Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 2

แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 2

Published by pm.punnatat, 2022-08-16 09:59:23

Description: แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 2

Search

Read the Text Version

เรอ่ื งที่ 1 การพดู โน้มน้าว 2 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการปฏิบตั ิ ขนั้ ที่ 1 สงั เกต รบั รู้ ครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุม่ กล่มุ ละ 6 คน คละกนั ตามความสามารถ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาความรู้ เร่อื ง การพดู โนม้ น้าว จากหนงั สอื เรยี น ขนั้ ที่ 2 ทาตามแบบ นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ฝึกเขยี นบทพดู โน้มนา้ ว ตามแบบทน่ี กั เรยี นไดศ้ กึ ษา ขนั้ ที่ 3 ทาเองโดยไม่มแี บบ นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สมมตสิ ถานการณข์ น้ึ มาแลว้ เขยี นบทพดู โนม้ น้าวโดยไมม่ แี บบ ขนั้ ที่ 4 ฝึกทาให้ชานาญ ครูกาหนดสถานการณ์ใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ รณรงคร์ กั ภาษาไทย ฟังเพลงไทย ดหู นังไทย แลว้ ใหน้ กั เรยี น แตล่ ะกลมุ่ เขยี นบทพดู โนม้ นา้ ว จากนนั้ สง่ ตวั แทนออกมาพดู นาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น 415 หลกั ภาษาฯ ม.3

เรอื่ งท่ี 2 การพดู อภิปราย 2 ชวั่ โมง วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขนั้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage) ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การพดู อภปิ ราย จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นดซู ดี กี ารพดู อภปิ รายในโอกาสตา่ งๆ แลว้ รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การพดู อภปิ ราย ขนั้ ที่ 2 สารวจคน้ หา (Explore) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรูเ้ รอ่ื ง การพดู อภปิ ราย จากหนังสอื เรยี น ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายสรุปหลกั การพดู อภปิ ราย 2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทาใบงานที่ 8.1 เรอื่ ง หลกั การพดู อภิปราย เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้ รว่ มกนั ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งกอ่ นนาส่งครู ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ จดั อภปิ รายในประเดน็ ทน่ี กั เรยี นมคี วามรู้ มคี วามสนใจ และทนั สมยั ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ ผลการอภปิ ราย 416 หลกั ภาษาฯ ม.3

เรอ่ื งที่ 3 การพดู โต้วาทีและยอวาที (1) 1 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยการจดั การเรียนร้แู บบรว่ มมอื : เทคนิคกลุ่มสืบคน้ ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การโตว้ าทแี ละยอวาที แลว้ ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ใหค้ วามหมายของการโตว้ าทแี ละ ยอวาที 2. ครูเปิดซดี กี ารโตว้ าที โดยเลอื กใหน้ ักเรยี นดบู างตอนตามความเหมาะสม ขนั้ สอน 1. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ (จากเร่อื งท่ี 1) จากนนั้ ครใู หส้ มาชกิ ในกลมุ่ กาหนดหมายเลขประจาตวั ใหส้ มาชกิ แตล่ ะคน เป็นหมายเลข 1-6 แลว้ ร่วมกนั ศกึ ษาและสบื คน้ ความรตู้ ามประเดน็ ทค่ี รูกาหนด ดงั น้ี - สมาชกิ หมายเลข 1-2 รว่ มกนั ศกึ ษาและสบื คน้ เร่อื ง องคป์ ระกอบของการโตว้ าที และทาใบงานที่ 8.2 เร่อื ง องคป์ ระกอบของการโต้วาที - สมาชกิ หมายเลข 3-4 รว่ มกนั ศกึ ษาและสบื คน้ เร่อื ง หนา้ ทข่ี องผรู้ ่วมโตว้ าที และทาใบงานที่ 8.3 เรอ่ื ง หน้าที่ของผรู้ ่วมโต้วาที - สมาชกิ หมายเลข 5-6 ร่วมกนั ศกึ ษาและสบื คน้ เร่อื ง มารยาทในการโตว้ าที และทาใบงานท่ี 8.4 เรอ่ื ง มารยาทในการโต้วาที 2. สมาชกิ แต่ละคจู่ ะศกึ ษาสบื คน้ ความรตู้ ามท่ไี ดร้ บั ผดิ ชอบจากหนงั สอื เรยี นและแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ พรอ้ มกบั ทาใบงาน แลว้ นาคาตอบมาอภปิ รายรว่ มกนั ในกลมุ่ จนไดค้ าตอบทส่ี มบูรณ์และมคี วามเขา้ ใจ กนั ทกุ คน ขนั้ สรปุ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอใบงานท่ี 8.2-8.4 หนา้ ชนั้ เรยี น จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ แนวทางในการโตว้ าที 417 หลกั ภาษาฯ ม.3

เรอ่ื งท่ี 4 การพดู โต้วาทีและยอวาที (2) 2 ชวั่ โมง วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการเรียนความร้คู วามเขา้ ใจ ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ตระหนกั ครซู กั ถามนกั เรยี นเพอ่ื ทบทวนความรูเ้ ร่อื ง การโตว้ าที จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นดซู ดี กี ารโตว้ าที เพอ่ื กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณากลวธิ กี ารพดู การโนม้ นา้ วใหเ้ กดิ ความเชอ่ื ถอื การใหข้ อ้ มลู และการใชเ้ หตุผล ขนั้ ที่ 2 วางแผนปฏิบตั ิ ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั การเตรยี มการโตว้ าที แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั วางแผนในการคน้ ควา้ ขอ้ มลู กาหนดแนวทางในการหาขอ้ มลู มาประกอบการพดู ขนั้ ท่ี 3 ลงมอื ปฏิบตั ิ 1. ครใู หน้ กั เรยี นกล่มุ เดมิ (จากเรอ่ื งท่ี 1) รวมกลุ่มกนั 2 กลมุ่ ตามความสมคั รใจ เพ่อื ทาการโตว้ าทหี รอื ยอวาที จากนนั้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ กาหนดหนา้ ทข่ี องสมาชกิ แต่ละคน และกาหนดญตั ตกิ ารโตว้ าทตี ามความสนใจ ของกลมุ่ 2. สมาชกิ ในกลมุ่ ทงั้ ฝ่ายเสนอและฝ่ายคา้ น ไปคน้ ควา้ ขอ้ มลู เพอ่ื นามาใชใ้ นการโตว้ าทหี รอื ยอวาที โดยแสวงหา คาตอบจากแหลง่ ความรดู้ ว้ ยวธิ ตี า่ งๆ ตามแผนทก่ี ลุ่มวางไว้ ขนั้ ที่ 4 พฒั นาความรู้ ความเขา้ ใจ นกั เรยี นนาความรทู้ ค่ี น้ ควา้ มารวบรวม เรยี บเรยี ง เป็นบทพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที ขนั้ ท่ี 5 สรปุ 1. นักเรยี นทก่ี ลุ่มแตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็นคณะกรรมการตดั สนิ การโตว้ าทรี ว่ มกนั ประเมนิ ผลการโตว้ าทหี รอื ยอวาที 2. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ พจิ ารณาขอ้ มลู สาระความรทู้ ท่ี ุกคนชว่ ยกนั คน้ ควา้ มาพดู โตว้ าที สรปุ บนั ทกึ ไวเ้ ป็น แนวทางในการพดู ครงั้ ต่อไป  ครมู อบหมายให้นกั เรยี นจดั โต้วาทีหรือยอวาทีในชนั้ เรยี นตามญตั ติที่สนใจรว่ มกนั โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตามทกี่ าหนด นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 8 418 หลกั ภาษาฯ ม.3

9 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ซดี กี ารพดู อภปิ ราย 3) ซดี กี ารโตว้ าที 4) ใบงานท่ี 8.1 เร่อื ง หลกั การพดู อภปิ ราย 5) ใบงานท่ี 8.2 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของการโตว้ าที 6) ใบงานท่ี 8.3 เร่อื ง หนา้ ทข่ี องผรู้ ว่ มโตว้ าที 7) ใบงานท่ี 8.4 เรอ่ื ง มารยาทในการโตว้ าที 9.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) วทิ ยากรผมู้ คี วามรู้ 2) หอ้ งสมดุ 3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.youtube.com/watch?v=Fr3KHk06LQQ - http://www.youtube.com/watch?v=lytqeoq_ZtY - http://www.youtube.com/watch?v=IM7MuXydVI0 419 หลกั ภาษาฯ ม.3

การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการพดู โต้วาทีหรอื ยอวาที รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดบั คะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การพดู โต้วาที มขี อ้ มูลประกอบการพูด มขี อ้ มลู ประกอบการพูด มขี อ้ มลู ประกอบการพดู มขี อ้ มลู ประกอบการพูด หรือยอวาที มเี หตผุ ลในการนาเสนอ มเี หตุผลในการนาเสนอ มเี หตุผลในการนาเสนอ แต่ไมม่ เี หตผุ ลในการ ไดต้ รงตาม หรอื การหกั ลา้ ง หรอื การหกั ลา้ ง หรอื การหกั ลา้ ง นาเสนอหรอื การหกั ลา้ ง วตั ถปุ ระสงค์ การนาเสนอของฝ่าย การนาเสนอของฝ่าย การนาเสนอของฝ่าย การนาเสนอของฝ่าย ตรงขา้ ม ตรงขา้ มเป็นสว่ นใหญ่ ตรงขา้ มเป็นบางส่วน ตรงขา้ ม 2. องคป์ ระกอบของ มอี งคป์ ระกอบของการ มขี อ้ บกพร่องใน มขี อ้ บกพรอ่ งใน มขี อ้ บกพรอ่ งใน องคป์ ระกอบของการ องคป์ ระกอบของการ การโต้วาทีหรือ โตว้ าทหี รอื ยอวาที องคป์ ระกอบของการ โตว้ าทหี รอื ยอวาที โต้วาทหี รอื ยอวาที ยอวาที ครบถ้วน คอื โต้วาทหี รอื ยอวาที 1) มญี ตั ตใิ นการโต้วาที 1 ขอ้ 2 ขอ้ 3 ขอ้ 2) มคี ณะผูโ้ ตว้ าที 3) กาหนดเวลาได้ ถกู ตอ้ ง 4) จดั ทนี่ งั่ ไดถ้ ูกต้อง 3. การทาหน้าท่ีของ ผูร้ ่วมโตว้ าทหี รอื ผูร้ ่วมโต้วาทหี รอื ผูร้ ว่ มโต้วาทหี รอื ผูร้ ่วมโตว้ าทหี รอื ผ้โู ต้วาทีหรอื ยอวาที ทาหนา้ ทไ่ี ด้ ยอวาที ทาหนา้ ทไี่ ด้ ยอวาที ทาหน้าทไ่ี ด้ ยอวาที ทาหนา้ ทไี่ ม่ ยอวาที ถูกตอ้ งตามหลกั เกณฑ์ ถูกตอ้ งตามหลกั เกณฑ์ ถูกต้องตามหลกั เกณฑ์ ถูกตอ้ งตามหลกั เกณฑ์ เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางสว่ น 420 หลกั ภาษาฯ ม.3

รายการประเมิน คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดบั คะแนน 4. มารยาทในการ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) โต้วาทีหรอื ยอวาที มมี ารยาทในการ มขี อ้ บกพรอ่ งเกย่ี วกบั มขี อ้ บกพร่องเกยี่ วกบั มขี อ้ บกพรอ่ งเกย่ี วกบั มารยาทในการโตว้ าที มารยาทในการโต้วาที โตว้ าที หรอื ยอวาที มารยาทในการโตว้ าที หรอื ยอวาที 2 ขอ้ หรอื ยอวาที 3 ขอ้ ครบถ้วน ดงั น้ี หรอื ยอวาที 1 ขอ้ 1) ไมใ่ ชค้ าหยาบคาย 2) ไม่นาเรอ่ื งสว่ นตวั ของฝ่ายตรงขา้ ม มาประจาน 3) ระมดั ระวงั เร่อื ง บคุ ลกิ ภาพ 4) ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส ไมแ่ สดงความโกรธ 5) ไม่เรยี กชอ่ื จรงิ ฝ่าย ตรงขา้ ม เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน 14 - 16 11 - 13 8 - 10 ต่ากว่า 8 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 421 หลกั ภาษาฯ ม.3

แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดียว 1. ใครเป็นผูต้ ดั สนิ การพูดไดด้ ที สี่ ุด 6. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของการโต้วาทที ด่ี ี ก. ผูฟ้ ัง ก. ใหค้ วามรูค้ วามคดิ ข. กรรมการ ข. ใหค้ วามสนุกเพลดิ เพลนิ ค. ผูด้ าเนินการ ค. ใหค้ วามรูแ้ ละความบนั เทงิ ง. ประธานในการพูด ง. ใชค้ วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ 2. การพูดโต้แยง้ กบั การโต้วาทมี คี วามแตกต่างกนั อย่างไร 7. การอภปิ รายมลี กั ษณะอยา่ งไร ก. การโต้แยง้ เป็นพธิ กี ารมากกว่าการโตว้ าที ก. การพดู แลกเปลย่ี นความรูค้ วามคดิ ข. การโต้วาทเี ป็นพธิ กี ารมากกว่าการโต้แยง้ ข. การพูดแสดงความคดิ เหน็ เชงิ สรา้ งสรรค์ ค. การโตแ้ ยง้ ตอ้ งใชว้ าทศลิ ป์ มากกว่าการโต้วาที ค. การพูดเพอ่ื วางแผนในการปฏบิ ตั งิ านต่างๆ ง. การโตว้ าทใี ช้ในชวี ติ ประจาวนั มากกวา่ การโต้แยง้ ง. การพูดเพอ่ื เผยแพร่ความคดิ เหน็ ส่วนตวั ของผพู้ ดู 3. “ญตั ต”ิ หมายความว่าอยา่ งไร 8. หวั ขอ้ การอภปิ รายควรมลี กั ษณะอยา่ งไร ก. วธิ กี ารเสนอความคดิ เหน็ ก. เร่อื งทนี่ ่าสนใจ ข. การนาเหตผุ ลมาคดั คา้ นฝ่ายตรงขา้ ม ข. เรอ่ื งทท่ี นั สมยั อยู่ในความสนใจของผูฟ้ ัง ค. หวั ขอ้ หรอื เรอ่ื งทนี่ ามาใชใ้ นการโต้วาที ค. เรอ่ื งทส่ี นุกเพลดิ เพลนิ ใหค้ วามบนั เทงิ ใจแกผ่ ูฟ้ ัง ง. ขอ้ ความทเ่ี ป็นประเดน็ ขดั แยง้ ในการโตว้ าที ง. เรอ่ื งทใี่ หค้ วามรูค้ วามคดิ สามารถนาไปใชแ้ กป้ ัญหาได้ 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ลกั ษณะของขอ้ ความทใ่ี ชเ้ ป็นญตั ตใิ นการ 9. ขอ้ ใดไม่ใช่หน้าทข่ี องผูด้ าเนินการอภปิ ราย โตว้ าที ก. ควบคุมการอภปิ รายใหม้ รี ะเบยี บขนั้ ตอน ก. เขา้ ใจง่าย ข. สรุปผลการอภปิ รายในตอนทา้ ยรายการ ข. สนั้ กะทดั รดั ค. ทาหน้าทเี่ สนอแนะความรูค้ วามคดิ เพม่ิ เตมิ ค. มคี วามหมายชดั เจนสมบูรณ์ ง. ทาหน้าทจี่ ากดั วงอภปิ รายไม่ใหอ้ อกนอกประเดน็ ง. เป็นเรอ่ื งทที่ นั ตอ่ เหตุการณ์ 10. เหตใุ ดผูอ้ ภปิ รายจงึ ตอ้ งศกึ ษาอปุ นิสยั ของผรู้ ่วมอภปิ ราย 5. ผูด้ าเนนิ การโตว้ าทมี คี วามสาคญั อย่างไร คนอน่ื ๆ ก. เป็นผูก้ าหนดญตั ตใิ นการโต้วาที ก. เพ่อื หาความรูใ้ หเ้ ทา่ เทยี มกบั คนอน่ื ข. เป็นผูก้ าหนดตวั บุคคลในคณะโต้วาที ข. เพ่อื ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั กลุ่มอภปิ รายได้ ค. เป็นผูก้ าหนดรายละเอยี ดตา่ งๆ ในการโตว้ าที ค. เพ่อื พฒั นาตนเองใหล้ า้ หน้ากว่าผูอ้ น่ื ง. เป็นผูก้ าหนดใหก้ ารโตว้ าทดี าเนินไปตามลาดบั ง. เพ่อื ทราบถงึ ความสามารถพเิ ศษของผอู้ ่นื ขนั้ ตอน 422 หลกั ภาษาฯ ม.3

11. บคุ คลในขอ้ ใดไม่มีมารยาทในการพูดอภปิ ราย 14. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของผูท้ ไ่ี ดร้ บั ความเช่อื ถอื ของคนทวั่ ไป ก. ประพนั ธ์ ใชค้ าพูดทเี่ ป็นกนั เองกบั ผูฟ้ ัง ก. มคี ณุ ธรรม ข. ประภา ยกยอ่ งความคดิ ของผูร้ ว่ มอภปิ รายคนอ่นื ข. มคี วามรูจ้ รงิ ค. ประไพ ไม่พดู เร่อื งทกี่ ระทบกระเทยี บบุคคลอ่นื ค. มคี วามคดิ ดี ง. ประพนธ์ ผูกขาดการพดู แสดงความคดิ เหน็ เพราะพดู ง. มคี วามปรารถนาดตี ่อผูอ้ ่นื 15. ขอ้ ใดไม่ใช่ลกั ษณะการใชภ้ าษาในการพดู โน้มน้าว ดกี วา่ คนอ่นื 12. การศกึ ษาหาความรูเ้ กยี่ วกบั ตวั ผูฟ้ ังการอภปิ ราย ก. ขอรอ้ ง ข. สงั่ สอน เป็นประโยชน์สาหรบั ผูอ้ ภปิ รายอยา่ งไร ค. เสนอแนะ ก. เลอื กเรอ่ื งทจ่ี ะพดู ไดเ้ หมาะกบั ผูฟ้ ัง ง. วงิ วอนหรอื เรา้ ใจ ข. เลอื กใชส้ ่อื ประกอบการพดู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ค. เลอื กใชถ้ อ้ ยคาและภาษาพูดไดเ้ หมาะสมกบั ผูฟ้ ัง ง. เลอื กเวลาและสถานทไ่ี ดเ้ หมาะกบั ความสนใจและ วยั ของผฟู้ ัง 13. ขอ้ ใดถกู ต้องตามลาดบั ขนั้ ตอนของการพูดโน้มน้าว ก. ฟัง เช่อื เหน็ คณุ ค่า ทาตาม ข. เช่อื ฟัง เหน็ คณุ คา่ ทาตาม ค. ฟัง เชอ่ื ทาตาม เหน็ คุณคา่ ง. เช่อื ฟัง ทาตาม เหน็ คุณค่า มฐ. ท 3.1 ม.3/4,5,6 ไดค้ ะแนน คะแนนเต็ม 15 เฉลย 1. ก 2. ข 3. ค 4. ง 5. ง 6. ค 7. ก 8. ข 9. ค 10. ข 11. ง 12. ค 13. ก 14. ค 15. ข 423 หลกั ภาษาฯ ม.3

แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. “ญตั ต”ิ หมายความว่าอย่างไร 6. หวั ขอ้ การอภปิ รายควรมลี กั ษณะอย่างไร ก. ขอ้ ความทเ่ี ป็นประเดน็ ขดั แยง้ ในการโต้วาที ก. เรอ่ื งทนี่ ่าสนใจ ข. หวั ขอ้ หรอื เร่อื งทนี่ ามาใชใ้ นการโต้วาที ข. เรอ่ื งทท่ี นั สมยั อยใู่ นความสนใจของผูฟ้ ัง ค. การนาเหตผุ ลมาคดั คา้ นฝ่ายตรงขา้ ม ค. เร่อื งทส่ี นุกเพลดิ เพลนิ ใหค้ วามบนั เทงิ ใจแก่ผูฟ้ ัง ง. วธิ กี ารเสนอความคดิ เหน็ ง. เร่อื งทใ่ี หค้ วามรูค้ วามคดิ สามารถนาไปใชแ้ กป้ ัญหาได้ 2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของขอ้ ความทใี่ ชเ้ ป็นญตั ตใิ นการ 7. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของการโต้วาทที ดี่ ี ก. ใชค้ วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ โตว้ าที ข. ใหค้ วามรูแ้ ละความบนั เทงิ ก. เขา้ ใจง่าย ค. ใหค้ วามสนุกเพลดิ เพลนิ ข. สนั้ กะทดั รดั ง. ใหค้ วามรูค้ วามคดิ ค. เป็นเรอ่ื งทที่ นั ต่อเหตกุ ารณ์ ง. มคี วามหมายชดั เจนสมบูรณ์ 8. การอภปิ รายมลี กั ษณะอย่างไร 3. ผูด้ าเนนิ การโตว้ าทมี คี วามสาคญั อยา่ งไร ก. การพูดแลกเปลยี่ นความรูค้ วามคดิ ก. เป็นผูก้ าหนดให้การโต้วาทดี าเนินไปตามลาดบั ข. การพูดแสดงความคดิ เหน็ เชงิ สรา้ งสรรค์ ค. การพดู เพ่อื วางแผนในการปฏบิ ตั งิ านตา่ งๆ ขนั้ ตอน ง. การพูดเพอ่ื เผยแพรค่ วามคดิ เหน็ ส่วนตวั ของผพู้ ดู ข. เป็นผูก้ าหนดรายละเอยี ดตา่ งๆ ในการโตว้ าที ค. เป็นผูก้ าหนดตวั บคุ คลในคณะโต้วาที 9. เหตใุ ดผูอ้ ภปิ รายจงึ ตอ้ งศกึ ษาอุปนิสยั ของผรู้ ่วมอภปิ ราย ง. เป็นผูก้ าหนดญตั ตใิ นการโตว้ าที คนอ่นื ๆ 4. การพดู โต้แยง้ กบั การโตว้ าทมี คี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร ก. เพ่อื หาความรูใ้ หเ้ ทา่ เทยี มกบั คนอ่ืน ก. การโตว้ าทเี ป็นพธิ กี ารมากกว่าการโต้แยง้ ข. เพอ่ื พฒั นาตนเองใหล้ า้ หน้ากวา่ ผูอ้ น่ื ข. การโต้แยง้ เป็นพธิ กี ารมากกว่าการโต้วาที ค. เพ่อื ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั กลมุ่ อภปิ รายได้ ค. การโตแ้ ยง้ ต้องใชว้ าทศลิ ป์ มากกว่าการโตว้ าที ง. เพ่อื ทราบถงึ ความสามารถพเิ ศษของผอู้ ่นื ง. การโตว้ าทใี ช้ในชวี ติ ประจาวนั มากกวา่ การโต้แยง้ 5. ใครเป็นผูต้ ดั สนิ การพูดไดด้ ีทส่ี ดุ 10. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หน้าทข่ี องผูด้ าเนนิ การอภปิ ราย ก. ประธานในการพดู ข. ผูด้ าเนนิ การ ก. สรปุ ผลการอภปิ รายในตอนทา้ ยรายการ ค. กรรมการ ข. ควบคุมการอภปิ รายใหม้ รี ะเบยี บขนั้ ตอน ง. ผูฟ้ ัง ค. ทาหน้าทเ่ี สนอแนะความรูค้ วามคดิ เพมิ่ เตมิ ง. ทาหนา้ ทจี่ ากดั วงอภปิ รายไม่ใหอ้ อกนอกประเดน็ 424 หลกั ภาษาฯ ม.3

