาที่ตนนบั ถือ จานวน 2 บท โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตามทกี่ าหนด ดงั น้ี 1) ลกั ษณะบงั คบั ของโคลงสสี่ ุภาพ 2) การใชถ้ อ้ ยคาภาษา 3) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งหวั ขอ้ เรอื่ งกบั เน้อื หา 4) ความถูกตอ้ งของการเขยี นสะกดคา 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตการใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และรกั ความเป็นไทย ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 11 แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 11 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจการแตง่ โคลงสส่ี ุภาพเกย่ี วกบั ศาสนา แบบประเมนิ การแต่งโคลงสส่ี ุภาพเกย่ี วกบั ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ทน่ี กั เรยี นนบั ถอื ศาสนาทนี่ ักเรยี นนับถอื 568 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพ เรื่องที่ 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ 8 ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ — 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ — 569 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เรื่องท่ี 2 การแต่งโคลงส่ีสุภาพ การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการแต่งโคลงส่ีสภุ าพเก่ียวกบั ศาสนาท่ีนักเรียนนับถอื ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 432 1 ลกั ษณะบงั คบั ของโคลงสส่ี ภุ าพ 2 การใชถ้ อ้ ยคาภาษา 3 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างหวั ขอ้ เรอ่ื งกบั เน้อื หา 4 ความถูกตอ้ งของการเขยี นสะกดคา รวม ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดมี าก = 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ดี = 3 คะแนน 14 - 16 ดมี าก พอใช้ = 2 คะแนน 11 - 13 ดี ปรบั ปรงุ = 1 คะแนน 8 - 10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ 570 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ ดา้ นความรู้ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปัญหา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 571 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เร่ืองที่ 2 การแต่งโคลงส่ีสุภาพ ชอ่ื หนังสอื ราคา ช่อื ผูแ้ ตง่ แบบบนั ทึกการอ่าน สานกั พมิ พ์ สถานทพ่ี มิ พ์ จานวนหนา้ บาท อา่ นวนั ที่ เดอื น นามปากกา ปีทพี่ มิ พ์ พ.ศ. เวลา 1. สาระสาคญั ของเรอ่ื ง 2. วเิ คราะหข์ อ้ คดิ /ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากเรอ่ื งทอ่ี า่ น 3. สงิ่ ทส่ี ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 4. ขอ้ เสนอแนะของครู ลงชอ่ื นกั เรยี น ลงช่อื ผปู้ กครอง ( )( ) ลงชอ่ื ครผู สู้ อน () เกณฑก์ ารให้คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมีความสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเพยี งเลก็ น้อย ให้ 3 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 572 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เรื่องท่ี 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ แบบประเมิน การนาเสนอผลงาน คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน ประเมนิ การนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทก่ี าหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเน้อื หา 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีขอ้ บกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีขอ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 573 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เร่ืองที่ 2 การแต่งโคลงส่ีสุภาพ แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ช่ือ-สกลุ ความมีวินัย ความมนี ้าใจ การรบั ฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม ท่ี ของผรู้ บั การประเมิน เออื้ เฟื้ อ ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ เวลา 20 เสียสละ คะแนน 43214321432143214321 ลงช่อื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 574 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพ เรื่องที่ 2 การแต่งโคลงส่ีสุภาพ แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลุ่ม คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตงั้ ใจ การแก้ไข รวม ท่ี ของผ้รู บั การประเมิน รว่ มมอื กนั ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ ทางาน ปัญหา/หรอื 20 ทากิจกรรม ปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 4321 432 1 43 2 14321 432 1 ลงช่อื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 575 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เร่ืองที่ 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมาย ของเพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องพลเมอื งดี 2. ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต 1.3 ใหค้ วามร่วมมอื รว่ มใจ ในการทากจิ กรรมกบั สมาชกิ ในโรงเรยี นและ 3. มวี ินัย ชุมชน รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมและมสี ว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมทสี่ ร้างความสามคั คี 4. ใฝ่เรยี นรู้ ปรองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรยี น ชมุ ชน และสงั คม ช่นื ชมความ 5. อยู่อย่างพอเพยี ง เป็นชาตไิ ทย 1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนา อยา่ งสมา่ เสมอ เป็นแบบอย่างทด่ี ขี องศาสนกิ ชน 1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมและมสี ่วนร่วมในการจดั กจิ กรรมทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามท่โี รงเรยี นและชมุ ชนจดั ขน้ึ ช่นื ชมในพระราชกรณียกิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั รยิ แ์ ละพระราชวงศ์ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสงิ่ ทถี่ กู ต้อง ละอาย และเกรงกลวั ทจี่ ะกระทาความผดิ ทาตาม สญั ญาทตี่ นให้ไวก้ บั เพอ่ื น พอ่ แม่ หรอื ผูป้ กครอง และครู เป็นแบบอยา่ ง ทดี่ ดี า้ นความซ่อื สตั ย์ 2.3 ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผูอ้ น่ื ดว้ ยความซ่อื ตรง ไมห่ าประโยชน์ในทางทไี่ ม่ถูกต้อง และเป็นแบบอยา่ งทดี่ แี ก่เพ่อื นดา้ นความซ่อื สตั ย์ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั และโรงเรยี น ไมล่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผูอ้ น่ื ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั และรบั ผดิ ชอบในการทางาน 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นรูต้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรูอ้ ยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ย่างมเี หตผุ ล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดูแลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดูแล อยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 576 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ เร่ืองท่ี 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 4321 5.4 ไมเ่ อาเปรยี บผอู้ ่นื และไม่ทาใหผ้ ูอ้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื ผอู้ น่ื 6. มุ่งมนั่ ในการ กระทาผดิ พลาด ทางาน 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐาน 7. รกั ความเป็นไทย ของความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร 8. มีจิตสาธารณะ 5.6 รูเ้ ท่าทนั การเปลยี่ นแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรบั ตวั อยรู่ ่วมกบั ผูอ้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเรจ็ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รูจ้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน 8.2 อาสาทางาน ชว่ ยคดิ ชว่ ยทา และแบง่ ปันสง่ิ ของ และชว่ ยแกป้ ัญหา ใหผ้ ูอ้ ่นื 8.3 ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ นิ ของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี นและชมุ ชน ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 191 - 108 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้ ต่ากวา่ 54 ปรบั ปรงุ 577 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพ เร่ืองที่ 2 การแต่งโคลงส่ีสุภาพ แบบบนั ทึกหลงั หน่วยการเรยี นรู้ ตอนที่ 1 นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ดั ของหน่วยการเรยี นรู้ ต่อไปน้ี ท 4.1 (ม.3/6) ดา้ นความรู้ (จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ) ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี ) สรปุ ผลจากการประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ประจาหน่วยการเรยี นรู้ ระดบั คณุ ภาพดีมาก จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ระดบั คุณภาพดี จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ระดบั คณุ ภาพพอใช้ จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศึกษาหรือผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ( ตาแหน่ง 578 หลกั ภาษาฯ ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสุภาพ เรื่องที่ 2 การแต่งโคลงสี่สุภาพ ตอนที่ 2 การตรวจสอบคณุ ภาพนักเรยี นเพอื่ เตรยี มความพร้อมรองรบั การประเมินคณุ ภาพภายนอก รอ้ ยละ ระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน (ดา้ นคณุ ภาพผเู้ รียน) มาตรฐานที่ 1 ผ้เู รียนมีสุขภาวะทดี่ ีและมสี ุนทรยี ภาพ 1.1 มสี ุขนสิ ยั ในการดูแลสขุ ภาพและออกกาลงั กายสมา่ เสมอ 1.2 มนี ้าหนกั ส่วนสงู และมสี มรรถภาพทางกายตามเกณฑ์มาตรฐาน 1.3 ป้องกนั ตนเองจากสงิ่ เสพตดิ ใหโ้ ทษและหลกี เลยี่ งตนเองจากสภาวะทเี่ สยี่ งต่อความรุนแรง โรค ภยั อบุ ตั เิ หตุ และปัญหาทางเพศ 1.4 เหน็ คุณค่าในตนเอง มคี วามมนั่ ใจ กลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม 1.5 มมี นุษยสมั พนั ธ์ทดี่ แี ละใหเ้ กยี รตผิ อู้ นื่ 1.6 สรา้ งผลงานจากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมดา้ นศลิ ปะ ดนตร/ี นาฏศลิ ป์ กฬี า/นันทนาการตามจนิ ตนาการ มาตรฐานที่ 2 ผ้เู รียนมคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมทีพ่ งึ ประสงค์ 2.1 มคี ณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ตามหลกั สูตร 2.2 เอ้อื อาทรผอู้ นื่ และกตญั ญกู ตเวทตี อ่ ผมู้ พี ระคณุ 2.3 ยอมรบั ความคดิ และวฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ ง 2.4 ตระหนกั รคู้ ณุ คา่ ร่วมอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม มาตรฐานที่ 3 ผเู้ รียนมีทกั ษะในการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง รกั เรียนรู้ และพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนือ่ ง 3.1 มนี ิสยั รกั การอา่ นและแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากหอ้ งสมุด แหล่งเรยี นรู้ และสอื่ ต่างๆ รอบตวั 3.2 มที กั ษะในการอา่ น ฟัง ดู พูด เขยี น และตงั้ คาถามเพอื่ คน้ ควา้ หาความรเู้ พมิ่ เตมิ 3.3 เรยี นรรู้ ว่ มกนั เป็นกล่มุ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ เพอื่ การเรยี นรู้ระหวา่ งกนั 3.4 ใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรยี นรแู้ ละนาเสนอผลงาน มาตรฐานที่ 4 ผเู้ รียนมีความสามารถในการคิดอยา่ งเป็นระบบ คิดสรา้ งสรรค์ ตดั สินใจแกป้ ัญหา ได้อย่างมสี ติสมเหตุสมผล 4.1 สรปุ ความคดิ จากเรอื่ งทอี่ า่ น ฟัง และดู และสอื่ สารโดยการพดู หรอื เขยี นตามความคดิ ของตนเอง 4.2 นาเสนอวธิ คี ดิ วธิ แี ก้ปัญหาดว้ ยภาษาหรอื วธิ กี ารของตนเอง 4.3 กาหนดเป้าหมาย คาดการณ์ ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาโดยมเี หตผุ ลประกอบ 4.4 มคี วามคดิ รเิ รมิ่ และสรา้ งสรรคผ์ ลงานดว้ ยความภาคภมู ใิ จ มาตรฐานที่ 5 ผเู้ รยี นมคี วามร้แู ละทกั ษะทีจ่ าเป็นตามหลกั สูตร 5.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นเฉลยี่ แต่ละกลุ่มสาระเป็นไปตามเกณฑ์ 5.2 ผลการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ตามหลกั สตู รเป็นไปตามเกณฑ์ 5.3 ผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นเป็นไปตามเกณฑ์ 5.4 ผลการทดสอบระดบั ชาตเิ ป็นไปตามเกณฑ์ มาตรฐานที่ 6 ผ้เู รยี นมที กั ษะในการทางาน รกั การทางาน สามารถทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้ และมเี จตคติทีด่ ี ต่ออาชีพสจุ ริต 6.1 วางแผนการทางานและดาเนินการจนสาเรจ็ 6.2 ทางานอย่างมคี วามสุข ม่งุ มนั่ พฒั นางาน และภมู ใิ จในผลงานของตนเอง 6.3 ทางานร่วมกบั ผอู้ นื่ ได้ 6.4 มคี วามรูส้ กึ ทดี่ ตี อ่ อาชพี สจุ รติ และหาความรเู้ กยี่ วกบั อาชพี ทตี่ นเองสนใจ 579 หลกั ภาษาฯ ม.3
หลกั ภาษาฯ ม.3 แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พนื้ ฐำน พทุ ธศกั รำช 2551 ประกอบด้วย สมรรถนะที่ 1 ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร สมรรถนะที่ 2 ควำมสำมำรถในกำรคิด สมรรถนะที่ 3 ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ สมรรถนะที่ 4 ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวิต สมรรถนะที่ 5 ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี ที่มำ : สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน. (2555). คมู่ ือประเมิน สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนระดบั กำรศึกษำขนั้ พื้นฐำนตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำ ขนั้ พืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พส์ านกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาต.ิ 580 หลกั ภาษาฯ ม.3
แบบประเมิน สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น คำชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คุณภาพ สมรรถนะสำคญั ตวั ชีว้ ดั /พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดบั คณุ ภำพ ของผ้เู รียน 3210 1.1 ใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคดิ ความรูส้ กึ หลกั ภาษาฯ ม.3 1. ควำมสำมำรถใน และทศั นะของตนเองดว้ ยการพดู และการเขยี น กำรสอ่ื สำร 1) พูดถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจจากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู ดว้ ยภาษาของตนเองได้ 2. ควำมสำมำรถใน 2) พูดถ่ายทอดความคดิ ความรูส้ กึ และทศั นะของตนเองจาก กำรคิด สารทอ่ี ่าน ฟัง หรอื ดูดว้ ยภาษาของตนเองได้ 3) เขยี นถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจจากสารทอี่ ่าน ฟัง หรอื ดู ดว้ ยภาษาของตนเองได้ 4) เขยี นถา่ ยทอดความคดิ ความรูส้ กึ และทศั นะของตนเอง จากสารทอ่ี ่าน ฟัง หรอื ดดู ว้ ยภาษาของตนเองได้ 1.2 พดู เจรจาต่อรอง 1) พูดเจรจาโนม้ น้าวไดอ้ ย่างเหมาะสมตามสถานการณเ์ พ่อื ประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม 2) พดู เจรจาต่อรองไดอ้ ย่างเหมาะสมตามสถานการณ์เพอ่ื ประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม 1.3 เลอื กรบั หรอื ไมร่ บั ขอ้ มลู ข่าวสาร 1) รบั รูข้ อ้ มูลขา่ วสารทเ่ี ป็นประโยชน์ 2) ตดั สนิ ใจเลอื กรบั หรอื ไม่รบั ขอ้ มลู ข่าวสารไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล 1.4 เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอ่ื สาร 1) เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอ่ื สารทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบทม่ี ตี อ่ ตนเองและสงั คม 2.1 คดิ พน้ื ฐาน (การคดิ วเิ คราะห)์ 1) จาแนก จดั หมวดหมู่ จดั ลาดบั ความสาคญั และเปรยี บเทยี บ ขอ้ มลู ในบรบิ ทของการดาเนินชวี ติ ประจาวนั 2) หาความสมั พนั ธ์ของส่วนประกอบตา่ งๆ ของขอ้ มลู ท่ี พบเหน็ ในบรบิ ทของการดาเนินชวี ติ ประจาวนั 3) สามารถระบุหลกั การสาคญั แนวคดิ หรอื ความรูท้ ปี่ รากฏใน ขอ้ มลู ทพ่ี บเหน็ ในบรบิ ทของการดาเนินชวี ติ ประจาวนั 581 หลกั ภาษาฯ ม.3
สมรรถนะสำคญั ตวั ชี้วดั /พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดบั คณุ ภำพ ของผ้เู รียน 3210 2.2 คดิ ขนั้ สงู (การคดิ สงั เคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ คดิ อย่างมี หลกั ภาษาฯ ม.3 2. ควำมสำมำรถใน วจิ ารณญาณ) กำรคิด (ตอ่ ) 1) คดิ สงั เคราะหเ์ พอ่ื นาไปสกู่ ารวางแผน ออกแบบ คาดการณ์ กาหนดเป็นเป้าหมายในอนาคต เพอ่ื ประกอบการตดั สนิ ใจ 3. ควำมสำมำรถใน ตอ่ ตนเองและสงั คม กำรแก้ปัญหำ 2) คดิ สรา้ งสรรค์ มจี นิ ตนาการ คดิ ในทางบวก และสามารถ ประยุกตส์ รา้ งสรรคส์ งิ่ ใหม่ เพ่อื ประโยชน์ตอ่ ตนเองและ สงั คม 3) คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ เพอ่ื ตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กท่ี หลากหลายโดยใชเ้ กณฑท์ เ่ี หมาะสม 3.1 ใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาโดยวเิ คราะหป์ ัญหา วางแผนในการ แกป้ ัญหา ดาเนนิ การแกป้ ัญหา ตรวจสอบและสรุปผล 1) วเิ คราะหป์ ัญหา (1) ระบุปัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ตนเอง (2) ระบุปัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ กบั บคุ คลใกลต้ วั (3) ระบสุ าเหตขุ องปัญหา (4) จดั ระบบขอ้ มลู - การจาแนก - การจดั ลาดบั - การเชอ่ื มโยง (5) การตงั้ สมมุตฐิ าน (6) การกาหนดทางเลอื ก (7) การตดั สนิ ใจเลอื กวธิ กี าร 2) การวางแผนในการแกป้ ัญหา 3) การดาเนินการในการแกป้ ัญหา (1) การปฏบิ ตั ติ ามแผน (2) การตรวจสอบทบทวนแผน (3) การบนั ทกึ ผลการปฏบิ ตั ิ 4) สรปุ ผลและรายงาน 3.2 ผลลพั ธ์ทเี่ กดิ จากการแกป้ ัญหา 1) คณุ ภาพของผลงาน/การแกป้ ัญหา 2) นาไปประยุกตใ์ ช้ 582 หลกั ภาษาฯ ม.3
สมรรถนะสำคญั ตวั ชี้วดั /พฤติกรรมบ่งชี้ ระดบั คณุ ภำพ ของผเู้ รยี น 3210 4.1 นากระบวนการเรยี นรูท้ หี่ ลากหลายไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 4. ควำมสำมำรถใน 1) นาความรู้ ทกั ษะ และกระบวนการทหี่ ลากหลายมาสรา้ ง กำรใช้ทกั ษะชีวิต ผลงาน/โครงงานทเ่ี ป็นระบบ มขี นั้ ตอนชดั เจน และมี ประสทิ ธภิ าพไปใชใ้ นการดาเนินชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่าง หลกั ภาษาฯ ม.3 เหมาะสม 4.2 เรยี นรูด้ ว้ ยตนเองและเรยี นรูอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง 1) มที กั ษะในการแสวงหาความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร 2) สามารถเช่อื มโยงความรู้ 3) มวี ธิ กี ารในการศกึ ษาความรูเ้ พม่ิ เตมิ เพอ่ื ขยายประสบการณ์ ไปสู่การเรยี นรูส้ งิ่ ใหม่ และสรา้ งองคค์ วามรูต้ ามความสนใจ อยา่ งตอ่ เน่อื ง 4.3 ทางานและอยู่ร่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมคี วามสขุ 1) ทางานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์ สามารถแสดงความ คดิ เหน็ ของตน ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผูอ้ ่นื 2) ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ า หนา้ ท่ี ความรบั ผดิ ชอบ 3) เขา้ ร่วมกจิ กรรมกบั ผูอ้ น่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์ 4) เหน็ คุณคา่ ของการมชี วี ติ 5) เขา้ ใจ ยอมรบั ปรบั ตวั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกาย ความเสมอภาคทางเพศ 6) ใชภ้ าษา กริ ยิ า ท่าทางเหมาะสมกบั บคุ คลและโอกาสตาม มารยาทสงั คม 7) ปฏบิ ตั งิ านในสว่ นรวมอยา่ งมคี วามสุข 4.4 จดั การกบั ปัญหาและความขดั แยง้ ในสถานการณต์ ่างๆ ไดอ้ ย่าง เหมาะสม 1) วเิ คราะหส์ ถานการณ์ ปัญหา และมกี ารจดั การไดเ้ หมาะสม 4.5 ปรบั ตวั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม 1) ตดิ ตามขา่ วสาร เหตุการณ์ปัจจุบนั ของสงั คมโลก 2) ปรบั ตวั ต่อการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม สภาพแวดลอ้ ม 4.6 หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ส่ี ่งผลกระทบตอ่ ตนเอง และผูอ้ น่ื 1) รูจ้ กั ป้องกนั หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมเสย่ี งต่อสขุ ภาพ การล่วง ละเมดิ ทางเพศ อบุ ตั เิ หตุ สารเสพตดิ และความรุนแรง 2) จดั การกบั อารมณ์และความเครยี ดไดอ้ ย่างถกู ต้องและ เหมาะสม 583 หลกั ภาษาฯ ม.3
สมรรถนะสำคญั ตวั ชีว้ ดั /พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดบั คณุ ภำพ ของผเู้ รยี น 3210 5.1 เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื พฒั นาตนเองและสงั คม 5. ควำมสำมำรถใน 1) เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรยี นรูอ้ ย่างสรา้ งสรรคแ์ ละ กำรใช้เทคโนโลยี มคี ณุ ธรรม 2) เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละ หลกั ภาษาฯ ม.3 มคี ณุ ธรรม 3) เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการทางานอย่างสรา้ งสรรคแ์ ละ มคี ุณธรรม 4) เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการแกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรคแ์ ละ มคี ุณธรรม 5.2 มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 1) การกาหนดปัญหา หรอื ความต้องการ 2) การรวบรวมขอ้ มลู 3) การเลอื กวธิ กี าร 4) การออกแบบและปฏบิ ตั กิ าร 5) การทดสอบ 6) การปรบั ปรงุ แกไ้ ขงาน 7) การประเมนิ ผล ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ หมำยเหตุ การวิเคราะห์ขอ้ มลู วิเครำะห์ข้อมูลในแต่ละสมรรถนะ ผลการประเมนิ ทไี่ ดจ้ ากแหลง่ ประเมนิ ตา่ งๆ ในแตล่ ะสมรรถนะ จะมคี ะแนนอยู่ระหว่าง 0-3 แลว้ นาผลการประเมนิ แต่ละแหลง่ มาคานวณหาค่าเฉลย่ี (Mean) เพอ่ื เป็นคา่ คะแนนในแตล่ ะสมรรถนะของผเู้ รยี น โดยมี ระดบั คณุ ภาพของสมรรถนะ ดงั ตอ่ ไปนี้ ระดบั คณุ ภำพ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ดมี ำก/ผำ่ นขนั้ สูง มคี ะแนนตงั้ แตร่ อ้ ยละ 75 ขน้ึ ไป ดี/ผ่ำน มคี ะแนนระหว่างรอ้ ยละ 40 - 74 ปรบั ปรงุ มคี ะแนนต่ากว่ารอ้ ยละ 40 วิเครำะห์ขอ้ มลู ของสมรรถนะในภำพรวม นาคะแนนทไ่ี ดใ้ นแตล่ ะสมรรถนะมาคานวณหาคะแนนเฉลย่ี ในภาพรวมของทุก สมรรถนะ (ผลรวมของคะแนนในทกุ สมรรถนะหารดว้ ยจานวนสมรรถนะ) และนาไปเทยี บกบั เกณฑใ์ นการตดั สนิ ดงั ตอ่ ไปนี้ ระดบั คุณภำพ เกณฑก์ ำรตดั สินคุณภำพ ดเี ยี่ยม มผี ลการประเมนิ ในระดบั ด/ี ผ่าน ครบทงั้ 5 สมรรถนะ ดี มผี ลการประเมนิ ในระดบั ด/ี ผา่ น 4 สมรรถนะ พอใช้ มผี ลการประเมนิ ในระดบั ด/ี ผ่าน 3 สมรรถนะ ปรบั ปรงุ มผี ลการประเมนิ ในระดบั ด/ี ผา่ น 1-2 สมรรถนะ 584 หลกั ภาษาฯ ม.3
กำรประเมินสมรรถนะสำ สมรรถนะที่ 1 ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร ตวั ชีว้ ดั ท่ี 1 ใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ความคดิ ความรสู้ กึ และทศั นะขอ พฤติกรรมบง่ ชี้ ดเี ยยี่ ม (3) 1. พูดถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจจากสารทอ่ี ่าน พูดถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจ พูดถ ฟัง หรอื ดดู ว้ ยภาษาของตนเองได้ จากสารทอี่ ่าน ฟัง หรอื ดดู ว้ ย จากส 2. พดู ถ่ายทอดความคดิ ความรูส้ กึ และทศั นะของ ตนเองจากสารทอี่ า่ น ฟัง หรอื ดดู ว้ ยภาษาของ ภาษาของตนเองไดอ้ ยา่ ง ภาษ ตนเองได้ คลอ่ งแคล่วชดั เจน แตข่ 3. เขยี นถ่ายทอดความรู้ ความเขา้ ใจจากสารทอี่ า่ น 585 ฟัง หรอื ดดู ว้ ยภาษาของตนเองได้ พดู ถา่ ยทอดความคดิ ความรูส้ กึ พดู ถ หลกั ภาษาฯ ม.3 และทศั นะจากสารทอ่ี ่าน ฟัง และท หรอื ดตู ามทก่ี าหนดไดอ้ ยา่ ง หรอื ด สมเหตุสมผล คล่องแคลว่ มเี หต ชดั เจน ดว้ ยภาษาของตนเองได้ เขยี นถา่ ยทอดความรู้ ความ เขยี น เขา้ ใจจากสารทอี่ ่าน ฟัง หรอื ดู เขา้ ใ ดว้ ยภาษาของตนเองไดใ้ จความ ดว้ ย ครอบคลมุ ครบถ้วน และถูกต้อง สาคญั ตามหลกั การใชภ้ าษา ครบ ขอ้ บ วรรค ไมเ่ ก
ำคญั ของผเู้ รยี น (Rubric) องตนเองดว้ ยการพดู และการเขยี น ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) ถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจ พูดถา่ ยทอดความรู้ ความเขา้ ใจ ไมส่ ามารถพูดถา่ ยทอดความรู้ สารทอี่ ่าน ฟัง หรอื ดูดว้ ย จากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู ความเขา้ ใจจากสารทอ่ี า่ น ฟัง ษาของตนเองไดอ้ ยา่ งชดั เจน ดว้ ยภาษาของตนเองไดบ้ า้ ง หรอื ดูดว้ ยภาษาของตนเอง ขาดความคลอ่ งแคลว่ หรอื พูดได้ ถ่ายทอดความคดิ ความรูส้ กึ พดู ถ่ายทอดความคดิ ความรูส้ กึ พูดถ่ายทอดความคดิ ความรูส้ กึ ทศั นะจากสารทอ่ี ่าน ฟัง และทศั นะจากสารทอ่ี า่ น ฟัง และทศั นะจากสารทอ่ี ่าน ฟัง ดตู ามทกี่ าหนดไดอ้ ย่าง หรอื ดูดว้ ยภาษาของตนเอง หรอื ดู ตามแบบ ตผุ ลดว้ ยภาษาของตนเองได้ ไดบ้ า้ ง โดยมเี หตผุ ลไมเ่ พยี งพอ นถ่ายทอดความรู้ ความ เขยี นถา่ ยทอดความรู้ ความ เขยี นถา่ ยทอดความรู้ ความ ใจจากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู เขา้ ใจจากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู เขา้ ใจจากสารทอี่ า่ น ฟัง หรอื ดู ยภาษาของตนเองไดใ้ จความ ดว้ ยภาษาของตนเองไดใ้ จความ ตามแบบ ญเป็นสว่ นใหญ่ แต่ไม่ สาคญั เป็นบางสว่ น และมี บถว้ นสมบรู ณ์ และมี ขอ้ บกพรอ่ งในการใชภ้ าษา บกพรอ่ งในการใชภ้ าษา วรรคตอน และการเขยี นคา คตอน และการเขยี นคา ตงั้ แต่ 3 แหง่ แตไ่ ม่เกนิ 5 แห่ง กนิ 2 แหง่
พฤติกรรมบ่งชี้ ดีเยย่ี ม (3) 4. เขยี นถ่ายทอดความคดิ ความรูส้ กึ และทศั นะของ เขยี นถ่ายทอดความคดิ เขยี น ตนเองจากสารทอ่ี ่าน ฟัง หรอื ดดู ว้ ยภาษาของ ตนเองได้ ความรูส้ กึ และทศั นะของตนเอง ความ จากสารทอ่ี ่าน ฟัง หรอื ดูดว้ ย จากส ภาษาของตนเองไดใ้ จความ ภาษ ครอบคลมุ ครบถว้ นและถกู ตอ้ ง สาคญั ตามหลกั การใชภ้ าษา ครบถ ขอ้ บ วรรค ไม่เก 586 ตวั ชีว้ ดั ที่ 2 พดู เจรจาต่อรอง หลกั ภาษาฯ ม.3 พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ยี่ยม (3) พดู เจ 1. พดู เจรจาโนม้ น้าวไดอ้ ย่างเหมาะสมตาม คลอ้ ย พดู เจรจาโน้มน้าวทาใหผ้ ูอ้ ่นื เป็นป สถานการณ์เพ่อื ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม คลอ้ ยตามในวตั ถุประสงคท์ ี่ สงั คม เป็นประโยชน์ต่อตนเองและ 2. พดู เจรจาตอ่ รองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามสถานการณ์ สงั คมไดส้ าเรจ็ ทุกสถานการณ์ พูดเจ เพ่อื ประโยชน์ต่อตนเองและสงั คม พูดเจรจาตอ่ รองทาใหผ้ ูอ้ ่นื คลอ้ ย คลอ้ ยตามในวตั ถปุ ระสงคท์ ่ี เป็นป เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและ สงั คม สงั คมไดส้ าเรจ็ ทกุ สถานการณ์ 58 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) นถ่ายทอดความคดิ เขยี นถา่ ยทอดความคดิ เขยี นถา่ ยทอดความคดิ มรูส้ กึ และทศั นะของตนเอง ความรูส้ กึ และทศั นะของตนเอง ความรูส้ กึ และทศั นะของตนเอง สารทอี่ า่ น ฟัง หรอื ดูดว้ ย จากสารทอี่ ่าน ฟัง หรอื ดูดว้ ย จากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู ษาของตนเองไดใ้ จความ ภาษาของตนเองไดใ้ จความ ตามแบบ ญเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ สาคญั เป็นบางส่วนและ ถ้วนสมบรู ณแ์ ละมี มขี อ้ บกพร่องในการใชภ้ าษา บกพรอ่ งในการใชภ้ าษา วรรคตอน และการเขยี นคา คตอน และการเขยี นคา ตงั้ แต่ 3 แหง่ แตไ่ ม่เกนิ 5 แห่ง กนิ 2 แห่ง ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) พดู เจรจาโนม้ น้าวใหผ้ ูอ้ ่นื จรจาโนม้ น้าวทาใหผ้ ูอ้ น่ื พูดเจรจาโนม้ น้าวทาใหผ้ ูอ้ ่นื คลอ้ ยตามไม่สาเรจ็ ยตามในวตั ถุประสงคท์ ่ี คลอ้ ยตามในวตั ถุประสงคท์ ี่ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและ เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองได้ พดู เจรจาต่อรองใหผ้ ูอ้ ่นื มไดส้ าเรจ็ บางสถานการณ์ สาเรจ็ คลอ้ ยตามไม่สาเรจ็ จรจาต่อรองทาใหผ้ ูอ้ ่นื พูดเจรจาต่อรองทาใหผ้ ูอ้ ่นื ยตามในวตั ถุประสงคท์ ่ี คลอ้ ยตามในวตั ถุประสงคท์ ่ี ประโยชน์ต่อตนเองและ เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองได้ มไดส้ าเรจ็ บางสถานการณ์ สาเรจ็ 86
ตวั ชีว้ ดั ที่ 3 เลอื กรบั หรอื ไม่รบั ขอ้ มูลขา่ วสาร พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ยย่ี ม (3) รบั ร 1. รบั รูข้ อ้ มลู ขา่ วสารทเี่ ป็นประโยชน์ ประ รบั รูข้ อ้ มลู ขา่ วสารทเี่ ป็น ไดถ้ 2. ตดั สนิ ใจเลอื กรบั หรอื ไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสารไดอ้ ย่าง ประโยชน์จากแหลง่ ต่างๆ ดว้ ย มเี หตุผล ไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม ดว้ ยตนเองทุกครงั้ ตดั ส 587 ตดั สนิ ใจเลอื กรบั หรอื ไมร่ บั ขอ้ ม ขอ้ มูลข่าวสาร โดยคานงึ ถงึ ประ หลกั ภาษาฯ ม.3 ประโยชน์ทม่ี ตี อ่ การพฒั นา ตน ตนเอง และสว่ นรวมอยา่ งมี เหต เหตุผลประกอบในทุกๆ ครงั้ ตวั ชีว้ ดั ท่ี 4 เลอื กใชว้ ธิ กี ารสอ่ื สาร พฤติกรรมบง่ ชี้ ดีเย่ยี ม (3) 1. เลอื กใชว้ ธิ กี ารส่อื สารทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยคานงึ ถงึ เลอื กใชว้ ธิ กี ารส่อื สารทเ่ี หมาะสม เลอื ผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเองและสงั คม และคมุ้ ค่ากบั ลกั ษณะขอ้ มูล และ ขา่ วสาร โดยคานึงถงึ ผลทจ่ี ะ ขา่ ว เกดิ ขน้ึ ต่อตนเองและสงั คม เกดิ ทุกครงั้ บาง 58 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) รบั ขอ้ มลู ข่าวสารทกุ ประเภท รูข้ อ้ มลู ข่าวสารทเี่ ป็น รบั รูข้ อ้ มลู ข่าวสารทเี่ ป็น โดยไม่จาแนกแยกแยะ ะโยชน์จากแหลง่ ตา่ งๆ ประโยชน์จากแหล่งต่างๆ ถกู ต้องและเหมาะสม ตามทผี่ ูอ้ ่นื ชแ้ี นะ ตดั สนิ ใจเลอื กรบั หรอื ไมร่ บั ยตนเองเป็นบางครงั้ ขอ้ มูลข่าวสารตามความ ตดั สนิ ใจเลอื กรบั หรอื ไม่รบั ตอ้ งการของตนเองโดยไม่ ดสนิ ใจเลอื กรบั หรอื ไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสาร โดยคานงึ ถงึ ไตร่ตรอง มลู ขา่ วสาร โดยคานึงถงึ ประโยชน์ทมี่ ตี ่อการพฒั นา ะโยชน์ทมี่ ตี อ่ การพฒั นา ตนเอง หรอื สว่ นรวม นเอง และสว่ นรวมอย่างมี โดยมเี หตุผลประกอบบางครงั้ ตผุ ลประกอบเป็นบางครงั้ ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) อกใชว้ ธิ กี ารสอ่ื สารทเ่ี หมาะสม เลอื กใชว้ ธิ กี ารส่อื สารทเ่ี หมาะสม เลอื กใชว้ ธิ กี ารส่อื สารกบั ะคมุ้ ค่ากบั ลกั ษณะขอ้ มลู กบั ลกั ษณะขอ้ มูลขา่ วสาร โดย ลกั ษณะขอ้ มูลขา่ วสาร โดย วสาร โดยคานึงถงึ ผลทจ่ี ะ คานึงถงึ ผลทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ต่อตนเอง ไม่คานงึ ถงึ ผลทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ดขน้ึ ต่อตนเองและสงั คมเป็น หรอื สงั คม ต่อตนเองและสงั คม างครงั้ 87
สมรรถนะที่ 2 ควำมสำมำรถในกำรคิด ตวั ชีว้ ดั ที่ 1 คดิ พน้ื ฐาน (การคดิ วเิ คราะห)์ พฤติกรรมบง่ ชี้ ดเี ย่ยี ม (3) 1. จาแนก จดั หมวดหมู่ จดั ลาดบั ความสาคญั และ มพี ฤตกิ รรมบ่งช้ี ดงั น้ี มพี เปรยี บเทยี บขอ้ มูลในบรบิ ทของการดาเนิน ชวี ติ ประจาวนั 1. จาแนกขอ้ มลู ได้ ในบ 2. หาความสมั พนั ธ์ของสว่ นประกอบต่างๆ ของขอ้ มลู 2. จดั หมวดหมู่ขอ้ มลู ได้ ชวี ต ทพ่ี บเหน็ ในบรบิ ทของการดาเนินชวี ติ ประจาวนั 3. จดั ลาดบั ความสาคญั ของ สอ 3. สามารถระบุหลกั การสาคญั แนวคดิ หรอื ความรู้ ทปี่ รากฏในขอ้ มลู ทพี่ บเหน็ ในบรบิ ทของการดาเนิน ขอ้ มลู ได้ ชวี ติ ประจาวนั 4. เปรยี บเทยี บขอ้ มูลได้ 588 ในบรบิ ทของการดาเนนิ หลกั ภาษาฯ ม.3 ชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั ความเป็นจรงิ ระบคุ วามสมั พนั ธข์ อง ระบ ส่วนประกอบตา่ งๆ ของขอ้ มลู สว่ น และสามารถเช่อื มโยงกบั และ เหตุการณท์ พี่ บเหน็ เหต ในชวี ติ ประจาวนั ไดถ้ ูกตอ้ ง ชวี ต ครบถว้ น ระบุหลกั การสาคญั แนวคดิ ระบ หรอื ความรูท้ ป่ี รากฏในขอ้ มูล หรอ ตา่ งๆ ทพี่ บเหน็ ในบรบิ ทของ ต่าง การดาเนินชวี ติ ประจาวนั ได้ การ อย่างถกู ต้องและครบถ้วน ถูก 58 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) พฤตกิ รรมบ่งช้ี 3 พฤตกิ รรม มพี ฤตกิ รรมบ่งช้ี 2 พฤตกิ รรม มพี ฤตกิ รรมบ่งชพ้ี ฤตกิ รรมใด บรบิ ทของการดาเนนิ ในบรบิ ทของการดาเนนิ พฤตกิ รรมหนง่ึ หรอื ไมป่ รากฏ ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม พฤตกิ รรมใดเลย อดคลอ้ งกบั ความเป็นจรงิ สอดคลอ้ งกบั ความเป็นจรงิ บคุ วามสมั พนั ธข์ อง ระบุความสมั พนั ธข์ อง ไม่สามารถระบุความสมั พนั ธ์ นประกอบต่างๆ ของขอ้ มลู ะสามารถเชอ่ื มโยงกบั ส่วนประกอบตา่ งๆ ของขอ้ มูล ของสว่ นประกอบตา่ งๆ ของ ตุการณท์ พ่ี บเหน็ ใน ติ ประจาวนั ไดถ้ กู ตอ้ ง ไดถ้ กู ตอ้ ง แต่ไมส่ ามารถ ขอ้ มูล และไมส่ ามารถเชอ่ื มโยง เชอ่ื มโยงกบั เหตกุ ารณท์ พ่ี บเหน็ กบั เหตุการณ์ทพี่ บเหน็ ใน ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ชวี ติ ประจาวนั ได้ บุหลกั การสาคญั แนวคดิ ระบุหลกั การสาคญั แนวคดิ ระบุหลกั การสาคญั แนวคดิ อื ความรูท้ ป่ี รากฏในขอ้ มูล หรอื ความรูท้ ป่ี รากฏในขอ้ มูล หรอื ความรูท้ ปี่ รากฏในขอ้ มูล งๆ ทพี่ บเหน็ ในบรบิ ทของ ต่างๆ ทพี่ บเหน็ ในบรบิ ทของ ตา่ งๆ ทพ่ี บเหน็ ในบรบิ ทของ รดาเนินชวี ติ ประจาวนั ได้ การดาเนินชวี ติ ประจาวนั ได้ การดาเนินชวี ติ ประจาวนั กต้องแต่ไม่ครบถ้วน ถกู ตอ้ งเป็นบางสว่ นและ ไมถ่ ูกตอ้ ง ไมค่ รบถ้วน 88
ตวั ชี้วดั ท่ี 2 คดิ ขนั้ สงู (การคดิ สงั เคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ) 589 พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ย่ียม (3) รวบ 1. คดิ สงั เคราะหเ์ พ่อื นาไปสูก่ ารวางแผน ออกแบบ และ หลกั ภาษาฯ ม.3 รวบรวมขอ้ มูล จดั กระทาขอ้ มลู หล คาดการณ์ กาหนดเป็นเป้าหมายในอนาคต และนาขอ้ มูลทเี่ กยี่ วขอ้ งมา หรอ เพอ่ื ประกอบการตดั สนิ ใจตอ่ ตนเองและสงั คม หลอมรวม สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ การ หรอื สารสนเทศ เพอ่ื ประกอบ การ 2. คดิ สรา้ งสรรค์ มจี นิ ตนาการ คดิ ในทางบวก และ การวางแผนตดั สนิ ใจทเ่ี กยี่ วกบั ตน สามารถประยุกตส์ รา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหม่ เพอ่ื ประโยชน์ การสรา้ งผลงานทเ่ี กย่ี วกบั ต่อตนเองและสงั คม ตนเองและสงั คมได้ ใชจ้ การ 3. คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ เพอ่ื ตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื ก ใชจ้ นิ ตนาการเชงิ บวกใน และ ทห่ี ลากหลายโดยใชเ้ กณฑ์ทเ่ี หมาะสม การสรา้ งสรรคส์ ง่ิ แปลกใหม่ ไดอ้ และหรอื ประยกุ ต์สรา้ งสง่ิ ใหม่ ตน ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพต่อ ตนเองและสงั คม คดิ คดิ แบบองคร์ วมรอบดา้ น มเี ห มเี หตุผลเชงิ ตรรกะ ตดั สนิ ใจ เลอื เลอื กบนพน้ื ฐานของขอ้ มลู ทน่ี ทน่ี ่าเชอ่ื ถอื โดยใชเ้ กณฑ์ ทถี่ ทถ่ี ูกต้องเหมาะสมต่อตนเอง หรอ และสงั คม 58 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) รวบรวมขอ้ มูล จดั กระทา บรวมขอ้ มลู จดั กระทาขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มูล จดั กระทาขอ้ มลู ขอ้ มูล และนาขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง มาหลอมรวมกนั ไมไ่ ด้ ะนาขอ้ มูลทเ่ี กย่ี วขอ้ งมา และนาขอ้ มูลทเ่ี กย่ี วขอ้ งมา ใชจ้ นิ ตนาการเชงิ บวกในการ ลอมรวม สรุปเป็นองคค์ วามรู้ หลอมรวมกนั ไดเ้ ป็นผลงาน สรา้ งสรรคส์ งิ่ แปลกใหม่ และ หรอื ประยุกต์สรา้ งสงิ่ ใหม่ไม่ได้ อื สารสนเทศ เพอ่ื ประกอบ คดิ แบบองคร์ วมรอบดา้ นมี รวางแผนตดั สนิ ใจทเี่ กยี่ วกบั เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ ตดั สนิ ใจ เลอื กบนพน้ื ฐานของขอ้ มูล รสรา้ งผลงานทเ่ี กย่ี วกบั ทน่ี ่าเชอ่ื ถอื โดยใชเ้ กณฑ์ ทถ่ี ูกตอ้ งไม่ได้ นเองหรอื สงั คมได้ จนิ ตนาการเชงิ บวกใน ใชจ้ นิ ตนาการเชงิ บวกในการ รสรา้ งสรรคส์ งิ่ แปลกใหม่ สรา้ งสรรคส์ งิ่ แปลกใหม่ และ ะหรอื ประยุกต์สรา้ งสงิ่ ใหม่ หรอื ประยุกตส์ รา้ งสงิ่ ใหม่ได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพต่อ นเองหรอื สงั คม ดแบบองคร์ วมรอบดา้ น คดิ แบบองคร์ วมรอบดา้ น หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ตดั สนิ ใจ มเี หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ตดั สนิ ใจ อกบนพน้ื ฐานของขอ้ มลู เลอื กบนพน้ื ฐานของขอ้ มูล น่าเช่อื ถอื โดยใชเ้ กณฑ์ ทนี่ ่าเชอ่ื ถอื โดยใชเ้ กณฑ์ ถูกตอ้ งเหมาะสมต่อตนเอง ทถ่ี กู ตอ้ งได้ อื สงั คม 89
สมรรถนะที่ 3 ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ ตวั ชีว้ ดั ท่ี 1 ใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาโดยวเิ คราะหป์ ัญหา วางแผนในการแกป้ ัญหา พฤติกรรมบง่ ชี้ ดเี ย่ยี ม (3) 1. วเิ คราะหป์ ัญหา ระบุปัญหาต่างๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ระบ 1.1 ระบปุ ัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ตนเอง ตนเองทตี่ รงกบั สภาพปัญหา ตน 1.2 ระบปุ ัญหาทเี่ กดิ ขน้ึ กบั บุคคลใกลต้ วั ไดม้ ากกว่า 3 ปัญหา ได้ 1.3 ระบสุ าเหตขุ องปัญหา ระบปุ ัญหาต่างๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ระบ บคุ คลใกลต้ วั ทตี่ รงกบั สภาพ บุค 590 ปัญหาไดม้ ากกว่า 3 ปัญหา ปัญ หลกั ภาษาฯ ม.3 ระบุสาเหตขุ องปัญหาตา่ งๆ ระบ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดส้ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ทเ่ี ก มากกวา่ 3 สาเหตุ 3ส 1.4 จดั ระบบขอ้ มูล จาแนกและจดั หมวดหมูส่ าเหตุ จาแ 1.4.1. การจาแนก ของปัญหาไดถ้ กู ตอ้ งทกุ สาเหตุ ขอ สาเ 1.4.2. การจดั ลาดบั มกี ารจดั ลาดบั ความสาคญั ของ สาเหตขุ องปัญหาไดอ้ ย่าง มกี สมเหตุสมผลทุกสาเหตุ สาเ สม 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
า ดาเนนิ การแกป้ ัญหา ตรวจสอบและสรุปผล ปรบั ปรงุ (0) ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) บุปัญหาตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ระบุปัญหาตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ระบุปัญหาต่างๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั นเองทต่ี รงกบั สภาพปัญหา ตนเองทต่ี รงกบั สภาพปัญหา ตนเองทต่ี รงกบั สภาพปัญหา 3 ปัญหา ได้ 2 ปัญหา ได้ 1 ปัญหา บุปัญหาตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ระบปุ ัญหาต่างๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ระบุปัญหาต่างๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั คคลใกลต้ วั ทต่ี รงกบั สภาพ บุคคลใกลต้ วั ทตี่ รงกบั สภาพ บุคคลใกลต้ วั ทตี่ รงกบั สภาพ ญหาได้ 3 ปัญหา ปัญหาได้ 2 ปัญหา ปัญหาได้ 1 ปัญหา บสุ าเหตขุ องปัญหาต่างๆ ระบุสาเหตขุ องปัญหาตา่ งๆ ระบุสาเหตขุ องปัญหาต่างๆ กดิ ขน้ึ ไดส้ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ทเี่ กดิ ขน้ึ ไดส้ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ทเ่ี กดิ ขน้ึ ได้ 1 สาเหตุหรอื ระบุ สาเหตุ 2 สาเหตุ สาเหตไุ ดแ้ ตไ่ ม่สอดคลอ้ งกบั ปัญหา แนกและจดั หมวดหมสู่ าเหตุ จาแนกและจดั หมวดหมู่สาเหตุ จาแนกและจดั หมวดหมู่ องปัญหาไดถ้ กู ต้อง 2 ใน 3 ของปัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง 1 ใน 3 สาเหตขุ องปัญหาไม่ไดห้ รอื เหตุ สาเหตุ ไม่มกี ารจดั หมวดหมู่ การจดั ลาดบั ความสาคญั ของ มกี ารจดั ลาดบั ความสาคญั ของ ไม่มกี ารจดั ลาดบั ความสาคญั เหตขุ องปัญหาไดอ้ ยา่ ง สาเหตขุ องปัญหาไดอ้ ย่าง ของสาเหตขุ องปัญหา หรอื จดั มเหตุสมผล 2 ใน 3 สาเหตุ สมเหตุสมผล 1 ใน 3 สาเหตุ ไดไ้ ม่สมเหตสุ มผล 90
พฤติกรรมบง่ ชี้ ดเี ยี่ยม (3) 1.4.3. การเชอ่ื มโยง แสดงการเชอ่ื มโยง แสด 1.5 การตงั้ สมมุตฐิ าน ความสมั พนั ธ์ระหว่างสาเหตุ ควา 1.6 การกาหนดทางเลอื ก ของปัญหาและผลทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ขอ 1.7 การตดั สนิ ใจเลอื กวธิ กี าร ไดโ้ ดยมขี อ้ มูลสนบั สนุนอยา่ ง ไดโ้ สมเหตสุ มผลทกุ สาเหตุ สม 2. การวางแผนในการแกป้ ัญหา บอกแนวโนม้ ของสถานการณท์ ่ี บอ จะเกดิ ขน้ึ ไดม้ ากกวา่ ทจ่ี 3 สถานการณ์ 591 กาหนดทางเลอื กในการ กาห แกป้ ัญหาทม่ี คี วามเป็นไปได้ แก หลกั ภาษาฯ ม.3 มากกวา่ 3 วธิ ี 3ว ตดั สนิ ใจเลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหา ตดั โดยพจิ ารณาขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั โดย ซ่งึ ไม่เกดิ ผลกระทบในทางลบ และ แกต่ นเองและผูอ้ น่ื ตน 1ป มกี ารวางแผนและออกแบบ มกี วธิ กี ารแกป้ ัญหาทม่ี คี วาม วธิ กี เป็นไปไดอ้ ยา่ งสมเหตสุ มผล ราย โดยใชข้ อ้ มลู รายละเอยี ด วาง ประกอบการวางแผน อย มขี นั้ ตอนของแผนงานอยา่ ง เพยี ชดั เจนและมขี อ้ มูลเพยี งพอ 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) ดงการเชอ่ื มโยง แสดงการเช่อื มโยง ไม่มกี ารแสดงการเชอ่ื มโยง ามสมั พนั ธร์ ะหว่างสาเหตุ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสาเหตุ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสาเหตุ องปัญหาและผลทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ของปัญหาและผลทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ของปัญหาและผลทจี่ ะเกดิ ขน้ึ โดยมขี อ้ มูลสนบั สนุนอยา่ ง ไดโ้ ดยมขี อ้ มูลสนับสนุนอย่าง มเหตสุ มผล 2 ใน 3 สาเหตุ สมเหตุสมผล 1 ใน 3 สาเหตุ อกแนวโนม้ ของสถานการณ์ บอกแนวโนม้ ของสถานการณ์ บอกแนวโนม้ ของสถานการณ์ จะเกดิ ขน้ึ ได้ 3 สถานการณ์ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ได้ 2 สถานการณ์ ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ได้ 1 สถานการณ์ หรอื บอกไมไ่ ด้ หนดทางเลอื กในการ กาหนดทางเลอื กในการ กาหนดทางเลอื กในการ กป้ ัญหาท่มี คี วามเป็นไปได้ แกป้ ัญหาทมี่ คี วามเป็นไปได้ แกป้ ัญหาท่ีมคี วามเป็นไปได้ วธิ ี 2 วธิ ี 1 วธิ ี หรอื กาหนดทางเลอื ก ทเี่ ป็นไปไมไ่ ด้ ดสนิ ใจเลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหา ตดั สนิ ใจเลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหา ตดั สนิ ใจเลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหา ยพจิ ารณาขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั โดยพจิ ารณาขอ้ ดแี ละขอ้ จากดั โดยไม่พจิ ารณาขอ้ ดแี ละ ะมผี ลกระทบในทางลบแก่ และมผี ลกระทบในทางลบแก่ ขอ้ จากดั ทาใหเ้ กดิ ผลกระทบ นเองและผูอ้ น่ื ไมเ่ กนิ ตนเองและผูอ้ ่นื 2 ประเดน็ ในทางลบแก่ตนเองและผูอ้ น่ื ประเดน็ มากกวา่ 2 ประเดน็ การวางแผนและออกแบบ มกี ารวางแผนและออกแบบ ไม่มกี ารวางแผนและออกแบบ การแกป้ ัญหาโดยใชข้ อ้ มูล วธิ กี ารแกป้ ัญหาโดยใชข้ อ้ มูล วธิ กี ารแกป้ ัญหา ยละเอยี ดประกอบการ รายละเอยี ดประกอบการ งแผน มขี นั้ ตอนของแผนงาน วางแผน มขี นั้ ตอนของแผนงาน ยา่ งชดั เจนและมขี อ้ มูล อยา่ งชดั เจน ยงพอ 91
พฤติกรรมบ่งชี้ ดีเยยี่ ม (3) 3. การดาเนินการในการแกป้ ัญหา 592 ปฏบิ ตั ติ ามแผนการแกป้ ัญหาที่ ปฏ 3.1 การปฏบิ ตั ติ ามแผน กาหนดไวท้ กุ ขนั้ ตอน มขี อ้ มูล กาห หลกั ภาษาฯ ม.3 สนับสนุนครบถว้ นสมบูรณ์ และ 3.2 การตรวจสอบทบทวนแผน มกี ารตรวจสอบทบทวนแผน มกี และมกี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ข และ 3.3 การบนั ทกึ ผลการปฏบิ ตั ิ ขอ้ บกพรอ่ งครบถว้ นสมบูรณ์ แต 4. สรุปผลและรายงาน มกี ารบนั ทกึ ผลการปฏบิ ตั งิ าน มกี ทุกขนั้ ตอนและมคี วามชดั เจน ทุก มกี ารสรุปผลและจดั ทารายงาน มกี อย่างถกู ตอ้ ง สมบรู ณ์ ชดั เจน อย มหี ลกั ฐานอา้ งองิ อยา่ งสมเหตุ มหี สมผลและแสดงถงึ การนาขอ้ การ คน้ พบทไ่ี ด้ไปประยกุ ตใ์ ช้ ประ ในสถานการณอ์ น่ื 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ปรบั ปรงุ (0) ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ฏบิ ตั ติ ามแผนการแกป้ ัญหาท่ี ปฏบิ ตั ติ ามแผนการแกป้ ัญหาท่ี ไม่มกี ารปฏบิ ตั ติ ามแผนการ หนดไว้ 2 ใน 3 ของขนั้ ตอน กาหนดไว้ 1 ใน 3 ของขนั้ ตอน แกป้ ัญหาทว่ี างไว้ ะมขี อ้ มลู สนับสนุนสมบรู ณ์ และมขี อ้ มูลสนับสนุนสมบูรณ์ การตรวจสอบทบทวนแผน มกี ารตรวจสอบทบทวนแผน ไม่มกี ารตรวจสอบทบทวน ะมกี ารแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง แต่ไมม่ กี ารแก้ไขขอ้ บกพร่อง ตไ่ ม่สมบรู ณ์ การบนั ทกึ ผลการปฏบิ ตั งิ าน มกี ารบนั ทกึ ผลการปฏบิ ตั งิ าน ไมม่ กี ารบนั ทกึ ผลการ กขนั้ ตอน แต่ไม่ค่อยชดั เจน แต่ไมค่ รบทกุ ขนั้ ตอน ปฏบิ ตั งิ าน การสรุปผลและจดั ทารายงาน มกี ารสรปุ ผลและจดั ทารายงาน ไม่มกี ารสรปุ และจดั ทา ย่างถกู ตอ้ ง สมบรู ณ์ ชดั เจน แต่ไม่แสดงถงึ การนาขอ้ คน้ พบ รายงานผล หลกั ฐานอา้ งองิ และแสดงถงึ ทไี่ ดไ้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นสถานการณ์ รนาขอ้ คน้ พบทไี่ ดไ้ ป อน่ื ะยกุ ต์ใชใ้ นสถานการณ์อน่ื 92
ตวั ชีว้ ดั ท่ี 2 ผลลพั ธท์ เ่ี กดิ จากการแกป้ ัญหา พฤติกรรมบง่ ชี้ ดีเยย่ี ม (3) 1. คณุ ภาพของผลงาน/การแกป้ ัญหา ผลงาน/ชน้ิ งานทเี่ กดิ จากการ ผลงา 2. นาไปประยกุ ต์ใช้ แกป้ ัญหามคี วามถูกตอ้ งตาม แกป้ หลกั การ เหตผุ ล และเกดิ จาก ตาม การดาเนินงานตามขนั้ ตอน เกดิ จ ทก่ี าหนดอย่างชดั เจน ขนั้ ต นาขอ้ คน้ พบจากผลงาน/ชน้ิ งาน นาข ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการป้องกนั และ ไปป แกป้ ัญหาในสถานการณอ์ น่ื ๆ แกป้ 593 ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งตามหลกั ไดอ้ ย หลกั ภาษาฯ ม.3 เหตผุ ลและคณุ ธรรม 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) าน/ชน้ิ งานทเี่ กดิ จากการ ผลงาน/ชน้ิ งานทเี่ กดิ จากการ ผลงาน/ชน้ิ งานทเี่ กดิ จากการ ปัญหามคี วามถูกต้อง แกป้ ัญหามคี วามถูกต้องตาม แกป้ ัญหาไม่ถกู ต้องตาม มหลกั การ เหตผุ ล แตไ่ ม่ได้ หลกั การ เหตผุ ล แต่การ หลกั การ เหตุผล และไม่ได้ จากการดาเนินงานตาม แกป้ ัญหาไมเ่ ป็นไปตาม เกดิ จากการดาเนินงานตาม ตอนทก่ี าหนดไวท้ งั้ หมด ขนั้ ตอนทกี่ าหนด ขนั้ ตอนทก่ี าหนด ขอ้ คน้ พบจากผลงาน/ชน้ิ งาน นาขอ้ คน้ พบจากผลงาน/ชน้ิ งาน ไมม่ กี ารนาขอ้ คน้ พบจาก ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการป้องกนั และ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการป้องกนั และ ผลงาน/ชน้ิ งานไปประยุกตใ์ ชใ้ น ปัญหาในสถานการณ์อน่ื ๆ แกป้ ัญหาในสถานการณอ์ ่นื การป้องกนั และแกป้ ัญหาใน ย่างสมเหตุสมผล สถานการณอ์ น่ื 93
สมรรถนะที่ 4 ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวิต ตวั ชี้วดั ท่ี 1 นากระบวนการเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั พฤติกรรมบง่ ชี้ ดีเยีย่ ม (3) 1. นาความรู้ ทกั ษะ และกระบวนการทหี่ ลากหลาย นาความรู/้ ทกั ษะและเทคนคิ วธิ ี นาค มาสรา้ งผลงาน/โครงงานทเี่ ป็นระบบ มขี นั้ ตอน ชดั เจน และมปี ระสทิ ธภิ าพไปใชใ้ นการดาเนิน ต่างๆ มาใชส้ รา้ งสรรคง์ านอย่าง ต่างๆ ชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เป็นระบบและมปี ระสทิ ธภิ าพ อยา่ ง (ผลงานมปี ระโยชน์ ประหยดั ประส งบประมาณ/ทรพั ยากร และ ประห สาเรจ็ ) ในเวลาทกี่ าหนดและ และส 594 สามารถนาไปใชใ้ นการดาเนิน และส หลกั ภาษาฯ ม.3 ชวี ติ ประจาวนั ดาเน ตวั ชีว้ ดั ที่ 2 เรยี นรดู้ ว้ ยตนเองและเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง พฤติกรรมบง่ ชี้ ดีเย่ียม (3) สบื ค 1. มที กั ษะในการแสวงหาความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร จากแ สบื คน้ ความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร แหล จากแหลง่ เรยี นรูต้ ่างๆ หรอื โดยป แหลง่ อา้ งองิ ทห่ี ลากหลาย โดยปฏบิ ตั ทิ กุ ครงั้ 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) ความรู/้ ทกั ษะและเทคนิควธิ ี นาความรู/้ ทกั ษะและเทคนิควธิ ี นาความรู/้ ทกั ษะและเทคนิควธิ ี ต่างๆ มาใชส้ รา้ งสรรคง์ านไมไ่ ด้ ๆ มาใชส้ รา้ งสรรคง์ าน ตา่ งๆ มาใชส้ รา้ งสรรคง์ านได้ งเป็นระบบ แต่ขาด แตไ่ มม่ ปี ระสทิ ธภิ าพและไม่ สทิ ธภิ าพ (ประโยชน์ สาเรจ็ ในเวลาทกี่ าหนด หยดั งบประมาณ/ทรพั ยากร สาเรจ็ ) ในเวลาทกี่ าหนด สามารถนาไปใชใ้ นการ นนิ ชวี ติ ประจาวนั ระดบั คณุ ภำพ ปรบั ปรงุ (0) ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) คดั ลอก ขอ้ มลู ขา่ วสาร ของผอู้ ่นื โดยไมม่ กี ารสบื คน้ คน้ ความรู้ ขอ้ มูล ขา่ วสาร สบื คน้ ความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร แหล่งเรยี นรูต้ า่ งๆ หรอื จากแหล่งเรยี นรู้ หรอื แหล่ง ล่งอา้ งองิ ทห่ี ลากหลาย อา้ งองิ ทไี่ ม่หลากหลาย ปฏบิ ตั เิ ป็นบางครงั้ 94
พฤติกรรมบ่งชี้ ดีเยยี่ ม (3) 2. สามารถเชอ่ื มโยงความรู้ สงั เคราะหค์ วามรู้ ขอ้ มูล สงั เค 3. มวี ธิ กี ารในการศกึ ษาความรูเ้ พม่ิ เตมิ เพ่อื ขยาย ประสบการณไ์ ปสู่การเรยี นรสู้ งิ่ ใหม่ และสรา้ ง ขา่ วสารทไ่ี ดร้ บั และสามารถ ขา่ วส องคค์ วามรูต้ ามความสนใจอยา่ งต่อเน่อื ง นาเสนอประเดน็ ทเี่ ป็นแกน่ นาเส สาระสาคญั ครบถว้ นหรอื สาระ เปรยี บเทยี บกบั หลกั การทฤษฎี หรอื ไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งน่าเชอ่ื ถอื ทฤษ ทุกประเดน็ น่าเช มวี ธิ กี ารทห่ี ลากหลายใน มวี ธิ ก การศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูล การศ 595 ขา่ วสารเพอ่ื สรา้ งประเดน็ การ ขา่ วส หลกั ภาษาฯ ม.3 เรยี นรูใ้ หมๆ่ ทเี่ ป็นประโยชน์ เรยี น ตามความสนใจอย่างต่อเน่อื ง ตาม ตวั ชี้วดั ท่ี 3 ทางานและอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอย่างมคี วามสขุ พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ย่ยี ม (3) 1. ทางานร่วมกบั ผูอ้ น่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์ สามารถ แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง แสด แสดงความคดิ เหน็ ของตน ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื รบั ฟ ของผอู้ ่นื โดยสนับสนุนหรอื คดั ค้านความ โดยส คดิ เหน็ นนั้ ดว้ ยกริ ยิ าวาจาท่ี ความ สภุ าพ ใหเ้ กยี รตผิ อู้ ่นื พรอ้ มทงั้ วาจา ปฏบิ ตั งิ านทตี่ นรบั ผดิ ชอบจน พรอ้ สาเรจ็ เป็นทพี่ งึ พอใจของกลุ่ม รบั ผ 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) คราะหค์ วามรู้ ขอ้ มูล จดั กลุม่ ความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร จดั กลุม่ ความรู้ ขอ้ มูล ข่าวสาร สารทไี่ ดร้ บั และสามารถ ทไี่ ดร้ บั และสามารถนาเสนอ ทไ่ี ดร้ บั ไม่ไดห้ รอื นาเสนอ สนอประเดน็ ทเี่ ป็นแกน่ ประเดน็ ทเ่ี ป็นแกน่ สาระสาคญั ได้ ประเดน็ ทเี่ ป็นแก่นสาระสาคญั ะสาคญั ไดเ้ ป็นบางส่วน โดยเปรยี บเทยี บหลกั การ อเปรยี บเทยี บกบั หลกั การ ทฤษฎไี มส่ อดคลอ้ งหรอื ษฎไี ดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง ไม่น่าเช่อื ถอื ชอ่ื ถอื เป็นบางประเดน็ กี ารทหี่ ลากหลายใน มวี ธิ กี ารในการศกึ ษาคน้ ควา้ มวี ธิ กี ารในการศกึ ษาคน้ ควา้ ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูล ขอ้ มูล ขา่ วสารทไ่ี ม่หลากหลาย ขอ้ มลู ข่าวสาร แตไ่ ม่สามารถ สารเพอ่ื สรา้ งประเดน็ การ เพอ่ื สรา้ งประเดน็ การเรยี นรู้ สรา้ งประเดน็ การเรยี นรูใ้ หม่ๆ นรูใ้ หมๆ่ ทเี่ ป็นประโยชน์ ใหมๆ่ ทเี่ ป็นประโยชน์ตาม มความสนใจได้ ความสนใจ ระดบั คณุ ภำพ ปรบั ปรงุ (0) ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปฏบิ ตั งิ านของตนเองได้ ดงความคดิ เหน็ ของตนเอง แสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง แตไ่ ม่รบั ฟังความคดิ เหน็ ของ ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื รบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ผูอ้ น่ื สนบั สนุนหรอื คดั ค้าน หรอื ปฏบิ ตั งิ านทตี่ นรบั ผดิ ชอบ มคดิ เหน็ บา้ งดว้ ยกริ ยิ า สาเรจ็ เมอ่ื มผี ูอ้ ่นื มากระตุน้ าทส่ี ุภาพ ใหเ้ กยี รตผิ ูอ้ น่ื อมทงั้ ปฏบิ ตั งิ านทต่ี น ผดิ ชอบจนสาเรจ็ 95
พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ย่ียม (3) 2. ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ า หนา้ ที่ ความรบั ผดิ ชอบ ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าของสงั คม ปฏบิ 3. เขา้ ร่วมกจิ กรรมกบั ผูอ้ ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ สามารถระบหุ น้าทใ่ี นความ สามา 4. เหน็ คุณคา่ ของการมชี วี ติ รบั ผดิ ชอบของตน และปฏบิ ตั ิ รบั ผ ตามหน้าทที่ สี่ ง่ ผลใหเ้ กิดผลดี ตาม ต่อตนเองและสว่ นรวม ตอ่ ต ปฏบิ ตั ติ นไดต้ ามสทิ ธขิ อง ปฏบิ ตนเองในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม การเ มคี วามกล้าในการเรยี กรอ้ ง เรยี ก สทิ ธทิ ถี่ ูกละเลยและไมล่ ะเมดิ ใหโ้ อ 596 หรอื รูจ้ กั เคารพสทิ ธทิ พี่ งึ ได้ หลกั ภาษาฯ ม.3 ของผอู้ ่นื มพี ฤตกิ รรมทแี่ สดงถงึ ความ มพี ฤ รน่ื รมยส์ ง่ ผลทด่ี ตี อ่ สุขภาพกาย รน่ื ร สุขภาพจติ ของตนเองและผูอ้ ่นื สขุ ภ 5. เขา้ ใจ ยอมรบั ปรบั ตวั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงทาง มพี ฤตกิ รรมในการแสดงออกถงึ มพี ฤ ร่างกาย ความเสมอภาคทางเพศ การยอมรบั กบั ผูร้ ่วมกจิ กรรมท่ี การย แตกต่างทางกาย ทางความคดิ แตก 6. ใชภ้ าษา กริ ยิ า ทา่ ทางเหมาะสมกบั บุคคลและ ต่างเพศ ตา่ งวยั อย่างจรงิ ใจ ตา่ งเ โอกาสตามมารยาทสงั คม มกี ริ ยิ า วาจา ทา่ ทาง และ มกี ริ ย 7. ปฏบิ ตั งิ านในส่วนรวมอย่างมคี วามสขุ แตง่ กายสุภาพเหมาะสมกบั แต่งก บุคคล สถานทใี่ นทุกโอกาส เม่อื อ พงึ พอใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมอย่าง เขา้ ร กวา้ งขวางในฐานะผูน้ าหรอื ผูต้ าม เป็นอ 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑข์ นั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) บตั ติ ามกฎ กตกิ าของสงั คม ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าของสงั คม ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าของ ารถระบุหน้าทใี่ นความ สามารถระบุหน้าทไ่ี ด้ แตล่ ะเลย สงั คมหรอื ละเลยในหนา้ ท่ี ผดิ ชอบของตน และปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั เิ ป็นบางครงั้ มหน้าทที่ ส่ี ง่ ผลใหเ้ กิดผลดี ตนเองได้ บตั ติ นไดต้ ามสทิ ธทิ ม่ี ใี น ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธทิ ม่ี ใี นบาง ละเมดิ สทิ ธขิ องผูอ้ น่ื เขา้ รว่ มกจิ กรรม แตไ่ มก่ ลา้ กจิ กรรม แตไ่ ม่ละเมดิ หรอื ใช้ ในบางโอกาส กรอ้ งสทิ ธทิ ถ่ี กู ละเลยและ โอกาสในการหยบิ ฉวยสทิ ธทิ ่ี อกาสผูอ้ น่ื ใชส้ ทิ ธทิ พี่ งึ ได้ พงึ ไดข้ องผูอ้ ่นื ฤตกิ รรมทแี่ สดงถงึ ความ มพี ฤตกิ รรมทแ่ี สดงถงึ ความ มพี ฤตกิ รรมเสย่ี งทส่ี ง่ ผล รมยส์ ่งผลทด่ี ตี ่อสขุ ภาพกาย ร่นื รมยส์ ่งผลทด่ี ตี ่อสุขภาพกาย ตอ่ สุขภาพกาย สุขภาพจติ ภาพจติ ของตนเองหรอื ผูอ้ น่ื สุขภาพจติ ของผอู้ ่นื โดยหวงั ของตนเองและผูอ้ ่นื ประโยชน์สว่ นตน ฤตกิ รรมในการแสดงออกถงึ เขา้ ใจ ยอมรบั ปรบั ตวั ต่อการ ไมส่ ามารถดแู ลตนเองตามการ ยอมรบั กบั ผูร้ ่วมกจิ กรรมที่ เปลยี่ นแปลงทางกาย ทาง เปลย่ี นแปลงของรา่ งกายและ กตา่ งทางกาย ทางความคดิ ความคดิ เพศและวยั ของตนเอง ไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการ เพศ ต่างวยั อย่างมเี งอ่ื นไข เสมอภาคทางเพศ ยิ า วาจา ท่าทาง และ มกี ริ ยิ า วาจา ทา่ ทาง หรอื มกี ริ ยิ า วาจา ทา่ ทาง หรอื กายสุภาพเหมาะสม แต่งกายไม่เหมาะสมเมอ่ื อยู่ แต่งกายไม่เหมาะสม อยู่ตอ่ หนา้ ชุมชน ตอ่ หนา้ ชมุ ชนในบางครงั้ ในทุกโอกาส รว่ มกจิ กรรมสว่ นรวมได้ มคี วามกงั วลอยบู่ า้ งเม่อื ตอ้ ง แยกตนเองจากการปฏบิ ตั งิ าน อนั หน่งึ อนั เดยี วกนั ปฏบิ ตั งิ านกบั ผูอ้ น่ื ร่วมกบั ผูอ้ ่นื มาทางานแตผ่ ูเ้ ดยี ว 96
ตวั ชีว้ ดั ท่ี 4 จดั การกบั ปัญหาและความขดั แยง้ ในสถานการณต์ ่าง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะ พฤติกรรมบ่งชี้ ดเี ยย่ี ม (3) มวี ฒุ ควบ 1. วเิ คราะหส์ ถานการณ์ ปัญหา และมกี ารจดั การ มวี ุฒภิ าวะทางอารมณใ์ นการ ความ ไดเ้ หมาะสม ควบคมุ ตนเองใหร้ บั รปู้ ัญหา/ มกี าร ความขดั แยง้ ทกี่ าลงั ประสบ เพอ่ื ป มกี ารเกบ็ ขอ้ มูลเพอ่ื ประเมนิ แกป้ ทางเลอื กในการแกป้ ัญหาของ แลว้ จ ตนเองและผูอ้ น่ื แลว้ จงึ ลงมอื ประส แกไ้ ขปัญหาไดป้ ระสบผลสาเรจ็ 597 ตวั ชี้วดั ท่ี 5 ปรบั ตวั ต่อการเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม หลกั ภาษาฯ ม.3 พฤติกรรมบง่ ชี้ ดเี ยีย่ ม (3) 1. ตดิ ตามขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ปัจจุบนั ของสงั คมโลก ต่นื ตวั รบั รขู้ ่าวสารและตระหนัก ต่นื ต 2. ปรบั ตวั ตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม สภาพแวดลอ้ ม ถงึ ผลกระทบของข่าวสารท่ี ถงึ ผ อาจจะเกดิ กบั ตนและสงั คมโลก อาจจ ปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การ ปรบั เปลยี่ นแปลงของสงั คมและ ของส สภาพแวดลอ้ มไดอ้ ย่างเหมาะสม ไดอ้ ย โดยไม่มพี ฤตกิ รรมขดั แยง้ กบั วฒั นธรรมของสงั คมไทย 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ะสม ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) ฒภิ าวะทางอารมณ์ในการ ควบคุมตนเองใหร้ บั รปู้ ัญหา/ รบั รูป้ ัญหา/ความขดั แยง้ บคมุ ตนเองใหร้ บั รปู้ ัญหา/ ความขดั แยง้ ทกี่ าลงั ประสบ ทกี่ าลงั ประสบ แต่ไม่สามารถ มขดั แยง้ ทก่ี าลงั ประสบ และแกไ้ ขปัญหาโดยไม่ประเมนิ แกไ้ ขปัญหาได้ ารสอบถามหรอื เกบ็ ขอ้ มูล ทางเลอื กในการแกป้ ัญหา ประเมนิ ทางเลอื กในการ ปัญหาของตนเองหรอื ผูอ้ ่นื จงึ ลงมอื แกไ้ ขปัญหาได้ สบผลสาเรจ็ ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) ตวั รบั รขู้ า่ วสารและตระหนกั รบั รูข้ ่าวสารและตระหนกั ถงึ ขาดความใสใ่ จในขอ้ มลู ขา่ วสาร ผลกระทบของข่าวสารที่ ผลกระทบของข่าวสารทอี่ าจจะ จะเกดิ กบั ตนและชมุ ชน เกดิ กบั ตน บตวั เขา้ กบั การเปลย่ี นแปลง ปรบั ตวั เขา้ กบั การเปลยี่ นแปลง รบั รูส้ ถานการณ์ทเ่ี ปลย่ี นแปลง สงั คมและสภาพแวดลอ้ ม ในสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม ทางสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม ย่างเหมาะสม แตไ่ มใ่ ส่ใจทจ่ี ะปรบั ตวั 97
ตวั ชี้วดั ที่ 6 หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื 598 พฤติกรรมบง่ ชี้ ดีเยย่ี ม (3) ปฏบิ 1. รูจ้ กั ป้องกนั หลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมเสย่ี งต่อสขุ ภาพ ทพี่ งึ หลกั ภาษาฯ ม.3 ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูม้ พี ฤตกิ รรม ขอ้ 5 การล่วงละเมดิ ทางเพศ อบุ ตั เิ หตุ สารเสพตดิ และ ทพี่ งึ ประสงค์ ทกุ รายการ ความรุนแรง 1. หลกี เลยี่ งจากสารเสพตดิ ควบค ความ 2. จดั การกบั อารมณ์และความเครยี ดไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทุกประเภท คาพดู และเหมาะสม 2. ไมใ่ ชค้ วามรุนแรงในการ ใชเ้ วล ความ แกป้ ัญหา 3. ไมป่ รากฏพฤตกิ รรม ล่วงละเมดิ ทางเพศ 4. มคี วามระมดั ระวงั ในการ เลน่ หรอื ทากจิ กรรมใดๆ ทเ่ี สย่ี งตอ่ อบุ ตั เิ หตุ 5. รบั ประทานอาหารทมี่ คี ณุ ค่า ทางโภชนาการ 6. ออกกาลงั กายเป็นประจา ควบคุมอารมณ์ โดยไม่แสดง ความฉุนเฉยี วหรอื ไมพ่ อใจ ดว้ ยคาพูด กริ ยิ าอาการต่อ หนา้ ผูอ้ ่นื ใชเ้ วลาว่างในการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทเ่ี ป็นประโยชน์ เพอ่ื ผ่อนคลายความเครยี ดได้ 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ปรบั ปรงุ (0) ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูม้ พี ฤตกิ รรมท่ี พงึ ประสงค์ ไม่ครบตามขอ้ 1-4 บตั ติ นเป็นผูม้ พี ฤตกิ รรม ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูม้ พี ฤตกิ รรม งประสงค์ ในขอ้ 1-4 และ ทพ่ี งึ ประสงค์ ในขอ้ 1-4 5-6 ขอ้ ใดขอ้ หน่ึง คมุ อารมณ์ โดยไมแ่ สดง ควบคมุ อารมณ์ โดยไม่แสดง แสดงความฉุนเฉยี วหรอื ไมพ่ อใจ มฉุนเฉยี วหรอื ไม่พอใจดว้ ย ความฉุนเฉียวหรอื ไมพ่ อใจดว้ ย ดว้ ยคาพดู กรยิ า อาการต่อหน้า ด กริ ยิ าอาการตอ่ หน้าผูอ้ ่นื คาพดู กริ ยิ าอาการตอ่ หน้าผูอ้ น่ื ผูอ้ ่นื ลาวา่ งเพอ่ื ผอ่ นคลาย เมอ่ื มผี ูช้ แ้ี นะทว้ งตงิ มเครยี ด 98
สมรรถนะที่ 5 ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี ตวั ชีว้ ดั ที่ 1 เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื พฒั นาตนเองและสงั คม 599 พฤติกรรมบ่งชี้ ดีเย่ียม (3) เลอื กแ 1. เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรยี นรูอ้ ยา่ ง ทเ่ี หม หลกั ภาษาฯ ม.3 เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี คน้ คว สรา้ งสรรคแ์ ละมคี ุณธรรม ทเ่ี หมาะสมในการสบื คน้ ความ คน้ ควา้ รวบรวม และสรุป ถูกตอ้ 2. เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการสอ่ื สารอยา่ ง ความรูด้ ว้ ยตนเองไดอ้ ย่าง แปลก สรา้ งสรรคแ์ ละมคี ณุ ธรรม ถูกต้อง มคี วามหลากหลาย ต่อตน แปลกใหม่ และเป็นประโยชน์ ต่อตนเองและสงั คม เลอื กแ โดยสามารถแนะนาผูอ้ ่นื ได้ เหมา ใหผ้ ูอ้ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยที ่ี และม เหมาะสมในการรบั และส่งสาร แปลก ใหผ้ ูอ้ ่นื เขา้ ใจไดอ้ ย่างถกู ต้อง เดอื ด และมคี วามหลากหลาย แปลกใหม่ โดยไมท่ าใหผ้ ูอ้ ่นื เดอื ดรอ้ น และสามารถแนะนา ผูอ้ น่ื ได้ 59 หลกั ภาษาฯ ม.3
ระดบั คณุ ภำพ ดี (2) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ขนั้ ตำ่ (1) ปรบั ปรงุ (0) กและใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการ สบื คน้ คน้ ควา้ รวบรวม และ มาะสมในการสบื คน้ สบื คน้ คน้ ควา้ รวบรวม และ สรปุ ความรูด้ ว้ ยตนเองได้ แตต่ อ้ งอาศยั ผูแ้ นะนา วา้ รวบรวม และสรุป สรุปความรูด้ ว้ ยตนเองไดอ้ ย่าง มรูด้ ว้ ยตนเองไดอ้ ยา่ ง ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ อง มคี วามหลากหลาย ต่อตนเองหรอื สงั คม กใหม่ และเป็นประโยชน์ นเองหรอื สงั คม กและใชเ้ ทคโนโลยที ี่ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี นการ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยใี หผ้ ูอ้ น่ื าะสมในการรบั และสง่ สาร รบั และส่งสารใหผ้ ูอ้ ่นื เขา้ ใจได้ เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งถกู ต้องแตไ่ ม่ อน่ื เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยไมท่ าให้ คานึงถงึ ผลกระทบต่อผูอ้ ่นื มคี วามหลากหลาย ผูอ้ ่นื เดอื ดรอ้ น กใหม่ โดยไม่ทาใหผ้ ูอ้ น่ื ดรอ้ น 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267