11. ขอ้ ใดถูกตอ้ งตามลาดบั ขนั้ ตอนของการพูดโนม้ น้าว 14. การศกึ ษาหาความรูเ้ กย่ี วกบั ตวั ผูฟ้ ังการอภปิ ราย ก. ฟัง เช่อื เหน็ คณุ ค่า ทาตาม เป็นประโยชน์สาหรบั ผูอ้ ภปิ รายอยา่ งไร ข. ฟัง เชอ่ื ทาตาม เหน็ คุณคา่ ก. เลอื กเร่อื งทจี่ ะพดู ไดเ้ หมาะกบั ผูฟ้ ัง ค. เช่อื ฟัง เหน็ คุณค่า ทาตาม ข. เลอื กใชส้ ่อื ประกอบการพูดไดอ้ ย่างเหมาะสม ง. เชอ่ื ฟัง ทาตาม เหน็ คุณค่า ค. เลอื กใชถ้ ้อยคาและภาษาพูดไดเ้ หมาะสมกบั ผูฟ้ ัง ง. เลอื กเวลาและสถานทไ่ี ดเ้ หมาะกบั ความสนใจและ 12. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะการใชภ้ าษาในการพูดโนม้ น้าว วยั ของผฟู้ ัง ก. ขอรอ้ ง 15. บุคคลในขอ้ ใดไม่มีมารยาทในการพูดอภปิ ราย ข. สงั่ สอน ค. เสนอแนะ ก. ประพนั ธ์ ใชค้ าพูดทเ่ี ป็นกนั เองกบั ผูฟ้ ัง ง. วงิ วอนหรอื เรา้ ใจ ข. ประไพ ไมพ่ ดู เร่อื งทก่ี ระทบกระเทยี บบุคคลอน่ื 13. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของผูท้ ไี่ ดร้ บั ความเช่อื ถอื ของคนทวั่ ไป ค. ประภา ยกยอ่ งความคดิ ของผูร้ ว่ มอภิปรายคนอ่นื ง. ประพนธ์ ผูกขาดการพดู แสดงความคดิ เหน็ เพราะพดู ก. มคี ณุ ธรรม ข. มคี วามคดิ ดี ดกี วา่ คนอ่นื ค. มคี วามรูจ้ รงิ ง. มคี วามปรารถนาดตี ่อผูอ้ น่ื มฐ. ท 4.1 ม.3/4,5,6 ได้คะแนน คะแนนเตม็ 15 เฉลย 1. ข 2. ค 3. ก 4. ก 5. ง 6. ข 7. ข 8. ก 9. ค 10. ค 11. ก 12. ข 13. ข 14. ค 15. ง 425 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ 1 ชวั่ โมง เร่ืองท่ี 1 การพูดโน้มน้าว แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 การพดู โน้มน้าว (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู โนม้ น้าวทด่ี แี ละประสบความสาเรจ็ ผพู้ ดู ตอ้ งนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เน้อื หาอย่างมเี หตผุ ล น่าเชอ่ื ถอื และมมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/5 พดู โน้มน้าวโดยนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เน้อื หาอยา่ งมเี หตผุ ลและน่าเช่อื ถอื ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) พดู โน้มนา้ วโดยนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เน้อื หาอยา่ งมเี หตุผลและน่าเชอ่ื ถอื ได้ 2) มมี ารยาทในการพดู โน้มนา้ ว 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 2) มารยาทในการพดู 1) การพดู โนม้ นา้ ว 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 2) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 1. มวี นิ ัย 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 426 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 1 การพูดโน้มน้าว 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8 คคู่ ิด...ค 2. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • นักเรียนคิดวา่ การโฆษณาสินคา้ เป็นการพดู โน้มน้าวหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 3. ครแู บง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเกง่ ปานกลางคอ่ นขา้ งออ่ น และออ่ น 4. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การพดู โนม้ น้าว จากหนังสอื เรยี น แลว้ บนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดล้ งใน แบบบนั ทกึ การอา่ น 5. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาเรอ่ื ง การพดู โนม้ น้าว 6. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ฝึกเขยี นบทพดู โนม้ นา้ ว ตามแบบท่นี ักเรยี นไดศ้ กึ ษา 7. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  ผ้ทู ี่ประสบความสาเรจ็ ในการพดู โน้มน้าวมคี วามสมั พนั ธ์กบั การใช้ภาษาหรอื ไม่ อยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน) 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 8 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 8 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น แบบบนั ทกึ การอา่ น ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมนั่ ในการทางาน 8 สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ - หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ — 427 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองที่ 1 การพดู โน้มน้าว  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 428 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ 1 ชวั่ โมง เร่ืองท่ี 1 การพูดโน้มน้าว แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 การพดู โน้มน้าว (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู โนม้ น้าวทด่ี แี ละประสบความสาเรจ็ ผพู้ ดู ตอ้ งนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เน้อื หาอย่างมเี หตผุ ล น่าเชอ่ื ถอื และมมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/5 พดู โน้มน้าวโดยนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เน้อื หาอยา่ งมเี หตผุ ลและน่าเช่อื ถอื ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู 2.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) พดู โน้มนา้ วโดยนาเสนอหลกั ฐานตามลาดบั เน้อื หาอยา่ งมเี หตุผลและน่าเชอ่ื ถอื ได้ 2) มมี ารยาทในการพดู โน้มนา้ ว 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 2) มารยาทในการพดู 1) การพดู โนม้ นา้ ว 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 2) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 1. มวี นิ ัย 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 429 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เรื่องท่ี 1 การพดู โน้มน้าว 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ • บทพดู โน้มน้าวที่ดีควรมลี กั ษณะอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 2. ครูขออาสาสมคั รกลุ่มละ 1 คน ออกมานาเสนอผลงานการเขยี นบทพดู โนม้ น้าวทน่ี กั เรยี นไดฝ้ ึกเขยี น ในชวั่ โมงทผ่ี า่ นมา 3. เพอ่ื นนกั เรยี นและครูชว่ ยกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ผลงานของแตล่ ะกลมุ่ 4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สมมตสิ ถานการณข์ น้ึ มา แลว้ เขยี นบทพดู โน้มนา้ วโดยไม่มแี บบ แลว้ ออกมานาเสนอ ผลงานหน้าชนั้ เรยี น 5. ครตู รวจสอบความถูกตอ้ งและใหค้ าแนะนาเพอ่ื นาไปปรบั ปรุงผลงาน 6. ครูกาหนดสถานการณใ์ หน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ รณรงคร์ กั ภาษาไทย ฟังเพลงไทย ดหู นังไทย แลว้ ให้ นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เขยี นบทพดู โนม้ นา้ ว 7. เมอ่ื แตล่ ะกลมุ่ ทาเสรจ็ แลว้ ใหส้ ง่ ตวั แทนออกมาพดู นาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น 7 การวดั และประเมินผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และมุ่งมนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ — 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ — 430 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองที่ 1 การพดู โน้มน้าว  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 431 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ 1 ชวั่ โมง เรื่องที่ 2 การพูดอภปิ ราย แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 3 การพดู อภิปราย (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู อภปิ รายทด่ี ตี อ้ งพดู ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ และมมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/4 พูดในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) พดู อภปิ รายไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ 2) มมี ารยาทในการพดู อภปิ ราย 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การพดู ในโอกาสต่างๆ เชน่ - การอภปิ ราย 2) มารยาทในการพดู 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 2) ทกั ษะการประเมนิ 3) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 432 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ 2. ใฝ่เรยี นรู้ เรื่องที่ 2 การพดู อภิปราย 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การพดู อภปิ ราย จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นดูซดี กี ารพดู อภปิ รายในโอกาสต่างๆ 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การพดู อภปิ ราย 3. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1-2 1) นักเรียนคิดวา่ การอภิปรายในการประชมุ รฐั สภาถกู ต้องตามหลกั การพดู อภิปรายหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 2) นกั เรียนจะนาความร้จู ากการฟังการอภิปรายไปใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาความรูเ้ ร่อื ง การพดู อภปิ ราย จากหนังสอื เรยี น แลว้ บนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดล้ งใน แบบบนั ทกึ การอา่ น 5. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายสรุปหลกั การพดู อภปิ ราย 7 การวดั และประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ แบบบนั ทกึ การอา่ น ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ซดี กี ารพดู อภปิ ราย 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ — 433 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองที่ 2 การพดู อภิปราย  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 434 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ 1 ชวั่ โมง เรื่องที่ 2 การพูดอภปิ ราย แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 4 การพดู อภิปราย (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู อภปิ รายทด่ี ตี อ้ งพดู ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ และมมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/4 พูดในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) พดู อภปิ รายไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ 2) มมี ารยาทในการพดู อภปิ ราย 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง 1) การพดู ในโอกาสต่างๆ เชน่ - การอภปิ ราย 2) มารยาทในการพดู 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 2) ทกั ษะการประเมนิ 3) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 435 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ 2. ใฝ่เรยี นรู้ เรื่องท่ี 2 การพดู อภปิ ราย 4. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนความรเู้ กยี่ วกบั หลกั การพดู อภปิ ราย แลว้ เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทาใบงานที่ 8.1 เรื่อง หลกั การพดู อภิปราย เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้ ร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งกอ่ นนาส่งครู 3. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งของคาตอบในใบงานท่ี 8.1 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ จดั อภปิ รายในประเดน็ ทน่ี ักเรยี นมคี วามรู้ มคี วามสนใจ และทนั สมยั 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ ผลการอภปิ ราย แลว้ ครสู ุ่มเลอื กนักเรยี น 2-3 คน ตอบคาถามวา่ จากการประเมนิ ในวนั น้ใี ครเป็นผอู้ ภปิ รายทด่ี ที ส่ี ุด เพราะเหตุใด 7 การวดั และประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ ใบงานท่ี 8.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ แบบประเมนิ การพูดอภปิ ราย ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 8.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การพูดอภปิ ราย แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ และมุง่ มนั่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ใบงานท่ี 8.1 เร่อื ง หลกั การพดู อภปิ ราย 8.2 แหล่งการเรียนรู้ — 436 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองที่ 2 การพูดอภปิ ราย ใบงานที่ 8.1 หลกั การพดู อภิปราย คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาลงในช่องวา่ งใหไ้ ดใ้ จความถกู ตอ้ ง สมบูรณ์ ชดั เจน 1. การพดู อภปิ ราย หมายถงึ กระบวนการสอื่ สารของบุคคลกลมุ่ หนงึ่ ทมี่ จี ุดมงุ่ หมายเพอื่ ปรกึ ษาหารอื และแลกเปลยี่ นความรู้ ความคดิ เหน็ ประสบการณ์รว่ มกนั เพอื่ ร่วมกนั แกป้ ัญหาเรอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ ใหผ้ ่านพน้ ไปได้ 2. ลกั ษณะของหวั ขอ้ ทค่ี วรนามาอภปิ ราย มดี งั น้ี เป็นปัญหาทกี่ าลงั อยู่ในความสนใจของผูฟ้ ังและ เป็นปัญหาทที่ กุ คน ทุกฝ่ายกาลงั ประสบปัญหาและความเดอื ดรอ้ นพรอ้ มกนั 3. จานวนผอู้ ภปิ รายมไี มน่ อ้ ยกว่า 3 คน และไมค่ วรเกนิ 7 คน เพราะ ถ้านอ้ ยเกนิ ไป กไ็ ดส้ าระน้อย หากมากเกนิ ไปจะทาใหห้ าขอ้ สรุปไม่ได้ 4. หนา้ ทข่ี องผดู้ าเนินการอภปิ ราย คอื เป็นผูค้ วบคุมการอภปิ รายใหม้ รี ะเบยี บตามขนั้ ตอนและทาหน้าที่ จากดั วงอภปิ รายไม่ใหอ้ อกนอกประเดน็ รวมทงั้ สรปุ ผลการอภปิ รายตอนทา้ ยรายการ 5. ถา้ ขอ้ คดิ ของผอู้ ภปิ รายคนอน่ื ดกี วา่ มเี หตุผลกวา่ ผรู้ ว่ มอภปิ รายตอ้ ง แสดงความยนิ ดตี อ่ ขอ้ คดิ เหน็ นนั้ ๆ ไม่แสดงความไม่พอใจทงั้ การพูด น้าเสยี ง และกริ ยิ า 437 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองที่ 2 การพูดอภปิ ราย ใบงานที่ 8.1 หลกั การพดู อภิปราย คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาลงในช่องวา่ งใหไ้ ดใ้ จความถกู ตอ้ ง สมบูรณ์ ชดั เจน 1. การพดู อภปิ ราย หมายถงึ กระบวนการสอื่ สารของบุคคลกลมุ่ หนงึ่ ทมี่ จี ุดมงุ่ หมายเพอื่ ปรกึ ษาหารอื และแลกเปลยี่ นความรู้ ความคดิ เหน็ ประสบการณ์รว่ มกนั เพอื่ ร่วมกนั แกป้ ัญหาเรอื่ งใดเรอื่ งหนงึ่ ใหผ้ ่านพน้ ไปได้ 2. ลกั ษณะของหวั ขอ้ ทค่ี วรนามาอภปิ ราย มดี งั น้ี เป็นปัญหาทกี่ าลงั อยู่ในความสนใจของผูฟ้ ังและ เป็นปัญหาทที่ กุ คน ทุกฝ่ายกาลงั ประสบปัญหาและความเดอื ดรอ้ นพรอ้ มกนั 3. จานวนผอู้ ภปิ รายมไี มน่ อ้ ยกว่า 3 คน และไมค่ วรเกนิ 7 คน เพราะ ถ้านอ้ ยเกนิ ไป กไ็ ดส้ าระน้อย หากมากเกนิ ไปจะทาใหห้ าขอ้ สรุปไม่ได้ 4. หนา้ ทข่ี องผดู้ าเนินการอภปิ ราย คอื เป็นผูค้ วบคุมการอภปิ รายใหม้ รี ะเบยี บตามขนั้ ตอนและทาหน้าที่ จากดั วงอภปิ รายไมใ่ หอ้ อกนอกประเดน็ รวมทงั้ สรปุ ผลการอภปิ รายตอนทา้ ยรายการ 5. ถา้ ขอ้ คดิ ของผอู้ ภปิ รายคนอน่ื ดกี วา่ มเี หตุผลกวา่ ผรู้ ว่ มอภปิ รายตอ้ ง แสดงความยนิ ดตี อ่ ขอ้ คดิ เหน็ นนั้ ๆ ไม่แสดงความไม่พอใจทงั้ การพูด น้าเสยี ง และกริ ยิ า 438 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 2 การพดู อภปิ ราย แบบประเมิน การพดู อภิปราย คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตการพดู อภปิ รายของนกั เรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ช่ือ-สกลุ ถกู ต้องตาม การใช้ถ้อยคา การให้ความรู้ มารยาท รวม ท่ี ของผรู้ บั การประเมิน หลกั การพดู ในการพดู 16 อภิปราย สานวนภาษา แกผ่ ฟู้ ัง คะแนน 4321432143214321 ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ไิ ด้ถกู ต้อง ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั มิ ขี อ้ บกพร่องเลก็ น้อย ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั มิ ีขอ้ บกพรอ่ งปานกลาง ให้ 2 คะแนน 14 - 16 ดมี าก ปฏบิ ตั มิ ขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน 11 - 13 ดี 439 8 - 10 พอใช้ หลกั ภาษาฯ ม.3 ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เร่ืองที่ 2 การพดู อภิปราย  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 440 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 3 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (1) แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 การพดู โต้วาทีและยอวาที 1 ชวั่ โมง (1) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู โตว้ าทแี ละยอวาทมี วี ธิ กี ารทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ผเู้ รยี นตอ้ งพดู ใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การพดู และตรงตาม วตั ถุประสงค์ มมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/4 พดู ในโอกาสต่างๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) อธบิ ายหลกั การพดู โตว้ าทแี ละยอวาทไี ด้ 2) มมี ารยาทในการพดู โตว้ าทแี ละยอวาที 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 1) การพดู ในโอกาสตา่ งๆ เชน่ - การพดู โตว้ าที - การพดู ยอวาที 2) มารยาทในการพดู 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรปุ ลงความคดิ เหน็ 3) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 441 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ 2. ใฝ่เรยี นรู้ เร่ืองท่ี 3 การพดู โต้วาทีและยอวาที (1) 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 3. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเรอ่ื ง การโตว้ าทแี ละยอวาที แลว้ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ใหค้ วามหมายของการโตว้ าที และยอวาที 2. ครเู ปิดซดี กี ารโตว้ าที โดยเลอื กใหน้ กั เรยี นดูบางตอนตามความเหมาะสม 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  นักโต้วาทีท่ีดีตามความคิดของนกั เรียน ควรมลี กั ษณะอยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน) 4. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) จากนนั้ ครูใหส้ มาชกิ ในกลุ่มกาหนดหมายเลข ประจาตวั ใหส้ มาชกิ แต่ละคน เป็นหมายเลข 1-6 แลว้ รว่ มกนั ศกึ ษาและสบื คน้ ความรตู้ ามประเดน็ ทค่ี รกู าหนด ดงั น้ี - สมาชกิ หมายเลข 1-2 รว่ มกนั ศกึ ษาและสบื คน้ เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของการโตว้ าที และทาใบงานท่ี 8.2 เรื่อง องคป์ ระกอบของการโต้วาที - สมาชกิ หมายเลข 3-4 ร่วมกนั ศกึ ษาและสบื คน้ เรอ่ื ง หนา้ ทข่ี องผรู้ ่วมโตว้ าที และทาใบงานท่ี 8.3 เรื่อง หน้าที่ของผ้รู ว่ มโต้วาที - สมาชกิ หมายเลข 5-6 ร่วมกนั ศกึ ษาและสบื คน้ เรอ่ื ง มารยาทในการโตว้ าที และทาใบงานที่ 8.4 เรอ่ื ง มารยาทในการโต้วาที แลว้ บนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดล้ งในแบบบนั ทกึ การอ่าน 5. สมาชกิ แตล่ ะคจู่ ะศกึ ษาสบื คน้ ความรตู้ ามท่ไี ดร้ บั ผดิ ชอบ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ พรอ้ มกบั ทาใบงานแลว้ นาคาตอบมาอภปิ รายรว่ มกนั ในกลมุ่ จนไดค้ าตอบทส่ี มบูรณ์และมคี วามเขา้ ใจ กนั ทกุ คน 6. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอใบงานท่ี 8.2-8.4 หนา้ ชนั้ เรยี น 7. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ แนวทางในการโตว้ าที 8. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  นักเรยี นคิดว่า ระหวา่ งการโต้วาทีและการยอวาที การพดู วิธีใดน่าสนใจกว่ากนั เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 442 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เครื่องมอื เกณฑ์ เร่ืองท่ี 3 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (1) ใบงานที่ 8.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7 การวดั และประเมินผล ใบงานท่ี 8.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ใบงานท่ี 8.4 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ วิธีการ แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 8.2 แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 8.3 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 8.4 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น ประเมนิ การนาเสนอผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.3 2) ซดี กี ารโตว้ าที 3) ใบงานท่ี 8.2 เร่อื ง องคป์ ระกอบของการโตว้ าที 4) ใบงานท่ี 8.3 เร่อื ง หนา้ ทข่ี องผรู้ ว่ มโตว้ าที 5) ใบงานท่ี 8.4 เร่อื ง มารยาทในการโตว้ าที 8.2 แหลง่ การเรียนรู้  แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.youtube.com/watch?v=Fr3KHk06LQQ - http://www.youtube.com/watch?v=lytqeoq_ZtY - http://www.youtube.com/watch?v=IM7MuXydVI0 443 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 3 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (1) ใบงานท่ี 8.2 องคป์ ระกอบของการโต้วาที คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การโตว้ าทมี อี งคป์ ระกอบใดบา้ ง 1) ญตั ติ 2) คณะผูโ้ ตว้ าที 3) การเรยี กชอื่ ผูโ้ ตว้ าที 4) การกาหนดเวลาในการโตว้ าที 5) การจดั ทนี่ งั่ ใหแ้ ก่ผูโ้ ตว้ าที 2. ญตั ติ หมายความวา่ อยา่ งไร ญตั ตทิ ด่ี ตี อ้ งมลี กั ษณะอย่างไร ญตั ติ คอื การเสนอความเหน็ ทขี่ ดั แยง้ ในเรอื่ งเดยี วกนั ญตั ตทิ ดี่ ตี อ้ งมลี กั ษณะดงั น้ี 1) เป็นขอ้ ความสนั้ กะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ย มสี มั ผสั คลอ้ งจอง 2) เป็นเรอื่ งทอี่ ยใู่ นความสนใจของคนทวั่ ไป ไมล่ า้ สมยั 3) เป็นเรอื่ งทเี่ สรมิ สรา้ ง สตปิ ัญญาใหแ้ กผ่ ูฟ้ ัง 4) เป็นเรอื่ งจรงิ ทคี่ า้ นได้ 5) ไม่เป็นเรอื่ งทเี่ กยี่ วกบั ศาสนาและไม่สรา้ งความแตกแยก 6) ไมเ่ ป็นคาหยาบคายหรอื เป็นคาทไี่ ม่สภุ าพ หรอื คาผวน 7) ไมเ่ ป็นปัญหาโลกแตก 8) ไมเ่ ป็นญตั ตทิ ที่ งั้ สองฝ่าย ไดเ้ ปรยี บหรอื เสยี เปรยี บกนั มากไป 3. คณะผโู้ ตว้ าที ประกอบดว้ ยใครบา้ ง 1) ประธานการโต้วาทหี รอื ผูด้ าเนินการโตว้ าที จานวน 1 คน 2) ผูพ้ ูดฝ่ายเสนอ 1 ฝ่าย จานวน 3-5 คน ( ไมเ่ กนิ 5 คน) 3) ผูพ้ ดู ฝ่ายคา้ น 1 ฝ่าย จานวน 3-5 คน ( ไม่เกิน 5 คน) 4) กรรมการจบั เวลา จานวน 2 คน 5) กรรมการใหค้ ะแนน จานวน 3 คน 4. การเรยี กชอ่ื ผโู้ ตว้ าทมี วี ธิ กี ารเรยี กอยา่ งไร และมขี นั้ ตอนในการเรยี กอยา่ งไร การเรยี กชอื่ ผูโ้ ตว้ าทใี หเ้ รยี กตาแหน่ง เช่น หวั หน้าฝ่ายเสนอ ผูส้ นบั สนุนฝ่ายเสนอคนที่หรอื หวั หนา้ ฝ่ายคา้ น ผูส้ นบั สนุนฝ่ายคา้ นคนที่ ไมเ่ รยี กชอื่ จรงิ 5. ถา้ โตว้ าทโี ดยการจดั 1 รอบ ตอ้ งกาหนดเวลาใหแ้ ก่ผพู้ ดู แตล่ ะคนอยา่ งไร ถ้าจดั โต้วาที 1 รอบ มผี ูโ้ ต้ฝ่ายละ 3 คน ใชเ้ วลา 60 นาที มกี าหนดการใชเ้ วลา ดงั น้ี 1) หวั หนา้ ของแต่ละฝ่าย คนละ 7 นาที รวมเวลา 14 นาที 2) ผูส้ นับสนุนทงั้ 2 ฝ่าย คนละ 5 นาที รวมเวลา 20 นาที 3) หวั หนา้ ของแต่ละฝ่ายสรปุ คนละ 5 นาที รวมเวลา 10 นาที 4) ผูด้ าเนินการโต้วาทเี ชญิ ผูโ้ ต้พดู พดู สรุปหลงั ผูโ้ ต้พูดแลว้ ประกาศผลตดั สนิ กล่าวขอบคณุ รวม 16 นาที 444 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 3 การพูดโต้วาทีและยอวาที (1) ใบงานท่ี 8.2 องคป์ ระกอบของการโต้วาที คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การโตว้ าทมี อี งคป์ ระกอบใดบา้ ง 1) ญตั ติ 2) คณะผูโ้ ตว้ าที 3) การเรยี กชอื่ ผูโ้ ต้วาที 4) การกาหนดเวลาในการโต้วาที 5) การจดั ทนี่ งั่ ใหแ้ ก่ผูโ้ ตว้ าที 2. ญตั ติ หมายความวา่ อยา่ งไร ญตั ตทิ ด่ี ตี อ้ งมลี กั ษณะอย่างไร ญตั ติ คอื การเสนอความเหน็ ทขี่ ดั แยง้ ในเรอื่ งเดยี วกนั ญตั ตทิ ดี่ ตี ้องมลี กั ษณะดงั น้ี 1) เป็นขอ้ ความสนั้ กะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ย มสี มั ผสั คลอ้ งจอง 2) เป็นเรอื่ งทอี่ ยู่ในความสนใจของคนทวั่ ไป ไมล่ า้ สมยั 3) เป็นเรอื่ งทเี่ สรมิ สรา้ ง สตปิ ัญญาใหแ้ ก่ผูฟ้ ัง 4) เป็นเรอื่ งจรงิ ทคี่ า้ นได้ 5) ไม่เป็นเรอื่ งทเี่ กยี่ วกบั ศาสนาและไม่สรา้ งความแตกแยก 6) ไมเ่ ป็นคาหยาบคายหรอื เป็นคาทไี่ ม่สภุ าพ หรอื คาผวน 7) ไมเ่ ป็นปัญหาโลกแตก 8) ไมเ่ ป็นญตั ตทิ ที่ งั้ สองฝ่าย ไดเ้ ปรยี บหรอื เสยี เปรยี บกนั มากไป 3. คณะผโู้ ตว้ าที ประกอบดว้ ยใครบา้ ง 1) ประธานการโต้วาทหี รอื ผูด้ าเนินการโต้วาที จานวน 1 คน 2) ผูพ้ ูดฝ่ายเสนอ 1 ฝ่าย จานวน 3-5 คน ( ไมเ่ กนิ 5 คน) 3) ผูพ้ ดู ฝ่ายคา้ น 1 ฝ่าย จานวน 3-5 คน ( ไม่เกนิ 5 คน) 4) กรรมการจบั เวลา จานวน 2 คน 5) กรรมการใหค้ ะแนน จานวน 3 คน 4. การเรยี กชอ่ื ผโู้ ตว้ าทมี วี ธิ กี ารเรยี กอยา่ งไร และมขี นั้ ตอนในการเรยี กอยา่ งไร การเรยี กชอื่ ผูโ้ ตว้ าทใี หเ้ รยี กตาแหน่ง เช่น หวั หน้าฝ่ายเสนอ ผูส้ นบั สนุนฝ่ายเสนอคนที่หรอื หวั หนา้ ฝ่ายคา้ น ผูส้ นบั สนุนฝ่ายคา้ นคนที่ ไม่เรยี กชอื่ จรงิ 5. ถา้ โตว้ าทโี ดยการจดั 1 รอบ ตอ้ งกาหนดเวลาใหแ้ ก่ผพู้ ดู แตล่ ะคนอยา่ งไร ถ้าจดั โตว้ าที 1 รอบ มผี ูโ้ ตฝ้ ่ายละ 3 คน ใชเ้ วลา 60 นาที มกี าหนดการใชเ้ วลา ดงั น้ี 1) หวั หนา้ ของแต่ละฝ่าย คนละ 7 นาที รวมเวลา 14 นาที 2) ผูส้ นับสนุนทงั้ 2 ฝ่าย คนละ 5 นาที รวมเวลา 20 นาที 3) หวั หน้าของแต่ละฝ่ายสรปุ คนละ 5 นาที รวมเวลา 10 นาที 4) ผูด้ าเนินการโต้วาทเี ชญิ ผูโ้ ตพ้ ูด พดู สรปุ หลงั ผูโ้ ต้พูดแลว้ ประกาศผลตดั สนิ กล่าวขอบคุณ รวม 16 นาที 445 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เรื่องท่ี 3 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (1) ใบงานที่ 8.3 หน้าท่ีของผรู้ ว่ มโต้วาที คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ผดู้ าเนินการโตว้ าที มหี นา้ ทอ่ี ยา่ งไร ผูด้ าเนินการโตว้ าที มหี น้าทจี่ ดั ใหก้ ารโต้วาทดี าเนินไปตามขนั้ ตอนของการโต้วาที ดงั น้ี 1) ทกั ทายผูฟ้ ัง 2) แนะนาผูโ้ ต้วาทแี ตล่ ะฝ่าย แนะนาฝ่ายเสนอกอ่ นแลว้ แนะนาฝ่ายคา้ น บอกชอื่ นามสกุล ตาแหน่งหน้าทกี่ ารงาน ความสามารถพเิ ศษของผูโ้ ต้แตล่ ะคน แนะนากรรมการให้คะแนน กรรมการจบั เวลา และแนะนาตนเอง เป็นรายการสุดทา้ ย 3) เชญิ ผูโ้ ตว้ าทพี ดู เมอื่ ผูโ้ ต้แตล่ ะคนพดู จบผูด้ าเนินการโต้วาทตี อ้ งพูดสรปุ สนั้ ๆ และพดู ยวั่ ยุฝ่ายตรงขา้ ม แลว้ เชญิ ฝ่ายตรงขา้ มพูด 4) เมอื่ ทกุ คนพูดจบแลว้ ผูด้ าเนินการตอ้ งประกาศผลการโตว้ าที 5) ก่อนปิดรายการผดู้ าเนินการตอ้ งขอบคณุ ผูฟ้ ัง ผูโ้ ตว้ าที และกรรมการทกุ ฝ่าย 2. ผโู้ ตว้ าที ควรปฏบิ ตั ิอยา่ งไร ผูโ้ ต้วาที ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) หาความรูม้ าใชป้ ระกอบการพดู 2) ในการพดู ไมว่ ่าจะเป็นการเสนอหรอื คา้ นตอ้ งเสนอขอ้ เทจ็ จรงิ และเหตผุ ล 3) การหกั ล้างคาพดู ของฝ่ายตรงขา้ มตอ้ งใชเ้ หตุผลใหแ้ นบเนยี น จูงใจใหผ้ ูฟ้ ังเหน็ วา่ เหตุผลของฝ่ายตรงขา้ มนนั้ ใชไ้ ม่ได้ 4) จบั ประเดน็ คาพดู ของฝ่ายตรงขา้ มไวก้ ลา่ วคา้ น ใชเ้ ทคนคิ การพูดจูงใจใหผ้ ูฟ้ ังเชอื่ และมคี วามคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม 5) ใชค้ าสุภาพ ไม่ใชภ้ าษาตา่ คะนอง หรอื หยาบคาย การใชภ้ าษาต้องคานงึ ถงึ วฒั นธรรมไทย 6) การโตว้ าทตี ้องใหท้ งั้ สาระความรูแ้ ละความบนั เทงิ 7) ใชค้ าพูดทเี่ หมาะสม ชดั เจน ฟังแลว้ เขา้ ใจทนั ที รูจ้ กั การใช้น้าเสยี ง และการเน้นเสยี ง 8) ใชท้ า่ ทางและสหี น้าประกอบการพดู 9) ขณะทพี่ ูดควรควบคุมอารมณ์ใหด้ ี ไมแ่ สดงอาการโกรธเคอื ง ไม่วา่ จะเป็นวาจา สหี น้า ทา่ ทาง เพราะจะเป็นจดุ อ่อน ใหฝ้ ่ายตรงขา้ มโจมตไี ด้ 446 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เรื่องท่ี 3 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (1) ใบงานที่ 8.3 หน้าท่ีของผรู้ ว่ มโต้วาที คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ผดู้ าเนินการโตว้ าที มหี นา้ ทอ่ี ยา่ งไร ผูด้ าเนินการโตว้ าที มหี น้าทจี่ ดั ใหก้ ารโต้วาทดี าเนินไปตามขนั้ ตอนของการโตว้ าที ดงั น้ี 1) ทกั ทายผูฟ้ ัง 2) แนะนาผูโ้ ต้วาทแี ตล่ ะฝ่าย แนะนาฝ่ายเสนอกอ่ นแลว้ แนะนาฝ่ายคา้ น บอกชอื่ นามสกลุ ตาแหน่งหน้าทกี่ ารงาน ความสามารถพเิ ศษของผูโ้ ต้แตล่ ะคน แนะนากรรมการใหค้ ะแนน กรรมการจบั เวลา และแนะนาตนเอง เป็นรายการสดุ ทา้ ย 3) เชญิ ผูโ้ ตว้ าทพี ดู เมอื่ ผูโ้ ต้แตล่ ะคนพดู จบผูด้ าเนินการโตว้ าทตี อ้ งพดู สรปุ สนั้ ๆ และพดู ยวั่ ยุฝ่ายตรงขา้ ม แลว้ เชญิ ฝ่ายตรงขา้ มพูด 4) เมอื่ ทกุ คนพูดจบแลว้ ผูด้ าเนินการตอ้ งประกาศผลการโต้วาที 5) ก่อนปิดรายการผดู้ าเนินการตอ้ งขอบคุณผูฟ้ ัง ผูโ้ ตว้ าที และกรรมการทุกฝ่าย 2. ผโู้ ตว้ าที ควรปฏบิ ตั ิอยา่ งไร ผูโ้ ต้วาที ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) หาความรูม้ าใชป้ ระกอบการพดู 2) ในการพดู ไมว่ ่าจะเป็นการเสนอหรอื คา้ นต้องเสนอขอ้ เทจ็ จรงิ และเหตุผล 3) การหกั ล้างคาพดู ของฝ่ายตรงขา้ มต้องใชเ้ หตุผลใหแ้ นบเนยี น จูงใจใหผ้ ู้ฟังเหน็ ว่าเหตุผลของฝ่ายตรงขา้ มนนั้ ใชไ้ ม่ได้ 4) จบั ประเดน็ คาพดู ของฝ่ายตรงขา้ มไวก้ ล่าวคา้ น ใชเ้ ทคนิคการพูดจูงใจใหผ้ ูฟ้ ังเชอื่ และมคี วามคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม 5) ใชค้ าสุภาพ ไม่ใชภ้ าษาตา่ คะนอง หรอื หยาบคาย การใชภ้ าษาตอ้ งคานงึ ถงึ วฒั นธรรมไทย 6) การโตว้ าทตี ้องใหท้ งั้ สาระความรูแ้ ละความบนั เทงิ 7) ใชค้ าพูดทเี่ หมาะสม ชดั เจน ฟังแลว้ เขา้ ใจทนั ที รูจ้ กั การใชน้ ้าเสยี ง และการเน้นเสยี ง 8) ใชท้ า่ ทางและสหี น้าประกอบการพูด 9) ขณะทพี่ ูดควรควบคุมอารมณ์ใหด้ ี ไม่แสดงอาการโกรธเคอื ง ไม่วา่ จะเป็นวาจา สหี น้า ท่าทาง เพราะจะเป็นจุดออ่ น ใหฝ้ ่ายตรงขา้ มโจมตไี ด้ 447 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เรื่องท่ี 3 การพูดโต้วาทีและยอวาที (1) ใบงานที่ 8.4 มารยาทในการโต้วาที คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ผพู้ ดู โตว้ าทที ด่ี ี ควรคานงึ ถงึ เรอ่ื งใดเป็นสาคญั ผูโ้ ต้วาทที ดี่ ี ควรคานึงมารยาทในการพูดเป็นสงิ่ สาคญั 2. มารยาทในการโตว้ าทกี าหนดไวอ้ ย่างไร มารยาทในการโต้วาทีกาหนดไว้ ดงั น้ี 1) ไมใ่ ชค้ าด่า คาหยาบ คาสาบาน 2) ไมน่ าเรอื่ งส่วนตวั ของฝ่ายตรงขา้ มมาประจาน มาค่อนแคะ 3) ไมจ่ อ้ งหน้าหรอื ช้หี น้าฝ่ายตรงขา้ ม ขณะพูดควรมองผู้ฟัง 4) รกั ษาบุคลกิ ภาพ แต่งกายใหเ้ หมาะสม แสดงความรูส้ กึ และทา่ ทางประกอบการพดู 5) ไม่แสดงความโกรธ ย้มิ แยม้ แจ่มใส ไม่กา้ วรา้ ว มนี ้าใจเป็นนักกฬี า 6) ไม่เรยี กชอื่ จรงิ ของฝ่ายตรงขา้ ม แตเ่ รยี กตาแหน่งของผูโ้ ต้วาที 7) ไมม่ งุ่ เอาชนะจนละเลยและทาลายความจรงิ อนั เป็นธรรม 448 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เรื่องท่ี 3 การพูดโต้วาทีและยอวาที (1) ใบงานที่ 8.4 มารยาทในการโต้วาที คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ผพู้ ดู โตว้ าทที ด่ี ี ควรคานงึ ถงึ เรอ่ื งใดเป็นสาคญั ผูโ้ ต้วาทที ดี่ ี ควรคานึงมารยาทในการพดู เป็นสงิ่ สาคญั 2. มารยาทในการโตว้ าทกี าหนดไวอ้ ยา่ งไร มารยาทในการโต้วาทีกาหนดไว้ ดงั น้ี 1) ไมใ่ ชค้ าด่า คาหยาบ คาสาบาน 2) ไมน่ าเรอื่ งส่วนตวั ของฝ่ายตรงขา้ มมาประจาน มาค่อนแคะ 3) ไมจ่ อ้ งหน้าหรอื ช้หี น้าฝ่ายตรงขา้ ม ขณะพูดควรมองผูฟ้ ัง 4) รกั ษาบุคลกิ ภาพ แต่งกายใหเ้ หมาะสม แสดงความรูส้ กึ และทา่ ทางประกอบการพดู 5) ไม่แสดงความโกรธ ย้มิ แยม้ แจ่มใส ไม่กา้ วรา้ ว มนี ้าใจเป็นนักกฬี า 6) ไม่เรยี กชอื่ จรงิ ของฝ่ายตรงขา้ ม แตเ่ รยี กตาแหน่งของผูโ้ ต้วาที 7) ไมม่ งุ่ เอาชนะจนละเลยและทาลายความจรงิ อนั เป็นธรรม 449 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องท่ี 3 การพูดโต้วาทีและยอวาที (1)  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 450 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองที่ 4 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (2) แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 6 การพดู โต้วาทีและยอวาที 1 ชวั่ โมง (2) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที ตอ้ งพดู ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ และมมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/4 พดู ในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) พดู โตว้ าที หรอื ยอวาทไี ดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ 2) มมี ารยาทในการพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) การพดู ในโอกาสต่างๆ เชน่ - การพดู โตว้ าที - การพดู ยอวาที 2) มารยาทในการพดู 3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 3) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 451 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ 2. ใฝ่เรยี นรู้ เร่ืองท่ี 4 การพดู โต้วาทแี ละยอวาที (2) 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 3. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูซกั ถามนกั เรยี นเพอ่ื ทบทวนความรูเ้ รอ่ื ง การโตว้ าที จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นดซู ดี กี ารโตว้ าที เพอ่ื กระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณากลวธิ กี ารพดู การโนม้ นา้ วใหเ้ กดิ ความเชอ่ื ถอื การใหข้ อ้ มลู และการใชเ้ หตุผล 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  นักเรียนคิดว่า การพดู โน้มน้าวนามาประกอบการโต้วาทีได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน) 3. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั การเตรยี มการโตว้ าทวี ่า นกั เรยี นจะตอ้ งทาอย่างไร จะคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทจ่ี ะนามาใชใ้ นการโตว้ าทอี ยา่ งไร 4. นกั เรยี นชว่ ยกนั วางแผนในการคน้ ควา้ ขอ้ มูล กาหนดแนวทางในการหาขอ้ มูลมาประกอบการพดู 5. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  ข้อมูลในการโต้วาทีที่ดีมีประโยชน์ต่อการพดู อย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 6. ครูใหน้ กั เรยี นกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1) รวมกลุ่มกนั 2 กลมุ่ ตามความสมคั รใจ เพอ่ื ทาการโตว้ าทหี รอื ยอวาที 7. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ กาหนดหน้าทข่ี องสมาชกิ แตล่ ะคน และกาหนดญตั ตกิ ารโต้วาทตี ามความสนใจ ของกลมุ่ 8. สมาชกิ ในกลุ่มทงั้ ฝ่ายเสนอ และฝ่ายคา้ น ไปคน้ ควา้ ขอ้ มลู เพ่อื นามาใชใ้ นการโตว้ าทหี รอื ยอวาที โดยแสวงหาคาตอบจากแหล่งความรดู้ ว้ ยวธิ ตี า่ งๆ เชน่ การสมั ภาษณ์จากวทิ ยากรผมู้ คี วามรใู้ นเร่อื งท่ี กลมุ่ กาหนดใหเ้ ป็นญตั ตใิ นการโตว้ าทขี องกลมุ่ คน้ ควา้ จากหอ้ งสมดุ คน้ ควา้ จากแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ ตามแผนทก่ี ลมุ่ วางใจ 7 การวดั และประเมินผล เครอื่ งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 452 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองที่ 4 การพดู โต้วาทแี ละยอวาที (2) 8 ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ - ซดี กี ารโตว้ าที 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) วทิ ยากรผมู้ คี วามรู้ 2) หอ้ งสมดุ 3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.youtube.com/watch?v=Fr3KHk06LQQ - http://www.youtube.com/watch?v=lytqeoq_ZtY 453 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องท่ี 4 การพูดโต้วาทีและยอวาที (2)  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 454 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองที่ 4 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (2) แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 7 การพดู โต้วาทีและยอวาที 1 ชวั่ โมง (3) 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที ตอ้ งพดู ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ และมมี ารยาทในการพดู 2 ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 3.1 ม.3/4 พดู ในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ ม.3/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) พดู โตว้ าที หรอื ยอวาทไี ดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ 2) มมี ารยาทในการพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที 3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) การพดู ในโอกาสต่างๆ เชน่ - การพดู โตว้ าที - การพดู ยอวาที 2) มารยาทในการพดู 3.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสรุปลงความคดิ เหน็ 3) ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 455 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ 2. ใฝ่เรยี นรู้ เร่ืองท่ี 4 การพูดโต้วาทีและยอวาที (2) 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 3. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ  นักเรียนคิดว่า ส่ือประเภทใดใช้คน้ คว้าขอ้ มลู เพื่อนามาใช้ประกอบการโต้วาทีไดด้ ีท่ีสุด เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 2. นกั เรยี นนาความรทู้ ค่ี น้ ควา้ มารวบรวม เรยี บเรยี ง เป็นบทพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที 3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ จดั การโตว้ าทหี รอื ยอวาที 4. นักเรยี นทก่ี ลุ่มแต่งตงั้ ใหเ้ ป็นคณะกรรมการตดั สนิ การโตว้ าทรี ่วมกนั ประเมนิ ผลการโต้วาทหี รอื ยอวาที 5. ครใู หค้ าแนะนาในการพฒั นาปรบั ปรุงการโตว้ าทหี รอื ยอวาที 6. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั พจิ ารณาขอ้ มูลสาระความรทู้ ท่ี กุ คนชว่ ยกนั คน้ ควา้ มาพดู โตว้ าที สรปุ บนั ทกึ ไวเ้ ป็นแนวทางในการพดู ครงั้ ตอ่ ไป 7. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8  ครมู อบหมายให้นักเรียนจดั โต้วาทีหรอื ยอวาทีในชนั้ เรียนตามญตั ติที่สนใจร่วมกนั โดยใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ ตามทกี่ าหนด ดงั น้ี 1) การพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาทไี ดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ 2) องคป์ ระกอบของการโตว้ าทหี รอื ยอวาที 3) การทาหนา้ ทขี่ องผโู้ ตว้ าทหี รอื ยอวาที 4) มารยาทในการโตว้ าทหี รอื ยอวาที 456 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เรื่องที่ 4 การพดู โต้วาทแี ละยอวาที (2) 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และมุง่ มนั่ ในการทางาน ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตการพดู โต้วาทหี รอื ยอวาที แบบประเมนิ การพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาที ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ — 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ — 457 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 4 การพูดโต้วาทีและยอวาที (2) การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการพดู โต้วาทีหรือยอวาที ลาดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 การพดู โตว้ าทหี รอื ยอวาทไี ดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ 2 องคป์ ระกอบของการโตว้ าทหี รอื ยอวาที 3 การทาหน้าทข่ี องผโู้ ตว้ าทหี รอื ยอวาที 4 มารยาทในการโตว้ าทหี รอื ยอวาที รวม ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ดมี าก = 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ดี = 3 คะแนน 14 - 16 ดมี าก พอใช้ = 2 คะแนน 11 - 13 ดี ปรบั ปรงุ = 1 คะแนน 8 - 10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ 458 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพูดในโอกาสต่างๆ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องท่ี 4 การพูดโต้วาทีและยอวาที (2)  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 459 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เรื่องที่ 4 การพดู โต้วาทีและยอวาที (2) ชอ่ื หนังสอื ราคา ชอ่ื ผูแ้ ตง่ แบบบนั ทึกการอ่าน สานักพมิ พ์ สถานทพ่ี มิ พ์ จานวนหนา้ บาท อา่ นวนั ท่ี เดอื น นามปากกา ปีทพี่ มิ พ์ พ.ศ. เวลา 1. สาระสาคญั ของเรอ่ื ง 2. วเิ คราะหข์ อ้ คดิ /ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากเรอ่ื งทอ่ี า่ น 3. สง่ิ ทส่ี ามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 4. ขอ้ เสนอแนะของครู ลงช่อื นักเรยี น ลงช่อื ผปู้ กครอง ( )( ) ลงชอ่ื ครผู สู้ อน () เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานมีความสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งเพียงเลก็ น้อย ให้ 3 คะแนน ผลงานมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 460 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองที่ 4 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (2) แบบประเมิน การนาเสนอผลงาน คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน ประเมนิ การนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการทก่ี าหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้อื หาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ขา้ ใจง่าย 4 ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากการนาเสนอ 5 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน รวม ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีขอ้ บกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีขอ้ บกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 461 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 4 การพดู โต้วาทีและยอวาที (2) แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบุคคล ช่อื ชนั้ คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื 3 การทางานตามหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 4 ความมนี ้าใจ 5 การตรงตอ่ เวลา รวม ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ 462 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การพูดในโอกาสต่างๆ เรื่องท่ี 4 การพดู โต้วาทีและยอวาที (2) แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลมุ่ คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตงั้ ใจ การแก้ไข รวม ที่ ของผรู้ บั การประเมิน ร่วมมือกนั ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ ทางาน ปัญหา/หรอื 20 ทากิจกรรม ปรบั ปรงุ คะแนน ผลงานกลมุ่ 4321 432 1 43 2 14321 432 1 ลงช่อื ....................................................ผปู้ ระเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 463 หลกั ภาษาฯ ม.3

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ เร่ืองท่ี 4 การพูดโต้วาทแี ละยอวาที (2) แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเม่อื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมาย ของเพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหนา้ ทข่ี องพลเมอื งดี 2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต 1.3 ใหค้ วามร่วมมอื ร่วมใจ ในการทากจิ กรรมกบั สมาชกิ ในโรงเรยี นและ 3. มวี ินัย ชุมชน รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมและมสี ว่ นร่วมในการจดั กจิ กรรมทส่ี ร้างความสามคั คี 4. ใฝ่เรียนรู้ ปรองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรยี น ชุมชน และสงั คม ช่นื ชมความ 5. อยู่อย่างพอเพยี ง เป็นชาตไิ ทย 1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนา อย่างสมา่ เสมอ เป็นแบบอยา่ งทดี่ ขี องศาสนิกชน 1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรมทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามท่ีโรงเรยี นและชมุ ชนจดั ขน้ึ ช่นื ชมในพระราชกรณียกจิ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั รยิ แ์ ละพระราชวงศ์ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถี่ กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจี่ ะกระทาความผดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี นใหไ้ วก้ บั เพ่อื น พอ่ แม่ หรอื ผูป้ กครอง และครู เป็นแบบอยา่ ง ทด่ี ดี า้ นความซอ่ื สตั ย์ 2.3 ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผูอ้ ่นื ดว้ ยความซอ่ื ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางทไี่ ม่ถูกตอ้ ง และเป็นแบบอยา่ งทดี่ แี ก่เพอ่ื นดา้ นความซ่อื สตั ย์ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั และโรงเรยี น ไม่ละเมดิ สทิ ธขิ องผูอ้ น่ื ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั และรบั ผดิ ชอบในการทางาน 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรูอ้ ยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดูแลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดูแล อยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 464 หลกั ภาษาฯ ม.3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook